ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,500
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #บราซิล | 2020/06/11
    ✔️ทอร์นาโดลงทะเบียนเมื่อวานนี้ช่วงบ่ายวันพุธสร้างความเสียหายในซานตากาตารีนา ประเทศบราซิล

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,500
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #จีน | 2020/06/11
    ✔มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คนและสูญหายไป 10 คนเนื่องจากน้ำท่วมและแผ่นดินถล่มในภาคใต้ของจีน

    ✔️กระทรวงการจัดการเหตุฉุกเฉินรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีว่าบ้าน 1,300 หลังถูกทำลายและผู้พลัดถิ่นเพิ่มขึ้นเป็น 230,000 คน

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,500
    ค่าพลัง:
    +97,150
    #ฝรั่งเศส | น้ำท่วมที่รุนแรงได้ถูกบันทึกไว้ในพื้นที่ Ajaccio, Corsica แล้ววันนี้

    โดย Corse Net Infos เมื่อวันที่ 11.06.2020
    #Extreme #Floods #Storm #zabedrosky

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,500
    ค่าพลัง:
    +97,150
    June 13, 2020 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เผยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5 ราย ส่งผลให้ยอดรวมอยู่ที่ 3,134 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม
    .
    โดยขณะนี้มีผู้ป่วยในโรงพยาบาล 89 ราย รักษาหายแล้ว 2,987 ราย เสียชีวิต 58 ราย .
    โดยผู้ป่วยรายใหม่ทั้ง 5 ราย อยู่ในพื้นที่ State Quarantine
    .
    #ศบค #ติดเชื้อ #ไวรัสโควิด19 #Misterban

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,500
    ค่าพลัง:
    +97,150
    June 13, 2020 ทอท.ตั้งทีมศึกษาศึกษาร่วมทุนการบินไทย

    นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท. เปิดเผยถึงกรณีที่บริษัท การบินไทย เตรียมเจรจาขอให้ ทอท. เข้าไปเป็นผู้ร่วมทุนหน่วยธุรกิจของการบินไทยว่า ล่าสุดยังไม่ได้หารือเรื่องนี้ร่วมกัน แต่ ทอท. ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อเตรียมหารือร่วมกันเป็นการภายในแล้วใน 3 ประเด็น คือ ต้องไม่เกิดการขัดกันซึ่งผลประโยชน์ ต้องมีผลตอบแทนที่คุ้มค่าและตอบผู้ถือหุ้น ทอท.ได้ และการฟื้นฟูกิจการของการบินไทยต้องไม่ทำให้บริการพื้นฐานของสนามบินมีปัญหา แม้ผลตอบแทนไม่สูงมาก ก็อยู่ในข่ายที่จะรับพิจารณาร่วมทุน

    #การบินไทย #ทอท. #ท่าอากาศยานไทย #misterban #ข่าวอัพเดท

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,500
    ค่าพลัง:
    +97,150
    June 13, 2020 รมว.วธ. ออกกฎเหล็กคุมกองถ่ายกันโควิดระบาดรอบ2

    นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึงมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 4 ว่า ศบค. มีมติผ่อนปรนกองถ่ายภาพยนตร์และวีดีทัศน์ตามที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เสนอ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19

    โดยออกตามข้อกำหนดในมาตรา 9 แห่งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ระบุว่าการถ่ายทำรายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ และวีดีทัศน์ เมื่อรวมคณะทำงานหน้าฉากและทุกแผนกมาแล้วจะต้องมีจำนวนไม่เกิน 150 คน ในกรณีรายการโทรทัศน์ที่มีผู้เข้าชมกำหนดจำนวนผู้ชมในห้องอัดรายการไม่เกิน 50 คน นอกจากนี้ สามารถถ่ายทำฉากช่วงเวลากลางคืนได้เนื่องจากปัจจุบัน ศบค. ได้ประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวแล้ว

    แต่มาตรการผ่อนคลายดังกล่าว ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมหลักและมาตรการควบคุมเสริมสำหรับพื้นที่ถ่ายทำภาพยนตร์และวิดิทัศน์ โดยเจ้าของหรือผู้ควบคุมกองถ่ายต้องจัดเตรียมสถานที่และอุปกรณ์ป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 เช่น จัดให้มีจุดบริการล้างมือด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจล หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรครอบบริเวณพื้นที่ปฏิบัติงาน และสามารถให้บริการได้อย่างเพียงพอ, จัดให้มีจุดคัดกรองอาการป่วย ไข้ ไอ จาม หรือเป็นหวัด ต้องเว้นระยะห่างระหว่างกัน 1-2 เมตรในบริเวณทุกจุดที่มีที่นั่ง เช่น หน้ามอนิเตอร์ ห้องพักนักแสดงและทีมงาน

    แบ่งสัดส่วนพื้นที่การปฏิบัติงานของแต่ละฝ่ายที่ชัดเจนหลีกเลี่ยงการพบปะหรือรวมกลุ่มกันและกำหนดให้ทุกคนในกองถ่ายสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลาการทำงานและให้สมาคมผู้ประกอบการด้านภาพยนตร์โทรทัศน์และโฆษณา ช่วยกันดูแลผู้ประกอบการให้ ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ระลอกสอง

    #กองถ่าย #มาตรการผ่อนปรนระยะที่ 4 #covid19 #โควิด19 #ศบค. #misterban #ข่าวอัพเดท

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,500
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "อยากซื้อหุ้น จะต้องเริ่มต้นยังไง!?"

    หลังจากเขียนบทความด้านการลงทุนไปหลายบทความ ผมมักจะได้รับคำถามแบบนี้อยู่เสมอ...

    หุ้นมันคืออะไรกันแน่?? อยากจะซื้อหุ้น อยากจะลงทุนต้องเริ่มยังไง??

    แล้วตลาดหุ้นคืออะไร?? แล้วทำไมราคามันต้องขึ้นๆ ลงๆ??

    ซึ่งหลังจากได้รับคำถามแนวนี้มาสักพักหนึ่ง จึงตัดสินใจว่าจะเขียนบทความขึ้นมาเพื่ออธิบายในส่วนนี้ทีเดียว

    เราจะมาเรียนรู้ไปด้วยกันทีละหัวข้อแบบเข้าใจง่ายๆ โดยเฉพาะคนที่เริ่มต้นแบบไม่รู้อะไรเลย คิดว่าจะช่วยได้มากเลยครับ..


    [1. อธิบายหลักการของหุ้นแบบพื้นฐาน...]

    สิ่งสำคัญอย่างแรกก่อนจะซื้อหุ้น (หรือจะซื้ออะไรก็ตาม) เราก็ต้องทำความรู้จักก่อนว่าสิ่งที่เราจะซื้อมันคืออะไร

    ผมเลยขออนุญาตข้ามอะไรที่ซับซ้อน และยกตัวอย่างด้วยสถานการณ์สมมติง่ายๆ ที่หลายคนคุ้นเคย ตัวอย่างเช่น...

    นายตู่ อยากจะเปิดร้านอาหารขึ้นมาหนึ่งแห่ง พบว่าต้องใช้เงินลงทุน 1,000,000 บาท

    แต่นายตู่มีเงินอยู่แค่ 500,000 บาทเท่านั้น ก็เลยต้องหาเงินลงทุนอีกเท่าตัว

    นายตู่เลยไปชวนเพื่อนของเขาอย่าง นายป้อม นายป๊อก และนายแดง มาร่วมลงทุน ซึ่งทุกคนก็เห็นดีเห็นงาม โดยแบ่งกันดังนี้...

    จากเงินลงทุนทั้งหมด 1,000,000 บาท แบ่งหุ้นของกิจการเป็น 1,000,000 หุ้น หุ้นละ 1 บาท

    นายตู่ ลงเงิน 500,000 บาท ก็จะได้หุ้น 50%

    นายป้อม ลงเงิน 200,000 บาท ก็จะได้หุ้น 20%

    นายป๊อก ลงเงิน 150,000 บาท ก็จะได้หุ้น 15%

    นายแดง ลงเงิน 150,000 บาท ก็จะได้หุ้น 15%


    พอเปิดไปสักพักหนึ่ง นายเอกซึ่งเป็นลูกค้าขาประจำ แอบรู้มาว่าปีนี้ร้านอาหารมีกำไร 500,000 บาท และมองว่ากิจการมีอนาคตสดใส อยากจะมาร่วมลงทุนด้วย!?

    แต่จะทำได้อย่างไรในเมื่อทุกคนลงเงินไปทีแรก และมีสัดส่วนถือหุ้นเต็ม 100% แล้ว

    สิ่งที่เขาจะต้องทำก็คือการซื้อต่อหุ้น จากใครสักคนใน 4 คนที่มีหุ้นอยู่นั่นเอง... และนั่นทำให้เกิด "การซื้อขายหุ้น" ขึ้นมา


    [2. จากร้านอาหารสี่สหาย สู่บริษัทในตลาดหลักทรัพย์]

    ลองเปรียบเทียบร้านอาหารเล็กๆ นี้ กับตลาดหุ้นไทย ซึ่งมีหลักทรัพย์จดทะเบียนมากกว่า 2,500 หลักทรัพย์ ให้คุณได้เลือกซื้อและเลือกเป็นเจ้าของ

    ย้อนกลับไปจากตัวอย่างด้านบน ถ้านายเอกอยากจะเป็นเจ้าของร้านอาหาร เขาก็ต้องติดต่อกับคนที่มีหุ้นอยู่ เพื่อขอซื้อหุ้นต่อจากเจ้าของเดิม

    แต่ในตลาดหุ้นมันจะต่างออกไปหน่อยครับ

    เพราะหลังจากที่บริษัทจดทะเบียนเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดแล้ว หุ้นของบริษัทนั้นก็จะถูกซื้อขายแลกเปลี่ยนกันในตลาดหลักทรัพย์

    การซื้อขายก็จะมีตลาดเป็นตัวกลาง ผ่านนายหน้าที่เราเรียกกันว่า "โบรกเกอร์" นั่นแหละครับ

    โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องไปติดต่อกับเจ้าของหุ้นเดิม เพื่อทำการซื้อขายแต่อย่างใด


    [3. เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นยังไง!? เปิดกับเจ้าไหน!?]

    เพราะฉะนั้น ด้วยกฎกติกาของตลาดหลักทรัพย์ การจะซื้อขายหุ้นได้ นอกจากมีเงินแล้วคุณยังต้องเปิดพอร์ตการลงทุนกับ "โบรกเกอร์"

    ซึ่งบนหน้าเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ จะแสดงรายชื่ออยู่ทั้งหมด 39 บริษัท ดังต่อไปนี้ครับ..

    https://www.set.or.th/set/memberlist.do

    ถึงจุดนี้หลายคนอาจจะเกิดคำถามว่า จะเปิดกับโบรกเกอร์ไหนดี!?

