ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อาทิตย์ 21 มิ.ย. ชวนดูสุริยุปราคาบางส่วน เห็นได้เหนือฟ้าทั่วเมืองไทย ถ้าพลาดต้องรออีก 7 ปี เวลา 13:00 - 16:10 น.

    เตรียมตัวพบกับ #สุริยุปราคาบางส่วนเหนือฟ้าเมืองไทย อีกครั้ง วันที่ 21 มิถุนายนนี้! เห็นชัดทั่วประเทศ หากพลาดชมต้องรออีก 7 ปี

    21 มิถุนายน 2563 จะเกิดปรากฏการณ์ "สุริยุปราคาวงแหวน" แนวคราสวงแหวนพาดผ่านสาธารณรัฐอัฟริกากลาง คองโก เอธิโอเปีย ตอนใต้ของปากีสถาน ตอนเหนือของอินเดีย และสาธารณรัฐประชาชนจีน ส่วนประเทศไทยจะเห็นเป็น "สุริยุปราคาบางส่วน" ดวงจันทร์บดบังดวงอาทิตย์เพียงบางส่วน ทำให้มองเห็นดวงอาทิตย์เว้าแหว่ง

    สามารถสังเกตได้ในช่วงเวลาประมาณ 13:00 - 16:10 น. ตามเวลาประเทศไทย ดวงอาทิตย์จะปรากฏเว้าแหว่งมากที่สุด เวลาประมาณ 14:49 น. สังเกตได้ทุกภูมิภาคของไทย แต่ละภูมิภาคจะมองเห็นดวงอาทิตย์เว้าแหว่งมากน้อยแตกต่างกันดังนี้

    #ภาคเหนือ ดวงอาทิตย์จะถูกบดบังมากที่สุดที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ประมาณร้อยละ 63

    #กรุงเทพมหานคร ดวงอาทิตย์จะถูกบดบังประมาณร้อยละ 40

    #ภาคใต้ ดวงอาทิตย์จะถูกบดบังน้อยที่สุดที่ อ.เบตง จ.ยะลา ประมาณร้อยละ 16

    #สุริยุปราคา เป็นปรากฏการณ์ที่ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก โคจรมาอยู่ในแนวเดียวกัน มีดวงจันทร์อยู่ตรงกลาง เมื่อสังเกตจากโลกจะเห็นดวงจันทร์เคลื่อนที่เข้ามาบดบังดวงอาทิตย์ สำหรับ #สุริยุปราคาบางส่วน เกิดจากโลก ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ไม่ได้เรียงอยู่ในแนวเดียวกัน ดวงจันทร์จึงบดบังดวงอาทิตย์เพียงบางส่วนเท่านั้น ทำให้มีเพียงเงามัวของดวงจันทร์ทอดผ่านพื้นผิวโลก

    ผู้สังเกตบนโลกภายในบริเวณที่เงามัวของดวงจันทร์พาดผ่านจะเห็นดวงอาทิตย์ถูกดวงจันทร์บดบังเพียงบางส่วนเท่านั้น

    สำหรับผู้สนใจชมปรากฏการณ์ #ห้ามสังเกตการณ์ด้วยตาเปล่า แว่นกันแดด ฟิล์มเอ็กซ์เรย์ หรือแผ่นซีดี เนื่องจากแสงอาทิตย์สามารถทำลายเซลส์ประสาทตาจนตาบอดได้ ควรสังเกตการณ์ผ่านอุปกรณ์เฉพาะ ที่มีคุณสมบัติกรองแสงได้อย่างปลอดภัย อาทิ แว่นตาดูดวงอาทิตย์ทำจากแผ่นกรองแสงพอลิเมอร์ดำ แผ่นกรองแสงอะลูมิเนียมไมลาร์ กระจกแผ่นกรองแสงสำหรับหน้ากากเชื่อมโลหะ เบอร์ 14 หรือมากกว่า และอุปกรณ์สังเกตการณ์ดวงอาทิตย์ทางอ้อม เช่น การดูเงาของแสงอาทิตย์ผ่านฉากรับภาพ หรือใช้หลักการของกล้องรูเข็ม ซึ่งเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยไม่เกิดอันตรายต่อดวงตา และยังสามารถดูปรากฏการณ์ดังกล่าวได้ทีละหลายคน

    หากสังเกตการณ์ผ่านกล้องโทรทรรศน์ #ต้องเป็นกล้องโทรทรรศน์ที่ติดฟิลเตอร์กรองแสงดวงอาทิตย์เท่านั้น เนื่องจากกล้องโทรทรรศน์มีเลนส์รวมแสงทำให้แสงอาทิตย์ทวีกำลังมากขึ้น เป็นอันตรายอย่างยิ่งแก่ดวงตา

    เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 #NARIT ไม่ได้ตั้งจุดสังเกตการณ์หลักเพื่อให้บริการประชาชนเหมือนทุกครั้ง และเปลี่ยนมาเป็นการ LIVE ถ่ายทอดสดปรากฏการณ์สุริยุปราคาบางส่วน จากหอดูดาวภูมิภาคทั้ง 4 แห่ง ของ สดร. ได้แก่ อุทยานดาราศาสตร์สิรินธร อ. แม่ริม จ. เชียงใหม่ และหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติฯ นครราชสีมา ฉะเชิงเทรา และสงขลา ในวันที่ 21 มิถุนายน 2563 ตั้งแต่เวลา 13:00 - 16:10 น. สามารถติดตามได้ทางเพจเฟซบุ๊ก NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติได้เลยครับ

    สำหรับปรากฏการณ์สุริยุปราคาครั้งต่อไปที่สามารถสังเกตได้ในประเทศไทยคือ สุริยุปราคาบางส่วน ในวันที่ 2 สิงหาคม 2570 ซึ่งจะต้องรออีก 7 ปีต่อจากนี้เลยทีเดียวครับ

    #PartialSolarEclipse2020

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ญี่ปุ่นหาทำนวัตกรรมสุดล้ำ ผุดกระดาษกินได้! ไว้กินหากหิวระหว่างเขียนโน๊ต พร้อมหมึกปากการสกาแฟ แต่อาจไม่ได้ช่วยให้จำเนื้อหาได้มากขึ้น

    ไหนใครเคยหิวระหว่างที่กำลังนั่งทำงานหรืออ่านหนังสือสอบบ้าง ยกมือขึ้น!! คงยกขึ้นกันมาหลายคนสิท่า ... แต่เดี๋ยวก่อน ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไป ญี่ปุ่นได้ผลิตสมุดโน๊ตกินได้เอาใจคนงานยุ่งแล้ววว

    สมกับเป็นประเทศเจ้านวัตกรรม บริษัท Ogiri Printing จากประเทศญี่ปุ่นคลอด Kamihime แบรนด์ลูกที่ผลิตกระดาษโน๊ตฉีกออกมากินได้เมื่อหิวระหว่างทำงาน แก้ปัญหาท้องร้องจ๊อก ๆ

    โดยกระดาษนี้จะไม่มีรสชาติอะไรเลย แม้แต่ว่าเราจะใช้ปากกาที่มาพร้อมกับตัวสมุดโน๊ตจดลงไปในกระดาษ เพื่อเพิ่มรสชาติให้กระดาษของเราเหมือนกาแฟมากขึ้น เพราะว่าหมึกของปากกาถูกผลิตมาให้กินได้

    หลายคนอาจจะมองว่านวัตกรรมนี้จะช่วยได้ขนาดนั้นจริงเหรอ? จริง ๆ แล้ว สำหรับญี่ปุ่นการกินขนมในขณะที่อยู่ในที่ประชุมหรือห้องเรียนจะถูกคนมองด้วยหางตาเป็นพิเศษ การกินกระดาษเข้าไปแทนก็เลยอาจจะช่วยประทังท้องไปได้บ้าง ก่อนที่จะได้ไปหาอาหารจริง ๆ กิน

    แต่ก็อย่าไปกินมูมมามแบบที่เราเห็นกันในโฆษณาหละ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นต่อให้กินกระดาษแผ่นเล็กแค่ไหน ใคร ๆ เขาก็มอง

    ตอนนี้กระดาษ Kamihime กำลังอยู่ในช่วงทดลอง แต่ทางบริษัทจริงจังมากที่จะผลิตออกมาสู่ท้องตลาด และหวังว่าจะผลิตหมึกปากการสชาติอื่น ๆ ออกมาด้วย

    ต่อไปนี้ ใครจะว่าเราล้าสมัย พกกระดาษมาจดในยุค Paperless ก็คงไม่ได้แล้วนะ เพราะเจ้ากระดาษเนี่ยแหละที่จะช่วยทำให้เราหายหิวได้ชั่วคราว แต่จะทำให้อ้วนหรือเปล่าอันนี้ทางเราก็ไม่ทราบ

    https://soranews24.com/2020/06/17/j...from-embarrassing-body-noises-at-work-school/



