ถามเรื่องการสวดมนต์

วูบมีหลายเหตุครับ.ถ้าวูบในขณะนั่งก็ธรรมดาครับ.แต่ปกติถ้าอุทิศส่วน
กุศลก่อนนั่งจะไม่ค่อยเป็น..แต่ถ้าเป็นการวูบในลักษณะที่หน้าจะคว่ำลง
ไปเกือบถึงมือเป็นกิริยาปกติ.ให้รักษาลมหายใจแล้วยกหลังให้ตรง
แต่อย่าลืมตาเพื่อไม่ให้หลุดอารมย์จะนั่งสมาธิต่อได้ปกติ
ส่วนสีแดงๆขอถามก่อนว่าเห็นเป็นเส้นกลมๆเล็กๆสีใสมีความสว่าง
ในตัวแต่ไม่มีประกายและสานเรียงกันเป็นตาข่ายหรือเปล่าครับ
.ถ้าใช่พอจะบอกได้ครับ

 

... เคยเป็นแบบนี้เหมือนกันแต่มักจะลืมตาแล้วเริ่มใหม่ .. ขอบคุณคะ

 

.. พอดีเปิดเฟสมาเจอคะ ... เลยเอามาให้ดูกัน จากเพจวัดถ้ำเมืองนะ

คำแปล

นะโมพุทธายะ : ข้าพเจ้าขอนอบน้อมบูชา ต่อพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ คือ

นะ - พระกกุสันธะ
โม - พระโกนาคม
พุท - พระกัสสป
ธา - พระสมณโคดม
ยะ - พระศรีอริยเมตไตรย

พระพุทธไตรรัตนญาณ : พระพุทธเจ้าซึ่งมีพระญาณแก้วทั้งสาม อันหมายถึง ปุพเพนิวาสานุสติญาณ, จุตูปปาตญาณ, อาสวักขยญาณ

มณีนพรัตน์ : มีสมบัติคือแก้ว ๙ ประการ มีเพชร, ทับทิม เป็นต้น ซึ่งหมายถึงพระนวโลกุตรธรรม

สีสะหัสสะ สุธรรมา : มีมือถึงพันมือ หมายถึงการที่พระพุทธองค์ ทรงแจกแจงหลักธรรม คือ พระไตรปิฎก ถึง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์

พุทโธ : ทรงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

ธัมโม : พระธรรมของพระพุทธเจ้า

สังโฆ : พระสาวกผู้ปฏิบัติตาม

ยะธาพุทโมนะ : ขอพระพุทธเจ้าปางมหาจักรพรรดิ ซึ่งมีชัยแก่พญาชมพูผู้มีฤทธิ์มาก พร้อมทั้งพระธรรมและพระสงฆ์ จงบังเกิดขึ้น ณ บัดนี้ด้วยเทอญ

พุทธบูชา : ข้าพเจ้าขอบูชาพระพุทธเจ้า

ธัมมะบูชา : ข้าพเจ้าขอบูชาพระธรรม

สังฆะบูชา : ข้าพเจ้าขอบูชาพระสงฆ์

อัคคีทานัง วะรังคันธัง : ด้วยสิ่งเหล่านี้ ได้แก่ ธูป เทียน ไฟ หรือแสงสว่าง และของหอมทั้งมวล มีดอกไม้และน้ำอบ เป็นต้น

สีวลี จะมหาเถรัง : ขอนมัสการพระสีวลีเถระเจ้า ผู้เป็นเลิศทางลาภสักการะ

อะหังวันทามิ ทูระโต : ขอนมัสการสถานศักดิ์สิทธิ์ทั่วไป มีสังเวชนียสถาน เป็นต้น

อะหังวันทามิ ธาตุโย : ขอนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุทั้งหลาย ทั่วทั้งแสนโกฏิจักรวาล

อะหังวันทามิ สัพพะโส : ขอนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย

พุทธะ ธัมมะ สังฆะ : ซึ่งเป็นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

ปูเชมิ : ด้วยเทอญ

 

เคลียร์มากค่ะ ขอบคุณนะ ไม่เคยขอบคุณคุณตรงๆ แต่วันนี้ก็เอาสักหน่อย
คือ เกรงใจไม่อยากให้ใครมาล่วงกรรมของเรามาก แต่คุณก็ตอบเฉียงๆ
ก็โอเคนะคะ คงไม่ทำให้คุณลำบากเท่าไหร่ (คือบางคนถ้าพูดเรื่องกรรม
ของคนอื่น จะมีอาการป่วยได้ ทราบมาอย่างนี้ เลยเกรงใจชาวบ้าน)

