นู๋ฟ้า>ใหม่!แก้วขนเหล็ก,แก้วจอมขวัญ,แก้วโป่งข่ามเถินราคาถูกที่นี่ที่เดียว

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย nu_fah, 23 มีนาคม 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. nu_fah

    nu_fah เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,268
    ค่าพลัง:
    +162
    rabbit_jumpบ๊ายบายจ้า พี่แก้วจ๋า..ฝันดีค่ะ...
    อิอิ..ส่งสัญญาณแจ้งว่าง่วงแล้วจิคร้าบ..บ..พี่เรา(พักผ่อนมากๆนะคะ)
     
  2. ลูกแก้วแววตา

    ลูกแก้วแววตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +952
    hello3hello3hello3;aa4;aa4;aa4:z3:z3 เอาหมาน้อยมาปลุกเด็กๆอ่ะจ้า แวะเข้ามาดูนิ๊ดนึง วันนี้พี่คงเข้ามาอีกทีช่วงเย็นนนนเลยแหละ ไว้ค่อยคุยกันนะจ๊ะ บ๊ายบ่าย
     
  3. ลูกแก้วแววตา

    ลูกแก้วแววตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +952
    pig_balletpig_balletpig_ballet
     
  4. nu_fah

    nu_fah เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,268
    ค่าพลัง:
    +162
    "แก้วโป่งข่าม" หินแห่งความคงกระพัน

    [​IMG]
    หากย้อนกลับไปในอดีต ความเชื่อเรื่องโชคลาง ของขลัง ไสยศาสตร์ ล้วนมีอิทธิพลอย่างมากต่อชีวิตความเป็นอยู่และจิตใจของชาวปุถุชนส่วนใหญ่ แต่เมื่อโลกได้วิวัฒนาการ ความเชื่อทางวิทยาศาสตร์ที่มีหลักฐานเป็นรูปธรรมให้เห็นอย่างชัดเจน รวมถึงเทคโนโลยีด้านต่างๆเช่น ด้านการแพทย์ เข้ามามีบทบาทแทนที่ ทำให้ความเชื่อด้านไสยศาสตร์ลดกระแสลง

    กระนั้นก็ยังมีคนที่เชื่อในไสยศาสตร์อยู่ ด้วยเหตุนี้เครื่องรางของขลังรวมถึงวัตถุมงคลต่างๆจึงยังคงเป็นที่นับถือของ ใครหลายๆคน อย่าง "แก้วโป่งข่าม" ก็ถือเป็นหนึ่งในวัตถุมงคลที่ผู้คนนับถือ ในขณะที่อีกหลายๆคนก็ถือว่าแก้วโป่งข่ามเป็นดังอัญมณีมีค่าที่คู่ควรแก่การเก็บสะสม

    สำหรับแก้วโป่งข่าม ที่อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง นับเป็นอีกหนึ่งของดีแห่งคู่บ้านคู่เมือง แก้วโป่งข่าม มีลักษณะเป็นหินแก้วตระกูลแร่ควอทซ์ ซึ่งมีความแข็งแรงเป็นลำดับที่ 4 ของมาตราวัดความแข็งของแร่

    คำว่า แก้ว หมายถึง หินแข็งใสแลลอดเข้าไปข้างในได้ โป่ง หมายถึง ลักษณะของสิ่งที่พองด้วยลม หรือแก๊ส เช่นดินโป่ง(ดินที่มีเกลือ) ข่าม หมายถึง การอยู่ยงคงกระพัน ดังนั้นแก้วโป่งข่าม จึงมีความหมายถึง หินแข็งใสที่มองเล็ดลอดเข้าไปข้างใน และมีความอยู่ยงคงกระพัน โดยเกิดจากการผุดขึ้นมาที่ช่องดิน ด้วยเหตุนี้หลายๆคนจึงเชื่อว่าหากมีแก้วโป่งขามไว้ในครอบครองจะทำให้อยู่ยง คงกระพัน

    โป่งข่ามแก้วกายสิทธิ์
    ตามความเชื่อที่เล่าสืบต่อกันมากว่า ๔๐๐ ปีมาแล้ว ว่าโป่งข่ามนั้นเป็นแก้วกายสิทธิ์ที่สวรรค์ประทานลงมาให้กับ
    มวลมนุษย์ที่มีบุญวาสนาไว้ใช้ปกป้องให้รอดพ้นจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวง จากตำนานความจริงตั้งแต่อดีตจนถึง
    ปัจจุบัน บริเวณใดก็ตามที่มีแก้วโป่งข่ามไฟป่าจะไม่สามารถผ่านเข้าไปได้เลย เพราะเวลาที่เกิดไฟป่าวิ่งเข้ามาในรัศมี
    ที่มีโป่งข่ามไฟป่าจะดับลงในทันที่ทันใดเป็นที่น่าพิศวงยิ่งนัก โป่งข่ามตามตำนานศักสิทธิ์มีอยู่ ๒๔ ชนิดด้วยกัน
    อานุภาพของโป่งข่าม บูรพาจารย์ได้บันทึกเอาไว้ว่าเป็นของกายสิทธิ์ที่มีอิทธิฤทธิ์รอบตัวไม่แพ้เหล็กไหลเลยทีเดียว
    มีกำเนิดมาจากบนสรวงสวรรค์จึงไม่แปลกที่จะมีพลังอานุภาพสูงส่งไร้ขีดจำกัดเป็นของวิเศษดี ๑๐๘ ประการ ซึ่งจะได้
    นำเสนอต่อสมาชิกในโอกาสข้างหน้านี้ต่อไป
    จิตวิญญาณที่ดูแลรักษาแก้วโป่งข่ามจะเป็นพวกเทพ พรหม พญานาคฝ่ายสัมมาทิฐิ จึงให้คุณเป็นอเนกอนันต์
    ต่อผู้บูชา และนำติดตัว โดยเฉพาะผู้ที่ใจบุญเลือกทำแต่กรรมดีเป็นที่ตั้ง จะได้รับกระแสพลังปราณจากกายสิทธิ์ชนิดนี้
    แบบเต็มบารมีเลยทีเดียว
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2009
  5. mssoda

    mssoda Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,182
    ค่าพลัง:
    +50
    -พี่แก้วทายแม่นจัง ต้องให้เป็นหมอดูประจำเวปแล้วกระมัง เมื่อวานตอนเย็นไปกินFujiมา แล้วไปชอบปิ้งมาด้วย...อิอิ piggi
     
  6. mssoda

    mssoda Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,182
    ค่าพลัง:
    +50
    พี่ฟ้า พี่แก้ว นายจันทร์เค้าฝากให้บอกว่าต้องเอาแก้วโป่งมาล่อ ถึงจะออกมา....แห่ะๆๆๆ
    ตอนแรกว่าดึกๆๆจะเข้ามาพอดีเดอะสตาร์มาพอดี ดูยาวๆๆๆๆเลย ก้อมันใกล้จะจบอาทิตย์แล้ว....มีใครดูบ้างไหมจ๊ะ .....อยากเชียร์กันนะเด๋วคนที่ชอบจะตกรอบไปซะก่อน

    *************อรุณสวัสดิ์ตอนเช้าค่ะ***********
     
  7. mssoda

    mssoda Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,182
    ค่าพลัง:
    +50
    แว๊บ ไปดูหนังเกาหลีดีกว่า ยังไม่มีใครมาเลยเน้อ
    ;aa38;aa38;aa38
     
  8. nu_fah

    nu_fah เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,268
    ค่าพลัง:
    +162
    วันนี้ เป็นวันหยุดพักผ่อน นอนดูหนังอยู่กับบ้าน ...
    อิอิ....เย็นๆ ค่ำๆ จาเข้ามาออนใหม่นะคะ..น้องดา พี่แก้ว และ สมาชิกที่น่ารักทุกๆท่านจ้า...;aa38piggi
     
  9. mssoda

    mssoda Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,182
    ค่าพลัง:
    +50
    <TABLE class=r-navi-border cellSpacing=5 cellPadding=2 width="90%" border=0><TBODY><TR><TD class=r-navimain>ทราบมาว่าเพื่อนสมาชิกสนใจแก้วเข้าแก้วกันเป็นจำนวนมาก จึงเอาข้อมูลมาให้เพื่อเป็นประโยชน์ในการศึกษาเพิ่มเติมค่ะ

    แก้วเข้าแก้ว (Manifestation)
    </TD></TR><TR><TD class=bottom-line style="PADDING-LEFT: 12px" vAlign=top>การใช้แก้วเจตสิก การต่อจิตเข้ากับแก้วเจตสิกนั้นให้ใช้สมาธิลงลึกเข้าไปสู่ข้อมูลหรือสิ่งที่ตัว แก้วได้บันทึกไว้แล้วใช้จิตลงสู่ภายในตัวลูกกรอกแล้วเริ่มถามถึงสิ่งที่เราต้อง การจะรู้ หรืออีกวิธีหนึ่งสามารถทำได้โดยการผ่อนคลายจิตและร่างกายให้รู้สึกสบายจนสภาวะจิตเข้าสู่สภาวะ Alpha - Theta State แล้วตั้งจิตไปที่จักระ ๖ (บริเวณหว่างคิ้ว) เพ่งเข้าไปสู่ แก้วเจตสิกหรือแก้วลูกกรอกที่อยู่ภายในด้วยจิตใจที่แน่วแน่นิ่งอยู่อย่างนั้นประมาณ ๓ นาที แล้วจะมีคำตอบให้ ซึ่งก็อาจจะเป็นเสียง ภาพหรือสัญลักษณ์แก้วเจตสิกเป็นแก้ว ที่สามารถก่อให้เกิดภาพแห่งจินตนาการและยังทำให้ผู้ถือครองมีแนวความคิดที่สร้างสรรค์ สามารถจุดประกายให้แก่ตัวเราเพื่อที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จในสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ อีกทั้งยังช่วยในการฝึกจิตเป็นอย่างดีอีกด้วย นำไปทดลองกันดูนะครับแล้วอย่า ลืมแจ้งผลมาให้ทราบบ้างนะครับ แก้วโป่งข่ามเป็นหินแร่ที่เกิดขึ้นมาตามธรรมชาติมีคุณวิเศษอยู่ในตัวนานับประการ ความแปลกของแก้วโป่งข่ามนี้อยู่ที่มันสามารถที่จะรับพลังงานอย่างหนึ่งเอาไว้ แล้วสามารถที่จะถ่ายทอดออกมาเป็นพลังงานอีกรูปแบบหนึ่งได้ และถ้าหากคุณใส่พลังไฟฟ้าเข้าไปในแก้วโป่งข่ามมันจะก่อให้เกิดพลังงานแห่งการสั่นสะเทือน ในแต่ละกรณี พลังงานที่แก้วโป่งข่ามได้รับเข้าไว้จะไม่เหมือนกันกับพลังงานที่แก้วได้ปล่อยออกมา ทั้งนี้เพราะได้มีการเปลี่ยนรูปของพลังงานที่เกิดขึ้นภายใน แก้วแต่ละเม็ด จะมีสนามพลังงานหรือคุณวิเศษอันยอดเยี่ยมที่สามารถกระตุ้นให้มีการเจริญเติบโตจะ พลังงานของแก้วโป่งข่ามจะเจาะทะลวงและส่งผลกระทบต่อเข้าไปยัง ในทุกระดับของสามัญสำนึกและทุกสารวัตถุ เนื่องจากในตัวของแก้วเองนั้นมีคุณสมบัติของ " ตัวรับ" ที่สามารถเปลี่ยนรูป และกระจายพลังที่ได้รับการเปลี่ยนรูปแล้วออกมาจากภายใน แก้วโป่งข่ามบางชนิดยังสามารถให้พลังงานแก่ผู้ถือครองทั้งทางร่างกาย อารมณ์ ความรู้สึก และยังช่วยปรับชะตาชีวิตอีกด้วย

