ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #คนไทยในญี่ปุ่น ขับรถชนคุณลุงวัย 57 ปีเสียชีวิตแต่หนีไม่ลงไปดู!!

    เมื่อวันที่ 6 มิ.ย ที่ผ่านมาได้มีคนไทยในญี่ปุ่นที่เป็นเด็กฝึกงานเกี่ยวกับเกษตร วัย 39 ปี ในจังหวัดชิบะได้ขับรถกระบะเล็กพลาดท่าชนคุณลุงวัย 57 ปีชาวญี่ปุ่นขณะขับจักรยานเสียชีวิต และได้ขับหลบหนีไป สุดท้ายได้ยอมมอบตัวให้ตำรวจญี่ปุ่นในเวลาต่อมา...

    อ้างอิง : https://news.tv-asahi.co.jp/

    ----------------------------------------------------
    กดติดตามเพจนี้ "คนไทยในญี่ปุ่น" และกดเห็นโพสต์ก่อน เราจะคัดข่าวและคอนเท้นต์ที่มีคุณภาพสู่มือถือของคุณในทุกๆวัน!

    (สังคมคนชื่นชอบญี่ปุ่น)
    เข้ากลุ่ม "คนไทยในญี่ปุ่น" : https://bit.ly/357lfXY
    Line กลุ่ม : https://bit.ly/2YDHCTo

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักเคลื่อนไหวผิวสี ชี้ "จอร์จ ฟลอยด์"
    มีประวัติอาชญากรรมมากมาย ทั้งปล้นและเสพยา
    แม้ไม่ควรต้องตาย แต่ก็ไม่ควรยกเป็นฮีโร่
    ย้ำไม่เห็นด้วยกับการประท้วงใช้ความรุนแรง
    -------------------------------
    นักเคลื่อนไหวหญิงผิวดำ "แคนดิซ โอเวนส์" ออกมาให้ข้อมูลอีกด้านเกี่ยวกับ "จอร์จ ฟลอยด์" ผู้ล่วงลับ ที่การเสียชีวิตของเขากำลังทำให้เกิดกระแสเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับคนผิวดำทั่วโลกว่าแท้จริงแล้วชายคนนี้ ไม่ควรจะถูกยกย่องเป็นฮีโร่ แต่เรียกว่าเป็น "อาชญกรมืออาชีพ" ได้ด้วยซ้ำไป
    .
    นักเคลื่อนไหวทางการเมืองผิวดำที่ชื่อว่า แคนดิซ โอเวนส์ ซึ่งมีจุดยืนอยู่ในฝั่งอนุรักษ์นิยม และยังสนับสนุน ดอนัลด์ ทรัมป์ ด้วย จนทำให้ โอเวนส์ กลายเป็นบุคคลที่ค่อนข้างอื้อฉาว เพราะมีความคิดที่แตกต่างจากคนผิวดำส่วนใหญ่มาก

    แต่ข้อมูลของเธอในครั้งนี้กลับได้รับการเผยแพร่ไปทั่ว มีการส่งต่อไปในชุมชนออนไลน์ต่าง ๆ มากมาย และคนจำนวนไม่น้อยก็ยอมรับว่าคราวนี้ โอเวนส์ "มีเหตุผลอยู่เหมือนกัน"
    .
    "จอร์จ ฟลอยด์" ฮีโร่ หรือ อาชญากร!? โดนจับมาหลายครั้ง ทั้งเสพยา, ปล้น, ชิงทรัพย์หญิงท้องแก่ผิวดำ
    -------------------------------
    แคนดิซ โอเวนส์ กล่าวในคลิปว่าเธอเองเห็นด้วยกับการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เดเรค ชอวิน และผู้ร่วมงานทั้งหมด 4 คน เธอคิดว่าเขาทำเกินกว่าเหตุ และมีส่วนทำให้ ฟลอยด์ ต้องเสียชีวิต
    .
    แต่ในเวลาเดียวกัน โอเวนส์ ก็เชื่อว่า จอร์จ ฟลอยด์ กำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือในการเคลื่อนไหวทางการเมือง และตอนนี้ถูกยกย่องราวกับเป็น "ฮีโร่" ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วเขาแทบไม่ต่างอะไรกับ อาชญากรมืออาชีพเลย
    .
    จากข้อมูลการชันสูตรศพ โอเวนส์ เผยว่าระหว่างการจับกุมตัวจนทำให้เขาเสียชีวิต ฟลอยด์ มีอาการมึนเมายากล่อมประสาทประเภท fentanyl กับ methamphetamine และระหว่างการจับกุมยังพกสารลักษณะเป็นผงสีขาว คล้ายยาเสพติดประเภทโคเคนอยู่กับตัวเขา ซึ่งในคลิปที่มีการเผยแพร่กันก็จะเห็นสารดังกล่าวด้วย แต่สื่อกลับแทบไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย
    .
    นักเคลื่อนไหวสาวยังเปิดเผยว่า ฟลอยด์ เคยถูกจำคุกมาแล้ว 5 ครั้ง ในปี 1998, 2002, 2004, 2005 และ 2007 ทั้งคดีปล้น และการใช้ยาเสพติด ซึ่งคดีในปี 2007 เป็นการก่อคดีรุนแรงด้วยการบุกเข้าบ้านหญิงผิวดำที่กำลังตั้งครรภ์เพื่อปล้นทรัพย์ โดยในเหตุการณ์ ฟลอยด์ ยังใช้ปืนจ่อไปที่ท้องของหญิงที่เป็นเหยื่อด้วย
    .
    ตำรวจใช้ความรุนแรง หรือ คนดำ (บางส่วน) ทำตัวเป็นโจร! ตำรวจโดนคนดำฆ่ามากมาย
    -------------------------------
    "พวกเรา (คนผิวดำ) กลายเป็นพวกที่กำลังต่อสู้ และโวยวาย และเรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนของเราเองที่ไม่ได้เป็นคนดีอะไรเลย เรากำลังถูกหลอกด้วยคำโกหก จนกำลังสร้างความเสียหายให้กับทั้งชุมชนคนดำ รวมถึงพวกคนขาว และสังคมอเมริกันทั้งหมดด้วย" โอเวนส์ บอก
    .
    เธอยังตั้งคำถามถึงข้อกล่าวหาที่ว่าคนดำกำลังตกเป็นเหยื่อของการใช้ความรุนแรงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ว่าจริง ๆ แล้วหากคิดเป็นจำนวน มีตำรวจที่ถูกคนผิวดำฆ่า มากกว่าที่ตำรวจไปฆ่าคนดำถึง 18 เท่าเลยทีเดียว "แล้วตำรวจเคยทำอะไรผิดบางรึเปล่า? แน่นนอนว่าเคย ... เพราะพวกเขาก็เป็นคนเหมือนกัน และบางครั้งคนเราก็ทำอะไรห่วยแตก สังคมไม่ได้สมบูรณ์แบบ"
    .
    "เราไม่ควรมองอะไรแบบตื้น ๆ และเรายิ่งไม่ควรยอมรับการสร้างเรื่องของพวกเดโมเครตด้วย" โอเวนส์ กล่าว จนแม้แต่ ดอนัลด์ ทรัมป์ ก็ยังรีทวีตข้อความของเธอ
    .
    โครงการระดมทุนช่วยร้านที่เสียหายจากการประท้วงโดนระงับ
    -------------------------------
    กระแสการประท้วง Black Lives Matter ยังคงรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ มีทรัยพ์สินเสียหายจากผู้ประท้วงมากมายในหลาย ๆ รัฐของอเมริกา รวมถึงคาเฟ่ของนาย ไมเคิล ไดก์ส ใน เบอร์มิงแฮม อลาบามา ที่ถูกผู้ชุมชนเข้าไปทำลายจนเสียหายหลังเขาแสดงความเห็นว่าผู้ประท้วงพวกนี้ "ปัญญาอ่อน" และยังบอกว่า จอร์จ ฟลอยด์ คือ "นักเลงหัวไม้ ซึ่งไม่ควรจะได้รับการยกย่อง"
    .
    ซึ่ง แคนดิซ โอเวนส์ ได้พยายามจะช่วยเหลือร้านของ ไดก์ส ด้วยการเปิดโครงการรับบริจาคเงินให้กับเขาผ่าน GoFundMe จนสามารถเรี่ยไรเงินได้ถึง 2 แสนเหรียญฯ
    .
    แต่สุดท้าย GoFundMe กลับระงับโครงการนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่าบัญชีผู้ใช้ของ โอเวนส์ "เขียนข้อมูลเข้าข่ายเป็นการแสดงความเกลียดชัง, ลือกปฏิบัติ และใช้ข้อมูลที่เป็นเท็จ โจมตีคนดำ ในช่วงเวลาที่ประเทศกำลังมีปัญหาที่ละเอียดอ่อน ซึ่งการกระทำทั้งหมดถือว่าผิดต่อกฎระเบียบการให้บริการของเรา"
    -------------------------------
    แหล่งข่าว
    - https://mgronline.com/entertainment/detail/9630000059533
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขประมวลรัษฎากรฯ จัดเก็บภาษี "e-service" หรือ เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจาก แพลตฟอร์มดิจิทัลจากต่างประเทศ ที่ไม่มีบริษัทลูกในประเทศไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอเข้ามา ซึ่งเป็นการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจาก ดิจิทัลแพลตฟอร์ม จากต่างประเทศที่ให้บริการในประเทศไทย โดยก่อนหน้านี้เรียกว่าภาษี e-business .
    .

