ติดตามสถานะการณ์

อเมริกัน 19 ล้านราย ‘เข้าไม่ถึง Internet’ ต้องใช้เน็ตที่โรงเรียน เพราะที่บ้าน ‘ไม่มี’ ปัญหาที่ อเมริกา ต้องแก้ ในยุค ‘Digital’
.
แม้ว่า เราจะเข้าสู่ยุคดิจิทัล ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาท และทุกคนสามารถเข้าถึงข่าวสาร เรื่องราวทุกมุมโลก ผ่านสื่อออนไลน์ แต่จะมีใครเชื่อว่า มีชาวอเมริกันจำนวนหนึ่งกำลังประสบปัญหาความเร็วและความเสถียรของการใช้งานระบบอินเทอร์เน็ต มันอาจจะดูเป็น เรื่องเล็ก แต่กำลังเป็นเรื่องใหญ่ที่วัยรุ่นอเมริกันเรียกร้องให้ภาครัฐแก้ไข ตามข้อมูลจาก Harris Poll ที่ได้รับการสนับสนุนจาก National 4-H council และ Microsoft
.
ผลสำรวจระบุว่า 21% ของวัยรุ่นอเมริกัน ไม่มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงใช้งานที่บ้าน แต่ต้องไปใช้ที่โรงเรียน หรือตามสถานที่อื่น ที่สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ และมากกว่าครึ่ง ใช้อินเทอร์เน็ตทำการบ้าน และทำโปรเจคส่งอาจารย์ที่โรงเรียน
.
เด็กเหล่านี้มองว่า การไม่มีอินเทอร์เน็ตที่บ้าน เป็นเรื่องใหญ่สำหรับพวกเขาทีเดียว โดยมีผลโดยตรงต่อความมั่นใจในทักษะความสามารถ และการใช้ชีวิตของตนเอง อย่างยิ่งในยุคดิจิทัล และ COVID-19 ที่ดิจิทัลเข้ามามีบทบาท ไม่ว่าจะเรียน และทำงานแบบทางไกล แต่เมื่อไม่มีอินเทอร์เน็ต มันจึงเป็นสิ่งที่ยากลำบากอย่างมาก
.
คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐอเมริกา ประเมินว่า ปัจจุบัน มีชาวอเมริกันในเขตพื้นที่ชนบท 19ล้านคน ที่เข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ทำให้คนเหล่านี้ ไม่สามารถเข้าถึงบริการที่ควรจะได้รับ เช่น บริการข้อมูลสาธารณสุข การทำงาน-การเรียนผ่านระบบทางไกล ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจ Harris Poll
.
การพัฒนาระบบอินเทอร์เน็ตเป็นหนึ่งในสิ่งท้าทายที่อเมริกาควรจะจัดการให้แล้วเสร็จโดยไว เพราะส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ และลดความเหลื่อมล้ำระหว่างสังคมเมืองและชนบท โดย 80% ของวัยรุ่นอเมริกัน เชื่อว่า การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขาได้ ขณะที่ 34% ตัดสินใจย้ายจากบ้านเกิดไปตั้งรกรากและใช้ชีวิตที่อื่น ด้วยเหตุผล ขาดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ซึ่ง สัดส่วนจะสูงขึ้นไปถึง 43% ในกลุ่มที่อาศัยอยู่เขตชนบท
.
อ้างอิงจาก:
https://www.fastcompany.com/9051460...hout-reliable-broadband-are-being-left-behind
#onUFO #American #Teens #BoardBandInternet

 

กรุง #โตเกียว มีผู้ติดเชื้อ #โควิด สูงถึง 47 คนในวันอาทิตย์ที่ 14 มิ.ย. หลังเพิ่งประกาศผ่อนคลายให้กิจการทุกประเภทกลับมาดำเนินการได้ตามปกติเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนทำงานสถานเริงรมย์ยามราตรี
นี่เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 เดือนตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม ที่เมืองหลวงของญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เกิน 40 คน
.
นางยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าการกรุงโตเกียว ระบุว่าสาเหตุที่พบผู้ติดเชื้อใหม่จำนวนมาก เพราะทางการได้เพิ่มการตรวจเชิงรุกในกลุ่มคนทำงานกลางคืน แต่จำนวนผู้ที่ป่วยหนักยังไม่เพิ่มขึ้นมาก และโรงพยาบาลยังสามารถรองรับได้
.
ขณะนี้ ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ในกรุงโตเกียวมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 5,544 คน
ญี่ปุ่นถูกครหาว่า “ซุกผู้ติดเชื้อ” ❗️เพราะตั้งเงื่อนไขการตรวจหาเชื้อโควิด-19 อย่างเข้มงวด เช่น ต้องมีอาการป่วยชัดเจนหลายวัน และต้องขออนุญาตผ่านหน่วยสาธารณสุขในท้องถิ่น ไม่ใช่ว่าต้องการตรวจก็ได้ตรวจ ผู้ที่ตรวจพบเชื้อจึงเป็นกลุ่มที่มีอาการค่อนข้างหนักแล้ว แต่ยังมีกลุ่มคนหนุ่มสาวที่ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการ และไม่ได้รับการตรวจหาเชื้อจำนวนมาก การที่ต้องทำเช่นนี้เพื่อพิทักษ์ระบบการรักษาพยาบาลไม่ให้เต็มล้นไปด้วยผู้ป่วยจนเสี่ยงล่มสลาย.

 

รวมคลิปฮือฮา "พายุงวงช้าง" โผล่หนองหาร ต.ท่าแร่ อ.เมืองสกลนคร ตั้งแต่เริ่มก่อตัวไปจนถึงนาทีหอบน้ำขึ้นฟ้า ไม่ได้หาชมกันง่ายๆ
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline





https://www.thairath.co.th/news/soc...lOkLJrb-_P2DGkM1E7rlfM3YT5-1gnqnPYVaBskQyhTh4

 

