เรื่องเด่น นานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย Wannachai001, 16 กันยายน 2014.

  1. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    52
    ค่าพลัง:
    +225,229
    IMG20210404164203.jpg IMG20210404163933.jpg

    แจกให้กับคนทำบุญอย่างเดียวครับ

    แต่ได้ยินข่าวว่าเดือนหน้าทางบ้านสายลมจะนำออกมาให้เช่าบูชากัน (ในราคาเท่ากับพระเนื้อว่านทำน้ำมนต์ครับ)
     
  2. amsuthon

    amsuthon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +1,459
    ขอบพระคุณครับ
     
  3. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    52
    ค่าพลัง:
    +225,229
    IMG20210404140038.jpg
    ด้วยสถานการณ์โควิดในตอนนี้ ทางบ้านสายลมกำลังจะปิดทำการอีกรอบนะครับ

    รอบนี้ปิดนานแค่ไหนคงต้องติดตามข่าวกันครับ จะเช่าเหรียญหลวงตาแสงคงต้องรอให้บ้านสายลมเปิดทำการอีกรอบหลังสถานการณ์ดีขึ้นครับ
     
  4. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    52
    ค่าพลัง:
    +225,229
    0001 (3).jpg
    เหรียญเสด็จพ่อกรมหลวง.jpg
    บนกรมหลวงชุมพรขอของถูกขโมย

    ท่านเจ้าคุณฯ : โยมยีมาเล่าให้ฟังเมื่อวานนี้ เมื่อวานเล่าบอกว่าโยมยีไปช่วยเขาทำอาหารที่วัด พวกกลุ่มเขาน่ะนะ กลับมาบ้านญาติที่ไม่พึงปรารถนามาเอาพระเครื่องไปหมดเลย เข้าไปในบ้านเอาไปหมดเลย

    ทำไงล่ะ อยากได้ของเก่าหลวงพ่อคืนนี่ ก็เลยบนกรมหลวงชุมพรให้ได้ของคืนมา

    กรมหลวงชุมพร เวลาบนแล้วต้องจัดการบนก่อน นี่เขาทำพิธีบน ทำไปทำมาเขาเอาของมาคืนไว้หน้าบ้าน บนขอให้จับตัวได้จะไม่เอาเรื่อง ก็จับตัวได้อีก ไอ้คนลักขโมยบอกว่า เอาไปขายใครเขาก็ไม่ได้ ไม่มีใครซื้อ ไปขายใครใครก็ไม่เอา กลัวหรือยังไงก็ไม่รู้ จึงเอามาคืน

    ยกทรง : อ๋อ ตกลงได้คืนเลยหรือครับ

    ท่านเจ้าคุณฯ : ได้คืน

    ยกทรง : แหม มหัศจรรย์จริง

    ท่านเจ้าคุณฯ : ไปอ่านตำราบนกรมหลวงชุมพรไว้ให้ดี เวลาได้ของคืนแล้วก็ต้องแก้บนอีกรอบหนึ่งนะ อย่าไปทำรอบเดียว คือตอนก่อนบนก็ทำรอบหนึ่ง พอได้ของคืนเสร็จก็ต้องแก้อีกรอบหนึ่ง

    (มีเรื่องหนึ่ง) เห็นหลายเจ้าแล้ว ไปถาม ทำไมสมัยก่อนลูกน้องกรมหลวงชุมพร ตอนนั้นท่านยังเป็นอะไรอยู่ก่อน ท่านเป็นอะไร "อินทกะ" ตอนนี้ท่านเลื่อนเป็นท้าวมหาราชแล้วนะ เป็นท้าวมหาราชด้านทิศใต้ ชื่อ "ท้าววิรุฬหก" เป็นท้าววิรุฬหกนะ

    สมัยก่อนเป็นกรมหลวงชุมพรอยู่นี่ ต้องมี ไอ้เป้ ทำไมถึงบอกต้องมีไอ้เป้ บอก ลูกน้องชอบ ตามคนดีจังเลย ตามคนตามของหายอะไรอย่างนี้นะ

    ***ไอ้เป้ คือ เหล้า นะ ตอนหลังท่านเป็นท้าวมหาราชท่านสั่งไม่ให้มีแล้ว ลูกน้องก็เลยอด ท้าวมหาราชเป็นหัวหน้าของเทวดาชั้นจาตุมหาราชนะ มีหน้าที่ดูแลโลกมนุษย์โดยเฉพาะสถานที่สำคัญๆในพระพุทธศาสนา บางคนก็ถือท่านเป็นที่พึ่ง***

    (จากคอลัมภ์ "ท่านเจ้าคุณฯสนทนา" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 481 เดือนเมษายน 2564 หน้า 19)

    106324484_1639805536195979_7406808763726750665_n.jpg
    เหรียญเสด็จพ่อกรมหลวงชุมพร...jpg
     
  5. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    52
    ค่าพลัง:
    +225,229
    สงกรานต์.jpg

    ถวายข้าวพระพุทธแล้วไปถวายพระภูมิ ได้หรือไม่

    ดร. ปริญญา : ตอนจัดงานบุญที่บ้าน ก็นิมนต์พระมาฉัน ก็ถวายข้าวพระพุทธรูปด้วย พอเสร็จแล้วนี่จะเอาข้าวมากินได้หรือเปล่า หรือต้องไปถวายวัดด้วย

    ท่านเจ้าคุณฯ : เพลใช่ไหมนี่

    ดร. ปริญญา : คงจะเพลครับ

    ท่านเจ้าคุณฯ : อันที่จริงส่วนมากเขากินกันทั้งนั้นเลยแล้วก็กินกันมานานแล้ว ฉันก็จำไม่ค่อยได้ดร.ปริญญาเปิดหนังสือตอบให้หน่อยสิ

    ดร. ปริญญา : เปิดตำราเจอแล้วครับ เรื่องถวายข้าวพระพุทธรูป (ในหนังสือ
    หลวงพ่อตอบว่า) ถ้าที่บ้านเราเองกินได้เลย โยม ไม่มีโทษนะ ถวายข้าวพระพุทธรูปเป็นการบูชาความดีของพระพุทธเจ้า

    ในเมื่อบูชาความดีเสร็จก็ลาท่านมากินได้ ไม่เป็นไรนะ เว้นไว้แต่ที่วัด ที่วัดถวายข้าวพระพุทธรูป บางทีแกงดีๆ ถวายพระพุทธรูป ขนมอร่อยๆถวายพระพุทธรูปเสร็จแล้วไปกิน แบบนี้ไม่ถูก

    ถ้าที่วัดต้องเก็บไว้ถวายเพลกับพระเพราะเป็นพุทธบูชาด้วยเป็นสังฆทานด้วย เราจะกินได้ต่อเมื่ออาหารที่พระสงฆ์ท่านไม่ต้องการ พระสงฆ์ฉันแล้วก็เอาไปกินได้

    แล้วก็ถวายข้าวพระพุทธเวลาไหนก็ตามเป็นพุทธบูชา ถวายเวลาไหนก็เป็นบุญ การถวายข้าว ถวายผลไม้ เป็นการบูชาพระพุทธรูปนะ เวลาไหนก็ได้ เว้นเวลาเดียว....

    ยกทรง : เวลาไหนล่ะ

    ดร. ปริญญา : เวลาที่เราหลับ

    ยกทรง : หลวงพ่อตอบอย่างนั้นหรือ นี่ไปแล้วยังมีลีลาทิ้งไว้อีกนะ

    ดร. ปริญญา : มีคำถามอีกครับ เอาข้าวถวายพระพุทธแล้วไปถวายพระภูมิ ได้หรือไม่

    ท่านเจ้าคุณฯ : (ต้องการ) ประหยัดรึไง จริงๆจัดพร้อมกันเลย ไม่ควรไปทำอย่างนั้นหรอก จริงๆถวายได้แต่ไม่สมควร เพราะเป็นเครื่องบูชา (พระไปแล้ว)

    ตัวที่ถวายข้าวพระพุทธก็ดี ถวายข้าวพระ เทวดาก็ดี พระภูมิเจ้าที่ก็ดี ตัวนี้นี่ถ้าใครทำมั่นแล้วอยู่ในจริต 6 คือผู้มีศรัทธา พระพุทธเจ้าบอกว่าปฏิบัติอย่างนี้เป็น "ศรัทธาจริต" เป็นผู้ที่อย่างนี้เข้าพระนิพพานง่าย

    ดร. ปริญญา : แล้วเป็นอนุสสติด้วยหรือเปล่าครับ

    ท่านเจ้าคุณฯ : เป็นอนุสสติ "พุทธานุสสติ" "เทวตานุสสติ" เป็นอนุสสติที่เข้าพระนิพพานง่ายนะ


    (จากคอลัมภ์ "ท่านเจ้าคุณฯสนทนา" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 474 เดือนกันยายน 2563 หน้า 16)
     
  6. rachotp

    rachotp เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    1,218
    กระทู้เรื่องเด่น:
    251
    ค่าพลัง:
    +23,891
    C.PNG

    สุขสันต์เทศกาลวันสงกรานต์ครับ (^__^) ขอให้พี่วรรณ และ ครอบครัว และ ทุกๆท่านที่เข้ามาโพสต์เผยแพร่เรื่องราวดีๆในกระทู้นี้ และ ติดตามอ่านกระทู้นี้ สุขสมหวังดังตั้งใจ ห่างไกล และ ปลอดภัยจาก COVID-19 ครับ _/\_ … บุญรักษาครับ _/|\_

    B.PNG
     
  7. rachotp

    rachotp เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    1,218
    กระทู้เรื่องเด่น:
    251
    ค่าพลัง:
    +23,891
    “พรจากฟ้าครั้งสุดท้าย” ของในหลวง ร.๙ ถึงปวงชนชาวไทย

    A.PNG

    สุขสันต์เทศกาลวันสงกรานต์ หรือ วันปีใหม่ไทยครับ _/\_ ผมขออนุญาตน้อมอัญเชิญพรพระราชทานครั้งสุดท้ายในรัชสมัยของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ที่ยังทรงประทับอยู่ในใจทวยราษฎร์ไม่เสื่อมคลาย มาฝากทุกท่าน ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้ของพระองค์ท่านที่ทรงมีพระเมตตาแผ่ไพศาลต่อปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า และ เพื่อความเป็นสิริมงคลกับพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ กัลยาณมิตรในกระทู้นี้ทุกท่านเนื่องในเทศกาลวันสงกรานต์ หรือ วันปีใหม่ไทยครับ _/|\_

    พรพระราชทานครั้งสุดท้ายในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระราชทานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ในโอกาสขึ้นปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๙


    “ประชาชนชาวไทยทั้งหลาย...


