ติดตามสถานะการณ์

7 มิถุนายน 2020 Schumann Resonance เริ่มมีค่าแอมพิจูดสูงขึ้นอย่างชัดเจน ขณะนี้กำลังเพิ่มขึ้นและที่แอมพลิจูด 69 ..

http://sosrff.tsu.ru/?page_id=7
http://sosrff.tsu.ru/?page_id=12

June 7, 2020. The Schumann Resonance began spiking 5 hours ago. It's currently rising and at an amplitude of 69..

http://sosrff.tsu.ru/?page_id=7
http://sosrff.tsu.ru/?page_id=12

 

รัฐบาลสหรัฐเลือก 5 บริษัทยามีโอกาสมากสุดพัฒนาวัคซีน #โควิด19 #ไวรัสโคโรนา คือ Moderna, AstraZeneca, Pfizer, Johnson & Johnson และ Merck & Co
สหรัฐจะทดสอบวัคซีนกับอาสาสมัคร 100,000 ถึง 150,000 คน ตั้งเป้าจะส่งมอบวัคซีน #COVID19 สิ้นปีนี้
#coronavirus

 

ตำรวจ Buffalo NY สหรัฐ 57 รายลาออกจากหน่วยพิเศษเพื่อประท้วงที่สำนักงานตำรวจ #Buffalo พักงาน 2 ตำรวจในทีมที่ทำเกินเหตุตอนสลายม็อบด้วยการผลักชายชราอายุ 75 ปีล้มลงจนหัวฟาดพื้นมีเลือดไหลออกมา
บอกพวกเขาไม่ผิด ทำตามคำสั่ง
#GeorgeFloydProtests #BlackLivesMatter #motorwars

 

สาวขับรถสามล้อตุ๊กตุ๊ก ที่เชียงใหม่ ได้รับผลกระทบจากโรค #โควิค19 นำรถสามล้อมาดัดแปลง เป็นร้านขายส้มตำเคลื่อนที่ โดยนำเงินเยียวยาที่ได้รับจากรัฐบาลมาต่อยอด ซื้ออุปกรณ์ เปิดร้านขายส้มตำ รายได้แม้ว่าจะไม่มาก แต่ยังดีกว่าไม่มีรายได้

 

เมื่ออาหรับทั้งหลายทอดทิ้งเรา กาตาร์เราเลยต้องแกร่งขึ้น
.
นี่เป็นปีที่ 3 แล้วที่กาตาร์ถูกปิดพรมแดนทุกทางทั้งทางบกทางทะเลและทางอากาศจากประเทศในกลุ่มอาหรับ โดยเมื่อ 5 มิ.ย. 2560 ชาติอาหรับ 6 ชาติ ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตพร้อมปิดพรมแดนกับกาตาร์ โดยกล่าวหาว่ากาตาร์ให้การสนับสนุนการก่อการร้าย อาทิ กลุ่มภราดรภาพมุสลิม กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) กลุ่มอัลกออิดะห์ และกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับอิหร่าน
ปัจจุบันการปิดล้อมดังกล่าวเหลือ 4 ชาติเท่านั้น
Saudi Arabia
UAE
Bahrain
Egypt
ยังปิดล้อมอยู่และไม่มีทีท่าว่าจะผ่อนคลายลง
จากการปิดดังกล่าวทำให้กาตาร์มีแนวคิดที่เปลี่ยนไปเกี่ยวกับการจัดการและการพึ่งพิงตัวเองโดยเฉพาะเรื่องอาหาร ซึ่งกาตาร์เป็นชาติที่มีพื้นที่เป็นทะเลทรายและต้องนำเข้าอาหารถึง 90% การถูกปิดล้อมอาจจะทำให้กาตาร์มีปัญหาด้านอาหารได้หากเกิดสงครามพวกเขาจึงพัฒนาและแสวงหาวิธีการพึ่งพิงตัวเองด้านอาหารให้มากที่สุดจนปัจจุบันพวกเขาสามารถที่จะผลิตอาหารได้มากกว่าเดิม 3 เท่าจากการใช้เทคโนโลยีและกลายเป็นชาติที่มีความมั่นคงทางอาหารสูงที่สุดในภูมิภาค
พวกเขาไม่เพียงแต่ผลิตอาหารของตัวเองได้แต่ยังมีคลังอาหารเพื่อกระตุ้นและรองรับหากเกิดการปิดกั้นการนำเข้าอาหารหรือผลิตภัณฑ์อื่นๆในอนาคต

 