สาวเดือด! โวย ปะยางร้านดังนครนายก ขันน็อตล้อไม่แน่น ล้อหลุดหวิดดับยกคัน



กลายเป็นโพสต์ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์หลังผู้ใช้เฟซบุ๊ก Jeab Soraya ออกมาเผยภาพ รถของตนประสบอุบัติเหตุ หลังนำรถเข้าไปปะยางที่ร้านแห่งหนึ่งใน จ.นครนายก แต่ทางร้านขันน็อตล้อไม่แน่น จนทำให้ล้อหลุดออกมาตอนขณะรถวิ่ง ทั้งนี้ผู้โพสต์ได้ระบุข้อความเอาไว้ว่า
ถ้าพี่กับแม่เป็นอะไรไปน่ะเจอแน่!! ปะยางไม่ไขน็อตล้อ!!! สับเพร่าจิงๆร้านดังในนครนายกดังเพราะร้านเคยโดนถล่มมารอบนึงแล้ว จะไม่เอ่ยชื่อน่ะ! ขอไปเคลียร์ก่อน! ลูกน้องที่เป็นป้าผู้หญิงทำ!! รถโดนตะปูเอาตะปูออกมาเมื่อวานแล้วปะ! คิด 300 แต่ไม่ไขน็อต! ประมาทมากแม่และพี่ขับไปล้อหลุด!!! โคตรปรี๊ดแตก #เตือนเป็นอุทาหรณ์เลยแชร์ให้โลกรู้ไปเลย
ซึ่งหลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้ผู้คนพากันเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก และมีบางส่วนออกมาเปิดเผยว่าเคยเจอประสบการณ์ไม่ดีจากการใช้บริการกับร้านนี้ด้วยเช่นกัน
The post สาวเดือด! โวย ปะยางร้านดังนครนายก ขันน็อตล้อไม่แน่น ล้อหลุดหวิดดับยกคัน appeared first on SpringNews.
Source : #Springnews #สปริงนิวส์

https://www.springnews.co.th/social/678873

 

ลืมเล่าให้ฟังน่ะครับเมื่อวานไปเล่าให้คนขาย กริชมังกร กับดาบพญานาคฟังแล้วว่า ถวายของ 2 สิ่งไปแล้ว เขาก็ถามว่าไปถวายที่ไหน ก็บอกว่าถวายพระพุทธเจ้า แต่ไม่ได้บอกว่าใส่พานไปถวายพระบรมสารีริกธาตุ ที่บรรพตภูเขาทอง วัดสระเกซ แต่ที่ไปถวายไม่ใช่เหตุผลที่คนขายเคยบอกไว้ก่อนขายให้ คืออย่าไปให้เจ้าหน้า...(กรมศิลปากร) ที่เห็น เขาจะยึดเอา แต่ผมว่าแทนที่จะไปเก็บในพิพิธภัณฑ์ เอาไปถวายพระพุทธเจ้าดีกว่า ถ้ามีดวงจิตอะไรที่ติดอยู่ก็จะได้ช่วยให้เขาหลุดจากภัณฑนาการ และต่อไปของเหล่านี้ก็เป็นแค่วัตถุสิ่งที่ถูกกักขังไว้จะได้เป็นอิสระ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมหลังจากถวายแล้วผมถึงได้รู้สึกอึดอัด และหายใจยากในบางครั้ง แต่ก็ช่างมันครับ เพราะทำไปแล้ว และต่อไปคงไม่ซื้อพวกวัตถุโบราณมาอีกแล้ว

เมื่อก่อนมีอาวุธโบราณเยอะมาก แต่ก็มีคนแนะนำไว้ว่า ของพวกนี้คนปกติเก็บไว้ไม่ได้ และยิ่งมีเยอะถึงขนาดนี้ แต่กับผมไม่เป็นอะไร แต่ถ้าผมจากไปแล้ว จะให้ใครเป็นคนรักษาต่อ ซึ่งนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่ผมนำไปถวาย

ทำบุญแล้วก็สุขใจ ความทรมานทางกายไม่นานก็หายไป

 

โควิด ได้กินแค่พารา! วอนช่วยนศ.ไทยในอียิปต์ 4 พันคนกลับบ้าน

โควิด – วันที่ 14 มิ.ย. ที่มัสยิดท่าอิฐ ต.ท่าอิฐ อ.เมือง จ.นนทบุรี ญาติและผู้ปกครองคนไทยที่อยู่ในประเทศอียิปต์ เดินทางเข้าพบนายปรีดา เชื้อผู้ดี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล อบต.ท่าอิฐ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นที่ปรึกษานายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี เพื่อยื่นหนังสือขอความช่วยเหลือไปยังรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ให้ช่วยนำคนไทยมุสลิมและไทยพุทธ ที่ยังติดค้างอยู่ในประเทศอียิปต์เดินทางกลับประเทศไทยบ้านเกิด
โดยนายปรีดา ที่ปรึกษาจุฬาราชมนตรี กล่าวว่า เท่าที่มีการตรวจสอบพบว่าขณะนี้ยังมีคนไทยที่เป็นคนไทยมุสลิมและคนไทยพุทธ รวมทั้งนักศึกษาและบุคคลทั่วไป ยังคงติดค้างที่ประเทศอียิปต์กว่า 4,000 คน
ได้รับแจ้งว่ามีคนไทยเป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด 19 จำนวน 38 ราย จากการสอบถามผู้ที่ตกค้างอยู่ในขณะนี้ทราบว่า คนไทยที่ติดเชื้อเข้าไปทำการรักษาที่โรงพยาบาลในประเทศอียิปต์ ก็จะได้รับการดูแลรักษาเพียงแค่ให้ยาพาราเซตามอลมากินเท่านั้นและให้กลับบ้านไปรักษาตัวที่บ้านหรือห้องพักแทน
โดยแพทย์เขาแนะนำว่าหากอยากหายให้เดินทางกลับไปรักษาตัวที่ประเทศไทยจะดีที่สุด เพราะแพทย์ของประเทศไทยมีความสามารถในการรักษา ทำให้คนไทยที่ตกค้างพยายามจะเดินทางกลับประเทศไทย แต่ติดตรงที่สายการบินขากลับนั้นเปิดให้เดินทางกลับได้แค่เที่ยวละ 200 คนต่อเดือนเท่านั้น ถ้าเป็นแบบนี้จะต้องใช้เวลานานกว่า 8 เดือนถึงจะเดินทางกลับได้หมด ทำให้มีคนไทยติดค้างอยู่ที่นี่ถึง 4,000 คน
4 กระทรวง ชงแผน “เที่ยวคู่ประเทศ” เข้า ศบค. ฟื้นเศรษฐกิจ หลังโควิด
ที่ปรึกษาจุฬาราชมนตรี กล่าวว่า อยากขอให้ทางรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือให้การเพิ่มเที่ยวบิน ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทางกลับประเทศนั้น ทางผู้ปกครองและญาติๆ จะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ขอให้ได้เดินทางกลับบ้านได้ทันเวลาก็พอแล้ว
หลังจากที่ตนได้รับหนังสือร้องขอความช่วยเหลือแล้ว จะนำหนังสือยื่นผ่านไปยังสำนักจุฬาราชมนตรี เพื่อประสานไปยังรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอให้ช่วยเร่งดำเนินการในเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด
The post โควิด ได้กินแค่พารา! วอนช่วยนศ.ไทยในอียิปต์ 4 พันคนกลับบ้าน appeared first on ข่าวสด.
Source : #Khaosod #KhaosodOnline #ข่าวสด