    บัดนี้ถึงวาระจะขึ้นปีใหม่ ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดีมาอวยพรแก่ท่านทุก ๆ คน ให้มีความสุข ความเจริญ และความสำเร็จสมประสงค์ในสิ่งที่ปรารถนา

    ความสุขความเจริญนี้แม้เป็นสิ่งที่พึงปรารถนาอย่างยิ่ง แต่ในวิถีชีวิตของคนเรานั้น ย่อมต้องมีทั้งสุขและทุกข์ ทั้งความสมหวังและผิดหวัง เป็นปรกติธรรมดา ทุกคนจึงต้องเตรียมตัว เตรียมใจ และเตรียมการให้พร้อม อย่าประมาท ในปีใหม่นี้ จึงขอให้ท่านทั้งหลายได้รักษาและสร้างเสริมสุขภาพของตนให้สมบูรณ์ ให้มีกำลังกายที่แข็งแรง มีกำลังใจที่เข้มแข็งหนักแน่น และมีสติรู้เท่าทันอยู่เสมอ จักได้สามารถ นำพาตนให้ผ่านพ้นสถานการณ์ต่างๆ อันไม่พึงประสงค์ จนบรรลุถึงความสุขความเจริญ และความสำเร็จได้ ดังที่ตั้งใจปรารถนา

    ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองรักษาท่านทุกคน ให้ปราศจากทุกข์ ปราศจากภัย ให้มีความสุขกาย สุขใจ ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน”

    Credit: ขอขอบคุณที่มาจาก หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ออนไลน์ https://www.thaipost.net/main/detail/25521


    น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ พระองค์ทรงสถิตอยู่ในดวงใจของปวงชนชาวไทยตราบนิจนิรันดร์
     
  8. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    52
    ค่าพลัง:
    +225,229
    138559.jpg
     
  9. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    52
    ค่าพลัง:
    +225,229
     
  10. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    52
    ค่าพลัง:
    +225,229
    1_z.jpg

    คุยเรื่อง ผี


    ดร.ปริญญาถามว่า แดร็กคูล่ามีจริงหรือเปล่าครับ แล้วก็ถ้ามีมันกลัวพระหรือเปล่าครับ

    ท่านเจ้าคุณไม่ตอบตรงแต่ตอบว่า แดร็กคูล่านี่อันที่จริงนี่นะ ก่อนจะมานี่คุยกันกับคนบ้านฉันนะอยู่ชุมแสง มีอาฉันนี่ยังอยู่ เขาเรียกหนองบัว คนละอำเภอกัน อาเขาจะมาหาเรานี่ เขาจะเล่าเรื่องผีปอบให้ฟังกันจังเลย ทีนี้อาเขามาเล่าเราก็ไม่เชื่อใช่ไหม เพราะคนเก่าอะไรอย่างนี้ไม่ค่อยเชื่อ

    เมื่อ 2-3 วันจะมาวัดนี่ จะมาบ้านสายลมก็มีคนที่รู้จักกัน สามีเขาเป็นครูใหญ่อยู่ที่นั่นเขาก็มาทำบุญที่วัดก็รู้จักกันบอกว่าบ้านอยู่แถวนี้ บอก ใช่ นี่โยมลองถามหน่อยสิ คือว่าโยมแฟนสามีเขาเป็นครูคนสมัยใหม่หน่อย นี่ครูใหญ่ไม่ใช่ตาสีตาสา เอ๊ะ ไอ้ที่บ้านนั้นเขาว่ามีผีปอบจริงไหม

    แกก็บอก เอ จะว่าจริงก็จริงนะ โอ้โฮ คนมันตายกันบ้างอะไรกันบ้าง กลางวันนะไม่ใช่กลางคืนนะ ข้าวสารมันอยู่ในถัง โอ่งอยู่อย่างนี้ คนก็ไม่มี แต่ข้าวสารมัน ปิ๊ว วิ๊วๆ คือมันสาดเต็มบ้านเต็มเมืองหมด คนก็ไม่มี แต่ข้าวสารมันกระจายกระจายออกจากโอ่ง เหมือนคนเอามือจับ บ้านช่องมันกว้าง แต่หาคนไม่ได้

    โบราณเขาคลอดลูกตามบ้าน ใช่ไหม เข้ารูตามบ้านนี่ อาเขาเล่าให้ฟังบอกร่องมันมีร่องอย่างนี้ มองไปเห็นฟันมันแยกยิ้มเห็นฟันซี่เท่าจอบ โอ้ แล้วมันจริง มันเข้าเขาจริงๆนี่

    ตามหลวงพ่อพูดเขาเรียกว่าสัมภเวสี สัมภเวสีพวกนี้อย่างเขาเลี้ยงผีนี่ ทีนี้หลวงพ่อยังพูดถึงจริงๆนี่ก็มีผีเลี้ยงนี่มันมีจริง สัมภเวสีนี่เขาเลี้ยงจริง อย่างที่หลวงพ่อที่ว่าไปเทศน์ที่ไหนที่เคยเล่าให้ฟังใช่ไหมที่สุพรรณฯ เดินไปผ่านทุ่งไปนี่ เกิดวันนั้นฝนตก เขานิมนต์ขึ้นบ้าน เจ้าของบ้านก็บอกนอนเรือนนี้นะ อย่าไปนอนเรือนโน้นนอนเรือนนี้

    ตกกลางคืนหลวงพ่อท่านก็บอก อีเรือนนั้นมันว่างๆทำไมไม่ให้นอนวะ มันจะให้มานอนที่มันบอกนี่ ตกกลางคืนที่เขาห้ามนอนท่านก็แอบไปนอนอีเรือนนั้น พอนอนไปสักประเดี๋ยว ผีก็หลอกละลอยหน้าแวบๆ ท่านก็เอาผ้ายันต์เกราะเพชรของท่านนี่อธิษฐาน อาราธนาบารมีพระแล้วก็แกว่ง ผีก็วิ่งหนีไป

    ดร.ปริญญา : แดร็กคูล่าก็แล้ว ผีปอบก็แล้ว เอาอีกสักผีแล้วกัน ผีอำเกี่ยวกับระบบประสาทผิดปกติหรือเปล่าครับ

    ท่านเจ้าคุณฯ : จริงๆหลวงพ่อท่านก็ว่าผีอำท่านก็เคยเจอ

    ยกทรง : มีประสบการณ์หรือครับหลวงพ่อ

    ท่านเจ้าคุณฯ : มีๆ ท่านเคยมาเล่าให้ฟังบอกคนนี่นอนตอน 4 โมง ผีมันจะอำ ทำไปทำมา บอกทับเส้นตรงนั้นตรงนี้ อะไรอย่างนี้เราก็ไม่รู้จะจับอะไรแน่ เดี๋ยวของจริงเดี๋ยวของปลอมอยู่อย่างนี้

    เรื่องผีนะ วันนี้นะ คุยเรื่องผีกัน ฉันนี่นอนตึกเสริมศรี ตึกเสริมศรีเขาว่าใครไปวัดท่าซุงจะรู้ว่าตึกเสริมศรีอยู่ตรงไหน อยู่ชายน้ำนั่นนะ ตรงนั้นเป็นห้องเจริญพระกรรมฐานเก่า ทีนี้ห้องมุมนั้นน่ะเป็นห้องของหลวงพ่อท่าน ท่านนอนอยู่คืนหนึ่งหรือสองคืนเราก็นอนข้างๆท่านไม่ได้ห่าง กลางคืนเราก็ตื่นมาดึกๆ เสียงหลวงพ่อ อื้ออ้าๆงึมงำๆ เราก็หวังดี ตอนเช้า (ถาม) หลวงพ่อครับ เมื่อคืนหลวงพ่อละเมอครับ (หัวเราะ) แหม รู้ดีเสียงงึมงำๆคุยคนเดียวอย่างนี้

    (หลวงพ่อบอก) "ไอ้ระยำ ละเมออะไรเล่าเทวดาเขามาบอก ขโมยมันจะมาเข้าวัด ข้าบอกถ้ามันมาให้ไปห่างๆอย่ามาเข้าวัดได้" เราก็นึกว่าหลวงพ่อละเมอ คนเก่งมาก

    (ตึกเสริมศรี) หลวงพ่อท่านก็ไม่ได้มานอนแล้ว เลิก ไม่นอน ฉันก็นอนแทน ไม่ได้นอนเตียงท่านหรอกนะ ยกเตียงท่านออกไปแล้วก็ปูกับพื้นนอนอยู่อย่างนี้ มันเป็นห้องมิดชิด ห้องมุมเป็นห้องมีประตูรูดปิดได้ ไอ้นอนเราก็ขี้เกียจสวดมนต์ บอก เอาเถอะ พรุ่งนี้เช้าค่อยสวดเถอะ เช้ามืดค่อยสวด ง่วงแล้วนอนละ

    พอนอนไปสักพักหนึ่งได้ มันมีตัวดำใหญ่ๆยืนอยู่ที่หน้าต่าง มันก็จี้มือมาที่เรา มันเอามือชี้มาอย่างนี้ พอเอามือจี้มาที่เรานี้ตัวดำใหญ่คับหน้าต่างเลย เราก็ โอ้โฮ มันตัวใหญ่จัง บอกมึงอย่าเล่นเลยว้า มึงอย่าเล่นๆ กูกลัว เดี๋ยวก็ไฟช็อตอย่างนี้

    เราก็ลืมตาเห็น มันก็เอามือลดลง เอามือลดลงใจเราสบาย มึงอย่าวะมึงอย่า มึงอย่าเล่น เดี๋ยวมันจี้มาอีกละมือจี้มาอีกอย่างนี้ อย่างกับไฟช็อตสั่นซ่าไปหมด ทำอะไรไม่ได้ มึงอย่าเล่นว้า มึงอย่าเล่น มันก็เอามือออก

    (นึกขึ้นได้) ไอ้ห่ะกูว่าแล้ว กูไม่ได้สวดมนต์ก่อนนอน ก็ลุกมาสวดตอนนั้นเลย รีบลุกมาสวด เดี๋ยวมันจะเล่นใหญ่สิ แสดงว่าผีก็ยังสอนเรา เทวดาที่นั่น เพราะตรงนั้นหลวงพ่อเคยบอกว่า เคยไปเป็นยามเฝ้านี่ พี่ชายพี่เอี่ยมเคยเห็นมันเดินซ่วบๆ ควักปืนจะยิงง้างไกไม่ออก

    ดร.ปริญญา : ผีถ้ามีมันจะกลัวพระหรือเปล่าครับ

    ท่านเจ้าคุณฯ : ผีจริงๆนี่มันกลัวพระพุทธเจ้า กลัวพระ อย่างฉันคงไม่กลัวเท่าไหร่

    ดร.ปริญญา : แสดงว่าผีกลัวพระก็มี ไม่กลัวพระก็มี

    ท่านเจ้าคุณฯ : คงอย่างนั้นแหละ แต่กลัวพระพุทธเจ้า กลัวทุกคน ผีนะ เป็นผีนี่นะต้องกลัว ไอ้กลัวไม่กลัว เพราะว่าท้าวมหาราชเล่นงาน ท่านเล่นงานเกือบตาย กลัวกันอยู่ตรงนี้ ใช่ไหม

    ยกทรง : เรื่องนี้หลวงพ่อเราก็ยังเคยโดนอยู่บ่อยๆเหมือนกันหรือครับ

    ดร.ปริญญา : ใช่ สมัยบวชพรรษาแรก

    ท่านเจ้าคุณฯ : ตอนเป็นพระอรหันต์แล้วนี่ก็โดน แต่ว่าเป็นผีที่เขาปล่อย หลวงพ่อท่านก็เคยเล่าให้เราฟังเขาปล่อยผีมาอย่างนั้นอย่างนี้นะ มาเล่นงานท่าน คล้ายว่าถ้าปล่อยมาเอาตายกันเลย เพราะว่าเราไม่รู้เรื่องเลย ปล่อยมาอย่างไรไม่รู้

    ก็ฝากเทวดาผู้รักษาวัดด้วยนะ ฝากเนื้อฝากตัวกับท่าน บอกไม่มีปัญญาแล้ว

    (จากคอลัมภ์ "ท่านเจ้าคุณฯสนทนา" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 477 เดือนธันวาคม 2563 หน้า 24-26)

