ติดตามสถานะการณ์

June 19, 2020 ตลาดหุ้นสหรัฐขาดปัจจัยเด่นๆ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดลงเกือบ 40 จุด ราคาน้ำมันดิบปิดขึ้นกว่า 2% ส่งราคาไนเม็กซ์ปิดเหนือกว่า 38 ดอลลาร์ ราคาทองคำตลาดโลกเงียบเหงา

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน (ตามเวลาในสหรัฐ) ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 26,080 จุด -39 จุด หรือ -0.15% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,115 จุด +1 จุด หรือ +0.06% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 9,943 จุด +32 จุด หรือ +0.33% สาเหตุจากนักลงทุนประเมินภาวะโรคระบาดโควิด-19 ในสหรัฐที่พุ่งสูงต่อเนื่องในหลายรัฐ ท่ามกลางการทยอยเปิดภาคธุรกิจในแต่ละรัฐ ซึ่งกลับมาสร้างความกังวลในการลงทุน

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 38.84 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.88 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.32% ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 41.48 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.78 ดอลลาร์สหรัฐ สาเหตุจากกลุ่มโอเปกพลัสมีการทบทวนสถานการณ์การลดกำลังการผลิตลงวันละ 9.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งมีผลมาตั้งแต่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,731.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -4.50
ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ สาเหตุจากตัวเลขการว่างงานในสหรัฐชะลอลงต่อเนื่อง ท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น แม้ทางการกรุงปักกิ่งจะประกาศว่าสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 สามารถควบคุมได้

#ลงทุน #สตาร์ทอัพ #การเงิน #หุ้น #ทองคำ #น้ำมัน #ตลาดหุ้น #เล่นทอง #ราคาทอง #ดิจิทัล #markets #business #stock #gold #oil #investment #misterban #เศรษฐกิจ #เล่นหุ้น #btimes

 

⚠️ ด่วนนนน ⚠️ Ray Dalio ออกมากล่าวเตือนว่าเศรษฐกิจโลกและตลาดหุ้นใน 10 ปีข้างหน้านี้อาจไม่เติบโตขึ้นเท่าที่คิด ! #LostDecade

Ray Dalio เจ้าของกองทุนเก็งกำไร (Hedge Fund) ที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้ออกโรงมากล่าวเตือนนักลงทุนทุกท่านในโลกนี้ว่า #อย่ามองโลกสวยเกินไป แม้ว่า FED จะยังอัดฉีดสภาพคล่องไปอีก 2 ปีก็ตามด้วยเหตุผลดังนี้

1️⃣ Globalization จะหดตัวลง

โลกาภิวัตน์หรือ Globalization ซึ่งเคยเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกที่ใหญ่ที่สุดในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมากำลังจะหดตัวลง เพราะโรคระบาดที่รุนแรงทั่วโลกกำลังเร่งให้มีการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตเป็นครั้งใหญ่ บริษัทและประเทศต่างๆกำลังเร่งจัดห่วงโซ่อุปทานในธุรกิจต่างๆโดย #มุ่งเน้นไปที่ความมั่นคงของประเทศและธุรกิจมากกว่าแค่เรื่องต้นทุนที่ถูกกว่า

2️⃣ ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน

ข้อพิพาทระหว่างสองประเทศ #ไม่ได้เป็นความเสี่ยงต่อแค่การค้าระหว่างประเทศ แต่นี่เป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงของ Globalization ที่ใหญ่ที่สุดตอนนี้ ต่อไปนี้ฐานการผลิตของบริษัทหลายๆแห่งในสหรัฐที่มีต้นทุนถูกที่สุดในจีนอาจจะต้องย้ายฐานการผลิตกลับมาเพื่อความมั่นคงของธุรกิจในระยะยาว โดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ #เพราะสหรัฐต้องการจะเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีของโลก จึงไม่ต้องการให้ความลับของการวิจัยรั่วไหลไปในจีน

3️⃣ ต้นทุนของบริษัททั่วโลกโดยเฉพาะสหรัฐกำลังจะเพิ่มสูงขึ้น

ที่ผ่านมาหุ้นสหรัฐเติบโตอย่างก้าวกระโดเพราะผลกำไรที่กำลังเติบโตขึ้นจริงๆ แต่ต้นทุนที่กำลังสูงขึ้นเหล่านี้กำลังจะทำให้ผลกำไรของบริษัทไม่เติบโตได้เหมือนความคาดหวังเดิมอีกแล้ว

#ราคาหุ้นนั้นซื้อขายบนความคาดหวังของกำไรในอนาคต ไม่ใช่แค่กำไรในปัจจุบัน เพราะฉะนั้นหากบริษัทต่างๆไม่สามารถทำกำไรในช่วง 10 ปีข้างหน้าได้เหมือนที่เคยคาดไว้ ราคาหุ้นอาจไม่กลับไปสูงกว่าระดับที่เราเคยเห็นเมื่อความคาดหวังนั้นยังสูง

⛔️ Ray Dalio ออกมากล่าวเตือนเช่นนี้ ในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้านี้ตลาดคงจะพยายามไตร่ตรองดูอีกครั้งว่าการเข้าซื้อหุ้นที่กำไรอาจไม่เท่ากับในอดีตนั้นจะคุ้มค่ากับเงินสดที่ล้นอยู่ไหม ? ถ้าถึงเวลาที่ #ฟองสบู่ ของราคาแตก... ใครจะเป็นคนที่ถอนเงินออกมาทันก่อนบ้าง...

ติดตามทุกความเคลื่อนไหวการลงทุนและเศรษฐกิจโลกไปกับเพจเราได้ โดยท่านใดที่ไม่ค่อยเห็นโพสต์ที่อัพเดทข่าวในตลาดอย่างทันท่วงที แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ใหม่ๆของทีมเรา ขอบคุณครับ

#ทันโลกกับTraderKP

 

America First or Trump First ?? ทรัมป์ทวีตปฏิเสธข้อกล่าวหาจากอดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติคนสนิทที่ออกมากล่าวหาว่า #ทรัมป์อ้อนวอนขอร้องให้จีนช่วยดันเขาให้ชนะการเลือกตั้งสมัยที่2

แต่...ข้อกล่าวหานี้นั้นเป็นความจริงหรือไม่ ?!?!

กลายเป็นประเด็นดราม่าของการเลือกตั้งในสหรัฐที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้ หลังจากเมื่อวานที่นาย จอห์น โบลตัน (John Bolton) อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงของสหรัฐได้เขียนหนังสือเรื่อง “The Room Where It Happened – A White House Memoir” เพื่อเล่าความจริงต่างๆที่เกิดขึ้นในทำเนียบขาว

หนังสือเล่มนี้มีการเปิดโปงนโยบายระหว่างประเทศของทรัมป์หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกียวกับความขัดแย้งกับ เวเนซุเอลา อิหร่าน หรือแม้แต่กับรัสเซีย แต่ไม่มีบทไหนที่จะได้รับความสนใจไปมากกว่าตอนที่แฉว่า "ทรัมป์ได้ขอให้ สี จิ้นผิง ช่วยซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐเพิ่ม เพื่อที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ตัวเขาเองชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่ 2 ได้จากคะแนนเสียงของชาวเกษตรในสหรัฐ"

เรื่องที่โบลตันนำมาแฉนั้นทำให้คนเริ่มสงสัยว่าทรัมป์นั้นทำสงครามการค้ากับจีนเพื่อประโยชน์กับประเทศ (America First) จริงๆ ? หรือเพื่อทำทุกอย่างเพื่อปูทางสู่การชนะเลือกตั้งในสมัยที่ 2 ?

