ติดตามสถานะการณ์

Jun 2 , 2020 คลังเตรียมออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวหลังโควิด 19 พร้อมรับข้อเสนอแจกเงินเที่ยวคนละ 3,000 บาท จำนวน 10 ล้านคน
.
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย กระทรวงการคลังจะออกมาตรการมากระตุ้นการท่องเที่ยว และการบริโภคของประชาชน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยในวันที่ 4 มิ.ย.นี้ จะมีการหารือร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อหาข้อสรุปในการออกมาตรการท่องเที่ยว ซึ่งจะพิจารณาแนวทางสอดรับกับช่วงเวลาที่ประชาชนสามารถเดินทางได้ และมีวันหยุด เพื่อกระตุ้นให้คนไทยเที่ยวไทย
.
อย่างไรก็ตามคาดว่าจะไม่ได้เสนอคณะรัฐมนตรีเลย เพราะต้องผ่านกระบวนการคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ เนื่องจากมาตรการดังกล่าวสามารถขอใช้เงินกู้ในกลุ่ม 4 แสนล้านบาทได้ เพราะเข้าข่ายการฟื้นฟู
.
โดยจะพยายามออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวมาฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยเร็ว ซึ่งหากสถานการณ์โควิด-19 ผ่อนคลายในเดือนก.ค. จริง และสามารถออกมาตรการมากระตุ้นการท่องเที่ยวได้ จะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจมาก ขณะที่ข้อเสนอแจกเงินเที่ยวคนละ 3,000 บาท จำนวน 10 ล้านคน ก็รับมาพิจารณาด้วย
.
#ท่องเที่ยว #3000บาท #ไวรัสโควิด19 #Misterban

 

Jun 2 , 2020 คมนาคมเผยแผนฟื้นฟูขสมก. ดำเนินการเสร็จแล้ว พร้อมเตรียมเสนอที่ประชุมคนร. 8 มิ.ย.นี้ คาดจะมีรายได้ถึง 60 ล้านบาท/วัน ภายใน 7 ปี
.
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมติดตามการปรับปรุงแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ว่า ขณะนี้แผนฟื้นฟู ขสมก.ได้ดำเนินการจัดทำรายละเอียดแผนงานเสร็จแล้ว ผ่านความเห็นชอบจากบอร์ด ขสมก. นำเสนอมายังกระทรวงคมนาคมแล้ว ล่าสุดคมนาคมเตรียมนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) พิจารณาในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ หาก คนร. อนุมัติเห็นชอบก็เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
.
สำหรับแผนฟื้นฟู ขสมก. จะใช้วิธีจัดหารถให้บริการ โดยการจ้างเอกชนมาวิ่งรถตามระยะทาง ซึ่งเอกชนจะต้องหารถปรับอากาศ พนักงาน เชื้อเพลิง และที่จอดรถทั้งหมด โดยเป็นการรับจ้างวิ่ง ขณะเดียวกันในส่วนการจองเส้นทางเดินรถให้บริการ ขสมก. จะปรับเส้นทางเดินรถใหม่จากเดิมมีเส้นทางเดินรถทั้งสิ้น 269 เส้นทาง ปรับใหม่เหลือเพียง 108 เส้นทาง เพื่อไม่ให้เกิดการทับซ้อนเส้นทาง
.
ด้านการกำหนดอัตราค่าโดยสารอยู่ที่ 30 บาทตลอดวัน ซึ่งจากการศึกษาพบว่ามีผู้โดยสารมาใช้บริการวันละ 2 ล้านคน ทำให้ ขสมก.มีรายได้เฉลี่ย อยู่ที่ 60 ล้านบาทต่อวัน โดยคุ้มค่าต่อการให้บริการและในแผนกำหนดว่าภายใน 7 ปี หลัง ครม.อนุมัติ EBITDA จะเป็นบวกในปี 2572
.
ส่วนหนี้สินของ ขสมก. ในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 172,000 ล้านบาท และหาก ขสมก.ไม่มีการฟื้นฟูเลย คาดว่าในสิ้นปี 2563 ขสมก.จะมีหนี้สินกว่า 200,000 ล้านบาท
.
#ขสมก #แผนฟื้นฟู #EBITDA #ล้านบาท #Misterban

 

Jun 2 , 2020 ครม.เห็นชอบกลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอสชนะประมูลสนามบินอู่ตะเภา พ้พร้อมคาดว่าจะลงนามได้ในวันที่ 19 มิ.ย.นี้
.
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันนี้รับทราบผลการคัดเลือกเอกชน ผู้จะร่วมลงทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองบินภาคตะออก ได้แก่ กลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส (BBS Joint Venture)ซึ่งเป็นกลุ่มที่เสนอผลตอบแทน ทั้งค่าเช่าและผลตอบแทนขั้นต่ำให้กับรัฐสูงที่สุด
.
โดยให้สำนักงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.)ดำเนินการลงนามในสัญญาร่วมลงทุนกับเอกชน ซึ่งจะมีการลงนามในวันที่ 19 มิ.ย.นี้
.
นอกจากนี้ ครม.ได้อนุมัติให้กองทัพเรือดำเนินการคัดเลือกเอกชนที่จะเข้ามาดำเนินการก่อสร้างทางวิ่ง หรือ รันเวย์ที่ 2 สนามบินอู่ตะเภา ควบคู่ไปกับการศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ห้ามไม่ให้ลงนามกับเอกชนจนกว่าผลการศึกษาจะแล้วเสร็จ และได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
.
นอกจากนี้ครม.อนุมัติงบประมาณ 390 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการอุตุนิยมวิทยาการบินโดยจัดสรรในปีงบประมาณต่อไป 2564-2566 อนุมัติงบประมาณปี 2564 วงเงิน 468 ล้านบาท ให้กองทัพเรือเพื่อดำเนินการโครงการนำสายไฟฟ้าลงดิน และอนุมัติงบกลาง ปี 2563 วงเงิน 31.2 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายรื้อระบบสายไฟฟ้าในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
.
สำหรับโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกเป็นการพัฒนาในพื้นที่ 6,500 ไร่ บริเวณสนามบินอู่ตะเภา โดยมี 6 กิจกรรมสำคัญ ได้แก่ อาคารผู้โดยสารหลังที่ 3, ศูนย์ธุรกิจการค้าและขนส่งภาคพื้นดิน,ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน,เขตประกอบการค้าเสรีและเขตธุรกิจเกี่ยวเนื่อง, ศูนย์ธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและโลจิสติกส์ และศูนย์ฝึกอบรมการบิน
.
โดยโครงการดังกล่าวเป็นการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนมูลค่า 2.9 แสนล้านบาท ประเมินว่ารัฐจะได้รับผลตอบแทนทางการเงินคิดในมูลค่าปัจจุบัน 3.05 แสนล้านบาท รายได้ภาษีอากร 6.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มการจ้างงาน 15,600 ตำแหน่งต่อปี ในระยะ 5 ปีแรก
.
#อู่ตะเภา #ครม #misteban #รันเวย์ #บีบีเอส

 