    IMG20210404164701.jpg IMG20210404164540.jpg IMG20210404164736.jpg
    lWn-HE_LuEP1rL7J4zk8UOZbysjvUW2By9Jy7OaVcP3sjNRFYDRyh2bCqVqM4AQc.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2021
  11. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    52
    ค่าพลัง:
    +225,229
  12. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    52
    ค่าพลัง:
    +225,229
    IMG_20170511_124553.jpg

    พระยาภาณุมาศ (ขุนช้าง)สอนใช้คาถา "สุนักขัตตัง"


    สำหรับการบันทึกเสียงวันนี้ก็ต้องอาศัยบารมีของบุคคลอื่นเหมือนกัน เพราะว่าเรื่องราวต่างๆ มันเป็นเหตุเกินวิสัยที่เราจะพึงทราบกันได้ ก็เลยต้องขออัญเชิญท่านมีพระคุณบางท่าน คือโดยเฉพาะอย่างยิ่งได้แก่ท่านเจ้าคุณ

    ท่านเจ้าคุณผู้นี้เป็นท่านเจ้าคุณอะไรก็ทราบกันอยู่แล้ว คือ "ท่านเจ้าคุณขุนช้าง" ที่เราเรียกกันว่า "ขุนช้าง"

    แต่ความจริงเนื้อแท้จริงๆ คำว่าขุนช้างเป็นชื่อที่ชาวบ้านเขาเรียกกัน แต่ว่าเนื้อแท้ของท่านจริงๆ ท่านเป็นพระยา ชื่อว่าพระยาอะไร "พระยาภาณุมาศ"

    แต่ความจริงคำว่าพระยาภาณุมาศนี่เห็นจะเป็นชื่อย่อ ท่านบอกว่ายาวเหยียด เป็นตระกูลแห่งการบำรุงช้าง รักษาช้าง หาช้างเพื่อกองทัพ

    ต่อไปก็ต้องอาศัยท่านเจ้าคุณ ท่านว่ามาอย่างไร พ่อก็จะไม่ขอพูดเป็นการโต้ตอบกัน เพราะมันเสียเวลา รับฟังมาท่านว่ามาอย่างไรก็ขอว่าไปอย่างนั้น ท่านกล่าวว่า ที่ท่านถามผม ถามผมและก็ถามไม่ยั้ง เรื่องที่ควรจะพูดให้กันทราบมันก็ขาดไป ขอย้อนหลังใหม่ถึงเรื่องของเจ้าแก้ว

    เจ้าแก้วนี่เดิมทีปรารถนาพุทธภูมิ คนที่ปรารถนาพุทธภูมิมีความรักคนอื่นมากกว่ารักตัว อาศัยความรักในคนอื่นมากจึงไม่ห่วงตัวเป็นสำคัญ พวกพุทธภูมิต้องขยันในการเกิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเห็นว่าในฐานะความเป็นคนไทย คำว่า ไทย ในที่นี้ก็หมายถึงว่าไม่ต้องการจะเป็นทาสของใคร

    นายแก้วเกิดในกัปนี้เฉพาะกัปนี้ เคยเกิดมาแล้วเกินกว่า 70 ครั้งที่มีความสำคัญ แต่ที่เกิดที่ไม่มีความหมาย หมายความว่างานเล็กเกินไปแต่ว่ามีความสำคัญเกินกว่า 30 ครั้ง รวมความว่าเฉพาะกัปนี้กัปเดียว นายแก้วก็เกิดตั้ง 100 ครั้ง นี่เขาขยันเกิด

    จุดง่ายๆที่จะสังเกตเห็นสมัยที่ไทยย้อนกลับมาเพื่ออยู่ในถิ่นฐานเดิม แต่ไทยน่ะอยู่เป็นหย่อมๆ เป็นจุดๆ ตั้งแต่พื้นที่เดิมที่พูดกันอยู่เวลานี้เรื่อยๆ ขึ้นไปจนกระทั่งถึงเขตประเทศจีน ประเทศแขกประเทศพม่า ไทยก็อยู่เต็มไปหมด แต่คำว่าเต็มไปหมดไม่ได้หมายความว่าเต็มพื้นที่ เป็นจุดเป็นหย่อมเล็กหย่อมน้อยปกครองกันเป็นพวก ไม่มีคำว่าเมือง

    และเป็นอันว่าเฉพาะในเขตหลังนี้เจ้าแก้วก็เกิดเป็นพระเจ้าพรหมมหาราช และก็ขุนเมืองมานสมัยสุโขทัย และก็มาเป็น... หลังจากพ่อขุนเมืองมานสุโขทัยแล้ว ต่อนั้นมาก็เป็นเจ้าแผน จากเป็นเจ้าแผนแล้วก็เป็นเจ้าเหล็กจากเป็นเจ้าเหล็กแล้วมันก็ตาย

    ตายแล้วอาศัยที่เจริญฌานสมาบัติดีกำลังใจเข้มแข็ง เวลาจะตายเข้าฌานตาย นอนตายแบบสบาย

    แต่เขาหาว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมัยที่เป็นเจ้าแผนก็ดี เป็นเจ้าเหล็กก็ดี เจ้าแก้วมันตายอย่างชนิดที่เรียกว่าตายอย่างหมา เอ๊ะ ! แปลก ถามว่าตายอย่างหมามันเป็นอย่างไร ท่านก็บอกว่า ตอนนี้ย้อนต้นไปนิดถามตอบท่านหน่อย

    ที่ว่าตายอย่างหมาก็เพราะว่าเจ้าแก้วมันวางภาระเสียหมด หลังจากวางดาบแล้วก็เป็นผู้ทรงศีล ทรงสมาธิ ทรงวิปัสสนาตามสมควร และหลังจากนั้นเวลาตายก็ตายแบบสงบ คือไม่มีคนมาก ต้องการอยู่ในดินแดนที่สงบ เมื่อบุคคลที่เคยมีบริวารมากแต่ตายคนเดียว มีบุคคลที่ประดับประคอง 2-3 คนก็เลยเรียกว่าตายอย่างหมา เป็นอาการตายที่ทุกคนที่รักความสงบชอบ ไม่ต้องการบริษัทบริวาร ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าเกี่ยวกับสมาธิและวิปัสสนาญาณ มุ่งหาจุดสงบเป็นสำคัญ ฉะนั้นเวลาที่เขาตาย เขาจึงไม่ต้องไปใช้หนี้ในการฆ่าคน


    ท่านพูดต่อไปอีกนิดหนึ่ง ท่านบอกว่าท่านถามผมเลยไป ควรจะให้เด็กๆ ทราบเพื่อเป็นประโยชน์กับการเจริญพระกรรมฐาน นั่นก็คือคนสมัยนั้นเจริญพระกรรมฐานทรงสมาธิกันเป็นปกติ มีการให้ทาน มีการทรงศีล เจริญวิปัสสนาญาณด้วย ช่วยให้กำลังใจมีความสุข มิฉะนั้นแล้วกำลังใจจะไม่มีความสุข นอนเมื่อไหร่ หลับเมื่อไหร่ งีบเมื่อไหร่ คิดอยากจะฆ่าคนที่เป็นข้าศึกอยู่ตลอดเวลา เพื่อเป็นการระงับอารมณ์ใจชั่วแบบนี้จึงได้หันเข้าหาพระ

    เขาถือพระเป็นที่พึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างออกมาจากพระ วิชาความรู้ทุกอย่างมาจากพระ การรบก็จากพระ เพราะว่าพระโดยมากเป็นนายทหารที่ไปบวช วิชาการปกครองก็มาจากพระ วิชาการเศรษฐกิจการคลังทุกอย่างมาจากพระหมด และก็พระในสมัยนั้นก็มีคุณมีประโยชน์แก่ประเทศชาติมาก เป็นปากเป็นเสียงให้แก่รัฐบาล เป็นสื่อกลางติดต่อกับประชาชนคือพุทธศาสนิกที่มีความเคารพ ฉะนั้นการปฏิบัติหรือการปกครองประเทศจึงมีความสะดวก เพราะอาศัยพระเป็นกำลัง

    พระสมัยนั้นมุ่งประโยชน์คือความสงบสงัด รักความเป็นอิสรภาพคือความเป็นไทย สอนให้ทุกคนมีปัญญาดี มีความรู้ดี มีความสามารถดี มีความประพฤติดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อปจายนกรรม คือ ความอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ หรือบุคคลผู้มีคุณ สั่งสอนให้รู้จักการนอบน้อม รู้จักการกตัญญูรู้คุณต่อท่านผู้ใหญ่ มีความเคารพในผู้บังคับบัญชาด้วยเหตุผล

    นี่ท่านมีจุดจำกัดว่ามีความเคารพในผู้บังคับบัญชาด้วยเหตุผล ถ้าไร้เหตุไร้ผลไร้ระเบียบอันนี้พระก็สอนเหมือนกัน ห้ามปฏิบัติตาม และคนทุกคนก็ปฏิบัติตามคำสั่งของพระ เมื่อมาบ้านพ่อแม่ก็สอนแบบเดียวกัน ฉะนั้นความดีของกำลังใจจึงฝังใจในคนสมัยนั้นอยู่ คนสมัยนั้นเป็นคนที่มีจริยาดี ไม่เลวทรามอย่างตำนานที่เขาขับร้องหรือแต่งขาย

    และอีกจุดหนึ่งที่ท่านไม่ถามผม แต่ผมขอย้อนตอนนี้ ของดีไม่ควรจะผ่านไป นักเจริญสมาธิวิปัสสนาญาณ ถ้าจะใช้ความสามารถทางด้านนี้ไปทำการรบไม่มีผล เพราะว่าฌานสมาบัติและญาณขององค์สมเด็จพระทศพลต้องใช้แต่ในส่วนที่เป็นการสงเคราะห์การเกื้อกูลหวังในความสุข แต่การที่เขาใช้สมาธิเป็นผลในการอยู่ยงคงกระพันหรือว่าทำทุกอย่างได้ในประโยชน์แห่งการรบ เขาทำกันแบบนี้พยายามฝึกหัดการปลุกตัวกัน

    เอาล่ะตอนนี้ที่พูดกันมาก็เพื่อจะเตือนลูกเตือนหลาน ท่านพูดไปตามเสียงผมพูดว่า ลูกหลานถ้าจะเจริญพระกรรมฐานให้มีผลและมีกำลังจริงๆ เวลายามว่างก็หมั่นปลุกตนปลุกตัวให้มันขึ้นตามลำดับ นั่นก็คือเป็นการหัดฝึกสมาธิที่เป็นการดึงกำลังใจให้เป็นสมาธิได้ง่ายและรวดเร็ว

    เพราะการปลุกตัวนี่เป็นจริยาคล้ายทำเล่นๆ แต่ทว่าผลจริงๆ คือกำลังสมาธิจะตั้งมั่น การฝึกทิพพจักขุญาณก็ดี การฝึกทางด้านฤทธิ์ก็ดี เช่น มโนมยิทธิหรืออภิญญา ถ้าฝึกตนได้ดีแล้วจะฝึกด้านนี้ได้ง่ายๆเป็นของง่ายและก็แจ่มใสรวดเร็ว

    การปลุกตัวนี่เขาก็จะต้องใช้กำลังปลุกตัวด้วยกำลังของใครคนใดคนหนึ่งที่เราพึงมีความชอบใจ เช่นในสมัยนั้นเขานิยมพระสยามเทวาธิราช แต่ความจริงสมัยนั้นเขาไม่เรียกว่าพระสยามเทวาธิราช อย่างว่าในสมัยพระพันวษานี่ เขานิยมปลุกคือเชิญวิญญาณของพระเจ้าอู่ทองบ้าง เชิญวิญญาณของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์บ้าง เชิญวิญญาณของพ่อขุนผาเมืองบ้าง เชิญวิญญาณของพ่อขุนรามคำแหงบ้าง อย่างนี้เป็นต้น