    คำตอบง่ายๆ ที่ผมจะแนะนำ และไม่ได้เป็นการโฆษณาให้เจ้าหนึ่งเจ้าใดก็คือ..

    สอบถามข้อมูลจากทุกโบรกเกอร์ที่คุณสนใจ แล้วเลือกโบรกเกอร์ที่คุณไว้ใจ อยากจะฝากเงินมากที่สุด หรือมีข้อเสนอดีที่สุดสำหรับคุณนั่นเอง


    ประเภทบัญชีที่มือใหม่จะเปิด...!?

    ขั้นตอนการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น หลายคนอาจจะงงไปอีกว่า.. ทำไมมีบัญชีให้เลือกหลายประเภทจังเลย คำศัพท์ก็ไม่คุ้นเลยอีก

    คำแนะนำง่ายๆ อีกครั้งหนึ่งก็คือ "เปิดบัญชีแบบ Cash Balance" ซึ่งเหมาะกับมือใหม่มากที่สุด

    บัญชีรูปแบบนี้มีหลักการง่ายๆ ก็คือ ต้องฝากเงินเข้าไปก่อน และมีเงินเท่าไร ก็ซื้อหุ้นได้เท่านั้น

    (ส่วนบัญชีประเภทอื่นๆ ถ้าอยากทราบเพิ่มเติมก็ไม่ต้องอายครับ ถามกับเจ้าหน้าที่ของโบรกเกอร์นั้นได้เลย)


    [4. ราคาหุ้นคืออะไร ทำไมมันขึ้นๆ ลงๆ!? แล้วมันเกิดจากอะไรกัน!?]

    ย้อนกลับไปจากกรณีตัวอย่าง ที่ยกมาตอนต้นบทความนะครับ..

    นายตู่ อาจจะมองเบื่อกิจการที่ทำมาหกปีแล้ว อยากไปทำอย่างอื่น ก็ขอขายเท่าทุน 1 บาท

    นายป้อม อาจจะมองว่ากิจการมีกำไรดีในอนาคต แต่ก็พร้อมขายได้ถ้ามีคนจะซื้อต่อ เขาจะขายหุ้นละ 3 บาท

    นายแดง อาจจะมองว่าอนาคตของร้านสดใสมาก อนาคตจะทำกำไรมากกว่านี้อีก จึงไม่ขอขายหุ้นในส่วนของเขา


    ขณะที่ฝั่งคนมาซื้อหุ้น เมื่อเข้าสู่ตลาดหุ้นแล้ว ก็จะมีผู้เล่นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

    ตอนนี้ก็ไม่ได้มีแค่นายเอกแล้ว ยังมีนางหน่อย นายชัช หรือกระทั่งนายโดนัลด์ ชาวต่างชาติที่สนใจมาซื้อเช่นกัน

    แถมแต่ละคนก็มีราคาพอใจที่จะซื้อไม่เท่ากันเสียอีก

    นางหน่อย อาจจะอยากซื้อเพียงหุ้นละ 1 บาท

    นายชัช ให้ราคาหุ้นร้านอาหารนี้ที่หุ้นละ 0.75 บาท

    นายโดนัลด์ มองว่าร้านนี้อนาคตไกล เทรนด์อาหารดังกล่าวกำลังมา เขาให้ราคาหุ้นละ 2 บาท และพร้อมซื้อทุกราคาที่ต่ำกว่านั้น


    ความคิดที่แตกต่างกันนี้ นำมาซึ่งการประเมินราคาที่เหมาะสมของหุ้นแต่ละตัว ที่แตกต่างกันไป และนี่ก็คือที่มาว่าทำไมราคาของหุ้นในตลาดหุ้น จึงมีขึ้นมีลงอยู่เสมอ


    [5. แล้วจะซื้อหุ้นตัวไหนดี!?]

    อย่างที่บอกว่ามีทั้งบริษัทและหลักทรัพย์ในตลาดอยู่มากมายหลายพันตัว คำถามที่มือใหม่ทุกคนต้องเจอก็คือ "จะซื้อหุ้นไหนล่ะ!?"

    ซึ่งสำหรับผมมองว่า คำตอบที่ดีที่สุดคือ.. "คุณต้องตัดสินใจด้วยตัวเองครับ"

    บางคนอาจซื้อหุ้นสักตัวด้วยเหตุผลว่า ต้องการเป็นเจ้าของร่วมของกิจการสักอย่าง ที่คุณมองว่าอนาคตไกล และจะอยู่กับมันไปอีกแสนนาน

    บางคนอาจจะซื้อมัน เพราะคาดเดาว่าปีหน้าจะมีกำไรสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นสูงขึ้นตามไปด้วย

    หรือบางคนอาจจะซื้อเพราะมองว่าราคากำลังพุ่งขึ้น มีแนวโน้มว่าราคาจะขึ้นสูงไปอีก เลยอยากจะเก็บกำไรจากส่วนต่างของราคานี้

    ถ้าถามว่าวิธีไหนดีที่สุด ก็ต้องขอยกคำกล่าวที่ว่า.. ไม่มีวิธีใดถูกต้องที่สุด ไม่มีวิธีใดผิดเสมอไปในตลาดหุ้น

    เพราะสุดท้ายแล้ว แต่ละวิธีถ้าเลือกได้อย่างถูกต้อง มันก็จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่เป็นกำไรให้เราได้ทั้งนั้น

    อยู่ที่ว่าคุณมีความรู้ ความเข้าใจ ในแต่ละวิธีการมากน้อยเพียงใด ซึ่งในเรื่องของการหาความรู้เพิ่มเติมนั้น ก็คือสิ่งสำคัญในตลาดหุ้นไม่แพ้เงินที่เราลงทุนเลย


    [6. สุดท้ายแล้ว "ตลาดหุ้น" ก็คือสวรรค์และนรกในตัวมันเอง]

    ถึงแม้ทุกคนที่เข้ามาต่างก็คาดหวังผลตอบแทนเป็นกำไรกันทั้งนั้น

    แต่ในความเป็นจริง มันมีทั้งคนที่ได้เงิน มีทั้งคนที่เสียเงิน มีทั้งคนที่ร่ำรวย มีทั้งคนที่หมดตัว

    ถึงแม้การมีเงินเยอะกว่า จะเป็นข้อได้เปรียบ แต่การมีเงินน้อยกว่า ก็ไม่ใช่ข้อเสียเปรียบเสมอไป

    ที่นี่เป็นที่ซึ่งคุณจะสามารถปั้นเงินแสน ให้กลายเป็นเงินล้านได้

    แต่ขณะเดียวกัน มันก็สามารถเปลี่ยนเงิน 10 ล้าน เงิน 100 ล้าน ให้กลายเป็นศูนย์ได้เช่นกัน

    ขออวยพรให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการลงทุนครับ...


    -----------------------------------------


    ไม่พลาดทุกสาระน่าสนใจจาก Billion Mindset - แนวคิดพันล้าน

    กด Like และตั้งค่าติดดาว See First ไว้ด้วยนะ

    หรือติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง

    - เว็บไซต์ https://www.BillionMindset.com/

    - อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/

    - ทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,500
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ประเด็นเรื่องธนาคารแห่งประเทศไทย มีตัวเลขหนี้สินอย่างน้อย 6 ล้านล้านบาท ถูกแชร์ต่อและพูดถึงอย่างร้อนแรงบนโลกออนไลน์

    นำมาสู่ความเข้าใจผิดว่า หนี้ของแบงก์ชาตินั้น จะกลายเป็นหนี้ของประเทศ ที่คนไทยผู้เสียภาษีจะต้องแบกรับกันในอนาคต

    ข่าวดีก็คือ.. ประเทศไทยไม่ได้มีหนี้สิน 6 ล้านล้านบาท ให้คุณต้องมาแบกรับ อย่างที่กำลังเข้าใจผิด

    แต่.. ประเทศไทยกำลังมีหนี้สาธารณะประมาณ 7.1 ล้านล้านบาท ต่างหากล่ะ!?

    เชื่อว่าหลายคน อาจจะงงกับตัวเลขและข่าวที่ออกมาอยู่ไม่น้อย เรามาทำความเข้าใจไปพร้อมๆ กันครับ..


    1. อธิบายหนี้สินของแบงค์ชาติ ให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น..

    สำหรับคนทั่วไป สินทรัพย์ก็คือการประเมินค่าของที่เรามีอยู่

    ส่วนหนี้สิน ก็คือเงินที่เราหยิบยืมมา แล้วจะต้องจ่ายคืนให้กับเจ้าหนี้ ตรงนี้เข้าใจง่ายๆ ไม่ซับซ้อน


    แต่สำหรับธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น สินทรัพย์และหนี้สิน จะต่างออกไปเล็กน้อย

    สินทรัพย์ของแบงค์ชาติ จะประกอบไปด้วย 2 ส่วนหลักๆ ได้แก่..

    - เงินสำรองระหว่างประเทศ

    - สินทรัพย์อื่นๆ เช่น ทองคำ เงินที่ให้กู้ พันธบัตร


    ส่วนหนี้สิน ก็จะประกอบไปด้วยหลายส่วน ยกตัวอย่างเช่น..

    - พันธบัตร

    - เงินรับฝากของรัฐบาล

    - เงินรับฝากของธนาคารในประเทศ

    - ธนบัตร


    อ่าว.. มาถึงตรงนี้ "ธนบัตร" หรือเงินที่เราใช้จ่ายในประเทศ ก็นับเป็นหนี้สินด้วยเหรอ!?

    นั่นก็เพราะเมื่อธนาคารกลางพิมพ์เงินออกมา ก็มีหน้าที่จะต้องรักษาระดับสินทรัพย์ เช่น ทองคำ เพื่อหนุนหลังเงินธนบัตรเหล่านั้น

    ถ้าไม่มีสินทรัพย์มาหนุนหลัง เงินก็จะไร้ค่า กลายเป็นเพียงกระดาษแผ่นหนึ่ง

    เพราะฉะนั้นการพิมพ์เงิน ก็ทำให้หนี้สินเพิ่มขึ้น แต่ในทางเดียวกัน สินทรัพย์ของธนาคารแห่งประเทศไทยก็จะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย


    สุดท้าย.. ถ้าดูจากงบรวม เราจะพบว่าสินทรัพย์ของธนาคารแห่งประเทศไทย อยู่ที่ประมาณ 8.6 ล้านล้านบาท

    เช่นเดียวกับหนี้สินรวม ก็อยู่ที่ประมาณ 8.6 ล้านล้านบาท เช่นกัน

    นั่นเพราะหน้าที่ของแบงค์ชาติ ก็คือการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจในประเทศ ให้ดำเนินไปได้อย่างเป็นปกติ ไม่ได้มีหน้าที่แสวงหาผลกำไร

    เพราะฉะนั้นในทางสากลแล้ว แต่ละประเทศจะไม่นับหนี้สินของ "ธนาคารกลาง" เป็น "หนี้สาธารณะ" ของประเทศนั้นๆ

    โดยเฉพาะหนี้จำนวนกว่า 6 ล้านล้านบาทในข่าว ก็ไม่ใช่ตัวเลขหนี้สาธารณะของไทยแต่อย่างใด..


