ประสบการณ์การปฏิบัติธรรม เปิด3โลก ที่วัดแม่จันทร์ทา ฤกษ์ยาม

ขอเล่าง่าย ๆ เลยแล้วกันจากคนที่ไม่เคยสัมผัสได้กับของแบบนี้ และไม่เชื่อเลย แต่เจอกับตัวเองมาถึงกับระบมไปทั้งตัว เอามาเล่าเป็นทานให้คนที่ยังไม่เชื่อท้าให้ลอง เค้าว่าคนไม่เชื่อก็คือคนที่ยังไม่เคยลอง จริงมั้ย
----------------------------------------------------------------------
ผมเดินทางไปวัดเมื่อวันที่ 29/01/51 นี้เอง เชื่อไหมเส้นทางที่จะไปวัดเกือบ 7 ก.ม. ผมเดินตลอด ไม่โบกรถเพราะคิดว่า ครูบาอาจารย์ท่านทดสอบอยู่ (หน้าปากทางแยกบ้านหัวนา มีรกรับจ้างอยู่แต่ 120-150 ผมเลยเดินดีกว่า แพง จะไปแสวงบุญกลัวอะไรกับความลำบาก) ใครจะลองไปก็ควรจะมีรถส่วนตัวจะดีก่า
----------------------------------------------------------------------
ลัดตอนมาถึงวัดเลยแล้วกัน พอเข้ามาผมเห็นคนกลุ่มหนึ่งมีพี่ติ๋ม ลูกศิษฐ์หลวงพ่อคง วัดอะไรจำไม่ได้ละอยู่ที่ ลพบุรี นั่งสอนภาวนาที่เรียกว่า เปิด3โลกอยู่ ตอนแรกก็ไม่รู้จัก ก็เลยเดินผ่าน แต่เห็นคนหนึ่งนั่งสั่นผับ ๆๆๆ อยู่ แต่ก็คิดในใจว่า เล่นอะไรกัน เพราะใจอยากมาหาแม่ทา เลยไม่สนใจ แต่ตอนนั้นแม่จันทร์ทาไม่อยู่ ผมก็ไม่มีอะไรทำ ก็เลยเดินกลับมาดูกลุ่มของพี่ติ๋มว่าทำอะไรกัน ดูได้สักพัก มีพี่ผู้ชายคนหนึ่งมาท้า ว่าไม่เชื่อเหรอ ลองดูมั้ย ผมก็โดนลบเล้า ก็เลยจะลองดูเพราะรำคาญ แล้วก็ไม่อยากเสียหน้าด้วย ( การภาวนาเปิดโลกพี่ติ๋มบอกว่าเป็นการดูกรรมว่าใครทำกรรมอะไรมา และจะแสดงท่าทางออกมาโดยที่ตนเองยังมีสติอยู่แต่ท่าทางมันออกมาเอง ) ผมก็ลองดูโดยมีคนอีกจำนวนหนึ่งกำลังนั่งภาวนาอยู่ด้วย เชื่อไหมจากคนที่เชื่ออะไรยากคนอย่างผม ถ้าไม่เห็นด้วยตาไม่มีทางเชื่อ แค่ 2 นาทีเท่านั้นแหล่ะ ผมสั่นผับ ๆๆ เลย ท่าออกเลยว่าทำกรรมอะไรมา ซึ่งถ้าจะพิจารณาดูว่าเค้าสะกดจิตเราหรือไม่ ก็คงไม่ใช่ เพราะกรรมใครกรรมมัน ใครทำอะไรใครไว้ย่อมรู้แก่ใจ ซึ่งกรรมของผมจำได้ว่าตีงูตัวหนึ่ง ท่าก็ออกเลยตีงู จะเล่าให้ฟังต่อไป
-----------------------------------------------------------------------
ในวันนั้นผมลอง 3 ครั้ง และวันก่อนกลับอีก 3 ครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่านี่คือของจริง ตามประสาคนรุ่นใหม่ เชื่อของแบบนี้ยาก ประสบการณ์ตรงครั้งที่
1. หลังจากที่ผมภาวนา พุท-โธ แล้วเริ่มมีอาการชาที่ท้อง มือ ขา ตามลำดับ พี่ติ๋มบอกว่าอาการชาเป็นอาการที่เรารับธรรมะเข้ามาที่ตัวเรา เพื่อรักษาเรา และการภาวนาเปิดโลกนี้ถือเป็นการชดใช้กรรม แค่ออกท่าทางเจ้ากรรมนายเวรผู้นั้นก็หลุดออกจากตัวเราแล้ว เพราะเรารับธรรมมาไว้ในตัวเรา ซึ่งการภาวนาเปิดโลกเป็นมาดูกรรมและชดใช้กรรมแบบทางลัด (ซึ่งพี่ติ๋วเล่าว่าอาจารย์คงท่านได้วิธีนี้มาจากพระพุทธเจ้าท่านมาบอก ซึ่งก็มาจากในตอนที่พระพุทธเจ้าท่านเสด็จลงมาจากสวรรค์ในวันออกพรรษาและเปิด 3 โลก มนุษย์มองเห็น เทวดา สัตว์นรก ซึ่งประวัติตรงนี้ไม่ขอเล่า มีในพุทธประวัติอยู่แล้ว) ซึ่งใช้กรรมได้เร็วกว่าการทำบุญทั้งปวง ซึ่งเร็วแค่ไหน เชิญอ่านอาการของผมต่อไป แป้บเดียวเท่านั้น มือมาเลย กางไปมา เหวียงแขนไปมา แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าทำกรรมอะไรไว้ แต่ตัวสั่นบางคนเคยเห็นอาการสั่นแบบนี้ในทีวีมาแล้ว คร้าย ๆ กับเจ้าเข้าน่ะ มีคนถ่ายวีดีโอไว้ด้วยนะ ใครไปวัดลองถามหาพี่ติ๋ม แล้วขอดูได้

