ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    คำพยากรณ์ของนอสตราดามุสเกี่ยวกับ Doomsday 2012

    [​IMG]

    นอสตราดามุสดูเหมือนได้ทำนายว่า สงครามนิวเคลียร์เกิดในยุคเรานี้ ประมาณช่วงเวลาระหว่างปี 1999 – 2012 “หน้าต่างเวลา”นี้เข้ากันได้กับคำพยากรณ์ในรหัสพระคัมภีร์ และเห็นพ้องกับกรอบเวลามาตรฐาน ที่ระบุในพระวรสารโดยมัทธิว 24 : 32 นิทานเปรียบเทียบเรื่องต้นมะเดื่อ​

    นอสตราดามุสทำนายว่า สหรัฐจะเข้าสู่สงครามในอาฟกานิสถานและอิรัก ล่าตัวบินลาเดน และสงครามนี้จะขยายตัว กลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3

    นอสตราดามุสได้ทำนายมากมายถึงดาวหางดวงหนึ่งหรือดาวพระเคราะห์ ดาวหางที่จะผ่านโลกอีกไม่นานหลังปี ค.ศ. 2000 และอาจก่อให้เกิดการทำลายโลกไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทำนาย ปี 2012 ดาวพระเคราะห์น้อย (Asteroid) แบบดาวหางจะเป็นสาเหตุความพินาศของโลก

    นอสตราดามุสใช้ศิลปะเก่าแก่คือสีดำ เพื่อ”ปลุกเร้า” สัตวิญญาณที่ทำให้ตื่นกลัว และเป็นผู้ที่ใช้ภาพนิมิตในเรื่องอนาคต คำทำนาย “ ในปี 1999 และอีก 7 เดือน นั้น กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามจะมาจากท้องฟ้า พระองค์จะฟื้นชีพให้กษัตริย์ของพวกมองโกล ก่อนนั้นและหลังจากนั้น มนุษย์จากดาวอื่น ( อาจเป็นจากดาวอังคาร )จะมาครองโลก

    ผู้ศึกษาเรื่องนอสตราดามุสพิเคราะห์ว่า กษัตริย์น่าเกรงขามผู้ยิ่งใหญ่จากท้องฟ้าน่าจะเป็นดาวพระเคราะห์น้อยหรือดาวหางดวงหนึ่ง ซึ่งไม่เคยโคจรมาใกล้โลกระหว่างปี ค.ศ. 1999 หรือ 2000

    มีผู้เชื่อว่า “ความน่าสะพรึงกลัวจากฟ้า”ที่อ้างว่ากำลังมานั้น อาจไม่ใช่ดาวดวงใดที่นอสตราดามุสอ้างถึง เป็นไปได้ว่า กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามจากฟ้า คือการมาของ “แอนตี้ไครสต์” (Antichrist) .ใน”ยานอวกาศ” ซึ่งการมาของท่านผู้นี้ ( มีในหนังสือวิวรณ์ – Relavation ด้วย ) จะก่อให้เกิดการทำลายล้างแบบเดียวกับที่ดาวหางโลกาวินาศจะมาถึงโลก เพราะ Antichrist จะสถาปนาศาสนจักรปีศาจ “โดยอาศัยวาติกันและพระสันตะปาปาในอนาคต”

    นอสตราดามุสยังกล่าวถึง การมาถึงของครูของโลก หรือพระเมสซีอาสเทียมซึ่งอาจจะ”เหาะ”มาหรืออาศัยยานแบบใดแบบหนึ่ง นอกนั้นการทำนายถึงการที่ดาวดวงใหญ่ตกกระทบท้องทะเลนั้น ก็บังเอิญไปตรงกับบริบทในหนังสือวิวรณ์ 8 : 8-10

    เป็นที่น่าประหลาดมากที่จะเป็นความบังเอิญหรือไม่ไม่ทราบได้ ที่การทำนายของนอสตราดามุสหลายข้อ ตรงกับข้อความการทำนายวันสิ้นโลกในพระคัมภีร์ แต่ คำพยากรณ์และการทำนายของนอสตราดามุสที่ว่า ผลกระทบยิ่งใหญ่จากดาวหางระหว่างปี ค.ศ. 2010 ถึง 2012 นั้นไปตรงกับสาเหตุหลายประการที่นักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์ปัจจุบันให้แนวความคิดและเป็นแนวความคิดของความเป็นไปได้ โดยอาศัยหลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ที่ว่า สาเหตุที่โลกจะถึงวาระแตกดับนั้น มีหลายประการจริง

    ดาวที่คาดว่าจะทำให้โลกถึงแก่ความพินาศ ในปี ค.ศ. 2012

    พระดำรัสชองพระเยซูเจ้าที่ว่ามนุษย์รุ่นนี้เป็นรุ่นสุดท้ายในโลก ทำให้หลายคนใจเสีย ก็..กลัวตายนะซีคุณ เราจะตายก่อนถึงเวลาแก่เฒ่าหรือตายด้วยโรคภัยไข้เจ็บหรือโดยอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิตไม่ว่ากัน แต่ตายด้วยสาเหตุที่คาดไม่ถึงว่าโลกจะระเบิดแตกดับ พวกเรามนุษย์จะสิ้นสูญไปจากโลกนี้นั้น ไม่อยากคิด! แต่..ไม่อยากคิดยังไงๆก็ต้องคิด เมื่อคิดแล้วก็อยากจะรู้ว่า อะไรคือสาเหตุที่โลกจะแตกดับ มนุษย์จะสิ้นไปจากโลก ก็คงต้องฟังนักวิทยาศาสตร์ที่พยายามอธิบายให้เราฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้ คงจะดีกว่า

    มีดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่นักดาราศาสตร์ตั้งรหัสชื่อว่า Planet-X-NIBIRU ดาวดวงนี้มีเส้นวงโคจรเป็นรูปวงรีตัดกับวงโคจรของโลกตลอดและจะมีช่วงหนึ่งที่เข้ามาใกล้โลกมากห่างไม่เท่าไร พูดได้ว่าเฉียดโลกเลยทีเดียว ผ่านเข้ามาใกล้โลกทีไรก็ทำให้โลกเกิดกลียุคทุกที ดาวดวงนี้จะโคจรเข้ามาใกล้โลกทุกๆ 3,600 ปี เมื่อ 3,600 ปีที่แล้วผ่านมาครั้งหนึ่งแล้ว เป็นสาเหตุให้ทวีปแอตแลนติกจมหายลงไปทั้งทวีปกลายเป็นมหาสมุทรแอตแลนติก ตอนนั้นน้ำท่วมโลกสูงมาก (หลายคนคิดว่าเป็นยุคน้ำท่วมโลกสมัยโนอา โปรดอ่านรายละเอียดจากพระคัมภีร์พันธะสัญญาเดิม)

    เรื่องเกี่ยวกับโนอาและน้ำมหาวินาศแรกของโลกมนุษย์ทราบรายละเอียดจากพระคัมภีร์ และยังจำพระสัญญาของพระเป็นเจ้าที่บอกโนอาและลูกหลานว่า จะไม่มีน้ำท่วมโลกอีก หากเห็นรุ้งปรากฏบนท้องฟ้านั่นคือพระสัญญาของพระองค์ ตอนนี้มนุษย์งงจริงๆ เพราะที่จะเกิดกลียุคกับโลกเราและทำให้มนุษย์สูญสิ้นไปคือน้ำท่วมโลกครั้งใหม่ โดยผลกระทบจากดาวเคราะห์ที่มีรหัสชื่อว่า Planet-X-NIBIRU ! ดาวดวงนี้จะโคจรเข้ามาใกล้โลกในปี 2009 มองเห็นได้ทางซีกโลกใต้ด้วยกล้องดูดาวพลังสูง

    ปี 2011 โคจรใกล้เข้ามา มนุษย์จะมองเห็นดาวดวงนี้ด้วยตาเปล่า โตขนาดเท่าดวงจันทร์ของเรา แต่สีจะออกสีแดงๆ

    ปี 2012 โคจรเข้ามาใกล้มาก จากนั้น จะเริ่มเกิดปฏิกิริยาต่อมวลสภาพอากาศบนโลก เศษหินจำนวนมหาศาลที่มากับดาวดวงนี้ จะพุ่งตกลงกระทบผิวโลก เป็นเหมือนฝนดาวตก และเป็นอันตรายต่อมวลชีวิตบนโลกเรา เพราะบรรยากาศของโลกไม่สามารถเสียดทานเอาไว้ได้

    ปี 2012 วันที่ 21 ธันวาคม ดาว NIBIRU โคจรเข้ามาใกล้โลกที่สุด หายนะครั้งยิ่งใหญ่จะเกิดบนพื้นแผ่นดินโลก อย่างไม่มีใครคาดคิดมาก่อน

    ปี 2013 วันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันนั้นเป็นวันที่โลก + นิบิรุ + ดวงอาทิตย์โคจรมาอยู่ในเส้นแนวเดียวกัน แกนแม่เหล็กโลกจะเปลี่ยนขั้วกลับกัน ขั้วเหนือเป็นขั้วใต้และขั้วใต้เป็นขั้วเหนือ โลกจะหยุดหมุนรอบตัวเอง 3 วัน ( คือส่วนใดสว่างก็จะสว่างนาน 3 วัน ส่วนใดมืดก็จะมืดนาน 3 วัน) แผ่นดินจะแยกตัวเป็นเสี่ยงๆ น้ำทะเลจะปั่นป่วนเป็นคลื่นมหาสึนามิ ถล่มเมืองชายทะเลทุกแห่งของโลก เมื่อแผ่นหินเปลือกโลกเคลื่อนไหวตัว ลาวาใต้โลกจะพุ่งทะลักขึ้นมา เกิดเป็นภูเขาไฟมากมายทั่วทุกทวีป ที่เคยอยู่ใต้ทะเลก็จะโผล่ขึ้นเหนือทะเล ที่เคยเป็นยอดเขายอดเกาะก็จะยุบตัวลงต่ำสู่พื้นล่าง แน่นอน มนุษย์และสัตว์หลายล้านชีวิตต้องสิ้นไป บ้านเมืองถล่มทะลายไม่เหลือหรอ

    เหตุการณ์เลวร้ายเกินกว่าจะบรรยายได้ จะเกิดต่อไปจนถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2514 ดาวเคราะห์ NIBIRU จะโคจรห่างโลกออกไปเรื่อยๆ โลกจะเข้าสู่ภาวะสงบ แต่เมื่อถึงเวลานั้น จะเหลือชีวิตมนุษย์และสัตว์รอดจากหายนะหรือไม่ เท่าใด ไม่มีการทำนายไว้

    โดย: Petervich

    ที่มา http://forum.catholic.or.th/index.php?action=printpage;topic=296.0<!-- google_ad_section_end -->
     
  2. Sleeping Sheep

    Sleeping Sheep สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +9
    ชัยชนะบนซากปรักหักพัง

    "หันหน้าเข้าหากัน ไม่ใช่เผชิญหน้ากัน เพราะว่าเป็นประเทศของเรา ไม่ใช่ประเทศของหนึ่งคนสองคน เป็นประเทศของทุกคน เข้าหากันไม่เผชิญหน้ากันแก้ไขปัญหา เพราะปัญหามีอยู่ ที่เวลาเกิดจะใช้คำว่า บ้าเลือด เวลาคนมีการปฏิบัติรุนแรงมันลืมตัว ลงท้ายเขาไม่รู้ว่าตีกันเพราะอะไร แล้วก็จะแก้ปัญหาอะไร เพียงแต่ว่าจะต้องเอาชนะ แล้วก็ใครจะชนะ ไม่มีทาง อันตรายทั้งนั้น มี แต่แพ้ คือต่างคนต่างแพ้ ผู้ที่เผชิญหน้าก็แพ้ แล้วที่แพ้ที่สุดก็คือประเทศชาติ ประชาชนจะเป็นประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่ประชาชน เฉพาะในกรุงเทพมหานคร ถ้าสมมติว่า เฉพาะในกรุงเทพมหานครเสียหายไป ประเทศก็เสียหายไปทั้งหมด แล้วก็จะมีประโยชน์อะไรที่จะทะนงตัวว่าชนะ เวลาอยู่บนกองซากปรักหักพัง"

    พระบรมราโชวาทของพ่อหลวง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 98089808.jpg
      98089808.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35.5 KB
      เปิดดู:
      52
  3. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]

    8 ก.พ. 54 รายงานข่าวแจ้งว่า ภาพปรากฎการณ์สุดประหลาด “รุ้งกินน้ำกลับหัว” ครั้งนี้ถูกเปิดเผยโดย ดร.แจ๊คกาลีน มิตตัน นักดาราศาสตร์อวกาศแห่งแคมบริดจ์ ของประเทศอังกฤษ หลังเธอสามารถบันทึกภาพดังกล่าวได้ที่หน้าบ้านของเธอเมื่อปี 2008

    เมื่อภาพดังกล่าวปรากฎออกมาก็ทำให้หลายๆ คนที่ได้เห็น ต่างพากันตื่นตกใจ และเชื่อว่าอาจเป็นสัญญาณเตือนกลียุคกำลังเกิดขึ้นก็เป็นได้
    โดยคำทำนายโบราณเรียกปรากฎการณ์นี้ว่าเป็น “รอยแสยะยิ้มพญายม (Cruach”s Grin)” ซึ่งเชื่อว่าเป็นคำเตือนจากเทพเจ้าถึงวาระสุดท้าย ของโลก
    ขณะที่ในคัมภีร์ไบเบิลของชาวคริสต์ ก็ได้มีภาพวาด “รุ้งกินน้ำกลับหัว” ประกอบอยู่ในคัมภีร์ด้วย โดยระบุว่าภาพดังกล่าวเป็นลางบอกเหตุโลกกำลังเกิดสงครามระหว่างธรรมะกับอธรรมขึ้น
    ขณะที่นักอุตุนิยมวิทยาได้มีคำอธิบายถึงปรากฎการณ์ดังกล่าวว่า เกิดจากภาวะภูมิอากาศของโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรง การเกิด “รุ้งกินน้ำกลับหัว” นั้นอาจเกิดจากการผสมผสานอย่างผิดธรรมชาติ โดยเรียกปรากฏการณ์นี้เรียกว่า ปรากฏการณ์แสง (the optical phenomenon a circumzenithal arc) โค้งออกไปยังดวงอาทิตย์ ซึ่งเกิดขึ้นจากการหักเหของแสงในมุมที่เหมาะสมกับผลึกน้ำแข็ง ละอองน้ำ หรือ อากาศชื้น ในชั้นบรรยากาศ แสดงสีรุ้งสดใส
    [​IMG]
    นั่นก็คือ อากาศร้อนกับอากาศหนาวเหนือชั้นบรรยากาศได้มาผสมผสานกันอย่างเฉียบพลัน ก็เลยทำให้เกิดแสงสะท้อนกลับมาเหมือนกระจก “รุ้งกินน้ำกลับหัว” จึงเกิดขึ้นดังกล่าว
    [​IMG]
    เรียบเรียงข่าวโดย Mthai News
    <LI class=news_src_item>[​IMG]

    [​IMG]
    เสนอล้อมเกาะกง บอกกัมพูชาไม่มีเรือรบ ก่อนเจรจาแลกกับเขาพระวิหาร
    8 ก.พ. รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 7 ก.พ. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยบนเวทีว่า หากเรามีนายกฯ ที่เข้มแข็ง เมื่อมีการทำสงคราม ก่อนจะเจรจาต้องทำให้เราได้เปรียบก่อน แค่นี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็คิดไม่เป็น พันธมิตรทำนายล่วงหน้าแล้วว่าจะเกิดสงครามยืดเยื้อ และมีแนวโน้มรุนแรงต่อไป เนื่องจาก นายฮุนเซน ได้ให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอายุ 33 ปี มาบัญชาการรบ
    ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ พูดมาตลอดว่าจะว่ายึดหลักสันปันน้ำ แต่ปล่อยให้เขมรใช้แผนที่ 1 ต่อ 2 แสนตลอด นี่คือ นายกฯ ที่อ่อนแอ หากเข้มแข็ง ต้องสั่งกอทัพผลักดันทหารเขมรที่อยู่ในเขตไทยออกไป ถ้ายังเผชิญหน้ากันอยู่ก็ให้อยู่อย่างนั้นก่อน แต่ถ้ายิงกันแบบนี้ต้องถือโอกาสยึดความได้เปรียบก่อนการนั่งโต๊ะเจรจา โดยให้โอกาสกองทัพอากาศได้แสดงแสนยานุภาพ
    ขณะเดียวกัน หากเป็นเช่นนั้น นายฮุนเซน จะต้องเรียกลูกชายกลับ และหากเรารุก เขมรคงจะฟ้องไปทั่วโลก แต่มันยิ่งฟ้องเรายิ่งรุก ยึดไปถึงพระตะบอง เสียมราฐ ยึดนครวัดไปเลย และกองทัพเรือก็เอาไปล้อมเกาะกง แนวคิดแบบนี้นักวิชาการกลุ่มหนึ่งจะหาว่าคลั่งชาติ แต่หากบรรพบุรุษของเราไม่ใช่วิธีคิดแบบนี้ ก็คงไม่มีนักวิชาการพวกนี้มานั่งสุมหัวกัน
    ดังนั้น เมื่อเรายึดได้แล้ว พอมานั่งโต๊ะเจรจา จีนในฐานะพี่เบิ้มและอาเซียนก็มาเป็นตัวกลางเจรจา ฝ่ายเราก็ถือโอกาส เอา เสียมราฐ ศรีโสภณ พระตะบอง ไปต่อรองให้เขมรคืนปราสาทพระวิหารและยกเลิกแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ให้ใช้สันปันน้ำแทน ไม่งั้นเราจะไม่คืนเสียมราฐ หรือนครวัตให้
    สำหรับการปฏิบัติการทางทหารนั้น อย่าเอาวิธีการแบบการทูตไปใช้ เราต้องทำให้เราได้เปรียบที่สุดก่อนการเจรจา เราไม่ได้รบกับจีนหรือเวียดนาม แต่รบกับเขมร ที่ไม่มีเรือรบสักลำ ในเมื่อเรามีแสนยานุภาพเหนือกว่า ถึงเวลาจำเป็นต้องใช้ เราก็ต้องใช้
    อย่างไรก็ตาม ใครที่ว่าเราคลั่งสงคราม พี่น้องที่นั่งอยู่ในนี้ ไม่มีใครอยากให้ลูกหลานของตัวเองต้องไปตาย แต่คนเราถ้าตายหนักอย่างขุนเขา ตายเพื่อปกป้องแผ่นดินก็คุ้มที่จะตาย ปัญหาของเรา เรามีทหาร 3 แสนนาย อาวุธยุทโธปกรณ์มากกว่าเขมร แต่ขาดที่ใจเราไม่มี เนื่องจากผู้ใหญ่ในกองทัพ ไปรับใช้นักการเมืองชั่วๆ วันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ใช่ทหาร แต่เป็นนักการเมือง พุดอะไรก็มีผลประโยชน์ทางการเมืองมาแทรก
    โดย Mthai news
    <LI class=news_src_item>[​IMG]
     
  4. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>เผยลูกชาย"ฮุน เซน"สั่งรบไทย-เขมร ต้องการพิสูจน์ตัวเอง ให้ได้รับการยอมรับในฐานะผู้สืบทอดอำนาจ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A14 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>รายงานข่าวจากหน่วยงานความมั่นคงเปิดเผยเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ว่า มีการประเมินว่า

    เหตุที่สถานการณ์ตึงเครียดและการปะทะกันตามแนวชายแดนไทยและกัมพูชายืดเยื้อและไม่ยุติ เป็นเพราะ พล.ท.ฮุน มาเน็ต บุตรชายของสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่เพิ่งได้รับการติดยศเป็น พล.ท.โดยดำรงตำแหน่งรอง ผบ.กองพลทหารราบ และรอง ผบ.หน่วยองครักษ์ฮุน เซน เมื่อวันที่ 3 มกราคมที่ผ่าน มา ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความอ่อนอาวุโส เพราะมีอายุเพียง 33 ปีเท่านั้น ต้องการพิสูจน์ตนเอง เพื่อให้ได้รับความยอมรับในฐานะว่าที่ผู้สืบทอดอำนาจของสมเด็จฯฮุน เซน ผู้เป็นบิดา


    พล.ท.ฮุน มาเน็ต คุมกองกำลังหน่วยองครักษ์ฮุน เซน เป็นผู้นำการเคลื่อนอาวุธหนักเข้ามาในพื้นที่ปราสาทพระวิหารในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

