เพื่อการกุศล นิ่มป่าแดง...ตามอ่านประสบการณ์จริง

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย numthip, 14 มิถุนายน 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. pei

    pei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    778
    ค่าพลัง:
    +2,853
    กราบหลวงปู่สุภาด้วยความเคารพนับถืออย่างยิ่ง

    แจ้งพี่หนุ่ม ได้รับพระของขวัญทรงเมตตาเรียบร้อยแล้วครับ
     
  2. MooDam

    MooDam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,604
    ค่าพลัง:
    +4,845
    ขอกราบอาลัยหลวงปู่สุภาครับ
     
  3. พ่อประดู่09

    พ่อประดู่09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,378
    ในฐานะที่เป็นแฟนกันมานานพร้อมๆ กับ คนอกหักจากสุพรรณบุรี ตั้งแต่ตอนเรื่องที่ปู่เล่าสู่กันฟัง ก็จะเอาเท่าที่เคยแผ่วผ่านมาเล่าให้อ่าน เผื่อว่าจะ

    ตรงกับจริตของท่านที่ชอบอ่านบ้างก็ได้ ก็เอาเป็นเรื่องเล่าก็แล้วกัน อย่าไปเปิดเน็ทมาคุยกันก็แล้วกันนะครับ....

    เรื่องเล่า : เล่าเรื่องที่เคยเห็น,เคยได้ยิน,เคยได้ฟัง เกี่ยวกับการทำการใช้ น้ำมนต์ธรณีสาร (ตอนที่ ๑)

    ตอน : ผมขอเล่าเอาแบบไม่มีความรู้ ไม่มีหลักฐาน,เพราะตำราหายหมด

    คุณโคกว่านถามว่า น้ำมนต์ธรณีสารคืออะไร ? ก็จะตอบแบบผมในฐานะเคยสอนหนังสือมา ๕ ปี ในสมัยที่เงินเดือนพันกว่าบาท แต่ค่าสอนชั่วโมงละ สี่

    สิบบาท คือแยกแยะตอบแบบไม่รู้แต่เคยเห็นเคยฟัง จำได้ก็เพียงแผ่วผ่าน อาจจะใช้ภาษาไม่สละสลวยก็ขออภัย เพราะเพิ่งกลับจาก รพ.สมเด็จ

    พระปิ่นเกล้า พธ. ยังมีอาการเจ็บหน้าท้องเป็นอย่างมาก เพราะแผลผ่าตัดค่อนข้างยาว รอการตัดไหมวันที่ 6 ก.ย. 56 นี้ แยกแยะแบบผมเข้าใจ

    คือ.-

    1. น้ำมนต์ธรณีสาร ก็เป็นน้ำมนต์ แต่ใช้ในกิจที่ต้องการมากกว่าน้ำพุทธมนต์(หาคำแทนยากและยังนึกไม่ออก)เพราะงานบางอย่างเราใช้แค่น้ำพุทธ

    มนต์ก็เพียงพอ แต่บางอย่างเราต้องใช้เป็นน้ำมนต์ธรณีสาร น่าจะมาจากคติความเชื่อที่เอาของพราห์มมาร่วมด้วย...(เคยเขียนไปแล้ว...พระพุทธเจ้า

    จะทรงหนีความเชื่อคติแบบพราห์ม...แต่ข้ามไม่พ้น ทำให้คติต่างๆ ถูกปรับใช้ร่วมกัน)

    2. ใช้ใน 2 ลักษณะ คือ 2.1 ป้องกันเสนียดจัญไร ทำก่อนที่จะประกอบกิจอันใดที่จะทำให้เกิดเสนียดจัญไร 2.2 แก้ไขหรือล้างเสนียดจัญไร เช่น

    ได้เกิดเสนียดจัญไรขึ้นแล้ว เพราะการทำผิด เช่นผิดครู ไม่เคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไปก้าวล่วงโดยรู้หรือไม่รู้ก็ตาม

    3. ใช้กับใคร เมื่อไร? ใช้กับสถานที่ ที่จะทำการใดๆ เช่น จะตั้งศาล จะยกเสาเอก จะเข้าไปนอนในป่าช้าเพื่อเรียนเดรัจฉานวิชา คือใช้ทั้งที่เป็นดิน,

    น้ำ,ลม,ไฟ ในกิจที่จะต้องมีพิธีมีครูหรือหรือขึ้นอยู่กับอาถรรพ์หรืออาถรรพณ์ ทำไมถึง 2 อาถรรพณ์ไม่บอกเพราะเป็นเรื่องวิชาการ ถ้ามีเวลาจะแยกให้

    ว่าอะไรเกี่ยวกับดิน อะไรเกี่ยวกับน้ำ ลม,ไฟ...หรือใช้กับคนที่ต้องธรณีสารแล้ว(ผมเคยเขียนไปแล้วตอนเข้ามาเขียนใหม่ๆ ว่าผมเป็นคนดื้อ โดย

    เฉพาะเรื่องคนต้องธรณีสาร ผมเขียนไปแล้วว่าเกิดจากความเกียจคร้าน วันนี้แถมให้อีกนิดคือคนใจคับแคบขาดความเมตตาปราณีก็ต้องธรณีสารได้ มี

    เวลาจะขยายให้อ่านกัน)

    4. บอกไปแล้วว่า เป็นอะไร ใช้ที่ไหน ใช้กับใคร ใช้เมื่อไร น่าจะพอ ถ้าผมลำดับขาดตกบกพร่องต้องขออภัย เพราะเขียนไปก็นึกไป คงขาดอีก

    อย่างคือทำไมต้องใช้ เอาตามความคิดผมก็คือ สถานที่นั้นอาจจะมีอาถรรพ์/อาถรรพณ์ หรือว่างานนั้นๆ เป็นงานที่มีครู(หรือต้องยกครู)เช่นใกล้ตัวก็

    งานของช่างทำบันไดบ้าน งานต่อเรือ งานทำโลงศพ งานทำว่าว(ว่าวดุ๊ยดุ่ย)งานทำกังหันไม้(ใช้ไม้เหลาเป็น 2 ใบ แล้วเอาไปขึ้นที่สูงให้กินลมในฤดู

    เกี่ยวข้าวโดยเอามัดติดกับต้นไม้ใหญ่ ซึ่งจะหมุนตลอดแทบไม่หยุดเลยในหน้าลมว่าวหรือลมตะวันออกเฉียงเหนือ : นอกจากต้องล้มเสาลง เพราะ

    บางทีจะทำให้ต้นไม้ใหญ่ที่เป็นฐานตาย) และใช้เมื่อคนใดคนหนึ่งมีอาการว่าเป็นคนต้องธรณีสาร ซึ่งจะขยายให้อ่านกัน จะเอาเฉพาะที่จำได้ ต้องไม่

    ลืมว่า ผมเป็นคนความรู้คับแคบ เพราะฉนั้นที่ผมบอกว่าใช้น้ำมนต์ธรณีสาร บางพื้นที่อาจไม่ใช้ก็ได้.........

    เรื่องตัวคาถา ผมจะไม่ก้าวล่วง เพราะคาถาก็เกิดจากการแต่ง การรจนา ของแต่ละคนแต่ละท่านแต่ละอาจารย์ และเสริมข้อปลีกย่อยของงานหรือเรื่อง

    ราวที่เกี่ยวกับพื้นบ้าน ที่คนทำพิธีอาศัยอยู่ หรือที่ๆ เราจะทำพิธี มีอะไรปลีกย่อยเพิ่มเติม เกินกำลังของผมที่มีความรอบรู้จำกัด เพราะเนื้อคาถาก็คง

    มีที่มาเริ่มต้นเป็นกลางๆ ก่อน แล้วก็ไปเสริมแต่งให้เหมาะสมตามวิถีของแต่ละท้องถิ่นไป คงไม่มีใครผูกขาดว่ามันเกิดจากถิ่นของตน...ได้เวลากิน

