ติดตามสถานะการณ์

Jun 12 , 2020 บขส. เปิดเส้นทางเดินรถเพิ่ม 15 มิ.ยนี้ สอดรับมาตรการยกเลิกเคอร์ฟิว
.
บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่าเตรียมเปิดเดินรถเส้นทางภาคเหนือเพิ่มอีก 8 เส้นทาง รวมจากของเดิมเป็น 15 เส้นทาง ในวันที่ 15 มิ.ย. 2563 นี้หลังจาก ศบค. มีมติผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 4 และเตรียมยกเลิกเคอร์ฟิว เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่มีความจำเป็นต้องเดินทาง
.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก เปิดให้บริการ จำนวน 22 เส้นทาง ยกเว้น 4 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทาง 9907 กรุงเทพฯ (มอเตอร์เวย์) จันทบุรี // เส้นทาง 904 กรุงเทพฯ-สระบุรี // เส้นทาง 921 กรุงเทพฯ - องครักษ์ – อรัญประเทศ // เส้นทาง 825 ทอ สุวรรณภูมิ – หนองคาย
.
ภาคใต้ เปิดให้บริการทุกเส้นทางแล้ว ผู้โดยสารสามารถสอบถามเส้นทางเดินรถที่ บขส. เปิดให้บริการ ได้ที่ Call Center 1490 เรียก บขส. ตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถจองตั๋วออนไลน์ล่วงหน้า 7 วัน ผ่านเว็บไซต์ www.transport.co.th หรือตัวแทนจำหน่ายตั๋ว www.busticket.in.th , www.pns-allthai.com , www.thaiticketmajor.com และเคาน์เตอร์เซอร์วิส 7-Eleven
.
สำหรับผู้โดยสารต่างชาติ สามารถเดินทางโดยรถโดยสารสาธารณะได้ตามปกติ แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด และต้อง Scan QR Code ไทยชนะ เพื่อ Check in /Check out หรือกรอกข้อมูลคำถามสุขภาพตามแบบ ต.8-คค ที่ระบุจุดเดินทางที่ออกและจุดหมายปลายทางที่เป็นประโยชน์ต่อการควบคุมโรคติดต่อ
.
#บขส #ยกเลิก #เคอร์ฟิว #Misterban

 

Jun 12 , 2020 1 ก.ค. เตรียมเปิด ท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ 127 แห่ง เเบบ New Normal
.
นายวราวุธ ศิลปาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จะเปิดให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ หลังจากปิดให้บริการมานานเกือบ 3 เดือนในช่วงการระบาดโควิด 19 โดยจะต้องจำกัดปริมาณของนักท่องเที่ยวในการเข้าพื้นที่ของอุทยานโดยจะมีโควต้าต่อวัน เเละต้องจองล่วงหน้า เพื่อไม่ให้เกิดความแออัด เเต่หากเปิดเเล้วพบว่ามีสัตว์ตายเพิ่มหรือ ขยะสกปรกในอุทยานก็จะปิดทำการอีกครั้ง
.
โดยทางอุทยานจะให้นักท่องเที่ยวใช้แอปพลิเคชันไทยชนะ เพื่อจำกัดจำนวนคนเข้าในพื้นที่ โดยเเต่ละอุทยานจะจำกัดจำนวนคนเข้าไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับพื้นที่ภายในอุทยาน เเละเมื่อมีคนเข้าครบตามโควต้าเเต่ละวันเเล้ว จะไม่สามารถรับนักท่องเที่ยวเข้าเพิ่มได้เเต่ต้องรอให้คนออกไปก่อน ถึงจะเข้าไปได้เพื่อเป็นการป้องกันการเเออัดเเละการเเพร่ระบาดของโควิด19
.
สำหรับอุทยานที่พร้อมเปิดให้ท่องเที่ยวมี 127 แห่ง คาดว่าจะเปิดให้ท่องเที่ยวในเดือน ก.ค. แบ่งเป็นเปิดให้เข้าทุกจุดท่องเที่ยว 64 แห่ง เปิดบางส่วน 63 แห่ง และยังปิดต่อ 28 แห่ง เช่น อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ทับลาน ปางสีดา หมู่เกาะช้าง น้ำตกพลิ้ว น้ำตกกองแก้ว กุยบุรี เขาสามร้อยยอด หมู่เกาะอ่างทอง ธารเสด็จ-เกาะพะงัน เขาหลวง อ่าวพังงา
.
ส่วนอุทยานเปิดบางจุดของแหล่งท่องเที่ยว 63 แห่ง เช่น แก่งกระจาน ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ภูหินร่องกล้า ภูสอยดาว หมู่เกาะลันตา เขาพระวิหาร หาดวนกร ดอยภูคา และมีแหล่งท่องเที่ยวอีก 28 แห่ง ที่ยังไม่เปิดให้ท่องเที่ยวทั้งหมด ครอบคลุมแหล่งท่องเที่ยวในเขตทะเลอันดามัน เช่น หมู่เกาะพีพี สิมิลัน ตะรุเตา ธารโบกขรณี ทะเลบัน ศรีพังงา เขาหลัก เขาปู่-เขาย่า เทือกเขาบูโด รวมทั้งอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย และบางส่วนที่ประเมินว่าไม่ปลอดภัย และกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ
.
โดยสามารถเข้าไปเช็คข้อมูลได้ในเว็บไซต์กรมอุทยานแห่งชาติ เพื่อตรวจดูรายชื่อกรมอุทยานแห่งชาติว่าที่ไหนสามารถเข้าท่องเที่ยวได้
.
#127แห่ง #อุทยาน #เปิดบริการ #ไวรัสโควิด #Misterban

 

Jun 12 , 2020 ปตท.พร้อมจำหน่ายน้ำมันเครื่องบินให้กับการบินไทย แต่ต้องซื้อขายด้วยเงินสดเท่านั้น โดยปัจจุบันการบินไทยมีหนี้น้ำมันกับปตท. อยู่ 760 ล้านบาท
.
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. เปิดเผยว่า ขณะนี้ปตท. ยังมีการจำหน่ายน้ำมันเครื่องบินให้กับการบินไทย ตามปกติ ไม่ได้มีการงดการจ่ายตามที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้
.
แต่จำเป็นต้องมีการปรับวิธีการซื้อขายน้ำมัน จากเดิมให้เครดิตการชำระเงิน 30 วัน เปลี่ยนมาเป็นการจ่ายในรูปแบบเงินสด ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการของการบินไทย
.
ปัจจุบันการบินไทยมีภาระหนี้น้ำมันกับปตท. อยู่ 760 ล้านบาท ดังนั้น ทางปตท.จะกลายเป็นเจ้าหนี้การค้า ซึ่งผู้จัดทำแผนฟื้นฟูฯจะต้องมาจัดลำดับความสำคัญของเจ้าหนี้ และปตท.ถือเป็นเจ้าหนี้ที่มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจในลำดับต้นๆ
.
โดยช่วงที่ผ่านมาปัญหาโควิด 19 ทำธุรกิจสายการบินได้รับผลกระทบมาก ส่งผลให้ยอดจำหน่ายน้ำมันเครื่องบินของปตท.ลดลงไปถึง 90% ในช่วงเดือนเม.ย. และคาดการณ์ว่าตลอดปีนี้จะลดลงเฉลี่ย 80%
.
#ปตท #น้ำมัน #760ล้านบาท #การบินไทย #Misterban

 

Jun 12 , 2020 สธ.ชี้แจงร้านอาหารที่เล่นดนตรีสดจะเปิดช่วงผ่อนปรนระยะ 4 ได้ ต้องยื่นขอใบอนุญาตเป็นประเภทร้านอาหารเท่านั้น
.
ภายหลังจาก ศบค. เตรียมคลายล็อกเฟส 4 อนุญาตให้ร้านอาหารสามารถนำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และให้ผู้มาใช้บริการนั่งดื่มในร้านได้ ยกเว้นสถานบันเทิง ผับบาร์ คาราโอเกะที่ยังไม่ให้เปิด ทำให้มีข้อสงสัยว่ากลุ่มกิจการผับแอนด์เรสเตอร์รอง หรือกลุ่มร้านอาหารที่มีการเล่นดนตรีสดภายในร้าน สามารถเปิดดำเนินกิจการ ได้หรือไม่
.
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ต้องพิจารณาจากใบอนุญาตเปิดกิจการที่ยื่นขอกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ว่ากลุ่มผับแอนด์เรสเตอรองที่ว่านี้ ยื่นขอใบอนุญาตเปิดเป็นประเภทร้านอาหาร หรือเป็นกลุ่มสถานบริการและสถานบันเทิง หากยื่นเป็นร้านอาหารก็สามารถเปิดได้ ส่วนการคลายล็อกเฟส 4 ที่จะอนุญาตให้ขายและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านก็จะดำเนินการได้ หากมีใบอนุญาตจำหน่ายสุราตามกฎหมาย
.
ส่วนการแสดงดนตรีสดภายในร้าน ต้องดูใบอนุญาตเช่นกัน เพราะในใบอนุญาตเปิดร้านอาหารจะแบ่งเป็นประเภทย่อยๆ เช่น ใบอนุญาตร้านอาหารที่มีการแสดงดนตรีสด เป็นต้น ดังนั้น ต้องประกอบกิจการตามลักษณะใบที่ขออนุญาต หากขอเป็นร้านอาหารที่มีดนตรีสด ก็สามารถเปิดได้ ช่วงเฟส 4 ที่อนุญาตให้นั่งดื่มก็สามารถทำได้ แต่หากขออนุญาตเปิดเป็นสถานบันเทิงก็ยังไม่สามารถเปิดได้
.
#สถานบันเทิง #Misterban #สาธารณสุข