 

ครม.อนุมติแล้ว 7 พันล้านมอบกระทรวงวัฒนธรรมปั้น 9 โครงการฟื้นเศรษฐกิจท้องถิ่น

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีความเห็นชอบให้เร่งนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสังคมประเทศในด้านต่างๆ ทั้งนี้หวังเพื่อเป็นการฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจ รวมถึงสังคม ภายหลังผ่านพ้นวิกฤติไวรัสโควิด-19 โดยกระทรวงวัฒนธรรมมีหน้าที่จัดทำแผน และโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ สังคม ในมุมมองของวัฒนธรรมให้ประชาชนสามารถสร้างรายได้ ประกอบอาชีพในท้องถื่น ภายใต้วงเงิน 7 พันล้านบาท ซึ่งภายหลังการจัดทำแผน และโครงการเสร็จ จะนำเสนอไปยังคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้พิจารณาต่อดังนี้
แผนงานหรือโครงการลงทุนและกิจกรรมการพัฒนาที่สามารถพลิกฟื้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เพิ่มศักยภาพ และยกระดับการค้า การผลิต และการบริการ ในสาขาเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศครอบคลุมภาคการเกษตร อุตสาหกรรม การค้าการลงทุน ท่องเที่ยว และบริการ 9 โครงการ ได้แก่ โครงการเปิดพื้นที่อุทยานวัฒนธรรมส่งเสริมมรดกภูมิปัญญาเชิงสร้างสรรค์ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ไทยในเวทีโลก, โครงการผลิตภาพยนตร์และวีดีทัศน์เพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวิดิทัศน์, โครงการพัฒนาศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวและเส้นทางท่องเที่ยวทางประวัติศาสตรและวัฒนธรรม
โครงการพัฒนาอัตลักษณ์เมืองวัฒนธรรมต้นแบบ เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจและความเข้มแข็งของชุมชนอย่างยั่งยืน , โครงการส่งเสริมพัฒนาผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทยสู่สากล , โครงการมาตรฐาน “สำรับไทย” จากภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมสู่ครัวโลก , โครงการส่งเสริมความภูมิใจในความเป็นไทยและพัฒนาทักษะชีวิตใหม่, โครงการมหกรรมผ้าไหม “ไหมไทยสู่เส้นทางโลก”, โครงการส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืนด้วย “บวรวัฒนธรรมโมเดล”
แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชน ผ่านการดำเนินโครงการหรือกิจกรรม เพื่อสร้างงานสร้างอาชีพ โดยการส่งเสริมตลาดสำหรับผลิต และผลิตภัณฑ์ของธุรกิจชุมชนที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว หรือภาคบริการอื่นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในชุมชน การจัดหาปัจจัยการผลิตและสิ่งอำนวยความสะดวก ที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและชุมชน
รวมถึงการสร้างความเข้า ถึงช่องทางการตลาดพร้อมทั้งยกระดับมาตรฐาน คุณภาพ และมูลค่าเพิ่มของสินค้า และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและชุมชน ที่ได้วางกรอบการดำเนินงานไว้หกด้านเพื่อให้หน่วยงานในส่วนภูมิภาคของกระทรวงวัฒนธรรมจัดทำโครงการ คือ พัฒนาศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวและเส้นทางท่องเที่ยวทางประวัติศาสตรและวัฒนธรรม, ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนด้วยมิติทางวัฒนธรรม , พัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม
ส่งเสริมเทศกาลประเพณี และกิจกรรมทางวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว , ส่งเสริมความภาคภูมิใจในความเป็นไทยและพัฒนาทักษะวิถีชีวิตใหม่, ส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ทางวัฒนธรรม
โดยโครงการเหล่านี้จะต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารงานจังหวัดบูรณาการ (ก.บ.จ.) และความเห็นชอบของผู้ว่าราชการจังหวัด ก่อนที่จะส่งไปยังสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
The post ครม.อนุมติแล้ว 7 พันล้านมอบกระทรวงวัฒนธรรมปั้น 9 โครงการฟื้นเศรษฐกิจท้องถิ่น appeared first on SpringNews.
Source : #Springnews #สปริงนิวส์

 

ส.ส.พรรคก้าวไกล ซัดรัฐบาลหาข้ออ้างจัดเลือดตั้งท้องถิ่นช้าจ่อเชิญ นายกฯ ชี้แจง

นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ได้มีการโพสต์เฟซบุ๊กระบุถึงกรณีรัฐบาลแจงเหตุยังไม่สามารถจัดสรรงบประมาณลงไปเลือกตั้งท้องถิ่นได้ว่า
คุณวิษณุพูดออกมาได้อย่างไร ว่างบเลือกตั้งท้องถิ่นไม่มี เพราะถูกดึงไปใช้เรื่องโควิด
.
การเลือกตั้งท้องถิ่นคือสิทธิของประชาชนที่ถูกพรากไปอย่างหน้าละอายที่สุด ตลอดช่วงคสช.ก็ไม่ยอมให้มีการเลือกตั้ง ทั้งที่ผู้บริหารติดคดีความ สภาวะเกียร์ว่างในหลายอปท. ผู้บริหารหลายคนอยู่ในสภาพ “เสือนอนกิน” กินงบประมาณปีละหลายร้อยล้านโดยประชาชนไม่ได้ประโยชน์ ไม่มีผลงาน จังหวัดหยุดพัฒนามาเป็นเวลานาน
.
ข้อสงสัยของผมก็ตือ การเมืองท้องถิ่นคือเครื่องมือรักษาฐานอำนาจของคสช.เอาไว้ สจ.หลายคนก็กลายเป็นส.ส.ในสังกัดพรรรคพลังประชารัฐ และยกมือให้คุณประยุทธ์เป็นนายก (ชาวพิษณุโลกเห็นกระบวนการแบบนี้ไหมครับ)
.
ผมในฐานะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง เราติดตามเรื่องเลือกตั้งท้องถิ่นตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ข้ออ้างเรื่องงบประมาณ ระเบียบเลือกตั้ง ทะเบียนราษฎร การแบ่งเขตเลือกตั้ง ปัจจัยเหล่านี้ทั้งหมดได้รับการเตรียมพร้อมแล้ว การอ้างว่ากกต. และมหาดไทยไม่พร้อม ฟังไม่ขึ้นครับ
.
ส่วนงบประมาณ ที่อ้างว่าถูกนำไปใช้เรื่องโควิดจนหมด ผมมองไม่ออกเลยว่าจะเป็นไปได้อย่างไร ถ้าไม่ถูกแร้งทึ้ง กินงบไปหมด เพราะประชาชนได้การเยียวยาก็ไม่พอ อุปกรณ์ทางการแพทย์ก็ต้องขอบริจาค งบกลาง งบภัยพิบัติ รัฐบาลมีแต่บอกว่าไม่มี ต้องขอกู้ๆๆๆๆ
.
ส.ส
.
งบหายไปไหนหมด ประชาชนต้องช่วยกันถาม ช่วยกันส่งเสียง และถุ้ามีการกู้เงิน โอนงบจำนวนกว่า 1.99 ล้านล้านบาท งบประมาณปี 64 ที่จะออกมาอีก 3 ล้านล้านบาท งบประมาณเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานาครและสมาชิกสภากรุงเทพใช้เพียง 270 ล้านเท่านั้น แลกมากับการได้ผู้บริหารจากประชาชนไปบริหารงบประมาณกทม.มหาศาล ทำไมจะไม่มี
.
หรือต้องให้ประชาชนบริจาคงบประมาณเลือกตั้งท้องถิ่นครับ น่าอับอายจริงๆ
.
เรายอมไม่ได้แล้วครับ วันพุธนี้ กมธ.พัฒนาการเมืองเชิญนายกรัฐมนตรีมาชี้แจงเรื่องของการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ล่าช้า ประชาชนช่วยกันติดตาม ตรวจสอบ และส่งเสียงนะครับ
The post ส.ส.พรรคก้าวไกล ซัดรัฐบาลหาข้ออ้างจัดเลือดตั้งท้องถิ่นช้าจ่อเชิญ นายกฯ ชี้แจง appeared first on SpringNews.
Source : #Springnews #สปริงนิวส์