หอยนางรมแปซิฟิก นอร์เวย์ปัญหาใหญ่กว่าที่คิด
.
หลังจากได้นำเสนอข่าวหอยนางรมนอร์เวย์ที่มีมากจนเขาต้องกำจัด
ลิงค์ข่าว แอตมีความสงสัยว่ามันมากขนาดไหนจึงไปค้นภาพมา
และนี่คือหอยนางรมแปซิฟิก ปัจจุบันมีเยอะมากจนเข้าไปถึงชายฝั่งของสวีเดนและทางการต้องการกำจัด โดยที่การบริโภคอาจจะไม่เพียงพอเนื่องจากมันเยอะจนไม่จนกินไม่ไหวปัจจุบันถูกกำจัดไปแล้วจำนวน 40 ตัน(ทิ้ง)และมีการบริโภคต่างหากอีก 50 ถึง 100 ตันต่อปี
มีการประมาณการว่าหากจะต้องบริโภคเพื่อควบคุมปริมาณ ต้องบริโภคปีละ 25,000ตัน ซึ่งเป็นไปไม่ได้
ดังนั้นจึงต้องกำจัดทิ้งอย่างเดียว

 

ร้าน Amazon Go ใน ซีแอดเทิล ใช้เทคโนโลยีตรวจจับผู้ที่ถือโอกาสบุกรุกเข้าไปขโมยสินค้าภายในร้านโดยใช้เหตุประท้วงเรื่อง จอร์จ ฟลอยด์ แล้วทำการตัดเงินออกจากบัญชีของ Amazon ของหัวขโมยทันที ฟาดมาฟาดกลับ ไม่โกง

 

ของแจกใหม่บนเครื่องบินในยุคป้องกันการระบาดโควิด19
หน้ากากอนามัยและแผ่นเช็ดมือแอลกอฮอล์

https://pbs.twimg.com/media/EZaHmzFXsAI8dOL?format=jpg&name=large

 

การประท้วงในสหรัฐยังคงดำเนินต่อไปเป็นวันที่ 13 แล้ว และสัญญาณที่ #ทรัมป์กำลังจะแพ้การเลือกตั้งนั้นกำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ !

การประท้วงเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับจอร์จ ฟลอยด์ รุนแรงขึ้นเมื่อมันกลายมาเป็นการประท้วงเพื่อต่อต้านการเหยียดสีผิว และตอนนี้การประท้วงค่อยๆกลายมาเป็นการไม่พอใจต่อรัฐบาลชุดนี้อย่างชัดเจน โดยล่าสุดผู้คนได้ออกมาถือป้ายไล่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กันมากขึ้นแล้ว จากการที่รัฐบาลไม่สามารถรับมือกับการระบาดของไวรัสโควิดได้จนต้องมีผุ้ตกงานและขาดรายได้ไปกว่า 30-40 ล้านคน และหลายคนมองว่าแนวคิดของรัฐบาลทรัมป์นั้นส่อให้เห็นถึงการยึดตัวเองเป็นหลักและอาจเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีต่อประเทศ....

อย่างไรก็ตามนั้นไม่ใช่สัญญาณที่ชี้ว่า #ทรัมป์กำลังอาจจะแพ้การเลือกตั้ง ที่จะมีขึ้นในอีก 5 เดือนนี้

แต่สัญญาณที่เริ่มชัดเจนขึ้นคือตัวเลขลงทะเบียนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง (Voter registrations) ผู้อาสาสมัคร (Volunteer activity) และเงินบริจาค (Donations) สำหรับพรรคเดโมแครต (พรรคที่ตรงข้ามกับทรัมป์) กำลังพุ่งสูงขึ้นเป็นอย่างมากในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาตั้งแต่การประท้วงเริ่มขึ้นจากรายงานของ CNBC (แนบใน comment)

โดยสิ่งที่สำคัญมากที่สุดที่จะทำให้ชนะเลือกตั้งได้ในสหรัฐคือ #ผู้คนที่ช่วยสนับสนุน และ #เงินหาเสียง ซึ่งทางฝ่ายของโจ ไบเดน ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครตกำลังได้เพิ่มเติมขึ้นมาอย่างมหาศาลในช่วงอาทิตย์นี้ ประกอบกับผู้สนับสนุนหลักๆของพรรคเดโมแครตนั้นหลายคนมีฐานะไม่ดีและไม่ได้ออกมาทำการเลือกตั้งเป็นส่วนใหญ่ แต่ปีนี้ตัวเลขลงผู้ลงทะเบียนที่กำลังพุ่งสูงขึ้นนั้นเป็นสัญญาณที่ดีมาก

CNBC รายงานว่ากลุ่มอาสาสมัครหลายๆกลุ่มของพรรคเดโมแครตกำลังได้รับเงินบริจาคมากขึ้นเรื่อยๆ และทางกลุ่มเตรียมที่จะขยายแผนการหาเสียงให้โจ ไบเดน ด้วยเงินเหล่านี้ ทำให้โอกาสของไบเดนนั้นจะสูงขึ้นเรื่อยๆหากการประท้วงยังคงดำเนินต่อไป