    [​IMG] การทำสมาธิด้วยแก้วโป่งข่าม คำแนะนำในระหว่างการทำสมาธิจิตนี้ก็คือให้ถือแก้วโป่งข่ามไว้ในมือข้างซ้ายแล้วทำจิตใจให้สงบ แต่การทำสมาธิ จะทำให้ง่ายขึ้นมากถ้าหากว่าคุณสูดหายใจให้ลึก กลั้นในไว้ชั่วขณะหนึ่ง และระบายออกมาเพื่อเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อเสียก่อน ซึ่งมันจะทำให้ร่างกายผ่อนคลายความตึงเครียด และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือแทนที่จะต่อต้านการทำสมาธิของคุณ การนั่งคุณอาจจะนั่งสมาธิหรือ นั่งบนเก้าอี้โดยที่ปล่อยให้เท้าทั้งสองข้างวางอยู่กับพื้น หรืออาจจะใช้ท่านอนก็ได้ ขอเพียงให้คุณรู้สึกสบายและผ่อนคลายที่สุดก็พอ เมื่อท่าในการทำสมาธิพร้อมแล้วหลังจากนั้นให้คุณเริ่มสร้างมโนภาพ หรือทบทวนความทรงจำไปยังสถานที่ๆ ทำให้ท่านมีความสุข ทำให้ร่างกายผ่อนคลายโดยอัตโนมัติ โดยความเป็นจริงแล้วการที่จะทำสมาธินั้นมีอยู่หลายวิธี แต่หลักสำคัญนั่นก็คือการทำจิตใจให้สงบที่สุด และในแต่ละครั้งให้นำแก้วโป่งข่ามเข้ามาใช้ร่วมด้วยเพราะมันจะสามารถทำการบันทึกความทรงจำในห้วงแห่งการทำสมาธิจิต อีกทั้งยังจะช่วยนำพาจิตใจของเราให้เข้าไปสู่ความสงบได้เร็วยิ่งขึ้นไปอีกด้วย จากนั้นให้คุณมองให้เห็นภาพแก้วโป่งข่ามด้วย "ตาใน" และจำไว้ให้ดี จากนั้นให้มองต่อไปอีกโดยให้มองให้เห็นว่าตัวของคุณเองได้เข้าไปอยู่ภายในของ ตัวแก้วโป่งข่ามจะอยู่นานเท่าไหร่ก็ได้แล้วแต่อุตสาหะ และเมื่อคุณพร้อมที่จะถอยออกมาให้คุณทำอย่างช้า ๆ และนิ่มนวลไม่ต้องรีบร้อนค่อยเป็นค่อยไป ลืมตาขึ้นช้า ๆ พร้อมกับผ่อนลมหายใจเบา ๆ เมื่อคุณกลับออกมาแล้วตัวของคุณเอง จะรู้สึกได้ทันทีว่าจิตใจของคุณจะปลอดโปร่งและรู้สึกได้ถึงพลังที่เกิดขึ้นทั้งภายในร่างกายและจิตใจ เนื่องจากคุณได้ผ่านการเติมพลังมาแล้ว และอย่าลุกขึ้นทันทีหลังจาก การทำสมาธิเรียบร้อยแล้วแต่ควรทิ้งไว้สักครู่แล้วค่อยลุกออกมา หมั่นทำเช่นนี้เป็นประจำและจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นให้ดี เพื่อตัวของท่านเองนะครับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ขอขอบคุณที่มา www.geocities.com/ounamilit_net/pongin3.htm
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2009
  10. mssoda

    mssoda Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,182
    ค่าพลัง:
    +50
    <TABLE class=r-navi-border cellSpacing=5 cellPadding=2 width="90%" border=0><TBODY><TR><TD class=r-navimain>แก้วเข้าแก้ว (Manifestation)</TD></TR><TR><TD class=bottom-line style="PADDING-LEFT: 12px" vAlign=top>[​IMG] ความเชื่อในแก้วโป่งข่ามที่มีมาแต่โบราณนั้นต่างก็ได้ยอมความรับมา ช้านานในความศักดิ์สิทธิ์ว่าเป็นหนึ่ง ในของทนสิทธิ์อันเกิดจากธรรมชาติ ซึ่งถือว่าแก้วเป็นของที่มี ศิริมงคลเมื่อนำติดตัวแล้วจะเป็นโชคชัย ดังได้กล่าวมาแล้วในฉบับก่อน ๆ ถึงแก้วหลาย ๆ ชนิดแต่ในฉบับนี้ผมจะขอกล่าวถึงแก้วอีกชนิดหนึ่งซึ่ง ตั้งแต่โบราณมาแล้วถือได้ว่าเป็นแก้วที่มีคุณวิเศษเหนือคณานับอีกทั้งยังหาได้ยากยิ่ง แก้วที่ผมจะกล่าวถึงดังต่อไปนี้ก็คือ “แก้วเข้าแก้ว” หรือเรียกอีกอย่าง หนึ่งว่า แมนิเฟสเตชั่น (Manifestation) แก้วพิศดารจำพวกนี้เมื่อยังไม่ได้ทำการ เจียระไนยังเป็นแท่งคริสตัลอยู่ความ พิเศษของมันก็คือจะมีหน่อแก้วเล็ก ๆ คล้ายกันงอกขึ้นได้ ในหน่อแก้วใหญ่ ซึ่งจะเกิดซ้อนขึ้นภาย ในโดยจะติดอยู่ที่ผิวด้านใดด้านหนึ่ง เมื่อคุณมองผ่านมุม ที่กระทบสายตาทะลุจึงจะเห็นได้ชัดเจน เราจึงเรียกกันว่า “แก้วเข้าแก้ว” แต่บางครั้งอาจจะมีหน่อแก้ว เข้าแก้วบางหน่อที่อาจจะมี หน่อแก้วบางหน่อที่มีแก้วเข้าแก้วซ่อนอยู่ภายในมากมายหลายแท่ง ส่วนใหญ่จะพบได้ในแก้วชนิดหน่อแม่ แต่บางหน่ออาจจะมีแก้วเข้าแก้วชนิดหน่อโตนอยู่ด้วย อันเป็นสิ่งที่หาได้อย่างยากยิ่ง เรื่องแก้วเข้าแก้วนี้เป็นเรื่องลึกและลับที่หวงแหนกันแต่เพื่อแฟน ๆ อุณมิลิตผมจึงต้องนำมาเผยให้อ่านกัน และยืนยันว่าความรู้นี้ถูกต้องมีมาตราฐานสืบมาแต่โบราณและ ในรอบห้าสิบปีนี่เพิ่งนำมาเผยในอุณมิลิตนี่ เท่านั้นจึงขอสงวนสิทธิ์หากใครจะนำไปแอบอ้างหรือหากไม่มีข้อมูล นำไปแอบอ้างแบบครูพักลักจำเขา มาก็ขอความกรุณาช่วยบอกกล่าวหน่อยว่าเอาความรู้นี้มาจากไหน


    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 12px">
    ลวดลายที่ประกอบกันของแก้วเข้าแก้วและแก้วที่ร่วมสกุลก็คือ
    ๑. แก้วเข้าแก้วเง่า คือแก้วเข้าแก้วที่มีส่วนของการงอกจากด้านพื้นของแก้วหรือด้านของก้นแก้วด้านใดด้านหนึ่ง แต่ไม่เต็มทั้งลูก
    ๒. แก้วเข้าแก้วโตน (แก้วโทนที่แปลว่าเดี่ยว) คือแก้วเข้าแก้วที่มีการงอกของหน่อโตนหรือหน่อเดี่ยว ๆ ขึ้นมาอยู่ตรงกลางของแก้วโดยไม่มีส่วนสัมผัสกับด้านผิวนอกของแก้วหรือพื้นแก้วแต่อย่างใด
    ๓. แก้วเข้าแก้วแฝด คือลักษณะที่เกิดแก้วเข้าแก้วโตนสองหน่อติดกันหรืออาจจะเกิดจากด้านพื้นแก้วด้านใดด้านหนึ่ง
    ๔. แก้วเข้าแก้วซ้อนแก้ว ( แก้วสหชาติ ) เป็นแก้วเข้าแก้วที่หายากมากที่สุดเพราะจะเกิดขึ้นจากแก้วโตนที่เข้าแก้วที่อยู่ในแก้วถึงสองชั้น
    ๕. แก้วเข้าแก้วเข้าแร่ (ก้าวสหชาติต่างสกุล) เป็นแก้วที่มีแก้วเข้าแก้วแต่เป็นลักษณะของแก้วที่เป็นก้อนแร่อยู่ภายในซึ่งจะมีสีที่แตกต่างออกไป
    ๖. แก้วเข้าแก้วสลัก (สลักช่อแก้ว ) แก้วเข้าแก้วชนิดนี้จะแตกต่างจากแก้วเข้าแก้วชนิดอื่นคือ แก้วที่เกิดขึ้นภายในจะไม่ขึ้นเป็นแก้วใสแต่จะขึ้นเป็นแก้วช่อสีอื่น ๆ เช่นสีขาวขุ่น, ดำ หรือแดงน้ำตาลเป็นต้น

