ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    มาเลเซียตรวจพบผู้ติดเชื้อเอช 1 เอ็น 1 จำนวน 7 ราย

    [​IMG]

    กัวลาลัมเปอร์ 6 ก.พ.-สื่อในมาเลเซียรายงานว่า ตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสเอช 1 เอ็น 1 จำนวน 7 ราย ในโรงพยาบาลสตรีและเด็กลิกาส บนเกาะบอร์เนียว และได้กักตรวจคนทั้งอาคารที่พบผู้ป่วยแล้ว

    หนังสือพิมพ์เดอะสตาร์อ้างผู้อำนวยการโรงพยาบาล ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองโกตา คินาบาลู เมืองเอกของรัฐซาบาห์ราว 10 กิโลเมตร ว่าตรวจพบผู้ป่วยเด็ก 5 คน และผู้ใหญ่ 2 คนที่ดูแลเด็กติดเชื้อไวรัสดังกล่าว จึงได้กักตรวจคนในอาคารทั้งหมด ทั้งผู้ป่วย ผู้ดูแล และเจ้าหน้าที่

    ด้านหนังสือพิมพ์นิวสเตรทส์ไทมส์รายงานว่า แพทย์กำลังให้การรักษาเด็กทั้ง 7 คน และขณะนี้อาการทรงตัว โดยพบผู้ป่วยรายแรกเมื่อวันที่ 29 มกราคม.

    สำนักข่าวไทย TNA News | 6 ก.พ. 2557 18:45 |

    ยอดผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดนกเอช 5 เอ็น 1 ในเวียดนามเพิ่มเป็น 2 ราย

    [​IMG]

    ฮานอย 6 ก.พ.- สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า เวียดนามพบผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดนกเอช5 เอ็น1 รายใหม่ในจังหวัดด่งทับ ทางตอนใต้ของประเทศ ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดนกเอช5 เอ็น1 ในเวียดนามเพิ่มเป็น 2 รายแล้วในปีนี้

    หนังสือพิมพ์ออนไลน์ท้องถิ่นของเวียดนามรายงานอ้างกระทรวงสาธารณสุขเวียดนามว่า ผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นหญิงวัย 60 ปี เริ่มล้มป่วยตั้งแต่วันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา โดยมีอาการไข้สูง และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเนื่องจากมีอาการหายใจลำบากอย่างรุนแรงเมื่อวันที่ 27 มกราคม ก่อนจะเสียชีวิตในวันต่อมา ทั้งนี้ ผลการตรวจชี้ว่า เหยื่อรายนี้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์เอช5 เอ็น1

    ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 20 มกราคม มีรายงานผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดนกเอช5 เอ็น1 รายแรกในจังหวัดบิงห์ฟวก ทางตอนใต้ของเวียดนาม หลังจากที่เวียดนามไม่มีรายงานการติดเชื้อไข้หวัดนกเอช5 เอ็น1 ในคนมาเป็นเวลา 9 เดือน กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามระบุว่า นับตั้งแต่พบผู้ป่วยรายแรกในปี 2546 เวียดนามมีรายงานผู้ป่วยไข้หวัดนกเอช5 เอ็น1 จำนวน 126 ราย ซึ่งในจำนวนดังกล่าวเสียชีวิต 63 ราย.

    สำนักข่าวไทย TNA News | 6 ก.พ. 2557 14:22 |

    สภาพอากาศโลกวิปริตทั้งหิมะตกหนัก-น้ำท่วมรุนแรง

    [​IMG]

    อิหร่าน 6 ก.พ.-สภาพอากาศทั่วโลกแปรปรวนวิปริตและรุนแรงมากขึ้นทุกวัน ทั้งหิมะตกหนักในสถานที่ที่ไม่เคยตกหนักมาก่อน น้ำท่วมรุนแรง และคลื่นความร้อนที่แผ่ปกคลุมไปทั่วประเทศบราซิล

