ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

จะมีคนน่ากลัวกว่าทักษิณเป็น 10 เท่า 100 เท่า !!!​

​

จากข่าวที่ให้สัมภาษณ์ทางสื่อ

เนื่องจากเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2553 มีสื่อมาสัมภาษณ์ผมทางโทรศัพท์ 2 ท่าน และได้กระจายข่าวไปตาม น.ส.พ. ต่างๆหลายฉบับ.. ผู้ประกาศข่าวช่องต่างๆหลายช่องก็อ่านไปตามเนื้อหาที่ น.ส.พ. ลงไป... ความจริงมีการลงคลาดเคลื่อนเนื้อความสำคัญไปหลายจุดด้วยกัน... ทั้งๆที่ผมได้ย้ำกับผู้สื่อข่าวไปว่าอย่าลงผิดทั้งใจความสำคัญและ พ.ศ. ... เพราะที่ผ่านมามีหลายครั้งที่สื่อลงผิดจากที่มาสัมภาษณ์ผม... ผมไม่รู้จะไปตามแก้ข่าวอย่างไร... ผมจึงเรียนชี้แจงมาทางเวบของผมนี้... ถ้าสื่อใดได้อ่านเวบของผมกรุณาช่วยลงตามที่ผมให้สัมภาษณ์ด้วยเถอะ... ไม่ควรนำไปดัดแปลงหรือต่อเติมคำพูดใดๆของผม... เพราะผมคิดว่าผมพูดชัดเจนไม่ต้องคิด ไม่ต้องแปล
<O</O
ผมได้นำคำสัมภาษณ์ที่ น.ส.พ. ไทยโพสต์ลงไว้มาให้ดูเนื้อหาเป็นตัวอย่างซึ่งทุกฉบับแทบจะลงเหมือนกัน... มีบางฉบับก็นำข่าวมาจากผู้สื่อข่าวอีกท่านหนึ่งมาลงก็คลาดเคลื่อนผมก็โทรไปแจ้งให้ผู้สื่อข่าวทราบแล้ว
<O</O
จุดที่หนึ่ง... ผมบอกว่าถ้านำเฉพาะดวงของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชิณวัตร กับดวงของนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาเทียบกันแล้ว ดวงของ พ.ต.ท. ทักษิณ จะดีกว่าดวงของนายอภิสิทธิ์... ขอยืนยัน
<O</O
จุดที่สอง... ดวงของ พ.ต.ท. ทักษิณ ไม่มีโอกาสที่จะกลับประเทศได้... ผมไม่ได้บอกว่า... ต้องอีกสามปี.. ขอยืนยัน
<O</O
จุดที่สาม... ผมบอกว่าดวงของนายอภิสิทธิ์ ไม่ดีสามปีติดต่อกัน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 นี้ไปถึงปี พ.ศ. 2555... ถ้านายกรอดพ้นจากการถูกลอบสังหารก็ไม่สามารถกอบกู้เศรษฐกิจในประเทศได้... โรงแรมและการท่องเที่ยวยังไม่ฟื้น... หุ้นจะตก... เศรษฐกิจในประเทศพัง... แต่การส่งออกต่างประเทศจะดี... ถ้านายกยังอยู่เป็นรัฐบาลก็ต้องระวังการก่อวินาศกรรมด้วย... ดวงนายกอันตรายถึงชีวิตได้... นายกจะเจอปัญหาต่างๆรุมเร้าเข้ามา... และระวังประเทศไทยจะเจอภัยธรรมชาติ... รัฐมนตรีที่เข้ามารับตำแหน่งใหม่ก็ดวงไม่ดี ไม่สามารถที่จะมาส่งเสริมนายกได้... ขอยืนยัน
<O</O
จุดที่สี่... ผมบอกว่า... ต้องระวังบุคคลหนึ่งที่จะมา “กำจัดซ้าย-พิฆาตขวา”... คนๆนี้น่ากลัวมาก... น่ากลัวกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็น 10 เท่า 100 เท่าเสียอีก... และต้องขอดูก่อนว่า ผบ.ทบ. คนใหม่ที่ชื่อ พล.อ. “ป” ขึ้นมารับตำแหน่งในเดือนตุลาคมนี้... จะทำตัวและคิดเช่นไร... เพราะจุดเปลี่ยนประเทศไทยได้เกิดขึ้นแล้ว... ถ้าบุคคลนั้นเขาตีสนิทกับ ผบ.ทบ. ได้... ประเทศไทยน่าเป็นห่วง... ประเทศไทยจะดีหรือเลวขึ้นอยู่กับทหาร... ฯลฯ... ดวงของบุคคลนั้นดีในปี 2553-2554... แต่ในปี พ.ศ.2555 ดวงไม่ดี...

จากนี้ไปสามปีประเทศไทยมีจุดเปลี่ยน..ทางสื่อลงติดๆกันว่า... ส่วนคนที่อยู่ต่างประเทศดวงดีกว่าอภิสิทธิ์ แต่ว่าไม่สามารถกลับประเทศได้ ต้องจากนี้ไปสามปี ฯลฯ เพียงมีคำว่า “ต้อง” เท่านั้นความหมายต่างๆก็จะเปลี่ยนไป... ผมยังบอกว่า... จากนี้เป็นต้นไป ภายในสามปีประเทศไทยจะมีการสูญเสียใหญ่เกิดขึ้น เพราะว่าดวงเมืองวิกฤติมาก... การช่วงชิงอำนาจจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรง ประชาชนจะลุ้นกันทั้งประเทศ
<O</O
ผมไม่ชอบคำพูดบางคำที่บอกว่า ผมอ่านข่าวแล้วนำมาวิเคราะห์... ถ้าติดตามอ่านเวบผมมาตลอดจะรู้ว่าการเขียนทำนายของผมนั้น... ผมนำมาจากข่าวหรือไม่... ผมไม่เคยนำคำทำนายของหมอดูคนไหนมาตามน้ำ เพราะหน้าผมบาง... ผมไม่เคยพูดว่าผมเก่งหรือแม่น... แต่ผมภูมิใจตัวเองที่คำทำนายต่างๆของผมจะเป็นผู้นำ... ไม่ใช่ผู้ตามหมอดูคนอื่น... ผมอายเป็นครับ<O</O
<O</O
จึงเรียนมาเพื่อทราบ<O</O
หมอนิด (กิจจา ทวีกุลกิจ)<O</O
11 มิ.ย. 53

ที่มา http://www.mornid.com/home.php

*********************************************************
<O<Oเรื่องเล่าจากนิมิต.....</O
<O</O
<Oข้าแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอพระพุทธานุญาตแด่พระพุทธองค์ ในการนำเสนอเรื่องราวนิมิตทางจิตของข้าพระพุทธเจ้าออกสู่ประชาชนโดยส่วนมาก อันหวังผลเพื่อให้เกิดความสงบสุขแก่มหาชน โดยข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมรับผลกรรมที่บังอาจนำเรื่องมานำเสนอ ทั้งทาง กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม แม้ว่าจะหนักปานแบกเขาพระสุเมรุ ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมรับไว้แต่เพียงผู้เดียว...