    ยา...แม่บ้านว่ามา...ขอไปนั่งนึกก่อน...แล้วจะมาต่อให้อีก....ขอขอบคุณมาก สวัสดีครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กันยายน 2013
  4. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,632
    ตำราที่มีเรื่องเกี่ยวกับอภิไทโภธิบาทว์ ที่เห็น ๆ อยู่ในปัจจุบันก็คือ "ตำราพรหมชาติ" จะกล่าวถึงลักษณะของอุบาทว์และวิธีแก้ไข ใครสนใจคงต้องไปหามาศึกษาเอาเอง ตำราพระเวทย์พิศดาร ของอาจารย์เทพย์ก็มีบอกวิธีแก้เหมือนกัน แต่รายละเอียดในการแต่งบัตร ทำกระทง ใส่หมากพลู อาหารหวานคาวเพื่อบูชาเทวดาประจำทิศบอกไว้เพียงคร่าว ๆ เท่านั้น เดี๋ยวจะลองค้นดูอาจจะไม่ละอียดมากนัก

    ส่วนใหญ่จะปรึกษาหมอพราหมณ์ ที่มีความชำนาญทางด้านนี้โดยเฉพาะ เพราะรายละเอียด และเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ต้องผู้ชำนาญการเท่านั้นที่จะรู้

    ต้องรอคุณพ่อประดู่05 เล่าประสบการณ์ครับ กำลังน่าติดตาม
     
  5. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,632
    ตามคำร้องขอครับ

    ภาพว่าวดุ๊ยดุ่ย และ ลูกลม แถมภาพลูกสะบ้า

    ว่าวดุ๊ยดุ่ย ทางภาคอิสานเรียกว่า ว่าวแอก , ว่าวสองห้อง บางที่เรียก ว่าวหง่าว
    ตอนยังเป็นนักศึกษาเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน เคยไปแสดงการละเล่นพื้นบ้านที่
    "งานมหกรรมว่าว" ที่จังหวัดบุรีรัมย์จัดขึ้นเป็นปฐมฤกษ์ จึงได้เห็นว่าวแอกเป็นครั้งแรก
    ในชีวิต แต่ตอนนั้นไม่ได้ไปแข่งว่าวแต่ไปเล่น "ตีสะบ้า" ครับ

    ส่วนลูกลม อันใหญ่ ๆ แบบกังหันลมสมัยเด็ก ๆ ไม่เคยเห็น
    เคยเห็นเคยเล่นแต่กังหันลมอันเล็ก ๆ บ้านผมเรียก หมากปิ่นลม


    ปล.หลงลบภาพออกเพราะมองไม่เห็นภาพ สงสัยเวปจะรวนอีกแล้ว
    ลงภาพอีกก็ไม่ได้ โอกาสหน้าจะลงใหม่อีกรอบ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กันยายน 2013
  6. พ่อประดู่09

    พ่อประดู่09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,378
    เรื่องเล่า : เล่าเรื่องที่เคยเห็น,เคยได้ยิน,เคยได้ฟัง เกี่ยวกับการทำการใช้ น้ำมนต์ธรณีสาร(ตอน 2)

    ตอน : ผมขอเล่าเอาแบบไม่มีความรู้,ไม่มีหลักฐาน เพราะตำราหายหมด

    เห็นว่าเป็นวันทำงาน คงไม่มีใครใช้มากนัก ก็ถือโอกาสมาเล่าต่อ ได้เกริ่นไปแล้วแบบปูพื้นฐานชาวบ้านๆ เกี่ยวกับเรื่องน้ำมนต์ธรณีสาร ถ้าถามผมว่า

    ผมรู้จักเรื่องนี้เมื่อไหร่ ก็ตอบว่าเคยอ่านเคยท่องตั้งแต่ยังไม่จบ ป.4 แต่ไม่รู้จัก คือท่องได้แต่ไม่มีความรู้ ปู่ให้เป็นคนคัดลอกตำรา จากสมุดข่อยเอา

    มาลงสมุด จากตำราอาจารย์สวนวัดโพธิ์เอน เอามาลงสมุด ให้ท่องได้แต่ห้ามทำ ยกเว้นพวกหน้าโขน ห้ามลอกห้ามวาดโดยเด็ดขาด ปู่จะเป็นคน

    จัดการเอง ปู่เป็นคนวาดหน้าโขนได้สวยหมดทุกตัว ที่ห้ามวาดก็เกี่ยวกับกลัวต้องธรณีสาร เพราะยังไม่ได้ครอบครู ปู่มีเรื่องเล่าประกอบว่า มีพระอยู่

    องค์หนึ่งชอบวาดรูปในเรื่องรามเกีรย์ติ์ อาจารย์ก็ห้ามไว้ว่าอย่า...ถ้ายังไม่ครอบครู...ถ้าเกิดภาพมันถูกส่วนขึ้น...ภาพมันจะเป็น...และเป็นอันตราย แต่

    พระองนั้นก็ไม่ฟัง วันหนึ่งเมื่อวาดรูปยักษ์จวนจะเสร็จเรียบร้อยก็พอดีกลองเพลดังขึ้น จึงเอารูปที่วาดวางไว้ที่หัวนอนโดยมีหมอนทับไว้ แล้วรีบครอง

    ผ้าออกไปฉันเพล เมื่อฉันเพลเสร็จแล้วก็กลับกุฏิ ก็ตั้งใจจะวาดหน้ายักษ์ให้เสร็จ พอยกหมอนที่ทับภาพไว้ก็ตกใจสุดขีด ถึงกับโดดออกทางหน้าต่าง

    กุฏิออกไป เพราะภาพหน้ายักนั้นเกิดเป็นภาพเป็นขึ้นมา(คำว่าภาพเป็นหมายถึงเหมือนมีชีวิต)ภาพหน้ายักษ์นั้นยักคิ้วให้พระองค์ที่วาด(คงจะเห็นเป็น

    ยักษ์จริง:ผมผู้เขียน)เรื่องนี้ก็ต้องแก้ไขด้วยน้ำมนต์ธรณีสาร นี่ก็เป็นการสอนของปู่ที่มีให้กับผม การเชิดหนังตลุงกันเองปู่ก็ห้าม ผมถามปู่ว่าจริง

    ไหม?...เห็นพวกผู้ใหญ่เขาบอกว่า ถ้าเอาผ้ามาขึงแล้วเล่นหนังตลุงจะเป็นบ้าได้เพราะไม่ได้ยกครูกัน ปู่ก็จะบอกกลางๆว่า เขาว่ากันมาอย่างนั้น แต่

    เขาคงกลัวเอามุ้งมาขึงเล่นกัน แล้วพลาดพลั้งไปอาจจะทำให้เกิดไฟไหม้บ้านได้(เพราะสมัยนั้นใช้ตะเกียงกระจุก) นี่ก็น่าจะเป็นอุบายของผู้หลัก

    ผู้ใหญ่จะหาทางป้องกันภัยอันเกิดจากเด็กที่เล่นกันแล้วมันเสี่ยงอันตราย ก็หาทางอ้างเรื่องอาถรรพ์ หรือการต้องธรณีสาร ฯลฯ

    คุณคนโคกว่านถามว่าทำเองได้ไหม?...ทำได้...ถ้าคุณพร้อม...คุณมีบทมีคาถาแล้ว คุณยกครูหรือครอบครูแล้ว คุณก็ทำได้ คุณไม่มั่นใจตัวคุณเอง

    แล้วคุณจะมั่นใจใคร อะไรๆ ที่คุณมีอยู่ก็เอามาใช้ซะ ถ้าไม่มีก็หามา เช่นพิธีครอบครูหรือยกครูก็มีให้เห็นเป็นประจำ เดี๋ยวนี้เวลาพวกดาราครอบครู ก็

    จะมีพี่บุญเลิศ นาถพินิจ ศิลปินแห่งชาติ เป็นศิษย์หลวงพ่อมีวัดนางชำ เรียนที่วัดนางชำรุ่นพี่ผม(เป็นศิษย์หอมหวลที่ดังมาก) บ้านอยู่"บ้านบาง

    กะลา"ที่ผมเขยเล่าแผนที่ไว้ให้แล้ว ตอนเล่าเรื่องหลวงตากลั่นพายเรือให้ผีนั่ง ตอนที่ท่านจะไปบ้านบางกะลา หรือที่ห้าง"พาราไดส์"ก็มีการจัดพิธืค

    รอบครูให้ เขาทำให้ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นเด็กๆ ที่ไปเรียนศิลปการแสดงหรือชาวบ้านทั่วไป ลูกหลานผมก็ไปทำพิธีที่ห้างนี้ แต่ต้องคอยติดจามเอาเอง

    เมื่อคุณครอบครูหรือยกครูแล้วท่องคาถาได้แล้วคุณก็ทำได้ อย่าไปพะวงจนเกินเหตุว่า เราทำเองแล้วจะไม่ขลัง ถ้าคุณกลัวขนาดนั้น เวลาคุณจะไหว้

    ใคร อาจจะต้องไปเชิญคนอื่นมาช่วยไหว้แทน ใจของเรา มือของเรา ปากของเรา ใช้ซะ...

