ติดตามสถานะการณ์

หลังจากรัฐบาล มีคำสั่ง ศบค. ที่ 5/2563 ให้ยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถาน ยกเลิกเคอร์ฟิว ตั้งแต่เวลา 23.00 น. วันที่ 14 มิถุนายน 2563 พร้อมทั้งมีมาตรการผ่อนคลายการใช้อาคารสถานที่ การดำเนินกิจกรรมบางอย่างพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รองโฆษก ตร.) เปิดเผยว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล และข้อสั่งการของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทสส./ผอ.ศปม. ตามประกาศ ข้อกำหนดต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
.
โดยผบ.ตร.ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และพล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ดูแล และกำชับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยร่วมปฏิบัติในทุกพื้นที่ ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมการฉกฉวยโอกาสซ้ำเติมประชาชนในช่วงที่ได้รับผลกระทบ
.
รวมถึงการตรวจสอบการดำเนินการให้เป็นไปตามแนวทางการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโดยในห้วงที่ผ่านมา ได้รับความร่วมมือจาก ประชาชน ผู้ประกอบการในการปฏิบัติตามมาตรการผ่อนคลายกิจกรรม กิจการ ร้านค้า สถานประกอบการ สนามกีฬาโรงแรม ต่าง ๆ เป็นอย่างดีรอง โฆษก ตร. กล่าวอีกว่า ผบ.ตร.ได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ทุกพื้นที่โดยให้ผู้บังคับบัญชาหมั่นบำรุงขวัญกำลังใจพร้อมลงไปกำกับดูแลการปฏิบัติติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ
.
ตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไปให้ปรับแผนการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด เป็นจุดตรวจความมั่นคงและป้องกันปราบปรามอาชญากรรมให้เหมาะสมกับพื้นที่และสถานการณ์ พร้อมให้จัดชุดเคลื่อนที่เร็วและฝ่ายสืบสวนเพื่อออกตรวจพื้นที่และติดตามสถานการณ์ด้านความมั่นคงรวมทั้งกวดขันจับกุมผู้กระทำความผิดที่เป็นการซ้ำเติมประชาชน และกระทบต่อความสงบสุขของประชาชน และสังคมเช่น การประทุษร้ายต่อชีวิต และทรัพย์สิน
.
การกู้ยืมเงินโดยมีอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หรือการหลอกลวงผ่านสื่อสังคมออนไลน์ การรวมกลุ่มแข่งรถในทาง ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น ขับรถในขณะเมาสุรา ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด การหลบหนีเข้าเมืองความผิดเกี่ยวกับสถานบริการ หรือความผิดอันเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดฯ ประกาศและคำสั่งที่เกี่ยวข้อง โดยให้มีผลการปฏิบัติอย่างมีรูปธรรม
.
ทั้งนี้ให้ออกคำสั่งมอบหมายเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ในการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดชุดเคลื่อนที่เร็ว ชุดสืบสวนหาข่าวไว้โดยกำหนดจำนวนเวลาการปฏิบัติหน้าที่ให้ชัดเจน เพื่อใช้ในการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนของทางราชการของผู้ปฏิบัติหน้าที่โดยให้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องออกตรวจติดตาม ตรวจสอบการใช้อาคารสถานที่ หรือสถานประกอบการการทำกิจกรรมด้านต่างๆ ที่ได้รับการผ่อนคลายโดยเฉพาะกิจการและกิจกรรมในระยะที่ 4 ว่าได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดฯ ดังกล่าวครบถ้วนหรือไม่ อย่างไร
.
หากพบว่ายังมีการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด คำสั่ง หรือประกาศที่เกี่ยวข้อง ก็ให้พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ให้เหมาะสมตามสมควรแก่กรณี

.-------------------------------
แหล่งข่าว
https://www.thansettakij.com/content/438379
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook :
https://www.facebook.com/thvi5ion

Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

จากกรณีเจอเชื้อ โควิด19 บนเขียงปลาที่จีนทำให้เกิดความกังวลในร้านปลาดิบญี่ปุ่น เนื่องจากหลังการระบาดใหม่ๆคนก็ไม่ทานเพราะกลัวเชื้อโรค เน้นไปที่อาหารปรุงสุก การกลับมาเจอเชื้อในเขียงปลาจึงก่อให้เกิดความกังวลอีกครั้งว่าธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นกลุ่มปลาดิบจะได้รับผลกระทบ

https://www.mcot.net/viewtna/5ee60628e3f8e40af8452400

 

จีนพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพิ่มอีก 49 รายในวันนี้ (15 มิ.ย.) โดยเป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 39 ราย และผู้ป่วยนำเข้า 10 ราย ขณะที่การติดเชื้อแบบกลุ่มก้อนซึ่งเชื่อมโยงกับตลาดค้าส่งอาหารแห่งหนึ่งในเมืองหลวงส่งสัญญาณเตือนว่าโควิด-19 อาจกลับมาแพร่ระบาดหนักซ้ำสองง

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000061606

 

เงิน 1 แสนเยนเพื่อบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 ที่รัฐบาลญี่ปุ่นแจกจ่ายให้ประชาชน ทำให้บางครอบครัวมีปัญหา เพราะจ่ายให้กับหัวหน้าครอบครัวเพียงคนเดียว คนที่เผชิญปัญหาความรุนแรงในครอบครัว คนไร้บ้าน ที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุดกลับไม่ได้รับเงินนี้

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000060491

 

News1

ทับถมวิกฤต ทรัมป์แห่งบราซิล ปลุกสาวกบุกโรงพยาบาล : [NEWS REPORT]

 

การประท้วงวันเสาร์(13 มิ.ย)ที่มีบางส่วนเป็นกลุ่มฮูลิแกนขวาจัดอังกฤษเกิดบานปลายเป็นความรุนแรงมีการปะทะเกิดขึ้นกับตำรวจปราบจลาจลที่กลางกรุงลอนดอน มีผู้ประท้วงถูกจับไม่ต่ำกว่า 100 คน ด้านผู้นำเดือดออกแถลงการณ์ประณามกลุ่มโจรเหยียดผิวผ่านทางทวิตเตอร์

อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000061480

 

สุดช้ำ! ป่าสงวนแห่งชาติดงระแนง ผืนป่าที่คสช.เคยทวงคืน และฟื้นฟูปลูกป่าเมื่อปี 2559 ล่าสุดถูกนายทุนบุกรุกปลูกอ้อยและมันสำปะหลังหลายร้อยไร่ ไม่เกรงอำนาจรัฐ ห่วงเกิดน้ำป่าทะลักท่วมชาวบ้าน ร้องฝ่ายปกครองตรวจสอบ ผลักดันอย่างจริงจัง

อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000061482

 

“ทิเบต” หลังคาโลกไม่ธรรมดา
คว้าตำแหน่งเมืองสิ่งแวดล้อมดีที่สุดระดับโลก

ทิเบต ดินแดนหลังคาโลกสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของจีน คว้าตำแหน่งเมืองคุณภาพสิ่งแวดล้อมดีที่สุดในระดับโลกประจำปี 2019 โดยมีระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ ขณะที่สัตว์ป่าหายากอย่างแอนทิโลป-จามรีป่าก็มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ล่าสุดทิเบตยังเดินหน้าปลูกป่าทางอากาศขนานใหญ่เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าให้มีมากยิ่งขึ้น

อ่านต่อ>>https://mgronline.com/travel/detail/9630000061513

#ทิเบต #คุณภาพสิ่งแวดล้อม #คุณภาพชีว...

