ประสบการณ์วัตถุอธิษฐานและพระเครื่องคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม วัดสารนาถธรรมาราม จ.ระยองะพระเครื่องของ

บทแผ่เมตตา จากหนังสือสามัคคีกถา (หนังสือใบโพธิ์)
คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม

 สัพเพสัตตา สัตว์ทั้งหลาย อะเวราจงเป็นสุขๆ เถิด
ขออย่าได้มีความพยาบาทเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย

สัพเพสัตตา สัตว์ทั้งหลาย อัพยาปัชฌา จงเป็นสุขๆเป็นเถิด ขออย่าได้มีความเจ็บไข้ลำบากกายลำบากใจเลย

สัพเพสัตตา สัตว์ทั้งหลาย อนีฆาจงเป็นสุขๆเถิด
ขออย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย

สัพเพสัตตา สัตว์ทั้งหลาย สุขขีอัตตานัง ปะริหะรันตุจงเป็นสุขๆเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจ รักษาตัวรักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยอันตรายทั้งหลาย ขอให้ได้ความสุขกายสุขใจ จงทั่วถึงกันเทอญ.

 

ถุงเหนี่ยวทรัพย์ คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม
ถุงเหนี่ยวทรัพย์ของคุณแม่บุญเรือนนั้น มิได้มีแต่สีเขียวสีเดียว แต่มีสีอื่นๆด้วย เช่น สีแดง สีเหลือง สีชมพู น้ำเงิน ฯลฯ
การแจกถุงเหนี่ยวทรัพย์สีใดให้แก่ลูกศิษย์นั้น คุณแม่ท่านพิจารณา โดยปกติท่านจะแจกสีเขียวแก่คนทั่วไป เพื่อเอาไป "เหนี่ยวทรัพย์ " เรียกเงินเรียกทอง ทำมาหากินคล่องๆ คนทั่วไปเรียกติดปากกันว่า "ถุงเขียวเหนี่ยวทรัพย์"
ถุงเหนี่ยวทรัพย์นั่นมีหลายสีสำหรับอาชีพรับราชการมีตำแหน่ง ท่านก็แจก "ถุงน้ำเงินเจ้าบารมี" ถ้าเป็นเจ้าสัวมีเงินอยู่แล้วท่านก็จะแจก "ถุงขาวเจ้าทรัพย์" ถุงขาวนี้เป็นเจ้าทรัพย์ เพื่อให้เก็บเงินอยู่ไม่รั่วไหล
ถ้าบ้านใดคู่ผัวตัวเมีย ทะเลาะกันเช้าเย็นหน้าตาขุ่นหมองบอกบุญไม่รับท่านก็แจก "ถุงชมพูคู่ชื่น " ไปให้ เพื่อให้ไปรักษาทรัพย์หาทรัพย์จะได้เจริญ ในโภคทรัพย์และท่านจะอธิษฐานเพิ่มให้ มีชีวิตคู่หวานชื่น เป็นต้น
ความหมายของถุงเหนี่ยวทรัพย์สีต่างๆ
" เขียวเหนี่ยวทรัพย์ มีเงินนับยิ้มกริ่ม
ขาวเจ้าทรัพย์ นั่งรับทรัพย์เอิบอิ่ม
น้ำเงินเจ้าบารมี วาสนาดีมีอำนาจ
เหลืองเฟื่องฟู เชิดชูเกียรติ
ชมพูคู่ชื่น ยั่งยืนมั่นคง
แดงแรงฤทธิ์ พิชิตโชค
ดำอมฤต พิชิตภัย "
ถุงเหนี่ยวทรัพย์มีการสร้างขึ้นหลายแบบ หลายลักษณะ มีทั้งผ้าละเอียดและผ้าหยาบ มีใบเล็กใบใหญ่ มีแบบขลิบขาวที่ขอบ และแบบเกลี้ยงๆ และที่สอยตะเข็บปากถุงด้วยมือก็มี หรือที่เย็บปากถุงด้วยเครื่องก็มี ขนาดของถุงมีตั้งแต่ขนาดจิ๋วเพียงนิ้วเดียวใส่เหรียญขวัญถุงได้เหรียญเดียวก็เต็มพอดี และใหญ่ขึ้นมาเรื่อย เป็นกว้าง 2/3/4นิ้ว ส่วนสูงก็เช่นกัน มี 1-5 นิ้ว ขนาดใหญ่เท่าหมอนข้างก็ยังมี
ถุงบางใบทำพิเศษ คือเป็น 2 สี บ้าง 3 บ้าง เรียกว่า ถุง 2 กษัตริย์ ถุง 3 กษัตริย์ ถุงผ้าเป็นสีเขียวขลิบขอบขาว เชือกหรือด้ายผูกปากถุงเป็นสีแดง เป็นต้น แสดงว่าถุงใบนี้รวมคุณลักษณะ ของถุงถึงสามสี เข้าไว้ด้วยกัน นี่คือเคล็ดในการใช้ถุงที่ยึดถือกันมา
คุณแม่อธิษฐานถุงเหนี่ยวทรัพย์แล้วนำไปทำพิธีที่วัดพระพุทธบาท จ.สระบุรี จากนั้นได้แจกแก่ บรรดาลูกศิษย์ เมื่อต้นปี 2498