Jun 2 , 2020 พนักงานเฟซบุ๊กประท้วง หลัง ‘มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก’ นิ่งเฉยต่อการปลุกปั่นของทรัมป์
.
รอยเตอร์รายงานว่า พนักงานของบริษัทเฟซบุ๊กจำนวนหลายร้อยคน ได้ออกมาเเสดงความไม่พอใจในสังคมออนไลน์ต่อ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ เฟซบุ๊ก ที่ไม่ดำเนินการจัดการใดๆ ต่อการโพสต์ปลุกปั่นของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ก่อให้เกิดความรุนเเรงต่อสังคม เนื่องจากสถานการณ์ความรุนแรงจากการที่ชาวอเมริกันทั่วสหรัฐ ได้ประท้วงไม่พอใจและเรียกร้องความยุติธรรมให้กับนายจอร์จ ฟลอยด์ จนขยายตัวเป็นเหตุจลาจล
.
ซึ่งพนักงานบางส่วนได้ประท้วงด้วยการลางาน เพราะไม่เห็นด้วยกันท่าทีของ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ที่ปล่อยให้เฟสบุ๊กกลายเป็นเครื่องมือที่ใช้ปลุกปั่นสังคมก่อให้เกิดความรุนเเรงในสังคม เเละการเเพร่ข้อมูลเเบบผิดๆ ซึ่งเป็นการขัดต่อกฏกระเบียบมาตรฐานชุมชนของเฟซบุ๊ก โดยพนักงานบางรายได้เปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นรูปกำปั่นสีดำซึ่งดัดแปลงมาจากสัญลักษณ์ "ไลค์"เพื่อแสดงจุดยืนดังกล่าว ขณะที่หลายคนได้เปลี่ยนการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ไปใช้แพล็ตฟอร์ตคู่แข่งอย่างทวิตเตอร์ในการเขียนข้อความแสดงจุดยืนต่อกรณีจอร์จ ฟอยด์แทน
.

ขณะที่ด้านมาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก ซึ่งได้โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมาว่าให้เฟซบุ๊กเป็นส่วนหนึ่งของช่องทางสนับสนุนความเสมอภาคและความปลอดภัยของชุมชนคนผิวสีมากขึ้น ด้วยการบริจาคเงิน 10 ล้านดอลลาร์ (ราว 315 ล้านบาท) ให้กับกลุ่มที่สนับสนุนความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ
.
#มาร์ค #ประท้วง #เฟซบุ๊ค #Misterban

 

Jun 2 , 2020 สรท.คงเป้าส่งออกไทยปีนี้ติดลบ 8% จากปัญหาโควิด 19 ทำหลายประเทศล็อกดาวน์ – ค่าเงินบาทแข็งค่า – ราคาน้ำมันเริ่มกลับมาเป็นขาขึ้น – ความขัดแย่งสหรัฐและจีน
.
น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยสถานการณ์การส่งออกเดือนเม.ย. 2563 มีมูลค่า 18,948 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 2.12% เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน ขณะที่การนำเข้าเดือนเม.ย. มีมูลค่า 16,486 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว -17.13 % ส่งผลให้เกินดุลการค้า 2,462 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 72,960 ล้านบาท (การส่งออกเมื่อหักทองคำ น้ำมันและอาวุธยุทธปัจจัย เดือนเม.ย.การส่งออกติดลบ7.53%) โดยภาพรวมช่วงเดือนม.ค.- เม.ย. การส่งออกมีมูลค่า 81,620 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 1.19%
.
ทั้งนี้สรท.ยังคงเป้าการส่งออกไทยปีนี้ไว้ที่่ติดลบ 8% โดยยังมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจเป็นอุปสรรคสำคัญได้แก่ 1.ความไม่แน่นอนของการระบาด โควิด-19 ระยะต่อไป ทำให้หลายประเทศยังคงมาตรการล็อคดาวน์อย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและอาจส่งผลให้ความต้องการสินค้าของตลาดโลกลดลง โดยเฉพาะสินค้าคงทนและสินค้าอุตสาหกรรม
.
2.ค่าเงินบาทที่เริ่มมีแนวโน้มกลับมาแข็งค่าขึ้นตลอดเดือนพ.ค.เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดในไทยมีการจัดการที่ดีกว่าหลายประเทศ ทำให้ถูกมองว่าเป็น Safe heaven อีกครั้ง ประกอบกับตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาดการณ์ กลายเป็นปัจจัยกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง อาจส่งผลกระทบกับความเปราะบางของเศรษฐกิจ และซ้ำเติมผู้ส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา
.
3.ราคาน้ำมันที่เริ่มกลับมาสู่ขาขึ้นได้อีกครั้งหลังจากสถานการณ์ระบาดโควิด-19 ในหลายประเทศเริ่มคลี่คลาย และมีการผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันดิบเริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีแรงหนุนจากข้อตกลงของกลุ่มโอเปกและพันธมิตร เพื่อปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลง 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งอาจส่งผลต่อต้นทุนของผู้ประกอบการส่งออกที่เพิ่มสูงขึ้น
.
4. ความขัดแย้งที่เริ่มกลับมาปะทุอีกครั้งระหว่างสหรัฐฯและจีน จากการที่สหรัฐอเมริกากล่าวหาว่าจีนเป็นต้นเหตุของการแพร่ระบาดและมีแนวโน้มที่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศจีน รวมถึงการเพิกถอนการจดทะเบียนของบริษัทสัญชาติจีนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ และการกดดันจีนผ่านการสนับสนุนผู้ประท้วงในฮ่องกง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจทั่วโลกได้
.
อย่างไรก็ตามทางสรท.ได้จัดทำข้อเสนอแนะเพื่อรักษาการส่งออกของไทยไว้ คือ 1.ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) รักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนไม่ให้แข็งค่ากว่า 34 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ // 2. เร่งใช้งบประมาณภาครัฐเพื่อลงทุนสร้างความยั่งยืนให้กับระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการปรับตัวไปสู่ Digital disruption ของภาครัฐ
.
3.สนับสนุนให้ประเทศไทยเข้าร่วมเจรจา CPTPP เพื่อสร้างแรงกระตุ้นให้กับระบบเศรษฐกิจ โดยสงวนสิทธิ์ให้สามารถถอนตัว หากทราบรายละเอียดเงื่อนไขหรือไม่สามารถเจรจาให้เกิดประโยชน์ในภาพรวมของประเทศ รวมถึง เร่งผลักดันการเจรจา FTA อื่นๆ อาทิ RCEP Thai-EU เป็นต้น 4. พิจารณาการค้าในรูปแบบ Trade to Localization มุ่งเน้นไปที่ประเทศเพื่อนบ้านใน ASEAN and CLMV (CLMV is our home market) เนื่องจากเป็นตลาดที่ใกล้ชิด และสามารถขนส่งข้ามแดนได้โดยง่าย และสนับสนุนให้มีการกำหนดนโยบายเพื่อสร้างตลาดเป็นหนึ่งเดียว (Single market) และพัฒนาแผนการขนส่งข้ามแดนที่สามารถปฏิบัติได้ต่อเนื่อง
.
5.ขอให้ภาครัฐพิจารณาส่งเสริมรายอุตสาหกรรมที่มี Potentialที่เกี่ยวเนื่องในช่วงสถานการณ์ดังกล่าวเพื่อกระตุ้นปริมาณการส่งออก อาทิ สินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ยาง (ในกลุ่มเวชภัณฑ์ทางการแพทย์) กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ กลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติก และ 6. เสนอให้ ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พิจารณาปลดล็อคธุรกิจทั้งทางด้านการค้าและบริการ ในภาคส่วนต่างๆ เพิ่มเติมภายใต้การติดตามควบคุมอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ธุรกิจสามารถกลับมาดำเนินกิจกรรมได้คล่องตัวมากขึ้น
.
#สรท #ไวรัสโควิด19 #Misterban #ส่งออก