2. ลองครั้งที่ 2 เพื่อความแน่ใจ เอาอีกก็สั่นเหมือนเดิมแต่คราวนี้ใจอยากรู้ให้ได้ว่าคืออะไร มาเลยครับอาการ 2 มือฝาดลงกับพื้น ทั้ง ๆ ที่มือชาอยู่จากอาการรับธรรมอยู่ตามที่เล่าไว้ข้างต้น ขนาดมือชาอยู่(ชาทั้งตัวแหล่ะ) ฝาดลงพื้นรู้สึกเจ็บน่ะ คิดดูแรงแค่ไหน ถ้าไม่มีเสื่ออยู่มือผมแตกไปแล้ว เสียงฝาดพื้นปั้บ ๆๆๆ เลย เสียงพี่ติ๋วถามว่าทำอะไรมานึกให้ออก เท่านั้นแหล่ะ ภาพตีงูตอนเด็ก ๆ นึกออกเลย ฝาดแรงแบบนี้แหล่ะ ขนาดพื้นดินแข็ง ๆ ยังเป็นรอยไม้น่ะ แรงแค่ไหน พอจบครั้งที่ 2 ก็อยากลองอีกครั้งเพราะตอนนี้รู้แล้วว่าธรรมสัมผัสได้จริง ๆ ของผม 2 นาทีเอง และเจ้ากรรมนายเวรเรามีจริง ก็อยากลองอีกครั้งอยากชดใช้ให้หมดไปเร็ว ๆ

3. ครั้งที่ 3 ในวันนั้นแหล่ะ เล่นเอาระบมทั้งตัวเลยอาการสั่นเหมือนกับครั้งที่ 2 แต่ผมก็รู้สึกสำนึกกับสิ่งที่ทำมานานแล้ว มันก็ออกอาการมาพนมมือชูขึ้นไปในอากาศแล้วฝาดลงมาที่พื้น ปั้บ ๆๆๆ เจ็บเหมือนเดิมรู้สึกตัวทุกอย่างแต่พูดลำบากและควบคุมตัวเองไม่ได้ ได้ยินเสียงพี่ติ๋มบอกพอเถอะเค้าสำนึกกับสิ่งที่ทำแล้ว ช่วงนี้ตอนกลางคืนแล้วก็คุยกันอีกสักพักแล้วก็แยกย้ายกันนอน