    </TD><TD vAlign=center>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    คุณประโยชน์
    ประโยชน์ของ “แก้วเข้าแก้ว” ที่โดดเด่นนั้นมีอยู่หลายด้านแต่ที่เด่นชัดที่สุดเห็นจะเป็นทางด้านเกี่ยวกับการติดต่อค้าขาย ความมีอำนาจวาสนา มีชื่อเสียงความร่ำรวยส่งเสริมความสำเร็จในทุก ๆ ด้าน ทำให้เปลี่ยนโชคชะตาไปในทางที่ดีขึ้น อีกทั้งยังนำมาใช้ได้เกี่ยวกับ การบำบัดรักษาทางด้านจิตใจที่หดหู่ ช่วยลดอาการที่จิตใจเศร้าหมองสร้าง ความมั่นคงให้กับจิตใจทำให้จิตใจเข้มแข็งและทำให้เป็นเกราะป้องกันไม่ให้สภาวะ ดังกล่าวกลับเข้ามายังผู้ครอบครองได้อีกด้วยที่สำคัญแก้วชนิดนี้มีการบันทึกพลังจิต เเบบที่เรียกว่ามีเจตสิกที่บางคณาจารย์อาจตั้งชื่อว่า “แก้วเจตสิก” หรือ “แก้วกุมารทอง” ( Phantom Quartz ) แก้วลูกกรอกนี้โดยลักษณะทั่วไปแล้วหมายถึงจะแท่งแก้วเล็ก ๆ บรรจุอยู่ภายในตัวแก้วแม่ตัวแก้ว ที่เห็นนั้นอาจจะเป็นรูปสามเหลี่ยมยอดแหลมทรงพีรามิด หรืออาจจะเป็นรูปหลายเหลี่ยมก็ได้ ภาพดังกล่าวจะสามารถเห็นได้ชัดเมื่อนำแก้วแม่มาส่องในระดับสายตากับแสงสว่าง แก้วลูกกรอกที่เกิดขึ้นมาภายในตัวแก้วแม่อาจเนื่องมาจากแก้วลูกหน่อนั้นหยุดการเจริญเติบโต ซึ่งอาจจะเนื่องมาจากบรรยากาศ อุณหภูมิหรือความกดอัดที่ไม่เหมาะสม หรือมีการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา ภายใต้พื้นผิวโลกเช่น การเกิดแผ่นดินไหว หรือภูเขาไฟระเบิดความเจริญเติบโตนี้จะหยุดชะงักลง อันเป็นมูลเหตุให้เกิดการสะสมข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งก็อาจจะเป็นเรื่องราวในอดีตทรัพยากร แม้กระทั่งเรื่องราวของศิลปศาสตร์ ฯ

    ขอขอบคุณที่มาwww.geocities.com/ounamilit_net/pongin2.htm

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. mssoda

    mssoda Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,182
    ค่าพลัง:
    +50
    <TABLE class=r-navi-border cellSpacing=5 cellPadding=2 width="90%" border=0><TBODY><TR><TD class=r-navimain>แก้วเข้าแก้ว (Manifestation)</TD></TR><TR><TD class=bottom-line style="PADDING-LEFT: 12px" vAlign=top>[​IMG] เคยมีผู้กล่าวไว้ว่า ถ้าหากเรานิยามคำว่า “ พลัง ” ของท่านติดอยู่กับการมีชื่อเสียง เกียรติยศ หรือทรัพย์สินเงินทองรวมถึงการที่จะต้องมีผู้นับหน้าถือตายอมรับนับถือจากผู้อื่นแล้วนั้น ย่อมจะแสดงให้เห็นว่าท่านยังไม่รู้จักคำว่า “ พลัง ” อย่างแท้จริง เพราะพลังเช่นที่ได้กล่าวมาทั้งหมด มันมักจะมีคำว่า “อำนาจ” หรือ “อิทธิพล” ตามมาด้วย การที่ท่านจะสร้างพลังให้เกิดกับตัวเองอย่างแท้จริงนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องมี “ความรู้อย่างถ่องแท้” ถึงในสิ่งที่นำมาใช้ในการสร้างพลังเสียก่อน ในที่นี้เราหมายถึงว่าท่านจะต้องทำความรู้จักคุ้นเคยกับหินแก้ว “ โป่งข่าม ” เสียก่อน ไม่เพียงจะต้องทำความรู้จัก เท่านั้น แต่เรายังจะต้องรู้เข้าไปให้ลึกถึงคุณประโยชน์ ประสิทธิภาพความศักสิทธิ์ที่มีอยู่ภายในของแก้วโป่งข่ามและจุดประสงค์ความต้องการที่เรานำมาใช้ด้วย
    หากเมื่อเราได้หยิบแก้วขึ้นมาถือไว้ในมือสักชิ้นหนึ่ง คำถามที่จะเกิดขึ้นมาในใจของเราก็คือ แก้วชิ้นนั้นจะสามารถดลบันดาลให้เรามีโชคลาภหรือจะให้คุณประโยชน์แก่เราในด้านใดบ้าง และจะให้คุณแก่เราจริงหรือ เพราะตั้งแต่โบราณมาแล้วที่เราได้รู้ว่าแก้วโป่งข่ามนั้นมีคุณค่า และประโยชน์เหลือนับคณาทั้งสามารถป้องกันและ ปัดเป่าอีกทั้งยังช่วยเสริมโชคชะตาราศี ให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นไปอีกด้วย

    [​IMG]

    การที่เราคิดจะเลือกแก้วโป่งข่ามสักชิ้นมาครอบครองเราควรจะปฏิบัติตามคำแนะนำของท่านผู้รู้อยู่บ้าง นอกเหนือจากความชอบส่วนตัว เพราะผู้ที่เลือกนำไปครอบครองนั้นย่อมจะหวังว่าแก้วที่นำไปนั้นจะต้อง “ถูกโฉลก” กับ”ราศี” หรือ “ดวง” ที่เกิดของตนเองทั้งสิ้น ซึ่งเรื่องของ “พลัง” ที่มีอยู่ในแก้วโป่งข่ามนั้น มิใช่เพียงแต่ว่าจะนำมาซึ่งสิริมงคลทุกประการเท่านั้น แต่ยังเป็นพลังที่สามารถใช้ให้เป็นประโยชน์ในการบำบัดรักษาทางด้านจิตใจ ดังสมาชิกท่านหนึ่ง ก่อนนั้นได้มาเล่าให้ผู้เขียนฟังว่าเป็นคนที่มีอารมณ์ร้อนมุทะลุมาก และได้มาปรึกษากับผู้เขียนจึงได้ให้บูชาแก้ว “หมอกมุงเมือง” พร้อมกับบอกให้ใช้ร่วมกับการทำสมาธิ เพื่อกระจายพลังงานในทางที่สร้างสรรค์ ผลปรากฏว่าเมื่อเขาได้กลับมาอีกครั้งได้มาบอกกับผู้เขียนว่า สามารถรู้สึกได้ทันทีถึงการเปลี่ยนไปในทางที่ดีได้อย่างชัดเจน เห็นได้ว่าเมื่อสามารถนำไปใช้ได้อย่าง ถูกต้องแล้วจะเกิดเห็นผล อย่างแน่นอน

    คุณสมบัติของแก้วโป่งข่ามแต่ละชิ้นนั้นจะแตกต่างกันออกไป บางชิ้นมีธรรมชาติของการรับมากกว่าชิ้นอื่น ๆ ไม่เพียงแต่เท่านั้นมันยังสามารถบันทึกความทรงจำเกี่ยวกับ จุดประสงค์หรือเจตนารมย์ของผู้ที่ครอบครองมันได้อีกด้วยเพราะฉะนั้นหากคุณได้เป็นเจ้าของโป่งข่ามชิ้นใดก็ตาม คุณก็ควรที่จะทะนุถนอมมันและถ่ายทอดพลังแห่งความรักลงไปใว้ในตัวของแก้วโป่งข่ามให้มากที่สุด ให้รู้จักการคุยกับมัน แล้วจะสามารถสัมผัสได้ถึงพลังพิเศษจากตัวแก้วโป่งข่ามได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจทีเดียว เพราะแก้วโป่งข่ามสามารถสนองตอบความคิด อารมณ์และจิตใจของคนเราได้


    ขอขอบคุณที่มา www.geocities.com/ounamilit_net/pongin.htm
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. mssoda

