ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
     
  2. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    สรุปน้ำท่วม ขณะนี้

    - India, State of Himāchal Pradesh, Rampur area,
    อินเดีย
    - United Kingdom, Scotland, , Elgin
    สก็อตแลนด์
    - China, Province of Shandong, 12 cities,
    จีน
    - Cambodia, , Kompong Thom, Preah Vihear, Ratanakiri province,
    เขมร
    - North Korea, , provinces of Kangwon,
    เกาหลีเหนือ
    - Papua New Guinea, Province of Morobe, ,
    ปาปัวนิวกินี
    - Ecuador, Province of Zamora-Chinchipe, Yanzatza, Zamora, Pastaza, Yanuncay, Puela River,
    เอกวาดอ
    - ประเทศไทย

    (แล้วที่อื่นๆ อีก แต่ไม่ได้เอามาลง)

    ต่อๆ
    - Philippines, , Manila, Quezon City, Makati City, Pasay City,
    มะนิลา ฟิลิปปินส์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2007
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ฝนตกหนักส่งผลให้การคมนาคมสัญจรทั่วทั้งกรุงมนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์เป็นอัมพาต

    [​IMG]

    อุทกภัยเนื่องจากฝนตกหนักส่งผลให้การคมนาคมสัญจรทั่วทั้งกรุงมนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์เป็นอัมพาต โรงเรียนต้องหยุดการเรียนการสอน

    พายุฝนที่ยังคงโหมกระหน่ำลงมาติดต่อกัน ส่งผลให้ท้องถนนสายต่างๆทั่วกรุงมนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์และบริเวณโดยรอบจมอยู่ใต้น้ำ การคมนาคมสัญจรเป็นอัมพาต ผู้คนต่างตกค้างอยู่ตามท้องถนน

    ขณะที่โรงเรียนหลายแห่งต้องประกาศหยุดการเรียนการสอนอย่างกระทันหันซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับบรรดาผู้ปกครองเนื่องจากนักเรียนหลายคนดั้นด้นเดินทางมาจนถึงโรงเรียนแล้ว คาดว่าอิทธิพลของพายุโซนร้อน เซอปัต จะยังคงก่อให้เกิดฝนตกหนักทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์ในวันพรุ่งนี้ หรือไม่ก็วันศุกร์นี้

    [ 2007-08-15 : 16:07:13 ]

    คาดมีชาวเกาหลีเหนือไร้บ้านเพราะน้ำท่วมมากถึง 300,000 คน

    [​IMG]

    โซล 15 ส.ค. - สหประชาชาติ หรือยูเอ็น เผยได้รับแจ้งจากทางการเกาหลีเหนือว่า อุทกภัยที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา อาจทำให้ชาวเกาหลีเหนือไร้ที่อยู่มากถึง 300,000 คน และอาจทำลายพืชผลเสียหายหนัก ซ้ำเติมเกาหลีเหนือที่ประสบภาวะอดอยากอยู่แล้ว

    พอล ริสลีย์ โฆษกโครงการอาหารโลกประจำสหประชาชาติ เผยว่าคณะเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยหนักใกล้กรุงเปียงยาง และได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากเกาหลีเหนือ สถานการณ์น่าเป็นห่วงมาก เพราะอุทกภัยเกิดขึ้นในช่วงที่พืชกำลังขยายพันธุ์ จึงน่าจะกระทบหนักต่อปริมาณผลผลิตในอนาคต เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือแจ้งยูเอ็นว่า ประชาชนราว 200,000 - 300,000 คน ไร้ที่อยู่อาศัยและกำลังต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนเรื่องอาหาร ที่พัก และเวชภัณฑ์

    ด้านนายบัน คีมูน เลขาธิการยูเอ็นรับปากกับทูตเกาหลีเหนือประจำยูเอ็นว่า ยูเอ็นจะให้ความช่วยเหลือทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ส่วนรัฐบาลเกาหลีใต้แสดงท่าทีว่าพร้อมให้ความช่วยเหลือ แต่ยังไม่ได้รับการร้องขอ ขณะที่สหรัฐกำลังพิจารณาจัดส่งความช่วยเหลืออยู่ อย่างไรก็ดี กระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้ไม่คิดว่า อุทกภัยที่เกิดขึ้นจะทำให้การประชุมผู้นำสองเกาหลีต้องเลื่อนจากกำหนดเดิม 28 - 30 สิงหาคมนี้ที่กรุงเปียงยาง. -สำนักข่าวไทย

    [ 2007-08-15 : 15:16:38 ]

    บ้านเรือนประชาชนในไต้หวัน รวมทั้งพื้นที่เพาะปลูกจมอยู่ใต้น้ำนานนับสัปดาห์แล้ว

    [​IMG]


    บ้านเรือนประชาชนในไต้หวัน รวมทั้งพื้นที่เพาะปลูกจมอยู่ใต้น้ำนานนับสัปดาห์แล้ว มูลค่าความเสียหายหลายหมื่นล้านบาท จากเหตุไต้ฝุ่นถล่ม
    ระดับน้ำในหลายพื้นที่ของไต้หวัน เช่น ที่เมืองไถหนาน และเมืองเกาโฉง ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงภายหลังเกิดน้ำท่วมหนัก จากเหตุไต้ฝุ่น 2 ลูกถล่มติดๆกันเมืองสัปดาห์ที่ผ่านมา

    ทั้งนี้ระดับน้ำที่ท่วมสูงราว 1 เมตรทำให้ชั้นล่างสุดของบ้านเรือนประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นตึกแถวถูกน้ำท่วมนานนับสัปดาห์ การสัญจรเป็นไปด้วยความยากลำบาก พื้นที่เพาะปลูกจมอยู่ใต้น้ำ พืชผลเสียหายนับพันไร่

    เหตุอุทกภัยที่เกิดขึ้นนับว่ารุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปีของพื้นที่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของไต้หวัน

    [ 2007-08-15 : 14:55:55 ]

    ที่มา http://tna.mcot.net/#

     
  4. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>คาดการณ์สิ้น ก.ย.นี้น้ำแข็งอาร์กติกเหลือน้อยสุดเท่าที่เคยบันทึก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>15 สิงหาคม 2550 10:06 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>พื้นที่ธารน้ำแข็งในทะเลอาร์กติกมีแนวโน้มลดลงเหลือน้อยที่สุดปลายเดือน ก.ย.นี้</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ผิวหน้าของธารน้ำแข็งสามารถสะท้อนแสงอาทิตย์ได้ถึง 80% และเมื่อน้ำแข็งละลายกลายเป็นน้ำทะเลจะดูดซับความร้อนเอาไว้ได้ถึง 90%</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>หมีขั้วโลกสิ่งมีชีวิตแรกๆ ที่จะสูญไปกับแผ่นน้ำแข็งที่ลดลงทุกขณะ</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>เปรียบเทียบให้เห็นพื้นที่ธารน้ำแข็งเมื่อหลาย 10 ปีก่อน กับเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>กราฟแสดงบริเวณธารน้ำแข็งที่ลดน้อยลงเรื่อยๆจากพื้นที่เฉลี่ยช่วงหลายปีก่อน</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>บีบีซีนิวส์ – นักวิจัยสหรัฐฯ คาดการณ์ สิ้นฤดูร้อนนี้ที่ขั้วโลกเหนือ ทะเลอาร์กติกจะเหลือพื้นที่ธารน้ำแข็งน้อยที่สุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งยังทำนายปี 2583 อาร์กติกจะไม่เหลือก้อนน้ำแข็งอีกเลย อันเป็นผลพวงจากภาวะโลกร้อนฝีมือมนุษย์ตอนนี้นั่นเอง

    ศูนย์ข้อมูลน้ำแข็งและหิมะแห่งสหรัฐฯ (National Snow and Ice Data Center: NSIDC) เปิดเผยข้อมูลพื้นที่ธารน้ำแข็งในทะเลอาร์กติก หลังตรวจวัดเมื่อวันที่ 8 ส.ค.ว่า พื้นที่ธารน้ำแข็งบริเวณทะเลอาร์กติก หายไปเกือบ 30% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวในช่วง 20 กว่าปีก่อน