4. ครั้งที่ 4 เช้าวันใหม่ ใจก็อยากลองเหมือนเดิมเพราะเราก็ภาวนา เปิดโลกแล้ว ทำบุญไปแล้ว จะชดใช้กรรมได้เร็วอย่างที่พี่เค้าบอกหรือเปล่า ก็ลองดู ต่อหน้าคนอื่นและถ่ายวีดีโอเอาไว้ด้วย ( อยากดูขอดูกับพี่ติ๋มไม่ให้เบอร์หรอก เชิญไปวัดเอง ) คราวนี้มาน้อยหน่อยแต่ไม่ใช่อาการเดิม คราวนี้ชี้มือขึ้นไปบนฟ้าแล้ว วน ๆ รอบ ๆ มีอาการคร้าย ๆ กับร่ายรำอะไรสักอย่าง พี่ติ๋วบอกเจ้ากรรมเค้าปล่อยเราแล้ว( งู ) เห็นไหมคืนเดียวเองก็ใจผมสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำมาตลอด คราวนี้เราเริ่มสัมผัสกับธรรมะของเทพแล้วแต่เป็นเทพหรืออะไรแน่ ก็อยากลองอีก แต่ผมเสร็จแต่ละครั้งต้องพักเพราะว่าชาทั้งตัวเลยเดินไม่ได้ต้องคลานเอาน่ะ

5. ครั้งที่ 5 หลังจากพักแล้วก็อยากลองดูว่าเทพหรืออะไรกันแน่ อาการก็เป็นแบบเดิมแต่คราวนี้ท่าทางออกแบบ ชี้มือขึ้นฟ้า วน ๆ รอบ ๆ และมีท่าที่พี่ติ๋มเรียกว่า ทรงธรรมด้วย ( คืออาการแบมือชูขึ้นฟ้า ) พี่แกบอกว่า ท่าทางพวกนี้ ผมจะเป็นผู้เผยแพร่ธรรม ก็เลยรู้สึกสบายใจตอนนี้จริงนะ ก็ผมเผยแพร่การปฏิบัติธรรมที่ลองของจริงมาแล้วอยู่ตอนนี้ไง ( พวกท่านนั่งอ่านการปฏิบัติธรรมของผมอยู่เนี้ย ) เสียงพี่ติ๋มก็บอกว่าแสดงปล่อยออกมาให้หมดใจตอนนี้ก็นึกถึงพระ พิฆเณศ เลยพี่แกก็บอกว่าเรารับธรรมของท่านอยู่แต่มีอาการปากชาแม้แต่เพดานปากยังชาคิดดู มีแต่คนกินเผ็ดมาก ๆ เพดานปากถึงชาได้ พี่แกก็บอกว่าเป็นอาการที่สิ่งที่เราสัมผัสเค้าอยากจะพูดอะไร ก็เลยอยากรู้อีก ผมก็พักแป้บเพราะเหนื่อยมาก และลองครั้งที่ 6 ต่อในเช้าวันนี้