    2. แล้ว "หนี้สาธารณะของประเทศไทย" มันคืออะไรล่ะ!?

    หนี้สาธารณะ พูดง่ายๆ ก็คือหนี้ที่รัฐบาลไปกู้ยืมมา หรือกระทั่งหนี้ของหน่วยงานรัฐ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ที่กระทรวงการคลังเป็นผู้คำประกันให้

    ปัจจุบันประเทศไทยมีหนี้สาธารณะประมาณ 7.1 ล้านล้านบาท ซึ่งแบ่งออกเป็น..

    - หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงจากในประเทศ 5 ล้านล้านบาท

    - หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงจากต่างประเทศ 88,000 ล้านบาท

    - หนี้ชดเชยความเสียหายแก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ 748,000 ล้านบาท

    - หนี้รัฐวิสาหกิจ ประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท


    3. ถ้าถามว่า ตัวเลขหนี้ 7.1 ล้านล้านบาท นี้มากเกินไปหรือไม่!?

    ในกรณีของคนปกติ การจะมองว่ามีหนี้เยอะเกินตัวหรือไม่ ก็ต้องย้อนกลับมามองที่รายได้ของคนนั้น ว่าสร้างรายได้มากแค่ไหน

    สำหรับกรณีของหนี้สาธารณะ ก็จะนำหนี้สินไปเทียบสัดส่วนกับ GDP ของประเทศนั้นๆ

    ข้อมูลล่าสุดระบุว่า หนี้สาธารณะของไทย ยังเป็นสัดส่วนประมาณ 43% ของ GDP

    ซึ่งหากรวมกับหนี้ก้อนใหม่ ที่กำลังจะกู้จากวิกฤติโควิด-19 ก็ยังคงอยู่ในนโยบายที่กำหนดไว้ ว่าไม่เกิน 60% ของ GDP


    4. แล้วประเทศอื่นๆ เป็นหนี้กันมากแค่ไหน!?

    หลายคนอาจจะไม่เชื่อว่าประเทศอย่าง ญี่ปุ่น จะได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีหนี้สาธารณะเป็นสัดส่วนสูงที่สุดในโลก

    ญี่ปุ่น มีหนี้สาธารณะประมาณ 360 ล้านล้านบาท คิดเป็น 236% ของ GDP

    กรีซ มีหนี้สาธารณะประมาณ 12 ล้านล้านบาท คิดเป็น 181% ของ GDP

    หรืออย่าง สหรัฐฯ มีหนี้สาธารณะประมาณ 680 ล้านล้านบาท คิดเป็น 107% ของ GDP

    ซึ่งถ้าเรามองรายชื่อของประเทศที่มีสัดส่วนหนี้มากกว่า GDP นั้น ก็มีทั้งประเทศที่พัฒนาแล้ว รวมถึงประเทศกำลังพัฒนา ติดเข้ามาปะปนกันไป

    ไม่ว่าจะเป็น อิตาลี โปรตุเกส สิงคโปร์ สเปน เยเมน เลบานอน แกมเบีย หรือกระทั่งซูดาน


    ซึ่งทำให้เราได้ข้อสังเกตอย่างหนึ่งว่า สถานะทางการเงินของประเทศนั้น จะเอาตัวเลขหรือเปอร์เซ็นต์ของหนี้สาธาระมาวัดเพียงอย่างเดียวไม่ได้

    แต่ก็มีปัจจัยอย่างอื่นอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น..

    ทั้งความสามารถในการหารายได้เข้าประเทศ

    การบริหารของรัฐบาล

    หรือความแข็งแกร่งของธุรกิจเอกชนภายในประเทศก็ตาม


    หวังว่าบทความนี้ จะช่วยให้ทุกคนเข้าใจความแตกต่างของหนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย และหนี้สาธารณะ

    รวมถึงเข้าใจสถานะทางการเงินของทั้งไทย และประเทศอื่นๆ ทั่วโลกได้มากยิ่งขึ้นครับ..


    -----------------------------------------


    ไม่พลาดทุกสาระน่าสนใจจาก Billion Mindset - แนวคิดพันล้าน

    กด Like และตั้งค่าติดดาว See First ไว้ด้วยนะ

    หรือติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง

    - เว็บไซต์ https://www.BillionMindset.com/

    - อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/

    - ทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,500
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Tesla กลายเป็นบริษัทยานยนต์มูลค่า 5.8 ล้านล้าน สูงที่สุดในโลกแซงหน้า Toyota แล้ว!!

    ข้อมูลน่าสนใจ:

    - หุ้นของ Tesla ทำราคาพุ่งทะลุ 1,000 ดอลลาร์ ส่งผลให้มูลค่าของบริษัทรถยนต์ไฟฟ้ารายนี้ กลายเป็นธุรกิจยานยนต์อันดับหนึ่งด้วยมูลค่า 5.8 ล้านล้านบาทในทันที

    ขณะที่ปัจจุบัน Toyota ค่ายยักษ์จากญี่ปุ่น มีมูลค่ากิจการอยู่ประมาณ 5.6 ล้านล้านบาท


    - แต่หากนับในด้านยอดขาย จะพบว่าในปีล่าสุด Volkswagen คือค่ายรถที่ขายได้มากที่สุดในโลกถึง 10.8 ล้านคัน สร้างยอดขาย 8.89 ล้านล้านบาท แต่กลับมีมูลค่ากิจการเพียง 2.7 ล้านล้านบาทเท่านั้น

    ขณะที่ Toyota ขายรถไปได้ 10.74 ล้านคัน ทำยอดขาย 8.74 ล้านล้านบาท

    ส่วน Tesla ขายรถไปได้ 367,500 คัน ทำยอดขาย 0.78 ล้านล้านบาท


    - มูลค่ากิจการที่พุ่งสูงขึ้นนี้ หลายคนมองว่าเป็นเรื่องของความคาดหวังในตัว Tesla ที่สูงเกินไป

    แต่อีกมุมหนึ่งก็มองได้ว่า ตลาดหุ้นกำลังให้ค่าของ Tesla เป็นบริษัทเทคโนโลยีแห่งอนาคต แทนที่จะเป็นบริษัทรถยนต์ธรรมดา

    หุ้นของ Toyota ถูกซื้อขายที่ P/E ประมาณ 10 เท่า (สัดส่วนราคาต่อกำไร)

    ส่วน Volkswagen ถูกซื้อขายที่ P/E ประมาณ 7 เท่า ซึ่งค่ายรถอื่นๆ ก็จะอยู่ที่ประมาณนี้

    แต่ Tesla นั้น ถึงแม้จะมีกำไรในบางไตรมาส แต่ผลประกอบการปีที่ผ่านมายังขาดทุน ทำให้ไม่มีกำไรไปคำนวณ P/E ออกมาได้


    - ในเรื่องของการขาดทุน หลายคนก็มองว่าเพราะ Tesla กำลังอยู่ในช่วงขยายกิจการ จึงต้องมีการลงทุนอยู่ตลอดเวลา

    ไม่ว่าจะเป็นการสร้างโรงงาน Gigafactory 3 ในประเทศจีน ที่เพิ่งเปิดใช้ไปเมื่อปลายปี 2019 ที่ผ่านมา

    จากนั้นก็ลุยสร้างโรงงาน Gigafactory 4 ในประเทศเยอรมนีต่อทันที และมีแผนเปิดใช้ในปี 2021

    และล่าสุดก็มีข่าวว่าเพิ่งจะเลือกทำเลโรงงานแห่งใหม่ ในรัฐโอคลาโฮม่า ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อขยายกำลังการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าด้วย


    - แล้วถ้าเราลองย้อนกลับไปดูรายได้ของ Tesla ในปีต่างๆ ที่ผ่านมา จะพบว่า..

    ปี 2015 ทำรายได้ 126,000 ล้านบาท ส่งมอบรถ 50,580 คัน

    ปี 2016 ทำรายได้ 217,000 ล้านบาท ส่งมอบรถ 76,230 คัน

    ปี 2017 ทำรายได้ 366,000 ล้านบาท ส่งมอบรถ 101,312 คัน

    ปี 2018 ทำรายได้ 668,000 ล้านบาท ส่งมอบรถ 245,240 คัน

    ปี 2019 ทำรายได้ 780,000 ล้านบาท ส่งมอบรถ 367,500 คัน

    รายได้และการส่งมอบรถของบริษัท กำลังพุ่งสูงขึ้นทุกๆ ปี และนี่ก็ยังคิดเป็นเพียง 3.5% ของยอดขายที่ Toyota ทำได้เท่านั้น

    ซึ่งการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ นี้อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนคาดหวังกันว่า Tesla กำลังจะเป็นอีกหนึ่ง "Big Thing" ที่จะมาเปลี่ยนอนาคตของวงการยานยนต์

    เหมือนอย่างที่ครั้งหนึ่ง Apple เคยปฏิวัติโลกของโทรศัพท์มือถือได้สำเร็จมาแล้ว


    แต่ในอนาคต.. สุดท้ายแล้ว Tesla จะสามารถสร้างยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าให้ขายดีทั่วโลก ทำกำไรอย่างที่นักลงทุนหวังไว้หรือไม่!?

    หรือจะกลายเป็นแค่ผู้บุกเบิก แล้วก็พลาดท่าให้สารพัดค่ายใหญ่ ทั้งเยอรมนี ญี่ปุ่น สหรัฐฯ รวมถึงกระทั่งค่ายรถจีนที่มาแรงด้วยเช่นกัน

    เราคงจะทำได้เพียงเฝ้ารอ ให้เวลาในอนาคตค่อยๆ เฉลยคำตอบของคำถามนี้ออกมา

    แล้วสำหรับคุณเองล่ะครับ คิดว่าจะเป็นอย่างไร...!?


    -----------------------------------------


    ไม่พลาดทุกสาระน่าสนใจจาก Billion Mindset - แนวคิดพันล้าน

    กด Like และตั้งค่าติดดาว See First ไว้ด้วยนะ

    หรือติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง

    - เว็บไซต์ https://www.BillionMindset.com/

    - อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/

    - ทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,500
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เมื่อพูดถึงชายชื่อ Gary Kildall เชื่อว่าหลายคนคงเกาหัว สงสัยว่าเขาคือใคร!?

    คุณอาจจะไม่รู้ว่า เขาคืออัจฉริยะอีกคน ในวงการคอมพิวเตอร์เมื่อราวๆ 40 ปีก่อน

    และในจุดหนึ่งของชีวิต เขาก็เคยมีโอกาสที่จะได้กลายเป็นมหาเศรษฐีก่อน Bill Gates เสียด้วย แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารคว้าโอกาสนั้นได้

    เราจะพาคุณย้อนไปรู้จัก ประวัติของชายผู้น่าสนใจ(และน่าสงสาร) คนหนึ่งในวงการไอทีครับ..