    ทั้งยังคาดการณ์ว่าสิ้นสุดฤดูร้อนของแถบอาร์กติก (ตอนปลายเดือน ก.ย. นี้) ทะเลอาร์กติกจะเหลือพื้นที่น้ำแข็งน้อยที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้

    เจ้าหน้าที่ NSIDC วัดพื้นที่ธารน้ำแข็งในทะเลอาร์กติกจากภาพถ่ายดาวเทียมได้ 5.8 ล้านตารางกิโลเมตร ขณะที่ค่าเฉลี่ยของพื้นที่น้ำแข็งในช่วงปี 2522-2543 อยู่ที่ประมาณ 7.7 ล้านตารางกิโลเมตร นับเป็นข้อมูลที่น่าตกใจมากเ พราะพื้นที่น้ำแข็งหายไปจากเดิมเกือบ 30%

    อีกทั้ง เชื่อว่าแผ่นน้ำแข็งที่กำลังละลายหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อสิ้นสุดฤดูร้อนจะแซงหน้าที่เคยบันทึกไว้ในปี 2548 ว่าเหลือน้ำแข็งปกคลุมอาร์กติกเพียงแค่ 5.32 ล้านตร.กม.

    มาร์ค เซอร์รีซี (Mark Serreze) นักวิทยาศาสตร์อาวุโสของศูนย์ข้อมูลฯ กล่าวว่า เพียงสัปดาห์แรกของเดือน ส.ค. ก็พบว่าน้ำแข็งในทะเลอาร์กติกละลายไปเป็นจำนวนมาก เป็นสัญญาณแสดงให้เห็นแล้วว่าธารน้ำแข็งบริเวณขั้วโลกเริ่มตอบสนองกับภาวะโลกร้อนและสภาพอากาศแปรปรวนที่เกิดขึ้นจากน้ำมือของมนุษย์ที่ปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศเป็นปริมาณมาก ซึ่งมีแนวโน้มว่าสิ้นสุดฤดูร้อนในปีนี้จะเหลือน้ำแข็งน้อยกว่าเมื่อปี 2548 แน่นอน และอาจเป็นสถิติน้อยที่สุดเลยก็ได้

    การที่ผิวหน้าของธารน้ำแข็งสว่างไสว ทำให้สามารถสะท้อนแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบลงบนพื้นผิวกลับสู่อวกาศได้ถึง 80% ถ้าธารน้ำแข็งกลับหลอมเหลวในช่วงฤดูร้อน ก็จะเผยให้เป็นพื้นผิวของมหาสมุทรที่ดำมืด ซึ่งนอกจากจะไม่สะท้อนแสงกลับไปแล้วยังดูดซับแสงอาทิตย์เอาไว้ถึง 90% ทำให้น้ำทะเลร้อนขึ้นแลกน้ำแข็งละลายมากขึ้นด้วย

    บรรดานักวิทยาศาสตร์ต่างพากันวิตกกังวลว่า ความแปรปรวนของภูมิอากาศที่ทำให้โลกสูญเสียพื้นผิวน้ำแข็งที่สะท้อนแสงอาทิตย์ไป ซ้ำยังเพิ่มการดูดซับเอาไว้มากกว่าเดิมจะส่งผลต่อทุกชีวิตบนโลก โดยเฉพาะหมีขั้วโลกที่อาจต้องเผชิญกับหายนะก่อนใครเพื่อน ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อปลายปี 2549 ทีมนักวิทยาศาสตร์สหรัฐฯ ของศูนย์สำรวจบรรยากาศแห่งชาติ (National Center for Atmospheric Reserch: NCAR) ได้ทำนายไว้ว่าสิ้นสุดปี 2583 ทะเลอาร์กติกอาจไม่เหลือธารน้ำแข็งอีกเลย

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right height=10>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** ฝันไป ****

    น้ำแข็งขั้วโลกเหนือ... ละลาย เหลือไม่ถึงครึ่ง
    อีกไม่นานนัก.... จะเร็วกว่าที่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ คำนวณไว้

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  6. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** แสงสัญญาณ ****

    ดินฟ้าอากาศ...สื่อสารในวันที่ดี...
    เมื่อ สัจจะ สารยายธรรมของโลกุตตระ ครบ ๘๘๘ ชั่วธูป
    ในวันจันทร์ที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๐
    เวลาถ่ายภาพ ๑๓๔๘ - ๑๔๐๗
    เหนือบริเวณเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก
    วันฟ้าใส พระอาทิตย์เหนือหัวข้าพระพุทธเจ้า

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  7. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** สัญญาณเตือนกรรม ****

    เมฆ พุพุ่งมาปิดเหนือหัว ... ฉับพลัน !!!!

    [​IMG]

    [​IMG]

    โลกุตตระ กำลังรอ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  8. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** สัญญลักษณ์บนท้องฟ้า ****

    [​IMG]

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  9. piakgear24

    piakgear24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    2,696
    ค่าพลัง:
    +44,505
    ภาพไม่ขึ้นเลย อะ ทำไงหนอ
     
  10. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ต่อเนทได้แล้วหรือครับคุณเปี๊ยก เพื่อนๆ กำลังคิดถึงเลย
     
  11. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    ประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ทั่วโลกกำลังเกิดภัยพิบัติตามที่ได้ทำนายกันแล้วครับ
     
  12. piakgear24

    piakgear24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    2,696
    ค่าพลัง:
    +44,505
    เนตต่อได้แล้วครับ เขากลัวรอนาน เทวดาท่านเลยเร่งให้มาต่อให้ทันใจ เหอะๆ แต่ว่าบ้านยังไม่ลงตัวอีกหลายเรื่อง เลยวุ่นๆนิดหน่อย
    ขอบคุณเพื่อนๆที่คอยให้กำลังใจอยู่ห่างๆ
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ต้องการเลือดหมู่ A Rh negative ซึ่งถามไปที่ ธนาคารเลือดแล้วไม่มี--------- ด่วนครับ

    คุณแม่ เพื่อนของเพื่อนเราอีกที (พี่อ๊อดสวาท) ป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก มีอาการเลือดไม่แข็งตัว เพราะขาดเกล็ด เลือดต้องการเลือดหมู่ A Rh negative ซึ่งถามไปที่ ธนาคารเลือดแล้วไม่มี ก็เลยมาสอบถามว่าเพื่อนๆคนใด มี หมู่เลือดตรงกันที่พอจะช่วยอนุเคราะห์ได้

    ติดต่อไปที่พี่อ๊อดสวาทได้เลยครับ ที่เบอร์ 086-3266346 ช่วยกันหน่อยครับ ขอบคุณครับ

    ปล. จิ๊บจ๊อย ฝากดูแลกระทู้หน่อยครับ ขอบคุณครับ

    ใครทราบแล้วกระจายข่าวด่วนครับพี่น้อง
    สมาชิกเราเองครับ

    ช่วยด้วยครับ
    kitcamp

    http://www.trekkingthai.com/board/sh...rum=8&No=98241
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  14. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    ณ จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์ อนาคตโลก ... อนาคตไทย (1) <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ยุค ศรีอาริยะ</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">15 สิงหาคม 2550 20:27 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td align="left" height="12" valign="bottom">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#cccccc"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="1" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" bgcolor="#ffffff" valign="top"> <table cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellspacing="7" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> .
    วันนี้ สภาวะวิกฤตธรรมชาติดูจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และก่อตัวขึ้นหลายจุดในโลกพร้อมๆ กัน ขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกาอากาศร้อนจัดอย่างไม่เคยมีมาก่อน คนนับร้อยตายด้วยคลื่นความร้อนในยุโรป ประเทศญี่ปุ่นก็เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ ประชาชนจีนต้องเผชิญอุทกภัยครั้งใหญ่

    ดูราวว่า ธรรมชาติกำลังส่งสัญญาณบางอย่างให้มนุษยชาติรับรู้เสมือนอยากสื่อบอกเราว่า

    “วิบัติภัยครั้งใหญ่ และรุนแรงอย่างยิ่ง กำลังใกล้มาถึง”