 

ศบค.เห็นชอบ #คลายล็อกเฟส4 เปิด #โรงเรียนนานาชาติ #สถาบันกวดวิชา #โรงเรียนขนาดเล็ก ไม่เกิน 120 คน ทั้งใน กทม.และพื้นที่ห่างไกล และ #โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน

เปิดเทอมก่อนวันที่ 1 ก.ค. ได้เลย หากมีความพร้อมจัดเรียน 15 มิ.ย.นี้

#Qol #MGROnline

https://mgronline.com/qol/detail/9630000060903

 

กรมควบคุมโรค ตอบเคลียร์ชัด ปมโพสต์แก้วเหล้าเบียร์ หลังมีกระบวนการจ่อล้ม กม.โฆษณาบนความตื่นกลัวของคน

ยันประชาชนทั่วไปโพสต์ภาพคู่ #น้ำเมา ไม่มีข้อความเชิญชวน หรือเพื่อประโยชน์การค้า ไม่มีความผิดฐานโฆษณา

ยกเว้นกลุ่มเพจดัง เน็ตไอดอล ดารา ต่างจากคนทั่วไป มีคนติดตามมาก หากโพสต์คู่เครืองดื่มแอลกอฮอล์มีความผิดฐานชักจูงใจโดยตรงและโดยอ้อม

#Qol #MGROnline

https://mgronline.com/qol/detail/9630000060929

 

ศบค.เห็นชอบเดินทางในประเทศ #เครื่องบิน เปิดที่นั่งผู้โดยสารได้เต็มที่ 100% จากเดิม 70%

เหตุใช้เวลาเดินทางราว 1 ชั่วโมง แต่การติดเชื้อต้องมากกว่า 2 ชั่วโมง แต่ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเดินทาง

ส่วนรถโดยสารยังจำกัดจำนวน 70% ของที่นั่ง

เผยระบบ IOS ดาวน์โหลดแอปฯ #ไทยชนะ ได้แล้ว

#Qol #MGROnline #โควิด19

https://mgronline.com/qol/detail/9630000060917

 

UPDATE: ธปท. ชี้แจงความเข้าใจผิดเรื่องหนี้สินของ ธปท. 6 ล้านล้านบาท
.
วันนี้ (12 มิถุนายน) จันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายสื่อสารและความสัมพันธ์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ตามที่มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องหนี้สินของ ธปท. มูลค่า 6 ล้านล้านบาท เป็นหนี้สาธารณะที่จะเป็นภาระต่อผู้เสียภาษีในระยะต่อไปนั้น
.
ขอเรียนว่ารายงานดังกล่าวเป็นการแสดงรายการงบการเงินของ ธปท. ที่เกิดจากการทำหน้าที่ปกติของธนาคารกลาง เช่น เมื่อระบบการเงินมีสภาพคล่องส่วนเกิน ธปท. จะออกตราสารหนี้ เพื่อดูดซับสภาพคล่องเข้ามาเก็บไว้ที่ ธปท. ในทางตรงกันข้ามหากระบบการเงินต้องการสภาพคล่อง ธปท. ก็จะลดยอดการออกตราสารหนี้เพื่อปล่อยสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ เพื่อให้เกิดความสมดุลในตลาดการเงิน โดยสินทรัพย์และหนี้สินดังกล่าวเกิดจากการดำเนินนโยบายการเงินตามบทบาทหน้าที่ของ ธปท. โดยเฉพาะการเข้าซื้อเงินตราต่างประเทศในช่วงที่มีเงินทุนไหลเข้ามาจำนวนมาก ดังนั้นหนี้สินที่ปรากฏจะมีรายการคู่ขนานที่เป็นด้านสินทรัพย์ที่ส่วนใหญ่อยู่ในรูปของเงินตราต่างประเทศอยู่ด้วย
.
ทั้งนี้ หนี้สินในงบการเงินของ ธปท. เช่นเดียวกับธนาคารกลางในประเทศต่างๆ ไม่ถือว่าเป็นหนี้สาธารณะ ไม่เป็นภาระต่อฐานะการคลังของประเทศ แต่เกิดจากการดำเนินงานตามภารกิจของธนาคารกลาง ที่สะท้อนกิจกรรมในการบริหารสภาพคล่องในระบบการเงิน

 

#โควิด ซัด กลุ่มนักแสดงสาวประเภท 2 #ไทย ไร้งานโชว์ที่ #ไต้หวัน เจ้านายสุดอารี ตั้งแผงขายผักหาเงินช่วยเลี้ยงชีพช่วงหลบไวรัส
❣️
สามีภรรยาเจ้าของคณะโชว์ที่เมืองไถหนาน เกาะไต้หวัน ต้องผันตัวมาขายผักช่วงเช้าและเย็น รวมวันละกว่า 10 ชั่วโมง เพื่อหารายได้จุนเจือนักแสดงสาวประเภท 2 จากไทย 7 คน ทั้งหมดเดินทางมาเป็นนักแสดงที่เมืองนี้ แต่หลังจากโควิดระบาด ทำให้ไม่สามารถเปิดการแสดงได้เลยตั้งแต่ตรุษจีนที่ผ่านมา เจ้าของคณะก็ยังต้องจ่ายค่าเช่าโรงแสดงเดือนละราว 20,000 เหรียญ แต่ไม่สามารถจ่ายเงินเดือนให้ได้

เดิมทีทางคณะอยากให้นักแสดงสาวไทยทั้ง 7 คนกลับเมืองไทย แต่ทั้งหมดบอกว่าต้องการอยู่ที่ไต้หวันเพื่อหลบการระบาดของโควิดก่อน เจ้าของคณะใจดี ยอมให้พวกเธออยู่ต่อ และพยายามหารายได้มาจุนเจือ โดยให้ที่พักฟรี และยังให้เงินไว้ใช้สอยวันละ 100 เหรียญ
.
นักแสดงสาวไทยบอกว่า ช่วงแรกสถานการณ์โควิดที่ไทยร้ายแรง อยู่ที่ไต้หวันปลอดภัยกว่า และซาบซึ้งอย่างยิ่งที่เจ้าของคณะ ถึงขนาดผันตัวตั้งแผงขายผักมาประคับประคองพวกเธอ
.
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้นักแสดงสาวไทยทั้ง 7 คนวีซ่าหมดอายุ จำต้องกลับประเทศไทยก่อน แต่พวกเธอสัญญาว่าจะกลับมาไต้หวันอีกครั้ง เพื่อทำการแสดงตอบแทนน้ำใจของเจ้าของคณะ ผู้อารี❣️❣️

 