เรื่องราวที่ข้าพเจ้าจะเล่าต่อไปนี้ เกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2553 เวลาประมาณสี่ทุ่มกว่าๆ ขณะนั้นข้าพเจ้ากำลังเข้าสมาธิ เจริญสติอย่างเป็นปกติเช่นทุกวันในห้องพระ ในเวลาไม่นานนักขณะที่ข้าพเจ้ากำลังนั่งดูจิตที่ลอยนิ่งและการทำงานของร่ง กายที่เป็นไปกับจิตอย่างป็นระบบตามธรรมดานั้นเอง ก็มีแม่ชีนุ่งขาวห่มขาวเข้ามาในห้อง และนั่งลงที่ตรงหน้าข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงได้เอ่ยบทสนทนาดังนี้ว่า
</O
ข้าพเจ้า: ท่านเป็นใครหรือ มาหาผมมีธุระอะไร
แม่ชี: เราไม่จำเป็นต้องบอกมาก รู้แค่ว่าเรามาเพื่อบอกข่าวแก่ท่าน
ข้าพเจ้า: ข่าวอะไร สำคัญหรือไม่ อย่างไร
แม่ชี: ตามเรามา

หลังจากนั้นห้องทั้งห้องก็เป็นสีขาวสว่าง และก็ปรากฎภาพซึ่งภาพต่อไปนี้ข้าพเจ้าจะขอสรุปความว่า

ในวันที่เสื้อแดงปิดล้อมกรุงเทพนั้น ทหารจะเข้าปะทะแล้วจะเกิดการบาดเจ็บล้มตาย สูญหาย เสื้อแดงจะแพ้ แกนนำเป็นกบฎต้องหลบหนีการจับกุม และบุคคลที่อยุ่เบื้องหลัง ผมทราบว่าใครแต่ขอทิ้งไว้ว่าเป้นบุรุษผู้หนึ่ง จะใช้การยื่นฎีกาเพ่งเล็งท่านผุ้นั้นว่าไม่สามารถดูแลมวลชนได้ ควรได้เวลาแก่การพักผ่อน จะมีการลอบสังหารท่านผู้นั้นเพื่ออำนาจเต็มแก่ตนเอง แต่จะไม่สามารถทำสำเร็จเพราะนายทหารคนสนิทเป็นผู้มีความสามารถมาก จะพาหลบหนีและอ่านเกมส์การดำเนินการได้ทัน แต่ท่านผู้นั้นต้องหลบหนีออกไป และบุรุษผู้หนึ่งนั้นจะใช้อำนาจตามรัฐธรรมนุญในการคัดเลือกผู้เหมาะสมในการ ทำงานแทนท่านผู้นั้น แต่จะอ้างว่ายังไม่สามารถพิจารณาได้ แล้วใช้อำนาจในการ finish work king แทนตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ขึ้นมาแทนโดยอ้างว่าเป้นการชั่วคราวและสั่งสังหารเหล่าคนเสื้อแดง โดยอ้างว่าเป้นการปราบปรามและสร้างมาตรการในการควบคุมความสงบในบ้านเมือง เหตุการณ์จะไม่ต่างจากเขมร มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และสงครามกลางเมืองเกิดขึ้น ที่แตกกระเจิงก็จะหนีเข้าป่าตั้งตัวเป็นกองโจรสู้กับรัฐบาล

และภาพสุดท้าย ข้าพเจ้าเข้าไปอยู่ในห้องของท่านผู้นั้น(ขออภัยมิบังอาจล่วงเกิน แต่นี่เป็นแค่นิมิต เข้าพเจ้าไม่สามารถเปิดเผยได้ทั้งหมดในรายละเอียดชี้ชัดตัวบุคคล) ซึ่งนอนอยู่บนเตียง คำกล่าวสุดท้ายก่อนที่ท่านจะหลับตาลงคือ ให้ไทยระวังภัยวิกฤติการณ์จากน้ำ แล้วเมื่อท่านหลับตาลง พบเป็นดวงแก้วสุกสกาวสว่างใสจนทั้งห้องและนอกห้องเป็นสีทองสว่างเจิดจ้า และลอยขึ้นสู่ฟ้าไป เมื่อข้าพเจ้ามองออกมาจากนอกห้อง ข้าพเจ้าได้เห็น กำแพงน้ำมาจากทางทิศตะวันตก และ ทิศใต้....

เมื่อหมดจากภาพที่ได้เห็นทั้งหมดข้าพเจ้ากลับมาอยู่ที่ห้องนั่งกับแม่ชีท่าน นั้นเช่นเดิม ในขณะที่ข้าพเจ้ากำลังตกตะลึงอยู่นั้นท่านได้กำชับว่า

แม่ชี: เจ้าจงอย่าได้เล่าเรื่องนี้แก่ใครเด็ดขาด มันหมายถึงสิ่งที่เจ้าต้องแลกหากอะไรที่มันต้องเกิดแล้วมันเปลี่ยนแปลง

หลังจากนั้นแม่ชีก็ลุกขึ้นแล้วลอยออกประตูไปโดยไม่ได้เปิดประตู แล้วผมจึงพิจารณาต่อจนจิตกลับมาสู่ภาวะปัจจุบัน และออกสมาธิมา

ในครั้งนี้ที่ข้าพเจ้ามาเล่าสู่ให้ฟังเพื่อปรารถนาให้ ปวงชนผู้ทราบข่าว โปรดได้ช่วยกันเจริญสมาธิแผ่เมตตาภาวนา อธิษฐานขออย่าได้มีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นแก่ประเทศไทยเรา ด้วยบารมีของมหาชนหมู่มากแม้สิ่งเลวร้ายอันใดก็ขอให้จงอย่าได้บังเกิด ด้วยกำลังใจจากปวงชนทั้งหลาย ขอได้โปรดช่วยให้สยามประเทศผ่านพ้นภยันตรายทั้งหมดทั้งสิ้นเทอญ และท้ายที่สุดขอให้ผู้ที่ทราบข่าวนี้แล้ว ขอให้ทุกท่านอยู่ในความสงบ อยู่กับบ้านกับครอบครัว โปรดอย่าได้แบ่งแยกหรือเข้าฝักเข้าฝ่ายกับสีใดๆทั้งสิ้น เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านและประเทศชาติ

ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยช่วยปกป้องคุ้มครองประเทศไทยด้วยเทอญ

ปล.ผมไม่ได้อยู่ในสีไหนทั้งนั้นนะครับ

เสื้อแดงครับ ผมรักคนเสื้อแดงนะครับ ใครที่จะออกมาร่วมอยู่บ้านเถอะครับ เพราะการชุมนุมนี้จะมีความรุนแรงจากที่ผมเห็นนิมิต ช่วยกันนะครับ ช่วยกันภาวนา แผ่เมตตา อธิษฐานอย่าให้เป็นจริง.......กราบขอกันเลยนะครับ ทุกท่านอย่าโพสแบ่งแยกกันเลย ผมเอาเรื่องนี้มาบอกด้วยเหตุผลบางประการ และให้พึงระลึกว่าผมต้องการให้เรื่องที่เล่ามานี้ไม่มีทางเกิดขึ้นจริง ให้ผิด ให้คนด่าทอว่าผมทำนายมั่ว....ขอร้องนะครับ ผมละเมิดอาญาฟ้าแล้ว ช่วยบ้านเมืองด้วยครับ

โปรดใช้วิจารณญาณครับ ผมไม่ได้มาเพื่อทำนายทายทักหรืออวดตนครับ โปรดเข้าใจด้วยครับ กราบแทบเท้าขอบพระคุณทุกท่านครับ</O
<O</O
<O<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->นักเดินธรรม<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3057041", true); </SCRIPT> สมาชิก
10-03-2010, 03:27 PM

ที่มา http://palungjit.org/threads/เรื่องเล่าจากนิมิต-ขอให้อ่านให้จบก่อนโพสตอบนะครับ.230446/</O

 