ในสมัยต่อมา คุณแม่บุญเรือน ยังอธิษฐานจิตถุงเหนี่ยวทรัพย์ให้ลูกศิษย์ ในงานบุญอีก โดยทำเป็นถุงสีและขนาดต่างๆ ไปแขวนไว้ ที่ต้นไม้ และให้มาทำบุญสอยดาวกัน โดยในแต่ละถุงจะมีของอธิษฐานใส่ไว้ต่างกัน เช่นบางถุงมีแต่สตางค์ขวัญถุง บางถุงมี พลอย , ศิลาน้ำ , ข้าวตอกพระร่วง , บางถุงก็มีพระพุทโธน้อย ใส่ไว้ 1 องค์
ในช่วงระยะเวลาประมาณกลางปีพ.ศ. 2489 คุณแม่บุญเรือนได้มาพำนักอยู่ที่บ้านนาซาอำเภอแกลงจังหวัดระยองเพื่อทำ ภารกิจช่วยเหลือประเทศชาติในทางลับเป็นเวลาประมาณหนึ่งปี ก็ได้มีการอธิษฐานทรายทองบ่อน้ำอธิษฐานและมีงานอธิษฐานวัตถุมงคลที่เป็นพิธีใหญ่ที่วัดสารนาถฯจ.ระยองและได้มีการอธิษฐานถุงเหนียวทรัพย์นี้ด้วย
ถุงเหนียวทรัพย์นี้เป็นถุงที่คุณแม่สั่งให้ลูกศิษย์แถบระยองเย็บเองไม่ใช่จากโรงงานเพราะคุณแม่เป็นคนปราณีตแล้วตรวจทานเองทุกชิ้นก่อนนำเข้าร่วมพิธีใหญ่ในปี 2499 ที่โบสถ์วัดสารนาถฯ จ.ระยอง

 

กระเบื้องเก่า หลังคาพระอุโบสถ วัดสารนาถธรรมาราม จังหวัดระยอง มุงเมื่อปีพ.ศ.2498
สร้างโดยสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯและคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม

เมื่อปีพ.ศ.2499 ได้ประกอบพิธีสมโภช พระอุโบสถ พระประธาน พระเถรานุเถระ พระเกจิอาจารย์ดังทั่วประเทศ ได้ประกอบพิธีฯ 19 วัน 19 คืน เมื่อปี พ.ศ.2552 ทางวัดได้รื้อหลังคาพระอุโบสถเปลี่ยนกระเบื้องใหม่ เพราะของเก่าได้ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา... ทางวัดสารนาถได้นำแผ่นกระเบื้องหลังคาพระอุโบสถเก่า มาบดเป็นผงเพื่อนำไปเป็นมวลสารในการสร้างวัตถุมงคลต่างๆเพื่อความเป็นสิริมงคลฯ