    โดยนางสาว รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อธิบายว่า การออกกฎหมาย e-Service ฉบับนี้ นั่นก็เพราะปัจจุบันมีทั้งเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน ดาวน์โหลดหนัง เพลง เกม การจองโรงแรม จากแพลตฟอร์มต่างประเทศโดยไม่เสียมูลค่าเพิ่ม และยืนยันว่า กฎหมายดังกล่าวจะไม่ได้เป็นการเพิ่มภาระให้กับผู้ใช้บริการ
    .
    ทั้งนี้ ร่างพ.ร.บ.ฯ จัดเก็บภาษี ‘e-Service’ เดิมทีเรียกว่า ร่างพ.ร.บ.ฯ จัดเก็บภาษี ‘e-Business’ กำหนดให้มีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ประกอบการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Business ในต่างประเทศ โดยกำหนดให้ผู้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์และดิจิทัลแพลตฟอร์มในต่างประเทศ ที่มีรายได้จากการให้บริการในไทยเกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือภาษีแวตกับกรมสรรพากร
    .
    เหตุผลเพราะว่า ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้ผู้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลในต่างประเทศสามารถค้าขายสินค้า และให้บริการได้ โดยไม่จำเป็นต้องมาตั้งหรือจดทะเบียนในไทย และผู้ให้บริการดังกล่าวไม่มีภาระต้องเสียภาษีแวต ซึ่งไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบการไทยที่ประกอบธุรกิจลักษณะเดียวกันที่ต้องเสียภาษีแวต และทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้มากขึ้น
    .
    ปัจจุบันมีหลายประเทศที่มีการใช้กฎหมาย e-Service แล้ว เช่น ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ฯลฯ ซึ่งในไทยนั้น หลังจาก ครม. มีมติเห็นชอบแล้ว จะมีการเสนอเข้าที่ประชุมสภา ฯ และกระทรวงการคลังคาดว่า เมื่อมีการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ จะสร้างรายได้เพิ่มให้รัฐประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปี
    .
    สำหรับแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างชาติที่ให้บริการในไทย อาทิ Facebook Google Netflix Grab LINE Shopee และ Lazada เป็นต้น