    ณิชากร บัวทรัพย์
    Environman

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เวทมนต์ธรรมชาติรังสรรค์ รูปปั้นในสวนที่ถูกลืม ของหญิงที่หลับไหลในป่าลึก เปลี่ยนรูปลักษณ์ตามฤดูกาล ราวกับมีชีวิต อยู่ในอังกฤษ

    ในนิยายปรัมปราของอังกฤษและในตำนานของ King Arthur กษัตริย์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในยุคกลาง หลายคนคงเคยได้ยินชื่อรัฐ Cornwall ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ปัจจุบันนี้ Cornwall เป็นที่ตั้งของสวนสวน Heligan ในตำนานที่ภายในเต็มไปด้วยไม้ป่านานาชนิด แต่ไฮไลท์ที่ผู้เข้าชมส่วนใหญ่มักพลาดไม่ได้ก็คือรูปปั้น Mud Maid ที่ตั้งอยู่กลางสวน

    Mud Maid เป็นรูปปั้นที่สร้างโดยคู่พี่น้อง Pete และ Sue Hill ในปี 1997 และอยู่คู่กับสวนลึกลับนี้มาจนถึงปัจจุบัน

    สิ่งที่พิเศษสำหรับรูปปั้นนี้คือ หญิงสาวที่ปั้นมาจากดินคนนี้จะเปลี่ยนสีผม สีเสื้อผ้า และสีร่างกายของเธอทุกฤดูกาล

    อาจจะฟังดูเหมือนเรื่องลี้ลับ แต่จริง ๆ แล้ว มันคือเวทมนต์ที่ธรรมชาติที่สวยงามของเราสร้างขึ้นมาต่างหาก เวลาผู้คนเล่าว่ารูปปั้นเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่นหมายถึงการเปลี่ยนผลัดตามฤดูกาลของใบไม้และดอกหญ้าที่อยู่บนตัวเธอ

    ในช่วงฤดูใบไม้พลิและฤดูร้อนเสื้อผ้าของเธอจะมีสีสันที่สดใสจากไม้เลื้อย ตะไคร่น้ำ ดอกไม้ ส่วนผมจะชี้ตั้งเพราะหญ้าที่อยู่บริเวณนั้นกำลังโต

    แต่เมื่อฤดูใบไม้ร่วงที่พันธุ์ไม้ต่าง ๆ เริ่มเหี่ยวแห้งสีของมันจะเปลี่ยน เริ่มเป็นสีส้ม น้ำตาล จนเมื่อหิมะเข้ามาปกคลุมต้นไม้ทั้งหมด สีเขียวจะถูกแทนที่ด้วยสีขาวทันที

    คู่พี่น้องนักปั้น Pete และ Sue เล่าว่า Mud Maid เป็นรูปปั้นของผู้หญิงที่กำลังนอนหลับไหลในป่าลึก และพวกเขาต้องการจะสร้างมันพร้อมกับรูปปั้น Giant’s Head อีกอันเพื่อให้ความรู้สึกว่าสวนนี้นั้นลึกลับ พร้อมติดป้ายตรงไม้ที่กั้นหน้า Mud Maid ไว้ด้วยว่า “ในขณะที่เธอกำลังนอน อย่าข้ามรั้วที่กั้นตรงนี้ เราไม่ได้หวังที่จะปลุกเธอให้ตื่น”

    สวน Heligan สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1200 แต่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 มันกลายเป็นสวนที่ถูกลืม รับชะตากรรมเดียวกันกับที่ดินอีกหลาย ๆ ผืนในยุคนั้น จนเมื่อปี 1990 Heligan กลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้งหลังได้รับการฟื้นฟูจนได้ชื่อว่าเป็นสวนที่ถูกฟื้นฟูขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป มีขนาด 506 ไร่ เปิดให้ผู้คนเข้าชมมากมาย

    สวนนี้ปิดลงชั่วคราวในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา แต่มีกำหนดการณ์ว่าจะเปิดอีกครั้งวันที่ 10 มิถุนายนนี้ โดยรูปให้ผู้เข้าชมเที่ยวแบบ New Normal คือต้องจองเข้าชมล่วงหน้าออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ของสวนเท่านั้น เพื่อรักษาระยะห่างและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค

    https://www.heligan.com/

    https://www.facebook.com/thelostgardens/

    https://www.boredpanda.com/mud-maid-sculpture-pete-sue-hill/

    ณิชากร บัวทรัพย์
    Environman

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักส่องวาฬออสเตรเลียเฮ พบวาฬหลังค่อมสีขาว มีภาวะเผือกสุดหายาก โผล่อวดโฉมเหนือน้ำ!คาดเป็น Migaloo เซเลปมหาสมุทร

    สด ๆ ร้อน ๆ เมื่อวานนี้ทางทวิตเตอร์ Migaloo the Whale ได้ลงภาพการพบเห็นวาฬผิวเผือก ที่อยู่ห่างออกไปทางตอนกลางบริเวณนอกชายฝั่งของนิวเซาท์เวลส์ 1 กิโลเมตร แต่ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเป็น Migaloo วาฬเผือกขวัญใจหลาย ๆ คนรึเปล่า!

    ก่อนหน้านี้ในวันจันทร์ที่ผ่านมา นักส่องวาฬรายงานการพบวาฬเผือกเซเลปของออสเตรเลีย Migaloo ว่ายอพยพประจำปีไปทางเหนือจากแอนตาร์กติกาสู่นอกน่านน้ำควีนส์แลนด์ ซึ่งเป็นรายงานการพบครั้งแรกของปีนี้

    ซึ่ง Dr. Vanessa Pirotta นักวิทยาศาสตร์จาก Macquarie University ยังไม่ปักใจเชื่อเรื่องดังกล่าว เธอกล่าวว่า “การเจอ Migaloo (ชื่อของวาฬเผือก) นั้นยากมาก ๆ เราสามารถพบเจอมันได้แค่เพียง 1 ใน 40,000 ของวาฬหลังค่อมทั้งหมดเท่านั้น ดังนั้นเมื่อมีคนพบเห็นหรืออาจพบเห็น คนมันตื่นเต้นและอาจจะพยายามคาดเดาว่าเป็น Migaloo”

    ในช่วงเดือนพฤษภาคมและเดือนพฤศจิกายนของทุกปี เหล่าวาฬหลังค่อมจะมีการอพยพจากแอนตาร์กติกา ไปยังบริเวณที่มีน้ำอุ่นกว่าในนอกน่านน้ำทางตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลียอยู่เป็นประจำ เพื่อที่จะผสมพันธุ์และคลอดลูก และหลังจากนั้นพวกมันก็จะพาครอบครัวกลับมายังแอนตาร์กติกาเช่นเดิม

    ออสเตรเลียพบเห็น Migaloo ครั้งแรกในปี 1991 บริเวณอ่าว Harvey และหลังจากการพบเจอในครั้งนั้น นักวิจัยก็คอยจับตาดูอยู่เรื่อย ๆ

    นักวิจัยเชื่อว่า Migaloo เป็นวาฬหลังค่อมที่มีสีขาวเต็มตัวตัวแรกในหมู่ประชากรของวาฬหลังค่อมของทางฝั่งตะวันออก มันเลยได้รับชื่อเล่นว่า “Migaloo” ซึ่งแปลว่า “ตัวขาว”ในภาษาของชนพื้นเมือง

    ขณะนี้นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถทราบได้ว่า Migaloo มีผิวขาวเพราะภาวะ Albinism (ภาวะผิวเผือก) หรือ Leucism ซึ่งหากเป็นอย่างแรกมันจะมีดวงตาสีซีดด้วย แต่ถ้าหากเป็นอย่างหลังมันจะยังมีสีที่ดวงตาปกติ

    Dr. Pirotta กล่าวว่า “Migaloo เป็นเหมือนเซเลปคนดังแห่งมหาสมุทร เพราะมันทำให้พวกเราหันมาตระหนักเรื่องของมหาสมุทรมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญเราก็ต้องระมัดระวังการกระทำของเราบนผืนน้ำเช่นกัน”

    วาฬถูกจัดอยู่ในสัตว์คุ้มครองอย่างเป็นพิเศษ ซึ่งหมายความว่าจะต้องรักษาระยะห่างจากมันอย่างต่ำ 500 เมตร และหากฝ่าฝืนจะได้รับบทลงโทษทางกฎหมายถูกปรับ 16,500 เหรียญ

    ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่สามารถคอนเฟิร์มได้ว่าวาฬหลังค่อมขาวที่พึ่งพบล่าสุดคือ Migaloo หรือป่าว แต่ที่แน่ ๆ ปีนี้ทางออสก็มีวาฬขาวมาเยือนแล้วววว

    https://www.dailymail.co.uk/news/ar...spotted-frolicking-New-South-Wales-coast.html

    https://twitter.com/Migaloo1

    https://www.abc.net.au/radio/progra...-early-in-australian-humpback-season/12358646

    https://grabyourfins.wordpress.com/tag/migaloo/

    เด็กหญิงแก้มยุ้ยเป็นมิตร
    environman

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จบภารกิจปั่มปั๊มช่วยสายพันธุ์ ได้กลับบ้านเสียที! Diego เต่ายักษ์กาลาปากอสอายุ 100 ปี เกษียณอายุจากการทำงานแล้ว หลังจากที่มันได้ช่วยเหลือเผ่าพันธุ์เต่าทั้งหมดไว้!