ผงกระเบื้องหลังคาโบสถ์วัดสารานาถปี 2498
ถือเป็นหนึ่งในมวลสารหลักสำคัญในการจัดสร้างวัตถุมงคลของวัตถุมงคลในหลายๆรุ่น เนื่องจากความศักดิ์สิทธิ์ของโบสถ์วัดสารนารถตั้งแต่ปี 2498 ที่ได้ผ่านพิธีสำคัญในหลายหลายพิธีและยังถือเป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทโธคลังและพระพุทโธใหญ่อันศักดิ์สิทธิ์ ผงกระเบื้องหลังคาโบสถ์วัดสารานาถถือว่าเป็นผงพุทธคุณ ในการสร้างวัตถุมงคลของคุณแม่บุญเรือนที่ต้องมี

กระเบื้องของวัดสารนาถฯมี 3 สี

สีเขียว หายากสุด
สีเหลือง
สีแดง

 

สิงห์"
ที่ "คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม" สั่งให้หามารองรับ

https://www.youtube.com/watch?v=6o0kcDKK-S4 ตั้งแต่สมัยที่ "เจ้าคุณไฉน" ยังเป็นเจ้าอาวาสอยู่ ทำให้ได้รู้ได้เห็นอะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับวัดแห่งนี้มาพอสมควร ซึ่งจะได้ขออนุญาตนำเสนอรายละเอียดพิเศษต่างๆ
เพื่อเป็นความรู้และวิทยาทานพิเศษแก่ท่านทั้งหลายตามวาระและโอกาสอันควรสืบต่อไปครับผม)


ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจากพี่นวเรศ

 

เรื่องที่ คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ได้ช่วยปลดเปลื้องความทุกข์ให้กับลูกศิษย์ ในสมัยนั้น
1 เมื่อการเงินฝืดเคืองคุณแม่กำหนดราคาที่ดินให้ขายได้
2 เมื่อบุตรหลานเจ็บไข้ได้ป่วยอาการหนักไปหาคุณแม่บอกคุณแม่ว่าบุตรหลานไม่สบายมากท่านบอกว่าไม่เป็นไรบุตรหลานก็หายตามที่ท่านบอก
3 คุณแม่อธิษฐานปูน ให้มีสรรพคุณรักษาโรคได้เช่นรักษาผมร่วง รักษาโรคเรื้อน รักษาวัณโรค
4 คุณแม่ให้ยารักษาโรค ให้น้ำมันใส่ผม ทารักษาแก้ผมร่วง ทาหน้าทำให้หน้าไม่เหี่ยวย่น ทาผิวหนังเป็นเครื่องประทินผิว เวลาบอก บอกเป็นภาษาอังกฤษ และเมื่อผสมแล้ว บอกว่าใช้ได้ดีแล้ว บอกยาเหลืองแก้มะเร็ง ทานแก้ท้องร่วง ทาห้ามโลหิต ทาแผลสด เป็นยาสมานแผล
5 คุณแม่สอนธรรมะ สอนให้สวดมนต์ไหว้พระ ชักชวนให้สร้างพระ สร้างโบสถ์ และสร้างหนังสือเพื่อเผยแพร่คุณของพระพุทธเจ้าพระธรรมะเจ้าพระสังฆเจ้า
นายแพทย์ ปรีดา ล้วนปรีดา
4 ตุลาคม 2507

 

นี่คือเหรียญพระพุทโธคลัง รุ่นแรก วัดสารนาถฯ
หายาก แทบไม่มีหมุนเวียนในท้องตลาด

 

พระกริ่งพุทโธคลัง นี่ก็เป็นพระอีกรุ่นที่ออกไปมาเลเซียหมด แทบไม่มีหมุนเวียนในตลาดพระเลย

 

ธรรมเนียบวัตถุมงคลของวัดสารนาถธรรมารามจ.ระยอง บางรุ่นไม่เคยเห็นเลย (ฉบับยังไม่อัพเดท)
พระอาจารย์แก้วบอกว่า ส่วนใหญ่ก็ออกต่างประเทศหมด ไม่ค่อยมีหมุนเวียนให้เห็นในท้องตลาด
วัตถุมงคลของวัดสารนาถฯทำออกมาตามวาระและทำออกมาเป็นจำนวนจำกัด มวลสารที่ใส่จะเป็นมวลสารที่พิเศษและต้องมีความเกี่ยวเนื่องกับคุณแม่บุญเรือนเท่านั้น บางรุ่นหมดตั้งแต่ตอนจอง

