ติดตามสถานะการณ์

ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของวงการอวกาศบ้านเรา เมื่อวันนี้มีข่าวว่า กองทัพอากาศมีกำหนดยิงนำส่งดาวเทียมเพื่อความมั่นคง “นภา-1” (NAPA-1) ขึ้นสู่อวกาศ ที่เฟรนช์เกียนา ดินแดนของสาธารณรัฐฝรั่งเศส ที่ตั้งอยู่ทางตอนบนของทวีปอเมริกาใต้ ในวันที่ 19 มิ.ย.63 เวลา 08.51 น. ตามเวลาประเทศไทย
.
โดยจะเข้าสู่วงโคจรแบบ Low Earth Orbit ที่ระดับความสูงประมาณ 500 กิโลเมตร ด้วยจรวด Vega จากฐานยิงจรวด Ariane Launch Area 1 สำหรับดาวเทียม “นภา-1” เป็นดาวเทียมดวงแรกของกองทัพอากาศที่จะยิงขึ้นสู่ชั้นอวกาศ มีภารกิจในการลาดตระเวน และเฝ้าตรวจทางอวกาศ เพื่อตรวจการณ์พื้นที่ในประเทศที่จำเป็นต่อการปฏิบัติภารกิจด้านความมั่นคง
.
นอกจากนี้ กองทัพอากาศยังสามารถใช้ขีดความสามารถของดาวเทียมในการสนับสนุนงานด้านบรรเทาสาธารณภัยของประเทศ เช่น การสนับสนุนข้อมูลพื้นที่จุดความร้อนเพื่อการดับไฟป่า และการสนับสนุนข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการน้ำแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งในระดับประเทศ ซึ่งเป็นก้าวแรกที่สำคัญของการลาดตระเวนและเฝ้าตรวจทางอวกาศ เพื่อความมั่นคง และการพัฒนาประเทศในอนาคต

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/885169

-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook :
https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

ผลจากการปลดล็อกดาวน์ เริ่มมีผลกระทบมาให้เห็นอีกแล้ว หลังจากก่อนหน้านั้น ประเทศเกาหลี ก็เพิ่งพบการระบาดใหม่อีกรอบหลังจากเพิ่งปลดล็อกดาวน์ไป ล่าสุดประเทศจีน หลังจากปลดล็อกดาวน์ส่งผลให้คนออกไปจับจ่ายซื้อขายของที่ตลาดเยอะ ทำให้พบการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบใหม่วันเดียวกว่า 36 ราย ที่ตลาดซินฟาตี้ เมืองปักกิ่ง และที่อื่นๆอีก รวมเป็น 79 ราย
.
สำนักข่าวซินหัวรายงานอ้างถ้อยแถลงของ ซุนชุนหลาน รองนายกรัฐมนตรีของจีนที่กล่าวว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะการแพร่ระบาดในวงกว้างปักกิ่งตาม ขณะเดียวกันมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่เขตของปักกิ่งถูกถอดจากตำแหน่ง และบางส่วนของเมืองถูกล็อคดาวน์หลังพบการติดเชื้อกระจุกตัวเป็นกลุ่มจากตลาดซินฟาตี้
.

โดยรองนายกฯ จีนกล่าวในการประชุมเมื่อวันอาทิตย์ว่า มีความเสี่ยงสูงที่โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่จะกลับมาระบาดในวงกว้างในกรุงปักกิ่ง เนื่องจากทุกกรณีการติดเชื้อที่พบมีความเกี่ยวข้องกับตลาดขายส่งซินฟาตี้ ที่มีผู้ซื้อผู้ขายเข้าออกเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการติดเชื้อขานใหญ่ที่ซินฟาตี้ครั้งนี้ ทำให้ โจวอวี้ชิง รองหัวหน้าเขตปกครองท้องถิ่นในปักกิ่งซึ่งเป็นที่ตั้งของตลาดค้าส่งซินฟาตี้ถูกปลดออกจากตำแหน่งเนื่องจากบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่
.
ซึ่งเกิดขึ้นตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมาธิการกลางการตรวจสอบวินัย คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีนกล่าวว่าจีนรายงานการติดเชื้อรวม 79 รายเมื่อวันจันทร์ในจำนวนนี้ 36 รายอยู่ในปักกิ่งและ 3 รายในมณฑลเหอเป่ยซึ่งเป็นเขตล้อมรอบกรุงปักกิ่ง
.

นางซุนกล่าวต่อไปว่า ชุมชนจะต้องดำเนินมาตรการป้องกันและควบคุมอย่างเข้มงวดด้วยการคัดกรองผู้ป่วย ผู้ต้องสงสัยป่วย ผู้ใกล้ชิดผู้ป่วย แล้วให้กักดูอาการในสถานที่ที่กำหนดไว้ สถานที่ทางการแพทย์ทุกแห่งต้องตั้งคลินิกสำหรับผู้ป่วยที่มีไข้ ตลาดขายอาหาร ร้านอาหาร สถานที่กระจายสินค้าทั่วประเทศจะต้องฆ่าเชื้อและทำให้ปลอดเชื้อ และในขณะที่ดำเนินมาตรการป้องกันและควบคุมในประเทศอย่างเคร่งครัด ก็ต้องไม่หย่อนยานเรื่องการป้องกันการติดเชื้อจากผู้เดินทางมาจากต่างประเทศด้วย

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.scmp.com/news/china/soc...navirus-beijing-market-outbreak-cases-rise-79

https://www.thejakartapost.com/news...-from-beijing-market-spreads-to-liaoning.html

https://www.mcot.net/viewtna/5ee6ff96e3f8e40af945719f
https://www.posttoday.com/world/626021
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

วันที่ 6 มิถุนายน 2020 องค์กร National Endowment for Democracy หรือ NED ของสหรัฐฯ ได้โพสต์ข้อความผ่านบัญชีทวิตเตอร์ @NEDemocracy พร้อมกับลิงค์เว็บไซต์ NED ซึ่งเป็นลิงค์คำแถลงการณ์สนับสนุนการประท้วงทั่วประเทศสหรัฐฯ เพื่อต่อต้านตำรวจอเมริกันที่เหยียดผิว และต่อต้านการใช้ความรุนแรงของตำรวจ อันเป็นสาเหตุที่ทำให้นายจอร์จ ฟลอยด์ (George Floyd) เสียชีวิต ซึ่งแถลงการณ์ของ NED มีเนื้อหาดังนี้
.....

“แถลงการณ์ของ NED เรื่องปัญหาการเหยียด และประชาธิปไตย
.
5 มิถุนายน 2020
.
การที่ตำรวจเมืองมินนีอาโปลิสฆ่านายจอร์จ ฟลอยด์อย่างเหี้ยมโหดนั้น ได้ทำให้เกิดความโกรธและความเคียดแค้นที่สหรัฐฯไม่เคยมีมานาน นับตั้งแต่กรณีการลอบสังหาร ดร. มาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนียร์ (Martin Luther King, Jr.) กว่า 50 ปีที่แล้ว ประชาธิปไตยของเรากำลังถูกทดสอบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เราจะไม่สามารถฝ่าฟันอุปสรรคนี้ไปได้ และไม่สามารถเยียวยาประเทศชาติที่แตกแยกนี้ได้เลย เว้นเสียแต่ว่าตำรวจ 4 นายที่ร่วมกันฆ่านายจอร์จ ฟลอยด์ จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุด และเว้นเสียแต่ว่าอเมริกาจะปฏิบัติตามหลักการพื้นฐาน ด้านความยุติธรรมระหว่างเชื้อชาติ และความเท่าเทียมกันสำหรับประชาชนทุกคน
.
ภารกิจของ NED คือให้การสนับสนุนผู้คนทั่วโลกต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ซึ่งมีหลักการแบบเดียวกันกับอุดมการณ์ด้านเสรีภาพ และความเท่าเทียมกันของมนุษย์ ที่เป็นแรงขับเคลื่อนของการเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิพลเมือง จนสามารถยกเลิกระบบ จิม โครว์ (Jim Crow) ที่เขียนกฎหมายกีดกันและแบ่งแยกเชื้อชาติในสหรัฐฯ อุดมการณ์ความเท่าเทียมกันเช่นนี้ ได้ฝังลึกกลายเป็นความเชื่อของชาวอเมริกัน และมันเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับพวกเขา ที่ได้เห็นการเคลื่อนไหวของสิทธิพลเมือง บรรลุผลไปอีกขึ้นหนึ่งของประวัติศาสตร์ แต่ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องเดินหน้าต่อสู้ต่อไปเพื่อยุติปัญหาการเหยียดผิว หากทำได้ เราจะเป็นประเทศที่มีความสมานฉันท์ปรองดองยิ่งขึ้นและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
.
มันเป็นการยากที่จะกำจัดความอยุติธรรม ที่จารึกอยู่ในประวัติศาสตร์ และฝังรากลึกอยู่ในสังคม ทั้งในประเทศและต่างประเทศ การต่อสู้เพื่อความยุติธรรมยังคงดำเนินต่อไป และเรามีความหวังว่า ความโกรธแค้นอย่างรุนแรงที่มาจากการฆาตกรรมนายจอร์จ ฟลอยด์ นายอาห์มอด อาร์เบรีย์ (Ahmaud Arbery) นางสาวบรีออนนา เทย์เลอร์ (Breonna Taylor) และอีกหลายคนที่ถูกฆาตกรรม จะก่อให้เกิดความต้องการทางการเมืองรูปแบบใหม่ ท่ามกลางการแบ่งออกเป็นสองฝ่าย เพื่อปฏิรูปประชาธิปไตยของเรา การเคลื่อนไหวประท้วงเช่นนี้ ไม่ใช่เพื่อประโยชน์สำหรับประเทศเท่านั้น แต่เพื่อประโยชน์ของผู้กล้าทุกคนที่อยู่ในแนวหน้าของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยทั่วโลก ซึ่งพวกเขามีพันธสัญญาร่วมกัน เพื่อสิทธิมนุษยชน และความเท่าเทียมกันภายใต้หลักนิติธรรม
.
สิทธิในการชุมนุมอย่างสันติ เสรีภาพในการรวมตัวชุมนุม และเสรีภาพในการแสดงออก เราต้องปกป้องสิ่งเหล่านี้ ทั้งในสหรัฐฯและที่อื่นๆ สิทธิเหล่านี้คือสิ่งที่สำคัญและเป็นความสำเร็จของสังคมประชาธิปไตย กลุ่มผู้ประท้วงและเสียงของผู้ไม่เห็นด้วย ควรมีสิทธิที่จะได้รับการคุ้มครองให้ปลอดภัย เมื่อพวกเขาเดินขบวนอย่างสันติ ผู้คนควรได้รับฟังเสียงจากพวกเขา หลักการเหล่านี้คือรากฐานที่สำคัญของ NED และเป็นรากฐานที่สำคัญของโลก ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่กลุ่มบุคคลทั้งหลาย ควรนำอุดมการณ์เหล่านี้ไปสู่บ้านเกิดของพวกเขา แหล่งชุมชนของพวกเขา และที่ทำงานของพวกเขา เพื่อให้เกิดการตื่นรู้เกี่ยวกับหลักการเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเผชิญหน้ากับความอยุติธรรม
.
ขอให้วิกฤตที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ นำไปสู่การการตื่นรู้ในอุดมการณ์เพื่อเสริมสร้างประชาธิปไตยของเรา และขอให้สิ่งนี้มอบความหวังให้กับคนอื่นๆ ในประเทศต่างๆ ที่มีพันธสัญญาร่วมกัน เพื่ออิสรภาพ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์”

…..