    mssoda Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,182
    ค่าพลัง:
    +50
    พลอยประดับตระกูลควอตซ์
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="30%">
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD><TD width="70%">ประชาชนโดยทั่วไปรู้จักโป่งข่ามกัน แต่เพียงว่าเป็นแก้วธรรมชาติ ซึ่งได้มาจากเมืองเถิน เป็นของขลัง ที่ผู้ใดมีไว้กับตัว จะช่วยให้แคล้วคลาดจากภยันตราย นำโชคดีมาให้แก้วนี้ส่วนใหญ่ใส โปร่งตา หรือโปร่งแสง ภายในมักจะมีบางสิ่งบางอย่างประจุอยู่หรือมีลวด ลายสีสรร สิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้บางก้อน บางชิ้น เมื่อเจียระไนทำหัวแหวนแล้ว จะมีลักษณะเป็นรูปวิวทิวทัศน์อันสวยงาม แปลกประหลาด ที่ยังความ พิศวง นำความเบิกบานใจ และความสุขมาสู่ผู้สวมใส่ ผู้ใช้ และผู้ที่มีไว้เป็นสมบัติของตน แม้แต่เพชร อันเป็นยอดมณี ถ้าพิจารณากันให้ดีมีเหตุผลตามหลักตรรกวิทยาแล้ว ก็จะต้องถือว่า ไร้ประโยชน์ แต่สำหรับโป่งข่ามนั้น ถ้าเป็นของมีคุณอันวิเศษจริง ก็นับว่าเป็นแก้วที่มีประโยชน์ และสำหรับผู้ยากไร้นั้นถ้ามีเงินจะเสียได้เพียง 10 บาท เท่านั้น
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ก็อาจมีโอกาสเป็นเจ้าของโป่งข่าม ส่วนใหญ่ที่ซื้อขายกันมีราคาระหว่างเม็ดละ 30 บาท ถึง 50 บาท 100 บาท ถึง 200 บาท โป่งข่ามราคาขนาดนี้ นับว่าเศรษฐกิจของบุคคลส่วนใหญ่ยังอำนวยให้มีโอกาสเป็นเจ้าของได้ ซ้ำยังเม็ดใหญ่กว่าเพชร ที่ราคาเท่ากันอย่างมากมาย ด้วยเหตุนี้ และบางที จะเป็นด้วยเหตุอื่นก็ได้เป็นได้ คนที่พอมีอันจะกินบางคนก็ใส่เสียพราวไปทั้งสองมือ แถมยังอาจจะมีอยู่ในกระเป๋ากางเกง หรือที่บ้านอีกมาก
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="33%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD><TD width="33%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD><TD width="34%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    โป่งข่ามราคาเม็ดละ 1,000 บาท ถึง 2,000 บาท ก็มีซื้อขายกันอยู่เป็นธรรมดา และราคาไม่หยุดอยู่เพียงนั้น โป่งข่ามเม็ดละ 5,000 บาท ถึง 6,000 บาท ก็มี และแม้แต่เม็ดละ 10,000 บาทขึ้นไปก็ยังมีผู้ซื้อ ราคาของโป่งข่ามขึ้นอยู่ต่อความหายาก ความงามของแก้ว กับความหลง และกำลังทรัพย์ ของผู้ซื้อ โป่งข่ามเม็ดไหนก็เม็ดนั้น ไม่มีเหมือนกันโดยสมบูรณ์ โป่งข่ามแต่ละเม็ดจึงเป็นเม็ดเดียวในโลก
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="30%">
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD><TD width="70%">นี่เป็นเรื่องสำคัญทางจิตใจ ของปุถุชน จำนวนไม่น้อยที่อยาก หรือ ยินดีที่จะมี ที่จะได้เป็นเจ้าของ ของสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ไม่เหมือนของใครในโลก และเมื่อมีเม็ดหนึ่งแล้ว จะพบเม็ดใหม่อีกสักกี่เม็ด ก็ไม่เหมือนเม็ดที่มีอยู่ อาจจะสวยไปคนละแบบ จะซื้อไว้อีกก็ไม่ซ้ำกับของที่มีอยู่แล้ว และมีเหตุที่จะอ้างเพื่อการซื้อได้อีกเสมอไป ราคาของโป่งข่ามเริ่มต้นที่ปากหลุมซึ่งขุดได้ และจะเพิ่มขึ้นโดยลำดับ ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนมือจากพ่อค้าที่ปากหลุม ไปสู่ผู้รับเจียระไนตามหมู่บ้าน ร้านตลาด จากบ้านไปสู่เมือง จากผู้ขายไปสู่ผู้ใช้ แก้วโป่งข่ามเม็ดหนึ่ง อาจจะเปลี่ยนมือ และราคาเพิ่มขึ้นหลายครั้ง แล้วก็อาจจะไดราคาดีที่สุดเมื่อผู้ซื้อขอให้ผู้ขายนำมาให้ดูที่บ้าน ตลอดระยะทางอันไกลจากบ่อแก้วอันเป็นที่เกิด จนมาประดับอยู่บนมือผู้ใช้โป่งข่ามนั้น ก่อให้เกิดธุรกิจการค้า การหมุนเวียนของเงินตราหลายด้าน หลายประการ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อาทิ การค้าวัสดุเพื่อการขุด การตัด การเจียระไน และการทำเรือนแหวน การรับจ้างตัดแก้ว และเจียระไน การคมนาคม การขนส่ง การโฆษณา ร้านอาหาร โรงแรม ธนาคาร และนายหน้า เป็นต้น
    ผู้เขียนเรื่องนี้รู้จักสภาพท้องถิ่นในภาคเหนือของประเทศไทยพอสมควร ผู้เขียนเคยไปอำเภอเถินมาก่อนแล้ว และผู้เขียนเคยผ่านบ้านดอนชัยอันเป็นชุมทาง ของทางแยกแห่งหนึ่ง บนถนนพหลโยธินใกล้อำเภอเถินมาหลายครั้ง เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2513 ผู้เขียน และเพื่อนอีกหลายคน ได้เดินทางไปยังอำเภอเถิน อีกครั้งหนึ่ง เพื่อดูการขุดแก้วโป่งข่าม และภาวะของการค้าโป่งข่าม ผู้เขียนได้พักแรมที่อำเภอเถินสองคืน และเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในวันที่ 10 ธันวาคม 2513 ผู้เขียนคาดไม่ถึง ว่าจะได้เห็นผู้คนสนใจ มีธุรกิจเกี่ยวกับโป่งข่ามกันมากมายถึงขนาดนั้น
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="33%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD><TD width="33%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD><TD width="34%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    สามแยกดอนชัยอันเป็นชุมทางรถโดยสาร ตาก - เถิน - ลี้ - ลำปาง คลาคล่ำไปด้วยพ่อค้าแม่ขาย แต่มิใช่ขายอาหาร- เครื่องดื่มที่เดกันเข้ามาหาผู้โดยสาร เมื่อรถจอดเช่นกับ ที่เคยเห็นกันในที่อื่น ที่นี่มีแต่การขายโป่งข่ามกันเป็นส่วนใหญ่ โป่งไม๊คะ? ซื้อโป่งบ้างไม๊คะ? อะไรนะ? โป่งข่ามเจ๊า ......สามแยก ดอนชัย เป็นตลาดโป่งข่ามใหญ่เป็นที่ 2 รองจากเถินที่บ้านนาบ้านไร่ และบ้านแม่แก่ง ซึ่งอยู่ใกล้ดอยโป่งหลวง
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="32%">
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="50%">[​IMG]</TD><TD width="50%">[​IMG]</TD></TR><TR><TD width="50%">[​IMG]</TD><TD width="50%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD><TD width="68%">และใครจะไปบ่อแก้วโป่งข่ามจะต้องผ่านหมู่บ้านทั้งสองนี้ ขวักไขว่ไปด้วยผู้คน และรถโดยสารที่นำพ่อค้า แม่ค้าโป่งข่ามมาจากเถิน หมู่บ้านคึกคักผิดปกติของหมู่บ้านในชนบทของเมืองไทยเป็นอันมาก ราวกับกำลังมีงานออกร้านฉลองอะไรสักอย่างหนึ่ง คนที่เดินผ่านมาจะต้องหยุดถามเราว่า ซื้อโป่งข่ามไหม? เหมือนกับคนมาถามเราว่าซื้อลอตเตอรี่ไหม? บางคนก็มีให้เราดูมาก ดูแล้วไม่พอใจ เขาก็มีให้เลือกอีก ในกระเป๋ากางเกง ในย่าม ในกระเป๋าถือ และในกระเป๋าเอกสาร แต่ละคนมีโป่ง พูดกันแต่เรื่องโป่ง คนขายกาแฟ ส่งโอเลี้ยงให้เราแล้วก็ถามว่า ซื้อโป่งไหม? บนทางเท้า จากบ้านนาบ้านไร่ ไปโป่งหลวงมีทั้งคนไป และคนมา ราวกับว่ามีงานวัดอยู่ข้างหน้า ใต้ถุนบ้าน บนชานเรือนในหมู่บ้านจะมีคนนั่งกันเป็นกลุ่ม ขัดโป่งข่ามกันไป คุยกันไปไม่หยุดมือ ดู ๆ แล้วก็ต้องนึกว่าแต่ละคนทำงานแข่งกับเวลา</TD></TR></TBODY></TABLE>
    เพราะทุก ๆ เม็ดที่กำลังขัด หรือเจียระไนอยู่นั้น มันเป็นของมีราคา เสร็จแล้วเป็นต้องขายได้ และเม็ดหนึ่ง เขาจะขายได้ เป็นมากกว่าค่าจ้างแรงงาน รายวันธรรมดา หลายเท่า หรือหลายสิบเท่า และถ้าขยันมากก็ได้มาก คนหนึ่งวันหนึ่ง อาจจะเจียระไนได้ถึง 5 เม็ด สุดแต่ว่าเม็ดเล็กเม็ดใหญ่เจียระไนยาก หรือง่าย เวลาของเขาจึงนับได้ว่าเป็นเงินเป็นทอง โอกาสดี ได้มาถึงแล้ว น้ำขึ้นต้องรีบตัก
    ตลาดอำเภอเถิน มีสินค้าอย่างใหม่วางขายตามร้านค้า และตามบ้าน นับร้อยหลังคาเรือน โดยไม่จำกัดว่าเป็นร้านค้าอะไร บ้านของใคร ที่นั่นเขาเรียกแก้วโป่งข่ามกันสั้น ๆ ว่า "โป่ง" คำเดียวเป็นรู้เรื่อง
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="35%">