6. ครั้งที่ 6 เล่าลัดเลยแล้วกันเมื่อยแล้ว อาการเหมือนกับครั้งที่ 5 แต่คราวนี้ก็ยังพูดอะไรไม่ได้ แต่มีอาการอ้าปากค้างเลย ใจก็นึกถึงพระพิฆเณศอยู่ แต่พี่แกบอกว่าท่านพูดไม่ได้เพราะตัวผมยังปล่อยไม่สุด และอาการที่ปากค้างเป็นเพราะตัว ชะมด ซึ่งผมก็ไม่เคยทำอะไรตัว ชะมด แต่พี่เค้าบอกว่าอาจจะเป็นเพราะชาติที่แล้วเคยทำ หรือ เคยเป็นมาก่อน " นี้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนผมกลับ แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกกลัวเลย กลับรู้สึกสนุกแล้วอยากทำบ่อย ๆ พี่แกก็บอกว่าที่รู้สึกแบบนี้เป็นเพราะเรา ปิติในธรรมที่เรารับมานั่นเอง
-----------------------------------------------------------------------
มีโอกาสผมจะไปอีกแน่เพราะอย่างที่เล่า ผมยังปล่อยไม่หมด พี่แกบอกว่าห้ามทำที่บ้านโดยเด็ดขาด เพราะไม่มีครูคอยเอาจิตตามเราไปจะดึงกลับมาไม่ได้ ท่านใด้สนใจก็เชิญพบพี่ติ๋ว ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมบ้านไร่พัฒนา จ.ร้อยเอ็ด เลยนะครับ ไปไหว้แม่ทาด้วย พี่ติ๋มบอกว่าแม่แก อภิญญา 6 แล้ว
-----------------------------------------------------------------------
การปฏิบัติครั้งนี้สอนให้รู้อะไร - สอนให้รู้ว่า ให้รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ความเจ็บปวดเป็นอย่างไร กับที่เราทำกับตัวเอง และทำกับคนอื่น เราโดนมีดบาทนิดเดียวเราร้อง โอ้ย แต่เราไปตีเขาตายโดยที่เขายังไม่มีความผิด ไม้แรกตีลงไปเขายังไม่ตาย ไม้สองตีลงไปเขายังไม่ตาย ไม้สามตีลงไปไม่รู้ว่าเขาตายแน่หรือยัง แต่กว่าเขาจะขาดใจตายมันคงทรมานน่าดู เรามาปฏิบัติครั้งนี้เรารู้แล้ว แค่นี้เราเจ็บ แต่ก็เจ็บน้อยกว่าท่านเจ้ากรรมนายเวรเยอะ แล้วเราจะไม่ไปทำแบบนี้กับใครที่ไหนอีก
-------------------------------------------------------------------------
ประสบการณ์ลองของจริงของผม อยากท้าคนที่ไม่เชื่อไปลองดู คนที่ไม่เชื่อในธรรมคือคนไม่ไม่เคยปฏิบัติ คนนั้นก็ยังคงความเขลาต่อไป ผมลองยังแค่ 2 นาที อาการออกเลย วัดอื่นคงมีแต่ผมไม่รู้ว่าที่ไหนบ้างสะดวกที่ไหนก็ไปที่นั่น ที่เอามาเผยแพร่ถ้าใครได้ไปลองจากคำบอกเล่าของผม ผมก็ได้บุญด้วย จึงมาเผยแพร่ประสบการณ์ครั้งนี้ สด ๆ ร้อน ๆ โดยเฉพาะพวกที่ปากบอกไม่เชื่อ ไม่เชื่อเพราะยังไม่ลอง หรือใจปลาซิวไม่กล้าลอง สาธุ
------------------------------------------------------------------



----------------------------------------------------------------
เนื้อหาเพิ่มเติมของแม่จันทร์ทา ดูได้ที่กระทู้นี้ครับ
http://palungjit.org/showthread.php?t=75924

 