    ถ้าถามผมว่า น้ำมนต์ธรณีสารขลังจริงหรือ หรือขลังเพราะอะไร ผมก็คงตอบว่าไม่รู้ หรือไม่ยืนยัน แต่ถ้าเชื่อเรื่องพิธีกรรมก็ต้องบอกว่าขลัง ดูหนังดู

    ละคร เขาจะประชาสัมพันธ์กันที่ตัวแสดง แล้วลองมาดูคาถาน้ำมนต์ธรณีสารบ้างว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรและจากใคร.....เริ่มมาแต่ต้นคืออ่านโองการ

    ธรณีสาร ครูอาจารย์ท่านประทานให้แก่กู ครูกูชื่อพระอิศวรผู้เป็นเจ้า(1)เธอจึงให้กูทั้งฟ้าและแผ่นดิน(2)อีกทั้งพระอินทร์(3)และพระพรหม(4)ทั้ง

    พระยม(5)และพระกาฬ(6)ทั้งพระจัตุโลกบาลทั้งสี่(7)ทั้งพระมาตุลี(8)และพระนารายณ์(9)ทั้งพระปัจเจกเถระผู้มีฤทธิ์(10)ทั้งพระฤาษีผู้มีฤทธิ์

    (11)เพชรพญาธร(12)พระเพชรฉลูกัณฑ์(13)มีพระพุทธ,พระธรรม,พระสงฆ์,พระเจ้า ๕ พระองค์(14) ก็อาจจะไม่เหมือนกันทุกภาค แต่ละภาคผู้

    ทำน้ำมนต์ธรณีสารก็อาจจะเชิญใครมาเพิ่มอีกก็ได้...เรียกว่าครูอาจารย์คือพระอิศวรท่านประสิทธิ์ประสาทให้แล้วก็ยังมีผู้มาช่วยเหลืออีกเพียบ.........

    เอาเฉพาะที่ใส่ตัวเลขเอาไว้ให้นับก็ล้วนแล้วแต่มีฤทธิ์ทั้งนั้น และมากันเยอะด้วย(ถ้าไม่ติดชุมนุม) ยังไม่พอ...ในโองการยังบอกต่อไปอีกว่า เมื่อทำ

    การบัตรพลีแล้ว(ทำน้ำมนต์แล้วเอาไปใช้อะไรได้บ้าง)ท้าวเวสสุวรรณเธอจึงให้กูทำการ ตั้งคนทรงลงพระธรณีสาร(1)เบิกโขลนทวาร(2)บานประตู

    (3)ขุดคู(4)ฝังเสมา(5)ขุดหัวคันนา(6)กำราบปราบผี(7)ถมถนน(8)ถมพระสมุทร(9)ขุดสระขุดบ่อ(10)ขุดท่อขุดธาร(11)ยกพระวิหาร(12)ยกพระ

    ประธานฐานพระพุทธรูป(13)ปั้นรูป(14)ปลุกเบญจา(15)เจาะหนัง(16)และตราสังข์(17)ฝังผีตายโหง(18)ต่อตีนโลง(19)แลมณฑป(20)ต่อรูป

    หน้ามุขแลพาไล(21)ตั้งฉัตรไชย(22)ไขน้ำพุ(23)ประจุกำเกียวน(24)เขียนรูปราชรถ(25)แลสกดฝาโลง(26)คัดช้างโขลง(27)ตอกสลักปักประ

    รำ(28)ตอกตะโพน(29)ขึงกลอง............ฯลฯเรียกว่าทำได้มากมายเหลือเกิน จนถึงปราบผีต่างๆ ตัวคาถาก็จะบอกให้เรารู้ว่า มีอะไรบ้างที่เราต้อง

    ใช้น้ำมนต์ธรณีสารมาใช้ในการประกอบพิธี...แล้วถ้าเราไม่ใช้ล่ะ? เป็นอะไรไหม? ของไทยๆน่ะว่าเป็น ถ้าไม่เป็นอะไรก็ว่า...ดวงมันดี...ดวงมันแข็ง

    แต่ฝรั่งก็ไม่เห็นเขาใช้ แต่ของเราเมื่อไม่ทำ ก็อาจจะทำให้เกิดอาเพศต่อกิจที่ได้ทำหรือไม่ก็เกิดกับคนทำกิจ การที่ต้องหรือโดนอย่างนี้เรียกว่าต้อง

    ธรณีสาร ก็ต้องไปรดน้ำมนต์ธรณีสาร ซึ่งการปฏิบัติก็อาจจะไม่เหมือนกันทุกภาคไป เปลี่ยนไปตามความเชื่อหรือการดัดแปลงให้เหมาะสม...เรื่องเล่า

    ก็คือเรื่องเล่า เก็บเอามาเล่า จำเอามาเล่า บางอย่างก็อาจจะเข้าใจผิดได้ พระอาจารย์พยุงฯ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์เอน องค์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นอาจารย์ของ

    คุณคนวิเศษฯนักธรรมเอกและเปรียญธรรมวัดไทรยืด ท่านมีตำราเหล่านี้มากมาย ท่านได้เรียนอะไรๆ จากปู่มาหลายอย่าง คงต้องต่ออีกตอน ขอขอบ

    คุณ และสวัสดีครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กันยายน 2013
  7. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,632
    ที่คุณพ่อประดู่ลงไว้บางส่วนนั้นเป็น "โองการธรณีสารใหญ่"
    ซึ่งในบทสวดจะมีการแจกแจงถึงสิ่งที่ทำอะไรบ้างว่ามีอะไรบ้างที่เป็นอุบาทว์
    หรือทำไปแล้ว "ต้องอุบาทว์" เป็นการกระทำของคนเองบ้าง เกิดจากธรรมชาติก็มี
    มีทั้งลักษณะอุบาทว์ที่เกิดจากเทพยดาและไม่ใช่อุบาทว์อันเกิดการการบันดาลของเทพยดาก็มี โดยมากมักเกี่ยวกับงานช่าง ช่างก่อสร้าง และงานศิลปะ

    ขอยกคาถามาแสดงให้เห็นดังนี้ (แต่ละครู แต่ละสำนักอาจผิดเพี้ยนกันบ้าง)


    โองการธรณีสารใหญ่

    นะโม นะมัสการ เม แห่งข้าจะไหว้
    ซึ่งพระปรเมศวรผู้เป็นเจ้าเสด็จลงมา
    ตั้งฟ้าแลดิน ตั้งสมุทรสายสิญธุ์อันอุดม
    ข้าจะไหว้พระอินทร์ พระพรหม พระยม
    พระกาฬ พระจัตุโลกบาลทั้ง ๔ พระฤาษีนารอท
    ยอดปิฎกกัณฑ์ไตร พระสูตร พระวินัย พระปรมัตถ์
    พระโตรสรณคมน์ ทั้งพระพ่อหมอเอก
    ทั้งพระพุทธคิเนศณ์ พุทธคินาย พระนารายณ์
    พระกัจจายเถร พระโมคคัลลาน์ พระสารีบุตร
    พระพุทธ พระธรรม พระควัมบดี พระมหาโพธิ
    พระมหาสารีริกธาตุ แก่นจันทน์ พระศรีรัตนตรัยเจ้านั้น

    ท่านจึงใช้ให้กูมาตั้งโองการ เบิกบ้านแลเบิกป่า
    เบิกพระหิมพานต์เบิกพระพุย เบิกพระพาย
    เบิกพระพิรุณ พระเพลิง พระกาฬเถลิง
    ท่านจึงให้กูมาตั้งพิธีสารพัดกันเสนียดจัญไร
    กันที่ชั่วทั้งหลาย อย่าระคายมาพ้องพาน
    ทั้งพระธรณีสารอย่าได้มาต้อง