 

Jun 2 , 2020 วุฒิสภามีมติผ่าน 3 พรก.กู้เงิน
.
รายงานจากที่ประชุมวุฒิสภา ลงมติเห็นควรอนุมัติพระราชกำหนด จำนวน 3 ฉบับตามลำดับ ดังนี้
.
1. พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 ด้วยคะแนนเสียง เห็นด้วย 242 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี งดออกเสียง 4 เสียง
.
2. พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 ด้วยคะแนนเสียง เห็นด้วย 244 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี งดออกเสียง 3 เสียง
.
3. พระราชกำหนดการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ. 2563 ด้วยคะแนนเสียง เห็นด้วย 243 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี งดออกเสียง 4 เสียง
.
พล.อ.ต.เฉลิมชัย เครืองาม ส.ว.อภิปรายว่า เป็นห่วงการใช้งบประมาณจากเงินกู้ จะเป็นแค่ปรากฏการณ์ปืนฉีดน้ำ คือ ยิงไปเรื่อยแต่หกเรี่ยราด ยิงไปแล้วได้แค่เปียก แต่ไม่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ทราบว่า ขณะนี้เริ่มมีการจับคู่ฮั้วกันแล้วในโครงการตาม พรก.กู้เงิน โดยเฉพาะการใช้งบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆที่จะใช้วิธีเฉพาะเจาะจง โดยอ้างปรากฏการณ์โรคติดต่ออันตราย ตามมาตรา 56(2) ของพ.ร.บ.การจัดซื้อจ้างภาครัฐ เพื่อใช้วิธีเฉพาะเจาะจงในการจัดซื้อจัดจ้าง แทนการใช้วิธีประกาศเชิญชวนทั่วไป ซึ่งจะเกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ทั่วทุกหัวระแหงในการจัดซื้อจัดจ้างหลังจากนี้
.
ด้านนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วน ทั้งด้านสาธารณสุขเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด เยียวยาประชาชน รักษาสภาพคล่องผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ รักษาเสถียรภาพตลาดตราสารหนี้ และฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 พร้อมยืนยันต่อวุฒิสภาว่า จะใช้ความละเอียดรอบคอบในการกลั่นกรองโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ สนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึง มีการประเมินผลตามมาตรฐานสากล เปิดเผยข้อมูลโปร่งใส ป้องกันการทุจริต เพื่อผลสัมฤทธิ์และความคุ้มค่าการใช้งบประมาณ
.
#วุฒิสภา #พรก #เงินกู้ #Misterban

 

June 2, 2020 เมืองหลวงดังแห่งเอเชีย ติดโควิด-19 พุ่งกว่า 30 คน หลังทยอยเปิดเศรษฐกิจ
.
กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น เปิดเผยว่า วันนี้ 2 มิถุนายน พบผู้ติดโรคโควิด-19 รายใหม่ในกรุงโตเกียวเพิ่มขึ้น 34 ราย ทำสถิติจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 ใน 1 วันที่มากที่สุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากทยอยเปิดภาคเศรษฐกิจในกรุงโตเกียวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
.
ผู้ว่าการกรุงโตเกียว นางยูริโกะ โคอิเกะ กล่าวว่า เตรียมที่จะใช้มาตรการที่เรียกว่า Tokyo Alert หรือมาตรการตื่นตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์การกลับมาระบาดครั้งใหม่ของโรคโควิด-19 ในเมืองหลวง เช่น การให้ทำงานที่บ้าน การขอความร่วมมือให้ภาคธุรกิจปิดทำการ
.
สำหรับมาตรการดังกล่าว จะประกอบด้วย 3 ระดับ ได้แก่ จำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 มากกว่า 20 คนขึ้นไปต่อวัน จำนวนครึ่งหนึ่งของผู้ติดโรคโควิด-19 ไม่สามารถตรวจสอบเส้นทางติดโรคได้ และจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบย้อนหลังสัปดาห์ต่อสัปดาห์
.
ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 ในกรุงโตเกียวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านไปนั้น พบว่า สัดส่วน 40% จากจำนวนที่พบผู้ติดเชื้อ 90 รายได้รับการติดต่อระหว่างกันจากแหล่งบันเทิง เช่น คลับบันเทิงกลางคืนที่มีสตรีบริการ หรือ โฮสเตจคลับ นอกจากนี้ ยังพบการติดเชื้อ 31 รายที่มาจากกลุ่มโรงพยาบาลที่มีชื่อว่าโคแกไน ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของกรุงโตเกียว
.
#โตเกียว #ไวรัสโควิด19 #TokyoAlert #Misterban

 

Jun 2 , 2020 การบินไทยเตรียมรับคนไทยกลับจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
.
นาวาอากาศตรี อนิรุต แสงฤทธิ์ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการบิน เปิดเผยว่า บริษัทฯ ปฏิบัติภารกิจรับคนไทยจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) กลับประเทศไทย โดยให้ความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศของไทย สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี และสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยจัดเที่ยวบินพิเศษเช่าเหมาลำ เพื่อรับผู้โดยสารชาวไทยที่ตกค้างในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กลับไทย จำนวน 293 คน
.
โดยเดินทางด้วยเที่ยวบินพิเศษเช่าเหมาลำ เที่ยวบินที่ ทีจี 518 เส้นทาง ดูไบ-กรุงเทพฯ ออกจากดูไบเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2563 เวลา 20.55 น. (เวลาท้องถิ่น) ถึงกรุงเทพฯ เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (วันที่ 2 มิถุนายน 2563) เวลา 06.30น นอกจากนี้ การบินไทยยังได้ทำการขนส่งสินค้าในเที่ยวบินทั้งขาไปและขากลับด้วย
.
#UAE #กรุงเทพ #ประเทศไทย #Misterban

 