โพลล่าสุดก็ยังชี้ชัดว่า ไบเดน กำลังตีคะแนนห่างออกจากทรัมป์
จากโพลล่าสุด (แนบรูปไว้ให้ในคอมเม้นท์) จะเห็นได้ว่าคะแนนความนิยมของไบเดนกำลังตีห่างออกจากทรัมป์ และนำอยุ่ที่ 49.3 จุด ต่อ 41.3 จุด และโดยเฉพาะในช่วงการประท้วงครั้งนี้

ถึงแม้ว่าตัวเลขคนตกงานในสหรัฐจะเริ่มลดลงแต่ก็ยังมีผู้คนกว่า 20 ลัานคนที่กำลังตกงาน และการที่ตลาดหุ้นเป็นขาขึ้นนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้คนกลุ่มนี้มีรายได้ ตราบใดที่การจ้างงานยังไม่เกิดขึนจริง

ทรัมป์จะสามารถพลิกล็อกผลของโพลได้อีกครั้งเหมือนเมื่อ 4 ปีก่อนหรือไม่ ?

อย่างไรก็ตามทางทรัมป์ก็ได้พลิกโพลการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีก่อนโดยการเอาชนะ ฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครตไปได้แบบช็อกคนทั้งโลก เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งชะล่าใจไปเพราะทุกๆนโยบายตอนนี้ของทรัมป์นั้นคงจะเป็น #TrumpFirst หรือหาทางทำอย่างไรก็ได้เพื่อที่จะได้กลับมานั้งเก้าอี้ประธานาธิบดีอีกสมัยอย่างแน่นอน

#ทันโลกกับKP
www.cnbc.com

 

#ทรัมป์กล่าวว่าบัฟเฟตต์พลาดไปแล้ว ! ที่เทขายหุ้นสายการบินออกหมด เพราะเศรษฐกิจสหรัฐกำลังจะฟื้นและการบินกำลังจะกลับมาหลังเขาสั่งเปิดเมือง ! หุ้นสายการบินดีดขึ้น 2 เท่าหลังบัฟเฟตต์เทขายออกไปแล้ว

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมากล่าวถึงกรณีที่ Warren Buffett ได้เทขายหุ้นสายการบินใหญ่ของสหรัฐออกไปแบบหมดเกลี่ยงพอร์ตทัง 4 สายการบินเมื่อเดือนที่แล้ว (Delta Air Lines, American Airlines, Southwest Airlines และ United Airlines) สร้างความตกตะลึงให้กับนักลงทุนทั่วโลกและทยอยขายหุ้นสายการบินออกตามๆกัน

✈️ เพราะทางบัฟเฟตต์ได้ใช้คำว่า #ธุรกิจสายการบินได้เปลี่ยนไปและอาจไม่กลับมาเหมือนเดิมแล้ว

อย่างไรก็ตาม... ในระยะสั้นนั้นจังหวะของบัฟเฟตต์อาจจะผิดไปนิด.. เพราะหลังทางประธานาธิบดีทรัมป์ได้พลักดันให้มีการเปิดเมือง และปลด Lock Down ไปทั่วประเทศนั้นสายการบินสหรัฐต่างได้ดีดตัวสูงขึ้นกันแถว

โดยหากเทียบจากจุดที่บัฟเฟตต์ได้ขายออกไปหุ้นต่างๆเหล่านี้ได้ปรับตัวขึ้นมาเกือบ 2 เท่ากันหมดใน 1 เดือนที่ผ่านมา !

1️⃣ United Airlines +112% จาก 20 เหรียญขึ้นมาเป็น 42.4 เหรียญ !

2️⃣ American Airlines +107% จาก 9 เหรียญขึ้นมาเป็น 18.66 เหรียญ

3️⃣ Delta Air Lines +80% จาก 19 เหรียญขึ้นมาเป็น 34.2 เหรียญ

4️⃣Southwest Airlines +52.8% จาก 25 เหรียญขึ้นมาเป็น 38.2 เหรียญ

รายละเอียดดูได้จากตารางและกราฟในคอมเม้นท์ที่แนบให้นะครับ

บัฟเฟตต์ตัดสินใจพลาดไปไหม ?

บัฟเฟตต์เป็นนักลงทุนระยะยาวอยู่แล้วอาจจะไม่ได้สนใจในส่วนต่างนี้มากนักที่อาจจะขายผิดจังหวะไปหน่อย... แต่ถ้าหากหุ้นสายการบินยังคงทยอยปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆและธุรกิจกลับมาเหมือนเดิม... ทางบัฟเฟตต์คงต้องมีการเสียดายเหมือนกัน

แต่สิ่งที่น่าสนใจคือฟอร์มการตัดสินใจลงทุนของบัฟเฟตต์หลังๆนี้ดูจะตกไปหน่อย.. เพราะหากไปดูย้อนหลังสถิติในการลงทุนของบัฟเฟตต์ในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 1996 นั้น ถึงแม้บัฟเฟตต์จะยังทำกำไรได้เรื่อยๆ แต่บริษัท Berkshire Hathaway ของเขานั้นกลับทำกำไรได้น้อยกว่าดัชนีหุ้น S&P500 เสียอีก !