UPDATE: โรบินสัน เผยยอดขายออนไลน์โตน่าพอใจ Facebook Live ช่องทางน้องใหม่มียอดซื้อทะลุ 1 แสนครั้งแล้ว
.
ต้องยอมรับว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้บทเรียนใหม่ๆ แก่ธุรกิจค้าปลีก โดยเฉพาะในแง่ของการทำมาร์เก็ตติ้งเป็นอย่างมาก อย่างในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงปิดห้างฯ จนถึงช่วงเริ่มคลายล็อกดาวน์ของธุรกิจห้างสรรพสินค้าในระยะแรก ซึ่งทุกรายต้องเร่งปรับตัวให้ทันกับความท้าทายนี้
.
สำหรับ ‘โรบินสัน’ ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจที่อยู่ภายในเครือเซ็นทรัล รีเทลก็มีการปรับตัวเช่นเดียวกัน สเตฟาน จูเบิร์ท ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายบริหารสินค้า และรักษาการ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาด บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โรบินสันได้มีการปรับตัวทางธุรกิจครั้งใหญ่ โดยใช้แพลตฟอร์มการขาย 4 ช่องทางเป็นหัวหอกสำคัญ เพื่อทดแทนและช่วยเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าของห้างฯ ซึ่งโดยรวมมีการเติบโตในทิศทางที่น่าพอใจ
.
โดย 2 แพลตฟอร์มแรก เป็นแพลตฟอร์มการขายเดิมที่โรบินสันมีอยู่ คือ
1. Robinson Online ซึ่งในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีจำนวนนักช้อปเข้ามาใช้บริการในแพลตฟอร์มนี้เพิ่มขึ้นกว่า 100% ส่งผลให้ยอดการช้อปเพิ่มขึ้นถึง 200% โดยกลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยม 3 อันดับแรก คือ สินค้าเครื่องใช้และของตกแต่งบ้าน สินค้าสุขภาพและความงาม และสินค้าแม่และเด็ก 2. Robinson Chat & Shop ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มียอดขายเพิ่มขึ้นราว 451% จำนวนการซื้อขาย (Transaction) เพิ่มขึ้นถึง 639%
.
รวมทั้งอีก 2 แพลตฟอร์ม ซึ่งถือเป็น New Channel การขายใหม่ที่เกิดในช่วงโควิด-19 คือ 3. Robinson Call & Shop ซึ่งแบ่งเป็นการโทรศัพท์เพื่อนำเสนอขายสินค้าแก่ลูกค้า และการรับสายลูกค้าที่สนใจสั่งซื้อสินค้า ซึ่งในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา แพลตฟอร์มนี้มียอดการสั่งซื้อถึง 110,500 คำสั่งซื้อ และมียอดเฉลี่ยต่อใบเสร็จราว 2,040 บาท
.
สุดท้าย 4. Robinson Facebook Live เป็นแพลตฟอร์มน้องใหม่ โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา แพลตฟอร์มนี้มียอดการสั่งซื้อถึง 106,000 คำสั่งซื้อ และมียอดเฉลี่ยต่อใบเสร็จราว 990 บาท ซึ่งกลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยม 3 อันดับแรก คือ สินค้าเครื่องใช้และของตกแต่งบ้าน สินค้านาฬิกาและเครื่องประดับ สินค้ารองเท้าและกระเป๋าสตรี
.
สเตฟานมั่นใจว่า แพลตฟอร์มการขายทั้ง 4 ช่องทางจะเข้ามาช่วยเสริมทัพการตลาดของโรบินสันให้มีความแข็งแกร่ง และสามารถตอบรับ New Normal Life และสถานการณ์ Digital Disruption ที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของนักช้อปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันให้โรบินสันก้าวสู่การเป็น ‘Omni Channel Department Store’ ที่สมบูรณ์แบบตามที่ตั้งเป้าไว้ในอนาคตได้อีกด้วย

 

เมืองหลวงของ #ญี่ปุ่น ทนให้ธุรกิจล้มเพราะ #โควิด ไม่ไหว ปลดล็อกเต็มตัว กิจการต่าง ๆ รวมทั้งธุรกิจกลางคืนสามารถกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ ดีเดย์ 19มิ.ย. ยกเลิกมาตรการบังคับทุกอย่าง

ผู้ว่าการกรุงโตเกียวประกาศยกเลิกคำเตือนไวรัสโควิด ที่เรียกว่า Tokyo alert ในวันที่ 12 มิ.ย. เดินหน้าสู่การปลดล็อกขั้นสุดท้าย อนุญาตให้ร้านอาหารและผับเปิดได้ และขายสุราได้จนถึงเที่ยงคืน สถานบันเทิง เช่น ร้าน บาร์ เน็ตคาเฟ่ เกม เซนเตอร์ ร้านปาจิงโกะ สวนสนุก กลับมาเปิดกิจการได้ตามปกติตั้งแต่วันนี้
.
ในวันที่ 19 มิ.ย. เป็นต้นไป สถานเริงรมย์ยามราตรี สถานแสดงคอนเสิร์ตทุกประเภทกลับมาเปิดบริการได้

กรุงโตเกียวมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 25 คนในวันศุกร์ที่ 12 มิ.ย. ในจำนวนดังกล่าว 10 คนตามรอยเส้นทางการติดเชื้อไม่ได้ แต่ทางการตัดสินใจเดินหน้ายกเลิกมาตรการควบคุมทั้งหมด โดยระบุว่าการตรวจหาเชื้อไวรัสและการรักษาพยาบาลมีความพร้อมมากขึ้น

แต่ที่สำคัญคือ ธุรกิจต่าง ๆ ที่ปิดกิจการมานานกว่า 2 เดือนบอบช้ำอย่างหนักจนอาจไปต่อไม่ไหว และทำให้คนตกงานมากมาย
.
อย่างไรก็ตาม ทางการเน้นย้ำให้ประชาชนใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังภายใต้ “ความปกติใหม่” เช่น สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือสม่ำเสมอ เว้นระยะห่าง 2 เมตร หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด ใกล้ชิด ระบายอากาศไม่ดี.

 

ความประมาทนำมาซึ่งหายนะเสมอ หากคิดว่าเป็นเรื่องเล่นๆ และชะล่าใจ ล่าสุด นอร์เวย์การ์ดตก ทำยอดผู้ติดโควิด-19 พุ่งขึ้นเป็นสามเท่าภายใน 7 วัน โดยสถานีโทรทัศน์ NRK ของนอร์เวย์รายงานว่า กรุงออสโลพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

จากการเปิดเผยของสถาบันสาธารณสุขนอร์เวย์เจียน ระบุว่านับตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายนเป็นต้นมา นอร์เวย์พบผู้ติดเชื้อรายใหม่แล้ว 112 ราย จำนวนนี้เป็นผู้ติดเชื้อในกรุงออสโล 81 ราย นั่นหมายความว่าเมืองหลวงของนอร์เวย์ได้กลายเป็นพื้นที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่คิดเป็นกว่า 3 ใน 4 ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งหมดที่พบช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

นายแพทย์ Espen Rostrup Nakstad รองผู้อำนวยการสำนักสาธารณสุขของนอร์เวย์กล่าวว่า “การพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ หลังจากที่ทางการเริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ตั้งแต่ช่วงต้นเมษายนที่ผ่านมา รวมถึงพฤติกรรมของประชาชนเริ่มเปลี่ยนไป แต่นั่นยังเร็วเกินไปหากจะสรุปว่าที่พบติดเชื้อใหม่เพิ่มเป็นเพราะมาตกรการเปิดเมือง จึงเป็นการยากที่จะบอกว่าสาเหตุที่แท้จริงของการติดเชื้อใหม่มาจากปัจจัยใด แต่เป็นสิ่งสำคัญที่หน่วยงานต้องเร่งติดตามการติดเชื้อดังกล่าว”

นายแพทย์ Nakstad ยังเสริมว่า นี่เป็นตัวอย่างได้อย่างดีที่จะเกิดขึ้นหากเราเริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆ และประชาชนไม่ได้ให้ความร่วมมือในการอยู่บ้านหรือรีบติดต่อโรงพยาบาลใกล้เคียงทันทีเมื่อรู้สึกป่วย หรือปฏิบัติตามมาตรต่างๆ ที่รัฐแนะนำ

อย่างไรก็ดี ช่วงสัปดาห์ก่อนหน้านี้มีบรรดากลุ่มนักเคลื่อนไหวในนอร์เวย์ออกมารวมตัวเดินขบวนไปตามท้องถนนเพื่อร่วมประท้วงที่บริเวณด้านหน้าสถานทูตสหรัฐในกรุงออสโล และด้านหน้าอาคารรัฐสภา เพื่อแสดงจุดยืนต่อกรณีนายจอร์จ ฟลอดย์ ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งที่นอร์เวย์อาจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น รวมถึงหน่วยงานท้องถิ่นอย่างเทศบาลกรุงออสโล ก็ไม่ได้มีคำแนะนำในการให้ผู้ประท้วงกักตัวเองหลังเสร็จสิ้นการชุมนุมเช่นกัน มีเพียงแต่ออกคำแนะนำให้ผู้ชุมนุมที่เริ่มรู้สึกถึงอาการป่วยให้รีบมาเข้ารับการตรวจเชื้อ

ขณะที่ทางการท้องถิ่นในเมืองอื่นๆของประเทศอย่างเมืองสตาแวนเกอร์ ซึ่งก็มีผู้ออกมาชุมนุมประท้วงกรณีจอร์จ ฟลอยด์เช่นกัน ได้ออกคำเตือนให้ประชาชนที่ร่วมชุมนุมประท้วงเสร็จแล้ว กักตัวเองอยู่กับบ้านและหลีกเลี่ยงการออกมาทำกิจกรรมในที่สาธารณะ หรือโดยสารรถขนส่งสาธารณะและเปิดให้มีการตรวจคัดกรองเชื้อหลังเสร็จสิ้นการชุมนุมแล้ว
อย่างไรก็ดี โดยรวมแล้วระดับการติดเชื้อในนอร์เวย์ยังคงอยู่ในระดับต่ำโดยมีผู้ป่วยรายใหม่เพียงสองรายที่มีอากาศหนักจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

https://www.posttoday.com/world/625740

#RoundtableThailand
roundtablethailand.com

 