Jun 2 , 2020 ครม.เคาะพ.ร.ฎ. ปรับลดอัตราภาษีที่ดิน-สิ่งปลูกสร้าง 90% เฉพาะในปี 2563 ลดความเดือดร้อนของประชาชน
.
รายงานทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบออกพระราชกฤษฎีกา ลดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ลด 90 % เฉพาะปี 2563 เนื่องจากได้ออก พ.ร.บ.ภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่ออกมา
.
ดังนั้น ถ้าเก็บเต็มอัตราตาม พ.ร.บ.ฉบับใหม่ประชาชนก็จะมีความเดือดร้อนในช่วงนี้ จึงให้ปรับลดภาษีในปี 2563 ก่อน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับภาษีรายได้ภาษีต่อไปในอนาคตด้วย และขยายเวลาชำระภาษีภายในเดือน เม.ย.63 เป็นเดือน ส.ค.63 ขณะที่ท้องที่และท้องถิ่นอาจจะมีปัญหาในเรื่องของงบประมาณที่จะต้องเก็บภาษีมาใช้จ่าย จึงจำเป็นต้องหารือมาตรการต่างๆที่เหมาะสมต่อไป
.
โดยการลดจำนวนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างร้อยละ 90 จะส่งผลให้ประชาชนและผู้ประกอบการธุรกิจได้รับลดค่าภาษีที่ต้องชำระตามตัวอย่าง ดังนี้
.
1. กรณีที่ดินประกอบการเกษตร ถ้าเจ้าของเป็นบุคคลธรรมดา บทเฉพาะกาลของแห่งพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2563 ได้กำหนดให้ 3 ปีแรก (ปี 2563-2565) จะได้รับยกเว้นจากการจัดเก็บภาษี แต่ถ้าเจ้าของเป็นนิติบุคคล สำหรับที่ดินมีมูลค่าราคาประเมินทุนทรัพย์ 5 ล้านบาท จะเสียภาษีในอัตราการใช้ประโยชน์ประกอบเกษตรกรรม ร้อยละ 0.01 คิดเป็นค่าภาษี 500 บาท แต่เมื่อลดจำนวนภาษีตาม พ.ร.ฎ. ลดภาษีที่ดินฯ จะชำระภาษีเพียง 50 บาท
.
2. กรณีที่อยู่อาศัย สำหรับบ้านหลังหลักที่เจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นบุคคลธรรมดาและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน จะได้รับยกเว้นมูลค่าฐานภาษีไม่เกิน 50 ล้านบาท และกรณีเป็นเจ้าของสิ่งปลูกสร้างแต่ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดิน จะได้รับยกเว้นมูลค่าฐานภาษีไม่เกิน 10 ล้านบาท สำหรับบ้านหลังอื่นหากมูลค่าราคาประเมินทุนทรัพย์ 5 ล้านบาท จะเสียภาษีในอัตราที่อยู่อาศัย ร้อยละ 0.02 คิดเป็นค่าภาษี 1,000 บาท แต่เมื่อลดจำนวนภาษีตาม พ.ร.ฎ. ลดภาษีที่ดินฯ จะชำระภาษีเพียง 100 บาท
.
3. กรณีที่ดินรกร้างว่างเปล่าหรือที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ประกอบการพาณิชยกรรมหรืออุตสาหกรรม มูลค่าราคาประเมินทุนทรัพย์ 5 ล้านบาท จะเสียภาษีในอัตรารกร้างว่างเปล่า/อัตราการใช้ประโยชน์อื่น ร้อยละ 0.3 คิดเป็นค่าภาษี 15,000 บาท แต่เมื่อลดจำนวนภาษีตาม พ.ร.ฎ. ลดภาษีที่ดินฯ จะชำระภาษีเพียง 1,500 บาท เป็นต้น
.
การลดจำนวนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตาม พ.ร.ฎ.ลดภาษีที่ดินฯ จะส่งผลกระทบต่อรายได้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศที่จะนำไปดำเนินภารกิจในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ (จำนวน 39,420 ล้านบาท) แต่จะเป็นการช่วยบรรเทาผลกระทบให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจในพื้นที่ในช่วงเวลานี้ ซึ่งสอดคล้องกับมาตรการบรรเทาผลกระทบ
.
#ลดภาษี #สิ่งปลูกสร้าง #Misterban

 

"คุยกับบัญชา" โควิดพังกระดานเศรษฐกิจ ทำคนไทยเร่งขอปรับโครงสร้างหนี้กว่า 15 ล้านคน เป็นหนี้ส่วนตัวและหนี้ธุรกิจจากรายย่อยรายใหญ่
.
#หนี้ #ธนาคาร #ปรับโครงสร้างหนี้ #พักชำระหนี้ #เศรษฐกิจ #ธุรกิจ #บัญชา #โควิด19 #COVID19 #BTimes #MisterBan

 

บิล เดอ บลาซิโอ นายกเทศมนตรีนิวยอร์กในวันจันทร์ (1 มิ.ย.) ประกาศเคอร์ฟิวตั้งแต่ 23.00 น. จนถึง 05.00 น. ในขณะที่การประท้วงต่อต้านเหยียดผิวแผ่ลามทั่วสหรัฐฯ ด้วยบ่อยครั้งเลี้ยวเข้าสู่ความรุนแรงและปล้นสะดม ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธฺุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่ยังไม่คลี่คลาย

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000057088
………………………………
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

 

"ทรัมป์"แถลงข่าวยืนยันส่งกองกำลังทหารติดอาวุธเพื่อคุมเหตุการณ์จลาจล

ประธานาธิบดีโดนัดล์ ทรัมป์แห่งสหรัฐได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ทำเนียบขาวในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยปธน.ทรัมป์ได้ให้คำมั่นสัญญาว่า คณะบริหารของรัฐบาลสหรัฐจะให้ความเป็นธรรมต่อนายจอร์จ ฟลอยด์ ชาวผิวสีที่ถูกตำรวจล็อกคอจนขาดอากาศหายใจและเสียชีวิต

ในระหว่างการแถลงข่าวครั้งนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขายืนเคียงข้างผู้ที่ประท้วงอย่างสันติ แต่การประท้วงที่เกิดขึ้นในขณะนี้เต็มไปด้วยความรุนแรง และไม่ใช่การกระทำของผู้ที่รักสันติ

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ได้ตำหนิรัฐบาลของรัฐต่างๆ ที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลกลางสหรัฐจึงจำเป็นต้องเข้าควบคุมสถานการณ์ เพื่อยุติความรุนแรงและการกระทำที่ผิดกฎหมาย โดยรัฐบาลจะส่งกองกำลังทหารเข้าประจำการ หากเมืองและรัฐต่างๆไม่ดำเนินการใดๆ พร้อมระบุว่า รัฐบาลจะระดมทรัพยากรทั้งหมดที่มีอยู่ เพื่อยุติการจลาจลและการปล้นสะดมที่เกิดขึ้นในขณะนี้

ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่า เขากำลังส่งกองกำลังทหารติดอาวุธจำนวนหลายพันคนเพื่อเข้าควบคุมสถานการณ์

Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/กัลยาณี

******

สถานการณ์การประท้วงเรียกร้องความเท่าเทียมกันในสังคมสหรัฐฯ สืบเนื่องจากกรณีที่นาย George Floyd ชาย African-American เสียชีวิตจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กำลังจับกุมฐานใช้ธนบัตรปลอมเมื่อสัปดาห์ก่อนที่ Minneapolis ลุกลามบานปลายทั่วสหรัฐฯ ตั้งแต่วันหยุดสุดสัปดาห์ มีการประท้วงในทั่วประเทศเป็นวงกว้าง มีการเดินขบวน ก่อความไม่สงบ ทำลายร้านค้า และมีการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชน จนหลายเมืองในสหรัฐฯต้องส่ง National guard ควบคุมสถานการณ์และประกาศใช้กฎ curfew

ทางด้านประธานาธิบดี Trump เรียกร้องให้ผู้ว่าการรัฐควบคุมสถานการณ์การประท้วงอย่างจริงจังก่อนที่จะลุกลามและเสียเวลาไปมากกว่านี้เนื่องจากที่ผ่านมาเห็นว่ายังทำได้ไม่เต็มที่ และกล่าวว่าพร้อมจะควบคุมสถานการณ์ใน Washington อย่างเด็ดขาด