หรือพูดง่ายๆว่าหากเรานำเงินไปซื้อกองทุน Index Fund อย่าง S&P500 เมื่อ 25 ปีที่แล้วเราจะได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าไปลงทุนกับกองทุนของบัฟเฟตต์เสียอีก และไม่ต้องมาเสียค่า Fees ในการบริหากด้วย ?

หมดยุคนักลงทุน VI อย่างบัฟเฟตต์ไปแล้วหรือยัง ?

ผมพอมีความเห็นและมุมมองในเรื่องนี้ ว่าแนวทางการลงทุนของบัฟเฟตต์อาจจะไม่เหมาะกับสมัยนี้อีกแล้ว... การถือเงินสดเยอะเกินไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมาที่ตลาดทยอยขึ้นของปู่ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่สามารถถกกันได้

แต่ถ้าจะรวบรวมคงต้องใช้เวลาในการเขียน ถ้าใครอยากลองอ่านบทความในเรื่องนี้ช่วยกันคอมเม้นท์เข้ามากันเยอะๆหน่อยนะครับ เดี๋ยวจะเขียนให้

ทรัมป์บอก "บัฟเฟตต์พลาดไปแล้วที่เทขายหุ้นสายการบินออกหมด"

ทรัมป์ ได้ออกมากล่าวที่ทำเนียบขาวว่า “บัฟเฟตต์อาจจะคาดการณ์ได้ถูกมาตลอดชีวิต ผมเคารพเขามาก แต่ครั้งนี้เขาทำผิดพลาดไปมากๆจริงๆ เขาควรจะเก็บหุ้นสายการบินเหล่าไว้เพราะประเทศเรากำลังจะกลับมาเปิดอย่างสวยงาม”

⛔️ ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของการลงทุนและวิเคราะห์เศรษฐกิจโลกไปกับเพจเราได้

ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดจากทีมงาน แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ

#ทันโลกกับKP

 

⚠️‍♂️ ชี้แจงเรื่อง #อัตราว่างงานที่สหรัฐประกาศออกมาอาจจะมีข้อผิดผลาด ?!?! ตัวเลขที่แท้จริงนั้นควรเป็นเช่นไร ?

นักลงทุนอย่าเพิ่งตกใจไปหากอ่านเจอข่าวที่ว่า "อัตราว่างงานที่สหรัฐประกาศออกมาพลิกล็อกมากเมื่อวันศุกร์ จนตลาดนั้นดีดขึ้นต่อเนื่องไปอีก +3% อาจมีข้อผิดผลาด" เพราะถึงแม้ทางสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐ (Bureau of Labor Statistics) ได้ออกมายอมรับว่าอัตราว่างงานที่รัฐบาลประกาศออกมา 2 เดือนล่าสุด (April + May) นั้นอาจไม่ตรงกับตัวเลขจริงๆซะทีเดียว เพราะมีความผิดผลาดในการแยกกลุ่มคนตกงานประเภท "Temporarily Unemployed" หรือไม่ได้ตกงานแต่แค่ไม่สามารถทำงานได้ชั่วคราวเพราะการ Lock Down ต่างๆ

โดยหากจะวัดตัวเลขจากการว่างงานจริงๆ ทั้งที่ไปทำงานไม่ได้ชั่วคราวด้วยในปัจจุบันนั้นอาจมีคนตกงานอยู่สูงถึง 16.3% ในเดือนพฤษภาคมนี้ เมื่อเทียบกับ 13.3% ที่รายงานออกมาเมื่อคืนวันศุกร์

แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดไปว่าทุกอย่างนั้นจะแย่และตลาดจะโดนเทขายวันจันทร์นี้นะครับ #เพราะประเด็นสำคัญคือ

#การจ้างงานกลับมาเป็นบวกแล้ว ! ไม่ว่าจะวัดด้วยวิธีไหน

ไม่ว่าจะวัดด้วยวิธีการแบบไหน จะแยกประเภทแบบไหน ตัวเลขในเดือนพฤษภาคมนั้นก็ชี้ชัดแล้วว่าเริ่มมีการจ้างงานกลับมาแล้วในสหรัฐ ตัวเลข Nonfarm Payrolls หรือการจ้างงานที่เพิ่มมากขึ้นถึง +2.5 ล้านตำแหน่งในเดือนพฤษภาคมเทียบกับที่ตลาดคาดว่าจะมีการจ้างงานติบลบ (คนตกงาน) -7.5 ล้านตำแหน่งนั้นโกหกไม่ได้