 

เศรษฐีฮ่องกงเตรียมโยกเงิน-ทรัพย์สิน ย้ายประเทศหนี
หลังเสถียรภาพทางการเมืองถอยหลังจากอำนาจของจีน
.
“ถ้ากูรวย กูมีเงินนะ กูย้ายประเทศไปแล้ว” ประโยคนี้คงไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริงกับคนพูดแน่ ๆ เพราะคนพูดส่วนใหญ่มักไม่มีเงินย้ายจริงจัง แต่ไม่ใช่กับที่ฮ่องกง เพราะนับตั้งแต่จีนประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อสกัดกั้นการขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง และแก้รัฐธรรมนูญของฮ่อง จนเกิดความขัดแย้งของทั้งสองดินแดนที่คงไม่สามารถประสานรอยร้าวกันได้อีกต่อไป ทำให้ตอนนี้มีเศรษฐีชาวฮ่องกงเตรียมการโยกย้ายเงินทองและทรัพย์สินมีค่าออกจากมหานครที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเอเชีย
.
สื่อต่างประเทศรายงานว่า ทั้งเศรษฐีและชนชั้นนำภายในฮ่องกงกำลังเริ่มวางแผนถอนเงินทุน ขายบ้าน ขายทรัพย์สินที่อยู่ในฮ่องกงทิ้ง เตรียมย้ายประเทศ ไปอยู่ที่อื่น ๆ เช่น แคนาดา อังกฤษ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ ฝรั่งเศส หรือสหรัฐอเมริกา เป็นต้น ที่มีความสงบ และเสถียรภาพ และเสรีภาพมากกว่า
.
ช่วงนี้ธนาคารต่างรับลูกค้าหนัก เพราะมีเศรษฐีฮ่องกง สวนสนามเดินเข้าออกและไม่ก็โทรศัพท์ไปติดต่อธนาคารกันไม่เว้นแต่ละวัน เพื่อปรึกษาเรื่องการย้ายเงินทุน สินทรัพย์ ออกจากฮ่องกงไปยังประเทศอื่น รวมทั้งกลุ่มคนชนชั้นกลางในฮ่องกงเองก็เริ่มมองหาลู่ทางการย้ายเงิน ย้ายชีวิตไปอยู่ที่อื่นเช่นกัน
.
ออสเตรเลีย และแคนาดา คือหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ชาวฮ่องกงเตรียมมองหาซื้อบ้านหลังใหม่เอาไว้รอ หาเกิดเหตุการณ์รุนแรงในขึ้นมาหรือว่ากองทัพจีนส่งทหารเข้ามาในฮ่องกง หรือบางครอบครัวที่ถือหนังสือเดินทางหลายประเทศ ถึงขนาดเตรียมหนังสือเดินทางประเทศที่ 3 เอาไว้แล้ว
.
เชื่อว่าชาวฮ่องกงที่มีความรู้ คงสัมผัสได้ถึงความไม่แน่นอนภายในบ้านของตัวเอง โดยเฉพาะความไม่แน่นอนทางการเมืองที่อาจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ตลอดเวลา เมื่อจีนแผ่นดินใหญ่อาจจะใช้ไม้แข็งกับฮ่องกง
.
ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงในฮ่องกงจนส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของเศรษฐีเหล่านี้หรือไม่ แต่ว่ามันก็เป็นการเตรียมความพร้อม หาทางหนีไฟ เมื่อเกิดอะไรขึ้นมาจะได้อพยพย้ายหนีได้ทันที
.
แม้ที่ผ่านมาฮ่องกงจะเจอกับวิกฤตต่าง ๆ มากมาย แต่นั่นคือฮ่องกงก็ยังคงแข็งแกร่ง ยังเป็นเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่มั่งคั่ง แต่นั่นคือตอนที่ฮ่องกงยังมีอธิปไตยเป็นของตัวเอง ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ในฮ่องกงได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว สิ่งที่เศรษฐีฮ่องกงซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนในตลาดเงินและตลาดทุนกังวลมากที่สุดก็คือ เสถียรภาพทางการเมืองที่กำลังถอยหลังลง ทำให้หลายคนเตรียมเคลื่อนย้ายสินทรัพย์ออกไปที่อื่นนั่นเอง
.
ดังนั้นคำพูดที่ว่า “ถ้ากูรวย กูมีเงินนะ กูย้ายประเทศหนีไปแล้ว” คงกำลังเกิดขึ้นจริง ๆ แล้วที่ “ฮ่องกง”
.
แหล่งอ้างอิง
https://www.japantimes.co.jp/news/2020/06/14/business/economy-business/hong-kong-economy/
https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-06-13/hong-kong-s-rich-are-preparing-for-a-worst-case-scenario

 

ฮ่องกงพิจาณาผ่อนปรน social-distancing เพิ่ม

สาธารณสุขฮ่องกงกำลังพิจารณาอนุญาตให้มีการรวมตัวกันเพิ่มได้ไม่เกิน 12 คน จากเดิมที่อนุญาตเพียง 8 คนซึ่งมีกำหนดจะสิ้นสุดในวันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายนนี้

นอกจากนี้ ยังเตรียมจะเปิดสนามกัฬากลางแจ้ง เช่น สนามฟุตบอล สนามบาสเก็ตบอล และสนามเทนนิสโดยกำลังพิจารณาถึงวันที่กำหนดแน่นอน

ตัวเลขล่าสุด มีจำนวนผู้ติดเชื้อในฮ่องกงรวม 1,109 ราย เสียชีวิต 4 ราย โดยรายล่าสุดที่ติดเชื้อจากในฮ่องกง เป็นผู้พักอาศัยอายุ 33 ปี ที่ตึก Luk Chuen House ย่าน Sha Tin โดยเป็นรายที่ 9 ที่มาจากกลุ่มที่ติดเชื้อระลอกใหม่ที่อาศัยในตึกเดียวกัน

***ติดตามอัพเดทสรุปประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าในฮ่องกงได้ที่กระทู้ปักหมุด***
https://www.facebook.com/119537452088669/posts/494989721210105/?d=n

Source : https://www.scmp.com/news/hong-kong/health-environment/article/3088984/coronavirus-hong-kong-records-zero-new-local?

#ข่าวฮ่องกง #khaohongkong

 