 

พระพุทโธภาสชินราชจอมมุนี (พระพุทโธใหญ่)
เป็นพระประธานประจำมหาอุโบสถ วัดสารนาถฯ
เป็นพระพุทธรูปขนาดกลาง หน้าตักประมาณ
๓ ศอกคืบ ประดับด้วยซุ้มเรือนแก้ว จำลองแบบมาจากพระพุทธชินราช จังหวัดพิษณุโลก และมีอัครสาวกประกอบซ้าย-ขวา เช่นเดียวกับพระพุทธชินราช พระพุทโธภาสชินราชจอมมุนีนี้ ได้ประกอบพิธีหล่อที่วัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร ปรากฏว่าหล่อไม่ติดถึง ๒ ครั้ง ๒ หน คงหล่อแต่พระอัครสาวกทั้ง ๒ องค์ในการหล่อครั้งที่๒ เมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๔๙๕ อุบาสิกาคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ซึ่งมีฐานะเป็นศิษย์ มาเรียนธรรมภาคปฏิบัติกับท่านจนบรรลุฌานชั้นสูง มีอิทธิปาฏิหาริย์เป็นที่น่าอัศจรรย์ เป็นผู้แสดงความปรารถนาดำเนินการในเรื่องหล่อสร้างพระประธานองค์นี้ต่อไป
โดยมีบรรดาศิษยานุศิษย์ของคุณแม่บุญเรือน ร่วมมือด้วยอย่างแข็งขัน ได้มีการประกอบพิธีเททองหล่อใหม่เป็นครั้งที่ ๓ หล่อคราวนี้เปลี่ยนจากปางมารวิชัยเป็นปางสมาธิพร้อมขยายให้โตขึ้นกว่าเก่าเท่าพระทศพลญาณ หน้าพระเพลากว้าง ๑๗๔ เซนติเมตร หล่อองค์กับบัวติดกัน ณ วัดสัมพันธวงศ์ เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๙๕ คราวนี้เนื้อทองแล่นตลอดองค์เป็นอันดี ไม่มีอุปสรรคใด ๆ และได้ขัดแต่งจนสำเร็จเรียบร้อยบริบูรณ์ ค่าสร้างองค์พระทั้งหล่อและขัดแต่งนั้น รวม ๖๐,๐๐๐ บาท คุณแม่บุญเรือนกับคณะศิษย์ซึ่งมี พลโทยุทธ สมบูรณ์ เจ้ากรมการรักษาดินแดนในขณะนั้น เป็นหัวหน้า รวบรวมถวาย ถวายพระเนตรเมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๙๖ มีการบำเพ็ญกุศลถวายพร้อมด้วยมีมหรสพสมโภชน์ ๕ วัน ๕ คืน ในชั้นแรกได้กำหนดให้พระประธานองค์นี้ เป็นพระพุทธรูปปางนาคปรก ซึ่งเป็นพระประจำวันเสาร์ ด้วยเป็นวันตัวของพระมหารัชชมังคลาจารย์

 

ก้อนกรวดศักดิ์สิทธิ์และถุงอธิฐานของคุณแม่บุญเรือน
คุ้มครองทหารไทยในสงครามเกาหลี
ในช่วงปี พ.ศ. ๒๔๙๕ (สัณนิษฐานตามเหตุการณ์)
มีเรื่องเล่าว่า เมื่อครั้งสงครามเกาหลี ศิษย์ที่เป็นทหารคนหนึ่งมาลาท่านไปรบ ท่านอธิษฐานก้อนกรวดให้สามก้อนและบรรจุถุงอธิษฐานให้ไป พร้อมสั่งว่าให้เก็บถุงติดตัวไว้เสมอ จะป้องกันอันตรายได้ ให้นำก้อนกรวดไปขว้างในที่ตามจุดหมายสามแห่ง
ทหารผู้นั้นเมื่อออกรบได้ขว้างกรวดก้อนแรกไปในสนามรบ ไม่นานก็มีข้อตกลงหยุดยิง
ต่อมาขว้างก้อนที่สองไปบนภูเขา หลังจากนั้นก็มีการสงบศึก ขว้างก้อนที่สามในลำธาร ต่อมาผู้นำของข้าศึกถึงแก่ความตาย
เมื่อหยุดยิงได้ ก็ไปเก็บลวดหนามและเครื่องกีดขวางในสนามรบ ทหารไทยเข้าไปปลอดภัย เพราะเขาเก็บถุงของคุณแม่ไว้กับตัว ทหารชาติอื่นเข้าไปถูกระเบิดตายเป็นจำนวนมาก ตอนกลับเครื่องบินอื่นถูกอุปัทวเหตุ แต่ลำที่ทหารผู้นี้เหน็บถุงไปกลับมาอย่างปลอดภัย ทำให้เห็นถึงอิทธิฤทธิ์ของกรวดและถุงอธิษฐานอย่างน่าอัศจรรย์