ขอเล่าโดยไม่ละเอียด อยากรู้ว่าละเอียดเป็นอย่างไร เชิญไปศูนย์ปฏิบัติธรรมบ้านไร่พัฒนา ไหว้แม่จันทร์ทา และ เปิด 3 โลกกับพี่ติ๋ม ศิษฐ์หลวงพ่อคง ลพบุรี
(การปฏิบัติแบบนี้พี่ติ๋มบอกว่า ช่วยได้ทุกเรื่อง เพราะเรารับธรรมะเข้ามาและชดใช้ในสิ่งที่เราทำลงไป มากบ้างน้อยบ้าง เรื่องอะไรก็คงจะแล้วแต่วาสนาของแต่ละคน ใครมีปัญหาติดขัดอะไรเรื่องอะไรในชีวิตก็ลองดู ดีกว่านั่งอมทุกข์อยู่คนเดียว ส่วนจะช่วยได้จริงไหมก็ต้องลองพิสูจน์กันดูเอง วาสนาใครวาสนามัน แต่คงจะเป็นแนวทางที่พอพึ่งได้กับใครบางคนที่กำลังหาที่พึ่งทางใจ และมีคำถามต่าง ๆ เกิดขึ้นในใจว่าทำไมชีวิตเราถึงเป็นอย่างนั้น อย่างนี้)

 

อนุโมธนาสาธุ สาธุ สาธุ

เจริญในธรรม

กราบนอบน้อมคุณธรรม แม่จันทร์ทา สาธุ

 

อนุโมทนากับท่านที่ช่วยสืบทอด วิชาธรรมะเปิดโลก
ของหลวงพ่อคง แห่งวัดเขาสมโภชน์ครับ
หลวงพ่อท่านได้รับบารมี จากองค์พระกกุสันโธ
ลูกศิษย์ท่านที่สืบทอด คือหลวงพ่อผิว
ส่วนของแม่ทานั้น เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของนักปฏิบัติธรรม
คนจริง ทำจริง ตั้งใจจริง
บาลี อภิธรรม หารู้จักไม่ จิตเด็ดเดี่ยวเป็นเลิศ
กรณีของแม่ทานี้ ทำให้รู้เรื่องจริงที่ในตำราไม่ค่อยมีบันทึกไว้
ลองพิจารณาดูสิครับ แล้วจะรู้ว่า
ที่อรรถกฐาฎีกาจารย์ เขียนบันทึกต่อๆกันมา
บางเรื่อง มันไม่จริงครับ

 

ปู่แม่ทาให้ความสุข บรรเทาทุกข์อยู่ทุกวัน
เอาคุณแห่งภูมิธรรม ที่แม่นั้นบำเพ็ญมา

ขอกราบน้อมวันทา ด้วยศรัทธาไม่เคลือบแครง
ร่วมศิษย์และร่วมแรง เทอดแทนคุณครูอาจารย์

งูขาวน้อมกราบอาจารย์ด้วยเศียรเกล้า

 

หลวงปู่เทพโลกอุดร เมตตาสอนธรรมเรื่อยมา
หลวงปู่สรวงนั้นเยียวยา ทุกเวลาที่ต้องการ

งูขาวน้อมกราบอาจารย์ด้วยเศียรเกล้า

 

แม่ทาท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่นนี่ครับ เป็นอุบาสิกาที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และมีญาณหยั่งรู้มากมาย อาจจะอยู่ที่เดียวกันแต่ผมว่าแม่ทาท่านคงจะสอนอีกอย่างใช่รึเปล่าครับ

 

โลกเราทุกวันนี้ก็เป็นแบบนี้ละครับ คือ ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองจึงจะเชื่อ ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ และผมว่าถึงการสอนจะแตกต่าง แต่ก็ทำให้ถึงธรรมมะได้ก็จะเป็นไรไปครับ ไม่ว่าจะสอนวิธีการใดหากนำพาเข้าถึงธรรมได้ ผมก็ขออนุโมทนาบุญครับ หากมัวแต่แบ่งแยกวิธีการ ผมคิดว่าคงจะเกิดสำนักใหม่ขึ้นมาอีกมากมายไม่รู้จบ...อย่าแบ่งเลยทางสายบุญเหมือนกัน....

......ธรรมรักษา(อุดร).....