จริงหรือ...รถไฟความเร็วสูงสายอีสานสร้างตั้งนานได้ 3.5 กม.?
อัพเดตกันว่าตอนนี้สร้างไปถึงไหน แล้วของไทย VS อินโดฯ ต่างกันอย่างไร
.
ก่อนอื่นต้องขอบคุณภาพจากคุณ มารุต พานิชชาติ จากเพจข่าวรถไฟฟ้า ที่อุตส่าห์เดินทางไปถ่ายภาพถึงไซต์งานก่อสร้าง และอนุญาตให้ผมใช้ภาพในการประกอบบทความ ขอบคุณมากครับ
.
เอาล่ะ เข้าเรื่องเลยครับ เวลาที่เห็นข่าวเรื่องการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงทั้งในประเทศและต่างประเทศ ก็มักจะมีการแสดงความเห็นเชิงเย้ยหยันเรื่องการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงในไทย ว่าสร้างมาตั้งนานได้แค่ 3.5 กิโลเมตร ผ่านมาจนถึงวันนี้ก็ยังมีคนพูดเรื่อง 3.5 กิโลเมตรอยู่ได้ อันนี้ไม่รู้ว่าลืมอัพเดตข้อมูล หรือว่าไม่สนใจอัพเดตกันแน่
.
แต่เอาจริง ๆ เวลาค้นหาภาพการก่อสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายอีสาน กรุงเทพฯ – นครราชสีมา ระยะทาง 252 กิโลเมตร ก็จะเจอแต่ภาพการก่อสร้างแนวคันดินระยะทาง 3.5 กม. ช่วงกลางดง – ปางอโศก ที่เป็นสัญญาที่ 1 ในการก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายนี้ ซึ่งก็ทำให้หลายคนคิดว่ามันยังก็ยังทำได้แค่ตรงนั้นเอง ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วระยะทาง 3.5 กิโลเมตรแรกเป็นการสร้างเพื่อเป็นต้นแบบในการศึกษาแนวการก่อสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงของประเทศไทย เพื่อให้บริษัทคนไทย ผู้รับเหมาไทย และวิศวกรคนไทย ได้เรียนรู้เหมือนเป็นแบบฝึกหัดภาคสนามที่สร้างขึ้นมาภายใต้การควบคุมมาตรฐานของวิศวกรจีน ที่มีความเชี่ยวชาญในการก่อสร้างระบบทางรถไฟความเร็วสูงในประเทศจีนรวมระยะทางกว่า 30,000 กิโลเมตร
.
ซึ่งปัจจุบันระยะทาง 3.5 กิโลเมตรได้ก่อสร้างไปแล้ว พร้อมกับสัญญาที่ 2 ช่วงสีคิ้ว – กุดจิก ที่เป็นทางราบ อีก 11 กิโลเมตร รวมระยะทาง 14.5 กม. โดย บริษัท ซีวิล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ด้วยวงเงิน 3,115 ล้านบาท และเป็นบริษัทคนไทย 100%
.
ส่วนในภาพที่เห็นเป็นการก่อสร้างแนวทางยกระดับรถไฟความเร็วสูงที่ อ. สูงเนิน ระยะทาง 4.292 กิโลเมตร พร้อมแนวคันดินอีก 6.708 กิโลเมตร ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวเส้นทางรถไฟยกระดับระยะทางรวม 188 กิโลเมตร ก่อสร้างโดย บริษัท ซีวิล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เช่นกัน
.
เส้นทางรถไฟยกระดับนี้มีระยะเวลาสัญญาก่อสร้างที่กำหนดไว้ 540 วัน ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2562 – 21 ตุลาคม 2563 ซึ่งหากดูทุกสัญญาก่อสร้างทางยกระดับตลอดระยะทางคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายปี 2564 หรือต้นปี 2565 ซึ่งอาจล่าช้ากว่าแผนเล็กน้อยเนื่องจากการส่งมอบพื้นที่ให้กับเอกชนล่าช้าจากปัญหาการเวณคืนพื้นที่ตามแนวก่อสร้างและการปรับแก้แบบหลายครั้ง
.
ทั้งนี้สาเหตุความล่าช้ามีด้วยกันหลายปัจจัย
.
การปรับแก้สัญญาให้มีความเหมาะสมที่สุด เพราะอย่าลืมว่ารถไฟสายนี้ประเทศจีนจ้องฮุบอยู่แล้ว เพราะมันคือเส้นทางเชื่อมต่อโครงข่ายเส้นทางสายไหมยุคใหม่ของจีนที่จะเชื่อมต่อลากยาวไปถึงมาเลเซีย และสิงคโปร์ ในตอนแรกจีนเองก็คิดว่าไทยจะเป็นหมูสยามให้เชือดง่ายๆ ขอเข้ามาลงทุนสร้างแต่ขอสิทธิ์บริหารโครงการและที่ดินรอบข้างตลอดแนวเหมือนที่ประเทศลาว แต่จีนเองก็คิดผิด เพราะไทยเองก็เขี้ยวลากดิน เจรจาต่อรองกันหลายยก เพื่อไม่ให้จีนได้ผลประโยชน์จนเกินงามหน้าเกลียด ซึ่งมีการประชุมเจรจากันมากกว่า 30 ครั้ง เล่นเอาจีนเหนื่อยเหมือนกัน กว่าจะลงเอยได้ด้วยการที่ไทยสร้างเอง กู้เงินในประเทศ แต่ใช้เทคโนโลยีจีน แทนที่จะกู้จีนแล้วให้จีนสร้างทั้งหมด นี่จีนก็ยังตอดนิดตอดหน่อยยึกยักอยู่เรื่อยๆ เพื่อให้ตัวเองได้ผลประโยชน์แบบที่เคยทำกับหลายๆ ประเทศ แต่ก็ได้แค่ตอดๆ เพราะถ้ารัฐทำอะไรนอกลู่นอกทางไป ประชาชนและหน่วยงานตรวจสอบต่างๆ นี่แหละ จะเป็นคนถล่มเอง เพราะอย่าลืมว่าโครงการนี้ประชาชนเองก็จับจ้องดูอยู่ เพราะมันคือโครงการความหวังในการยกระดับการเดินทางและระบบคมนาคมขนส่งของชาติ ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะรอดสายตาประชาชนไป เพราะคนไทยจับผิดเก่งที่สุดชาติหนึ่งในโลก แถมสาวได้ลึกจนถึงก้นบ่อมานักต่อนักแล้ว
.
การเคลียร์พื้นที่ก่อสร้าง การเวนคืนที่ดิน การย้ายผู้บุกรุก ย้ายสาธารณูปโภคต่างๆ เพราะการก่อสร้างทางรถไฟสายนี้มีการเปิดพื้นที่เส้นทางใหม่ที่ไม่ได้อยู่ในแนวเส้นทางรถไฟเดิมทั้งหมด ดังนั้นมันเลยต้องจัดการเรื่องเคลีย์พื้นที่ก่อสร้าง ซึ่งนี่คืออีกปัญหาใหญ่เพราะไม่ใช่ง่ายๆ ที่จะให้ใครย้ายออกจากพื้นที่ในแต่ละแปลงของประชาชน กว่าจะเจรจาต่อรอง กว่าจะแก้ไขข้อขัดแย้ง ทำความเข้าใจกับชาวบ้าน มันใช้เวลาพอสมควร คิดดูว่าระยะทาง 250 กิโลเมตรเนี่ย จะต้องผ่านที่ดินกี่ผืน ผ่านบ้านประชาชนกี่หลัง ผ่านเรือกสวนไร่นากี่แปลง กว่าจะเคลียร์ได้แต่ละรายมันคงไม่ง่ายเหมือนเดินไปจ่ายเงินซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อหรอก
.
การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ EIA ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลานานมากเป็นปีๆ เพราะโครงการใหญ่ระดับนี้ ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้างมันต้องมีการประเมินเรื่องสิ่งแวดล้อมกันขนานใหญ่ อย่าลืมว่าเส้นทางรถไฟสายนี้มันตัดผ่านใกล้แนวอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ซึ่งเป็นป่าอนุรักษณ์ด้วย ฉะนั้นถ้าทำไม่ละเอียดรอบครอบมีหวังโครงการได้โดนฟ้องร้องจากนักอนุรักษ์ NGO หรือจากชุมชน ทำให้เสียเวลาไปอีกนานเลยทีเดียว
.
เรื่องเทคโนโลยีการก่อสร้าง อย่าลืมว่านี่เป็นเส้นทางการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเส้นทางแรกของประเทศที่เอกชนส่วนใหญ่ไม่เคยมีประสบการณ์ก่อสร้างโครงการแบบนี้มาก่อนเลย ดังนั้นมันคือการเริ่มต้นใหม่ เพราะการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่และมีความเร็วสูงแบบนี้ งานวิศวกรรมมันต้องไม่ใช่อย่างที่เราเคยสร้างๆ กันมา ทั้งความหนาแน่นของแนวคันดินเพื่อรองรับรางรถไฟแล้วขบวนรถ การก่อสร้างโครงสร้างงานโยธาต่างๆ ที่มันจะต้องใหญ่เป็นพิเศษ นี่ยังไม่รวมพวกระบบระบบอาณัติสัญญาณรถไฟ ที่ก็เป็นของใหม่ที่ต้องเรียนรู้ พูดง่ายๆ คือ มานั่งเรียนตำราเล่มใหม่จากคุณครูที่มาจากประเทศจีน ซึ่งแรกๆ มันต้องช้าถึงช้ามากแน่นอน แต่ที่มันช้ากว่าเดิมเพราะมีเรื่องระเบียบและกฎหมายราชการหยุมหยิมที่เกี่ยวข้องมากมาย เหมือนกับทุกโครงการใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศนี้ แต่เชื่อเถอะว่า พอผ่านไปได้ความเร็วในการก่อสร้างก็จะตามมา เหมือนกับรถไฟฟ้าที่พอสร้างเองเป็น ก็สร้างกันให้พรึบ เปิดใช้เพิ่มมันทุกปี จนกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้วในบ้านเรา
.
ถ้าถามว่าโครงการเดินหน้าช้าไหมบอกเลยว่าก็ถือว่าช้า แต่ถ้าช้าแล้วไม่เสียประโยชน์มากเกินไปและได้อะไรกลับมาต่อยอดก็ถือว่ารับได้ เพราะอย่าลืมว่ากว่าประเทศไทยจะมีรถไฟฟ้าใช้แบบทุกวันนี้ เราก็ล่าช้าจากการควรมีรถไฟฟ้าสายแรกเกือบ 20 ปี แต่ทุกวันนี้เรามีรถไฟฟ้าเพิ่มแทบจะปีละสาย ซึ่งพออะไรมันเข้าร่องเข้ารอยแล้ว มันจะเดินหน้าไวติดสปีดได้เอง
.
ส่วนสัญญาอื่น ๆ ที่เหลืออีก 12 สัญญา จาก 14 สัญญา จากการติดตามข่าวกระทรวงคมนาคมกำลังเร่งรัดให้มีการเซ็นสัญญาก่อสร้างภายในเดือนนี้ ซึ่งก็ต้องรอดูว่าจะมันจะทำให้การก่อสร้างเร็วขึ้นมากน้อยขนาดไหน
.
ซึ่งการแบ่งสัญญาก่อสร้างตลอดเส้นออกเป็น 14 สัญญา และให้บริษัทก่อสร้างจากประเทศไทยเข้าประมูลแข่งราคากันเพื่อก่อสร้าง โดยมีทีมวิศวกรจีนที่มีประสบการณ์ก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงในประเทศคอยตรวจเช็คมาตรฐานให้เป็นไปตามสเป็กที่ถูกต้อง ซึ่งแต่ละพื้นที่ไซต์งานก็เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง เพราะอย่าลืมว่านี่เป็นการก่อสร้างด้วยทักษะฝีมือช่างของคนไทยล้วน ๆ โดยมีบริษัทจีนเป็นที่ปรึกษา หมายความว่าเราต้องได้เรียนรู้ Knowhow การก่อสร้างไปในตัว เหมือนกับที่ไทยเรียนรู้การก่อสร้างรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ จากทั้งญี่ปุ่นและเยอรมนี ในช่วงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายแรก ๆ ของประเทศ จนทุกวันนี้บริษัทคนไทยสามารถก่อสร้างงานโยธาทางรถไฟฟ้าได้เอง แถมยังไปรับงานก่อสร้างในต่างประเทศได้อีกด้วยไม่ต้องจ้างต่างชาติอีกต่อไป ซึ่งการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงก็เช่นกัน แต่ถ้าอยากได้ใช้เร็วๆ ก็แค่จ่ายเงินให้จีนสร้างให้ หรือให้จีนมาลงทุนทำเองเลยแบบที่ประเทศลาว แต่ประเทศไทย เอกชนไทย และช่างคนไทย ก็จะไม่ได้ความรู้อะไรเพื่อพัฒนาต่อยอดผู้ประกอบการหรืออุตสาหกรรมของประเทศเลย
.