 

คุณแม่บุญเรือนไม่ให้กล่าววาจาที่เป็นอัปมงคล
ด้วยเหตุที่คุณแม่บุญเรือนมีจิตที่ทรงไว้ซึ่งอิทธิฤทธิ์อย่างรุนแรงแก่กล้า ที่พร้อมจะดลบันดาลให้ทุกสิ่งบังเกิดขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์อย่างยิ่งยวดถึงเพียงนี้ คุณแม่บุญเรือนจึงได้ห้ามขาดมิให้ใครก็ตาม ที่มาอยู่ต่อหน้าท่าน พูดในสิ่งที่เป็นอัปมงคล ไม่ดีไม่งามไม่พึงปรารถนา (เป็นต้นว่า จน, แย่, ฉิบหาฯลฯ..ฯลฯ..ฯลฯ..) ให้เข้าหูท่านเป็นอันเด็ดขาด
เพราะด้วยจิตท่านจะไปจับอยู่กับคำอัปมงคลดังกล่าวนั้น แล้วผลร้ายที่ "จน, แย่, ฉิบหาย ฯลฯ..ฯลฯ..ฯลฯ.." ก็จะบังเกิดแก่ตัวผู้พูด ให้ตกต่ำซ้ำซ้อน ไปอย่างช่วยไม่ได้ สมควรแก่การที่ไม่รู้จักสังวรวาจาให้จงดี นั่นเอง
ด้วยประการฉะนี้ คุณแม่บุญเรือนถึงแก่เคยได้ไล่ตะเพิดชายคนหนึ่งซึ่งไม่รู้ความนัยแล้ว ไปพิโอดพิโอยคร่ำครวญกับท่านว่า "คุณแม่ครับ ช่วยผมด้วย ผมยากจน" เสียอย่างหนักทีเดียวว่า..,
"ไป...มึงไปให้พ้น กูไม่คบกับคนยากคนจน..!!!!!!!!!!!!!!"
เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า หากจิตของคุณแม่บุญเรือนไปคิดว่า "มันจน" เท่านั้น คนที่พูดคำว่าจนให้
คุณแม่ได้ยิน ก็จะจนกรอบยิ่งกว่าเก่าเป็นทวีตรีคูณ ท่านเลยแก้ด้วยการไล่ตะเพิดให้ออกห่างท่านไปโดยไว ก่อนที่ความจนจะบังเกิดขึ้นจริงๆ ตามปากว่าด้วยประการฉะนี้แลฯ

 

ในการสร้างบุษบก เพื่อประดิษฐาน พระพุทโธคลังนั้น ใช้ความปราณีตและลงรายละเอียดในทุกๆจุด ตั้งแต่การวัดพื้นที่เพื่อให้เหมาะสมกับขนาดในการวางให้อยู่ในตำแหน่งเดิมของพระพุทโธคลัง ตามที่คุณแม่บุญเรือนท่านได้เคยบอกไว้ โดยให้ผินด้านหน้าขององค์พระออกทางทะเล เพื่อเป็นการเรียกเงินทองเข้าประเทศชาติ
การควบคุมและดูแลงานสร้างบุษบกนั้น คุณนวเรศได้ติดตามดูแลด้วยตัวเองและใช้งบประมาณของตัวเองทั้งหมด ตลอดระยะเวลาในการสร้างใช้เวลาถึง 4 ปี กว่าจะแล้วเสร็จ ทั้งดอกบัวด้านบนบุษบกก็ถูกประดับอย่างวิจิตรงามตา วิธีและกระบวนการต่างๆ คุณนวเรศจัดสรรอย่างดีที่สุดในการสร้างบุษบกถวายในครั้งนี้