    เธอจึงให้กูมา ตีเชือกบ่วงบาศก์คล้องรัดคน
    โดยมณฑล ที่ท่านว่าไว้ เธอจึงให้กูมาผลาญ

    ต้นไม้อันมีผี
    อันครกสีแลกระเดื่อง
    กูจะตั้งพิธีสารพัด
    ทำโขนทวารบานประตู
    ขุดคูแลขุดบ่อ
    ปิดท่อแลปิดทาง ปิดบึง ปิดบาง ปิดทวารแลถมสระ
    ปั้นรูปพระแลรูปเทวดา ปั้นรูปภาพนานา
    พากย์เจรจาแลจอหนัง
    ขนันผีมิดี กาสังผีตายโหง
    ต่อโลง แลโกศฝา
    ทำศาลาแล หน้ามุข
    สีสุกไม้ไผ่กลับกลายทางทิศตะวันตก
    แมลงมุมตีอก หนูกกในเรือน เรียกเพื่อนตามกัน
    เสาเรือนตกมัน ไม้รังนางเรียง
    ที่ลาด ที่แก่ง ที่เกาะ ที่เฉลียง ที่วนที่วัง ที่พังน้ำขัง
    ผึ้งต่อจับรวงรัง
    ไม้หักทับที่
    ปลวกขึ้นในแดน
    ตะกวดเหี้ยแล่นขึ้นบนเรือน
    ไก่เถื่อนเข้าบ้าน
    งูเหลือมขึ้นร้าน
    แร้งจับหลังคา
    ข้าวสารแช่น้ำงอกขึ้นเป็นใบ
    เห็ดงอกเตาไฟ
    สิงห์สัตว์ขึ้นไข่บนฟูกบนหมอน
    วัวควายเขาหัก เขาจักเขาคอน
    เขาช้อนสลักคอก
    ข้างนอกฟันหักประตูผี
    ฝันร้ายมิดี
    เงาหัวพิกล
    หญิงชายข้าคน นอนกรนนอนคราง
    นอนหลับตาค้าง น้ำลายไหลนอง
    หม้อร้องเป็นเสียงฆ้อง
    เรือร้องเป็นเสียงช้าง
    กล้วยออกปลีข้างข้างกลายเป็นดอกบัว
    ผีให้ผีหัว ทำให้คนกลัว ตัวสั่นท่าว ๆ
    สัมฤทธิ์ทองขาว แตกร้าวกระจาย
    หัวแหวนสลาย
    เขี้ยวงาพิการ
    ปิดพระสมุทร
    อุดพระทวาร
    ขึ้นร้านถล่ม
    ขึ้นช้างกันร่ม
    หวีผมกลางคืน
    นอนละเมอ
    นอนเพ้อเหมือนคนบ้า
    น้ำซับชายผ้า
    หมาขึ้นหลังคา
    หมาขึ้นกระออมข้าว
    นมเค้านกแสก บินแถกเอาขวัญดันเข้าที่นอน
    หมอแม่ลูกอ่อน คาบลูกขึ้นเรือน
    หมาเยี่ยมหน้าต่าง
    คนซบเซาหาวหอน
    ต้องอธิกรณ์
    ขื่อคาโซ่ตรวน
    ชายไม่มีเมีย หญิงไม่มีผัว
    ไม่มีเงาหัว
    ตกบ่อ
    ตกเสา
    ปลูกเรือนหว่างกลาง พี่น้องต่างกัน
    รุกที่รุกแดน แว่นแคว้น ขอบขัณฑ์
    แม่ไก่ขัน กลับมาฟักไข่
    ผีหลอกผีหลอน ตีเกราะเคาะไม้
    จิ้งจอกหมาไน วิ่งไล่เห่าขบ
    แร้งคาบเอาศพตกลงหลังคา
    มดปลวกขึ้นฝา
    งูทับสมิงคลาเลี้อยมาเข้าบ้าน
    ฟักทองขึ้นร้าน กลายเป็นนาคี
    กล้วยตายคาปลี กลายเป็นผีพราย
    แกะรูปภาพทั้งหลาย
    เบิกพระเนตร
    ร่วมอาสน์พระสงฆ์
    เสาเรือนไม้แก่น เอาไม้มาประสมโขลง
    ตั้งเสากระโดง ติดกระโหมดยา ติดโขนเรือพายม้า
    หมาเยี่ยวรดตีน
    ขุดตอใต้ดิน
    หินหักสองท่อน
    ที่ลุ่มที่ดอน สาครลดตลิ่งพัง
    เรือนเดิมแรกตั้ง ฝั่งน้ำหัก
    เสาเรือนยอดสลัก หักได้กระได
    เอาต้นต่อต้น เอาปลายต่อปลาย
    เสาเรือนไสกบ
    ปิดน้ำทำทบ
    ฝูงคนทั้งหลาย
    ผสมโคผสมควาย
    ผสมม้าผสมช้าง
    เลือกรางทำสวน
    ต่อกงกำเกวียน
    ขุดสระขุดคลอง
    ซ่องที่สูงที่ต่ำ ทำไร่ถั่ว
    วัวไถนามากลางตลาด
    บาตรแตก
    สาแหรกขาด
    ตะลุ่มทาชาด
    กินซ้อนหอยมุก
    ร่วมอาสน์ท้าวพระยา
    ตัดไม้ฝามาผสมหินบด
    ขุดค่อมตอไม้
    ทิ้งไฟทิ้งเรือน
    ถอดงาช้างเถื่อน
    เลื่อนผีตายโหง
    ไม้สักต่อโลง โยงเข้าป่าช้า
    ชายกระเบนเช็ดหน้า
    ก้างปลาจิ้มพัน
    หายใจรดกัน
    กระไดสี่ขั้น
    ทำช่องห้องขัด
    ปลูกเรือนร่วมวัด
    ไม้กวาดปัดหลังคา
    เสาเรือนฟ้าผ่า
    หลังคาไฟไหม้
    ปักไม้เจาะเสา
    หนูกัดตีนจำเพาะ
    แมลงสาบเลียหัว
    ผ้านุ่งกับตัว ไฟไหม้ใต้ลน
    เรือนเซทับคน
    วัวชนควายเฉี่ยว
    เรียนปถมังอาถรรพณ์
    ปลูกกุฏิ วิหาร การเปรียญ
    เขียนรูปภาพนานา
    ทำศาลาแลมณฑป
    พนมศพพนมเมรุ


    พระครูกูชื่อ พระกัจจายเถร เธอเสด็จเข้าสู่พระนิพพานัง ปะถะมังสุขัง
    พุทธัง กันสารพัด เสนียดจัญไร วินาสสันติ สิทธิหุลู สะวาหายะ
    ธัมมัง กันสารพัด เสนียดจัญไร วินาสสันติ สิทธิหุลู สะวาหายะ
    สังฆัง กันสารพัด เสนียดจัญไร วินาสสันติ สิทธิหุลู สะวาหายะ


    .................................................