    ทำให้สถานการณ์ตามแนวชายแดนพัฒนาไปสู่การที่ต่างฝ่ายต่างเสริมกำลังและการเผชิญหน้าทางทหาร แม้ว่าก่อนหน้านี้หน่วยองครักษ์ฮุน เซน จะเข้ามาตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวมาเป็นปีแล้วก็ตาม แต่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ฮึง บุน เฮียน ผบ.หน่วยองครักษ์ฮุน เซน อย่างไรก็ตามจากการปะทะกันเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ฝ่ายกัมพูชาสูญเสียค่อนข้างหนัก จึงอาจมีความพยายามเอาคืน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับ พล.ท.ฮุน มาเน็ต


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ลือหึ่งลูกชาย“ฮุนเซน”ถูกระเบิดฝ่ายไทยสาหัส </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>วันนี้ (7 ก.พ.) สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา

    สำนักงานเลขาธิการสหประชาชาติ ออกแถลงการณ์ ระบุว่า นายบัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ มีความวิตกกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับการสู้รบข้ามเขตแดนระหว่างกัมพูชากับไทย ดังนั้น จึงขอร้องให้ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามสัญญาที่ได้ดำเนินการไป เพื่อยุติความเป็นปรปักษ์ระหว่างกัน และขอให้อดกลั้นอย่างที่สุด

    นอกจากนั้น เลขาธิการสหประชาชาติยังขอให้ทั้งสองประเทศหาข้อยุติผ่านกลไก และการดำเนินการที่มีอยู่แล้ว รวมทั้งความมุ่งมั่นของการเจรจา และความสัมพันธ์ที่ดีฉันท์เพื่อนบ้าน

    ก่อนหน้านี้ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ออกมาเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ จัดการประชุมวาระฉุกเฉิน

    เพื่อหาทางหยุดยั้งการรุกรานของฝ่ายไทย ซึ่งถือว่าเป็นภัยคุกคามอย่างรุนแรงต่อเสถียรภาพ และความมั่นคงในภูมิภาคนี้ แต่แถลงการณ์ของเลขาธิการสหประชาชาติไม่ได้ระบุว่า จะเปิดการประชุมตามที่กัมพูชาเรียกร้อง เพียงแต่สหประชาชาติจะช่วยเหลือบนความพยายามอย่างสันติวิธี

    ส่วน ที่สิงคโปร์ แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์

    ระบุว่า รัฐบาลสิงคโปร์มีความวิตกอย่างยิ่งเกี่ยวกับการปะทะกันบริเวณชายแดนไทยกัมพูชา และเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายแก้ปัญหาผ่านการเจรจา เพื่อเห็นแก่ความสัมพันธ์อันยาวนานของสองประเทศ และผลประโยชน์อย่างกว้างขวางของอาเซียน (สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้)

    สำนักข่าวเอพีรายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ว่า สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา

    กล่าวในพิธีมอบปริญญาบัตรให้กับผู้สำเร็จการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ที่กรุงพนมเปญ ในวันเดียวกันนี้ โดยเตือนว่า การสู้รบบริเวณชายแดนเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงในภูมิภาคนี้ และการปะทะกันครั้งล่าสุดเมื่อวันจันทร์นั้น เป็นเพราะทหารไทยได้ข้ามเขตแดนเข้ามาในฝั่งกัมพูชา เพื่อค้นหาศพของทหารไทยที่เสียชีวิตในระหว่างการสู้รบ ดังนั้น ทหารกัมพูชาก็ต้องยิงตอบโต้ เพื่อขับไล่ทหารไทยออกไป

    ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า ในการเปิดฉากปะทะกันระหว่างทหารทั้ง 2 ฝ่าย มีกระแสข่าวลือสะพัด ว่า พล.ท.ฮุนมาเนต รอง ผบ.ทบ.กัมพูชา บุตรชายสมเด็จฮุนเซน ได้ถูกสะเก็ดระบิดของทหารไทย จนบาดเจ็บสาหัส ทำให้เหล่าทหารในบังคับบัญชาเกิดความเจ็บแค้น จึงหาโอกาสตอบโต้อยู่เป็นระยะ ๆ

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ประวัติ พล.ท.ฮุน มาเนต รองผบ.ทบ.เขมร </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ประวัติ พล.ท.ฮุน มาเนต รองผบ.ทบ.กัมพูชา บุตรชายคนโตของ สมเด็จ ฮุนเซนผู้สืบทอดทายาททางการเมืองกัมพูชาคนต่อไป


    พล.ท.ฮุน มาเนต เป็นบุตรชายคนโตของ สมเด็จ ฮุนเซน และ นาง บุญรานี ฮุนเซน มีพี่น้องรวม 6 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 3 คน พล.ท.ฮุน มาเนต จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยเวสต์พอยต์ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยทางสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ให้ทุนในการศึกษาด้วยและเรียนต่อได้ปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์ ที่ม.จอรจ์ทาวน์ นิวยอรค์และเพิ่งจบการศึกษาปริญญาเอก ด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Bristol University ของอังกฤษ

    พล.ต.ฮุน มาเนต รับราชการทหารมา 16 ปีแล้ว โดยได้รับตำแหน่งสำคัญคือผู้บัญชาการกองกำลังปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากลในสังกัดกองพลน้อยที่ 70

    ทั้งนี้สหรัฐอเมริกาจะให้การสนับสนุนทุกประเทศที่มีหน่วยการต่อตานการก่อการร้ายสากล โดยส่งอุปกรณ์ เครื่องมือในการทำงานที่ทันสมัยมาให้ใช้จำนวน จึงถือว่าเป็นหน่วยที่มีศักยภาพสูงสุดและทันสมัยที่สุดในกัมพูชา ทั้งอำนาจการรบ ราบ ม้า ปืนอย่างเต็มเพียบ

    ตำแหน่งปัจจุบันของพล.ต.ฮุน มาเนต คือรองผู้บัญชาการทหารบก

    ซึ่งถือว่าเป็นการเจริญเติบโตในการทำงานที่เร็วมากในขณะที่อายุเพียงแค่ 33 ปี ในขณะที่เพื่อนร่วมรุ่นมีตำแหน่งเพียงแค่พ.ท.เท่านั้น อย่างไรก็ตามตลอดเวลาส่วนมากพล.ต.ฮุน มาเนต จะใช้ชีวิตในการเรียนหนังสืออย่างหนัก ทั้งการทหาร และด้านเศรษฐศาสตร์ เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาประเทศ ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาในการรับตำแหน่งทางการทหาร

    ทั้งนี้สมเด็จ ฮุนเซ็น เป็นผู้ที่สนับสนุนให้พล.ต.ฮุน มาเนตไปเข้ารับการศึกษาจากทั้งสหรัฐและอังกฤษ

    เพื่อจะเป็นตัวเชื่อมผลประโยชน์กับประเทศมหาอำนาจ ซึ่งขณะนี้ทางสหรัฐอเมริกาก็ให้การตอบรับและช่วยเหลือพล.ต.ฮุน มาเนต ในการส่งเครื่องไม้เครื่องมือโดยส่งมอบให้ในนามของกองกำลังปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล

    พล.ต.ฮุน มาเนต สมรสแล้วและมีบุตรสาว 1 คน อายุ 2 ขวบ โดยภริยาพล.ต.ฮุน มาเนตกำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกที่อังกฤษเช่นกัน พล.ต.ฮุน มาเนต ถือเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของสมเด็จ ฮุนเซ็น ที่ถูกวางตัวให้มาเป็นทายาททางการเมืองคนต่อไปของสมเด็จ ฮุนเซ็น



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>อุตุฯเตือนหมอกหนาหลายพื้นที่ กทม.-ภาคกลาง-ตอ.มีฝนร้อยละ10ของพื้นที่</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศประจำวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2554 ดังนี้

    ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมประเทศไทยตอนบนและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมบริเวณดังกล่าว ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีหมอกหนาในหลายพื้นที่และมีฝนบางแห่งในภาคกลางกับภาคตะวันออก จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายในการเดินทางผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย

    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

    ภาคเหนือ มีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในหลายพื้นที่
    ทางตอนบนของภาค: อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศา
    ส่วนทางตอนล่างของภาค: อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศา
    สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-10 องศา
    ลมอ่อน ความเร็ว 6-12 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่
    อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศา
    สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศา
    ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคกลาง อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า
    โดยมีฝนเล็กบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค
    อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศา
    สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา
    ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก อากาศเย็นทางตอนบนของภาคกับมีหมอกในตอนเช้า และมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
    ส่วนมากจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
    อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศา
    สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา
    อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา : ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร
    อ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป : ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศา
    ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีหมอกในตอนเช้าและมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
    อุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 23 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>สธ.เผยยอดเจ็บตายเหตุปะทะไทย-เขมร</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รมว.สาธารณสุข

    แถลงว่า ตัวเลขผู้บาดเจ็บจากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ระหว่างวันที่ 4-6 ก.พ. มีผู้บาดเจ็บสะสม 34 ราย เป็นทหาร 30 ราย พลเรือน 4 ราย และมีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นทหาร 1 ราย พลเรือน 1 ราย ทั้งนี้ ผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่เป็นทหาร โดยบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มีเพียง 1 รายที่อาการหนัก ส่งไปรักษาที่ รพ.สรรพสิทธิประสงค์

    รมว.สาธารณสุข กล่าวต่อว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สธ.ได้ตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและบรรเทาภัยด้านการแพทย์และสาธารณสุขชายแดนไทย-กัมพูชา

    นอกจากนี้ นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ รองปลัดกระทรวงสารณสุข ลงไปดูแลปัญหาในพื้นที่ โดยได้มีการปรับ รพ.กันทรลักษ์ เป็นหน่วยรักษาพยาบาลของทหารด้วย เพราะไม่มี รพ.ค่ายในแถบนั่น ทั้งนี้ ได้มีทีมศัลยแพทย์ 3 ทีม จาก รพ.ศรีสะเกษ รพ.ค่ายสุรนารี และ รพ.ค่าสรรพสิทธิประสงค์ ลงไปประจำที่ รพ.กันทรลักษ์ แล้ว ขณะเดียวกัน ได้มีการสำรองเลือดเอาไว้พอเพียง รวมทั้งเตรียมพร้อมห้องผ่าตัดตาม รพ.เครือข่ายต่าง ๆ

    นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของผู้อพยพไปอยู่ทีว่าการอำเภอกันทรลักษ์ มีกว่า 6,000 คน ได้มีการจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ รวมทั้งทีมจิตแพทย์เข้าไปดูแล

    โดยมีผู้มาขอรับคำปรึกษา จำนวน 1,165 ราย ส่วนใหญ่กังวลนอนไม่หลับ ได้มีการจ่ายยาให้ จำนวน 22 ราย ทั้งนี้ ให้เฝ้าระวังโรคระบบทางเดินอาหาร โรคระบบทางเดินหายใจ และโรคจากแมลงคือ ยุง และแมลงวัน

    ด้าน นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง จำนวนผู้บาดเจ็บในการปะทะ เมื่อวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา จนถึงเช้าวันที่ 7 ก.พ.ว่า มีจำนวน 17 ราย และในช่วงเช้าวันที่ 7 ก.พ. มีเข้ามาที่ รพ.กันทรลักษ์อีก 2 ราย รวมเป็น 19 ราย เป็นทหาร 17 รายพลเรือน 2 ราย ส่วนใหญ่บาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ มีเพียงทหาร 1 ราย ที่อาการหนักที่สมอง ถูกส่งตัวไปรักษาที่ รพ.สรรพสิทธิประสงค์

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ชาวบ้าน3อำเภออุบลฯแตกตื่นเหตุปะทะกับกัมพูชาที่กันทรลักษ์อพยพหนีตาย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพข่าวจากมติชน</TD></TR></TBODY></TABLE>
    เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 6 กุมภาพันธ์ ประชาชนชาวบ้านอำเภอน้ำขุ่น อำเภอน้ำยืน และอำเภอทุ่งศรีอุดม จังหวัดอุบลราชธานี ต่างตื่นตระหนกกับเหตุการณ์สู้รบของกองกำลังทหารไทยกับทหารกัมพูชา รวมทั้งประชาชนในพื้นที่ตำบลเสาธงชัย และตำบลภูผาหมอก อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่มีการสู้รบ ต่างได้เดินทางอพยพ โดยใช้รถยนต์บรรทุก รถยนต์ 6 ล้อ รวมทั้งรถยนต์การเกษตร ได้เดินทางมารวมกันภายในศูนย์ประสานงานการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยจากการสู้รบที่โรงเรียนน้ำขุ่นวิทยา อำเภอน้ำขุ่น จังหวัดอุบลราชธานี ที่มีประมาณกว่า 4 พันคน โดยส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้านในเขตพื้นที่อำเภอน้ำขุ่น กว่าร้อยละ 80 ขณะที่มีประชาชนเพียงบางส่วนจากอำเภอกันทรลักษ์ ซึ่งเป็นเขตติดต่อกัน ได้อพยพเข้ามาอยู่ในโรงเรียนน้ำขุ่นวิทยา

    เหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความแตกตื่นกับชาวบ้านตามพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นอย่างมาก โดยส่วนใหญ่จะชักชวนในกลุ่มเครือญาติ โดยไปขออาศัยตามสถานที่ราชการ ที่ว่าการอำเภอ สถานีตำรวจในพื้นที่ ขณะที่บ้านซำงู อำเภอทุ่งศรีอุดม ซึ่งอยู่ลึกจากชายแดนประมาณ 30 กิโลเมตร ประชาชนได้จัดชุดเวรยามให้ความปลอดภัยและจัดศาลากลางหมู่บ้าน ให้ประชาชนที่หลบหนีภัยสู้รบได้ใช้เป็นที่พักแรมชั่วคราว

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    คำทำนายของนอสตราดามุส
    แปลความโดย คุณหนุมาน ผู้นำสาร
    (ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ)


    *** ศตวรรษ ๑ โคลงที่ ๑๒ ****
    *** เตือนภัย คนขายชาติ ****

    Dans peu ira faulce brute fragile,
    De bas en haut eslue promptement,
    Puis un instant desloyale & labile,
    Qui de Veronne aura gouverment.

    ต่อไป จะมีเสียงวิพากวิจารณ์ กล่าวขานถึง...คนทรยศ คนขายชาติ
    คน...ที่มาจากชาวบ้านธรรมดาสามัญ
    ผันตนเองเป็นผู้สูงศักดิ์ ....ชาวบ้านนับถือเพราะดูดีมีอำนาจบารมี
    ความไม่มีสัจจะ... ไม่ซื่อสัตย์ โกง ทรยศ หักหลัง
    ทำให้เขาได้ดีอย่างรวดเร็ว....ในยุคก่อนบ้านเมืองระส่ำระส่าย
    เขาจะได้รับอำนาจปกครอง...ดินแดนตะวันออก

    ดินแดนแห่งใด ... เลือกคนไร้สัจจะขึ้นเป็นผู้นำ
    ดินแดนแห่งนั้น .... เหล่าคนไม่มีสัจจะ จะมีอำนาจคล้อยตาม
    ความทุกข์ยากและพิบัติ ... ย่อมเกิดขึ้นในแดนดินแห่งนั้น ต่อไป
    เป็นไปตาม ...หลักสัจจะธรรม
    ผลการกระทำไม่ตาย และมีผลตอบแทนย้อนกลับมา


    *** ศตวรรษ ๑ โคลงที่ ๑๓ ****
    *** เตือน อารมณ์ กบฎ ****

    Les exilez par ire , haine intestine ,
    Feront au Roy grand conjuration :
    Secret mettront ennemis par la mine
    Et ses vieux siens contre aux sedition

    ความโกรธ เกลียด ฝั่งอยู่ในใจของคนจร
    เขาจะต่อต้านกษัตริย์ ร่วมมือกับกบฏกลุ่มใหญ่
    พวกเขาเก็บแผนลับ เกี่ยวกับศัตรูของเขาไว้ในใจ
    พวกที่จะก่อกบฏ ยกชายชราอายุมากคนหนึ่งเป็นผู้นำ


    *** ศตวรรษ ๑ โคลงที่ ๑๙ ****
    *** เตือนภัยด้ามขวาน ****

    Lors que serpens viendront circuir l’are,
    Le sang Troyen vex’e par les Espaignes:
    Par eux grand nombre en sera faict tare.
    Chef fruict, cach’e aux mares dans les saignes.

    เมื่อมีงูน้อยใหญ่ สัญญาลักษณ์งู รูปงู
    ปรากฏไปทั่วตามแท่นบูชา โต๊ะบูชา ...สถานที่บูชา
    เมื่อนั้น คนจะห่างเหิน ....จากพระธรรม “หลักสัจจะธรรม” คำสั่งสอนของศาสดา
    ที่มุ่งให้ทุกคน...ตั้งใจทำความดีอย่างจริงจัง ด้วย “สัจจะ”
    คนจากใต้ด้ามขวาน ....จะทำให้เลือดของชาวใต้ชาวตังหลั่งไหล
    คนโหดร้ายพยายามกำจัด ...ฆ่าประชาชนในพื้นที่ให้หมดไป
    ผู้นำต่างๆ ต้องนำคนดีหลบหนี ....ออกจากพื้นที่ ซ่อนตัวตามหนองบึง
    เพื่อความอยู่รอดปลอดภัย


    *** ศตวรรษ ๑ โคลงที่ ๒๐ ****
    *** ภัยแม่น้ำโขง ****

    Tour , Oriean , Blois , Angiers , Reims & Nantes,
    Cites vexees par subit changement :
    Par langues estranges seront tendures tentes,
    Fleuves , dards Rones , terre & mer

    เมืองตูร์ ออร์เลออง บลัว อองชีเย แรงส์ นองต์
    หมายถึง ....จังหวัดภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสานบางส่วน
    จะเกิดภัยพิบัติ ... อย่างกะทันหัน ฉับพลัน
    คนต่างชาติต่างภาษา....จะเข้ามาช่วยเหลือ สร้างเต็นท์ กระโจมที่พักมากมาย
    จะเกิดเมื่อ...แผ่นดินเปลือกโลกสั่นไหว รวมถึงในทะเล
    ภัยคือน้ำโขง... จากเมืองทางเหนือสามเหลี่ยมทองคำ
    ถึงแม่น้ำเจ้าพระยาภาคกลาง


    *** ศตวรรษ ๑ โคลงที่ ๓๒ ****
    *** โอ้ชะตาฟ้าลิขิต ****

    La grand empire sera tost translate’,
    En lieu petit, qui bien tost viendra croistre:
    Lieu bien infime d’exigue comte’,
    Ou au milieu viendra poser son scepter.

    อีกไม่นาน ...จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ มีเหตุจำเป็นต้องย้ายที่อยู่
    ไปสู่ที่อื่น... สถานที่คับแคบ ไม่เหมาะสม
    เพราะ... เพราะประชาชนไม่เข้าใจ ไม่เชื่อมั่นในการทำความดีด้วยสัจจะ
    และ กลุ่มคนไม่มีสัจจะ ....ทรยศสัตย์ปฏิญาณที่ให้ไว้
    ในช่วงกลาง ต่อมา ... ผู้ยิ่งใหญ่จะกลับคืนสู่แผ่นดิน
    เพื่อวางคทาลง ... เมื่อถึงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตคนทุกคน


    *** ศตวรรษ ๑ โคลงที่ ๓๔ ****
    *** เตือนภัยก่อนใต้สูญเสียใหญ่ ****

    L’oiseau de proie Volant a’ la semester,
    Avant conflict faict au Francois pareure
    L’un bon prendra l’un ambigue sinister,
    La partie foible tiendra par bon augure.