    เริ่มกันที่อิหร่าน กรุงเตหะรานนครหลวง ซึ่งเกิดหิมะกระหน่ำอย่างหนักมาตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีทีท่ายุติ โรงเรียนหลชายแห่งยังคงปิดการเรียนการสอน แต่ดูเหมือนผู้คนทุกเพศ ทุกวัย ในอิหร่าน จะมีความสุขที่ได้เห็นหิมะตก เพราะรู้สึกสดชื่นดีกับสภาพอากาศที่สะอาดมากขึ้น อุณหภูมิในกรุงเตหะราน ขณะนี้ลดลงถึงติดลบ 8 องศาเซลเซียส ทางการต้องส่งทหารไปช่วยประชาชนทางตอนเหนือของประเทศ ที่ติดค้างอยู่ตามท้องถนนสายต่าง ๆ และในบางพื้นที่ที่ไม่มีน้ำประปาและกระแสไฟฟ้าใช้

    ส่วนที่โบลิเวีย น้ำท่วมรุนแรงมากส่งผลกระทบต่อผู้คนเกือบ 4 หมื่นชีวิต มีผู้เสียชีวิตแล้ว 31 ราย หลังระดับน้ำในแม่น้ำหลายสายเอ่อล้นฝั่ง ผู้คนทั่วทั้งประเทศต้องถูกปิดล้อมอยู่ท่ามกลางระดับน้ำท่วมที่สูงมาก โดยฤดูฝนที่นี่เริ่มต้นในเดือนธันวาคมและรุนแรงถึงขีดสุดในเดือนมกราคม ส่งผลให้รัฐบาลต้องประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศ คาดว่าฝนจะยังคงตกหนักแบบนี้ไปอีก 1 เดือน

    ส่วนนครริโอเดอจาเนโร ของบราซิล คลื่นความร้อนแผ่ปกคลุมไปทั่ว อุณหภูมิพุ่งสูงทะลุ 40 องศาเซลเซียส ทุบสถิติร้อนที่สุดในรอบปี ผู้คนหลบความร้อนไปพักผ่อนกันที่ชายหาดโคปาคาบานา และอีปาเนมา เมื่อวานนี้ผู้คนกว่า 2 ล้านคน ทั่ว 11 รัฐ ของบราซิล ต้องอยู่กันท่ามกลางความมืด หลังไฟดับนาน 40 นาที ซึ่งรวมถึงเมืองใหญ่อย่างนครเซาเปาโล และริโอเดอจาเนโรด้วย

    สำนักข่าวไทย TNA News | 6 ก.พ. 2557 16:58 |

    บราซิลร้อนจัดไฟดับหลายพื้นที่

    [​IMG]

    บราซิล 6 ก.พ.-สภาพอากาศร้อนจัด เป็นประวัติการณ์ในบราซิลทำให้ไฟฟ้าดับหลายพื้นที่

    ผู้คนในนครริโอเดอจาเนโร กำลังเผชิญกับสภาพอากาศร้อนจัด โดยเมื่อวันอังคารอุณหภูมิเพิ่มขึ้นถึง 40.8 องศาเซลเซียส สูงที่สุดในรอบปีนี้ ชาวเมืองต่างหาทางคลายร้อน แม้ว่าบางคนต้องสวมใส่สูทไปทำงาน นอกจากนี้ ชาวบ้านกว่า 2 ล้านคนตามรัฐต่าง ๆ ถึง 11 รัฐต้องเผชิญกับปัญหาไฟดับร่วม 40 นาที เมื่อวันอังคาร เนื่องจากสายส่งไฟฟ้าเกิดลัดวงจร.

    สำนักข่าวไทย TNA News | 6 ก.พ. 2557 13:50 |

    ที่มา Digital Media and Online Services of News and Entertainment by MCOT Plc. | MCOT.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2014
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    จดหมายเปิดผนึกจากหม่อมอุ๋ย ถึงยิ่งลักษณ์ !!!

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=xSqC3m_i6so]หม่อมอุ๋ย จัดเต็ม! จี้รัฐบาลลาออก เปิดทางปฏิรูป - YouTube[/ame]
    เผยแพร่เมื่อ 5 ก.พ. 2014​

    จดหมายเปิดผนึกจากหม่อมอุ๋ย ถึงยิ่งลักษณ์ เรียกร้องรัฐบาลลาออกรักษาการ จวกจำนำข้าวล้มเหลว ทำประเทศแย่ เศรษฐกิจพัง วอนเปิดทางปฏิรูปประเทศ...ติดตามรายละเอีย­ดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thairath.co.th/content/eco/401704
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2014
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ข้อความในไลน์..เรื่องการรับมือภัยความหนาวเย็น..!!!