จากแถลงการณ์ฉบับนี้ของ NED สามารถสรุปได้ว่า นอกจากจะเป็นการประกาศสนับสนุนการประท้วงในสหรัฐฯแล้ว NED ต้องการให้กลุ่มนักเคลื่อนไหวในหลายประเทศทั่วโลก ออกมาเคลื่อนไหวประท้วงไปพร้อมๆกันเหมือนในสหรัฐฯ โดยนำหลักการของ NED นำไปใช้เคลื่อนไหวภายในประเทศของตนเอง ซึ่ง NED จะคอยให้การสนับสนุนนักเคลื่อนไหวทั่วโลก

…..

อย่างไรก็ตาม มีผู้ใช้ทวิตเตอร์จำนวนหนึ่งที่รีทวีตถึง NED เกี่ยวกับการโพสต์แถลงการณ์นี้ อาทิเช่น
.
“CIA says what?”
“CIA ว่าอะไรนะ”
.
“The people in your own country need the money more at home than other countries needs it from you to create chaos and unrest.”
“ประชาชนในประเทศของคุณต้องการเงินมากกว่าที่ประเทศอื่นต้องการเงินจากคุณ เพื่อสร้างความไม่สงบและความหายนะ”
.
“You guys are literally evil, not figuratively evil but LITERALLY EVIL.”
“พวกคุณชั่วร้ายจริงๆ, ไม่ใช่ชั่วร้ายแบบอุปมาอุปไมย แต่ชั่วร้ายจริงๆ”
.
“Yeah, please stay out of this. You're literally spreading terror and chaos across the globe under the guise of bringing "democracy" to Americas competitors. #CIAcutout”
.
“ใช่, ได้โปรดอย่ามายุ่ง เพราะความจริงแล้วคุณแพร่กระจายภัยคุกคามและหายนะไปทั่วทุกมุมโลก บังหน้าด้วยการส่ง “ประชาธิปไตย” ให้แก่คู่แข่งของอเมริกา #CIAcutout”
.
“Go home and promote regime change in US ... dont mess with powerful countries like China & Russia coz you aint going to achieve regime change in China and Russia!”
“กลับบ้านไปซะ แล้วไปเปลี่ยนแปลงการปกครองในสหรัฐฯ...อย่ามายุ่งกับประเทศที่แข็งแกร่งอย่างจีนและรัสเซีย เพราะคุณไม่มีทางเปลี่ยนแปลงการปกครองในจีนและรัสเซียได้สำเร็จหรอก”
…..

ทั้งนี้ องค์กร National Endowment for Democracy หรือ NED ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1983 ในสมัยของประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน (Ronald Reagan) ซึ่งเป็นองค์กรในสังกัดของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ และ USAID (United States Agency for International Development) ที่ได้เสียงสนับสนุนจากทั้งพรรครีพับลิกัน และพรรคเดโมแครต โดย NED มีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริม “ประชาธิปไตย” ผ่านสื่อมวลชน สหภาพแรงงาน นักเคลื่อนไหว พรรคการเมือง และมหาวิทยาลัย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
.
นอกจากความคิดเห็นในทวิตเตอร์เกี่ยวกับ NED แล้ว ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงที่ว่า NED ทำงานเป็นเครือข่ายร่วมกับหน่วยข่าวกรอง CIA ของสหรัฐฯ ซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหลายนี้ สอดคล้องกับสิ่งที่นายอาลเลน ไวน์สตีน (Allen Weinstein) ผู้ร่วมก่อตั้ง NED เคยให้สัมภาษณ์อย่างเปิดเผยว่า “A lot of what we do today was done covertly 25 years ago by the CIA.” ซึ่งแปลว่า “หลายๆสิ่งที่เราทำทุกวันนี้ คือสิ่งที่ CIA เคยทำมาแล้วตลอด 25 ปีที่ผ่านมา”

…..

ทางด้านของสำนักข่าว RT ของรัสเซีย ก็ระบุว่า องค์กร NED ได้ถูกรัฐบาลรัสเซียกำหนดให้เป็นองค์กรที่ “ไม่เป็นที่ต้องการ” ทำให้ NED ไม่สามารถทำธุรกิจหรือกิจกรรมใดๆในรัสเซีย และถูกขับไล่ออกจากรัสเซีย เมื่อปี 2015 โทษฐานที่พยายามแทรกแซงการเลือกตั้งรัสเซีย และโทษฐานพยายามแทรกแซงกิจการด้านการทหารของรัสเซีย เช่นเดียวกับรัฐบาลจีนที่ออกมาตรการคว่ำบาตร NED และองค์กรอื่นๆในเครือพันธมิตรของ NED เมื่อเดือนธันวาคม 2019 โทษฐานที่อยู่เบื้องหลังการประท้วงในฮ่องกง
.
ส่วนนาย Nebojsa Malic ผู้สื่อข่าวของ RT ก็วิเคราะห์ว่า ยุทธวิธี “เปลี่ยนแปลงการปกครอง” หรือ “regime change” ของ NED ที่เคยถูกใช้ในประเทศต่างๆ ตอนนี้ยุทธวิธีนี้กำลังถูกย้อนกลับมาใช้ในสหรัฐฯเสียเอง ซึ่งมาถึงตรงจุดนี้ หลายคนอาจแปลกใจหรือสับสน ว่าทำไม NED และเครือข่ายในพันธมิตร ถึงมีจุดยืนและแนวทางการทำงาน ที่หนุนหลังกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลทรัมป์
.
แต่เมื่อพิจารณารายงานจากสำนักข่าว Vox เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2018 เกี่ยวกับงบประมาณปี 2018-2019 ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ก็พบว่าน่าสนใจมาก ซึ่งสำนักข่าว Vox เผยว่ารัฐบาลทรัมป์ได้ตัดงบประมาณของ NED ลดลงเหลือไม่ถึง 40% สอดคล้องกับเอกสารงบประมาณของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ระบุว่า งบประมาณสำหรับ NED จากเดิมที่ได้ 169 ล้านดอลลาร์ในปี 2018 เหลือเพียง 67 ล้านดอลลาร์ในปี 2019 และเมื่อพิจารณาถึงเรื่อง “เงินๆทองๆ” จึงทำให้เข้าใจได้มากขึ้นว่า เหตุใด NED และเครือข่าย ถึงมีจุดยืนและแนวทางการทำงานที่ไม่เป็นมิตรกับรัฐบาลทรัมป์

-------------------------------
แหล่งข่าว



https://www.ned.org/ned-statement-on-racism-and-democracy/

https://www.rt.com/usa/491008-ned-endorses-protests-regime-change/

https://www.vox.com/policy-and-poli...72/trump-budget-state-department-defense-cuts

https://www.whitehouse.gov/wp-content/uploads/2018/02/sta-fy2019.pdf
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook :
https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