 

วันที่ 16 มิย 54
ครั้งแรกที่ไปวัดสารนาถธรรมารามจ.ระยอง
ปฐมเหตุแห่งการสร้างบุษบกถวายพระพุทโธคลัง
ในการขึ้นไปกราบพระพุทโธคลังครั้งแรกของ
คุณนวเรศ วิมล ภาพที่เห็นตรงหน้าคือพระพุทโธคลัง เป็นพระพุทธรูปขนาด 7 นิ้ว เป็นพระพุทธรูปที่มีความสำคัญมาก ที่คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม สร้างขึ้นมาเพื่อเรียกเงินตราเข้าประเทศและช่วยเหลือประเทศชาติแต่กลับถูกทิ้งร้าง ขาดการดูแลรักษาไม่มีการทำความสะอาด ฝุ่นเกาะเกรอะกรังขาดการดูแลรักษา ลักษณะของหิ้งถูกวางกลับด้าน สิ่งของวางระเกะระกะสลับไปสลับมา แท่นที่วางเดิมมีสัญลักษณ์ยันต์เฑาะว์ของวัดกลับถูกเคลื่อนย้ายออก เป็นที่น่าสังเกตได้ว่าพระพุทธรูปที่มีความสำคัญระดับประเทศทำไมจึงปล่อยให้ถูกทิ้งร้างได้ขนาดนี้
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นมูลเหตุแห่งการสร้างบุษบกถวาย
พระพุทโธคลัง

 

อภิมหาอภิญญาใหญ่ คุณแม่บุญเรือนเบี่ยงพายุไต้ฝุ่น
๕ ลูกพ้นประเทศไทย..!!!!!!!
เรื่องนี้ เป็นเรื่องจริงที่คุณชินพร สุขสถิตย์ ศิษย์เอกหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ ระยอง เป็นผู้เล่าไว้ด้วยตัวเองอีกเรื่องหนึ่ง
เป็นประสบการณ์จริงที่คุณแม่ของคุณมานิดา สุขสถิตย์ ภริยาคู่ชีวิตของคุณชินพร ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของคุณแม่บุญเรือนได้ประสพพบพานด้วยตัวเอง และเล่าให้ลูกหลานและคุณชินพรฟังมาอีกทอดหนึ่งโดยตรง
เหตุเกิดก่อนที่คุณแม่บุญเรือนจะละสังขารได้ไม่กี่ปี
โดยในช่วงนั้น มีข่าวจากทางการแจ้งมาว่า จะมีพายุไต้ฝุ่นพัดเข้าสู่ประเทศไทยจากทางภาคอีสานติดๆกันถึง ๕ ลูกด้วยกัน สร้างความประหวั่นพรั่นพรึงแก่ประชาชนชาวไทยผู้ได้รับข่าวสารนี้เป็นอย่างยิ่ง
เพราะนั่นหมายถึงหายนภัยที่จะพึงบังเกิด ย่อมต้องบังเกิดอย่างมหาวิบัติ มหาวินาศ อย่างแน่นอน
แม้คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ก็ได้ยินข่าวพายุที่จะเข้ามานี้ด้วย เช่นกัน ด้วยวิสัยแห่งผู้ทรงอภิญญาอย่างใหญ่ คุณแม่บุญเรือนอาจจะคิดป้องกันแก้ไขภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นแก่สยามประเทศในยามนั้นเช่นไร และด้วยวิธีการแบบไหน ก็สุดที่สามัญมนุษย์ทั่วไปจักคาดเดาได้
จนกระทั่งวันหนึ่ง มีผู้หญิง ๕ คนซึ่งเดินทางมาจากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หมายจะมากราบคุณแม่บุญเรือนตามปกติ โดยคุณแม่ของคุณป้ามานิดานั่งอยู่ไม่ห่างด้วย แต่พอคุณแม่บุญเรือนเห็นหญิงทั้ง ๕ จากภาคอีสานเท่านั้น แทนที่คุณแม่บุญเรือนจะต้อนรับหรือโอภาปราศรัยด้วยดี แต่คราวนี้ ท่านกลับชี้หน้าตวาดด่า เอ็ดตะโรเสียงดังลั่น อย่างไม่มีการไว้หน้าใดๆทั้งสิ้นทีเดียวว่า....