ไม่น่าแปลกใจที่โบลตันจะเขียนหนังสือเล่นนี้ขึ้นมา เพราะจอห์น โบลตัน เคยที่ปรึกษาความมั่นคงของสหรัฐ แต่เพึ่งจะโดนทรัมป์ปลดออกจากตำแหน่งในปีที่แล้ว เพราะหลายฝ่ายคาดว่าน่าจะมีความขัดแย้งกันหลายเรื่องในมุมมองของนโยบายระหว่างประเทศต่างๆ

ทางโบลตันได้กล่าวว่าเขาได้มีโอกาสในการหารือเรื่องนโยบายระหว่างประเทศของสหรัฐกับทางทรัมป์ในหลายๆโอกาส และหนังสือเล่มนี้ก็เขียนขึ้นมาจากความสนทนาลับต่างๆทั้งสิ้น ที่มีคนไม่กี่คนในประเทศที่รับรู้ด้วยเท่านั้น

แน่นอนว่าทางทรัมป์ได้ทวีตออกมากล่าวปฎิเสททันที "Bolton’s book, which is getting terrible reviews, is a compilation of lies and made up stories, all intended to make me look bad. Many of the ridiculous statements he attributes to me were never made, pure fiction. Just trying to get even for firing him like the sick puppy he is!"

"หนังสือของโบลตันซึ่งกำลังได้รับคำวิจารณ์ที่แย่มากๆ เป็นการรวบรวมเรื่องโกหกและประกอบเรื่องราวทั้งหมดโดยมีจุดประสงค์เพื่อทำให้ผมดูแย่ ข้อความที่ขาบอกว่าเคยคัยกับผมนั้นไม่เคยเกิดขึ้นจริงๆ เขาเพียงแค่พยายามที่จะล้างแค้นที่ผมไล่เขาออกเหมือนสุนัขที่ป่วยตัวนึง !" ทรัมป์ได้ทวีตออกมาตอบโต้เมื่อคืนนี้

ประเด็นที่น่าสนใจมีอยู่ว่า

แน่อนว่าทางทรัมป์สามารถออกมากล่าวปฎิเสทข้อกล่าวหาได้เพราะมันเป็นสิทธิของเขา แต่นอกจากท่าทีและน้ำเสียงของทรัมป์ที่ดูโมโหมากๆ หลายฝ่ายยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า #ทำไมท่านประธานาธิบดีสหรัฐจึงรีบสั่งการให้กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐออกมาขวางการวางจำหน่ายหนังสือเล่มนี้ ???

เพราะทรัมป์เป็นผู้สนับสนุนการออกความเห็นอย่างเสรีในอเมริกาไม่ใช่หรือ ? ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการ่อว่า Twitter ที่พยายามเซ็นเซอร์ข้อความของผู้ใช้ หรือแม้แต่การประท้วงล่าสุดที่ทรัมป์มองว่าทุกคนมีสิทธิให้ความเห็นอย่างสงบ... แต่ทำไมทรัมป์จึงต้องออกมาขัดขวางการวางแผงของหนังสือโบลตันที่จะออกมาในวันที่ 23 มิถุนายนนี้ด้วย ??

⛔️ ถึอว่าเป็นเรื่องที่ต้องติดตามและสืบสวนกันต่อไป เพราะความจริงที่ออกมานั้นจะมีผลต่อ #คะแนนเสียงเลือกตั้งในช่วงปลายปีนี้อย่างแน่นอน

ท่านใดไม่อยากพลาดข่าวสารในตลาดจากทีมงาน แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ ขอบคุณครับ

#ทันโลกกับTraderKP

 

✅ #ข่าวดีตลาดหุ้นเช้านี้ ! หลังจากตลาดทรงๆเมื่อคืนนี้ เช้านี้ Dow Jones Futures และตลาดหุ้นเอเชียดีดขึ้นต่อเนื่องแล้ว ! หลังหมอใหญ่แห่งสหรัฐ Anthony Fauci ยืนยันว่า #สหรัฐไม่ต้องปิดเมืองแล้ว แม้ว่าเลขผู้ติดเชื้อใหม่ยังสูงอยู่ก็ตาม

เมื่อเช้านี้เวลา 6.50 น. บ้านเรา หลังตลาดหุ้นสหรัฐได้ปิดตลาดไปแล้ว ทาง Anthony Fauci ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ (NIAID) บุคคลซึ่งเวลานี้ไม่มีใครไม่รู้จัก เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญและเป็นผู้มีอิทธิพลเรื่องไวรัสระบาดของสหรัฐมากที่สุดแล้ว ได้ออกมาประกาศข่าวดีต่อตลาดหุ้นทั่วโลก

"Further US lockdowns is not needed but we need to better control those ares of the country that seem to be having a surge of cases"

ทางแอนโทนี เฟาซีได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับ AFP ว่าการปิดเมืองในสหรัฐนั้นไม่จำเป็นแล้ว #แต่อยากให้เน้นการกันการเดินทางเข้ามาของประเทศอื่นๆที่กำลังมีเคสสูงขึ้น มากกว่าแทน

ก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลสหรัฐก็ได้ออกมาประกาศยืนยันแล้วว่าจะไม่ปิดเมือง แต่ความเห็นของ Fauci นั้นอาจมีน้ำหนักมากกว่า

ก่อนหน้านี้นั้นทางที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจสหรัฐคนสนิทของทรัมป์ทั้ง 2 คนได้ออกมายืนยันแล้วว่าทาง #สหรัฐจะไม่มีวันปิดเศรษฐกิจอีกรอบแน่ๆ แม้จะเกิดการระบาด Wave 2 จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นทางสตีเว่น มนูชิน (Steven Mnuchin) รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และ แลร์รี่ คัดโลว์ (Larry Kudlow) ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของสหรัฐก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เช่นนั้น

แต่จากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันของสหรัฐที่ยังทยอยปรับตัวสูงขึ้นก็ทำให้หลายฝ่ายเริ่มสงสัยว่าจะไม่ปิดจริงหรือ ???

เมื่อวานนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่สหรัฐออกมาที่ 25,559 รายซึ่งยังถือว่าสูงมาก ส่วนนึงเพราะการประท้วงที่ทำให้ผู้คนมาชุมนุมกันเป็นจำนวนมากนั้นกำลังทำให้เกิดการแพร่ระบาดกันง่ายขึ้นด้วย ทำให้หลายฝ่ายเริ่มกังวลและตัวเลขเฉลี่ย 10 วันที่ผ่านมาตัวเลขอยู่สูงกว่าระดับ 20,000 รายต่อวันแล้ว #และตัวเลขกำลังเป็นเทรนด์ขึ้น ..