    -------------------------------
    แหล่งข่าว
    https://www.bangkokbiznews.com/news...528XUnMVJWOfxhTEmokzyHJF82BQjOPO-wJKLtYT1nkS4
    https://www.dailygizmo.tv/2020/06/09/thailand-digital-tax/
    https://www.marketingoops.com/news/tax-e-service-digital-platform/
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นายภาคิไนย์ ชมสินทรัพย์มั่น หรือ "บอล ภาคิไนย์" นักวิชาการอิสระ ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงประเด็น นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ที่หายตัวไปในกัมพูชา เกี่ยวกับ ภาพกัญชาในเฟซบุ๊กของนายวันเฉลิมว่า
    .
    "การเบี่ยงประเด็นว่าต้าเป็นพ่อค้ายาเสพติด คือช่องที่มันหาทางโจมตีอยู่แล้ว
    .
    ผมยืนยันว่าต้าไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการค้ายาเสพติด ส่วนเรื่องกัญชาที่ไปเอาภาพจากเฟสต้ามาโจมตี เพราะช่วงหนึ่งมีกระแสเรียกร้องให้กัญชาถูกกฎหมายเหมือนอารยะประเทศ ซึ่งต้าสนับสนุนข้อเรียกร้องนี้ โดยเขาบอกว่าถ้าประเทศไทยทำกัญชาให้ถูกกฎหมาย จะสร้างรายได้เข้าประเทศมหาศาล ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกกัญชา และมีประโยชน์ต่อผู้ป่วย
    ต้าก็เลยทดลองปลูกกัญชาที่บ้านพักตัวเองในเขมรและศึกษาข้อมูลทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง เพราะเขาสนใจเรื่องนี้จริงจังในระดับนโยบาย และต้าก็ชอบโพสต์รูปกัญชาเพื่อให้เห็นว่าเขาสนับสนุนประเด็นนี้
    .
    การที่ฝ่ายตรงข้ามพยายามโจมตีเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด แต่พวกคุณพร้อมเข้าใจแบบนี้เพราะไม่อยากให้กระแสต้าแรงไปกว่านี้ต่างหากครับ
    .
    การรุมโจมตีเรื่องต้าเป็นพ่อค้ายาจึงเป็นข้อโจมตีที่มั่ว ไม่สนใจอะไรนอกจากปกป้องความเชื่อทางการเมืองของตัวเองครับ"
    .
    และ นายภาคิไนย์ ชมสินทรัพย์มั่น ยังได้โพสต์สเตตัสต่อมาว่า
    .
    "เชื่อผมเถอะ อีกราวๆ 2-4 วันข้างหน้ากระแสต้าจะลดลงไปเองตามธรรมชาติเพราะมีประเด็นใหม่เข้ามาแทนที่
    .
    แต่เรื่องต้าอยู่ในการรับรู้ของคนจำนวนมากไปแล้วว่าต้าถูกทำให้หายไปเกี่ยวข้องโยงใยกับอะไรบ้าง มีคำอธิบายและปรากฎการณ์ทางการเมืองฟ้องเราอยู่
    .
    ฝั่งจารีตก็ย่อมปกป้องตัวเองอยู่แล้ว พร้อมโจมตีกรณีต้าอยู่แล้ว มีสลิ่มพร้อมเชื่ออยู่แล้ว
    .
    แต่จารีตอย่างพวกคุณไม่สามารถสะกัดกั้นความโกรธของคนอีกฝ่ายที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกวันได้
    .
    มีคนหน้าใหม่ตาสว่างเพิ่มขึ้นทุกวัน คนที่เคยหลงเชื่อศรัทธาในความคิดจารีตเริ่มมองเห็นโลกอีกด้านที่จารีตไม่ต้องการให้เขามองเห็น ด้วยเทคโนโลยีข่าวสารสมัยใหม่ ผู้คนเข้าถึงข้อมูลได้กว้างขวางขึ้น แค่มีมือถือเพียงหนึ่งเครื่องเท่านั้น
    กรณีต้าก็คือฟางเส้นหนึ่งที่ขาดลงไป
    .
    ทำให้ผู้คนตั้งคำถามว่าแล้วเราจะมีระบบระบอบบางอย่างไปเพื่ออะไรหากเป็นอันตรายต่อประชาชน"
    -------------------------------
    แหล่งข่าว
    -
    -
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันนี้ ทางเอเอฟพี รายงานว่า “ธนาคารโลก” ได้เผยว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ก่อให้เกิดสภาวะช็อคที่รุนแรง และกะทันหัน ซึ่งทำให้เศรษฐกิจโลกพังเสียหายเป็นวงกว้างที่สุดนับตั้งแต่ปี 1870 แม้ว่ารัฐบาลต่าง ๆ จะพยายามงัดสารพัดมาตรการมาใช้เยียวยาผลกระทบก็ตาม
    .
    โดยจากรายงานคาดการณ์เศรษฐกิจโลก Global Economic Prospect ที่เวิลด์แบงก์เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (8 มิ.ย.) ประเมินว่า เศรษฐกิจโลกปีนี้จะหดตัวราว 5.2% ซึ่งเป็นภาวะถดถอยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 80 ปี แต่เนื่องจากโรคระบาดได้สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของนานาประเทศทั่วโลก จึงอาจถือได้ว่าวิกฤตครั้งนี้ร้ายแรงสุดในรอบ 150 ปี
    .
    “นี่คือแนวโน้มที่น่ากังวลอย่างยิ่ง วิกฤตคราวนี้จะทิ้งรอยแผลในระยะยาว และเป็นความท้าทายทางเศรษฐกิจอย่างสำคัญ” เซย์ลา พาซาร์บาซิโอกลู รองประธานเวิลด์แบงก์ ระบุ โดยเธอยังเตือนด้วยว่า ความรุนแรงของวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้อาจจะทำให้ประชากรโลก 70-100 ล้านคนเข้าสู่ภาวะยากจนสุดขีด (extreme poverty)มากกว่าตัวเลข 60 ล้านคนที่เคยประเมินไว้
    .
    ในขณะที่เวิลด์แบงก์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะเริ่มฟื้นตัว และเติบโตได้ราว ๆ 4.2% ในปี 2021 แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดระลอกที่ 2 ของโควิด-19 ซึ่งจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง และอาจนำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทต่าง ๆ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์พยายามที่จะประเมินความเสียหายจากโควิด-19 โดยเทียบเคียงกับภัยธรรมชาติ แต่ก็ทำได้ยากเนื่องจากผลกระทบเกิดขึ้นเป็นวงกว้างในหลายมิติ และลามไปทั่วทุกภูมิภาคของโลก
    .
    ทั้งนี้ หากสถานการณ์เข้าขั้นเลวร้ายที่สุด เวิลด์แบงก์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกอาจจะหดตัวถึง 8% ขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์อเมริกันยืนยันวานนี้ (8 มิ.ย.) ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มเข้าสู่ช่วง “ขาลง” มาตั้งแต่เดือน ก.พ. ซึ่งถือเป็นจุดสิ้นสุดของการเติบโตที่กินระยะเวลาต่อเนื่องเป็นประวัติการณ์ 128 เดือน
    .
    แต่ทางจีนนั้น น่าจะเกือบเป็นประเทศเดียวในโลก ที่เศรษฐกิจยังมีแนวโน้มเติบโตได้ในปีนี้ แต่เวิลด์แบงก์เตือนว่าภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน จะมีส่วนฉุดรั้งการฟื้นตัวของประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะชาติที่พึ่งพาการส่งออก โดยเวิลด์แบงก์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนในปีนี้จะเติบโตราว 1% ในขณะที่ประเทศอื่น ๆ ล้วนมีแนวโน้มขยายตัวเป็นลบ เช่น สหรัฐฯ -6.1% , กลุ่มยูโรโซน -9.1% , ญี่ปุ่น -6.1% , บราซิล -8% , เม็กซิโก -7.5% และอินเดีย -3.2%

    -------------------------------
    แหล่งข่าว

    https://www.nst.com.my/world/world/...c-drives-broadest-economic-collapse-150-years

    https://www.theguardian.com/busines...id-19-pandemic-risks-dramatic-rise-in-poverty

    https://mgronline.com/around/detail/9630000059545
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Facebook :
    https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประมวลภาพ สวนกัญชาของ “วันเฉลิม”
    ผู้ต้องหาคดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งหลบหนีอยู่ในกัมพูชา
    ก่อนถูกลักพาตัวสูญหายไปจากหน้าโรงแรม ที่พนมเปญ
    FB_IMG_1591717522195.jpg FB_IMG_1591717570408.jpg
    จากที่ Thailand Vision ได้นำเสนอข่าว
    “เผย "วันเฉลิม" ลักลอบปลูกกัญชาในเขมร
    ชาวโซเชียลวิจารณ์ อาจเป็นอีกสาเหตุที่หายตัว “
    ตามลิงค์
    .
    หลังจากข่าวถูกเผยแพร่ออกไป มีผู้แสดงความคิดเห็นต่างๆนานา และมีผู้ตั้งข้อสงสัยว่า ภาพกัญชาในข่าวนั้นได้ถูกตัดต่อ เป็นข่าวปลอมหรือไม่ หรือเป็นแค่ “กัญชง”
    .
    ทางทีมงาน Thailand Vision น้อมรับคำตำหนิในการนำเสนอภาพข่าว ที่อาจจะไม่ชัดเจนเพียงพอ เนื่องจากมีพื้นที่ในภาพจำกัด จึงทำให้ไม่สามารถแสดงภาพได้อย่างครอบคลุม ทีมงานจึงขอนำภาพอื่นๆจากเฟซบุ๊กของนายวันเฉลิม มานำเสนอ เพื่อให้ทุกท่านได้พิจารณาเพิ่มเติมอีกครั้ง
    —————-
    ท่านที่ยังมีข้อสงสัย สามารถตรวจสอบที่มาของรูปภาพทั้งหมดได้จาก
    เฟซบุ๊ก Wanchalerm Satsaksit
    https://www.facebook.com/talearm
    .
    ขอขอบพระคุณทุกความเห็น ทีมงานขอน้อมรับคำติติง
    เพื่อนำไปแก้ไขในการนำเสนอข่าวให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    John Traczyk

    9 มิถุนายน 2563 สนามแม่เหล็กโลกมีเหตุการณ์ 5 เหตุการณ์ที่แยกออกมาเมื่อวานนี้ 8 มิถุนายน 2563 สนามแม่เหล็กของโลกยังคงอ่อนตัวลงและโลกต้องมีพลังงานมากขึ้นและมีอนุภาคที่มีประจุเข้ามามากขึ้น ลมสุริยะและโปรตอนอยู่ในช่วงปกติดังนั้นสิ่งนี้จะต้องถูกขับออกจากการสะสมพลังงานเข้าสู่สนามแม่เหล็กของโลกด้านหลังเรา (ด้านมืด ที่อยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์)
    FB_IMG_1591717924730.jpg FB_IMG_1591717926743.jpg FB_IMG_1591717928808.jpg FB_IMG_1591717930823.jpg FB_IMG_1591717934458.jpg
    June 9, 2020. Earth's magnetosphere experienced five separate events yesterday, June 8, 2020. The magnetosphere keeps weakening and earth is subjected to more energy, more incoming charged particles. The solar winds and protons are in the normal range so this must be expulsions of the build up of energy into earth's magnetotail behind us.

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ...ทะลุ 7 ล้านคนแล้ว ยังไม่เห็นจุดสิ้นสุด...