ทำให้ไม่ว่าเราจะวัดตัวเลขคนตกงานด้วยวิธีไหน จะแยกคนทำงานไม่ได้ชั่วคราวออกหรือไม่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า #เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มฟื้นแล้ว

โดยหากวัดแบบตัวเลขที่ประกาศออกมาคนตกงานในเดือนนี้จะอยู่ที่ 13.3% เทียบกับ 14.7% เมื่อเดือนก่อน หรือถ้าจะวัดแบบแก้ไขก็จะอยู่ที่ 16.3% ในเดือนนี้เทียบกับ 19.7% เมื่อเดือนก่อน ทำให้ตัวเลขว่างงานนั้นลดลงทั้งคู่

ถึงแม้ตัวเลขคนตกงานจะต่างกันและปัญหาที่แก้อาจจะหนักกว่าที่คิด #แต่สิ่งที่สำคัญที่ตลาดให้น้ำหนัก มากกว่าคือคนกำลังกลับมาหางานงานทำได้แล้ว

ทรัมป์ไม่ได้เกียวข้องกับเรื่องนี้

ในส่วนของการที่ตัวเลขที่ประกาศออกมาอาจจะไม่ได้สะท้อนสภาพตลาดที่มีคนตกงานมากกว่านี้จริงๆ หลายๆฝ่ายมองว่ามาจากการแต่งเลขของทรัมป์หรือป่าว ? เพราะอาจจะต้องการดันตลาดหุ้นขึ้นก่อนการเลือกตั้ง

ทางสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐได้ออกมายืนยันว่าไม่มีการแต่งเลขหรือทางประธานาธิบดีก็ไม่มีทางมาสั่งได้แน่นอน เพราะทางสำนักงานมีการดูแลตัวเลขกันเองและทุกคนในสำนักงานจรรยาบรรณสูง เพียงแต่สหรัฐไม่เคยเจอเหตุการณ์โรคระบาด (Pandemic) ที่รุนแรงขนาดนี้มาก่อน ทางระบบจึงไม่แน่ใจว่าจะรองรับตัวเลขลักษณะนี้อย่างไร

⛔️ ติดตามทุกความเคลื่อนไหวและวิเคราะห์เศรษฐกิจโลกไปกับเพจเราได้

ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดจากทีมงาน แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ

#ทันโลกกับKP

 

ประเทศต่างๆทั่วโลกทุ่มเงินกันไปเท่าแล้วบ้างเพื่อต่อสู้กับวิกฤตไวรัสโควิด-19 นี้ ?

เศรษฐกิจทั่วโลกนั้นกำลังโดนกระทบจากไวรัสโควิด-19 กันอย่างถ้วนหน้า และแน่นอนว่าปีนี้โลกของเราคงนี้ไม่พ้น #Recession หรือภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ตอนนี้ตัวเลข GDP ของโลกในปีนี้ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้คือติดลบ -3% ทั้งโลกโดยรวม

แต่ตัวเลขเศรษฐกิจนี้จะออกมาดีหรือแย่กว่าที่คาด ? จะมีประเทศไหนที่ออกมาดีกว่าหรือแย่กว่าที่คาด ?

ทั้งหมดนั้นก็ขึ้นอยู่กับ #มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของแต่ละประเทศว่าเพียงพอและได้ผลหรือไม่ ซึ่งทางเราได้รวบรวมมาให้แล้วในโพสต์นี้

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆนั้นจะแบ่งออกได้เป็น 2 ภาคใหญ่ๆก็คือ Monetary policy กับ Fiscal Policy

1️⃣ Monetary policy คือ #นโยบายการเงิน - ที่กำหนดโดยธนาคารกลางต่างๆของโลก

2️⃣ Fiscal Policy คือ #นโยบายการคลัง - คือเงินช่วยเหลือกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลหรือกระทรวงการคลัง

โดยนโยบายทั้งสองอย่างนั้นต้องสอดคล้องกันถึงจะทำให้เกิดการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนได้ จะมีแค่อย่างเดียวไม่ได้ เพราะหากธนาคารกลางลดดอกเบี้ยเพื่อให้เกินสภาพคล่องในตลาด ช่วยต่ออายุบริษัทต่างๆที่มีภาระหนี้สิน แต่สุดท้ายหากบริษัทต่างหรือประชาชนยังไม่มีเงินหรือรายได้มาชดเชยจากสิ่งที่ขาดหายไปเพราะการ Lock Down การใช้จ่ายก็จะไม่เกิดขึ้น เศรษฐกิจก็จะไม่ครบวงตรและไม่เดินหน้าต่อไป ทางรัฐบาลจึงต้องอัดฉีดเงินเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไปอีกแรง

ประเทศไหนดูแล้วทุ่มแรงกระตุ้นเยอะที่สุด ?

ทางด้านนโยบายการเงินฝั่งประเทศพัฒนาแล้ว (ชื่อต้นๆ) จะเห็นได้ชัดเลยว่าลดดอกเบี้ยกันจนเป็นศูนย์หรือติดลบหมดแล้วเรียกได้ว่าทุ่มกันสุดๆ เท่านั้นยังไม่พอยังต้องมีการเข้าซื้อพันธบัตรเพื่อเพิ่มสภาพคล่องด้วย ส่วนทางประเทศที่กำลังพัฒนาส่วนใหญ่นั้นยังพอเหลือดอกเบี้ยให้ลดอยู่อีกพอสมควร

ทางด้านนโยบายการคลังหลายคนอาจจะตกใจกับตัวเลขของทางสหรัฐ ที่รัฐบาลทรัมป์อัดฉีดช่วยเหลือไปแล้วกว่า 2 ล้านล้านเหรียญ ! มากที่สุดในโลกเลย แต่ถ้าไปดูเป็น % ของ GDP แล้วยังแต่พอๆกับแคนาดาที่ 10% ยังเทียบไม่ได้กับญี่ปุ่นเลยที่อัดฉีดเข้าไป 20% ของ GDP แล้ว !

ซึ่งแน่นอนประเทศไหนยิ่งทุ่มเงินเยอะก็จะกลายเป็น #ภาระหนี้ที่รัฐบาลต้องหากลับมามากขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นจากรายได้ที่มากขึ้นของประเทศหรือผ่านการเก็บภาษี

⛔️ ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของการลงทุนและวิเคราะห์เศรษฐกิจโลกไปกับเพจเราได้

ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดจากทีมงาน แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ

#ทันโลกกับTraderKP

 

June 7, 2020 พิษโควิด19 เล่นงานโรงงานอาหารทะเลต้องปิดกิจการ ทำ 400 ชีวิตตกงานทันที
.
เพจเฟซบุ๊ก มนุษย์โรงงาน โพสต์ภาพบรรยากาศเศร้าของพนักงานโรงงานแห่งหนึ่ง ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่กอดกันร้องไห้ หลังทราบข่าวว่า โรงงานประกาศปิดกิจการกะทันหัน ถือเป็นข่าวช็อกที่พนักงานหลายคนไม่ทันได้เตรียมใจ
.
โดยหนึ่งในพนักงานโรงงานดังกล่าว ได้ออกมาโพสต์ข้อความว่า เกือบ 15 ปีกับหม้อข้าวใบใหญ่ใบนี้ แต่โควิด 19 และพิษเศรษฐกิจ ทำเอาพนักงาน 400 กว่าชีวิต ต้องมาเกมพร้อมกัน ขอบคุณทุก ๆ คน ทั้งหัวหน้างาน น้อง ๆ หมวกเขียว หมวกแดง หมวกฟ้า หมวกขาว หมวกขาวคาดแดง รวมทั้งออฟฟิต คนทำกับข้าว คนหุงข้าว เเละนายช่างทั้งหลาย คนยกน้ำ และอีกหลาย ๆ คนที่ทำให้เรายืนอยู่ได้กันมานาน เราคงไม่วันลืมจุดยืนตรงนี้ ขอบคุณจริง ๆ ขอให้ทุก ๆ คนโชคดีตลอดไป
.
เบื้องต้นทราบว่าโรงงานดังกล่าว เป็นโรงงานที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับจำหน่ายอาหารและสัตว์น้ำแช่แข็ง
.
#ปิดโรงงาน #อาหารทะเล #ปิดกิจการ #Misterban

 

ความชื้นจากน้ำหรือเหงื่อ สามารถเจือจางความเข้มข้นและลดประสิทธิภาพการกำจัดเชื้อไวรัสของเจลแอลกอฮอล์ลงได้ ดังนั้นควรใช้เจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดขณะที่มือแห้งนะคะ ^^
.
#เจลแอลกอฮอล์ #แอลกอฮอล์ #ทำความสะอาด #น้ำ #เหงื่อ #ไวรัส #Covid19 #โควิด19 #MisterBan

 

June 7, 2020 ทั่วโลกติดโควิด-19 ทะลุ 7 ล้านคน The Covid-19 infected globally toll surpassed 7 million

เวลา 17.45 น. รายงานสถานการณ์จำนวนผู้ติดโรคปอดอักเสบไวรัสโคโรนา 2019 ทั่วโลก เพิ่มเป็น 7,00,825 ราย โดยจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 ที่ทำให้จำนวนติดสะสมทะยานผ่านกว่า 7 ล้านคน มาจากเอเชียใต้ และละตินอเมริกา ได้แก่ บราซิล 676,494 ราย เพิ่ม 2,907 ราย รัสเซีย 467,673 ราย พุ่ง 8,984 ราย เม็กซิโก 113,619 ราย พุ่ง 3,593 ราย อินเดีย 247,678 ราย ทะยาน 1,056 ราย ปากีสถาน 98,943 ราย พุ่ง 4,960 ราย และบังคลาเทศ 65,769 ราย ทะยานขึ้น 2,743 ราย