 

แม่ทาท่านเน้นให้เรา เฮ็ดจริง ทำจริงเด้อ แต่ท่านไม่ได้สอนว่าต้อง เฮ็ด อย่างไร (แต่ที่วัดจะเน้นเดินจงกลม ตามแบบหลวงปู่มั่น) คือ ทำอย่างไรก็ได้ ให้แต่ทำจริง ๆ ส่วนวิธีการจะเอามาจากอาจารย์ไหน ถ้า เฮ็ดจริง ทำจริง ก็ เห็นจริงเหมือนกัน ผ่านมากว่า 2500 ปีแล้ว มีกี่ร้อยอาจารย์มาก็ไม่รู้ บทเรียนมันก็ต้องมีปรับปรุงบ้าง ก็อย่ายึดติดกับวิธีการสอนของอาจารย์เลย บางคนถนัดเดินจงกลม บางคนถนัดนั่งสมาธิ ส่วนผมถนัดลองของจริง ก็แล้วแต่จริตของแต่ละคน ส่วนพี่ติ๋มแกมาช่วยแม่ทาสอนปฏิบัติอยู่ที่วัด วิธีการไม่เหมือนกัน แต่ถูกจริตกับคนที่ชอบลองของจริง อย่างผม ไม่ว่าจะปฏิบัติด้วยวิธีการใด ผมเชื่อว่า ในใจมีธรรมะ ก็ได้ธรรมะเหมือนกัน

 

อยากไปแต่ไปไม่ได้ไม่มีใครพาไป พ่อแม่ก็ไม่รู้เรื่อง
ทำไงได้ยังเด็ก ม.4เองขับรถก็ไม่เป็นพ่อแม่ไม่มีใครรู้เรื่องเลยรู๔แต่ตักบาตรได้บุญไม่รู้จักการฝึกแต่ผมอยากฝึกอยากไปพ่อแม่ก็ไปไม่เป็นไม่พาไปไม่สนใจ
- - อยากไปง่ะ

 

ผมไปฝึกกรรมฐาน เดินจงกรม กับแม่จันทาประจำๆ..
หากสนใจจะฝึกกรรมฐานจริงๆ และอยากกราบแม่ฯ
ก็ PM มาได้คับ...

อืม.. ถ้าไปที่วัดจริงๆ อาจไม่เจอผมนะ
ผมจะอยู่ในป่า..
ออกมารับใช้แม่บ้าง บางวัน บางช่วงเวลาคับ

ผมเคยเล่าเรื่องการปฏิบัติไว้อยู่นิดหน่อยที่ลิงค์นี้ครับ
http://palungjit.org/showthread.php?t=95116

 

ครับ ปฏิบัติวิธีไหนก็ได้ถ้าถูกจริตก็ทำไป แต่ละคนก็อาจจะถนัดกรรมฐานแตกต่างกันไป ขอแค่ให้อยู่ในหลักของ ศีล สมาธิ ปัญญา ก็ใช้ได้ครับ<!-- / message -->

 

เคยเดินจงกรมแล้วไม่มี สติ เดินเซฟุ้งซ่านมากจะทำอย่างไรดีคะ ช่วยแนะนำหน่อยคือหัดเดินเองที่ห้องน่ะคะ

 

จริตผมก็เดินจงกลมไม่ได้เหมือนกัน ฟุ้งซ่าน แต่ผมใช่วิธีนั่งสมาธิ เวลาท่อง พุท-โธ ให้นับไปด้วยคือ พุท-โธ 1 พุท-โธ 2 พุท-โธ 3 ไปจนถึง 10 แล้วก็วนมานับใหม่ คือการหลอกจิตให้หมกมุ่นอยู่แต่การท่องและการนับ จริตผมใช้ได้ดีเลยวิธีนี้ ไม่ค่อยฟุ้งซ่าน
----------------------------------------------------------------------
พอเริ่มไปวัดแม่จันทร์ทา ก็เคยลองเดินจงกลมแต่ไม่ค่อยถนัด แต่สิ่งหนึ่งที่สังเกตุได้ก็คือ บางคนเดินเร็ว บางคนเดินช้า จากที่ทดลองเดินดูแล้วผมถนัดเดินเร็วจะมีสมาธิมากกว่า แต่ก็ชอบนั่งมากกว่าชอบเดิน ลองสังเกตุจริตตัวเองดูสิครับว่าถนัดแบบไหน