ที่ว่าต้องออกจากการสวดบทมหาจักรพรรดิ เพราะลึกๆในใจกลัวว่า
มันจะตัดเข้าสายพระโพธิ์ กลัวมาก เลยทำลืมๆ แต่ติดแรงอธิษฐานเก่า
ของตัวเองไง เลยต้องมาใช้หนี้กันทุกวันนี้ ก็โอเคถือว่าเก็บอุเบกขาบารมีไป
ซึ่่งวันนี้ก็ยังรู้สึกยาก ได้แต่หวังว่ามันจะค่อยๆดีขึ้น

 

ตอบคุณ nop. เส้นแสงที่เห็น จะมีลักษณะ หัวน่าจะมนๆ ยาวประมาณซัก1.5-2เมตร.สีแดงแบบเหลือบๆ(สว่างแบบอ่อนๆ)วิ่งเป็นเส้นตรงแต่ทิศทางที่วิ่งจะสลับไปมาไม่มีรูปแบบแน่นอน แล้วแต่ว่าแต่ละเส้นมันจะวิ่งไปทางไหนเหมือนมีชีวิต(จะเฉียง ขวาง ดิ่ง.ก็ได้ เห็นวิ่งกันหลายเส้น เต็มบริเวณพื้นที่ ถ้าพื้นที่ใหญ่เส้นจะยาวขึ้นไปอีก )ความรู้สึกที่เห็นยิ่งตอนฝนตกจะรู้สึกว่าเส้นที่วิ่งมีชีวิตชีวา(วิ่งเร็วกว่าตอนที่แดดจัด (ทั้งหมดนี้แค่จำได้คร่าวๆ เพราะมันนานมากแล้วค่ะ) เคยยืนอยู่แล้วเห็นมันวิ่งเข้าหา (ประมาณเหมือนงูเลื้อยเข้ามา แต่ไม่ได้เลื้อยเหมือนงูนะ พอมันเข้ามาถึงเท้าก็หายไป และก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนเราไปยืนในดงเส้นสีแดงประมาณนี้

 

ส่วนเรื่องอาการวูบมันจะรู้สึกคล้ายมีอาการเวือดๆที่ศรีษะ (บอกไม่ถูก)แต่ตาปกติ ไม่ได้เห็นภาพสีดำ .เหมือนคนเป็นลม ขณะเป็นไม่ได้ง่วงนอน ไม่ได้ทำสมาธิ แต่จะเป็นช่วงลืมตา .หรือทำกิจกรรมใดๆ เช่น สวดมนต์ นั่งทำงาน ตอนทำสมาธิไม่มีอาการ .แต่ถ้าออกจากสมาธิ(ทำแค่ประมาณ20นาทีเอง)บางทีก็เป็น สรุปแล้วแต่มันจะเป็น แต่ตอนสวดมนต์นี่เป็นหลายทีหน่อย แต่ทุกทีจะฝืนไว้

ถามคุณ asvel ที่บอกว่าจิตปิดหมายความว่าอย่างไร แล้วถ้าเราอธิฐานขอเปิดจิตให้ผู้อื่นร่วมอนุโมทนาบุญ จะแน่ใจได้อย่างไรว่าจิตเปิดแล้วเค้าร่วมอนุโมทนาได้ คือปกติก็จะแผ่เมตตาให้ทุกครั้งค่ะ แต่มีบางอย่างที่ทำให้สะดุดใจในคำพูดของคุณ คือดิฉันจะคิดเสมอว่า ไม่อนุญาตให้ผีตนใดเข้ามาในห้องของดิฉันไม่รู้เกี่ยวกันหรือเปล่า?

 

ลักษณะของคุณนี่จะคล้าย ว่าเป็นความดันต่ำหรือเปล่าครับ ลองหาข้อมูลในกูเกิลเรื่องอาการได้ครับ

ส่วนเรื่องจิตเปิดจิตปิดนี่ ไม่ต้องไปสนใจครับ การอนุโมทนาส่วนบุญอยู่ที่ตัวผู้รับเอง ถ้าเขารับไม่ได้ก้อเป็นกรรมของเขาครับ

เราไหว้พระสวดมนต์ เราคิดดี พูดดี ทำดี (กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม) น้อมนำจิตของเราให้ใสกระแสบุญจึงเกิด เราอุทิศส่วนบุญไปแล้ว เขารับไม่ได้ก้อเป็นกรรมของเขา