    เดี๋ยวรอให้ว่างจะแจกแจงอธิบายว่าเป็นเพราะอะไรจึงห้าม
    บางอย่างเป็นกุศโลบายแฝงไว้ก็มี เพราะถ้าทำแล้วเดือดร้อนคนอื่น ท่านจึงห้ามเอาไว้โดยเฉพาะเรื่องงานช่าง งานก่อสร้าง เพราะถ้าไม่ชำนาญจริง ๆ ทำแล้วสิ่งที่สร้างอาจถล่มหรือพังได้ และลักษณะกิริยาบางอย่างของคนก็สามารถเป็นอุบาทว์ได้เช่นกัน

    ลองอ่านโองการแล้วพิจารณาดู ตัวหนังสือสีน้ำตาลทั้งหมดเป็นลักษณะอุบาทว์ทั้งสิ้น บางอย่างไม่คิดว่าจะใช่ ก็เป็นอุบาทว์ เช่น ชายไม่มีเมีย หญิงไม่มีสามี ยุคนี้มีเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง อย่างน้อยก็มีผมคนหนึ่งที่ต้องอุบาทว์ข้อนี้ 55555+
     
  8. พ่อประดู่09

    พ่อประดู่09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,378
    เรื่องเล่า : เล่าเรื่องที่เคยเห็น,เคยได้ยินเคยได้ฟัง เกี่ยวกับการทำการใช้

    น้ำมนต์ธรณีสาร(ตอน๓)

    ตอน : ผมขอเล่าเอาแบบคนไม่มีความรู้,ไม่มีหลักฐาน,เพราะตำราหายหมด

    ผ่านตอนที่ ๒ คงพอจะอนุมานได้พอสมควรว่า เนื้อหาของคาถาที่ใช้ในการทำ

    น้ำมนต์ธรรีสาร ได้ใครเป็นครูใหญ่ ได้ใครเป็นครูผู้ช่วย และอนุญาตให้ทำ

    อะไรได้บ้าง ที่บอกไว้ว่าทำทั้งบนดิน,บนน้ำ,บนฟ้า,หรือแม้แต่ไฟ ก็คงมอง

    เห็นภาพ เช่น ถ้าเป็นบนดินก็มากมายที่เราเคยเห็น เพียงแต่เราไม่รู้ว่าเขาใช้

    น้ำมนต์ธรณีสารด้วย อย่างเช่น การยกเสาเอก ตั้งศาล ทำประตูพิธีกรรม

    ใหญ่ๆ อีกมากมาย บนฟ้า ก็อย่างที่บอกคนทำว่าวดุ๊ยดุ่ยหรือทำกังหันก็ต้อง

    ใช้ แต่บางที่อาจไม่ใช้ก็ได้ บางคนไม่รู้เริ่องว่าวดุ๊ยดุ่ย ก็อาจจะคิดว่าแปลกหู

    แต่อาจจะเคยเห็น รูปร่างว่าวดุ๊ยดุ่ยเป็นอย่างไร? ลองนึกภาพว่าวจุฬา แล้วเรา

    ตัดขากบออกคือตัดส่วนที่เป็นช่วงล่างออก แล้วเพิ่มปีกขึ้นแทน ก็เหมือนกับว่า

    เป็นว่าวจุฬามีปีก ๒ ชั้น แต่ไม่มีขากบ เขาใช้ไม้บิดให้เป็นเกลียวน้อยๆติดไว้

    ระหว่างนม(เหมือนเป็นขาตั้งสั้นๆ)เวลาขึ้นไปบนอากาศเจ้าไม้ที่บิดไว้ก็จะกินลม

    บิดพลิกไปมาทำให้เกิดเสียงดุ๊ยดุ่ยๆๆ แรกๆ ก็ฟังแล้วรู้สึกดี เช่นตอนที่นอนเล่น

    กลางนอกชานตอนหัวค่ำๆ แต่พอนานๆเข้าก็รำคาญ ถามปู่ว่าทำไมต้องบอกว่า

    คนทำควรมีครูหรือต้องพรมด้วยน้ำมนต์ธรณีสารด้วย ปู่ก็ว่าน่าจะเป็นการหวง

    วิชาคือไม่อยากให้ทำ ก็ออกอุบายว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะทำแล้วก็

    หนวกหู วัยรุ่นบางคนกลัวไม่แปลกเอากาบมะพร้าวจุดไฟต่อเป็นหางขึ้นไป

    ด้วย มันจะได้เห็นไฟวาบๆ สวยดี เพราะเขานิยมปล่อยให้ขึ้นไว้จนถึงกลาง

    คืน คงจะกลัวไฟที่กาบมะพร้าวไปหล่นลงบนหลังคาบ้าน จึงออกอุบายกันไว้

    เช่นเดียวกับกังหันไม้ อย่าดูถูกกังหันไม้เล็กๆนะครับ ถ้าหมุนแล้วเรี่ยแรงแมหา

    ศาล เพราะฉนั้นต้องติดตั้งให้เสร็จก่อนถึงจะปล่อยให้หมุนได้ แถวบ้านผมเขา

    ใช้ไม้จริงเนื้อแข็งยาวประมาณ ๒ ฟุต หน้ากว้างประมาณ ๑.๕ นิ้ว หนา

    ประมาณ ๑ นิ้ว เอามาแบ่งเจาะรูตรงกลางที่จะใส่เดือยทำจุดหมุน ส่วนปลาย

    ทั้งสองด้านก็ถากให้เอียงลาดเพื่อจะได้กินลม ถ้าเอาขึ้นไปผูกต่อยอดไม้ เช่น

    ต้นมะขามเทศ หรือต้นมะขามบางทีก็ต้นโพธิ์ พอปล่อยให้หมุนแล้วจะมีเสียง

    ดัง บึ๊ดๆๆลองพูดคำว่า บะเอิ๊ดๆๆๆ เร็วๆ ดูนั่นแหละเสียงกังหันไม้ ดังตลอดเวลา

    น่ารำคาญออก ลองไปจับที่โคนต้นไม้ดูจะรู้สึกว่าต้นไม้สั่น ก็คงกลัวต้นไม้จะ

    ตายหรือหนวกหูมากก็เลยตั้งกฎเกณฑ์กันเด็กทำเล่นไว้ นี่ก็เรียกว่าใช้บน

    อากาศ การขุดคู,ขุดคลอง,ขุดบ่อน้ำ ก็มีการบัตรพลี มีน้ำมนต์ธรณีสารเข้ามา

    เกี่ยวข้อง การต่อเรือ การขุดเรือ หรือการทำเตาเผาอิฐขนาดใหญ่ ก็มีพิธีกรรม

    เช่นกัน เคยคุยกับนายทหารผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ก็พอจะ

    สรุปได้ว่า แต่ก่อนๆนี้ เรื่องแบบนี้ก็เล็ดลอดออกมาจากคนชั้นสูง จะทำอะไรก็

    ต้องให้ดูว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ มีความจำเป็นต้องทำให้เป็นพิธีกรรมเข้มขลัง มี