สืบเนื่องจากมีสื่อบางสำนักในไทยที่รายงานข้อมูล การจัดอันดับประเทศที่ปลอดภัยจากโควิด-19 มากที่สุด โดยจัดให้ไทยอยู่อันดับที่ 47 ในกลุ่ม Tier 3 จึงมีการตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใดไทยถึงถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อหลักแสนหลักล้านอย่าง สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร อิตาลี และสเปน ทั้งๆที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมในไทยมีเพียงสามพันหนึ่งร้อยกว่ารายเท่านั้น โดยที่สื่อสำนักนี้อ้างอิงข้อมูลจากองค์กร “Deep Knowledge Group” นำมาซึ่งการตั้งคำถามว่าข้อมูลของ “DKG” มีความน่าเชื่อถือหรือไม่
.
วันที่ 10 มิถุนายน 2563 สำนักข่าว States Times Review ชี้ว่าข้อมูลจากองค์กร “Deep Knowledge Group” ซึ่งเป็นกลุ่มนักลงทุนที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก นั้นเป็นข้อมูลการสำรวจที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ หรือ “Fake survey” โดยระบุว่า “DKG” จัดอันดับให้สิงคโปร์นำหน้านิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย ไต้หวัน ทั้งๆที่สิงคโปร์มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นวันละหลายร้อยคน และสิงคโปร์มีผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 39,000 ราย แต่สิงคโปร์กลับได้อันดับที่ดีกว่านิวซีแลนด์ที่มีผู้ติดเชื้อสะสม 1,504 ราย ออสเตรเลีย 7,290 ราย และไต้หวัน 443 ราย
.
ซึ่งทั้งนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และไต้หวันมีผู้ติดเชื้อน้อยกว่าสิงคโปร์มากๆ แต่ทั้งสามประเทศนี้กลับถูกจัดอันดับให้ตามหลังสิงคโปร์ โดยที่ “DKG” จัดอันดับให้สิงคโปร์เป็นประเทศที่ควบคุมโรคระบาดได้ดีที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ในขณะที่นิวซีแลนด์อยู่อันดับที่ 9 ออสเตรเลียอันดับที่ 8 จีนอันดับที่ 7 ส่วนไต้หวันที่ควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้ที่สุดในเอเชีย กลับอยู่อันดับที่ 16
.
สำนักข่าว States Times Review ยังระบุอีกด้วยว่า “รัฐบาลเผด็จการสิงคโปร์” (The Singapore ruling party dictatorship) พยายามนำข้อมูลสำรวจที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ มาใช้เป็นโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อปกปิดความล้มเหลวในการควบคุมการแพร่เชื้อโควิด-19
.
เช่นเดียวกับสำนักข่าว THE TIME OF ISRAEL ที่บ่งชี้ว่า ข้อมูลสำรวจของ “DKG” ไม่มีความน่าเชื่อถือ ทั้งๆที่ประเทศอิสราเอลมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 18,000 ราย แต่ “DKG” กลับจัดกันดับให้ประเทศอิสราเอลอยู่อันดับที่ 3 ซึ่งเป็นอันดับที่ดีกว่านิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และไต้หวัน ทั้งๆที่สามประเทศนี้มีผู้ติดเชื้อน้อยกว่าอิสราเอลมากๆ ส่วนทางด้านศาสตราจารย์ Yitzhak Ben-Israel จากมหาวิทยาลัยเทลอาวีฟ (Tel Aviv University) ของอิสราเอล ก็ระบุเช่นกันว่า ข้อมูลการจัดอันดับของ “DKG” ถือว่าเป็น “เจ้าแม่แห่งวงการข่าวปลอม” หรือ “The mother of fake news”
…

ในยุคโซเชียลมีเดีย ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ก็มาจากหลากหลายผู้จัดทำ ที่นำเสนอข้อมูลข่าวสารในมุมต่างๆที่อาจจะต้องการชี้นำให้เกิดความเข้าใจไปในทิศทางที่ต้องการ ผู้รับสื่อจึงต้องพิจารณาข้อมูลข่าวสารให้รอบด้าน ทั้งที่มาของข้อมูล วิธีการนำเสนอ ตลอดจนจุดมุ่งหมายในการนำเสนอ เพื่อรู้เท่าทันสื่อบนโซเชียลมีเดียที่ต้องการชี้นำให้เกิดกระแสบางอย่างขึ้นมา
-------------------------------
แหล่งข่าว

https://statestimesreview.com/2020/...e-is-4th-safest-in-the-world-during-pandemic/

https://www.timesofisrael.com/behin...l-is-safest-place-a-rabbit-hole-of-weirdness/

-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook :
https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

ต้องบอกว่าวิกฤตโควิด-19 ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจทั่วโลก หลายประเทศต่างต้องพยุงตัวเองไม่ให้ล้มไปจากสถานการณ์นี้ เช่นเดียวกับประเทศไทย ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้ส่งจดหมายเรียนเชิญเศรษฐีในประเทศจำนวน 100 คน ออกมาช่วยกันระดมสมองหาแนวทางที่จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศหลังวิกฤตโควิด-19
.
ซึ่งโมเดลนี้ได้ฮิตไกลไปทั่วโลกแล้ว ล่าสุด UN Global Compact หรือความร่วมมือของภาคเอกชนแห่งสหประชาชาติมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน เตรียมที่จะจัดประชุมสัมมนา “UN Global Compact Virtual Leaders Summit 2020”
.
เพื่อระดมความคิดจะภาคธุรกิจเพื่อหาทางออกร่วมกันในการสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืน และฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากโควิด-19 จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 15-16 มิถุนายน 2563
.
โดยงานสัมมนาครั้งนี้จะมีซีอีโอจากบริษัทชั้นนำ และผู้นำด้านความยั่งยืนของโลกต่างๆมากมายกว่า 1,000 คน อาทิเช่น นายอัล กอร์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนักเคลื่อนไหวเพื่อรณรงค์การแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศคนสำคัญของโลก
.
อย่างเช่น นายบัน คี มูน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ พอล โพลแมน อดีตซีอีโอยูนิลีเวอร์ เฮเลนา เฮลเมอรส์สัน ซีอีโอของ H&M และ คุณลิเซ่ คิงโกซีอีโอ และผู้อำนวยการบริหาร UN Global Compact ส่วนตัวแทนภาคธุรกิจจากประเทศไทยก็คือ คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์
.
โดยนายอันโตนิอู กุแตแรช เลขาธิการสหประชาชาติ ได้กล่าวว่า โควิด-19 ถือเป็นบททดสอบที่ยากที่สุดที่เราต้องเผชิญร่วมกันตั้งแต่จัดตั้งสหประชาชาติขึ้นมา วิกฤติครั้งนี้เป็นเครื่องเตือนใจที่สำคัญว่า ในโลกที่เราต่างต้องพึ่งพาอาศัยกันนี้ทุกประเทศ ทุกธุรกิจ และมนุษย์ทุกคน ล้วนแล้วแต่อ่อนแอด้วยกันทั้งสิ้น
.
สุดท้ายจะเห็นว่าไม่มีใครแข็งแกร่งกว่ากันเลย การจัดงานครั้งนี้จึงเป็นโอกาสที่ผู้เข้าร่วมจะช่วยกันสร้างแรงบันดาลใจ นำไปสู่การเรียนรู้ และการที่โลกจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา
.
จากข้อมูล UNGC ระบุว่า ภายในการประชุมสัมมนานี้จะเป็นการผนึกกำลังผู้นำองค์กรธุรกิจเพื่อสร้างโลกที่ดีขึ้นกว่าเดิม โดยผู้เข้าร่วมจะมาจากตัวแทนองค์กรธุรกิจกว่า 10,000 บริษัท และมากกว่า 3,000 องค์กรไม่แสวงหากำไร
.
ที่จะเข้าร่วม และช่วยกันคิดวิธีการที่ธุรกิจจะสามารถสนับสนุนชุมชน และประเทศทั่วโลก ร่วมกับสหประชาชาติให้ร่วมมือกันมากขึ้น แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และฟื้นตัวร่วมกันได้ดีขึ้นจากวิกฤติโควิด-19 โดยมีซีอีโอจากบริษัทชั้นนำ และผู้นำด้านความยั่งยืนที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลกมาร่วมแสดงวิสัยทัศน์
.
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการเข้าร่วมกิจกรรม the Virtual Leader Summit 2020 และลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่ https://unglobalcompact.org/take-action/20th-anniversary-campaign
.
-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.bangkokbiznews.com/pr/d...&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=pr