เมื่อวานนี้ นายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ หัวหน้างานบริการวิชาการทางดาราศาสตร์สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ หรือสดร. เปิดเผยว่าในวันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน 2563 จะเกิดปรากฏการณ์ “สุริยุปราคาวงแหวน” แนวคราสวงแหวนพาดผ่านสาธารณรัฐแอฟริกากลาง สาธารณรัฐคองโก เอธิโอเปียตอนใต้ของปากีสถาน ตอนเหนือของอินเดีย และสาธารณรัฐประชาชนจีน
.
ส่วนทางด้านประเทศไทยจะเห็นเป็น “สุริยุปราคาบางส่วน” ดวงจันทร์บดบังดวงอาทิตย์เพียงบางส่วนทำให้มองเห็นดวงอาทิตย์เว้าแหว่ง สามารถสังเกตได้ทุกภูมิภาคของไทย แต่ละภูมิภาคจะมองเห็นดวงอาทิตย์เว้าแหว่งมากน้อยแตกต่างกันดวงอาทิตย์ ซึ่งจะถูกบดบังมากที่สุดบริเวณภาคเหนือ ที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ประมาณร้อยละ 63
.
ส่วนภาคใต้ที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ดวงอาทิตย์จะถูกบดบังน้อยที่สุด คือเพียงร้อยละ 16 โดยสำหรับกรุงเทพมหานคร ดวงอาทิตย์จะถูกบดบังประมาณร้อยละ 40 สามารถสังเกตได้ในช่วงเวลาประมาณ 13.00 น.-16.10 น. ตามเวลาประเทศไทยดวงอาทิตย์จะปรากฏเว้าแหว่งมากที่สุดเวลาประมาณ14.49 น.
.
ผู้ที่สนใจจะชมปรากฏการณ์นั้น ห้ามสังเกตการณ์ด้วยตาเปล่า แว่นกันแดด ฟิล์มเอ็กซ์เรย์ หรือแผ่นซีดี เนื่องจากแสงอาทิตย์สามารถทำลายเซลส์ประสาทตาจนตาบอดได้ ควรสังเกตการณ์ผ่านอุปกรณ์เฉพาะที่มีคุณสมบัติกรองแสงได้อย่างปลอดภัย อาทิ แว่นตาดูดวงอาทิตย์ ทำจากแผ่นกรองแสงพอลิเมอร์ดำ แผ่นกรองแสงอะลูมิเนียมไมลาร์ กระจกแผ่นกรองแสง สำหรับหน้ากากเชื่อมโลหะเบอร์ 14 หรือมากกว่านั้น และอุปกรณ์สังเกตการณ์ดวงอาทิตย์ทางอ้อม เช่น การดูเงาของแสงอาทิตย์ผ่านฉากรับภาพ หรือใช้หลักการของกล้องรูเข็มซึ่งเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยไม่เกิดอันตรายต่อดวงตา และยังสามารถดูปรากฏการณ์ดังกล่าวได้ทีละหลายคน
.
ซึ่งขณะนี้ จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ทาง สดร.จึงปรับเปลี่ยนรูปแบบกิจกรรมจากการตั้งจุดสังเกตการณ์หลัก เพื่อให้บริการประชาชนมาเป็นการถ่ายทอดสดปรากฏการณ์สุริยุปราคาบางส่วนจากหอดูดาวภูมิภาคทั้ง 4 แห่ง ของสดร. ซึ่งได้แก่อุทยานดาราศาสตร์สิรินธร อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ และหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติฯนครราชสีมา ฉะเชิงเทรา และสงขลาในวันที่21มิถุนายน2563ตั้งแต่เวลา13.00 น.-16.10 น. อีกทั้ง ยังสามารถติดตามได้ทางเพจเฟซบุ๊ก NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ
.
สำหรับคนที่พลาดการรับชม ปรากฏการณ์สุริยุปราคาครั้งต่อไปที่สามารถสังเกตได้ในประเทศไทย คือสุริยุปราคาบางส่วนในวันที่ 2 สิงหาคม 2570 ซึ่งจะต้องรออีก7ปีต่อจากนี้
.
-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.tnnthailand.com/content/43958

http://www.facebook.com/NARITpage
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook :
https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นางยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าราชการกรุงโตเกียว ประกาศว่า กรุงโตเกียวพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่ม 47 คน โดยมีผู้ป่วย 18 รายที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ติดเชื้อในสถานบันเทิงของกรุงโตเกียว
.
ต้องถือว่านี่เป็นการพบผู้ป่วยรายวันสูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยพิ่มจำนวนผู้ป่วยสะสมเฉพาะในกรุงโตเกียวเป็นอย่างน้อย 5,544 คน และเมื่อจำแนกผู้ป่วยกลุ่มใหม่พบว่ามีอย่างน้อย 18 คน เชื่อมโยงกับสถานบันเทิงในย่านชินจุกุ ซึ่งสื่อบางแห่งรายงานว่าเป็นบาร์โฮสต์
.
โดยรัฐบาลญี่ปุ่นได้เรียกร้องให้ผู้ที่ทำงานในสถานบันเทิง และแหล่งท่องเที่ยวตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นประจำ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในย่านสถานบันเทิง อาทิ ย่านคาบูกิโจในแขวงชินจูกุ

.-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.japantimes.co.jp/news/2020/06/14/national/tokyo-47-covid-19-cases/#.XuZVMtUzbIU

https://english.kyodonews.net/news/...tokyo-sees-47-new-coronavirus-infections.html

https://www.mcot.net/viewtna/5ee64342e3f8e40af84525e0
https://www.posttoday.com/world/626003

-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

นี่น่าจะเป็นอีกสถานการณ์ที่ทั่วโลกต้องจับตา เมื่อถึงคราวประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ ถูก UN สอบสวนฐานละเมิดสิทธิมนุษยชน
.
วันนี้มีรายงานจากสื่อต่างประเทศว่า คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) จะจัดให้มีการอภิปรายอย่างเร่งด่วนเกี่ยวกับข้อกล่าวหาต่อสหรัฐฯ เรื่องการเหยียดเชื้อชาติอย่างเป็นระบบ เรื่องความโหดร้ายของตำรวจ และการใช้ความรุนแรงต่อการประท้วงอย่างสันติ โดยการอภิปรายจะจัดขึ้นในวันวันพุธที่ 17 มิถุนายนนี้
.
ซึ่งการตัดสินใจของ UNHRC เพื่อหาจัดเวทีอภิปรายเรื่องนี้เป็นตามคำร้องขอเมื่อสัปดาห์ที่แล้วของประเทศเบอร์กินาฟาโซ ในนามของประเทศต่างๆ ในทวีปแอฟริกา
.
“น่าเสียดายที่การตายของจอร์จ ฟลอยด์นั้นไม่ใช่เหตุการณ์เดียว” แถลงการณ์ระบุโดยสะท้อนว่าการเหยียดผิวจนทำให้ตำรวจใช้ความรุนแรงกับคนผิวดำเป็นเรื่องเกิดขึ้นบ่อยครั้งในสหรัฐฯ แม้แต่ระหว่างการประท้วงต่อต้านความรุนแรงกับคนผิวดำหลังการตายของจอร์จ ฟลอยด์ ก็ยังเกิดเหตุวิสามัญฆาตกรรมคนผิวดำในสหรัฐฯ ล่าสุดคือการฆ่าชายผิวดำที่ชื่อริชาร์ด บรูคส์ ในเมืองแอตแลนตาจนทำให้เกิดจลาจลรุนแรงในเมืองนี้

ทั้งนี้ การเหยียดเชื้อชาติอย่างเป็นระบบ (systemic racism) หมายถึงการมีอคติต่อเชื้อชาติใดเชื้อชาติหนึ่งโดยใช้ วิธีอำพรางอย่างแนบเนียน เช่น การอ้างกฎหมายเพื่อจับกุมทั้งๆ ที่เป็นความผิดสถานเบาแต่ถูกลงโทษสถานหนัก การปิดกั้นไม่ให้เข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจ จนทำให้เป็นคนด้อยโอกาสในสังคม การถูกเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายเพ่งเล็งเพื่อเอาผิดมากกว่าคนสีผิวหรือเชื้อชาติอื่นๆ เหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นเป็นปกติในสหรัฐฯ
.
การเหยียดเชื้อชาติถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนตามปฏิญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติทุกรูปแบบของสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเมื่อปี 1963 โดยมาตรา 1 ประกาศว่าการเลือกปฏิบัติบนพื้นฐานของเชื้อชาติสีผิวหรือชาติพันธุ์เป็น "การกระทำผิดต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์" และเป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานของกฎบัตรสหประชาชาติ เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคง
.
UNHRC มีสมาชิก 47 ประเทศ ซึ่งสมาชิกของสภาจะคัดเลือกจากสมัชชาใหญ่สหประชาชาติมีตำแหน่งหมุน เวียนวาระละ 3 ปี อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ไม่ได้เป็นสมาชิกเพราะเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2018 ไมค์ พอมพีโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ และนิกกี้ ฮาร์ลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำ
.
UNHRC ประกาศว่า สหรัฐอเมริกาภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะถอนตัวออกจาก UNHRC โดยกล่าวหาว่าสภาเป็น "มือถือสากปากถือศีล และรับใช้ผลประโยชน์ตัวเอง" สาเหตุก็เพราะ UNHRC มีท่าทีเป็นเป็นปฏิปักษ์กับอิสราเอล อันเป็นมหามิตรของสหรัฐฯ
.
หลังจากที่สหรัฐฯ ถอนตัวไปจาก UNHRC จีนก็เข้าเป็นสมาชิกใวันที่ 1 เมษายน 2020

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.aljazeera.com/news/2020...ity-atlanta-live-updates-200614040635038.html

https://www.telegraph.co.uk/news/20...proves-urgent-debate-racism-police-brutality/

https://www.posttoday.com/world/626058
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook :
https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.63 ทางเพจเฟซบุ๊กของ “Thai Airways” ได้ออกมาโพสต์ข้อความว่า
.
เรียนลูกค้าการบินไทยทุกท่าน ทาง บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ขอชี้แจง เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องสำหรับหนังสือ เอกสาร หรือข้อความจากศาลล้มละลายกลาง เกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ ผ่านทางระบบอีเมล หรือ SMS อันเป็นผลมาจากการเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ในฐานะที่ท่านเป็นลูกค้า ที่มีความสำคัญต่อบริษัทฯ และควรที่จะรับทราบการดำเนินการต่าง ๆ ของบริษัทฯ
.
อย่างไรก็ดี ท่านไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ ในการยื่นขอรับชำระหนี้ เนื่องจากบริษัทฯ มีนโยบาย และความมุ่งมั่นที่จะตั้งใจ ในการดูแลลูกค้าทุกท่านอย่างดีที่สุดในฐานะลูกค้าที่สำคัญ ภายใต้กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ทั้งในส่วนของการคืนค่าบัตรโดยสาร การดูแลสมาชิกรอยัล ออร์คิด พลัส และบัตรโดยสารที่ท่านถืออยู่ จึงขอให้ลูกค้าไว้วางใจ และเชื่อมั่นว่าบริษัทฯ จะสามารถก้าวผ่านวิกฤต และอุปสรรคในครั้งนี้ และกลับมาบริการทุกท่านตามปกติ
.
ทางบริษัทฯ ขอขอบพระคุณลูกค้าทุกท่าน ที่เข้าใจสถานการณ์ของบริษัทฯ และให้การสนับสนุนกิจการของบริษัทฯ มาโดยตลอด และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถกลับมาให้บริการแก่ลูกค้าทุกท่านได้ภายหลังมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ที่เกี่ยวกับการเดินทางเข้า-ออก ประเทศไทยได้รับการผ่อนปรน
.
ทั้งนี้ ท่านสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับกระบวนการตามกฎหมายตลอดจนสิทธิ หน้าที่และผลกระทบต่อท่านลูกค้า ได้ที่ https://bit.ly/2UEuSJp
.
-------------------------------
แหล่งข่าว


-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook :
https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

หลังจากไม่นานมานี้มีข่าวว่า ประเทศจีนอาจจะพบกับการระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 2 จากตลาดค้าส่งแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง ล่าสุดศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกมาโพสต์เกี่ยวกับประเด็นที่น่าห่วงนี้ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยระบุว่า
...