    เรื่องเล่าประกอบให้มองเห็นภาพอยู่เรื่องหนึ่ง คือ บรรดานักดำน้ำหากินในลำ

    น้ำเจ้าพระยา ในสมัยก่อนจะเป็นที่รู้กันของนักดำทั้งหลายว่า เหนือบริเวณ

    เหนือวัดอรุณ(วัดแจ้ง)ขึ้นมาเล็กน้อย กับบริเวณท่าวาสุกรี เมื่อลงดำไปแล้ว

    พวกเขาจะพยายามว่ายไปที่กลางๆแม่น้ำ แล้วดำหาสิงโตหิน ถ้าเจอแล้วก็จะ

    ขัดสีฉวีวรรณให้กับสิงโต แล้วจึงออกงมของหากินต่อไป และก็ว่ากันอีกน่ะ

    แหละว่า สิงโตหินที่อยู่ใต้น้ำทั้ง ๒ ตัว คือจุดละตัวจะหันหน้าหรือหันหัวทวนน้ำ

    เสมอ บริเวณดังกล่าวนี้มีน้ำไหลขึ้นไหลลงวันละ ๒ ครั้ง นั่นคือสิงโตขยับตัวได้

    (เขาว่าก็คงต้องเอาห้าหารหรือมากกว่านั้น)พี่ไฉน พันธ์ผกา นายช่าง

    ของบริษัท ชิโนไทย เป็นคนเล่าให้ผมฟังที่ประเทศบังคลาเทศเพราะตระกูล

    แกมีอาชีพดำน้ำหาของขาย เคยกล่าวถึงไปแล้วในตอน เจ้าพ่อลานเท ผมเอา

    เรื่องนี้มาคุยกับนายทหารท่านนั้นท่านเสริมว่าท่านได้ยินและมีรายละเอียด

    มากกว่านั้นอีก ท่านบอกว่า ถ้าเราไปอยู่ตรงท่าวาสุกรีแล้วมองตามกระแสน้ำ

    ตอนน้ำไหลลง จะเห็นว่าน้ำจะพุ่งเข้าหากรุงธนบุรี นั่นเป็นเหตุให้น้ำกัดเซาะถึง

    ตัวพระราชวังได้ วิธีแก้ก็คือ ขุดคลองรับน้ำดักหน้าเอาไว้ก่อน คือจุดคลองมอญ

    เพื่อเปลี่ยนทางน้ำ เป็นการแก้ไขที่เยี่ยมยอดและได้ผล แต่...มันดูไม่เข้ม

    ขลัง...จึงมีการให้ช่างสลักสิงโตหินขึ้น ๒ ตัว ตัวหนึ่งจะทำพิธีปล่อยลงน้ำที่

    หน้าท่าวาสุกรี อีกตัวหนึ่งปล่อยลงน้ำที่เหนือวัดแจ้ง แน่นอนต้องมีพิธีกรรม

    โดยออกข่าวไปว่า สิงโตที่จะปล่อยลงน้ำไปนี้ ตัวที่อยู่หน้าท่าวาสุกรี จะเป็น

    ตัวชลอน้ำไว้ไม่ให้ไหลแรงเกินไป ส่วนตัวที่ปล่อยลงตรงเหนือวัดแจ้งจะเป็นตัว

    รับกำลังน้ำไว้ไม่ให้ไหลพุ่งเข้ากัดเซาะอาณาบริเวณพระราชวัง เมื่อปล่อย

    สิงโตหินลงน้ำไปแล้วก็ปรากฎว่าได้ผล เพราะแทนที่น้ำจะพุ่งตรงเข้าหากรุง

    ธนบุรี ก็หนีสิงโตหินเข้าคลองมอญไป เกี่ยวกับไฟตรงไหนไม่เห็นบอกเลย...ก็

    เมรุเผาศพไง...ยังไงๆ...ก็ต้องใช้น้ำมนต์ธรณีสารอยู่ดี...ถ้าเป็นลิเกผมก็กำลัง

    ด้นหาทางลงอยู่.........

    ตั้งแต่อ่านโองการ กล่าวถึงครูบาอาจารย์ จนถึงผู้ทรงฤทธิ์ ที่คนทำน้ำมนต์

    ธรณีสาร อัญเชิญมาหรือว่าการได้รับฉันทานุมัติให้ทำอะไรต่อมิอะไรได้ ล้วน

    แล้วแต่ถูกรจนาหรือผูกให้คล้องจองกันจนทำให้จำง่าย สมาชิกที่สนใจเปิดหา

    กันเองได้ ที่ผมว่าจำง่ายเพราะ ตอนผมเด็กๆ ผมอยู่เฝ้าลอบเฝ้าเบ็ดกลางทุ่ง

    นา พอมืดแล้วผมก็จะร้องอะไรต่อมิอะไรเป็นเพื่อนให้กับตัวเองพอมาเจอคาถา

    ทำน้ำมนต์ธรณีสาร ก็เอามาท่องดังๆ กลางทุ่งกลางท่าบ่อยๆ ที่ผมเคยกล่าวไป

    ตั้งแต่เข้ามาเขียนใหม่ๆ สักปีมาแล้วว่า คนต้องธรณีสารก็พวกขี้เกียจหรือพวก

    เกียจคร้านก็เพราะ สาระของคาถาที่กล่าวถึงคนต้องธรณีสารทำให้ผมคิดอย่าง

    นั้น จะลองไร่เรียงให้อ่านกัน จะได้รู้ว่าคนที่เขาว่าเป็นคนต้องธรณีสารม

    ลักษณะเป็นอย่างไร บางทีก็เกิดกับบ้าน ที่พักอาศัยหรือสัตว์เลี้ยง หรือจาก

    สัตว์อื่น แต่ก็อาจจะเกิดจากคนด้วย ยกเว้นประเภทที่เหนือธรรมชาติหรือพวก

    อาเพศ เอาเท่าที่ผมจำได้ถ้ามีโอกาสกลับไปลอกตำราของตัวเองเมื่อไหร่จะ

    เอามาเขียนให้อีกที.......ลักษณะต้องธรณีสารที่อยู่ในคาถาพอจะพรรณนาได้

    ดังนี้(ผมจะวงเล็บในส่วนที่เป็นคำอธิบายตามความคิดผม) ต่อจับเรือนทำรวง

    รัง ไม้หักไม้พังทับที่ทับแดน สิงสัตว์เข้าไข่ในฟูกในหมอน(ขี้เกียจเก็บที่

    นอน) วัวควายสีจักเขาหักเขาคลอน เขาหลุดเขาถอน เขาคลอนสลักโลก

    (ใช้วัวควายสีข้าวอย่างทารุณ) วัวควายชอบกลนอนกรนนอนคราง หม้อร้อง

    เป็นเสียงฆ้อง เรือร้องเป็นเสียงช้าง กล้วยตานีออกปลีข้างๆ กล้วยตานีตาย

    พรายกลายเป็นดอกบัว ผีให้ผีหัว ทำให้คนกลัวตัวสั่นเทาๆ สำริดทองขาวแตก

    ร้าวกระจาย หัวแหวนละลาย เขี้ยวงูพิการ หมาแม่ลูกอ่อนคาบลูกขึ้นเรือน...

    สางหัวกลางคืน หมาตื่นเสือทับ ปลูกเรือนคร่อมทรัพย์ รับน้ำรดชายคา(เขาไม่

    อยากให้ทำเพราะกลัวของจะหล่นลงมาโดนหัว)ข้าวสารแตกตางอกขึ้นเป็นใบ

    (ขี้เกียจ,สีไม่ดี,ซ้อมข้าวแบบขี้เกียจ,ไม่ขัดไม่เก็บไม่ดี)แม่เป็ดฟักไข่ แม่ไก่

    ร้องขัน(อาเพศ)ผีหลอกผีหลอน ผีตีเกราะเคาะไม้ จิ้งจอกหมาไนเที่ยวเห่ากัน

    ขรม คนเซื่องคนขี้เซาหาวนอน โศกร้อนขี้ข้า วัวควายช้างม้าฆ่าคน เป็นบ้า

    แล่นลนเข้าไปในเมือง หนูกัดตีนแมลงสาปเลียหัว(สกปรก) ผ้านุ่งคาตัว

    ไฟไหม้ไต้รน ฝูงแร้งกาคาบซากศพตกบนหลังคา ชักช้างประสมโขลง ชัก

    เสากระโดงโยงไปป่าช้า สีข้างพอก ฟันหักประตูผี(ใครที่ฟันหน้าหักเหมือน

    ประตู/ควรใส่ฟันซะ)ฝันร้ายมสิดี เขาหัวพิกล(เช่นเมียขุนไกรมองไม่เห็นหัว

    ผัว)...งูทับสมิงคราเลื้อยเข้าบ้าน เอาหางกระเบนเช็ดหน้า ต้นคาแยงฟัน ....

    หายใจรดกัน(กลัวติดโรคติดต่อ)ฟั่นเชือกรวดรัด ปลูกเรือนริมวัด ไม้ปัดหลังคา

    ..........ฯลฯ

    เอาเท่าที่นึกได้ จะกลับมาทบทวนดูอีกครั้งแล้วจะหาโอกาสมาเขียนเล่าให้อ่าน

    กันใหม่ เอาพอรู้ว่า เขาจะใช้น้ำมนต์ธรณีสารมาพรมเมื่อไหร่ งานอะไรบ้าง คน

    ที่ต้องธรณีสารเป็นอย่างไร บางอย่างก็อย่าไปงมงาย เพราะต้นเหตุอาจจะมา

    จากอุบายของคนในยุคหนึ่งๆ แต่ก็ไม่เสียหายถ้าเราจะรู้เอาไว้ บางอย่างไม่แน่

    ใจก็ถามคนรู้ได้ บางทีตำราเราผิดก็ได้ ถ้าคนที่ลอกมาเขียนตกไปสักคำ ก็อาจ

    จะทำให้เราพลาดอย่างใหญ่หลวงได้ การถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทดีที่สุด