    เมื่อนึกถึงท่านแล้วก็ปลุกตน ท่านถามนะว่า หัวใจที่ปลุก จะให้ท่านผู้นี้ใช้กำลังจิตของท่านมาสู่ในตน แล้วก็บอกใช้คาถาว่าอย่างไร

    คาถาที่ใช้นี่เขาเรียกว่า "สุนักขัตตัง"

    สุนักขัตตังนี่ถ้าแปลตามภาษาบาลีแปลว่า "ฤกษ์ดี"

    เมื่อเชิญคนดีมาก็ใช้คาถาอย่างนี้ แต่ว่าเวลาปลุกอย่าไปแปลนะ นึกไว้ว่า สุนักขัตตังๆๆ

    อันดับแรกก็ตั้งใจเชิญ ท่านทั้งหลายเหล่านี้มาสู่ตนให้วิญญาณของท่านมาสวมตน แล้วก็ภาวนา เมื่อภาวนาไปจิตทรงสมาธิดี พอจะรับได้ กำลังวิญญาณของท่านก็จะมาสวมกาย และก็จะบอกความประสงค์ทุกอย่างที่ต้องการ พร้อมกับการแนะนำที่ท่านถามว่ามีอาการคล้ายกับเชิญทรงใช่ไหม ท่านเจ้าคุณบอกว่ามันคล้ายกับทรง แต่ไม่ใช่ทรง คือเชิญมาพูดกันเลย ไม่ใช่มาทรงกัน

    ถ้าจะพูดว่าทรงก็คล้ายทรง แต่ว่าอาการผิดกันอยู่หน่อยหนึ่ง เมื่อปลุกตัวโดยเชิญใช้ ศัพท์ สุนักขัตตัง ตั้งใจถึงท่านผู้ใดผู้หนึ่ง ท่านจะมาเฉพาะกิจโดยเฉพาะ ไอ้กิจที่เราคิดไว้ถ้ามีการบกพร่องท่านก็จะแนะนำ เมื่อแนะนำเสร็จก็จะบอกระยะเวลาการเข้าโจมตี การริดรอนกำลังของข้าศึก และก็จะบอกผล จะบอกบุคคลที่มีความเคราะห์ร้ายว่ากำลังของเราเข้าไปคราวนี้จะตายสักกี่คน ที่จะตายก็เพราะว่าคนทั้งหลายเหล่านั้นเป็นคนหมดอายุขัยจริงๆ ไม่มีโอกาสที่จะช่วยได้

    บางคราวท่านก็กัน บอกว่ากันไอ้คนที่มันจะตายเพราะเหตุนี้ อย่าให้เข้าไปทำการรบ เอาไว้เป็นกองส่งเสบียงรักษากำลังตอนหลังบ้าง และในที่สุดคนนั้นก็จะต้องตายแต่ว่าตายด้วยเหตุอื่น บางทีถูกมีดบาดนิดหนึ่งเป็นบาดทะยักตาย แต่ว่าไม่เป็นการเสียกำลังใจแก่กำลังทหารทั้งหลาย

    ความจริงนี่ผมมีเรื่องจะพูดกับท่านมากนะ เจ้าคุณท่านว่ามา แต่ทว่าท่านถามตอนนี้เลี้ยวเข้ามาก็ต้องพูดให้เป็นประโยชน์ อย่าลืมบอกลูกบอกหลานมัน

    เพราะลูกหลานในเวลานี้มันอยากจะเล่นฤทธิ์เล่นเดชอยากจะได้ไปไหนมาไหนได้ ถ้าอยากได้อย่างนั้นให้พยายามปลุกตัวไว้ แต่ว่าถึงแม้ว่าจะไปไม่ได้ กำลังสมาธิก็จะทรงตัวมีความเข้มแข็ง มันเป็นประโยชน์แก่คนพวกนี้มาก

    (คัดลอกบางส่วนจากเรื่อง ฤาษีสอนลูกภาคใต้ , ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 297 เดือนธันวาคม 2548 หน้า 34-36, 39-40)


    IMG_20170511_124813.jpg IMG_20170511_124827.jpg
     
  13. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    52
    ค่าพลัง:
    +225,229
    DSC04075.jpg
    การอุทิศส่วนกุศลจำเป็นต้องเจาะจงชื่อไหม

    ผู้ถาม : การอุทิศส่วนกุศลแก่บุคคลต่างๆที่ตายไปแล้วจำเป็นไหมว่าจะต้องออกชื่อ รู้สึกว่ามีมากเหลือเกิน ?

    หลวงพ่อ : ดีไม่ดีว่า 3 ปีไม่จบ ถ้านึกได้ก็ออกชื่อเขาก็ได้ ถ้าออกชื่อน่ะดีอยู่อย่าง ถ้ากรรมหนาอยู่นิดถ้าออกชื่อเจาะจงเขาได้เลยนะ ถ้านึกไม่ออกก็ว่ารวม ๆ ญาติก็ดี ไม่ใช่ญาติก็ดี เอาอย่างนี้ดีกว่า ถ้าขืนไปไล่ชื่อน่ากลัวจะไม่จบ

    ผู้ถาม : เดี๋ยวคนที่ไม่ออกชื่อเกิดโมโหขึ้นมาน่ะสิ

    หลวงพ่อ : นั่นน่ะสิ แหม...กูยืนอยู่ตั้งนานคนนั้นให้ได้ทีกูไม่ให้ เลยล่อเสียขาหัก เดินลงบันไดผลักตูมลงไปนะสิ

    มันมีอยู่คราวหนึ่งนานแล้วไปเทศน์กัน 3 องค์ บังเอิญ 3 องค์ที่ไปก็มีอารมณ์จิตคล้ายคลึงกัน เวลาเพลเขาก็ถวายอาหาร ก็มีพระอื่นด้วยรวมแล้ว 5 องค์

    ทีนี้ตาทายกเขานำอุทิศส่วนกุศลในวันนั้น แกก็ออกชื่อคนตายแล้วก็บรรดาญาติทั้งหลายที่ตายไปแล้ว บอกเท่านั้นแหละ พวกผีก็เข้ามาเป็นหมื่นล้อมรอบศาลาอยู่ ไอ้คนที่เป็นญาติรับโมทนาแล้วผิวพรรณก็ดีขึ้น ไอ้พวกที่ไม่ใช่ญาติก็เดินร้องไห้กลับ เราก็นึกในใจว่า ไอ้เรามันเลือนไปหรือเปล่าหว่า ?"

    พอกลับออกมาจากฉันแล้วก็กลับมาที่พักก่อนบ่ายโมง จะเทศน์ก็ถามเพื่อนอีก 2 องค์ เมื่อกี้ทายกเขานำอุทิศส่วนกุศลเห็นอะไรบ้างหรือเปล่า ? เขาก็บอก "เห็น" ถามว่า "เห็นอะไร?" "เห็นพวกปรทัตตูปชีวีเปรตมันมายืนเป็นหมื่น" บอก "เออจริงว่ะฉันก็ไม่เลือน" ไอ้เราจะเชื่อตัวเองนักก็ไม่ได้ใช่ไหม

    ก็ถามถึงความรู้สึกว่ามีอะไรอีก มีเพื่อนอีกคนรู้สึกว่าแกปากดุ ๆ หน่อย บอก "ไอ้บ้าทายกมันเสือกให้แต่ญาติ ไอ้พวกไม่ใช่ญาติเดินร้องไห้กลับไปเป็นแถว" เราก็นึก เออ เห็นไม่ผิด
    พอเขานิมนต์ขึ้นไปเทศน์เขาจะเทศน์เรื่องอะไรไม่สำคัญ ธรรมะมันเข้าได้ทั้งหมด พอขึ้นถามเรื่องเขาก็ดี พอลงท้ายเขาถามกันถึงว่าการอุทิศส่วนกุศล ทำยังไง ? ฉันก็พูดไปหลายกัณฑ์ พูดมาพูดไปองค์ที่มีปากร้ายอยู่สักหน่อยแกก็บอกว่า

    "ญาติโยมที่นำอุทิศส่วนกุศลอย่าให้ใจแคบเกินไปนักสิ อย่าลืมว่าการทำบุญแต่ละคราวพวกปรทัตตูปชีวีเปรตก็ดี พวกสัมภเวสีก็ดี จะมายืนล้อมรอบ อย่างสวดบทอยัญจะโขน่ะ ไอ้บทนั้นแหละพวกบรรดาผีทั้งหลายทั่วบริเวณจะคอยนุโมทนา แต่ถ้าเราให้แต่ญาติ ญาติก็จะได้ แต่บุคคลอื่นไม่ใช่ญาติจะไม่ได้ ฉะนั้นก็ควรจะให้ต่อ ๆ กันไป คือว่าให้ทั้งหมดทั้งญาติและไม่ใช่ญาติ"

    เขาคงจะเผลอ แกโมโหแต่โมโหไม่มาก คือแกเห็นใจพวกนั้นเลยบอก อย่างเมื่อเพลเป็นต้น ควรจะให้ทางญาติและไม่ใช่ญาติ ในเมื่อเราให้ไปถ้าบังเอิญพวกนี้เขาเป็นเทวดาเขามีความสุข เขาไม่ลืมคุณคน เขาจะประคับประคองบุคคลที่ให้

    แต่เว้นไว้แต่ว่า ถ้ากรรมอันนั้นมันเกินวิสัยที่เขาจะช่วยได้ก็เป็นธรรมดา ใช่ไหม ถ้าเป็นวิสัยที่เขาจะช่วยได้เขาก็ต้องช่วย ไม่ได้มากก็ได้น้อย

    (จากธัมมวิโมกข์ ปีที่ 3 ฉบับที่ 28 หน้า179-182)

    DSC04076.jpg
     
  14. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    52
    ค่าพลัง:
    +225,229
    161352607_1857424734434057_8806792128631694878_n.jpg 159862507_1857424124434118_1510278252754645717_n.jpg 159479071_1857424901100707_3252283867429305805_n.jpg

    พิธีศักดิ์สิทธิ์ของวัดท่าซุง

    เมื่อเดือนก่อนผมเป็นไทรอยด์ ไฮโป มีอาการบวมตรงคอและเจ็บเวลากลืนน้ำกลืนอาหาร ผมเคยเป็นมาแล้ว 2 ครั้งแต่ละครั้งห่างกันประมาณ 4-5 ปี เพื่อนผมคนนึงเป็นเภสัชบอกจริงๆควรกินยาต่อเนื่องกันเป็นปีแต่ผมทานยาติดต่อกันเพียง 3-4 เดือนแล้วหยุดไป โอกาสกลับมาเป็นใหม่จึงมีอีก

    พอมาเป็นเที่ยวนี้ก่อนจะไปหาหมอพอดีที่วัดมีงานพิธีพุทธาภิเษกรูปหล่อบูชาและรูปเหมือนลอยองค์หลวงปู่หมอชีวกฯ ในใจคิดว่าน่าจะไปเข้าพิธีดูเพราะวัตถุมงคลชุดนี้นำมาอาราธนาทำน้ำมนต์รักษาโรคได้อย่างแน่นอน

    ก่อนพิธีจะเริ่มหลวงพี่สมนึกได้พูดให้ฟังถึงเหตุที่ได้หล่อรูปหลวงปู่หมอชีวก และให้คำแนะนำทั่วๆไปและบอกให้อาราธนาพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ครูบาอาจารย์รวมถึงหลวงปู่หมอชีวกฯให้ช่วยปัดเป่าโรคภัยในตัวเรา(ท่านพูดประมาณๆนี้ คำพูดไม่ตรงเป๊ะทุกคำ)

    หลังพิธีเสร็จผมและเพื่อนไปหาอาหารรับประทานกัน พอทานข้าวทานน้ำเข้าไปถึงได้รู้ตัวมาว่าอาการที่เจ็บคอเวลากลืนน้ำกลืนอาหารเข้าไปหายไป ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก่อนพิธีเริ่มยังมีอาการเจ็บอยู่เลยเวลาทานน้ำกลืนน้ำลาย ทานยาแก้อักเสบมาหลายวันก็ไม่มีแววว่าอาการจะเจ็บลดลง แต่พอหลังพิธีไปแล้วอาการเจ็บหายเป็นปลิดทิ้ง

    ขากลับกรุงเทพฯได้แวะเข้าไปนมัสการหลวงพี่บ๊ะ วัดโพธิ์ลังกา ท่านถามเป็นอะไรมาผมเพียงชี้ไปที่คอไม่ได้เล่าอาการอะไรให้ท่านฟังเพราะผมแน่ใจว่าท่านทราบดีว่าอาการที่ผมเป็นอยู่เกิดจากเป็นโรคอะไร ท่านก็ช่วยจับๆเคาะๆตามร่างกายรักษาให้

    ถามท่านว่าต้องทานยาอะไรไหม หลวงพี่ท่านสั่นศีรษะ บอกว่าเดี๋ยวมันจะค่อยๆยุบไปเอง......