เราไหว้พระสวดมนต์เราทำความดีให้เกิด กายวาจาใจเราไม่เบียดเบียนอยู่แล้ว
ถ้ากายละเอียดจิตดีพอเขาก้อจะอนูโมทนากับเราเองครับ ส่วนที่กายละเอียดไม่ชอบเพราะจิตเขาไม่สามารณรับกระแสบุญได้เองเพราะกรรมบังคับ เราไม่ถือว่าเบียดเบียนครับ เปรียบเราไปฟังพระสวดมนต์ที่วัด ใครรู้ว่าเป็นความดีก้อไปรวมสวดรวมบุญด้วย แต่คนเมาข้างบ้าน(บังเอิญอยู่ติดวัด)ที่ได้ยินเสียงสวดมนต์นั้นคิดว่าเขาจะยกมือไหว้ไหมครับ บางทีทนฟังไม่ได้ออกไปหาเหล้ากันต่อ พระสวดมนต์เสร็จค่อยกลับบ้าน แล้วแบบนี้ถือว่าพระผิดไหม หรือว่าเขาไม่รับเอง

ส่วนเรื่องจิตนี่ ปกติจิตของคนเรานี่เปิดตลอดอยู่แล้วครับ จะทำยังไงให้จิตของเราปิดต่างหากที่สำคัญ ถ้างั้นพระคงไม่ให้เรา ปิดตา ปิดปาก ปิดหู ปิดลิ้น ปิดกาย วาจา ใจ เหรอนะครับ จิตเรานี่ยิงปิดยิ่งนิ่งยิ่งเงียบสงบเท่าไร จิตจะเกิดพลังเท่านั้น กระแสบุญมหาศาลครับ (พระยังบอกแค่ช้างกระดิกหูงูแลบลิ้น) ถ้าเขาไม่อนุโมทนาส่วนบุญ เขาก้อไม่ได้เอง หรือตอนเป็นมนุษย์ไม่สนใจศึกษาพุทธศาสนา ไม่สนใจกรรม บาปบุญคุณโทษ อนุโมทนาบุญไม่เป็น ก้อเป็นกรรมของเขาครับ อุเบกขาครับ

ผมเห็นคุณบอกว่าอยากศึกษาธรรมะ แต่สมัยนี้เลยกึ่งพุทธกาลแล้ว พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเริ่ม แปลเปลี่ยนไปมาก จากเจ้าลัทธิเอง จากศาสนาอื่นเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญมาก วัดพุทธศาสนา เมื่อก่อนหลักๆมีพระประธานในโบสถ์ให้กราบไหว้ ไปวัดเพื่อสวดมนต์ฟังพระเทศรักษาศีล แต่วัดสมัยนี้ เทพใหญ่กว่าพระประธานอีก แถมยังส่งเสริมให้ไหว้อีกต่างหาก บางคนไปวัดเพื่อไปไหว้เจ้าพ่อเจ้าแม่โดยเฉพาะ ตอนกลับยังไม่คิดจะไปไหว้พระประธานในโบทถ์เลย ก่อนออกจากวัด เสี่ยงเซี่มซี่สักหน่อย ดูสิว่าจะมีโชคลาภไหม
หลักๆในพุทธศาสนานะครับ ทำความเห็นให้ตรงในทางพุทธนะครับ มีในพระไตรปิฎกเลย
๑.การให้ทานมีผล
๒.การบูชามีผล
๓. การต้อนรับแขกด้วยของต้อนรับมีผล
๔. ผลของกรรมดีกรรมชั่วมี
๕. โลกนี้มี (คือสัตว์จากโลกอื่นมาเกิดในโลกนี้มี)
๖. โลกอื่นมี (คือสัตว์จากโลกนี้ไปเกิดในโลกอื่นมี)
๗. มารดามีคุณ
๘. บิดามีคุณ
๙. สัตว์ที่เป็นโอปปาติกะ (เช่น เทวดาและเปรต) มี
๑๐. สมณพราหมณ์ ผู้ปฏิบัติชอบ ทราบชัดถึงโลกนี้และโลกอื่นด้วยปัญญาได้เอง และสามารถให้ผู้อื่นรู้ได้ด้วย มี (คือ พระอรหันต์มี)


มี ทาน ศีล ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา อันนี้หลักๆนะครับ
ส่วนอื่นท่านค่อยหาข้อมูลเอาได้นะครับ