นอกจากนี้ ได้ออกมาเรียกร้องให้ผู้ว่าการรัฐลงโทษกลุ่มที่ออกมาฉกฉวยโอกาสหรือออกมาปล้นอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ทางประธานาธิบดี Trump ได้กล่าวใน Twitter เรียกกลุ่มผู้ชุมนุมว่าเป็นพวกนักเลงอันธพาลและกล่าวว่า “Any difficulty and we will assume control but, when the looting starts, the shooting starts.” ซึ่งหลายฝ่ายตีความว่าเป็นการแสดงถึงการให้ใช้กำลังทหาร และนักวิเคราะห์มองว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สถานการณ์มีความรุนแรงขึ้น

ต่อมาทาง Twitter ได้ปิดซ่อนข้อความของประธานาธิบดี Trump เนื่องจากผิดกฎของ Twitter เรื่องการสนับสนุนการใช้ความรุนแรง นับเป็นครั้งแรกที่ทาง Twitter ใช้มาตรการดังกล่าว อนึ่ง วันนี้มีหลายเมืองประกาศใช้กฎ curfew ช่วงกลางคืน อาทิ นครนิวยอร์ก และกรุง Washington DC

Risk sentiment ในตลาดการเงินสหรัฐฯ ยังคงเป็นบวก แม้ว่าในช่วงสุดสัปดาห์สถานการณ์การประท้วงเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่นาย George Floyd จะปะทุขึ้นในหลายเมืองและกลายเป็นจลาจล แต่นักลงทุนยังให้น้ำหนักกับการที่ธุรกิจสามารถกลับมาดำเนินกิจการได้ตามปกติตามมาตรการเปิดเมืองหลัง COVID-19 โดยที่แต่ละรัฐยังไม่มีท่าทีกลับไปปิดเมืองอันเนื่องมาจากสถานการณ์การประท้วงแต่อย่างใด ทำให้ดัชนี S&P 500 ปรับสูงขึ้นสุทธิร้อยละ 0.38 โดยปรับเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่ม ยกเว้นกลุ่ม Healthcare (-1.01%) ที่ปรับลดลง ตามข่าวความล้มเหลวในการทดลองในกลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่ของยา Remdesivir ซึ่งเป็นยารักษา COVID-19 ที่พัฒนาโดยบริษัท Gilead ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเคลื่อนไหวในกรอบแคบและปรับเพิ่มขึ้นสุทธิ 1 และ 4 bps ในระยะ 10 และ 30 ปีตามลำดับ

Source: BoTSS

www.cnbc.com/2020/06/01/trump-threatens-to-deploy-military-as-george-floyd-protests-continue-to-shake-the-us.html

 

PBOC ทุ่ม 4 แสนล้านหยวน ช่วย SME กระตุ้นศก. : สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้เตรียมมาตรการให้ความช่วยเหลือเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กผ่านทางธนาคารท้องถิ่น โดยปล่อยสินเชื่อสู่ภาคเศรษฐกิจของจีนวงเงินสูงถึง 4 แสนล้านหยวน (5.6 หมื่นล้านดอลลาร์)

PBOC ได้กล่าวในแถลงการณ์ ว่าสำหรับเงินงบประมาณจำนวน 4 แสนล้านหยวนจะถูกนำมาใช้ในการซื้อสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันเป็นจำนวน 40% ให้กับบริษัทขนาดกลาง และขนาดเล็กในระยะเวลา 6 เดือน มีผลระหว่างวันที่ 1 มี.ค. ถึง 31 ธ.ค 2020 โดยผู้กู้จะต้องชำระเงินกู้ให้กับทาง PBOC ในระยะเวลา 1 ปี

ทั้งนี้ PBOC กล่าวว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ของ PBOC ในครั้งนี้จะกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อได้มากถึง 1 ล้านล้านหยวนในปีนี้

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวเป็นหนึ่งในความพยายามในการลดต้นทุนการกู้ยืมเพื่อกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ และกระตุ้นเศรษฐกิจจีนทีตกต่ำในไตรมาสแรกจากผลกระทบไวรัสโควิด-19 โดยมาตรการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญสูงสุดของผู้กำหนดนโยบายในการสนับสนุนผู้ประกอบการ SME เพื่อรับมือกับสินค้าล้นตลาดซึ่งอาจเกิดขึ้นในอนาคต

ทั้งนี้ Xing Zhaopeng นักเศรษฐศาสตร์การตลาดของออสเตรเลีย ในประเทศจีนได้คาดการณ์ว่า PBOC จะยังคงใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อเริ่มต้นมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยปล่อยสินเชื่อเข้าสู่เศรษฐกิจอย่างแท้จริงต่อไป

Source: สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?release=y&ref=M&id=cjN6dlFpcDBJeW89

เพิ่มเติม
- PBOC Unveils $60 Billion Plan to Aid Small Business Credit
https://www.bloomberg.com/news/arti...usiness-loans-from-some-qualified-local-banks

 

“รับไม่ได้” ภรรยาแพทย์จีนผู้พบโควิด-19
ห้ามสหรัฐฯ นำชื่อสามีไปตั้งชื่อถนนที่ตั้งสถานทูตจีน
ย้ำจะไม่ยอมให้ใครนำชื่อสามีไปทำร้ายแผ่นดินเกิด

นางฟู่ ซู่เจี่ย (Fu Xuejie) ภรรยาม่ายของนายแพทย์ หลี่ เวินเหลี่ยง (Li Wenliang) แพทย์ผู้ค้นพบไวรัสโควิด-19 และประกาศเตือนแก่ชาวโลกก่อนตนเองจะติดเชื้อและเสียชีวิต ได้ออกมาปฏิเสธคำขอของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่จะนำชื่อสามีของเธอ ไปตั้งเป็นชื่อถนนซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานทูตจีนในเมืองวอชิงตันดีซี

นางฟู่ เขียนระบุในสื่อโซเชียลมีเดียว่าเธอมีความรักต่อแผ่นดินแม่ ประเทศของเธอ และเธอไม่ต้องการให้ใครนำชื่อสามีของเธอไปใช้เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองระหว่างประเทศ โดยเฉพาะนักการเมืองในสหรัฐฯ ที่คิดจะใช้ชื่อสามีของเธอมาทำร้ายประเทศจีน

นายหลี่ เวินเหลี่ยง ซึ่งเป็นจักษุแพทย์ในโรงพยาบาลกลางเมืองอู่ฮั่น และเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน คือหนึ่งในผู้ประกาศแจ้งเตือนถึงการมีอยู่ของไวรัสโควิดในประเทศจีน ก่อนที่เขาจะติดเชื้อไวรัสระหว่างปฏิบัติหน้าที่แพทย์ จนเสียชีวิตไปในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2020

ด้านรัฐบาลจีนประกาศให้นายหลี่ และบุคลากรทางการแพทย์ทั้ง 13 รายที่เสียชีวิตในการต่อสู้กับเชื้อไวรัสโควิด-19 ณ มณฑลหูเป่ย ให้เป็น ‘มรณสักขี’ (Martyr) ของชาติตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดย ‘มรณสักขี’ ถือเป็นเกียรติขั้นสูงสุดที่รัฐบาลจีนจะมอบให้แก่ผู้เสียสละชีวิตของตนเพื่อประเทศ สังคม และประชาชน

#roundtablethailand
Roundtablethailand.com

ที่มา:
- https://www.scmp.com/news/china/dip...-whistle-blower-doctor-li-wenliang-opposes-us
- https://news.cgtn.com/news/2020-05-...-Chinese-embassy-street-QUA8FsaUEw/index.html
- https://www.globaltimes.cn/content/1190013.shtml

 