    ฐานข้อมูล CSSE ของม.จอห์น ฮอปกินส์รายงานว่า

    ผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมทั่วโลกทะลุ 7 ล้านคนในวันที่ 8 มิถุนายน

    (https://coronavirus.jhu.edu/map.html…)

    ผู้ติดเชื้อทะลุ 1 ล้านคนแรก 2 เมษายน ใช้เวลา 84 วัน

    ทะลุ 2 ล้านคน 15 เมษายน ใช้เวลา 14 วัน

    ทะลุ 3 ล้านคน 27 เมษายน ใช้เวลา 12 วัน

    ทะลุ 4 ล้านคน 9 พฤษภาคม ใช้เวลา 12 วัน

    ทะลุ 5 ล้านคน 21 พฤษภาคม ใช้เวลา 12 วัน

    ทะลุ 6 ล้านคน 30 พฤษภาคม ใช้แค่ 9 วัน

    ทะลุ 7 ล้านคน 8 มิถุนายน ใช้แค่ 8 วัน

    การแพร่ระบาดเร่งตัวขึ้นอีก

    ยุโรปนิ่งแล้ว อเมริกาเริ่มชะลอ แต่ยังเพิ่มเกือบ 2 หมื่นต่อวัน

    ที่แรงมากคือบราซิล ทะลุ 7 แสนคนไปแล้ว และยังเพิ่มขึ้นเกือบ 2 หมื่นต่อวันเช่นกัน

    อเมริกายังเป็นที่ 1 ติดเชื้อเกือบ 2 ล้านคน บราซิลเป็นที่ 2 รัสเซียเป็นที่ 3 เกือบ 5 แสน

    ที่น่าห่วงคืออินเดียที่แซงขึ้นมาเป็นอันดับ 5 ต่อจากอังกฤษ โดยมีผู้ติดเชื้อเกือบ 2.7 แสนคนแล้ว

    ธนูเกณฑร์คาดว่า... น่าจะจบเวฟ 1 เมื่อพฤหัสถอยกลับเข้าธนู 30 มิถุนายน

    อย่างไรก็ตาม เดือนนี้มีปรากฏการณ์ดาวสำคัญที่สัมพันธ์กับโควิด

    นั่นคือ สุริยคราส (วงแหวน) 21 มิถุนายน 2563 เวลา (ไทย) 13:42 น. ที่ 6:13 องศาเมถุน

    ในบทความ “วิกฤติไวรัสถล่มโลก” คอลัมน์ "ลิขิตฟ้า ชะตาโลก" นสพ.กรุงเทพธุรกิจ 3/3/2020 กล่าวว่า

    "...ดวงกำเนิดโควิด-19 คือสิ่งจำเป็น แต่ไม่มีข้อมูล เราจึงต้องสร้าง Symbolic Chart ของการอุบัติขึ้นของมันจากปัจจัยสำคัญที่สุด

    นั่นคือวันเวลาเกิดสุริยคราสที่อู่ฮั่น 26 ธันวาคม 2562 ที่ 9:59 องศาธนู..."

    (https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/649610)

    จะเห็นได้ว่า สุริยคราส 21 มิถุนายนนี้ เล็ง 180 สุริยคราสเดิมที่อู่ฮั่น คราสใหม่ย่อมกระตุ้นอิทธิพลด้านร้ายของคราสเดิมและโควิดขึ้นมาอีกครั้ง

    เส้นทางคราส (Eclipse Path) เกิดที่คองโกในแอฟริกากลาง ตัดขึ้นตะวันออกเฉียงเหนือผ่านปากอ่าวเปอร์เซีย ผ่านปากีสถาน อินเดีย จีน และตัดผ่าไต้หวันเป็น 2 ท่อน ก่อนลงมหาสมุทรแปซิฟิค

    โดยคราสมีกำลังสูงสุดทางทิศเหนือของอินเดียในรัฐอุตตราขัณฑ์

    สุริยคราส 21 มิถุนายนนี้ ชี้ถึง (1) การแพร่ระบาดที่รุนแรงขึ้นอีกในอินเดีย (2) การระบาดรอบ 2 ในเอเชียตะวันออกและอาเซียน โดยเฉพาะจีน

    (คราสยังก่อให้เกิดความขัดแย้งทางการเมือง (หรือศาสนา) / กรณีพิพาทเรื่องดินแดน ระหว่างประเทศต่าง ๆ เช่น อินเดีย-ปากีสถาน, อินเดีย-จีน, จีน-ไต้หวัน, จีน-ฮ่องกง อีกด้วย)

    ใน "วิกฤติไวรัสถล่มโลก" เตือนว่า ช่วงเวลาที่ควรระวังคือ 18 มิถุนายน - 17 กรกฎาคม

    เวฟ 2 ของโควิดจะเกิดหรือไม่ ร้ายแรงแค่ไหน ? ขึ้นกับช่วงเวลานี้ครับ

    ทุกท่านโปรดตั้งอยู่ในความไม่ประมาทครับ

    ธนูเกณฑร์ (9/6/2020)

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หลายคนอ่านแล้วเกิดคำถามขึ้นในใจ ทำแล้วขาดทุนแบบนี้ หยุดไปเลยจะดีกว่าไหม แถมไม่ต้องมานั่งเหนื่อยอีกด้วย

    แต่การทำธุรกิจคิดชั้นเดียวไม่ได้ แล้วสิ่งที่ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายยังเลือกที่จะขาดทุนต่อไปในช่วงนี้คืออะไร

    ด้านล่างนี้มีคำตอบ

    มุมหนึ่งของ Social Distancing คือการสร้างระยะห่างที่ลดโอกาสในการติด Covid-19

    ส่วนอีกมุมมันคือการสร้างระยะห่าง ที่ทำให้ธุรกิจโดยเฉพาะกับ ‘ร้านอาหาร’ รับลูกค้าได้น้อยลง และนั่นก็ส่งผลกระทบแบบโดมิโนที่ทำให้รายได้ลดลงตามไปด้วย

    รายได้น้อยลง แต่ Fixed Cost ต่าง ๆ ยังคงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าที่ (ในกรณีที่ Landlord ไม่มีนโยบายช่วยเหลือ) ค่าจ้างพนักงาน

    แถมยังต้องซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อป้องกัน Covid-19 อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเจลล้างมือ เครื่องวัดไข้ ที่กั้นระหว่างที่นั่ง Face Shield แม้จะดูเป็นรายละเอียดน้อย ๆ แต่เมื่อมารวมกันก็กลายเป็นต้นทุนที่ไม่น้อยเลย

    หลายคนอ่านแล้วเกิดคำถามขึ้นในใจ ทำแล้วขาดทุนแบบนี้ หยุดไปเลยจะดีกว่าไหม แถมไม่ต้องมานั่งเหนื่อยอีกด้วย

    แต่การทำธุรกิจคิดชั้นเดียวไม่ได้ และสิ่งที่ทำให้ผู้ประกอบการหลาย ๆ รายยังเลือกที่จะขาดทุนต่อไปในช่วงนี้ ก็เพราะ 3 เหตุผลหลัก ๆ ด้วยกัน

    เมื่อจะเลิกทำ ก็มีราคาที่ต้องจ่ายเหมือนกัน
    หากจะปิดร้านแล้วเลิกทำ ก็ไม่ได้แปลว่าธุรกิจจะสามารถหยุดค่าใช้จ่ายได้ทันที

    ผู้ประกอบการก็ต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดี ต้องมองในระยะยาว เพราะการหยุดกิจการไปชั่วขณะนั้นไม่เหมือนการตัดเนื้อร้ายในธุรกิจที่เฉือนเนื้อบางส่วนออกเพื่อให้ธุรกิจเดินไปข้างหน้าอย่างคล่องตัวขึ้นได้