    ประการหนึ่ง ขอขอบคุณ...สวัสดีครับ

    ปล.ขอเพิ่มเติมเรื่องปลูกเรือนริมวัดและไม้ปัดหลังคา มันต้องธรณีสารได้อย่าง

    ไร? เคยถามปู่...ไม่มีอะไร...เขากันคนรุกที่วัด ถ้าวัดไหนใช้กอไผ่เป็นแนว

    เขตวัด ไอ้คนที่ปลูกบ้านอยู่ข้างวัดมันรุกที่วัดสบายๆ มันแซะหน่อไม้ ตัดไม้ไผ่

    เฉพาะแถบของมัน ถ้ามันตัดเข้าไปปีละศอก ไม่กี่ปีก็เหมือนมันย้ายกอไผ่ที่

    เป็นเขตระหว่างวัดกับที่ของมันเข้าไปอยู่ในเขตวัด วัดที่หายแต่มันได้ที่เพิ่ม

    เพราะกอไผ่ออกหน่อไปทางที่วัดฯ และบ้านที่มีต้นไม้หรือกิ่งไม้ใกล้บ้านจนมัน

    ปัดหลังคาได้ คงไม่ต้องคิดถึงการต้องธรณีสาร แค่หนวกหูตอนที่มันกวัดแกว่ง

    เพราะแรงลมจนกวาหลังคาไปมาก็น่าจะแก้ไขแล้ว คงไม่ต้องรอให้มันกวาดหรือ

    หักทับลงบนหลังคาพัง แต่ถ้าบอกดีๆ อาจจะขี้เกียจทำจึงเอาการต้องธรณีสาร

    มาขู่ เพราะคนเรากลัวสิ่งลึกลับ ส่วนฟันหักประตูผี...แต่เดิมผมคิดว่าคนเดิน

    ผ่านประตูผีแล้วฟันหัก ที่จริงก็คือฟันหน้าหักมีช่องว่างเหมือนประตูผี ว่ากันว่า

    ทำมาหากินจะไม่เหลือ เพราะมันจะไหลออกหมด(อย่างน้อยก็อาจทำน้ำลายรด

    หน้าคนอื่นได้:ผมคิด)ตำราโหงวเฮ้งก็ว่าไม่ดีต้องแก้ไข ผมเคยเห็นจริงๆ อีก

    อย่างคือ หนูกัดตีน แมลงสาปเลียหัว เป็นคนที่ทำงานร่วมกับผมเอง ผมเคย

    ถามเขาว่า...มันไม่รู้สึกเลยหรือ...มันไม่เจ็บหรือ...เขาตอบว่า ไม่รู้สึกเลย ผม

    ก็ดูว่ารอยที่หนูแทะส้นเท้าเขามันแหว่งไปเยอะแบบน่าจะเจ็บ คนๆนั้นในสายตา

    ผม...ไม่มีสง่าราศี เกี่ยวกับแร้งกาคาบซากศพตกบนหลังคา ถึงอย่างไรก็รู้สึก

    ไม่ดี หรือเหมือนมีรางสังหร ในฐานะที่ผมเคยเห็นโลกนี้มากว่าสี่สิบประเทศ

    เคยสังเกตความเจริญหรือไม่เจริญของแต่ละแห่ง เอาที่ชัดเจนคืออินเดีย เชื่อ

    ได้เลย ทุกบริเวณที่เป็นคุ้งรับน้ำจะมีซากศพลอยไปติดมากๆ บริเวณนั้นเมือง

    นั้นไม่เจริญ นึกอะไรได้จะเข้ามาแถมให้...ขอบคุณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กันยายน 2013
  9. knurack

    knurack เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    364
    ค่าพลัง:
    +1,202
    ขอกราบอาลัยหลวงปู่สุภาครับ
     
  10. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,632
    ทดสอบลงภาพ ว่าวดุ๊ยดุ่ย ลูกลม ลูกสะบ้า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. Step&Time

    Step&Time เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    792
    ค่าพลัง:
    +4,220
    ผมจองพระของขวัญไว้ 5 องค์
    พรุ่งนี้จะโอนให้นะครับ
    ลืมจริง ๆ ครับ
     
  12. 5000

    5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,491
    ค่าพลัง:
    +7,121
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. Step&Time

    Step&Time เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    792
    ค่าพลัง:
    +4,220
    วันนี้โอนให้แล้วครับ 1,560 บาท เวลา 14.48 น.
     
  14. jatukarm

    jatukarm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    293
    ค่าพลัง:
    +810
    วันนี้โอนค่ากริชให้แล้วครับ
    เป็นจำนวน 3500 บาท
    เวลา 21.52 น. ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. คนวิเศษ

    คนวิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2010
    โพสต์:
    319
    ค่าพลัง:
    +1,861
    กราบนมัสการหลวงปู่สุภา
    กราบสวัสดีพ่อประดู่ คุณศนิวาร
    สวัสดีคุณหนุ่มทิพย์และเพื่อนๆ สมาชิก
    ผมมีเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับน้ำมนต์ธรณีสาร เมื่อ 5 ปีที่แล้วพี่เขยผมป่วยหนักอยู่ที่ ร.พ.วิเศษฯ เมื่อผมไปเยี่ยมพี่สาวบอกว่าเมื่อคืนไม่ได้นอนเลย คนป่วยบอกว่ามีคนมาล้อมที่เตียงเต็มไปหมด มายืนดูเฉย ๆ ผมจึงปรึกษากับคุณหมอเจ้าของไข้ขอนำคนป่วยกลับบ้านเนื่องด้วยบ้านผมจะนำคนใกล้ตายกลับบ้านเพื่อให้มาตายและจัดงานศพที่บ้าน พี่เขยมาอยู่บ้านก็นินมต์พระมารับสังฆทานที่บ้านทุกวัน สวดมนต์เช้า-เย็นร่วมกับทุกคนที่บ้าน อาการพี่เขยก็ดีขึ้น พูดคุยรุ้เรื่อง ผิวพรรณจากที่ดำคล้ำก็ขาวผ่อง ทุกคนก็คิดว่าคงจะหาย แต่ก็คิดผิด พี่เขามาอยู่บ้านได้ประมาณเดือนก็เสียชีวิต ก็จัดงานศพตามประเพณี
    วันสุดท้ายตอนยกศพจากบ้านไปวัด คนที่จะมาช่วยยกจะต้องพรมน้ำมนต์ธรณีสารกันทุกคน มีน้องชายของผม ตอนพรมน้ำมนต์เขาอยู่ชั้นล่างรอรับโลงอยู่จึงไม่ได้รับน้ำมนต์ หลังจากเผาศพเสร็จตกเย็น แขนน้องผมขึ้นเขียวเป็นจ้ำทั้ง 2 แขนเลย มันไม่ใช่ลักษณะของการโดนกระแทก มันช้ำเลือดช้ำหนอง ทั้ง ๆ ที่แค่วันเดียว สอบถามจึงได้ความว่าไม่ได้รับน้ำมนต์ ผมจึงต้องทำน้ำมนต์รดให้อีกรอบ พร้อมกับไปเอาน้ำมนต์หลวงปู่คำ วัดโพธิ์มารดทั้งตัว วันรุ่งขึ้นหายอย่างปาฏิหาริย์ ไม่มีร่องรอยเหลืออยู่เลย
    ผมจึงเชื่อในพุทธมนต์ มนต์ไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์เกิดจากคนท่อง แต่เกิดจากคำในพุทธมนต์ และความศรัทธาในผู้แต่ง หรือผู้ให้มนต์กับเรา จะศักดิ์สิทธิ์แค่ไหนขึ้นอยู่กับความศรัทธาของเรา
    ขอบคุณครับ
     
  16. พ่อประดู่09

    พ่อประดู่09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,378
    แต่ก่อนโน้นๆๆๆ ผมมีความคิดแบบแหกคอกว่ามันเหลือเชื่อ อะไรจะมาดีกว่าน้ำพุทธมนต์ แต่ก็ได้รับคำชี้แจงแบบว่า จะวางยาให้คนไข้ก็ต้องให้ตรง

    กับโรคและต้องรู้สมุฏฐานของโรค สำหรับเรื่องของน้ำมนต์ธรณีสาร มีผู้รู้กล่าวไว้ว่า เสนียดจัญไร หรือความเป็นเสนียดเสนียดจัญไร หรือคนต้อง

    ธรณีสาร บางครั้งมันแรงแบบที่ว่า น้ำมนต์ธรรมดา หรือน้ำพุทธมนต์เอาไม่อยู่ ก็คงจะเป็นเคล็ดเฉพาะอย่างไป อย่างที่ผมเคยเอาเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ

    คือเรื่องของเณรบุญส่งเพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียนวัดนางชำของผม ที่โดนแขกแถวโรงกระดาษบางปะอิน เอาผีกับของใส่เขาไป และไปเกิดเรื่องที่วัดโพธิ์