    เมื่อ...นกเหยี่ยว....
    โบยบินจากหิมาลัยเหนือสยาม...ไปยังดินแดนที่เหลือ
    คือ... ใต้ด้ามขวานทอง
    บ้านเขาจะเตรียมกำลังรบ.... ก่อนที่จะเริ่มรบกับสยาม
    เพื่อนคนนี้มีบุคลิกที่แอบแฝง ทั้งดูดี และโหดร้าย
    คนสยามและคนในโลก...บางคนมองเขาว่าดี บางคนว่าเลว บางคนไม่แน่ใจ
    ผู้นำสยามที่กำลังจะพ่ายแพ้...คือ ประมาท
    มองสถานการณ์...เป็นเรื่องเล็กน้อย
    ขาดความสนใจ ทำผิดพลาด
    เรื่องสูญเสีย...จึงบานปลายค่อยๆ ลุกลามถึงชุมนุมพร


    *** ศตวรรษ ๑ โคลงที่ ๓๙ ****
    *** สัจจะธรรม กรรมคนทรยศ ****

    De nuict dans lict le suspresme estrangle,
    Par trop avoir sejoune’ blond esleu:
    Par trois l’empire subroge’ exanche,
    A mort mettra carte, et pacquet ne leu.
    <O:p</O:p
    ผลของคนทรยศหลายฝ่าย....รวมตัวกัน
    ทำให้จักรพรรดิถูกจับไป ....ชายสามคนขึ้นมาแทน
    เมื่อ กรรมมาถึงคนทรยศ
    ผู้นำ....คนหนึ่ง ถูกบีบคอบนเตียงนอน กลางค่ำคืน
    เพราะ เหตุยุ่งเกี่ยวในเรื่องมรดกจำนวนมาก
    คนหนึ่ง...ถูกฆ่าตาย ไม่ทันตั้งตัว ไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ
    สองคนใหญ่... ถูกยิง
    เพราะ ผลการกระทำเก่าๆ สร้างความแค้น....ย้อนกลับมา


    *** ศตวรรษ ๑ โคลงที่ ๗๑ ****
    *** ชะตากรรมหักปลายขวานทอง ****

    La tour marine trios fois prise & reprise,
    Par Hespagnols , Barbares , Ligurins :
    ffice:smarttags" /><ST1:place><?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]Marseilles</SPAN></st1:City><st1:State>&</st1:State><st1:State>Aix</st1:State> , <st1:country-region>Arles</st1:country-region></ST1:place> par ceux de Pise ,
    Vast , feu , fer , pille’ <st1:City><ST1:place>Avignon</ST1:place></st1:City> des Thurins.

    มืองสำคัญ ที่มีหอคอยอยู่ริมทะเล และ หอปล่องมีเปลวเพลิงบนยอด
    จะถูกแย่งชิง ๓ ครั้ง ...จากคนเถื่อนโหดร้ายทางใต้ และขอม
    จากปลายขวาน ถึงเมืองชน บางประกรง ...เป็นที่หมายปองปักธง
    น้ำมัน ก๊าซสะสมใต้โลก แร่ธาตุ แหล่งอุตสาหกรรม คือ ต้นเหตุการณ์ปล้นครั้งใหญ่
    วุ่นวายถึง เมืองหลวง
    จาก...ขอมดำดินคนที่โหดร้ายเพียงบางคนบงการ
    ขวานทอง...จึงต้องมี “สัจจะ” ปรากฏ มาคุ้มครอง
    จึงรอดพ้นกรรม


    *** ศตวรรษ ๑ โคลงที่ ๗๒ ****
    *** เตือนภัยแย่งแผ่นดิน ****

    Du tout Marseille des habitants change
    Course & poursuitte jusqu’au pres de Lyon,
    Norbon TholoZe par <st1:City>Bordeaux </st1:City>outrage,
    Tuez, captifs Presque d’un million.

    เมืองท่าเรือใหญ่ของสยาม... จะเกิดการเปลี่ยนแปลงผู้อาศัยครั้งใหญ่
    เกิดการอพยพ หลบหนีภัย ....และไล่ตาม
    ชาวบ้าน...ต้องหนีไปไกลเกือบถึงเมืองหลวง

    ณราทิวาท ญะรา
    จะเกิดความผิดพลาดที่... ตังค์
    ประชาชนสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
    เสียชีวิต ถูกจับ รวมมากมายเป็นล้านคน


    *** ศตวรรษ ๑ โคลงที่ ๗๓ ****
    *** อย่าละเลยเพื่อนบ้าน ****

    l , Argels esmuez par Persiens
    <st1:country-region><ST1:pLeon</st1:country-region> , <st1:City>Seville</st1:City> , Barcelonne faille
    N’aura la classe par les Venetiens.

    ขวานทอง...จะพบกับชะตากรรมโหดร้าย
    เกิดจาก ....“ผลการกระทำ” ระยะหลัง ไม่แสดงความจริงใจชัดเจน
    ปล่อยปะละเลย ไม่ใส่ใจ...เพื่อนรอบบ้านทั้งห้า อย่างจริงจัง

    สุมาตรา และเพื่อนบ้านทางใต้ ... จะถูกรุกครอบด้วยอิทธิพลแขก
    คนดีมากมายหลีกหนี ...ชนขอมโหดเหี้ยมทางใต้ไม่ทัน
    บางส่วนของเพื่อนบ้านทางใต้ และเกาะสิงโต.... จะสูญหายไป

    แผนการเขาเริ่มจาก...ปลายด้ามขวาน
    รุกคืบมาถึง...กลางด้ามขวาน
    เมื่อ...ขวานอ่อนกำลัง
    ขอมที่มีเบื้องหลัง....จะหักปลายตัวขวานซ้ำทันที

    - “ หนุมาน ผู้นำสาร “<!-- google_ad_section_end -->
    22-04-2009

    ที่มา http://palungjit.org/threads/***-ศรัทธาใหม่-ในคำทำนาย-นอสตราดามุส-****.111601/page-5
    <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กุมภาพันธ์ 2011
  7. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>เกาหลีเหนือ-ใต้ เปิดการเจรจาครั้งแรกแล้ว </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    เกาหลีเหนือ-ใต้ เปิดการเจรจาครั้งแรกแล้ว นับตั้งแต่การยิงถล่มเกาะยอนเปียง

    เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ได้จัดการเจรจาร่วมกันเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธโจมตีเกาะยอนเปียงของเกาหลีใต้เมื่อเดือนพฤศจิกายน

    โดยกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้เปิดเผยว่า การเจรจาดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ที่หมู่บ้านปันมุนจอม ในเขตปลอดทหารระหว่างสองประเทศ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา

    การเจรจาครั้งนี้จะมุ่งเน้นในด้านการเตรียมการเจรจาทางการทหารระดับสูง ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะเกิดขึ้นระหว่างรัฐมนตรีกลาโหมของทั้งสองฝ่าย ขณะที่ยังไม่มีการกำหนดวันเวลาที่แน่นอน

    แต่เกาหลีใต้ได้ถือโอกาสดังกล่าวในการทดสอบความจริงใจของฝ่ายเกาหลีเหนือ ว่าต้องการให้เกิดสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลีแท้จริงหรือไม่

    ความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลีเกิดความตึงเครียดนับตั้งแต่พฤษภาคมปีที่แล้ว ซึ่งเกาหลีใต้อ้างว่าเกาหลีเหนือยิงจรวดตอร์ปิโดใส่เรือรบของตนในเขตทะเลเหลือง ซึ่งทำให้นาวิกโยธินเสียชีวิต 46 นาย ขณะที่เกาหลีเหนือปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว

    ต่อมา ในวันที่ 23 พฤศจิกายน เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธใส่เกาะยอนเปียงของเกาหลีใต้ ซึ่งทำให้ประชาชนเสียชีวิต 2 ราย และนาวิกโยธินเสียชีวิต 2 ราย

    มีความเป็นไปได้ว่า การประชุมสุดยอดระหว่างสองฝ่ายอาจเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าเกาหลีเหนือจะมีความระมัดระวังต่อการประชุมครั้งนี้ ซึ่งเป็นการเจรจาให้ความช่วยเหลือแบบให้เปล่าต่อเกาหลีเหนือ โดยเรียกร้องให้เกาหลีเหนือแสดงความจริงใจก่อนที่จะได้รับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ไฟป่าออสเตรเลียลุกลาม ยังไม่สามารถควบคุมได้ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบข่าวจากอินเตอร์เนท</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ไฟป่าในเมืองเพิร์ธ เมืองใหญ่อันดับ 4 ของออสเตรเลีย ในรัฐเวสเทิร์น ออสเตรเลีย ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ ไฟได้เผาผลาญทำลายบ้านเรือนประชาชนวอดไปแล้วอย่างน้อย 59 หลัง ความเสียหายอาจเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากเพลิงยังคงลุกลามอย่างไม่สามารถควบคุมได้ แต่ยังไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

    ภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งนี้ ถูกประกาศในหลายพื้นที่ของเมืองเพิร์ธ ชายฝั่งด้านตะวันตกของประเทศ ซึ่งเกิดไฟป่าครั้งใหญ่ 2 จุด ที่ยังไม่สามารถควบคุมได้เป็นวันที่ 2 โดยมีสาเหตุมาจากความร้อนและกระแสลมแรงจากไซโคลน “ยาซี” โดยลมที่พัดกระหน่ำทำให้เครื่องบินดับเพลิงไม่สามารถบินขึ้นได้ และยังทำให้เพลิงไหม้ลุกลามไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง แต่เจ้าหน้าที่กล่าวว่า หากกระแสลมอ่อนกำลังลงจะช่วยให้สามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้

    ไฟป่าได้ลุกลามอย่างรวดเร็วที่เมืองโรเลสโตน ทางตอนใต้ของเมืองเพิร์ธ และที่เรดฮิลล์ ชานเมืองทางตอนเหนือ โดยไหม้บ้านเรือนไปแล้ว 59 หลัง และกินพื้นที่ป่าไปหลายร้อยไร่ สำนักงานดับเพลิงและบริการฉุกเฉิน หรือเอฟอีเอสเอ แถลงว่า ยังมีอีก 28 หลังได้รับความเสียหายบางส่วน สะพานข้ามแม่น้ำ “แคนนิง” พังถล่มลงมาหลังจากถูกไฟไหม้ และจะไม่สามารถผ่านได้เป็นเวลาอย่างน้อย 3 สัปดาห์

    เครก เฮนส์ หัวหน้าเอฟอีเอสเอ กล่าวว่า ในขณะนี้ยังไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง หรือเสียชีวิต แต่เตือนว่าทางการยังไม่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ เนื่องจากไฟได้เผาผลาญพื้นที่ที่ยากแก่การเข้าไปถึง นอกจากทางอากาศ เขาเสริมว่า ไฟป่าทั้ง 2 แห่งยังไม่สามารถควบคุมได้ จึงไม่สามารถปล่อยให้ชาวเมืองกลับไปยังบ้านเรือนของตัวเองในพื้นที่ดังกล่าวได้ เนื่องจากกังวลถึงความปลอดภัย และชีวิตของประชาชนสำคัญเป็นอันดับแรก โดยความเสียหายอาจเพิ่มขึ้นอีก




    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    มติครม.ไฟเขียว พรบ.ความมั่นคงเขต พระนคร วัฒนา ปทุมวัน ป้อมปราบศัตรูพ่าย ดุสิต วังทองหลาง ราชเทวี เริ่มพรุ่งนี้
    Mthainews : ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ภายหลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. โดยที่ประชุมมีมติให้ประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นภายในราชอาณาจักร หมวด 2 ตั้งแต่วันที่ 9 – 23 กุมภาพันธ์นี้ หรือวันพรุ่งนี้ เป็นระยะเวลา 15 วัน โดยให้ตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบ

    ทั้งนี้ โดยครอบคลุมพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร จำนวน 7 เขต ได้แก่ เขตดุสิต เขตพระนคร เขตวัฒนา เขตราชเทวี เขตวังทองหลาง เขตปทุมวัน และเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย

    ขณะเดียวกัน หลังจาก ครม.มีมติดังกล่าวแล้วจะมีการดำเนินการให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ปักหลักชุมนุมบริเวณรอบทำเนียบรัฐบาลมาตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม ที่ผ่านมานั้น ออกจากพื้นที่หรือไม่ ต้องรอผลประชุม กอ.รมน. อีกครั้ง
    โดย Mthai News
    <LI class=news_src_item>[​IMG]


    [​IMG]
    นาย จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน. ) เปิดเผยว่า หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือน ธันวาคม 2553 มีจำนวน 4.27 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 42.49% ของ GDP โดยแบ่งเป็น
    - หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงประมาณ 3 ล้านล้านบาท
    - หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1.07 ล้านล้านบาท
    - หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน 1.68 แสนล้านบาท
    - และหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 30,583 ล้านบาท

    ทั้งนี้เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า พบว่า
    - หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 1.13 แสนล้านบาท
    - หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง เพิ่มขึ้น 97,917 ล้านบาท
    - หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น 18,684 ล้านบาท
    ส่วนหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน ลดลง 2,992 ล้านบาท และ และหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 28.16 ล้านบาท
    ขอบคุณข้อมูลจาก moneychannel
    Mthai News
    <LI class=news_src_item>[​IMG]

    [​IMG]
    เว็บไซต์ฟิฟทีนมูฟ เผยแพร่ หนังสือร้องเรียนเรื่องความเสียหายอย่างร้ายแรง ของปราสาทพระวิหาร จากเหตุการปะทะทหารไทย จาก นายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการมรดกโลกของกัมพูชา พร้อม DVD ภาพความเสียหายของปราสาทพระวิหารและวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ โดยหนังสือร้องเรียนดังกล่าวได้ส่งถึงผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การยูเนสโก ,เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำยูเนสโก และ ประธานคณะกรรมการมรดกโลก
    ——————————————————————————————————————-
    พนมเปญ, ๕ กุมภาพันธ์ ๒๐๑๑
    มาดามเลขาธิการใหญ่,
    เรื่อง ปราสาทพระวิหารซึ่งขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกได้รับความเสียหายร้ายแรง

    ด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้งและความวิตกกังวลอย่างใหญ่ยิ่งที่ผมเรียน ฯพณฯ เกี่ยวกับเหตุการณ์ล่าสุดเมื่อวันที่ ๔ และ ๕ กุมภาพันธ์ ในพื้นที่ปราสาทพระวิหารและบริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ
    ราชอาณาจักรกัมพูชายึดมั่นต่อนโยบายของตน เคารพต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และให้ความสำคัญกับการรักษาสันติภาพและความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนบ้านที่ดี กับเพื่อนชาวไทยมาต่อเนื่อง ข้อสังเกตประการแรกว่า ในกรณีปราสาทพระวิหารไทยไม่มีการอ้างสิทธิ์ ปราสาทตั้งอยู่ในพื้นดินภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา ซึ่งเป็นที่รับทราบของนานาชาติ แนวพรมแดนซึ่งลากผ่านบริเวณใกล้เคียงปราสาทนี้เป็นเส้นตายตัว ไม่ได้บังคับใช้แต่ฝ่ายเดียว แต่ตามเอกสารซึ่งเป็นที่รับทราบของนานาชาติ และปรากฎในข้อตกลงกับราชอาณาจักรไทยที่จัดตั้งคณะกรรมการร่วมก็แสดงเส้นเขต แดนนี้ รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชามีสิทธิดำเนินการตามแผนบริหารจัดการบนพื้นดิน ตามเส้นเขตแดนนี้
    อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยได้โจมตีคณะกรรมการมรดกโลกในหลายโอกาส (การประชุมที่ไครสเชิร์ช ๒๐๐๗ ควิเบค ๒๐๐๘ และซิลเวีย บราซิลเลีย ๒๐๑๐) โดยโต้แย้งว่า “การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นการขึ้นทะเบียนแต่ ‘ฝ่ายเดียว’ ซึ่งเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งระหว่างประเทศกัมพูชาและประเทศไทย” ในความเป็นจริง ต้นเหตุของความขัดแย้งนั้นลึก ถูกวางแผนและเตรียมการโดยรัฐบาลของประเทศไทย โดยอาศัยแผนที่ลับที่จัดทำขึ้นฝ่ายเดียว ปราศจากความถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศ จากนั้นเสริมกำลังทหารอย่างต่อเนื่องเพื่อบรรลุความปรารถนาที่จะรุกล้ำเขต แดนกัมพูชาอย่างจงใจ เจ้าหน้าที่ไทยมักอ้างเสมอว่างานอนุรักษ์และบำรุงรักษาปราสาทดำเนินการบนเขต แดนที่ ‘อ้าง’ เป็นของประเทศไทย การคุกคามทางทหารในพื้นที่ปราสาทเป็นผลให้เกิดการยิงตอบโต้เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๐๑๑ กำลังทหารของเราได้ดำเนินการตอบโต้การโจมตีและปกป้องกันการยึดครองแผ่นดิน ภายในพรมแดนของเรา กระสุนปืนและกระสุนปืนใหญ่ของทหารไทยไม่เฉพาะทำให้เกิดการเสียชีวิตจำนวนมาก แต่ยังได้แสดงให้เห็นความจงใจที่จะยึดครองและทำลายแหล่งมรดกโลกปราสาทพระวิหาร:
    * จาการตรวจสอบเบื้องต้น กระสุนปืนใหญ่และกระสุนปืน (B41, DK75, 81, 105 mm, 120 mm) ที่ยิงเข้าไปในปราสาทและในวัด ได้สร้างความเสียหายร้ายแรงแก่หลายส่วนของปราสาทและวัด
    * ห้องโถงของวัดและที่ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของโบสถ์
    * วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระถูกทำลายด้วยกระสุนปืนใหญ่และกระสุนปืน
    * ในโคปุระที่ ๑ กระสุนปืนใหญ่ขนาด ๑๐๕ ม.ม. และ ๑๒๐ ม.ม. ตามลำดับ ตกลึกเข้ามา ๕ เมตร ถึง ๒๐ เมตร ซึ่งระเบิดใส่กำแพง
    * สำหรับโคปุระที่ ๓ และ ๕ กระสุนปืนใหญ่ขนาด ๑๐๕ ม.ม. และ ๑๒๐ ม.ม. ตกลึกเข้ามา ๕ เมตร และ ๗ เมตร มีผลกระทบต่อกำแพงและลานหินแบบเดียวกัน
    ผมปรารถนาแจ้งแก่ ฯพณฯ ว่า การยิงตอบโต้เกิดขึ้นในขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยอยู่ใน เมืองเสียมราฐ เราจะสามารถเข้าใจได้อย่างไรว่าการเจรจาและการลงนามในอนุสัญญากรุงเฮก ปี ค.ศ. ๑๙๕๔ และ ๑๙๗๒ ไม่ได้รองรับแหล่งมรดกโลก และสถานที่ทางศาสนาอย่างวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ การคุกคามทางทหารมีแนวโน้มที่จะร่วมกระทำความเสียหาย
    เรามีความวิตกกังวนต่อปราสาท!
    เราได้ยื่นคำร้องอย่างแข็งขันและเร่งด่วนไปยังผู้คุ้มครองอนุสัญญา ๑๙๗๒ และผู้ปกป้องมรดกของมวลมนุษยชาติ ปราสาทตั้งอยู่ภายใต้ผืนธงของยูเนสโก้และเป็นความรับผิดชอบของท่าน เราควรจัดตั้งคณะทำงานตรวจสอบปราสาทโดยเร็ว
    รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาคาดหวังต่อการดำเนินการที่แน่วแน่เพื่อปกป้องมรดกโลกอัญมณีที่มิอาจทดแทนได้ของท่าน
    ฯพณฯ โปรดรับ เป็นหลักประกันต่อการความวิตกกังวลอย่างสูงสุดของผมและด้วยความเคารพ
    ประธานกรรมการมรดกโลกแห่งชาติ
    รองนายกรัฐมนตรี
    ซก อาน

    ***สิ่งที่แนบมาด้วย แผ่นดีวีดี (เพื่อแสดงให้เห็นถึงภาพความเสียหายในเบื้องต้น) และภาพที่พิมพ์ออกมาในบางส่วน
    ขอบคุณข้อมูลจาก ฟิฟทีนมูฟ
    หมายเหตุ: ขอบคุณ Mr. Laoust Tanguy & Melle. Donna Ohlala แปลเปรียบเทียบและตรวจทานจากต้นฉบับภาษาฝรั่งเศส

