ติดตามสถานะการณ์

World Forum ข่าวสารต่างประเทศ

ตุรกี : เมือง บูร์ซา ทางตะวันตกเฉียงเหนือ
พายุฝนตกหนัก น้ำป่าไหลท่วมเมืองเสียชีวิต 2 สูญหายไปกับสายน้ำ 4 ราย
# แอดมินเพิ่มคลิปในช่องความคิดเห็น

 

World Forum ข่าวสารต่างประเทศ

เม็กซิโก : พบหลุมศพปริศนา 9 หลุม 215 ศพ
ถูกฆ่าทิ้งฝังรวมในเขตรัฐฮาลิสโก ศพทั้งหมดฝังระหว่าง มกราคม - มิถุนายน หลุมส่วนใหญ่พบในที่ดินล้อมรั้วและฟาร์มร้าง คาดว่าศพทั้งหมดเกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฏหมาย แก๊งค้ายา ในเขตอิทธิพลมาเฟียขนาดใหญ่ ทางการแจ้งว่ายังเหลือหลุมศพอีกอย่างน้อย 5 แห่งรอการตรวจสอบเพิ่ม ตอนนี้ยังขาดบุคลากร

 

World Forum ข่าวสารต่างประเทศ

ยอดติดเชื้อโควิดทั่วโลกวันที่ 22 มิถุนายน 2563
ติดเชื้อ 9,045,457 รายเสียชีวิต 470,698ราย

 

Jun 22 , 2020 การบินไทยชี้แจงสหภาพฯย้ำสวัสดิการพนักงานยังมีอยู่เหมือนเดิม จนกว่าบริษัทจะเปลี่ยนแปลงตามกฎหมาย ส่วนการขอให้ลดเงินเดือนนั้นเป็นเรื่องของความสมัครใจ
.
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองประธานกรรมการคนที่ 2 รักษาการแทนกรรมการผู้อํานวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีสื่อหลายฉบับลงข่าวเกี่ยวกับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยได้ไปยื่นหนังสือถึงปลัดกระทรวงแรงงาน เพื่อร้องเรียนเกี่ยวกับการที่บริษัทฯ ออกข้อบังคับฉบับใหม่ และอ้างว่าข้อบังคับดังกล่าวได้ลดทอนสิทธิประโยชน์ และสวัสดิการของพนักงาน รวมถึงได้ร้องเรียนเรื่องการปรับลดเงินเดือนของพนักงานว่าไม่เป็นไปตามข้อกฎหมายนั้น ขอชี้แจงดังนี้
.
เนื่องจาก ขณะนี้ บริษัทฯ ได้พ้นจากความเป็นรัฐวิสาหกิจ และมีสถานะเป็นบริษัทเอกชน เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2563 บริษัทฯ จึงมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายด้านแรงงานของบริษัทเอกชนหลายฉบับ รวมทั้งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ซึ่งกำหนดให้บริษัทฯ ต้องจัดทำข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานให้สอดคล้องกับมาตรฐานเกี่ยวกับการจ้างงาน และประกาศใช้ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่บริษัทฯ พ้นจากความเป็นรัฐวิสาหกิจ
.
ทั้งนี้ในระหว่างการจัดทำข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานฉบับดังกล่าว บริษัทฯ ได้หารือกับเจ้าหน้าที่ของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานอย่างใกล้ชิด และบริษัทฯ ทราบดีว่า สิทธิประโยชน์ของพนักงานที่มีอยู่ก่อนการพ้นจากความเป็นรัฐวิสาหกิจ จะยังมีอยู่ตามเดิมจนกว่าบริษัทฯ และพนักงานจะได้ดำเนินกระบวนการแก้ไขเปลี่ยนแปลงตามวิธีการและขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด
.
ส่วนกรณีที่บริษัทฯ ออกประกาศที่ 046/2563 เรื่อง ขอความร่วมมือให้พนักงานทุกคนสมัครใจปรับลดเงินเดือนลงในอัตราร้อยละ 10 - 50 นั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อขอความยินยอมจากพนักงานทุกคน ให้ลดเงินเดือนลงบางส่วนด้วยความสมัครใจ ในสภาวะที่บริษัทฯ อยู่ระหว่างการหยุดทำการบินเป็นการชั่วคราว (จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2563) โดยให้พนักงานลงชื่อแสดงเจตนารมณ์ช่วยเหลือบริษัทฯ และยินยอมให้บริษัทฯ ลดเงินเดือนด้วยความสมัครใจของพนักงานเอง แต่ในส่วนของพนักงานที่ไม่ได้ให้ความยินยอมให้ลดเงินเดือนนั้น บริษัทฯ จะยังคงจ่ายค่าจ้างในอัตราที่พนักงานคนนั้นได้รับ โดยจะไม่หักค่าจ้างตามประกาศบริษัทฯ ดังกล่าวแต่อย่างใด
.
ทั้งนี้ การดำเนินการทั้ง 2 กรณี ของบริษัทฯ จึงเป็นการกระทำที่ไม่ได้ขัดต่อกฎหมายแรงงานแต่อย่างใด และบริษัทฯ ยังได้ดำเนินการต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนด โดยไม่กระทบกระเทือนต่อสิทธิของพนักงานที่พึงได้รับตามขอบเขตของกฎหมาย
.
#การบินไทย #พนักงาน #สวัสดิการ #Misterban

 

Jun 22, 2020 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เผยพบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 3 ราย รวมยอดติดเชื้อสะสม 3,151 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม
.
โดยขณะนี้มีผู้ป่วยในโรงพยาบาล 71 ราย รักษาหายแล้ว 3,022 ราย เสียชีวิต 58 ราย .
.
โดยผู้ติดเชื้อใหม่ทั้ง 3 ราย ได้แก่
.
กลับจากประเทศอินเดีย 3 ราย เป็นหญิงไทยอายุ 11 , 21 และ 34 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. และข้าพักใน State Quarantine ตรวจหาเชื้อในวันที่ 20 มิ.ย. ผลตรวจพบเชื้อ ทุกรายไม่มีอาการ
.
#ศบค #ติดเชื้อ #ไวรัสโควิด19 #Misterban

 