ทีม ดร.สมิทธ นำไป 1-0
สุดท้ายก็เกิด สมควรเอางานวิจัยนี้มาทำเต็มรูปแบบได้แล้ว จะได้วิเคราะห์เป็นระบบเสียที อาจจะก่อเกิดผลดีต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ โดยเฉพาะมนุษย์
อย่าเที่ยวเอาแต่คะนองตามความคิดที่มีแต่ชั่ววูบนะครับ ก่อนจะกดอะไรก็พิจารณาด้วยนะครับ

 

เรื่องภัยพิบัติต่างๆ ทุกอย่างสามารถเปลี่ยนเเปลงได้ด้วย ปัจจุบัน

ความปลอดภัยที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นเพราะมนุษย์ได้เปลี่ยนเเปลงชะตาโลกด้วยตนเอง

ถ้าพวกคุณรู้เเล้วว่า คำทำนายต่างๆสามารถเปลี่ยนเเปลงได้

อย่าประมาทเเละหมั่นทำความดีต่อเนื่องในเเต่ละวันจนวันสุดท้ายของชีวิต

เมื่อมีโอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์เเล้วในชาตินี้ก็อย่าลืมช่วยเหลือสรรพสัตว์เเละธรรมชาิติด้วยนะคะ

เพราะเราไม่รู้ว่า วันนี้เเละวันต่อๆไปจะเกิดอะไรขึ้น

ไม่มีภัยพิบัติใดๆจะทำอะไรเราได้ นอกจากกงกรรมกงเกวียนที่ได้ก่อไว้ในอดีตนั้นเอง

ขอให้ทุกคนโชคดีเเละเจริญในธรรมตลอดไปค่ะ

 

นักวิชาการเมืองไทย (บางคน) เอาแต่วิจารย์ แต่ไม่มี หลักอะไรมาพิสูจน์สักอย่าง ดีแต่พูด อย่างเดียว โดยเฉพาะเรื่องการเมือง นักวิชาการมีส่วนทำให้คนแตกแยกทางสังคมเยอะ เพราะมันออกมาจากสื่อ

ภัยพิบัติก็เหมือนกัน ดร.สมิทธ ออกมาบอก ราวๆ กับว่า ออกมาเตือน ให้คนเตรียมพร้อม เกิดไม่เกิด ก็อีกเรื่อง แต่การเตรียมพร้อมเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว

คนไทยเชื่ออะไรง่าย ก็เชื่อทั้ง 2 ด้าน จนลังเล เอายังไงดี สรุปแล้ว ไม่ทำอะไรเลยสักอย่าง ถ้าเกิดมาแล้วจะทำอย่างไร จนเกิดคนตายกันหมด

สรุปแล้วเตรียมตัวดีกว่า เปอร์เซ็นต์ที่เกิดผลดีมีมากกว่าเยอะครับ

 

แล้วเบี่ยงเบนไปจากอะไร
บอกได้ไหมคะ

 

มีคนเตือนเรื่องนี้มานานมากเเล้วค่ะ

ไม่ใช่เเค่วันที่ 12 มิ.ย. เท่านั้น

สำหรับผู้สนใจเกี่ยวกับเรื่องเเผ่นดินไหวสามารถติดตามได้จากกระทู้นี้ค่ะ

แนะนำ ประกาศข่าวแผ่นดินไหว

เป็นกระทู้ของคุณ Falkman ตั้งมาตั้งเเต่ปี 2006

[กระทู้ดีมากเพราะอัพเดทเป็น ประจำ...อ่านจนชิน]

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD width="95%">หัวข้อ : สมิทธฟันธง! "พายุใหญ่ถล่มไทย-กทม.จมใต้บาดาล" สิงหา-ตุลาคม นี้จริงหรือ? </TD><TD width="5%"></TD></TR></TBODY></TABLE>
<HR>
<CENTER></CENTER>
<!--detail--><!--images--><!--images-->
"สมิทธ" ฟันธง "ส.ค.-ต.ค." พายุใหญ่ถล่มประเทศไทย ทำให้ กทม.จมบาดาล ระบบประปาพินาศ คนเมืองหลวงไม่มีน้ำใช้ จี้หน่วยงานรัฐเร่งหามาตรการรับมือโดยด่วน ขณะที่อดีตนายกสภาวิศวกรรมสถานฯ หวั่น "วัดพระแก้ว" เสียหายหากเกิดน้ำท่วมพระบรมมหาราชวัง
การออกมาแจ้งเตือนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครของ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ครั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ในการเสวนาเรื่อง "แผนรับมือวิบัติภัยในมหานครกรุงเทพ" ซึ่งจัดโดยสถาบันพัฒนาเมือง กรุงเทพมหานคร
การเสวนาครั้งนี้มีนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ศ.ดร.ปณิธาน ลักคุณะประสิทธิ์ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมแผ่นดินไหวและการสั่นสะเทือน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนายต่อตระกูล ยมนาค อดีตนายกสภาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมเสวนา
ดร. สมิทธกล่าวว่า จากการศึกษาและติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติมาโดยตลอด พบว่าภัยพิบัติที่จะกระทบ กทม.และปริมณฑล มีอยู่ 2 ประเภท คือ ภัยที่เกิดจากแผ่นดินไหว และภัยที่เกิดจากน้ำท่วมขัง ซึ่งเกิดจากสภาวะโลกร้อน โดยภัยที่เกิดจากแผ่นดินไหวเป็นภัยที่รุนแรงและมีผลกระทบต่อมนุษย์จำนวนมาก
ทั้งนี้ ประเทศไทยมีรอยเลื่อนที่มีพลังอยู่ 13 รอย และจากการศึกษาพบว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์สึนามิ รอยเลื่อนทั้งหมดเกิดรอยร้าวเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ปี 2547 ถึงปัจจุบัน ซึ่งการเกิดรอยร้าวดังกล่าวทำให้อาคารที่โครงสร้างไม่แข็งแรงใน จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ มีโอกาสถล่มลงมาได้
ดร.สมิทธกล่าวต่อว่า ในพื้นที่ กทม.อาจได้รับผลกระทบโดยตรงจากรอยเลื่อน 2 รอย คือ รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ และรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ จ.กาญจนบุรี หากเกิดแผ่นดินไหวซ้ำขึ้นมาอีก เชื่อว่าจะส่งผลให้เขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนวชิราลงกรณ์แตก และทำให้น้ำปริมาณกว่า 17 ล้านลูกบาศก์เมตร ไหลทะลักเข้าสู่ จ.ราชบุรี จ.นครปฐม และ กทม.
"กรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนดินเลน เมื่อได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวแล้ว ระยะสั่นสะเทือนจะขยายตัว 2-3 ริกเตอร์ ทำให้อาคารที่สูงไม่เกิน 6 ชั้น อาจแตกร้าวและพังทลายลงมา ส่วนอาคารสูงไม่น่าเป็นห่วง เพราะวิศวกรได้ออกแบบอาคารไว้รองรับอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ประเทศไทยไม่มีความพร้อมในการรับมือกับแผ่นดินไหว โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือกรณีเกิดภัยพิบัติ หากเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงอาจทำให้เกิดความเสียหายมาก" ดร.สมิทธกล่าว
ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติกล่าวว่า ภัยที่เกิดจากน้ำท่วมขัง เนื่องจากสภาวะโลกร้อนขึ้นนั้น จากสถิติไม่เคยปรากฏมาก่อนว่าพายุที่เกิดในมหาสมุทรอินเดียจะมีแรงลมสูงมาก ถึงขนาดเป็นไซโคลน
แต่ตอนนี้เกิดขึ้นแล้วคือพายุไซโคลนนาร์กีส ซึ่งมีความเร็วลมสูงถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเมื่อขึ้นฝั่งในลุ่มน้ำอิระวดีในพม่า แรงลมสูงสุดถึง 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีความรุนแรงถึงระดับ 4

​

"ผมขอทำนายว่าในเดือน สิงหาคมถึงเดือนตุลาคมนี้ จะมีพายุขนาดใหญ่พัดถล่มประเทศไทย ทางด้านอ่าวไทย ไล่ตั้งแต่ จ.ชุมพร จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.เพชรบุรี เข้ามา ซึ่งอาจทำให้เกิดปรากฏการณ์สตรอม เสิร์ช (Strom Search) หรือน้ำทะเลยกตัวสูงขึ้น
ปรากฏการณ์ดังกล่าวจะทำให้น้ำทะเลไหลเข้ามาถึงบริเวณปากอ่าวเจ้าพระยา และเข้าท่วมพื้นที่ กทม. โดยกว่าจะไหลย้อนกลับสู่ทะเลต้องใช้เวลานานกว่า 2-3 สัปดาห์ และหากท่วมเหนือคลองประปา จะทำให้ประชาชนไม่มีน้ำในการอุปโภคบริโภค" ดร.สมิทธกล่าว
ด้านนาย ต่อตระกูลกล่าวว่า มีความเป็นห่วงว่าหากเกิดน้ำท่วมใหญ่ขึ้นจริงจะทำให้อาคารและสิ่งปลูกสร้าง ที่สำคัญหลายแห่งเสียหายโดยเฉพาะวัดพระแก้ว ซึ่งก่อสร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 ไม่ได้มีการฝังเสาลงดิน หากเกิดน้ำท่วมในพื้นที่พระบรมมหาราชวังก็จะทำให้เสื่อมความแข็งแรงลงอย่าง รวดเร็ว
หลังการเสวนา "คม ชัด ลึก" ได้สอบถามไปยัง ดร.วัฒนา กันบัว ผู้อำนวยการฝ่ายอุตุนิยมวิทยาทะเล กรมอุตุนิยมวิทยา เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดพายุใหญ่พัดถล่มประเทศไทยตามที่ ดร.สมิทธกล่าวในการเสวนา ดร.วัฒนาระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่ช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม
อาจจะเกิดพายุใหญ่ถล่มประเทศไทย เพราะช่วงดังกล่าวเป็นช่วงฤดูฝน อยู่ระหว่างช่วงลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดเข้าประเทศไทย จากสถิติที่ผ่านมาพบว่าช่วงดังกล่าวมีพายุพัดถล่มประเทศไทยมาแล้วหลายครั้ง อย่างเช่น พายุไต้ฝุ่นเกย์ พายุไต้ฝุ่นลินดา ที่สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศไทยเมื่อหลายปีก่อนก็เกิดขึ้นในช่วงนี้
ดร. วัฒนากล่าวต่อว่า สภาวะโลกร้อนอาจส่งผลให้ความรุนแรงของพายุเพิ่มมากขึ้นจากเดิมถึง 2 เท่า หากพายุพัดเข้าสู่พื้นที่ที่เป็นเมืองก็อาจทำให้เกิดความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะหากพายุเคลื่อนเข้าประเทศไทยทางฝั่งภาคตะวันออกจะทำให้เกิดผลกระทบ ต่อพื้นที่ กทม.โดยตรง ซึ่งมีความเป็นห่วงว่า
หากมีพายุพัดเข้าบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยาจะสร้างความเสียหายอย่างรุนแรง ให้แก่ กทม. เนื่องจากขณะนี้แม้จะมีการสร้างเขื่อนกั้นริมตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยาในหลายจุด แต่การสร้างเขื่อนที่ผ่านมาทำเพื่อรองรับปัญหาน้ำท่วมที่เกิดจากน้ำเหนือ ไหลหลาก
ไม่ได้มีไว้รองรับพายุที่พัดเข้ามาทางปากแม่น้ำเจ้าพระยา ขณะนี้บริเวณปากแม่น้ำยังไม่มีการก่อสร้างเขื่อน หากเกิดพายุพัดกระหน่ำจริง เขื่อนที่มีอยู่ก็ไม่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดน้ำท่วมได้
ดร.วัฒนา กล่าวด้วยว่า มีความเป็นห่วงว่าหากช่วงเวลาที่เกิดพายุตรงกับช่วงที่ระดับน้ำทะเลขึ้นสูง สุดจะยิ่งทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรง เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวอาจทำให้เกิดคลื่นขนาดยักษ์พัดกระหน่ำบริเวณชายฝั่ง
หากอาคารบ้านเรือนตามแนวชายฝั่งไม่แข็งแรงก็จะสร้างความเสียหายร้ายแรงทั้ง ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ขณะนี้กรมอุตุนิยมวิทยามีการติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะแจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้า
ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเตรียมความพร้อมไว้ด้วย โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการอพยพผู้ประสบภัย เพราะขณะเกิดเหตุภัยพิบัติหากมีการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ประสบภัยได้รวด เร็ว ความเสียหายต่อชีวิตของประชาชนก็จะลดน้อยลง
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
ที่มาจากหนังสือพิมพ์
<!--detail-->

โดย : YayyYinG
วันที่ : 5 June 2008, 10:05


ถ้าเชื่อกันทั้งประเทศ ปี2008 เราจะต้องทำอะไรไปบ้าง อพยพคนเหรอ ย้ายเมืองหลวง เหรอ ไอ้ทายว่าจะเกิดเรื่องร้ายๆใครก็ทายได้ ก็ผมทายว่าไม่เกิดมาตั้งหลายปีถูกตลอดไม่เห็นมีใครเชื่อมั่งเลยนิ ......
1-0 อะไรพี่น้อง

 

ทำนาย ก็คือ ทำนาย ไม่ใช่เรื่องจริง ไม่ได้บังคับให้ใครเชื่อ

เชื่อไม่เชื่อ อยู่ที่คนรับ คำทำนาย จะคิดเอาเอง

สิ่งใดดี สิ่งใดที่เคยทำมาแล้วดี ไม่เป็นผลเสีย มันก็ดีทั้งนั้น

ภัยพิบัติ มันมีหลายแบบ คนชอบไปเหมารวมว่า มันต้องสิ้นโลก

แต่จริงๆ ภัยพิบัติ มันก็มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งเล็กทั้งใหญ่ จากธรรมชาติ มนุษย์ ก็มี

อย่างภัยก่อการร้าย ก็เป็นภัยพิบัติ

บ้านผม ไม่มีน้ำให้อาบ เพราะเกิดจากร้อน แห้งแล้ง ก็เป็นภัยพิบัติ

ดังนั้น มันก็ เกิดอยู่ตลอดเวลา ทุกๆ ปี แต่อยู่ที่คนมองเองว่า ภัยพิบัติในความคิดของเรา คืออะไรกันแน่ หรือ คือวันสิ้นโลก

 

ผมอยู่กาญจนบุรี อยู่กับพื้นที่แผ่นดินไหวระดับ สีแดง ยังไม่กลัว แต่ที่พูดก็เพราะว่าถ้างานไหนดีก็ควรจะพร้อมเตรียมตัวรับมือ ดีกว่าไม่เตรียมอะไร การเตือนก็เหมือนกับการบ่งบอกให้รู้ว่าจะมีสิ่งใดเกิด หรือไม่เกิด
งานวิจัยที่ทำเอง จะเทียบกับงานวิจัยที่เกิดจากการให้ทุนจำนวนมากเพื่อพัฒนาระบบได้อย่างไร ถ้าดีเราก็ศึกษา ถ้าไม่ดีก็จะได้ถือว่าวิธีนี้ไม่ได้ผลหรือยังมีความผิดพลาด เราเรียนรู้จากความผิดพลาด แต่ถ้าไม่พลาดได้ก็เป็นการดี ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์ มีเหตุผลครับ เอ่อ ไม่ใช่ทั่วไปด้วย
ผมขอบคุณในความหวังดีครับ
ผมยืนยันในฐานะนักวิชาการณ์ว่าเมืองหลวงควรย้ายออก เพราะกรุงเทพควรเป็นพื้นที่ทำการเกษตร ไปที่อื่นที่เป็นดินแข็งดีกว่า ดินเลนในกรุงเทพเหมาะแก่การเพาะปลูก เรื่องดินไม่ใช่ปัญหาหรือประเด็น ทั้งความเค็ม หรือน้ำทะเล
อยากให้มองตามความเป็นจริง