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD><TD width="65%">ร้านกาแฟก็มีโป่งขาย ร้านชำก็มีโป่งขาย ร้านดัดผมก็มีโป่งขาย ร้านอะไหล่รถยนต์ ร้านขายยา ร้านขายวิทยุ ร้านขายจักรยานยนต์ ร้านขายเครื่องนุ่งห่ม เครื่องสำอาง ร้านขายอาหาร ต่างก็มีโป่งขาย บ้านคุณครู บ้านผู้ใหญ่ บ้านคุณหมอ บ้านคหบดี ต่างก็มีโป่งขาย กันทั้งนั้น ชั่วเวลาสั้น ๆ ที่ผู้เขียนอยู่ที่เถิน จึงมีโอกาสได้เห็นโป่งข่ามหลายพันเม็ด บางร้าน ก็เอาโป่งวาง เรียงราย ไว้บนโต๊ะ ที่หน้าร้านอย่างเปิดเผยไม่กลัวขโมย บ้างก็กวาดของอื่น ในตู้โชว์ของ เสียชั้นหนึ่ง หรือทั้งตู้ เอาโป่งเข้าไปวางแทน ตู้ใส่บุหรี่ขาย ก็มีโป่งเข้าไปแทนที่ เสียครึ่งตู้ หรือเต็มตู้ไปเลย ถ้าเราแวะร้านไหนไปก้ม ๆ เงย ๆ ดูโป่งข่าม คนในร้าน เขาจะรีบมา ต้อนรับทันที ซื้อโป่งหรือคะ เชิญนั่งก่อนซีคะ ข้างใน ดิฉันยังมีให้ชมอีกมากนะคะ สิ่งที่อยู่เบื้องหลัง ใบหน้าอันยิ้มระรื่น เสียงหัวเราะอันระริก ของผู้หญิงนั้นคือ ความเป็นสุขใจ ของเขา เขาไม่เคยขายอะไรได้กำไรดีเท่าขายโป่งข่าม</TD></TR></TBODY></TABLE>
    โป่งข่ามนำเงินทองมาสู่เขาอย่างไม่เคยมาก่อน ตลาดเถินเป็นทั้งที่ขายปลีก และขายส่งอะไรทำนองนั้นอีกด้วย พ่อค้าแม่ค้าจากเชียงใหม่ ลำปาง ตาก พิษณุโลก นครสวรรค์ และกรุงเทพฯ มาซื้อโป่งข่ามจากที่นี่ไปขาย เจ้าของร้านแห่งหนึ่ง บอกเราให้ทราบว่า คนนั้น คนนี้ที่ตาก พิษณุโลก เคยมาซื้อไปแล้ว 40,000 บาท บ้าง 70,000 บาทบ้าง
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="33%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD><TD width="33%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD><TD width="34%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    และที่อีกร้านหนึ่งบอกว่า รายนี้ (ให้ดูนามบัตร และชื่อร้าน ที่พิษณุโลก) ซื้อไป 3 ครั้งแล้ว กว่า 1 แสนบาท นายอำเภอเถินบอกแก่ผู้เขียนว่า ธนาคารออมสินอำเภอเถิน เคยมีเงินฝากเพียงเป็นเรือนแสน และในชั่วเวลาเพียงไม่กี่เดือน จำนวนเงินฝากเพิ่มขึ้นถึง 8 ล้านบาท นั้นหมายความว่า ธุรกิจอันเนื่องมาจากโป่งข่าม ต้องก่อให้เกิดการหมุนเวียนของเงินตราหลายสิบล้านบาท และจะต้องมีคนมาเกี่ยวข้อง กับธุรกิจอันนี้หลายหมื่นคน เหตุการณ์นี้จึงเป็นที่น่าสนใจ และอาจจะเป็นหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ของเมืองไทย
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="32%">
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="50%">[​IMG]</TD><TD width="50%">[​IMG]</TD></TR><TR><TD width="50%">[​IMG]</TD><TD width="50%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD><TD width="68%">โป่งข่ามนั้น เป็นที่รู้จักกันมากกว่า 100 ปี แล้ว เดิมเรียกกันว่า "แก้วเมืองเถิน" ผู้เขียนได้เคยเห็นแก้วนี้ เป็นมรดกตกทอด มาจากบรรพบุรุษ ของตระกูลเก่าแห่งเมืองเชียงใหม่ เป็นแก้วโปร่งแสง สีฟ้า มีลาย คล้ายเมฆ เรียงตัวซ้อนกัน เป็นชั้นสวยงามมาก ผู้เขียนได้เห็นแก้วเมืองเถิน ที่เป็นของมรดก อีกหลายเม็ด เป็นแก้ว โปร่งตาใสแจ๋ว ภายในมีแถบ และเส้นใยเหลือบเป็นไหม สีเงิน และสีทองสวยงามมาก ข้อที่น่าสังเกต ประการหนึ่งก็คือ ท่านผู้เป็นเจ้าของแก้วเมืองเถินเหล่านี้เก็บรักษาแก้วกันมา ก็ด้วยเหตุว่า เป็นของสวยงามเท่านั้น ไม่มีผู้ใดพูดกันถึงความขลังของแก้วนี้เลย ก่อนที่จะมีการแตกตื่นกันในครั้งนี้ ผู้เขียนได้เห็นแก้วโป่งข่าม ที่เจียระไนแล้ว นำมาใส่ตู้กระจก วางไว้ขาย ที่ร้านอาหาร สามแยกดอนชัย อำเภอเถิน
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ตลอดเวลา 4 - 5 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ไม่มีผู้สนใจมากนัก เพราะแก้วสวยไม่สมราคา ทั้งนี้ส่วนหนึ่ง เนื่องมาจากเจียระไนไม่ดี และอีกส่วนหนึ่ง เนื่องมาจาก ไม่ได้คัดเลือก เอาแต่ที่สวย ๆ มาวางขาย ระยะนั้นเรียกโป่งข่ามกันว่า "แก้วแม่แก่ง" บ้าง "แก้วโป่งข่าม" บ้าง
    ประมาณกลางปี พ.ศ. 2512 ได้มีคนอำเภอเถินนำแก้วโป่งข่ามที่ยังไม่ได้เจียระไน และเจียระไนแล้ว มาให้ คุณดิ้น บุนนาค หัวหน้าศูนย์ทรัพยากรธรณี 2 ของกรมทรัพยากรธรณี ที่ในบริเวณมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตรวจดู และปรึกษาว่า แก้วนี้จะเป็นของมีราคา ผลิตขึ้นจำหน่ายได้ หรือไม่ คุณดิ้น บุนนาค ได้ ให้การสนับสนุน แก่ผู้ที่มาปรึกษา ให้เจียระไน แก้วโป่งข่ามจำหน่าย ทั้งได้ให้คำแนะนำ ในการตัด และการเจียระไน แก่ผู้นั้นด้วย
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="33%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD><TD width="33%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD><TD width="34%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    การตัดโป่งข่ามด้วยมีดหรือเลื่อยธรรมดาให้เป็นชิ้นเหมาะแก่การเจียระไน เป็นของยาก เพราะแก้วไม่แตกตามที่ต้องการ และมักจะทำให้เกิดร้าวทั่ว ๆ ไป แก้วนี้แข็งเกินไปที่จะตัดด้วยมีด หรือเลื่อย ๆ เหล็ก ได้ ต้องใช้ใบเลื่อยวงเดือน ที่ขอบฝังเพชร หรือคาร์โบรันดั้ม และหมุนเร็ว ซึ่งมีศูนย์ทรัพยากรธรณี 2 เชียงใหม่
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="22%">
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD><TD width="78%">นับแต่นั้นมา ก็มีชาวเถินนำแก้วโป่งข่าม มาของความช่วยเหลือให้ศูนย์ทรัพยากรธรณี 2 เชียงใหม่ ตัดให้เสมอมา ครั้นต่อมาเมื่อต้นปี พ.ศ. 2513 คุณศักดิ์ รัตนชัย แห่งสโมสรโรตารี่ ได้มาพบนักธรณีวิทยาของกองธรณี กรมทรัพยากรธรณี ที่ศูนย์ทรัพยากรธรณี จังหวัดเชียงใหม่ คือนายสงัด ปิยะศิป์ ดร.ภูธร สุขโต และนายวิชัย ศิวะบวร ขอความรู้ในทางธรณีวิทยาเพื่อนำไปเขียนหนังสือเผยแพร่ความรู้ และเป็นคู่มือของผู้เสาะแสวงหาแก้วโป่งข่ามและผู้สนใจโป่งข่าม หนังสือเล่มนั้นได้พิมพ์ขึ้น และจำหน่ายหมดไปอย่างรวดเร็วในปีเดียวกัน
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    ที่มาของโป่งข่าม ทั้งนาม และวัตถุนั้นกล่าวกันว่า ครั้งหนึ่งในสมัยโบราณ พรานล่าเนื้อผู้หนึ่ง ได้พยายามยิงสัตว์ ที่โป่งแห่งหนึ่งบนดอยโป่งหลวง ในเขตอำเภอเถิน แต่พรานผู้นั้น จะพยายามสัก เท่าใด ก็ยิงสัตว์นั้นไม่ถูก จนประหลาดใจในฝีมือของตน
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="32%">
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="50%">[​IMG]</TD><TD width="50%">[​IMG]</TD></TR><TR><TD width="50%">[​IMG]</TD><TD width="50%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD><TD width="68%">ซึ่งไม่เคยเป็นเช่นนั้นมาก่อน และเขาคิดไปว่า อาจจะมีอะไรบางอย่าง ที่อานุภาพคุ้มครองสัตว์เหล่านั้น ให้แคล้วคลาด ปราศจากภยันอัตราย จากลูกธนู ของตนได้ จึงเรียกโป่งนั้นว่าโป่งข่าม คำว่าข่ามเป็นภาษาท้องถิ่นแปลว่าแคล้วคลาดจากอันตราย หรือทำอันตรายไม่ได้ ครั้นต่อมาได้พบว่าพื้นที่นั้น มีแก้วอย่างหนึ่ง สีฟ้าหรือสีเทา ก็เลยคิดกันไปว่า อาจจะเป็นแก้วนั้น ที่คุ้มกัน อันตรายได้ บางท่านก็กล่าวว่า พรานล่าเนื้อบนดอยโป่งหลวงผู้หนึ่ง ยิงสัตว์แล้วสัตว์นั้นไม่ตาย นายพราน จึงแกะรอยตามไปจนพบว่าสัตว์นั้นมากินดินโป่งที่ ๆ แห่งหนึ่ง เมื่อนายพรานมาพบเข้า สัตว์นั้น ก็เตลิดหนีไปอีก ราวกับสัตว์ที่แข็งแรงสมบูรณ์ดี พรานจึงคิดไปว่าดินโป่งนั้นละกระมัง ที่ทำให้สัตว์นั้นหายจากบาดเจ็บ และกลับกลายเป็นแข็งแรงได้เป็นปกติ จึงเรียกโป่งนั้นว่า โป่งข่าม
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ในที่นี้ ข่ามแปลตามภาษาทางเหนือ แปลว่า อยู่ยงคงกะพัน เรื่องนี้ฟังดูแล้วก็คล้ายๆ กับเรื่องบ่อพรานล้างเนื้อ ที่พระพุทธบาท สระบุรี แต่ที่โป่งข่าม ไม่มีสิ่งใด ที่จะเน้นด้วยพุทธานุภาพเลย
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="28%">
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD><TD width="72%">กล่าวกันว่าในครั้งกระโน้น พื้นที่บริเวณโป่งข่าม ไฟไม่ไหม้ และเต็มไปด้วยแก้วผลึกใหญ่ น้อยดารดาษไปทั่ว และคนละสมัยนั้น ยังมีความเชื่อในเรื่องโชคลาง ของขลัง อยู่ยงคงกะพันกันมาก จึงพากันไปขุดเอาหน่อแก้ว เหล่านั้น มาไว้บูชา บ้างก็เก็บรักษาไว้กับบ้าน บ้างก็เก็บรักษาติดไว้แก่ตัว ทั้งชาวบ้านสามัญชน และผู้มีอำนาจ ราชศักดิ์ ต่างก็พากัน แสวงหาหน่อแก้วนั้น มาบูชาตาม ๆ กันไป อยู่พักหนึ่ง ต่อมาความนิยมก็ค่อย ๆ คลายลง เกือบหมดสิ้น จนกระทั่งมาเมื่อประมาณ กลางปี พ.ศ. 2513 จึงเกิดการแตกตื่น ซื้อหาโป่งข่ามกันใหญ่ อีกครั้งหนึ่ง มาจนบัดนี้ พื้นที่ ๆ ในปัจจุบันเรียกว่าโป่งข่ามนั้น อยู่บนดอยโป่งหลวง ซึ่งอยู่ในเขตปกครอง ของบ้านแม่แก่ง ตำบล แม่ถอด อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง พื้นที่นี้ อยู่ห่างอำเภอเถิน ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ค่อนไปทางเหนือ เป็นระยะทาง 14 กิโลเมตร สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 350 เมตร