    [​IMG]

    เด็กผู้ชาย สมาชิก

    อีกเรื่อง... จากข้อความในไลน์ เรื่องการรับมือภัยความหนาวเย็น..
    ..............................................................................

    พี่อ้อ : "ตอนนี้ยังคิดกรณีบ้านบนดินก่อน
    ว่าจะอยู่ตอนติดลบไงดี เวลาไม่มีไฟฟ้า"
    พี่อ้อ : "ถ้ามีไฟใช้ฮีตเตอร์ช่วย ฐานคนอื่นเตรียมตั้งรับกันยังไงบ้างอ่ะคะ"
    พี่อ้อ : "แล้วถ้าเวลามันหนาวมากลากยาวติดลบ
    โดยไม่มีไฟฟ้า ให้เตรียมอย่างไรบ้าง
    พอดีเป็นคน กทม. มาตั้งแต่เกิดน่ะ
    เจอหนาวมากๆก็ไม่เคยน่ะ แล้วมีผู้เฒ่า 80 อีก 2 หน่วย จะได้เตรียมได้ถูกทางน่ะค่ะ"
    ดร. เอมี่: "คือ แอมมี่อยู่ชิคาโก 10 ปี ไม่เคยกลับไทย อาจจะช่วยแชร์นะคะ แล้วไปลองประยุกต์ดู เดี๋ยวจะพิมพ์เรื่อยๆ"
    พี่อ้อ : "ที่นั่นนอกบ้านกี่องศาคะ"
    ดร. เอมี่ : "กรณีบนดิน ก่อน.. ชิคาโก ปกติ หนาว 8 เดือน หนาวเฉลี่ยประมาณ -15 ในเดือนธันวา - กพ..
    -4C ก็ใส่ขาสั้นเดิน เริ่มอุ่น
    0C นี่ ล้างรถกันใหญ่ มีความสุขมาก อากาศอบอุ่น"
    พี่อ้อ : "โห ปรับตัวได้แล้วแบบนี้"
    หมอนก : "น้องเก้าบอกว่าเห็น -22c แต่ไม่รู้จังหวัดไหน ถ้าเป็นที่กทม. ทางเหนือเจอหนาวกว่าแน่ครับ"
    ดร. เอมี่ : "กรณีบนดิน คือ ต้องเข้าใจว่า อากาศร้อน ลอยตัวสูงขึ้น อากาศเย็นจะเข้ามาแทนที่"
    ดังนั้น เพดาน ยิ่งสูงจะยิ่งหนาว
    เมื่อเข้าหน้าหนาว เราจะเหลือหน้าต่างไว้ 1 บาน ที่ไม่ทำอะไรกะมัน นอกนั้นเอาพลาสติกหนาๆเหนียวปิดทับด้วย duck tape เพื่อไม่ให้ลมหนาวลอดเข้ามา"
    พี่อ้อ : "ควรเตรียมพลังงานแบบไหนจึงจะช่วยให้อุ่นขึ้น แล้วลากยาวได้นานที่สุด"
    ดร. เอมี่ : "อย่าลืมว่า มันเป็นตึก เลยความหนาวเย็นจะเข้ามาผ่านฝาบ้านอะไรไม่ได้
    ลดความหนาวเข้ามาได้ ก็ลดพลังงานที่จะใช้"
    พี่อ้อ : "หน้าต่างเป็นบานไม้ ทึบหมด อาจมีช่องบ้างนิดๆ"
    ดร. เอมี่ : "555 อากาศก็เหมือนน้ำ แทรกซึมได้ทุกที่ที่เป็นรอยแยก"
    หมอนก : "อุณหภูมิไม่สำคัญมากเท่ามีลมหรือเปล่า ถ้ามีลมจะหนาวถึงกระดูกเลย เพราะฉะนั้นบ้านในเมืองหนาวจะเห็นได้ว่า มีประตูหน้าต่างน้อย เพื่อจำกัดทางเข้าของลม หน้าต่างประตู พี่อ้อต้องเปลียนไปใช้แบบ upvc ที่ผนึกซีลได้ดีกว่าครับ"
    ดร. เอมี่ : "ให้ปิดทับวงกบไปเลย เทปกาวเหนียวจะช่วยให้อยู่ได้นาน
    ตัวช่วยที่ 2 ตัวช่วยที่ 2 คือ ผ้าห่มขนเป็ดค่ะ แอมมี่ซื้อผืนละเกือบ $500 "
    พี่อ้อ : "เตาผิงในบ้านพอดีไม่ได้เตรียมทำไว้
    ตอนนี้มีแต่เสื้อหนาวขนเป็ดยาวอยู่หลายตัว"
    ดร. เอมี่ : "ผ้าห่มขนเป็ดรีบซื้อเลย อย่าเสียดาย เพราะว่า แม้ไม่มีไฟฟ้า เราจะทนหนาวได้หลายวันค่ะ
    ผ้าหนาๆหน่อย -30 ก็ยังอยู่ได้
    คือ แอมมี่เป็นนักเรียนยากจนอะค่ะ เลยต้องหาทางประหยัด
    หน้าร้อนค่าไฟ $30 หน้าหนาวเจอค่า heat $800 อะ ตายอะสิ
    ขอบอกว่า เสื้อหนาวขนเป็ดสำหรับชิคาโก เอาไม่อยู่ค่ะ
    ต้องเป็นโอเวอร์โค้ทยาวถึงข้อเท้า ผ้าสำลี ตัวหนาหนักมาก Super Warm สุดๆ"
    คือ พี่อ้อ และเพื่อนๆ คะ เราประเมินว่าเราจะเจอ -22 องศานะ"
    คือ การทนความหนาวของแต่ละท่านจะไม่เท่ากันนะคะ