ปล ผมพูดตามที่ได้เรียนได้ศึกษามา ถ้าผิดพลาดก้อขออภัย
ขอบคุณที่รับฟัง ขอบคุณครับ

 

ขอบคุณมากค่ะ คุณชีวอน ทุกความคิดเห็นที่เพื่อนๆโพสต์ล้วนมีประโยชน์ทั้งนั่น ก็อย่างที่เขียนไว้ คือ ต้องการปูพื้นฐานความรู้ อะไรที่มีประโยชน์ดีทั้งนั้นค่ะ

จิตเปิดคืออะไร จิตปิดคืออะไร ดิฉันคิดว่า มันอาจมีนัยยะ สาระประโยชน์ มากกว่านี้
จิตเปิดมีประโยชน์อย่างไร ข้อเสียคือ จิตปิดมีประโยชน์อย่างไร ข้อเสียคือ ถ้ามีโอกาสคงได้รู้คำตอบสักวัน

 

สายหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ กับหลวงตาม้านั้น เป็นสายบำเพ็ญบารมีโพธิสัตว์ค่ะ

 

อย่างที่คุณ nouk กล่าวนั่นแหละครับ คนเอามาบอกยังอธิบายอย่างงี้ไม่ได้เลย เหอๆ :d แต่บางทีมันอาจจะเป็นกรณีเฉพาะบุคคลก็ได้ครับ คงไม่จำเป็นสำหรับทุกคน ถ้าจะจำเป็นก็ควรจะมีพระปฏิบัติดีที่ท่านรู้จริงคอยแนะนำครับ ซึ่งถ้าได้ไปฝึกกับท่านท่านจะบอกเอง ส่วนใหญ่ก็แผ่เมตตา แผ่กุศลไปปกติก็พอแล้ว ไม่มีอะไร

ส่วนของตัวผมไม่เกี่ยวกับร่างทรงหรอก และคิดว่าเจ้าของกระทู้คงยังไม่ต้องไปขนาดนั้น ตอนที่ผมลองทำแบบนั้น ทุกครั้งผมอธิษฐานขอบารมีกับพระพุทธเจ้าให้คุ้มครองไว้เพราะตอนคิดว่าจะลองในใจก็นึกๆอยู่มันอาจจะเป็นโทษ แค่ให้โมทนาบุญได้แต่ไม่ได้ให้มาผ่านร่างอะไรเฉยๆครับ พอปฏิบัติเสร็จก็ปิด และที่ทำนี่ไม่ใช่ว่าจะถูกต้องอะไร(มั่วนั่นแหละ) ดังนั้นเจ้าของกระทู้ฟังเป็นความรู้ก็พอนะครับและไม่ต้องคิดไปไกล จนกว่าจะเจอครูบาอาจารย์ครับ ไม่น่าพูดเลย ไม่คิดว่าจะสนใจขนาดนั้น (tm-love)

 

คือต้องขอโทษนะคะที่ทำให้ลำบากใจ เป็นคนนิสัยเสียนิดนึง คือเวลาต้องการข้อมูลอะไรจะล้วงเยอะนิดนึง ความจริงในใจคิดว่าต้องการมีอาจาย์สอนเหมือนกัน แต่เป็นคนไม่ค่อยคลุกคลีกับใคร และยังไม่พบคนที่อยากฝากตัวเป็นลูกศิษย์ ไม่ชอบด้านเข้าทรงหรอกค่ะ (บอกความลับนิดนึง ตอนเด็กเคยขอแม่บวชชีด้วยซ้ำ แต่แม่หาว่าบ้า และไม่อนุญาต ก็เลยตามนั้น ก็ทำงานใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไป จนเริ่มอายุมากขึ้นก็คิดไว้ว่าบั้นปลายชีวิตคงจะเข้าพึ่งวัด ก็เลยคิดเตรียมการปูเสื่อด้านความรู้ไว้ก่อน (บอกแล้วว่าเป็นคนคิดการไกล ขนาดทำงานยังต้องแปะ)ขำขำนะคะ

 