 

‘โฆษก กทม.’ โพสต์ให้คำแนะวิธีดู ‘ร้านอาหาร’ ไหนเล่นดนตรีได้-ไม่ได้

วันที่ 14 มิ.ย.63 ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เอิร์ธ พงศกร ขวัญเมือง – Earth Pongsakorn Kwanmuang ชี้แจงเกี่ยวกับมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 4 ในสถานการณ์โควิด 19 ของ กทม.ในส่วนของร้านอาหารที่หลายคนยังมีข้อสงสัยว่า ร้านอาหารประเภทใดเล่น-แสดงดนตรีได้หรือไม่ได้
กรุงเทพมหานคร เตรียมพร้อมมาตรการผ่อนปรนกิจการ และกิจกรรม ฟากร้านอาหารห้ามขายแอลกฮอล์เกินเที่ยงคืน ไร้ดนตรีสด
ร้านอาหารไหนเล่น แสดงดนตรีได้ อันไหนไม่ได้
ในการผ่อนปรน เฟส 4 นี้มีหนึ่งสถานที่ที่ทำให้คนสงสัยว่า ร้านอาหารไหนเล่นดนตรีได้ ร้านแบบไหนเล่นไม่ได้ วิธีดูคือ
1.ร้านของท่านจดทะเบียนเป็นร้านอาหารและขออนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ประเภทแสดงดนตรีไหม?
2.ใบอนุญาตนี้คือสิ่งที่ต้องมีหากท่านต้องการเปิดร้านอาหารที่มีการแสดงดนตรี
3.การดำเนินการจะต้องไม่เข้าข่ายเป็น “สถานบริการ” ตาม พ.ร.บ. สถานบริการ พ.ศ. 2509 หรือเป็นสถานประกอบการที่คล้ายสถานบริการ
ซึ่งหากท่านทำการจดทะเบียนและขออนุญาตถูกต้อง อีกทั้งไม่เข้าค่ายเป็นสถานบริการหรือสถานประกอบการที่คล้ายสถานบริการ ก็สามารถทำการแสดงดนตรีได้ครับ แต่อย่าลืม เว้นระยะห่าง และต้องทำตามมาตรการอื่นๆอย่างเคร่งครัด
The post ‘โฆษก กทม.’ โพสต์ให้คำแนะวิธีดู ‘ร้านอาหาร’ ไหนเล่นดนตรีได้-ไม่ได้ appeared first on SpringNews.
Source : #Springnews #สปริงนิวส์

 

คนไทยในอียิปต์ ติดโควิด 38 ราย หมอให้ยาพาราฯกิน ชีวิตสุดลำบาก อยากกลับบ้าน
สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศอียิปต์ ล่าสุดขณะนี้มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 42,980 ราย เสียชีวิต 1,484 ศพ โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร รายงานว่า มีคนไทยติดเชื้อ 38 ราย
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

ส่วนการเปิดสนามบินสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศนั้น ทางสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ ยังไม่กำหนดอย่างเป็นทางการ และระหว่างนี้ทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร กำลังจัดเตรียมเที่ยวบินพิเศษเพิ่มเติมเส้นทางกรุงไคโร – กรุงเทพฯ และเส้นทางกรุงคาร์ทูม-กรุงเทพ โดยจะประกาศรายละเอียดเกี่ยวกับเที่ยวบินและการลงทะเบียนในเร็วๆ นี้

“ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์” พูดคุยกับนายปรีดา เชื้อผู้ดี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าอิฐ จ.นนทบุรี ในฐานะที่ปรึกษาจุฬาราชมนตรี เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาครอบครัวของคนไทยในประเทศอียิปต์ได้เดินทางมาขอความช่วยเหลือให้ช่วยประสานรัฐบาลไทย และกระทรวงการต่างประเทศ ให้นำลูกหลานที่เป็นคนไทยมุสลิมและไทยพุทธ ที่ยังติดค้างอยู่ในประเทศอียิปต์ ประมาณ 3,500 คน เดินทางกลับประเทศไทยโดยเร็ว หนึ่งในนั้นมีหลานสาววัย 27 ปีของเขา ซึ่งป่วยไทรอยด์ มีความเป็นอยู่อย่างยากลำบาก ท่ามกลางการแพร่ระบาดอย่างหนักของเชื้อไวรัสโควิด-19 และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไทยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 37 ราย ในกรุงไคโร ในจำนวนนี้มีนักศึกษาไทยติดเชื้อ 27 ราย และคนงานติดเชื้อ 10 ราย ซึ่งผู้ป่วยคนไทยทุกคนไม่ได้รับการรักษาในโรงพยาบาล จึงต้องการกลับมารักษาในเมืองไทย