    Paulo Proaño Andrade รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมของเอกวาดอร์ ระบุว่า เต่ายักษ์ทั้ง 15 ตัว รวมทั้ง Diego ได้เดินทางกลับบ้านไปยังเกาะ Española เกาะในหมู่เกาะ Galapagos หลังจากที่พวกมันช่วยขยายเผ่าพันธุ์ให้รอดพ้นจากการสูญพันธุ์ได้สำเร็จ

    เต่ายักษ์กาลาปากอส เป็นสัตว์กินพืชเป็นอาหาร มีอายุได้เฉลี่ยมากกว่า 100 ปี โดยขนาดตัวเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 1 เมตร พร้อมน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 150 กิโลกรัม

    เจ้า Diego เป็นเต่ายักษ์ที่สู้บ่ยั่น มันได้ทำงานเป็นพ่อพันธุ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เดิมทีในโปรแกรมการผสมพันธุ์ของอุทยานแห่งชาติ Galapagos มีเต่ากาลาปากอสตัวผู้เพียง 2 ตัว และตัวเมีย 12 ตัวเท่านั้น แต่ด้วยความสู้ไม่ถอยของ Diego และพรรคพวก ทำให้พวกมันสามารถเพิ่มจำนวนประชากรไปได้มากกว่า 2,000 ตัว!

    และแน่นอน ด้วยความฟิตปั๋งของมัน ทางอุทยานจึงเชื่อว่า 40% ของจำนวนประชากรเต่าทั้งหมดมาจากเจ้า Diego ตัวเดียว

    United Nations Environment Program (UNEP) ยังทวีตเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับการเดินทางกลับบ้านของเจ้าเต่า Diego และความสำเร็จของมันด้วยที่ถึงแม้จะมีอายุกว่า 100 ปี ก็ผลิตทายาทออกมาได้ 800 ตัว

    แต่จริง ๆ แล้ว Diego ไม่ได้เป็นเต่าที่ผลิตลูกออกมาได้มากที่สุด มันแค่มีพฤติกรรมการผสมพันธุ์ที่โดดเด่นที่สุด ซึ่งทำให้คนสนใจมัน

    เดิมที่ Diego เคยอาศัยอยู่ในสวนสัตว์ San Diego ที่ California แต่ภายหลังถูกส่งมายัง Galapagos เพื่อร่วมโครงการขยายพันธุ์ ซึ่ง Diego ได้เริ่มงานมาตั้งแต่ช่วงปี 1960

    ตอนนี้ Diego ได้เกษียณอายุงานแล้ว มันถูกส่งกลับไปยังบ้านเกิดของมันที่เกาะ Española หนึ่งในเกาะที่เก่าแก่ที่สุดในหมู่เกาะกาลาปากอส

    หมู่เกาะ Galapagos ห่างจากชายฝั่งประเทศเอกวาดอร์ 600 ไมล์ เป็นหนึ่งในที่ที่มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของโลกและรวมอยู่ใน UNESCO World Heritage Site จนนักท่องเที่ยวหลายคนอยากแวะไปเยี่ยมเยียน ซึ่งแน่นอน นอกจากเรื่องเที่ยวแล้ว หลายคงอาจได้ยินชื่อ Galapagos นี้เพราะมันเคยเป็นสถานที่ที่ Charles Darwin เคยเข้าไปศึกษาจนค้นพบทฤษฎีวิวัฒนาการอีกด้วย

    https://edition.cnn.com/2020/06/16/americas/diego-tortoise-retires-home-scli-intl/index.html

    https://globalnews.ca/news/7071080/diego-tortoise-retired/

    https://www.nationalgeographic.com/animals/reptiles/g/galapagos-tortoise/

    เด็กหญิงแก้มยุ้ยเป็นมิตร
    ร่มธรรม ขำนุรักษ์
    environman

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ยานอวกาศพบการเรืองแสงสีเขียวในชั้นบรรยากาศดาวของอังคาร เป็นครั้งแรกที่พบบนดาวนอกโลก ดูคล้ายกับแสงเหนือ

    Trace Gas Orbiter (TGO) ยานอวกาศที่ถูกส่งไปโคจรรอบดาวอังคาร สามารถจับการเรืองแสงสีเขียวในชั้นบรรยากาศของดาวอังคารได้ เป็นปรากฎการณ์ครั้งแรกที่พบจากการสำรวจนอกโลก

    ชั้นบรรยากาศที่เรืองแสงสีเขียวของดาวอังคารนั้นไม่เหมือนกับแสงเหนือที่พบได้บนโลกแต่อย่างใด

    ลำแสงสีเขียวบนโลกที่เราอยู่อาศัยได้รับอิทธิพลอย่างมากจากสนามแม่เหล็กโลก ที่ดึงอนุภาคลงไปยังขั้วโลก ซึ่งมันแตกต่างจากการเรืองแสงบนดาวอังคารที่ไม่มีสนามแม่เหล็กอย่างสิ้นเชิง

    แสงสีเขียวที่ปรากฎบนดาวอังคารเกิดจากการแยกตัวอะตอมของออกซิเจนออกมาจากคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยความช่วยเหลือจากแสงอาทิตย์ ทำให้อะตอมของออกซิเจนมีระดับพลังงานเพิ่มสูงขึ้น และเมื่อมันกลับไปอยู่ในระดับการพักตัว พวกมันก็จะปล่อยแสงสีเขียวออกมา

    TGO บันทึกการเรืองแสงสีเขียวไว้ได้โดยเครื่องมือเฉพาะทางที่เห็นออกซิเจนโดยเฉพาะ โดยการเรืองแสงของออกซิเจนที่มีความเข้มข้นสูงที่สุดอยู่ในระดับความสูงประมาณ 80 กิโลเมตรเหนือพื้นผิว ซึ่งระดับความเข้มข้นจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับระยะใกล้ไกลจากดวงอาทิตย์

    การศึกษาการเรืองแสงสีเขียวของดาวอังคารช่วยในการร่างทิศทางโมเดลสำหรับการลงจอดยานสำรวจดาวอังคารได้ในอนาคต

    https://www.bbc.com/news/science-environment-53057055

    https://www.space.com/mars-atmosphere-green-glow-exomars-tgo.html

    http://www.narit.or.th/index.php/astronomy-news/405-3866-trace-gas-orbiter

    เด็กหญิงแก้มยุ้ยเป็นมิตร
    environman

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พระพยอม อธิบายเอง ! สรุป “คดีโฉนดถุงกล้วยแขก” แบบเข้าใจง่าย

    จากกรณีที่เรียกว่า คดีโฉนดถุงกล้วยแขก แม้ในส่วนของคดีความจบลงไปนานแล้ว โดยมูลนิธิวัดสวนแก้วเป็นฝ่ายแพ้คดี หมดกรรมสิทธิ์ครอบครองที่ดิน ที่ซื้อมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ก่อให้เกิดข้อสงสัยว่า ในเมื่อซื้อมาอย่างถูกต้อง แต่ทำไมถึงแพ้คดี ?