    ซึ่งบางครั้งการปิดร้านหยุดกิจการไป อาจตามมาด้วยค่าใช้จ่ายอย่างเงินชดเชยพนักงานที่ต้องจ่ายเป็นก้อน

    โดยหากลองนำตัวเลขมาบวกลบคูณหารกัน แล้วมองว่าอย่างไรธุรกิจก็ยังมีทางไปต่อได้ไม่ได้มีอะไรมา Disrupt

    การเลือกเปิดร้านต่อเพื่อให้มีรายได้เข้ามาบ้าง ก็อาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าหยุดไปเฉย ๆ

    เราหยุด ไม่ได้แปลว่าคู่แข่งจะหยุดตาม
    ประเด็นนี้ก็ตรงตามหัวข้อเลย ไม่มีอะไรต้องอธิบายมาก เพราะการที่เราหยุด ก็ไม่ได้แปลว่าคู่แข่งจะหยุดตาม

    และนั่นก็อาจทำให้ลูกค้าเปลี่ยนใจจากเราไปหาคู่แข่งได้

    ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้เครื่องดับกลับมาสตาร์ทติดอีกครั้ง

    เพราะยังไม่มีใครรู้ ว่า Covid-19 จะหายไปเมื่อไหร่ และถ้าไม่เริ่มปรับตัวตอนนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะได้ปรับอีกทีตอนไหน

    ซึ่งก็มีผู้บริหารคนหนึ่งเคยบอกกับเราไว้ว่า

    “การทำธุรกิจ ถ้าเครื่องดับไปแล้ว มันเป็นเรื่องยากที่จะกลับมาสตาร์ทให้ติดอีกครั้ง และถึงจะสตาร์ทติด คู่แข่งเขาอาจจะเร่งเครื่องแซงเราไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ได้”

    อ่านมาถึงตรงนี้ก็อยากจะบอกกับทุกคนไว้ว่าเราไม่ได้ต้องการชี้นำให้ทุกธุรกิจต้องเดินหน้าต่อ เพราะในบางกรณีหรือบางธุรกิจการตัดสินใจหยุดอาจส่งผลเสียน้อยกว่า

    ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ของเจ้าของหรือผู้บริหาร ว่ามองอนาคตธุรกิจของตัวเองไว้ว่าอย่างไร



    #MarketeerOnline

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ม.บูรพา เปิดเทอม 4 ก.ค. 63 พร้อมจัดงบ 220 ล้านช่วยนิสิตฝ่าโควิด-19
    ม.บูรพา เตรียมเปิดเทอมวันที่ 4 ก.ค. 63 จัดสรรงบประมาณ 220 ล้าน พร้อมประกาศลดค่าเทอม ค่าหอพัก ช่วยนิสิตฝ่าโควิด-19
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    โชคชะตาที่เล่นตลก (ร้าย)
    หากจะพูดว่ามันเป็นเรื่องของโชคชะตาที่เล่นตลก (ร้าย) ก็คงจะไม่เกินไปนักกับสิ่งที่ "น้องซันเดย์" อัครวัฒน์ ไกรวุฒิภคพงศ์ นักฟุตบอลเยาวชนอนาคตไกล
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อินโดฯ ยังไม่หาย ติดโควิดวันเดียวเกิน 1,000 ราย ทุบสถิติสูงสุด
    อินโดนีเซียพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 1,000 รายในวันเดียวเมื่อวันจันทร์ เพียง 1 สัปดาห์หลังจากพวกเขาเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    504 คนไทย บินถึงประเทศ ลุ้น 27 คน "มีไข้" มาจาก "อียิปต์-ญี่ปุ่น"
    504 คนไทย ตกค้าง "อียิปต์-ภูฎาน-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้-จีน" บินถึงสุวรรณภูมิ จนท.เข้มสแกน "โควิด" พบ 27 คน มีไข้สูง ส่ง รพ.ทันที ส่วนที่เหลือกักตัว 14 วันตามมาตรการ รบ.
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หนุ่มเครียดตกงานเป็นหนี้แทงคอดับ
    หนุ่มเครียดตกงาน-เงินหมด แถมเป็นหนี้ ระหกระเหินไปขอเงินอดีตแม่ยาย 100 บาทเป็นค่าข้าวประทังชีวิต ประกอบกับเครียดมีปัญหาครอบครัว ตัดสินใจใช้มีดปลายแหลมกะซวกคอตัวเอง 2 แผลดับหน้าประตูรั้วบ้าน
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นวดแผนไทยกระอัก เจ๊ง 50% เคยเฟื่องฟู 3 หมื่นล้าน รัฐเข้มเมินช่วย
    พายุโรคร้ายโควิด-19 นอกจากทำร้ายสุขภาพแล้ว ยังได้ทุบทำลายธุรกิจทั่วโลก ไม่เว้นแต่ “หมอนวดแผนไทย” ซึ่งถือเป็นธุรกิจเบอร์ต้นๆ ที่ถูกทางภาครัฐสั่งปิดให้บริการ เนื่องจากมีการสัมผัสใกล้ชิด...
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กระแส ‘ตัดงบตำรวจ’ ในสหรัฐฯ คืออะไร ทำไมผู้ประท้วงจึงเรียกร้อง?
    ‘การตัดงบตำรวจ’ (defund the police) มีความหมายว่าอย่างไร ปฏิกิริยาจากหน่วยงานปกครองเมืองต่างๆ เป็นแบบไหน และมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กสทช.ออกโรง ป้องกระทรวงกลาโหม เช็กโทร.มือถือ
    กสทช.ออกโรงแจง กลาโหม-กรมควบคุมโรคขอให้เช็ก 140 เบอร์ ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงสนามมวยลุมพินี เหตุจำไม่ได้ว่าในรอบ 7 วัน ไปที่ไหนบ้าง ทั้งนี้เพื่อป้องกันการแพร่ ระบาด ยันให้ได้แค่พิกัดและตำแหน่ง
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก ลงทุนแมน

    MEA x ลงทุนแมน
    กรณีศึกษา ภารกิจของ MEA การไฟฟ้านครหลวง /โดย ลงทุนแมน

    “ผมเดินทางไปเยือนหลายเมืองที่มีสายอะไรพันกันยุ่งเหยิงบนเสาไฟฟ้า
    อย่างในรูปนี้คือประเทศไทย”

    นี่คือข้อความของ บิลล์ เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์
    ที่เขาโพสต์ลง Facebook ตัวเองในปี 2559 ซึ่งเวลานั้นมีคนติดตาม 18 ล้านคน

    เผลอแป๊บเดียว...กลายเป็นแรงกระเพื่อมรุนแรงที่ใคร ๆ ต่างพูดถึง
    ซึ่งสายที่พันกันอีรุงตุงนังบนเสานั้น จริง ๆ แล้วไม่ใช่สายไฟฟ้า แต่เป็นสายอื่น ๆ เช่น สายโทรคมนาคม สายสื่อสารต่าง ๆ ซึ่งบางสายก็เสียค่าเช่า บางสายก็ลักลอบ

    เมื่อเกิดเป็นกระแสที่พูดกันเป็นวงกว้างก็เลยทำให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องรีบเร่งให้สายทุกประเภทลงสู่ใต้ดินทั้งหมด

    สายสื่อสารต่าง ๆ สำนักงาน กสทช. จะรับผิดชอบเรื่องนี้
    ส่วนสายไฟฟ้าที่เรียงกันอยู่ด้านบนสุด ก็จะเป็นหน้าที่ของ การไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA

    เรื่องนี้น่าสนใจไม่น้อย เพราะรู้หรือไม่ว่า
    จริง ๆ แล้ว ภารกิจสายไฟฟ้าลงดินเริ่มตั้งแต่ปี 2527 และจะสิ้นสุดในปี 2564 ซึ่งกำหนดเส้นทาง 215.6 กิโลเมตร