โควิด-19 เป็นได้ทั้งไม่มีอาการ มีอาการน้อย จนถึงอาการมากปอดบวม จากการศึกษาที่ผ่านมาผู้ป่วยติดเชื้อแบบไม่มีอาการ พบได้ตั้งแต่ 5 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ถึงแม้ว่าในผู้ที่ไม่มีอาการ โอกาสจะแพร่เชื้อได้น้อยกว่าผู้ที่มีอาการ หรืออาจกล่าวได้ว่าผู้ที่ไม่มีอาการน่าจะมีไวรัส ในบริเวณลำคอ น้อยกว่าผู้ที่มีอาการ แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะแพร่เชื้อได้
.
ผู้ที่ไม่มีอาการจะพบว่ามีอายุน้อยกว่าผู้ที่มีอาการ ในการควบคุมการระบาดของโรค เราให้ความสำคัญกับผู้ที่ไม่มีอาการด้วย จึงมีการตรวจเชิงรุก สุ่มในประชากรที่เป็นกลุ่มก้อน หรือในแหล่งระบาดโรค ในประเทศจีนที่กรุงปักกิ่ง ถึงแม้จะไม่พบโรคมาแล้วถึง 50 วัน มีผู้ป่วยเกิดขึ้น และมีอาการ และแพร่กระจายออกไป
.
เมื่อมีการตรวจเชิงรุก ในผู้สัมผัสจำนวนว่า กลับพบว่ามีผู้ติดเชื้อมากกว่า 50 คน ในการติดเชื้อจำนวนมากนี้ ทำให้ต้องวางมาตรการเข้มข้นขึ้น และสวนเชิงลึกในประชากรที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อควบคุมโรคให้ได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะแพร่กระจายไปกว้างขวางกว่านี้
.
สำหรับประเทศไทย มีแรงงานต่างด้าวที่อยู่เป็นกลุ่มก้อน และยังมีแรงงานที่รอกลับสู่ประเทศไทย รวมทั้งชาวประมง ที่ไปหาปลาไกลถึงอินเดียและอินโดนีเซีย มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนปลา เรามีพรมแดนธรรมชาติอีกจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นทางบกและทางทะเล เราสามารถควบคุมทางอากาศได้ดี ทุกคนในประเทศ จะต้องช่วยกัน ปกป้องตัวเอง และปกป้องบุคคลที่อยู่ใกล้เคียงเรา
.
ในฤดูฝน ความชื้น และอุณหภูมิที่ลดลง จะทำให้เชื้อ โควิด-19อยู่ได้นานขึ้น การแพร่กระจายก็จะได้ง่ายขึ้นกว่าฤดูร้อนเดือนเมษายนและพฤษภาคมแน่นอน ท่าระบาดในรอบ 2 เราจะควบคุมยากกว่ารอบแรก โอกาสที่จะไปใช้มาตรการแบบครั้งแรก จะยากขึ้นเพราะทุกคนเดือดร้อน

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.facebook.com/yong.poovorawan
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook :
https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

ช่วงหลังเรามักได้ยินข่าวที่น่ายินดีเรื่องเกี่ยวกับธรรมชาติที่สวยงาม และสัตว์หายากเริ่มกลับมาสู้ท้องถิ่นเก่า หลังจากมาตรการล็อกดาวน์ปิดพื้นที่ ทำให้ป่าเขา และท้องทะเล ได้มีเวลาเยียวยาตัวเอง
.
ล่าสุดวันนี้นายวรพจน์ ล้อมลิ้ม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อ่าวมาหยา อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี หมู่ที่ 7 บ้านเกาะพีพี ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ว่า
.
ขณะเดินตรวจความเรียบร้อยทุกเช้าตามแนวชายหาดของอ่าวมาหยา ปรากฏว่าได้พบปูไก่ตัวใหญ่จำนวน 1 ตัว ซึ่งมีกระดองกว้างประมาณ 10 เซนติเมตร ยาวประมาณ 7 เซนติเมตร เดินขึ้นมาจากน้ำทะเลออกมาหากินอยู่บนแนวชายหาด แล้วเดินมุ่งหน้าเข้าไปยังแนวผักบุ้งทะเล ที่ได้มีการฟื้นฟูปลูกเสริมให้มีจำนวนมากขึ้น
.
โดยปูไก่ใช้เวลาเดินจากริมน้ำทะเลไปยังแนวผักบุ้งเกือบครึ่งชั่วโมง สร้างความตื่นเต้นและฮือฮาให้กับเจ้าหน้าที่ที่ได้พบเห็นเป็นอย่างมาก นับเป็นปรากฏการณ์ที่หาดูได้ยากมากเพราะที่ผ่านมาไม่เคยพบเห็นปูไก่มาหลาย 10 ปี จึงได้บันทึกคลิปวีดิโอและภาพนิ่งเอาไว้
.
นายวรพจน์ กล่าวต่อไปว่า ปูไก่ที่พบเห็นครั้งนี้ถือว่าเป็นตัวที่ใหญ่ที่สุดที่เคยพบมา บนชายหาดอ่าวมาหยา อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรกของอ่าวมาหยา ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการปิดอ่าวมาหยา วันที่ 1 มิถุนายน 2561 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน เพื่อฟื้นฟูสภาพสิ่งแวดล้อมใต้ทะเล และบนบกให้กลับมาอุดมสมบูรณ์
.
จนทำให้สัตว์น้ำหายาก และใกล้จะสูญพันธุ์หวนกลับคืนสู่ถิ่นเดิม และเป็นช่วงที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยวในเขตรับผิดชอบทุกแห่ง และประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกระบี่ ประกาศเคอร์ฟิวปิดแหล่งท่องเที่ยวทุกแห่งเช่นเดียวกัน เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิค-19
.
นายวรพจน์ กล่าวต่อไปอีกว่า ปูไก่เป็นสัตว์ทะเลที่หาดูได้ยากทั้งเป็นสัตว์สงวนหวงห้าม การที่ปูไก่ออกมาให้เห็นเป็นตัวบ่งชี้ถึงความอุดมสมบูรณ์ทางระบบนิเวศวิทยาของท้องทะเลบริเวณดังกล่าว ไม่ถูกรบกวนจากกิจกรรมการท่องเที่ยว และที่ผ่านมาอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ มีมาตรการเข้มงวดในปิดอ่าว ทั้งการปราบปรามการลักลอบทำการประมงจับสัตว์น้ำในเขตอุทยานดังกล่าว
.
ร่วมทั้งกลุ่มอนุรักษ์เกาะพีพี ได้มีการจัดเก็บขยะใต้ทะเลในหมู่เกาะพีพีอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้สัตว์น้ำที่ใกล้จะสูญพันธุ์หรือหาดูได้ยาก หวนกลับมายังถิ่นที่อยู่อาศัยเดิมเข้ามาหากิน เพราะถือว่าแหล่งที่มาหากินนั้นมีความปลอดภัย

-------------------------------
แหล่งข่าว

https://www.bangkokbiznews.com/news...tm_medium=internal_referral&utm_campaign=life

https://www.naewna.com/likesara/499283
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook :
https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

⚠️ จีนสั่ง Lock Down กรุงปักกิ่งทันทีหลังพบผู้ป่วยไวรัสโควิดเพิ่ม 45 คนภายในวันเดียว ⚠️ ถึงแม้จะค้นพบได้ว่าจุดระบาดนั้นเกิดขึ้นที่ตลาดค้าส่งในปักกิ่ง แต่จุดที่น่าเป็นห่วงคือ #ยังไม่แน่ใจว่าเชื้อไวรัสนั้นหลุดรอดมาตรการควบคุมเข้ามาระบาดได้อย่างไร ???

ทางรัฐบาลจีนไม่รอช้าและไม่นิ่งนอนใจเหมือนทางสหรัฐ พอได้ยินว่าอาจมีการระบาดที่ทำให้เกิด Wave 2 ได้จึงได้สั่งปิดตลาดค้าส่งสินค้าเกษตรขนาดใหญ่ในกรุงปักกิ่งที่เป็นต้นเหตุโดยทันที ไม่ได้สนใจผลกระทบทางเศรษฐกิจแต่อย่างใดและภายในเวลา 2 วันก็สามารถปิดตลาดได้อย่างสมบูรณ์

หลังจากจากการตรวจเชื้อไวรัสในกลุ่มประชาชนที่เดินทางไปตลาดแห่งนี้จำนวน 517 คน พบว่ามีมีผู้ติดเชื้อจำนวน 45 คน ⚠️ #แต่ที่น่าเป็นกังวลคือ ยังไม่มีใครแสดงอาการป่วยเลย ทำให้อาจจะมีการสัมผัสกับคนภายนอกต่อไปได้อีกหลายต่อแล้ว แต่หากผลการวิจัยล่าสุดของ WHO เป็นที่น่าเชื่อถือได้ ทาง WHO ได้กล่าวไว้ว่า #ผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการป่วยเลยนั้นแทบจะไม่มีโอกาสในการแพร่เชื้อเลย หรือน้อยๆมาก จึงต้องติดตามดูกันต่อไปว่าการแพร่ระบาดจะสูงแค่ไหน

ไวรัสนั้นหลุดรอดเข้ามาได้อย่างไร ?

ทางกรุงปักกิ่งนั้นไม่ได้มีผู้ติดเชื้อมานานกว่า 55 วันแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่มีมาตรการควบคุมเป็นอย่างดีและเคร่งครัดมากๆ แต่หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจในตลาดแล้วจึงพบว่า #มีเชื้อไวรัสอยู่บนเขียงของร้านขายปลาแซลมอน !