เมื่อสักครู่ผมไปลงข้อความไว้ว่า

ผู้ใดตั้งในความดีผมย่อมโมทนาและเห็นดียินดีด้วย แต่ถ้าผู้ใดไม่ตั้งในกุศลจิตผมย่อมนิ่งและวางเฉยครับ

ถ้าใครจะมาต่อเชิงทะเลาะก็เอาต่อไปเพราะผมก็เฉย ๆ อยู่แล้วครับ
ส่วนเรื่อง ดร.สมิทธ 1-0 ถือว่าผมผิดแล้วกันครับ ขอโทษครับ

 

<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ตร.รวบพ่อชัยนาทข่มขืนลูกในไส้มาราธอน 4 ปี</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A14 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A14 vAlign=top>สังคมเสื่อมหนัก พ่อข่มขืนลูกสาวในไส้คาบ้านชัยนาท ตั้งแต่วัย 9 ปี จนถึงอายุ 13 ปี พร้อมข่มขู่ห้ามบอกใคร แม่ทำได้แค่ซื้อยาคุมให้กินกันท้อง สุดทนจึงแจ้ง ตร.

เมื่อคืนวันที่ 10 มิ.ย. พ.ต.ท.สำเร็จ จันทวี สารวัตรเวร สภ.หันคา รับแจ้งจาก น.ส.พรชนก บุญน่วม ผู้ใหญ่บ้านใน อ.หันคา จ.ชัยนาท

มีเด็กถูกข่มขืน จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.เกียรติพงษ์ ทองเพียร รอง ผกก.สส.สภ.หันคา นำกำลังไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุ พบนายสุทิน ทับทิม อายุ 42 ปี นั่งอยู่ในบ้านโดยมีอาการเมาสุราจึงควบคุมตัวไปให้ข้อมูลที่ สภ.หันคา เบื้องต้นนายสุทินให้การว่า ข่มขืน ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) ลูกสาวของตัวเองเนื่องจากเมา จึงให้นางถวิล ภูมิภักดิ์ อายุ 48 ปี ภรรยานายสุทินพา ด.ญ.เอไปให้แพทย์ตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลหันคา

นางถวิล ให้การว่า แต่งงานอยู่กินกับนายสุทินมาประมาณ 20 ปี แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส มีบุตรสาวคนเดียวคือ ด.ญ.เอ อายุ 13 ปี

กำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัด และทราบว่านายสุทินเริ่มข่มขืนลูกสาวมาตั้งแต่อายุ 9 ขวบเท่านั้น จนเมื่อคืนที่ผ่านมา ได้ยินเสียงลูกสาวร้องจึงตื่นขึ้นมาดูเห็นลูกสาวใส่กางเกงในตัวเดียว จึงไปปรึกษาน้องสาวนายสุทิน และตัดสินใจไปหาผู้ใหญ่บ้านเพื่อให้พาไปแจ้งความ

ทั้งนี้ จากแนวทางการ สืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่า นางถวิลและ ด.ญ.เอไม่กล้าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ใครฟัง เพราะถูกนายสุทินข่มขู่จะทำร้ายร่างกาย ขณะที่นางถวิลได้ซื้อยาคุมกำเนิดให้ ด.ญ.เอกินตลอด เพราะเกรงจะตั้งท้อง.

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
โดย :หมูอ้วน (ทีมงาน TeeNee.Com) โพสเมื่อ [ วันอาทิตย์ ที่ 13 มิถุนายน 2553 เวลา 08:02 </TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เรื่องหวังดีมันก็หวังดีด้วยกันทุกฝ่าย มิมีใครมีความต้องการสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นหรอกพี่น้อง
เชื่อไม่เชื่อ จริงไม่จริงไม่รู้ แต่ให้ลองใช้สมองไตร่ตรองสักนิดนึงหยุดคิดนิดนึง ถ้า ถ้า ถ้า
คนทั้งเวปเออออห่อหมก ช่วยกันประโคมข่าว โดยไม่มีใครคอยมาเบรคๆไว้บ้าง แห่ทำกันจนเป็นแฟชั่น เหมือนหมอดูภัยพิบัติที่ออกมาทำนายกันทุกปีทุกปี เนื้อหาเดิมๆ ยัดเยียดแต่เรื่องไม่มงคล จนมีบางคนเก็บเอาไปคิดจริงจัง เพี้ยนไปเลยก็มี หรือว่าแถวนี้ก็มี...การมองโลกในแง่ดี มันกลายเป็นสิ่งไม่ดีไม่ควรหรือไร เค้าเตือนให้ระวัง ก็ต้องมีคนคอยมาเตือนว่าอย่าไปตื่นตูมนัก เอาแต่พองาม ถามจริงๆ ท่านๆทั้งหลาย ที่ว่าเชื่อๆกันว่าจะมีภัยพิบัติอย่างโน้นอย่างนี้ ท่านได้เตรียมตัวอะไรกันไปแล้วบ้าง บางคนเชื่อยิ่งกว่าความจริง เพราะอินหนัง 2012 มากไป ใครมาให้ความเห็นขัดก็เป็นฟืนเป็นไฟ ว่าประมาท แต่ถามถึงความพร้อม อะไรก็ไม่มี ไฟฉายสักกระบอกยังไม่มี หรือไม่จริงพี่น้อง
เรื่องความเหมาะสม ของที่ตั้ง กทม เรื่องทางวิชาการ นั่นก็เป็นคนละเรื่องกันกับมาทำนายภัยพิบัติเมืองชายฝั่งการเปลี่ยนแปลงมันก็เป็นเรื่องธรรมดา มันเปลี่ยนมาหลายล้านปีแล้วท่าน จะให้มันหยุดเปลี่ยนแปลงสิแปลก เมืองเวนิสอยู่แทบจะไม่มีบกให้ยืนไม่เห็นเค้าย้ายเมืองเวนิสไปไว้ที่อื่นเลยท่าน
ส่วนเรื่องที่ว่า 1-0 ก็แค่แซวท่านเล่น มิได้คิดอะไรมากมายเลย แค่อยากเตือนสติ ให้รอบคอบ อย่ามองแค่เท่าที่ตาเห็น มองที่ความจริงที่เป็นอยู่ ท่านเชื่อของท่านไปแล้ว ผมมิได้มุ่งหวังให้ท่านเปลี่ยนใจมาเชื่อผม ผมหวังเพียงว่าเมื่อมีผู้อื่นที่ได้เข้ามาอ่านในกระทู้นี้ ที่กำลังจะเชื่อ จะได้มีตัวเปรียบเทียบ นักวิชาการที่ออกมาไม่เห็นด้วยก็คงด้วยเหตุผลคล้ายๆกันนี้ และอยากที่จะมองโลกในแง่ดีต่อไป
บุญรักษา

 

โจรใต้บึ้มชุดลาดตระเวนยะลา ทหารเจ็บ 3 นาย​

​

โจรใต้ป่วน วางระเบิด ทหารชุดลาดตระเวน ใน จ.ยะลา ส่งผลให้มีทหารได้รับบาดเจ็บ 3 นาย...