    [อัจฉริยะ(อีกคน)แห่งวงการคอมพิวเตอร์]

    Gary Kildall เกิดในปี 1942 หรือประมาณ 13 ปีก่อนที่ Bill Gates จะลืมตามาดูโลก

    พอเรียนจบมา เขาก็เข้าทำงานในด้านการสอน จนกลายเป็นศาสตราจารย์ด้านคณิตศาสตร์ได้ในที่สุด

    จนกระทั่งมาถึงปี 1972 ในยุคที่คอมพิวเตอร์กำลังเติบโต เขามีความสนใจในเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็นอย่างมาก และก็มองเห็นจุดอ่อนข้อหนึ่งของมัน


    เขาพบว่าระบบชิปเซ็ตของคอมพิวเตอร์ในสมัยนั้น ยังขาดระบบปฏิบัติการที่ดี ทำให้การใช้งานตอนนั้นยุ่งยากน่าปวดหัว

    นั่นจึงนำไปสู่การที่ Gary กลายเป็นคนแรกที่พัฒนาภาษาโปรแกรมระดับสูงสำหรับไมโครโปรเซสเซอร์ และกลายเป็นระบบปฏิบัติการ ซึ่งรู้จักกันในชื่อ PL/M และ CP/M ขึ้น

    ระบบดังกล่าว ได้รับการสนับสนุนและทำตลาดจาก Intel บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ให้ความสนใจในงานของ Gary มาตั้งแต่แรกๆ แล้ว


    ทำให้ในปี 1977 เขากับภรรยาตัดสินใจก่อตั้งบริษัท Digital Research เพื่อทำธุรกิจในด้านนี้โดยตรง

    โดยเขาจะรับผิดชอบในด้านระบบปฏิบัติการ ส่วนภรรยาดูแลด้านธุรกิจไป


    [เมื่อโลกก้าวสู่ยุคคอมพิวเตอร์...]

    ในปีกับที่ Kildall เปิดบริษัทเป็นของตัวเอง บังเอิญเหลือเกินว่า Apple ก็ได้นำคอมพิวเตอร์ Apple II ออกมาวางจำหน่าย

    ซึ่ง Apple II นั้นมีจุดเด่นอย่างหนึ่งคือการใช้งานที่ง่าย ผู้ใช้ไม่ต้องมานั่งประกอบเอง คนทั่วไปแม้จะไม่ใช่โปรแกรมเมอร์ก็เข้าถึงได้

    ทำให้ "คอมพิวเตอร์" เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น

    เมื่อเห็นความสำเร็จนี้ บริษัท IBM ที่เป็นยักษ์ใหญ่รายหนึ่งของวงการ จึงตัดสินใจว่าตัวเองก็ต้องทำอะไรสักอย่าง เช่นการทำคอมพิวเตอร์ออกมาขายบ้าง

    IBM ใช้เวลาไม่ถึงปีในการผลิตคอมพิวเตอร์เครื่องแรก ด้วยการใช้ชิ้นส่วนจากบริษัทหลายๆ แห่งมารวมกัน

    ปัญหาเดียวที่เหลืออยู่คือการหา "ระบบปฏิบัติการ" มาใช้กับคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่นี้ก็เท่านั้น


    [คำแนะนำจาก Bill Gates ถึง Gary Kildall]

    ด้วยความที่การออกแบบคอมพิวเตอร์ใหม่ของ IBM ถูกเก็บเป็นความลับ ทางบริษัทจึงต้องติดต่อเจรจาหาระบบปฏิบัติการอย่างเงียบเชียบที่สุด

    ในปี 1980 พวกเขาเลือกที่จะติดต่อไปยัง Microsoft แต่ก็ต้องพบว่าบริษัทนี้ยังไม่มีระบบปฏิบัติการจะขายให้

    เด็กหนุ่มผู้ร่วมก่อตั้งในตอนนั้นอย่าง Bill Gates ช่วยแนะนำให้ตัวแทนของ IBM ลองเดินทางไปพบกับ Gary Kildall อัจฉริยะที่เปิดธุรกิจในด้านนี้อยู่

    หลังจากแนะนำแล้ว Bill จึงติดต่อไปหา Gary ว่าจะมีแขกสำคัญไปหา แต่เขาไม่สามารถเล่าอะไรได้มากนัก เพราะติดสัญญาห้ามเผยแพร่ข้อมูลจาก IBM


    แต่น่าเสียดายว่า สุดท้ายคุณ Gary Kildall ก็ไม่ได้พบกับเจ้าหน้าที่ IBM ด้วยตัวเอง

    แหล่งข้อมูลบางแห่งระบุว่า เขาไม่รู้ว่าบริษัทอะไรติดต่อมา และคิดว่าเป็นบริษัทเล็กๆ เท่านั้น

    ในวันนั้น เขากับเพื่อนร่วมงาน จึงนั่งเครื่องบินส่วนตัวไปธุระ(หรือเที่ยว)ในอีกเมือง และมอบหมายให้ภรรยาเป็นคนรับหน้าที่เจรจาแทน

    แต่การเจรจาก็ล้มเหลว เพราะภรรยาไม่ยอมเซ็นสัญญาห้ามเปิดเผยข้อมูล เนื่องจากเธอต้องรอ Gary มาตัดสินใจ

    สุดท้าย Gary ก็ไม่ได้ตัดสินใจ และพวกเขาก็แทบไม่ได้เจรจาอะไรกันเลย

    เรียกได้ว่าการซื้อขายระบบปฏิบัติการนี้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง!!


    สุดท้าย IBM ที่หมดหนทางจึงเดินทางกลับไปหา Bill Gates อีกครั้ง

    Bill Gates เองก็ไม่อยากจะเสียลูกค้ารายใหญ่ไป ทำให้เข้าคิดแผนเด็ดขึ้นมา..

    แม้ Microsoft จะไม่มีระบบปฏิบัติการที่จะมาขาย แต่พวกเขาก็รับสัญญาจ้างงานไว้ และยืนยันว่าจะผลิตมันให้กับ IBM ให้ได้


    [เล่ห์เหลี่ยมของเศรษฐีระดับโลก Bill Gates]

    แน่นอนว่า Microsoft ไม่มีเวลามานั่งสร้างระบบปฏิบัติการใหม่ทั้งหมดเป็นแน่ และ Bill ก็ไม่ทำอย่างนั้นด้วย

    ตอนนั้น Bill ตัดสินใจไปซื้อระบบปฏิบัติการชื่อ Q-DOS มาจากบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่งในราคา 1,500,000 บาท

    ก่อนจะมาดัดแปลง แล้วขายเป็น MS-DOS ให้ IBM ในราคา 2,400,000 บาท

    นอกจากจะได้กำไรแล้ว ยังถือ "ลิขสิทธิ์ซอฟท์แวร์" ซึ่งกลายมาเป็นขุมทรัพย์ทำเงินของบริษัทในยุคต่อมา


    ปัญหาคือเจ้า Q-DOS ที่ Bill Gates ไปซื้อมานั้น ดันเป็นระบบปฏิบัติการที่ภายหลังถูกมองว่า เลียนแบบมาจาก CP/M ของคุณ Gary Kildall ซะอย่างนั้น

    นั่นหมายความว่า ในทางอ้อมๆ แล้ว Gary Kildall ก็ถูกขโมยผลงานไปขาย

    และ Bill Gates ที่แม้จะจ่ายเงินซื้อลิขสิทธิ์โปรแกรมมาอย่างถูกต้อง แต่โปรแกรมนั้นก็ถูกมองว่าขโมยมาอีกทีหนึ่ง..


    Gary ยิ่งเจ็บปวดขึ้นไปอีก เมื่อในเวลาไม่กี่ปี IBM ก็ขายคอมพิวเตอร์ไปได้มากกว่า 2,000,000 เครื่อง

    พอทางคุณ Gary รู้เรื่องราวทั้งหมด เจ้าตัวก็ตัดสินใจจะฟ้อง IBM ด้วยข้อหาที่ว่า MS-DOS นั้นลอกระบบปฏิบัติการของเขามา

    แต่ไปๆ มาๆ ทั้ง IBM และ Microsoft กลับรอดตัว ผ่านการยอมความที่ว่า..

    IBM จะตกลงวางขาย CP/M ไปพร้อมๆ กับ MS-DOS เพื่อให้ลูกค้าเลือกระบบปฏิบัติการที่ตัวเองอยากใช้ได้

    แต่ปัญหาคือ ในตอนนั้นคนเริ่มคุ้นชินกับการใช้งาน MS-DOS ไปแล้ว

    แถม MS-DOS ถูกวางขายในราคาราวๆ 1,200 บาท ในขณะที่ CP/M ที่มีระบบเหมือนกันแทบทุกอย่าง ถูกวางขายในราคาราวๆ 7,500 บาท

    คงไม่ต้องบอก ว่าใครได้ครองตลาด...


    [บทสรุปของชีวิต Gary Kildall]

    ว่ากันว่า "คนจะรวย" นอกจากต้องเก่งแล้ว ยังต้องมีดวงรวย แถมเล่ห์เหลี่ยมในธุรกิจ ก็สำคัญไม่แพ้กันอีกด้วย

    เพราะไม่นานหลังจากนั้น MS-DOS ก็โด่งดังไปทั่วโลก

    ส่วนทั้ง CP/M และบริษัท Digital Research ของ Gary ค่อยๆ หายไปกับกาลเวลา

    แถมชีวิตส่วนตัวของเขา ยังถูกบันทึกเอาไว้แบบไม่ค่อยสวยงามนัก

    เขาหย่ากับภรรยาที่แต่งงานกันมานาน โดยไม่มีการระบุเหตุผลที่แท้จริง

    เขากลายเป็นคนที่ไม่ได้มีบทบาทในการเป็นผู้นำด้านวงการไอที แต่ก็ไม่ถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัว

    มีข่าวลือว่า เขายังพอมีความรู้และเงินทุนในการพัฒนาโทรศัพท์มือถือใหม่ แต่ผลงานที่ว่าก็ไม่มีโอกาสได้ลืมตาดูโลกแต่อย่างไร

    นั่นเพราะคุณ Kildall เสียชีวิตไปในวันที่ 6 กรกฎาคม ปี 1994 ากเหตุทะเลาะวิวาทในบาร์แห่งหนึ่งซะก่อน

    จบชีวิตของหนึ่งในอัจฉริยะด้านไอทีของโลกยุคนั้น ด้วยวัยเพียง 52 ปี


    จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าวันนั้น Gary ขายระบบปฏิบัติการให้กับ IBM ได้??