หากใครศึกษาเงื่อนไขของการก่อสร้างโครงการดังกล่าวอย่างละเอียดจะทราบว่า การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงสายนี้ มีความรัดกุมสูงมาก เนื่องจากเป็นโครงการที่ประชาชนจับตา และมีผู้เชียวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิต่าง ๆ ที่ชำนาญเรื่องระบบรถไฟความเร็วสูง เรื่องระเบียบราชการจ้องเขม็งอยู่ เพราะหากพบความไม่ชอบมาพากลใด ๆ โครงการนี้อาจเป็นล่มได้ง่าย ๆ จากการนำเรื่องฟ้องร้องต่อศาลฯ
.
โดยข้อสรุปของการดำเนินโครงการคือ รัฐบาลไทยและรัฐบาลจีน ร่วมกันจัดตั้งกิจการร่วมค้าเพื่อเป็นตัวกลางในการดำเนินโครงการ และรัฐบาลจีนจะเป็นตัวแทนในการจัดหาระบบที่เหมาะสม ดำเนินงานเชิงพาณิชย์และซ่อมบำรุง (O&M) ภายในระยะเวลา 3 ปีแรกนับจากวันที่เปิดให้บริการ ก่อนดำเนินการถ่ายโอนองค์ความรู้ การดำเนินการ งานซ่อมบำรุง และงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องใหักับการรถไฟแห่งประเทศไทยภายในปีที่ 4 - 6 ก่อนที่การรถไฟแห่งประเทศไทยจะเข้าดำเนินการเต็มรูปแบบในปีที่ 7 ของสัญญา ซึ่งต่อมากระทรวงคมนาคมได้มีการลงนามในสัญญาความร่วมมืออย่างเป็นทางการ โดยมีกรอบเงื่อนไขดังต่อไปนี้
.
ไทยจะเป็นผู้ดำเนินการลงทุนด้านงานโยธาทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียวภายใต้กรอบวงเงิน 179,000 ล้านบาท
ไทยจะเป็นผู้พัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ริมทางรถไฟเพื่อให้เกิดกระแสเงินหมุนเวียนภายในประเทศ
ผู้รับเหมาก่อสร้าง จะต้องเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนภายในประเทศไทย
วัสดุก่อสร้างจะใช้วัสดุภายในประเทศเป็นหลัก
แรงงานก่อสร้างจะต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย ห้ามไม่ให้มีการนำเข้าแรงงานจากประเทศจีน ยกเว้นสถาปนิกและวิศวกรที่อนุญาตให้เป็นสัญชาติจีนเป็นกรณีพิเศษ
.
ส่วนเอกชนที่เข้าร่วมประมูลสัญญาก่อสร้างซึ่งได้รวบรวมมาให้ดูนั้น เป็นบริษัทเอกชนไทย หรือผู้ถือหุ้นใหญ่คือคนไทย ได้แก่
บริษัท ซีวิลเอ็นจิเนียริง จำกัด
บริษัท ไทยเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน)
บริษัท กรุงธน เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
บริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด
บริษัท นภาก่อสร้าง จำกัด
กิจการร่วมค้าเอสเอชทีพี (บจ. ซิโนไฮโดร, บจ. สหการวิศวกร, บจ. ทิพากร)
กิจการร่วมค้าซีเอส - เอ็นดับบลิวอาร์ – เอเอส (บจ. ไชน่าสเตทคอนสตรัคชั่น เอ็นจิเนียริ่ง คอร์ปอเรชัน, บมจ. เนาวรัตน์พัฒนาการ, บจ. เอ.เอส.แอสโซซิเอท เอนยิเนียริ่ง (1994))
บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)
บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)
.
ตลอดสายทางระยะที่ 1 กรุงเทพฯ - นครราชสีมา แบ่งสัญญาการก่อสร้างออกเป็น 14 สัญญา ดังนี้
.
ผู้ชนะประมูลโดยบริษัทรับเหมาฯ สัญชาติไทย 10 สัญญา
ผู้ชนะประมูลโดยบริษัทรับเหมาฯ ไทย - มาเลเซีย 1 สัญญา
ผู้ชนะประมูลโดยกลุ่มกิจการร่วมค้าไทย - จีน 2 สัญญา
รอประมูล 1 สัญญา
.
โดยสามารถเรียงตามเส้นทางได้ดังนี้
.
สัญญาที่ 4-1 : บางซื่อ-ดอนเมือง [21.8 กม.] อยู่ระหว่างการวางแผนดำเนินการควบคู่ไปกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โดยกำลังรอข้อมูลจากอีอีซี เพื่อทยอยส่งเพิ่มไปในรายงาน EIA
.
สัญญาที่ 4-2 : ดอนเมือง-นวนคร [21.8 กม. : กลุ่มกิจการร่วมค้า SST ประกอบด้วย บริษัท ชิโนไฮโดร จำกัด จากประเทศจีน, บริษัท สหการวิศวกร จำกัด, บริษัท ทิพากร จำกัด]
.
สัญญาที่ 4-3 : นวนคร-บ้านโพ [23 กม. : กลุ่มกิจการร่วมค้า CAN ประกอบด้วย บริษัท ไชน่า สเตท คอนสตรัคชั่น เอ็นจิเนียริ่งคอร์ปอเรชั่น จำกัด จากประเทศจีน, บริษัท เอ.เอส. แอสโซซิเอท เอนยิเนียริ่ง (1964) จำกัด, บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน)]
.
สัญญาที่ 4-4 : งานก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงเชียงรากน้อย [บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)]
.
สัญญาที่ 4-5 : บ้านโพ-พระแก้ว [13.3 กม. : บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)]
.
สัญญาที่ 4-6 : พระแก้ว-สระบุรี [31.6 กม. : บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)]
.
สัญญาที่ 4-7 : สระบุรี-แก่งคอย [12.99 กม. : บริษัท ซีวิล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด]
.
สัญญาที่ 3-1 : แก่งคอย-กลางดง และ ปางอโศก-บันไดม้า [ระยะทางรวม 30.21 กม. : บจ.ไทยเอ็นจิเนียริ่ง] (โดยจะมีสัญญาที่ 1-1 แทรกอยู่ตรงกลางระยะ)
.
สัญญาที่ 1-1 : กลางดง-ปางอโศก [3.5 กม : กรมทางหลวง]
.
สัญญาที่ 3-3 : บันไดม้า-ลำตะคอง [26.1 กม. : บริษัท ไทยเอ็นยิเนียร์และอุตสาหกรรม จำกัด (บริษัทลูกของ บริษัท กรุงธนเอนยิเนียร์ จำกัด)]
.
สัญญาที่ 3-4 : ลำตะคอง-สีคิ้ว และ กุดจิก-โคกกรวด [ระยะทางรวม 37.45 กม. : บจ.บีพีเอ็นพี (BINA จากมาเลเซีย-นภาก่อสร้าง)] (โดยจะมีสัญญาที่ 2-1 แทรกอยู่ตรงกลางระยะ)
.
สัญญาที่ 2-1 : สีคิ้ว-กุดจิก [11 กม. : บริษัท ซีวิลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด]
.
สัญญาที่ 3-5 : โคกกรวด-นครราชสีมา [12.38 กม. : กลุ่มกิจการร่วมค้า SPTK จำกัด]
.
สัญญาที่ 3-2 : อุโมงค์ช่วง อ.มวกเหล็ก และอุโมงค์ช่วงเขื่อนลำตะคอง) [ระยะทางรวม 12.23 กม. : บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน)]
.
โดยแต่ละสัญญาก่อสร้างนั้น คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย(บอร์ดรฟท.) ผ่านมติเห็นชอบแล้วไม่มีอะไรมาสะดุด การก่อสร้างงานโยธาอาจเสร็จเร็วกว่าแผนตลอดทั้งเส้นทางในปี 2568
.
เมื่อเปรียบเทียบกับการก่อสร้างระบบรถไฟความเร็วสูงในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีความใกล้เคียงกับประเทศไทย จากข้อมูลของเว็บไซต์ Railway-technology ที่อ้างอิงข้อมูลจาก PT Kereta Cepat Indonesia-China กิจการร่วมค้าโดยรัฐวิสาหกิจอินโดนีเซียและประเทศจีนระบุว่า
.
China Railway Group Limited (CREC) จัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับกลุ่มรัฐวิสาหกิจของอินโดนีเซียที่นำโดย PT Wijaya Karya Tbk (IDX: WIKA) เพื่อสร้างรถไฟความเร็วสูงแห่งแรกในประเทศ
.
China Yang International Co. Ltd. และกิจการร่วมค้า PT Pilar Sinergi BUMN Indonesia และ China Development Bank ร่วมลงทุนก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงสายจาการ์ตา – บันดุง ระยะทาง 150 กิโลเมตร ด้วยงบประมาณ 5.5 พันล้านเหรียญ โดยงบประมาณ 75% ของโครงการ China Development Bank เป็นผู้ให้กู้รายใหญ่ด้วยเงื่อนไขชำระเงินกู้ 40 ปี มีระยะเวลาปลอดหนี้เริ่มต้น 10 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่
.
ทั้งนี้ CRCC จากจีนจะถือหุ้นใหญ่ ในขณะที่ WIKA ถือหุ้น 30% ส่วนหุ้นรองลงมาจะมีผู้ถือหุ้นย่อย ๆ ลงไปอีก เช่น การทางพิเศษ PT Jasa Marga Tbk (IDX: JSMR) ผู้ให้บริการรถไฟ PT Kereta Api Indonesia และ บริษัท PT Perkebunan Nusantara VIII ซึ่งเป็นบริษัทด้านการเกษตร
.
โดยการก่อสร้างจะใช้บริษัทและบุคลกรจากประเทศจีนเป็นหลัก ซึ่งแตกต่างจะโครงการในประเทศไทยที่ให้บริษัทและบุคลากรคนไทยเป็นหลัก ส่วนจีนมีหน้าที่แค่ถ่ายทอดและควบคุม QC ของโครงการเท่านั้น
.
ส่วนรถไฟลาว - จีน ทางผู้เขียนไม่ขอนำมาเปรียบเทียบ เนื่องจากเป็นรถไฟคนละระบบ และการก่อสร้างเป็นคนละรูปแบบ เพราะรถไฟลาว – จีน เป็นระบบรถไฟความเร็วปานกลางที่วิ่งด้วยความเร็วไม่ถึง 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งไม่เข้าเกณฑ์ความเร็วขั้นต่ำของระบบรถไฟความเร็วสูงที่กำหนดความเร็วขั้นต้นไว้ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นไป ตามคำนิยามของ International Union of Railways หรือ UIC และการก่อสร้างใช้บริษัทจากประเทศจีน คนงานของจีนเกือบ 100% และเป็นการก่อสร้างระบบทางเดี่ยว ไม่ใช่ระบบทางคู่อีกด้วย
.
ดังนั้นพอจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดๆ ได้บ้างบางส่วนเกี่ยวกับความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงสายแรกในประเทศไทย ซึ่งความล่าช้าที่เกิดขึ้นในช่วงแรกถือว่าเป็นแบบฝึกหัดของเอกชนไทย ที่จะเรียนรู้ว่า การสร้างทางรถไฟความเร็วสูงนั้นมันเป็นอย่างไร แม้จะเสียเวลาไปบ้าง แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือวิชาติดตัวเป็นทักษะให้กับทั้งบริษัทคนไทย วิศวกรคนไทย และแรงงานคนไทย ที่ต่อไปในอนาคตเราจะสามารถสร้างเองได้ทั้งหมดแบบรถไฟฟ้าในเมือง โดยไม่ต้องจ้างต่างชาติสร้าง ที่สำคัญยังออกไปสร้างให้กับนานาประเทศได้อีกด้วย
.
ฉะนั้นใครมาพูดว่าไทยสร้างรถไฟความเร็วสูง 3.5 กิโลเมตร เนี่ย ก็รู้เลยว่าไม่เคยตามข่าว หรือตกข่าวมานานมาก เพราะการก่อสร้างมันดำเนินไปต่อเนื่องแล้วสำหรับเส้นกรุงเทพ - นครราชสีมา ระยะทาง 252 กม.
.
หากอยากดูภาพความคืบหน้าการก่อสร้างเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้ที่ : เพจข่าวรถไฟฟ้า
https://www.facebook.com/ThaiRailNews/