“ขณะนี้โรงพยาบาลในกรุงไคโร ไม่สามารถรับผู้ป่วยได้ เฉพาะคนในประเทศของเขาก็เต็มไปหมด จนเตียงไม่เพียงพอ ผู้ป่วยล้นต้องกางเต็นท์ออกมานอนรักษารอบๆ โรงพยาบาล ผู้ป่วยบางคนล้มเสียชีวิตไปต่อหน้าต่อตา เป็นที่น่าหดหู่มาก และหมอที่กรุงไคโรยังบอกว่าความสามารถในการรักษาไม่เท่ากับหมอคนไทย จึงอยากให้ผู้ป่วยคนไทยกลับไทยไปรักษาตัว ทำให้คนไทยที่ติดเชื้อทั้ง 37 ราย ต้องรักษาตัวกันเองในที่พัก มีเพียงยาพาราเซตามอลให้กินเท่านั้น โดยนักศึกษาไทยที่ติดเชื้อ 13 ราย อาศัยในหอพักของมหาวิทยาลัย ส่วนที่เหลืออีก 14 ราย เช่าหอพักข้างนอกอยู่รวมกับนักศึกษาที่ไม่ป่วย จำเป็นต้องอาศัยด้วยกันแบบตามมีตามเกิด เพราะครอบครัวไม่ได้มีฐานะร่ำรวย และทางสถานทูตให้การช่วยเหลือด้วยการส่งถุงยังชีพมาให้ตามอัตภาพ”

ที่ปรึกษาจุฬาราชมนตรี ยังระบุว่า นักศึกษาไทยในอียิปต์อยู่ด้วยความเครียดกังวล บางคนร้องไห้ อยากให้รัฐบาลไทยเพิ่มเที่ยวบินพากลับไทย จากเดิมเดือนละ 1 เที่ยวบิน รองรับผู้โดยสารได้ 200 กว่าคน เพิ่มเป็น 2 เที่ยวบิน เนื่องจากก่อนหน้านั้นเพิ่งมีเที่ยวบินพาคนไทยกลับไทยได้น้อย นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดเพียง 2 เที่ยวบินเท่านั้น และที่ผ่านมาทางจุฬาราชมนตรีได้ประสานไปยังรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีความคืบหน้าใดๆ จึงอยากขอร้องอีกครั้งให้ช่วยเหลือคนไทยด้วยกัน ส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาอยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งทุกคนพร้อมจะออกค่าตั๋วเดินทางกันเอง เพื่อจะได้กลับไทยโดยเร็ว เพราะขณะนี้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ท่ามกลางพลเมืองในอียิปต์ที่ไม่สนใจการสวมหน้ากากอนามัยในการป้องกันโรคแต่อย่างใด.

 

ช็อก สโลวาเกีย ศิษย์เก่าบุกรร.ประถม แทงครูดับ-เจ็บอีกหลายราย
เกิดเหตุคนร้ายบุกใช้มีดทำร้ายผู้คนในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งของสโลวาเกีย ทำให้รองครูใหญ่เสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บอีกหลายรายรวมทั้งเด็กนักเรียนด้วย
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

 

ผลชันสูตรยันหนุ่มผิวสีถูกฆาตกรรมหลัง ตร.แอตแลนตา ยิง 2 นัดเข้าที่หลัง



จนท.ชันสูตรของนิติเวช เขตฟูลตัน เคาน์ตี รายงานว่า เรย์ชาร์ด บรูคส์ หนุ่มอเมริกันผิวสีถูกฆาตกรรมจากการยิง 2 นัด กระสุนเข้าอวัยวะสำคัญทำให้เสียเลือดมาก อัยการจ่อยื่นฟ้องตำรวจที่ยิงวันพุธนี้
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

https://www.thairath.co.th/news/for...qE9RBmYFXFqnhy6CB-06mrqDDWMM41LoV3kyyFoBwXB6I

 

โสมใต้ถกฉุกเฉินโสมเหนือขู่ใช้กำลังทหาร



นายชุง อวี-ยอง ผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติเกาหลีใต้ จัดประชุมฉุกเฉินทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับเหล่ารัฐมนตรีด้านความมั่นคงและนายพลระดับสูงของกองทัพ เพื่อหารือสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

https://www.thairath.co.th/news/for...WGPyYc62LRZjlXRIjq_LY5k_gQAYQU1MDWID6gj-FB-fk

 

อิหร่านชี้ "ทรัมป์" ชนะเลือกตั้ง



โมฮัมหมัด จาวาด ซาริฟ รมว.ต่างประเทศอิหร่าน ขอทำนายว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ มีโอกาสชนะการเลือกตั้งสมัยที่ 2 สูงมากกว่า 50% แม้คะแนนนิยมลดลงมากเมื่อเทียบกับ 4-5 เดือนก่อน
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

https://www.thairath.co.th/news/for...Ms9VB9V15Yn6nM_ARM3NGx6wiLK4hQqk07ldU1d0z1oGI

 

อุดช่องโหว่กฎหมายอี-เซอร์วิส



กรมสรรพากร ลงนามบริหารภาษีระหว่างประเทศ ร่วมกับ 160 ประเทศทั่วโลก อุดช่องโหว่กฎหมายอี–เซอร์วิส ที่จะมีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จากค่าใช้บริการบนแพลตฟอร์มดิจิทัล
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

รมสรรพากร ลงนามบริหารภาษีระหว่างประเทศ ร่วมกับ 160 ประเทศทั่วโลก อุดช่องโหว่กฎหมายอี–เซอร์วิส ที่จะมีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จากค่าใช้บริการบนแพลตฟอร์มดิจิทัลบริษัทต่างชาติ ขณะที่เตรียมลดอัตราภาษีหัก ณ ที่จ่าย ที่จ่ายผ่าน e–Withholding Tax เหลือ 2% ตั้งแต่ 1 ต.ค.63 เป็นต้นไป

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรได้ร่วมลงนามสนธิสัญญาภาคีสมาชิกเพื่อร่วมบริหารภาษีระหว่างประเทศ (Mutual assistant on tax administration) กับ 160 ประเทศทั่วโลก อาทิ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรเลีย เป็นต้น เพื่อให้กรมสรรพากรแต่ละประเทศส่งข้อมูลบริษัทจดทะเบียนในประเทศตนเองมาให้กรมสรรพากร เพื่อนำมาประเมินภาษีที่ต้องจัดเก็บหากมีบริษัทต่างชาติเปิดให้บริการแพลตฟอร์มในไทย