    จะเป็นอย่างไร ถ้า Microsoft ไม่ได้งานชิ้นโต พวกเขาจะกลายเป็นบริษัทใหญ่ได้หรือไม่?

    จะเป็นอย่างไร ถ้าโลกถูกขับเคลื่อนไปด้วยระบบปฏิบัติการอื่น ที่ไม่ใช่ Windows!?

    แต่.. เพราะโลกนี้ไม่มีคำว่า "ถ้า"

    ในตอนนี้มหาเศรษฐีอันดับสองของโลก ก็เลยมีชื่อว่า Bill Gates

    ส่วน Gary Kildall ก็กลายเป็นคนอีกหนึ่งอัจฉริยะที่ถูกลืม ในท้ายที่สุด...


    -----------------------------------------


    ไม่พลาดทุกสาระน่าสนใจจาก Billion Mindset - แนวคิดพันล้าน

    กด Like และตั้งค่าติดดาว See First ไว้ด้วยนะ

    หรือติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง

    - เว็บไซต์ https://www.BillionMindset.com/

    - อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/

    - ทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,500
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ธนาคารกรุงเทพ เปิดตัวแอปฯ โมบายแบงก์กิ้งเวอร์ชันใหม่ ที่สำคัญ COPY-PASTE ได้แล้ว!!

    ข้อมูลน่าสนใจ:

    - หลังจากปล่อยให้แฟนคลับเฝ้ารอกันมาอย่างยาวนาน ในที่สุด Bualuang mBanking ก็เปิดให้ได้ดาวน์โหลดเวอร์ชันใหม่มาใช้กันแล้ว

    การอัปเดตครั้งนี้หน้าตาจะเน้นโทนสีน้ำเงินซึ่งเป็นสีของธนาคารมากขึ้น ดูทันสมัยเหมาะกับยุคปัจจุบันมากขึ้นอีกด้วย


    - ที่สำคัญก็คือ สามารถ Copy เลขบัญชีที่จะโอนเงิน เพื่อมา Paste ลงในแอปฯ ได้แล้ว ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่ผู้ใช้งานเรียกร้องกันมาอย่างยาวนาน

    (เชื่อว่าคนอื่นๆ ที่ใช้แอปฯ นี้ คงจะเข้าใจว่าเป็นฟังก์ชันที่จำเป็นมากๆ เช่นกัน)


    - มีการเปลี่ยนเมนูในหมวดหมู่อื่นให้ดูง่ายและน่าสนใจขึ้น ไม่ว่าจะเป็น..

    การชำระค่าบริการ มีการแบ่งหมวดหมู่ค่าใช้จ่าย และโลโก้ของบริษัทต่างๆ ให้ดูเป็นสัดส่วน เลือกจ่ายเงินได้ง่ายยิ่งขึ้น

    หน้าจอการลงทุน ซื้อ ขาย สลับกองทุนได้ที่เดียวจบในแอปฯ พร้อมมีกราฟสำหรับติดตามดูผลการลงทุนให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างชัดเจน


    สำหรับผู้ที่ใช้บริการธนาคารกรุงเทพ ทั้งคนที่ใช้แอปฯ อยู่แล้ว หรือยังไม่เคยสมัคร ก็ลองไปดาวน์โหลดมาใช้งานกันเพื่อสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงได้แล้วนะครับ

    iOS ดาวน์โหลดที่ https://apps.apple.com/th/app/bualuang-mbanking/id660238716

    ส่วน Android ดาวน์โหลดที่ https://play.google.com/store/apps/details?id=com.bbl.mobilebanking&hl=en

    ใช้แล้วเป็นยังไง มาคุยกันต่อนะครับ


    -----------------------------------------


    ไม่พลาดทุกสาระน่าสนใจจาก Billion Mindset - แนวคิดพันล้าน

    กด Like และตั้งค่าติดดาว See First ไว้ด้วยนะ

    หรือติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง

    - เว็บไซต์ https://www.BillionMindset.com/

    - อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/

    - ทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,500
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ในปัจจุบัน คงจะไม่มีใครไม่รู้จักชื่อ "Donald Trump"

    ในมุมหนึ่ง เขาคือประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ที่ถูกพูดถึงบนหน้าข่าวแทบทุกวัน

    ในอีกมุม เขาคือเศรษฐีอเมริกัน ที่มีทรัพย์สินรวมกันกว่า 70,000 ล้านบาท

    หลายคนพอจะทราบดีว่า Donald Trump นั้นเป็นมหาเศรษฐีมาตั้งแต่ก่อนรับตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว

    แต่อาจจะยังไม่รู้ว่า.. เขาทำอะไร!? ทำไมจึงรวยขึ้นมาได้มากขนานี้ล่ะ!?


    [1. การเดินทางของคุณปู่...]

    เรื่องราวของความร่ำรวยของตระกูล Trump เริ่มต้นขึ้นในปี 1885

    เมื่อ Frederick Trump เด็กหนุ่มวัย 16 ปี ตัดสินใจย้ายจากเยอรมนี มาตั้งรกรากในสหรัฐอเมริกา

    เขาเหมือนกับคนอพยพหลายๆ คน ที่ตั้งใจมาสร้างชีวิตใหม่ ขยันทำงาน หาเงิน เก็บหอมรอมริบ

    จนกระทั่งอีก 6 ปีต่อมา เมื่อมีเงินก้อนหนึ่งเขาจึงตัดสินใจย้ายไปอาศัยในรัฐวอชิงตันทางตะวันตก ซึ่งเพิ่งจะถูกตั้งขึ้นเป็นรัฐอย่างเป็นทางการ

    นับว่าเป็นโอกาสอันดี เพราะเขาสามารถนำเงินเก็บมาลงทุนในรัฐตั้งใหม่นี้

    เขาเริ่มจากธุรกิจร้านอาหาร จากนั้นก็เก็บเงินเพื่อต่อยอดธุรกิจ โดยไปซื้อร้านอาหารและโรงแรมในแคนาดาที่อยู่ใกล้เคียง

    ก่อนภายหลังจะนำเงินที่ได้ไปซื้อที่ดินในควีนส์ ของรัฐนิวยอร์ก (ซึ่งแน่นอนว่าราคาที่ดินก็พุ่งขึ้นสูงในช่วงหลัง)

    เขาคือสมาชิกคนแรกของตระกูลที่มีโรงแรมเป็นของตัวเอง และแม้จะยังเรียกว่า "มหาเศรษฐี" ได้ไม่เต็มปาก แต่มันก็ถือเป็นรากฐานให้คนรุ่นหลังได้เป็นอย่างดี


    [2. จากพ่อสู่ลูก จากปู่สู่หลาน..]

    จากนั้นในยุคของ Fred Trump ผู้รับสืบทอดมรดกมา ถือเป็นอีกจุดเปลี่ยนสำคัญของตระกูลอีกด้วย

    แทนที่จะนำเงินมรดกไปเสวยสุขต่อ เขากลับต่อยอดเงินของพ่อ ไปลงทุนต่อในอสังหาริมทรัพย์หลากหลายรูปแบบ

    จนนำมาซึ่งผลงานอันโดดเด่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น..

    ในช่วงปี 1920 เขาเป็นผู้จัดสร้างโครงการบ้านเดี่ยวราคาประหยัดจำนวนมาก ที่ได้รับความนิยมในควีนส์

    ในยุคช่วงปี 1930 เขากลายเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกแนวคิดเรื่องซูเปอร์มาร์เก็ต

    ในยุคช่วงปี 1940 เขาเป็นผู้รับเหมางานการก่อสร้างค่ายทหารในช่วงสงครามโลก

    ในช่วงยุค 1950 เขาก็มีโอกาสได้ทำงานกับรัฐบาล ในการสร้างอพาร์ตเมน และที่อยู่อาศัยต่างๆ

    ความสำเร็จนี้ทำให้ Fred ซึ่งมีอายุได้เพียง 40 ปี กลายเป็นเศรษฐีทรัพย์สินหมื่นล้าน

    ซึ่งทรัพย์สินเหล่านั้น ก็มากพอจะทำให้เขา ภรรยา และลูกๆ ทั้ง 5 คน อยู่อย่างสุขสบายไปชั่วชีวิต

    และหนึ่งในลูกของเขา ก็คือ Donald Trump นั่นเอง


    ในระหว่างที่ Donald Trump เติบโต..

    ผู้เป็นพ่อก็ได้ค่อยๆ โอนทั้งเงิน หุ้นบริษัท และอสังหาริมทรัพย์ไปให้ลูกๆ ทุกคน

    กรณีของ Donald เขามีความสนใจในการทำธุรกิจอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นในปี 1968 ก็เลือกที่จะเดินตามรอยพ่อเขาสู่โลกธุรกิจ แทนที่จะนอนกินเงินเฉยๆ

    และดูเหมือนว่าเขาจะทำได้ดีเสียด้วย..

    ในปี 1971 เขาขึ้นเป็นประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว และขยายกิจการพัฒนาอสังหา ให้มีรายได้มากขึ้น

    ในช่วงปี 1976 เขาร่วมมือกับเครือโรงแรม Hyatt ซื้ออาคารเก่าแห่งหนึ่งในแมนฮัตตัน และบูรณะมันเป็นโรงแรม Grand Hyatt

    ก่อนที่จะพัฒนาพื้นที่รอบๆ ให้กลับมารุ่งเรืองได้สำเร็จ


    จริงอยู่ว่าเงินที่ Donald ใช้ในการทำธุรกิจ มองมุมหนึ่งก็คือการใช้เงินจากพ่อ

    แต่อย่างน้อยๆ เขาก็สามารถทำกำไรจากการลงทุนได้แทบจะทุกโครงการ

    ดูเหมือนว่า เขาจะได้ความสามารถในการบริหารอสังหาริมทรัพย์ มาจากพ่อและปู่ของเขาแบบเต็มๆ

    แต่มันก็ใช่ว่า Donald Trump จะไม่เคยล้ม..