    1 กันอากาศเข้าทางหน้าต่างก่อน
    2 เตรียมผ้าห่มขนเป็ดไว้ให้มากๆ ผ้าสำลีนาโนไว้เยอะๆ
    3 ลองจอห์น ทั้งเสื้อ-กางเกง
    4 ถุงเท้าหนา ผ้าพันคอ หมวกไอ้โม่ง ถุงมือหนาๆ
    5 เสื้อหนาวผ้า fleece ค่ะ"

    พี่อ้อ : "ต่อที่ว่าหาวิธีประหยัดไฟน่ะ อยู่ยังไงมั่งคะ"
    ดร. เอมี่ : "บ้านฝรั่งมักจะมีเตาผิง ที่เขาค้อก็มี
    เพราะก็เผื่อสำหรับ ไฟดับ
    มาต่อเรื่องกันความหนาวนะคะ

    6. นอนในถุงนอนอีกที ก็ช่วยได้ค่ะ เพราะถุงนอนรับความหนาวได้ถึง risk -50 (ดูที่เขียนบอกไว้ตรงปลอกค่ะ) แบบนี้เค้าขายนักสกี คือคนที่จะไปพิชิตหิมาลัยค่ะ ยิ่งติดลบมากยิ่งราคาแพง

    พี่อ้อ : "ในประเทศเราไม่มีขายใช่ป่ะ"
    ดร. เอมี่ : "7 กางเต๊นท์นอนในบ้านอีกทีนึง ก็ช่วยได้ เลือกเต๊นท์กันลม กันฝน
    แอมมี่ซื้อในเมืองไทย ได้ถึง -20 นะคะ
    บ้านเราแหล่งผลิตค่ะ ไม่มีก็สั่งออนไลน์ค่ะ ปรึกษาคนชอบซื้อของเล่น หมอนก หมอพราน"
    พี่โป้ง ศิริพล : "ถามคุณ แอมมี่ต่อว่า หนาวขนาดไหนถึงมีอาการหิมะกัด หูกุด นิ้วกุด อ่ะครับ เสียว"
    ดร. เอมี่ : "555 ออกไปเดินตากพายุหิมะสิคะ แบบนั้น frost bite
    หนาวติดลบ หูแข็ง ปลายนิ้วมือนิ้วเท้าแข็งเพราะเลือดไม่เดิน"
    หมอนก : "ขอเสริมเรื่องฮีตเตอร์หน่อยนะครับ มันมี 2 ประเภท ใช้ไฟฟ้า กับใช้แก๊ส เมืองนอกจะเป็นฮีตเตอร์ที่ใช้แก๊สเป็นหลักเพราะถูกกว่าไฟฟ้า เราสามารถซื้อฮีตเตอร์ใช้แก๊สกระป๋องในบ้านเราได้ครับ พวกเดินป่าใช้กัน คราวนี้ถามว่าถ้าแก๊สกระป๋องที่เตรียมไว้หมด จะทำอย่างไร เราสามารถผลิตแก๊สได้ 2 วิธี ก๊าซชีวภาพ กับ ก๊าซชีวมวล แนะนำให้มีเตาชีวมวลครับ ไม่ต้องย้อนยุคไปใช้เตาผิงแล้วก็ได้ครับ เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีช่วยอำนวยความสะดวกมากขึ้นแล้วครับ"