    Mthai News
    ——————————————————————————-
    [​IMG]
    เผยภาพช็อคโลก! ชาวญี่ปุ่น ฆ่าหมู่ปลาโลมา
    Mthai news: 8ก.พ.สื่อต่างประเทศมีการเปิดเผยภาพสุดทารุณ เมื่อนักตกปลาชาวญี่ปุ่น ทำการฆ่าหมู่ปลาโลมานับร้อยตัว บริเวณทะเลในเมืองทาอิจิ ทางตะวันตกของญี่ปุ่น
    เหตุอันน่าสะพรึงเช่นนี้ เกิดขึ้นเมื่อนักตกปลา ทำการฆ่าหมู่ปลาโลมาด้วยการใช้ผ้าใบกันน้ำปกปิดด้านบนไว้ แล้วสังการอย่างโหดเหี้ยม ซึ่งการฆ่าหมู่ดังกล่าวเกิดขึ้นทุกปีในญี่ปุ่น แต่เมื่อผู้ที่พบเห็นต่างประณามการกระทำดังกล่าว
    ภาพดังกล่าวถูกบันทึกโดยช่างภาพสารคดี The Cove เป็นสารคดีระดับรางวัลออสการ์ (best documentary Feature 2009)เสี่ยงตายเข้าไปถ่ายภาพจนชาวโลกได้เห็นการกระทำซึ่งไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์
    [​IMG]

    จะเห็นได้ว่านักตกปลา มีการต้อนปลาด้วยแผ่นพลาสติก แล้วใช้เรือต้อนให้เข้าไปอยู่ในช่องหน้าผาทะเล จากนั้นก็เริ่มกระหน่ำแทงมันเข้าที่กระดูกสันหลัง โดยที่โลมาไร้หนทางสู้ มันดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด จนกระทั่งเลือดของพวกมันเปลี่ยนสีทะเลเป็นสีเลือด

    [​IMG][​IMG]
    ฝูงปลาโลมาจะถูกต้อนเข้ามาที่หาดเพื่อให้ เหล่าครูฝึกมา “คัดตัว” ไป และถูกส่งไปยังสวนน้ำทั่วโลก ส่วนปลาโลมาที่เหลือจะถูกต้อนไป “สังหารหมู่”
    [​IMG]
    จากเอกสารของนักวิทยาศาสตร์ทางทะเลมีการเฝ้าระวัง และจดบันทึกข้อมูลสัตว์ดังกล่าว พบว่าพวกสูญหายไปจำนวนมาก นอกจากนี้ศูนย์อนุรักษ์พันธ์สัตว์นานาชาติซึ่งประกอบด้วย ออสเตรเลีย และสหรัฐ ได้มีการสำรวจพื้นที่แห่งนี้นานกว่า 5 เดือน ก็พบว่าพวกปลาโลมาถูกฆ่าโดยนักตกปลา
    อย่างไรก็ตตาม ด้านทางญี่ปุ่นแย้งว่า การล่าปลาวาฬและโลมาเป็นวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมาแต่โบราณ แต่ยังมีข้อสงสัยจากเหล่าคนรักสัตว์ว่า เหตุใดจึงทำเช่นนั้น เพราะคนไม่นิยมทานเนื้อปลาโลมา อีกทั้งยังมีปริมาณปรอทสูงจนเป็นอันตรายต่อชีวิต แต่เหตุใดโลมาจึงถูกฆ่าตายทุกปี
    โดย Mthai news
    <LI class=news_src_item>[​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กุมภาพันธ์ 2011
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    รวมจิ๊กซอร์ภาพในอนาคตของประเทศไทย

    [​IMG]

    คำทำนายของหมอนิด

    ท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่าน ผมรู้สึกเป็นห่วงประเทศไทยของพวกเราทุกคนเหลือเกิน เพราะประเทศไทยของเราที่เคยร่มเย็นเป็นสุข และประชาชนที่เคยรักใคร่สามัคคีกันมาตลอดนั้น อีกไม่นานประเทศของพวกเราคงจะต้องแบ่งเป็น “ประเทศไทยเหนือ...ประเทศไทยใต้”

    ซ้ำร้ายไปกว่านั้น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของเราอาจจะต้องกลายเป็นเขตปกครองพิเศษหรือรัฐอิสระไป ขอให้ทุกท่านทุกฝ่ายรวมทั้งเจ้าหน้าที่ของบ้านเมืองทุกหน่วยงานทุกองค์กร รีบหาทางป้องกันและวางแผนจัดการให้ดีอย่างรีบด่วน โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นต้องรีบหาข่าวในทางลับโดยด่วน!! อันตรายครั้งใหญ่กำลังจะเกิด!! เพราะเป็นแผนดึงความสนใจให้ออกจากกลุ่มต่อต้านรัฐบาลอย่างหนึ่ง มันเป็น “กับระเบิด” ครั้งยิ่งใหญ่ที่มีการวางแผนไว้อย่างน่ากลัว “อย่าหลงเชื่อ”

    แต่ใจหนึ่งก็ภาวนาขอให้เกิดสันติสุขขึ้นจริงๆ ไม่รู้ทำไมใจผม “ไม่เชื่อ” ก็ไม่รู้ซ้ำยังสังหรณ์ใจว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายรุนแรงขึ้นในเร็วๆนี้ “หนักมาก” และเกรงว่าจะลามไปยังจังหวัดใกล้เคียงด้วย ขอให้ตรวจเข้มขึ้นกว่าเดิมทุกที่ทุกแห่งรวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวด้วย ผมไม่ได้เขียนเพื่อให้ทุกคนกลัว แต่ขอเตือนให้ระวัง!ขอความกรุณาอย่าได้ตำหนิติเตียนผมเลยในช่วงนี้ ผมห่วงด้วยใจจริงถึงผมจะถูกตำหนิ แต่เหตุการณ์สงบได้จริงๆผมก็ดีใจยิ่ง ผมขอเอาใจช่วยครับ(มันมีนัยแอบแฝงที่น่ากลัว)

    ประเทศไทยเหนือ-ประเทศไทยใต้ ผมเคยเขียนมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2548-2549 แล้วและกำลังจะกลายเป็นจริงในอีกไม่นาน.... “ถ้า”....? ไม่รีบตัดไฟแต่ต้นลม!! “รีบตื่นเถิด”

    ด้วยความเคารพ
    หมอนิด (กิจจา ทวีกุลกิจ)
    1 ก.ย. 2551

    คำทำนายของพระเกจิอาจารย์ท่านหนึ่ง

    เพื่อนธรรมคนหนึ่งเล่าให้ผมฟังว่า พระเกจิอาจารย์ของเขาเล่าให้ฟัง เหตุการณ์ปี พ.ศ. 2552 ถึงปี พ.ศ. 2555 ยังไม่ต้องเชื่อนะครับจับตาดูกันต่อไป

    เรื่องราวจากนี้ไปไม่ง่ายนัก การเมืองจักวุ่นวายไม่หน่ายหนี
    เศรษฐกิจการเงินซ้ำกระหน่ำอีกที ประชาชีสิหนีพรากลำบากลำบน

    ต่อๆไปไทยอาจแตกเป็นเสี่ยงๆ เพราะคนเอียงเลี่ยงหลับจนสับสน
    แผ่นดินเราเขาเข้ายึดเป็นของตน ประชาชนต้องหลบลี้เพราะมีภัย

    เสือขาวเหลืองเข้ามาหากระยาหาร เข้ารุกรานเราตายเป็นเบือจะเชื่อไหม
    ส่วนที่เหลือจะอยู่รอดกันอย่างไร คิดๆไปใจก็เศร้าไฟเผาทรวง

    วิบากกรรมนำชักพาให้มาเกิด ในยุคนี้ที่เปิดกรรมอันใหญ่หลวง
    กระแทกคนที่ไร้ศีลที่หลอกลวง ไม่พ้นบ่วงต้องรับหมดตามกฏแห่งกรรม

    ทางรอดดั่งยอดดอยมีน้อยนิด ทุกคนคิดหยุดแตกแยกหยุดถลำ
    ถึงจะหยุดฉุดกระชากวิบากกรรม ชาวสยามจะกลับยิ้มอิ่มเอมใจ<!-- google_ad_section_end -->

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->tossapornk<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1796578", true); </SCRIPT> สมาชิกเว็บพลังจิต 14-01-2009

    คำทำนายประเทศไทย โดยพระอริยะสงฆ์ท่านหนึ่ง

    คำทำนายเคยมีมาช้านานนัก เริ่มประจักษ์ให้เห็นเร้นไม่ได้
    พระอริยะสงฆ์ของไทยเคยทำนาย เมื่อถึงปลายรัชกาลผ่านเข้ามา

    ประเทศชาติจะรุ่งเรืองและเฟื่องฟุ้ง น้ำมันผุดขึ้นมาจนเห็นค่า
    พวกกาขาวจะบินรี้หนีเข้ามา เป็นประชาจนเต็มพระนคร

    ชนทั่วโลกจะยกพระองค์ท่าน ชื่อกระฉ่อนร่อนทั่วทุกสิงขร
    ออกพระนามลือชื่อดั่งทินกร องค์อมรเอกบุรุษแห่งแผ่นดิน

    ชาวประชาจะปิติยิ้มสดใส แต่อกไหม้หนอนกินข้างในสิ้น
    จะมีพวกกาฝากคอยกัดกิน เพื่อให้ได้สิ่งถวิลสมจินตนา

    จะมีการต่อตีกันกลางเมือง ขุนนางเขื่องกังฉินกินทั่วหล้า
    คอรัปชั่นจะกัดกร่อนทั้งพารา ประดุจปลวกกินฝานั้นปะไร

    ข้าราชการตงฉินถูกประณาม สามคนหามสี่คนแห่มาลากไส้
    เกิดวิกฤติผิดเพี้ยนโดยทั่วไป โกลาหลหม่นไหม้ไร้ความดี

    ประชาชีจะสับสนเรื่องดีชั่ว ถ้วนทุกทั่วจะมุดขุดรูหนี
    ไม่แน่ใจสิ่งที่ทำนำความดี เกรงเป็นผีตายตกไปตามกัน

    พุทธศาสน์จะถูกรุกและล้ำ มิตรเคยค้ำเป็นศัตรูมุ่งอาสัญ
    เกิดวิกฤติธรรมชาติอุบาทว์ครัน พายุลั่นน้ำถล่มดินทลาย

    แผ่นดินแยกแตกเป็นสองปกครองยาก เกิดวิบากทุกข์เข็ญระส่ำระสาย
    เกิดการปราบจลาจลชนล้มตาย เลือดเป็นสายน้ำตานองสองแผ่นดิน

    ข้าเป็นนายนายเป็นข้าน่าสมเพช ผู้มีบุญมีเดชจะสูญสิ้น
    ทั้งพฤฒาอาจารย์ลือระบิล จะร่วงรินดุจใบไม้ต้องสายลม

    ความระทมจะถมทับนับเทวศ ดั่งดวงเนตรมืดบอดสุดขื่นขม
    คนที่ดีจะก้มหน้าสุดระทม ส่วนคนชั่วหัวร่อร่าทำท่าดัง

    จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว ควงคฑามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง
    ผู้ปกครองจะเป็นหญิงพึงระวัง สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ

    ศิวิไลซ์จะบังเกิดในสยาม หลังฝนคร้ามลั่นครืนจะยืนได้
    จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป เปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชา

    คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา
    ประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา ยามเมื่อฟ้าศรีทองผ่องอำไพ

    ที่มา http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=570ff24e4395af91

    คำทำนายของคุณหนุมาน ผู้นำสาร

    “บ้านเมือง”

    เหล่าทหารเสียหน้าก่อการ ทรยศสัตย์ปฏิญาณให้ไว้
    บ้านเมืองลุกโหมเป็นไฟ จากคิดใหญ่พวกอยากนำ
    สุดสับสนสุดอลม่าน วิ่งหนีพาลหลบเลี่ยงภัย
    วงศาไม่อาจไป จำกล้ำกลืนแต่น้ำตา
    ปากดีประสงค์ร้าย ทำลายขาดราชพลัง
    ทุกข์ตรมสุดสิ้นหวัง เหมือนเปรียบดังเทพนิยาย
    เกิดสู้อย่างไร้สมอง ทหารแลมองอ่อนกำลัง
    ข้างบ้านวาจาดัง ทลายรั้วทวงที่ดิน
    ขวานทองดั่งมะพร้าว ชนกลุ่มพาลแบ่งแยกกิน
    ด้ามขวานสูญเสียสิ้น จากนั้นกินรอบทิศทาง
    คนนำคือคนร้าย แอบทำลายเมืองโสภา
    มหันต์ภัยไสสู่ฟ้า ข้ามแพงมาลงกลางใจ
    เมืองอมรหลอมละลาย สมดั่งใจท่านประธาน
    ลวงคนทั่วแดนหล้า ให้หลงตามความคิดตน

    กลุ่มคนไม่หวังดี...

    กลุ่มหนึ่ง มีคนไทยเชื้อสายหมีแพนด้า ที่เข้ามาตั้งรกรากมานาน สมัย นายควง เก็บหัวละ ๔๐๐ บาท ได้รับการสนับสนุนจากแพนด้า กำลังคิดจะครอบครองเมืองไทย....ส่วนอีกกลุ่มหนึ่ง คือ ผู้อยากเป็นแบบ ปธน.ผู้นำอันดับหนึ่งในประเทศ กับพวกพ้องที่กำลังตกที่นั่งลำบากเพราะการกระทำจากความโลภ เมื่อครั้งมีอำนาจ แต่เขาไปขอการสนับสนุนจาก ประธาน คาวบอย ที่เมืองอินเดียนแดง...

    ปัญหาภาคใต้...มีผู้สนับสนุนคือ แพนด้ายักษ์ ที่แอบสนับสนุน บริวารภัยมือ พวกยักษ์หน้าแขก ที่ทำสิ่งผิดกฎหมายมากมาย ยักษ์กับยักษ์คุยกัน ยักษ์แรกบอก เธอตีด้ามขวาน เธอเอาด้ามขวาน ฉันจะสนับสนุนทุน และคอยช่วยเหลือ ส่วนฉันจะเอาตัวขวานเอง....

    เมื่อสงครามด้ามขวานเกิด ทหารจากสยามจะสูญเสียหนัก เพราะข้าศึกที่รบด้วยมีทุนมหาศาล...สุดท้ายด้ามขวานจะหักตามแผนของเหล่ายักษ์หลายฝ่าย...จากนั้นชนต่างๆ รอบขวานทอง ซึ่งได้รับการสนับสนุนทุนและอาวุธจากยักษ์เช่นกัน จะรุมกินโต๊ะดินแดนบ้านเรา....ขอม อยากบุกมาปักธงถึงบางประกง....แถวติดอ้ายน้องก็จะบุกเข้ามาอีสาน...ถิ่นชายแดนเหนือชนเขาเก่าแก่ ก็อยากได้...แถบตากตะวันตก ก็มีอีกพวกหนึ่ง...สยามจะมีแต่น้ำตากับคราบน้ำตา....

    แต่ต่อไป...ทั้งสองกลุ่มใหญ่คนละฝ่าย แต่ใจตรงกัน จะสร้างสถานการณ์ให้บ้านเมืองวุ่นวาย...เพื่อให้เกิดความชุลมุน...จะได้ก่อการเลวได้ง่าย... แต่สุดท้าย ทุกกลุ่มทุกฝ่ายจะรวมเป็นพวกเดียวกัน คือ ไม่เอาระบบปกครองแบบสยาม...คาวบอย จึงอยากจับตัวท่านที่คนสยามนับถือไป...โดยอ้างว่าไม่ปลอดภัยต่อ องค์พระ...เมื่อท่านมีบาล มีสูงไม่อยู่บ้าน สยามเมืองยิ้มไม่ออก ....จากนั้น สงคราม คาวบอย กับ ประเทศในเครือแพนด้า จะรบกันหนัก...อาวุธนำวิถี จะตกผิดพลาดราพณาสูญ...รวมทั้งเมืองอมรมหินท์ จะหลงมาตก ๔ ลูก....แผ่นดินจะพัง...เมื่ออ๊ะพงท่านกลับมา...บทเพลงล้างโลกจะเริ่มโหมโรง...เพราะฝ่าฝืนโองการของโลกุตตระ ที่ได้ประกาศไว้แล้ว

    โดย : หนุมาน ผู้นำสาร
    วันที่ : 21/09/2006

    ที่มา http://www.naewna.com/viewtopic.asp?KID=1020&RID=1

    คำทำนายของ อ.พลูหลวง

    อ.พลูหลวง ได้พยากรณ์ดวงชาตาการเปลี่ยนชื่อจากสยามมาเป็นไทยไว้ จะเห็นว่าอาจารย์ได้แบ่งออก เป็น 10 ยุคในรอบร้อยปี โดยแต่ละยุคมีอายุ 10 ปี นับแต่มีการเปลี่ยนชื่อประเทศดังนี้

    1. ยุคกาลี ตรงกับช่วง พ.ศ.2482-2492
    2. มิตรมาเยือน ตรงกับช่วง พ.ศ.2492-2502
    3. เฉือนดินแดน ตรงกับช่วง พ.ศ.2502-2512

    4. แสนแค้นกลางเขาควาย ตรงกับช่วง พ.ศ.2512-2522
    5. ลายเสือครองเมือง ตรงกับช่วง พ.ศ.2522-2532
    6. ฟูเฟื่องชาวสังคม ตรงกับช่วง พ.ศ.2532-2542
    7. ชมบุญทรราชย์ ตรงกับช่วง พ.ศ.2542-2552
    8. ชาติวิปโยค ตรงกับช่วง พ.ศ.2552-2562
    9. โรคคลาย ตรงกับช่วง พ.ศ.2562-2572
    10. หายกังวล ตรงกับช่วง พ.ศ.2572-2582


    ที่มา http://www.amulet.in.th/forums/view_topic.php?t=420

    สุดท้ายพระศรีอาริย์และพระอินทร์ ก็จะเสด็จมาห้ามศึกสงครามในประเทศไทย

    พระศรีอริยเมตไตรย นารายณ์ปราบสงครามล้างโลก

    พระอิศวรเทวราช พร้อมด้วยจอมขุนศึกจตุโลกบาล ทั้ง ๔ อันมีนามว่า ทตรฐ , วิรุฬหก, วิรูปักข์, กุเวร นำเอาเวชยันตรถทิพย์ลงมารับเอากระทาชายนายหนึ่งอันมีนามว่า “ศรีอาริยโพธิ์สัตว์” ไปแต่งตั้งบนจอมดอยลูกหนึ่ง ซึ่งพระวิษณุเทพบุตรจะเนรมิตหอสรงน้ำอันประดับด้วยแก้ว ๗ ประการและเนรมิตท่อทองคำ (สินคำ)พาดลงมาจากดอยสูงอีกลูกหนึ่งมีพระอิศวรเทพเจ้าทรงเป็นประธานแห่งหมู่ทวยเทพทั่วสากลโลกธาตุ มาประชุมพร้อมกัน แล้วก็หลั่งน้ำทิพย์ลงในท่อทองคำไหลมาอาบสรง “กระทายชายศรีอาริย์” พร้อมด้วยการโปรยปรายข้าวตอกดอกไม้เป็นทิพย์เกลื่อนกลาดดาษดาไปทั่วบริเวณ ​

    พระฤษีนามว่า “อินทสมภาร” จะเอาดอก “ริรัวคำ” มาสัการบูชา เมื่อได้สรงน้ำมูรธาภิเษกและประดับประดาด้วยเครื่องเบญจราชกกุภัณฑ์อันเป็นทิพย์ สมควรแก่ตำแหน่งบรมจักรพัตราธิราช (ประมุขโลก) อันประเสริฐแล้ว ก็เสด็จลงเวชยันตรถ เพื่อไปห้ามทัพซึ่งกำลังโรมรันพันตูกันที่ตีนดอยสุวรรณคีรี (ภูเขาทองคำ) โลหิตไหลสาดเป็นท่อธารอย่างน่าขนพองสยองเกล้า​

    พระอิศวรเทพเจ้าเสด็จประทับอยู่หน้ารถพระพิษณุเทพบุตรทรงเป็นสารถีช่วยมาตลีด้วยองค์หนึ่ง พร้อมด้วยหมู่ยักษ์และทวยเทพทั้งหลายแน่นขนัดเต็มไปทั้งอากาศ พร้อมด้วยการบรรเลงดนตรีทิพย์ สะเทือนสะท้านหวั่นไหวเป็นโกลาหลเบื้องขวานั้นเต็มไปด้วยกองทัพนาคราชซึ่งมีลมปากเป็นพิษขนาดไฟประลัยกัลป์ เบื้องซ้ายเต็มไปด้วยกองทัพยักษาอสูร ซึ่งมีหณุมาน เทวยักษ์เป็นขุนศึก (หณุมานเป็นขุนศึกถึง ๒ ปาง คือ ปางที่ ๗ และปางที่ ๑๐ ) มือถือตะบองใหญ่ลุกเป็นเปลวไฟกวัดแกว่งสำแดงเดชอย่างน่าสะพรึงกลัว ​