    ในยามที่ธรรมชาติตั้งเค้าวิกฤตใหญ่ วิกฤตเศรษฐกิจ (วิกฤตน้ำมัน และ วิกฤตค่าเงินดอลลาร์) ก็ก่อขยายตัวขึ้น ในขณะเดียวกัน ระบบการเมืองก็วิกฤต เกิดสงคราม และการเข่นฆ่ากัน

    ผู้คนจำนวนหนึ่งมักจะเดินหลงทาง หลงเข้าสู่โลกแห่งสงคราม เข่นฆ่า และทำลายล้างกัน

    โดยที่ไม่มีใครสักคนเข้าใจว่า

    “การใช้ความรุนแรงแก้ปัญหาคือ อวิชชา”

    การฆ่า และการทำลายล้างกัน ยิ่งเพิ่มพูนกระแสแห่งวิกฤตให้รุนแรงขึ้นไปอีก ทางออกจากวิกฤตจึงยิ่งมืดมนลง

    วันก่อนเจอเพื่อนเก่าคนหนึ่งโดยบังเอิญ ท่านเป็นนักลัทธิมาร์กซ์ ที่ยังคงยืนหยัดในความเป็นลัทธิมาร์กซ์ ท่านนำเสนอแนวคิดว่า วันนี้ พวกเราต้องโค่นล้ม “ศัตรู” ซึ่งท่านหมายถึงบรรดาชนชั้นศักดินา

    ท่านยังหลงเชื่อ “ทฤษฎีซ้ายโบราณ” ที่ชอบสอนให้คนทำสงครามทางชนชั้นกัน และคิดว่าเมื่อโค่นล้มชนชั้น (ศัตรู) ลงไปแล้ว ท้องฟ้าจะสีทองผ่องอำไพ

    คนที่ศรัทธาอะไรอย่างสุดๆ ก็มักจะติดยึดกับความเชื่อของตัวเอง และคิดว่าสิ่งที่ตนเองเชื่อ จริงแท้แน่นอน เป็นสัจธรรมสูงสุด

    ผมตั้งประเด็นถามว่า

    “ถ้าประชาชนโค่นชนชั้นศักดินาลงไป แล้วบรรดานายทุนก็จะขึ้นมาเป็นใหญ่ในแผ่นดิน คนยากจนจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจริงๆ หรือ”

    ความจริงตามหลักทฤษฎีมาร์กซ์แล้ว ชนชั้นกรรมาชีพต้องโค่นล้มชนชั้นนายทุน เพราะบรรดานายทุนคือ “ศัตรู” ที่สำคัญที่สุดของชนชั้นกรรมาชีพ สำคัญมากกว่าบรรดาศักดินาเสียอีก เนื่องจากชนชั้นนายทุนคือ ชนชั้นที่กดขี่ขูดรีดชนชั้นกรรมาชีพโดยตรง

    แต่ที่แปลกอย่างยิ่งกว่านี้คือ เพื่อนผมคนนี้ประกาศตัวว่าเป็นตัวแทนของชนชั้นกรรมาชีพ แต่กลับศรัทธานายทุนเอามากๆ โดยเฉพาะนายทุนที่โคตรโกง อย่างเช่นคุณทักษิณ

    วันก่อนไปสอนหนังสือปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง

    นักศึกษาคนหนึ่งถามผมว่า

    “ทำไมกรรมการสิทธิมนุษยชนท่านหนึ่งจึงไปยืนอยู่ข้างผู้ที่มีประวัติในด้านสิทธิมนุษยชนที่เลวร้ายที่สุด เท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ประเทศไทย”

    ผมตอบว่า

    “ไม่รู้เหมือนกัน ท่านอาจจะจงเกลียดจงชังเผด็จการทหารเอามากๆ”

    ผมกล่าวถึงเรื่องนี้ ไม่ได้หมายความว่าบรรดาเพื่อนๆ ผมจำนวนหนึ่งที่ไปเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการคนรักทักษิณคิดผิด หรือกระทำผิด

    เขากระทำอย่างเชื่อมั่นด้วยหลักคิดและทฤษฎีที่ช่วยยืนยันว่าที่พวกเขากระทำนั้นถูกต้อง (ตามจุดยืน และทฤษฎีที่พวกเขาหลงเชื่อ)

    คนยึดทฤษฎีแบบซ้ายเก่าๆ และแนวคิดต้านเผด็จการทหารแบบเก่าๆ จึงมักมีบทสรุปง่ายๆ ว่า “ศักดินา” มีค่าเท่ากับ “เลวทราม” และ “ล้าหลัง” และ “ทหาร” มีค่าเท่ากับ “เผด็จการ”

    ผมบอกนักศึกษาว่า

    ทฤษฎีเก่าๆ แบบนี้ แม้จะมีหลักการที่ดูดี แต่มีความจำกัดอยู่มาก จุดอ่อนที่สำคัญคือการนำเสนอหลักคิดในการอธิบายโลก แบบดำขาว ดีชั่ว ตายตัว และง่ายไป

    ทฤษฎีพื้นฐานที่ผมใช้ในปัจจุบันคือ ทฤษฎี CHAOS ถ้าแปลเป็นภาษาไทย น่าจะแปลว่า ทฤษฎีพลวัตที่พลิกผัน

    ทฤษฎีนี้มีหลักคิดพื้นฐานว่า ทุกหน่วยชีวิต รวมทั้งระบบสังคม มีความซับซ้อน และความพลิกผันเป็นพื้นฐาน ในยามที่สังคมเคลื่อนสู่การเปลี่ยนผ่าน สภาวะวิกฤต หรือความพลิกผันจะขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ตำแหน่งแห่งที่ หรือสภาวะชนชั้น และชั้นชน ตลอดจนความสามารถในการแยกแยะถูกผิด ดีชั่ว สับสนไปหมด


    บรรดาผู้คนที่เป็นนายทุนศักดินาก็ไม่จำเป็นต้องเป็นพวกหัวเก่าล้าสมัยเสมอไป พวกเขาอาจจะหันไปสนใจปัญหาใหม่ๆ อย่างเช่น การคำนึงถึงเรื่องวิกฤตสิ่งแวดล้อม และวิกฤตวัฒนธรรมอย่างมากๆ

    บรรดาทหารในยุคนี้ก็กลัวจะถูกหาว่าเป็น “เผด็จการ” อย่างมากๆ จนทำอะไรไม่ถูก และที่สำคัญการรัฐประหารครั้งนี้พลังที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังอำนาจของทหารคือ ทุนศักดินา และชนชั้นกลางที่ขัดแย้งกับฝ่ายทักษิโณมิกส์ ทั้งทุนศักดินาและชนชั้นกลางก็ล้วนปฏิเสธ หรือไม่สนับสนุนที่จะให้การเมืองไทยกลับสู่ยุคเผด็จการทหารอีกครั้งหนึ่ง

    นอกจากนี้ ในยุคโลกาภิวัตน์ ฐานะชนชั้นในระบอบเศรษฐกิจการเมืองก็พลิกผันไปอย่างมาก อย่างเช่น

    บรรดา CEO ซึ่งมีฐานะเป็นลูกจ้างบริษัทขนาดใหญ่ บรรดานักกีฬาฟุตบอล และนักแสดงที่โด่งดังซึ่งมีค่ายสังกัดแน่นอน แม้จะมีฐานะเป็นลูกจ้าง หรือผู้ขายแรงงาน อาจจะร่ำรวยกว่าบรรดานายทุนเสียอีก

    บรรดานักธุรกิจนายทุนจำนวนมากก็เลิกคิดเป็นนายจ้างหรือนายทุนที่หากำไรจากการจ้างงานไปแล้วเพราะสามารถเล่นหุ้นและเล่นเงินแบบเก็งกำไร จนกลายเป็นนักเล่นการพนันประเภทหนึ่งซึ่งสามารถทำกำไรมากกว่าการลงทุนอุตสาหกรรม