    จากวันนั้นวันพิธีพุทธาภิเษก 13 มีนาคม จนถึงวันที่เขียนวันนี้ 21 เมษายน อาการบวมที่คอเพราะไทรอยด์หาย 99% โดยไม่ได้หาหมอไม่ได้ทานยาไทรอยด์ซักเม็ดเดียว แต่หายด้วยพุทธคุณของพระของพรหมเทวดาครูบาอาจารย์และหลวงปู่หมอชีวก และ ด้วยความเมตตาสงเคราะห์รักษาของหลวงพี่บ๊ะ

    ไม่เคยนึกมาก่อนว่าจะเจอประสบการณ์พิเศษแบบนี้กับตัวเอง เพราะอาการเจ็บคอที่รบกวนร่างกายมาหลายวันหายปลิดทิ้งหลังพิธี และอาการบวมที่คอค่อยๆยุบลงทีละหน่อยๆจนเกือบสนิทดีแล้วครับ ณ ในวันที่เขียนนี้

    จากประสบการณ์เรื่องนี้และเหตุที่ต้องหล่อรูปหลวงปู่หมอชีวกฯให้สักการะที่วัด ผมเชื่อมั่นว่าวัตถุมงคลชุดนี้นอกจากนำมาทำน้ำมนต์รักษาโรคได้แล้วยังมีพุทธคุณป้องกันโรคระบาด อย่างเช่นโควิดที่กำลังระบาดในตอนนี้ได้อย่างแน่นอนครับ

    158768144_1857424434434087_5047230015033085051_n.jpg 160203612_1854857461357451_7716427183763838160_n.jpg

    ภาพทั้งหมดนำมาจากเพจวัดท่าซุงตามลิงค์ด้านล่างนี้ครับ

    https://www.facebook.com/jantaram.thasung/
     
  15. rachotp

    rachotp เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    1,218
    กระทู้เรื่องเด่น:
    251
    ค่าพลัง:
    +23,891
    พี่วรรณดูแลสุขภาพนะครับพี่ _/\_

    ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและอำนาจบารมีรวมของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดําเป็นที่สุด จงปกป้องคุ้มครองให้พี่วรรณ และ ครอบครัว อีกทั้งพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ กัลยาณมิตรที่ดีในกระทู้นี้ และ ครอบครัว และ ทุกๆท่านที่เข้ามาโพสต์เผยแพร่เรื่องราวดีๆด้วยจิตและเจตนาดีที่เป็นกุศลของทุกๆท่านในกระทู้นี้ และ ติดตามอ่านกระทู้นี้มีจงมีสุขภาพกายและใจแข็งแรง... ให้ห่างไกล และ ปลอดภัยจาก COVID-19 และ คนชั่ว คนเลว คนโกง และ คนพาลทั้งปวง และ ภัยอันตรายทั้งปวงเทอญ...
    บุญรักษาครับ _/|\_
     
  16. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    52
    ค่าพลัง:
    +225,229
    138559.jpg

    ขอบคุณมากครับคุณ Ray
     
  17. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    52
    ค่าพลัง:
    +225,229

    2_2.jpg

    เรื่อง ลูกกรอก

    ผู้ถาม : หลวงพ่อคะ ลูกกรอกกับผีนี่เหมือนกันไหมคะ ?

    หลวงพ่อ : ลูกกรอกกับผีธรรมดานี่ไม่เหมือนกัน ลูกกรอกมันมีสภาพกึ่งผีกึ่งเทวดา จะเป็นเทวดาก็เป็นไม่ได้เต็มที่ จะถือว่าเหมือนผีธรรมดาก็ไม่ได้ เพราะพวกนี้มีศักดิ์ศรีสูงกว่า มีอำนาจมาก

    ผู้ถาม : แล้วที่เห็นว่าเป็นเด็กเล่าครับ ?

    หลวงพ่อ : ตามธรรมดาผีไม่มีเด็ก แต่ที่เห็นว่าเป็นเด็กน่ะเขาทำให้ดู ถ้าผีจริงๆไม่มีเด็ก มันจะเป็นหนุ่มเป็นสาวหมด แก่ก็ไม่มี ถ้าเราเห็นภาพเป็นคนแก่แสดงว่าเขาตายเมื่อแก่ นั่นเขาแสดงภาพเดิมให้ดู

    ผู้ถาม : ลูกกรอกจะมีชีวิตอยู่นานไหมคะ ?

    หลวงพ่อ : มันเป็นไปตามกำลัง แต่เวลาเขามี บางทีก็ถึง 20 ปี ก็ไม่นานนัก

    ผู้ถาม : ถ้าหากว่าที่บ้านมีลูกกรอกแล้ว ควรจะทำอย่างไรดีคะ ?

    หลวงพ่อ : ถ้ามีลูกกรอกจริงๆ ควรจะรีบถวายสังฆทานให้เสียเลย มีพระพุทธรูปองค์หนึ่ง ผ้าไตรชุดหนึ่ง ถ้าหากว่าทำอย่างนี้แล้ว พวกหมอเรียกไปไม่ได้ ถ้าไม่งั้นเผลอไม่ได้มันเรียกไป ถึงแม้ว่าเราจะไม่บอกให้รู้แต่ว่าพวกนี้มันมีผีเป็นสื่อ มันเที่ยวควานหา

    ผู้ถาม : หลวงพ่อคะ ถ้าลูกกรอกที่เป็นสัตว์มีบุญฤทธิ์ไหมคะ ?

    หลวงพ่อ : มีคล้ายคลึงกัน คือว่าถ้าออกมาเป็นสัตว์นะ จิตวิญญาณมันเป็นมนุษย์ ไอ้ตัวจริงๆน่ะ โลกอื่นมันไม่มีสัตว์ ถ้าออกมาเป็นมนุษย์มีเยอะ เคยเจอะหลายราย ถ้าเห็นปั๊บก็รู้ว่าลูกกรอก ไม่ใช่ว่ามีความรู้หรอก เห็นเสียจนชินเลย

    ที่ว่าชินเพราะว่าแกชอบมาหา แล้วก็รายงานตัว แต่เจ้าพวกนี้ถ้ามา ท่าทางเล่นเป็นเด็กก่อน เล่นโฉงเฉงสนุกสนานแบบเด็กๆ เป็นการแสดงออก

    บางคราวขณะนอนๆ เห็นมายืนล้อมรอบ มาทำหน้ายาวบ้างหน้าสั้นบ้าง ถ้ารูปร่างหน้าตาดีก็เป็นลูกกรอก แต่ว่าถ้าแกมาจะแสดงท่าโทรมๆให้ดู เคยเจอะเยอะ

    มีอยู่คราวหนึ่งเขานิมนต์ไปเทศน์ 2 วัน ที่บ้านแถว อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง วันแรกพอไปถึงก็ขึ้นวัดเลย พอวันที่สองเขาให้เทศน์อีกวัน เขาก็บอกว่า "ท่านจำวัดที่วัดนอนไม่หลับแน่ เขามีทั้งโขน ลิเก ภาพยนตร์ ไปพักที่บ้านก็แล้วกัน"

    เลยไปพักที่บ้านเจ้าของงาน พอเข้าไปนอนในห้อง เจ้าของบ้านมาไล่เสียอีกแล้ว

    บอก "ไป"

    เลยบอก มึงจะให้กูไปไหนวะ?

    มันบอกว่า "บ้านของมันนอนไม่ได้" ไอ้นี่ไม่ใช่ผีธรรมดา ลูกกรอก

    เลยบอก มึงว่าอะไรก็ว่าไปเดี๋ยวกูนอนพักก่อน มันก็ทำท่าทำทาง เราก็ชักรำคาญ บอกว่า นี่มึงนั่งยามหน้าประตู อย่าไปไหนนะ ถ้ามึงไปไหน กูจะจับ 2 ขาฟาด นั่งยามที่นั่นจนกว่าจะสว่าง มันเลยต้องนั่งอยู่อย่างนั้น

    พอตกรุ่งเช้า เจ้าของบ้านเขาก็มา เอาอาหารมาถวายก็ถามว่า ที่บ้านมีลูกกรอกหรือเปล่า

    แกนิ่งเฉย เราถามเป็นครั้งที่สองแกก็เฉย เขากลัวว่ารู้ว่ามีลูกกรอกแล้วจะเรียกเอาไป เลยบอกว่า ถ้าโยมนิ่งก็ดีแล้ว แสดงว่าลูกกรอกเป็นของที่อื่น ฉันก็จะขอเอาไป ทีนี้ยอมรับแฮะ

    เลยถามประวัติเขาว่ามาจากไหน แกก็เล่าประวัติเดิมของแก บ้านที่แกได้เวลานั้นมีทั้งสวนมะม่วง และที่นาอีก 200 ไร่กว่า เดิมทีเดียวแกอาศัยหน้าบ้านเขาอยู่ ปลูกเพิงน้อยๆชายน้ำ พายเรือขายของสองคนผัวเมีย ต่อมาเมียแกก็ตั้งครรภ์ ไอ้การตั้งครรภ์ของแกมันไม่เหมือนชาวบ้านเขา บางวันก็ท้องเบ้อเร่อ บางวันก็แฟบหายไปเลย พอรู้สึกว่าเริ่มตั้งครรภ์ แกก็มีลาภเรื่อยๆ

    ต่อมาก็เจอะพระ พระก็บอกว่า "โยม เด็กคนนี้เป็นลูกกรอก ห้ามพูดไปนะ ถ้าเขารู้เขาจะเรียกเอาไป เด็กคนนี้มีคุณ"

    แกก็ถามพระถึงพิธีกรรมการต้อนรับ พระก็เลยบอกว่า "ทีหลังเอาอย่างนี้ วันหลังถ้าโยมจะไปขายของ ตั้งหัวเรือให้มันตรงฝั่งโน้น หาไม้ค้ำให้เรือมันพุ่งไป แล้วก็บอกลูกกรอกด้วย ถ้าทางไหนมันขายดี ให้หัวเรือเบนไปข้างนั้น"