แน่นอนว่าอย่างแรกเลยทางจีนจึงได้รีบระงับการขายปลาแซลมอนโดยด่วน + สั่งให้ตลาดและร้านค้าในกรุงปักกิ่งนั้นโละปลาแซลมอนออกเกือบหมด และมีอีกหลายๆเมืองทั่วประเทศที่กังวลก็กำลังทำแบบนั้นเช่นเดียวกัน อย่างเมืองเฉิงตูก็ได้สั่งให้เอาปลาแซลมอนออกไปจากทั้งตลาดแล้ว และในเมืองหนานจิงนอกจากจะห้ามขายแซลมอนแล้วยังระงับการขายปลาดิบทุกชนิดอีกด้วย !

#แล้วเชื้อไวรัสมันเข้ามาบนเขียงได้อย่างไร ?

อย่างแรกเลยคือนักวิจัยเชื่อว่า #เชื้อไวรัสไม่น่าจะติดมาจากปลาแซลมอน แต่เป็นไปได้ว่าอาจจะมีเชื้อติดอยู่บนภายนอกตัวปลา เพราะหลักๆแล้วทางจีน (หรือไทยเราด้วยก็ตาม) มีการนำเข้าปลาแซลมอนมาจากทาง Norway เป็นหลัก ซึ่งทางยุโรปนั้นยังมีการระบาดของไวรัสอยู่ ทำให้อาจมีเชื้อปนเปื้อนมาทางตัวปลาได้ และหากทางคนจับต่อไม่ได้ล่างมือเชื้อก็อาจจะแพร่กระจายกันต่อไป

ทางจีนยังได้รับรายงานการแพร่ระบาดเรื่อยๆเป็นหย่อมๆ

การระบาดของไวรัสในจีนถึงแม้ว่าส่วนใหญ่ทั่วประเทศจะควบคุมได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่ก็ยังเกิดการพบผู้ติดเชื้อประปรายในหลายๆเมือง แต่ทางการจีนก็คอยระงับการระบาดและมีการทำ Contact Tracing หรือการย้อนกลับไปตรวจผู้ที่ได้สัมผัสหรือใกล้ชิดกับผู้มีอาการอย่างเข้มข้น ทำให้การระบาดในจีนยังไม่น่าเป็นห่วงเท่ากับในสหรัฐ

โดยในเมื่อคืนนี้ทางสหรัฐก็ได้ประกาศตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ออกมาสูงกว่า 2 หมื่นรายเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันแล้ว แต่ทางรัฐบาลทรัมป์ก็ยังยืนยันว่าสหรัฐจะไม่ทำการปิดเมือง Lock Down อีกรอบแน่ๆ

⚠️ #ตลาดโลกจะผันผวนมากในช่วงอาทิตย์หน้านี้ เพราะข่าวการระบาดในระลอก 2 หรือการดีดขึ้นของตัวเลขผู้ติดเชื้อในที่ต่างๆนั้นจะมีผลต่อเศรษฐกิจโลกที่แตกต่างกันมากๆ ทำให้ในอาทิตย์หน้านักลงทุนจะติดตามตัวเลขผู้ติดเชื้ออย่างเข้มข้นและตัวเลขมีความสำคัญมากขึ้นกว่าในอาทิตย์ที่ผ่านๆมา หลักๆจะรอคอนเฟิร์มว่าการระบาดในสหรัฐนั้นเป็นแค่ตัวเลขที่ดีดขึ้นมาช่ัวคราว #หรือเป็นการระบาดรอบ2จริงๆ และการระบาดจากตลาดในจีนจะควบคุมได้สำเร็จไหม

⛔️ ติดตามทุกความเคลื่อนไหวการลงทุนและเศรษฐกิจโลกไปกับเพจเราได้

ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดจากทีมงาน แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ ขอบคุณครับ

#ทันโลกกับTraderKP

 

⚠️ การระบาดของไวรัสรอบที่สองในสหรัฐ #เพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น ?? ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ในสหรัฐกระโดดขึ้นมาอยู่สูงขึ้นกว่าระดับ 20,000 คนต่อวันเป็นวันที่ 3 แล้ว จนทาง WHO ต้องออกมากล่าวเตือนว่าหากทางสหรัฐจะไม่ปิดเมืองอีกรอบอย่างที่ทางรัฐบาลได้ยืนยันไว้ #จะเกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงกว่าก่อนแน่ๆ

ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ในสหรัฐเมื่อคืนนี้ของวันศุกร์ที่ 12 มิถุนายนออกมาที่ 25,396 ราย ทำให้เฉลี่ย 3 วันล่าสุดนั้นตัวเลขผู้ติดเชื้อเฉลี่ยอยู่สูงกว่า 25,000 รายต่อวันและสูงกว่าเฉลี่ยอาทิตย์ก่อนอยู่ถึง 30% ! #เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าการระบาดกำลังเริ่มสูงขึ้นอีกรอบ และอาจมีเหตุมาจากการประท้วงในสหรัฐที่ผู้คนออกมาชุมนุมกันอย่างไม่ได้ระวังตัวหลายแห่ง

อย่างไรก็ตามที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจสหรัฐคนสนิทของทรัมป์ทั้ง 2 คนได้ออกมายืนยันแล้วว่าทางสหรัฐจะไม่มีวันปิดเศรษฐกิจอีกรอบแน่ๆแม้จะเกิดการระบาด Wave 2 จริงๆ ทางสตีเว่น มนูชิน (Steven Mnuchin) รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และ แลร์รี่ คัดโลว์ (Larry Kudlow) ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของสหรัฐได้ออกมาให้สัมภาษณ์ทั้งคู่ว่าจะไม่มีการ Lock Down อีกรอบแน่นอน เพราะสหรัฐได้เรียนรู้แล้วว่าการปิดประเทศและปิดเมือง ได้ความเสียหายทางเศรษฐกิจนั้นจะมากกว่าความเสี่ยงของการระบาดไปในรอบแรก

ถึงแม้ว่าการจะไม่ปิดเมืองอีกรอบในระยะสั้นนั้นจะฟังดูเป็นข่าวดี จนหุ้นสหรัฐต่างดีดขึ้นประมาณ 2% ทั้งแพงเมื่อคืนนี้ เพราะคนจะไม่ตกงานและการเดินทาง การใช้จ่ายจะยังคงเหมือนเดิมอยู่ #แต่ก็ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการระบาดรุนแรงมากขึ้น โดยสามารถมองออกได้ 2 มุม

1️⃣ หากไม่ปิดเมืองแล้วผู้คนยังระวังตัวและใส่หน้ากากกันทุนคนซึ่งการการศึกษาพบว่าจะช่วยลดการแพร่เชื้อไปได้มากกว่า 80% เลยทีเดียว ทางเลือกนี้ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องของรัฐบาล

2️⃣ แต่ถ้าหากไม่ปิดเมืองแล้วผู้คนยังไม่ระวังตัว ตัวเลขการติดเชื้อใหม่ยังสูงขึ้นเรื่อยๆแบบคุมไม่ได้ การกล่าวเตือนของ WHO อาจเป็นสิ่งที่ถูกต้องเพราะสุดท้ายแล้วก็คงต้องกลับไปปิดเมืองใหม่อีกรอบในวันที่สถานการณ์แย่กว่าเก่า

ทางด้าน Larry Kudlow ได้ออกมากล่าวเสริมว่ารัฐบาลจะทำการแจกหน้ากากอนามัยครั้งใหญ่กว่า 100 ล้านชิ้นเพื่อเป็นการควบคุมโรคระบาดแทน ต้องติดตามกันต่อไปว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร

ทาง WHO ได้ออกมากล่าวว่าเตือนว่า

"We've only just begun. The coronavirus outbreak is just starting and will wreak more havoc" นายทีโดรส อัดฮานอม (Tedros Adhanom) ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกได้ออกมาแถลงเมื่อคืนนี้ หรือแปลได้ว่า "การระบาดของไวรัสโควิดเพิ่งจะเริ่มต้นใหม่อีกรอบและจะทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้นหากไม่ระมัดระวัง"

ทาง WHO ยังได้เน้นย้ำอีกว่าพื้นที่เสี่ยงในสหรัฐตอนนี้คือ Florida, Arizona และ Oklahoma ที่กำลังมีการระบาดสูง

นอกจากสหรัฐแล้วตอนนี้ #บราซิล ยังเป็นอีกประเทศที่เสี่ยงสูงมาก !

ตอนนี้บราซิลนั้นเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อใหม่รายวันสูงมากที่สุดในโลกแล้ว แซงหน้าสหรัฐไปที่วันละเกินกว่า 25,000 รายต่อวัน และมีจำนวนผู้ติดเชื้อรวมอยู่ที่ 828,810 ราย และมีผู้เสียชีวิต 41,828 ราย ซึ่งดีดขึ้นมาเป็นอันดับสองของโลกรองจากสหรัฐแล้วทั้งคู่

และ #ที่น่ากลัว คือทาง WHO เชื่อว่าตัวเลขการรายงานของบราซิลนั้นอาจจะไม่ตรงซะทีเดียวและการระบาดอาจจะสูงกว่านั้น

⚠️ #ตลาดโลกจะผันผวนมากในช่วงอาทิตย์หน้านี้ เพราะทางออกละหว่างเคส 1️⃣ และ 2️⃣ นั้นมีผลลัพท์ต่อเศรษฐกิจโลกที่แตกต่างกันมากๆ และในอาทิตย์หน้าตัวเลขผู้ติดเชื้อจะมีความสำคัญมากขึ้นกว่าในอาทิตย์ที่ผ่านๆมา เพราะรอคอนเฟิร์มว่าการระบาดในสหรัฐนั้นเป็นแค่ตัวเลขที่ดีดขึ้นมาช่ัวคราว #หรือเป็นการระบาดรอบ2จริงๆ

⛔️ ติดตามทุกความเคลื่อนไหวการลงทุนและเศรษฐกิจโลกไปกับเพจเราได้

ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดจากทีมงาน แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ ขอบคุณครับ

#ทันโลกกับTraderKP

 

#ทรัมพ์74ปีนี้ดุ
#ฉลองวันเกิดครั้งสุดท้ายในสมัยทรัมพ์1

วันนี้ 14 มิถุนายน ตามเวลาสหรัฐ ตรงกับวันเกิดของท่านเสี่ยอ่าง โดนัลด์ ทรัมพ์ พอดี ปีนี้ครบรอบ 74 ปีแล้ว นาจ๊า