    ดร. เอมี่ : "แม้แต่อยู่ในหิมะ ก็ขุดหิมะทำหลุม เอาตัวเข้าไปอยู่ในนั้น ก็อุ่นได้แล้วค่ะ
    กันที่สุดคือ ห้ามถุงมือ ถุงเท้าเปียกค่ะ แบบนั้น ก็มีสิทธิ์โดนหิมะกัด"
    7 ข้ออยู่ในบ้านนี่ ยังไม่ได้จุดไฟเลยนะเนี่ย"

    หมอนก : "ผมอธิบายเรื่องเตาชีวมวลให้พี่เคฟังเมื่อวานลองย้อนไปดูได้ครับ
    ไม่มีควันครับ เพราะตัวเตามันอยู่นอกบ้าน เราต่อเอาแก๊สมาจุดในบ้านครับ ต่อเข้ากับฮีตเตอร์"
    น้องคุณ : "สงสัยคงต้อง มาฝึกกสินไฟ กันจริงๆ ละครับ เอิ๊กๆๆๆๆๆๆ"
    หมอนก : "ถ้าจะใช้ฮีตเตอร์ร่วมกับเตาชีวมวล ให้นำเตาไว้นอกบ้านครับ ไม่อย่างนั้นเราต้องระวังเรื่องปริมาณอ๊อกซิเจนและเรื่องไฟไหม้อีก ไม่อย่างนั้นแนะนำว่าให้ใช้เตาผิงแบบเดิมครับ"
    ในสถานการณ์ปกติคุณแอมมี่เปิดหน้าต่างได้ครับ แต่สถานการณ์แบบนี้อย่างแรกเดียวมีคนปีนหน้าต่างเข้ามานอนด้วยครับ สองอากาศที่เข้ามาอาจมีฝุ่นภูเขาไฟ สูดมากๆเดี๋ยวปอดมันจะแข็งไปด้วยซีเมนต์ครับ"

    ดร. เอมี่ : "เถ้าภูเขาไฟ แบบนี้ก็ นิวเคลียร์วินเทอร์ ลืมนึกไปค่ะ"
    หมอนก : "ขอแนะนำเรื่องเสื้อผ้าครับ เห็นพูดเรื่องเสื้อขนเป็ด มันก็ใช้ได้ในระดับนึงครับ ถ้าเป็นเมื่อซัก 20 ปีก่อน แต่เดี๋ยวนี้เรามีเทคโนโลยีของเสื้อผ้าที่ดีกว่า ขนเป็ดแล้วครับ ทำให้เสื้อบางลง เบาลง เก็บอุณหภูมิได้ดีขึ้นครับ อย่างเช่นเสื่อของ patagonia รุ่น das parka ที่ผมใช้อยู่ ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า primaLoft พวกปีนเขา K2 กับไป antartica ใช้กัน"