    แกก็ทำแบบนั้น ปรากฎว่าขายของดีมาก จนกระทั่งซื้อบ้านได้ ซื้อนาซื้อไร่เสร็จ

    ดีไหม ? หลวงพ่อยังบอกอีกว่า ลูกกรอกมีที่ไหนที่นั่นรวย ถ้าเลี้ยงถูกต้องนะ ถ้าทำดี เฮง แต่ก็ต้องระมัดระวัง ถึงจะเป็นสัตว์แต่จิตวิญญาณเป็นคนก็ต้องรีบถวายสังฆทานเหมือนกัน ถ้าไม่รีบทำก็ถูกขโมยไป

    มีอยู่บ้านหนึ่ง พอดีขึ้นไปบนบ้านเขา เขาก็เลยให้นอน พอตอนดึกตีสอง ได้ยินเสียงเหมือนกับเด็กคราง ร้องเหมือนกับถูกมัดถูกทรมาน เราก็แปลกใจ เอ เสียงที่ไหนหว่า

    ทีแรกคิดว่าคนธรรมดา เพราะลูกตัวเล็กๆเขามีอยู่ มองไปดูก็เห็นเขาหลับกันหมด อย่างนี้มันต้องไม่ใช่แล้วเกิดสะดุดใจ เอ๊ะ ผีเล่นงานเสียอีกแล้ว

    ถ้าผีละก็สนุกละ เรื่องผีเรื่องเล็ก ดูไปดูมาก็เห็นมีสภาพเหมือนเด็ก แต่ว่าโตแล้วนะแต่ว่าถูกมัด และถูกบังคับ มียันต์ติดหน้า เลยถามว่า เอ็งเป็นใคร

    บอก "เป็นลูกบ้านนี้ เขาเรียกลูกกรอก มีสถานที่อยู่ตรงที่นั้น"

    เราก็เดินไปดู มีเปลมีที่นอนทำสวย ก็ถามว่า ทำไมต้องมาร้อง ทำไมถึงถูกมัด ?

    ด้วยอานุภาพของมันทำให้เห็นภาพคนที่เรียกไปมัด ก็เลยคิดว่า เอ๊ ! ไม่เป็นเรื่อง พรุ่งนี้เช้าจะถามแม่เขาก่อน

    ตอนเช้าก็ถามแม่เขาว่า ที่นี่มีลูกกรอกหรือเปล่า เขาก็บอกว่า มี แต่ว่าหายไปนานแล้ว

    ถามว่า สมัยที่อยู่มีอะไรบ้าง

    เขาบอก "สมัยที่อยู่ตอนกลางคืนจะมาหา มากอดมาปล้ำเหมือนกับเด็กๆ เวลานี้หายไปสัก 3 เดือนแล้ว"

    เลยบอกเขาว่า เมื่อคืนนี้เขามา

    แกถามว่า "จะทำยังไง ?"

    ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ไม่รู้จะถามใคร เลยถามท้าวมหาชมพู

    ถามว่า ไง จัดการได้ไหม ?

    ท่านบอก "เรื่องเล็กๆครับ ให้แม่ไปจัดที่นอนให้เรียบร้อย ทำห้องนั้นให้สะอาด เอาน้ำหอมมาวางพรมให้หมด"

    ถามว่า เมื่อไรจะมา

    ท่านบอก "ประเดี๋ยวมา ให้เขาเสร็จเสียก่อน"

    พอทำเสร็จท่านบอก "ให้สังเกตกลิ่นว่าแม่เคยให้น้ำหอมอะไร น้ำหอมกลิ่นอะไรให้สังเกต"

    ทีนี้มาจริงๆ หอมฟุ้งทั้งบ้านเลย ไม่ใช่กลิ่นน้อยๆนะ ทั้งเรือนนี่ใครนั่งที่ไหนก็ได้กลิ่น

    แล้วแกก็บอกว่า "ให้แม่รีบถวายสังฆทานด่วน สังฆทานก็มีผ้าไตร กับพระพุทธรูปองค์หนึ่ง ของอื่นจะมีหรือไม่ก็ตาม ให้แล้วทีหลังจะเรียกไปอีกไม่ได้เพราะเป็นเทวดาแล้ว"

    นี่ฉันก็เพิ่งรู้ตอนนั้น พอบอกเขา เขาก็รีบจัดการทันที พอเขาให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว รูปร่างแกก็สวยขึ้น ทีนี้เรียกไม่ได้แล้ว หมดอำนาจ แต่ว่าคาถาของเขาจะเรียกได้ประเภทกึ่งผีกึ่งคนหรือผีโดยเฉพาะ เรียกเทวดาไม่ได้

    แต่ว่าไปเป็นเทวดาแล้ว ทุกอย่างมันอ่อนไปหน่อยนะ การให้คุณให้โทษอ่อนไปหน่อย เพราะว่าเทวดาเป็นผู้ใหญ่โกงเขายาก เทวดาโกงเขาไม่ได้ ถ้าเป็นลูกกรอกละเอาทุกท่า

    ทีนี้ไอ้พวกที่เรียกไปก็ใช้บังคับ ใช้ให้เกิดคุณแก่มัน แต่ว่าจะใช้ให้ไปเข้าคน ไปทำร้ายคน อย่างนี้เขาไม่ทำ เขาเอาไปหาลาภ พวกนี้มีลาภ แต่ก็ดุนะ

    ถ้าบ้านไหนมีลูกกรอก ผีอื่นเข้าไม่ได้ นอกจากผีดีเข้าได้ ถ้าไม่ดีเข้าไปล่อแหลกหมด วิ่งหางชี้ไปตามกัน


    (จากธัมมวิโมกข์ ปีที่ 3 ฉบับที่ 20 หน้า 145-152)


    11..jpg

    กรรมของลูกกรอก

    ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ แล้วกรรมอะไรทำให้เกิดมาเป็นลูกกรอกครับ ?

    หลวงพ่อ : เพราะกรรมลูกกรอก !

    ผู้ถาม : (หัวเราะ)

    หลวงพ่อ : ความจริงก็แปลก เพราะอะไร จึงเป็นลูกกรอก เจ้าลูกกรอกนี่ พอออกมาก็ตาย มันต้องมีบุญผสมกรรมที่เป็นปาณาติบาตหนัก เพราะกรรมที่เป็นปาณาติบาตหนักที่อยู่ในครรภ์ก็ตาย และออกจากท้องแม่ก็ตาย

    นี่แสดงว่ากรรมหนัก แต่ส่วนหนึ่งที่เป็นกุศลเขาสูง มาใช้กรรมแค่อยู่ในท้องแม่ออกมาก็ตาย เมื่อตายแล้วสิ่งที่เป็นกุศลก็เข้ามาสนอง ฉะนั้นลูกกรอกจึงเป็นผีที่มีอานุภาพมาก

    (อนึ่ง เคยมีผู้มาขอ กุมารทอง กับหลวงพ่อ ท่านบอกว่าไม่มี แล้วได้เล่าสมัยหลวงปู่ปานให้ฟังว่า เคยมีคนป่วยมาให้หลวงปู่ปานรักษา แล้วท่านบอกว่า คนป่วยรายนี้ถูกกุมารทองที่เลี้ยงไว้เล่นงานเอา

    หลวงพ่อจึงได้ให้ความรู้ในเรื่องนี้ว่า ผู้ที่เลี้ยงกุมารทองเอาไว้ เช่นที่เรียกว่า รักยม เป็นต้น บางทีในเวลาป่วยไข้ไม่สบาย จะถูกกุมารทองทำร้ายเอาได้ จึงต้องระมัดระวังในเรื่องนี้ไว้)

    (จากหนังสือหลวงพ่อตอบปัญหาเล่ม 11 หน้า 28)

    9..jpg

    ลูกกรอกแมว


    หมากับแมวนี่มันจะไม่ถูกกัน ท่านมีลูกกรอกแมวนะ แมวท่านออกลูกกรอก ท่านก็เอาไปใส่ตู้ไว้เลี้ยง รู้ว่ามันเป็นยังไง ตัวนี้เป็นลาภอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ใช่คนสมัยใหม่เกินไป


    ไม่ใช่ลูกกรอกคนนะ แมว ท่านก็พูดกับมันรู้เรื่อง เรื่องแมวนี่นะ ทีแรกเราไม่รู้เรื่อง เรานึกว่าท่านวิชชาสาม

    ทีนี้ก็หลวงพ่อมากรุงเทพฯมานี่น่ะ กลับไปอยู่นู่นก็โยมอาด ไปถึงโยมอาด หลวงพ่อก็บอก โยมอาด แมวกินข้าวดีไหมล่ะ

    ไม่ค่อยดีค่ะ

    ข้ารู้แล้วละแกให้ปลาน้อย เขามาฟ้องว่าแกให้ปลาเขาน้อยนี่ มันจะฟ้อง

    แล้วมีแมวอยู่ตัวชื่อไอ้นิล ไอ้นี่มันเคยเป็นยักษ์มาก่อน แมวที่อื่นมันกัดตายหมดเลย

    โอ้ หมาที่เก่งๆนะ เวลาเจอไอ้นิลก็วิ่งปรี๊ด ไปถึงไอ้นิลนี่มันเบรกๆ (หัวเราะ) หมากลัวแมว ไอ้นิลมันเก่ง

    เวลาทำกุฏิหลวงพ่อนี่ เรียกมันมาหานะ เพราะมันกัดเขาเรื่อยนี่ พระก็จะตีมันน่ะสิ พอหน้ากุฏิหลวงพ่อ เรียกนิล มาพันแข้งพันขา

    ถ้าห่างกุฏิหลวงพ่อ ไม่มีทางเรียกได้ แมวตัวนี้ยักษ์มาเกิด เป็นยักษ์มาก่อนหรือไงนี่ กัดแมวตายหมด ตัวมันใหญ่ ตอนหลังไปโดนที่อื่นเขากัดตายหรือไงนี่


    (จากคอลัมภ์ "จากคำบอกเล่า" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 174 เดือนกันยายน 2538 หน้า 82)


    รุ่น 4 (2).jpg
    รุ่น 4.......jpg รุ่น่ 4 หลัง.jpg
    รุ่น 4, 5.jpg

    (สมเด็จองค์ปฐมรุ่นฉลองสมณศักดิ์ทางขวามือองค์จะเล็กกว่ารุ่น 4 ทางซ้ายมือครับ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มกราคม 2024
  18. rachotp

    rachotp เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    1,218
    กระทู้เรื่องเด่น:
    251
    ค่าพลัง:
    +23,891
    ผมขออนุญาตพี่วรรณกับพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ กัลยาณมิตรที่ดีในกระทู้นี้ทุกท่านแบ่งปันบอกเล่าเรื่องราวดีๆสักนิดนึงนะครับ _/|\_ ถ้ามีโอกาสผมอยากจะให้ทุกๆท่านลองหาซื้อยาแคปซูลสมุนไพรฟ้าทะลายโจรมารับประทานครับ… รบกวนทุกๆท่านช่วยกรุณา คลิ๊ก เข้าไปอ่านพิจารณาในกระทู้ #1 นี้ดูนะครับเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากๆครับ เป็น Alternative Herbal Medicine อีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจมากๆในการรับมือกับสถานการณ์ COVID-19 ที่กำลังระบาดอย่างหนักอยู่ในขณะนี้ครับ ผมแนะนำว่าไม่จำเป็นต้องซื้อของอภัยภูเบศรนะครับ ควรพิจารณาเลือกซื้อยี่ห้ออื่นที่มีมาตรฐาน อ.ย. รับรอง มีปริมาณฟ้าทะลายโจรต่อ 1 แคปซูลสูง และ ราคายอมรับได้ (Reasonable Price) ครับ… ตอนนี้ที่ผมรับประทานเพื่อเสริมเพิ่มภูมิคุ้มกันกับเชื้อ Virus อยู่คือ ยี่ห้อธันยพรสมุนไพร ครับ ผมเปรียบเทียบพิจารณาแล้วกับหลายๆยี่ห้อในตลาดบ้านเรา ยี่ห้อนี้คุ้มค่าและดีที่สุดในทุกยี่ห้อครับ ของอภัยภูเบศรมีปริมาณฟ้าทะลายโจรต่อ 1 แคปซูลสูงที่สุด คือ 400 มิลลิกรัม ต่อ 1 แคปซูล แต่ 1 กระปุกมีแค่เพียง 60 แคปซูลครับ VS. ของธันยพรสมุนไพร มีปริมาณฟ้าทะลายโจรต่อ 1 แคปซูล 390 มิลลิกรัม ต่อ 1 แคปซูล แต่ 1 กระปุกมี 100 แคปซูลครับ และราคาก็คุ้มค่ากว่ามากด้วยครับ ของธันยพรสมุนไพร ราคาติดไว้กระปุกละ 140 บาท แต่ผมซื้อจากร้านสมุนไพรหรือร้านขายยาที่มีจรรยาบรรณได้ในราคาแค่เพียงกระปุกละ 80 บาทครับ เทียบกับปัจจัยทุกอย่างแล้วคุ้มกว่าของอภัยภูเบศรครับ