https://thaipublica.org/2020/06/gcn...eQoieiQzcjPPSzWiUeuMb7ViZZuykSmnLm-LT-XouoObc
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯในวันพฤหัสบดี(11มิ.ย) ออกคำสั่งพิเศษให้อำนาจอเมริกาในการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ของศาลอาญาระหว่างประเทศ(ไอซีซี) ที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนว่ากองกำลังสหรัฐฯก่ออาชญากรรมสงครามในอัฟกานิสถานหรือไม่
.
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของประธานาธิบดีทรัมป์ เปิดเผยโดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม ว่าการสืบสวนดังกล่าวผลักดันโดยองค์กรหนึ่งๆซึ่งความซื่อสัตย์ป็นที่น่าสงสัย อ้างถึงศาลอาญาระหว่างประเทศที่มีสำนักงานใหญ่ในเมืองเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ พร้อมกล่าวหาว่ารัสเซียมีบทบาทในเรื่องนี้
.
คำสั่งดังกล่าวให้อำนาจ ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ปรึกษาหารือกับ สตีฟ มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สำหรับอายัดทรัพย์สินในสหรัฐฯของบรรดาเจ้าหน้าที่ศาลอาญาระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวน นอกจากนี้แล้วมันยังให้อำนาจ พอมเพโอ สั่งห้ามบุคคลเหล่านั้นเดินทางเข้าสหรัฐฯด้วย
.
ฟาตู เบนซูดา อัยการของศาลอาญาระหว่างประเทศต้องการสืบสวนความเป็นไปได้ในการก่ออาชญากรรมสงครามระหว่างปี 2003 ถึง 2014 โดยเป็นการสอบสวนทั้งตอลิบาน, กองกำลังของรัฐบาลอัฟกัน, กองกำลังผสมนานาชาติที่รวมถึงทหารอเมริกันและซีไอเอ
.
ศาลอาญาระหว่างประเทศ จัดตั้งโดยประชาคมนานาชาติในปี 2002 เพื่อดำเนินคดีกับพวกก่ออาชญากรรมสงคราม ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และก่ออาชญากรรมกับมนุษยชาติ โดยศาลแห่งนี้จะมีอำนาจในการพิจารณาคดีก็ต่อเมื่อรัฐสมาชิกหนึ่งๆไม่สามารถหรือไม่มีความตั้งใจที่จะดำเนินคดีกับพวกกระทำผิดด้วยตนเอง
.
คำสั่งพิเศษนี้ ถือความเคลื่อนไหวล่าสุดของสหรัฐฯภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่เล็งเป้าเล่นงานองค์กรระหว่างประเทศ หลังจากเมื่อเดือนที่แล้วเขาบอกว่าจะตัดขาดความสัมพันธกับองค์การอนามัยโลก โดยกล่าวหาหน่วยงานสาธารณสุขของสหประชาชาติ ขาดความโปร่งใสและล้มเหลวอย่างยิ่งเชิงในการจัดการกับวิกฤตโรคระบาดใหญ่โควิด-19
.
อัฟกานิสถานเป็นสมาชิกของศาลอาญาระหว่างประเทศ แต่คาบูลโต้แย้งว่าคดีอาญากรสงครามใดๆควรดำเนินการโดยศาลท้องถิ่น ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯไม่เคยเป็นสมาชิกของศาลแห่งนี้ และรัฐบาลของทรัมป์ก็เคยออกข้อจำกัดด้านการเดินทางและมาตรการคว่ำบาตรอื่นๆเล่นงานเจ้าหน้าที่ศาลอาญาระหว่างประเทศมาแล้วเมื่อ 1 ปีก่อน
.
"ความเคลื่อนไหวของศาลอาญาระหว่างประเทศเป็นการโจมต่อสิทธิของประชาชนชาวอเมริกัน และเสี่ยงละเมิดอำนาจอธิปไตยของเรา" โฆษกทำเนียบขาวระบุ
.
ศาลอาญาระหว่างประเทศตัดสินใจดำเนินการสืบสวน หลังจากผลการตรวจสอบของคณะอัยการในเบื้องต้นเมื่อปี 2017 พบว่ามีหลักฐานให้น่าเชื่อว่ามีการก่ออาญากรรมสงครามในอัฟกานิสถาน และมันอยู่ในขอบเขตอำนาจศาลของศาลอาญาระหว่างประเทศ
.
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลทรัมป์บอกว่าคำสั่งพิเศษเป็นการให้อำนาจคว่ำบาตรบุคคลใดๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในความพยายามของศาลอาญาระหว่างประเทศ ที่สืบสวนบุคลากรของสหรัฐฯโดยปราศจากการยินยอม
.
นอกจากนี้แล้ว พอมเพโอ ยังให้สัมภาษณ์สำทับในวันพฤหัสบดี(11มิ.ย.) ว่าสหรัฐฯจะไม่ยอมถูกข่มขู่โดยศาลเตี้ย และแย้มว่าอาจมีขยายมาตรการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ ครอบคลุมถึงครอบครัวของพวกเขา ในการห้ามเดินทางเข้ามาในสหรัฐฯ
-------------------------------
แหล่งข่าว
- https://mgronline.com/around/detail/9630000060720
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

มีรายงานล่าสุดจากนิวยอร์กไทมส์ว่า พลเอกมาร์ก เอ. มิลลีย์ (Mark A. Milley) ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมฯ (Chairman of the Joint Chiefs of Staff) ได้แถลงการณ์ผ่านคลิปวิดีโอ โดยกล่าวขอโทษ ต่อชาวอเมริกัน จากการที่ปรากฏภาพของเขา ขณะเดินตามหลังประธานาธิบดีทรัมป์ ไปยังโบสถ์เซนต์ปอล ใกล้ทำเนียบขาว ซึ่งได้รับความเสียหายจากเหตุผู้ประท้วงกรณีจอร์จ ฟลอยด์
.
โดยการเดินเท้าของผู้นำสหรัฐ ก็เพื่อไปถ่ายรูป พร้อมคัมภีร์ไบเบิล ที่ด้านหน้าโบสถ์ที่เสียหายในวันนั้น ซึ่งสร้างข้อวิพากษ์วิจารณ์ ต่อประธานาธิบดีทรัมป์อย่างมาก ทั้งประเด็นการนำศาสนามาหาเสียงทางการเมือง เพื่อสร้างความชอบธรรมในการปราบปราบม็อบ
.
อีกทั้งผู้นำสหรัฐฯ ยังได้สั่งให้หน่วยตำรวจในพื้นที่ และกองกำลังพิทักษ์ชาติ ยิงแก๊สน้ำตา เพื่อเปิดทางให้ตัวเขา และคณะซึ่งรวมถึงพลเอกมิลลีย์ สามารถเดินเท้าไปยังด้านหน้าโบสถ์ เพื่อให้สื่อถ่ายรูปโดยทรัมป์ไม่ได้เข้าไปสำรวจความเสียหายภายในโบสถ์แต่อย่างใด
.
ซึ่งทางประธานเสธฯ กองทัพสหรัฐฯ กล่าวว่า

"ผมไม่ควรอยู่ที่นั่นในเวลานั้น ในฐานะนายทหารระดับสูงสุดแห่งกองทัพสหรัฐ สิ่งที่เกิดขึ้นคือความผิดพลาดที่ผมต้องเรียนรู้ และหวังว่าทุกฝ่ายจะร่วมทบทวนเช่นกัน ผมขอโทษต่อชาวอเมริกันอย่างจริงใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น การปรากฎตัวของผมสร้างความรับรู้ที่ไม่สมควรขึ้นว่าทหารมีส่วนร่วมกับการเมืองในประเทศ ซึ่งการเคลื่อนไหวทางสังคมกรณีจอร์จ ฟลอยด์ ไม่เพียงแค่เป็นการเรียกร้องความยุติธรรมให้เขาเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่ตอกย้ำถึงประเด็นความไม่เท่าเทียมทางสีผิว ที่เป็นปัญหาในสังคมอเมริกามานาน และเราต้องร่วมกันแก้ไข"
.
โดยท่าที่ล่าสุดของ พลเอกมิลลีย์ มีขึ้นจากช่วงสัปดาห์ก่อนหน้านี้ เขาเคยเขียนบันทึกข้อความเผยแพร่ ต่อกำลังพลในกองทัพสหรัฐทุกเหล่าทัพ โดยย้ำให้ทุกเหล่าทัพยึดมั่นคำปฏิญาณในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญสหรัฐ และรับใช้ชาวอเมริกัน
.
ขณะเดียวกัน ด้านนายมาร์ก เอสเปอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ได้มีแถลงการณ์เผยแพร่ในวันเดียวกับที่พลเอกมิลลีย์ออกแถลงการณ์ โดยคำแถลงของรมว.กลาโหมสหรัฐฯ เรียกร้องให้ตรวจสอบการทำงานของกองกำลังชาติ จากเหตุใช้กำลังเข้าควบคุม และสลายกลุ่มผู้ประท้วงในหลายพื้นที่
.
ซึ่งในก่อนหน้านี้นายเอสเปอร์ ยังแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับผู้นำสหรัฐฯ ที่ต้องการใช้กำลังทหารเข้ารักษาความสงบจากเหตุประท้วง
-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.washingtonpost.com/nati...s-appearing-alongside-trump-lafayette-square/

https://edition.cnn.com/2020/06/11/politics/milley-trump-appearance-mistake/index.html

https://www.posttoday.com/world/625832
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook :
https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

ตลาดหุ้นสหรัฐเปิดบวกเกือบ +3% คืนนี้ ! ดีดกลับมาแรงจากเมื่อวานหลังรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐกล่าวว่า #ครั้งนี้เราจะไม่ปิดประเทศอย่างแน่นอน แม้ว่าจะเกิดการระบาดของไวรัสในรอบที่ 2 (Wave 2) ขึ้นก็ตาม

หากคำพูดของทางสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังเป็นจริง แปลว่า #ต่อให้เกิดการระบาดขึ้นอีกครั้งเศรษฐกิจก็จะไม่ได้แย่เหมือนเมื่อก่อน คนจะไม่ตกงานและการเดินทาง การใช้จ่ายจะยังคงเดิมอยู่

ถามว่าคำพูดของมนูชินนั้นเชื่อถือได้ไหม ?