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    การเดินทาง ไปที่โป่งข่าม จะต้องไปถึงอำเภอเถิน หรือ สามแยกดอนชัยเสียก่อน (สามแยกนี้เป็นชุมทาง ที่ถนนพหลโยธิน แยกไปจังหวัดตาก ทางใต้ ทางหนึ่ง แยกไปอำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ทางหนึ่ง กับแนวไปลำปาง อีกทางหนึ่ง ชุมทางนี้ อยู่ห่างจากอำเภอเถินประมาณ 3.5 กิโลเมตร)
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="33%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD><TD width="33%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD><TD width="34%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    แล้วเดินทางต่อไป ยังหมู่บ้านนาบ้านไร่ ด้วยรถยนต์โดยสาร สองแถวขนาดเล็ก แล้วจากบ้านนา บ้านไร่ เดินเท้าต่อ ไปยังดอยโป่งหลวง ระยะทางตรง ประมาณ 4 กิโลเมตร ทางสบายใช้เดินประมาณครึ่งชั่วโมงเศษ หรือค่อนชั่วโมง บริเวณที่เรียกโป่งข่าม เป็นตะพักของลาดเขาดอยโป่งหลวง สูงจาก พื้นที่โดยรอบประมาณ 50 เมตร ในบริเวณพื้นที่ขนาดประมาณ 100 x 300 เมตร เต็มไปด้วยรู และหลุมที่ชาวบ้านขุดลงไปในหินชีส (schist) หรือไนส์ (Gneiss) ที่มีสายควอตซ์ (Quartz) เป็นกำแพง หรือเป็นแผ่น เป็นแผงแทรกในหินนี้
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="30%">
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD><TD width="70%">ในแนวประมาณ เหนือใต้ ขนานกันไปหลายสิบสาย สายควอตซ์นี้คือ สายแม่ ของแก้วโป่งข่าม ซึ่งแทรกอยู่ ในหินผุ สองข้างสายควอตซ์ การขุดหาโป่งข่ามใช้เสียม ชะแลง และจอบ เป็นเครื่องมือขุด ตามไปกับ ความยาว ของสายควอตซ์ ซึ่งมักจะมุดหินหายไป และส่วนมากขุดกันลึกประมาณ 2 - 3 เมตร เท่านั้น ลึกที่สุดไม่เกิน 5 เมตร หลุมที่ขุดลงไปไม่มีน้ำ แต่ขุดลึกมาก หลุมจะพังทับจึงไม่มีใครกล้าลงทุนค้ำจุน เพื่อกันหลุมพัง เพราะผู้ขุดแก้วโป่งข่ามได้ จะขายแก้วได้ ก็ได้เงินไม่มากมายอะไรนัก ผู้รับซื้อมาเจียระไน กับคนขายแก้วที่เจียระไนแล้วต่างหาก ที่เป็นผู้ได้กำไรงาม แก้วจากบ่อนี้เท่านั้น ที่เป็นแก้วโป่งข่าม ที่แท้ แต่ดั้งเดิม ใส หรือขุ่นแบบน้ำเจือนมเล็กน้อย สีฟ้าอมเทา หรือเทาอมฟ้า (คล้ายสีควันบุหรี่ ทั้งที่มาจาก บุหรี่โดยตรง หรือสูบแล้วพ่นออกมา) อาจมีลายคล้ายเสี้ยน หรือใยเหลือบคล้ายไหม สีขาว เทา เทาอมฟ้า หรือสีทองคำที่เจือเงินเล็กน้อย แก้วโป่งข่ามที่ขายกันอยู่ทั่วไป ในขณะนี้มิใช่มาจากโป่งข่ามแห่งเดียว </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เพราะแหล่งต้นตอ ขุดกันเสียพรุน จนเกือบจะหาอะไรอีกไม่ได้แล้ว ผู้ที่มีเก็บ เป็นของเก่า ก็เอามาตัดเจียระไน ขายกันในคราวนี้เอง แก้วแบบโป่งข่าม อีกจำนวนหนึ่งมาจาก ดอยหมูไหล กับดอยห้วยตาด เป็นเขาที่ติดต่อ กับดอยโป่งหลวง ไปทางเหนือสูงประมาณ 300 ถึง 400 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ส่วนเขาสองนาง อยู่ชิดทางที่ กม.13.5 จากสามแยกดอนชัย ไปลี้ แก้วจากดอยหมูไหล มักมีแร่ทัวมาลีน (Tourmaline) แทรกลักษณะเป็นเข็ม เป็นเส้น หรือเป็นฝอยสีดำ บางทีก็ดูคล้ายเส้นผม หรือขนหมู ในแก้วใสแจ๋ว หรือขุ่นคล้ายเทียนไข แก้วจากดอยห้วยตาด มีผลึก หรือแทรกด้วยคราบสีเขียว หรือแร่คลอไรท์ (chlorite) สีเขียว แก้ว จากเขาสองนาง มักจะมีคราบของแร่เหล็กเหลือง หรือสนิมเขียว ๆ แทรก
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="33%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD><TD width="33%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD><TD width="34%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    แก้วโป่งข่ามที่ขุดได้มักเป็นผลึกแท่งยาว ๆ ชาวบ้านเรียกหน่อแก้ว ส่วนที่เอามาเจียระไนได้ มักจะเป็นส่วนปลาย หรือยอดหน่อ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="18%">
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD><TD width="80%">เพราะเป็นส่วนที่มักจะมี inclusion ซึ่งเจียระไนแล้วอาจได้ภาพ หรือวิวแปลกประเภทใส ๆ กับผลึกเล็ก ฝังอยู่ในผลึกใหญ่ มักอยู่ตอนกลางลำตัว ของหน่อ การเจียระไน ตามประสาชาวบ้านทำกันง่าย ๆ เริ่มต้นด้วย การตัดหน่อแก้ว ด้วยคมอีโต้ หรือขวาน หรือสกัด วางคมมีด ลงบนหน่อแก้ว ที่วางอยู่บนขอนไม้ เอาฆ้อน หรือขอนไม้ หรือหัวขวาน ตีโป๊ก ลงไปบนสันมีด อย่างแรง เอาชิ้นหน่อแก้ว ที่ต้องการเจียระไน มาติดเข้ากับปลายไม้ไผ่ ที่เหลาให้เหมือน กับตะเกียบอ้วน ๆ ยาวประมาณ 1 คืบ ใช้กาวยางไม้ ชนิดหนึ่งยึดแก้ว ให้ติดปลายไม้ตะเกียบ ซึ่งอีกปลายหนึ่ง เอาไว้จับ แล้วนำมาขัดถู กับหินลับมีด เนื้อหยาบ โกลนให้ได้รูป ที่ต้องการ แล้วขัดต่อไป ให้ผิวเรียบ เกลี้ยงเกลา ด้วยหินเนื้อละเอียดมาก และน้อย อีกสองขั้นสุดท้าย คือการชักเงา โดยเอามาขัด กับคายใบตองแห้ง คนขยัน ทำงานไว และเม็ดขนาดพอสมควร เม็ดหนึ่ง อาจขัดเสร็จภายใน 3 ชั่วโมง หรืออย่างเก่งจริง ๆ ก็ 2 ชั่วโมง เม็ดหนึ่งจะขายได้อย่างน้อยที่สุดก็ 10 บาท ถ้าวันหนึ่งขัดได้ 5 เม็ดก็สบายแล้ว</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="18%">
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD><TD width="82%">แก้วโป่งข่ามทั้งหมดที่ซื้อขายกันอยู่ขณะนี้ จัดว่าเป็นแร่อย่างหนึ่ง ซึ่งในวิชาแร่ (Mineralogy) เรียกว่าควอตซ์ (Quartz) ในภาษาไทยเรียกทับศัพท์ ควอตซ์ ก็มีเรียกเขี้ยวหนุมานก็มี เรียกหินดินสอก็มี ควอตซ์ส่วนมาก เกิดเป็นรูปผลึก รูปร่าง เป็นแท่ง อย่างแท่งดินสอ ที่เป็นเหลี่ยม หกด้าน ปลายแหลม ผลึกมักเกิดเกาะกันเป็นหมู่ หรือแม้แต่เบียดกันเป็นผลึกซ้อนก็มี ส่วนมากผลึกมีขนาดใหญ่ เล็ก ยาว สั้น ไม่เท่ากัน ชาวเหนือ มักเรียกว่าหน่อแก้ว ถ้าผลึกเล็กมากไป ก็มองไม่เห็นรูปร่าง ของผลึก ถ้าโตพอ เช่นตั้งแต่ขนาดเข็มหมุดขึ้นไปจะเห็นรูปผลึกของควอตซ์ อาจจะใหญ่โตได้ ถึงขนาดยาวเป็นเมตร กว้างหลายสิบเซ็นติเมตร ผลึกควอตซ์ยาว 10 ถึง 30 ซม. กว้าง 4 - 5 ซม. ถึง 10 ซม. ก็มีมาก ผลึกอาจจะใส หรือขุ่น อย่างน้ำนมสด และอาจมีสีได้ต่าง ๆ กัน ตามแต่ชนิดของแร่ ที่เจือปนอยู่ในเนื้อ ควอตซ์เป็นแร่ที่แข็งมาก อย่างหนึ่ง และมาตรฐาน ความแข็งของโมห์ (Moh's scale of hardness) จัดควอตซ์ไว้ในอันดับ ความแข็ง 7 (ความแข็งมี 10 ขั้น เพชรแข็งที่สุด คืออยู่ในอันดับที่ 10) </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ความแข็งขนาดนี้ ทำให้ควอตซ์คงทนต่อการสึกหรอได้ดีพอควร ควอตซ์แข็ง แต่ไม่เปราะ ขอบของผลึก หรือควอตซ์ที่เจียระไนแล้ว จะไม่แตกง่าย อย่างเพทาย ประกอบกับมีสีสวยงามพอสมควร และมี variety มาก ควอตซ์ จึงจัดเป็นรัตนชาติตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่ง
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="25%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD><TD width="25%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD><TD width="25%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD><TD width="25%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    รัตนชาติตระกูลควอตซ์ ซึ่งจำแนกชนิดโดยสี ได้แก่
    1. Amethyst คือควอตซ์สีม่วง หรือที่เรียกกันว่าพลอยสีดอกตะแบก เป็นควอตซ์ที่ตกผลึกใส โปร่งตา หรือโปร่งแสง ในประเทศไทยมีมากที่นครนายก ที่แม่วะ อำเภอเถิน แม่สรอย จังหวัดแพร่ และที่อำเภอขลุงจังหวัดตาก