"อีดอก.!!!!!" คุณแม่บุญเรือนเอ็ดอึงลั่นจนบ้านสามัคคีวิสุทธิ์แทบแตก พลางชี้หน้าด่ากราดแม่หญิงจากอีสานทั้ง ๕ อย่างสาดเสียเทเสีย ไม่มีการไว้หน้าหรือเลี้ยงเอาไว้ดูเล่นแต่ประการใดๆ ทั้งสิ้น ต่ออีกชุดใหญ่ทีเดียวว่า
"พวกมึงไปๆๆๆๆ..ไปไป๊..ไปให้พ้นทั้งหมดเดี๋ยวนี้ทีเดียวนา.!!!!!!"
เหมือนฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ หญิงอีสานทั้ง ๕ ถึงกับหน้าตาเหรอหราด้วยความงุนงงอย่างสุดแสน ที่อยู่ดีๆ ก็โดนคุณแม่บุญเรือนท่านด่ากราดไล่ตะเพิดอย่างไม่รู้สาเหตุจนขวัญแทบจะกระเจิงไปตามๆ กันถึงเพียงนี้
ต่างพากันล่าถอยออกจากบ้านสามัคคีวิสุทธิ์ของคุณแม่บุญเรือนโดยด่วน ด้วยคิดว่า วันนี้ คงเป็นวันอุบาทว์หรือวันโลกาวินาศเป็นแน่แท้ พวกตนจึงถูกคุณแม่บุญเรือน อวยชัยให้พรชุดใหญ่อย่างไม่รู้สาเหตุถึงเพียงนี้เป็นแม่นมั่น
แม้คุณแม่ของคุณป้ามานิดา สุขสถิตย์ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ ก็อดที่จะพิศวงสงสัยในพฤติกรรมของคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ที่ด่าว่าไล่เปิด "สาวอีสานทั้ง ๕" อย่างรุนแรงถึงเพียงนั้นไปเสียมิได้ จากนั้นอีกไม่ช้า ถึงได้เข้าใจ
เพราะ "พายุไต้ฝุ่นทั้ง ๕ ลูก" ซึ่งตามหลักทางอุตุนิยมวิทยาในทางสากลแล้ว ล้วนตั้งชื่อเป็น"ผู้หญิง"ทั้งสิ้น ที่มีข่าวว่าจะพัดเข้าถล่มประเทศไทยทาง "ภาคอีสาน" ก็มีอันได้เปลี่ยนทิศหันเหออกจากประเทศไทยไปจนหมดสิ้นในไม่ช้านานอย่างน่าอัศจรรย์ที่สุด..!!!!!!!!!!
แท้จริงแล้ว ใช่ว่าคุณแม่บุญเรือนจะไม่เมตตาสาวตะวันออกเฉียงเหนือทั้ง ๕ ก็หามิได้แต่ประการใดทั้งสิ้น
เพียงแต่คุณแม่บุญเรือนท่าน "ถือเคล็ด" โดยใช้สาวอีสานทั้ง ๕ ที่กำลังเดินทางเข้ามาหาท่านแทนพายุไต้ฝุ่น ๕ ลูกที่จะพัดเข้ามาทำลายล้างประเทศไทยจากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อเป็น "เครื่องมือประกอบการจูงจิต" ให้อำนาจแห่งอภิมหาอภิญญาใหญ่ของท่าน ได้สำแดงฤทธิ์เดช ในการเบี่ยงเบนเส้นทางของพายุไต้ฝุ่นทั้ง ๕ ให้สัมฤทธิ์ผลอย่างเต็มที่นั่นแล
เข้าใจหรือ..?????
#ขอบารมีคุณแม่บุญเรือนคุ้มครอง

 