#ทรัมพ์ขู่พร้อมใช้ทหารสลายม๊อบ
#อเมริกันกลียุค

หลังจากที่ไม่ปรากฏตัวออกสื่อเลยตลอดช่วงสุดสัปดาห์ ตั้งแต่มีการประท้วงอย่างหนักในประเด็นการเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ ในหลายๆเมือง ทั่วทุกมุมของประเทศ และมีข่าวว่าแกเก็บตัว (ซ่อนตัว) อยู่แต่ในทำเนียบขาว ทั้งๆที่มีหลายฝ่ายออกมาถามหาว่า ท่านประธานาธิบดีน่าจะออกมาพูดอะไรบ้าง

แล้วช่วงบ่ายวันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน เวลาสหรัฐ แกก็ออกมาแถลงข่าวหน้าทำเนียบจริงๆ พร้อมกับเสียงผู้ประท้วง ปะทะกับกลุ่มตำรวจรักษาความปลอดภัย เสียงตะโกน เสียงยิงแก๊ซน้ำตา คลอๆเป็น background ขณะที่เสี่ยทรัมพ์แกกำลังแถลงข่าว

โดยเสี่ยทรัมพ์แกตอนแรกก็เปิดมาดีนะคะ แกบอกว่า ชาวอเมริกันล้วนเสียใจกับการจากไปของจอร์จ ฟลอยด์ และจะให้ความยุติธรรมกับครอบครัว เพื่อไม่ให้เขาต้องเสียชีวิตอย่างสูญเปล่า

แต่หลังจากนั้น ก็เริ่มจัดหนักม๊อบที่ก่อความรุนแรง ทำให้การเดินขบวนอย่างสันติของกลุ่มที่เรียกร้องความยุติธรรมให้จอร์จ ฟลอยด์ ผิดเจตนารมณ์ไป กลายเป็นกลุ่มที่ใช้ความรุนแรง เผา ทำลาย ปล้นสะดม และมีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์

แล้วแกก็ไม่วาย แว้งเหน็บผู้ว่าการรัฐที่ล้มเหลวในการจัดการม๊อบหัวรุนแรง เขาพร้อมจะส่งกองทัพเข้าไปปกป้องประชาชนในพื้นที่ให้เอง รับรองว่าจะเป็นปฏิบัติการณ์ที่รวดเร็ว และจบอย่างไว

"I am dispatching thousands and thousands of heavily armed soldiers, military personnel and law enforcement officers to stop the rioting, looting, vandalism, assaults and the wanton destruction of property,"

"ผมกำลังส่งทหารติดอาวุธเป็นพันๆ และเจ้าหน้าที่รักษาความสงบเข้าพื้นที่เพื่อระงับเหตุจราจล ปล้นสะดม ลักทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย และวางเพลิงอาคารสถานที่แล้ว"

มีรายงานว่า ตอนนี้ทรัมพ์ได้ใช้กองกำลังป้องกันชาติ และทหารกองหนุนกว่า 17,000 นาย กระจายไปยังพื้นที่ที่เกิดเหตุรุนแรง และจากถ้อยแถลงของทรัมพ์ อาจมีการขอกำลังเสริม เพิ่มเข้ามาอีก

ถามว่าประธานาธิบดีจะใช้อำนาจตามกฏหมายข้อไหนในการส่งกองทัพเข้าไปในรัฐได้ โดยที่ผู้ว่าการรัฐอาจจะขอ หรือ ไม่ได้ขอก็ได้??

ทางสำนักข่าวอเมริกันอธิบายว่า สหรัฐมีกฏหมายควบคุมเหตุจราจลอยู่ฉบับหนึ่งที่เรียกว่า Insurrection Act 1807 ที่เป็นกฏหมายของรัฐบาลกลางสหรัฐ มอบอำนาจให้ประธานาธิบดีเซ็นคำสั่ง ส่งทหารไปปราบกบฏ และจราจลได้

ถึงจะเป็นกฏหมายโบราณมีมานานแล้วกว่า 200 ปี แต่ก็ยังมีผลใช้ได้อยู่

แต่ถึงจะมีกฏหมายรองรับ ในสหรัฐก็ไม่ได้ใช้มันบ่อยนัก ในประวัติศาสตร์สหรัฐ มีการประกาศใช้กฏหมายนี้เพียง 11 ครั้ง และครั้งสุดท้ายที่ใช้คือ ปี 1992 ตอนเกิดเหตุจราจลครั้งใหญ่ในกรุง ลอส แองเจิลลิส ในสมัย จอร์จ บุช (คนพ่อ) ที่จุดชนวนมาจากประเด็นการทำร้ายร่างกาย นาย ร็อดนี่ คิง ชายผิวดำ โดยตำรวจ LAPD

มาคราวนี้ ทรัมพ์ขู่ที่จะใช้กฏหมายฉบับนี้อีกครั้ง

แต่ก็มีความเห็นของผู้บัญชาการกองทัพบางคนว่า ไม่ค่อยสบายใจที่จะต้องมารับหน้าที่นี้ และไม่คิดว่าชาวอเมริกันจะคุ้นชินที่เห็นกองทัพติดอาวุธ ออกมาเผชิญหน้ากับคนอเมริกันด้วยกัน ทั้งๆที่เขาควรทำหน้าที่ปกป้องคนอเมริกันมากกว่า

ตอนนี้ทรัมพ์ได้ขอเรียกใช้กำลังจากกองทัพในการระงับเหตุในเมืองต่างๆแล้วถึง 17,000 คน แต่ก่อนหน้านี้ ได้ขอกำลังทหารมาช่วยในการดูแลเกี่ยวกับปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ไปแล้ว 45,000 นาย เท่ากับว่าในสมัยของทรัมพ์ช่วงเวลาแค่ไม่ถึงปี เรียกใช้กำลังเสริมจากกองทัพ ที่ไม่เกี่ยวกับการสู้รบมากกว่าครั้งไหนๆเลย และมากกว่ากองทัพที่เข้าไปลุยงานสาธารณภัย สมัยเฮอร์ริเคน คาทริน่าในปี 2005 เสียอีก

แต่ถ้าเสี่ยทรัมพ์แกยังยืนยันว่าจะใช้ ใครจะขัดได้ งบรัฐบาลมี เพราะไม่ต้องไปจ่ายให้ WHO แล้วนิ

จากปมประเด็นที่ไม่ควรจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เพราะความเล่นใหญ่ของเสี่ยแท้ๆ แทนที่จะคุยกันได้เคลียร์จบภายในไม่กี่วัน ดันกลายเป็นกลียุคซะงั้น ต้องเปลี่ยนฉายาเป็นท่านเสี่ย ทวิตเตอร์ 100 แรงม้า จริงๆ

แหล่งข้อมูล

https://edition.cnn.com/2020/06/01/politics/troops-deploying-washington-dc/index.html
https://edition.cnn.com/2020/06/01/politics/insurrection-act-trump-protesters/index.html
https://thehill.com/homenews/admini...ary-in-dc-to-quell-protests-as-tear-gas-fired

https://en.wikipedia.org/wiki/Insurrection_Act

 