Jun 22 , 2020 ตลท.หนุนแบงก์ชาติขอธนาคารพาณิชย์งดเงินปันผลระหว่างกาล-งดซื้อหุ้นคืน เชื่อจะส่งเสริมให้สถาบันการเงินไทยมีความเข้มแข็งมากขึ้น
.
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยขอให้ธนาคารพาณิชย์งดจ่าย “เงินปันผลระหว่างกาล” และ “งดซื้อหุ้นคืน” ซึ่งเป็นมาตรการเพื่อให้ธนาคารพาณิชย์รักษาระดับเงินกองทุนให้เข้มแข็งต่อเนื่องจนกว่าจะจัดทำแผนบริหารจัดการเงินกองทุนใหม่ได้ชัดเจนขึ้น ถือเป็นการส่งเสริมให้สถาบันการเงินไทยมีความเข้มแข็ง และเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้ถือหุ้นระยะยาวของธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากการที่ธนาคารพาณิชย์มีเงินกองทุนที่เพียงพอ จะทำให้มีสภาพคล่องเพียงพอในการดำเนินงานหลังสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติและเศรษฐกิจเดินหน้าเข้าสู่ช่วงฟื้นฟูอย่างเต็มที่ อีกทั้งเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันแก่ระบบธนาคารให้มีความพร้อมรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นต่อระบบการเงินของประเทศ ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้ตลาดทุนไทย และเศรษฐกิจโดยรวม
.
ขอให้ผู้ลงทุนพิจารณาลงทุนระยะยาวจากปัจจัยพื้นฐาน ศึกษาข้อมูลและติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ซึ่งจากมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาในช่วงสถานการณ์ที่ไม่ปกติ จะเห็นได้ว่าหน่วยงานทั้งภาคตลาดเงินตลาดทุนได้ให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพของระบบ เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจไทย ทั้งผู้ลงทุน ผู้ประกอบการ และประชาชน
.
#ตลท #งดจ่ายปันผล #งดซื้อหุ้นคืน #misterban

 

“จีน-อินเดีย” ยากแตกหัก เศรษฐกิจ-เทคโนโลยีเชื่อมโยงแน่น



การปะทะกันระหว่างกองทหาร “จีน” กับ “อินเดีย” บริเวณชายแดนเมื่อ 16 มิ.ย. 2020 สร้างความตึงเครียดทางการทูตและการทหารระหว่างสองมหาอำนาจเอเชียเพิ่มขึ้นตามมา โดยในอินเดียได้เกิดกระแสการต่อต้านจีนจนนำไปสู่การเรียกร้องให้มีการบอยคอตสินค้าและบริการจากจีน โดยเฉพาะสินค้าเกี่ยวกับ “เทคโนโลยี” อย่างไรก็ตาม ด้วยความเชื่อมโยงของทั้งสองประเทศที่มีมากขึ้น
การปลุกกระแสชาตินิยมย่อมไม่ก่อให้เกิดผลดีต่อทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอินเดียเอง ทั้งนี้ เหตุการณ์ความขัดแย้งทางการทหารได้ปลุกกระแสชาตินิยมในอินเดียที่มีเค้ามาตั้งแต่ก่อนหน้านี้
โดยซีเอ็นเอ็นรายงานหลังจากเหตุการณ์ปะทะกันทางทหารว่าชาวอินเดียปลุกกระแสต่อต้าน รวมถึงรณรงค์ให้มีการบอยคอตสินค้าและบริการจากจีนในวงกว้างมากขึ้นอีก ขณะที่ “โกลบอล ไทมส์” รายงานว่า กระแสต่อต้านจีนกำลังพุ่งสูงขึ้น โดยชาวอินเดียหลายล้านคนได้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น “Remove China Apps” ซึ่งจะปิดกั้นและป้องกันแอปพลิเคชั่นของจีนออกจากสมาร์ทโฟน
เช่นเดียวกับที่รัฐบาลของ “นเรนทรา โมดี” ใช้วิธีขี่กระแสชาตินิยมโดยมีเป้าหมายทางการเมือง ด้วยการประกาศเพิ่มกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดสำหรับการลงทุนทางตรงจากจีน ซึ่งในกรณีนี้ “อามิต บันดารี” จาก “เกตเวย์ เฮาส์” สำนักคิดทางด้านนโยบายต่างประเทศของอินเดียชี้ว่า รัฐบาลมีวัตถุประสงค์เพื่อลดอิทธิพลในด้านเทคโนโลยีที่จีนเริ่มแผ่ขยายอิทธิพลเข้าไปในอินเดียมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความพยายามกีดกัน แต่กล่าวได้ว่าถึงขณะนี้จีนได้เข้าไปมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของอินเดียอย่างมาก และบริษัทเทคโนโลยีจากจีนกลายเป็นผู้ลงทุนหลักในสตาร์ตอัพของอินเดีย โดยซีเอ็นเอ็นรายงานโดยอ้างอิงงานวิจัยของ “เกตเวย์ เฮาส์” พบว่า นักลงทุนชาวจีนได้เข้าไปมีบทบาทในสตาร์ตอัพยูนิคอร์นของอินเดียกว่า 30 แห่ง และคาดการณ์ว่าเงินลงทุนที่นักลงทุนจีนลงทุนในสตาร์ตอัพของอินเดียสูงกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่ปี 2015 อย่างเช่น “อาลีบาบา” ที่เข้าไปมีบทบาทในการพัฒนาดิจิทัลอีโคโนมีของอินเดีย โดยได้ลงทุนใน “สแนปดีล” แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ, “เพย์ทีเอ็ม” ผู้ให้บริการชำระเงินออนไลน์ รวมถึง “โซมาโต้” ผู้ให้บริการดีลิเวอรี่ เป็นต้น
“ซูกาตี้ โกซ” หัวหน้านักวิเคราะห์ภูมิภาคเอเชียใต้จาก “อัลไบรต์ สโตนบริดจ์ กรุ๊ป” สำนักคิดด้านการเมืองระหว่างประเทศจากวอชิงตัน ดี.ซี.ชี้ว่า จีนมีบทบาทสำคัญยิ่งในการยกระดับเศรษฐกิจของอินเดียสู่ยุคดิจิทัล ขณะที่อินเดียที่มีประชากรผู้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตจำนวนมากก็เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของจีนในการแข่งขันช่วงชิงความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีของโลก ความสัมพันธ์จึงเป็นไปในลักษณะที่ต่างฝ่ายต่างพึ่งพากันและกัน
ขณะที่รายงานจาก “อินเตอร์เนชั่นแนล ดาต้า คอร์ปอเรชั่น” (ไอดีซี) ระบุว่า ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมาบริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนของจีนยังได้เข้าไปมีบทบาทในอินเดียทั้งต่อผู้บริโภค, การลงทุน และการจ้างงาน โดยเมื่อปี 2019 แบรนด์สมาร์ทโฟนที่ทำยอดขายมากที่สุดในอินเดีย 5 อันดับแรก เป็นสมาร์ทโฟนจากจีนถึง 4 แบรนด์ และมียอดขายถึง 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแทบทั้งหมดมีฐานการผลิตในอินเดียนั่นเอง
“คิรานจิต คอร์” นักวิจัยอาวุโสภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก จาก “ไอดีซี” สรุปผลที่จะตามมาจากกรณีดังกล่าวว่า “แคมเปญต่อต้านสินค้าจีนจะส่งผลต่อทั้งการจ้างงานและการบริโภคภายในประเทศของอินเดีย” นอกจากนี้ ยังมีสินค้าอื่น ๆ ที่อินเดียจำเป็นต้องพึ่งพาจีนเช่นเดียวกัน อย่างเครื่องจักรหนัก, อุปกรณ์โทรคมนาคม, อุปกรณ์โรงไฟฟ้า เป็นต้น
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้อินเดียก็เคยรณรงค์ต่อต้านสินค้าเหล่านี้จากจีน แต่ไม่ได้ส่งผลต่อยอดขายมากนัก เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่ “คิรานจิต คอร์” ชี้ว่า แม้จะมีการเรียกร้องให้แบนสินค้าจากจีน แต่คงไม่ส่งผลกระทบมากนักเช่นเดียวกัน เนื่องจากอินเดียยังจำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีเหล่านี้จากจีน
Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
https://www.prachachat.net/world-news/news-480222
เพิ่มเติม
- China and India need each other. Just look at technology : https://edition.cnn.com/2020/06/17/tech/india-border-china-tech-intl-hnk/index.html