    ดินฟ้าอากาศมืดมิดอยู่ถึง ๗ วัน ๗ คืน แผ่นดินก็ไหวสะท้านไม่ขาดสาย ปานประหนึ่งโลกพิภพจะถล่มทลายลงไปก็ว่าได้ฝูงมนุษย์ที่ตั้งเคหสถานอยู่บนพื้นพิภพนี้ ก็ตัวสั่นงันงกด้วยความตกใจกลัวทั้งไม่ทราบเหตุผลกลการณ์เสียด้วยว่ามันเกิดจากอะไรกันบ้างร้องไห้กันเซ็งแซ่ บ้างก็หลับตาภาวนา บนบานศาลกล่าวถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ให้มาช่วยปกปักรักษา บ้างก็เสพสุรายาเมากันงอมพระรามในทำนอง “เหล้าเข้าปากความยากก็หายไป” บ้างที่ยากไร้อนาถาก็ฉกชิงวิ่งราวทรัพย์สมบัติของผู้อื่นกันชุลมุนวุ่นวายเพราะนานทีปีละหน บ้างก็รำพึงกันว่า “โลกแตกแน่แล้ว ฉิบหายแน่แล้ว” พากันวิ่งวุ่นเป็นสิงคลี ทิ้งบ้านทิ้งเรือนและทรัพย์สมบัติ หนีเอาตัวรอดกันเป็นอลหม่าน ลูกเล็กเด็กแดงร้องไห้กันกระจองงอแง และพลัดพ่อพลัดแม่กันทั่วไป ​

    คนที่คอยระวังอยู่แล้วก็พากันหลบลี้หนีไปซุกซ่อนอยู่ซอกห้วยราวดอย และสวดมนต์ภาวนาแขม่วท้องหายใจรวยๆ แทบว่าชีวิตจะปลิดปลงด้วยความกลัวตาย พวกวัดก็พลัดเข้าบ้าน พวกบ้านก็คลานเข้าวัด หลวงชีก็หนีหลวงเถร ไม่ว่าเณรเผ่นตามกันไป พวกเหนือก็เฝือลงใต้ พวกใต้ก็ไหลขึ้นเหนือ ตะวันตกก็หกไปตะวันออก ตะวันออกก็ลอกไปตะวันตก เสียงปืนใหญ่และลูกระเบิดดังอยู่ไม่ขาดสาย ฝูงมนุษย์ต้องจุดไต้ตามกันตลอด ๗ วัน ๗ คืน ​

    พอถึงวันคำรบ ๘ ซึ่งเป็นวันรุ่งสางสว่างแจ้งฝูงมนุษย์ที่เหลือจากความตายด้วยภัยสงคราม ก็พากันร้องไห้ระงมถมทึกแทบว่าจะไม่เป็นเสียงมนุษย์ เพราะจะมองไปทางใดก็พบแต่ซากศพของคนตาย เช่น ลูกตายพลัดพ่อแม่ พ่อแม่พลัดลูก ผัวตายพลัดเมีย เมียตายพลัดผัว ญาติมิตรที่ต้องตายพลัดตายพรากจากกัน เหลือที่จะนับคณนา เพราะวันตัดสินโลก ได้ผ่านไปแล้วพร้อมกับมนุษย์ที่ชั่วร้าย คงเหลือแต่มวลมนุษย์ที่เชื่อในคำสั่งสอนของพระศาสนา ซึ่งมีภาวนาเพื่ออยู่สืบโลกและศาสนาต่อไป​

    ในวันที่รุ่งแจ้งซึ่งความมืดได้ฉุดกระชากกลากพาเอาวิญญาณร้ายผ่านไปแล้วนั้น กองทัพอากาศของพระศรีอาริย์บรมจักรพร้อมด้วยเทพเจ้าบนสวรรค์ ก็เคลื่อนขบวนเวชยัตตรถทิพย์เลื่อนลอยไปโดยทางนภากาศเวหา เพลงสวรรค์ซึ่งคนธรรพ์ทั้งหลายอันมีปัญจสิกขคนธรรพ์เทพบุตรเป็นหัวหน้า ก็ดีดสีตีเป่าสะท้านหวั่นไหวพร้อมกับกองทัพนั้นด้วย ฝูงเทพเจ้าทั้งหลายก็โปรยข้าวตอกอกไม้ทิพย์เกลื่อนกลาดไปทั่วแผ่นดินที่ผ่านไปทั่วแผ่นดินที่ผ่านไป ครั้นแล้วกองทัพพระศรีอาริย์ก็หยุดลอยอยู่เหนือดอยสุวรรณคีรี ซึ่งกองทัพมนุษย์กำลังพิฆาตฆ่าฟันกันตายเหมือนใบไม้ร่วง​

    เมื่อกองทัพเหล่านั้นได้ยินเสียงอึกทึกโกลาหลอยู่เบื้องนภากาศ และร้อนรุ่มกลุ้มใจไปด้วยไฟพิษ ซึ่งหมู่มวลนาคราชได้พ่นออกจากปาก เป็นประกายอยู่ทั่วไป ทางเบื้องซ้ายก็กัมปนาทหวาดหวั่นไหวด้วยแสงอาวุธของมวลยักษ์ ตะบองใหญ่เท่าลำต้นตาลก็กวัดแกว่งเป็นเปลวไฟ ทหารที่ทนได้ก็ทนไป ที่ทนไม่ได้ก็ล้มสลบลงไปด้วยความร้อนสุดที่จะทนทานอิทธิฤทธิ์ของทหารผีกระทำปาฏิหาริย์อยู่ครู่เดียว ทหารมนุษย์ก็กลิ้งทูตระเนระนาดตามกันลงไป ร่างกายสั่นเทาเหมือนผีสิงสิ้นหมดทั้งกองทัพ พลันก็มีเสียงคำรามลั่นลงมาจากฟากฟ้า แทบว่าแก้วจะแตกตาย​

    “อะโห! มาริสสา – มาริสสา ดูก่อนทะแกล้วทหารผู้ใจปาบหยาบช้าทั้งหลาย! พวกสูจะมารบราฆ่าฟันกันตาย ด้วยเหตุผลกลใด? ขุมทรัพย์อันใหญ่หลวงที่เกิดขึ้นนี้ หาใช่เป็นสมบัติของพวกสูทั้งหลายหรือของผู้ใดไม่ดอก! หากเป็นสมบัติของพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ในรถนี้ ซึ่งจะมาดำรงตำแหน่งบรมจักรอันประเสริฐ เพื่อจรรโลงโลกไปสู่สันติสุขและสันติภาพอันเที่ยงแท้! เลิกรบ-เลิกรบกัน เลิกรบกัน....” พระอิศวรผู้เป็นเจ้า ได้สำแดงเสียงอยู่บนศรีษะทหารมนุษย์อย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วเปล่งสิงหนาทสืบต่อไปว่า:-​

    “วันตัดสินโลกได้เริ่มมาถึง ๗ วัน แล้ว วันนี้เป็นวันคำรบ ๘ โลกสว่างแล้ว! สงครามครั้งสุดท้ายได้เสร็จสิ้นไปแล้ว คนบาปทั้งหลายได้ถูกความมืดกลืนกินไปหมดแล้ว นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปดูข้าจะสร้างอาณาจักรสัมมาทิฏฐิให้พวกสูทั้งหลายอยู่ดีกินดีกันทั่วไป”​

    พระอิศวรเจ้าฟ้าตะคอกขู่จู่โจม เสียงนั้นสะท้านเหมือนฟ้าผ่าได้ยินตลอดไปทั่วทั้งกองทัพ แม้พวกจอมทัพ จอมขุนศึกทั้งหลายก็พากันตกใจเหมือนหัวจะแตกลงในยามนั้นพญาลายตีนเป็นกงจักรพญาแขนสั้นยาว พญาลิ้นกาฬ ฯลฯ ต่างก็พากันส่งสัญญาณให้กองทัพของตนเองถอนกลับสู่บ้านเมืองสิ้นด้วยกัน ครั้นแล้วพระอิศวรเป็นเจ้า ก็บันดาลฝนห่าใหญ่ ตกลงมาถึง ๗ วัน ๗ คืนท่วมทันซากศพเหล่านั้น ลอยไปลงทะเลจนหมดสิ้น คงเหลือแต่พื้นดินเป็นปกติ ​

    อนึ่ง ก็เป็นธรรมดาสงครามที่ล้างโลกจะต้องบังเกิดมรสุมทำลายเความชั่วช้าเลวทรามของมนุษย์ที่กระทำขึ้นแล้วฝูงมนุษย์ก็จะต้องเป็นทายาทรับกรรมนั้นๆ หาใช่ผู้ใดหรือพระเจ้าองค์ใดมากระทำให้ไม่ ก็เมื่อมนุษย์พากันฝ่าฝืนคำสอนของพระเจ้าและกระทำกรรมอันชั่วช้าเลวทรามถึงเพียงนี้ผลกรรมก็ย่อมตามสนอง กล่าวคือ บังเกิดการรบราฆ่าฟันกันตายวายวอด ซึ่งพากันเรียกร้องให้พระเจ้ามาช่วยรับบาปนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะพระเจ้าหาใช่ทาสของมนุษย์ดังที่บางคนเข้าใจกัน​

    พระศรีอาริย์ห้ามทัพตะวันออกเฉียงใต้ ตำนานพุกามทำนายว่าเมื่อปรากฏแล้ว พระศรีอาริย์ธรรมมิกราช พร้อมด้วยพระอิศวรเป็นเจ้าจะเสด็จไปห้ามทัพตะวันออกถึง ๒ ครั้ง ไปโดยทางฟ้าและกองทัพฟ้าของเทวดาเป็นหมู่รี้พล​

    นักจิตศาสตร์ไม่เคยเป็นชาวตะวันตก เป็นความจริง ๑๐๐% ที่ไม่เคยมีนักจิตศาสตร์ขนาดจอมศาสนาจะเกิดเป็นชาวตะวันตก พระพุทธเจ้า,พระเยซู,พระมะหะหมัด, และอื่นๆ ก็เป็นชาวตะวันออกด้วยกันทั้งสิ้น ชาวตะวันตกต้องหันมาเคารพศาสนาธรรมของชาวตะวันออก ตลอดพงศาวดารโลก ฉะนั้น เจ้าโลกในอนาคตก็ต้องเป็นชาวตะวันออกตามเคยอีก.....​

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1260364060.jpg
      1260364060.jpg
      ขนาดไฟล์:
      62.5 KB
      เปิดดู:
      2,262
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2011
  10. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ======================================


    8 ก.พ. 54


    ตกรถไฟ

    ตามที่อาเคยเล่าให้ฟังถึงภาพสัญญาณตกรถไฟสายกรุงเทพฯ ตะพานหิน
    ซึ่งหมายถึงเที่ยวนี้ยังไม่ได้ขึ้นไปที่ฐานผาแบ่น คงต้องเป็นไปตามภาพ
    สัญญาณ เพราะ ของครบ คนงานพร้อมแต่ขาดเงินส่วนตัวที่จะต้องนำไป
    ดำเนินการ สามหมื่นบาท ค่าใช้จ่ายส่วนนี้คือ ค่าขนส่งจ้างรถหกล้อขนบ้าน
    น็อคดาว์น หนึ่งหมื่นสองพันบาท นำรถกระบะขึ้นไป ค่าน้ำมันหกพันบาท
    ค่าอาหารและค่าแรงช่างที่จะตามไปช่วย คงต้องรอดูสักระยะว่าจะหาเงิน
    มาจากที่ไหน?

    ความจริงมีเงินหยิบยืมได้แต่เป็นของพี่สาวที่เพิ่งเสียชีวิตไป พี่สาวได้ทิ้งทองไว้
    สี่บาท ตัวอาเองยังไม่อยากนำส่วนนี้มาเกี่ยวข้อง อาตั้งใจไว้ว่าถ้าราคาทองดี
    คือให้ขึ้นถึงบาทละสามหมื่นแล้วค่อยคิดอีกที คิดว่าจะเอาส่วนต่างมาใช้แล้ว
    ค่อยหาคืนทีหลัง เงินของเขาทั้งหมดก็จะทยอยทำบุญไปให้เขาเรื่อยๆ

    เมื่อไม่นานอาได้ไปบ้านพี่สาวที่เสียชีวิต อาได้สัมผัสจากเสียงคืออาขึ้นไปบน
    ห้องนอนของพี่สาว เมื่ออาเปิดประตูเข้าไปแล้วปิด สักพักก็ได้ยินเสียงลูกบิด
    ประตูดัง อาก็มาเปิดดูคิดว่าพี่สาวคนรองๆลงมาขึ้นมา เปิดดูก็มีแต่ความว่าง
    เปล่า อาคิดว่าวิญาณพี่สาวคงยังไม่ได้ไปไหน

    ทำอย่างไรเมื่อมีความจำจะต้องไปร่วมงานศพที่หลีกเลี่ยงไม่ได้?

    ปกติผมจะไม่ไปงานศพใครเลยเป็นคำเตือนของหน่วยเหนือที่เคยเตือนผ่านร่าง
    อาจารย์ผมมา เมื่อมีความจำเป็นจริงๆที่พี่สาวตัวเองได้เสียชีวิตลงผมจึงได้
    เรียนถามหน่วยเหนือว่าผมจะต้องทำอย่างไรดี?

    ในภาพท่านให้ผมเห็นภาพ ผมและลูกสาวคนกลางวิ่งหนีแต่บางครั้งก็เข้าต่อสู้
    ซึ่งจะสื่อถึง เมื่อเราเข้าไปงานศพแล้ว ถ้าหลีกเลี่ยงการกราบศพได้ก็หลีก เมื่อ
    พีธีสงฆ์เริ่มสวดเราเองก็ออกไปเดินเล่นที่อื่นเสียเพื่อให้วิญญาณได้เข้ามาร่วม
    รับฟัง ช่วงเผาศพเมื่อได้อธิฐานเป็นที่เรียบร้อยก็ฝากดอกไม้จันท์ให้คนอื่นขึ้น
    ไปเผาแทน สรุปก็คือให้วิญญาณได้เห็นว่าเราก็ได้ไปร่วมงานด้วย เพียงแต่ยืน
    ห่างๆเพื่อให้วิญญาณได้เข้ามาร่วมรับบุญกุศลที่ญาติๆได้ทำให้ไป

    อาเค






    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน

    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นค่ะ(tanphaban.blogspot.com)
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"
     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    บทเรียนสงครามระหว่าง เหนือ-ใต้

    [​IMG]

    ในอดีตที่ผ่านมา มีสงครามกลางเมืองเกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา มีเหตุการณ์หลายอย่าง คล้ายกับสภาพที่เกิดขึ้นในสังคมไทยปัจจุบัน จึงอยากยกมาเล่าไว้เป็นอุทาหรณ์

    ระหว่างปี พ.ศ. 2404-2408 ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้เกิดสงครามกลางเมือง ระหว่างฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ เป็นเหตุการณ์สะเทือนใจและสร้างความแตกแยกของผู้คนมากที่สุดใน ประวัติศาสตร์ของชาวอเมริกัน มากกว่าการที่ทหารอเมริกันไปรบในสงครามเวียดนาม หรือการส่งทหารไปรบในอิรักอย่างมิอาจเทียบได้ แม้เหตุการณ์จะผ่านไปร้อยกว่าปีแล้ว แต่ในบางพื้นที่ ความแตกแยกในจิตใจของอเมริกันชนก็ยังปรากฏให้เห็นอยู่ สงครามกลางเมืองในครั้งนั้นมีสาเหตุสำคัญมาจากความแตกต่างทางเศรษฐกิจ ระหว่างคนในรัฐทางภาคเหนือกับคนในรัฐทางภาคใต้

    กล่าวคือ รัฐทางภาคเหนือมีฐานะค่อนข้างดีกว่า เพราะส่วนใหญ่มีรายได้จากภาคอุตสาหกรรม และมีประชากรมากถึง 22 ล้านคน แตกต่างจากรัฐทางภาคใต้ ที่ประชากรส่วนใหญ่ทำการเกษตรมีฐานะด้อยกว่า ขณะที่ประชากรมีเพียง 9 ล้านคน เมื่อรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ออกกฎหมายยกเลิกทาส ปลดปล่อยทาสให้เป็นอิสระ ด้วยเหตุผลทางด้านสิทธิมนุษยชน ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกาที่บัญญัติไว้ว่า มนุษย์ทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน ความแตกแยกในสังคมก็เริ่มขึ้นอย่างรุนแรง

    ในเวลานั้นบรรดาเจ้าของที่ดินทางภาคใต้มักนิยมซื้อทาส ซึ่งเป็นคนนิโกรที่ถูกจับจากทวีปแอฟริกา เพื่อใช้เป็นแรงงานทางการเกษตร คอยเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวพืชไร่ ดังนั้น กฎหมายฉบับนี้จึงสร้างความไม่พอใจให้กับคนทางภาคใต้เป็นจำนวนมาก อันที่จริงรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกาที่ประกาศใช้ในปี พ.ศ. 2330 ก็ได้ระบุไว้ในบทเฉพาะกาลว่า อเมริกาจะต้องเลิกการค้าทาสให้หมดไปภายในกำหนด 21 ปี ดังนั้น พอถึงปี พ.ศ. 2351 รัฐบาลจึงได้ออกกฎหมายเลิกทาส แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองจากประชาชนทางใต้ ที่ยังต้องการใช้แรงงานทาสในภาคการเกษตรอีกจำนวนมาก

    มิหนำซ้ำคนทางใต้ยังเพิ่มการนำเข้าทาสจากทวีปแอฟริกา และสนับสนุนให้ทาสมีลูกมากๆ เพื่อนายทาสจะได้มีแรงงานไว้เยอะๆ ทำให้ทาสในอเมริกาได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากจำนวน 6 แสนคน เพิ่มเป็น 4 ล้านคน ในเวลาไม่นาน ทำให้สังคมอเมริกันชนเริ่มแตกแยก คนทางเหนือผู้มีการศึกษาดีกว่า ได้วิพากษ์วิจารณ์คนทางใต้ว่าเป็นพวกป่าเถื่อนล้าหลัง ไม่มีมนุษยธรรม ไม่เห็นอกเห็นใจมนุษย์ด้วยกัน เพราะยังค้าทาส ขณะที่คนทางใต้ได้ออกโรงโต้ว่า ไม่เข้าใจปัญหาของการทำการเกษตรว่าจำเป็นต้องใช้แรงงานมากเพียงใด มีการเดินขบวนประท้วงและเกิดการจลาจลนองเลือดของคนอเมริกา ที่เริ่มมีความคิดเห็นแตกแยก

    นับวันรอยร้าวในสังคมระหว่างผู้คนทางเหนือและทางใต้ได้เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนยากที่จะประสานได้ และในที่สุดรัฐทางตอนใต้ 11 รัฐ อันประกอบด้วย รัฐเซาธ์แคโรไลนา มิสซิสซิปปี ฟลอริดา อลาบามา จอร์เจีย หลุยส์เซียนา เท็กซัส เวอร์จิเนีย อาร์คันซอ เทนเนสซี และนอร์ธแคโรไลนา ได้ประกาศเอกราชตั้งเป็นประเทศใหม่ขึ้นมา โดยมีนายเจฟเฟอร์สัน เดวิส เป็นประธานาธิบดี ไม่ขึ้นต่อรัฐบาลของสหรัฐอเมริกา ที่มีอับราฮัม ลินคอล์น เป็นประธานาธิบดีคนที่ 16 รุ่งสางของวันที่ 12 เมษายน 2404 ทหารฝ่ายใต้ได้วางแผนก่อสงครามโดยการระดมยิงป้อมซัมเตอร์ของฝ่ายรัฐบาล จนเป็นชนวนให้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้น โดยผู้ที่วางแผนก่อสงครามประเมินว่า สงครามจะไม่ยืดเยื้อและไม่รุนแรงเท่าใดนัก แต่เอาเข้าจริงแล้วสงครามได้ขยายตัวลุกลามไปทั่วประเทศ กลายเป็นสงครามที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์