    คดีนี้มีความซับซ้อน เกี่ยวข้องทั้งตัวบุคคลและหน่วยงานของรัฐ การที่ผู้ได้รับความเสียหายออกมาต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม จึงทำให้สังคมได้เห็นถึงปัญหา และหวังว่าจะได้รับการปรับปรุงแก้ไขต่อไป

    ซึ่งผู้ที่อธิบายเรื่องราวนี้ได้ดีที่สุด ก็คือผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ทีมข่าวสปริงนิวส์จึงนมัสการขอสัมภาษณ์และซักถามข้อสงสัยต่างๆ กับ พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว

    รวมถึงได้มีการค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อนำมาอธิบายเป็นข้อๆ ให้เข้าใจง่ายๆ ดังต่อไปนี้

    1. จำนวนที่ดิน 1 ไร่เศษ ไม่ใช่ถูกยึดที่ดินทั้งวัด

    อันดับแรกเลย พระพยอมขอชี้แจงเรื่องจำนวนที่ดินที่มีปัญหา เพราะมีญาติโยมหลายรายยังเข้าใจผิด โดยพระพยอมกล่าวว่า

    “อาตมาขอฝากถึงญาติโยมว่า ส่วนใหญ่เข้าใจผิด คิดว่าเขายึดหมด เอาคืนหมดทั้งวัด อันนี้ไม่ใช่

    “วัดมีที่ดิน 200 ไร่ แต่เขาเอาคืนเพียงไร่ครึ่ง ไม่ได้ทั้งหมด ตามที่ญาติโยมบางคนเข้าใจกัน

    “มีญาติโยมมาถามอาตมาว่า แล้วจะไปอยู่ที่ไหน ถ้าไม่มีที่ไป จะให้ที่ 10 ไร่ ไปสร้างวัดใหม่ ชาตินี้ อายุป่านี้แล้ว สร้างไม่ไหวหรอก พอแล้ว

    “เข้าใจนะ อาตมายังอยู่วัดสวนแก้ว และยังเทศน์ ยังสอน ยังทำกิจกรรมทางศาสนาที่วัดสวนแก้วตลอดไป จนกว่าชีวิตจะหาไม่”

    2. ซื้อที่ดิน เพราะเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน การันตี

    พระพยอมเล่าว่า เมื่อปี 2547 “นางวันทนา” โยมที่อาศัยอยู่ละแวกวัด ได้เสนอขายที่ดินที่อยู่ติดวัด มีเนื้อที่ 1 ไร่ 1 งาน 55 ตาราวา

    แต่ก่อนซื้อ ท่านได้นำโฉนดดังกล่าวไปให้เจ้าหน้าที่ที่ดินตรวจสอบ แล้วก็ได้รับการการันตีว่า สามารถซื้อขายได้ ซึ่งท่านได้เล่าเหตุการณ์ในวันนั้นว่า

    “วัดก็รอบคอบนะ ถามกรมที่ดินว่า โฉนดนี้มีปัญหาไหม ติด ธ.ก.ส. อะไรหรือเปล่า เขาบอก หลวงพ่อจะเป็นพระขี้ระแวงทำไม เขาก็แนะนำว่าซื้อได้”

    เมื่อได้รับการยืนยันอย่างหนักแน่นอย่างนั้น ทางมูลนิธิฯ จึงทำการซื้อที่ดินดังกล่าวเพื่อนำไปสร้างประโยชน์ให้กับสังคม โดยใช้เงิน 7 – 8 แสนบาท ถมที่ดิน แต่แล้วในอีก 2 ปี 7 เดือนต่อมา ก็เกิดปัญหาขึ้น

    3. ทายาทเจ้าของที่ดิน แสดงตัว

    ในปี 2549 ได้มีผู้มาแสดงตัวว่า เป็นทายาทเจ้าของที่ดิน โดยบอกว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นของแม่ของเขา ที่เสียชีวิตไปแล้ว

    ส่วนนางวันทนา ที่นำที่ดินไปขายให้กับวัดสวนแก้ว เป็นเพียงผู้อาศัย จึงไม่มีสิทธิ์ในที่ดินแต่อย่างใด

    4. การอ้างว่า เป็นทายาทเจ้าของที่ดิน มีผลตามกฎหมายหรือไม่ ?

    การอ้างเป็นทายาทเจ้าของที่ดินของชายคนดังกล่าว ในเวลานั้นไม่มีผลทางกฎหมาย เพราะก่อนที่จะขายให้กับวัดสวนแก้ว นางวันทนาได้เป็นเจ้าของที่ดินโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว

    อันเนื่องมาจากได้ยื่นคำร้อง ขอครอบครองปรปักษ์ต่อศาล และศาลได้ตัดสินให้นางวันทนามีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน

    หลังจากนั้นนางวัทนาก็ได้นำเอกสารจากศาล ไปยื่นเรื่องกับกรมที่ดิน แล้วก็ได้โฉนดรับรองกรรมสิทธิ์ เป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าวอย่างสมบูรณ์

    ก่อนนำมาขายให้กับมูลนิธิวัดสวนแก้ว โดยขั้นตอนต่างๆ ผ่านกรมที่ดินทั้งสิ้น

    5. การครอบครองปรปักษ์ คืออะไร ?

    ในกรณีของอสังหาริมทรัพย์ เช่น ที่ดิน หากผู้ใดเข้าไปอยู่ในพื้นที่นั้นๆ โดยเปิดเผย และไม่ถูกขับไล่ เป็นเวลา 10 ปี ขึ้นไป ก็สามารถยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อเป็นเจ้าของที่ดินผืนนั้นได้ ซึ่งกรรมสิทธิ์ลักษณะนี้เรียกว่า การครอบครองปรปักษ์

    โดยในกระบวนการยื่นเรื่องขอครอบครองปรปักษ์ จะมีเอกสารแจ้งไปยังเจ้าของเดิม หากไม่มีการคัดค้าน ศาลก็จะตัดสินให้ผู้ยื่นคำร้องได้รับสิทธิ์การครอบครองปรปักษ์ในที่ดินผืนนั้น

    6. จุดเปลี่ยน

    แต่จุดเปลี่ยนที่ทำให้เกิดการพลิกผัน ก็เนื่องจากต่อมานางวันทนาได้เซ็นยอมรับสภาพว่า ตัวเองเป็นเพียงผู้เช่า ส่งผลให้การซื้อขายที่ดินระหว่างเธอกับมูลนิธิวัดสวนแก้ว กลายเป็นโมฆะ

    โดยพระพยอมได้กล่าวว่า “ถ้านางวันทนาไม่ไปเปลี่ยน ไม่ไปเซ็น… แต่ว่าก็เห็นใจนะ เพราะถูกพาไปเซฟเฮ้าส์ แล้วก็ถูกเกลี้ยกล่อม เพราะสิทธิ์ตามกฎหมายครอบครองปรปกษ์ นางวันทนาได้ชัวร์ๆ”

    “ถ้านางวันทนายังยืนหยัด สู้แบบเดิมว่า ครอบครองมา ไม่ไปเปลี่ยนคำให้การตามที่ทนายของฝ่ายเขาแนะนำ ป่านี้วัดก็ยังได้พัฒนาที่ดิน ให้คนไปทำมาหากินตรงนั้นได้”

    เมื่อสถานการณ์พลิกผัน นอกจากทางมูลนิธิฯ ไม่ได้ที่ดินแล้ว ยังต้องสูญเงินจำนวนสิบล้านบาทที่จ่ายให้กับวันทนาไปอีกด้วย

    7. ทำไมไม่ฟ้องนางวันทนา ?

    ในข้อสงสัยที่ว่า “ทำไมไม่ฟ้องนางวันทนา” หลวงพ่อได้ให้เหตุผลว่า ฟ้องไม่ลง

    “ถ้าเป็นคุณนะ คุณรู้ว่าหญิงแก่ๆ คนหนึ่ง ถูกหลอกจนหมดตัว สิบล้านไม่มีเหลือสักบาทเดียว

    “นอกจากอาตมาจะไม่ฟ้อง ยังสงสาร อยากไปเยี่ยมสักครั้งหนึ่ง คนที่พูดอย่างนั้นน่ะ คือคนไม่รู้

    “ถ้ารู้ว่าหญิงแก่คนนี้โดนตะล่อม เกลี้ยกล่อมจนยอมเซ็น ด้วยความไม่รู้กฎหมาย ด้วยวัยที่มากแล้ว ฟ้องไม่ลงหรอก ถ้าหัวใจยังมีเมตตา”

    8. เสนอเพิ่มเงินให้กับคู่กรณี

    ต่อมาทางมูลนิธิวัดสวนแก้วพยายามไกล่เกลี่ย โดยเสนอจ่ายเงินเพิ่มให้คู่กรณีจำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถตกลงกันได้

    “อาตมาก็บอก เอานี้โยม เราจบกันด้วยดี ไม่มีเรื่องกินแหนงแคลงใจ อาตมาจะกัดฟันเทศน์หาเงินให้โยมอีก 3 ล้าน

    เขาก็พูดสวนมาเลยว่า หลวงพ่อ ผมน่ะอัดหมดไป 10 ล้าน จะมาเอา 3 ล้าน มันก็ไม่ได้ ถ้า 15 ล้าน ตกลง”