 

หรรสาระ By Jeans Aroonrat

#เกิดเหตุชาวลิเบียแทงคนตายที่อังกฤษ
#ตั้งข้อสงสัยก่อการร้าย
เมื่อช่วงหัวค่ำของคืนวันเสาร์ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา กลางสวนสาธารณะ Forbury Gardens ในเมืองเรดดิ้ง ประเทศอังกฤษ เกิดเหตุโจมตีผู้คนโดยใช้มีดเป็นอาวุธอีกแล้ว เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตถึง 3 ราย บาดเจ็บสาหัสอีก 3 ราย
ผู้ก่อเหตุ ตามรายงานข่าวระบุว่าเป็นชายชาวลิเบีย แต่ยังไม่ให้รายละเอียดรูปพรรณสัณฐาน หรือ ว่าเป็นใครมาจากไหน?
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ในขณะที่กำลังเดินเล่นอยู่ในสวนสาธารณะ ที่มีผู้คนเป็นจำนวนมาก ก็เห็นคนร้ายเดินอยู่คนเดียว สวนผ่านมา และอยู่ดีๆ ก็ชักมีดพกโจมตี วิ่งไล่แทงผู้คนอย่างกะทันหัน และไม่เลือกเป้าหมาย เห็นใครใกล้ตัว ก็จ้วงแทงทันที จนมีผู้เคราะห์ร้าย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุถึง 3 คน และมีผู้บาดเจ็บสาหัสอีก 3 คน ที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที
ทันทีที่เกิดเรื่อง เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบวิ่งเข้ามาสกัด จับกุมตัวได้ทันที จึงยังโชคดีที่ไม่มีผู้เคราะห์ร้ายมากไปกว่านี้
ก่อนเกิดเหตุ สวนสาธารณะแห่งนี้ เป็นที่ชุมนุมของกลุ่ม Black Lives Matter ก่อนในช่วงเช้า แต่เป็นการชุมนุมอย่างสงบ และเลิกชุมนุมไปแล้วตั้งแต่ช่วงเย็น ก่อนที่จะเกิดเหตุแทงกันตายเกือบ 2 ชั่วโมง ดังนั้นจึงไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับผู้ก่อเหตุ
ดังนั้นตำรวจอังกฤษ จึงตั้งข้อสันนิษฐานว่า อาจจะเป็นการก่อการร้าย เนื่องจากอังกฤษเคยมีเหตุการณ์ก่อการร้ายไล่แทงคนอยู่บ่อยครั้ง
ที่เป็นข่าวดัง เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ในเดือนพฤศจิกายน ที่นายอุซมาน คาห์น ได้แทงอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เสียชีวิตถึง 2 คน ภายในอาคาร Fishmongers' Hall กลางกรุงลอนลอน ขณะกำลังเข้าโปรแกรม "คืนคนดีสู่สังคม" ก่อนจะถูกวิสามัญโดยตำรวจที่สะพานลอนดอนในเวลาต่อมา
บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ออกมาทวิตข้อความ ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำวจที่เข้าควบคุมเหตุการณ์ได้อย่างรวดเร็ว และกระทรวงมหาดไทยอังกฤษ จะเร่งสืบสวนคดีต่อ ว่าจะเป็นการก่อการร้ายจริงหรือไม่ และจะมีผู้ร่วมขบวนการคนอื่นอีกหรือเปล่า
ก็เป็นข่าวเศร้าในช่วงสุดสัปดาห์ของชาวอังกฤษ ที่มักเจอเหตุก่อการร้าย จู่โจมโดยไม่คาดคิด ที่มาในช่วงเวลาที่แสนจะวุ่นวายในปีนี้นะค้า
แหล่งข้อมูล
https://www.bbc.com/news/uk-england-berkshire-53123975
https://www.theguardian.com/uk-news/2020/jun/20/police-incident-reading-town-centre-forbury-gardens-park-
https://www.thesun.co.uk/news/11914239/reading-stabbings-terror-several-dead/

 

ศึกชิงวัคซี ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศความมุ่งมั่นว่าสหรัฐจะมีวัคซีนใช้ก่อนสิ้นปี ส่วนประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ก็เกทับว่าถ้าจีนคิดวัคซีนได้เมื่อไร จีนจะแจกจ่ายทั่วโลกเหมือนเป็นสินค้าสาธารณะ