#ทรัมพ์ด่ากราดผู้ว่าการรัฐโทษฐานคุมม๊อบไม่อยู่
#รอยด่างของการเมืองสหรัฐ

ข่าวสะเทือนทำเนียบ ภายใต้สถานการณ์กดดันของการประท้วงกรณีการเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ ยังมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุด และวันนี้ สำนักข่าว CNN ได้เผยแพร่บางส่วนของคลิปเสียง ที่ท่านเสี่ย โดนัลด์ ทรัมพ์ ของเรา ได้นัดประชุม Video Conference หารือกับผู้ว่าการรัฐ ทำกำลังรับมือการผู้ชุมนุม และบางเมืองก็ลุกลามกลายเป็นจราจล เผาทำลายบ้านเมือง ปล้นสะดมภ์ร้านค้าไปเรียบร้อยแล้ว

แต่บรรยากาศในที่ประชุมนั้นช่างห่างไกลจากคำว่าหารือมากเลย น่าจะพูดว่าทรัมพ์เรียกผู้ว่าการรัฐไปด่าเสียมากกว่า

คลิปข่าว พร้อมเทปบันทึกเสียงของทรัมพ์ระหว่างการประชุม

ด้วยน้ำเสียงแสดงความรู้สึกโกรธสุดๆ มีถ้อยคำบางช่วงบางตอนที่ทางสำนักข่าวถอดความได้มีดังนี้

"You have to dominate or you’ll look like a bunch of jerks, you have to arrest and try people,"

"พวกนายต้องใช้อำนาจควบคุมให้อยู่ ไม่อย่างนั้นพวกนายก็จะดูเหมือนไอ้โง่ ต้องจับกุมเลย พยายามกันหน่อยสิพวก"

"It's a movement, if you don't put it down it will get worse and worse. The only time its successful is when you're weak and most of you are weak."

"มันเป็นขบวนการ ถ้าพวกนายไม่รีบดับไฟแต่ต้นลม มันจะยิ่งแย่ลง แย่ลงเรื่อยๆ แล้วพวกมันก็จะทำสำเร็จถ้าพวกนายอ่อน แล้วพวกนายส่วนใหญ่มันก็อ่อนเสียด้วย"

ทรัมพ์ยังอัดแรงๆ ทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิสโซตา ว่า

"Whole world was laughing at Minneapolis over the police station getting burned, a laughingstock all over the world"

"คนทั้งโลกกำลังหัวเราะใส่เรา เมื่อเห็นสถานีตำรวจถูกไฟไหม้ที่มินเนียโพริส พวกเรากลายเป็นตัวตลกให้คนทั้งโลกหัวเราะเยาะ!"

โดยทรัมพ์เน้นย้ำเรื่องการบังคับใช้กฏหมาย ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ว่าการรัฐ ไม่ใช่ของเขา เน้นการใช้ไม้แข็งกับผู้ประท้วง จับได้จับ ถ้าผู้ว่าการรัฐไหนจัดการไม่ได้ เขาจะส่งกองกำลังเข้าไป

ในบางช่วงของการประชุม ทรัมพ์ กับ นาย เจ บี พริทซ์เกอร์ ผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์ จากเดโมแครต ยังปะทะคารมเดือด เมื่อนายพรินซ์เกอร์ เตือนว่า การใช้ถ้อยคำที่ออกมาจากทำเนียบขาวมันทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลงกว่าเดิม ชาวอเมริกันเขารับไม่ไหวแล้ว

เสี่ยทรัมพ์แกก็สวนทันทีว่า

"I don't like your rhetoric that much either," "You could have done much better on coronavirus."

"ผมก็ไม่ชอบถ้อยคำของคุณเหมือนกัน คุณน่าจะทำหน้าที่ได้ดีกว่านี้ในเรื่องปัญหาไวรัสโคโรน่านะ"

ซึ่งเสี่ยทรัมพ์ และผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์ก็เคยมีเรื่องกันมาก่อนแล้ว ในประเด็นของบกลางเพิ่มที่ใช้รับมือปัญหา Covid-19 ในรัฐ แต่เสี่ยอ่างแกไม่ให้ หาว่าผู้ว่าการรัฐบริหารงานห่วยเอง มีหนี้เยอะแยะ แจ้งฟ้องเป็นรัฐล้มละลายเลยดีกว่าไหม

อ่านไป ก็ปวดตับไป นึกในใจว่าท่านเสี่ยทรัมพ์ แกจะไหวไหมนี่

เพราะดูแกสติแตก คุมอารณ์ไม่อยู่ เกรี้ยวกราดไปหมด ห่วงแต่คะแนนเสียงเลือกตั้งอย่างเดียว ไม่ฟังใครเลย

และนี่อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ด่างพร้อยที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐก็เป็นได้

แหล่งข้อมูล

https://edition.cnn.com/2020/06/01/politics/donald-trump-race-police/index.html

https://thehill.com/homenews/admini...ors-over-weak-response-to-nationwide-protests

https://www.cbsnews.com/news/trump-weak-governors-dominate-civil-unrest-george-floyd-death-protest/

https://www.washingtonpost.com/nation/2020/06/01/george-floyd-protests-live-updates/

 

#บททดสอบรัฐบาลทรัมพ์1ยังไม่จบ
#วันเปิดฤดูเฮอร์ริเคน2020อย่างเป็นทางการ

ปี 2020 นับว่าเป็นปีทดสอบอันหนักหน่วงของรัฐบาลทรัมพ์ 1 เลยทีเดียว เพราะตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งมา ยังไม่เคยที่ท่านเสี่ยของเราจะต้องมาเจอวิกฤติระดับวัดความเป็น ความตายของประเทศแบบนี้มาก่อน

บททดสอบของเสี่ยอ่าง โดนัลด์ ทรัมพ์ ตอนนี้ เปรียบเทียบได้กับภาระหน้าที่ผู้นำประเทศที่อยู่ในยุคสงครามโลกได้เลย ยกตัวอย่างเช่น วินสตัน เชอร์ชิลล์ หรือ แฟรงคลิน ดี. รูสเวลท์

เพราะวิกฤตินั้นสร้างวีรบุรุษ หมายความว่าถ้าท่านเสี่ยสามารถนำพาประเทศฝ่าวิกฤติทั้งหมดที่เจอได้ในตอนนี้ได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าหากเทียบชั้นถึงระดับรัฐบุรุษอาจจะดูหรูไป แต่อย่างน้อยก็ช่วยสร้างความเชื่อมั่น และเครดิตที่ดีในระดับโลกได้ไม่น้อย

อย่างที่ผู้นำหลายชาติ ที่ฝ่าวิกฤติไวรัสโคโรน่ามาได้อย่างสวยงาม อาทิ นายกฯหญิง จาซินดา อาร์เดิร์น แห่งนิวซีแลนด์ ประธานาธิบดีหญิง ไช่ อิงเหวิน ของไต้หวัน หรือ ประธานาธิบดี มุน แจ-อิน ของเกาหลีใต้

และผู้นำที่ยกตัวอย่างมานั้น หลายท่านก็ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย ส่วนหนึ่งก็เพราะผลงานเรื่อง Covid-19 ด้วยนี่แล

แต่น่าเสียดายที่ท่านเสี่ยแกดันไปเสียเวลากับ "ความโฉ่งฉ่าง" หวังกระแส ไปโฟกัสผิดจุด แทนที่จะเน้นทุ่มแก้วิกฤติเฉพาะหน้า ที่เป็นปัญหาหนักในประเทศ กลับเสียเวลาไปจับผิดประเทศอื่น แล้วจะบีบให้ตายให้ได้