    (ดูภาพ Capture ประกอบ ยาแคปซูลสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ของผมด้านล่างครับ)

    1.jpg

    2.jpg

    3.jpg

    ประมาณนี้ครับ… ขอบคุณพี่วรรณกับพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ กัลยาณมิตรที่ดีในกระทู้นี้ทุกท่านสำหรับพื้นที่ตรงนี้ครับ … อยากจะให้ทุกๆท่านมีสุขภาพที่ดี และ ปลอดภัยจาก COVID-19 ครับ ด้วยความปรารถนาดีต่อทุกๆท่านครับ _/\_ … บุญรักษาครับ _/|\_
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2021
  19. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    52
    ค่าพลัง:
    +225,229
    6434_137727699738024_489776212_n.jpg


    หลวงพ่อเล่าเรื่องลูกแก้วที่หลวงปู่ชุ่มมอบไว้ให้, บวงสรวงชุมนุมเทวดา
    ลูกแก้วจักรพรรดิ์ -.jpg
     
  20. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    52
    ค่าพลัง:
    +225,229
    00011.jpg

    หลวงพ่อไปช่วย 5 ทหารเสือสมัยสงครามโลกที่ 2

    ตามที่ลงบันทึกการเดินทางของท่านแล้วจะเห็นว่าหลวงพ่อต้องฝืนทนสังขารไปโปรดลูกหลานถึงเมืองนอก เพราะเวลาก็ต่างกัน จึงทําให้ท่านต้องป่วยหนักทุกครั้ง หลังจากที่ท่านกลับมาจากอเมริกาแล้ว ในปีต่อมาพ.ศ. 2531 พระเดชพระคุณหลวงพ่อก็ได้เดินทางไปยุโรปอีกเพราะมีภารกิจที่สําคัญ ณ ประเทศเยอรมัน

    ท่านกลับมาแล้วจึงได้เล่าเรื่องที่ไปช่วยห้าทหารเสือให้พ้นจากขุมนรก โดยการสร้างพระพุทธรูปหน้าตัก 4 ศอก 1 องค์ แล้วก็หน้าตัก 20 นิ้วอีก 3 องค์ บวชเณร 1 องค์ บวชพระ 1 องค์ สังฆทาน 1 ชุด เจริญกรรมฐาน 7 วัน หลวงพ่อได้เล่ากล่าวต่อไปอีกว่า...

    "ทําบุญใหเค้านะ คือว่ารับมาจะทําบุญให้ คือว่ามันเป็นวันพ้นพอดี ไม่ใช่ว่าว่าใครจะไปช่วยกันให้ขึ้นมาจากขุมนรกนะ มันช่วยไม่ได้ ใช่ไหม ? ก็นรกที่เขาลงมันก็ไม่ลึกแค่ อเวจี เท่านั้น ไม่ลึกกว่านั้นอีกน่ะ ถ้าลึกจริงๆ เราก็มองไม่เห็น นี่มันไม่ลึกมากก็มองเห็น

    แต่ไม่ใช่ฉันนะ ก่อนจะไปต่างประเทศคราวนี้มันมีเหตุมีเรื่องแปลก นี่ฉันก็จะไปไม่ไหวแล้ว แต่พระท่านให้ไปและท่านก็ไม่บอกเหตุ ไม่บอกผล นี่เราเจริญกรรมฐานนะ ฉันพูดได้ ถามท่านว่า ถ้าไปร่างกายไม่ดีแล้วจะเป็นยังไง ท่านบอกว่าไม่เป็นไร จะเป็นทางท้องนิดหน่อยไม่มากนัก จะมีการล้างท้องสักครั้งหนึ่ง ให้นํ้าเกลือสักครั้งหนึ่งก็หมดกันเท่านั้นระหว่างเดินทาง ฉันก็เลยลอง !

    แล้วไปคราวนี้มันเครียดต้องทรมานกายเหนื่อยทุกวัน คิดว่ามันจะทนไหวไหม คือจะไปลองทนตามที่พระท่านพูด มันก็ไหวก็ตรงตามท่านว่า พอไปถึง อิตาลี ไม่เห็นใครเลย เห็นก็แต่ผีอื่น ผีที่เราต้องการไม่เห็น อยากจะรู้ มุสโสลินี อยู่ไหน...ไม่เห็น พอเข้าเขต สวิตเซอร์แลนด์ จึงรู้ที่มาของคน 2-3 คน

    1. ฮิตเลอร์ 2. มุสโสลินี 3. เกอรริ่ง นายเกอรริ่งน่ะคู่หูเขา แต่ฉันไม่ดูเอง เวลานอนฉันก็ไปหาพระ ตามปกติฉันเป็นอย่างนั้นน่ะ หัวถึงหมอนปั๊บก็ถึงพระแล้ว เพราะอยู่กับพระ... เราคุยสนุกคุยสบายใจกว่า แล้วก่อนจะไป ท่านก็บอกว่า ถ้าต้องการรู้อะไรให้ถามได้ ท่านสองคนคือพระอินทร์ กับ ท่านสหัมบดีพรหม

    ฉันไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อนเลย ถ้าถามสององค์ ถามองค์หนึ่งก็เป็นหัวหน้าเทวดาทั้งหมดเป็นเทวราชา อีกองค์หนึ่งก็เป็นประธานของพรหม...ใหญ่ที่สุด พอไปถึงสวิตเซอรแลนด์ ก็ไปนอนๆ พอจิตสบายน่ะ...ไม่ได้ดูอะไรนะ ไอ้เรื่องดูนี่ขี้เกียจดู จิตมันเต็มกําลังมันก็หลุดพั๊วะไปโน่น ไปหาพระ...ไปเอง...ไม่ต้องสั่ง...พอไปถึงท่าน

    ท่านก็เลยถามว่าต้องการรู้ที่อยู่ของคนสองคนใช่ไหม ก็บอกว่า ใช่ ท่านบอกว่า...ถามโยมสิ โยมแกทั้งสองโยมนะ...เขารู้ พอดีโยมท่านก็ไปถึงพอดี แล้วถามท่าน ท่านก็บอกสองคนเวลานี้ลงอเวจีทั้งคู่ เราก็สบายใจเพราะคนที่อยู่อเวจีได้ต้องใหญ่จริงๆ ไม่ใหญ่มันอยู่ไม่ได้...ใช่ไหมคุณ บาปไม่ใหญ่มันลงไม่ได้นะ

    พอท่านบอก 2 คนอยู่อเวจีก็หมดทาง ที่พระพุทธเจ้าท่านบอกให้ถามสองคนนี้เป็นความจริง อํานาจของเราหมด เราสามารถจะช่วยได้ แต่ช่วยได้ยาก แค่ปรทัตตูปชีวีเปรต เปรตอีก 12 จําพวกเราก็ช่วยไม่ได้ อสุรกายเราก็ช่วยไม่ได้ สัตว์เดรัจฉานเราก็ช่วยไม่ได้ สัตว์นรก 8 ขุมช่วยไม่ได้เลย

    ทีนี้อยู่ขุม 8 ก็หมดทาง...ใช่ไหม ถามบอกหมดทาง ท่านถามอยากจะช่วยไหม บอกไอ้อยากช่วยน่ะ อยากช่วยมานานไม่ว่าใครหมดน่ะ แต่ว่าในเมื่ออยู่ในขุมนี้ก็หมดทาง ท่านบอกไม่เป็นไร ท่านถามถึงความรู้สึก บอกผมมีอุเบกขา ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของคนมีกรรม คือมีอกุศลกรรมหนักต้องลงนรกเป็นเรื่องธรรมดา เราก็ไม่หนักใจ

    ท่านบอกว่าช่วยได้ แต่ไม่ใช่คุณ ต้องสององค์นี้จึงช่วยได้ พระอินทร์ กับ สหัมบดีพรหม ก็เลยเริ่มทัวร์ ทัวร์อันดับสองใช่ไหม ทัวร์จากนิพพานลงไปอเวจี ไปด้วยกันไหม (หัวเราะ) เห็นหน้าอยู่คนพอไปได้ คนนี้ก็ไปได้นะ แต่ห้ามอยู่น่ะ (หัวเราะ) ไม่มีสิทธิ์ ไม่มีสิทธิ์...ก็ไปได้น่ะ

    ถึงวันเวลาพอดี

    ทีนี้ก็เลยทัวร์ซ้อนทัวร์ จากนิพพานไปอเวจี พอถึงอเวจีก็มีเจ้าของถิ่น 2 ท่านคือ พระยายม กับ นายบัญชีใหญ่ ไปถึงท่านก็ถึงทันทีเหมือนกัน พอหันมา "นายบัญชีใหญ" เปิดบัญชีและบัญชีท่านไม่พลิกอย่างเรา เล่มหนาขนาดนั้นเนี้ย เปิดปั๊บถึงพอดี แกล้งเปิดหรือไงไม่รู้ พอเปิดปั๊บ...หมดสิ้นวัน...วันนี้ครับ เขาหมดเขต แน่ะ...เป็นวันพอดี มิน่า...พระถึงได้เข็น !

    ฉันปฏิเสธหลายครั้ง การไปยุโรปนี่ ฉันบอกมันไปไม่ไหวนะ ขอท่าน...บอกขอไม่ไป ท่านไม่ตกลง...บอกต้องไป พอเปิดบัญชีมาบอกหมดวันนี้ครับ...มีสิทธิ์สององค์ ท่านก็เรียกเอาขึ้นมา...ไม่ใช่ฉันนะ เราน่ะหมดสิทธิ์แล้ว พระนะหมดแหงแก๋แล้ว... ยิ้มแหยแล้ว

    ท่านก็บอกนายนิริยบาล บอกเอาคนนี้ขึ้นมา เขาหมดเวลาแล้ว ก็เลยถามท่านว่าอเวจีนี้มันมีอายุ 1 กัป แล้วพวกนี้ที่ลงไปยังไม่ถึง 1 วันนรกเลยแล้วขึ้นมาได้ยังไง ท่านบอกว่านรกมันมีอายุ 1 กัปจริง แต่คนที่ตกลงมาในเขตนี้มีบุญถึงขั้นนี้ แต่ไม่เต็มกัปมันมีอยู่ ตัวอย่าง พระนางมัลลิกาลงสัญชีพนรกแค่ 7 วันมนุษย์ ใช่ไหม ?