.
แหล่งอ้างอิง
.
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99_(%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%99)
https://www.prachachat.net/property/news-356432
https://www.thansettakij.com/content/436427
https://www.mobility.siemens.com/global/en/portfolio/rail/rolling-stock/high-speed-and-intercity-trains/velaro-novo.html?stc=wwmo206906&s_kwcid=AL!462!3!405950346915!p!!g!!high%20speed%20rails&ef_id=CjwKCAjw8pH3BRAXEiwA1pvMsTylQ-C5mo_e1FY0JTErVws5x1a8eF-kXy9szZROUK9eAOz8ldUFNhoCqLgQAvD_BwE:G:s
https://en.wikipedia.org/wiki/High-speed_rail_in_Indonesia
https://www.bangkokpost.com/business/1926428/high-speed-rail-among-97bn-in-key-indonesian-projects
https://www.railway-technology.com/projects/jakarta-to-bandung-high-speed-rail/

 

3 สายการบินยักษ์ British Airways, easyJet และ Ryanair
แทคทีมฟ้องรัฐบาลอังกฤษทำธุรกิจพินาศ
.
ช่วงนี้ซีกโลกตะวันตกเจอปัญหาหนักหน่วงมากมายหลายเรื่องนับตั้งแต่วิกฤตไวรัสวิด – 19 ระบาดใหญ่ จนมีคนป่วยคนตายมากที่สุดในโลก ยังไม่วายต้องเจอผลกระทบกับธุรกิจและเศรษฐกิจจากการรับมือที่ผิดพลาดของรัฐบาล รวมทั้งยังมีการชุมนุมประท้วงที่ลุกลามมาจากมาสรัฐอเมริกาเกี่ยวกับการเหยียดสีผิวให้ได้ปวดหัวกันอีก
.
ส่วนประเด็นการฟ้องร้องรัฐบาลประเทศตัวเองก็มีให้เห็นในหลายๆ ประเทศ และล่าสุดเป็นคราวของ 3 สายการบินยักษ์ใหญ่ของยุโรป ทั้ง British Airways, easyJet และ Ryanair ได้จับมือแทคทีมกันฟ้องร้องดำเนินกับรัฐบาลสหราชอาณาจักรเกี่ยวมาตรการกักกันโรค 14 วันของผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจของสายการบินและธุรกิจที่เกี่ยวข้องอย่างการท่องเที่ยว
.
โดยทั้ง 3 สายการบินได้ยื่นฟ้องต่อศาลให้พิจารณาคว่ำระเบียบการกักตัว 14 วันนี้ทิ้ง เพราะมองว่า มาตรการกักกันของรัฐบาล ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของอังกฤษเป็นวงกว้าง ทำให้มีผู้ตกงานนับพันคน
.
ตัวแทนของทั้ง 3 สายการบินบอกว่า “นโยบายดังกล่าวนี้ไม่ได้มีการปรึกษากันอย่างถี่ถ้วน และไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันว่าการใช้กฎหมายที่รุนแรงเช่นนี้ได้ผล”
.
ทางสายการบินต้องการให้รัฐบาลยกเลิกนโยบายการกักกันนี้แบบตีขลุม และให้จำกัดเฉพาะผู้โดยสารจากประเทศที่มีความเสี่ยงสูงเท่านั้น"
.
CEO ของสายการบิน Ryanair นาย Michael O'Leary เคยพูดไว้เมื่อเดือนที่แล้วเกี่ยวกับมาตรการกักกันโรค 14 วัน โดยเรียกมันอย่างเจ็บแสบว่า “การกักกัน 14 วัน อันแสนงี่เง่า" พร้อมบอกว่า "มันไม่สามารถปฎิบัติได้จริงและไม่สามารถจัดการได้" มันควรเปลี่ยนเป็นการแนะนำให้สวมหน้ากากและการเช็คอุณหภูมิก็เพียงพอแล้ว
.
ทั้งนี้ตามปกติแล้วการตรวจสอบอุณหภูมิจะไม่ได้ผลในการค้นผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสในกรณีที่ผู้ป่วยไม่เป็นไข้ ซึ่งประมาณ 1 ใน 4 ของผู้ป่วยก็มักจะไม่เป็นไข้
.
ปัจจุบันนี้สหราชอาณาจักรถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลของการแพร่ระบาดของไวรัสกระทบมากที่สุดในยุโรป และบางประเทศได้ดำเนินการจำกัดการเดินทางของพลเมืองจากหมู่เกาะอังกฤษเข้าประเทศเพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดรุนแรงเป็นระลอกครั้งที่ 2 เช่น สโลวาเกีย ที่ห้ามผู้คนจากอังกฤษเข้าประเทศ แต่ก็มีบางประเทศที่ต้อนรับชาวอังกฤษให้เดินทางเข้าประเทศตัวเองได้โดยไม่มีเงื่อนไขการกักตัวอย่างประเทศโปรตุเกส
.
รัฐบาลอังกฤษได้ส่งสัญญาณเพื่อค้นหาวิธีที่จะช่วยเหลืออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวรวมทั้งแนวคิดการทำ “air bridge” หรือ สะพานอากาศ ระหว่างสหราชอาณาจักรและประเทศอื่น ๆ
.
สำหรับ “air bridge” นั้นมีความคล้ายคลึงกับ Travel Bubble ที่ประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ที่มีอัตราการติดเชื้อไวรัสในระดับต่ำ หรือไม่มีการติดเชื้อเพิ่มเติมแล้ว จะให้พลเมืองของประเทศที่ทำ Travel Bubble ร่วมกันนี้เดินทางไปมาหาสู่กันได้โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการกักตัว 14 วัน
.
โดย air bridge UK จะต้องเป็นประเทศที่เข้าเกณฑ์ต่าง ๆ ดังนี้ เช่น
.
- เป็นประเทศที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศต่อสหราชอาณาจักร
- มีจำนวนผู้โดยสารและปริมาณการค้าที่มากเพียงพอ
- มีมาตรการและข้อกำหนดการตรวจสุขภาพที่สนามบินต้นทางสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางมาที่สหราชอาณาจักร
- มีมารตการควบคุมการแพร่ระบาดของประเทศ
- มีการตรวจสอบที่ยืนยันว่าอัตราการติดเชื้อไวรัสในประเทศอยู่ในระดับต่ำ
.
แต่ถึงอย่างไรก็ตามทางสายการบินยักษ์ใหญ่ทั้ง 3 แห่งมองว่า "ยังไม่มีข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับวิธีการและการใช้มาตรการ 'สะพานอากาศ' ระหว่างสหราชอาณาจักรและประเทศอื่น ๆ อย่างเป็นรูปธรรม และเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมสายการบินและการท่องเที่ยว ด้วยการยกเลิกการกักตัว 14 วันของนักเดินทาง ที่ประกาศใช้มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา
.
แหล่งอ้างอิง
https://www.businessinsider.com/british-airways-easyjet-ryanair-legal-action-uk-quarantine-arrivials-2020-6
https://inews.co.uk/news/air-bridge-meaning-what-uk-travel-quarantine-rules-countries-list-coronavirus-holiday-429089