เดิมพันสูงทีเดียวนะครับ สหรัฐหรือจีน ใครคิดค้นวัคซีนได้ก่อน ย่อมส่งผลต่อการช่วงชิงตำแหน่งผู้นำโลก ใครได้วัคซีนก่อน ย่อมสามารถสร้างความมั่นใจและฟื้นเศรษฐกิจภายในได้ก่อน และยังจะมีอำนาจต่อรองเพิ่มขึ้นมหาศาลในสงครามการค้าระหว่าง 2 ยักษ์ ส่วนในด้านความสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆ ประเทศเจ้าของสูตรวัคซีนย่อมสามารถเดินเกม “การทูตวัคซีน” สวมบทผู้นำโลกเต็มตัว
ยุคสงครามเย็นครั้งก่อน สหรัฐกับสหภาพโซเวียตเปิดศึกแข่งกันไปอวกาศ แต่การแข่งขันยกแรกในสนามสงครามเย็นยุคใหม่ระหว่างจีนกับสหรัฐคือ เปิดศึกแข่งกันคิดค้นวัคซีนสู้โควิดครับ
การต่อสู้ในศึกนี้ของทั้งสองยักษ์มีความซับซ้อนกว่าภาพง่ายๆ ว่าใครจะคิดได้ก่อน อันดับแรก ยังไม่แน่เสมอไปนะครับว่ามนุษย์จะคิดวัคซีนปราบโควิดได้สำเร็จ เป็นที่ทราบกันดีในวงการแพทย์ว่าการคิดวัคซีนไม่ใช่เรื่องง่าย จนปัจจุบัน โรคติดต่อหลายโรคก็ยังไม่มีวัคซีน ไม่ว่าจะเป็นเชื้อไข้เลือดออก หรือเชื้อไวรัส HIV
ใครๆ ก็รู้ว่าทรัมป์ใจร้อนแค่ไหน มีข่าวว่าทรัมป์สั่งให้หน่วยงานกำกับดูแลด้านการวิจัยทางการแพทย์ของสหรัฐไปปรับทบทวนลดทอนขั้นตอนในการทดลองวัคซีน เพื่อเปิดทางให้สามารถทดลองในคนได้เร็วขึ้น ตอนนี้ในสหรัฐมีโครงการพัฒนาวัคซีน 39 โครงการ และเริ่มทดลองในคนแล้ว 3 โครงการ
ส่วนชื่อเสียงของพี่จีนในเรื่องสปีดความเร็วและความกล้าเสี่ยงก็ไม่น้อยหน้าใครเช่นกัน ในจีนมีโครงการพัฒนาวัคซีนทั้งสิ้น 20 โครงการ เริ่มทดลองในคนแล้ว 5 โครงการ รัฐบาลจีนประกาศพร้อมทุ่มเงินทุนและสรรพกำลังเต็มที่ แถมจีนออกสตาร์ทเร็วกว่าเพื่อน เพราะเริ่มระบาดมาตั้งแต่ปลายมกราคม
ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ไม่น้อยเริ่มกังวลว่า การเร่งทดลองวัคซีนในมนุษย์ และการพยายามย่นเวลาการทดลองลดลงจากมาตรฐานสากลดั้งเดิม สุดท้ายอาจสร้างความเสี่ยงและผลร้าย เช่น เป็นไปได้ที่ผู้ที่ได้รับวัคซีนทดลอง แต่ภายหลังติดเชื้อโควิด อาจมีอาการหนักกว่าปกติ ในประวัติศาสตร์การทดลองวัคซีนเชื้ออื่นๆ ในอดีตทั้งในสัตว์และมนุษย์ เคยมีตัวอย่างสัตว์ทดลองและอาสาสมัครที่รับวัคซีนบางสูตร สุดท้ายกลับมีความเสี่ยงสูงขึ้นที่จะติดเชื้อ หรือเมื่อติดเชื้อในเวลาต่อมาแล้ว กลับพบว่ามีอาการหนักกว่าคนทั่วไป
ความเสี่ยงใหญ่กว่านั้นคือเราคงไม่มีทางแน่ใจ 100% ว่าวัคซีนที่คิดค้นออกมานั้นในระยะยาวจะมีผลลบอื่นต่อร่างกายหรือไม่ วัคซีนสูตรหนึ่งที่เคยใช้ป้องกันไข้หวัดในปี 1976 ในเวลาต่อมาพบว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีนบางคนผ่านไปหลายปีป่วยด้วยโรคทางสมองที่ชื่อ Guillain-Barré บรรดากลุ่มคนที่มีความเชื่อปฏิเสธการฉีดวัคซีนมักหยิบยกตัวอย่างนี้มาใช้เสมอ
สมมติถ้าจีนคิดวัคซีนได้ก่อน แต่มีการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความปลอดภัยหรือมีการปั่นกระแสเรื่องคุณภาพสินค้าจากจีน แล้วเราจะกล้าฉีดวัคซีนเมดอินไชน่าไหม หรือถ้าเกิดทั้งสองประเทศคิดวัคซีนได้ทั้งคู่ เราจะเลือกฉีดของใคร หรือดูตามราคาที่เราจ่ายไหว หรือดูว่าใครเป็นมิตรแท้ให้วัคซีนเรา แล้วจะมีการแตกแยกแบ่งฝ่ายไหมว่าเราควรเข้าร่วมวงขอวัคซีนจากใคร เกิดสมมติฝ่ายหนึ่งราคาถูกกว่า แต่อีกฝ่ายคุยว่าถึงราคาแพง แต่คุณภาพความปลอดภัยมาตรฐานสูงกว่า จะใช้ของใคร
ทั้งหมดนี้อยู่บนฐานคิดว่าวัคซีนใช้ได้ผล สามารถป้องกันโควิดได้อยู่หมัด แต่ถ้าเกิดประสิทธิภาพของวัคซีนคล้ายกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ซึ่งเราต้องฉีดคลุมหลายๆ เชื้อที่ระบาดในแต่ละฤดูกาล แต่ถึงฉีดวัคซีนแล้ว เราก็ยังมีโอกาสเป็นไข้หวัดใหญ่ได้อยู่ดี เพราะตัววัคซีนไม่มีทางคลุมเชื้อได้หมด ปัจจุบัน มีนักวิทยาศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่าการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด ก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้สูตรวัคซีนใดๆ อาจไม่ได้ผล 100% (ขณะเดียวกัน ก็มีนักวิทยาศาสตร์ที่เห็นว่าการกลายพันธุ์จนถึงปัจจุบันยังไม่มีความแตกต่างกันมาก)
มีการพูดกันว่ามีเชื้อสายพันธุ์ที่ระบาดในเอเชียกับเชื้อสายพันธุ์ที่ระบาดทางยุโรป ข้อมูลทางพันธุกรรมของเชื้อโควิดสองสายมีความแตกต่างกันอยู่ อย่างนี้ก็เป็นไปได้เหมือนกันนะครับว่า อาจมีสูตรวัคซีนสำหรับจัดการเชื้อเอเชีย กับสูตรวัคซีนสำหรับจัดการเชื้อยุโรป ถ้าเราจะเอาให้แน่นอนว่าไม่ป่วยเป็นโควิดแน่ จะต้องฉีด (และวิ่งหา) วัคซีนทั้งสองสูตร
ถัดมาที่คนพูดคุยกันเยอะคือเรื่องของเวลา มีคนบอกว่ากว่าจะได้วัคซีน เร็วสุดคือสิ้นปี บางคนบอกอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลา 2 ปี คนที่กลับไปอ่านประวัติศาสตร์การพัฒนาวัคซีนบอกว่าที่เร็วสุดคือ 3 ปีด้วยซ้ำ
มีคนตั้งข้อสังเกตเพิ่มอีกว่า พอคิดวัคซีนได้ ก็ยังจะไม่มีวัคซีนให้ใช้ในไทยหรอก เพราะวัคซีนคิดเสร็จ ยังมีกระบวนการผลิตอีก และมีลำดับในการแจกจ่าย คนจีนมีมากกว่า 1,400 ล้านคน คนสหรัฐก็ 320 ล้านคน สองชาตินี้ใครคิดได้ก่อน เขาคงต้องเร่งผลิตให้คนในชาติเขาใช้ก่อน กว่าจะผลิตและแจกจ่ายทั่วโลก อาจใช้เวลาเพิ่มอีกอย่างน้อย 1 ปี หรือจะลำดับกันอย่างไรว่าจะให้สูตรและเทคนิคการผลิตแก่ประเทศไหนก่อน คราวนี้ก็ต้องเลือกที่รักมักที่ชังกันแล้วใช่หรือไม่ ประเทศต่างๆ คงแยกวงเลือกข้างใครเห็นชัดกันคราวนี้
เป็นไปได้เหมือนกันนะครับว่า สองยักษ์อาจจะคว้าน้ำเหลวทั้งคู่ อาจจะมีตาอยู่มาคว้าพุงปลาไป อาจจะเป็นอังกฤษหรือเป็นเยอรมนี ส่วนพี่ทรัมป์จะรีบกว้านเงินซื้อสิทธิบัตรไปได้หรือไม่ หรือตาอยู่อย่างประเทศที่สามนี้จะกลายมาเป็นมหาอำนาจใหม่จากความสำเร็จนี้
ใครๆ ก็พูดว่าโลกจะไม่กลับมาเป็นปกติจนกว่าจะมีวัคซีน ผมขอเรียนเพิ่มเติมว่าถึงมีวัคซีนแล้ว โลกและการเมืองโลกก็น่าจะยุ่งเหยิงพอดูทีเดียว
ที่เขียนมาอาจดูเหมือนไม่คิดในแง่บวกเลย วัคซีนก็คิดยาก แถมมีความเสี่ยง แถมใช้เวลา แถมจะได้วัคซีนมาใช้หรือไม่ต้องอยู่ที่ว่าเป็นพวกเขาไหม ฯลฯ ท่านผู้อ่านอ่านแล้วอาจจะหดหู่
ขอจบแบบคิดบวกบ้างนะครับ เรื่องของโรคภัยบางทีก็คาดเดายากครับ โรค SARS ที่ระบาดเมื่อปี 2003 ผ่านไป 7-8 เดือน อยู่ๆ ก็หายสิ้นไปเสียอย่างนั้น หลายท่านฟังแล้วบอกผมอย่ามาหลอกให้ดีใจ เพราะโควิดไม่เหมือน SARS โควิดซ่อนอาการได้ และผู้ติดเชื้อแบบไม่มีอาการแพร่เชื้อได้ เราจึงรับมือลำบากและกำจัดไม่สิ้นเสียที
แต่ที่มีลักษณะคล้ายกับโควิด-19 คือ ไข้หวัดสเปน เมื่อ 100 ปีที่แล้ว ซึ่งความเหมือนคือเป็นเชื้อที่ความรุนแรงโดยทั่วไปต่ำ แต่ในบางกลุ่มจะรุนแรงสูง และพลังการแพร่ระบาดสูง ไข้หวัดสเปนเมื่อ 100 ปีที่แล้วก็ไม่มีวัคซีนนะครับ และในกรณีนั้น การระบาดก็สิ้นสุดลงภายในเวลา 1 ปี 8 เดือน เมื่อถึงจุดหนึ่งเชื้อก็หายไปจากโลกเสียอย่างนั้น หรืออาจผันตัวมามีความรุนแรงต่ำลง จนกลายเป็นเชื้อประจำถิ่นและประจำฤดูกาลแทน
ภาวนาขอให้โควิดหายไปเช่นนั้น และหายไปเร็วกว่านั้นอีกครับ
โดย อาร์ม ตั้งนิรันดร
คณะนิติศาสตร์ และผู้อำนวยการ ศูนย์จีนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คอลัมนิสต์ประจำ "มองจีนมองไทย"
Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/650450?utm_source=homepage&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=columnist