ทั้งนี้ การใช้วิธีนี้จะเป็นการอุดช่องโหว่ ในการบังคับใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดเก็บภาษีอี-เซอร์วิส หรือการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จากค่าบริการบนแพลตฟอร์มดิจิทัลจากต่างประเทศ ที่ไม่มีบริษัทลูกในประเทศไทย ที่มีรายได้จากค่าบริการตั้งแต่ 1.8 ล้านบาทต่อปีขึ้นไป จะต้องยื่นจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในไทย เพื่อเสียแวตในอัตรา 7% จากรายได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบังคับใช้ โดยปัจจุบันแต่ละปีเม็ดเงินที่ผู้ประกอบการไทย จ่ายค่าใช้บริการบนแพลตฟอร์มดิจิทัลให้บริษัทต่างชาติราว 40,000 ล้านบาทต่อปี โดยที่เจ้าของแพลตฟอร์มเหล่านี้ไม่ได้มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในไทย ดังนั้นกฎหมายอี-เซอร์วิส จะสร้างความเป็นธรรมให้ผู้ประกอบการในประเทศมากขึ้น และทำให้สรรพากรมีรายได้จากภาษีแวตมากกว่าปีละ 3,000 ล้านบาท

“ก่อนจะเข้า ครม.คณะกรรมการกฤษฎีกาได้แนะนำกรมสรรพากรว่า หากกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้ และถ้าบริษัทดิจิทัลต่างชาติไม่ยอมทำตามกฎหมายที่รัฐบาลออกมาจะทำอย่างไร และจะใช้อำนาจอะไรไปบังคับจัดเก็บภาษี เพราะหลายประเทศแม้จะออกกฎหมายมาแต่ในทางปฏิบัติ ไม่สามารถจัดเก็บภาษีจากบริษัทต่างชาติได้ทั้งหมด ดังนั้นกรมจึงได้ไปหารือกับประเทศที่มีการจัดเก็บภาษีจากผู้ให้บริการต่างประเทศ และกลุ่มองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) ซึ่งหลายประเทศออกกฎหมายใหม่มาใช้ในการจัดเก็บภาษีจากบริษัทเหล่านี้ ซึ่งกรมสรรพากรเห็นว่าเป็นวิธีที่ดี จึงมีการลงนามเพื่อบริหารภาษีระหว่างประเทศร่วมกัน”

นายเอกนิติ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้กรมสรรพากรเตรียมจะออกประกาศกรมสรรพากร ลดอัตราภาษีหัก ณ ที่จ่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Withholding Tax) จากเดิมอยู่ที่อัตรา 3% เหลือ 2% ระหว่างวันที่ 1 ต.ค.63-31 ธ.ค.64 โดยจะให้ธนาคารพาณิชย์ เป็นตัวกลางในการหักภาษี ณ ที่จ่าย ผ่านระบบ e-Withholding Tax ทำให้ผู้ใช้บริการ ไม่ต้องเก็บหนังสือรับรองหักภาษี ณ ที่จ่ายในรูปแบบกระดาษอีกต่อไป เพราะธนาคารจะเป็นผู้ส่งข้อมูลให้กับกรมสรรพากรโดยตรง

ทั้งนี้ การหักภาษี ณ ที่จ่ายด้วยวิธีนี้ ยังช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนและบริษัทต่างๆ เพราะไม่ต้องกังวลว่าจะเก็บหลักฐานการเสียภาษีไม่ครบ ซึ่งจะส่งผลต่อการคำนวณภาษีได้ เพราะข้อมูลจะถูกบันทึกอยู่ในระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกรมสรรพากรสามารถตรวจสอบข้อมูลที่ธนาคารส่งผ่านระบบมาได้ตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้กระบวนการคำนวณภาษีและการจ่ายภาษีคืนรวดเร็วขึ้น

“วิธีนี้จะช่วยลดต้นทุนค่ากระดาษที่ต้องปรินต์จำนวนมาก จากเดิมหากไปใช้บริการการเงินที่ธนาคาร จะมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ ซึ่งธนาคารจะต้องปรินต์ใบหักภาษี ณ ที่จ่ายมาให้ผู้ใช้บริการเก็บไว้ เพื่อนำไปยื่นกรมสรรพากรตรวจสอบภาษีช่วงท้ายปี ซึ่งประชาชนบางรายอาจทำหาย หรือบางรายเมื่อถึงเวลาชำระภาษี อาจจะลืมว่ามีใบภาษีหัก ณ ที่จ่ายอยู่เพราะได้รับตั้งแต่ต้นปี ทำให้เกิดความยุ่งยากในการยื่นเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล และยังทำให้การจ่ายคืนภาษีล่าช้า”

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลผ่านระบบออนไลน์แล้วกว่า 90% เหลืออีก 10% ที่ยังส่งแบบชำระภาษีรูปแบบเดิม โดยปีนี้กรมสรรพากรคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไปแล้ว 2.8 ล้านราย คิดเป็น 95% ของจำนวนผู้ที่ขอคืนภาษี 2.91 ล้านราย หรือคิดเป็นวงเงิน 30,000 ล้านบาท ส่วนนิติบุคคลกรมสรรพากรคืนภาษีไปแล้วกว่า 28,000 ล้านบาท.


https://www.thairath.co.th/news/bus...txFp4ZN9f2hQxABNKsX5xxk0U01GeWqZz0Ep00X30QxJE

 

ร่วมด้วยช่วยป้องกัน



มันเหลือเชื่อจริงๆ ประชากรโลกหกพันล้านคน เป็นเหยื่อไวรัสโควิดไปแล้วกว่าเจ็ดล้านคนเสียชีวิตเพราะโดนโควิด กินปอดไปแล้วกว่าสี่แสนคน เท่ากับคนติดเชื้อโควิดทุก 100 คน ต้องเสียชีวิต 5 คน
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

เท่ากับคนติดเชื้อโควิดทุก 100 คน ต้องเสียชีวิต 5 คน

เหลือเชื่อยิ่งกว่านั้น ทุกหนึ่งวันทั่วโลกมีผู้ติดโควิดเพิ่มกว่าหนึ่งแสนคน

เท่ากับ 10 วัน จะมีคนติดโควิดเพิ่มหนึ่งล้านคน

“แม่ลูกจันทร์” ทบทวนไทม์ไลน์คนไทยในเมืองไทยติดโควิดรายแรกเมื่อวันที่ 15 มกราคม

นับถึงวันนี้ โควิดแพร่ระบาดในเมืองไทยครบ 5 เดือนเต็ม

ตอนโควิดเริ่มระบาดที่อู่ฮั่นผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศระบุว่า กรุงเทพฯเป็น “จุดเสี่ยงสูงที่สุด” ตามด้วยฮ่องกง ไทเป โซล และโตเกียว