    [3. ความผิดพลาดครั้งใหญ่ของ Donald Trump]

    การขาดทุนครั้งใหญ่ของ Donald เกิดขึ้นจากการลงทุนในปี 1988

    ในเวลานั้นเขาเพิ่งจะได้เงินมหาศาลมาจากธุรกิจอสังหา และตัดสินใจขยายกิจการไปในด้านอื่นๆ

    เขาเข้าซื้อโรงแรม สายการบิน และเดินหน้าลงทุนในธุรกิจที่กำลังมองว่ามาแรงอย่าง "คาสิโน"

    แต่ปัญหาคือ คาสิโนที่เขาซื้อมาตอนยังสร้างไม่เสร็จ พอเปิดบริการก็คิดว่าจะสร้างกำไรมหาศาล กลับไม่สามารถทำกำไรได้ตามที่เขาคาดคิดเอาไว้


    Donald ต้องการประคับประคองธุรกิจ ไม่ให้เข้าสู่ภาวะล้มละลาย จนต้องขายเรือส่วนตัว ขายสายการบิน และทรัพย์สินฟุ่มเฟือย

    แต่ในช่วงเวลาที่ดูเลวร้ายนั่นเอง จู่ๆ Fred ผู้เป็นพ่อก็มีแผนให้คาสิโนของลูกชายกู้เงินแบบเนียนๆ

    ด้วยการให้นักกฎหมายของตัวเอง ทำทีไปแลกชิปเพื่อเล่นพนัน แล้วก็ทิ้งชิปเอาไว้ ซึ่งนั่นก็กลายเป็นรายได้ของคาสิโนไปซะอย่างนั้น

    เขาทำเนียนๆ แบบนั้นจนคาสิโนมีรายได้นับพันล้าน สามารถต่อลมหายใจได้ไปอีกสักระยะหนึ่ง

    (ภายหลังโดนหน่วยงานควบคุมคาสิโนจับไต๋ได้ แล้วก็เสียค่าปรับไปตามระเบียบ)

    แต่สุดท้าย ก็ไม่วายที่บริษัทคาสิโนของเขาจะต้องเข้าสู่ภาวะล้มละลาย

    และแม้จะผ่านการฟื้นฟูกิจการมาได้ คาสิโนดังกล่าวก็เปิดบริการไปแบบลุ่มๆ ดอนๆ

    มีรายงานว่าบริษัทจัดการคาสิโน ต้องยื่นฟื้นฟูกิจการถึง 4 ครั้ง ตั้งแต่ครั้งแรกที่กล่าวไปในปี 1991 ตามมาด้วยปี 2004, 2009 และ 2014

    จนกระทั่งหยุดให้บริการไปแล้วในปี 2016 ที่ผ่านมา


    [4. บทสรุปของความร่ำรวยตระกูล Trump]

    หลังจากความล้มเหลวครั้งใหญ่ของคาสิโน และการจากไปของคุณพ่อของเขาในปี 1999

    Donald Trump ก็ยังพยายามขยับขยายธุรกิจออกไปอีกหลายประเภท

    เขาเคยลองทำทั้งสายการบิน ผลิตวอดก้า นิตยสาร ร้านอาหาร หรือแม้แต่มหาวิทยาลัย แต่ผลงานทั้งหมดก็ไม่ได้รับผลตอบรับที่ดีเท่าที่ควรนัก

    โชคดี(บวกกับความสามารถ) เขายังสามารถบริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ตัวเองถนัดได้เป็นอย่างดี

    ดังนั้นโดยรวมแล้ว Donald Trump ก็ยังคงเป็นคนที่มีรายได้มหาศาลอยู่

    อ้างอิงจากตัวเขาเอง เขาบอกว่ามีทรัพย์สินอยู่มากกว่า 300,000 ล้านบาทในปี 2016

    อย่างไรก็ตามตัวเลขนี้ถูกมองจากสำนักข่าวเศรษฐกิจทั้งฟอร์บส์ หรือบลูมเบิร์ก ว่าสูงเกินจริงไปมาก

    โดยในปัจจุบันพวกเขาประเมินว่า Donald Trump น่าจะมีทรัพย์สินเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 70,000 ล้านบาท อยู่ในลำดับที่ 1,000 ของเศรษฐีโลก

    เป็นที่น่าสนใจว่า ครึ่งหนึ่งของตัวเลขที่เห็นนี้ ก็มาจากอสังหาริมทรัพย์ในนิวยอร์ก สถานที่ซึ่งปู่ของเขา เคยมาซื้อที่ดินเอาไว้เมื่อประมาณ 100 ปีก่อน

    อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะมองว่าทรัพย์สินของ Donald Trump ล้วนแต่เป็นมรดกทั้งสิ้น

    แต่อย่าลืมว่า เขาก็เป็นคนที่สามารถบริหารมรดกเหล่านั้น ให้อสังหาริมทรัพย์สามารถทำเงินได้อย่างต่อเนื่องเรื่อยๆ (แม้พอข้ามไปธุรกิจอื่น จะไม่ค่อยเปรี้ยงก็ตาม)

    และมีอีกอย่าง ที่เราไม่ควรลืมว่า ชายคนนี้คือคนที่สามารถก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ

    ซึ่งตำแหน่งนี้เอง ก็ถือเป็นจุดสูงสุดที่ไม่เคยมีคนตระกูล Trump สามารถทำได้มาก่อนเลยเช่นกัน...

    -----------------------------------------


    ไม่พลาดทุกสาระน่าสนใจจาก Billion Mindset - แนวคิดพันล้าน

    กด Like และตั้งค่าติดดาว See First ไว้ด้วยนะ

    หรือติดตาม Billion Mindset ได้ในหลากหลายช่องทาง

    - เว็บไซต์ https://www.BillionMindset.com/

    - อินสตาแกรม https://www.instagram.com/billionmindset.ig/

    - ทวิตเตอร์ https://twitter.com/Billion_Twit

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,500
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น เปิดทางให้ใช้เหล้าดีกรีสูงเพื่อฆ่าเชื้อไวรัสโควิด หลังจากแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อขาดแคลนอย่างหนัก

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,500
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เฟดกังวลภาวะการจ้างงานในสหรัฐมีการเลิกจ้างสูงเป็นประวัติการณ์

    นาย Jerome Powell รายงานแก่คองเกรสว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจ การประเมินความเสี่ยง และการดำเนินนโยบายการเงินตามรอบการออกรายงานทุกครึ่งปี โดยประเด็นที่มีการให้น้ำหนักในการนำเสนอคือเรื่องภาวะตลาดแรงงานที่มีการเลิกจ้างสูงเป็นประวัติการณ์ และความเสี่ยงต่อเสถียรภาพระบบการเงิน

    จากการศึกษาของ Fed พบว่าผลกระทบในตลาดแรงงานนอกจากจะสูงเป็นประวัติการณ์ ยังมี disparities ในหลายมิติ โดยแรงงานที่มีรายได้ต่ำจะได้รับผลกระทบจากมาตรการ lockdown มากกว่า และกว่าร้อยละ 40 ของแรงงานที่มีรายได้ 40,000 ดอลลาร์ สรอ. ต่อปีถูกเลิกจ้างในเดือน มี.ค. ถึงต้นเดือน เม.ย. ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของสัดส่วนแรงงานที่ถูกเลิกจ้างรวมทุกกลุ่มรายได้ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 20 และหากพิจารณาตามคุณสมบัติอื่น ๆ จะพบว่าแรงงานที่มีเชื้อชาติ Hispanic, Asia และ African-American มีสัดส่วนการจ้างงานที่ลดลงมากกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มคนผิวขาว กลุ่มแรงงานที่อายุน้อย (16-24 ปี) มีสัดส่วนการจ้างงานที่ลดลงมากกว่ากลุ่มอายุ 25 ปีขึ้นไป

    นอกจากนี้ ผลกระทบต่อธุรกิจขนาดเล็กที่มีความสำคัญต่อธุรกิจในระดับท้องถิ่นอาจส่งผลให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างล่าช้าและอาจกระทบต่อประสิทธิภาพของแรงงาน ขณะเดียวกันการปรับตัวของภาคธุรกิจทั้งในเรื่องห่วงโซ่อุปทาน การเพิ่มความคุ้มครองแรงงาน และการปรับรูปแบบการค้าเป็นออนไลน์มากขึ้นจะสร้างความเสี่ยงต่อการจ้างงานในอนาคต ด้านเสถียรภาพระบบการเงิน Fed มองว่าระบบการเงินสหรัฐฯ ยังมีความเปราะบางสูง แม้ว่าจะมีการปฏิรูปภาคการเงินภายหลังวิกฤติการเงินเมื่อปี 2008 ก็ตาม โดยเฉพาะในกลุ่ม non-bank อย่างกลุ่มบริษัทประกันชีวิตและ hedge fund ที่มีสัดส่วนการ leverage อยู่ในระดับสูง ทำให้มีความอ่อนไหวต่อการปรับตัวของราคาสินทรัพย์ทางการเงินมากกว่า ซึ่งส่งผลชัดในช่วงการแพร่ระบาด COVID-19 ที่ผ่านมา และคาดว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญในระยะอันใกล้นี้ด้วย ขณะที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังมีสัดส่วนทุนที่สูง แต่สามารถดำเนินการเพื่อรองรับความต้องการสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นในช่วงวิกฤติได้ดี

    ด้านสัดส่วน leverage ในกลุ่ม broker-dealer ยังอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ สัดส่วนการถือครองหุ้นกู้เอกชนโดยกองทุนรวมที่เพิ่มขึ้น และบทบาทของ prime money market fund ที่เพิ่มขึ้นยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้สภาพคล่องในตลาดเงินปรับลดลงและทำให้ราคาสินทรัพย์ทางการเงินปรับตัวเร็วและแรง ทั้งนี้ ความเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะข้างหน้ายังขึ้นอยู่กับพัฒนาการของการแพร่ระบาดของโรคเป็นสำคัญ

    Source: BoTSS

    - Fed says 'full range of tools' in play to counter pandemic: https://abcnews.go.com/Business/wireStory/fed-full-range-tools-boost-economy-71219203

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,500
    ค่าพลัง:
    +97,150
    June 13, 2020 รัฐบาลจีนเรียกร้องให้ทวิตเตอร์ใช้มาตรฐานเดียวกัน จัดการกับแอคเคาท์ IO

    ภายหลังจากทวิตเตอร์ เปิดเผยว่า ได้จัดการปิดบัญชีที่เป็นแอคเคาท์ IO รวมถึงบัญชีสนับสนุนปฏิบัติการดังกล่าวซึ่งทวิตเตอร์ระบุว่าบัญชีเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน ในการเผยแพร่ข้อมูลผิดๆเรื่องไวรัสโควิด 19 รวมถึงโจมตีรัฐบาลต่างชาติ จำนวนกว่า 1.7 แสนบัญชี
    .
    ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศจีนได้แถลงถึงเรื่องดังกล่าว โดยเรียกร้องให้ทวิตเตอร์ใช้มาตรฐานเดียวกันในการจัดการบัญชีที่มีพฤติกรรมลักษณะนี้ โดยโฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนระบุว่า กลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดียังคงใช้แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์หลายรูปแบบ เผยแพร่ข้อมูลโจมตีและใส่ร้ายป้ายสีรัฐบาลปักกิ่ง จึงเป็นการดีหากทวิตเตอร์จะช่วยสอดส่องและดำเนินการในลักษณะเดียวกันเพื่อต่อสู้กับเฟคนิวส์
    .
    โดยล่าสุดทางทวิตเตอร์เตรียมการทดสอบฟีเจอร์ใหม่ เพื่อให้ผู้ใช้งานได้อ่านข้อความและบทความที่สนใจก่อนที่จะทำการรีทวิต โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยให้บทสนทนา และการแชร์เนื้อหาต่างๆ ในทวิตเตอร์มีประสิทธิภาพและปราศจากข้อมูลที่เป็นเท็จ