ทำให้การที่ทางผู้เชี่ยวชาญอย่างเฟาชีกลับออกมายืนยันเองว่าไม่จำเป็นต้องปิดเมืองนั้นจึงถือว่าเป็น #ข่าวดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐมากๆ และคลายความกังวลไปได้ส่วนนึง

ตลาดหุ้นทั่วโลกกำลังดีดขึ้นเช้านี้ #น่าจะทำให้ตลาดไทยน่าจะมีแรงบวก

เช้านี้ดัชนี Dow Jones Futures ของวันที่ 19 มิถุนายนกำลังซื้อขายอยู่ที่ +0.7% แล้ว ถึงแม้จะปิดลบเล็กน้อยที่ -0.15% เมื่อคืนนี้ และดัชนี Nikkei ของญี่ปุ่นก็เปิดบวก +0.4% ทางด้านราคาน้ำมันก็เปิดบวกเล็กน้อยที่ +0.4% เช่นเดียวกัน

⛔️ #ติดตามข่าวสารในตลาดอย่างรวดเร็วไปกับเพจเราได้ แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ ขอบคุณครับ

#ทันโลกกับTraderKP

 

✅ #ด่วนนนนน #ข่าวดียังไหลเข้าตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง ! ในที่สุดทางจีนและสหรัฐก็สามารถเจรจากันได้และลดความตึงเครียดลง โดยวันนี้ทางจีนตกลงจะพยายยามซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐเพิ่มมากขึ้นอีก !

ช่วงเวลาบ่ายสองวันนี้ของบ้านเรา หลังจากที่มีจีนและสหรัฐข้อพิพาทกันอยู่ซักพักและไม่แน่ใจว่าทางจีนจะทำตามสัญญาการค้า Phase 1 ที่ตกลงกันไปได้หรือป่าว ล่าสุดวันนี้ทางการจีนได้ออกมาแถลงแล้วว่าจะพยายามซื้อสินค้าเกษตรจากทางสหรัฐมากขึ้น โดยเฉพาะถั่วเหลือง (Soybeans) ข้าวโพด (Corn) และ เอทานอล (Ethanol)

โดยทางการจีนจะพยายามขอให้บริษัทรัฐวิสาหกิจเป็นผู้เร่งเพิ่มปริมาณการซื้อให้มากขึ้น... แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่านที่จะบรรลุสัญญาการค้ากันได้ #ไม่แน่ใจว่า ทางจีนต้องการแค่ประนีประนอมให้ผ่านพ้นช่วงการเลือกตั้งสหรัฐไปก่อนหรือไม่

ข่าวนี้ทำให้ตลาดหุ้นและน้ำมันขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ตลาดหุ้นไทย SET เปิดภาคบ่ายกลับขึ้นมาเป็นบวก หลังตลาดหุ้น Dow Jones Futures ในสหรัฐยังคงเทรดสูงขึ้นเรื่อยๆ ราคาน้ำมันดิบ Brent ก็ปรับตัวขึ้นมาเป็น +2% และทะลุ 42.3 เหรียญขึ้นไปแล้ว

SET +3 จุด
Dow Jones Futures +120 จุด
Brent +0.9 เหรียญ

#ที่น่าสนใจคือ ข่าวการตกลงเรื่องสินค้าเกษตรนี้มาวันเดียวหลังจากทางทรัมป์โดนอดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติคนสนิทออกมากล่าวหาว่า #ทรัมป์อ้อนวอนขอร้องให้จีนช่วยดันเขาให้ชนะการเลือกตั้งสมัยที่2 !

การเลือกตั้งก็ใกล้เข้ามาแล้ว... แปลว่าความพึงพอใจของชาวเกษตรทั่วสหรัฐนั้นกำลังมีผลสำคัญต่อคะแนนเสียงของทรัมป์แน่ๆ ประเด็นดราม่าใหญ่ของการเลือกตั้งในสหรัฐในตอนนี้คือการที่นาย จอห์น โบลตัน (John Bolton) อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงของสหรัฐได้เขียนหนังสือเรื่อง “The Room Where It Happened – A White House Memoir” เพื่อเล่าความจริงต่างๆที่เกิดขึ้นในทำเนียบขาว

หนังสือเล่มนี้มีการเปิดโปงนโยบายระหว่างประเทศของทรัมป์หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกียวกับความขัดแย้งกับ เวเนซุเอลา อิหร่าน หรือแม้แต่กับรัสเซีย แต่ไม่มีบทไหนที่จะได้รับความสนใจไปมากกว่าตอนที่แฉว่า "ทรัมป์ได้ขอให้ สี จิ้นผิง ช่วยซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐเพิ่ม เพื่อที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ตัวเขาเองชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่ 2 ได้จากคะแนนเสียงของชาวเกษตรในสหรัฐ"

แต่...#ข้อกล่าวหานี้นั้นมีที่มาอย่างไรและเป็นความจริงหรือไม่ ?!?! อ่านรายละเอียดต่อได้ที่โพสต์เมื่อเช้าที่ลิ้งค์ไว้ให้ในคอมเม้นท์ได้เลยครับ

ข่าวการตกลงของจีนนั้นยังออกมาวันเดียวหลังทางทรัมป์ขู่ว่าจะตัดความสัมพันธ์กับจีนด้วย !

เมื่อคืนนี้ความสัมพันธ์ของทางจีนและสหรัฐนั้นมีความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากทรัมป์ไม่พอใจที่จีนเป็นต้นเหตุ (และอาจตั้งใจ) ทำให้ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดทั่วโลก โดยทางทรัมป์ได้ทวีตออกมาบอกว่า "ทางเขานั้นไม่ได้คิดที่จะทิ้งทางเลือกในการตัดขาดความสัมพันธ์กับจากจีนอย่างเด็ดขาด (complete decoupling)"

ไม่แน่ใจว่านี่เป็นเหตุทำให้ทางจีนตัดสินใจตกลงซื้อสินค้าเกษตรเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ ?

⛔️ #ติดตามข่าวสารในตลาดอย่างรวดเร็วไปกับเพจเราได้ แนะนำให้กด Like ที่โพสต์เรื่อยๆ หรือกดตั้งค่า “เห็นโพสต์ก่อน” หรือ See First ไว้ที่เมนูมุมขวาบนของเพจได้เลยครับ ไม่งั้นทาง Facebook จะไม่ค่อยแสดงโพสต์ของทีมเราที่อัพเดทใหม่ๆครับ ขอบคุณครับ

#ทันโลกกับTraderKP

 

หมอแล็บ ยัน ”ห้ามทำ”
หลังพบมีคนนำแมสก์ยัดช่องแอร์รถเมล์
ชี้ทำไวรัสฟุ้งกระจายได้
.
หมอแล็บโพสต์ภาพหลังพบมีคนนำหน้ากากยัดไปบนช่อแอร์บนรถเมล์คันหนึ่ง โดยทางหมอแล็บยืนยันไม่ควรทำ เพราะอาจทำให้เชื้อไวรัสฟุ้งกระจายได้ ชาวเน็ตคาดผู้กระทำอาจหนาวโดยลืมคิดถึงมาตรการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด
.
เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. เพจ “หมอแล็บแพนด้า” หรือ ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน หรือ หมอแม็กซ์ นักเทคนิคการแพทย์ หัวหน้างานตรวจโรคติดเชื้อทางโลหิตวิธีอณูชีววิทยา ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติสภากาชาดไทยได้โพสต์เตือน หลังพบว่ามีการใช้หน้ากากอนามัย หรือแมสก์ นำไปยัดช่องแอร์ บนรถโดยสารสาธารณะคันหนึ่ง โดยทางหมอแล็บยืนยันไม่ควรทำจะทำให้เชื้อไวรัสฟุ้งกระจายได้
.
อ่านต่อ>>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9630000063215
#mgronline #หมอแล็บเตือน #ห้ามทำ #แมสก์ยัดช่องแอร์รถเมล์ #ไวรัสฟุ้งกระจาย

 