    ต่อมา ทางมูลนิธิฯ เสนอเพิ่มเงินให้ 5 ล้านบาท แต่อีกฝ่ายก็เพิ่มจำนวนเงินขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึง 45 ล้านบาท เมื่อการเจรจาไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จ ศาลจึงตัดสินให้ที่ดินผืนนั้น ตกเป็นของคู่กรณีในปี 2551

    9. ปัญหาเกิดจาก “ไม่รู้แล้วชอบชี้”

    การตัดสินใจซื้อที่ดินดังกล่าว พระพยอมบอกว่า ก็เพราะได้รับการยืนยันอย่างหนักแน่นจากเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน แต่เมื่อทางมูลนิธิได้รับความเสียหาย ทั้งที่ๆ ดำเนินการทุกอย่างอย่างถูกต้องตามกฎหมาย กลับไม่ได้รับการเยียวยาใดใดเลย

    “โบราณเขาบอก ไม่รู้ไม่ชี้ แต่ข้าราชการของเรา ไม่รู้แล้วชอบชี้ ถ้าไม่รู้ไม่ชี้นะ บอกไม่รู้จะซื้อได้หรือไม่ พูดแค่นี้เราก็เฉลียวใจ แต่บอกซื้อได้ และทำการโอนให้ด้วย

    “รองอธิบดีกรมที่ดิน ตอนนี้เกษียณไปแล้ว ก็ยังบอกว่า กรมที่ดินก็ยังมีความผิดนิดน้อยแหละ เพราะเป็นผู้ออกโฉนด ออกโฉนดยังไม่ร้ายนะ ทำโอนโฉนดให้เป็นของวัด แล้วเก็บภาษีเข้ารัฐอีก”

    “อาจารย์วิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์ ที่สอนนิติศาสตร์ แกบอกว่า ถ้าพระพยอมเป็นชนชาติอเมริกัน ทำนิติกรรมกับรัฐ แล้วรัฐทำให้เสียหาย รัฐต้องเยียวยา ต้องติดตามดูแล

    “…อย่าง คดี (น้องชาย) พระกิตติวุฑโฒ ที่ดิน 2.8 พันไร่ ถ้าไม่เกิดยิงกันบนศาล… ไม่รู้จะได้ที่ดินคืนหรือไม่ อาตมาเนี่ย ไม่รู้จะโดนยิงตายก่อนหรือเปล่า”

    10 . ฝ่ายชนะคดี แจ้งให้มูลนิธิฯ ย้ายข้าวของออกจากที่ดิน

    ผ่านไปกว่า 10 ปี คดีโฉนดถุงกล้วยแขก กลายเป็นข่าวดังอีกครั้ง เมื่อช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2563 เมื่อพระพยอมออกมาเปิดเผยว่า ทางฝ่ายชนะคดี แจ้งให้มูลนิธิย้ายข้าวของออกจากพื้นที่ดังกล่าว ภายในสิ้นเดือนนี้

    “ใช้คำแรงอยู่คำหนึ่ง ผมไม่อยากจะใช้ความรุนแรงกับพระพยอม ให้ไปบอกท่านด้วย

    “เขาไม่ได้พูดกับอาตมาโดยตรง พอดีเด็กมันถ่ายคลิปไว้ ถ้าไม่เชื่อก็เอาคลิปมาฟัง เขาไปบอกคนที่นอนอยู่ที่นั่น”

    ซึ่งด้วยถ้อยคำที่มีลักษณะข่มขู่ ทำให้สังคมรับไม่ได้ และเมื่อมีการไล่เรียงความเป็นมาของคดี ก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่า หลวงพ่อไม่ได้รับความเป็นธรรม

    11. ตัดสินใจสู้ต่อ

    ตอนแรกทางมูลนิธิวัดสวนแก้ว เตรียมที่จะย้ายข้าวของออกจากพื้นที่ดังกล่าว เพราะหลวงพ่อรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเต็มที่

    ต่อมา อาจารย์ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาธนบุรี และ ดร.สมบัติ วงศ์กำแหง กรรมการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย เนติบัณฑิตยสภา ได้เข้ามาช่วยเหลือมูลนิธิวัดสวนแก้ว ซึ่งได้แนะนำว่า อย่าเพิ่งย้ายข้าวของออกไป

    โดยทั้งสองได้ตรวจสอบข้อมูลต่างๆ แล้ว ก็พบช่องทางการต่อสู้ในข้อกฎหมาย สำหรับกรณีที่ผู้ซื้อดำเนินการอย่างถูกต้อง แต่ได้ความเสียหายในภายหลัง

    อาจารย์ปรเมศวร์ได้ชี้แจงในวันแถลงข่าว ที่วัดสวนแก้ว เมื่อวันที่ 17 มิถุนายนว่า ทางมูลนิธิวัดสวนแก้ว มีโอกาสได้รับเงิน 10 ล้านบาทคืน เพราะเป็นการซื้ออย่างถูกต้อง ก่อนจะมีการยกเลิกกรรมสิทธิ์

    ซึ่งประมวลกฎหมายฯ แพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1332 ได้บัญญัติว่า “บุคคลผู้ซื้อทรัพย์สินมาโดยสุจริตในการขายทอดตลาด หรือในท้องตลาด หรือจากพ่อค้า ซึ่งขายของชนิดนั้น ไม่จำต้องคืนให้แก่เจ้าของแท้จริง เว้นแต่เจ้าของจะชดใช้ราคาที่ซื้อมา”

    สรุปก็คือ ในกรณีที่มูลนิธิฯ ซื้อที่ดินมาอย่างถูกต้อง หากอีกฝ่ายต้องการให้มูลนิธิฯ ย้ายออก ก็ต้องจ่ายเงิน 10 ล้านบาท ให้กับทางมูลนิธิฯ ก่อน

    ฉะนั้นถึงแม้ว่า วัดจะไม่ได้ครอบครองผืนที่ดังกล่าว แต่อย่างน้อยๆ ก็อาจจะได้รับเงิน 10 ล้านบาทคืน

    ซึ่งที่ผ่านมาพระพยอมได้ย้ำเสมอว่า เงินจำนวนนี้เป็นปัจจัยที่เรี่ยไรมาจากเกจิอาจารย์มากมาย และประชาชน โดยมีวัตถุประสงค์นำมาสร้างประโยชน์ให้กับสังคม จึงไม่ต้องการให้สูญเสียไปอย่างเปล่าประโยชน์

    และทั้งหมดนี้ ก็คืออัปเดตล่าสุดของคดีโฉนดถุงกล้วยแขก ที่ตอนจบของเรื่องราว จะเป็นคำตอบให้กับสังคมไทยว่า “ความเป็นธรรม มีอยู่จริง หรือไม่ ?”

    The post พระพยอม อธิบายเอง ! สรุป “คดีโฉนดถุงกล้วยแขก” แบบเข้าใจง่าย appeared first on SpringNews.

    Source : #Springnews #สปริงนิวส์

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ดินโคลนถล่มใกล้เหมืองพลอยที่เมียนมา ฝังทั้งเป็นผู้เคราะห์ร้าย 4 ศพรวด
    ฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่องในเมียนมาทำให้ ดินจากภูเขาทานปี ใกล้กับเหมืองขุดแร่พลอย ถล่มทับชาวบ้านผู้หญิงล้วนเสียชีวิตรวม 4 ศพ ขณะเดินอยู่ในในเส้นทางใกล้หมู่บ้านปากาวาวา จ.มะละแหม่ง
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อินเดียเดือด ‘เหล็กติดตะปู’ อ้างอาวุธทหารจีน นักวิเคราะห์ชี้ป่าเถื่อน
    BBC เผยนักวิเคราะห์ในอินเดีย โพสต์ภาพแท่งเหล็กติดตะปูคนแรกในโซเชียล ชี้ป่าเถื่อน อ้างเป็นอาวุธที่ทหารจีนใช้ทำร้ายทหารอินเดียดับอย่างน้อย 20 แหล่งข่าวเผย จีนยอมปล่อยทหารอินเดีย 10 นายแล้ว
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

    BBC เผยนักวิเคราะห์ในอินเดีย โพสต์ภาพแท่งเหล็กติดตะปูคนแรกในโซเชียล ชี้ป่าเถื่อน อ้างเป็นอาวุธที่ทหารจีนใช้ทำร้ายทหารอินเดียดับอย่างน้อย 20 แหล่งข่าวเผย จีนยอมปล่อยทหารอินเดีย 10 นายแล้ว