**** แป่ว สวดหน้าพระสิ
แล้วก็อธิษฐานว่า ให้ทุกคนในบ้านได้รับผลบุญนี้ ..

... ก้หน้าพระนั้นแหละพี่ ที่ร้านนี้ห้องพระกับห้องนอนหนูติดกันคะแค่ตู้กั้นไว้ แล้วทำเป็นห้องพระ ซึ่งจอมปลวกจะอยู่ตรงกลางเวลาสวดมนต์ หรือ นั้งสมาธิ .. แต่คิดว่าจะหันหิ้งจากหน้าไปทิศเหนือเป็นหันหน้าพระไปทิศตะวันออกแล้วคะ .. เพราะต่อสัญญาเช่าได้อีกปีหนึ่ง

 

ความคิดส่วนตัวค่ะ เข้าใจว่าผู้ไม่รู้อะไรเลยจะฝึกด้านวิปัสสนาง่ายกว่าคนรู่เยอะ เพราะจะตัดเรื่องความคิดถูกคิดผิดออกได้เลย ทำให้ไม่หมกมุ่น ความคิดนิ่งง่าย
รู้ก็ทั้งรู้นะคะ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ไปทำในจุดนั้น(ยังไม่ปฎิบัติจริงจัง) เลยขอข้ามมารู้ก่อน (ไม่รู้ว่าถ้าถึงเวลาจะตั่งใจปฎิบัติจริงๆจะวางความรู้พวกนี้ได้ไหม?)ขำตัวเองเหมือนกัน555

 

อ่อครับ..ตอนแรกนึกว่าจะเป็นอีกลักษณะของเส้นสายพลังงานครับ.
แต่แบบนี้ก็พอบอกได้เหมือนกันครับว่าการเห็นลักษณะนี้เป็นการ
เห็นในลักษณะของดวงจิตรูปแบบหนึ่งครับ.
เนื่องจากอดีตที่ผ่านมาทั่วๆไปนะคนที่เห็นแบบนี้จะสะสมบารมีที่เน้นทาง
ด้านฤิทธ์เป็นหลักครับ..เพียงแต่ตาเรามันไม่ได้มองเห็นเป็นภาพ
หรือดวงจิตเหมือนคนอื่นๆที่อาจต้องรอสภาวะจิตเป็นทิพย์ก่อน
และเหมือนกรณีอื่นๆทั่วไปที่เราเคยได้ยินครับ.
เพียงแต่ว่าเมื่อก่อนเราเคยมองเห็นพวกนี้ได้ในลักษณะของภาพแบบ
ตาเปล่ามาก่อนด้วยครับ.เพียงแต่ว่าช่วงนั้นเป็นเพียงการเริ่มต้นมัน
ตาเรามันจับเป็นคลื่นได้ด้วยตาเปล่าแต่ยังไม่ชัดเป็นตัวเป็นตน
เหมือนกับในนิมิตรครับ.
..พวกเส้นๆต่างๆนั้นก็คือกลุ่มพยานาคนั่นหละครับ
ลักษณะการไหลของเส้นมันจะออกแนวตรงๆนั่นหละครับ
แม้ถอยหลังก็ตรงได้.ไม่ได้โค้งไป
โค้งมาเหมือนงูทั่วๆไปที่เราเห็นครับ..และที่
ที่เราสัมผัสได้เหตุก็เพราะคุณลองสังเกตุไหมครับ
ว่าทำไมคุณถึงรู้สึกชอบๆและผูกพันธ์กับพยานาคเหลือเกินครับ.
เป็นการแสดงให้เราเห็นรูปแบบหนึ่ง.หรือเราเห็นได้เองอย่างไม่ได้
ตั้งใจเค้าอาจจะอยู่ของเค้าเป็นปกติเป็นบริวารเก่าเราก็ได้ครับ
ถ้าจะกล่าวโดยสรุปเคร่าวๆนะครับ.
ปล.เป็นการกล่าวอ้างอิงอาจเหมาะสมเฉพาะบุคคลควรพิจารณาในการอ่านครับ

 

...... ทำไมต้องคิดว่า .. คนมีองค์ต้องเป็นร่างทรงทุกคนละคะ .. มันไม่ได้จำเป็นขนาดนั้นสักหน่อย .. แค่เราเรียนรู้ให้สามารถอยู่ได้แบบคนปกติทั่วไปให้ได้แค่นั้นก็น่าจะพอ .. เพราะบางคนเขาเลือกไม่ได้เกิดมาก็มีมาเองที่เรียกว่า " มีกรรมร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน " ก้เรียนรุ้ที่จะอยู่ร่วมกันให้ได้ก้แค่นั้น .. ไม่เหมือนพวกที่ไม่มีแต่อยากมี ถูกหลอกให้รับมา หรือ ท่านพอใจมาของท่านเอง ... อันนี้ก็จะเกิดกรรมอีกรุปแบบหนึ่งที่สามารถแก้ไขได้ ..