กทม.พร้อมเปิดเทอม 1 ก.ค.เบาใจ
หลังตรวจคัดกรอง “ครู-บุคลากร” ไม่พบติดโควิด
.
กทม.ตรวจโควิดเชิงรุกกลุ่มเสี่ยง-สถานที่เสี่ยง 1.4 หมื่นราย คิดเป็น 92% ไม่พบการติดเชื้อ กลุ่มครู บุคลากรโรงเรียน กทม. ไม่มีติดเชื้อ มั่นใจเปิดเรียน 1 ก.ค.นี้ คลายกังวลระดับหนึ่ง
.
วานนี้ (18 มิ.ย.) นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวภายหลังประชุมคณะทำงานศูนย์บริการจัดการระบบคัดกรองผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาของกรุงเทพมหานคร (BKK COVID-19) ครั้งที่ 3/2563 ว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ประสานให้ กทม.เฝ้าระวังโรคติดโควิด-19 ในประชากรกลุ่มเสี่ยงและสถานที่เสี่ยง โดยตรวจเชื้อเชิงรุกจากน้ำลายในลำคอส่วนลึก ซึ่ง สธ.สนับสนุนชุดตรวจจำนวน 15,210 ชุด สำหรับกลุ่มประชากรเสี่ยง ได้แก่ 1. บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข 2. ผู้ต้องขังรับและผู้ต้องกักแรกรับ 3. คนขับหรือพนักงานประจำรถสาธารณะ 4. พนักงานไปรษณีย์ พนักงานขนส่งสาธารณะและพนักงานส่งของ Delivery
.
อ่านต่อ>>https://mgronline.com/qol/detail/9630000063151
#mgronline #กรุงเทพมหานคร #เปิดเทอม #คัดกรอง #ครู #บุคลากร #ไม่พบติดโควิด

 

ข่าวดี! WHO เชื่อจะมีวัคซีน
รักษาโควิด-19 ราว 200 ล้านโดสภายในปลายปีนี้
.
องค์การอนามัยโลก(WHO)ในวันพฤหัสบดี(18มิ.ย.) เชื่อว่าวัคซีนโควิด-19 ราว 200 ล้านโดสน่าจะถูกผลิตออกมาในช่วงปลายปีนี้ และเป้าหมายแรกก็คือช่วยกลุ่มคนที่อ่อนแอต่อไวรัสมากที่สุด
.
หน่วยงานสาธารณสุขแห่งสหประชาชาติเผยว่าพวกเขากำลังทำงานภายใต้ข้อสมมติฐานที่ว่า วัคซีน 2,000 ล้านโดสจะถูกผลิตออกมาในช่วงสิ้นปี 2021 ในขณะที่บริษัทยาทั้งหลายกำลังเร่งมือกันอย่างเต็มที่ในความพยายามค้นหาวัคซีนหนึ่งๆซึ่งสามารถรักษาอาการป่วยจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
.
อ่านต่อ>>https://mgronline.com/around/detail/9630000063223
#mgronline #องค์การอนามัยโลก #WHO #วัคซีนรักษาโควิด-19 #ปลายปีนี้

 

เช็กจุดสังเกต “ปลาดิบ-ปลาแซลมอน” ก่อนนำมารับประทาน

https://mgronline.com/infographic/detail/9630000063261

#MGRONLINE #เช็กจุดสังเกต #ปลาดิบ #ปลาแซลมอน #ก่อนนำมารับประทาน

 

สายเที่ยวเตรียมพร้อม! เปิดเงื่อนไข 3 แพ็คเกจ “เที่ยวปันสุข”
.
ใกล้คลอดเต็มทีสำหรับแพ็กเกจเที่ยวไทยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวภายในประเทศที่หลายๆ คนกำลังรอคอยทั้ง 3 แพ็คเกจได้แก่ “กำลังใจ” “ไปเที่ยวกัน” และ “เที่ยวปันสุข” วันนี้ไปดูรายละเอียดชัดๆ แต่ละแพ็คเกจว่าจะได้รับสิทธิ์อะไรบ้าง เพื่อเตรียมจองหากแพลตฟอร์มการจองต่างๆ มีความชัดเจนมากขึ้นแล้ว
.
https://mgronline.com/travel/detail...hohK8aua97PZZ4Ia0HNJeVD0CzkH19AVKks_-_SftbsZk
.
#mgronline #mgrinfographic #เที่ยวปันสุข #ไปเที่ยวกัน #การท่องเที่ยว

 

ผับ บาร์ คาราโอเกะ นักดนตรีกลางคืน ลุ้นเฟส 5 ศบค.ทยอยนัดถกวางรูปแบบ New Normal เผยนักดนตรีเข้าหารือแล้ว ส่วน ผับ บาร์ คาราโอเกะ ได้คิวอาทิตย์ 21 มิ.ย.นี้ ย้ำ อาชีพสุจริตต้องได้เปิดกิจการแน่นอน

อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000063369
............................................
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

 

มหาดไทย จ่อผุด "ป้ายดิจิทัลอัจฉริยะ" ประชาสัมพันธ์งาน สร้างภาพลักษณ์ 76 จังหวัด วงเงินลงทุนโครงการ ก่อหนี้ 3 ปี มูลค่ากว่า 301 ล้าน หลังได้"กิจการร่วมค้า DCORP-DLI" ชนะประมูล เน้นเป็น โครงการค่าสร้างการรับรู้สู่ประชาชน สอดรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เผย เฉพาะป้าย LED Outdoor Full. Color ขนาด 5.120 X 4.096 เมตร มูลค่ากว่า 2.98 ล้าน ติดตั้งในพื้นที่ 76 จังหวัดละ 1 ชุด รวม 226 ล้าน

อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000063396
............................................
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

 

วัคซีนโควิด mRNA จุฬาฯ กระตุ้นภูมิในลิงได้ดี เตรียมฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 วันที่ 22 มิ.ย.นี้ "อนุทิน" ลั่นกล้าทดลองวัคซีนเป็นคนแรก เหตุมั่นใจหลังไปดูกระบวนการศึกษา แต่ต้องผ่านเกณฑ์อาสาสมัครด้วย อัดงบ 3 พันล.สนับสนุนงานวัคซีน เล็งผลิตถึงขวดวัคซีนด้วย ป้องกันของขาด จุฬาฯ ปัดข่าวหาอาสาสมัครไม่ได้ ชี้ยังไม่เปิดรับ ระบุรับอาสาสมัครต้องผ่าน 5 เงื่อนไขก่อน

อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000063417
............................................
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

 

June 19, 2020 เมียนมาเจอติดโควิด-19 จากต่างชาติวันนี้ 23 คน 19 คนกลับจากเมืองไทย

สื่อเมียนมาไทม์ส เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขเมียนมาแถลงจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 วันนี้มีจำนวน 23 ราย ทำสถิติผู้ติดโรคโควิด-19 มากที่สุดใน 1 วันนับตั้งแต่เมียนมาพบการระบาดในประเทศเป็นต้นมา หรือในรอบ 3 เดือน จากการตรวจสอบพบว่า ในจำนวน 23 รายที่เดินทางกับเข้าประเทศ และพบติดโรคโควิด-19 แบ่งเป็น 19 รายเดินทางมาจากประเทศไทย และ 4 รายเดินทางมาจากมาเลเซีย

รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข และกีฬา เมียนมา เปิดเผยว่า ผู้เดินทางกลับเข้าเมียนมามีจำนวนทั้งสิ้น 35 ราย แต่จากการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พบ 23 ราย ซึ่งเดินทางเข้าประเทศเมียนมาทางด่านชายแดนเมียวดีเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ดังนั้น ทั้ง 23 รายจึงถูกนำตัวส่งไปกักบริเวณที่เมือง Hua-an ในรัฐกะเหรี่ยง ซึ่งเป็นพื้นที่กักกันผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และทำการส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลเหว่บ่ากี่ ที่เมืองย่างกุ้ง

กระทรวงสาธารณสุข และกีฬา เมียนมา เปิดเผยต่อไปว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 16 พฤษภาคมถึงวันที่ 19 มิถุนายน มีผู้เดินทางกลับเข้าเมียนมาและติดโรคโควิด-19 มีจำนวน 100 คน ประกอบด้วย จากอินเดีย 45 คน มาจากไทย 21 คน กลับจากมาเลเซีย 17 คน จากยูเออี 8 คน กลับจากบังคลาเทศ 6 คน มาจากอิตาลี 2 คน และจากจีนแผ่นดินใหญ่ 1 คน

รัฐบาลเมียนมายังคงใช้มาตรการห้ามชาวต่างชาติเดินทางด้วยเครื่องบินเข้าประเทศถึงวันที่ 30 มิถุนายน นับตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา พบว่ามี 33% ของชาวเมียนมากลับเข้าประเทศกว่า 160,000 คน ติดโรคโควิด-19 เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน มีประชาชนถูกกักบริเวณจำนวน 42,896 ราย ในสถานที่ที่ถูกจัดให้ใช้เป็นสถานที่กักตัว 7,800 แห่งทั่วประเทศ

ทั้งนี้ เมียนมามีห้องแลบตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพียง 4 แห่ง ได้แก่ 3 แห่งที่เมืองย่างกุ้ง และ 1 แห่งที่เมืองมันดาเลย์ ซึ่งทั้งหมดสามารถให้บริการตรวจหาเชื้อรวมกันวันละ 1,000 คนเท่านั้น สำหรับเมืองที่มีการพบผู้ติดโรคโควิด-19 มากที่สุด คือย่างกุ้ง มีจำนวนทั้งหมด 201 ราย ตามด้วยรัฐกะเหรี่ยงมี 25 ราย ขณะที่รัฐกะยาเป็นเพียงรัฐเดียวเท่านั้นที่ไม่พบผู้ติดโรคโควิด-19

#โควิด19 #เมียนมา #พม่า #ย่างกุ้ง #misterban #covid19 #myanmar

 

เผือกร้อน

TBMA Warns of Credit Risk and Defaults

• นักลงทุนหุ้นกู้กำลังเดือดร้อนกันอย่างหนัก 'เนื่องจากหุ้นกู้หลายบริษัทมีปัญหาผิดนัดชำระหนี้' (Bond Default) โดยไม่มีหน่วยงานใดให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเสียหาย

• การลงทุนในหุ้นกู้ 'ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำ ขณะที่ผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยสูง' ประชาชนจึงนิยมลงทุนในหุ้นกู้ 'แต่ปัจจุบันหุ้นกู้กลายเป็นตราสารหนี้ที่อันตราย และผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งจำนวนได้'

• ระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา หุ้นกู้บริษัทจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) มีปัญหา ไม่สามารถไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด โดยผู้ถือหุ้นกู้ ต้องเคลื่อนไหวฟ้องร้องเรียกชำระหนี้กันเอง

• แม้จะกระจายความเสี่ยงในการลงทุน โดยลงทุนหุ้นกู้บริษัทต่าง ๆ แต่บางคนโชคร้าย หุ้นกู้ที่ลงทุนไว้ในแต่ละบริษัท มีปัญหาผิดนัดชำระหนี้เหมือน ๆ กัน ทำให้เงินลงทุนในหุ้นกู้นับร้อยล้านบาทไม่ได้รับชำระคืน

• แม้แต่หุ้นกู้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ซึ่งนักลงทุนคิดว่าปลอดภัยแล้ว ไม่น่ามีปัญหาผิดนัดชำระหนี้ แต่ก็มีปัญหา ประกาศพักชำระหนี้จนได้ และไม่รู้ว่า 'ผู้ลงทุนจะได้รับการชำระหนี้คืนเมื่อไหร่ และได้รับชำระคืนในสัดส่วนเท่าใดของเงินลงทุน'

• ความเชื่อมั่นการลงทุนในหุ้นกู้ถดถอยลงไปมาก จากหุ้นกู้เน่า ๆ จนบริษัทจำนวนมาก ไม่สามารถออกหุ้นกู้ระดมทุนได้ เนื่องจากนักลงทุนไม่ซื้อ จะมีเพียงบริษัทขนาดใหญ่หรือบริษัทของเจ้าสัวเท่านั้นที่ยังสามารถออกหุ้นกู้ระดมทุนได้

• ส่วนบริษัทขนาดเล็ก อันดับเครดิตความน่าเชื่อถือต่ำ ๆ หมดโอกาสออกหุ้นกู้ระดมทุน

• ช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี พ.ศ. 2563 ตลาดหุ้นกู้แทบพังมาแล้ว หลังจากผู้ถือหน่วยลงทุนกองทุนตราสารหนี้ แห่กันขายคืนหน่วยลงทุน แต่กองทุนไม่สามารถหาเงินมารองรับการไถ่ถอนได้ทัน เนื่องจากขายหุ้นกู้ที่ซื้อลงทุนไว้ไม่ได้ จนต้องประกาศปิดกองทุน และเลื่อนเวลาชำระเงินให้ผู้ลงทุนที่ขายคืนหน่วยลงทุน

• ขณะที่กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ต้องนัดหารือด่วน และออกมาตรการอุ้มตลาดตราสารหนี้

• แต่ปัญหาหุ้นกู้ยังปะทุขึ้นมาเป็นจุด ๆ โดยบริษัท เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ACAP บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 'ซึ่งออกหุ้นกู้รวมทั้งหมด 7 ชุด วงเงินประมาณ 2,500 ล้านบาท ทยอยผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ในแต่ละรุ่น' และคาดการณ์ว่า 'จะผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ทุกรุ่น ลอยแพผู้ถือหุ้นกู้ทั้งหมด'

• ขณะที่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ประกาศพักชำระหนี้หุ้นกู้วงเงินประมาณ 7.16 หมื่นล้านบาท

• พร้อมทั้งยังมีบริษัทจดทะเบียนขนาดกลางและขนาดเล็กอีกหลายแห่งผิดนัดชำระหนี้ 'รวมแล้วหุ้นกู้ที่ผิดนัดชำระหนี้วงเงินสูงกว่า 1 แสนล้านบาท' โดยบางบริษัทมีปัญหาหนี้สินล้นพ้นตัว อยู่ในข่ายล้มละลาย ซึ่งผู้ถือหุ้นกู้เตรียมใจตีหนี้สูญไปแล้ว

• ในยามที่ตลาดตราสารหนี้เฟื่องฟู บริษัทจดทะเบียนออกหุ้นกู้กันจนเฟ้อ บางบริษัทออกหุ้นกู้นับสิบรุ่น และไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า 'ผู้บริหารบริษัทนำเงินไปใช้อะไรบ้าง ผ่องถ่ายเงินหรือไม่'