นับเป็นการฉลองครบรอบวันเกิดรอบสุดท้ายแล้วในสมัยทรัมพ์ 1 ที่ปกติวันเกิดของท่านเสี่ยมักจะมีความคึกคัก ปนวุ่นวายอยู่แล้ว ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งเจ้าเมืองมะกัน เพราะใครๆก็รู้ว่าท่านเสี่ยแกมีแฟนขับเยอะมาก ที่พร้อมออกมาปาป้ายไฟ อวยพรวันเกิดให้

แต่ปีนี้เหมือนกับส่งท้าย ดุเดือดกว่าทุกปี แถมอยู่ในท่ามกลางวิกฤติไวรัสโคโรน่า และการประท้วงกันหนัก ทั่วบ้าน ทั่วเมือง จากกระแสของกลุ่ม Black Lives Matter

หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า วันที่ 14 มิถุนายน นอกจากจะเป็นวันคล้ายวันเกิดของเสี่ยทรัมพ์แล้ว ยังเป็นวันครบรอบวันสถาปนากองทัพสหรัฐ ในปี 1775 ปีนี้ครบรอบ 245 ปีพอดี

แถมวันเป็นวันธงชาติสหรัฐ ที่เรียกว่า Flag Day ที่สหรัฐใช้ธงชาติหน้าตาคล้ายๆกับที่ใช้ในปัจจุบันเป็นครั้งแรก วันนี้ก็ครบรอบ 243 ปีเหมือนกัน

เท่ากับวันเดียว ฉลองครบเลย หากเป็นสถานการณ์ปกติ ในวันที่สหรัฐมีประธานาธิบดีแบบปกติ คงเป็นวันที่ฉลองใหญ่มาก จัดทีเดียวไปเลย 3 งาน ประหยัดงบได้เยอะ

แต่ด้วยความที่ปีนี้สหรัฐมีความไม่ปกติหลายอย่าง บรรยากาศวันพิเศษของสหรัฐจึงมีความเอวัง ดังที่เห็น

และช่วงก่อนหน้าวันเกิดหนึ่งวัน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ท่านเสี่ยทรัมพ์ มีกำหนดการต้องไปกล่าวสุนทรพจน์ในวันจบการศึกษาในโรงเรียนนายร้อย West Point โรงเรียนเตรียมทหารที่มีชื่อเสียงระดับโลกของสหรัฐ หลังจากกลางเสร็จ แกก็เดินลงจากเวทีด้วยท่าทางงกๆ เงิ่นๆ จนสื่อเอาไปล้อเลียนว่าท่าลงเวทีช่างไม่สง่างามเอาซะเลย หรือว่าท่านเสี่ยแกจะเป็นอะไรหรือเปล่า

ซึ่งท่านเสี่ยแกก็ทวิตเตอร์ สวนกลับไปว่า ก็ทางเดินมันทั้งชัน ทั้งลื่นเฟ้ย ราวจับก็ไม่มี ก็ต้องค่อยๆเดิน จะให้ไถลลงมาหรือไง

ก็ต้องเห็นใจเสียแกหน่อย อายุก็ไม่ใช่น้อย ย้ำให้อีกหลายๆรอบ ปีนี้ 74 แล้วนะค้า

หลังจากจบงานที่ West Point ท่านเสี่ย แกตรงไปฉลองวันเกิดเงียบที่ Trump National Golf Club สนามกอล์ฟส่วนตัวในนิวเจอร์ซี ที่มีบรรดาแฟนคลับ ไปต้อนรับที่หน้าสโมสรพอให้คึกคัก และยังมีลูกสาว อิวานกา ทรัมพ์ ควงลูกเขยหัวแหวน จาเรด คุชเนอร์ มาร่วมอวยพรวันเกิดถึงบ้าน

แต่กลับไม่เห็นศรีภรรยา เมลาเนีย ทรัมพ์ มาด้วย ทวิตเตอร์ก็เงียบกริบ ไม่มีโพสต์ข้อความอวยพรใดๆให้เห็นเลย

ส่วนบรรยากาศข้างนอกในฟลอริด้า เมืองฐานเสียงก็คึกคัก มีการแห่เรือฉลองวันเกิดให้ แต่ถ้าเป็นบริเวณหน้าทำเนียบ ต้องถอยให้กับกลุ่มแฟนขับ ที่ออกมาปาเค้กวันเกิดลงพื้น พร้อมตะโกนข้อความขับไล่ไสส่ง

แต่ที่ฮากว่านั้นคือเทรนทวิตเตอร์ ปรากฏแฮชแทก #AllBirthdaysMatter ที่เหมือนจะมาอวยพรให้ทรัมพ์ แต่ไม่ใช่ เพราะส่วนใหญ่ กลับไปอวยพรวันเกิดให้กับอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า แทน ทั้งๆที่โอบาม่าไม่ได้เกิดวันนี้ แต่ทำไปเพื่อสร้างกระแสประชด ประชัน เพราะเห็นว่าท่านเสี่ยทรัมพ์ แกรักกันดี๊ดีย์ กับโอบาม่า ถ้าจะอวยพรวันเกิดให้ใครวันนี้ ขออวยให้โอบาม่าแทนละกัน

ช่างเป็นมุขประชดประชันที่ลึกซึ้ง ต้องถอดสแควร์รูท ตีความกันหลายตลบ ทีเดียว

ก็เอาเป็นว่า Happy Birthday แล้วกันนะคะ เสี่ยขา จะหมดสมัยแรกแล้ว ไม่รู้จะอวยพรอะไร เพราะสตางค์ ท่านเสี่ยก็มีเยอะแล้ว ก็ขอให้มีสติเยอะๆ ทำอะไรใจเย็นหน่อย เพราะ โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า นะค้า

แหล่งข้อมูล

https://edition.cnn.com/2020/06/13/politics/trump-west-point-graduation/index.html

https://people.com/politics/donald-trump-turns-74/

https://nypost.com/2020/06/14/president-donald-trump-celebrates-74th-birthday/

https://www.complex.com/life/2020/06/all-birthdays-matter-trending-twitter-donald-trump-birthday

https://www.mycentraljersey.com/sto...ally-near-bedminster-nj-golf-club/5345865002/

https://www.dailymail.co.uk/news/ar...s-Washington-greeted-fresh-wave-protests.html

https://www.usatoday.com/story/news...ay-rallies-protests-around-the-us/3186672001/

 

ตลาดหุ้นทั่วโลกคืนนี้ยังลบต่อเนื่อง ว่ากันว่าเพราะความกังวลการแพร่ระบาด second wave มีมากขึ้น .. แต่ดูจากกราฟยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันของ WHO ก็ไม่ค่อยชัดเจนว่ามีความเป็น first wave หรือ second wave ยังเหมือนว่าเป็น same wave ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตั้งแต่กลางเดือน พ.ค. 63 มากกว่า

• สรุปตัวเลข COVID-19 บางรายการจากองค์การอนามัยโลก ณ 14 มิ.ย. >> ยอดติดเชื้อสะสมทั่วโลก 7.69 ล้านราย (เพิ่มใหม่ล่าสุดใน 1 วัน 1.37 แสนราย) // ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 4.27 แสนราย (เพิ่มใหม่ล่าสุดใน 1 วัน 4,281 ราย)

• สรุปดัชนีและราคาสินค้าโภคภัณฑ์บางรายการ จาก Aspen by ThaiQuest >> ทองคำ และ NASDAQ ยังบวกได้เกิน 10% จากต้นปี (ไม่รวมคืนนี้) // ดัชนี Shanghai ใกล้เคียงระดับต้นปี // หุ้นเยอรมัน และ SET Index บ้านเฮา ยังลบจากต้นปีประมาณ 10% เศษ // หุ้นอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ยังลบจากต้นปีประมาณ 20% เศษ

• ตัวเลขดัชนีหุ้นสหรัฐฯ (พื้นขาว) จาก tradingeconomics.com ณ 19.55น.

 

ฝันดีครับ

 

จีนประกาศ ‘กฎอัยการศึก’ เมืองติดปักกิ่งสกัด ‘โควิดระลอกใหม่’

15 มิถุนายน 2563

จีนประกาศกฎอัยการศึกในเมืองเป่าติ้ง ใกล้กรุงปักกิ่งที่มีการระบาด “คลัสเตอร์” รอบใหม่ในตลาดค้าส่งขนาดใหญ่ ขณะที่ 10 เมืองในจีนขอให้ประชาชนเลี่ยงเดินทางไปเมืองหลวง

ทางการมณฑลเหอเป่ย์ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน แถลงวันนี้ (15 มิ.ย.) ว่า ได้ประกาศใช้กฎอัยการศึกซึ่งเคยบังคับใช้ในยุคสงคราม ในเมืองเป่าติ้ง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงปักกิ่ง เพื่อป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19

“เนื่องจากเป่าติ้งตั้งอยู่ใกล้กับกรุงปักกิ่ง และมีการเคลื่อนย้ายสินค้าและผู้คนระหว่าง 2 เมืองนี้อย่างหนาแน่นมาก จึงต้องมีมาตรการเฝ้าระวังขั้นสูง” แถลงการณ์ระบุ

ทั้งนี้ เมืองเป่าติ้ง ซึ่งมีประชากรกว่า 11 ล้านคน อยู่ห่างจากกรุงปักกิ่งไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 145 กม.