    2. Green quartz ควอตซ์สีเขียว ในธรรมชาติไม่มี แต่ทำขึ้นได้ โดยเอาพลอยสีดอกตะแบก ไปอบให้ร้อนจัด จะเปลี่ยนสีเอง
    3. Madeira quartz ควอตซ์สีเหล้าองุ่นมะเดียร่า หรือสีน้ำผึ้งแก่อมแดงเล็กน้อยไม่เคยได้ยินว่าพบในประเทศไทย แต่พบกันในประเทศพม่ามาก
    4. Rose quartz ควอตซ์สีชมพูอ่อน ดังสีกุหลาบ เคยพบที่เหมืองแร่ดีบุก จังหวัดระนอง และตะกั่วป่า
    5. Smoky quartz ควอตซ์สีฟ้า สีเทา สีควันไฟ ได้แก่ควอตซ์ที่โป่งข่าม อำเภอเถิน แต่เดี๋ยวนี้หายากเสียแล้ว และนับเป็นโป่งข่าม ที่ราคาดีกว่า โป่งที่มาจาก ดอยอื่น ๆ
    6. Smoky topaz คือ Smoky quartz สีเหลืองมีที่โป่งข่ามอำเภอเถิน
    ควอตซ์ 6 ชนิดนี้ เป็นควอตซ์ตกผลึก ใสโปร่งตาทั้งสิ้น ที่ใสโปร่งแสงเท่านั้น อาจมีบ้างเป็นจำนวนน้อย ควอตซ์ที่นำมาใช้เป็นเครื่องประดับ ประเภทรัตนชาติ อีกพวกหนึ่งได้แก่ ควอตซ์ที่ใสโปร่งตา ไม่มีสี แต่มักจะมีแร่อื่น ประจุอยู่ภายใน เช่น แร่พวกใยหิน (Asbestos) รูไทล์ (Rutile) ทัวมาลีน (Tourmaline) กลีบหิน (Mica) คลอไรท์ (Chlorite) แร่เหล็กแดง (Hematite) และแร่เหล็กเหลือง (Limonite)
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="33%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD><TD width="33%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD><TD width="34%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ควอตซ์ที่มาจากโป่งข่าม ดอยหมูไหล และดอยห้วยตาด ซึ่งรวมเรียกกันว่าโป่งข่ามนั้น ส่วนใหญ่เป็นควอตซ์ในจำพวกนี้ ซึ่งก็ไม่น่าจะมีมากมายหลายชนิดนัก แต่บรรดานักเลงโป่งข่ามทั้งหลาย นักฝัน คนที่ไม่ค่อยจะมีงานทำ กับพวกพยายามจะขายโป่งให้ได้มากขึ้น สามารถมองโป่งข่ามให้เป็นอย่างโน้น อย่างนี้ไปต่าง ๆ กันมากมาย ผู้เขียนทราบว่าตำราโป่งข่ามของ คุณศักดิ์ รัตนชัย จำแนกโป่งข่ามออกเป็นชนิดหรือแบบต่าง ๆ ถึงกว่า 30 ชนิด
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="20%">
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD><TD width="80%">เพื่อแสดงว่าฝรั่งเขาก็เล่นโป่งข่ามกันเหมือนกัน และเพื่อแสดงว่าโป่งข่ามของเราบางชนิดก็เข้ากับวิชารัตนชาติ (Gemmology) ของฝรั่งเขาได้เหมือนกัน ผู้เขียนจะขอยกมากล่าวเพียงบางพวกบางชนิดดังต่อไปนี้
    1. แก้วน้ำหาย คือผลึกควอตซ์ใสไม่มีสี ไม่แตกร้าว ไม่มีอะไรเคลือบ แทรกหรือประจุอยู่ในแจ๋วเสียจนไม่มีน้ำ จึงเรียกว่า น้ำหาย วิชาแร่เรียก Rock crystal ควอตซ์แบบนี้อาจพบก้อนใหญ่พอจนเอามาเจียระไนทำลูกแก้วกลมขนาดใหญ่ ๆ ได้ อย่างที่เรียกว่า Crystal ball ของหมอดูลูกแก้ว
    2. สีฟ้า เทา หรือสีควันไฟ Smoky quartz ใสหรือขุ่นเล็กน้อย
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    3. ประภาส้มชื่น สีส้ม หรือน้ำตาล อมเหลือง Cairngorm
    4. สายรุ้ง - รุ้ง rainbow - quartz or iris เกิดรุ้งเพราะมีรอยร้าว แสงที่ผ่านจึงถูกแยกเป็นสีต่าง ๆ (เรียก interference of light) รอยร้าว อาจขยาย ทำให้รุ้งชัดขึ้น ขยายใหญ่ขึ้น หรือลดลงก็ได้ อาจจะใส่สีลงไปก็ได้ โดยอบให้ร้อนสักหน่อย แล้วจุ่มลงในน้ำใส่สี ด้วยวิธีนี้อาจทำให้ควอตซ์ดี ๆ เกิดร้าวมีรุ้งได้เหมือนกัน
    5. แก้วเข้าแก้ว เกิดจากผลึกใหญ่อมผลึกเล็กไว้ (Intergrowth) หรือรอยร้าวอันหนึ่ง ถูกตัดโดยรอยร้าวอีกอันหนึ่ง
    6. ปวก ทราย มีประจุ หรือเคลือบให้ดูคล้ายจอมปลวก กอปะการัง กอหญ้า มอส (Moss) พื้นทราย หรือฉากวิวเพราะเกล็ดของ mica, chlorite, hematite, limonite หรือแร่อื่น ที่คล้ายเป็นเกล็ดเล็ก ๆ สีต่าง ๆ ในวิชารัตนชาติเรียกว่า Aventurine
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="33%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD><TD width="33%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD><TD width="34%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    7. เข็มเหล็ก ขนเหล็ก ฝอยเหล็ก ขนหมู คือควอตซ์ใส ที่มีผลึกรูปเข็มของแร่ทัวมาลีน หรือ รูไทล์ หรืออาจเป็นฝอยดังเส้นผม ก็มักจะเนื่องมาจากมีรูไทล์ ประจุอยู่เช่นกัน และในวิชารัตนชาติเรียก Rutilated Quartz
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="38%">
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="50%">[​IMG]</TD><TD width="50%">[​IMG]</TD></TR><TR><TD width="50%">[​IMG]</TD><TD width="50%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD><TD width="62%">
    8. เข็มทอง ฝนทอง ไหมทอง เป็นควอตซ์ ที่มีแร่ใยหินพวก Crocidolite ประจุอยู่คล้าย ฟางข้าว สีทอง หรือไหมทอง ทั้งนี้เพราะแร่ Crocidolite ถูกเติมออกซิเจน ถ้าแร่นี้ไม่ถูกเติม ออกซิเจน ก็จะให้เส้นใยสีฟ้า ซึ่งสวยงามไม่น้อยไปกว่าสีทอง
    การที่เปรียบเทียบโป่งข่าม กับรัตนชาติตระกูลควอตซ์ในต่างประเทศ ย่อมแสดงให้เห็นว่า ในต่างประเทศ ก็มีผู้สนใจเช่นกัน และบางประเทศก็ผลิตควอตซ์แบบต่าง ๆ ออกจำหน่าย อาทิ
    พลอยสีดอกตะแบก ส่วนใหญ่มาจากประเทศบราซิล ลังกา และพม่า
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ควอตซ์ประเภท ฝนเหล็ก ฝอยเหล็ก หรือขนเหล็ก และฝอยทอง หรือขนทอง ส่วนใหญ่มาจากประเทศบราซิล
    ควอตซ์ประเภท Smoky Quartz หรือ Smoky Topaz ส่วนใหญ่มาจากพม่า และบราซิล
    ควอตซ์ประเภท แก้วน้ำหาย ส่วนใหญ่มาจากประเทศบราซิล ลังกา มาดากาสการ์ และจีน
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="20%">
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD><TD width="80%">แก้วโป่งข่าม หรือแก้วแม่แก่ง ที่เจียระไนแล้วดูสวยงามมาก ก็ตกไปอยู่ในมือของท่านผู้รัก และนิยมเสียเป็นส่วนใหญ่ ใครที่ได้ดูได้เห็น ก็แต่ในหมู่ญาติมิตรผู้ใกล้ชิด และคุ้นเคยเท่านั้น แต่ถ้าท่านผู้ใด ใคร่จะเห็น ควอตซ์สีดอกตะแบก เป็นผลึกขนาดใหญ่ (คงจะเป็นผลึกใหญ่ที่สุดในประเทศไทย) และผลึกควอตซ์ ที่ใสแจ๋ว เหมือนเพชรอันบริสุทธิ์ แสนจะสวยสดงดงามตามธรรมชาติ อย่างน่าพิศวงแล้ว ควรจะมาชมที่พิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยา ของกรมทรัพยากรธรณี ที่นี่เป็นที่รวมแห่งความรู้ และธรณีวัตถุ อันเป็นสมบัติของชาติไทย จัดแสดงไว้เพื่อให้คนไทยได้มีโอกาสมาชื่นชม และภูมิใจ ในสิ่งที่เป็นสมบัติของเราร่วมกัน โป่งข่ามของเรา แม้จะมีการผลิตกันออกมาแล้วเป็นจำนวนมากก็ตาม แต่ความคิดที่ว่าจะส่งโป่งข่ามของเรา ไปจำหน่าย ในต่างประเทศนั้น อาจจะเป็นเรื่องยากอยู่ เพราะส่วนใหญ่โป่งข่ามของเรา ไม่อาจจะเข้าพวกกับรัตนชาติ ที่เขาค้ากันอยู่ ในต่างประเทศ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    และเราไม่มีโป่งข่ามแบบใด อยู่เป็นจำนวนมาก พอที่จะป้อนตลาดได้ในปริมาณพอสมควร และเป็นเวลานานพอสมควร การที่พ่อค้าในต่างประเทศ เขาจะลงทุนซื้อโป่งข่ามของเรา ไปจำหน่ายนั้น เขาจะต้องพิจารณากันอย่างละเอียด รอบคอบหลายทาง ต่างจากการค้าโป่งในบ้านเราอยู่มาก อาทิ มาตรฐาน ของสินค้าคุณภาพ และความแน่นอน แต่ก่อนที่เราจะไปเปิดตลาด ในต่างประเทศนั้น ขณะนี้โป่งจากบราซิล แบบฝนทอง และ Rose Quartz ก็มีวางขายในกรุงเทพฯ และเถินแล้ว และอย่าต้องคิดไปไกล ถึงต่างประเทศเลย เฉพาะในประเทศไทยเอง ผู้เขียนก็ยังสงสัยว่า จะไปได้นานสักเท่าใด?
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="25%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD><TD width="25%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD><TD width="25%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD><TD width="25%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ผู้เขียนมีความคิดว่า การที่เกิดความนิยมโป่งข่ามขึ้นในคราวนี้ เนื่องมาจากความเชื่อในคุณวิเศษทางคุ้มครองป้องกันภยันตราย อยู่ยงคงกะพัน และนำโชคดี มาสู่ผู้เป็นเจ้าของโป่งข่ามเป็น ประการแรก ทุกวันนี้ ย่อมเป็นที่ทราบกันดีอยู่ว่า บ้านเมืองของเรา ต้องการชายฉกรรจ์ เพื่อป้องกัน ประเทศอย่างไรบ้าง ผู้ชายที่จะไปสู่แนวรบ หรือต่อสู้กับผู้ร้าย ย่อมต้องแสวงหาของดี ติดตัวไว้เป็นธรรมดา โป่งข่ามควรที่จะเป็นที่นิยมกันยิ่งกว่านี้ ถ้าจะต่างซื้อต่างขาย โดยไม่พูดโอ้อวดมาก ว่าเป็นของดีอย่างไร? และโป่งข่าม จะเป็นแก้วที่คนรัก อยากจะมีไว้มากขึ้นอีก ถ้าไม่มีการเอาไปเปรียบเทียบ กับพระสมเด็จ ซึ่งแต่ละองค์ผ่านพิธีพุทธาภิเษก ใส่พลังพุทธานุภาพลงไปในองค์พระนั้น
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="20%">
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD><TD width="80%">คุณวิเศษ เป็นประการแรก ที่ทำให้คนเกิดความอยากเป็นเจ้าของ
    ประการที่สอง ก็คือระยะแรกๆ ระยะหนึ่ง ไม่ว่าใครซื้อไว้ เป็นได้กำไรดี ซื้อง่ายขายคล่อง คนจึงฮือซื้อกันใหญ่ ทำให้ราคา ของโป่งข่ามสูงขึ้น จนเกินกว่าคนจะซื้อไว้ด้วย เห็นว่าเป็นเครื่องประดับราคาเยาว์ และคนเริ่มจะคิดว่า ต่อไปถ้าตนเอง ไม่ประสงค์จะเก็บไว้ จะเอาไปขายใครที่ไหน และจะได้ราคาดีหรือไม่ เพราะโป่งข่ามไม่ใช่รัตนชาติ เช่น เพชรนิลจินดา ซึ่งมีคนซื้อขายกันทั่วโลก
    ประการที่สาม ก็คือ ความสวยงาม ส่วนหนึ่งของความสวยงามของโป่งข่ามนั้น เนื่องมาจากผู้ซื้อถูกความนิยม ชักนำให้เกิดความรู้สึก ว่าสวยงามมากเกินกว่าที่ควร เมื่อเวลาผ่านไปแล้ว เจ้าของจะเห็นว่ายังคงสวยเหมือนเมื่อซื้อ หรือ จืดชืดไปเสียแล้ว หลายคนคงจะตอบได้ในขณะนี้แต่บางคนก็คงจะต้องการเวลามากกว่านี้
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เรื่องนี้จะไม่สมบูรณ์ถ้าไม่พูดเสียเลยว่า ในทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี มีการใช้ควอตซ์เพื่ออะไรบ้าง สักเล็กน้อย
    1. เนื่องจากควอตซ์ มีคุณสมบัติ แข็งกว่า ใสกว่า และ hygroscopic น้อยกว่า ควอตซ์ จึงใช้ทำเลนซ์ กล้องจุลทัศน์ และ เครื่องมือทางแสง ได้ดีกว่าแก้ว ที่หลอมมาจากควอตซ์
    2. เป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่า ควอตซ์แผ่นบาง มีประโยชน์สำหรับควบคุมความถี่ ของคลื่นวิทยุ ในเครื่องส่งวิทยุ แต่เพิ่งจะมาเมื่อสองปี ที่ผ่านมานี้เอง บริษัทำนาฬิกาข้อมือโอเมก้า ลองยิ่น และบูโลว่า ได้นำควอตซ์มาใช้แทนจักรกลอก ในนาฬิกาธรรมดา หรือแทนซ่อมเสียง (tuning fork) ในนาฬิกา ไฟฟ้า ที่มีความเที่ยงตรงมาก นาฬิกาที่ใช้ไฟฟ้า สั่นแผ่นควอตซ์ 8,192 ครั้งต่อ 1 วินาที นี้ปีหนึ่งจะเดินผิดไป 1 นาทีเท่านั้น
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="33%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD><TD width="33%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD><TD width="34%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="40%" border=1><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ท้ายที่สุดนี้ขอแถม ให้แก่เจ้าของโป่งข่ามที่รู้สึกว่า ของๆ ท่านชักจะมัวไปเสียแล้วเอาใบตองแห้งตากให้แห้งสนิท แล้วใช้ด้านล่างของใบ ซึ่งคายกว่าด้านบน ขัดถูโป่งข่ามของท่าน ไม่ช้าก็จะสุกใสดังเดิม