    โทษเขาหนักถึงขั้นนั้นจริง แต่ว่าอายุเขาไม่ต้องอยู่นาน เป็นอย่างนั้นต่างหากละ...ใช่ไหม สารวัตรมีไหม ? เรือนจําน่ะ คนที่เขาเข้าเรือนจําไม่ต้องจําอยู่ตลอดชีวิตใช่ไหม...ไม่จําเป็น โทษน้อยมี โทษมากมี ไม่ใช่กําลังฉันนะ อย่าลืม...ของ 2 องค์และเป็นวันที่หมดเกณฑ์ของเขาพอดี ไม่ใช่ว่าไปดึงเขามาจากขุมนรก

    แต่ว่าการหมดเกณฑ์ที่ขุมนั้นต้องลงนรกบริวาร และก็เศษยังผ่าน ยมโลกียนรก อีกต่างหาก อันนี้ถือว่าขุมใหญ่มีความจําเป็นก็ลงแล้ว ก็ไปตัดจากปากขุมพอดี ถ้าไม่ตัดต้องล้อมไป แต่ว่าเขาบอกว่ามีสิทธิ์อีก 200 ปีถึงจะเกิดเป็นมนุษย์ได้ บางทีถ้าลงบริวารก็ลงแค่นิดเดียว

    ก็เลยถามว่าต้องการอะไรบ้าง ตอนนั้นเขาขึ้นมาแล้ว...โปร่งแล้วนี่ ต้องการสังฆทานครับ บอก อือ ไม่เป็นไร...อะไรอีก ? พระหน้าตัก 20 นิ้ว 3 องค์ นี่ไม่ได้ใบ้หวยนะ...อย่าเล่นนะ มันกินหมด(หัวเราะ) บวชเณร 1 องค์

    บอก เออ..แล้วก็ผลที่เธอได้จะเป็นยังไง ผมก็เป็นเทวดาชั้น จาตุมหาราช ถามว่านักรบเป็นเทวดาได้ยังไง มันมีแต่รบอยางเดียว เขาบอกว่าผมไม่ได้มีแต่รบอยางเดียวครับ บุญผมทํา เมตตาผมมี เอ้อ...เราก็เถียงไม่ได้เว้ย เลยถามว่าเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน แกไปเกิดประเทศไทยดีไหม แกบอก...แหลกเลยครับ...ผมฆ่าแหลกเลย !

    ถ้ารูปนี้ก็ไม่เหลือ (หัวเราะ) ฮิตเลอร์ เก่งจริงๆ ถามทําไมละ ขโมยขโจรไอ้พวกนี้ผมฆ่าแหลกเลยนะ ก็เลยบอกเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน งั้นแกไปเกิดประเทศไทย ถ้าต้องการไปเกิดประเทศไทยมันจะต้องทํายังไงบ้าง ก็ต้องสร้างพระหน้าตัก 4 ศอก และก็บวชพระให้ 1 องค์ ผมไปเกิดประเทศไทยได้ครับ

    ถามว่าแกไปเกิดแล้วแกจะช่วยวัดฉันได้ไหม บอกช่วยได้แน่นอนครับ ในแผ่นทองคํา 200 ปีนั้น คือผมนะครับ โอ้...มันรู้เลย มันรู้ด้วย ถามแกว่าอ่านยังไงวะ บอกผมอยู่ในนรกผมอ่านออก แหม...ไอ้ตานรกมันอ่านยาว เพราะเหลือ 200 ปีพอดีไง 200 ปีมนุษย์

    เอ้อ...อัศจรรย์...ถามแกเป็นอะไร บอกผมก็เป็นตามตําแหน่งนั้นแหละ มุสโสลินี เป็นอํามาตย์ พอเราตกลงช่วย อย่างนี้มันไม่ยาก ยังไม่ได้สั่งช่างทํานี่ ถาม มุสโสลินี บอกผมขอเท่ากันครับ ถามแกเป็นอะไร ? บอกผมก็เป็นอํามาตย์ ต่อมาผมก็บวชอยู่ที่วัดนั้น ถามแก "จบ" ไหม ? บอก "จบ" ครับ !

    แน่ะ...อย่าทําเป็นเล่นไปนะ สัตว์นรกนี่มันต่ำสุดก็สูงสุดได้เหมือนกัน...ใช่ไหมคุณ ทําเป็นเล่นไปนะ ลองๆก็ได้นะ

    ("แผ่นทอง" หมายถึง คําพยากรณ์ ที่หลวงพ่อบรรจุไว้ในหลุมพระอุโบสถ เมื่อวันตัดลูกนิมิต 24 เมษายน 2520 บอกว่าอีก 180 ปี จะมีพระเจ้าธรรมิกราช(คือท่าน ฮิตเลอร์) พร้อมด้วยพระอรหันต์ (ท่านมุสโสลินี) มาบูรณะวัดนี้)

    แล้วก็ต่อมาอีกวันหนึ่งนึกถึง เกอรริ่ง มันคู่กับ มุสโสลินี คนนี้อยู่ที่ไหน ท่าน 2 องค์บอกอยู่นั่นไง...กระดูกแดงฉานน่ะ ไฟแดงเผาโชน หมดวันเหมือนกัน ก็ขนขึ้นมาอีก ทําบุญเท่ากัน และต่อมาก็ถึงฮอลันดา กําลังออกจากฮอลันดาสิ ฮิตเลอร์บอกนึกถึง เปแตง อาจจะเป็นศัตรูก็ได้ ไม่เป็นในตอนนั้นนะเพราะยอมแพ้นี่ บอกให้ช่วยเปแตงด้วยครับ ถามเปแตงอยู่ที่ไหน บอกที่เดียวกันครับ บอกเออ...ฉันไม่มีสิทธิ์หรอก

    เลยบอกเอ็งไปบอกพ่อ 2 องค์สิ ฉันไม่มีสิทธิ์ ฉันรับทราบได้ แต่ไม่มีสิทธิ์ในการช่วย เขาก็ไปบอก 2 ท่าน ไปบอก นายบัญชี โผล่มาอีกเหมือนกันกับพระยายม หมดวัน...รู้สึกวันพอดี

    แต่ว่านายนี่พอขึ้นมาแล้ว ถามต้องการอะไรบ้าง ? บอกต้องการสังฆทานอย่างเดียวครับ บอกแกเอาเท่าเขาแล้วกันวะ ไม่อย่างนั้นใช้ยาก (หัวเราะ) หนอยแน่ มันเล่นขี้เกียจน่ะ เลยเหมาเสร็จให้เท่ากัน แล้วก็ต่อมาพอข้ามมาถึงอังกฤษ นายเปแตงก็เป็นห่วง เชอรชิล ไอ้เจ้านี่รู้สึกลําบากนิดหนึ่ง ทั้งสองท่านมา...บอกฉันจะลองดู กระดูกแดงเหมือนกันที่เดียวกันแหละ...คนนี้มีบุญ !

    แหม...ไม่มีสนิมเลยคุณ เผาแดงช๊าดเลย สนิมเกาะไม่ได้ ทั้งสองท่านไป ไปขออนุญาตนายบัญชี มาถึงเปิดบัญชีปั๊บ...ขาด 3 วันครับ ต้องอีก 3 วัน วันที่ 30-31-32 เปล่า 30 ขึ้น 1-2 ต้องวันที่ 3 ถึงรับโมทนาได้

    พอขาด 3 วัน ทั้งสองท่านบอกเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ฉันให้เป็นสัมภเวสี 3 วัน อ้อ...เค้าเรียกมีทางแก้ ! ถ้าอย่างเราแหงแก๋...ดูเฉยๆ แล้วหมดสิทธิ์ ใช่ไหม เขาก็เลยให้...ให้เป็นสัมภเวสี 3 วัน แล้วก็ต่อนั้นมา...มาวันที่ 3 ก็รับมโมทนาได้ ก็เลยให้เท่ากัน ก็เลยถามพระท่านว่า การมานี่มีกิจเท่านี้หรือครับ ท่านบอก ใช่

    ก็บอกว่า ถ้าบอกผมสักหน่อยเดียว ผมไม่มาหรอก (หัวเราะ) ท่านไม่บอกเลยนะ บอกแต่ให้ไปๆฉันยืนยันว่าไปได้ ไม่เป็นไรๆ เป็นบ้างเป็นทางท้องนิดหน่อย ต้องล้างท้องหนึ่งครั้ง ให้น้ำเกลือหนึ่งครั้ง ก็ตรงตามนั้นหมด บอก..ถ้ารู้อยางนี้ผมก็ไม่ต้องไป..นอนวัดก็ช่วยได้

    ท่านบอกมันก็ไม่ได้เหมือนกันนะ คงจะมีอะไรสักอย่าง ถ้านอนวัดเราก็ห่วงงานมากกว่า ใช่...ห่วงงานของเรา เราก็เลยไม่ห่วงพวกนี้ เวลานั้นนั่งรถไป เราก็รําคาญการนั่งรถ...ใช่ไหม เราก็ใช้กําลังใจ รถจะถึงไหนก็ช่างหัวมัน เราธุระของเราไปเรื่อยเฉื่อย อย่างไปถึง เยอรมัน นี่เราก็ดูซ่อนอะไรที่ไหนมั่งหว่า (หัวเราะ)

    ดูของที่ซ่อน โอ้...บานเจ้าเลย ความโง่ของฉัน เมื่อสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ยังไม่ถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 นี่จะโกหกให้ฟังนะ ใครจะเชื่อก็เชื่อ ไม่เชื่อก็ตามใจ บอกแล้วว่าโกหก เพราะไม่ได้ไปเห็นจริงน่ะ...แค่รู้ เพราะเค้าบอกว่าเยอรมันสร้างอาวุธ แล้วเก็บในเขา ฉันก็คิดว่าเก็บในถ้ำ มันไม่ใช่อย่างงั้น เค้าสร้างถ้ำในเขา

    เพราะว่าออกจาก อิตาลี แต่ก่อนจะถึงสวิตเซอร์แลนด์ เรารู้สึกมันผ่านถ้ำไม่รู้เท่าไหร่เลยใช่ไหม ภูเขา...ถนนเค้าไม่อ้อมเขา เขาทะลุถ้ำไปเลย... ยาวเหยียดๆ ขนาดตอนนั้นเขายังขนาดนี้ ตอนก่อนเขาก็ทําใต้เขาให้เป็นถ้ำตามความประสงค์ของเขา...แค่นี้เอง

    นี่รวมความว่าฉันโง่แน่ ฉันไปนี่...ฉันฉลาดขึ้นมาหน่อย...หน่อยเดียวนะ รู้ว่าเขาเจาะเขาได้สะดวกด้วย...ใช่ไหม ทีนี้มันก็มีปัญหาว่า ตามถนนรถยนต์ต่างๆนะ มันมีอะไรอยู่ใต้ถนนบ้างหรือเปล่า นั่งไป เอ...นี่มันมีถนนสองชั้นนี่หว่า จิ้งจกทัก (หัวเราะ) ห้ามพูดอันตราย ท่านบอก อันตราย...ไม่เป็นเรื่อง..." (บันทึกจบเพียงแค่นีั้)



    (จาก "หนังสือตามรอยพระพุทธบาท" เล่ม 4 โดยหลวงพ่อชัยวัฒน์ อชิโต หน้า 420-424)


    0001 (1)a.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...