 

ส่งออก'แซลมอน' ยุโรประส่ำ จีนตื่นโควิดรอบ 2 จาก'เขียงปลา'



การแพร่ระบาดรอบ 2 ของโควิด-19 ประเทศจีน คาดการณ์กันว่าเริ่มต้นจากร้านชำแหละปลาแซลมอนในกรุงปักกิ่ง ทำให้ผู้บริโภค ชาวจีนเริ่มกังวลหลีกเลี่ยงการบริโภค ปลาแซลมอน รวมถึงอาหารทะเลและ เนื้อสัตว์นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบไปถึงผู้ส่งออกอาหารสดของประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะยุโรปที่มีจีน เป็นตลาดใหญ่
เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์รายงานว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางการจีนได้ตรวจพบเชื้อโคโรน่าไวรัสปนเปื้อนอยู่บน เขียงชำแหละปลาแซลมอน ในตลาดค้าส่งสินค้าเกษตรและอาหารทะเล "ซินฟาตี้" ในเขตเฟิงไถตอนใต้ของปักกิ่ง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้โควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดอีกครั้งในจีนขณะนี้
แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญอย่าง "ฉี กั๋วชิง" เจ้าหน้าที่ระดับสูงของศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของจีนระบุว่า ยังไม่มีหลักฐาน ที่ชี้ว่าปลาแซลมอนเป็นพาหะในการ กระจายไวรัส
แต่เหตุการณ์ดังกล่าวก็สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้บริโภคชาวจีน เช่นเดียวกับผู้ค้าอาหารสดและซูเปอร์มาร์เก็ตที่หยุดจำหน่ายปลาแซลมอน รวมทั้งเนื้อสัตว์นำเข้าและผลิตภัณฑ์อาหารทะเลอื่น ๆ เป็นการชั่วคราว ซึ่งส่งผลกระทบไปถึงผู้ส่งออกอาหารสดยุโรปหลายราย ที่ถูกยกเลิก คำสั่งซื้อจากผู้จำหน่ายในจีน แม้ว่าคณะกรรมาธิการยุโรปจะระบุว่า ยังคงไม่มีคำสั่งห้ามหรือจำกัดการนำเข้าจากจีนอย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้ที่ผ่านมา ปริมาณการนำเข้าอาหารทะเลแช่แข็งจากต่างประเทศของจีนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ศุลกากรของจีนระบุว่า มีการนำเข้าปลาแช่แข็งถึง 461 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ "นอร์เวย์" ซึ่งเป็นผู้ส่งออกปลาแซลมอนรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้ส่งออกปลาแซลมอนไปยังจีนถึง 9,600 ตันในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ซึ่งจีนเป็นตลาดปลาแซลมอนที่มีการเติบโตมากที่สุดของนอร์เวย์
ทั้งนี้ในกระบวนการขนส่ง อาหารสดแช่แข็งจะถูกส่งทางเรือและเก็บรักษา ไว้บนเรือได้ราว 6 สัปดาห์ โดยมีเพียง อาหารสดบางชนิดอย่างหอยนางรมสด ที่ต้องขนส่งทางอากาศโดยเครื่องบิน เนื่องจากไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน ทำให้การนำเข้าอาหารสดแช่แข็งจาก ต่างประเทศของจีนยังไม่เห็นผลกระทบ ได้ในขณะนี้
แต่ "คาร์โกลักซ์" ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศของยุโรปเปิดเผยเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า มีคำสั่งห้ามขนส่งสินค้าที่เน่าเสียง่ายทุกชนิด เช่น เนื้อสัตว์สด ปลาสด ผัก อาหารทะเล และผลไม้ เข้าสู่สนามบินต่าง ๆ ของจีนเป็นการชั่วคราวแล้ว
"โรซา หวาง" นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ของเจซีไอไชน่า ระบุว่า "ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกำลังได้รับผลกระทบ และขณะนี้ไม่มีใครอยากจะซื้อปลาแซลมอน แม้ว่าสุดท้ายแล้วปลาแซลมอนจะได้รับการพิสูจน์ว่าปลอดภัยจาก ไวรัส แต่ก็ยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าผู้คนจะกลับมาบริโภคอีกครั้ง ดังนั้นไม่ว่าจะมีการห้ามการนำเข้าหรือไม่ ปลาแซลมอนก็คงจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในจีน"
Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
https://www.prachachat.net/world-news/news-480215
เพิ่มเติม
- China’s freeze on imported salmon stirs concern about wider impact on European food trade : https://www.scmp.com/economy/china-economy/article/3089404/coronavirus-chinas-freeze-imported-salmon-stirs-concern-about

 