    เมื่อ 19 มิ.ย.63 สำนักข่าวบีบีซีรายงานสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอินเดียกับจีนครั้งใหม่ ที่กำลังสร้างความโกรธแค้นให้กับชาวอินเดีย หลังจากทหารของทั้งสองฝ่ายปะทะกันรุนแรงในพื้นที่พิพาท ใกล้เส้นควบคุมที่แท้จริง (Line of Actual Control) ในภูมิภาคลาดัคห์ บนเทือกเขาหิมาลัย เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ทหารอินเดียส้ินชีพอย่างน้อย 20 นาย และต่อมามีรายงานและเผยแพร่ภาพอาวุธที่อ้างว่าฝ่ายทหารจีนใช้ในการทำร้ายทหารอินเดีย เป็นแท่งเหล็กติดตะปูนั้น

    บีบีซี รายงานว่า นาย Ajai Shukia นักวิเคราะห์ด้านการทหาร ซึ่งเป็นคนแรกที่ทวีตภาพแท่งเหล็กติดตะปู ทางทวิตเตอร์ และอธิบายว่า การใช้อาวุธเช่นนี้เป็นการกระทำที่ ‘ป่าเถื่อน’ หลังจากที่ทางการอินเดียและจีนได้มีข้อตกลงตั้งแต่ปี 2519 ห้ามทหารของทั้งสองฝ่ายใช้อาวุธปืนและระเบิดในรัศมี 2 กิโลเมตร ห่างจากเส้นควบคุมที่แท้จริง ซึ่งแบ่งเขตแดนระหว่างสองประเทศ เพื่อหวังยับยั้งไม่ให้เหตุรุนแรงขยายเพิ่มขึ้น

    หลังจากมีการเผยแพร่ภาพอาวุธแท่งเหล็กติดตะปูทางสังคมออนไลน์ ทำให้ชาวอินเดียมีการแชร์รูปอาวุธดังกล่าวจำนวนมาก และทั้งชาวจีนและอินเดียต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก ในขณะที่ชาวอินเดียได้มีการประท้วงต่อต้านจีนด้วยความโกรธแค้น

    นสพ.Hindu หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในอินเดีย อ้างแหล่งข่าวในกองทัพอินเดีย เปิดเผยว่า ทางฝ่ายจีนยอมปล่อยตัวทหารอินเดีย 10 นายแล้ว หลังจากเกิดเหตุปะทะกันอย่างรุนแรงเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งในจำนวนนี้เป็นทหารยศพันเอก 1 นาย และยศพลตรี 3 นาย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอินเดียยังไม่ยืนยันข่าวนี้ รวมทั้งไม่ยืนยันในเรื่องมีทหารกำลังสูญหายไปหลังเกิดการปะทะกับทหารจีน.

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อย่าช้า ‼️ MEA เปิดรับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมโครงการศึกษาวิจัย MEA EV Smart Charging System โดยสนับสนุนเครื่องอัดประจุไฟฟ้า 22 kw จำนวน 50 เครื่อง ฟรี !! รับประกัน 2 ปี เชื่อมต่อระบบบริหารจัดการเครื่องอัดจุไฟฟ้าอัจฉริยะพร้อม Platform วิเคราะห์ข้อมูลการชาร์จ
    และที่ล้ำหน้าสุดพร้อมเชื่อมต่อกับ MEA EV Application แสดงข้อมูล ตำแหน่ง หรือ สถานะของเครื่องอัดประจุไฟฟ้าอีกด้วย

    คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ

    • เป็นหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ เอกชน

    • เป็นพื้นที่ให้บุคคลภายนอกสามารถเข้ามาชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าได้ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ

    รายละเอียดโครงการและข้อมูลทั้งหมดได้ที่ https://bit.ly/3eMS5AR

    * ทั้งนี้ MEA ขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาผู้ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายตามหลักเกณฑ์การพิจารณา

    สำหรับผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการ MEA EV Smart Charging System สามารถสมัครลงทะเบียนได้ 2 ช่องทาง ดังนี้

    1. MEA EV application ดาวน์โหลดได้ที่ http://onelink.to/meaev

    2. เว็บไซต์ https://evccc.mea.or.th/WebEV

    โดยต้องลงทะเบียน และ login เข้าสู่ระบบก่อนการสมัคร

    สอบถามรายละเอียดได้ที่ 0 2348 5000 ต่อ 2828 ในเวลาราชการ และ MEA Call Center โทร 1130 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่ E-mail : ladthanun.ka@mea.or.th

    ตั้งแต่วันนี้ – 15 กรกฎาคม 2563

    ประกาศผลผู้ที่ผ่านการพิจารณาเข้าร่วมโครงการ

    ศึกษาวิจัย MEA EV Smart Charging System ในวันที่ 30 กันยายน 2563 ทางเว็บไซต์ mea.or.th

    **คำตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด

    #พลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร
    Energy for city life, Energize smart living

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เตือน! คนไทยในปักกิ่ง เข้าพื้นที่เสี่ยงสูง หมดสิทธิ์ออกนอกพื้นที่ หลังโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่

    วันที่ 18 มิถุนายน 2563 สถานทูตฯ ประกาศ โพสต์ประกาศคำเตือนของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง เรื่อง การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ COVD-19 ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ฉบับที่ 7 โดยมีเนื้อหาระบุว่า

    ตามที่มีการรายงานข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (COVD-19) ในพื้นที่กรุงปักกิ่งอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน 2563 เป็นต้น และเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 16 มิถุนายน 2563 สำนักงานเเทศบาลกรุงปักกิ่ง ได้มีประกาศเกี่ยวกับสถานการณ์และมาตรการต่างๆ ในการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส C0VD-19 สถานเอกอัครราชทูตฯ จึงขอสรุปประเด็นสำคัญที่อาจส่งผลกระทบกับคนไทยที่พักอาศัยในกรุงปักกิ่ง ดังนี้

    1.ตั้งแต่วันที่ 11- 17 มิถุนายน 2563 พบผู้ติดเชื้อ COND-19 จำนวน 158 ราย โดยผู้ติดเชื้อทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องกับตลาดส่งออกซินฟาตี้ และได้แพร่ระบาดไปยัง 9 เขตของกรุงปักกิ่ง (เขตเฟิงไถ เขตต้าชิง เขตไห่เตี๊ยน เขตฝางชาน เขตซีเฉิง เขตตงเฉิง เขตเฉาหยาง เขตสือจิ่งชาน และเขตเหมินโถวโกว)

    2. กรุงปักกิ่งได้ประกาศยกระดับมาตรการฉุกเฉินจากระดับ 3 เป็นระดัน 2 ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป สรุปมาตรการสำคัญ ดังนี้

    (1) ห้ามมิให้ผู้ที่มีประวัติเดินทางไปในพื้นที่ความเสี่ยงสูง/ ความเสี่ยงปานกลาง รวมทั้งตลาดชินฟาตี้ทุกคนเดินทางออกจากกรุงปักกิ่ง สำหรับบุคคลที่อยู่ในพื้นที่ความเสี่ยงต่ำที่จำเป็นจะต้องเดินทางออกนอกกรุงปักกิ่งจะต้องยื่นผลตรวจกรดนิวคลีอิกที่ตรวจในช่วงระยะเวลาภายใน 7 วัน

    2) ยกเลิกการเรียนการสอนที่สถานศึกษาทุกระดับชั้น โดยให้นักเรียน/ นักศึกษาทุกคนเรียนผ่านระบบออนไลน์ และระงับการกลับเข้าสถานศึกษาทุกแห่ง

    (3) กรณีเดินทางไปโรงพยาบาลจะต้องทำการนัดเวลาล่วงหน้าก่อน

    (4) รณรงค์ให้ประชาชนทุกคนสวมหน้ากากอนามัย โดยฉพาะในพื้นที่ปิด พื้นที่แออัด และในอาคาร และควรรักษาระยะห่าง 1 เมตร และแนะนำให้หลีกเลี่ยงการชุมนุม ประชุม หรือกินข้าวร่วมกัน

    (5) บุคคลที่มีประวัติเดินทางไปตลาดชินฟาตี้ ตลาดยวี่เฉวียนตง ตลาดเทียนเถาหงหลียน รวมทั้ผู้ที่มีประวัติใกล้ชิดกับกลุ่มบุคคลดังกล่าว และผู้ที่มืความเสี่ยง จะต้องเข้ารับการตรวจกรดนิวคลีอิก

    (7 จำกัดจำนวนผู้ใช้รถขนส่งมวลชนและควบคุมให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัย นอกจากนี้จะมีการตรวจวัดอุณหภูมิ ระบายอากาศ และฆ่าเชื้อพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ

    (8) ห้ามเดินทางเข้าพื้นที่ความเสี่ยงปานกลางและความเสี่ยงสูง โดยสำหรับพื้นที่ความเสี่ยงสูงหากมีการเดินทางเข้าพื้นที่ดังกล่าวแล้ว จะไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางออกจากพื้นที่

    สถานเอกอัครราชทูตฯ จึงขอแจ้งให้คนไทยที่อาศัยในกรุงปักกิ่งให้เพิ่มความระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการกรุงปักกิ่งอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กรณีมีความจำเป็นต้องเดินทางออกนอกกรุงปักกิ่ง ขอให้ตรวจสอบมาตรการการเดินทางกับเจ้าหน้าที่ในชุมชนของท่านและจุดหมายปลายทางด้วย

    ทั้งนี้ ขอให้คนไทยในกรุงปักกิ่งและพื้นที่ใกล้คียงโปรดติตตามซัอมูลข่าวสารสำคัญจากสถานเอกอัครราชทูตฯ อย่างใกล้ชิด กรณีคนไทยต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนสามารถติดต่อสายด่วน สถานเอกอัครราชทูตฯ ทางโทรศัพท์หมายเลข 157-2731-2531

    The post เตือน! คนไทยในปักกิ่ง เข้าพื้นที่เสี่ยงสูง หมดสิทธิ์ออกนอกพื้นที่ หลังโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่ appeared first on SpringNews.