ส่วนตัวคิดว่าน่าเชื่อถือได้ ถึงแม้ว่าถ้าเป็นทางทรัมป์ออกมาประกาศเองนั้นตลาดคงดีดขึ้นแรงกว่านี้แล้ว แต่ทางมนูชินก็ถือว่าเป็นรัฐมนตรีคนสนิทในระดับต้นๆของทรัมป์เลยทีเดียว จึงเชื่อว่าได้มีการหารือกันแล้ว

ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ในสหรัฐยังสูงอยู่เกิน 20,000 รายต่อวันเป็นวันที่ 2 แล้ว #แต่ตลาดก็ไม่กลัว

ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ล่าสุดของสหรัฐเช้านี้รายงานออกมาที่ 22,883 ราย ซึ่งลงมาจากวันก่อนหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และยังอยู่สูงกว่าระดับ 20,000 รายต่อวันซึ่งเป็นระดับที่ค่อนข้างอันตราย โดยเฉลี่ยตัวเลขใน 2 วันที่ผ่านมายังอยู่ในระดับสูงที่สุดในรอบ 5 สัปดาห์ #ทำให้ยังมีความเสี่ยงของ Wave 2 อยู่

อย่างไรก็ตามตลาดนั้นกลับไม่กังวลแล้ว เพราะต่อให้เกิดการระบาดขึ้นแต่ตราบใดถ้าไม่มีการ Lock Down และผู้คนยังใช้ชีวิตและทำงานได้อย่างปกติ ผลกระทบก็จะไม่แย่เท่าคราวก่อนๆ

ทำไมรัฐบาลสหรัฐถึงอาจตัดสินใจปล่อยให้เมืองเปิดต่อไปเรื่อยๆแม้มีความเสี่ยง

สตีเว่น มนูชินได้ออกมาให้เหตุผลว่า "We’ve learned that if you shut down the economy, you’re gonna create more damage. We can’t shut down the economy again.”

"เราได้เรียนรู้แล้วว่าหากเราปิดประเทศและปิดเมือง ความเสียหายทางเศรษฐกิจนั้นจะมากกว่าความเสี่ยงของการระบาด ดังนั้นเราจะปิดระบบเศรษฐกิจของเราใหม่อย่างแน่นอน" มนูชินกล่าวย้ำ

จริงอยู่ว่าในการระบาดครั้งแรกนั้นทางสหรัฐและประเทศอื่นๆอาจไม่มีทางเลือก นอกจากจะทำการ Lock Down ปิดเมือง เพราะไม่รู้ว่าไวรัสจะระบาดได้เร็วแค่ไหน แต่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐเราก็ได้เห็นกันแล้วว่ามีคนตกงานมากกว่า 40 ล้านคน ! หรือเกือบจะ 15% ของประเทศเลยทีเดียว

ทำให้เรายิ่งเชื่อว่าหากใกล้การเลือกตั้งสหรัฐมากขนาดนี้ ทางทรัมป์คงไม่มีวันปิดเมืองอีกครั้งแน่ๆ #เพราะความเสี่ยงของคนตกงานย่อมสูงกว่าความเสี่ยงของการระบาด แน่ๆสำหรับรัฐบาลทรัมป์ที่คะแนนโพลยังเป็นรองอยู่ในขณะนี้ และคงต้องหวังพึ่งการที่ผู้คนเริ่มชินกับการใส่หน้ากากอนามัยป้องกันตนเองกันแล้วมากกว่า

คำยืนยันนี้ส่งให้ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐเปิดบวกเขียวกันทั้งแผง ✅

Dow Jonest +2.8%
S&P500 +2.1%
Nasdaq +2.1%

และทาง VIX Index หรือดัชนีความผันผวนจึงโดนเทขายลงไปถึง -11% ในคืนนี้ เพราะนักลงทุนมีความกลัวลดลงจากข้อมูลที่ได้รับออกมาใหม่นี้

#ตลาดหุ้นสหรัฐยังจะมีความผันผวนสูงอยู่ในช่วงสั้น เพราะการดีดกลับครั้งนี้อาจเป็นการดีดขึ้นทางเทคนิคได้ และตลาดจะมีความ Sensitive ต่อข้อมูลใหม่ๆที่ได้รับออกมาในช่วงนี้เป็นอย่างมาก ทั้งตัวเลขการระบาดและนโยบายอัดฉีดเงินอีกล้านล้านเหรียญของรัฐบาลที่กำลังจะตามมา

⛔️ ติดตามทุกความเคลื่อนไหวการลงทุนและเศรษฐกิจโลกไปกับเพจเราได้

ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดจากทีมงาน แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ ขอบคุณครับ

#ทันโลกกับTraderKP

 

⚠️ ใครยังจำเหตุการณ์เมื่อเช้ามืดของวันที่ 14 กันยายน 2019 ที่โรงแปรรูปน้ำมันของซาอุดิอาระเบียโดนระเบิดได้ไหมครับ ? ⚔️

ผู้ที่ติดตามราคาน้ำมันนั้นคงยังจำกันได้ทุกคนเพราะเหตุการณ์นั้นทำให้อุปทานน้ำมันหายไปกว่า 5% ของโลกในช่วงข้ามคืนและทำให้ #ราคาน้ำมันดีดขึ้นถึง +30% ทันทีที่เปิดตลาดมาวันจันทร์...

จนมาถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้อย่างแน่ชัดว่าผู้ที่ส่งโดรนมาโจมตีทางซาอุนั้นเป็นใคร... และเหตุการณ์นี้ก็ค่อยๆเงียบไป... โดยเรื่องสงครามราคาน้ำมันและไวรัสโควิดกลบเรื่องการสืบสวนซะหมด...

แต่วันนี้หลังจากการสืบสวนมานานเกือบปีนั้น ทาง UN หรือสหประชาชาติได้ออกรายงานอย่างเป็นทางการออกมาว่า #อิหร่านเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้ !

หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ... #ความตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจเพิ่มสูงขึ้นและจะกลายมาเป็นปัจจัยเสี่ยงอันใหญ่มากๆของตลาดน้ำมัน !

รายงานของ UN นั้นยืนยันว่า

นายอันโตนิโอ กูแตเรซ (Antonio Guterres) เลขาธิการสหประชาชาติรายงานว่า "จากการตรวจสอบนั้นพบว่าอาวุธที่ใช้ในการโจมตีนั้นมาจากอิหร่านอย่างแน่นอน ไม่ว่ากองกำลังไหนจะเป็นผู้ยิงแต่อาวุธเหล่านี้ถูกถ่ายโอนโดยผิดกฏของสหประชาชาติ"

นักวิจัยของสหประชาชาติได้เขียนสรุปว่า โดรนที่ใช้ในการโจมตีเป็นต้นกำเนิดของอิหร่าน เพราะเครื่องยนต์ของเครื่องบินเหล่านี้มีความคล้ายคลึงกับเครื่องยนต์ Shahed 783 ของอิหร่านที่เคยนำออกมาแสดงในงานทางทหารในเดือนพฤษภาคม 2014

ทางรัฐบาลทรัมป์นั้นได้กล่าวมานานแล้วว่าการระเบิดเป็นฝีมือของอิหร่านแน่ๆ

โดยในช่วงหลังการเกิดเหตุต์นั้น การสันนิษฐานของทางสหรัฐคือการโจมตีน่าจะมาจากกองกำลังติดอาวุธฮูติ ซึ่งมีการหนุนโดยอิหร่าน โดยทางสหรัฐเชื่อมั่นเช่นนั้นและได้มีการพยายามเรียกร้องให้นานาชาติร่วมกันคว่ำบาตรอิหร่านอย่างจริงจังมากขึ้น อย่างไรก็ตามทางมหาอำนาจอย่างรัสเซียและจีนก็ไม่ได้เห็นด้วยกับสหรัฐในตอนนั้นว่าอิหร่านจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง

ความตึงเครียดจากเรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ลอบสังหารนายพล Qassem Soleimani แห่งอิหร่านโดยสหรัฐ จนเป็นเหตุที่เกือบจะเกิดสงครามระหว่างประเทศขึ้น