    นี่คือ สภาวะโลกในยุคปัจจุบันที่พลิกผันอย่างยิ่ง

    ที่สำคัญ ทฤษฎี CHAOS เสนอว่า บรรดาระบบสังคมที่พลิกผันอย่างยิ่งจะเคลื่อนตัวแบบไม่เป็นเส้นตรง แต่จะสวิงตัวแบบสุดๆ กลับไป กลับมา

    สวิงไปทางซ้ายสุด แล้วก็หวนกลับมาทางขวาสุด

    สิ้นช่วงอำมาตยาธิปไตยแล้ว ประชาชนไทยก็จะได้เผชิญหน้ากับระบอบประชาธิปไตยคอร์รัปชันอีก แล้วหลังจากนั้น เราก็ต้องช่วยกันโค่นระบอบประชาธิปไตยสกปรกกันใหม่ ถึงเวลานั้น ระบอบอำมาตยาธิปไตยก็มีโอกาสพลิกกลับมาใหม่อีก

    นี่คือ วงจรอุบาทว์ที่มักจะเกิดขึ้นในบรรดาประเทศโลกที่สาม ที่สวิงไป สวิงมา ไม่สิ้น ไม่สุด

    วันก่อนไปกินข้าวกับเพื่อนเก่าคนหนึ่ง เพื่อนตั้งประเด็นว่า

    “ผมไม่ขอยืนอยู่กับฝ่ายไหนทั้งนั้น ไม่ได้หรือ”

    ผมตอบว่า

    “ได้” และกล่าวต่อว่า “จริงๆ แล้วในยามวิกฤต มนุษย์มีอิสระ และมีทางเลือกมากมาย หรืออยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรก็ได้”

    ผมขยายความต่อว่า

    “ที่สำคัญ อย่ามองวิกฤตในแง่ร้าย เพราะไม่เช่นนั้น เราจะไม่เห็นคุณค่าของวิกฤต”

    ทฤษฎี CHAOS จะมองว่า วิกฤตเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่ง แต่เราต้องรู้จักเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ที่สำคัญ “วิกฤต” สอนให้เราคิด คิด และคิด...........เพื่อหาทางออก ออกจากวัฏจักรที่ไร้ทางออก

    ผมอธิบายให้เพื่อนฟังต่อว่า

    “ในช่วงวิกฤต การเป็นอิสระ ไม่เป็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้เราสามารถคิดค้นหาทางออกได้โดยไม่ติดยึดอยู่กับความเชื่อ ผลประโยชน์ และจุดยืนที่จำกัดของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด

    เมื่อเราต้องเผชิญทางตัน การคิดค้นใหม่ๆมีค่าอย่างยิ่ง แต่ถ้าจะคิดสิ่งใหม่ๆ ได้ ก็ต้องกล้ารื้อทิ้งจุดยืน ทฤษฎี และความเชื่อเก่าๆ ก่อน”


    นอกจากนี้ โลกในยามสงคราม (วิกฤตที่รุนแรง) มักจะเกิดทางเลือกสายใหญ่อยู่ทางหนึ่ง แต่ผู้คนมักมองไม่เห็น หรือไม่เห็นค่า

    นี่คือ เส้นทางสู่สันติภาพ

    อย่างเช่น ในช่วงสงครามเวียดนาม นักศึกษาอเมริกันหันมาเคลื่อนไหวเรียกร้องสันติภาพ

    พวกเขาก้าวผ่านความเชื่อเรื่องการต่อสู้ทางชนชั้นและสงคราม และกลับหันมาเชื่อว่า มนุษย์ทุกคน ไม่ว่าผิวพรรณใด ชนชั้นใด ประเทศไหน ต่างก็คือเพื่อนร่วมชะตากรรม หรือเพื่อนร่วมทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น

    ดังนั้น “ชุดความคิดที่หลงใหลในสงครามและการต่อสู้ทางชนชั้น” กับ “ชุดความคิดที่หลงเชื่อในเรื่องสันติภาพ” คือสองชุดความคิดที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

    โลกทุกวันนี้ ยิ่งกระแสโลกเคลื่อนตัวสู่ “วิกฤต” และ “สงคราม”

    ความเชื่อเรื่องสันติภาพ ก็ได้แพร่ขยายตัวไปอย่างรวดเร็ว และทั่วโลก

    ผู้คนเริ่มตระหนักว่าการใช้ความรุนแรง หรือสงครามอาจจะไม่ใช่ “คำตอบ” หรือ “ทางออก”

    แนวทางสันติภาพจะนำเสนอว่า มนุษย์ทุกคนในโลก ไม่ว่าชั้นชนใด ล้วนคือเพื่อนร่วมทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น และต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกันทั้งหมด อย่างไม่มีทางเลือก

    คนทุกคนทั่วโลกกำลังเผชิญวิกฤตใหญ่ทางธรรมชาติที่รุนแรงอย่างยิ่ง

    คนทุกคนทั่วโลกกำลังเผชิญกับความเสื่อมโทรมทางศีลธรรม และวัฒนธรรมร่วมกัน

    คนทุกคนทั่วโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตโรคภัยไข้เจ็บที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

    คนทุกคนทั่วโลกกำลังเผชิญวิกฤตสงครามซึ่งกำลังขยายตัวแบบก้าวผ่านพรมแดนมากขึ้นเรื่อยๆ

    คนทุกคนทั่วโลกกำลังเผชิญวิกฤตความยากจน และความอดอยาก

    ในกรณีหลัง ดูราวว่าเฉพาะคนจนๆ เท่านั้นที่ต้องเผชิญวิกฤตความยากจน แต่อย่าลืมไปว่า เมื่อบรรดาคนจนอดอยากมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาต้องลุกขึ้นสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม และช่วงชิงความมั่งคั่งจากบรรดาคนรวย

    กล่าวโดยสรุป มนุษยชาติทุกคนกำลังจะต้องเผชิญวิกฤตใหญ่หลายวิกฤตพร้อมๆ กัน และร่วมกัน

    นี่คือ ชะตากรรมร่วมของมนุษยชาติ ไม่ว่าคนคนนั้นจะเกิดในชนชั้นใด มีผิวพรรณสีใด อยู่ในประเทศไหน และมีจุดยืนอย่างไร


    เวลานี้ ทุกสภาวะวิกฤตที่กล่าวข้างต้นกำลังอยู่ในช่วงขยายตัวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ระบบสังคมทั้งระบบก็จะเกิดการพลิกผันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในที่สุดจะส่งผลให้มนุษยชาติก้าวสู่ช่วงประวัติศาสตร์กลียุคใหญ่ หรือ CHAOS ใหญ่ ที่กำลังก่อตัวขึ้น ณ จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์

    จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์คือ ช่วงจังหวะที่เกิดสภาวะวิกฤตหนักหน่วง และพลิกผันอย่างสุดๆ

    เรากำลังก้าวย่างถึงจุดๆ นั้น

    นี่คือ ชะตากรรมร่วมของมนุษยชาติที่หลีกเลี่ยงได้ยาก


    (โปรดติดตามตอนต่อไป ชะตากรรมร่วมของคนไทยทั้งแผ่นดิน)
    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
     
  15. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    ณ จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์ อนาคตโลก ... อนาคตไทย (1) <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody> </table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ยุค ศรีอาริยะ</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">15 สิงหาคม 2550 20:27 น.</td> </tr> </tbody> </table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody> </table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="left" height="12" valign="bottom">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#cccccc"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="1" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" bgcolor="#ffffff" valign="top"> <table cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellspacing="7" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> .
    วันนี้ สภาวะวิกฤตธรรมชาติดูจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และก่อตัวขึ้นหลายจุดในโลกพร้อมๆ กัน ขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกาอากาศร้อนจัดอย่างไม่เคยมีมาก่อน คนนับร้อยตายด้วยคลื่นความร้อนในยุโรป ประเทศญี่ปุ่นก็เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ ประชาชนจีนต้องเผชิญอุทกภัยครั้งใหญ่

    ดูราวว่า ธรรมชาติกำลังส่งสัญญาณบางอย่างให้มนุษยชาติรับรู้เสมือนอยากสื่อบอกเราว่า

    “วิบัติภัยครั้งใหญ่ และรุนแรงอย่างยิ่ง กำลังใกล้มาถึง”