ร.อ.สุวรรณ แวชาลี ผบ.ชุดพัฒนาสันติสุข 301 สังกัด ฉก.ยะลา 11 พร้อมกำลัง 5 นาย ใช้รถกระบะและรถจักรยานยนต์ 2 คันออกจากฐานที่ตั้งบ้านบาตัน หมู่ 4 ต.ลิดล อ.เมือง ยะลา ลาดตระเวนเส้นทางในหมู่บ้าน และก่อนถึงปากทางถนนหลัก สาย 409 บ้านเนียง-ลำใหม่ ราว 750 เมตร

คนร้ายไม่ทราบจำนวน ซึ่งได้ฝังระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนักร่วม 20 กก.ไว้ใต้พื้นถนนได้จุดชนวนกับระบบแบตเตอรี เป็นเหตุให้เกิดระเบิดเสียงดังกึกก้องไปถึงเขตเทศบาลตำบลลำใหม่ ซึ่งอยู่ห่างไปราว 5 กม.แรงระเบิดส่งผลให้รถกระบะกระดอนลอยขึ้นไปตกหงายท้องอยู่กลางถนน ทำให้ ร.อ.สุวรรณ ได้รับบาดเจ็บสาหัสพร้อมลูกน้องและพลขับ อีก 2 นาย คือ ส.อ.มานิตย์ พิมพ์ทุม อายุ 29 ปี และ ส.อ.ปรีชา ปัญญา อายุ 28 ปี

ต่อมา พ.ต.ท.ธนสิทธิ์ มัทยาท สวญ.สภ.ลำใหม่ พ.ต.ต.สมชาย ช่วยบำรุง สารวัตรเวร พ.ท.ยุทธนาม เพ็ชรม่วง ผบ.ฉก.ยะลา 11 ได้สนธิกำลังเข้าไปที่เกิดเหตุลำเลียงคนเจ็บส่ง รพ.ศูนย์ยะลา ส่วนคนร้ายคาดว่าเป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์

ไทยรัฐออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.2553

ชาวน้ำเค็มกลับบ้านหวั่นคำทำนาย 8 กค.เป็นจริงอีก​

​

ชาวบ้านน้ำเค็ม เริ่มทยอยกลับเข้าหมู่บ้าน หลังจากมั่นใจไม่เกิดสึนามิจากเหตุแผ่นดินไหว 7.5 ริกเตอร์ ที่อินเดีย แต่ยังกังวลคำพูด ดร.สมิทธ ทำนายจะเกิดเหตุอีกในวันที่ 8 กรกฎาคม นี้..

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรณีชาวบ้านน้ำเค็มแตกตื่นแผ่นดินไหว 7.5 ริกเตอร์ ที่ เมืองนิโคบา ประเทศอินโดนีเซีย ทำให้ชาวบ้านน้ำเค็ม หมู่ที่ 2 ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ประมาณ 2,000 คน ที่อพยพออกมาจากหมู่บ้านได้เดินทางกลับเข้าบ้านพักที่อาศัยหลังจากมั่นใจแล้วว่าไม่มีเหตุสึนามิเกิดขึ้นเมื่อช่วงสายของวันที่ 13 มิ.ย. 2553

ซึ่งเมื่อช่วงดึกที่ผ่านมาชาวบ้านน้ำเค็มได้แตกตื่นอพยพหนีออกมาจากหมู่บ้านเพื่ออพยพหนีขึ้นไปอยู่ในที่สูง เช่นที่วัดน้ำเค็ม โรงเรียนบ้านน้ำเค็ม หน้าที่ทำการ อบต.บางม่วง และบ้านญาติในพื้นที่ที่ปลอดภัย หลังจากที่เจ้าหน้าที่ อปพร.ของหมู่บ้านแจ้งสัญญาณเตือนให้อพยพออกจากพื้นที่ ทำให้ทั้งคนไทยและแรงงานต่างด้าวอพยพกันออกจากหมู่บ้าน

โดยการเกิดแผ่นดินไหวในครั้งนี้ทำให้ชาวบ้านเกิดความเชื่อมั่นกับคำพูดของ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานที่ปรึกษาศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ที่ได้ออกมาพูดถึงเรื่องการเกิดปรากฏการณ์ดาวเคราะห์เรียงตัว ซึ่งจะส่งผลให้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ทั้งนี้ชาวน้ำเค็มยังเกิดความกังวลและวิพากษ์วิจารณ์ต่อคำทำนายของ ดร.สมิทธ ที่ว่าจะเกิดปรากฏการณ์แผ่นดินไหวขึ้นอีกครั้งในวันที่ 8 กรกฎาคม 2553 นี้อีกด้วย

ไทยรัฐออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.2553

เกิดแผ่นดินไหว 3.7 ริกเตอร์ ศูนย์กลางกาญจน์​

​

ระทึก! เกิดแผ่นดินไหววัดแรงสั่นสะเทือนได้ 3.7 ริกเตอร์ จุดศูนย์กลาง ต.ด่านแม่แฉลบ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี หลังทั้งวันเกิดแผ่นดินไหวถี่ยิบ...

เมื่อเวลาประมาณ 15.19 น. วันที่ 13 มิ.ย. 2553 สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งว่า เกิดแผ่นดินไหววัดแรงสั่นสะเทือนได้ 3.7 ริกเตอร์จุดศูนย์กลางอยู่ที่บริเวณ ต.ด่านแม่แฉลบ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหายใดๆ สำหรับประชาชนที่รับรู้แรงสั่นสะเทือนได้สามารถโทรศัพท์แจ้งข้อมูล หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหวหมายเลขโทรศัพท์ 02-3994547 และ 02-3990969

ทั้งนี้ ตั้งแต่คืนวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตามเวลาในประเทศไทยได้เกิดแผ่นดินไหวและอาฟเตอร์ช็อกต่อเนื่องกันหลายครั้ง โดยเริ่มที่แผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.5 ริกเตอร์ ที่เกาะนิโคบาร์ ประเทศอินเดีย ตามด้วยแผ่นดินไหวขนาดกลางที่ญี่ปุ่นและอาฟเตอร์ช็อกที่เกาะนิโคบาร์ ก่อนเกิดแผ่นดินไหวในไทยครั้งนี้

ไทยรัฐออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.2553

ญี่ปุ่นเขย่า 6.2 ริกเตอร์ ไม่เตือนสึนามิ​

​

แผ่นดินไหว 6.2 ริกเตอร์ ที่จังหวัดฟุกุชิมา บนเกาะฮอนชูของญี่ปุ่น แรงสั่นสะเทือนไกลถึงกรุงโตเกียว แต่ไม่มีรายงานความเสียหาย และไม่ประกาศเตือนสึนามิ...

สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ว่า กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นแจ้งว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหว วัดขนาดความรุนแรงได้ 6.2 ริกเตอร์ จุดศูนย์กลางอยู่ลึกลงไปใต้ท้องทะเลราว 40 กิโลเมตร เมื่อเวลาประมาณ 12.33 น. ตามเวลาท้องถิ่น ที่จังหวัดฟุกุชิมาบนเกาะฮอนชู และ บริเวณใกล้เคียง ซึ่งอยู่ห่างจากรุงโตเกียวราว 240 กิโลเมตร แต่ไม่มีรายงานความเสียหาย ผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือ ผู้เสียชีวิต รวมถึงไม่มีประกาศเตือนภัยสึนามิ

ทั้งนี้ เหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบกับโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ในฟุกุชิมา รวมถึงสนามบินเซ็นได จังหวัดมิยะงิ แต่แรงสั่นสะเทือน รู้สึกถึงกรุงโตเกียว เมืองหลวงของประเทศ

ไทยรัฐออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.2553

ที่มา http://www.thairath.co.th

 

สธ.เตือนอหิวาต์ระบาด เพียงแค่ 3 เดือน พบผู้ป่วยถึง 700 คน เสียชีวิตแล้ว 4 คน ​

​

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ประกาศเตือนอหิวาตกโรคระบาดช่วงฤดูแล้ง เพียงแค่ 3 เดือน พบผู้ป่วยถึง 700 คน เสียชีวิตแล้ว 4 คน

นายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า สภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวประกอบกับภาวะภัยแล้งที่สมทบเข้ามา ส่งผลให้อาหารการกินที่เป็นอยู่เสื่อมคุณภาพเร็วขึ้น และที่สำคัญอาหารทะเลจะเป็นอุปสรรคมากที่สุด โดยเฉพาะอาหารทะเลที่ไม่สุก หรือสุกๆ ดิบๆจะทำให้เกิดโรคท้องร่วง และอหิวาตกโรคได้ง่าย พบ 20 จังหวัดทั่วประเทศ มีการระบาดของโรคนี้ โดยเฉพาะภาคใต้ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล ซึ่งพบทั่วประเทศมีผู้ป่วยที่ป่วยด้วยอหิวาตกโรค สูงถึง 700 คน ในระยะเวลาเพียงแค่ 3 เดือน และเสียชีวิตแล้วทั่วประเทศถึง 4 คน

ในขณะที่ปีที่ผ่านมาพบผู้ป่วยโรคนี้ไม่ถึง 500 คน และไม่มีผู้เสียชีวิตเลย ซึ่งถือเป็นสัญญาณเตือนภัยว่าปีนี้โรคระบาดจะคุกคามมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอหิวาตกโรคที่เกิดจากการบริโภคอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ และเก็บอาหารไว้นานเกินไป โดยไม่นำมาอุ่นส่งผลให้เกิดแบคทีเรียและอาหารบูดเร็วขึ้น

ข่าวทีวีช่อง 3วันอาทิตย์ ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ที่มา http://www.krobkruakao.com

 

Earthquake Details

<TABLE id=parameters summary="Earthquake Details"><TBODY><TR><TH>Magnitude</TH><TD>5.0</TD></TR><TR><TH>Date-Time</TH><TD>

• Sunday, June 13, 2010 at 12:13:25 UTC
• Sunday, June 13, 2010 at 03:13:25 PM at epicenter
• Time of Earthquake in other Time Zones

</TD></TR><TR><TH>Location</TH><TD>0.143°S, 34.604°E</TD></TR><TR><TH>Depth</TH><TD>10 km (6.2 miles) set by location program</TD></TR><TR><TH>Region</TH><TD>LAKE VICTORIA REGION, KENYA</TD></TR><TR><TH>Distances</TH><TD>15 km (10 miles) WSW of Kisumu, Kenya
105 km (65 miles) SW of Eldoret, Kenya
135 km (85 miles) SSW of Kitale, Kenya
275 km (170 miles) WNW of NAIROBI, Kenya
</TD></TR><TR><TH>Location Uncertainty</TH><TD>horizontal +/- 14.8 km (9.2 miles); depth fixed by location program</TD></TR><TR><TH>Parameters</TH><TD>NST= 41, Nph= 41, Dmin=313.9 km, Rmss=0.89 sec, Gp= 90°,
M-type=body wave magnitude (Mb), Version=6</TD></TR><TR><TH>Source</TH><TD>

• USGS NEIC (WDCS-D)

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

Magnitude 4.6 - NICOBAR ISLANDS, INDIA REGION

2010 June 13 12:57:38 UTC


***เวลาในประเทศไทย UTC+7

 

จำได้ว่าเมื่อวันที่๒มิย๕๓ ไหวที่กาญฯ ๓.๐ริกเตอร์ ถัดมาไม่กี่วันไหวอีก ๓ ริกเตอร์ วันนี้ไหว ๓.๗ ริกเตอร์
สรุปว่า ที่กาญจนบุรี ในเวลาเพียงไม่กี่วันไหวถึงสามครั้ง และมีอัตราความแรงเพิ่มขึ้นรู้สึกว่าจะถี่เกินไปหรือไม่ ความแรงเพิ่มขึ้นด้วย มีนัยสำคัญอะไรหรือเปล่านะ......
คงต้องติดตาม....ให้ดี หากรุนแรงกระทบกับเขื่อน จะได้อพยพได้ทัน...

 

ฟิลิปปินส์ห้ามเที่ยวเกาะภูเขาไฟหวั่นระเบิด​

​

หน่วยรักษาการณ์ชายฝั่งของฟิลิปปินส์ ห้ามนักท่องเที่ยว ไปเกาะ ภูเขาไฟ “ทาอัล” หลังมีสัญญานเตือน อาจระเบิดขึ้น และจะลงโทษอย่างหนักกับผู้ประกอบการนำเที่ยวและรีสอร์ทหากฝ่าฝืน...

หน่วยรักษาการณ์ชายฝั่งของฟิลิปปินส์ประกาศเมื่อ 13 มิ.ย.ว่า จะลงโทษผู้ประกอบการรีสอร์ท และเรือนำเที่ยวอย่างหนัก ถ้าฝ่าฝืนคำสั่งห้ามนำนักท่องเที่ยวไปยังเกาะภูเขาไฟ “ทาอัล” ห่างกรุงมะนิลาไปทางใต้ 65 กม. หลังมีสัญญาณว่าภูเขาไฟอาจระเบิดขึ้น ผู้ฝ่าฝืนอาจถูกปิดรีสอร์ทหรือยึดเรือ

ทั้งนี้เพื่อป้องกันอันตราย เพราะภูเขาไฟทาอัลเสี่ยงที่จะระเบิดมากท่ีสุดในภูเขาไฟ 22 แห่งที่ยังปะทุอยู่ในฟิลิปปินส์ โดยมันเคยระเบิดถึง 33 ครั้ง ล่าสุดเมื่อปี 2520 แต่ถึงแม้จะมีคำเตือน นักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนใหญ่เป็นชาวเกาหลีใต้และญี่ปุ่นยังนิยมไปเที่ยวและมักเช่าม้าขี่ขึ้นไป ชมปากปล่องภูเขาไฟ

วันเดียวกัน เกิดอุบัติเหตุรถบัสบรรทุกนักท่องเที่ยว ส่วนใหญ่เป็นชาวอิหร่าน เบรกแตกและพุ่งตกจากถนนบนไหล่เขาลงไปในเหวลึก 30 เมตร ที่เมืองบาลัมบาน ทางภาคใต้ฟิลิปปินส์ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวอิหร่าน รวมทั้งคนขับรถและมัคคุเทศน์ และมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก

ไทยรัฐออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.2553

น้ำท่วมฉับพลัน อาร์คันซอส์ดับ 18 ศพ​

​

ฝนตกหนักจนเกิดน้ำท่วมฉับพลันที่รัฐอาร์คันซอส์ เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิต 18 ศพ ส่วนใหญ่เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ขณะที่ยังคงมีผู้สูญหายอีกจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่กำลังเร่งให้ความช่วยเหลือ...