คณะหมอใหญ่คาดว่า หากเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่มีรายงานพบผู้ป่วยโควิดในเมืองไทยเกิน 100 ราย

ถ้ายังไม่มีมาตรการรับมือภายในหนึ่งเดือน เราอาจจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นนับแสนคน

จะมีผู้ป่วยนอนโรงพยาบาลห้าหมื่นคน และเสียชีวิตเจ็ดพันคน

แต่ถ้ามีมาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มแข็ง จะมีผู้ติดเชื้อสองหมื่นคน มีผู้ป่วยนอนโรงพยาบาลสามพันคน และเสียชีวิตสี่ร้อยคน

“แม่ลูกจันทร์” โล่งใจที่วันนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อโควิดเพียงสามพันกว่าราย และมีผู้เสียชีวิตไม่ถึงหกสิบคน

น้อยกว่าที่ประเมินไว้หลายเท่าตัว

แสดงว่ามาตรการล็อกดาวน์ “อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ” ป้องกันโควิดระบาดได้ชะงัดนักแล

แต่วันนี้ (15 มิ.ย.) มาตรการเคอร์ฟิวซึ่งเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน จะถูกยกเลิกไป พร้อมกับการคลายล็อกเฟส 4 เปิดโอกาสให้คนไทยกลับมาใช้ชีวิตปกติ (อย่างเดิม)

ยังเหลือรอคิวปลดล็อกรอบสุดท้ายอีกเพียง 3 มาตรการ

1. มาตรการห้ามคนไทยเดินทางไปต่างประเทศ และห้ามคนต่างประเทศเดินทางเข้าประเทศไทย

2. มาตรการปิดสนามมวย สนามม้า สนามชนโค สนามชนไก่

3. มาตรการปิดสถานอาบอบนวด โรงนํ้าชา ไนต์คลับ ผับบาร์ คาราโอเกะ โรงเบียร์

คาดว่าจะคลายล็อกพร้อมกันต้นเดือนกรกฎาคม

“แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่าการคลายล็อกเฟส 1 เฟส 2 เฟส 3 ที่ผ่านไปไม่มีอะไรน่ากังวล

เพราะไม่มีผู้ติดโควิดในเมืองไทย

มีแต่คนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศและถูกกักตัว 14 วัน ที่ติดเชื้อโควิดกลับมาด้วยวันละ 3 คน 5 คน

แต่...การคลายล็อกเฟส 4 และยกเลิกเคอร์ฟิว เท่ากับปลดล็อกให้มีการมั่วสุมชุมนุมกันโดยไม่จำกัดเวลา ปลดล็อกให้สังสรรค์ดื่มกินได้อย่างสะดวกโยธิน

อาจเปิดช่องให้โควิดกลับมาแผลงฤทธิ์รอบ 2 ได้นะโยม

“แม่ลูกจันทร์” ยํ้าว่าเมืองไทยป้องกันโควิดอยู่หมัด เพราะ “หน้ากากอนามัย” เป็นโล่ป้องกันอย่างดี

ยิ่งปลดล็อก คนไทยยิ่งจำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัย

ลืมใส่กางเกงในไม่เป็นไร อย่าลืมใส่หน้ากากอนามัยก็แล้วกัน.

"แม่ลูกจันทร์"


https://www.thairath.co.th/news/loc...xkHmGN6gp9K9amV1DWH-hUFmczvDNCYMTap1Kw5zskp_k

 

#มอร์มูฟเป็นข่าว ถ้าไม่นับประเทศหมู่เกาะ-ไทยเลวร้ายสุด!!! ล่าสุด ธนาคารโลก ประเมินว่า GDP ทั้งปีของภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกจะลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 0.5 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2510 สะท้อนให้เห็นผลกระทบอย่างชัดเจนจากมาตรการล็อกดาวน์ที่ใช้ต่อสู้กับโรคระบาด COVID-19 ประกอบกับตลาดการเงินที่ฝืดเคืองและอัตราการส่งออกที่ลดลง ทั้งนี้ แม้จะมีความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้า แต่ธนาคารโลกประเมินว่า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจจะกลับมาในระดับร้อยละ 6.6 ในปี 2564 เมื่อภาวะโรคระบาดหมดไป อุปสงค์จะฟื้นตัวและระบบการเงินกลับเข้าสู่สภาพปกติอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงเรื่องโรคระบาดที่อาจอยู่ยาวนานกว่าที่คาดไว้ยังคงเป็นไปได้ ซึ่งจะส่งผลเสียโดยตรงต่อระบบการเงินที่ตึงตัวต่อเนื่อง รวมไปถึงการค้าโลกที่จะได้รับผลกระทบต่อเนื่องทั้งจาก COVID-19 และความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน

เมื่อเทียบ GDP รายประเทศในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก พบว่า หมู่เกาะโซโลมอนมีตัวเลขคาดการณ์ GDP ติดลบมากที่สุดที่ร้อยละ 6.7 ตามมาด้วยไทยที่ติดลบร้อยละ 5 ซึ่งธนาคารโลกชี้ว่า มาจากมาตรการล็อกดาวน์และการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวเป็นหลัก อนึ่ง สำหรับประเทศที่ยังมี GDP ในแดนบวกได้แก่ เวียดนามที่ร้อยละ 2.8 เมียนมาที่ร้อยละ 1.5 ลาวกับจีนที่ร้อยละ 1 และอินโดนีเซียที่ทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ 0 โดยรายงานชี้ว่า ทุกประเทศในภูมิภาคนี้จะมี GDP กลับขึ้นมาเป็นบวกในปี 2564 ยกเว้นแค่หมู่เกาะโซโลมอนเท่านั้นที่จะยังติดลบในสัดส่วนร้อยละ 0.3.
--------------------------------------------
Source : https://www.voicetv.co.th/read/FxByILOda?fbclid=IwAR1C2ZGpLvRfP-DvIqyChVYzvSt-eneifT-4KQ00xcxEp0BtrWTlMu23A2A

 