• หุ้นกู้บางรุ่น ซึ่งไม่ควรจะขายได้ แต่กลับขายหมด เช่นหุ้นกู้บริษัทจดทะเบียนขนาดเล็ก ซึ่งไม่มีอันดับเครดิต 'ด้อยสิทธิ' ไม่มีตัวแทนผู้ถือหุ้นกู้ และไม่มีหลักประกัน โดยเป็นหุ้นกู้ที่ครบเครื่องเรื่องความเสี่ยง สุดท้ายก็มีปัญหาผิดนัดชำระหนี้ หรือ Probability of Default (PD)

• หรือแม้แต่หุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุน หรือหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ ซึ่งไม่มีกำหนดระยะเวลาไถ่ถอน โดยลงทุนไว้ชาตินี้ อาจไถ่ถอนได้ในชาติหน้า และสามารถเลื่อนการจ่ายดอกเบี้ยได้อีกด้วย ออกมาหลายบริษัทเหมือนกัน โดยนักลงทุนที่ซื้อหุ้นกู้ประเภทนี้อาจยังไม่มีความเข้าใจที่ชัดเจน

• ผู้เสียหายจากหุ้นกู้มีมากขึ้นทุกที โดยหุ้นกู้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กลายเป็นระเบิดลูกใหญ่ที่ทำให้ประชาชนผู้ลงทุนรู้สึกว่า 'น่าจะมีมาตรการควบคุมการออกหุ้นกู้ และควรมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ปกป้องผู้ลงทุน หรือช่วยแก้ไขปัญหาให้ผู้ลงทุนโดยตรง เมื่อหุ้นกู้เกิดปัญหา'

• เพราะมีเพียง 'สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์' (ก.ล.ต.) เท่านั้นทำหน้าที่พิจารณาอนุมัติการออกหุ้นกู้ แต่ไม่มีบทบาทในการช่วยเหลือผู้ลงทุน เมื่อมีบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ชักดาบ ซึ่งผู้ถือหุ้นกู้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กำลังตกอยู่ในสภาพถูกลอยแพ

• หุ้นกู้การบินไทย ใครจะคิดว่า 'มีปัญหา' แต่วันนี้เกิดปัญหาผิดนัดชำระหนี้แล้ว ดังนั้น หุ้นกู้บริษัทขนาดใหญ่ หรือหุ้นกู้บริษัทเจ้าสัว จึงอาจเกิดปัญหาได้เหมือนกัน

• และหุ้นกู้กลุ่มบริษัทเจ้าสัว วงเงินระดมทุนนับล้านล้านบาท ถ้าเกิดปัญหาผิดนัดชำระหนี้ ตลาดตราสารหนี้พินาศแน่ และจะมีนักลงทุนอีกจำนวนมากต้องย่อยยับ

• การระดมทุนโดยการออกหุ้นกู้ จะต้องกำกับดูแลกันอย่างเข้มงวด อย่างน้อยอย่าปล่อยให้หุ้นกู้ประเภทขยะออกมาง่าย ๆ

• และต้องส่งสัญญาณเตือนประชาชน ให้เพิ่มความระมัดระวังความเสี่ยงการลงทุนหุ้นกู้ ไม่ว่าหุ้นกู้บริษัทขนาดเล็กหรือหุ้นกู้บริษัทขนาดใหญ่ระดับเจ้าสัวก็ตาม

• บรรณานุกรม :

Credit : https://www.bangkokpost.com/business/1936836/banks-poised-to-extend-assistance

Credit : https://www.bangkokpost.com/business/1931504/sec-mulls-alternative-bond-funding

Credit : https://www.bangkokpost.com/business/1925376/downgrade-wont-affect-thai-liabilities

Credit : https://www.bangkokpost.com/business/1925160/thai-debentures-downgraded-to-default

Credit : https://www.bangkokpost.com/business/1920348/corporate-bond-issuance-plunges

Credit : https://www.bangkokpost.com/business/1918948/debenture-market-jittery-over-thai-airways

Credit : https://www.bangkokpost.com/business/1908120/noble-preps-for-corporate-bond-rollover

Credit : https://www.bangkokpost.com/business/1903780/brokers-called-on-for-support

Credit : https://www.bangkokpost.com/opinion/opinion/1898480/bond-scheme-needs-rethink

Credit : https://www.bangkokpost.com/business/1893965/banks-deal-with-multi-whammy

Credit : https://www.bangkokpost.com/business/1879630/tbma-warns-of-credit-risk-and-defaults

Credit : https://www.bangkokpost.com/business/1841554/sec-eases-debenture-crowdfunding-rules

 

Jun 19 , 2020 IMF คาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐไตรมาส 2 มีแนวโน้มหดตัวเพิ่มขึ้น สวนทางเศรษฐกิจจีนที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว
.
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ระบุว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯมีแนวโน้มหดตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ หลังอุตสาหกรรมโรงงานและภาคธุรกิจในสหรัฐฯปิดตัวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้
.
โดยการปิดตัวของภาคอุตสาหกรรมเนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ในสหรัฐฯอาจทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯช้าลง และส่งผลให้ GDP หดตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 2 โดย IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะหดตัว 5.9% ในปีนี้ก่อนที่จะขยายตัว 4.7% ในปีหน้า
.
แม้เศรษฐกิจทั่วโลกจะหดตัวลง แต่เศรษฐกิจจีนจะแข็งแกร่งขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ หลังเศรษฐกิจของจีนฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเนื่องจากการลงทุนและภาคการบริการที่แข็งแกร่ง โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 1.2% ในปีนี้ และขยายตัวเพิ่มขึ้น 9.2% ในปี 2564
.
โดยนางคริสตาลินา จอร์จีวา กรรมการผู้จัดการ IMF เผยว่า IMF มีแนวโน้มปรับลดคาดการณ์ GDP ทั่วโลกลง 3% ในปีนี้ โดยจะเปิดเผยรายงานคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในวันที่ 24 มิ.ย.นี้
.
#IMF #GDP #สหรัฐ #จีน #Misterban

 