    แต่...ผ่านมา 36 ปี MEA สามารถนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินได้แค่ 46.6 กิโลเมตร
    หรือคิดเป็นเพียง 21.6% ของเป้าหมายที่ปักธงไว้

    แล้วทำไมภารกิจนี้ถึงล่าช้า
    แล้วมีความจำเป็นมากแค่ไหนที่จะต้องนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน
    ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

    ก่อนอื่นต้องบอกเหตุผลที่ MEA ต้องการให้สายไฟฟ้าทั้งหมดฝังลงอยู่ใต้ดิน

    อย่างแรกคือ ถ้าสายไฟฟ้าอยู่ใต้ดิน หากเกิดลมแรงมีพายุ รถชนเสาไฟฟ้า
    ก็จะไม่ทำให้บ้านเรือนต่าง ๆ ต้องไฟดับเหมือนเสาไฟฟ้าแบบเดิม
    อีกทั้งเทคโนโลยีสายไฟฟ้าลงใต้ดิน สามารถรองรับปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
    และสุดท้าย การที่ไม่มีสายไฟยุ่งเหยิง ก็จะทำให้วิวรอบกรุงเทพฯ สวยงามเป็น มหานครแห่งอนาคต Smart Metro

    เรื่องต่อมาที่หลายคนตั้งคำถามก็คือ แล้วทำไมการนำสายไฟฟ้าลงดิน ถึงล่าช้าขนาดนี้
    คำตอบก็คือ MEA กำลังเผชิญกับอุปสรรคและปัญหามากมาย

    จริง ๆ แล้วงบประมาณลงทุนในการนำสายไฟฟ้าลงดินสูงเป็น 10 เท่าหากเทียบกับการสร้างเสาไฟฟ้าบนดิน อีกทั้งแผนงานต่าง ๆ ต้องผ่านมติเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ของรัฐบาลแต่ละสมัย

    และเมื่อผ่านการเห็นชอบ ก็ต้องวางแผนออกแบบก่อสร้าง ทั้งสร้างบ่อพักและท่อร้อยสายไฟฟ้าเพื่อนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน ซึ่งแต่ละเส้นทางก็จะมีความยากและง่ายต่างกันไป

    เมื่อผ่านขั้นตอนนี้ ก็ต้องมาติดตั้งสายไฟฟ้าใต้ดิน แล้วค่อยเปลี่ยนระบบจากสายไฟฟ้าอากาศ จนกระทั่งขั้นตอนสุดท้าย คือการรื้อถอนเสาไฟฟ้านั่นเอง
    จะเห็นว่าการดำเนินการแต่ละครั้งต้องผ่านสารพัดขั้นตอน และยังต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานอื่นให้ทำงานเดินหน้าไปพร้อม ๆ กัน

    อีกทั้งการทำงานก่อสร้างแต่ละวัน ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะถูกจำกัดด้วยเวลา 22.00 น. - 05.00 น. เท่านั้น
    เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการจราจร

    และในบางเส้นทาง ที่ในยามค่ำคืนเต็มไปด้วยร้านค้าและนักท่องเที่ยว การก่อสร้างจะลำบากขึ้นเป็นเท่าตัว จนเกิดความล่าช้า

    ก็ต้องบอกว่านี่เป็นภารกิจที่โหดไม่ใช่น้อย
    เพื่อให้ระบบไฟฟ้ามีความมั่นคง สามารถรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าในเขตเมืองได้มากขึ้นกว่าเสาไฟฟ้าแบบเดิม

    สำหรับการเกิดวิกฤติ COVID-19 ที่ทำให้ทุกคนต้องกักตัวอยู่บ้าน เว้นระยะห่าง และหลีกเลี่ยงการสัมผัส
    จุดนี้กลายเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้พฤติกรรมคนเราเปลี่ยนไปสู่ออนไลน์กันมากขึ้น

    หน่วยงานราชการหลายแห่งจึงพยายามนำระบบงานบริการออนไลน์มาใช้ แต่เรื่องที่ฮือฮาและได้รับความสนใจไม่น้อยเห็นจะเป็นนโยบายการคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้า และมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าของ MEA ที่หลายคนหวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยลดภาระในสถานการณ์ระบาดของ COVID-19

    MEA ยังถือเป็นหน่วยงานรัฐอันดับต้น ๆ ที่ผันตัวมาพัฒนา Application และใช้ประโยชน์จากระบบ IT อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้บริการผ่านช่องทางออนไลน์

    MEA Smart Life Application แอปนี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับงานบริการด้านไฟฟ้าแบบครบวงจรตั้งแต่ปี 2556 การันตีด้วยรางวัล ICT Excellence Awards ในงาน Thailand ICT Excellence Awards 2016 ประเภทโครงการพัฒนากระบวนการหลักภายใน (Core Process Improvement Project) และรางวัลรัฐบาลดิจิทัล ในงาน Digital Government Awards 2019

    โดย App นี้ เราสามารถใช้ตรวจสอบค่าไฟ ชำระค่าไฟฟ้าออนไลน์ แจ้งเหตุไฟฟ้าขัดข้อง รวมถึงมีแจ้งเตือนประกาศดับไฟในพื้นที่ของเราล่วงหน้าด้วย ถือเป็น App ที่ตอบโจทย์ครบทุกเรื่องไฟฟ้า
    ดาวน์โหลดได้ฟรี ที่ http://onelink.to/measmartlife

    MEASY บริการขอใช้ไฟฟ้าออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ https://eservice.mea.or.th/measy
    เพื่ออำนวยความสะดวกให้ขอใช้ไฟฟ้าได้ ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ต้องเดินทางไปไหนให้ยุ่งยาก รู้ค่าใช้จ่ายทันที สามารถชำระเงินออนไลน์ และติดตามสถานะได้ทุกขั้นตอน

    MEA e-Bill บริการออนไลน์ล่าสุด เพื่อรับเอกสารออนไลน์ ผ่านทาง SMS หรือ Email ไม่ว่าจะเป็น
    e-Invoice: ใบแจ้งยอดค่าไฟฟ้า
    e-Receipt/e-Tax Invoice: ใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี
    e-Notification: หนังสือเตือนให้ชำระค่าไฟฟ้า
    สมัครบริการได้ที่ https://ebill.mea.or.th

    และอีกหนึ่งบริการที่ขาดไม่ได้ในยุค New Normal นั่นคือ MEA e-Payment บริการชำระค่าไฟผ่านช่องทางต่าง ๆ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
    รู้หรือไม่ว่า ช่วงสถานการณ์ COVID-19 ผู้คนหันมาจ่ายค่าไฟผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิมในช่วงเหตุการณ์ปกติ เมื่อเดือน ม.ค. 2563 อยู่ที่ 54.6% ขยับขึ้นมาเป็น 61.94% ในเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา หรือเพิ่มขึ้นถึง 7.34% กันเลยทีเดียว

    ซึ่งนอกจากการชำระผ่านช่องทาง e-Payment จะปลอดภัย ไม่ยุ่งยาก ลดการสัมผัสกระดาษ และไม่ต้องเดินทางแล้ว ยังฟรีค่าธรรมเนียมด้วย ซึ่งสามารถจ่ายได้ทั้ง ผ่าน MEA Smart Life Application, หักบัญชีธนาคารหรือบัตรเครดิตอัตโนมัติ, Mobile Banking และ Internet Banking

    อย่างไรก็ตามในระยะยาว เมื่อวิกฤติผ่านพ้นไป คนออกจากบ้านกันมากขึ้น ก็ต้องติดตามดูว่าพฤติกรรมผู้คนยังเป็นเช่นเดิมหรือไม่ หรือในอนาคต MEA จะแสวงหาฟีเจอร์ใหม่ ๆ ตอบโจทย์ลูกค้า ผู้ใช้ไฟฟ้าได้อย่างไร รวมทั้งภารกิจของ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวงที่นำสายไฟฟ้าลงดินจะสำเร็จได้เร็วแค่ไหน และการแก้ไขปัญหาสายสื่อสารจะคืบหน้าอย่างไร ซึ่งทุกคนคงฝันไว้ว่าเราจะได้เห็นกรุงเทพมหานคร ที่มีภูมิทัศน์สวยงามไร้สายไฟฟ้ายุ่งเหยิงในอนาคต

    และเมื่อถึงเวลานั้น บิลล์ เกตส์ มาเที่ยวเมืองไทยอีกครั้ง ก็อาจถ่ายรูปอีกครั้ง และบอกว่า กรุงเทพมหานครเป็นหนึ่งในเมืองที่สวยงามที่สุดในโลกก็เป็นได้..