    ในยามที่ธรรมชาติตั้งเค้าวิกฤตใหญ่ วิกฤตเศรษฐกิจ (วิกฤตน้ำมัน และ วิกฤตค่าเงินดอลลาร์) ก็ก่อขยายตัวขึ้น ในขณะเดียวกัน ระบบการเมืองก็วิกฤต เกิดสงคราม และการเข่นฆ่ากัน

    ผู้คนจำนวนหนึ่งมักจะเดินหลงทาง หลงเข้าสู่โลกแห่งสงคราม เข่นฆ่า และทำลายล้างกัน

    โดยที่ไม่มีใครสักคนเข้าใจว่า

    “การใช้ความรุนแรงแก้ปัญหาคือ อวิชชา”

    การฆ่า และการทำลายล้างกัน ยิ่งเพิ่มพูนกระแสแห่งวิกฤตให้รุนแรงขึ้นไปอีก ทางออกจากวิกฤตจึงยิ่งมืดมนลง

    วันก่อนเจอเพื่อนเก่าคนหนึ่งโดยบังเอิญ ท่านเป็นนักลัทธิมาร์กซ์ ที่ยังคงยืนหยัดในความเป็นลัทธิมาร์กซ์ ท่านนำเสนอแนวคิดว่า วันนี้ พวกเราต้องโค่นล้ม “ศัตรู” ซึ่งท่านหมายถึงบรรดาชนชั้นศักดินา

    ท่านยังหลงเชื่อ “ทฤษฎีซ้ายโบราณ” ที่ชอบสอนให้คนทำสงครามทางชนชั้นกัน และคิดว่าเมื่อโค่นล้มชนชั้น (ศัตรู) ลงไปแล้ว ท้องฟ้าจะสีทองผ่องอำไพ

    คนที่ศรัทธาอะไรอย่างสุดๆ ก็มักจะติดยึดกับความเชื่อของตัวเอง และคิดว่าสิ่งที่ตนเองเชื่อ จริงแท้แน่นอน เป็นสัจธรรมสูงสุด

    ผมตั้งประเด็นถามว่า

    “ถ้าประชาชนโค่นชนชั้นศักดินาลงไป แล้วบรรดานายทุนก็จะขึ้นมาเป็นใหญ่ในแผ่นดิน คนยากจนจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจริงๆ หรือ”

    ความจริงตามหลักทฤษฎีมาร์กซ์แล้ว ชนชั้นกรรมาชีพต้องโค่นล้มชนชั้นนายทุน เพราะบรรดานายทุนคือ “ศัตรู” ที่สำคัญที่สุดของชนชั้นกรรมาชีพ สำคัญมากกว่าบรรดาศักดินาเสียอีก เนื่องจากชนชั้นนายทุนคือ ชนชั้นที่กดขี่ขูดรีดชนชั้นกรรมาชีพโดยตรง

    แต่ที่แปลกอย่างยิ่งกว่านี้คือ เพื่อนผมคนนี้ประกาศตัวว่าเป็นตัวแทนของชนชั้นกรรมาชีพ แต่กลับศรัทธานายทุนเอามากๆ โดยเฉพาะนายทุนที่โคตรโกง อย่างเช่นคุณทักษิณ

    วันก่อนไปสอนหนังสือปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง

    นักศึกษาคนหนึ่งถามผมว่า

    “ทำไมกรรมการสิทธิมนุษยชนท่านหนึ่งจึงไปยืนอยู่ข้างผู้ที่มีประวัติในด้านสิทธิมนุษยชนที่เลวร้ายที่สุด เท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ประเทศไทย”

    ผมตอบว่า

    “ไม่รู้เหมือนกัน ท่านอาจจะจงเกลียดจงชังเผด็จการทหารเอามากๆ”

    ผมกล่าวถึงเรื่องนี้ ไม่ได้หมายความว่าบรรดาเพื่อนๆ ผมจำนวนหนึ่งที่ไปเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการคนรักทักษิณคิดผิด หรือกระทำผิด

    เขากระทำอย่างเชื่อมั่นด้วยหลักคิดและทฤษฎีที่ช่วยยืนยันว่าที่พวกเขากระทำนั้นถูกต้อง (ตามจุดยืน และทฤษฎีที่พวกเขาหลงเชื่อ)

    คนยึดทฤษฎีแบบซ้ายเก่าๆ และแนวคิดต้านเผด็จการทหารแบบเก่าๆ จึงมักมีบทสรุปง่ายๆ ว่า “ศักดินา” มีค่าเท่ากับ “เลวทราม” และ “ล้าหลัง” และ “ทหาร” มีค่าเท่ากับ “เผด็จการ”

    ผมบอกนักศึกษาว่า

    ทฤษฎีเก่าๆ แบบนี้ แม้จะมีหลักการที่ดูดี แต่มีความจำกัดอยู่มาก จุดอ่อนที่สำคัญคือการนำเสนอหลักคิดในการอธิบายโลก แบบดำขาว ดีชั่ว ตายตัว และง่ายไป

    ทฤษฎีพื้นฐานที่ผมใช้ในปัจจุบันคือ ทฤษฎี CHAOS ถ้าแปลเป็นภาษาไทย น่าจะแปลว่า ทฤษฎีพลวัตที่พลิกผัน

    ทฤษฎีนี้มีหลักคิดพื้นฐานว่า ทุกหน่วยชีวิต รวมทั้งระบบสังคม มีความซับซ้อน และความพลิกผันเป็นพื้นฐาน ในยามที่สังคมเคลื่อนสู่การเปลี่ยนผ่าน สภาวะวิกฤต หรือความพลิกผันจะขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ตำแหน่งแห่งที่ หรือสภาวะชนชั้น และชั้นชน ตลอดจนความสามารถในการแยกแยะถูกผิด ดีชั่ว สับสนไปหมด


    บรรดาผู้คนที่เป็นนายทุนศักดินาก็ไม่จำเป็นต้องเป็นพวกหัวเก่าล้าสมัยเสมอไป พวกเขาอาจจะหันไปสนใจปัญหาใหม่ๆ อย่างเช่น การคำนึงถึงเรื่องวิกฤตสิ่งแวดล้อม และวิกฤตวัฒนธรรมอย่างมากๆ

    บรรดาทหารในยุคนี้ก็กลัวจะถูกหาว่าเป็น “เผด็จการ” อย่างมากๆ จนทำอะไรไม่ถูก และที่สำคัญการรัฐประหารครั้งนี้พลังที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังอำนาจของทหารคือ ทุนศักดินา และชนชั้นกลางที่ขัดแย้งกับฝ่ายทักษิโณมิกส์ ทั้งทุนศักดินาและชนชั้นกลางก็ล้วนปฏิเสธ หรือไม่สนับสนุนที่จะให้การเมืองไทยกลับสู่ยุคเผด็จการทหารอีกครั้งหนึ่ง

    นอกจากนี้ ในยุคโลกาภิวัตน์ ฐานะชนชั้นในระบอบเศรษฐกิจการเมืองก็พลิกผันไปอย่างมาก อย่างเช่น

    บรรดา CEO ซึ่งมีฐานะเป็นลูกจ้างบริษัทขนาดใหญ่ บรรดานักกีฬาฟุตบอล และนักแสดงที่โด่งดังซึ่งมีค่ายสังกัดแน่นอน แม้จะมีฐานะเป็นลูกจ้าง หรือผู้ขายแรงงาน อาจจะร่ำรวยกว่าบรรดานายทุนเสียอีก

    บรรดานักธุรกิจนายทุนจำนวนมากก็เลิกคิดเป็นนายจ้างหรือนายทุนที่หากำไรจากการจ้างงานไปแล้วเพราะสามารถเล่นหุ้นและเล่นเงินแบบเก็งกำไร จนกลายเป็นนักเล่นการพนันประเภทหนึ่งซึ่งสามารถทำกำไรมากกว่าการลงทุนอุตสาหกรรม