    ทหารของรัฐบาลหรือฝ่ายเหนือได้ระดมพล 30,000 คน เข้าโจมตีเมืองริชมอนด์ เมืองหลวงของฝ่ายใต้ เพื่อหมายเผด็จศึกในเวลาอันรวดเร็ว แต่แล้วทหารฝ่ายใต้ที่มีกำลังน้อยกว่า แต่มีนายพลผู้ชาญศึกได้นำการรบอย่างมีประสิทธิภาพ ตีโต้ทหารฝ่ายเหนือจนเพลี่ยงพล้ำและบุกเข้าไปจนเกือบยึดกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.เมืองหลวงของรัฐบาลได้ ทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ในที่สุดประธานาธิบดีลินคอล์น ได้ประกาศเรียกระดมพลทหารทั่วประเทศ 2 ล้านคน และฝ่ายใต้ได้เรียกเกณฑ์ทหารได้ถึง 1 ล้านคน ทั้งสองฝ่ายได้เปิดศึกบนสมรภูมิรบต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นท้องทุ่งนาอันกว้างใหญ่ ผู้บาดเจ็บล้มตายมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

    ผมเคยไปเดินกลางสมรภูมิรบแห่งหนึ่งเป็นทุ่งหญ้าขนาดใหญ่อยู่ในรัฐเวอร์จิเนีย ในเวลานั้นทหารฝ่ายเหนือได้กรีฑาทัพนับหมื่นคนมายึดเมืองทางใต้ บรรดานักเรียนโรงเรียนนายร้อยเวอร์จิเนียที่เป็นฝ่ายใต้จำนวน 200 คน ได้พร้อมใจละจากชั้นเรียน หยิบปืนแทนปากกาดินสอเข้าต่อสู้กับทหารฝ่ายเหนือที่มารุกราน หลังจากนั้นก็ไม่มีนักเรียนรุ่นนั้นได้กลับเข้าห้องเรียนอีกเลยสักคนเดียว และต่อมาท้องทุ่งแห่งนั้นมีดอกไม้ชนิดหนึ่งออกดอกสีเหลืองบานสะพรั่งเต็มทุ่งหญ้า ชาวบ้านเชื่อกันว่าดอกไม้ชนิดนี้เกิดจากเลือดที่ไหลนองไปทั่วทุ่งหญ้าจากการรบในวันนั้น

    นักประวัติศาสตร์เรียกสงครามครั้งนั้นว่า เป็นสงครามที่พี่น้องฆ่ากันเอง เพราะเป็นสงครามครั้งแรกที่บรรดาพี่น้องญาติสนิทมิตรสหาย ต่างหันปากกระบอกปืนเข้าห้ำหั่นกันเอง นับตั้งแต่ประธานาธิบดีทั้งสองฝ่ายที่เกิดในรัฐเคนตักกีด้วยกัน ประธานาธิบดีลินคอล์นที่อยู่ฝ่ายเหนือก็มีพี่เขย 4 คน เป็นทหารฝ่ายใต้ และนายทหารที่จบการศึกษาจากนักเรียนนายร้อยเวสปอยต์ 1 ใน 4 คน จะเป็นทหารฝ่ายใต้ ครอบครัวจำนวนมากมีพ่อเป็นทหารฝ่ายใต้ ขณะที่ลูกชายเป็นทหารฝ่ายเหนือ หรือบางครอบครัวมีแม่ยายสนับสนุนฝ่ายใต้ แต่ลูกสาวสนับสนุนฝ่ายเหนือ

    ทั้งสองฝ่ายที่หลายคนมาจากตระกูลเดียวกัน ต้องสู้รบกันเองตลอดเวลา 4 ปี มีการรบกันแทบทุกวันนับจำนวนได้สองพันกว่าครั้ง แต่การรบรุนแรงที่สุดเกิดที่สมรภูมิเกเตสเบิร์ก ทหารฝ่ายเหนือประสบชัยชนะ มีคนตายและบาดเจ็บครั้งเดียวถึง 40,322 คน จนประธานาธิบดีลินคอล์นได้ฝ่าดงกระสุนปืนเดินทางมาเยี่ยมทหารทั้งสองฝ่ายด้วยความสลดใจ และได้กล่าวสุนทรพจน์อันเป็นอมตะว่า "ทหารทั้งหลายที่เสียชีวิตนี้ จะไม่ตายโดยไร้ค่า เพราะประเทศชาตินี้ได้ก่อกำเนิดเสรีภาพครั้งใหม่ และรัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน จะไม่สูญสลายไปจากโลก"

    หลังจากนั้นไม่นานด้วยพลังทางเศรษฐกิจที่เข็มแข็งกว่า ทหารฝ่ายเหนือก็เอาชนะทหารฝ่ายใต้ได้เด็ดขาด แต่ประเทศสหรัฐอเมริกาทั้งประเทศย่อยยับ ทหารทั้งสองฝ่ายเสียชีวิตประมาณ 620,000 คน มากกว่าทหารสหรัฐที่เสียชีวิตในสงครามทุกสมรภูมิบนพื้นโลกนี้รวมกันจนถึงปัจจุบัน ไม่รวมความเสียหายคิดเป็นเงินในเวลานั้นได้ 5 แสนล้านบาท และความสูญเสียทางจิตใจที่ต้องใช้เวลาเยียวยาอีกหลายสิบปี บทเรียนสงครามกลางเมืองครั้งนี้คงพอเตือนสติบรรดานักการเมืองซาดิสม์ทั้งรุ่นใหม่และวัยหงอกทั้งหลาย ที่ชอบพูดปลุกระดมให้คนไทยออกมาฆ่ากันเอง

    อารมณ์ของฝูงชนเมื่อถูกปลุกให้เกลียดชังอะไรก็ไม่ต่างอะไรกับไฟไหม้ป่า เกิดขึ้นยาก แต่เมื่อติดแล้วจะลุกลามใหญ่โตวอดวายไปทั้งป่า แม้เมื่อไฟมอดแล้วก็ยังคุระอุพร้อมจะลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง สงครามกลางเมืองในบ้านเราคงเกิดไม่ง่าย แต่หากสถานการณ์บ้านเมืองยังมีแนวโน้มที่ผู้มีอำนาจในสังคมยังนิยมเปลี่ยน กติกา เป็น กติกู และไม่เคารพการตัดสินของศาลไปเรื่อยๆ เห็นทีจะต้องชิงเผาป่าก่อนจะเกิดไฟไหม้ป่าจริงๆ

    ตีพิมพ์ครั้งแรก: หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 4 มิถุนายน 2549

    โดย วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์

    ที่มา http://thainature.exteen.com/20060605/entry
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    8ก.พ. สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน อ้างแหล่งข่าวจากผู้สื่อข่าว ที่ลงพื้นที่ตรวจสอบชายแดนไทยกัมพูชา หลังจากที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่า ถูกทหารไทยโจมตี เป็นเหตุให้ปราสาทพระวิหารเสียหายไปแถบหนึ่งนั้น
    ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ ระบุว่า หลังจากได้รับอนุญาติจากทหารให้กลุ่มของผู้สื่อข่าว ลงสำรวจพื้นที่ ผ่านด่านตรวจของทหารไปยังปราสาทพระวิหาร สถานที่ที่เกิดเหตุปะทะ พบว่า
    มีร่องรอยหลุมขนาดเล็ก ซากไหม้ดำ แสดงให้เห็นว่าผ่านการสู้รบอย่างหนักตลอด 4 วันที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม ตัวปราสาทนั้น ผู้สื่อข่าวพบมีเพียงร่องรอยเสียหายจากสะเก็ดระเบิดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่เกิดความเสียหายหนักอย่างที่กัมพูชาประโคมข่าว ว่าทหารไทยยิงถูกปราสาทพระวิหารพังเสียหายไปแถบหนึ่ง
    นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พื้นที่ชายแดนทางตอนเหนือพบมี สัตว์เลี้ยงต่างๆเช่นหมู ไก่ เดินทั่วหมู่บ้านร้าง โรงเรียนและวัดกลายเป็นสถานที่พักพิงชั่วคราวให้กับผู้ลี้ภัย ชาวบ้านต่างเข้าแถวรอรับอาหารและน้ำ ส่วนเด็กก็วิ่งเล่นตามประสา
    ด้านพื้นที่ฝั่งชายแดนไทย ในจังหวัดศรีสะเกษ ห่างจากชายแดนประมาณ 7 กิโลเมตร ค่อนข้างเงียบเหงา ซึ่งนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้อพยพชาวบ้านจำนวน 16,654 คน ลี้ภัยออกจากพื้นที่เรียบร้อยแล้ว
    “ยังคงมีความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เราจะให้ประชาชนกลับเข้าสู่พื้นที่ภูมิลำเนาก็ต่อเมื่อ เหตุการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ ที่แน่ใจได้ว่าจะมีความปลอดภัยในชีวิตประชาชน” ผู้ว่ากล่าว
    ส่วนความเสียหายนั้น รายงานระบุว่า ชาวไทยเสียชีวิต 2 คน ทหารจำนวน 30 นายและชาวบ้านจำนวน 4 คนได้รับบาดเจ็บ ส่วนด้านกัมพูชามีผู้เสียชีวิต 8 คน บาดเจ็บทั้งหมด 55 คน
    โดย Mthai News

    <LI class=news_src_item>[​IMG]

    [​IMG]
    อิเหนานับพัน รุมประชาทัณฑ์ ผู้นับถือต่างนิกาย ตาย 3
    เกิดเหตุกลุ่มมุสลิมคลั่งศาสนาหัวรุนแรงนับพันคนในประเทศอินโดนีเซีย รุมประชาทัณฑ์กลุ่มมุสลิมอาห์มาดิยาห์ 3 คน จนเสียชีวิต เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6ก.พ.ที่ผ่านมา
    โดยพวกเขาบุกเข้าไปที่บ้านหลังหนึ่งในเขตปันเดกลัง จังหวัดบันเตน เพื่อขัดขวางไม่ให้กลุ่มมุสลิมอาห์มาดิยาห์ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เหตุผลดังกล่าวทำให้ชาวบ้านคลั่งศาสนากว่าพันคน ใช้อาวุธ และก้อนหินขว้างปา รุมทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต
    [​IMG]
    ทั้งนี้ มุสลิมนิกายอาห์มาดิยาห์ เป็นนิกายที่แยกตัวมาจากาสนาอิสลาม ซึ่งมีความศรัทธาในตัวพระเจ้าที่ไม่เหมือนกัน โดยมุสลิมทั่วไปจะศรัทธาท่านนบีมูฮัมหมัด แต่นิกายอาห์มาดิยาห์ นั้นศรัทธานตัว เมียร์ซา กูแลม อาหมัด ผู้ก่อตั้งนิกาย
    [​IMG]
    เหตุการณ์สะเทือนขวัญดังกล่าว ร้อนไปยังกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนในอินโดนีเซียต้องออกมาประณามสิ่งที่เกิดขึ้น โดยพวกเขาได้ร่วมกับคณะกรรมการเสรีภาพทางศาสนาสากลของสหรัฐฯ ทบทวนกฎหมายที่มีอยู่ ซึ่งอาจไปริดรอนสิทธิ์ชนกลุ่มน้อยทางศาสนา และนั่นเป็นชนวนเหตุให้เกิดเหตุสะเทือนขวัญขึ้น
    เรียบเรียงข่าวโดย Mthai news
    <LI class=news_src_item>[​IMG]
     
  13. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>สาวไทยเผยปาฏิหาริย์หลวงตาบัวช่วยชีวิต </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    สาวไทยในญี่ปุ่นเผยรถถูกชนจนไฟลุกท่วม แต่รอดตายราวปาฏิหาริย์ เชื่อแรงภาวนาให้หลวงตาช่วยชีวิตเอาไว้ได้ทันตาเห็น


    เมื่อวันที่ 8 ก.พ. พระอาจารย์อรรถกิจนันทโน หรือ พระอาจารย์นภดล นันทโน เจ้าอาวาสวัดดอยลับงา จ.กำแพงเพชร ในฐานะฝ่ายประชาสัมพันธ์งานบำเพ็ญกุศลศพหลวงตามหาบัว แถลงว่า นายองอาจ คร้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ยืนยันแล้วว่าในวันพระราชทานเพลิงศพหลวงตามหาบัว จะมีการถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือเอ็นบีที ขณะนี้อยู่ในระหว่างการขอพระบรมราชานุญาตตามขั้นตอน สำหรับโทรทัศน์หรือวิทยุช่องอื่นๆ หากต้องการถ่ายทอดสดสามารถแจ้งมาที่ทางวัดได้ เพื่อดำเนินการให้ถูกต้อง


    ส่วนเงินบริจาคสำหรับโครงการก่อสร้างตึกสงฆ์อาพาธ 10 ชั้น โดยใช้งบประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้มียอดเงินบริจาคจากทั้ง 3 ธนาคาร (ไทยพาณิชย์ กสิกรไทย สขาอุดรธานี และ กสิกรไทย สาขาเอกมัย) รวม 314,226,901.33 บาท และมียอดเงินที่หลวงปู่ลี กุสลธโร เจ้าอาวาสวัดถ้ำผาแดง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ลูกศิษย์หลวงตามหาบัวฯ ได้ถวายหลวงตาอีกจำนวน 15,251,086.00 บาท รวมเป็นยอดเงินทั้งสิ้น 473,833,034.44 บาท ขณะนี้ยังขาดยอดเงินในการก่อสร้างฯ อีก 26,166,956.56 บาท ซึ่งคาดว่ายอดเงินบริจาคน่าจะเพียงพอกับยอดเงินที่ขาดอยู่


    ในวันเดียวกันนี้ พลตรีวิบูลย์พงศ์ กลั่นเสนาะ และพลตรีชาสร วายโสกา รองแม่ทัพน้อยภาคที่ 2 และคณะ ได้เดินทางมาร่วมทำบุญและบริจาคเงินจำนวน 117,539.00 บาท ให้กับทางวัดไว้ซื้อทองคำแท่งเข้าคลังหลวง ในส่วนยอดเงินในตู้รับบริจาคทั้ง 22 ตู้ ตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค.ถึงวันที่ 8 ก.พ. มีทั้งสิ้น 37,006,728 บาท


    พระอาจารย์นภดล กล่าวด้วยว่า สำหรับพระสงฆ์ สามเณร และชี ที่เดินทางมาร่วมบำเพ็ญกุศล และเคารพสรีระหลวงตามหาบัวที่วัดป่าบ้านตาดตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค.- 7 ก.พ. รวมทั้งสิ้น 2,576 รูป แยกเป็นพระสายธรรมยุต 2,350 รูป มหานิกาย 226 รูป พักค้างคืน 635 รูป เดินทางกลับ 1,941 รูป ส่วนแม่ชีมี 143 รูป ในส่วนของการบวชบูชาหลวงตาฯเนื่องในวันพระราชพิธีพระราชทานเพลิงศพนั้น กำหนดเปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 13-18 ก.พ.นี้ ไม่จำกัดจำนวน แต่ผู้บวชต้องบวชอย่างน้อย 1 พรรษา ซึ่งจะทำพิธีบวชก่อนวันพระราชทานเพลิงศพ 1-2 วัน ขณะนี้มีผู้แสดงความจำนงแล้ว 34 คน


    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันมีประชาชนทยอยเข้ากราบเคารพสรีระของตามหาบัวอย่างไม่ขาดสาย ขณะที่ทางวัดได้ประกาศผ่านทางเสียงตามสาย แจ้งให้พระสงฆ์บางรูปที่แอบจำหน่ายวัตถุมงคล และแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังมิจฉาชีพที่แอบแฝงมาในรูปแบบต่างๆ ทั้งนำวัตถุมงคลมาขายและเก็บเงินค่าฝากรถอีกด้วย


    ในจำนวนประชาชนที่เดินทางมากราบไหว้สรีระของหลวงตามหาบัว มีนางรัศมี ตไน อายุ 57 ปี อยู่เมืองไชตมะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นศิษยานุศิษย์ของหลวงตามานานนับสิบปี ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนได้ไปอยู่กับสามีที่ประเทศญี่ปุ่น ทุกปีจะเดินทางมาเยี่ยมและสักการะหลวงตาอยู่เสมอ เมื่อหลวงตาจัดโครงการ “ผ้าป่าช่วยชาติ” ขึ้นมาตนก็ได้บริจาคเป็นทองคำแท่ง จำนวน 3 กก. โดยบริจาคให้ปีละ 1 กก. มูลค่าครั้งละกว่าหนึ่งล้านบาท ทั้งนี้ เป็นเพราะตนศรัทธาในองค์หลวงตามาก ท่านเป็นพระนักเทศน์ นักธรรม ที่มีเมตตาช่วยเหลือสังคมและคนจน


    นางรัศมี เล่าอีกว่า การทำบุญกับหลวงตานี้ตนเชื่อว่าได้ส่งผลให้ตนกับบุตรสาวรอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์ จากอุบัติเหตุที่ จ.นครราชสีมา เมื่อปี 2547 ในขณะขับรถเดินทางจะไปเยี่ยมหลวงตามหาบัว เมื่อรถเก๋งของตนถูกรถปิกอัพชนท้ายอย่างแรง ทำให้รถเก๋งกระเด็นข้ามเกาะกลางถนนไปอีกฟากหนึ่ง และเกิดไฟไหม้รถอย่างรวดเร็ว ในขณะนั้นตนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองและลูกสาวได้ ก็ได้แต่ระลึกถึงองค์หลวงตามหาบัวให้มาช่วยเพียงอย่างเดียว โดยมือได้กุมล็อกเก็ตรูปหลวงตาฯที่คล้องคอไว้ตลอดเวลา แล้วภาวนาขอให้รอดชีวิต


    ทันใดนั้นก็มีหญิงชาวบ้าน 2 คนผ่านมาพอดี และช่วยเหลือตนพร้อมลูกสาวออกจากรถได้ทันการณ์ ทำให้รอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด ตนจึงเชื่อว่าเป็นเพราะบารมีของหลวงตาได้ช่วยชีวิตตนและบุตรสาวเอาไว้ ยิ่งทำให้ตนและครอบครัวศรัทธาและเลื่อมใสในองค์หลวงมาตลอดเวลา และเมื่อทราบข่าวว่าหลวงตามรณภาพก็ได้เดินทางมาเคารพศรีระหลวงตา และแม้จะไม่มีองค์หลวงตาอยู่ที่วัด ตนก็จะมาทำบุญเหมือนทุกปีเช่นเคย


    ทางด้านพระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสัสโก เจ้าอาวาสวัดป่านาคำน้อย อ.นายูง จ.อุดรธานี พร้อมคณะสงฆ์ และนายสำเริง สัมฤทธิ์ ผอ.สำนักการช่างเทศบาลนครอุดรธานี ได้เดินทางไปดูความคืบหน้าการสร้างเมรุสำหรับพระราชทานเพลิงศพหลวงตามหาบัว ที่บริเวณด้านหน้าวัดป่าบ้านตาด ซึ่งอบจ.อุดรธานี และเทศบาลนครอุดรธานีเป็นผู้ออกแบบ คณะกรรมการและศิษยานุศิษย์ได้ร่วมกันพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมแบบแปลนหลายครั้ง เพื่อให้สมเกียรติของหลวงตามหาบัว ในที่สุดก็ได้รูปแบบที่ใกล้เคียงกับความต้องการของศิษยานุศิษย์คือ “เรียบง่าย สมถะและเป็นทรงกลม”


    โดยรูปแบบฐานดินเป็นวงกลม 3 ชั้น แต่ละชั้นสูงประมาณ 1 เมตร เส้นผ่าศูนย์แต่ละชั้นลดหลั่นกันไป คือชั้นล่างสุดประมาณ 40 เมตร และชั้นบนสุด 26 เมตร มีบันไดทางขึ้นชั้น 1 และ 2 ชั้นละ 4 ด้าน ส่วนชั้นบนสุดมีบันไดเดียว พร้อมทางลาด พื้นบันไดเป็นคอนกรีตหล่อ โดยจะมีบันไดชั้นละ 7 ขั้น ที่บันไดทางขึ้นแต่ละด้านจะมีราวบันได แต่ละชั้นจะประกอบด้วยเสาโคมไฟที่เป็นรูปดอกบัว ส่วนต้นไม้ที่ใช้ประดับเมรุนั้นประกอบด้วย ต้นจั๋ง ข่อย และบัวหลวง ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ที่หลวงตามหาบัวพบเห็นในป่าลึกขณะออกธุดงค์ และนำมาปลูกไว้ภายในบริเวณวัดป่าบ้านตาดจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีเสาสูงกว่า 10 เมตร จำนวน 2 เสา เพื่อใช้ขึงสลิงสำหรับแขวนกลดขนาดกว้างไม่น้อยกว่า 8 เมตร ซึ่งการก่อสร้างเมรุรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากทำงานตลอด 24 ชม. ขณะนี้อยู่ระหว่างการเทพื้นฐานราก และตอกเสาเข็มจำนวน 214 ต้น ซึ่งคาดว่าการก่อสร้างเมรุหลวงตามหาบัวจะแล้วเสร็จก่อนวันพระราชทานเพลิงศพอย่างน้อย 2 สัปดาห์





    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ยูเนสโกส่งคนสำรวจปราสาทพระวิหาร</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A14 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    คมชัดลึก :ยูเนสโกจะส่งทีมเจ้าหน้าที่มาสำรวจปราสาทพระวิหาร หลังมีข่าวได้รับความเสียหาย



    (8ก.พ.) นางอิรินา โบโกวา ผู้อำนวยการองค์การยูเนสโก ออกแถลงการณ์วันนี้ระบุว่า ยูเนสโกจะส่งคณะเจ้าหน้าที่สำรวจปราสาทพระวิหารโดยเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ หลังมีรายงานว่าปราสาทได้รับความเสียหายจากเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา พร้อมกันนี้ยังเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในพื้นที่ใกล้โบราณสถานเก่าแก่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 2551 ตั้งอยู่ในความสงบและอดทนอดกลั้น



    นอกจากนี้แถลงการณ์ยังระบุว่า มรดกโลกเป็นมรดกของมนุษยชาติ และประชาคมโลกมีหน้าที่รับผิดชอบเป็นกรณีพิเศษที่จะต้องปกป้องคุ้มครอง ซึ่งภารกิจนี้ จะต้องอาศัยการประสานความพยายามผ่านการเจรจาหารือ มรดกโลกควรทำให้ผู้คนสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งสำหรับการเจรจาและการสร้างความเข้าใจร่วมกัน มิใช่สร้างความขัดแย้ง





    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>เตือนภัย 'ยกตึกทรุด' ไม่รอบคอบ...อันตรายถึงชีวิต!! </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>
    เตือนภัย 'ยกตึกทรุด' ไม่รอบคอบ...อันตรายถึงชีวิต!!