 

สภานายจ้างฯ มองหลัง Q2 เผาจริงเศรษฐกิจไทย ธุรกิจเจ๊ง คนซื้อหด ตกงานพุ่ง
กกร. มองต่างหลังปลดล็อคเงินสะพัด แต่รัฐต้องชัดเจนเรื่องแผนฟื้นฟู
.
ในช่วงที่เรากำลังดีใจกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสวิด – 19 ที่ดีขึ้น และมีการปลดล็อกระยะต่าง ๆ ทีละขั้น แต่สิ่งที่กำลังจะตามมาหลังวิกฤตไวรัสก็คือ เศรษฐกิจ ที่อาจจะไม่ฟื้นตัวอย่างที่คาดหวัง โดยเฉพาะตลาดแรงงานและการจ้างงานที่เข้าขั้นโคม่า
.
ขอแบ่งมุมมองออกเป็น 2 ฝ่าย โดยฝ่ายแรกก็คือทางด้านของสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย ซึ่งเมื่อวานนี้ทางสถานีโทรทัศน์ PPTV HD36 เป็นช่องเดียวที่ได้สัมภาษณ์ในประเด็นเกี่ยวกับวิกฤตตลาดแรงงานและกำลังซื้อ ซึ่งไปสัมภาษณ์กับทาง นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาฯ โดยให้ข้อมูลโดยสรุปว่า ปัจจุบันตลาดแรงงานอยู่ในภาวะวิกฤตแล้ว สาเหตุก็เพราะทั้งคนในประเทศและต่างประเทศไม่มีกำลังซื้อ เนื่องจากผลกระทบจากการปิดประเทศ หรือการล็อคดาวน์ ทำให้ระบบเศรษฐกิจไม่ทำงาน กระทบกับการผลิตของไทย ภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม กว่าครึ่งล้วนพึ่งพาการส่งออกทั้งสิ้น ซึ่งธุรกิจเหล่านี้อุ้มแรงงานอยู่จำนวนมาก
.
ส่วนการท่องเที่ยวที่หยุดชะงักไปตลอดเกือบ 3 เดือน ก็ส่งผลกระทบต่อแรงงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น รวมๆ แล้วตอนนี้มีผู้ตกงานไปแล้วกว่า 8.4 ล้านถึง 9 ล้านคน และแม้บางส่วนเริ่มกลับมาบ้างแล้ว แต่ยังมีกลุ่มที่ตกค้างไม่สามารถเข้ามาในระบบได้อีกกว่าหลายล้านคน และคงจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยืดเยื้อ กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ไปอีก 2 ปี
.
ยังไม่รวมถึงธุรกิจอื่น ๆ ที่หลังจากมาตรการปลดล็อคต่าง ๆ เริ่มคลายตัว เท่ากับว่ากิจการ ห้างร้าน ธุรกิจทุก ๆ ประเทศ จะกับมาดำเนินกิจการ แต่อย่าลืมว่าตลอดระยะเวลาของการหยุดกิจการไปนั้นธุรกิจต้องแบกต้นทุนต่าง ๆ เอาไว้อยู่แล้ว ซึ่งเมื่อเปิดกิจการเต็มที่แต่กำลังซื้อยังไม่กลับมา ผู้คนไม่มีอารมณ์ในการจับจ่าย ผลกระทบที่เกิดขึ้นคือ กิจการที่ต้องแบกทั้งค่าจ้างแรงงาน ค่าเช่าที่ และวัตถุดิบต่าง ๆ ก็จะไม่สามารถขับเคลื่อนธุรกิจได้ หรือพูดง่ายๆ คือ มีของขาย มีคนทำงาน แต่ไม่มีคนซื้อ ทุกอย่างมันเลยมาจมกองอยู่ที่ผู้ประกอบการ เงินไม่หมุนเวียน ความเชื่อมั่นไม่มา กำลังซื้อไม่เกิด รายได้ไม่มี เงินก้อนสุดท้ายที่กิจการต่าง ๆ ใช้พยุงธุรกิจเอาไว้ก็หมดลงแล้ว เราอาจเห็นการปิดกิจการต่าง ๆ เพิ่มขึ้นอีก และคนตกงานเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งหลังไตรมาสที่ 2 นี่แหละ เราจะเห็นธุรกิจเจ๊งมากขึ้นและหนักขึ้นกว่าเดิม เพราะเงินทุนเขาไม่เหลืออีกแล้ว ฉะนั้นต้องเตรียมตัวรับแรงกระแทกระลอกต่อไปให้ดี ซึ่งรอบนี้อาจจะหนักหน่วงกว่าช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
.
อย่าลืมว่ามาตรการเยียวยา 5,000 บาท ของรัฐบาลจะสิ้นสุดในเดือนนี้เช่นกัน แต่รัฐบาลยังไม่ชัดเจนเลยว่าจะมีมาตรการเยียวยาผลกระทบระยะต่อไปอย่างไร ความชัดเจนในการออกนโยบายก็ยังไม่มี ได้แต่บอกให้ส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่เมื่อคนไปท่องเที่ยวเต็มชายหาดจะสั่งปิด เพราะถ้ารัฐบาลไม่มั่นใจ ประชาชนจะมั่นใจได้อย่างไร
.
ส่วนความเห็นจากอีกฝั่งก็คือ หอการค้าไทย ที่นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประเมินสถานการณ์หลังคลายล็อกระยะที่ 3 แล้วน่าจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประมาณ 1-2 แสนล้านบาท
.
เพราะจากการประเมินตัวเลขของเม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ นับตั้งแต่การปลดล็อคระยะที่ 1 และ 2 มีเม็ดเงินเข้ามาในระบบเศรษฐกิจราว 2 แสนล้านบาท
.
ทั้งนี้คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่มี สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้ว่า GDP ของประเทศไทยจะติดลบ 3-5% ซึ่งเป็นระดับดีกว่าที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินว่าจะติดลบ 6.7%
.
แล้วเมื่อถึงระยะที่ 4 ที่เดือนกรกฎาคมน่าจะมีการปลดล็อคให้กิจการและกิจกรรมอีกหลายประเภทกลับมาดำเนินธุรกิจได้ภายใต้มาตรการที่ภาครัฐกำหนด เศรษฐกิจน่าจะยังเดินต่อไปได้แล้วค่อย ๆ ฟื้นฟูสถานการณ์ให้ดีขึ้น ประกอบกับการเริ่มอนุญาตให้ชาวต่างชาติในบางประเทศที่มีการทำ Travel Bubble ร่วมกันเดินทางเข้าไประเทศไทยได้ ก็น่าจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นตามลำดับในครึ่งปีหลัง
.
แต่มันต้องมีการสร้างความมั่นใจว่าจะไม่เกิดการแพร่ระบาดระลอก 2 ในประเทศจากการให้คนต่างชาติเข้ามา รวมทั้งมาตรการฟื้นฟูเยียวยาของรัฐบาลที่ต้องชัดเจน ทั้งเรื่องแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง การดูแลในเรื่องของผู้ว่างงาน รวมทั้งการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามเป้า หลังจาก พ.ร.ก. กู้เงิน ผ่านการพิจารณาจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว
.
ก็ยังคงต้องจับตารอดู เพราะแม้ตอนนี้จะมีการคลายล็อคในระยะที่ 3 สถานการณ์ระบาดดีขึ้น ไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศมานานนับเดือน แต่หลังจากนี้จะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ ปากท้อง และความเชื่อมั่นของประชาชนล้วน ๆ ซึ่งต้องดูว่าสถานการณ์จะดีขึ้น หรือ แย่ลง เพราะถึงแม้ว่าประเทศไทยจะปลอดเชื้อ แต่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกยังคงวิกฤต ซึ่งเป็นคู่ค้าของไทยทั้งนั้น เพราะต่อให้เราดีขึ้น แต่ทั่วโลกยังไม่ดีขึ้นตาม มันก็ยังไม่สามารถช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น เพราะห่วงโซ่เศรษฐกิจมันเชื่อมโยงกันทั้งโลก และถ้ามองเพียงแค่กำลังซื้อ 65 ล้านคนในประเทศ ที่ตอนนี้ไม่ได้มีกำลังซื้อ 100% เพราะมีจำนวนผู้ว่างงานสูงเป็นหลักเกือบ 10 ล้านคน ก็อาจจะเล็กเกินไปที่จะขับเคลื่อนให้พ้นวิกฤตหรือไม่ หรือเต็มที่ก็อาจทำได้แค่ประครองตัวไปอย่าให้ทรุดกว่านี้