    References
    -รายงานประจำปี 2562 การไฟฟ้านครหลวง
    -ข่าวประชาสัมพันธ์การไฟฟ้านครหลวง
    -https://www.mea.or.th/content/detail/87/4286
    -https://www.mea.or.th/content/detail/82/3131/3963
    -https://mgronline.com/live/detail/9590000064631
    -https://mgronline.com/politics/detail/9620000092138

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก ลงทุนแมน

    สรุปแบรนด์ Johnson & Johnson /โดย ลงทุนแมน
    คงปฏิเสธไม่ได้ว่า Johnson & Johnson
    เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่อยู่ในชีวิตประจำวันของเรา

    นอกจากสินค้าที่เราคุ้นเคย เช่น แป้งเด็ก ครีมอาบน้ำ และแชมพูแล้ว
    Johnson & Johnson ก็ยังเป็นเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์อื่นอีก เช่น Neutrogena, Listerine, Tylenol, Acuvue

    แต่เราอาจจะยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว
    สินค้าเหล่านี้กลับไม่ใช่รายได้หลักของบริษัท
    เพราะ Johnson & Johnson เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในเรื่องของยา

    Johnson & Johnson ถือเป็นบริษัทยาที่ใหญ่ที่สุดในโลก

    แล้วกว่าจะเป็นวันนี้
    Johnson & Johnson มีที่มาอย่างไร?
    ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
    ╔═══════════╗
    อัปเดตสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจกับ Blockdit
    มีพอดแคสต์ให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
    Blockdit.com/download
    ╚═══════════╝
    ย้อนกลับไปปี ค.ศ. 1867
    ซึ่งถ้าเทียบกับประเทศไทย ยุคนั้นก็คือสมัยรัชกาลที่ 4

    สมัยนั้น วิวัฒนาการทางการแพทย์ยังไม่เจริญรุ่งเรืองเท่าในยุคนี้
    จนกระทั่ง Joseph Lister ริเริ่มแนวคิดการผ่าตัดด้วยวิธีการฆ่าเชื้อได้สำเร็จ

    เขาค้นพบว่าหากอุปกรณ์ทางการแพทย์
    ได้รับการทำความสะอาด และผ่านวิธีการฆ่าเชื้อ
    อัตราการรักษาผู้ป่วยสำเร็จ จะเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

    เรื่องนี้จึงกลายมาเป็นแรงบันดาลใจสำคัญ
    ทำให้ในปี ค.ศ. 1886 Robert Wood Johnson
    ร่วมกับน้องชายอีก 2 คน ก่อตั้งบริษัท Johnson & Johnson ขึ้น
    และเริ่มต้นทำธุรกิจอุปกรณ์ผ่าตัดที่ได้รับการฆ่าเชื้อ เช่น อุปกรณ์เย็บแผล ผ้าก๊อซ และสำลี

    เมื่อปัญหาการผ่าตัดสมัยก่อนคือ ความสะอาด
    Johnson & Johnson ที่เริ่มต้นธุรกิจเพื่อแก้ไขปัญหานี้
    จึงกลายเป็นแบรนด์ด้านสุขภาพที่เป็นที่นิยม และสามารถเติบโตได้ดี

    ซึ่งนอกจากอุปกรณ์ฆ่าเชื้อแล้ว
    Johnson & Johnson ก็ได้มุ่งเข้าสู่ธุรกิจยา
    จากการซื้อมาขายไป จนกลายมาเป็นผู้ผลิต
    และยังรวมไปถึงการคิดค้น ยากันยุง ยากันแมลง ที่เป็นพาหะของโรค
    เพราะสมัยนั้น โลกของเรายังไม่รู้จักกับคำว่าภูมิต้านทาน และวัคซีน

    สินค้าเหล่านี้ทำให้ Johnson & Johnson ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
    จนบริษัทได้เริ่มต่อยอดทำธุรกิจที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ

    หนึ่งในนวัตกรรมที่ Johnson & Johnson คิดค้นขึ้นมา และกลายเป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยในชีวิตประจำวันก็คือ การผลิตยาสีฟันบรรจุหลอดบีบ แทนที่บรรจุภัณฑ์สมัยก่อนที่เราจะใช้ยาสีฟันจากกระปุก

    นอกจากการวิจัย พัฒนาด้วยตัวเองแล้ว
    Johnson & Johnson ก็ได้เข้าซื้อกิจการผู้ผลิตยาหลายแห่ง
    รวมถึงสินค้าที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาสุขภาพ เช่น

    Tylenol แบรนด์ยาแก้ปวด ลดไข้
    Acuvue แบรนด์คอนแทคเลนส์
    Neutrogena แบรนด์สกินแคร์
    รวมไปถึง Listerine แบรนด์รักษาความสะอาดในช่องปาก

    โดยบริษัท Johnson & Johnson ได้จัดประเภทของรายได้แบ่งออกเป็น

    ยาที่ต้องการใบรับรองแพทย์ 51% เช่น Darzalex และ Symtuza
    อุปกรณ์ทางการแพทย์ 32% เช่น Acuvue และ DePuy Synthes
    สินค้าอุปโภคบริโภค 17% เช่น Tylenol, Neutrogena และ Listerine

    สะท้อนให้เห็นว่าที่เรารู้จัก Johnson & Johnson ในฐานะแบรนด์ผู้ผลิตแป้งเด็ก ครีมอาบน้ำ แชมพู เป็นเพียงสัดส่วนรายได้ที่เล็กที่สุด เพราะที่จริงแล้ว Johnson & Johnson มีรายได้จากธุรกิจยามากที่สุด

    ทีนี้เรามาดูสัดส่วนรายได้ตามแต่ละภูมิภาค จะแบ่งออกเป็น

    สหรัฐอเมริกา 51%
    ยุโรป 23%
    เอเชีย แปซิฟิก แอฟริกา 19%
    อื่นๆ อีก 7%

    Johnson & Johnson มีพนักงานในบริษัท 132,200 คน
    มีฐานการผลิตอยู่ใน 60 ประเทศ และขายสินค้าให้กับคนใน 175 ประเทศทั่วโลก

    จากข้อมูลทั้งหมดนี้ ก็น่าจะทำให้เราสรุปได้ว่า Johnson & Johnson เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่มีความแข็งแกร่ง เพราะผลิตสินค้าที่จำเป็นต่อผู้บริโภค มีแบรนด์ที่จดจำได้ และมีการกระจายธุรกิจไปทั่วโลก ซึ่งก็น่าจะทำให้เราได้พบเห็นสินค้าของ Johnson & Johnson ในชีวิตประจำวัน ไปอีกยาวนาน..
    ╔═══════════╗
    อัปเดตสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจกับ Blockdit
    มีพอดแคสต์ให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
    Blockdit.com/download
    ╚═══════════╝
    ติดตามลงทุนแมนได้ที่
    Website - longtunman.com
    Blockdit - blockdit.com/longtunman
    Facebook - ลงทุนแมน
    Twitter - twitter.com/longtunman
    Instagram - instagram.com/longtunman
    Line - page.line.me/longtunman
    YouTube - youtube.com/longtunman
    References
    -https://ourstory.jnj.com/timeline
    -JNJ Investor Relations
    -https://marketdata.set.or.th/mkt/marketsummary.do