... เพียงแต่คนส่วนมากยังมากด้วย กิเลส ตัณหา ความอยาก ความโลภ .. ทำให้เกิดความหลงผิดไปเสียมากก็เท่านั้นเอง .. หากเรามีสติรู้ทุกสิ่งมันก็ไม่มีอะไรที่น่ากลัวหรอกคะ เหมือนที่โบราณว่าไว้ " คนดีผีคุ้ม " ... คนพอมีใครทักว่ามีองค์เข้าหน่อยก้จะเริ่มเกิดความอยากรู้ หากมากเกินไปก็หลงผิดกลายเป็นแสวงหาอำนาจ และ หลงตนเอง จนพาเข้าสู่ความหายนะในที่สุด ..

.... ไม่ว่าคน หรือ ภพภูมิไหนก็แสวงหาซึ่งความสุขในแบบของตนเองกันทั้งนั้นละคะ หากความสุขชองคุณคือการได้เดินตามทางที่คุณเลือกแล้วว่าดีงามสำหรับคุณ .. ก้ขอให้เดินไปกับมันด้วย " สติ แล ปัญญา " แล้วกันนะคะ .. เราขอให้คุณโชคดีพบเส้นทางของตนเองสักวันคะ ^__^

 

ไม่แน่ใจในคำตอบแต่ก็ขอขอบคุณ k.nop มากนะคะ (แอบคิดถ้าเป็นบริวารเก่าแล้วมาแสดงตัวให้เห็นนี่มันมากมายเกินไป และช่วงที่เห็นนี่ก็กินระยะเวลาสองสามปีมั้งคะ (จำไม่ได้)เห็นจนชิน จนหายไปในช่วงทำงานมีแฟนจนถึงปัจจุบัน

 

ขอเป็นแฟนคลับด้วยคนนะครับคุณนพ ข้อความคุณนพน่าสนใจจริงๆ ให้ความรู้ความ
เข้าใจในเรื่องภพภูมิและพลังงานได้ดีมากครับ ขอบคุณจริงๆ

 

ขอโทษด้วยนะคะ คุณ kalina. ไม่ได้คิดอย่างที่คุณเข้าใจ เพียงแต่ที่พิมพ์ว่าไม่ชอบด้านเข้าทรงหรอกค่ะ เป็นการกลัวของตัวเองค่ะ กลัวตัวเองมีอะไรอื่น ไม่ได้พาดพิง กล่าวหา .ว่า หรือโทษนะคะ (ไม่รู้ว่าคุณมีองค์)ขอโทษอีกครั้งค่ะ

 

คับเราค่อยๆพิจารณาไว้พิสูจน์ด้วยตัวเองครับดีแล้ว..ส่วนบริวารเก่าแค่นี้ยัง
ไม่ถือว่าเยอะครับ.อย่างระดับพระโพธิฯเนี่ยมีเป็นโกฏครับ
เวลาท่านสวดมนต์มาจนเรามองแทบไม่เห็นอากาศเลยครับ.
.ถ้าเราบารมีเราดีแค่หลักพันสองพันถือว่าไม่มากครับ.แต่จะระดับไหน
เท่านั่นเองครับ.ส่วนหลักสิบหลักร้อยไม่ต้องคิดอะไรครับ.
.ถ้าเรารู้ว่าเรามีเนื่องจากเรารู้ว่าเรามีอะไรๆมากกว่าทั่วๆไป.
และเรารักษาความดีมานานพอควรและฝึกจนจิตพอกำลัง
และตาดีพอสมควร จิตเราดีใช้ได้ในระดับหนึ่ง
นะครับเราถ่ายรูปตัวเราเองได้ตอนไหนถ้าเราตาดีเราเห็นได้จนมอง
ว่าเป็นธรรมดาเลยครับ.เพียงแต่ภพภูมิยังไม่เปิดให้รับรู้อะไรได้มากกว่า
ที่เราเข้าใจตอนนี้เฉยๆต้องอีกซักพักครับ..ซึ่งคนที่เค้าไปทางสายบารมี
ถ้าถึงระดับหนึ่งเค้าจะสัมผัสได้และมองเป็นปกติครับ.ส่วนใครจะต่อยอดไปทาง
ไหนก็สุดแล้วแต่ครับ...

 

คุณ nop ขอความรู้หลังไมล์หน่อยค่ะ