    Source : #Springnews #สปริงนิวส์

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘ศรีสุวรรณ’ แฉมีการลักลอบซื้อขายไม้เก่าที่รื้อจากอาคาร ‘บอมเบย์เบอร์มา’

    นายศรีสุวรรณ จรรยา เปิดเผยว่า กรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนจำนวนมากเกี่ยวกับการรื้อทุบทำลายอาคารบอมเบย์เบอร์มา อายุ 131 ปี ซึ่งถือว่าเป็นอาคารประวัติศาสตร์ทางด้านการทำไม้ในประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่ในสวนรุกขชาติเชตวัน สังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) โดยอ้างว่าเพื่อปรับปรุงซ่อมแซมให้ดีขึ้น ภายใต้งบพัฒนาจังหวัดแพร่โดยใช้งบประมาณ 4,560,000 บาทนั้น

    การรื้อปรับปรุงซ่อมแซมอาคารดังกล่าวเป็นที่แปลกใจของชาวแพร่ และประชาชนทั่วไปเป็นอย่างมากว่า เหตุใดจึงไม่เป็นไปตามหลักวิชาการ ที่จะต้องมีการทำทะเบียนไม้หรือทำโค๊ตไม้แต่ละชิ้นที่ถอดออกมา เพื่อนำมาฟื้นฟูปรับปรุงซ่อมแซมเพื่อนำกลับไปสร้างใหม่ให้เหมือนเดิม โดยใช้ไม้เดิมๆ จึงจะถือว่าเป็นการอนุรักษ์คุณค่าทางประวัติศาสตร์ของอาคารดังกล่าวให้ยั่งยืนต่อไปได้

    วิธีการดังกล่าวตรงกันข้ามกับคำให้สัมภาษณ์ของ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ที่อ้างว่าได้รับรายงานจากนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่ชี้แจงว่าเป็นการซ่อมแซมอาคารแต่ของบประมาณจังหวัด ส่วนการรื้ออาคารซึ่งเป็นไม้ทั้งหลัง ไม่ได้เอาไม้ไปไหน ไม้ทุกแผ่นยังกองอยู่ที่เดิม ส่วนสาเหตุที่ต้องรื้อไม้ลงมา เพราะฐานรากคอนกรีตของอาคารเสื่อมสภาพ การจะซ่อมแซมได้ต้องทุบทิ้งแล้วทำฐานใหม่ เมื่อทำฐานเสร็จก็จะนำไม้ที่รื้อออกมาประกอบเป็นตัวอาคาร

    ล่าสุด สมาคมฯได้รับข้อมูลที่ผิดปกติเกี่ยวกับการรื้อทุบทำลายอาคารดังกล่าวจากสายข่าว กอ.รมน.แจ้งว่า มีการเจรจาซื้อขายไม้เก่าชั้นดีบางส่วนที่รื้ออกมาจากอาคารบอมเบย์เบอร์มาออกขายไปแล้ว โดยพ่อค้าไม้เฮือนเก่าจากบ้านปงท่าข้าม อ.สูงเม่น จ.แพร่ โดยมีความพยายามที่จะขนย้ายไม้เก่าออกจากพื้นที่ในเวลากลางคืนเพื่อหลบเลี่ยงการจับกุมของเจ้าหน้าที่ จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุก สภ.ในจังหวัดแพร่ต้องประสานเพื่อดักจับกุม หากมีการลักลอบขนย้ายกันจริง แต่พอเรื่องดังกล่าวเป็นข่าวดังขึ้นมามีการเจรจาขอไม้บางส่วนคืน แต่ถูกปฏิเสธเพราะ “คืนไม้ไม่คืนเงิน”

    กรณีดังกล่าวถ้าเป็นไปตามการแจ้งของสายข่าว กอ.รมน.ย่อมชี้ให้เห็นว่าการรื้อทำลายอาคารบอมเบย์มีเจตนาที่จะไม้เอาไม้เก่ามาประกอบเป็นอาคารเหมือนเดิม หากแต่จะเอาไม้ไม่ทั้งหมดมาดำเนินการ ซึ่งผิดหลักการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารอนุรักษ์โดยสิ้นเชิง และสิ่งที่รัฐมนตรีพูดจะถือว่าเป็นการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อประชาชนหรือไม่

    ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจำต้องนำความไปร้องเรียนกล่าวโทษหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องทั้งหมดฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดๆในตําแหน่งหรือหน้าที่ หรือกระทําการอันเป็นความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญาหรือตามกฎหมายอื่นต่อ ป.ป.ช. ในวันศุกร์ที่ 19 มิ.ย.63 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงาน ป.ป.ช. ถนนสนามบินน้ำ จ.นนทบุรี เพื่อมิให้เป็นแบบอย่างที่ไม่สมควรของการปฏิบัติหน้าที่ราชการในทุกกระทรวง ทบวง กรมต่อไปนายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด

    The post ‘ศรีสุวรรณ’ แฉมีการลักลอบซื้อขายไม้เก่าที่รื้อจากอาคาร ‘บอมเบย์เบอร์มา’ appeared first on SpringNews.

    Source : #Springnews #สปริงนิวส์

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รับวินิจฉัยแผนลดผลิตไฟฟ้า
    ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติไม่รับวินิจฉัยกรณีผู้ตรวจการแผ่นดินส่งคำร้องของนายสุทธิพร ปทุมเทวาภิบาล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และนายกฤษณ์ ไตลังคะ ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัย
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติไม่รับวินิจฉัยกรณีผู้ตรวจการแผ่นดินส่งคำร้องของนายสุทธิพร ปทุมเทวาภิบาล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และนายกฤษณ์ ไตลังคะ ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ 213 กรณีที่กระทรวงพลังงาน กำหนดยุทธศาสตร์กระทรวงพลังงาน (พ.ศ.2559-2563) และแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2561-2580 (PDP2018) โดยลดกำลังการผลิตไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งเป็นโครงข่ายสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของรัฐที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประชาชนลดลงต่ำกว่า 51% เป็นการที่หน่วยงานของรัฐ ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และหลักนิติกรรม เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม ถือเป็นการละเมิดต่อสิทธิหรือเสรีภาพของผู้ร้องเรียน และประชาชนไทยที่เป็นผู้บริโภคตามที่รัฐธรรมนูญให้การรับรองและคุ้มครองไว้ จึงเป็นการกระทำที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ และการกระทำในเรื่องดังกล่าวเป็นอันใช้บังคับมิได้

    โดยศาลฯให้เหตุผลว่า กระทรวงพลังงานเป็นหน่วยงานของรัฐ ที่ปฏิบัติตามหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 51 ซึ่งบัญญัติให้สิทธิของประชาชนและชุมชนที่จะติดตามและเร่งรัดให้รัฐดำเนินการ รวมทั้งฟ้องร้องหน่วยงานของรัฐ ซึ่งผู้ร้องเรียนทั้งสองในฐานะประชาชนสามารถใช้สิทธิยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ แต่กระบวนการร้องต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ใน พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 แต่ผู้ร้องเรียนยังไม่ได้ดำเนินการตามกระบวนการดังกล่าว จึงไม่สามารถยื่นคำร้องได้ และศาลรัฐธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย.
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แม่เฒ่าวัย 96ปี อยู่ลำพังกับแมวในเพิงสังกะสีหลังเก่า ลูกสาวก็ชราเกินกว่าจะมาเยี่ยมหา(มีคลิป)