พอปัญหาไม่ได้แก้ไขอย่างถูกจุดตั้งแต่แรก ก็สะสม หมักหมมจนกลายเป็นปัญหาซ้อนปัญหา ใหญ่โตไปเรื่อยๆ ตัวเลขผู้ติดเชื้้อก็เพิ่มไม่หยุด เศรษฐกิจก็ถดถอย คนว่างงานก็สะสมเพิ่มขึ้นทุกวัน ปัญหาความแตกแยกในสังคมก็เรื้อรัง ประดังกันมาในคราวเดียวกัน แบบทบต้น ทบดอก

แต่หากคิดว่านี่คือที่สุดแล้ว ในการส่งท้ายวาระทรัมพ์ 1 ขอบอกว่า ยังจร้า มันยังไม่จบง่ายๆ

เพราะวันนี้ 1 มิถุนายน ถือเป็นวันแรกของการเข้าสู่ฤดูของพายุเฮอร์ริเคน ทางฝั่งแอตแลนติค อย่างเป็นทางการ ที่จะกินเวลานาน 6 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ไปจนถึง 30 พฤศจิกายน โดยประมาณ

ดังนั้น ช่วงนี้จะต้องเริ่มเฝ้าระวังการขึ้นฝั่งของพายุลูกสำคัญกันแล้ว

กรมอุตุนิยมวิทยาสหรัฐให้ข้อมูลว่า โดยปรกติแล้ว ช่วงฤดูเฮอร์ริเคนของทางฝั่งแอตแลนติค มักมีพายุเข้าสหรัฐประมาณปีละ 12 ลูก ในจำนวนนี้ มีโอกาสที่จะกลายเป็นเฮอร์ริเคนในระดับรุนแรงสูง ประมาณ 3 ลูก

และแต่ละลูกก็มักทิ้งซากความเสียหายให้สหรัฐไม่น้อย อาทิ พายุเฮอร์ริเคน คาทริน่าในปี 2005 ที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,800 คน และสร้างความเสียหายมากถึง 1.25 แสนล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับปีนี้ ยังไม่อาจจะรู้แน่ว่า สหรัฐจะมีโอกาสเจอซุปเปอร์เฮอร์ริเคน ขนาดนั้นหรือไม่ แต่ถ้าลูกใหญ่ๆที่แตะระดับเฮอร์ริเคนนั้นมาแน่ ซึ่งก็สร้างความเสียหายไม่น้อยแล้ว

และบริษัทที่จะกระทบอย่างหนักจนอาจเอาตัวไม่รอดเลยคือ บริษัทประกันภัย

สำนักข่าวรอยเตอร์ส เคยลงข่าวบทสัมภาษณ์ของ อีวาน กรีนเบิร์ก CEO ของบริษัทประกันภัย Chubb ที่ให้ความเห็นว่าช่วงวิกฤติไวรัสโคโรน่า อาจทำให้บรรดาบริษัทประกันต้องขาดทุนหนักที่สุดในประวัติศาสตร์

ซึ่งตรงกับความเห็นของ Lloyd's of London บริษัทประกันภัยของอังกฤษ ก็ออกมายอมรับว่า ธุรกิจประกันภัยอาจต้องสูญเสียหนักไม่ต่่ำกว่า 1 แสนล้านเหรียญในช่วง Covid-19

และลองนึกว่า เกิดสหรัฐแจคพอต เจอพายุลูกใหญ่อีกครั้งในปีนี้ การเคลมประกันภัยจะยิ่งสูงขึ้นไปอีก จากครึ่งปีแรกก็น่าจะหนักที่สุดสำหรับธุรกิจประกันภัยส่วนบุคคลในสหรัฐแล้ว หากต้องจ่ายหนักกันอย่างต่อเนื่อง 2-3 ไตรมาศ อาจทำให้หลายบริษัทขาดสภาพคล่อง จนอาจครอบคลุมไม่ไหว

แต่หากมองในแง่ความเสี่ยงของประชาชนทั่วไป ติด Covid-19 ยังพอหลบเว้นระยะห่างในบ้านได้ แต่ติดพายุ ต้องทิ้งบ้านย้ายหนีเอาตัวรอดอย่างเดียว แทบหมดเนื้อ หมดตัว หากเคลมประกันมีปัญหา บริษัทประกันล้ม ไม่อยากจะนึกเลยว่า จะวุ่นวายขนาดไหน

แล้วหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ รัฐบาลทรัมพ์ 1 ได้เตรียมแผนกันกระแทกเหตุการณ์นี้ไว้แล้วหรือยัง

และก็ไม่รู้ว่าคนอเมริกันจะพอฝากความหวังเรื่องนี้กับท่านเสี่ยได้หรือไม่ ตั้งแต่ฟังแกแนะนำให้หย่อนระเบิดนิวเคลียร์ลงไปในแกนกลางพายุ ให้มันระเบิดหายไป ไอเดียล้ำ นำหายนะเช่นนี้ ไม่น่าจะไหวหนา

ดังนั้น บททดสอบพายุลูกโตของทรัมพ์กำลังใกล้เข้ามา และช่วง 5 เดือนสุดท้ายของทรัมพ์ 1 บอกเลยว่าไม่ง่าย และเป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว ใช้อย่างมีค่า ไม่มีเวลาให้เททิ้ง เทขว้างแล้วนะคะ เสี่ยขา☺

แหล่งข้อมูล

https://www.reuters.com/article/us-...-pain-for-pandemic-hit-insurers-idUSKBN2381HU

https://en.wikipedia.org/wiki/2020_Atlantic_hurricane_season

https://www.usatoday.com/story/news...trumps-reported-idea-wouldnt-work/2118430001/

https://www.cnbc.com/2020/05/14/llo...l-be-largest-loss-on-record-for-insurers.html

https://www.reuters.com/article/us-...-in-insurance-history-chubb-ceo-idUSKCN2242FT

 

หอการค้าไทย , เอคเซนเชอร์(ประเทศไทย )พัฒนาแพลตฟอร์มกลาง “People+Work Connect” เพื่อเชื่อมโยงระหว่างธุรกิจ ที่ต้องการขยายการจ้างงาน กับ ธุรกิจที่ต้องการลดจ้างงาน เพื่อแก้ปัญหาการว่างงานที่เกิดจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มเฟสแรก 2 มิถุนายนนี้

 

สธ.แจงยังไม่มีข้อสรุปภาวะอักเสบทั่วร่างในเด็ก หรือ MIS-C เกี่ยวข้องกับโควิด-19 เหตุข้อมูลยังน้อย WHO จึงขอให้กุมารแพทย์ทั่วโลกช่วยจับตาและรายงานข้อมูล แนะ 5 อาการต้องสังเกต เผยในไทยยังไม่มีป่วย ชี้ข้อแตกต่างจากโรคคาวาซากิ คือ พบในเด็กโตถึงผู้ใหญ่ตอนต้น

อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000057403
............................................
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

 

“ห้องลับใต้ทำเนียบข่าว” หลังมีข่าวหน่วยอารักขา ตัดสินใจนำตัวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมเมลาเนีย ทรัมป์ สตรีหมายเลขหนึ่ง และบุตรชาย หลบเข้าไปยังห้องหลบภัยใต้ดิน เป็นการชั่วคราว ระหว่างที่ผู้ประท้วงรวมตัวกันด้านหน้า ทำเนียบขาวเมื่อคืนวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา