ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อาม่าชาวจีน สุดดีใจมาเยี่ยมหลาน เข้าครัวแสดงฝีมือทำกับข้าว แต่อาตี๋เห็น "ปลานึ่งซีอื๊ว" ที่อาม่าทำแล้วถึงกับตะเกียบร่วง น้ำตาริน เพราะนั่นคือ "ปลามังกรทอง" หรือ ปลาอโรวาน่า ของเล่นเศรษฐีที่เลี้ยงไว้ มื้อนี้กินแพงเกือบ 1 แสนบาท
    (ข่าวเก่าเล่าใหม่)

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ซินหัว, เซี่ยงไฮ้—โรงพยาบาลหัวซานของมหาวิทยาลัยฟู่ตั้นแห่งนครเซี่ยงไฮ้ ดำเนินการฉีด “เจเอส016 (JS016)” ซึ่งเป็นโมโนโคลนอล แอนติบอดี (monoclonal antibody) ชนิดดีแบบสายผสมจากมนุษย์ทั้งหมด แก่ผู้รับการทดลองคนแรกเมื่อเช้าวันอาทิตย์ (7 มิ.ย.)

    คาดว่าการรักษาด้วยแอนติบอดีชนิดดีจะเป็นตัวเลือกแรกในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 เนื่องจากสามารถพุ่งเป้าไปยังไวรัสโคโรนาและยับยั้งการจำลองตัวของไวรัสได้อย่างแม่นยำ

    https://mgronline.com/china/detail/9630000059115

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รัฐบาล #จีน เผยรายงาน “ปฏิบัติการสู้ #โควิด-19” ใช้เวลา 3 เดือนชนะศึกไวรัสอู่ฮั่น เผยการแพทย์แผนจีนช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ถึงร้อยละ 92

    กองงานโฆษกสำนักงานคณะรัฐมนตรีจีน แถลงรายงาน “ปฏิบัติการจีน สู้โควิด-19” ระบุว่าจีนใช้งบประมาณในการรับมือการระบาดของโควิด-19 มากถึง 1,350 ล้านหยวน ประชาชนชาวจีนต้องเสียสละครั้งยิ่งใหญ่กว่าจะควบคุมการระบาดได้ โดยใช้เวลาราว 2 เดือนทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อภายในประเทศรายวันลดเหลือเพียงเลขหลักเดียว ใช้เวลา 3 เดือนเอาชนะศึกโรคระบาด พิทักษ์เมืองอู่ฮั่น และมณฑลหูเป่ย
    .
    รายงานระบุว่า รัฐบาลจีนแบ่งการต่อสู้กับโควิดเป็น 5 ช่วง ได้แก่ การรับมือโรคระบาดที่เกิดขึ้นฉับพลัน, ควบคุมการระบาดไม่ให้ยืดเยื้อ, ลดจำนวนผู้ติดเชื้อภายในประเทศ, พิทักษ์เมืองอู่ฮั่นและมณฑลหูเป่ย และสร้างวิถีชีวิตใหม่เพื่อป้องกันโรค
    .
    พร้อมระบุว่า เมื่อจีนพบการระบาดของโรคปอดอักเสบลึกลับที่เมืองอู่ฮั่น ก็ได้แจ้งให้องค์การอนามัยโลก และประเทศต่าง ๆ รวมทั้งสหรัฐทราบอย่างทันท่วงที รวมทั้งแบ่งปันข้อมูลโครงสร้างทางพันธุกรรมของเชื้อไวรัสให้กับนานาชาตินำไปวิเคราะห์ และใช้สกัดกั้นการระบาด
    .
    รัฐบาลจีนอ้างว่า เจ้าหน้าที่จีนได้โทรศัพท์หารือกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา หรือ CDC ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันว่าจะแลกเปลี่ยนข่าวสาร และร่วมมือกันทางด้านเทคนิคอย่างใกล้ชิด
    .
    แพทย์แผนจีนผสานตะวันตกช่วยชีวิตผู้ป่วย
    .
    รายงานยังระบุว่า จีนใช้การรักษาแผนปัจจุบันผสมผสานกับยาสมุนไพรและวิธีรักษาแบบจีน มีส่วนช่วยในการรักษาผู้ป่วยโควิดถึงร้อยละ 92
    .
    อย่างไรก็ตาม แพทย์แผนจีนก๋็ถูกอวดอ้างสรรพคุณเกินจริงอยู่บ่อยครั้ง จนอาจเข้าข่าย "หลอกลวง" สร้างความเสี่ยงต่อสุขภาพของประชาชน
    .
    คณะกรรมการสาธารณสุขกรุงปักกิ่ง กำลังเสนอร่างกฎหมายเกี่ยวกับยาและการแพทย์แผนจีน โดยมีบทบัญญัติว่า “ห้ามบุคคลหรือองค์กรใด โฆษณาสรรพคุณของยาจีนเกินจริงหรือเป็นเท็จ” “ห้ามอ้างอิงการแพทย์แผนจีนเพื่อผลประโยชน์ที่ไม่ชอบธรรม หรือสร้างความสูญเสียต่อประโยชน์สาธารณะ” และ “ห้ามใช้วิธีการใดๆ ทำลาย หรือสร้างความเข้าใจผิดต่อยาและการแพทย์แผนแผนจีน” ผู้กระทำผิดจะต้องรับผิดทางอาญา
    .
    ปลายปี 2019 รัฐบาลจีนได้กำหนดนโยบายส่งเสริมและพัฒนายาสมุนไพรและการแพทย์แผนจีน ในการต่อสู้กับโควิด-19 ทางการจีนก็ได้เน้นย้ำถึงประสิทธิภาพของยาตำรับจีน ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงได้เอ่ยถึงการผสมผสานรักษาแบบตะวันตกกับแผนจีน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการรักษาและฟื้นฟูร่างกายของผู้ป่วยโควิด.

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กระสุนยางไม่ใช่ลูกยางเด้ง อันตรายเมื่อยิงใส่โดยตรง

    เมื่อคนได้ยินคำว่า “ยาง” กระสุนยาง อาจรู้สึกว่าเวลาโดนตัวมันจะเด้ง ๆ และแค่เจ็บเล็กน้อย” แต่ Andre Andreararles นักถ่ายภาพข่าว วัย 27 ปีได้บอกกับ The Cut เกี่ยวกับประสบการณ์ที่เจ็บปวดของการถูกยิงในระหว่างการประท้วงว่า "ผมเคยโดนลูกเบสบอลขว้างอัดใส่มาก่อนและนี่แย่กว่า 100 เท่า"

    "ผมโดนยิงล้มร่วงพื้น มือยังถือกล้องอยู่ ลุกขึ้นได้ขาเดินกะเผลก ผมคิดเลยว่าจะเป็นอย่างไร ถ้าโดนยิงเข้าที่ตา คงตาบอด ถ้ายิงอัดที่หน้าอกจะเป็นอย่างไร พวกเขาไม่ได้เล็ง ตอนแรกที่โดนเจ็บตรงจุดที่โดนมาก หลังจากนั้นอาการปวดก็ขยาย ทั้งปวดทั้งบวม"

    อังเดร โดนกระสุนยางสองครั้งขณะถ่ายภาพเหตุการณ์ประท้วงที่เมืองมินนิแอโพลิส ในคืนวันศุกร์ (29 พ.ค.) ระหว่างเดินไปตามถนน เมื่อตำรวจปรากฏตัว พวกเขาก็เริ่มยิงทุกคน ผมยืนอยู่ในกลุ่มคนเป็นกลุ่มคนที่ไม่มีอาวุธ แต่ตำรวจไม่สนใจ

    อังเดร กล่าวว่า ตำรวจไม่ควรใช้ปืนทุกชนิดเพื่อสลายฝูงชน เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนของจริง รู้สึกเหมือนมีคนกำลังยิงคุณและคุณกำลังวิ่งเพื่อเอาชีวิตรอด

    อังเดร โดนกระสุนยางอีกนัดในวันเสาร์ (30 พ.ค.) เมื่อผู้คนออกมาเดินขบวนเลยกำหนดเวลาเคอร์ฟิว 20.00 น. พวกเขาประท้วงอย่างสงบและคิดว่าเจ้าหน้าที่จะไม่ทำอะไร ทันใดมีเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งออกมาจากอาคาร พวกเขาโยนระเบิดควันเพื่อส่งสัญญาณการมาของพวกเขา ผมเดาว่ามันเป็นคำเตือน จากนั้นการยิงก็เริ่มขึ้นเลย ผมโดนเข้าไปอีกนัด

    ผมอยากจะล้มตัว แต่ฝืนวิ่งไปพร้อมกับคนอื่น ๆ บรรยากาศตอนนั้นเหมือนเจ้าหน้าที่กำลังคิดว่า "คนเหล่านี้ไม่ใช่มนุษย์ เป็นสัตว์ และมีความสุขกับการยิง” รู้สึกเหมือนกำลังฝึกซ้อมเป้า

    ท่ามกลางการประท้วงเรียกร้องความยุติธรรมหลังจากการตายของจอร์จฟลอยด์ ตำรวจทั่วประเทศได้ใช้กลยุทธ์รุนแรงเพื่อระงับการประท้วง รวมถึงการยิงกระสุนยางใส่ผู้ประท้วง ในขณะที่กระสุนยางถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่ากระสุนจริง แต่ก็ยังมีอันตราย บางชนิดมีขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือของคุณ มันไม่ได้ทำจากยางจริง ๆ และแม้จะมีการจัดหมวดหมู่ของพวกเขาเป็นอาวุธที่ "ไม่เป็นอันตราย" ในบางกรณีก็ทำให้เสียชีวิตได้

    นี่คือสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการใช้กระสุนยางของตำรวจ

    กระสุนยาง ไม่ใช่ยางจริง ๆ
    Fast Company รายงานว่า “กระสุนยาง” เป็นการเรียกชื่อที่ผิด ในความเป็นจริง กระสุนยางมักจะมีแกนโลหะหรือส่วนประกอบที่มีการเคลือบโพลีเมอร์บาง ๆ และบางส่วนทำจากโฟมหรือพลาสติกชุบแข็งทั้งหมด ไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าตำรวจยิงกระสุนยางไปกี่นัด บ่อยแค่ไหน

    ตามรายงานของ NBC ตำรวจไม่จำเป็นต้องแจ้งอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการใช้กระสุนยาง - กระสุนยางจัดว่าเป็นอาวุธควบคุมฝูงชนมาตรฐาน ไม่คมกระสุนเช่นกระสุนปกติทั่วไปเพื่อไม่ให้คมเจาะทะลุร่างกาย และอาจไม่มีความแม่นยำ จึงใช้เล็งต่ำยิงที่ขาหรือพื้นดินเป็นหลัก

    The Cut รายงานว่า ในช่วงสุดสัปดาห์ผู้ประท้วงเรียกร้องความยุติธรรมจากการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ ที่กลายเป็นเหยื่อของความโหดร้ายของตำรวจ ผู้ประท้วงได้เผชิญการใช้กำลังทางกายภาพและแก๊สน้ำตา รวมทั้งการขับรถตำรวจพุ่งกระแทกไปยังกลุ่มผู้ประท้วงที่ขวางถนน เจ้าหน้าที่ได้ยิงผู้ประท้วงหลายคนด้วยกระสุนยาง

    กระสุนยางนั้น มีจุดประสงค์ของการออกแบบโดยยิงมุ่งไปที่พื้นเพื่อให้ฝูงชนแตกกระจาย แต่เมื่อยิงตรงไปที่ร่างกายผู้ประท้วง ย่อมทำให้ผู้ถูกยิงได้บาดเจ็บสาหัส เช่น กระดูกซี่โครงร้าว กะโหลกศีรษะร้าว หรือแผลแตกอื่น ๆ และนี่คือสิ่งที่ตำรวจทำในการประท้วงทั่วอเมริกากับหลายกรณี

    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นักข่าวคนหนึ่งกล่าวว่ารู้สึกเหมือน“ใบหน้าของเธอระเบิด” พร้อมกับเลือดพุ่งอาบ หลังจากโดนกระสุนปืนยางในมินนิแอโพลิส นักแสดงเคนดริก แซมป์สัน กล่าวว่าเจ้าหน้าที่แอลเอพีดี เล็งปืนมาที่เขาโดยตรง ก่อนจะยิงกระสุนยาง และมีโพสต์วิดีโอของชายอีกคนหนึ่งที่ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลหลังจากถูกยิงที่หน้า

    ......

    ภาพจาก - Tamara Dhia@tamaradhia
    - Gina@MissGinaDarling
    - Adolfo Guzman-Lopez@AGuzmanLopez

    ข่าว - ‘Rubber Bullets’ Are Not Rubber
    https://www.thecut.com/2020/06/rubber-bullets-are-not-rubber.html
    - What It Feels Like to Be Shot by a Rubber Bullet
    https://www.thecut.com/2020/05/what-does-a-rubber-bullet-feel-like.html

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อดีตข้าราชการรัสเซียขโมยเครื่องบินรบกองทัพ ไปขายลำละแค่ 70 บาท เท่าของเล่นพลาสติก เบื้องหลังซ่อนกลโกง

    ขาย MiG-31 ลำละ 100 กว่ารูเบิล

    26 พฤษภาคม 2020 อดีตข้าราชการ Andrei Silyakov ถูกรวบตัวได้หลัง จากที่เมื่อ 9 ปีก่อน ถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุก 11 ปี และปรับ 1 ล้านรู เบิล โทษฐานขโมยเครื่องบิน MiG-31 ของทางการ จำนวน 4 ลำไปขายในราคาเท่ากับเครื่องบินของเล่นพลาสติก รวมถึงน้ำมันอีกมากกว่า 3 หมื่น 5 พันตัน แต่เนื่องจากเจ้าตัวหลบหนี ไม่ได้มาขึ้นศาล จึงยังไม่ได้ถูกลงโทษ และเพิ่งจะมาถูกจับได้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาที่บ้านเมียของตัวเอง

    รวมมูลค่าความเสียหายที่เขาก่อขึ้นคือ 1,320,755,000 รูเบิล

    เรื่องนี้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2007 เมื่อมีการตรวจสอบแล้วพบว่า MiG-31 จำนวน 4 ลำ ที่ไม่มีเครื่องยนต์และระบบอาวุธ ได้หายไปจากคลังสำรอง ที่เมืองนิชนึย นอฟโกรัด หลังการสอบสวนก็พบว่า พวกมันถูกขายออกไปในราคาลำละแค่ 153 รูเบิ้ล ซึ่งเป็นราคาเท่ากับเครื่องบินของเล่นพลาสติก

    จากการสอบสวนต่อไป ก็พบผู้กระทำความผิด ซึ่งก็คือ Silyakov ซึ่งก็ทำงานอยู่ที่คลังสำรองนี้ ในคลังสำรองที่เขาทำงานอยู่ มีสิ่งของจำเป็นทางการทหารเก็บไว้หลายพันรายการ และหนึ่งในจำนวนนั้นก็รวมถึง
    MiG-31 ในฐานะยุทโธปกรณ์สำรองทางยุทธศาสตร์ด้วย

    แม้ MiG-31 เหล่านี้จะไม่ได้มีไว้ขาย แต่มันก็ถูก Silyakov แทงอออกจากบัญชีสำรอง พร้อมกับข้าวของอื่น ๆ อีก 1,800 รายการ

    ตอนแรก บริษัท Sokol อยากจะซื้อเครื่องบินที่หลุดออกมาจากคลังสำ รอง โดยหวังนำไปขายต่อให้กับซีเรีย แต่พวกเขาบอกว่าไม่น่าจะกำไรหากต้องซื้อทั้งล็อต คือ 4 ลำ Silyakov ก็เลยบอกว่าจะช่วยพวกเขา โดย
    ให้มีการตีราคาเครื่องบินลำละ 147 รูเบิล ( ราคาจริงตกลำละ 116 ล้านรู เบิล ) จากนั้น เขาก็ได้ขายมันออกไปในราคา 153.40 รูเบิล โดยระบุว่าขายเป็นเศษเหล็กให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง หลังจากนั้น เครื่องบินก็ถูกขาย เป็นทอด ๆ ไปอีก 8 ทอด ซึ่งช่วงหนึ่ง ราคาของมันตกลงเหลือแค่ลำละ 130 รููเบิล

    และสุดท้ายแล้ว เครื่องบิน ก็มาอยูู่กับบริษัทของเมียของ Silyakov เอง และจากนั้น มันก็ถูกขายให้กับ Sokol ในราคาลำละเกือบ 1 ล้านรูเบิ้ล

    และที่ผิดปกติมากไปกว่านั้นก็คือ ตลอดช่วงเวลาดังกล่าว เครื่องบินทั้ง 4 จอดอยู่ในโรงจอดของ Sokol มาโดยตลอด แต่ทางเจ้าของบริษัทบอกว่าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น

    อยากได้สักลำเหมือนกัน ไม่มีเครื่องก็เอา

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วิกฤต-อเมริกัน รัฐล้มเหลว ในต้นศตวรรษที่ 21

    มีบทความวิเคราะห์หลายชิ้น เริ่มพูดถึงความวิกฤติของสหรัฐฯ โดยเมือไวรัสโคโรนาสายพันธุใหม่ มาสหรัฐฯ ชื่อชั้นประเทศที่มีระบบสาธารณสุขแข็งแกร่งที่สุดในโลก แต่กลับกลายเป็นว่า รับมือกับวิกฤตินี้เหมือนประเทศที่มีโครงสร้างพื้นฐานต่ำและรัฐบาลที่ไม่สมบูรณ์ บ้างว่ารุนแรงเข้าขั้น รัฐล้มเหลว

    ไวรัสโคโรน่าฯ ซึ่งก็มีอุบัติการณ์ระบาดซ้ำ ๆ แบบเดียวกับทุกที่ที่มันไปเยือน ที่เพิ่มเติมคือมันดูจะไร้ปราณีกับสังคมที่มีเงื่อนไขพื้นฐานอ่อนแอ เข้าข่ายป่วยเรื้อรัง - ชนชั้นทางการเมืองที่ทุจริตคอร์รัปชั่น , เศรษฐกิจที่ไร้หัวใจ, ประชาชนที่ถูกแบ่งแยกและสังคมต่างคนต่างอยู่

    สื่อในประเทศสหรัฐฯ เองก็กล่าวถึงเรื่องนี้ รวมถึงบทความ We Are Living in a Failed State แสดงความเห็นว่า สหรัฐฯ เป็นคิวหลัง ๆ ที่ไวรัสฯ มา ซึ่งมีเวลาเตรียมปราการป้องกัน แต่ที่ผู้นำ กับวุฒิสมาชิกและผู้บริหารระดับสูงทำ กลับไม่ใช่เพื่อป้องกันภัยพิบัติที่จะมาถึง

    แพทย์ของรัฐพยายามเตือนประชาชนถึงอันตราย แต่ที่ทำเนียบขาวกลับมองเป็นวาระการเมือง

    ทุกเช้าในเดือนมีนาคม ชาวอเมริกันตื่นขึ้นมาเพื่อพบว่าตัวเองเป็นพลเมืองของรัฐที่ล้มเหลว ไม่มีแผนระดับชาติ - ไม่มีคำแนะนำที่สอดคล้องกันเลย - ครอบครัว โรงเรียนและสำนักงาน ถูกทิ้งให้ตัดสินใจด้วยตัวเอง และกลายเป็นว่า ต้องรับของบริจาคจากรัสเซีย ไต้หวันและสหประชาชาติ

    บทความใน The Atlantic สื่อท้องถิ่น ใช้คำว่า ชาติมหาอำนาจที่ร่ำรวยที่สุด กลายเป็นชาติขอทานในความโกลาหลที่สุด และว่า โดนัลด์ ทรัมป์ มองวิกฤตเกือบทั้งหมดในแง่ส่วนตัวและการเมือง กังวลแต่ว่าใกล้จะมีการเลือกตั้งอีกครั้ง แต่ในแง่ชาวอเมริกันตอนนี้ กำลังอยู่ในสภาพว่า เชื่อผู้นำหรือไม่ เรายังสามารถปกครองตนเองได้หรือไม่?

    .................
    "สามวิกฤติ สหรัฐฯ ต้นศตวรรษ 21 (9/11, ซับไพร์ม, โรคระบาด)"

    #วิกฤติ11กันยายน -
    ศตวรรษที่ 21 เริ่มต้น สหรัฐอเมริกาพบเผชิญความโศกเศร้า กับวิกฤตที่มีนัยยะสำคัญของประเทศแล้ว 3 ครั้ง โดยครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 และ วิกฤติครั้งที่สองในปี 2008

    #วิกฤตซับไพรม์2008 -
    วิกฤติครั้งที่สองในปี 2008 คือวิกฤตสินเชื่อซับไพรม์ หรือที่เรียกว่า วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ สาเหตุหลักมาจากภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาแตก การกู้ยืมและการให้กู้ยืมที่มีความเสี่ยงสูง และระดับหนี้สินของบริษัทและบุคคลที่สูงเกินไป วิกฤติครั้งนี้มีผลหลายขั้นแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วทั่วโลก เผยให้เห็นความอ่อนแอในระบบการเงินและระบบการควบคุมทั่วโลก

    วิกฤติครั้งที่สองนี้เอง ที่ทำให้เกิดการแบ่งขั้วความคิดความนิยมทางการเมือง ในหมู่คนอเมริกัน: ชนชั้นสูงกับชนชั้นล่าง, รีพับลิกันและเดโมแครต, คนเมืองหลวงและชนบท, คนพื้นเมืองและผู้อพยพ, ชาวอเมริกันธรรมดาและผู้นำของพวกเขา

    ประชาชนอเมริกันระดับกลางและล่างเป็นหนี้และสูญเสียงาน เสียบ้านและเงินออมเพื่อการเกษียณอายุ หลายคนไม่เคยฟื้นตัวอีกเลย และหนำซ้ำคนหนุ่มสาวที่โตขึ้นมาในช่วงเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่นั้น ยังยากจนกว่าพ่อแม่ ความไม่เท่าเทียมในชีวิตชาวอเมริกัน ที่มีมานานนับตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1970 ก็ยิ่งเลวร้ายลง

    สายสัมพันธ์ที่ยึดเกี่ยวคนในสังคม กลายเป็นถูกดึงแยกตึงคนละขั้วเพิ่มขึ้นมาต่อเนื่องตลอดหลายสิบปี และตอนนี้เริ่มฉีกขาดจากกันแล้ว

    การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้ บริษัท และนักลงทุนมั่งคั่ง และทิ้งชนชั้นแรงงานไว้เบื้องหลัง

    นักการเมืองทั้งสองฝ่าย ก็เข้าใจความน่าเชื่อถือที่พวกเขาสูญเสียไป การเมืองที่กำลังจะมาถึง จึงเป็นเรื่องประชานิยม

    #วิกฤตโรคระบาด2020 -
    และแล้วโรคระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งคร่าชีวิตคนอเมริกันไปเกินกว่าแสนคนแล้ว ในเวลาเพียงสองเดือนที่ผ่านมา ก็คือวิกฤติที่สามในต้นศตวรรษที่ 21 ที่ยังไม่รู้จะจบอย่างไร ถ้าไวรัสฯ ไม่ปรานีผ่อนแรงให้เอง

    ขณะที่ดูเหมือน อเมริกาจะยอมแพ้เรื่องโรคระบาดแล้ว ก็พลันเกิดการประท้วงปะทุขึ้นทั่วประเทศ ไม่ใช่ไวรัสประท้วงแต่คือคนอเมริกันเอง

    #วิกฤตประท้วงต่อต้านเหยียดผิว 2020 -
    หลังจากหลายเดือนของพื้นที่สาธารณะร้างและถนนว่างเปล่าชาวอเมริกันกลับมาที่ถนนอีกครั้ง แต่ไม่ได้มาเพื่อมีความสุข เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะของประเทศเหนือโคโรนาไวรัส แต่กลับมีคนหลายหมื่นคนออกมาประท้วงกับระบบความไม่เท่าเทียมกันในสังคม และความโหดร้ายของตำรวจ หลังเหตุการณ์เสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์

    การยืนเป็นกลุ่มเป็นเวลานาน ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของ SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นไวรัสที่ทำให้ COVID-19 เพิ่มขึ้น แอนโทนี่ ฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ กล่าวว่ารูปแบบเฉพาะของมวลชนการประท้วงในบุคคลและการตอบโต้ของตำรวจนั้นเป็น “พฤติกรรมสมบูรณ์แบบ” สำหรับการแพร่เชื้อไวรัส

    วิกฤติโรคระบาด ทำให้สหรัฐฯ คนผิวดำเสียชีวิตจำนวนมาก คนผิวดำตายเกือบสองเท่า มีช่องว่างเทียบกับคนขาว ก็มีผู้กล่าวว่าเชื่อมโยงกับการเหยียดเชื้อชาติซึ่งเป็นเรื่องของระบบฯ ด้วย เช่นเดียวกับความไม่เสมอในกระบวนการยุติธรรม

    ชาวอเมริกันอาจต้องการให้ไวรัสหายไปแต่เมื่อสถานการณ์ความไม่สงบทั่วประเทศเป็นแบบนี้ คงยากที่จะควบคุม

    เช่นเดียวกัน ชาวอเมริกันอาจต้องการให้ระบบแห่งความไม่เท่าเทียมและเหยียดผิวหายไป แต่ก็ไม่มีใครบอกได้เลยว่าจะหายไปได้อย่างไร

    เมื่อวิกฤติความไม่เสมอภาคทางเชื้อชาติสองเรื่องพบกัน จึงมีผู้กล่าวเปรียบเปรยความไม่เสมอภาคทั้งในด้านสาธารณสุขและกระบวนการยุติธรรมนี้ว่า จอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำ อายุ 46 ปี เขาแม้จะรอดชีวิตจาก COVID-19 ในเดือนเมษายน แต่ก็ถูกฆ่าตายใต้เข่าของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเดือนพฤษภาคม

    .......
    ภาพ - The Atlantic
    ข้อมูล -
    1. America Is Giving Up on the Pandemic
    https://www.theatlantic.com/science/archive/2020/06/america-giving-up-on-pandemic/612796/
    2. We Are Living in a Failed State
    https://www.theatlantic.com/magazine/archive/2020/06/underlying-conditions/610261/
    3. Point of no return for Failed States of America
    https://asiatimes.com/2020/06/point-of-no-return-for-failed-states-of-america/

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วัคซีนเท่านั้นที่จะทำให้ #ญี่ปุ่น สามารถจัดมหกรรม “#โตเกียวโอลิมปิก” ได้ในปีหน้า รัฐบาลญี่ปุ่นจึงทุ่มงบประมาณสนับสนุนการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 และเร่งให้นำมาใช้โดยเร็ว

    https://mgronline.com/japan/detail/9630000059404

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ⚠️ ถึงแม้ #ตลาดหุ้นทั่วโลกจะโดนเทขาย ในคืนนี้แต่หุ้นบริษัทยาอย่าง Gilead และบริษัทยาอื่นๆยังบวกอยู่ ! หลังได้รับข่าวดีเรื่อง #ยารักษาไวรัสโควิด มีความคืบหน้าสำคัญเข้าไปอีกขั้นแล้ว !

    บริษัท Gilead Sciences Inc ได้ทำการทดลองยา Remdesivir กับกลุ่มลิงที่ได้รับไวรัสโควิดเข้าไป และพบว่าเหล่าลิงที่ได้รับยา Remdesivir ไม่มีการแสดงอาการของโรคระบบทางเดินหายใจเลย (Respiratory Disease) และลดความเสียหายต่อปอดได้อย่างมาก !

    ในการทดลองนี้นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการฉีดเชื้อไวรัสให้กับลิง 12 ตัว และแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่ให้ยา Remdesivir กับที่ไม่ได้ให้ จนพบว่ากลุ่มที่ได้รับยารักษาเข้าไปนั้นไม่มีตัวไหนแสดงอาการทางของโรคระบบทางเดินหายใจเลยซักตัว #ซึ่งถือว่าเป็นข่าวดีมากๆ และมีความสำคัญต่อการเริ่มทดลองขั้นต่อไป

    Remdesivir เป็นยาตัวแรกที่อาจเข้ามารักษาไวรัสโควิดให้กับมนุษย์ได้และเป็นความหวังของมนุษย์เราทุกคน หลังจากได้มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 7 ล้านคนและเสียชีวิตกว่า 400,000 คนทั่วโลกแล้ว ทุกๆประเทศก็พยายามเร่งหายารักษาอย่างสุดความสามารถ

    หลายท่านอาจคิดว่าเคยได้ยินข่าวเรื่องนี้แล้วในเดือนเมษายน แต่นี้คือ #คนละการทดลองกัน

    เมื่อช่วงเดือนเมษายนสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐ (NIH) เคยได้ออกรายงานการทดลองใช้ยา Remdesivir ในลิงเช่นกันซึ่งก็ให้ผลที่ค่อนข้างดี แต่นั้นเป็นการศึกษาจากทาง NIH คนเดียวโดยไม่ได้มีคนร่วมตรวจสอบ แต่การทดลองครั้งนี้ได้รับการรับรองจากหลายฝ่ายถึงขั้นตอนการวิจัยแล้ว

    ตอนนี้ได้มีการทดลองใช้ยา Remdesivir ทดลองกับคนที่ป่วยหนักจริงๆ แล้วอย่างที่เราได้ยินในข่าว แต่ยังไม่มีกับผู้ป่วยทั่วไป

    ก่อนหน้านี้นั้นสำหรับผู้ป่วยที่อาการป่วยหนักมากๆ ยา Remdesivir ได้รับการอนุญาติพิเศษให้ทำการทดลองใช้ได้ และเราก็เห็นผลที่ค่อนข้างดี จนเป็นที่มาให้ราคาหุ้นบริษัท Gilead บวกขึ้นมาเรื่อยๆ

    แต่หลังจากผลทดลองในลิงเป็นไปอย่างน่าพอใจ ทางทีมผู้ทดลองกำลังขอร้องให้ยานี้ได้เข้าเริ่มทดลองกับผู้ป่วยมนุษย์ทั่วไป ที่ได้รับเชื้อแต่ยังไม่ป่วยหนักมากดูด้วย ว่าจะให้ผลออกมาเช่นไร ? และขอให้การทดลองกับมนุษย์ในห้องทดลองได้รับการทดสอบในขั้นต่อๆไปด้วยในเวลาเดียวกัน

    ⛔️ ติดตามทุกความเคลื่อนไหวในการลงทุนไปกับเพจเราได้ ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดจากทีมงาน แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ

    #ทันโลกกับTraderKP

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่ดีๆก็โดนเทขายพร้อมๆกันในวันนี้ (รวมถึง SET ของไทยเราเองด้วย) หลังจากที่อยู่บนเทรนด์ขึ้นมายาวนานหลายวัน #เราจะพอมีสัญญาณอะไรที่บ่งบอกได้ไหม ว่าการเทขายกำลังจะมา ?

    ✅ #มีแน่นอนครับ

    หนึ่งในสัญญาณของตลาดที่ใช้ชี้วัดได้ผลหลายครั้งและนำมาประกอบการตัดสินใจได้นั้นคือ VIX Index หรือดัชนีวัดความผันผวนของตลาดนั้นเองครับ ที่เราจะนำมาใช้ #วัดความกลัว ของนักลงทุนระดับโลกหรือกองทุน Hedge Funds ใหญ่ๆได้

    เมื่อคืนนี้เป็นคืนที่ดัชนีหุ้นในสหรัฐแตะจุดสูงสุดในรอบหลายเดือน ทาง Nasdaq เพิ่งทำ All Time High ไปเมื่อคืนและ S&P500 เพิ่งกลับมาแตะจุดบวกของปี... ข่าวต่างๆเหล่านี้นักลงทุนทุกท่านคงติดตามอยู่แล้ว แต่มีอีกหนึ่งข้อมูลที่อาจจะผลาดสายตาท่านนักลงทุนไปเมื่อคืน นั้นก็คือ...

    ดัชนี VIX ของ S&P ได้ปรับตัวสูงขึ้น +4% จาก 25 จุดไป 26 จุด ทั้งๆที่ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น ! #นี่คือสัญญาณของการเตรียมตัวว่าตลาดกำลังอาจจะเริ่มกลับทิศทางแล้ว ! (กราฟในคอมเม้นท์)

    วันนี้ทางเพจอยากจะมาย้ำ #กฏเหล็ก ของเทรดเอดร์ Options ที่นักลงทุนทุกท่านสามารถใช้ประโยชน์ได้ คือ

    1️⃣ #หากตลาดเป็นขาลงแต่ดัชนีความผันผวนปรับตัวลง

    2️⃣ #หากตลาดเป็นขาขึ้นแต่ดัชนีความผันผวนปรับตัวขึ้น

    หรือ #หากค่าดัชนีความผันผวนปรับตัวไปในทิศทางเดียวกับตลาด (โดยส่วนมากจะปรับตัวสวนทางกัน) ให้นักลงทุนเตรียมตัวได้เลยว่า #ตลาดกำลังอาจจะเปลี่ยนทิศแล้ว

    ทำไมสัญญาณนี้ถึงสำคัญและใช้ได้ผล ?

    ทางเพจได้เคยอธิบายเรื่อยๆมาถึงความสำคัญของดัชนี VIX Index หรือดัชนีวัดความผันผวนของตลาดว่าหากเทรดเดอร์หรือนักลงทุนท่านไหนสามารถเข้าใจกลไกตรงนี้ได้นั้น ก็จะเหมือนได้แหล่งข้อมูลงามๆมาเพิ่มอีกแหล่งนั้นเองครับ

    วันนี้อาจจะไม่ได้อธิบายในรายละเอียดมากเพราะกลัวจะซ้ำกับที่เคยเขียนไป แต่เดี๋ยวจะลิ้งค์บทความเก่าๆไว้ให้ในคอมเม้นท์นะครับ ท่านไหนสนใจเรื่องการเดทรด Options ก็ลองอ่านดูได้

    หลักๆเพราะว่าตลาด VIX นั้นมีแต่เหล่ากองทุนใหญ่ๆที่มีข้อมูลของตลาดอย่างมหาศาลเป็นผู้เล่นอยู่ หรือเป็นตลาดที่ #ไม่มีเม่า ทำให้สัญญาณต่างๆนั้นจึงชัดเจนและสำคัญมาก

    คล้ายๆกับที่นักลงทุนรายย่อยในไทยชอบซื้อขาย DW ที่มี Put + Call Options ทางกองทุน Hedge Funds ใหญ่ๆก็ชอบใช้เครื่องมือ Options เหล่านี้เข้ามาเก็งกำไรเหมือนกัน แต่ที่ต่างกันคือกองทุนเหล่านี้ไม่ได้นำมาใช้แค่เก็งกำไรแต่ยังนำมาใช้้บริหารความเสี่ยงของพอร์ตของพวกเขาด้วย

    โดยปกติแล้วเมื่อราคาสินทรัพย์กำลังเริ่มลดลงแปลว่ากำลังมี #ความกลัวในตลาดมากขึ้น จะทำให้กองทุนเหล่านี้เข้าซื้อ Options เข้ามาประกันพอร์ตของพวกเขามากขึ้น โดยการซื้อ Options มากขึ้นก็จะทำให้ VIX ดีดสูงขึ้นนั้นเอง

    1️⃣ #ทำให้เป็นเรื่องธรรมดา ที่ VIX จะขึ้นในตลาดขาลง

    แต่ในทางกลับกันหากราคาลงมาถึงจุดที่นักลงทุนเริ่มคิดว่าความเสี่ยงในตลาดเริ่มมีน้อยแล้ว หรือ #ความกลัวในตลาดกำลังลดลงไป เหล่ากองทุนพวกนี้ก็จะมาทยอยขายประกันต่างๆที่เคยซื้อไว้ หรือแม้แต่ขายประกันเปล่าๆเพื่อเป็นการเก็งกำไรด้วย การขาย Options มากขึ้นก็จะทำให้ VIX ปรับตัวลดลง

    2️⃣ #ทำให้เป็นเรื่องธรรมดา ที่ VIX จะลงในตลาดขาขึ้น

    ยกตัวอย่างตลาดเมื่อคืนนี้

    ในตลาดขาขึ้นแบบในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมานี้ มันยากมากที่เราจะพยายามหาสัญญาณกลับตัวจากดัชนีหุ้นกันเองเพราะทุกๆอย่างกำลังไปในทิศทางเดียวกัน และแนวต้านทางเทคนิคก็โดนเบรคกันไปเป็นว่าเล่น แต่เราจะใช้สัญญาณ VIX เข้ามาเสริมได้

    โดยเมื่อคืนนี้ดัชนี VIX S&P ดีดขึ้นทั้งๆที่ดัชนี S&P ก็ดีดขึ้นด้วย #อันนี้เป็นเรื่องแปลก

    โดยเราสามารถตีความได้ว่า เหล่ากองทุนเริ่มเข้ามาซื้อประกัน Options กันมากขึ้นทั้งๆที่ตลาดก็กำลังอยู่บนเทรนด์ขึ้นสวยๆ #แปลว่าเหล่ากองทุนใหญ่ๆเริ่มกลัวแล้ว

    ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในตลาด ไม่ว่าเราอาจจะไม่ได้ยินอะไรเลย แต่การที่นักลงทุนที่มีข้อมูลมากกว่าเราเริ่มกลัว #เราก็ควรจะเริ่มกลัวได้เหมือนกัน ว่าตลาดกำลังมีความเสี่ยงมากขึ้นหรืออาจจะเริ่มกลับทิศทางแล้ว

    วันนี้ขอยกตัวอย่างไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวจะแนบกราฟ VIX และบทความที่เคยได้อธิบายเรื่องเหล่านี้ไปอย่างระเอียดไว้แล้วให้ รบกวนนักลงทุนทุกท่านช่วย Comment กันเข้ามาหน่อยได้ไหมครับ ว่าบทความเหล่านี้มีประโยชน์ไหม ? ลึกไปไหม ? หรือไม่ได้ช่วยอะไร ?

    เพราะทางเราได้พยายามเขียนแนวนี้เรื่อยๆ แต่ยังไม่ได้รับผลตอบรับที่ดีเท่ากับบทความวิเคราะห์อื่นๆ จะได้เลือกได้ถูกว่าควรเขียนแนวไหนเยอะกว่ากันครับ

    ⛔️ ติดตามทุกความเคลื่อนไหวในการลงทุนไปกับเพจเราได้ ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดจากทีมงาน แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ

    #ทันโลกกับTraderKP

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ธนาคารโลกเผย COVID-19 ทำเศรษฐกิจโลกพังทลาย หนักสุดในรอบ 150 ปี
    : ธนาคารโลก รายงานคาดการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจโลก Global Economic Prospects ประจำปี 2020 ระบุว่า การเเพร่ระบาดของ COVID-19 ไปทั่วโลก ทำให้เกิดภาวะช็อกครั้งใหญ่อย่างรวดเร็วเเละรุนเเรง ซึ่งจะนำไปสู่การพังทลายของเศรษฐกิจโลกในวงกว้างที่สุด นับตั้งเเต่ปี 1870 (ในรอบ 150 ปี) แม้ว่ารัฐบาลในประเทศต่างๆ จะออกมาตรการมากมายอย่างไม่เคยมีมาก่อนเพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจเเล้วก็ตาม

    จากรายงานการคาดการณ์เศรษฐกิจโลกฉบับล่าสุด ธนาคารโลก (World Bank) ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกจะติดลบ 5.2% ในปีนี้ โดยหากพิจารณาจีดีพีต่อหัว จะพบว่าการหดตัวของเศรษฐกิจโลกในครั้งนี้ ตกต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 1945-46 ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

    ขณะเดียวกัน ยังมีอีกหลายประเทศที่ประสบความสูญเสียทางเศรษฐกิจมากกว่านั้น ซึ่งหมายความว่าขนาดของภาวะเศรษฐกิจจะตกต่ำรุนแรงเป็นวงกว้างที่สุดในรอบ 150 ปี

    โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และญี่ปุ่น จะติดลบ 6.1% ยูโรโซน ติดลบ 9.1% บราซิล ติดลบ 8.0% อินเดีย ติดลบ 3.2% ส่วนเศรษฐกิจจีนคาดว่าจะยังเติบโต แต่จะเติบโตเพียง 1% ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดในรอบ 44 ปี

    ขณะที่เศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ และประเทศกำลังพัฒนาจะติดลบ 2.5% นับเป็นการหดตัวครั้งแรกของประเทศกลุ่มนี้ในรอบ 60 ปี ทั้งนี้คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะติดลบ 5.0%

    การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเเละเศรษฐกิจจีน อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาโดยเฉพาะประเทศที่ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์เป็นหลัก

    เเม้ World Bank จะคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะเริ่มฟื้นตัวและเติบโตได้ราว 4.2% ในปี 2021 แต่ก็เตือนว่า อาจมีการปรับตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจโลกให้ลดลงอีก หากเกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการระบาด ซึ่งจะทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์เเละสั่งปิดภาคธุรกิจต่างๆ อีกรอบ ทำให้ยังมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะดิ่งลงไปมากกว่านี้ เเละหากการเเพร่ระบาดยังคงยืดเยื้อ ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเศรษฐกิจโลกอาจหดตัวได้ถึง -8% ในปีนี้

    “ความเลวร้ายของวิกฤต COVID-19 ครั้งนี้ จะทำให้ผู้คน 70-100 ล้านคน ตกอยู่ในสภาพยากจนถึงขีดสุด มากกว่าตัวเลขที่เคยมีการประเมินก่อนหน้านี้ที่ 60 ล้านคน”

    โดย Arty Siriluck

    Source: positioning Magazine
    https://positioningmag.com/1282733

    www.worldbank.org

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ธปท.เอาแน่! คุมเงินบาทแข็ง สกัดเงินร้อนหวั่นทุบศก.ซํ้าโควิด
    : แบงก์ชาติฮึ่ม! นัดแบงก์ใหญ่ หาตัวช่วยคุมบาท หลังพบเงินร้อน 4 วันทะลักตลาดบอนด์ 1.4 หมื่นล้านบาท ทีเอ็มบีแนะผู้ส่งออกล็อกค่าเงิน ป้องกันเสี่ยง หลังสัญญาณต้นทุนทำฟอร์เวิร์ดกลับมาเป็นบวก อีไอซีประเมินเงินทุนไหลออกมีปริมาณน้อย สิ้นปีบาทอ่อนแตะช่วง 31.5-32.5 บาทต่อดอลลาร์

    ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ออกมาแทรกแซงค่าเงินบาทด้วยวาจาถึง 2 วันติดต่อกันในช่วงต้นเดือนมิ.ย. หลังจากเห็นสัญญาณ

    การแข็งค่าของเงินบาทรวดเร็วและมากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน จนอาจจะกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และยังพร้อมที่ตรวจสอบการทำธุรกรรมของกลุ่มผู้ค้าทองคำและพิจารณาแนวทางการดำเนินมาตรการต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อลดผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน และล่าสุดวันที่ 4 มิถุนายน ธปท.ได้เชิญธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เข้าหารือเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินและอีกหลายประเด็น ซึ่งคาดว่าธปท.จะมีเครื่องมือหรือมาตรการออกมาดูแลเกี่ยวกับการเข้ามาพักเงินระสั้น เกี่ยวกับธุรกรรมการซื้อหรือการขายทองคำ ซึ่งเป็นหนึ่งในทางเลือกที่จะดำเนินมาตรการเพื่อลดแรงกดดันค่าเงินบาท

    ทั้งนี้ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา นับจากเดือนมี.ค.-มิ.ย. เงินบาทแข็งค่าขึ้นถึง 4.22% เป็นอันดับสองรองจากค่าเงินรูเปียห์ ของอินโดนีเซีีย และล่าสุด 5 มิ.ย.ยังพบว่า มีเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้ถึง 14,400 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นเงินทุนที่ไหลเข้ามารุนแรง และทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 31.48 บาทต่อดอลลาร์ สหรัฐ แต่หากเทียบตั้งแต่ปลายปีก่อน ภาพรวมเงินบาทอ่อนค่าลง 5% (เทียบจาก 31.48 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 5 มิ.ย.63 กับสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 29.97 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ)

    แนะส่งออกล็อคค่าเงิน

    นายนริศ สถาผลเดชา เจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี ธนาคาร ทหารไทย หรือTMB Analytics เปิดเผยว่า เงินบาทแข็งค่าขึ้นเกิดจากการที่บริษัทในเครือต่างประเทศส่งเงินกลับ การชำระคืนสินเชื่อทางการค้าจากคู่ค้าต่างประเทศ และยังมีส่วนจากการส่งออกทองคำที่เพิ่มขึ้นมาก แต่แนวโน้มการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่ลดลง จากการขาดดุลในเดือนเม.ย. เป็นการส่งสัญญาณว่า เงินบาทจะไม่มีแรงกดดันมากนักในระยะยาว โดยคาดว่าอีก 3 เดือนข้างหน้า เงินบาทน่าจะกลับมาอ่อนค่าได้ จากเงินทุนที่จะไหลเข้าตลาดเงินมากกว่าการเกินดุลการค้าที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา

    โดยเฉพาะช่วงนี้กลุ่มอาหารกำลังจะกลับมา เห็นได้จากเดือนเมษายน ที่สินค้าส่งออกของไทยที่ยังขยายตัวได้ดี ในกลุ่มอาหาร อาทิ ข้าว มียอดการส่งออกเติบโต 23% ผัก ผลไม้แช่แข็ง 5.7% ไก่แช่แข็ง 10% อาหารสัตว์ 3.4% ดังนั้น หากเงินบาทยังแข็งค่า นอกจากกำไรของผู้ส่งออกกลุ่มอาหารดังกล่าวจะหายไปตามการแข็งค่าของเงินบาทแล้ว ยังทำให้กลุ่มนี้เสียเปรียบเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน

    “ที่ผ่านมา มองว่าเป็นการเก็งกำไรระยะสั้นในตลาดเงิน แต่พอเงินบาทแข็งค่ามาที่ระดับ 31.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เชื่อว่า ทางธปท.น่าจะมีการดูแลอย่างเข้มข้น เพราะหากปล่อยให้เงินบาทแข็งต่อไปจะกระทบผู้ส่งออกกลุ่มอาหาร โดยมองว่าเงินบาทจะอยู่ที่ระดับ 31.80 บาท/ดอลลาร์สหรัฐในช่วงที่เหลือ 3 เดือนข้างหน้า”

    อย่างไรก็ตาม แนะนำผู้ส่งออกให้เริ่มทำฟอร์เวิร์ดน่าจะดีกว่า เพราะสัญญาณ Swap Point หรือต้นทุนในการทำฟอร์เวิร์ดที่กลับมาเป็นบวก อยู่ที่ 2.25 สตางค์ต่อมูลค่าส่งออก ภายใต้สัญญา 6 เดือน ซึ่งจะทำให้ผู้ส่งออกสามารถล็อกค่าเงิน ล็อคกำไรไว้ได้ เพราะต้นทุนซื้อฟอร์เวิร์ดสิ้นปี 2562 ติดลบ 12 สตางค์หรือกลางปีก่อนติดลบ 14 สตางค์ หรือผู้ส่งออกจะใช้โครงการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนหรือ FX Option

    เงินไหลออกน้อย

    นายยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด EIC ธนาคารไทยพาณิชย์กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีเงินบาทอ่อนค่าลง 6% สาเหตุเพราะไทยพึ่งพาทั้งการค้าและการท่องเที่ยวจากต่างประเทศ แต่มองไปข้างหน้าคาดว่า เงินบาทจะเคลื่อนไหวทิศทางอ่อนค่า โดยสิ้นปีจะอยู่ในช่วง 31.5-32.5 บาทต่อดอลลาร์ เพราะแนวโน้มไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัดลดลงมาก จากดุลบริการที่หายไปตามจำนวนนักท่องเที่ยว ซึ่งปีนี้คาดว่า จะหดตัว 75.3% คือ มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพียง 9.8 ล้านคน จากเดิมคาดไว้ที่ 13.1 ล้านคน บวกกับเศรษฐกิจที่จะฟื้นตัวอย่างช้าๆ ตามภาคการท่องเที่ยวและอุปสงค์ในประเทศเป็นปัจจัยกดดันค่าเงินบาทระยะข้างหน้า แต่เงินบาทอาจไม่อ่อนค่ามากนัก เพราะดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่า

    นอกจากนี้ปัจจัยควบคุมโควิด-19 ที่ดีขึ้นและเริ่มทยอยเปิดเมืองทำให้ความกังวลต่อความเสี่ยงในตลาดเงินของนักลงทุนลดลง ประกอบกับแนวโน้มเงินทุนไหลออกจากไทยในปริมาณมากมีโอกาสน้อยในระยะต่อไป เพราะที่ผ่านมาเงินทุนไหลออกมากแล้ว

    ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ธปท.น่าจะอยู่ระหว่างติดตามธุรกรรมทางการเงินที่อาจจะมีผลต่อความผันผวนของเงินบาทใน 2 ส่วนคือ 1.ธุรกรรมของกลุ่มผู้ค้าทองคำ โดยเฉพาะช่วงที่ปริมาณส่งออกทองคำอยู่ในระดับสูง 2.การทยอยกลับเข้าซื้อพันธบัตรระยะต่ำกว่า 1 ปี ซึ่งสะท้อนการพักเงินระยะสั้นอีกครั้งของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งอาจพิจารณามาตรการเพิ่มเติม เพื่อลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาทในระยะข้างหน้า

    หนุนบาทแตะ33-34

    นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สรท.) กล่าวว่า เงินบาทแข็งค่าถือเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงอันดับต้นๆ ต่อภาคการส่งออกของไทยในเวลานี้ ซึ่งมีส่วนสำคัญจากเงินทุนต่างประเทศไหลเข้า รวมถึงการเก็งกำไรจากการส่งออกทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้นมากในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา มีส่วนสร้างแรงกดดันทำให้เงินบาทแข็งค่ากระทบต่อความสามารถในการแข่งขันส่งออกของไทยที่กำลังฟื้นตัวจากโควิด-19

    “อยากฝากธปท.ช่วยดูแลค่าเงินบาทอย่าให้แข็งค่ามาก เพราะจะทำให้สินค้าส่งออกของไทยมีราคาสูงขึ้น กระทบความสามารถในการแข่งขันเมื่อเทียบกับสินค้าของคู่แข่ง หากถามว่าต้องการเงินบาทที่เท่าใด เราอยากให้อยู่ที่ 33-34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ หรือไม่แข็งค่าไปมากกว่าสกุลเงินของคู่แข่งขันมาก”

    Source: ฐานเศรษฐกิจออนไลน์

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ดอลลาร์อ่อนเกินต้าน ดันเงินภูมิภาคแข็งถ้วนหน้า

    หลังสถานการณ์ Covid-19 คลี่คลายขึ้น หลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ในไตรมาส 2 เป็นต้นมา ส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าต่อเนื่องไปกว่า 4% ประกอบกับเงินทุนที่เริ่มกลับมาเข้ามาลงทุนในกลุ่มประเทศ EM กดดันให้เงินสกุลภูมิภาคกลับมาแข็งค่ากันถ้วนหน้า

    โดยในไตรมาส 2 นี้ เงินรูเปียห์ (อินโดนีเซีย) ได้ปรับแข็งค่าไปมากที่สุดกว่า 13% ขณะที่ค่าเงินบาทเองปรับแข็งค่าไป 4% เช่นเดียวกับเงินสกุลอื่น ๆ

    อย่างไรก็ตาม หากดูตั้งแต่ต้นปีเงินสกุลภูมิภาคส่วนใหญ่ยังคงอ่อนค่า โดยเงินบาทยังคงอ่อนค่าเป็นอันดับ 2 ที่ 4.4% รองจาก รูปีย์ (อินเดีย) ที่อ่อนค่าไป 5.5% ขณะที่เปโซ ฟิลิปปินส์ แข็งค่าสุดที่ 1.8%

    ปล. เห็นข่าวว่า แบงก์ชาติ เค้าไม่ปลื้มที่บาทกลับมาแข็ง เรียกแบงก์ไปเข้าหารือมาตรการกัน จับตากันทั้งตลาดว่าคราวนี้ แบงก์ชาติจะมีมาตรการไม้เด็ด หรือ (ไม้จิ้มฟัน) คริ

    #33ได้เห็นเป็นบุญตา #32ผ่านมาแล้วผ่านไป #31แบงก์ชาติจะเอายังไง #29เลเวลถัดไปหนูไม่เอา #ค่าเงินบาท #USDTHB

    Fx Insight

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกาหลีเหนือเตรียมตัดการสื่อสารทุกช่องทางกับเกาหลีใต้ เริ่มเที่ยงวันนี้
    : สำนักข่าว KCNA ของทางการเกาหลีเหนือรายงานว่า เกาหลีเหนือจะตัดการสื่อสารทุกช่องทางกับทางการเกาหลีใต้ตั้งแต่เที่ยงวันนี้เป็นต้นไป เพื่อประท้วงเหตุการณ์ล่าสุดที่มีการปล่อยลูกโป่งที่ติดใบปลิวต่อต้านรัฐบาลเปียงยางเข้าไปในดินแดนของเกาหลีเหนือ

    เจ้าหน้าที่ของ KCNA ระบุว่า "มาตรการนี้เป็นขั้นแรกของการตัดสินใจตัดการสื่อสารกับเกาหลีใต้ทั้งหมด และกำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป"

    สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เส้นทางการสื่อสารที่จะถูกตัดนั้น จะรวมถึงที่สำนักงานติดต่อประสานงาน รวมทั้งการสื่อสารระหว่างกองทัพทั้งสองประเทศ และระหว่างสำนักประธานาธิบดีเกาหลีใต้กับพรรคแรงงานของเกาหลีเหนือ

    การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นในวันจันทร์ในระหว่างการประชุมซึ่ง คิม โย จอง น้องสาวของคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ และนายคิม ยอง โชล รองประธานพรรคแรงงานของเกาหลีเหนือ เข้าร่วมประชุมด้วย

    ทั้งนี้ เมื่อวันพฤหัสบดี (4 มิ.ย.) คิม โย จอง น้องสาวของคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือได้ประกาศเตือนรัฐบาลเกาหลีใต้ว่า เกาหลีเหนือจะปิดสำนักงานติดต่อประสานงาน หรือถอนตัวจากข้อตกลงทางทหารระหว่างเกาหลีเมื่อปี 2561 หากเกาหลีใต้ไม่จัดการอย่างรวดเร็วกับพฤติกรรมที่ไม่เป็นมิตร อาทิเช่น การส่งใบปลิวต่อต้านรัฐบาลเปียงยางเข้าสู่เกาหลีเหนือ

    ทางด้านโฆษกทบวงแนวร่วมแห่งคณะกรรมการกลางพรรคแรงงาน (CCWP) ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบดูแลความสัมพันธ์กับเกาหลีใต้ กล่าวว่า "เมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา มีใบปลิวต่อต้านเกาหลีเหนือถูกโปรยออกมาอย่างเปิดเผย มีการทิ้งขยะสกปรกจากเกาหลีใต้เข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน ซึ่งบั่นทอนกำลังใจเรามากพอที่จะตระหนักถึงข้อสรุปที่ชัดเจนว่าศัตรูก็ยังคงเป็นศัตรู" โฆษกกล่าว

    ดังนั้น "สิ่งแรกที่เราจะทำคือ ยกเลิกสำนักงานติดต่อประสานงานระหว่างเกาหลีเหนือ-ใต้ ที่ตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรมแกซอง" โฆษกกล่าว พร้อมเสริมว่า หลังจากนี้ก็จะมีมาตรการลงโทษเพิ่มเติม

    สำนักงานติดต่อประสานงานดังกล่าวตั้งอยู่ที่ฝั่งเกาหลีเหนือ และออกแบบให้ทั้งสองเกาหลีมีการติดต่อกันได้ตลอดเวลา เพื่อเป็นช่องทางประจำสำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ

    Source: อินโฟเควสท์
    แปลและเรียบเรียงโดย สาริน โรจนวงศ์สกุล/รัตนา
    www.bloomberg.com

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐขาดดุลฐานะการคลังระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2010 ในเดือน พค.
    : Congressional Budget Office (CBO) เปิดเผยประมาณการว่าฐานะขาดดุลทางการคลังของสหรัฐฯ ณ เดือน พ.ค. 2020 อยู่ที่ 424 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากเดือนเดียวกันในปีก่อนหน้า ทำให้ยอดขาดดุลรวมของปีงบประมาณ 2020 (ต.ค. 2019 – พ.ค. 2020) อยู่ที่ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 739 พันล้านดอลลาร์ สรอ. หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีงบประมาณ 2019 และทำให้ยอดการขาดดุลทางการคลังของช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 10 ของ GDP ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2010

    ทั้งนี้ CBO ประมาณการว่ายอดขาดดุลทางการคลังจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.7 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ. ภายในเดือน ก.ย. นี้ (สิ้นปีงบประมาณ 2020) ซึ่งเป็นผลจากการระดมเงินเพื่อใช้ในมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงที่มีการออกมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด COVID-19 ที่ผ่านมา โดยที่ในเดือน พ.ค. ยอดรายจ่ายทางการคลังในมาตรการดังกล่าวเพิ่มขึ้นร้อยละ 53 จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ 598 พันล้านดอลลาร์ สรอ.

    ขณะที่รายรับกลับหดตัวที่ร้อยละ 25 จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ 175 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ผลจากมาตรการขยายเวลายื่นภาษีไปจนถึงเดือน ก.ค. และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ชะงักตัว

    อย่างไรก็ตาม งบประมาณรายจ่ายที่ CBO ประเมินยังไม่รวมมาตรการทางการคลังที่กำลังพิจารณาในชั้นวุฒิสภา ซึ่งนาย Mitch McCornell ประธานวิปเสียงข้างมากของวุฒิสภาคาดว่าจะกลับมาพิจารณาข้อเสนอมาตรการทางการคลังเพิ่มเติมได้หลังวันที่ 3 ก.ค. และคาดว่าจะสามารถลงมติได้หลังวันที่ 20 ก.ค. โดยเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถผ่านรายจ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ.

    Source: BoTSS
    www.wsj.com

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ธรรมศาสตร์อนุญาตแต่งตัวตามเพศสภาพ
    .
    อธิการบดีมหาวิทยาลัย #ธรรมศาสตร์ ลงนามในประกาศ ให้นักศึกษาแต่งกายได้ตามเพศวิถี รวมถึงรับปริญญา เหยียดดูหมิ่นเจอโทษวินัย มีผล 9 มิ.ย.เป็นต้นไป #TU #LGBTQ
    Credit Twitter #eak_reporter

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ดื่มชาไข่มุกจนเข้าโรงพยาบาล
    .
    หลายคนคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า“ชาไข่มุกบำบัดได้ทุกสิ่ง” ซึ่งประโยคนั้นอาจใช้ไม่ได้กับข่าวต่อไปนี้
    Tian Tian(ชื่อสมมุติ)อายุ 18 ปี อยู่ในอาการโคม่าถึง 5 วันที่โรงพยาบาลหลังจากที่เธอดื่มชาไข่มุกวันละ 2 แก้วเป็นอย่างน้อยต่อเนื่องกัน 1 เดือน โดยหมอพบว่าเธอมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าคนทั่วไปถึง 25 เท่า
    เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ Shanghai โดยเธอถูกพบหมดสติในวันที่ 2 พฤษภาคม 2563 และถูกนำตะวส่งไปยังโรงพยาบาล Ruijin ใน Jiading, Shanghai

    หลังจากดูที่ระดับความดันโลหิตของเธอ เจ้าหน้าที่การแพทย์ฉุกเฉินสงสัยว่าเธอเข้าสู่ภาวะโคม่าเพราะน้ำตาลในเลือดสูงและส่งเธอไปที่ห้องดูแลผู้ป่วยฉุกเฉิน (EICU)ทันทีแล้วเธอต้องอยู่ในนั้นถึง 5 วัน โดยทางแพทย์แจ้งว่าเธอมีอาการแทรกซ้อนๆได้ไปของเธอก็ได้รับความเสียหายจากการรับน้ำตาลจำนวนมาก
    โดยเมื่อผ่านไป 5 วันเธอก็ได้ฟื้นขึ้นหลังจากได้พูดคุยเธอสัญญากับแพทย์ว่าจะไม่ทานชานมอีก

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อินเดียกลับมาระบาดหนักทันทีที่เปิดประเทศ
    .
    หลังจากล็อคดาวและปิดประเทศอยู่ระยะหนึ่งในที่สุดวันจันทร์ที่ผ่านมาอินเดียได้กลับมาเปิดประเทศครั้ง ท่ามกลางเสียงคัดค้านของฝ่ายสาธารณสุข หลังเปิดประเทศได้เพียงวันเดียวยอดผู้ติดเชื้อทั่วไปที่ 9,983 ราย
    อินเดียกำลังประสบภาวะปัญหาใหญ่จากการปิดประเทศทำให้เศรษฐกิจไม่เดินและมีคนเดือดร้อนจำนวนมากเลยยอมเปิดประเทศท่ามกลางเสียงคัดค้านเนื่องจากการระบาดยังไม่มีแนวโน้มลดลงแต่อย่างใด

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    'สิงคโปร์ แอร์ไลน์'ได้ประกาศระดมทุนผ่านการให้สิทธิผู้ถือหุ้นเดิมจองซื้อหุ้นใหม่ตามสัดส่วน เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นเดิมอย่าง เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ เป็นวงเงินราว 8.8 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์และได้ประกาศปรับลดความจุผู้โดยสารลง 96% เพื่อประคองธุรกิจ
    ทำให้ปัจจุบันเครื่องบินของทางสายการบินจะถูกสั่งจอดราว 138 ลำ จากทั้งหมดที่มีอยู่ 147 ลำ

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เวียดนามเปิดตัวกองตำรวจม้าแห่งแรกของประเทศ
    .
    เวียดนามนั้นได้มีการนำเข้ามาจากมองโกเลียเพื่อฝึกตำรวจให้ใช้ไม้ในการทำงาน โดยตำรวจม้าเหล่านี้จะกระจายอยู่ทั่วประเทศยิ่งในพื้นที่ที่ยังเป็นชนบทการใช้มอเตอร์ไซค์หรืออื่นๆอาจจะเป็นเรื่องลำบากมาเหล่านี้จึงเป็นประโยชน์อย่างมากในการลาดตระเวนตามพื้นที่ต่างๆ
    ในโลกไซเบอร์มีการพูดถึงม้าของเวียดนามที่ใช้ว่าตัวเล็กมากเมื่อเทียบกับคนขี่ แต่ก็มีข้อโต้แย้งมาว่าอาจจะเพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตำรวจสิงคโปร์จับหนุ่มที่โพสต์ข้อความจะยิงมุสลิม
    .
    ตำรวจตรวจสิงคโปร์ได้รับการแจ้งถึงการโพสต์ข้อความใน instagram
    เขามีความฝันว่าจะยิงมุสลิม - 'dream' of gunning down Muslims
    นอกจากนี้เขายังมีแนวคิดในเชิงเชิดชูคนจีนและเหยียบทุกคนที่ไม่ใช่ชาวจีน
    he also added how it felt "f*cking great" to gun down anyone who was "non-Chinese-looking".
    .
    ล่าสุดตำรวจสิงคโปร์ได้ตามตัวผู้โพสต์ได้แล้วเป็นชาวจีนอายุ 19 ปีนักศึกษา Temasek Polytechnic ตำรวจยังไม่ได้เปิดเผยอะไรมากนักก็อยู่ในช่วงกำลังสอบสวน
    สิงคโปร์เป็นที่รวมของหลายเชื้อชาติพันธุ์ดังนั้นความผิดเกี่ยวจึงมีการลงโทษทางกฎหมายแก่ผู้ที่ก่อให้เกิดความผิดทางทางเชื้อชาติภายในประเทศ ซึ่งบทลงโทษจะถูกจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือทั้งจำและปรับ

     

แชร์หน้านี้

Loading...