บูรพาไม่แพ้

จดหมายของสีจิ้นผิง ถึงพ่อ ... คำมั่นสัญญาชั่วชีวิต -
.
ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง เคยกล่าวว่า "ครอบครัวเป็นห้องเรียนแรก และผู้ปกครองคือครูคนแรกของเด็ก"
.
วันที่ 21 มิถุนายน อันเป็นวันพ่อของชาวจีน สื่อจีนได้นำจดหมายของสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ซึ่งเขียนให้พ่อของเขา ผู้เป็นทั้งแบบอย่าง และแบบแผนที่สีจิ้นผิงยึดมั่นปฏิบัติด้วยคำมั่นสัญญา
.
สีจ้งซุน (พ.ศ. 2456-2545) บิดาของสี จิ้นผิง เป็นนักปฎิวัติฯ เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี ผู้ซึ่งแม้จะได้รับความนับถืออย่างสูงจากพรรคฯ และประชาชน เป็นผู้ที่ผลักดันการก่อตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้น ซึ่งถือเป็นต้นแบบของเขตเศรษฐกิจพิเศษในประเทศจีน รวมถึงแนวคิดการปฏิรูปเศรษฐกิจจีนให้พัฒนาเป็นระบบเศรษฐกิจสังคมนิยมกลไกตลาด ที่ต่อมา กลายเป็นเอกลักษณ์ในการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจของจีน
.
ในการบุกเบิกเขตเศรษฐกิจพิเศษที่กวางตุ้ง เติ้งเสี่ยวผิง กล่าวกับสีจ้งซุน ผู้ว่าการมณฑล กวางตุ้ง ณ เวลานั้น ว่า "รัฐบาลกลางไม่มีเงินทุน แต่เราสามารถให้นโยบาย ส่วนคุณต้องหาวิธีที่จะต่อสู้"
.
สีจิ้นผิง เขียนถึงความมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้จากบิดาทหารผ่านศึกนักปฏิวัติ เมื่อครั้งที่เขาเป็นผู้ว่าการมณฑลฝูเจี้ยนในปี 2544 ขณะที่สีจ้งซุน ฉลองวันเกิดครบรอบ 88 ปี กับสมาชิกครอบครัว และจดหมายนี้มีค่ายิ่ง ด้วยเป็นจดหมายซึ่งเขียนให้ก่อนที่พ่อของเขาจะเสียชีวิตในปีถัดมา เป็นดั่งคำมั่นสัญญาลูกผู้ชายที่มีให้กันชั่วชีวิต
.
ในปีนั้น สีจิ้นผิง อายุ 48 ปี ติดภารกิจในหน้าที่ ไม่สามารถกลับมาร่วมฉลองกับครอบครัว จึงเขียนจดหมายขอโทษ และกล่าวคำอวยพรถึงพ่อ โดยแสดงความศรัทธาต่ออุปนิสัย และความทุ่มเทของพ่อ พร้อมกับให้คำมั่นที่จะรักษาคุณธรรมและการอุทิศตนให้กับพรรคคอมมิวนิสต์และประชาชน
.
“ในวัย 48 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ผมเกิด ความเข้าใจและความผูกพันในพ่อแม่นั้นลึกซึ้งยิ่งขึ้น” สี จิ้นผิง เขียน "มีคุณสมบัติอันสูงส่งมากมายที่ผมต้องการสืบทอดจากพ่อ"
.
"ผมจะเรียนรู้จากพ่อถึงจริยธรรมการประพฤติตน" สีจิ้นผิง เขียนโดยสังเกตว่าพ่อของเขาได้รับความเคารพจากเพื่อนสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนและประชาชนเสมอมา เป็นสมาชิกรุ่นแรกของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ผู้เคยผ่านสงครามต่อต้านญี่ปุ่น สงครามกลางเมืองและสงครามกู้ชาติ ทั้งเคยดำรงตำแหน่งสำคัญๆ อาทิ อดีตรองนายกรัฐมนตรี, ผู้ว่าการมณฑล กวางตุ้ง, เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำมณฑลกวางตุ้ง และรองประธานสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ แต่กระนั้น สีจ้งซุน ก็ยังคงวางตัวอยู่ธรรมดาสามัญ เขารักลูก ๆ และก็เข้มงวดกับลูก ๆ เช่นกัน
.
สี จ้งชุน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีจีน เป็นคนใกล้ชิดประธาน เหมา เจ๋อตง แต่ก่อนการปฏิวัติวัฒนธรรมไม่นาน วิบากกรรมการชิงอำนาจในพรรคฯ สีจ้งซุนต้องกลายเป็นเพียงกรรมกร ครอบครัวสีเผชิญความทุกข์ยากหลายประการ สุดท้ายพี่สาวของสีจิ้นผิงก็ฆ่าตัวตาย ส่วนสี จิ้นผิง ก็เป็นหนึ่งใน 29,000 ปัญญาชนชุดแรกที่ถูกกวาดต้อนไปใช้ชีวิตเรียนรู้การทำไร่ทำนาและปศุสัตว์ อยู่อาศัยในถ้ำที่เหลียงเจี่ยเหอ หมู่บ้านเล็ก ๆ ทางเหนือของมณฑลชานซี (พ.ศ.2512)
.
ในปี พ.ศ. 2515 สีจิ้นผิง ได้พบกับบิดาอีกครั้ง บิดาของเขาซึ่งถูกเกณฑ์ใช้แรงงานอย่างหนักกว่าสิบปี ไม่สามารถจำใบหน้าของลูกชายตนเองที่โตเป็นหนุ่มได้
.
จนกระทั่ง ภายหลังการอสัญกรรมของเหมา เจ๋อตง ชื่อเสียงของสีจ้งซุน ได้รับการคืนเกียรติเพื่อสร้างผลงานให้ชาติอีกครั้ง
.
“คุณธรรมอันทรงคุณค่าและประเสริฐที่ผมหวังจะสืบทอดและเลียนแบบจากคุณพ่อมีมากมาย” สีจิ้นผิง เคยกล่าวในการให้สัมภาษณ์ ทางซีซีทีวี
.
“พ่อเป็นเสมือนวัวแก่ที่ไม่รู้เหนื่อย มุ่งมั่น ทำไร่ไถนาเพื่อประชาชนจีน พ่อมีความซื่อสัตย์, สุภาพ, ระมัดระวังและอดทนตลอดชีวิต ผมจะเก็บสิ่งที่พ่อสอนไว้ในจิตใจ"
.
"ผมจะเรียนรู้ความเมตตาจากพ่อ พ่อเป็นลูกชายของชาวนา พ่อรักประชาชนจีน สหายคณะปฏิวัติ รักเพื่อนบ้าน รักครอบครัว เป็นความรักอันเป็นสากลที่มีอิทธิพลต่อคนรอบตัวพ่อ"
.
ในสายตาของสี จิ้นผิง พ่อของเขาเป็นคนเข้มงวดมาก และเรียกร้องให้เขาเรียนรู้ความอดทน ประหยัดในวัยเด็ก
.
“เมื่อเรากลับถึงบ้านเราต้องยืนพิงกำแพงและฟังคำของพ่อ ก่อนจะเล่าเรื่องราวการปฏิวัติให้เราฟังและขอให้เราต่อสู้ยืนหยัดในคุณค่าเหล่านี้"
.
“ตอนนั้นเราเบื่ออยู่บ้าง แต่คำพูดเหล่านั้นก็ค่อย ๆ ซึมซับ และมีอิทธิพลต่อผมเมื่อโตขึ้นโดยไม่รู้ตัว"
.
"เราถูกสอนให้ฝึกฝนความประหยัด เราเด็ก ๆ ต้องสวมเสื้อผ้าที่ตกทอดของพี่ๆ ผมไม่มีพี่ชาย มีแต่พี่สาวสี่คนและน้องชายคนเดียวเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าผมต้องสวมเสื้อผ้าเก่าของพี่สาวผม"
จาง กั่วอิ่ง เลขานุการของสี จ้งซุน กล่าวรำลึกว่า หลังจากที่สีจิ้นผิง ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐแล้ว สีจ้งซุน ย้ำกับสีจิ้นผิงว่า "ไม่ว่าตำแหน่งจะสูงแค่ไหน อย่าลืมที่จะอุทิศตนรับใช้ผู้คนอย่างขยันขันแข็งและเอาจริงเอาจัง"
.......................
(ภาพ)
1. สีจิ้นผิง กับพ่อ สีจ้งซุน และน้องชายสีหยวนผิง