 

June 7, 2020 ยักษ์สายการบิน 2 แห่งระดับโลก ตัดเงินเดือน 25-50% ยาวอีก 3 เดือน

รัฐวิสาหกิจสายการบินเอมิเรตส์ และเอทิฮัด แอร์เวย์ส ซึ่งเป็นสายการบินชั้นนำระดับโลกในตะวันออกกลาง ประกาศต่ออายุมาตรการลดเงินเดือน 25% ถึง 50% จากเดิมจะสิ้นสุดในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ ไปอีก 3 เดือนถึงวันที่ 30 กันยายน เพื่อหวังรักษาเงินสดหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจการบินท่ามกลางโรคระบาดโควิด-19

สายการบินเอมิเรตส์ เปิดเผยว่า มาตรการปรับลดเงินเดือนพนักงานระหว่าง 25% - 50% ที่ใช้มาตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมานั้น ยังไม่สามารถสร้างความแข็งแกร่งให้กับสถานะการเงินของสายการบินได้ตามที่ประเมินไว้ จึงได้มีการพิจารณาหลากหลายทางเลือก ซึ่งหนึ่งในนั้น คือการต่ออายุมาตรการลดเงินเดือนในสัดส่วนเดิมไปอีก 3 เดือน ด้านสายการบินเอทิฮัด แอร์เวย์ส ซึ่งประกาศปลดพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจำนวน 1,200 คนไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านไปนั้น ได้ประกาศขยายเวลามาตรการลดเงินเดือนตั้งแต่ 25% - 50% ไปอีก 3 เดือน โดยจะไปสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายนเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ รัฐวิสาหกิจสายการบินแห่งชาติทั้ง 2 แห่ง ได้กลับมาเปิดบริการการบินในวงจำกัด โดยเป็นการบินจากสหรัฐอาหรับ อเมริเรต ไปในภูมิภาคกลุ่มประเทศอ่าวในตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตาม มีความพยายามที่จะกลับมาเปิดบริการเปลี่ยนเครื่องบินภายในเดือนนี้ หลังจากที่รัฐบาลประเทศยูเออียกเลิกมาตรการห้ามเปลี่ยนเครื่องโดยสารที่ดูไบ เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

#เอมิเรตส์ #เอทิฮัด #ลดเงินเดือน #โควิด19 #misterban #covid19 #emirates #ethiad

 

Jun 7 , 2020 ศบค.ชี้แจงต้องไม่พบเชื้อโควิด 19 ในประเทศติดต่อกัน 28 วัน ไทยถึงจะมีความเสี่ยงต่ำ เตือนการ์ดห้ามตก
.
พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือศบค.เปิดเผยว่า แม้การระบาดของผู้ติดเชื้อโควิด 19 ในประเทศจะเป็นศูนย์มา 13 วันแล้ว และเมื่อครบ 14 ก็ถือว่ามีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง แต่ตามหลักการระบาดวิทยา และการสอบสวนโรคยังต้องมีการเฝ้าระวังในระยะความเสี่ยงต่ำต่ออีก 14 วัน นั่นคือรวมกันจะต้องมีผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ถึง 28 วัน ดังนั้นประชาชนยังคงต้องปฏิบัติตรามมาตรฐานของระบบสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดต่อไป ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และล้างมือ
.
ส่วนการผ่อนคลายระยะที่ 4 ที่เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงทั้ง สถานบันเทิง ผับบาร์ โรงเรียน ทางศบค.จะมีการชี้แจงหลังจากได้หารือกันเสร็จสิ้นแล้วอีกครั้ง
.
#ไวรัสโควิด19 #ไทย #ศูนย์ #เสี่ยงต่ำ #Misterban

 

Jun 7 , 2020 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เผยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8 ราย ส่งผลให้ยอดรวมอยู่ที่ 3,112 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม
.
โดยขณะนี้มีผู้ป่วยในโรงพยาบาล 82 ราย รักษาหายแล้ว 2,972 ราย เสียชีวิต 58 ราย
.
โดยผู้ป่วยรายใหม่ทั้ง 8 ราย อยู่ในพื้นที่ State Quarantine
.
5 รายแรกกลับจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทุกรายตรวจพบเชื้อ แต่ไม่แสดงอาการ เข้ารับการรักษาที่รพ. ในกทม.
.
2 รายกลับมาจากคูเวต ผลตรวจพบเชื้อวันที่ 6 มิ.ย. พบเชื้อ แต่ไม่แสดงอาการ เข้ารับการรักษาที่ รพ.ในจังหวัดสมุทรปราการ
.
1 รายกลับจากประเทสอินเดีย เดินทางถึงไทยวันที่ 5 มิ.ย. พบว่ามีอาการไอและมีไข้ จึงส่งเข้ารับการรักษาที่ รพ.ในจังหวัดสมุทรปราการ
.
#ศบค #ไวรัสโควิด19 #Misterban