 

น่าสนใจครับ สอบถามนิดนะครับ ว่าต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง สิ่งที่ต้องเตรียมไปมีไรบ้างขอบคุณครับ

 

สิ่งที่ต้องเตรียมนะครับ
1.ใจ (คนที่จะลองต้องไม่อายคนอื่นนะ ทำอะไรไว้ก็ออกมาหมดแล่ะ)
2.กาย (เป็นโรคหัวใจ โรคอะไรก็ตามที่ช็อคได้ง่าย ๆ น่ะ อย่าดีก่าผมว่า)
3.ค่ารถ (ถ้ามีรกเองก็สบาย)

แค่นั้นแหล่ะ ไม่มีค่าครูหรอก ถ้าไปเจอพี่ติ๋มแกก็สอนปฏิบัติฟรี แต่ถ้าไปไหวแม่ทาก็ฟรี มีที่พักให้ฟรี เสื่อ ผ้าห่ม หมอนพร้อม ที่อาบน้ำ ห้องน้ำพร้อมฟรี ไม่มีใครเรียกร้องอะไร ส่วนจะทำบุญ หรือบริจาคอะไรก็แล้วแต่เรา มีโรงทานให้ทำกับข้าวกินเอง มีวัตถุดิบพร้อม ก็บริจาคค่าข้าวไปก็แล้วกัน วัดไม่เรียกร้องอะไร **มีกล้องไปด้วยก็ดี เวลาปฏิบัติกับพี่ติ๋มจะได้ไว้ดูเวลาตัวเองออกอาการ จะได้ดูไว้เป็นเครื่องเตือนใจว่าอย่าไปเบียดเบียนใครอีก ใจเขาใจเราน่ะครับ**

 

เคยไปทดลองนั่งสมาธิที่วัดเขาชี หลังตลาดทรัพย์ไพรวัลย์ อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก มีรูปหลวงพ่อคง ด้วย พระที่นั่นบอกว่าเป็นสมาธิวิธีที่หลวงพ่อคงท่านสอนไว้

วิธีการก็คือนั่งกันเป็นแถว มีเบาะรองนั่ง และมีพระ ลูกศิษย์วัดคอยเดินกำกับรอบ ๆ คอยสอนและบอกเตือน พร้อมเปิดเพลงสวดเป็นภาษาแขก /ภาษาจีน เบา ๆ แล้วมีการจุดยาสมุนไพรให้เมาหัวด้วย เพราะมันฉุนเหมือนยากันยุง ทุกคนก็นั่งสมาธิไป ขณะนั่งหลวงพ่อเจ้าอาวาสก็จะบอกให้ หายใจเข้าแรง ๆ และหายใจออกแรง ๆ จะเน้นอยู่อย่างนี้เรื่อยไป จนลมหายใจออกจากสมองเกือบหมดนั่นแหละ เราจะรู้สึกว่ามันวูบไป บังคับตัวเองไม่ค่อยได้ ออกอาการเป็ด ไก่ หมู หมา วัว ควาย ไปตามอาการ ตอนนี้เรา

ยังทำไม่ได้อย่างคนอื่น ก็ค่อย ๆ แอบลืมตาดู แต่พระที่คอยเดินไปมาเห็นเข้าก็ดุเอาว่าอย่าลืมตา หายใจเข้าออกแรง ๆ เราก็ทำตามดูซิจะเป็นอย่างไร ผลปรากฎว่าเมายาสมุนไพรที่จุดไล่ยุง คลื่นไส้อยากอาเจียร ของเก่าทำท่าจะออกมาจากท้อง แต่ก็ไม่ยอมออก มีแต่เสมหะเหนียว ๆ ออกมา บังเอิญเป็นภูมิแพ้ หลอดลมอักเสบเรื้อรัง น้ำมูกแห้งเสียด้วย แสบหลอดลมไปหมด เหงื่อไหลท่วมตัว พระก็เอาพัดมาพัดให้ ค่อยยังชั่ว ควันจากยาสมุนไพรไม่เข้าจมูก