2. สีจิ้นผิง ถ่ายภาพร่วมกับพ่อของเขา สีจ้งซุนในมณฑลไห่หนานทางตอนใต้ของจีนเมื่อเดือนสิงหาคม 2521 (ภาพถ่ายสมบัติของสีจ้งซุน)

 

ลืมมือถือบนแท็กซี่ ช็อก! จู่ๆรูปโปรไฟล์เฟซบุ๊กเปลี่ยนเป็น “ตาลุง”



แม่ร้องลูกสาวลืมโทรศัพท์มือถือบนรถแท็กซี่ และไม่สามารถโทรเข้าเครื่องได้คล้ายมีการตัดสายทิ้ง สุดท้ายโป๊ะแตกรูปโปรไฟล์เฟซบุ๊กลูกสาวที่ออนไลน์ทิ้งไว้บนมือถือถูกเปลี่ยนเป็นรูปหนุ่มใหญ่ คาดเป็น “ลุงคนขับแท็กซี่” ที่ลูกสาวลืมไว้
รายละเอียดจากเฟซบุ๊กชื่อ แป้งหอม สมหทัย ด่านกระโทก ระบุว่า “ ขอความช่วยเหลือ ขอความเห็นใจเถอะค่ะ ช่วยแชร์หน่อยนะคะ ขอร้องจริงๆค่ะ ใครมีกลุ่มแท็กซี่แล้วรู้จักคุณลุงคนขับแท็กซี่คนนี้ รบกวนช่วยบอกแป้งหน่อย น้องฟางลืมโทรศัพท์ไว้บนรถแก แต่จำเลขทะเบียนรถไม่ได้ วันแรกที่ลืมแป้งพยายามโทรหาแล้วแต่ไม่มีคนรับเลย ถามลูกหลายรอบมากว่ามั่นใจหรือเปล่าว่าลืมไว้บนแท็กซี่ ลูกบอกมั่นใจมากๆไม่ลืมแน่นอน ปลอบใจลูกไปแล้วว่าจะหาเครื่องใหม่ไห้ใช้ แต่น้องฟางบอกว่า….
แม่จ๋าโทรศัพท์เครื่องนี้หนูอุตส่าช่วยยายขายของ ทำงานเก็บเงินซื้อเอง มันเป็นโทรศัพท์เครื่องแรกของหนู เงินที่หนูหาเอง มันมีข้อมูลการเรียน มีคลิปของหนูของน้องของยายที่หนูอัดไว้เต็ม มันมีความทรงจำต่างๆ หนูอยากได้เครื่องเดิมได้มั้ยแม่ ถ้าแม่ติดต่อลุงได้ หนูขอคืนได้มั้ย หนูจะทำงานช่วยแม่ทุกอย่าง… นี่คือคำพูดของลูก
ตอนแรกถอดใจแล้วพยายามปลอบใจลูก แต่ 2-3 วันมานี้ น้องฟางเริ่มซึม ไม่ค่อยพูดค่อยจา ไม่ค่อยกินข้าว บางครั้งก็นั่งเหม่อ คือสงสารลูกมาก เหมือนลูกเคลียด ไม่รู้จะทำยังไงดี จนมาเมื่อวาน น้องฟางเข้ามาเล่นเฟส แล้วรูปโปรไฟว์ในเฟสถูกเปลี่ยนเป็นรูปคุณลุงที่ขับแท็กซี่คันนั้น เราเลยมีความหวังว่าอาจจะมีคนที่รู้จักคุณลุงอยู่บ้าง ขอพลังโซเชียลช่วยหน่อยนะคะ #สงสารลูกมา จากเด็กร่าเริง กล้าแสดงออก ช่างพูดช่างจา กลายเป็นคนนิ่งขรึม เงียบซึมไปเลย …”
The post ลืมมือถือบนแท็กซี่ ช็อก! จู่ๆรูปโปรไฟล์เฟซบุ๊กเปลี่ยนเป็น “ตาลุง” appeared first on SpringNews.
Source : #Springnews #สปริงนิวส์

https://www.springnews.co.th/social/682138

 

ดูไบ เปิดรับนักท่องเที่ยว 7 กรกฎาคมนี้ เตรียมพร้อมตรวจโควิด 19 ที่สนามบิน



ดูไบ ประกาศเริ่มเปิดรับ นักท่องเที่ยวต่างชาติ 7 กรกฎาคมนี้ และประชาชนและผู้ใรฝบอนุญาตพำนักถาวร สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายนเป็นต้นไป
ดูไบ เมืองสำคัญของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เป็นเมืองที่เศรษฐกิจพึ่งกาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและค้าปลีก แต่ต้องปิดรับ นักท่องเที่ยว มาตั้งแต่เดือนมีนาคม เพราะมาตรการควบคุมโรคระบาดที่เข้มงวดของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ผู้ที่อาศัยอยู่ใน UAE สามารถเดินทางเข้าได้โดยต้องได้รับการอนุญาตจากรัฐบาลก่อน
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และเริ่มอนุญาตให้มีเที่ยวบินบ้าง พร้อมทั้งอนุญาตให้ห้างสรรพสินค้าเปิดทำการ หลังโรงแรมต่างๆ เปิดให้บริการได้ตั้งแต่เดือนที่ผ่านมา ภายใต้แนวทางสุขอนามัยที่เข้มงวด
สัปดาห์ที่แล้ว รับบาลได้อนุญาตให้ประชาชนเดินทางไปประเทศที่ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำได้
อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางเข้ามา ต้องมีใบรับรองผลการตรวจโควิด 19 ว่าไม่พบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หากไม่มีใบยืนยัน สามารถเข้ารับการตรวจที่สนามบินได้ หากมาถึงแล้วพบว่ามีเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ต้องกักกันเป็นเวลา 14 วัน
สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และจะเดินทางกลับเข้าประเทศ ทุกคนต้องเข้ารับการตรวจพาเชื้อไวรัสที่สนามบิน
The post ดูไบ เปิดรับนักท่องเที่ยว 7 กรกฎาคมนี้ เตรียมพร้อมตรวจโควิด 19 ที่สนามบิน appeared first on SpringNews.
Source : #Springnews #สปริงนิวส์

https://www.springnews.co.th/global/682007

 