    นี่คือ สภาวะโลกในยุคปัจจุบันที่พลิกผันอย่างยิ่ง

    ที่สำคัญ ทฤษฎี CHAOS เสนอว่า บรรดาระบบสังคมที่พลิกผันอย่างยิ่งจะเคลื่อนตัวแบบไม่เป็นเส้นตรง แต่จะสวิงตัวแบบสุดๆ กลับไป กลับมา

    สวิงไปทางซ้ายสุด แล้วก็หวนกลับมาทางขวาสุด

    สิ้นช่วงอำมาตยาธิปไตยแล้ว ประชาชนไทยก็จะได้เผชิญหน้ากับระบอบประชาธิปไตยคอร์รัปชันอีก แล้วหลังจากนั้น เราก็ต้องช่วยกันโค่นระบอบประชาธิปไตยสกปรกกันใหม่ ถึงเวลานั้น ระบอบอำมาตยาธิปไตยก็มีโอกาสพลิกกลับมาใหม่อีก

    นี่คือ วงจรอุบาทว์ที่มักจะเกิดขึ้นในบรรดาประเทศโลกที่สาม ที่สวิงไป สวิงมา ไม่สิ้น ไม่สุด

    วันก่อนไปกินข้าวกับเพื่อนเก่าคนหนึ่ง เพื่อนตั้งประเด็นว่า

    “ผมไม่ขอยืนอยู่กับฝ่ายไหนทั้งนั้น ไม่ได้หรือ”

    ผมตอบว่า

    “ได้” และกล่าวต่อว่า “จริงๆ แล้วในยามวิกฤต มนุษย์มีอิสระ และมีทางเลือกมากมาย หรืออยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรก็ได้”

    ผมขยายความต่อว่า

    “ที่สำคัญ อย่ามองวิกฤตในแง่ร้าย เพราะไม่เช่นนั้น เราจะไม่เห็นคุณค่าของวิกฤต”

    ทฤษฎี CHAOS จะมองว่า วิกฤตเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่ง แต่เราต้องรู้จักเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ที่สำคัญ “วิกฤต” สอนให้เราคิด คิด และคิด...........เพื่อหาทางออก ออกจากวัฏจักรที่ไร้ทางออก

    ผมอธิบายให้เพื่อนฟังต่อว่า

    “ในช่วงวิกฤต การเป็นอิสระ ไม่เป็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้เราสามารถคิดค้นหาทางออกได้โดยไม่ติดยึดอยู่กับความเชื่อ ผลประโยชน์ และจุดยืนที่จำกัดของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด

    เมื่อเราต้องเผชิญทางตัน การคิดค้นใหม่ๆมีค่าอย่างยิ่ง แต่ถ้าจะคิดสิ่งใหม่ๆ ได้ ก็ต้องกล้ารื้อทิ้งจุดยืน ทฤษฎี และความเชื่อเก่าๆ ก่อน”


    นอกจากนี้ โลกในยามสงคราม (วิกฤตที่รุนแรง) มักจะเกิดทางเลือกสายใหญ่อยู่ทางหนึ่ง แต่ผู้คนมักมองไม่เห็น หรือไม่เห็นค่า

    นี่คือ เส้นทางสู่สันติภาพ

    อย่างเช่น ในช่วงสงครามเวียดนาม นักศึกษาอเมริกันหันมาเคลื่อนไหวเรียกร้องสันติภาพ

    พวกเขาก้าวผ่านความเชื่อเรื่องการต่อสู้ทางชนชั้นและสงคราม และกลับหันมาเชื่อว่า มนุษย์ทุกคน ไม่ว่าผิวพรรณใด ชนชั้นใด ประเทศไหน ต่างก็คือเพื่อนร่วมชะตากรรม หรือเพื่อนร่วมทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น

    ดังนั้น “ชุดความคิดที่หลงใหลในสงครามและการต่อสู้ทางชนชั้น” กับ “ชุดความคิดที่หลงเชื่อในเรื่องสันติภาพ” คือสองชุดความคิดที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

    โลกทุกวันนี้ ยิ่งกระแสโลกเคลื่อนตัวสู่ “วิกฤต” และ “สงคราม”

    ความเชื่อเรื่องสันติภาพ ก็ได้แพร่ขยายตัวไปอย่างรวดเร็ว และทั่วโลก

    ผู้คนเริ่มตระหนักว่าการใช้ความรุนแรง หรือสงครามอาจจะไม่ใช่ “คำตอบ” หรือ “ทางออก”

    แนวทางสันติภาพจะนำเสนอว่า มนุษย์ทุกคนในโลก ไม่ว่าชั้นชนใด ล้วนคือเพื่อนร่วมทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น และต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกันทั้งหมด อย่างไม่มีทางเลือก

    คนทุกคนทั่วโลกกำลังเผชิญวิกฤตใหญ่ทางธรรมชาติที่รุนแรงอย่างยิ่ง

    คนทุกคนทั่วโลกกำลังเผชิญกับความเสื่อมโทรมทางศีลธรรม และวัฒนธรรมร่วมกัน

    คนทุกคนทั่วโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตโรคภัยไข้เจ็บที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

    คนทุกคนทั่วโลกกำลังเผชิญวิกฤตสงครามซึ่งกำลังขยายตัวแบบก้าวผ่านพรมแดนมากขึ้นเรื่อยๆ

    คนทุกคนทั่วโลกกำลังเผชิญวิกฤตความยากจน และความอดอยาก

    ในกรณีหลัง ดูราวว่าเฉพาะคนจนๆ เท่านั้นที่ต้องเผชิญวิกฤตความยากจน แต่อย่าลืมไปว่า เมื่อบรรดาคนจนอดอยากมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาต้องลุกขึ้นสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม และช่วงชิงความมั่งคั่งจากบรรดาคนรวย

    กล่าวโดยสรุป มนุษยชาติทุกคนกำลังจะต้องเผชิญวิกฤตใหญ่หลายวิกฤตพร้อมๆ กัน และร่วมกัน

    นี่คือ ชะตากรรมร่วมของมนุษยชาติ ไม่ว่าคนคนนั้นจะเกิดในชนชั้นใด มีผิวพรรณสีใด อยู่ในประเทศไหน และมีจุดยืนอย่างไร


    เวลานี้ ทุกสภาวะวิกฤตที่กล่าวข้างต้นกำลังอยู่ในช่วงขยายตัวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ระบบสังคมทั้งระบบก็จะเกิดการพลิกผันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในที่สุดจะส่งผลให้มนุษยชาติก้าวสู่ช่วงประวัติศาสตร์กลียุคใหญ่ หรือ CHAOS ใหญ่ ที่กำลังก่อตัวขึ้น ณ จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์

    จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์คือ ช่วงจังหวะที่เกิดสภาวะวิกฤตหนักหน่วง และพลิกผันอย่างสุดๆ

    เรากำลังก้าวย่างถึงจุดๆ นั้น

    นี่คือ ชะตากรรมร่วมของมนุษยชาติที่หลีกเลี่ยงได้ยาก


    (โปรดติดตามตอนต่อไป ชะตากรรมร่วมของคนไทยทั้งแผ่นดิน)
    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody> </table>
     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ภูเขาไฟระเบิด

    [​IMG]

    มหันตภัยทางธรรมชาติอันดับหนึ่ง ที่มนุษย์ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงมันได้

    อันดับ 1 คือธรณีพิโรธของแท้ เราไม่มีทางรู้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไร ไม่มีทางรู้ล่วงหน้า มหันตภัยธรรมชาติอันดับหนึ่งคือ ภูเขาไฟ เพลิงพิโรธร้อนแรงที่ระเบิดออกมา ที่สุดแห่งความหายนะซึ่งเฝ้ารอเวลา ที่สุดแห่งภัยพิบัติ ความโหดร้ายที่ทรงพลังสุดยอดซึ่ง เป็นภัยคุกคามโลก มันก่อตัวขึ้นจากการปะทุรุนแรงใต้พื้นพิภพ และการพุพอง ของเปลือกโลก ลาวาเหลวร้อนแดงไหลได้เร็วถึง 60 ไมล์ต่อชั่วโมง ขณะที่เมฆหมอกฝุ่นควันพิษกระจายขึ้นสู่ท้องฟ้า อุณหภูมิสูง ลาวาเดือดผุด แก๊ซมรณะ จะทำทุกสิ่งให้ย่อยยับ ภูเขาไฟนั้น สามารถที่จะทำให้เกิดความหายนะอื่น ๆ ตามที่ด้วย เช่น เกิดแผ่นดินไหว คลื่นยักษ์ด้วยถ้าเกิดในทะเล รวมทั้งไฟป่าด้วย นี่ยังมีภูเขาไฟที่ยังระเบิดไม่หมดอีกมากมาย มันคือหายนะทำลายล้างโลกอย่างแท้จริง