มี #เรื่องน่าแปลก อยู่หนึ่งประเด็นในคำกล่าวหาของสหรัฐ

จริงอยู่ว่าทางอิหร่านและซาอุนั้นมีความขัดแย้งทางศาสนาเป็นเวลานานแล้วระหว่างนิกายศาสนาซุนนีย์-ชีอะฮ์อีก แต่ก็การระเบิดโรงแปลรูปน้ำมันซาอุในเวลานั้นไม่ได้ให้ประโยชน์อิหร่านแม้แต่นิดเดียว เพราะช่วงนั้นอิหร่านโดนสหรัฐคว่ำบาตรอย่างหนักทำให้ไม่สามารถส่งออกน้ำมันอันเป็นรายได้หลักของประเทศได้ การดีดขึ้นของราคาน้ำมันจึงไม่ได้มีผลดีกับอิหร่านแต่อย่างใด

ทำให้หลายฝ่ายก็เปิดข้อสงสัยต่อไปว่า #การโจมตีครั้งนั้นอาจเป็นการจัดฉาก จากประเทศมือที่ 3 หรือไม่ ? ที่อาจต้องการให้ความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและซาอุดิอาระเบียสูงขึ้น

การประกาศอย่างเป็นทางการของ UN ในวันนี้นั้นจะเพิ่มความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ+ซาอุดิอาระเบีย กับทางอิหร่านเป็นอย่างแน่นอน โดยหากทางสหรัฐและซาอุไม่ได้เจอกับปัญหาไวรัสโควิดรุมเร้าอยู่ตอนนี้ และการประท้วงในสหรัฐอีกด้วย เชื่อว่าถ้าโลกของเรายังสงบอยู่เรื่องนี้จะโดนทางรัฐบาลทรัมป์หยิบขึ้นมาเป็นประเด็นหลักแน่ๆ !

อย่างไรก็ตามเชื่อว่าทางซาอุคงไม่อยู่เฉยๆแน่ๆหลังมีการรายงานออมาเป็นทางการแบบนี้ #ทำให้เรื่องนี้จะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อราคาน้ำมันให้ดีดขึ้นได้หากเกิดความรุนแรงขึ้น จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามอย่างแน่นอนต่อไปในอนาคต

⛔️ ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของตลาดน้ำมันและเศรษฐกิจโลกไปกับเพจเราได้

ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดจากทีมงาน แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ ขอบคุณครับ

#ทันโลกกับTraderKP #OilTraderKP

 

⚠️ SET #เตรียมรับแรงกระแทก ⚠️ นักลงทุนต่างชาติปิดสวิทช์สินทรัพย์เสี่ยง (Risk Off ) เทขายทุกอย่างที่มีเพราะกลวการระบาดรอบ 2 ในสหรัฐ โดยดัชนี Dow Jones ติดลบ -7% และ Brent -8% ในคืนวันพฤหัสนี้ !

วันนี้ #ตลาดหุ้นไทยคงจะหนีไม่รอดที่จะโดนเทขาย อีกหนึ่งวันเพราะผลกระทบต่อความกลัวของนักลงทุนทั่วโลกจากตัวเลขการระบาดของสหรัฐที่พุ่งสูงขึ้นอย่างไม่มีคำอธิบาย นอกเสียจากการที่มีการระบาดมากขึ้นในช่วงประท้วง ซึ่งหากเป็นเพราะเหตุนั้นจะหมายความว่าตัวเลขอาจเพิ่มสูงขึ้นได้เรื่อยๆจนกลายเป็นระบาด Wave 2 ได้ #เพราะทุกวันนี้การประท้วงยังไม่จบเลย

ทางด้านบทวิเคราะห์ของตลาดสหรัฐนั้นอ่านได้ที่บทความก่อนหน้านี้ที่ลิ้งค์ไว้ให้ในคอมเม้นท์นะครับ

แต่ในวันนี้อยากจะมาแชร์ 2 เพิ่มเรื่องก่อนที่นักลงทุนจะต้องรับมือกับตลาด SET วันนี้

1️⃣ อย่าลืม #กฏเหล็ก ของตลาด VIX ! หุ้นลงหนักแต่ VIX ดีดสูงขึ้นกว่านั้น คือสัญญาณเริ่มต้นของความกลัวเท่านั้น

ทางเพจเราได้แชร์ 2 กฏเหล็กของตลาด VIX หรือดัชนีวัดความผันผวนของตลาดนั้นเองครับ ที่เราจะนำมาใช้ #วัดความกลัว ของนักลงทุนระดับโลกหรือกองทุน Hedge Funds ใหญ่ๆได้ (ตลาดนี้ไม่มีเม่าครับ มันคือความเห็นของนักลงทุนรายใหญ่ล้วนๆ) แนะนำให้อ่านบทความนี้ก่อนและท่านจะได้เข้าใจว่าทำไมตลาดถึงได้ลงมา 2-3 วันติดๆกันแล้ว



โดยในส่วนของเมื่อคืนนี้ทางดัชนี VIX ของ S&P ได้ดีดขึ้นมา 7 จุดหรือเกือบๆ +30% ซึ่งสูงมากเมื่อเทียบกับตัวดัชนี S&P ที่ติดลบ -4.3% แต่เราจะดูตามแค่ % เฉยๆไม่ได้เพราะฐานของ VIX นั้นต่ำกว่าราคาหุ้นเยอะ และการเคลื่อนไหวของ VIX นั้นยังเป็น Exponential ไม่ได้เป็นเส้นตรง (Linear) อย่างราคาหุ้น ต้องเทียบกันด้วยสถิติอย่างเดียว

และจากสัญญาณเมื่อคืนนี้ที่ VIX ดีดขนาดนี้นั้น ยังส่งเป็นอีกสัญญาณอีกว่าความกลัวในตลาดกำลังมากขึ้นและกำลังเพิ่งเริ่มต้นขึ้น หากจะนำข้อมูลของ VIX ไปประกอบกับการเทรดนั้นจะหมายความว่า #ตลาดยังเพิ่งเริ่มกลับทิศ ไม่เหมาะกับการรีบช้อน

โดยหากความกลัวที่ตลาดคิด (Wave 2 ในเคสนี้) เป็นจริงเราควรรอให้ดัชนี VIX เริ่มลดลงก่อนในขณะที่ตลาดยังเป็นขาลงอยู่ ถึงจะเป็นจุดที่เหมาะสำหรับการเข้าซื้อ

แต่แน่นอนว่าตลาดจะเคลื่อนไหวบนข่าวและข้อมูลใหม่ๆที่ไหลเข้ามาในตลาดตลอดเวลา ทำให้ถ้าตัวเลขผู้ติดเชื้อในวันถัดๆไปอยู่ดีๆก็ลดหายไป และการดีดขึ้นของตัวเลขผู้ติดเชื้อในคืนนี้อาจเป็นเพียงแค่การเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีคำอธิบาย และตลาดอาจจะเริ่มปรับขึ้นเลยก็ได้

#อย่างไรก็ตาม หากดูจากโอกาสในความเป็นไปได้แล้ว นักลงทุนควรจะเลือกลงทุนจากข้อมูลที่มีอยู่ในมือวันนี้ไม่ใช่คาดเดาสิ่งใหม่ๆไปก่อนเอง เพราะฉะนั้นโอกาสที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะยังสูงอยู่ในช่วงนี้น่าจะมีมากกว่าการลดหายไปครับ

#และนี่คือสิ่งที่ VIX กำลังบอกเราถึงความคิดของ Hedge Funds ใหญ่ๆในขณะนี้อยู่ครับ

2️⃣ ถึงแม้ช่วงหลังๆตลาดไทยจะดีดขึ้นแรงเพราะว่าเงินทุนจากต่างชาติ และความสัมพันธ์ของ SET และ Dow Jones มีค่อนข้างสูง #แต่ก็อย่าหลงลืมไปว่า ทั้งสองนั้นเป็นคนละตลาดและมีพื้นฐานที่ต่างกัน

ผู้ติดเชื้อที่กระจายตัวมากขึ้นต่อให้เป็น Wave 2 ในสหรัฐจริงๆ แต่ตราบใดที่ประเทศไทยยังไม่มีการระบาดนั้นประเทศเราก็ยังถือว่ามีภาษีที่ดีกว่าสหรัฐ

หากหลายท่านเคยได้ยินคำว่า Covid Dividend ที่ทาง Financial Times กล่าวยกย่องว่าทางประเทศไทยและเวียดนามจะเป็นสองประเทศที่ได้ผลลัพท์ที่ดี (เปรียบกับปันผล) จากไวรัสโควิดนี้ ก็จะเข้าใจว่าพวกเราสองประเทศนั้นควบคุมไวรัสโควิดได้ดีกว่าประเทศอื่นๆในโลก และเราก็พร้อมจะเปิดให้เศรษฐกิจกลับมาเป็นปกติได้เร็วกว่าประเทศอื่นๆในโลกเช่นกัน #ดูซิบ้านเราเริ่มรถติดแล้ว 55 (แนบลิ้งค์ไว้ให้ในคอมเม้นท์)