คุณแม่บุญเรือนไม่ยอมเป็นอาจารย์
แม้คุณแม่บุญเรือนจะได้มีสานุศิษย์ และผู้ร่วมประกอบการบุญ ผู้มาร่วมปฏิบัติธรรม ทำวิปัสสนากัมมัฏฐานมากมายแต่ท่านไม่ใช่อาจารย์
ท่านถือว่าทุกคนเป็นผู้มาร่วมการบุญกับท่านเท่านั้น ส่วนผู้เป็นอาจารย์นั้นก็คือ “พระมหารัชชมังคลาจารย์” ซึ่งเดิมก็คือ ท่านเจ้าคุณพระรัชมงคลมุนี เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ซึ่งเป็นอาจารย์วิปัสสนาของท่าน ให้ถือว่าทุกคนเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกับท่าน และถือว่าผู้ร่วมการบุญกับท่านทุกคนเป็นลูกหลานของท่านเท่านั้น
#ขอบารมีคุณแม่บุญเรือนคุ้มครอง

 

การเข้านิโรธสมาบัติ ครั้งที่3 ที่บ้านนาซา ของคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม
การเข้านิโรธสมาบัติเพื่อคุ้มครองถวาย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่บ้านนาซา จ.ระยอง
ราวเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ คุณแม่บุญเรือน
โตงบุญเติมได้ปรารภกับศิษยานุศิษย์ของท่านว่า
"มีใครเป็นห่วงพระเจ้าแผ่นดินองค์น้อย (ในหลวง) บ้าง..??" เมื่อทุกคนกล่าวรับว่าเป็นห่วงเนื่องจากมีข่าวที่น่าเป็นกังวลมาให้ได้ยินอยู่
คุณแม่บุญเรือนก็ว่าต่อไปอีกหน่อยว่า
"ถ้าเป็นห่วง ก็ขอให้แม่อธิษฐานช่วยพระองค์ท่านซิ"
(ตามอริยประเพณี พระอริยะจะทำการสิ่งใดโดยปราศจากเหตุ หรือไม่มีผู้อาราธนามิได้)

เมื่อศิษย์ทุกคนกล่าวคำขอให้คุณแม่ใช้อิทธิฤทธิ์ช่วยในหลวง ให้ทรงพระเจริญและแคล้วคลาดจากสรรพภยันตรายทั้งปวงแล้ว
คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมจึงได้กำหนดที่จะไปเข้า "นิโรธสมาบัติ" คุ้มครองถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่บ้านนาซา (เป็นเคล็ดให้เรื่องร้าย "สร่างซา"ลงไป) ของนางสาววาย วิทยานุกรณ์
(น้องสาวพระมหารัชชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ในขณะนั้น) (เป็นเคล็ดให้เรื่องราวที่ไม่ดีมีอันต้อง "วาย" หายสูญไป) ที่ปากน้ำประแสร์ จ.ระยองเป็นเวลาถึง ๑ ปีเต็ม
การเข้านิโรธสมาบัติของคุณแม่ฯ ในครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๓ ของการเข้านิโรธสมาบัติรวมทั้งสิ้น ๔ ครั้งในชีวิตของท่าน โดยช่วงนั้นคุณแม่บุญเรือนได้สั่งห้ามมิให้ศิษย์คนใดเข้ามารบกวนท่านในช่วงเวลานั้นเป็นอันเด็ดขาด

 

เหรียญพระพุทธโธภาสชินราชจอมมุนี (พระพุทโธใหญ่) พิมพ์เตารีดสองหน้า วัดสารนาถธรรมราม ปี66
#เนื้อชินตะกั่ว
พระพุทธโธภาสชินราชจอมมุนี เป็นประธานประจำมหาอุโบสถวัดสารนาถธรรมาราม อ.แกลง จ.ระยอง หล่อถวายโดย คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม พร้อมศิษยานุศิษย์ พ.ศ. ๒๔๙๙ มีสวยงามเป็นอย่างมาก มีคณะผู้ศรัทธามากราบไหว้ขอพรแล้วประสบความสำเร็จกันแทบทุกราย จึงพูดกันปากต่อปากว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากที่สุด