    บริเวณเพิงพักสังกะสี ริมถนนทางรถไฟ ตรงข้ามกับโรงเรียนพุทธชินราช อ.เมืองพิษณุโลก คุณยายอายุประมาณ 100 ปี พักอาศัยอยู่เพียงลำพังคนเดียว ไร้ลูกหลานคอยดูแลให้การช่วยเหลือ

    ห้องพักดังกล่าวปลูกสร้างอยู่ในที่ของการรถไฟ ลักษณะเป็นเพิงพักตีปิดด้วยสังกะสี ไม่มีเลขที่ ผู้อาศัย คือนางสังเวียน จุ้ยทรัพย์ อายุ 96 ปี เกิดในปี พ.ศ. 2467 แต่ยังสามารถพูดคุย ฟังเสียง ได้ยินปกติ ฟังเข้าใจดี สายตาดี อยู่คนเดียวมานาน 35 ปี

    ยายสังเวียน เล่าว่า มีลูกทั้งหมด6 คน แต่ตอนนี้ลูกๆได้เสียไปแล้ว 5 คน เหลือเพียงลูกสาวคนโตเพียงคนเดียว อายุประมาณ 70 ปี อยู่ที่ จ.นครปฐม มีอาชีพรับจ้างเย็บผ้า ปกติจะกลับมาหาเดือนละสองสามครั้ง แต่ช่วงหลังลูกสาวอายุเยอะเหมือนกัน ทำให้เดินทางลำบากนานๆจะมาครั้งหนึ่ง

    ส่วนการอยู่การกินของยายสังเวียนนั้น ใช้หม้อไฟฟ้าเสียบหุงเอง และทำกับข้าวเอง แต่บางวันมีเพื่อนบ้านเอามาให้ ทุกวันนี้รายได้มาจากเงินผู้สูงอายุ บางครั้งลูกสาวจะส่งมาให้บ้าง 1-2 พันบาท แต่ไม่ได้ส่งมาให้บ่อย

    นายเบิ้ม สร้อยทอง อายุ 65 ปี เพื่อนบ้านใกล้เคียง เปิดเผยว่า ยายสังเวียนพักอาศัยอยู่ที่แห่งนี้มานานแล้ว ส่วนมากลูกของยายตายไปกันจนหมด เหลือลูกสาวคนเดียว แต่อยู่ที่จังหวัดอื่น เคยมาเยี่ยมยายสังเวียน และชวนไปอยู่ด้วย แต่ยายสังเวียนไม่ยอมไป

    สำหรับเพื่อนบ้านใกล้เคียงก็ค่อยเป็นหูเป็นตา เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยก็จะพาไปหาหมอ เพราะจะเป็นโรคหอบ ซึ่งตัวเองก็คอยดูแลช่วยเหลือมาโดยตลอด

    ด้านพล.ต.ทวีศักดิ์ วงศ์ทวีทรัพย์ ผบ.มทบ.39 และ พ.อ.วิชา อมรดิษฐ หัวหน้าฝ่ายข่าว มทบ.39 หลังจากทราบข่าว ได้นำข้าวสารอาหารแห้ง และมาม่ามามอบให้กับยายสังเวียน เพื่อเป็นการช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อน และให้ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

    ทั้งนี้หากผู้ใจบุญที่จะช่วยเหลือยายสังเวียน จุ้ยทรัพย์ สามารถบริจาคเงินเข้า ธนาคารกรุงไทย บัญชี หมายเลข 601-0-93626-8 สาขาพิษณุโลก

    The post แม่เฒ่าวัย 96ปี อยู่ลำพังกับแมวในเพิงสังกะสีหลังเก่า ลูกสาวก็ชราเกินกว่าจะมาเยี่ยมหา(มีคลิป) appeared first on SpringNews.

    Source : #Springnews #สปริงนิวส์

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ก่อนหน้านี้นักวิทยาศาสตร์ได้คาดว่าผู้ป่วยโรคโควิด-19 จะผลิตภูมิต้านทานในการป้องกันโรคโควิด-19 แต่จากงานวิจัยล่าสุดอาจจะชี้ให้เห็นว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น

    เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน เว็บไซต์เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ รายงานว่า นายหวัง ชินฮวง (Wang Xinhuan) นักวิทยาศาสตร์ชาวจีน และนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันจากรัฐเทกซัส ได้ร่วมกันนำตัวอย่างจากบุคลากรทางการแพทย์ในเมืองอู่ฮั่นกว่า 23,000 คน ที่ทำงานเป็นแนวหน้าในช่วงเริ่มต้นของการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีเพียงแค่ร้อยละ 4 จากตัวอย่างทั้งหมดเท่านั้นที่มีภูมิต้านทานโรคโควิด-19

    นายหวังได้ให้สัมภาษณ์ว่า จากการวิจัยครั้งนี้แสดงให้เห็นว่ามนุษย์ทุกคนไม่ผลิตภูมิต้านทาน หรือถ้าหากมีการผลิตภูมิต้านทานก็อาจจะเป็นภูมิต้านทานระยะสั้นเท่านั้น โดยนักวิทยาศาสตร์ที่ทำการวิจัยครั้งนี้ยังคาดการณ์อีกว่า อาจจะมีแพทย์ร้อยละ 10 ที่เคยมีภูมิต้านทาน แต่เป็นเพียงภูมิต้านทานเพียงระยะสั้น นอกจากนี้ในงานวิจัยยังได้ระบุอีกว่า การตรวจหาภูมิต้านทานเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่สามารถยืนยันว่าผู้ถูกตรวจเคยติดเชื้อไวรัสหรือไม่ เนื่องจากร่างกายของผู้ติดเชื้ออาจไม่ผลิตภูมิต้านทาน

    นายหวังกล่าวว่า งานวิจัยครั้งนี้จะมีส่วนสำคัญมาก เนื่องจากจะเป็นการช่วยให้รัฐบาลสามารถวางมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการผลิตวัคซีนให้มีประสิทธิภาพ

    ทั้งนี้การวิจัยก่อนหน้านี้พบว่าบุคลากรในโรงพยาบาลที่เมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นศูนย์กลางระบาด เพียงร้อยละ 2.5 เท่านั้นที่ติดเชื้อระหว่างเกิดการระบาด ในขณะที่มีการคาดประมาณกันว่าอัตราผู้ติดเชื้อโควิด-19ที่แท้จริงในคนกลุ่มนี้อาจสูงถึงร้อยละ 25 เลยทีเดียว

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จีนตรวจตลาดพบเชื้อโควิด-19 ปนเปื้อนในแผนกอาหารทะเล-เนื้อสัตว์มากที่สุด
    ทางการจีนเปิดผลการตรวจสอบเบื้องต้น พบแผนกอาหารทะเล และแผนกขายเนื้อสัตว์ในตลาดซินฟาตี้ ของปักกิ่ง มีการปนเปื้อนของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มากที่สุด
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหภาพฯ ขสมก.กลับลำ เห็นชอบแผนฟื้นฟู จ้างเอกชนเดินรถ 1,500 คัน
    สหภาพฯ ขสมก.ออกแถลงการณ์เห็นด้วยแผนฟื้นฟู จ้างเอกชนเดินรถ 1,500 คัน วิ่งรับ 54 เส้นทาง ยันไม่กระทบสิทธิผลประโยชน์ของพนักงาน
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นายกฯ อาเบะขอโทษ อดีตรัฐมนตรีโดนจับพร้อมเมีย ข้อหาซื้อเสียงเลือกตั้ง
    ชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น แถลงขอโทษ หลังจากอดีตรัฐมนตรีและผู้ช่วยของเขา ถูกจับกุมตัวพร้อมกับภรรยาข้อหาซื้อเสียงเลือกตั้ง
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แฟนนาโปลีนับพัน รวมตัวฉลองแชมป์โคปปา ไม่สนโควิด-19
    กองเชียร์ของสโมสรนาโปลี ออกมารวมตัวฉลองตามท้องถนน หลังทีมรักดวลจุดโทษเอาชนะ ยูเวนตุส คว้าแชมป์ โคปปา อิตาเลีย ได้สำเร็จ
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,501
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อินเดียเผยภาพ ‘เหล็กเส้นติดตะปู’ อ้างจีนใช้ทุบทหารภารตะดับ 20 ศพ
    กองทัพอินเดียเผยแพร่ภาพซึ่งพวกเขาอ้างว่า เป็นอาวุธที่ทหารจีนใช้ระหว่างการปะทะในพื้นที่พิพาทบนเขาหิมาลัยเมื่อวันจันทร์ จนทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายอินเดียเสียชีวิตถึง 20 นาย
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

     

แชร์หน้านี้

Loading...