จริงอยู่ว่าเศรษฐกิจไทยนั้นยังต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่เยอะ แต่หากเรามองในมุมกลับกัน ก็แปลว่านักท่องเที่ยวในเอเชียหรือจีนที่เตรียมจะเที่ยวใจจะขาดแล้วก็คงมีประเทศไทยเราเป็นประเทศแรกๆในใจเช่นกัน และพร้อมจะมาจับจ่ายเต็มที่แน่เมื่อมีโอกาส

เพราะฉะนั้นในระยะสั้นหากตลาดไทยปรับตัวลดลงเท่าๆกับ % ที่ตลาดสหรัฐปรับตัวลงนั้น #ผมจะถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุนในตลาดไทยอย่างยิ่ง เพราะผลกระทบทางพื้นฐานเราไม่ได้หนักเท่าเขา แต่ต้องติดตามดูว่า Gap นี้จะเปิดขึ้นมาเพราะความ Panic ได้หรือไม่

⛔️ ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของตลาดน้ำมันและเศรษฐกิจโลกไปกับเพจเราได้

ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดจากทีมงาน แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ ขอบคุณครับ

#ทันโลกกับTraderKP

 

เป็น #ข่าวใหญ่ที่สุดในหมู่เทรดเดอร์น้ำมันในตอนนี้ หลังจากมีรายงานออกมาว่าทาง เทรดเดอร์น้ำมันที่ Goldman Sachs ได้ทำการ Short ราคาน้ำมันครั้งใหญ่ในช่วงต้นปีนี้และทำกำไรไปแล้วกว่า 1 พันล้านเหรียญภายในเวลาไม่กี่เดือน !

เป็นบทความที่ #อยากแชร์ให้กับนักลงทุนและเทรดเดอร์ทุกท่าน ได้อ่านนะครับ เพราะผมได้เรียนรู้จากเทรดเดอร์ 2 ท่านในบทความนี้เป็นอย่างมากถึงแม้ว่าจะเป็นการพูดคุยสั้นๆ

ถึงแม้ว่าทาง Warren Buffet จะเพิ่งเทขายหุ้นของ Goldman Sachs วาณิชธนกิจ (Investment Bank) รายใหญ่ของสหรัฐอเมริกาไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน เพราะมองว่าเศรษฐกิจของสหรัฐไม่น่าสู้ดีและจะทำให้รายได้ในฝั่งของการระดมเงินทุน, การควบรวมกิจการของ Goldman Sachs นั้นไม่ค่อยดีนัก

แต่ยังมีอีกหนึ่งเหตุผลหลักๆที่ทาง Warren Buffet ได้เข้าไปช้อนหุ้นของ Goldman Sachs โดยไม่ลังเลในช่วงวิกฤต 2008 และผมก็ยังจำคำพูดนั้นได้อย่างชัดเจน

Buffet ได้โดนถามว่าทำไมคุณกำลังเข้าซื้อกิจการวาณิชธนกิจในช่วงวิกฤตการเงิน ทั้งๆที่ทุกฝ่ายกำลังเทขาย... ?

ทาง Buffet จึงตอบสั้นๆว่า "จริงอยู่ว่าธุรกิจและเศรษฐกิจนั้นไม่ดี แต่ด้วยราคาขนาดนี้คุณ #จะหาบริษัทที่มีระบบและคนฉลาดระดับนี้มารวมตัวกันมากที่สุดขนาดนี้ นั้นหาไม่ได้แล้ว และเมื่อคุณมีทั้งสองอย่างนี้พวกเขาก็จะหาทางทำกำไรให้คุณเอง"

หรือเรียกง่ายๆว่าปู่ได้เข้าซื้อหุ้น Goldman Sachs เพราะ #คน นั้นเองครับ

Goldman Sachs เป็นวาณิชธนกิจที่มองทิศทางราคาน้ำมันได้เฉียบคมมากๆ

เราเคยเขียนบทความเรื่องนี้ไปแล้ว เดี๋ยวจะลิ้งค์ให้ในคอมเม้นท์นะครับ แต่หลายต่อหลายครั้งที่ทาง Goldman Sachs สามารถมองราคาน้ำมันได้แม่นยำและยังมีอิทธิพลต่อทิศทางของตลาดได้นั้น ก็เพราะระบบที่ล้ำสมัยและคนระดับหัวกะทิต่างๆที่ทั้งตลาดยอมรับ

โดยในปีนี้ธุรกิจเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities Trading) ของ Goldman Sachs นั้นได้ทำกำไรไปแล้วกว่า 1 พันล้านเหรียญภายในเวลาไม่กี่เดือน (หลักๆคือจากน้ำมันอย่างที่ข่าวได้เขียนไว้) นั้นก็เพราะพวกเขาสามารถมองราคาน้ำมันขาลงได้อย่างเฉียบคมตั้งแต่ต้นปี ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสงครามราคา ผลกระทบไวรัสโควิด รวมไปถึงการที่ราคา WTI อาจลงไปติดลบด้วย

โดยผู้ที่เป็นคนกุมบังเหียนของโต๊ะเทรดน้ำมันของ Goldman Sachs และเป็นคนทำกำไรได้หลักๆนั้นมีอยู่ 2 คนในข่าว นั้นคือ Anthony Dewell หัวหน้าสาขาลอนดอนและ Qin Xiao หัวหน้าสาขาสิงคโปร์

ผมเคยได้มีโอกาสไปร่วมทานข้าวกับ Anthony และ Qin ทีมเทรดน้ำมันของ Goldman Sachs ครั้งนึงและก็ได้เรียนรู้ว่า...

ด้วยความโชคดีที่พวกเขาก็เปิดให้ผมได้ถามคำถามต่างๆกับพวกเขาอย่างเป็นกันเองมากๆนั้น สิ่งที่ผมสังเกตุได้คือ ถึงแม้ทั้งคู่จะมีความรู้มากกว่าผมอยู่หลายเท่านัก แต่เขากลับฟังคำถามของผมอย่างจริงจังและพยายามนำข้อมูลในสิ่งที่ผมคิดไปเช็คกับทฤษฏีของเขาอยู่ตลอดเวลา (อาจจะเป็นการใช้ผมเป็นตัวอย่างของความคิดเม่าในตลาดคนนึงก็ได้)

#แต่ที่ผมรู้สึกประทับใจที่สุดคือ เวลาที่พวกเขาอธิบายมุมมองในตลาดของเขา พวกเขาจะคิดหลายมุมมากๆ ทั้งมุมปัจจัยบวกและมุมปัจจัยลบ เวลาอธิบายหลายมุมแล้วคนฟังอาจจะงง (ผมก็งงเพราะพูดแต่ละอย่างก็มีคำว่า "แต่" ตามมาตลอด) แต่ในทุกๆมุมนั้นเค้าจะรู้ตัวดี สามารถอธิบายและให้น้ำหนักอย่างชัดเจนว่าสิ่งไหนมันเป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตลาดจริงๆ หรือสิ่งไหนเป็นสิ่งที่แค่เป็นไปได้เท่านั้น

และด้วยระบบและข้อมูลที่พวกเขามีที่ Goldman Sachs นั้น ทำให้พวกเขา #เทรดแต่ในสิ่งที่พวกเขารู้ อะไรที่เป็นสิ่งที่ #พวกเขาไม่รู้หรือไม่แน่ใจ พวกเขาจะไม่เทรดแต่ก็จะคอยเก็บรายละเอียดอยู่เสมอ

ถึงแม้วันนั้นพวกเขาจะยังไม่ได้มีชื่อเสียง แต่ผมก็รู้เลยว่าสักวันนึงเมื่อข้อมูลตลาดมันเรียง Align กันให้พวกเขาเทรดได้อย่างมั้นใจเต็มที่นั้น พวกเขาก็จะสามารถทำกำไรได้อย่างที่เห็นนี้แน่ๆ และวันนี้เราก็ได้เห็นในข่าวแล้วจริงๆ (แนบที่มาในคอมเม้นท์)

สุดท้ายนี้ แค่อยากฝากข้อคิดไว้กับนักลงทุนและเทรดเดอร์ว่า #จงพยายามถามคำถามเยอะๆ พยายามศึกษาให้เข้าใจว่าอันไหนเป็นสิ่งที่เรารู้จริง หรือเป็นสิ่งที่มันเป็นแค่ความคิด ? และอย่ามองตลาดแค่ข้างเดียวมันจะเกิด Confirmation Bias หรือการคิดเข้าข้างตัวเอง เราต้องพยายามหาทฤษฏีตรงข้ามมาโต้แย้งเสมอและวัดน้ำหนักกัน

การเข้าถึงข้อมูลที่แท้จริงของตลาดเป็นสิ่งที่ยากมากสำหรับผู้ที่ไม่มีระบบและแหล่งข้อมูลอย่าง Goldman Sachs แต่มันจึงยิ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับพวกเราที่จะพยายามแยก #ความเข้าใจที่แท้จริงกับการคิดไปเอง ให้ออกครับ

⛔️ ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของตลาดน้ำมันและเศรษฐกิจโลกไปกับเพจเราได้

ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดจากทีมงาน แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ

#ทันโลกกับTraderKP