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,497
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก ลงทุนแมน

    Kerry x ลงทุนแมน
    กรณีศึกษา เมื่อ Kerry กลายเป็น Generic name ในตลาดส่งพัสดุ

    ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ต้องบอกว่าชีวิตหลายคนกำลังเปลี่ยนไปมาก
    บางคนไม่เคยทำอาหาร ก็หันมาชอปปิงวัตถุดิบทางออนไลน์ ฝึกทำเมนูอร่อยๆ
    บางคนที่เคยซื้อเครื่องสำอางแต่ในห้าง ก็หันมาซื้อทางออนไลน์
    หรือบางคนที่ไม่เคยขายของใน Facebook ก็หันมา Live ขายสารพัดสินค้า

    จะเห็นได้ว่าแม้ผลกระทบจาก COVID-19 จะสร้างความเครียดให้ใครหลายๆ คน
    แต่..ท้ายที่สุดแล้วตัวเราเองต่างหากที่ขีดเส้นเลือกได้ว่าจะมี ความสุข หรือ ความทุกข์ กับช่วงเวลานี้

    ซึ่งทุกกิจกรรมความสุขที่กล่าวมาข้างต้น เราต้องพึ่งบริษัทขนส่งพัสดุเป็น “ตัวกลาง” ใช้เป็นสะพานในการรับส่งสินค้า
    พอเรื่องเป็นเบบนี้ ก็เลยทำให้ Kerry มองเห็นโอกาสในการสร้างแบรนด์ให้ “ต่าง” จากคู่แข่ง

    แล้วความต่างที่ว่า..นั้นคืออะไร
    ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

    ณ วันนี้ ตลาดขนส่งพัสดุรายใหญ่ๆในบ้านเรา ต่างพัฒนายกระดับบริการตัวเอง
    จนมาถึงจุดที่การบริการ แทบจะใกล้เคียงกันหมด
    สุดท้ายก็มาแข่งขันกันในเรื่องของ “ราคา”

    ซึ่งก็ดูเหมือนจะเข้าทางผู้บริโภค เพราะเวลานี้หากบริษัทขนส่งพัสดุรายไหนมีค่าบริการที่ถูกกว่า
    ก็มักจะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในใจลูกค้า
    ซึ่งนั่นหมายความว่า ตลาดนี้ผู้บริโภคไม่ได้รักเดียวใจเดียว

    ส่วนที่มาของหนึ่งในจุดอ่อนนี้ก็คือ
    หากมองไปที่บริษัทขนส่งพัสดุรายใหญ่ทุกราย ผู้บริโภคต่างมีภาพจำเหมือนกันหมด
    ก็คือเป็น แบรนด์ขนส่งพัสดุ ไม่มีแบรนด์ไหนที่ผู้บริโภค รู้สึกว่ามีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนจนทำให้รู้สึกผูกพัน

    เป็นเรื่องที่ Kerry รับรู้ พร้อมกับตั้งโจทย์การตลาดว่าต่อไปนี้จะ ลงทุนเพื่อแบรนด์
    เป้าหมายก็เพื่อ ให้เวลาคนคิดที่จะส่งพัสดุจะนึกถึง Kerry เป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียว
    เหมือนอย่างที่เราพูดว่าซื้อ “มาม่า” 1 ซอง แทนคำว่าซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

    ซึ่งการจะไปให้ถึงจุดหมายนั้นได้ ก็ต้องทำให้แบรนด์ไปอยู่ในไลฟ์สไตล์ชีวิตประจำวันของคนไทย
    จึงทำให้มีแคมเปญการตลาดใหม่ที่ชื่อว่า Keep calm and Kerry on

    โดยช่วงเวลาที่ผ่านมา ที่หลายคนต้องกักตัวอยู่บ้านเพื่อช่วยลดการระบาดของ COVID-19
    Kerry ก็สื่อสารแบรนด์ตัวเองผ่านสื่อรอบตัวเราว่า
    “ขอเป็นตัวกลางสร้างรอยยิ้ม และความสุข ผ่านการส่งพัสดุทั่วประเทศ”

    ขณะเดียวกันก็มีคลิปโฆษณาที่สื่อสารว่าหากเราเป็น พ่อค้าออนไลน์, เป็นพ่อครัว, เป็นนักตกแต่ง
    หรือจะเป็นอะไรตามความชอบของแต่ละคน Kerry ก็จะขอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา

    ปรากฏการณ์ตรงนี้ ก็เลยทำให้แบรนด์ Kerry
    ในสายตาผู้บริโภคกำลังเป็นแบรนด์ที่น่ารัก อารมณ์ดี รู้สึกเข้าถึงง่าย

    เรื่องนี้ก็เลยทำให้ย้อนนึกถึงเพลงลูกทุ่ง “ให้เคอรี่มาส่งได้บ่” ของคุณ เบลล์ นิภาดา ที่สร้างยอด 1 ล้านวิวภายใน 5 วันซึ่งจะเป็นความบังเอิญหรือเป็นการซื้อโฆษณาเนียนๆ ก็ไม่มีใครรู้

    แต่ที่ตอบได้แน่ๆ แค่เพลงนี้เพลงเดียวก็ทำให้ Kerry เข้าถึงไลฟ์สไตล์คนต่างจังหวัดจนกลายเป็นคำฮิตติดปาก

    ที่น่าสนใจก็คือ นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของ Kerry เท่านั้น ซึ่งต่อจากนี้ไปเราอาจจะเห็น Kerry
    มีสารพัดกลยุทธ์การตลาดเพื่อทำให้ผู้บริโภครู้สึกดีกับแบรนด์

    ถึงตรงนี้หลายคนคงตั้งคำถามว่าทำไม Kerry ต้องการสร้างแบรนด์ให้เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันคนไทย
    ทั้งๆ ที่ปัจจุบันก็มียอดส่งพัสดุมหาศาลเฉลี่ยวันละกว่าล้านชิ้น ผ่านจุดบริการมากกว่า 10,000 จุด

    เพราะว่ากันว่า หากแบรนด์ไหนสามารถทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิต
    จนเกิดความคุ้นชินเรียกชื่อแบรนด์นั้นแทนชื่อประเภทสินค้าที่ตัวเองจะซื้อได้
    ก็จะมีแต้มต่อได้เปรียบคู่แข่งทันที

    เพราะเสมือนเป็นการย้ำว่า ณ วันนี้ หากใครต้องการส่งพัสดุก็ขอส่งกับ Kerry เท่านั้น

    ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือยอดส่งพัสดุของ Kerry จะเพิ่มขึ้นตลอดอย่างต่อเนื่อง
    สุดท้ายอาจไม่จำเป็นที่จะต้องไปแข่งขันอัตราค่าบริการกับบริษัทคู่แข่ง
    ซึ่งก็จะทำให้ Kerry มีกำไรในธุรกิจนี้มากขึ้น

    และตอนนี้ ก็ดูเหมือนว่าหลายคนที่ไปส่งพัสดุ
    แทนที่จะพูดว่า “จะไปส่งของ”
    แต่พวกเขากลับพูดว่า “จะไปส่ง Kerry” กันแล้ว..

    Reference
    ข่าวประชาสัมพันธ์ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

     

แชร์หน้านี้

Loading...