    [​IMG]

    ในปี 1816 (2359) เมื่อประมาณเกือบสองร้อยปีมาแล้ว ภูเขาไฟที่อินโดนีเซียได้ระเบิด แล้วทำให้ปีนั้นไม่มี ฤดูร้อน แล้วพวกซัลเฟอร์ไดออกไซด์ก็ปกคลุมโลก แสงอาทิตย์ไม่สามารถส่องมาได้เป็นเวลาหลายปี ประกอบกับปรากฎการณ์ La Ni&ntilde;a ที่น้ำทะเลอุญหภูมิสูงขึ้น ไอน้ำจากทะเลก่อตัวเป็นเมฆ แล้วเทลงมาแผ่นดิน ทำให้น้ำท่วมอยู่ปัจจุบันหลายประเทศ แผ่นดินถล่ม แล้วถ้าบรรยากาศถูกปกคลุมด้วย ก๊าซพิษ เป็นหมอกหนา แล้วเวลาฝนตกมาน้ำก็เป็นพิษ แม่น้ำลำคลองเป็นพิษ ผู้คนคงจะได้รับพิษนี้จากการดื่มกิน หรือ การใช้ แล้วอาจมีหมอกหนาปกคลุมโลก อาจเป็นไปได้อย่างที่เคยมีคนเคยเขียนไว้ว่า 49 วัน

    คิดดูนะว่าแค่ไฟไหม้ป่าในอินโดนีเซียเมื่อปีที่แล้ว ควันลอยมาปกคลุมประเทศเพื่อนบ้านจนมองแทบไม่เห็นทาง แล้วอากาศเป็นพิษขนาดทำลายชีวิตคนได้

    [​IMG]

    ตำแหน่งภูเขาไฟ มักอยู่ตามแนวรอยต่อของ plateทวีป มีอยู่เป็นจำนวนมากที่เดียวครับ ประเทศญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ตั้งอยู่บนแนวรอยต่อพอดี ถือว่าอันตรายมาก เฉพาะวงแหวน (ring of fire)ในเขตนั้นมีกว่า 4,000 ลูก ภูเขาไฟระเบิดเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ร้ายแรงอย่างหนึ่ง

    การระเบิดของภูเขาไฟนั้นแสดงให้เห็นว่าใต้ผิวโลกของเราลงไประดับหนึ่งมีความร้อนสะสมอยู่มากโดยเฉพาะที่เรียกว่า "จุดร้อน" ณ บริเวณนี้มีหินหลอมละลายเรียกว่า"แมกมา" และเมื่อมันถูกพ่นขึ้นมาตามรอยแตกหรือปล่องภูเขาไฟ เราเรียกว่า"ลาวา"

    สาเหตุของการเกิดภูเขาไฟระเบิด

    [​IMG]

    กระบวนการเกิดของภูเขานั้น ยังไม่เป็นที่เข้าใจการจ่างชัดนักธรณีวิทยาคาดว่ามีการสะสมของความร้อนอย่างมากบริเวณนั้น ทำให้มีแมกมา ไอน้ำ และแก๊ส สะสมอยู่ตัวมากขึ้นเรื่อยๆซึ่งก่อให้เกิดความดัน ความร้อนสูง เมื่อถึงจุดหนึ่งมันจะระเบิดออกมา อัตราความรุนแรงของการระเบิด ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการระเบิด รวมทั้งขึ้นอยู่กับความดันของไอ และความหนืดของลาวาถ้าลาวาข้นมากๆ

    อัตราการรุนแรงของการระเบิดจะรุนแรงมากตามไปด้วย เวลาภูเขาไฟระเบิดมิใช่มีแต่เฉพาะ ลาวาที่ไหลออกมาเท่านั้น ยังมีแก๊ส ไอน้ำ ฝุ่นผงเถ้าถ่านต่างๆออกมาด้วย มองเป็นกลุ่มควันม้วนลงมา พวกไอน้ำจะควบแน่นกลายเป็นน้ำ นำเอาฝุ่นละอองเถ้าถ่านต่างๆตกลงมาด้วยไหลบ่า กลายเป็นโคลนท่วมในบริเวณเชิงเขาต่ำลงไปยิ่งถ้าภูเขาไฟนั้นมีหิมะคลุมอยู่ มันจะละลายหิมะ นำโคลนมาเป็นจำนวนมากได้ เช่น ในกรณีของภัยพิบัติที่เกิด ในประเทศโคลัมเบียเมื่อไม่นานมานี้ สิ่งที่ได้จากการปะทุของภูเขาไฟ

    หลายคนเชื่อว่าลาวาเป็นวัตถุชิ้นแรกที่ถูกปล่อยออกมาจากภูเขาไฟ ซึ่งนั่นไม่เป็นความจริงเสมอไป ทั้งนี้ในระยะแรกอาจพ่นเอาเศษหินขนาดใหญ่ออกมาจำนวนมากเรียกว่า"ลาวา บอมบ์"(Lava bomb)ส่วนเถ้าถ่านและ ฝุ่นละอองเกิดขึ้นต่อมาอย่างปกตินอกจากนั้นการเกิดระเบิดของภูเขาไฟยังปล่อยเอาก๊าซออกมาอีกด้วยดังจะกล่าวในรายละเอียด ตามลำดับดังนี้

    ลาวาหลาก (Lava flow)


    [​IMG]

    เนื่องด้วยลาวาที่มีปริมาณซิลิกาต่ำ หรือลาวาที่มีองค์ประกอบเป็นบะซอลต์ปกติจะมีความเหลวมากและไหลเป็นชั้นบางๆ แผ่เป็นแผ่นกว้างเหมือนลิ้นตัวอย่างบนเกาะฮาวาย ลาวาจะไหลออกมาด้วยความเร็ว 30 km./h บนพื้นที่ที่ชันมาก อย่างไรก็ตามความเร็วแบบนี้เกิดขึ้นได้น้อยมาก โดยปกติพบว่ามีความเร็ว 10 - 300 m./h ในทางกลับกันการเคลื่อนที่ของลาวาที่มีซิลิกาสูงจะช้ากว่า

    เมื่อลาวาบะซอลต์ของการปะทุแบบฮาวายเอียนแข็งตัว มันจะมีผิวเรียบบางทีเป็นคลื่น(Wrinkle) ในขณะที่ลาวาด้านในใต้พื้นผิวซึ่งยังหลอมอยู่จะเคลื่อนที่ต่อไป ลักษณะนี้เรียกว่า "การไหลแบบ ปาฮอยฮอย (Pahoehoe flow)" ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับริ้วเชือกบิดลาวาบะซอลตืทั่วๆ ไปจากแหล่งอื่นมักมีผิวขรุขระ เป็นแท่ง ขอบไม่เรียบแหลมคมหรือมีหนามยื่นออกมาเรียกว่า"อาอา(Aa)"ซึ่งเกิดจากลาวาประเภทนี้เช่นกัน ลาวาที่กำลังไหลออกมาจะเย็นและหนาขึ้นอยู่กับความชันของ ภูมิประเทศที่มันไหลมามีความเร็วของการไหลประมาณ 5-50m./h นอกจากนั้นก๊าซที่ออกมาจะทำให้ผิวของลาวาที่เย็นแตกออกและให้รูหรือช่องว่างขนาดเล็ก ที่มีปากรูเป็นหนามแหลมคมเมื่อลาวาแข็งตัวแล้ว