 

Facebook ไล่พนักงานออก
หลังพบว่าเที่ยวไปกดดันให้เพื่อนร่วมงาน
ติดแฮชแท็กทางการเมืองที่ตัวเองต้องการ

Facebook ประกาศไล่นาย Bradon Dail (เบรดอน เดล) ออกจากบริษัท หลังพบพฤติกรรมกดดันและบังคับให้เพื่อนร่วมงานใส่แบนแนอร์แฮชแท็ก #BlackLivesMatter ลงไปในโปรเจกต์ Recoil ซึ่งเป็นฐานข้อมูลเปิดของทาง Facebook

อดีตพนักงาน Facebook ผู้ทำหน้าที่เป็นวิศวกรผู้ออกแบบ User Interface ให้กับ Facebook ประจำสำนักงานในเมืองซีแอตเทิลได้เรียกร้องให้เพื่อนร่วมงานที่ดูแลโครงการ Recoil หนึ่งในโครงการฐานข้อมูลเปิด (Open-Source) ของ Facebook ติดแบนเนอร์ #BackLivesMatter เช่นเดียวกับที่ใส่ไว้ในโปรเจกต์ React

เมื่อเพื่อนร่วมงานปฏิเสธที่จะทำตาม Dail ได้ลากพวกเขาไปเพื่อโจมตีในทวิตเตอร์ โดยโฆษกของบริษัท Facebook กล่าวกับสื่อว่า “เราสามารถระบุถึงปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน จากทวิตเตอร์ของ Bradon”

Dail เป็นหนึ่งในพนักงานของ Facebook ที่ออกมาพูดวิจารณ์ในที่สาธารณะเกี่ยวกับท่าทีของนาย Mark Zuckerberg (มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก) ผู้บริหาร Facebook ว่าไม่ยอมจัดการกับโพสต์ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่พูดถึงการชุมนุมในสหรัฐฯ ว่า “เมื่อการปล้นเกิดขึ้น การยิงก็เริ่มขึ้นเช่นกัน”

โดยทางทวิตเตอร์ได้ติดคำเตือนในโพสต์ดังกล่าวของทรัมป์ว่ามีการยั่วยุให้เกิดความรุนแรง ในขณะที่ทาง Facebook ไม่ได้มีการดำเนินการใด ๆ กับโพสต์ดังกล่าว ทั้งนี้ซักเคอร์เบิร์กได้ชี้แจงถึงเหตุผลในช่วงการประชุมกับพนักงานในบริษัทเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยระหว่างการประชุม Dail ได้ออกมาทวีตข้อความระบุว่า “วันนี้เป็นที่ชัดเจนแล้ว ว่าผู้นำของเราปฏิเสธที่จะยืนเคียงข้างพวกเรา”

#roundtablethailand
Roundtablethailand.com

ที่มา:
- https://www.businessinsider.com/facebook-fires-employee-who-protested-its-inaction-on-trump-tweets-2020-6
- https://www.aljazeera.com/news/2020/06/facebook-fires-employee-protested-inaction-trump-posts-200613040215148.html
- https://www.abc.net.au/news/2020-06-13/facebook-fires-employee-over-black-lives-matter-public-post/12352418

 

15 มิถุนายน 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แสดงความกังวลต่อสถานการณ์ในช่วงนี้ว่า ตนมีความกังวล หลังมีกลุ่มบุคคลกำลังทำการล่วงละเมิดสถาบัน ขอร้องทุกคนในฐานะที่เป็นคนไทย อย่าไปเชื่อฟังกลุ่มที่บิดเบือน เผยแพร่ข้อมูลต่าง ๆ ที่สร้างความเกลียดชัง และเชื่อมโยงข้อมูลที่ไม่เป็นจริง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากให้ทุกคนตั้งข้อสังเกตว่าสิ่งที่กลุ่มดังกล่าวดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง มันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว และกลุ่มบุคคลนี้มีความต้องการสิ่งใด จึงขออย่าตกเป็นเครื่องมือในการเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือน เชื่อว่าทุกคนรู้ดีว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้ดำเนินการต่าง ๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร และใกล้วันสำคัญในประเทศใช่หรือไม่

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลกำลังดำเนินการสอบสวนในเรื่องนี้แต่ตามกฏหมายที่มีอยู่ พร้อมห่วงใยเด็กและนักศึกษาที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะกลัวว่าจะไม่มีอนาคตและไม่มีงานทำ เนื่องจากหลายหน่วยงานไม่อยากได้คนที่มีทัศนคติแบบนี้ไปร่วมงาน และอนาคตจะทำมาได้กินอย่างไร โดยเฉพาะผู้บริสุทธิ์ที่ถูกชักนำ

"สิ่งสำคัญที่สุดอยากให้ทุกคนได้สำนึกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านทรงพระเมตตา ไม่อยากให้ใช้กฏหมายมาตรา 112 ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นว่าไม่ค่อยมีใครถูกดำเนินคดีหรือมีปัญหาในเรื่องนี้ แต่ก็พบว่ามีการละเมิดอย่างต่อเนื่อง ตนมีความจำเป็นที่จะพูดเพื่อต้องการให้บ้านเมืองสงบ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มดังกล่าวที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านและแทบยุโรปนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลทำได้เพียงขอความร่วมมือและส่งหนังสือไปยังประเทศเหล่านี้ ซึ่งอยู่ที่ประเทศต้นทางว่าจะส่งตัวกลับมาหรือไม่ แต่ต้องยอมรับกฏหมายในต่างประเทศไม่สามารถส่งคนไปติดตามตัวกลับมาได้