    เอน ขณะที่เขาบวชเป็นเณร และถูกส่งไปรักษาที่วัดนางชำ โดยอาจารย์มี ผีที่ถูกใส่ไปได้กลับใจและบอกเคล็ดลับว่าถ้าจะรักษาเขา ต้องเอาน้ำต้ม

    หมูมาทำน้ำมนต์รดให้เณรบุญส่งจึงจะแก้ได้ ผลปรากฎว่าเป็นไปตามนั้น คือพอเณรส่งได้รดน้ำมนต์ที่ทำจากน้ำต้มหมูก็จะอาเจียนเอาของออกมาวันละ

    อย่าง ตอนผีอาละวาดสำแดงฤทธิ์ เณรส่งกระโดดข้ามลูกกรงหน้าวัดแล้ววิ่งเหมือนคนบ้าออกไปทางทุ่งนา ไปรวบตัวได้แถววัดโพธิ์ศรี พระเณรช่วย

    กันจับไปหาหลวงพ่อกร่าย หลวงพ่อกร่ายยังไม่ทันเห็นเณรส่งชัดด้วยซ้ำไป ก็โบกมือไล่แล้วบอกว่า "เฮ้ย...เรื่องผีเอาไปวัดนางชำ ไปหาอาจารย์

    มี...กูไม่เกี่ยว" นี่คือเรื่องจริงที่เกิดกับเพื่อนของผมเอง และที่เกิดกับตัวผมหรือครอบครัวผมเคยเล่าไป ตอนที่ปู่ไปไล่งูทับสมิงครา ที่เข้ามาเต็มบ้าน

    ผม ที่หมู่บ้านกองเรือยุทธการ ในขณะที่ผมรับราชการอยู่ ที่ผมเขียนไว้ทำนองว่าผมรู้ว่าบ้านผมต้องธรณีสาร แต่ผมไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับงู

    ปรากฎว่าปู่ที่ตาไม่เห็นแล้ว ไปนอนบ้านผมคืนเดียว งูหายหมด ปู่บอกว่า"วิรูปักเขบทเดียวเท่านั้นเอง"คงไม่ต้องบอกนะว่า พวกผมในครอบครัวต้อง

    รดน้ำมนต์ไหม? และรดน้ำมนต์อะไร ถ้ามองแบบวิทยาศาสตร์ น้ำมนต์ธรณีสารอาจจะเปรียบได้เท่ากับด่าง ส่วนเสนียดจัญไรเปรียบได้เท่ากับกรด มา

    เข้าสูตรเคมีก็จะเป็น กรด + ด่าง = เกลือ + น้ำ ความเป็นกรดที่กัดกร่อนอะไรต่อมิอะไรหมดฤทธิ์ได้เพราะด่าง ยอดกระถินกินกับหอยนางลมเมื่อ

    ไรก็หวาน ผมแถมให้อีกเรื่องหนึ่ง ผมได้มาจากอดีตคนขับรถพยาบาลของโรงพยาบาลหนึ่งอยู่แถวบางโฉลง ใครผ่านบางโฉลงลองสังเกตดู จะเห็น

    ว่าทางเข้าโรงพยาบาลเป็นทางเดียวกับทางเข้าวัด คนที่เล่าเขาเรียกผมว่าลุง เขาบอกว่า"ลุง...ถ้าคนอาการหนักมาตายก็ไม่เท่าไหร่ บางครั้งอาการก็

    ธรรมดาๆ แต่เข้ามาแล้วตาย มีคนทักกันมากเข้าว่ามันเป็นอาถรรพ์เหมือนกับเอาคนมาเข้าวัดหรือส่งเข้าวัด จนทำให้คนไม่อยากเข้า รพ.ดังกล่าว ทาง

    โรงพยาบาลจึงต้องซื้อที่ทำทางเข้าใหม่ใกล้ๆกับทางเข้าเก่า เราคงต้องพูดกันเหมือนที่เคยเรียนมาว่า ที่ไหนมีกฎที่นั่นก็มีข้อยกเว้น น้ำมนต์พุทธคุณ

    ไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์น้อยกว่าน้ำมนต์ธรณีสาร แต่ไม่สามารถแก้อาถรรพ์เสนียดจัญไรได้ คุณคงเคยได้ยินมาบ้างแล้วว่า เวลาเอาคนป่วยส่ง รพ. ถ้าไปส่ง

    กัน 4 คน ตายทุกราย วิธีแก้ก็คือ ถ้าเราเห็นไม่ต้องทึกทัก โดดตามไปอีกคน หรือบอกให้ใครไปด้วยอีกคน ก็จะเป็นการแก้อาถรรพ์ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2013
  17. พฤศจิกา

    พฤศจิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    660
    ค่าพลัง:
    +3,046
    ขอบคุณมากครับ ไม่เคยรู้เลยต่อไปจะได้ระวังไว้ครับ
     
  18. sylvenus

    sylvenus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2010
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +3,283
    สวัสดีครับ พี่หนุ่มทิพย์ และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน

    ขออนุญาตรวบรวมข้อมูล วัตถุมงคลที่สมาชิกร่วมสมทบ เพื่อสร้างพระนาคปรก
    เพื่อเป็๋นข้อมูลครับผม..


    โมทนาบุญกับทุกท่านนะครับ..
    ปล. 1. ขอความกรุณา ตรวจสอบและแจ้งแก้ไขนะครับ..
    2.ของท่าน api_suphot ผมลงรายละเอียดเท่าที่มีข้อมูลนะครับ.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,632
    แจ้งคุณหนุ่มทิพย์

    ผมส่งเหรียญที่จะเป็นชนวนในการสร้างพระนาคปรกไปให้แ้ล้ว

    แต่ลืมเขียนที่หน้ากล่องพสัดุว่า "ชนวนสรางพระ" ครับ
     
  20. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    ขอบคุณครับ รอทวงของตอบแทนด้วยนะครับ


    ผมตอบแทนพี่ยกกล่องเลยละกัน

    ...............

    วันจันทร์ที่ 16 กันยายน ศกนี้ พระครูอภิสิทธิ์ ท่านฯดูฤกษ์ยามแล้ว กำหนดเป็นวันดี ที่จะเทพระฯ จัดสร้างวัตถุมงคล เป็นวันที่มั่งคั่งและมั่นคง

    จึงปรึกษากับพระอาจารย์ฯ ว่าจะเทเหรียญบันดามี ลงในเบ้าเดียวกับวัดโพธิผักไห่ เพื่อเป็นกุศลให้กับเพื่อนสมาชิก ก็ฝากโมทนาร่วมกัน

    จากนั้นรอตัดช่อ เพื่อนำไปเป็นชนวนของคุณอ๊อดอีกครั้งนึง งานนี้จึงจะได้บุญสองต่อ

    ...............

    เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มีคนอยากเลี้ยงข้าวคนรูปหล่อ เลยถ่อไปถึงบางแสน
    ติดต่อใครต่อใครให้มาร่วมถลุงเจ้าภาพ คือพี่นิ่ม แต่มีคุณวินัยมาแค่คนเดียว

    พี่นิ่มอยากเอาพระสมเด็จฯที่ขึ้นพระธาตุมาอวด เลยเสร็จคุณวินัยไป

    ................

    พี่รัตนา ที่อุปฐากหลวงปู่ห้วย มาร่วมถลุงเจ้าภาพด้วย แล้วฝากพระของขวัญทรงเมตตาให้ผมมาจำหน่ายหาสตางค์เข้ากองทุนพระสงฆ์อาพาธ จำนวนหนึ่ง ไว้จะประชาสัมพันธ์อีกที

    แต่งานนี้ผมกับคุณวินัย ได้ฟังพื้นเพพี่นิ่มอยู่หลายเรื่อง
    บางเรื่องเล่าไม่ได้ เพราะเกี่ยวพันกับนักการเมืองรุ่นใหญ่ และรุ่นกลาง ถึงขนาดสั่งเก็บพี่นิ่ม แต่เรื่องที่เล่าได้และเป็นประโยชน์ จะทยอยเล่า โปรดอย่าใช้วิจารณญาณในกระทู้ผม......ความว่า
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...