#มอร์มูฟเป็นข่าว ต่อสู้กับการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ!!! ล่าสุด ทวิตเตอร์ เผยว่า ได้ลบบัญชีผู้ใช้งานกว่า 170,000 บัญชีที่มีความเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการโฆษณาชวนเชื่อเผยแพร่ข้อมูลที่มีเนื้อหาที่เอื้อประโยชน์และสนับสนุนประเทศจีน โดยทวิตเตอร์ระบุว่า บัญชีที่เคลื่อนไหวในลักษณะของปฏิบัติการด้านข่าวสารเหล่านี้จะเผยแพร่ข้อความเท็จเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 รวมทั้งสถานการณ์การเมืองในฮ่องกง โดยบัญชีที่ถูกลบครั้งนี้แบ่งเป็น 'เครือข่ายหลัก' ที่มีความเคลื่อนไหวสูง จำนวน 23,750 บัญชี และ 'บัญชีที่คอยขยายความ' หรือเผยแพร่เนื้อหาจากบัญชีหลักอีกจำนวน 150,000 บัญชี
** "โดยทั่วไป เครือข่ายนี้เป็นการเคลื่อนไหวเพื่อชักจูงใจและทำงานสอดประสานกัน โดยเป็นการทวีตข้อความด้วยภาษาจีนเป็นหลัก และเผยแพร่ข้อมูลด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เอื้อประโยชน์ต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน ขณะเดียวกันก็เผยแพร่ข้อความเท็จเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเมืองในฮ่องกง" ทวิตเตอร์ ระบุ
ทวิตเตอร์ยังชี้ว่า เครือข่ายจีนเหล่านี้ซึ่งมีฐานปฏิบัติการอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีนมีความเชื่อมโยงกับปฏิบัติการที่รัฐบาลจีนให้การสนับสนุน ซึ่งบริษัทฯได้เคยเปิดโปงและระงับการใช้งานไปพร้อมผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่อย่างเฟซบุ๊กและยูทูบเมื่อปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม นอกจากเครือข่ายในจีนแล้ว ทวิตเตอร์ยังตรวจพบและได้ปิดเครือข่ายบัญชีจำนวน 1,152 บัญชีที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการโฆษณาชวนเชื่อที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลรัสเซีย ซึ่งมีการเผยแพร่ข้อความสนับสนุนพรรคยูไนเต็ด รัสเซีย ของ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน รวมทั้งข้อความโจมตีกลุ่มผู้เห็นต่างทางการเมือง.
-------------------------------------------------------
อ่านต่อ : https://www.bbc.com/thai/international-53024173?at_custom2=facebook_page&at_custom4=5BBCDB64-ACA0-11EA-9C11-CB0CFDA12A29&at_campaign=64&at_custom3=BBC+Thai&at_medium=custom7&at_custom1=%5Bpost+type%5D&fbclid=IwAR2aFYvCe8xRAVEic9vZlGyZrj4nKiSihQOzacjmoDK-6BbOAhKUi6_nDAg

 

#มอร์มูฟเป็นข่าว ดิ่งเหวแบบฉุดไม่อยู่!!! รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ประจำปี 2563 จาก ธนาคารโลก ชี้-อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ในปีนี้จะหดตัวติดลบร้อยละ 5.2 ซึ่งเป็นภาวะถดถอยที่รุนแรงที่สุดนับตั้งสงครามโลกครั้งที่สอง นอกจากนี้ ตัวเลขรายได้ประชาชาติหรือรายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรยังต่ำที่สุดในรอบ 150 ปี

กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งปีนี้จะลดลงราวร้อยละ 7 เนื่องจากฝั่งอุปสงค์ อุปทาน สายพานการผลิต การค้า และระบบการเงินถูกแทรกแซงจากวิกฤตโรคระบาด COVID-19 เป็นหลัก กลุ่มตลาดเกิดใหม่และประเทศที่กำลังพัฒนา (EMDEs) อาจต้องเผชิญหน้ากับการหดตัวของ GDP ถึงร้อยละ 2.5 ในปีนี้ หลังประเทศในกลุ่มนี้เติบโตต่อเนื่องตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ส่วนตัวเลขคาดการณ์รายได้ประชาชาติของกลุ่มประเทศ EMDEs จะตกลงราวร้อยละ 3.6 ซึ่งจะส่งผลร้ายซ้ำเติมให้ประชาชนหลายล้านคนในประเทศเหล่านี้ตกอยู่ภายใต้ภาวะ ‘ความยากจนแร้นแค้น’ (extreme poverty) ทั้งนี้ ธนาคารโลกชี้ว่า ประเทศที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากวิกฤตครั้งนี้คือ ประเทศที่มีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงและเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจพึ่งพาอุปสงค์ภายนอก อาทิ การค้าโลก การท่องเที่ยว การส่งออก และเงินทุนจากต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่ง EMDEs เป็นกลุ่มประเทศที่อ่อนไหวกับภาวะนี้มากที่สุด อีกทั้งมาตรการล็อกดาวน์ที่ทำให้เกิดการหยุดเรียนและปัญหาการเข้าถึงระบบสาธารณสุขพื้นฐานจะสร้างผลกระทบระยะยาวต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในระยะยาวเช่นเดียวกัน.
----------------------------------------------
อ่านต่อ : https://www.voicetv.co.th/read/FxByILOda?fbclid=IwAR1C2ZGpLvRfP-DvIqyChVYzvSt-eneifT-4KQ00xcxEp0BtrWTlMu23A2A

 

#มอร์มูฟเป็นข่าว น่ากลัวมากที่สุด!!! องค์การอนามัยโลก (World Health Organization - WHO) รายงานว่า โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่กำลังระบาดอย่างรวดเร็วในทวีปแอฟริกาและลุกลามจากเมืองใหญ่ๆ ไปยังเขตชนบทที่ขาดแคลนบริการด้านสาธารณสุข โดยรายงานระบุว่า ในทวีปแอฟริกามีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 2 แสนราย และเสียชีวิตกว่า 5 พันราย ซึ่ง ผอ.ฝ่ายแอฟริกาของ WHO มัทชิดิโซ โมเอติ ระบุว่า ต้องใช้เวลาถึง 98 วันกว่าจะพบผู้ติดเชื้อ 1 แสนรายแรกในแอฟริกา แต่ใช้เวลาเพียง 19 วันสำหรับการครบ 2 แสนราย "แม้จำนวนผู้ติดเชื้อในแอฟริกายังคงมีไม่ถึง 3% ของจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลก แต่ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่ากังวล ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่อยู่ใน 10 ประเทศจาก 54 ประเทศในทวีปแอฟริกา ขณะที่ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ คือราว 71% อยู่ใน 5 ประเทศเท่านั้น โดยแอฟริกาใต้คือประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากที่สุด"

จนถึงขณะนี้ มีผู้ติดเชื้อโคโรไนาไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรค COVID-19 แล้วเกือบ 7.5 ล้านคนทั่วโลก ในจำนวนนี้เสียชีวิตแล้วกว่า 4 แสนคน ตามข้อมูลของมหาวิทยาลัย จอนส์ ฮอพกินส์.
----------------------------------------------------------
อ่านต่อ : https://www.voathai.com/a/who-covid19-africa/5458882.html