    #ทวิตเตอร์ #ข่าวปลอม #จีน #Twitter #misterban #โควิท19 #covid19

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,500
    ค่าพลัง:
    +97,150
    June 11, 2020 จีนสั่งปิดตลาดค้าส่งใหญ่ซินฟาตี้ (Xinfadi) หลังมีรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่อย่างน้อย 11 รายในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยวันนี้มี 6 รายจากจำนวนทั้งหมดได้รับการยืนยันติดเชื้อ ส่งผลให้ทางการท้องถิ่นใช้มาตรการล็อกดาวน์ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ รวมไปถึงปิดตลาดสดที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้แก่ Jingshen seafood market รวมไปถึงปิดโรงเรียน 9 แห่ง และเนอสเซอรี่บางส่วนในพื้นที่ลงชั่วคราว

    ทั้งนี้ สื่อท้องถิ่นรายงานเพิ่มเติมว่า ด้านผู้บริหารตลาด Xinfadi ได้ทำการตรวจสอบแล้ว ปรากฎว่าพบร่องรอยของเชื้อไวรัสอยู่บนเขียงที่ใช้สำหรับแล่ปลาแซลมอนที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ทำให้บรรดาห้างซูเปอร์มาร์เก็ตในพื้นที่ต้องนำปลาแซลมอนออกจากชั้นวางขายทันที พร้อมยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อสินค้าชนิดอื่นๆ และนับเป็นครั้งแรกในรอบสองเดือนที่กรุงปักกิ่งพบการแพร่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งผู้ติดที่ติดเชื้อไม่มีประวัติเดินทางมาจากพื้นที่เมืองอื่นๆ ของประเทศจีน

    #ปักกิ่ง #ล็อกดาวน์ #covid19 #misterban #ผู้ติดเชื้อ #โควิด19

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,500
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ...อเมริกาจะไม่มีวันเหมือนเดิม...

    ความตายของจอร์จ ฟลอยด์กระตุ้นให้เกิดการประท้วงใหญ่ (และจลาจล) ต่อต้านการแบ่งแยกสีผิวและกดขี่เชื้อชาติไปทั่วอเมริกา (และอีกหลายประเทศ)

    ในทางโหราศาสตร์ ธนูเกณฑร์ได้อธิบายแล้วว่า การประท้วงนี้เกิดจากปรากฏการณ์ดาวสำคัญ 2 ชุด

    (1) สุริยคราส (เต็มดวง) 21 สิงหาคม 2017 ที่ 4:47 องศาสิงห์ โดยเส้นทางคราสผ่าอเมริกาเป็น 2 ส่วน และจุดคราสทับลัคนาทรัมป์พอดี

    บอกถึงภัยพิบัติของอเมริกาที่เกิดจากน้ำมือทรัมป์

    (อ่าน "โควิด ทรัมป์ ชะตากรรมอเมริกา" เมื่อ 1/6/2020 ที่

    https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/650328)

    แต่ผลของคราสไม่ใช่เท่านี้

    ธนูเกณฑร์ยังทำนายไว้ใน America's Destiny เมื่อ 27/1/2017 ว่า

    "...ถ้าเราใช้ดวงเมืองอเมริกา 4 กรกฎาคม 1776 ในช่วงบ่าย จุดคราสจะเล็งจันทร์เดิมสนิท

    จันทร์คือประชาชน โดยเฉพาะเพศหญิง

    จันทร์คือเอกภาพของดินแดน ประชาชนจะแตกแยกกันทางการเมืองอย่างหนัก จนอาจถึงขั้นแบ่งแยกดินแดนต่อไปในอนาคต..."

    (https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/640162)

    โดยปกติ คราสมีกำลังสูงสุดภายในหน้าหลัง 7 - 10 วัน

    เกิดอะไรขึ้น ?

    วันที่ 12 สิงหาคม กลุ่มคลั่งชาติผิวขาวสุดโต่ง (White Supremacy) ประท้วงใหญ่และก่อจลาจลที่เมืองชาร์ล็อตส์วิลล์ในรัฐเวอร์จิเนีย

    มันจุดประกายความขัดแย้งทางการเมืองและเชื้อชาติขึ้นมาอีกครั้ง

    คำทำนายถูกต้อง

    ธนูเกณฑร์อธิบายต่อใน "ผลของคราส" เมื่อ 8/9/2017 อีกว่า

    "..เหตุการณ์และเวลาตรง ที่น่าสงสัยคือเพศหญิง

    ผู้เขียนได้คำตอบเมื่อค้นพบว่า ชาร์ล็อตส์วิลล์ตั้งชื่อตามพระนามของ Charlotte of Mecklenburg-Strelitz ราชินีในกษัตริย์จอร์จที่ 3 ของอังกฤษ

    ชาร์ล็อตส์วิลล์เป็นเมืองเล็ก ๆ มีประชากรแค่ 50,000 คน อเมริกามีเมืองเช่นนี้นับหมื่น ทำไมสวรรค์เจาะจงเมืองนี้

    จันทร์อยู่กุมภ์ กุมภ์คือราศีแห่งเสรีภาพและภราดรภาพ ชาร์ล็อตส์วิลล์เป็นถิ่นกำเนิดของประธานาธิบดี 2 คน โทมัส เจฟเฟอร์สันและเจมส์ มอนโรว์

    ทั้งคู่คือบิดาผู้สร้างชาติ (Founding Father) ของอเมริกา เจฟเฟอร์สันคือผู้ร่างคำประกาศอิสรภาพ

    สุริยคราสครั้งนี้เชื่อมโยงอดีตเข้ากับปัจจุบันและฉายภาพไปยังอนาคต..."

    (https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/642448)

    ทั้งหมดแสดงถึง "ลาง" แห่งความแตกแยกในอเมริกา

    (2) ดาว 3 ดวงวิกลคติพักร (หยุดนิ่งเพื่อถอยหลัง / Stationary-retrograde) คือ พฤหัส-ศุกร์-เสาร์ ในวันที่ 11, 13 และ 14 พฤษภาคม

    "...เพราะพฤหัส-เสาร์พักร เราจะได้เห็น "การลุกฮือ / ประท้วง / จลาจล" ของภาคประชาชนในหลายพี้นที่ทั่วโลก..."

    ศุกร์หมายถึง Sense of Value ซึ่งบอกถึงค่านิยม ทัศนคติต่าง ๆ การเหยียดผิวเป็นค่านิยมหนึ่งที่ฝังลึกในสังคมอเมริกัน ศุกร์พักรทำให้มันปะทุออกมา

    เสาร์คือคนชั้นล่างในสังคม คนด้อยโอกาส ฯลฯ ซึ่งก็เป็นคนผิวดำ-ผิวสีทั้งหลาย เสาร์พักรในมังกร-เป็นเกษตร์ จึงก่อให้เกิดการประท้วงอย่างใหญ่ไปทั่วประเทศ

    พฤหัสคือคุณธรรม-ศีลธรรม-กฎหมาย พฤหัสพักรในมังกร-เป็นนิจจ์ สิ่งเหล่านี้ถูกละเลย สถานการณ์จึงยิ่งลุกลามใหญ่โต..."

    (อ่าน "อเมริกาจลาจล" เมื่อ 4/6/2020 ที่

    )

    ปรากฏการณ์ดาวทั้ง 2 ชุดนี้คือปัจจัยสำคัญ แต่ชุดแรกเกิดมานานเกือบ 3 ปีแล้ว ชุด 2 เป็นจังหวะดาวจรในภาพย่อย

    การประท้วงหลังการตายของจอร์จ ฟลอยด์ที่ลุกลามใหญ่โตในปัจจุบัน ยังเกิดจากปัจจัยสำคัญอีกข้อ

    นั่นคือวัฏจักรพฤหัสพลูโต

    พฤหัสคือปรัชญา ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อระดับลึก ฯลฯ พลูโตคือการเปลี่ยนแปลงอย่างถอนรากถอนโคน (Transformation)

    วัฏจักรนี้กินเวลา 13 ปี

    วัฏจักรปัจจุบันเกิด 5 พฤษภาคม 2020 ที่ 0:45 องศามังกร มังกรคือภพ 10 ของโลก หมายถึงการเมือง การปกครอง ฯลฯ

    ไม่น่าแปลกใจที่เกิดกระแสความไม่พอใจอย่างมากและกลายเป็นการต่อต้าน "รัฐบาล" อย่างรุนแรงไปทั่ว

    พลูโตวิกลคติพักร 25 เมษายน จากนั้น เสาร์ พฤหัส ศุกร์ก็วิกลคติพักรตามมา สอดคล้องกับสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น

    ช่วงนี้พฤหัสถอยกลับมากุมพลูโตสนิทอีกครั้ง เกิดเหตุการณ์สำคัญที่น่าคิด

    กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านการเหยียดผิวได้ทำลายอนุสาวรีย์คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสในหลายเมือง เช่น ริชมอนด์-เวอร์จิเนีย เซนต์พอล-มินิโซต้า ที่สำคัญคือบอสตันในแมสซาชูเซ็ตต์ที่ถึงขั้นตัดคอและนำไปโยนทิ้งน้ำ

    โคลัมบัสคือผู้ค้นพบทวีปอเมริกาเมื่อกว่า 500 ปีก่อน การทำลายอนุสาวรีย์ของเขา ส่อแสดงถึงความแตกแยกอย่างลึกซึ้ง จนถึงขั้นเปลี่ยนแปลงนัยยะของประวัติศาสตร์กันเลยทีเดียว

    ความแตกแยกขัดแย้งเมื่อมาถึงระดับนี้ ชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงใหญ่ที่จะเกิดตามมาในไม่ช้า

    พฤหัสจะกุมพลูโต 30 มิถุนายน ทั้งคู่ต่างถอยหลัง สถานการณ์จะยิ่งซึมลึกจมดิ่งลงไปอีก จนทั้งคู่เดินหน้ากุมกันเป็นครั้งที่ 3 ในวัฏจักรปัจจุบัน 13 พฤศจิกายน ที่ 28:42 องศาธนู

    การกุมครั้งสุดท้ายเกิดในช่วงเลือกตั้งอเมริกา 3 พฤศจิกายน แปลได้ว่า ดาวคู่นี้จะมีอิทธิพลอย่างมากต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้

    จุดที่กุมกัน 28:42 องศาธนู ทำมุม 150 กับอาทิตย์ในภพ 10 ของทรัมป์สนิทพอดี อาทิตย์คือเกียรติยศ ชื่อเสียง การยกย่องจากสาธารณะ ฯลฯ อาทิตย์เป็นดาวเจ้าเรือนลัคนาด้วย