"คนที่ไปอยู่ต่างประเทศหนีการทำผิดจากประเทศไทย ซึ่งบางคนมีคดีเล็กน้อย แต่ก็หนีไป เช่น บางคนถูกเรียกตัวแต่ก็ไม่มา กลับหนีและกล่าวหาผู้อื่นอย่างเสียหาย ที่สำคัญไม่ทราบแม้กระทั่งไปทำธุรกิจด้านใด กรณีนี้ในส่วนของกัมพูชาพร้อมจะดำเนินการสืบสวนสอบสวนให้ หากมีคนไปแจ้งความหรือร้องทุกข์ ซึ่งทางกัมพูชาได้ประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศมาแล้ว" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลได้ขอความร่วมมือไปยังทุกประเทศที่มีความกลุ่มเหล่านี้เคลื่อนไหวอยู่เพราะทุกคนเป็นผู้ลี้ภัย แต่ตนมองเห็นว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้น่าจะมีจิตสำนึก เมื่อต่างประเทศให้ที่พำนักแล้วก็ไม่ควรที่จะเคลื่อนไหว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต หากวันใดที่ประเทศนั้นไม่ให้อาศัยอยู่แล้วจะไปอยู่ในประเทศใด ยอมรับว่าเห็นใจเพราะตนไม่ใช่คนใจร้าย และมีความสงสารที่เป็นคนไทยเหมือนกัน ยืนยันว่าไม่มีรังแกใคร

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ขอความร่วมมือประชาชนทุกคนที่อยู่ในประเทศไทย ต้องช่วยกันรักษาชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เพราะประเทศไทยไม่เหมือนที่อื่น และการเปลื่ยนแปลงประเทศที่ผ่านมาไม่ได้เกิดความรุนแรง หลายประเทศที่เปลื่ยนแปลงเป็นประชาธิปไตยได้เกิดความรุนแรงมาก่อน จึงไม่อยากให้ประเทศไทยเกิดเหตุการณ์เหมือนต่างประเทศ

#roundtablethailand
Roundtablethailand.com

 

ไทยไม่พบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม ต้อนรับคลายล็อกเฟส 4 ไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศแล้ว 3 สัปดาห์ต่อเนื่อง แต่ยังต้องระวังเปิดกิจการสีแดง ต้องคงสถานภาพปลอดเชื้อต่อไปให้ได้ ย้ำแม้ยกเลิกเคอร์ฟิวก็ยังต้องใส่หน้ากากป้องกันเชื้อ ระบุ "คูเวต" มีอัตราเดินทางกลับมาแล้วป่วยสูงสุด

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000061660

 

คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2563 มีมติเห็นชอบ แผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ฉบับปรับปรุงล่าสุด ที่กระทรวงการคลัง รับภาระปลดหนี้ก้อนใหญ่ 127,786.1 ล้านบาท โดยหวังว่าจะสามารถฟื้นฟู ขสมก. ที่ประสบผลขาดทุนยาวนานมาตั้งแต่ปี 2519 โดยหลังปี 2572 จะต้องไม่ขาดทุนอีก

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000061608

 

'สามารถ' ปูด 'บิ๊กการบินไทย' ฟันค่าน้ำมันรถ 75,000 บาทต่อเดือน

15 มิถุนายน 2563

"สามารถ" ปูดระดับเงินเดือน "การบินไทย" แฉระดับบิ๊กฟันค่าน้ำมันรถ 75,000 บาทต่อเดือน ออนท็อปเงินเดือนอีก 7 แสน เตือนหากไม่ปิดรูรั่วการใช้เงิน ระวังจะก้าวลึกเกินกว่าการฟื้นฟูกิจการ นั่นคือล้มละลาย!

เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 63 นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ - Dr.Samart Ratchapolsitte ระบุถึง ค่าน้ำมันรถของบิ๊กการบินไทย ที่สูงถึง 75,00 บาทต่อเดือน โดยเนื้อหาระบุว่า...

โอ้โห! ค่าน้ำมันรถ บิ๊กบินไทย 75,000 บาท/เดือน การบินไทยใจป้ำ จัดหนัก แถมค่าน้ำมันรถให้ผู้บริหารระดับสูง 75,000 บาท/เดือน ออนท็อปเงินเดือน 700,000 บาท

การให้ค่าน้ำมันรถรวมเป็นแพ็กเกจค่าจ้างถือเป็นเงื่อนไขการจ้างที่ทำกันได้ แต่ต้องมีความเหมาะสมและเป็นธรรมกับพนักงานทั้งหมดในองค์กร

การบินไทยได้จ่ายค่าเดินทาง (Transportation Allowance) หรือที่เรียกกันว่าค่าน้ำมันรถให้แก่พนักงานตั้งแต่ระดับ 8 ขึ้นไปที่จำเป็นต้องออกไปติดต่องานภายนอก ดังนี้

ระดับ 8 หรือผู้จัดการแผนก เงินเดือนสูงสุด 83,000 บาทได้รับค่าน้ำมันรถ 2,915 บาท/เดือน
ระดับ 9 หรือผู้จัดการกอง เงินเดือนสูงสุด 108,000 บาท ได้รับค่าน้ำมันรถ 3,200 บาท/เดือน
ระดับ 10 หรือผู้อำนวยการ เงินเดือนสูงสุด 150,000 บาท ได้รับค่าน้ำมันรถ 6,900 บาท/เดือน
ระดับ 11 หรือผู้อำนวยการใหญ่ (VP) เงินเดือนสูงสุด 240,000 บาท ได้รับค่าน้ำมันรถ 70,000 บาท/เดือน
ระดับ 12 หรือผู้ช่วยรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (SVP) ได้รับเงินเดือนและสิทธิประโยชน์เท่ากับ VP
ระดับ 13 หรือรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (EVP) เงินเดือน 650,000-700,000 บาท ได้รับค่าน้ำมันรถ 75,000 บาท/เดือน

จะเห็นว่าค่าน้ำมันรถของพนักงานระดับ 8-10 มีความเหมาะสม ไม่สูง แต่ค่าน้ำมันรถของพนักงานระดับ 11-13 นั้นสูงมาก โดยการบินไทยอ้างว่าพนักงานระดับนี้เป็นผู้บริหารระดับสูงที่ต้องมีรถประจำตำแหน่งพร้อมคนขับ แต่มีข้อโต้แย้งจากพนักงานที่ดำรงตำแหน่งในระดับดังกล่าวว่าตัวเองมีรถอยู่แล้ว ขอให้เปลี่ยนเป็นค่าน้ำมันและค่าจ้างคนขับแทน

การจ่ายค่าน้ำมันรถให้พนักงานระดับ 13 หรือรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (EVP) เป็นเงิน 75,000 บาท/เดือน เมื่อรวมกับเงินเดือนประมาณ 650,000-700,000 บาท และเงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 9% ของเงินเดือนหรือคิดเป็น 58,500-63,000 บาท EVP จะมีรายได้รวมประมาณ 783,500-838,000 บาท/เดือน ซึ่งถือว่าสูงมาก จึงมีข้อท้วงติงจากพนักงานอื่นดังนี้

1. ในความเป็นจริง EVP ไม่ได้นำเงินค่าน้ำมันรถที่การบินไทยจ่ายให้ไปใช้ตามวัตถุประสงค์ ดังจะเห็นได้จาก เมื่อจะเดินทางไปติดต่องานภายนอกก็ยังคงเบิกรถและคนขับจากส่วนกลางของการบินไทยไปใช้เป็นประจำ

2. EVP เป็นพนักงานที่มีสัญญาจ้างเช่นเดียวกับกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (DD) แต่ DD ซึ่งได้รับเงินเดือนประมาณ 800,000 บาท เหมารวมทุกอย่าง ดังนั้น EVP ก็ควรได้รับเฉพาะเงินเดือนประมาณ 650,000-700,000 บาท เหมารวมทุกอย่างเช่นเดียวกัน ไม่ควรจะได้รับค่าน้ำมันรถและเงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพิ่มเติมอีกต่างหาก

การบินไทยกำลังเดินเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการในเร็ววันนี้ หากไม่ปิดรูรั่วการใช้เงิน ระวังจะก้าวลึกเกินกว่าการฟื้นฟูกิจการ นั่นคือล้มละลาย! ซึ่งผมไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น

https://www.bangkokbiznews.com/news...ns&utm_campaign=75 000&utm_content=&utm_term=

 

“นพ.เกรียงศักดิ์” แถลงข่าวขอถอนตัวจากรักษาการตำแหน่ง ผอ.รพ.ขอนแก่นแล้ว โดยจะทำหนังสือเสนอปลัดกระทรวงฯ ภายในวันนี้ ยืนยันไม่เกี่ยวกับแรงกดดัน พร้อมกลับไปเป็น ผอ.รพ.พระปกเกล้า จันทบุรี ตามเดิม

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000061656