    ขอขอบคุณข้อมูลจากwww.patchra.net/minerals/MinDesc/inclu01.php จนถึงinclu04.php
     
  13. mssoda

    mssoda Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,182
    ค่าพลัง:
    +50
    พี่แก้วใจเย็นๆๆสิคะ แก้วน้อยคงต้องเป็นเรื่องของธรรมชาติค่ะ ทำบุญบ่อยๆๆนะ เสาร์อาทิตย์ ยิ้ม ทำจิตใจให้สดชื่นแจ่มใส ไปเดินเที่ยว ผ่อนคลายบ้าง สบายๆๆค่ะ วันธรรมดา อย่าทำงานหนักหักโหมจนเกินไป สักพักเด๋วแก้วน้อยก้อมาหาพี่เอง......(rose)
     
  14. mssoda

    mssoda Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,182
    ค่าพลัง:
    +50
    ใช่ค่ะ นู๋เป็นอีกคนนึงที่ขี้ร้อนค่ะ ต้องเปิดพัดลมจ่อตลอดวัน(นี่ช่วยชาติประหยัดสุดๆๆแล้วนะ) ไม่เปิดไม่ได้หรอกค่ะ ตัวเปียกหมดเลย ร้อนมากๆๆๆ ทำไมช่วงนี้ฝนไม่ตกบ้างเลยล่ะคะ จะได้ชุ่มฉำ เย็นสดชื่นขึ้นบ้าง........
     
  15. mssoda

    mssoda Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,182
    ค่าพลัง:
    +50
    พี่ฟ้า พาลัคกี้ไปตัดขนอีกสิ ถ้าไปตัดแล้วไม่ถูกใจ น่าเกลียดยังไง นู๋รับต่อมาเลี้ยงเอง5555555555555เอาหมดเลยนะ
    [​IMG]
    ขอขอบคุณรูปภาพจาก nhame.exteen.com/images/DOG.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2009
  16. mssoda

    mssoda Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,182
    ค่าพลัง:
    +50
    มีทรงผมสุดฮิตมาแนะนำให้ลัคกี้นะ
    [​IMG]
    ขอบคุณรูปภาพจากwww.sameskybooks.org/board/uploads/monthly_04_2009/post-6789-1239197768.jpg
    [​IMG]
    ขอบคุณรูปภาพจาก www.yenta4.com/webboard/upload_images/1261666_6262232.jpg
    [​IMG]
    ขอบคุณรูปภาพจาก http://www.sameskybooks.org/board/uploads/monthly_04_2009/post-6789-1239197575.jpg
    [​IMG]
    ขอบคุณรูปจาก starpearl.exteen.com/images/dogphoto2/pageskinny.jpg
    [​IMG]
    ขอบคุณรูปจาก //jaiko.exteen.com/images/010587-0035.jpg
    [​IMG]
    แบบเกรียนทั้งตัว
    ขอบคุณรูปจากwww.dogbkk.500job.com/data/pic/2580-26.jpg
    [​IMG]
    ขอบคุณรูปจากvariety.teenee.com/foodforbrain/img8/44478.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2009
  17. nu_fah

    nu_fah เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,268
    ค่าพลัง:
    +162
    แหมน้องดาจ๋า...ถูกใจพี่ฟ้าก็เจ้าตัวเหลืองๆส้มๆนั่นแหละ...อิอิ
    - ถูกใจ๊ ถูกใจ...หน้าตาก็ละม้ายคล้ายเจ้าลัคกี้ของพี่ฟ้าซะงั้นน่ะ ยังกะแฝดนิ...
    - อืม..ม แต่อีกใจ ก็อยากให้ทำโมฮอกแบบพี่เบคฯ น่ะ..
    ..จาได้หล่อแบบพี่เบคฯเค้างัย...อิอิ


    [​IMG]

    แต่กลัวว่า ถ้า้ออกมาเปงแบบนี้ล่ะ...หึหึ จาเปงรัยไม๊เนี่ย..ย..น้องดาขา..า...า

    [​IMG]
     
  18. mssoda

    mssoda Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,182
    ค่าพลัง:
    +50
    แก้วโป่งข่ามสวยๆๆยังมีอยู่ที่หน้า 25
    <<< ชอบเม็ดไหนรีบจองมาเลยนะคะ....>>>>
    ท่านที่สนใจ โทร.มาจองที่ฟ้าได้เลยค่ะ 083-3230243
    e-mail: nannyp2@gmail.com
    ปัจจัยส่วนหนึ่งฟ้าจะนำไปทำบุญที่วัดแม่คีหลวง อ.แม่จัน จ.เชียงรายด้วยค่ะ
     
  19. mssoda

    mssoda Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,182
    ค่าพลัง:
    +50
    พี่ฟ้า ไม่เอาหมาแพนดี้หรอ....เวลาหายไปจะได้ไปตามเจอที่สวนสัตว์ไง
     
  20. nu_fah

    nu_fah เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,268
    ค่าพลัง:
    +162
    อิอิ..เกือบตามม่ายทัน "หมาแพนดี้" น้องดาซะแร้ว..ว..
    อ้อ...ก๊อ หมีแพนด้าล่ะสินะ...อืม..ก็น่ารักดี แต่ดัวหญ่ายปายอ่ะ...เลี้ยงม่ายไหวจิน้องดาจ๋า
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...