 

Fox News แถลงขอโทษ เทียบกราฟตลาดหุ้นกับการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์, มาร์ติน ลูเทอร์คิง

Fox News แถลงขอโทษ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (6 มิ.ย.) จากการนำเสนอแผนภูมิแสดงความสัมพันธ์ของผลการดำเนินงานตลาดหุ้น หลังเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์, มาร์ติน ลูเทอร์คิงจูเนียร์ และไมเคิลบราวน์

กราฟิกที่ออกอากาศเมื่อวันศุกร์ แสดงให้เห็นถึงปฏิกิริยาของตลาดหุ้นต่อเหตุการณ์ความไม่สงบทางประวัติศาสตร์ในอดีต ซึ่งฟ๊อกซ์นิวส์ ได้กล่าวในแถลงการณ์ว่า “ไม่ควรออกอากาศทางโทรทัศน์โดยไม่มีบริบทเต็ม เราขออภัยในการนำเสนอภาพและจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง”

แผนภูมินี้รวมอยู่ในรายงานพิเศษ “Special Report with Bret Baier” แสดงให้เห็นถึงกำไรที่ได้จากดัชนี S&P 500 หลังจากการลอบสังหารมาร์ติน ลูเทอร์คิงจูเนียร์ ในปี 1968, ไมเคิลบราวน์ วัยรุ่นอายุ 18 ปี ที่ถูกตำรวจยิงเสียชีวิต ในปี 2014 และการเสียชีวิตของฟลอยด์ในวันที่ 25 พฤษภาคม

ทั้งนี้ สื่อธุรกิจอื่น ๆ และช่องทีวีในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้เปรียบเทียบประสิทธิภาพของตลาดกับความวุ่นวายทางสังคมในปัจจุบันและประวัติศาสตร์เช่นกัน แต่เหล่านั้นนำเสนอโดยมีพื้นหลังและคำอธิบายที่สำคัญ

ด้านสมาชิกสภาผู้แทน อิลลินอย บ็อบบี้ รัช กล่าวว่ากราฟิกทำให้ชัดเจนว่า Fox News“ ไม่สนใจเกี่ยวกับชีวิตคนผิวดำ” ในขณะที่ ไมเคิล สตีลเล อดีตประธานคณะกรรมการแห่งชาติ พรรครีพัลบลิกัน และนักวิเคราะห์การเมือง MSNBC ได้โพสต์ว่า “นี่คือวิธีที่ฟ็อกนิวส์ โศกเศร้ากับการสูญเสียคนผิวดำที่ตลาดหุ้นจะขึ้นไปเท่าไร”

เบร์ต ไบเออร์ พิธีกรรายการฯ ได้รีทวีตคำขอโทษของ Fox โดยไม่มีความคิดเห็นเพิ่มเติม

หลังจากวันเสาร์ที่ผ่านมา ทางสถานีถ่ายทอด "America's News HQ" ของ Fox ผู้ประกาศข่าวและนักข่าวอาวุโส อีริก ฌอน กล่าวว่าไม่ควรใช้ภาพกราฟิก

“เมื่อคืนนี้ Fox News Channel ออกอากาศอินโฟกราฟิกส์เพื่อแสดงตลาดหุ้นในบางโอกาสที่เกิดขึ้นท่ามกลางความวุ่นวายความไม่สงบและโศกนาฏกรรม” ฌอนกล่าวและเสริมว่า “ในกรายงานพิเศษ ไม่สามารถอธิบายบริบทของยุคสมัยที่เราอาศัยอยู่ และไม่ควรใช้กราฟิกนั้น”

จาก - https://chicago.suntimes.com/2020/6/6/21282759/fox-news-stock-market-graphic-black-deaths

 

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เปรู โรงงานผลิตหีบศพในเปรูต้องเพิ่มการผลิตเป็น 2 เท่า เนื่องจากความต้องการมีมากขึ้นในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 | ที่มาภาพ: Ernesto BENAVIDES/AFP (อ้างใน France 24) https://bit.ly/3eThzwB

อ่านเพิ่มเติมใน 'จับตา: สถานการณ์ COVID-19 ประจำสัปดาห์ 31 พ.ค.-6 มิ.ย. 2020' https://www.tcijthai.com/news/2020/07/watch/10469