    วัฏจักรพฤหัสพลูโตนี้ "ให้โทษหนัก" แก่ทรัมป์

    เหตุการณ์ทางการเมืองใด ๆ ถ้าไม่สามารถเปลี่ยน "ความคิด / ความเชื่อ" ของผู้คน เหตุการณ์นั้นไม่ร้ายแรงและไม่มีผลระยะยาว

    แต่ถ้าผู้คน / ประชาชนเปลี่ยนความคิด / ความเชื่อขึ้นมาเมื่อไหร่ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ตามมาจะยิ่งใหญ่รุนแรงมาก และยากที่จะเหมือนเดิม

    พฤหัสเสาร์ที่เริ่มวัฏจักรใหม่ 22 พฤศจิกายน 2020 ที่ 6:20 องศามังกร (ตามหลังวัฏจักรพฤหัสพลูโตมาติด ๆ ภายใน 10 วัน) จะยิ่งตอกย้ำการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในอเมริกาไปถึง "จุดเปลี่ยนใหญ่" อีกครั้ง

    อเมริกาจะไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิมอีก

    เราทุกคนกำลังเป็นพยานในช่วงเวลาประวัติศาสตร์ของโลกใน "ความเสื่อมทรุดตกต่ำ" ของจักรวรรดิอเมริกาและการเปลี่ยนใหญ่ทางการเมืองภายในอเมริกาเอง

    โหราศาสตร์บอกไว้เช่นนี้

    ธนูเกณฑร์ (13/6/2020)

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,500
    ค่าพลัง:
    +97,150
    June 13, 2020 “สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต แบงค์คอก” เปิดอย่างเป็นทางการ 19 มิ.ย.นี้

    ภายหลังจากภาครัฐประกาศผ่อนคลายล็อคดาวน์ช่วงที่ 4 พร้อมยกเลิกเคอร์ฟิว ทางบริษัทสยาม ไซม่อน จำกัด ผู้บริหารโครงการค้าปลีก “สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต® แบงค์คอก (Siam Premium Outlets Bangkok) เปิดเผยว่าจะเปิดอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ที่ 19 มิถุนายนนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นบรรยากาศการจับจ่ายในช่วงนี้ โดยเตรียมนำสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ ด้วยส่วนลดสูงสุดกว่า 70% รวมถึงส่วนลดพิเศษเพิ่มอีก 10 –15% เพื่อฉลองการเปิดอย่างเป็นทางการ

    สำหรับ แบรนด์ลักชัวรี่ชั้นนำ ที่มาเปิดให้บริการ อาทิ Burberry, Balenciaga, Bally, Breitling, Coach, Furla, Hugo Boss, kate spade NEW YORK, Montblanc และ Adidas รวมถึง Nike พรีเมี่ยม รีเทล โสตร์ขนาดใหญ่กว่า 1,300 ตารางเมตร

    พร้อมแบรนด์ไทยชั้นนำ อาทิ EVEANDBOY และ Jim Thompson รวมถึงร้านอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำอาทิ สตาร์บัคส์ และ Breadtalk รวมถึง Food Republic บนพื้นที่กว่า 1,200 ตารางเมตร เช่นเดียวกับหลากหลายแบรนด์สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่เตรียมจะเผยโฉมในเร็วๆ นี้
    #คลายล็อคเฟส4 #สนามบินเปิด #SiamPremiumOutletsBangkok #misterban #shopping #outlets #ของลดราคา #sale

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,500
    ค่าพลัง:
    +97,150
    June 13, 2020 “วิษณุ เครืองาม”เผยศบค.เตรียมหารือยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินช่วงก่อนสัปดาห์สุดท้ายปลายมิ.ย.นี้ เพื่อนำเข้าที่ประชุมครม. 23 มิ.ย.2563 แต่หากการระบาดรุนแรงขึ้นก็สามารถนำกลับมาใช้ได้

    นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่า ในการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ยังไม่พูดถึงเรื่องนี้ เพราะต้องประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นับจากนี้อีก 15 วัน แต่คาดว่าจะพูดคุยในที่ประชุมศบค.ก่อนปลายเดือนมิ.ย.นี้ 1 สัปดาห์ แล้วจึงนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีหรือ ครม. วันที่ 23 มิ.ย.

    ส่วนกิจการกิจกรรมในระยะที่ 4 ที่ยังไม่อนุญาตให้เปิดนั้น ยังไม่ได้หารือกันว่าจะผ่อนคลายเมื่อใด แต่จะประเมินกันเหมือนก่อนหน้านี้ในทุก 2 สัปดาห์ แต่หากยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน กิจการเหล่านี้ก็สามารถเปิดได้

    แต่ถ้ามีการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไปแล้วและสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 แย่ลง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสามารถกลับมาประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯได้ทันที แล้วค่อยนำเรื่องเข้าครม. ภายใน 3 วัน ดังนั้นจึงไม่มีปัญหา

    ส่วนการพิจารณาวันหยุดชดเชยเทศกาลสงกรานต์ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึง เพราะเดือนหน้ามีวันหยุดถึง 4 วัน ต้องจัดการให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งการพิจารณาวันหยุดเป็นอำนาจของ ครม.เพราะเป็นเรื่องสิทธิผู้ใช้แรงงาน วันหยุดราชการมีผลต่อข้าราชการ กับผู้ใช้แรงงาน ข้าราชการจะหยุดหรือไม่ ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร เพราะข้าราชการทำงาน 24 ชั่วโมง ที่หยุดเป็นเรื่องดีที่รัฐบาลกรุณาให้ แต่ผู้ใช้แรงงานถือเป็นสิทธิ ที่ 1 ปี ควรจะมีวันหยุดได้กี่วัน เมื่อดึงวันสงกรานต์ออกมาก็ต้องคืนกลับให้ผู้ใช้แรงงาน

    ทั้งหมดขึ้นอยู่กับมติ ครม.หากให้หยุดเชดเชยเกิน 4 วัน ได้ก็ถือว่าได้ แต่เคร่งครัดกัน คือเรื่องของตลาดหุ้นกับธนาคาร ซึ่งเป็นคนละอย่างกัน
    #ยกเลิกพรกฉุกเฉิน #ยกเลิกเคอร์ฟิว #หยุดชดเชย #COVID19 #MISTERBAN #ข่าวอัพเดท #โควิด19

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,500
    ค่าพลัง:
    +97,150
    งานนี้เล่นเอาทรัมป์ควันออกหูนั่งไม่ติดเก้าอี้ เมื่อไม่นานมานี้ที่นครซีแอตเทิล รัฐวอชิงตันของสหรัฐฯ ได้มีกลุ่มผู้ประท้วงเข้ายึดพื้นที่ศาลากลางเมือง และบริเวณใกล้เคียงที่อยู่ในย่านใจกลางเมืองซีแอตเทิลเพื่อเคลื่อนไหวทำกิจกรรมดังกล่าว พร้อมเรียกบริเวณดังกล่าวว่าเป็นเขตปกครองตนเอง (Capitol Hill Autonomous Zone) หรือ Chaz
    .
    โดยกลุ่มผู้ชุมนุมหลายร้อยคนได้รวมตัวกันปิดกั้นพื้นที่เพื่อเคลื่อนไหวทำกิจกรรมต่างกินบริเวณถนนสาย East Precinct กินบริเวณหลายบล็อกใกล้กับศาลาว่าการเมือง และตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พื้นที่นี้ถูกใช้เป็นจุดเคลื่อนไหวกรณีจอร์จ ฟลอยด์มาตลอด กระทั่งผู้ประท้วงเริ่มทำแบร์ริเออร์มาปิดถนนกั้นพื้นที่เพื่อเคลื่อนไหวทำกิจกรรม
    .
    แม้สื่อท้องถิ่นสหรัฐฯ บางสำนักจะรายงานว่า บางพื้นที่สถานการณ์จะแถบไม่พบรายงานเหตุประท้วงรุนแรงแล้ว แต่ก็ยังคงมีรายงานในบางเมืองที่ยังคงมีกลุ่มผู้ชุมนุมรวมตัวอยู่ และหน่วยงานท้องถิ่นยังไม่สามารถเข้าควบคุมสถานการณ์ได้ ด้านนายเจย์ อินสลี ผู้ว่าการรัฐวอชิงตันสังกัดพรรคเดโมแครต และนางเจนนี เดอร์แคน นายกเทศมนตรีเมืองซีแอตเทิลกล่าวว่า ทางการเตรียมดำเนินคดีต่อกลุ่มผู้ประท้วงที่ยึดพื้นที่ดังกล่าวอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมาย
    .
    แต่อย่างไรก็ดีมีรายงานว่าหน่วยงานท้องถิ่นนครซีแอตเทิลได้ถอนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจบางส่วนออกจากพื้นที่แล้ว ซึ่งส่งผลให้ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวตำหนิท้องถิ่นซีแอตเทิลว่ากำลังให้ท้าย "ผู้ก่อการร้ายท้องถิ่น" ยึดครองพื้นที่พร้อมปิดเส้นทางการจราจรในเมืองอย่างผิดกฎหมายอย่างเบ็ดเสร็จ และอาจเตรียมพิจารณาใช้กำลังเจ้าหน้าที่ความมั่นคงเข้ากระชับคืนพื้นที่ดังกล่าวจากผู้ประท้วง
    .
    โดยเรื่องดังกล่าวทางการท้องถิ่นรัฐวอชิงตันไม่เห็นด้วย แต่ทางรัฐวอชิงตันก็ยังคงไม่ชัดเจนเช่นกันว่าจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างไร โดยนายอินสลีผู้ว่าการรัฐ กล่าวถึงประธานาธิบดีทรัมป์ว่า คนที่ไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ ก็ไม่ควรมาก้าวก่ายเรื่องภายในของรัฐวอชิงตัน เช่นเดียวกับนายกเล็กเมืองซีแอตเทิลก็บอกว่า ประชาชนในเมืองมีสิทธิชุมนุมอย่างสงบ การเตรียมขอคืนพื้นที่ของผู้นำสหรัฐนอกจากจะเป็นการรุกรานอำนาจท้องถิ่นแล้ว ยังเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ด้วย
    .
    หลังจากเหตุการณ์นี้ ทำให้ทรัมป์ออกประนามม็อบ ที่ตั้งค่ายปิดถนนยึดกลางเมืองซีแอตเทิลเป็นเขตปกครองตนเอง และมีการขู่ว่าจะใช้กำลังกระชับคืนพื้นที่

    -------------------------------
    แหล่งข่าว

    https://www.opindia.com/2020/06/wel...-raz-simone-donald-trump-domestic-terrorists/

    https://www.nbcnews.com/news/us-new...-zone-after-police-evacuate-precinct-n1230151

    https://www.bbc.co.uk/news/world-us-canada-53017776

    https://www.posttoday.com/world/625859
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Facebook :
    https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

     

แชร์หน้านี้

Loading...