ทางการจีน รายงานล่าสุดว่า ณ วันอาทิตย์ที่ 14 มิ.ย. พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่ม 49 คน โดยเกิดจากการติดเชื้อภายในประเทศ 39 คน และติดเชื้อจากต่างประเทศ 10 คน โดยผู้ติดเชื้อในประเทศ 36 คนมาจากกรุงปักกิ่งและอีก 3 คนมาจากมณฑลเหอเป่ย์ ทำให้ขณะนี้ยอดสะสมผู้ติดเชื้อในจีนรวมอยู่ที่ 83,181 คน

เมื่อวันเสาร์ (13 มิ.ย.) เทศบาลนครปักกิ่งสั่งปิดตลาด “ซินฟาตี้” ซึ่งเป็นตลาดค้าส่งขนาดใหญ่ที่สุดในกรุงปักกิ่งเพื่อฆ่าเชื้อโรค หลังเจ้าหน้าที่พบผู้ป่วยโควิด-19 แบบไม่แสดงอาการ 46 คนซึ่งเชื่อมโยงกับตลาดแห่งนี้

นอกจากนี้ เทศบาลฯยังสั่งกักบริเวณชุมชนอีกอย่างน้อย 11 แห่งซึ่งอยู่ใกล้กับตลาดซินฟาตี้ พร้อมประกาศให้ประชาชนที่ไปตลาดดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค. ที่ผ่านมา ต้องเข้ารับการตรวจคัดกรอง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

ขณะเดียวกัน ตอนนี้มีอย่างน้อย 10 เมืองของจีน รวมถึงฮาร์บินในมณฑลเฮย์หลงเจียงและเมืองต้าเหลียนในมณฑลเหลียวหนิง ขอให้พลเมืองของตนเลี่ยงเดินทางไปเมืองหลวงในช่วงนี้ หรือแจ้งต่อเจ้าหน้าที่หากเดินทางไปปักกิ่งเมื่อไม่นานนี้

https://www.bangkokbiznews.com/news...ications&utm_campaign=&utm_content=&utm_term=

 

ฟินแลนด์ #Finland ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินสำหรับการรับมือการระบาด #โควิด19 #ไวรัสโคโรนา #coronavirus #COVID19 ซึ่งได้มีการประกาศใช้เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพราะฟินแลนด์ไม่พบผู้ป่วยรายใหม่มาหลายสัปดาห์และมีผู้เสียชีวิตน้อยกว่า 10 รายในช่วงเดือนมิถุนายนนี้
CR TW #motorwars

 

อาคารรัฐสภายังสร้างไม่เสร็จ แต่...ผู้รับเหมา ขอเก็บค่าเร่งรัดงาน

หลายท่านคงทราบอยู่แล้วว่ารัฐสภาช้ากว่ากำหนด จะด้วยอะไรก็ตามเราช้ากว่าที่กำหนดไว้ เอาจริงจนถึงวันนี้การก่อสร้างก็ยังไม่แล้วเสร็จ...
แต่ทาง ผู้รับเหมา ชิโนไทยได้ส่งหนังสือลงวันที่ 15 เมษายน 2563 ขอค่าเร่งรัดงานก่อสร้างห้องประชุมสุริยันและห้องประชุมจันทรา จำนวน 215,041,233.48 บาท
โดยล่าสุดนายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร คัดค้านการจ่ายค่าเร่งรัดงาน 215 ล้านบาทให้บริษัทรับเหมาก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ พร้อมสำเนาหนังสือบริษัทฯ เลขที่ SINO-THAI/J.2436/L-841/R1. ลงวันที่ 15 เมษายน 2563

https://www.thansettakij.com/conten...oI65gqC6x4HsjuCRnhLAjlyM4-A3U9avEVZq9s7vpzSeg

 

คัดข่าว

เด็กหนุ่มวัย 16 ปี Alexander Martínez Gómez ถูกยิงตาย เพื่อนๆจึงนำเขามาเล่นฟุตบอลที่เขารักเป็นครั้งสุดท้ายก่อนนำไปฝัง ด้วยการส่งลูกให้เขาทำประตู

 

ทีมแพทย์ ยัน ปิแอร์ เอ็นกูรุนซิซา ประธานาธิบดีบุรุนดี ถึงแก่อนิจกรรมจาก โควิด 19

ปิแอร์ เอ็นกูรุนซิซา ประธานาธิบดีบุรุนดี กลายเป็นผู้นำคนแรกของโลก ที่ถึงแก่อนิจกรรมด้วยโรคโควิด 19 ทีมแพทย์ยืนยัน แม้ทางรัฐบาลพยายามอ้าง สาเหตุเกิดจากหัวใจวาย

ภาพจาก TCHANDROU NITANGA / AFP ( ปิแอร์ เอ็นกูรุนซิซา / ขวา)

วันที่ 14 มิถุนายน 2563 เดลี่เมล รายงานว่า ทีมแพทย์ประจำโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยคาเมจ ในเมืองบูจุมบูรา ประเทศบุรุนดี (Burundian) ได้ยืนยันกับสำนักข่าวเอเอฟพี ถึงสาเหตุของการถึงแก่อสัญกรรมของ ปิแอร์ เอ็นกูรุนซิซา ประธานาธิบดีบุรุนดี ว่าเกิดจากการติดโรคโควิด 19 (COVID-19) ทำให้เขาเป็นบุคคลระดับผู้นำประเทศคนแรกที่ถึงแก่อนิจกรรมด้วยโรคดังกล่าว

รายงานระบุว่า ประธานาธิบดีบุรุนดี วัย 56 ปี ได้ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ที่ผ่านมา ที่โรงพยาบาลในเมืองคูรูซี โดยก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลได้ประกาศว่าสาเหตุเกิดจากอาการหัวใจวาย


ภาพจาก TCHANDROU NITANGA / AFP

อนึ่ง ประธานาธิบดีปิแอร์ เริ่มมีอาการไม่สบายตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน ที่ผ่านมา จากนั้นสุขภาพเริ่มแย่ลง ถึงขั้นหัวใจหยุดเต้นและถึงแก่อนิจกรรม ซึ่งกว่าเขาจะถูกนำตัวเดินทางมาถึงโรงพยาบาลในเมืองคูรูซี ก็สายเกินไป โดยแหล่งข่าวที่เป็นทีมแพทย์ระบุว่า ในตตอนที่มาถึงโรงพยาบาล เขาก็ได้จากไปแล้ว

ทั้งนี้ เริ่มมีการตั้งข้อสงสัยว่า เขาอาจติดโควิด 19 เนื่องจากภริยาของเขา เดนิส บูคูมี เพิ่งเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม โดยมีผลตรวจหาโควิด 19 ออกมาเป็นบวก ร่วมกับมีอาการทางระบบทางเดินหายใจ

ขอบคุณข้อมูลจาก เดลี่เมล

https://covid-19.kapook.com/view227...K3vb4ulIXdpyVeRoNlQ2EgsJAZ4tDBpr6dssTeBwZ3QGg

 

เตรียมตั้ง “โรงทาน” สัญญาณของความสิ้นหวัง
เผยแพร่: 12 มิ.ย. 2563 17:35 โดย: ผู้จัดการออนไลน์


"ปัญญาพลวัตร"
"พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต"

ขณะนี้มีความคิดร่วมอย่างหนึ่งเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจ ซึ่งเกิดขึ้นในแทบทุกวงการ นั่นคือในช่วง ๓-๔ เดือนข้างหน้าหรือประมาณเดือนกันยายนเป็นต้นไป ปัญหาเศรษฐกิจจะหนักหน่วงยิ่งขึ้น ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางในทุกอุตสาหกรรมจะล้มระเนระนาด ส่งผลให้เกิดกองทัพคนตกงานและว่างงานจำนวนมหาศาล ประชาชนจำนวนนับล้านคนไม่มีรายได้ในการดำรงชีพ ความอดอยากยากจนทั่วหน้ากลายเป็นความปกติใหม่

ดูเหมือนว่ารัฐบาลเองก็ทราบอยู่แก่ใจว่ามาตรการเยียวยาและช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจด้วยการกู้เงิน ๑.๙ ล้านบาทมีข้อบกพร่องและไม่มีพลังเพียงพอในการหยุดยั้งหรือแก้ไขปัญหาได้ ดังเห็นได้จากการมอบนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๓ที่กระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นความพยายามในการอุดช่องโหว่ของมาตรการนโยบายที่เขียนในพระราชกำหนดกู้เงินทั้งสามฉบับ

เรื่องแรก เกี่ยวกับความทั่วถึงและครบถ้วนของเงินเยียวยา ซึ่งยังมีปมปัญหาในกลุ่มประกันสังคมที่มีความล่าช้าในการเยียวยา เรื่องนี้นายสมคิดสั่งให้ปลัดกระทรวงการคลังไปประสานกับกองทุนประกันสังคม แต่จะสำเร็จมากน้อยเพียงใดก็ต้องติดตามกันต่อไป

เรื่องที่สอง มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่เงินของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนักหน่วงว่ามีผู้ประกอบการจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินได้ รวมทั้งเรื่องตราสารหนี้ที่ใช้เกณฑ์ช่วยเหลือที่ยึด investment grade โดยใช้เรตติ้งของ TRIS หรือ FITCH Rating ซึ่งจะทำให้ธุรกิจจำนวนมากจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ นายสมคิดได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง แบงก์ชาติ ก.ล.ต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปศึกษาเพื่อหาทางช่วยเหลือผู้ประกอบการกลุ่มให้ครอบคลุม คำถามคือทำไมตอนเริ่มคิดมาตรการและออกเป็นพระราชกำหนดไม่คิดให้ละเอียดรอบคอบเสียก่อน ปล่อยให้มีช่องโหว่เช่นนี้ออกมาและต้องมาตามแก้ไขภายหลัง ซึ่งทำให้ต้องเสียเวลามากขึ้นในการแก้ปัญหา แต่ที่สำคัญก็คือไม่มีหลักประกันใดถึงความสำเร็จ

เรื่องที่สาม มอบหมายให้หน่วยงานของกระทรวงการคลังร่วมกันศึกษาหามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการชุดต่อไปโดยหยิบยกเรื่องการอุดหนุนเรื่องค่าเช่าสถานที่และภาษี แลกกับการไม่ปลดคนงาน ในประเด็นนี้นายสมคิดได้ประเมินว่า ปัญหาเศรษฐกิจในช่วง ๓-๔ เดือนข้างหน้าจะมีความรุนแรงขึ้น จะมีคนตกงานและว่างงานเป็นจำนวนมาก ทำให้คนขาดรายได้ในการยังชีพ ดังนั้นจึงสั่งการให้กระทรวงการคลัง **“เตรียมการจัดตั้งโรงทานในทุกอำเภอ”** โดยใช้เครือข่ายธนาคารของรัฐทุกแห่งและทุกกรมของกระทรวงการคลังเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านประทังความหิวโหย

**เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ร่วมสมัยที่รัฐบาลโดยรองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจแสดงอาการสิ้นหวังในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยประเมินว่ารัฐบาลไม่สามารถขับเคลื่อนให้เกิดการสร้างงานและรายได้แก่ประชาชน ทำให้คาดการณ์ว่าจะมีประชาชนจำนวนมากประสบความหิวโหย จนต้องกำหนดเป็น “นโยบายจัดตั้งโรงทาน” ขึ้นมาโดยใช้หน่วยงานราชการเป็นฐานในการแจกจ่ายอาหารแก่ประชาชน และการคิดและสั่งการนโยบายแบบนี้ของนายสมคิดเป็นหลักฐานอย่างชัดเจนที่สะท้อนความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการบริหารเศรษฐกิจของประเทศที่ผ่านมาของรัฐบาลประยุทธ์**

แต่การตั้งโรงทานทุกอำเภอก็ไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล รวมทั้งไม่แน่ว่าจะเพียงพอกับความต้องการของประชาชน สมมติว่าตั้งตัวเลขประมาณการว่ามีประชาชนวัยแรงงานจำนวน ๑๐ ล้านคน ที่ไม่มีรายได้หรือมีรายได้น้อยไม่เพียงพอต่อการยังชีพ คนในวัยแรงเหล่านี้อาจต้องหาเลี้ยงคนในครอบครัวอีก ๑ หรือมากกว่า รวมแล้วจำนวนคนที่จะตกอยู่ในภาวะยากลำบากทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า ๒๐ ล้านคน จำนวนอำเภอในประเทศไทยมี ๘๗๘ อำเภอ และ ๕๐ เขตในกรุงเทพมหานคร รวมเป็น ๙๒๘ แห่ง เฉลี่ยอย่างคร่าว ๆ แต่ละอำเภอจะมีคนที่รอรับการแจกอาหารประมาณ ๒๐,๐๐๐ คน สมมติว่าให้เงินค่าอาหาร ๔๐ บาทต่อหัวต่อคน แต่ละอำเภอจะใช้เงินวันละประมาณ ๘๐๐,๐๐๐ บาท และหากจัดตั้งโรงทาน ๙๐ วัน แต่ละอำเภอก็ต้องใช้เงินถึง ๗๒ ล้านบาท รวมงบประมาณค่าอาหารและค่าดำเนินการต่าง ๆ ก็ร่วม ๗ หมื่นล้านบาท

ถามว่าจะนำเงินนี้มาจากไหน ทางหนึ่งที่จะทำได้คือต้องกันเงินไว้อย่างน้อย ๑ แสนล้านบาท จากเงิน ๔ แสนล้านบาทในแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจนั่นเอง และสำหรับหน่วยงานที่จัดทำโรงทาน หากให้ดำเนินการโดยธนาคารหรือหน่วยงานกระทรวงการคลังอย่างเดียวคงไม่เพียงพอและไม่ครอบคลุม จะต้องดำเนินการผ่านองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) โรงเรียน และวัดด้วย เพื่อให้กระจายจุดการจัดตั้งโรงทานให้ทั่วถึงครอบคลุมทุกตำบลและหมู่บ้าน

แต่การจัดตั้งโรงทานเป็นวิธีคิดแบบเก่า เป็นเพียงมาตรการสังคมสงเคราะห์เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หาใช่มาตรการที่จะก่อให้เกิดการขับเคลื่อนในการทำให้คนมีงานทำและมีรายได้ ดังนั้นแทนที่จะจัดตั้งโรงทาน สิ่งหนึ่งที่ควรทำมากกว่าคือ **“การใช้ร้านอาหารทำหน้าที่เสมือนเป็นโรงทาน”** โดยเรียกโครงการนี้ว่า **“โครงการร้านโรงทาน”** ซึ่งรัฐบาลควรนำเงินงบประมาณในแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจไปใช้เพื่อการนี้จำนวน ๑ แสนล้านบาท แล้วแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน

ส่วนแรกให้ประชาชนที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการเปิดร้านอาหารใหม่หรือขยายร้านอาหารเก่ากู้เงินจากกระทรวงการคลังผ่านธนาคารของรัฐโดยปลอดดอกเบี้ยเพื่อลงทุน สำหรับประเภทอาหารที่ควรสนับสนุน อย่างเช่น ข้าวราดแกง อาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว เป็นต้น

ส่วนที่สอง การให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยหรือไม่มีรายได้ไปรับประทานอาหารฟรีในร้านอาหารที่เข้าร่วม **“โครงการร้านโรงทาน”** วันละหนึ่งหรือสองมื้อ โดยใช้บัตรประชาชนเป็นหลักฐานแทนเงิน และให้ร้านอาหารเหล่านั้นนำหลักฐานมาเบิกเงินจากธนาคารสังกัดกระทรวงการคลังในภายหลัง

หากทำโครงการร้านโรงทานที่ดำเนินการโดยผู้ประกอบการเอกชน ที่กระทรวงการคลังสนับสนุน แทนที่จะสร้างโรงทานโดยหน่วยงานของรัฐ นอกจากจะไม่สร้างเดือดร้อนแก่ข้าราชการที่ต้องนำเวลาราชการมาบริหารจัดการ จัดทำหรือจัดสั่งอาหารเองแล้ว ก็ยังกระตุ้นให้เกิดการลงทุนอย่างกว้างขวาง โดยทำให้เกิดร้านอาหารใหม่กระจายตัวมากขึ้นในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งอาจมีถึง ๕- ๗ หมื่นร้าน และพัฒนาร้านที่มีอยู่เดิมอีกจำนวนมาก ซึ่งก่อให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน และหากร้านใดทำอาหารดีมีคุณภาพ สะอาด อร่อย ก็จะมีผู้มาใช้บริการมาก และอาจขยายตัวและดำรงอยู่ต่อไปได้อีกยาวนาน แม้ว่าโครงการนี้จะยุติลงไปแล้วก็ตาม เรียกว่าได้ทั้งแก้ปัญหาระยะสั้นและระยะยาวไปพร้อมกัน

เรื่องที่สี่ เกี่ยวโครงการที่เสนอโดยหน่วยงานราชการ ๔ แสนล้านบาท คุณสมคิดมอบนโยบายว่าให้ตัดโครงการที่ไม่มีคุณภาพออกไป หากยึดตามนโยบายนี้จริง ๆ สงสัยต้องตัดเกือบทุกโครงการ เพราะเท่าที่ผ่านมาโครงการส่วนใหญ่ของหน่วยงานราชการที่มีคุณภาพ สร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อสังคม และประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนมีน้อยมาก ดังนั้นควรนำเงินส่วนนี้ไปใช้ในโครงการร้านโรงทาน ดังที่เสนอข้างต้นแทนอย่างน้อย ๑ แสนล้านบาทจะดักว่า ส่วนอีก ๓ แสนล้านบาทที่เหลือ ควรมีโครงการเชิงยุทธศาสตร์ให้ชัดเจน โดยเน้นทั้งให้เกิดการจ้างงานในระยะสั้น และการสร้างธุรกิจในระยะกลางและยาว

โครงการที่เน้นการจ้างงานระยะสั้นเช่น การจ้างแรงงานในการบริการและสวัสดิการสังคม โดยฝึกทักษะเพิ่มบุคลากรในการดูแลบริบาลผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเด็กวัยอนุบาล และผู้พิการ และจ้างบุคคลเหล่านั้นให้ทำงานต่อไป การจ้างงานแก่นักศึกษาในการลงไปสอนพิเศษแก่นักเรียนประถมและมัธยมทั่วไปประเทศ การจ้างแรงงานในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ การกำจัดผักตบชวา การปลูกและดูแลรักษาต้นไม้ การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว เป็นต้น สำหรับการสร้างธุรกิจระยะกลาง เช่น การให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้ประกอบการหน้าใหม่หรือหน้าเดิม หรือการสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนพัฒนาให้ต่อยอดผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยเน้นธุรกิจอาหาร ประมง เกษตร บริการ ยาสมุนไพร สุขภาพ และท่องเที่ยว เป็นต้น

สิ่งสำคัญที่สังคมระแวงมากเกี่ยวกับการทำโครงการของหน่วยงานราชการ ก็คือ การทุจริตคอรัปชั่น ยิ่งทำอย่างเร่งรีบ รวบรัดและมีการตรวจสอบน้อย ก็ยิ่งมีโอกาสทุจริตสูงยิ่งขึ้น และหากเป็นเช่นนั้นก็ยิ่งทำให้กลายเป็นเงื่อนไขในการสร้างความไม่พอใจแก่ประชาชนมากขึ้น ดังนั้นควรมีการเปิดเผยข้อมูลของโครงการ และให้สาธารณะเข้าถึงข้อมูลเพื่อตรวจสอบได้ หากหน่วยงานใดไม่ยินยอมให้มีการตรวจสอบการดำเนินงานโครงการ ก็ย่อมอนุมานได้ว่าหน่วยงานนั้นกำลังปกปิดความไม่ชอบมาพากลบางอย่างอยู่

**หากยังใช้วิธีคิดเดิมและการปฏิบัติแบบเก่าก็ยากจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นใน ๓-๔ เดือนข้างหน้าได้ การยืนกรานทำแบบเดิมปัญหาเศรษฐกิจก็จะขยายและลุกลามไปสู่ปัญหาความรุนแรงทางการเมืองอย่างไม่อาจหลีกเลียงได้ และที่น่าห่วงก็คือ สัญญาณแห่งความสิ้นหวังได้ส่งออกมาจากบุคคลระดับรองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจอย่างชัดเจนโดยการเตรียมจัดตั้งโรงทานเพื่อรับมือกับความหิวโหยของประชาชนที่กำลังคืบคลานเข้ามา**

https://mgronline.com/daily/detail/...VelTCZ5FRoSBjdNNOinIzON5Nxwi3oZSUFMGdUyDlQB8A