น้อง ๆ ที่ไปด้วยดิ้นรน หายใจไม่ออก ร้องก็ไม่ได้ เหมือนมีคนมาเหยียบอก รู้ตอนที่เสร็จพิธีหลังจากนั้นแล้ว บางคนก็บอกว่ามีคนตัวดำ ใหญ่ ๆ มานั่งมองหน้า ยกเท้าจะเหยียบบ้าง คนที่ออกอาการทางกาย ดิ้นเหมือนปลาถูกทุบก็ว่าไม่รู้สึกตัวว่าทำอะไร เราแอบดูก็บอกให้รู้ ว่าทำอะไร แม่เพื่อนที่ไปด้วยท่านเป็นร่างทรงเจ้าพ่อพระกาฬ ก็คอยเป่าหัวให้กับคนที่ดิ้นแก้ไขจนได้สติ แล้วพากันลงมาจากศาลาที่นั่งสมาธิ วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นา ๆ ตามที่ตนได้พบเห็น

สรุปแล้วเราก็ไม่ได้เรื่องอะไรเลย แต่ไปดมยาสมุนไพรที่จุดไว้ทำให้อาการภูมิแพ้ทุเลามากเกือบหายเหมือนกัน สมาธิอย่างนี้คืออะไรกัน ใช่พุทธหรือเปล่า ไม่เกิดปัญญามีแต่เมาหัว เจ็บเนื้อเจ็บตัวเพราะดิ้นจากการหายใจเอาอากาศออกจนหมดสติ ...

เอ้า.ใครที่มีความรู้ช่วยวิพากษ์ วิจารณ์หน่อยก็แล้วกัน เจ้าของวิชาเปิดโลกก็หลวงพ่อคง วัดเขาสมโภชน์ เหมือนกัน แต่วิธีไม่เหมือนกัน มันมึนเหลือเกินแล้ว....พ่อคุณ.นั่งรถเข้าไปลำบากไกลก็ไกล ผลที่ได้.......โง่เหมือนเดิม อยากให้ไปตรวจสอบกันหน่อยว่า.......อะไรกันเนี่ย ?

 

วิชา ธรรมะเปิดโลก -->> http://palungjit.org/showthread.php?t=107599

 

ในยุคนี้ ผู้ที่นำมาเผยแพร่คือ หลวงพ่อคง วัดเขาสมโภชน์ จ.ลพบุรี แต่ท่านละสังขารไปนานแล้ว

ตอนประมาณปี 2536 เป็นครั้งแรกที่ผมลองเล่นวิชานี้ และมาเลิกเล่นตอนประมาณปี 2542
ครั้งแรกก็คล้ายๆเจ้าของกระทู้ คือแปลกใจปนความไม่เชื่อคิดว่าใครมาสะกดจิตเราไหม ถึงตอนนั้นรู้แล้วแหล่ะว่า กฎแห่งกรรมมีจริงๆ เพราะนั่งไปเจอใครต่อใครก็ไม่รู้มาทวงเวร ทวงกรรมเยอะแยะไปหมด คิวยาวเป็นหางว่าว

วิชานี้ เป้าหมายเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้รู้บาป บุญ คุณโทษ มีจริง! เชื่อในกฎแห่งกรรม และเป็นพื้นฐานให้เรามีคุณธรรมที่ยิ่งขึ้น
แต่ถ้าติดอยู่ตรงนี้ ไม่ยอมพัฒนาจิตใจไปสู่การภาวนา เวลาผ่านไปเรื่อยๆ มันก็มีแต่เรื่องเล่าแนวๆนี้ของเราบ้าง ของคนอื่นบ้าง วนเวียนอยู่เรื่อยไป