    ก๊าซ(Gas)

    [​IMG]

    ก๊าซละลายอยู่ในหินหนืดในปริมาณต่างๆ กัน และอยู่ได้เพราะความดันของมวลหินโดยรอบ เปรียบเหมือนคาร์บอนไดออกไซด์ที่อยู่ในเครื่องดื่มซึ่งเมื่อความดันลดลงก๊าซ ก็เริ่มหนีออกมาเป็นฟองการศึกษาสภาพจริงจากการระเบิดของภูเขาไฟ เป็นสิ่งที่ยุ่งยากและอันตรายมากดังนั้นนักธรณีวิทยาจึงประมาณการ ปริมาณก๊าซที่ขึ้นมาจากก๊าซเริ่มต้นที่ละลายอยู่ในหินหนืดไม่ได้เชื่อกันว่าหินหนืดส่วนใหญ่มีก๊าซละลายอยู่ประมาณ 5% ของน้ำหนักทั้งหมดและก๊าซที่ออกมามีมากกว่า 1,000 ตันต่อวัน

    องค์ประกอบของก๊าซ ก็เป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์สนใจมากเช่นกันทั้งนี้เพราะปรากฏการณ์เหล่านี้ เป็นแหล่งกำเนิดของมหาสมุทรและบรรยากาศของโลกการวิเคราะห์ตัวอย่างที่เก็บจากการระเบิดของ ภูเขาไฟที่ฮาวายชี้ให้เห็นว่าก๊าซที่ถูกปล่อยออกมาประกอบด้วยไอน้ำประมาณ 70% คาร์บอนไดออกไซด์15% สารประกอบไนโตรเจนและซัลเฟอร์อย่างละ 5% ก๊าซอื่นๆ ที่มีปริมาณน้อยกว่าได้แก่คลอรีนไฮโดรเจนและอาร์กอน สารประกอบซัลเฟอร์จะทดสอบได้ง่ายโดยกลิ่นฉุนของมัน ซึ่งอาจกลายเป็นกรดซัลฟิวริกและมีอันตรายเมื่อได้สูดดม เข้าไปในปอด

    ที่มา http://scratchpad.wikia.com/wiki/ภูเขาไฟ_(SUPER_VOLCANO)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 สิงหาคม 2007
  17. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    โมทนาทุกท่านด้วยครับ
    ตอนนี้อาจารย์นักเขียน โนวา อนาลัย กำลังเริ่มสอนเทคนิคสมาธิในกระทู้ครับ
    เริ่มต้นเรียนได้เลยครับ ผมก็ห่างการฝึกมานานแล้ว คราวนี้ต้องเอาจริงสักทีแล้วครับ
    เชิญไปสมัครเรียนเสริมกัน พลังจิตพิชิตจิตฝัน รุ่นที่ 1 ครับ สามารถต่อยอดเป็นวิชาโทรจิตได้ครับ

    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=86527&page=40
     
  18. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    พลังจิตพิชิตจิตฝัน รุ่นที่ 1

    หลักสูตรเร่งรัดเพื่อเตรียมรับมือภัยพิบัติ
    คุณ mead เป็นประธานผู้ประสานงานรุ่นนี้ครับ(bb-flower


    จบหลักสูตรแล้วห้ามนำไปฝันจนเพลินนะ
    เด๋วจะเป็นอย่างนี้.-......
    [​IMG]
     
  19. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ที่เปรูแผ่นดินไหว 7.9 ริกเตอร์มีคนตาย และตึกถล่ม

    <TABLE class=tborder id=post656107 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>paang<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_656107", true); </SCRIPT>
    ฐานข้อมูลทางพุทธ (แป้ง)
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 01:51 PM
    วันที่สมัคร: Apr 2005
    ข้อความ: 8,651 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 16,911 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 20,325 ครั้ง ใน 3,850 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 3278 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG]

    </TD><TD class=alt1 id=td_post_656107 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->แผ่นดินไหวรุนแรงในเปรู ตายอย่างต่ำ 17 เตือนภัยสึนามิ!
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message --><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=512 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=512>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>
    ประชาชนหนีตายออกจากอาคาร​
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>เอเจนซี/เอเอฟพี - เกิดแผ่นดินไหวอานุภาพรุนแรง ถล่มชายฝั่งของเปรูใกล้กับเมืองหลวงเมื่อวันพุธ(15) ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลาเมืองไทยประมาณ 06.41 น. เช้าตรู่วันนี้(16) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 17 ราย อาคารหลายแห่งพังถล่มลงมา ประชาชนหลายร้อยคนต้องอพยพหนีตายออกจากตัวตึก พร้อมประกาศเตือนภัยสึนามิฝั่งทะเลแปซิฟิกของอเมริกาใต้

    สถานีเคเบิลทีวีชาแนลเอ็นของเปรู รายงานว่า แรงสั่นสะเทือนทำให้โบสถ์แห่งหนึ่งในเมืองอีกา ทางตอนใต้ของกรุงลิมา พังถล่มลงมาทำให้มีผู้เสียชีวิต 17 ราย บาดเจ็บกว่า 70 คน ขณะเดียวกันมีรายงานว่าที่เมืองปิสโกมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากเช่นกัน

    หน่วยงานวิจัยธรณีวิทยาของสหรัฐฯ ระบุว่า สามารถวัดแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวได้ที่ 7.9 ริกเตอร์ เกิดขึ้นบริเวณตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงลิมา ราว 90 ไมล์ ลึกลงไปในพื้นดินประมาณ 25 ไมล์ ก่อนจะมีอัฟเตอร์ช็อคตามมา 4 ครั้ง วัดแรงสั่นสะเทือนได้ระหว่าง 5.4 ถึง 5.9 ริกเตอร์

    แผ่นดินไหวหนนี้ทำให้บ้านหลายหลังพังครืนและสร้างความแตกตื่นให้แก่พลเมือง พร้อมกับเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมา นอกจากนี้ แรงสั่นสะเทือนยังทำให้โทรศัพท์สาธารณะและโทรศัพท์มือถือขัดข้อง

    ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวเอพีรายงานว่า แผ่นดินไหวเขย่ากรุงลิมานานกว่า 1 นาที ส่วนหน่วยดับเพลิงบอกว่าไฟถนนและกระจกตามร้านค้าบางแห่งแตกกระจาย ขณะที่พนักงานหลายร้อยคนถูกอพยพออกจากอาคารสำนักงานและยังคงรออยู่ด้านนอกเนื่องจากกลัวว่าจะได้รับผลกระทบจากอาฟเตอร์ช็อก

    ในเบื้องต้นศูนย์เตือนภัยสึนามิแปซิปิก ประกาศเตือนภัยสึนามิสำหรับชายฝั่งทะเลเปรู ชิลร เอกวาดอร์ และโคลัมเบีย ขณะที่ ปานามา และเม็กซิโก อยู่ในส่วนที่ต้องจับตา อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทางศูนย์ได้ยกเลิกประกาศไปเรียบร้อยแล้ว

    ครั้งสุดท้ายที่เกิดแผ่นดินไหวบริเวณชายฝั่งทะเลเปรู ที่วัดแรงสั่นสะเทือนมากกว่า 7.0 ริกเตอร์ ต้องย้อนกลับไปเมื่อเดือนตุลาคมปี 1974 หนนั้นวัดแรงสั่นสะเทือนได้ที่ 7.6 ริกเตอร์ ตามด้วย 7.2 ริกเตอร์ ในเดือนต่อมา

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    ที่มา ผู้จัดการออนไลน์
    <!-- / message --><!-- sig -->
    ____________________________________________________________
    (f)

    **สมาชิกสามารถลบข้อความหรือกระทู้ของตนเองได้ โดยกดที่ปุ่ม ''แก้ไข'' มุมล่างขวามือค่ะ**


    (i) ยากหรือง่ายอยู่ที่ใจ เป็นไปได้หรือไม่ก็อยู่ที่ใจ*-*

    <!-- / sig --></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ฝรั่งวาดแผนที่ภาคใต้ประเทศไทยหายไป !!

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...