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยพบร่างเสียชีวิต 18 ศพ และกำลังเร่งค้นหาผู้เคราะห์ร้ายเพิ่มเติม หลังฝนตกหนักจนเกิดน้ำท่วมฉับพลัน ที่รัฐอาร์คันซอ สหรัฐอเมริกา และ กำลังตามหาอีกหลายศพตามแนวแม่น้ำ หลังจากเกิดน้ำท่วมฉับพลันบริเวณที่เป็นสถานที่ยอดนิยมในการตั้งค่ายพักแรม ทางตะวันตกของรัฐอาร์คันซอส์

เจ้าหน้าที่ระบุว่า นักท่องเที่ยว 3 รายที่ตั้งแคมป์บริเวณติดกับแม่น้ำลิตเติล มิสซูรี ทางตะวันตกของรัฐ และ อีกราว 20 คน สูญหายจากเหตุอุทกภัยดังกล่าวเช่นกัน

ฝนตกหนักตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำสูงขึ้นฉับพลัน 20 ฟุต ด้านศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินประจำรัฐ สามารถระบุอัตลักษณ์ของเหยื่อ 15 รายได้แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ในจำนวนนี้เป็นเด็กทั้งสิ้น 6 ราย

ไทยรัฐออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.2553

สงครามชาติพันธุ์ คีร์กีซ-อุซเบค ดับเพิ่ม 80 ศพ​

​

ความขัดแย้งของกลุ่มผู้สนับสนุน อดีตประธานาธิบดีบาคิเยฟ ทวีความรุนแรงถึงเรื่องชาติพันธุ์ ทำให้ภาคใต้ของคีร์กีซสถานเดือด ชาวอุซเบคและคีร์กีซ ปะทะรุนแรง เสียชีวิต 80 คน เจ็บอีกกว่า 1,000 ราย...

สำนักข่าวเอพีรายงานเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ว่า สงครามชาติพันธุ์ คุกรุ่นบริเวณตอนใต้ของประเทศคีร์กีซสถาน เหตุปะทะระหว่างชาวคีร์กีซ และชาวอุซเบค ส่งผลให้มีผุ้เสียชีวิตอย่างน้อย 80 คน ได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 1,000 คน

ข่าวระบุว่า ชาวอุซเบคร่วม 1,000 คน ต้องอพยพออกจากบ้านในเมืองออช เนื่องจากอาคารบ้านเรือนส่วนมากถูกเผาวอด ทั้งนี้เมืองออช เป็นเมืองขนาดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศกลุ่มเอเชียที่มีฐานทัพอากาศสหรัฐฯและรัสเซียตั้งอยู่

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มีการเปิดฉากยิงปะทะในเมืองจาลัล-อาบาด และใกล้กับ หมูบ้าน บาซาร์-เคอร์กัน เหตุรุนแรงครั้งนี้ นับว่าเลวร้ายที่สุด ตั้งแต่ช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา โดยเริ่มแรกเป็นความขัดแย้งของกลุ่มผู้สนับสนุน อดีตประธานาธิบดีบาคิเยฟ แต่ต่อมาลุกลามถึงขั้นความรุนแรงระหว่างชาวบ้านต่างเชื้อสายด้วย

ไทยรัฐออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.2553

ขีดเส้นตาย 48 ชม. เร่งบีพีหยุดน้ำมันรั่ว​

​

ผู้บัญชาการหน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ เร่งบีพีสรุปแนวทางดำเนินการจัดการปัญหาคราบน้ำมันรั่วไหลเป็นรูปธรรม ภายใน 48 ชั่วโมง เพราะผลดำเนินการตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ยังไม่ได้ผลเพียงพอ...

นายพลเรือเจมส์ วัตสัน ผู้บัญชาการหน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ ร่างจดหมายประกาศให้บริษัทน้ำมันบีพีของอังกฤษ เจ้าของสัมปทานแหล่งน้ำมันกลางอ่าวเม็กซิโก ต้นเหตุการรั่วไหลของน้ำมันดิบก่อผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ต้องดำเนินการภายใน 48 ชั่วโมง นับตั้งแต่วันเสาร์ 12 มิ.ย. ให้สรุปแนวทางดำเนินการจัดการปัญหาคราบน้ำมันรั่วไหลเป็นรูปธรรมชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะผลดำเนินการตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ยังไม่ได้ผลเพียงพอ น้ำมันดิบยังรั่วไหลสู่ท้องทะเลเฉลี่ยวันละ 40,000 บาร์เรล หรือราว 6.36 ล้านลิตร แต่บริษัทน้ำมันบีพี อ้างว่าสามารถกักน้ำมันได้เพียงวัละ 15,400 บาร์เรล หรือไม่ถึงครึ่ง

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ เดินทางเยือนพื้นที่ประสบภัยคราบน้ำมันแล้ว 4 ครั้ง นับตั้งแต่เกิดอุบัติภัยแท่นขุดเจาะน้ำมันระเบิดเมื่อ 20 เม.ย. ทั้งยังได้โทรศัพท์หารือแก้ปัญหากับนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน แห่งอังกฤษ ผู้นำทั้งสองต่างให้คำมั่นร่วมมือกันแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ พร้อมยังยืนยันความสัมพันธ์แน่นแฟ้นต่อกัน แม้ว่าสหรัฐยืนกรานให้บริษัทน้ำมันบีพีต้องจ่ายค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งเฉพาะค่าทำความสะอาดคราบน้ำมันอาจต้องใช้เงินมากกว่า 3,000 -6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่บริษัทบีพี จ่ายเงินปันผลให้รัฐบาลอังกฤษเฉลี่ยปีละ 12 เปอร์เซ็นต์

ขณะเดียวกัน พื้นที่อ่าวเม็กซิโก 1 ใน 3 ส่วน ยังถูกสั่งหยุดทำการประมง การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการท่องเที่ยวทางทะเลในพื้นที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก ทำให้ผู้สูญเสียผลประโยชน์ต่างเพิ่มการเรียกร้องชดเชยความเสียหายจากบริษัทน้ำมันบีพี

ไทยรัฐออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.2553

หลุมยุบ 13 ฟุต รถหวิดตก มอเตอร์เวย์จีน​

​

เกิดปรากฏการณ์ 'ซิงค์โฮล' หรือ 'หลุมยุบ' ความลึก 13 ฟุต กลางมอเตอร์เวย์ ประเทศจีน ทำให้รถยนต์ประสบเหตุ 1 คัน เคราะห์ดีที่ไม่ร่วงลงไป เพราะปากหลุมไม่กว้างเท่าคันรถ...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ว่า เกิดปรากฏการณ์ 'ซิงค์โฮล' หรือ 'หลุมยุบ' ลึกราว 13 ฟุต บนถนนมอเตอร์เวย์ เมืองหนานฉาง มณฑลเจียงชี ทำให้รถยนต์คันหนึ่งที่กำลังแล่นบนถนนตกลงไปในหลุมครึ่งคัน แต่เคราะห์ดีที่คนขับไม่ได้รับอันตรายใดๆ ทั้งนี้เหตุการณ์หลุมยุบครั้งดังกล่าว นับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบเพียง 8 สัปดาห์ ที่เกิดขึ้นในประเทศจีน

ก่อนหน้านี้ที่ประเทศกัวเตมาลา เพิ่งเกิดเหตุการณ์หลุมยุบ เส้นผ่าศูนย์กลาง 20 เมตร ลึกกว่า 30 เมตร สร้างความแตกตื่นไปทั่วโลก ทำให้สี่แยกไฟแดง ยุบหายไปไม่เหลือเค้าเดิม และ เมื่อเดือน เม.ย. 3 ปีให้หลัง เกิดเหตุหลุมยุบบริเวณเดียวกัน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน

ไทยรัฐออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.2553

ที่มา http://www.thairath.co.th