Jun 19 , 2020 รายแรก!! กสิกรไทยออกหุ้นกู้ 17 ล้านยูโร ขายบนเทคโนโลยีบล็อกเชน
.
นายจงรัก รัตนเพียร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยร่วมกับสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ได้ดำเนินการเสนอขายและออกหุ้นกู้สกุลเงินยูโรให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันในประเทศผ่านเทคโนโลยี Distributed Ledger Technology (DLT) หรือบล็อกเชน (Blockchain) ภายใต้โครงการทดสอบและพัฒนานวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการให้บริการเกี่ยวกับตลาดทุน ซึ่งธนาคารกสิกรไทยเป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรกในประเทศไทย ที่เสนอขายหุ้นกู้สกุลเงินต่างประเทศผ่านโครงการทดสอบและพัฒนานวัตกรรมธุรกรรมครั้งนี้
.
หุ้นกู้สกุลเงินยูโรที่ออกในครั้งนี้ เป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และไม่มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ มูลค่าเสนอขายรวมทั้งสิ้น 17 ล้านยูโร แบ่งเป็น 17,000 หน่วย อายุหุ้นกู้ประมาณ 3 เดือน อัตราดอกเบี้ย 0.52% ต่อปี และได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่อันดับความน่าเชื่อถือระดับสูงสุด “F1+(tha)”
.
สำหรับการออกหุ้นกู้สกุลเงินยูโรมูลค่า 17 ล้านยูโรครั้งนี้ อยู่ภายใต้โครงการหุ้นกู้ธนาคารกสิกรไทย วงเงินไม่เกิน 30,000 ล้านบาท ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุญาตให้ธนาคารสามารถเสนอขายหุ้นกู้ภายใต้โครงการ Medium Term Note ได้ภายในระยะเวลา 2 ปี ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมของธนาคารในการจัดหาช่องทางของแหล่งเงินทุนที่หลากหลายรูปแบบ เพื่อให้สามารถปรับใช้ได้ตามสภาวการณ์ที่เหมาะสมของตลาดและการดำเนินธุรกิจของธนาคาร
.
นอกจากนี้ การเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้มีความพิเศษกว่าการเสนอขายแบบปกติ เนื่องจากธนาคารได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของนวัตกรรมในตลาดทุนไทย ซึ่งได้นำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในงานนายทะเบียนหลักทรัพย์ เพื่อยกระดับการพัฒนาตลาดทุนไทย โดยธนาคารร่วมกับสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ซึ่งได้รับการอนุมัติจาก สำนักงาน ก.ล.ต.ให้นำร่องโครงการ Registrar Service Platform Phase 1 (RSP1) และบรรจุอยู่ในโครงการทดสอบและพัฒนานวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการให้บริการเกี่ยวกับตลาดทุน ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวถือเป็นโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนในระยะที่ 1 โดยเทคโนโลยีดังกล่าวมีความปลอดภัยสูง มีความยืดหยุ่น สามารถรองรับการเสนอขายหุ้นกู้ได้หลายรูปแบบหลายสกุลเงิน
.
นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยว่า สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ยินดีกับความสำเร็จของธนาคารกสิกรไทยที่เป็นธนาคารรายแรกที่ออกหุ้นกู้โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งหุ้นกู้สกุลเงินยูโรชุดนี้เสนอขายแก่ผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในประเทศหลายแห่ง ที่แสดงความจำนงร่วมใช้งานระบบภายใต้โครงการ Registrar Service Platform Phase 1 ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานของระบบงานในตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน โดยประยุกต์ใช้ Distributed Ledger Technology (DLT) หรือ Blockchain มาช่วยให้การจัดเก็บข้อมูลผู้ถือครองตราสารหนี้ที่ผู้ร่วมตลาดทุกรายใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลชุดเดียวกัน
.
นายธิติ ตันติกุลานันท์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจและตลาดทุนในปัจจุบันจะได้รับผลกระทบอย่างมากจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่การเสนอขายหุ้นกู้สกุลเงินยูโร มูลค่า 17 ล้านยูโรของธนาคารกสิกรไทยในครั้งนี้ ยังได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำในประเทศหลายแห่ง ทั้งจากกองทุนภายใต้การบริหารของ บลจ. และบริษัทประกันภัย ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนต่อธนาคารกสิกรไทยในฐานะสถาบันการเงินชั้นนำของประเทศ การใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในครั้งนี้ ยังสะท้อนให้เห็นว่า นอกเหนือจากความเชื่อมั่นของธนาคารเอง ผู้ลงทุนก็มีความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีบล็อกเชน ภายใต้โครงการทดสอบและพัฒนานวัตกรรม เพื่อสนับสนุนการให้บริการเกี่ยวกับตลาดทุนที่พัฒนาโดยสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยเช่นเดียวกันและต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบตลาดทุนไปพร้อม ๆ กัน
.
#หุ้นหู้ #กสิกรไทย #ยูโร #Misterban

 

Jun 19 , 2020 ควีนส์แลนด์ใช้มาตรการเก็บค่ากักตัวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าออสเตรเลียเริ่ม 1 ก.ค.นี้
.
รัฐควีนส์แลนด์ในประเทศออสเตรเลียออสเตรเลียได้ออกประกาศว่านับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นไป ชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้ารัฐควีนส์แลนด์ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการกักตัว 14 วันในโรงแรมที่ทางการได้จัดไว้ให้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด 19
.
โดยมีค่าใช้จ่ายในการกักตัวนักท่องเที่ยว 1 คนจะอยู่ที่ 2,800 เหรียญออสเตรเลียหรือ 59,606 บาท // นักท่องเที่ยวที่มา 2 คนจะอยู่ที่ 3,700 เหรียญออสเตรเลียหรือ 78,705 บาท และสำหรับครอบครัว 4 คนซึ่งต้องพักห้องเดียวกันจะอยู่ที่ 4,600 เหรียญออสเตรเลียหรือเท่ากับ 97,875 บาท ซึ่งจะยกเว้นนักท่องเที่ยวที่มีกำหนดเดินทางเข้าควีนส์แลนด์นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นไปที่จองตั๋วเครื่องบินก่อนวันที่ 1 ก.ค.2563
.
ซึ่งจุดประสงค์ในการเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวจากการกักตัว เพื่อลดการสร้างภาระทางการเงินที่มาจากภาษีประชาชนในประเทศ มาป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด19 ซึ่งนับตั้งเเต่การระบาดทางรัฐควีนส์แลนด์ได้มีค่าใช้จ่ายในการกักตัวแล้วกว่า 19 ล้านเหรียญออสเตรเลีย หรือ 404 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเกิน 24 ล้านเหรียญออสเตรเลีย หรือ 510.71 ล้านบาทภายในสิ้นเดือน มิ.ย. ทำให้รัฐควีนส์แลนด์จึงเป็นรัฐแรกของออสเตรเลียที่เก็บเงินค่ากักตัวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ
.
#ควีนส์แลนด์ #ออสเตรเลีย #นักท่องเที่ยว #Misterban

 

Jun 19 , 2020 ธปท.สั่งการธนาคารพาณิชย์งดจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปี 2563 – งดการซื้อหุ้นคืน เพื่อรักษาระดับกองทุนให้เข็มแข็ง รองรับความเสี่ยงจากโควิด 19
.
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เปิดเผยว่า เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด 19 ได้ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อภาคธุรกิจและประชาชนทั่วไป และยังมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์ ในระยะต่อไป
.
จึงให้ธนาคารพาณิชย์จัดทำแผนบริหารจัดการระดับเงินกองทุนสำหรับระยะ 1-3 ปีข้างหน้า โดยคำนึงถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต และศักยภาพของลูกหนี้ในการทำธุรกิจภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 คลี่คลาย ในระหว่างที่ธนาคารพาณิชย์จัดทำแผนบริหารจัดการระดับเงินกองทุนใหม่นี้ ธปท. ขอให้ธนาคารพาณิชย์ งดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานในปี 2563 (งวดครึ่งปี) รวมถึงงดการซื้อหุ้นคืน
.
เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์รักษาระดับเงินกองทุนให้เข้มแข็งและรองรับการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับแนวทางที่ธนาคารกลางหลายประเทศได้ดำเนินการแล้ว เพื่อรองรับความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์โควิด 19
.
#ธปท #งด #จ่ายเงินปันผล #งดการซื้อหุ้นคืน #Misterban

 

Jun 19 , 2020 แบงก์ชาติประกาศมาตรการลดดอกเบี้ยบัตรเครดิต-สินเชื่อส่วนบุคคล 2 – 4% ช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 มีผลตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2563
.
นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ธปท. ได้มีมาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 มาเป็นลำดับ ซึ่งมาตรการต่าง ๆ นั้นจะทยอยครบกำหนด ธปท. จึงได้หารือกับผู้ให้บริการทางการเงิน ประกอบด้วย สถาบันการเงิน สถาบันการเงินเฉพาะกิจ สมาคมและชมรมของผู้ให้บริการทางการเงินรวม 9 แห่ง ออกมาตรการเพิ่มเติมระยะที่ 2 เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
.
1) ปรับลดเพดานดอกเบี้ยเป็นการทั่วไป ร้อยละ 2 – 4 ต่อปี สำหรับบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ มีผลตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2563
.
-ดอกเบี้ยบัตรเครดิตเพดานเดิม 18 % ต่อปี เพดานใหม่ 16 % ต่อปี

- สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ วงเงินหมุนเวียน (Revolving loan) เช่น บัตรกดเงินสดดอกเบี้ยเพดานเดิม 28 % เพดานใหม่ 25 % ต่อปี // ผ่อนชำระเป็นงวด (Installment loan) ดอกเบี้ยเพดานเดิม 28 % เพดานใหม่ 25 % ต่อปี และจำนำทะเบียนรถ ดอกเบี้ยเพดานเดิม 28 % เพดานใหม่ 24 % ต่อปี
.
2) เพิ่มวงเงินบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับประเภทวงเงินหมุนเวียนหรือที่ผ่อนชำระเป็นงวด สำหรับลูกหนี้ที่มีความจำเป็นต้องใช้วงเงินเพิ่มเติม และมีพฤติกรรมการชำระหนี้ที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่ำกว่า 30,000 บาท ขยายวงเงินจากเดิม 1.5 เท่า เป็น 2 เท่าของรายได้เฉลี่ยต่อเดือน เป็นการชั่วคราวถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 (มีผลตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2563)
.
3) มาตรการขั้นต่ำเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยระยะที่ 2 (มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563) ขยายขอบเขตและระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 และไม่เป็น NPLs ณ วันที่ 1 มีนาคม 2563 โดยผู้ให้บริการทางการเงินต้องจัดให้มีทางเลือกความช่วยเหลือ
.
ขั้นต่ำให้ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบได้เลือกตามประเภทสินเชื่อ เช่น การผ่อนชำระขั้นต่ำ การเปลี่ยนสินเชื่อระยะสั้นเป็นระยะยาว การลดค่างวด การเลื่อนชำระค่างวดหรือเงินต้น เป็นต้น และกำหนดให้ผู้ให้บริการทางการเงินต้องอำนวยความสะดวก รวมทั้งให้ข้อมูลที่ครบถ้วนเพียงพอต่อการตัดสินใจของลูกหนี้ เช่น เปรียบเทียบภาระหนี้เดิมและหนี้ใหม่ จำนวนหนี้และจำนวนงวดที่เพิ่มขึ้น และดอกเบี้ยที่ลูกหนี้ต้องจ่ายเพิ่มจากการขอเลื่อนชำระหนี้ (รายละเอียดตามตารางแนบ)
.
การช่วยเหลือตามมาตรการขั้นต่ำข้างต้นจะไม่ถือว่าเป็นการผิดนัดชำระหนี้ จึงไม่สามารถเรียกเก็บเบี้ยปรับ หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ และในกรณีที่ลูกหนี้ประสงค์จะชำระหนี้ก่อนกำหนด จะต้องไม่มีการคิดค่าเบี้ยปรับ (prepayment fee)
.
ทั้งนี้ ลูกหนี้ที่ต้องการความช่วยเหลือสามารถแจ้งความประสงค์ผ่านช่องทางต่าง ๆ ของผู้ให้บริการทางการเงิน เช่น แอปพลิเคชัน เว็บไซต์ Call Center หรือส่งข้อความ SMS ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 จนถึง 31 ธันวาคม 2563
.
4) การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ผู้ให้บริการทางการเงินต้องเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้แก่ลูกหนี้ โดยคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ เพื่อช่วยบรรเทาภาระให้ลูกหนี้ เช่น โดยการขยายระยะเวลาการชำระหนี้ เปลี่ยนสินเชื่อจากระยะสั้นเป็นระยะยาว เลื่อนการชำระค่างวด ลดดอกเบี้ย และกรณีลูกหนี้ี่ได้รับผลกระทบจนเป็น NPLs ขอให้พิจารณาชะลอการยึดทรัพย์
.
ธปท. เชื่อมั่นว่ามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยเพิ่มเติมระยะที่ 2 นี้ จะทำให้ลูกหนี้ได้รับความช่วยเหลือที่เหมาะสมอย่างทันท่วงที ลดภาระหนี้และโอกาสการผิดนัดชำระหนี้ ขณะที่ผู้ให้บริการทางการเงินสามารถบริหารจัดการความเสี่ยง และมีวิธีปฏิบัติต่อลูกหนี้ในแนวทางเดียวกัน ทั้งนี้ ธปท. จะติดตามการดำเนินการอย่างใกล้ชิด
.
นอกจากนี้ยังได้เพิ่มทางเลือกสำหรับกลุ่มลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 และยังไม่เป็น NPLs และเป็นมาตรการการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ขั้นต่ำ
.
1. บัตรเครดิต เปลี่ยนเป็นสินเชื่อที่มีระยะเวลา (term loan) 48 งวด หรือขยายระยะเวลาตามความสามารถในการชำระหนี้ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 12 ต่อปี ทั้งนี้ การใช้วงเงินที่เหลืออยู่ให้ผู้ให้บริการทางการเงินพิจารณาตามความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ แต่เมื่อรวมกับยอดคงเหลือเดิมแล้วต้องไม่เกินวงเงินที่เคยอนุมัติ โดยยังคงลดอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำ ร้อยละ 5 ในปี 2563 - 2564 ร้อยละ 8 ในปี 2565 และร้อยละ 10 ในปี 2566
.
2. สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มีลักษณะวงเงินหมุนเวียน (revolving loan) เช่น บัตรกดเงินสด
(2.1) ลดอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำ ตามความสามารถในการชำระหนี้ หรือ
(2.2.) เปลี่ยนเป็นสินเชื่อที่มีระยะเวลา (term loan) 48 งวด หรือขยายระยะเวลาตามความสามารถในการชำระหนี้ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 22 ต่อปี ทั้งนี้ การใช้วงเงินที่เหลืออยู่ให้ผู้ให้บริการทางการเงินพิจารณาตามความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ แต่เมื่อรวมกับยอดคงเหลือเดิมแล้วต้องไม่เกินวงเงินที่เคยอนุมัติ
.
3. สินเชื่อส่วนบุคคลที่ผ่อนชำระเป็นงวด (installment loan) และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ลดค่างวด อย่างน้อยร้อยละ 30 ของค่างวดเดิม โดยคิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 22 ต่อปี
.
4. สินเชื่อเช่าซื้อ (ไม่จำกัดวงเงิน)
(4.1) เลื่อนชำระค่างวด (เงินต้นและดอกเบี้ย) 3 เดือน
(4.2) ลดค่างวด โดยขยายระยะเวลาการชำระหนี้
.
5. สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือสินเชื่อที่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน (ไม่จำกัดวงเงิน)
(5.1) เลื่อนชำระค่างวด (เงินต้นและดอกเบี้ย) 3 เดือน
(5.2) เลื่อนชำระเงินต้น 3 เดือน และพิจารณาลดดอกเบี้ยให้ตามความเหมาะสมของลูกหนี้แต่ละราย
(5.3) ลดค่างวด โดยขยายระยะเวลาการชำระหนี้
.
#มาตรการ #ลดดอกเบี้ย #สินเชื่อ #บัตรเครดิต #Misterban