บราซิลสังเวยเหยื่อโควิด-19 ทะลุ 50,000 ศพแล้ว



บราซิลยังน่ากังวล ยอดเหยื่อสังเวยชีวิตโควิด-19 พุ่งทะลุ 50,000 ศพแล้ว มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐฯ
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

https://www.thairath.co.th/news/for...yHlUy-maCA8oBc-Gs4BL1eQ7i10oxRC8KkDvA0FATsbWw

 

ยอดผู้ป่วย "โควิด-19" ทั่วโลกทะลุ 9 ล้านรายอย่างรวดเร็ว



ตัวเลขสะสมผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วโลกพุ่งทะลุ 9 ล้านรายแล้ว นับเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ล้านราย ในช่วงเวลาเพียง 7 วันเท่านั้น
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

https://www.thairath.co.th/news/for...n4kgw_7HZP8pCcXtUfNUPk5xAO4Yo8FOdBdhilf09oQVU

 

‘หมอมนูญ’ แนะจัดการ ‘เด็กแว้น’ อย่างเป็นระบบโดยใช้กฎหมายเช่นเดียวกับต่างประเทศ



เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC ได้มีการโพสต์เนื้อหาเกี่ยวกับการจัดการกรณีแก๊งซิ่งป่วนเมือง หรือเด็กแว้นซึ่งนัดรวมตัวประลองความเร็วภายหลังรัฐบาลประกาศยกเลิกเคอร์ฟิว ซึ่งมีให้เห็นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่คืนแรกที่ยกเลิกประกาศ โดยมีเนื้อหาดังนี้
หลังรัฐบาลประกาศยกเลิกเคอร์ฟิว และอนุญาตให้เดินทางได้ในช่วงกลางคืน วันแรกก็มีกลุ่มเด็กแว้นหรือกลุ่มเด็กวัยรุ่นอายุ 15-18 ปี นัดรวมตัวกันออกมาแข่งรถจักรยานยนต์กลางคืนในหลายจังหวัด
นายกรัฐมนตรีสั่งตำรวจใช้กฎหมายเอาผิดเด็ดขาด ชี้สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับประชาชน และอาจแพร่ระบาดโรคไวรัสโควิด-19ให้ผู้อื่น เยาวชนต้องถูกปรับข้อหาไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ผู้ปกครองต้องถูกเชิญตัวมาทำทัณฑ์บน และถูกปรับด้วย
ประเทศไทยควรนำกฎหมายฉบับอื่นมาใช้แทนเคอร์ฟิว ป้องกันไม่ให้เด็กแว้นออกมาขับขี่กลางคืน โดยทำตามอย่างประเทศที่เจริญแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ที่มีกฎหมายใช้บังคับเด็กวัยรุ่นที่เพิ่งได้ใบอนุญาตขับขี่ (Graduated driver licensing systems) มาหลายสิบปีแล้ว ห้ามเด็กวัยรุ่นที่เพิ่งได้ใบอนุญาต 1-2 ปีแรก เป็นคนขับขี่เฉพาะช่วงกลางคืน
เช่น ตีหนึ่งจนถึงตี 5 เนื่องจากมีสถิติชัดเจนว่า อุบัติเหตุจราจรเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของเด็กวัยรุ่น และเกิดมากที่สุดในเวลากลางคืนโดยเฉพาะจะเกิดกับเด็กวัยรุ่นที่เพิ่งได้ใบอนุญาตมากกว่าผู้ใหญ่
สำหรับประเทศไทย กฎหมายอนุญาตให้เด็กวัยรุ่นอายุ 15 ปี สอบใบอนุญาตขี่จักรยานยนต์ และอายุ 18 ปี สอบใบอนุญาตขับรถยนต์ แต่ไม่มีกฎหมายห้ามเด็กวัยรุ่นออกมาขับขี่เวลากลางคืน การออกกฏหมายนี้จะเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุด ป้องกันเด็กแว้นไม่ให้ออกมารวมตัวกันเวลากลางคืน สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน ป้องกันการแพร่เชื้อโรคไวรัสโควิด-19 และลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรในเวลาเดียวกัน
ข้อมูลจาก : หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC
The post ‘หมอมนูญ’ แนะจัดการ ‘เด็กแว้น’ อย่างเป็นระบบโดยใช้กฎหมายเช่นเดียวกับต่างประเทศ appeared first on SpringNews.
Source : #Springnews #สปริงนิวส์

https://www.springnews.co.th/social/681986

 

อินเดียยอดติดโควิดทะลุ 4 แสนราย ป่วยเพิ่มวันเดียว 15,400 คน



อินเดียทุบสถิติผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันอีกครั้ง โดยพบผู้ป่วยมากกว่า 15,400 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อทั้งหมดทะลุ 4 แสนรายแล้ว
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

https://www.thairath.co.th/news/for...MAw8OlUz2bBeOkeHz-uSbJXFImbxjfCXNhydfJJj4uQ04

 

งงหนัก ทรัมป์สั่งชะลอตรวจโควิด เพราะทำให้พบผู้ป่วยมากขึ้น



โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวระหว่างการหาเสียงครั้งแรกหลังโควิด-19 ระบาด ว่าสั่งให้ชะลอการตรวจเชื้อโควิดแล้ว เพราะการตรวจคนเยอะ ทำให้เจอผู้ติดเชื้อมากขึ้น
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

https://www.thairath.co.th/news/for...-WCWmF3wTO5kLmA4nVhX1_Jrvq7qn-epx77E_Phzxt_ZQ

 

จีนป่วยโควิดเพิ่ม 26 ราย หยุดนำเข้าไก่จากบ.สหรัฐฯ หลังคนงานติดเชื้ออื้อ



จีนรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 26 รายส่วนใหญ่อยู่ในกรุงปักกิ่ง ขณะที่กรมศุลกากรระงับนำเข้าเนื้อสัตว์ปีกจากโรงงานในสหรัฐฯ เนื่องจากพบคนงานติดเชื้อมากกว่า 480 ราย
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

https://www.thairath.co.th/news/for...0xheqBvT3_31aNgAdyftDSdGLnOsM_0Gc8qiI4XiX8v4w

 

สถานีรถไฟหาดใหญ่ วุ่น ชายวัย 41 ปี บอกกู้ภัยว่าเป็นโรคโควิด-19



เจ้าหน้าที่หามส่งโรงพยาบาลด่วน ชายวัย 41 ปี นั่งอยู่ที่บริเวณหน้าสถานีรถไฟหาดใหญ่ อ้างติดเชื้อโควิด-19 มีอาการหายใจเหนื่อย แน่นหน้าอก
Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

https://www.thairath.co.th/news/loc...A-gCv1EjEjx4AQcvFs5akqoNtQHaLNYik9-uiagGnMkWg