    จากกรณีที่ตึกหลายหลังมีการทรุดตัวอย่างต่อเนื่องในแต่ละปี ย่อมส่งผลเสียต่อผู้ ที่อยู่ในอาคาร ทั้งใน กรณีตึกทรุดตัวจากฐานรากที่ไม่ได้ มาตรฐาน หรือในกรณีที่พื้นที่อยู่อาศัยต่ำกว่าสิ่งปลูกสร้างใหม่ ที่เพิ่มเติมขึ้น ซึ่งดูเหมือนว่า พื้นที่ในกรุงเทพฯ จะได้รับผลกระทบจากปัญหานี้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันโบราณสถานที่ตั้งเด่นเป็นสง่าในแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ก็ได้รับผลกระทบจากพื้นที่ต่ำ เสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายร้ายแรงในอนาคต

    ลักษณะที่เกิดขึ้นอันเนื่องจากหลายสาเหตุที่กล่าวมา แก้ได้ด้วยการ “ยกอาคารให้สูงขึ้น” ปัจจุบันมีหลาย บริษัทที่รับทำ แต่ก็มีหลายบริษัทเช่นกันที่ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้ดีพอ ซึ่งเสี่ยงที่จะมีผู้ได้รับอันตรายถึงชีวิต

    ทั้งนี้ ธเนศ วีระศิริ รองเลขาธิการ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) กล่าวถึงสถานการณ์ตึกทรุดขณะนี้ว่า ปัจจุบันมีบ้านหลายหลังที่ ได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของอาคารมาก ทั้งด้วยปัจจัยของฐานรากที่ไม่ได้มาตรฐานจากความไม่รับผิดชอบของผู้สร้าง และอีกประเด็นเป็นผลจากชั้นดินมีความอ่อนตัวสูง เช่น พื้นที่กรุงเทพฯ บางราย ผู้สร้างเจาะเสาเข็มไปไม่ถึงชั้นดินแข็ง ทำให้ทรุดเร็ว บางราย ต่อเติมบ้านโดยตอกเสาเข็มสั้นกว่าของเดิมพอเกิดการทรุดตัว อาคารทั้งสองจะดึงกันจนเกิดเป็นรอยร้าวน่ากลัว!

    อาคารที่จำเป็นต้องยก ให้สูงขึ้นมีด้วยกันสองกรณี คือ 1.พื้นที่โดยรอบอาคาร ถูกถมให้สูงจนพื้นที่ของอาคารต่ำและ 2.ฐานรากของอาคารมีปัญหาทำให้อาคารทรุดเอียง ซึ่งทั้งสองกรณี ต้องยกให้สูงขึ้นโดยวิธีทางวิศวกรรมในการเสริมเสาเข็มเพิ่มเติมให้สูงขึ้นในระดับที่ต้องการ ขณะเดียวกันขั้นตอนที่ยากเกิดจากบางกรณีเสาเข็มเดิมมีการหักทำให้ยากลำบากในการต่อเติม

    “เนื่องจากผู้ประกอบการ ที่รับยกตึกให้สูงมีเพิ่มมากขึ้น จึงจำเป็นที่ผู้ใช้บริการจะต้อง มีความละเอียดถี่ถ้วนในการเลือกสรรเพิ่มมากขึ้น เพราะการยกอาคารที่มีความสูงต้องคำนวณน้ำหนักทางวิศวกรรมของตัวตึก และวางแผนการยกอย่างรอบด้าน มิฉะนั้น คนงานอาจได้รับอันตราย ซึ่งเห็นได้จากข่าวการยกตึกแล้วพลาดทับคนงานในหลายราย ที่ผ่านมา”

    ทั้งนี้ วิธีการยกอาคาร จะเริ่มจากคำนวณน้ำหนักตึกเพื่อเจาะเสาเข็มใหม่ให้รับน้ำหนักของอาคารได้ จากนั้นเจาะสำรวจสภาพดินเพื่อให้ทราบความแข็งของชั้นดิน เลือกใช้เสาเข็มใหม่โดยให้มีความยาวถึงชั้นดินแข็ง ต่อมาติดตั้งเสาเข็มใหม่ในแต่ละฐาน นำแม่แรงที่ผ่านการคำนวณ ที่จะรับน้ำหนักอาคารได้ ดันตรงเสาเดิมให้สูงขึ้นเพื่อ ถ่ายน้ำหนัก สู่เสาเข็มใหม่ ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญมากเพราะถ้าไม่มีการคำนวณ น้ำหนักตึกอย่างดี ตึกที่ดึง ขึ้นอาจทรุดลงมาทับช่างได้ โดยข้อผิดพลาดส่วนใหญ่อยู่ที่จุดนี้

    ต่อมาตัดเสาตอม่อ ทุกเสาให้ขาด แล้วทำการดัน แม่แรงที่สามารถรับน้ำหนัก ตัวอาคารได้มากกว่า 2-3 เท่า ให้ยกขึ้นพร้อม ๆ กันทุกเสา

    “การยกอาคารที่ดีควรมีวิศวกรคอยดูแล เพราะต้องใช้การคำนวณน้ำหนักที่จะรับเพื่อความปลอดภัย ซึ่งถ้าพลาดขึ้นมาไม่ใช่แค่ชีวิตคน แต่ตัวอาคารอาจได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงด้วยเช่นกัน เนื่องจากฐานรากของอาคารเป็นสิ่งที่ควรใส่ใจมากสำหรับผู้อาศัย”

    สำหรับการยกอาคารที่เป็นโบราณสถานค่อนข้างมีความลำบากเนื่องจากมีการปลูกสร้างมานาน และด้วยโบราณวัตถุที่มีความเก่าแก่ยิ่งต้องระมัดระวัง ซึ่งจากการ ทำงานที่ผ่านมาพบว่า โบราณสถานที่อยู่ในยุค ร.5 ตอนปลายจะเริ่มมีการเจาะเสา เข็มขึ้น โดยในยุคนั้นถือเป็นวิวัฒนาการใหม่ของเมืองไทย แต่เสาเข็มที่ฝังลงไปยังมีความลึกเพียงสี่เมตร มีการแปรรูปใหม่ให้เป็นทรงสี่เหลี่ยมอันแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจ ของช่าง

    ในการยกโบราณสถานต้องขุดดินไปยังฐานรากที่ มีเสาเข็มและไม่มีเสาเข็ม เจาะส่วนฐานรากด้านล่างให้เป็นวงโค้ง แล้วกดเสาเข็มใหม่ลงไปในพื้นดิน แล้วจึงทำการกดแม่แรงเพื่อดันตึกขึ้นเหมือนกับการยกอาคารแบบธรรมดา

    สำหรับข้อดีของการยกอาคารโบราณสถานนั้น นอกจากจะทำให้อาคารดังกล่าวมีความสง่างามดังเดิมแล้ว ยังช่วยไม่ให้โบราณสถานเหล่านั้นได้รับความเสียหายด้วย เนื่องจากพื้นที่โดยรอบปัจจุบันยกพื้นสูงกว่าเดิม ทำให้เมื่อฝนตกน้ำจะไหลมาเอ่อท่วมบริเวณโบราณสถาน ทำให้โครงสร้างได้รับความชื้นและเสียหาย

    การยกตัวอาคารโบราณสถานในปัจจุบัน กรมศิลปากรมีความรู้ความเข้าใจดี แต่ยังขาดงบประมาณในการบูรณะ เนื่องจากต้องใช้ค่าใช้จ่ายที่สูง ซึ่งอนาคตหากภาครัฐหันมาเอาใจใส่มากยิ่งขึ้น ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าปล่อยให้ผุพังไปตามกาลเวลา

    และพร้อมกันนั้นต้องไม่ลืมว่า การยกอาคารทุกครั้ง สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องคำนึงถึงคือ ความปลอดภัย ทั้งของเจ้าของบ้านและพนักงานที่ทำงาน.

    ข้อสังเกตเบื้องต้นกรณีบ้านทรุดเอียง


    1. ทดลองวางวัสดุทรงกลมที่พื้น แล้วดูว่าวัสดุนั้นกลิ้งไปในในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอยู่เสมอหรือไม่ หากกลิ้งไปในทิศทางหนึ่งทิศทางใด และเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งพื้นชั้นล่างและชั้นบน อาจสันนิษฐานได้ว่า บ้านมีปัญหาทรุดเอียง

    2. ทดลองเปิดประตูค้างไว้ หากประตูอ้าออก หรือปิดเองในทิศทางเดิมเสมอ และเกิดขึ้นทั้งชั้นล่างและชั้นบนก็อาจเป็นข้อสังเกตได้อีกประการหนึ่งว่า บ้านหรืออาคารอาจเกิดการทรุดเอียง

    3. สังเกตจากระดับน้ำในตู้ปลา (ถ้ามี) ว่าอยู่สูงจากฐานตู้เท่ากันหรือไม่ หากไม่เท่ากันควรเริ่มตรวจสอบว่าเกิดจากอะไร จะเป็นเพราะบ้านทรุดได้หรือไม่

    4. สำรวจรอยร้าวที่เสาว่ามีรอยแตกแนวนอน เป็นเส้นที่ชัดลึกและมีลักษณะเป็นปล้อง ๆ หรือไม่ รอยแตกเช่นนี้เป็นสัญญาณอย่างหนึ่งที่บ่งชี้ว่าอาคารทรุดเอียง เสาที่ควรสังเกตเป็นพิเศษคือเสาที่อยู่บริเวณขอบนอกของบ้าน รอยแตกเช่นนี้จะเกิดเพียงด้านใดด้านหนึ่งของเสาไม่แตกโดยรอบ ปลายของรอยแตกจะชี้ไปในทิศทางที่ทรุดตัว ยกตัวอย่างเช่น พบรอยแตกที่เสาหน้าบ้านเป็นปล้อง ๆ แนวนอน ปลายของรอยแตกชี้ไปทางหลังบ้าน ลักษณะ เช่นนี้แสดงว่าบ้านกำลังทรุดเอียงไปทางด้านหลัง เป็นต้น

    หากสำรวจด้วยตนเองตามที่กล่าวแล้วพบว่า อาคารมีแนวโน้มทรุดเอียง ควรติดต่อช่างหรือวิศวกรให้ทำการสำรวจสภาพการทรุดตัวของฐานราก ซึ่งการสำรวจควรทำไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง เว้นระยะห่างต่อครั้งประมาณ 2-4 สัปดาห์

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ปรากฏการณ์พิศวง หิมะปกคลุมแล้วครึ่งโลก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบข่าวจากอินเตอร์เนท</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบข่าวจากอินเตอร์เนท</TD></TR></TBODY></TABLE>

    ขณะนี้พื้นที่ของโลกเกินกว่าครึ่งกำลังถูกปกคลุมด้วยหิมะและน้ำแข็ง ซึ่งเรื่องดังกล่าวถูกเปิดเผยโดยองค์กรทางด้านการวิจัยทะเลและอากาศของสหรัฐอเมริกา the National Oceanic And Atmospheric Association (NOAA) ด้วยหลักฐานที่เป็นรูปถ่ายทางดาวเทียม

    ขณะที่ทางฝั่งของนักวิทยาศาสตร์ต่างกำลังถกเถียงกันอยู่ว่า เหตุใดหิมะจึงตกมามากผิดปกติขนาดนี้ โดยส่วนหนึ่งน่าจะเกิดจากภาวะโลกร้อน หรือโกลเบิล วอร์มมิ่้ง ที่โลกกำลังเผชิญอยู่


    อย่างไรก็ตามในหลายเมืองใหญ่กำลังเผชิญกับวิกฤตนี้ เช่น ชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศในแถบแอฟริกาบางพื้นที่ ตะวันออกกลาง รวมถึงรัฐคะฉิ่นของประเทศพม่า เวียดนามตอนเหนือ ที่เพิ่งเกิดหิมะตกครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>




    เนื้อหาข่าวจาก BBC
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>อึ้ง วิกีลิกส์เผยจนท.ซาอุเตือนสหรัฐ แฉปท.อ้างเวอร์ผลิตน้ำมันเยอะ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    อึ้ง วิกีลิกส์เผยจนท.ซาอุเตือนสหรัฐ แฉปท.อ้างเวอร์ผลิตน้ำมันเยอะ ระบุปี 2012 ผลิตชนเพดาน

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 9 ก.พ.ว่า วิกีลีกส์ได้เผยแพร่เอกสารล่าสุด อ้างบันทึกการสนทนาระหว่างนายซาดัด อัล ฮุสไซนี นักภูมิศาสตร์และอดีตหัวหน้าฝ่ายสำรวจแหล่งน้ำมัน"อแรมโค"ของซาอุดิอาระเบีย กับเจ้าหน้าที่กงสุลสหรัฐในกรุงริยาด เมื่อเดือนพ.ย.ปี 2007 ระบุว่า ซาอุดิอารเบียได้กล่าวอ้างเกินจริงว่าสามารถผลิตน้ำมันได้เยอะ แต่จริง ๆ แล้ว ซาอุฯสามารถผลิตน้ำมันได้เพียง 40 % ของปริมาณที่กล่าวอ้างที่จำนวน 3 แสนล้านบาเรล

    นายซาดัดกล่าวว่า ซาอุอาจจะผลิตน้ำมันได้สูงสุด 12 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในช่วงอีก 10 ปีข้างหน้า แต่ก่อนหน้านั้น ซึ่งอาจเป็นปี 2012 การผลิตน้ำมันของโลกจะอยู่ในระดับ"peak oil"หรือ"สูงสุดขีดจนไม่สามารถผลิตได้อีกต่อไป" และว่า แหล่งน้ำมันอแรมโค"ของซาอุฯจะไม่สามารถหยุดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันได้ เพราะอุตสาหกรรมพลังงานซาอุฯได้กล่าวเกินจริงว่า กลุ่มมีแหล่งพลังงานน้ำมันทดแทนที่จะเพิ่มการลงทุนจากต่างชาติ

    เอกสารดังกล่าวยังระบุว่า เจ้าหน้าที่กงสุลซาอุฯประจำวอชิงตัน ยังได้กล่าวกับรัฐบาลสหรัฐในขณะนั้นว่า ในขณะที่นายซาดัดได้เสนอมุมมองพื้นฐานขัดกับภาพลักษณ์ของแหล่งน้ำมันอแรมโค ในเชิงทฤษฎีน้ำมันหมดโลก ประสบการณ์และทัศนะของเขาได้รับการพิจารณาอย่างไตร่ตรองยิ่งจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐ


    <!--อ่านล่าสุด คน--><TABLE style="MARGIN-TOP: 20px; MARGIN-BOTTOM: 10px" border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=650><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=left>
    <!--[​IMG]-->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ไทยจับตาความเคลื่อนไหวกัมพูชาต่อเนื่อง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A14 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    พาณิชย์ จ.สุรินทร์ ออกตรวจด่านช่องจอม ระบุ หากปิดด่านพรมแดนนาน จะกระทบการค้าหนัก ขณะทหารไทย จับตาความเคลื่อนไหวฝั่งกัมพูชาต่อเนื่อง

    นายสิทธิพร บางแก้ว พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ และนายสุทธิศักดิ์ พรหมบุตร การค้าภายในจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ได้เดินทางออกตรวจและสำรวจสถานการณ์การค้าภายในตลาดการค้าช่องจอม ซึ่งร้านค้ากว่า 400 ร้าน ถูกปิดเงียบลงมากว่า 2 วัน แล้ว หลังแม่ค้า พ่อค้าชาวกัมพูชาและไทย เก็บของกลับไปยังประเทศของตนเอง เพื่อความปลอดภัย ซึ่งได้มีพ่อค้า แม่ค้าบางส่วน เริ่มกลับเข้ามาเปิดร้านบ้างแล้ว หลังเหตุประทะกันที่ จ.ศรีสะเกษ เงียบลงได้ 2 วัน ส่งผลให้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายลงในระดับหนึ่ง พร้อมกันนี้ นายสิทธิพร ได้กล่าวถึง ผลกระทบทางด้านการค้าขายว่า การค้าขายตลาดชายแดนช่องจอม มีผลกระทบแน่นนอน หากมีการปิดตลาดนานโดยไม่รู้กำหนด แต่ถ้าหากใน 1 - 2 วันนี้ ตลาดสามารถเปิดได้ตามปกติทั้งหมด และไม่เกิดเหตุรุนแรงขึ้นอีก ผลกระทบก็อาจจะไม่มีมากนัก

    ขณะที่สถานการณ์ชายแดนด้านปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก เริ่มคลี่คลายลง แต่เจ้าหน้าที่ทหารก็ยังคงเฝ้าจับตาความเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชา อย่างไม่ประมาทและต่อเนื่องเช่นกัน จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ

    ส่วนศูนย์อพยพบ้านโคกสะอาด ต.คูตัน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ที่ได้มีการแจ้งเตือนให้ประชาชน ใน 3 ตำบล ประกอบด้วย ต.ด่าน ต.โคกตะเคียน และ ต.คูตัน ให้เตรียมการอพยพ และได้มีการอพยพไปยังศูนย์อพยพแล้วก่อนหน้านี้

    อย่างไรก็ตาม พบว่าขณะนี้ ประชาชนบางส่วนเริ่มทยอยกลับบ้านแล้ว ซึ่งคาดว่า หากไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นอีก ฝ่ายปกครอง จะอนุญาติให้ประชาชนเดินทางกลับบ้านได้ทั้งหมดภายใน 2 วันนี้ ซึ่งจะต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป




    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>สรุปเหตุปะทะไทย-กัมพูชาดับ2เจ็บ16</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A14 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    อธิบดี ปภ. สรุป เหตุปะทะชายแดนไทย - กัมพูชา มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ผู้บาดเจ็บ 16 ราย ด้าน จ.ศรีสะเกษ ประกาศให้ ต.เสาธงชัย เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ

    นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวถึง กรณีเหตุการณ์ปะทะทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ว่า ตั้งแต่วันที่ 4 - 6 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิต 2 ราย (พลเรือน 1 ราย ทหาร 1 นาย) ผู้บาดเจ็บ 16 ราย (พลเรือน 2 ราย ทหาร 14 นาย) บ้านเรือนเสียหายรวม 17 หลัง อาคารเรียนโรงเรียนบ้านภูมิซรอล เสียหายบางส่วน 2 หลัง ซึ่งทางจังหวัดศรีสะเกษ ได้ประกาศให้พื้นที่ตำบลเสาธงชัย หมู่ที่ 2, 3, 9, 10, 12, 13 และตำบลรุง หมู่ที่ 5, 7, 10 อำเภอกันทรลักษ์ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ

    พร้อมจัดตั้ง ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์

    รวมถึง ศูนย์ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการปะทะตามชายแดน จ.ศรีสะเกษ เพื่อรับบริจาคเงินและสิ่งของ ที่จะนำไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยขณะนี้ จังหวัดศรีสะเกษ ได้จ่ายเงินทดลองราชการเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ แก่ผู้ประสบภัยไปแล้วจำนวน 260,000 บาท ตลอดจน ได้รับผ้าห่มกันหนาวมอบแก่ผู้ประสบภัยและจำนวน 6,970 ผืน นอกจากนี้ ได้จัดตั้งจุดอพยพ 38 จุด และอพยพประชาชนไปจุดอพยพแล้ว จำนวน 15,638 ราย พระสงฆ์ 8 รูป




    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    นักวิจัยเผย ปี 2014 โลกจะก้าวเข้าสู่ยุคน้ำแข็ง “Little Ice Age”
    หลังจากที่เกิดสัญญาณของภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับโลกตลอดหลายปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วโลก ซึ่งนั่น เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาโลกร้อน แต่นักวิทยาศาสตร์บางส่วนเชื่อว่า อีกไม่นานโลกของเรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคน้ำแข็ง หรือยุค “Little Ice Age”ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
    การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว มีการคาดการณ์ว่า หลังจากที่จุดดับบนดวงอาทิตย์มีจำนวนถึงขีดสุดในปี 2042 จะส่งผลให้ปี 2014 เริ่มเป็นยุคน้ำแข็ง และจะเย็นถึงขีดสุดในปี 2055-2060
    [​IMG]
    ดร.ฮา บิบูลโล แอ๊บดัซซามาโทฟ หัวหน้าทีมวิจัยอวกาศแห่งหอดูดาวและอวกาศ เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก เคยกล่าวในการประชุมภาวะโลกร้อนนานาชาติ ที่จัดขึ้นในเดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมาว่า สาเหตุที่แท้จริงของภาวะโลกร้อนนั้นไม่ใช่การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์บนโลก แต่เกิดจากรังสีจากดวงอาทิตย์
    โดยมีการแสดงจุดดับของดวงอาทิตย์ ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เพื่อโต้แย้งงานวิจัยอื่น ๆ พร้อมทั้งแสดงหลักฐานสนับสนุนที่ว่า นักดาราศาสตร์ วอลเตอร์ มอนเดอร์ สรุปข้อมูลจุดดับของดวงอาทิตย์ตั้งแต่ปี 1645 – 1715 พบมีจำนวนเพิ่มขึ้น นั่นเป็นสาเหตุของอุณภูมิโลกที่ลดลง ในแวดวงวิทยาศาสตร์เรียกช่วงเวลานี้ว่า“Little Ice Age”นั่นเอง
    [​IMG]
    ดร.ฮา บิบูลโล ยังได้อธิบายเพิ่มเติมว่า จุดดับ หมายถึง พื้นที่ส่วนหนึ่งของดวงอาทิตย์ขนาดแตกต่างกันไป ตั้งแต่ 3,600 กิโลเมตรไปจนถึง 50,000 กิโลเมตร โดยมีอุณหภูมิต่ำกว่าบริเวณโดยรอบ หากมีจำนวนมากขึ้นแล้ว จะทำให้ห้รังสีจากดวงอาทิตย์มีปริมาณลดลง
    [​IMG]
    โดย Mthai news
    <LI class=news_src_item>[​IMG]

    [​IMG]
    ชี้กัมพูชาสู้ไทยไม่ได้ เหตุไร้กองทัพอากาศ ไม่มีเครื่องบิน
    รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 8 ก.พ. พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีถึงกรณีเหตุปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชาว่า ก่อนหน้านี้ได้มีโอกาสพูดคุยกับ พล.อ.เตีย บันห์ รัฐมนตรีว่าการกลาโหมของกัมพูชา เชื่อว่าทางกัมพูชาสู้ไทยไม่ได้ เนื่องจากกัมพูชาไม่มีกองทัพอากาศ มีเครื่องบินแต่ก็ใช้ไม่ได้
    ทั้งนี้ ตนจึงบอกว่า หากกัมพูชายังไม่หยุด ก็จะเอาเครื่องบิน F 16 ขึ้นโจมตี โดยเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กัมพูชาหยุดยิง
    เรียบเรียงข่าวโดย Mthai News

    [​IMG]
    นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยระหว่างการบรรยายพิเศษ โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า เหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาที่เกิดขึ้น มีสาเหตุจากการที่กัมพูชาต้องการปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบ และให้คณะกรรมการมรดกโลกเข้ามาบริหาร แต่กัมพูชาเห็นว่ากระบวนการรัฐสภาไทยมีความล่าช้า จึงเปิดฉากรบกับประเทศไทยอย่างรุนแรง โดยมีประเทศรัสเซีย อินเดีย และประเทศฝรั่งเศสให้การสนับสนุน

    ทั้งนี้ นายกษิต ยังเปิดเผยว่า จะทำการประสานไปยังประเทศจีน เพื่อให้ตรวจสอบจรวดที่ยิงเข้ามาในประเทศไทยว่า กัมพูชาได้มาจากแหล่งใด
    เรียบเรียงข่าวโดย Mthai News
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    คลื่นมนุษย์ 800 ล้านคนจากประเทศจีนจะบุกไปทั่วทุกสารทิศ !!!

    [​IMG]

    คำทำนายจากศาสนาอิสลาม

    อัลลอฮ (ซ.บ)ตรัสไว้เกี่ยวกับ ยะอญูจญ์-มะอญูจญ์ ว่า

    (حَتّى إذَا فُتِحَتْ يَأجُوجُ وَمَأْجُوجُ وَهُمْ مِنْ كُلّ حَدْبٍ يَنْسِلُون) [الأنبياء: 96]. ​

    This means: “Until, when Ya'juj and Ma'juj (Gog and Magog) are let loose (from their barrier), and they swiftly swarm from every mound.”
    (21, Al-Anbiya’: 96) ​

    จนกระทั่งเมื่อยะอ์ญูจญ์ และมะอ์ญูจญ์ถูกปล่อยออกมาจากกำแพง และพวกเขาจะหลั่งไหลกันลงมาจากทุกทิศทาง เพราะความมากมายของพวกนี้ได้หลั่งไหลกันมาเพื่อบ่อนทำลายในแผ่นดิน ​

    พวกยะอญูจญ์-มะอญูจญ์ออกมาภายหลังจากท่านนบีอีซาอะลัยฮิสสลาม ลงมายังแผ่นดิน และภายหลังจากที่ท่านได้สังหารดัจญาล อัลลอฮจะทรงให้ยะอญูจญ์ (เป็นชื่อของประชาชาติกลุ่มหนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่ทางตะวันออกใกลของโลก) จะหลั่งไหลออกมาและกระจายกันออกไปทัวทุกสารทิศ ในสภาพที่เร่งรีบเพื่อก่อความพินาศในแผ่นดิน กลุ่มหน้าของพวกมะอญูจญ์-ยะอญูจญ์ จะเดินผ่านทะเลสาปฏาบารียะฮ(TIBERIADEE) เป็นทะเลสาปที่ติดอยู่กับภูเขาฏูร)กลุ่มนี้จะดื่มน้ำในทะเลสาปจนเหือดแห้ง และเมื่อกลุ่มหลังมาถึงทะเลสาปนี้พวกเขาจะกล่าวว่า"ครั้งหนึ่งเคยมีน้ำอยู่ในทะเลสาปนี้" - หะดิษเนาวาซ บิน ซัมอาน บันทึกโดยอิหม่ามมุสลิมและอิหม่ามอบูดาวูด - วารสารสายสัมพันธ์ อันดับที่ 322-323 /2539 ​

    คำทำนายของ เอ็ดการ์ เคซีย์ (Edgar Cayce)

    [​IMG]

    เอ็ดการ์ เคซีย์ เป็นชาวอเมริกัน เกิดที่เมืองเวอร์จิเนียบีช มลรัฐเวอร์จิเนีย เป็นโหรดูทางในที่มีชื่อกระฉ่อนไปทั่วโลก เอ็ดการ์ เคซีย์ ได้ทำนายเหตุการณ์ที่จะอุบัติขึ้นในอนาคตไว้ดังนี้

    สงครามโลกครั้งที่ 3

    เอ็ดการ์ เคซีย์ ได้ทำนายไว้เช่นเดียวกับโหรชาวคริสต์คนอื่นๆ ว่าสงครามที่จะเกิดก่อนสิ้นยุคนี้ รัสเซียกับอเมริกาจะเป็นพันธมิตรทำสงครามกับจีน ทั้งนี้โดยจีนจะเป็นฝ่ายบุกประเทศอื่นๆก่อน เป็นมหาสงครามที่ยิ่งใหญ่และโหดร้ายทารุณยิ่งกว่าครั้งใดๆ ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ

    โดยเริ่มแรกจะมีการปะทะกันทางพรมแดนของจีนกับประเทศเพื่อนบ้าน และจีนก็ดำเนินยุทธศาสตร์ "คลื่นมนุษย์" โดยส่งกองทัพประชาชนจำนวน 800 ล้านคน บุกทั่วทุกสารทิศ ประเทศที่จะตกเป็นเหยื่อของสงครามรุกรานจากจีน ในช่วงแรกๆ คือ คาบสมุทรอินโดจีน (ไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา) อินเดีย ปากีสถาน อัฟกานิสถาน อิหร่าน โซเวียต ซีเรีย และกรีซ เมื่อยึดครองประเทศเหล่านี้ได้หมดแล้ว ก็จะบุกเข้ายึดกลุ่มประเทศ ยุโรปตะวันออก หลังจากนั้นก็จะบุกออสเตรีย เบลเยี่ยม อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ และเนเธอแลนด์

    แต่ทั้งนี้ฝรั่งเศสและสวิตเซอร์แลนด์จะทำสัญญาสันติภาพกับจีน ทำให้ทั้งสองประเทศนี้รอดพ้นจากความหายนะจากกองทัพจีนได้ นอกจากนั้นแล้ว ประเทศแอลเบเนียก็จะไม่ถูกจีนรุกรานเพราะจะเข้าเป็นพันธมิตรกับจีน โดยจีนจะปกครองประเทศต่างๆ ในยุโรปด้วยความโหดร้ายทารุณ มีการทำทารุณกรรมต่างๆ แก่ประชาชน ส่วนสตรีก็จะถูกข่มขืนกระทำชำเราไม่เว้นแต่ละวัน และเลือดจะนองทั้งแผ่นดินและแผ่นน้ำ


    ที่มา:- หนังสือคำพยากรณ์โลก โดยนาวาโททองใบ หงษ์เวียงจันทร์ พิมพ์ที่โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

    หมายเหตุ

    เหตุการณ์ในประเทศจีนในตอนนี้ น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งครับ เพราะถ้าประเทศจีนเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง เกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ หรือมีภัยน้ำท่วมใหญ่ขึ้นมาอีก บวกกับปัญหาทางเศรษฐกิจตกต่ำอย่างมาก อาจทำให้เกิดปัญหาอดอยากขาดแคลนอาหารขึ้นในประเทศจีน ซึ่งมีประชากรมากถึง 1,300 ล้านคน

    ซึ่งถ้าเกิดการจลาจลแย่งชิงอาหารเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนคงคุมเหตุการณ์ไม่อยู่แน่ๆ ดังนั้นรัฐบาลจีนอาจจะตัดสินใจดำเนินยุทธศาสตร์ส่ง "คลื่นมนุษย์" โดยมีกองทหารนำหน้า เข้าไปยึดครองแหล่งอาหารในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเป็นการแก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชนของตัวเองก็เป็นได้ครับ

    การทำสงครามกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจนี้ ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาก็มักจะนำมาใช้เสมอๆ เพราะเป็นหนทางที่ง่ายที่สุด ได้ผลเร็วที่สุด และยังสามารถรักษาอำนาจของตัวเองให้มั่นคงได้อีกด้วย

    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Nirvana [​IMG]


    จริงๆก็เชื่อคำทำนายของคุณปู่เอ็ดการ์ เคย์ซี มานานเหมือนกัน....แต่คำทำนายนี้ขอค้านเต็มประตูที่ว่าจะใช้ยุทธศาสตร์ "คลื่นมนุษย์" เพราะเหตุว่า
    1. ในประวัติศาสตร์จีนไม่เคยทำสงครามยึดครองชาติอื่น เพราะรบกันเองกับชนชาติที่ต่างเผ่ากันก็หมดแรงแล้ว อีกอย่างคือเชื่อว่าจีนไม่มีนโยบาย
    2. การใช้คลื่นมนุษย์ อยากถามว่าจะใช้อะไรขน "คลื่นมนุษย์" ขนาดนั้นไปได้ไกลๆ และไปแล้วจะหาอะไรมาเลี้ยงทหาร ไม่ต้องมากเอาแค่ 1 ล้านคนก็พอ วันหนึ่งจะต้องหาเสบียงส่งให้ขนาดไหน ส่งอย่างไร แล้วถ้าเสบียงขาดแคลนจะเกิดอะไรขึ้น
    3. ภัยธรรมชาติในจีนเองก็สาหัสอยู่แล้ว ซึ่งจีนก็รู้ดีจึงไม่เสี่ยงที่จะออกไปรบกับใคร ลำพังหาอาหารเลี้ยงประชากรก็เป็นปัญหามาทุกยุคทุกสมัย
    อยากบอกว่า "คนขาว" เท่านั้นแหละที่รุกรานชนชาติอื่น เพราะเป็นสันดานมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ประวัติศาสตร์ก็มีมาให้เห็นแล้ว นะครับ

    ผมคิดว่าคงเป็นเพราะสถานะการณ์ เป็นตัวบีบบังคับให้ประเทศจีนไม่มีทางเลือกมากกว่าครับ เพราะแหล่งเพาะปลูกพืชพรรณธัญญาหาร ในประเทศจีนกำลังมีปัญหาจากทะเลทราย ทางตอนเหนือของประเทศจีนที่กำลังรุกคืบคลานมาทางตอนกลางของประเทศจีน อีกทั้งปัญหาอุทกภัยที่คอยกระหน่ำซ้ำเตืมเข้ามาทางตอนกลางและตอนใต้ของประเทศจีนเข้ามาอีกอย่างไม่ขาดสาย ทำให้เกิดการอดอยากขาดแคลนอาหารในหมู่ประชาชนชาวจีนเป็นอย่างมาก

    จีงมีความจำเป็นที่รัฐบาลจีนจะต้องอพยพประชาชนนับร้อยๆล้านคน ออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่ยังไม่ถูกภัยธรรมชาติเล่นงานมากนัก เพื่อไปหาแหล่งอาหารของประเทศต่างๆ มาเลี้ยงประชาชนของตนเองไม่ให้อดตายนั่นเองครับ ซึ่งในความเป็นจริง มันก็คือการเข้าไปแย่งแหล่งทำมาหากินของประชาชนในประเทศอื่นนั่นเอง ซึ่งคงไม่มีประเทศไหนยินยอมโดยดีแน่ๆ นอกจากจำใจยอมเพราะสู้กำลังทหารของประเทศจีนไม่ได้ครับ

    ความจริงโหรตาทิพย์ท่านนี้ ไม่ได้ใช้วิชาทางโหราศาสตร์แต่อย่างใด แต่เขาใช้วิธีเข้าฌานจนมองเห็นอนาคตได้ครับ ซึ่งมีความแม่นยำมาก และยังไม่เคยพบว่าผิดพลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว อีกทั้งคำทำนายเรื่องนี้ยังตรงกับคำทำนายของศาสนาอิสลาม ตามที่ผมได้นำมาโพสต์ให้ได้อ่านกันไปแล้วด้วยครับ -เกษม-

    จีนจะทุ่มงบ 30,000 ล้านบาทแก้ปัญหาแห้งแล้งทางตอนเหนือ

    [​IMG]

    ปักกิ่ง 9 ก.พ.- จีนจะจัดสรรงบประมาณเกือบ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เกือบ 30,000 ล้านบาท) แก้ปัญหาภาวะแห้งแล้งในพื้นที่ตอนเหนือของประเทศ ขณะที่ราคาข้าวสาลียังคงขยับขึ้นต่อเนื่องและสหประชาชาติเตือนว่าผลผลิตฤดูหนาวจะถูกกระทบหนัก

    หลายพื้นที่ทางเหนือของจีนเผชิญภาวะแห้งแล้งรุนแรงที่สุดในรอบ 60 ปี แหล่งเพาะปลูกธัญพืชมีฝนตกน้อยมานานกว่า 3 เดือนแล้ว สำนักงานบรรเทาภัยแล้งเผยว่า รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณอย่างน้อย 6,000 ล้านหยวน (ราว 30,000 ล้านบาท) ผันน้ำไปยังพื้นที่แห้งแล้ง สร้างบ่อน้ำฉุกเฉินและระบบชลประทาน รวมทั้งมาตรการอื่น ๆ

    ด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าเจิ้งโจว ทางตอนกลางของจีนเผยว่า ราคาข้าวสาลีล่วงหน้าปรับเพิ่มขึ้นเกือบทั้งกระดาน ส่วนเว็บไซต์เหอซุนรายงานว่า ราคาข้าวสาลีล่วงหน้าทำสถิติสูงสุดที่ตันละ 2,865 หยวนเมื่อวันอังคาร ขณะที่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) เตือนว่า ภาวะแห้งแล้งในจีนขณะนี้เป็นปัญหาร้ายแรงมาก กระทบ 8 มณฑลที่ปลูกข้าวสาลีฤดูหนาวกว่าร้อยละ 80 ของทั้งประเทศ.-สำนักข่าวไทย

    วันพุธ ที่ 9 ก.พ. 2554

    ที่มา http://www.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2011
  18. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** บ้านเมืองขาดสัจจะ ****

    รบไปก็มีแต่แพ้ มีแต่สูญเสีย
    เพราะเป็นกรรม ที่ไม่เอาสัจจะ
    ปลูกต้นอะไรไม่เท่า ปลูกสัจจะในใจคน
    เพราะมีผลเป็นมรรค หลุดพ้นทุกข์ ก้าวข้ามกรรม

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  19. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** ศึกประลัยกัลป์ ****

    ชนวน ก็ถูกจุดไปแล้ว โดยชายคนหนึ่ง
    บ้านเมือง ก็แตกแยกความสามัคคี ความเป็นปึกแผ่นไม่มีแล้ว
    ระเบิดในเมือง ก็มีพร้อมแล้ว เขาก็รอวันจุด
    รอบประเทศที่จะบุก เขาก็รอให้ในบ้านเริ่มพังก่อน
    ถึงระนอง ถึงบางประกง ใครจะไปเชื่อ
    คนมีสัจจะ เขารู้มานานแล้ว กรรมประเทศ
    เมื่อขาดสัจจะ ผลกรรมก็ตามมา

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  20. กัลกยาวตาร

    กัลกยาวตาร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2010
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +64
    ดูภาพตาม link นี้จะพบคำตอบที่ผู้คนส่วนหนึ่งจำนวนไม่น้อยสงสัย...กำเนิดจักรวาล สรรพชีวิตทั้งหลายทั้งปวง กฎแห่งกรรม รวมถึงภัยพิบัติ... (สาเหตุส่วนหนึ่งสืบเนื่องจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผู้คน และจะพบเพิ่มเติมตามที่ระบุไว้ในบางภาพ...)

    http://palungjit.org/threads/kalki-avatar-พระศรีอารยะเมตไตรย์มหาพุทธเจ้า-278936.html

    http://palungjit.org/members/321939-albums.html

    http://palungjit.org/member-321939/kalki-avatar-1-revelation-of-existing-unique-true-truth-and-day-of-judgment-4705.html

    http://palungjit.org/member-321939/kalki-avatar-2-unique-true-truth-creating-great-universe-4732.html

    http://palungjit.org/member-321939/kalki-avatar-3-existing-unique-true-truth-creating-continued-1-4743.html

    http://palungjit.org/member-321939/kalki-avatar-4-existing-unique-true-truth-creating-continued-2-4751.html

    http://palungjit.org/member-321939/kalki-avatar-5-conclusion-of-revelation-of-kalki-avatar.4790/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 111-1.jpg
      111-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      590 KB
      เปิดดู:
      146

แชร์หน้านี้

Loading...