    ดร. เอมี่ : "ผ้า Parka นี่เอง นึกออกแล้ว
    Thermal Thinsulate สุดยอดมากๆ
    ใครชอบเสื้อหนัง อยู่ได้แค่ 0 องศา แต่ก็ต้องใส่ fleece ข้างใน ถ้าต่ำกว่านั้น โยนทิ้งได้เลยค่ะ"
    หมอนก : "patagonia ของผมใส่ถุงเมื่อเทียบกับขวดอิชิตัน"
    ดร. เอมี่ : "ใครพอมีตังค์ เน้นผ้า แคชเมียร์ แรบบิทแฮร์ fleece Parka
    เน้นผ้าร่ม กันน้้ำกันลม สำหรับเสื้อแจ๊คเกต
    ถุงมือ ผู้ชาย เป็นถุงมือหนังก็ดี ทำงานนอกบ้านสบาย"
    หมอนก : "ผมซื้อมา 3000 บาทครับ ในห้างตัวละหมื่นกว่า"
    ถ้าเป็นเสื้อขนเป็ดรับรองเป็นปล้องๆเลย 555
    หนาแต่กันแทบไม่ได้เลย หนักอีก
    ขนาดน้องเอ้ตัวนิดเดียว ยังเป็นปล้องเลย อิอิ"
    พี่อ้อ : "ง่วงแว้วว ขอไปนอนก่อนนะคะ "
    หมอนก : "เรากำลังเจอสภาพอากาศสุดขั้ว ต้องหาสิ่งที่ดีที่สุดที่มีให้ได้ไว้ใช้ครับ (ในราคาถูก สโลแกนผม) อิอิ"
    คุณแจ็ค : "ว่าแต่น้องเก้า เห็น -22 ในห้องเย็น ป่าว อิอิ"
    หมอนก : "ถึงตอนนั้นอยากหาก็ไม่มีให้หา เงินก็ซื้อไม่ได้ครับ"
    พี่อ้อ : "Good night จ้า"
    หมอนก : "สวัสดีครับ พี่อ้อ มาอยู่ห้องนี้มีเรื่องให้เสียตังเยอะครับ"
    คุณแจ็ค : "งั้น หมอนก หาอะไรเจอ ก็ไลน์มาก่อนสั่ง นะ"
    หมอนก : "เดี๋ยวผมจะแนะนำไปที่ละเรื่องครับ
    55 จะซี้อแบบเหมาโหล เพื่อต่อราคา"
    คุณแจ็ค : "ถ้าเราลบ22 ที่อื่นจะรอดกี่%..???"

    ที่มา http://palungjit.org/threads/บันทึกของพระคุณลุงคนเชียงใหม่ถึงหลานๆ-เรื่องภัยพิบัติ.311084/page-115
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    พระพุทธเจ้าสอนอะไร ให้กับสตีฟ จ็อบส์ ?

    [​IMG]

    ผมไม่ได้ซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่าน เพราะมีคำตอบในใจแล้วว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร ให้กับสตีฟ จ็อบส์ ผู้ที่นับถือศาสนาพุทธ นิกายเซน จนทำให้เขากลายเป็นนวัตกรระดับโลก และเป็นศาสดาเอกทางด้านเทคโนโลยีคนหนึ่งที่ผู้คนยุคนี้ชื่นชม และยอมรับในความสามารถ ผมคิดว่าหลักธรรมหนึ่งซึ่งถ้าใครได้ยึดถือ และปฎิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า คน ๆ นั้นก็จะประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน เพียงแต่ระดับของความสำเร็จจะเป็นระดับบุคคล ระดับประเทศ ระดับทวีป หรือระดับโลกอย่างสตีฟจ็อบส์ ...

    หลักธรรมที่ว่านั้นคือ อิทธิบาท 4 ฉันทะ (รักในสิ่งที่ทำ) วิริยะ (มีความเพียรบากบั่น) จิตตะ (มีใจจดจ่อต่อสิ่งนั้นอยู่ตลอดเวลา) วิมังสา (วิเคราะห์ ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน รอบด้าน) ...

    คนไทยส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ แต่ถ้าเราเพียงแค่นับถือ แค่ได้ชื่อว่ามีศาสนาพุทธเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ แต่ไม่เคยนำหลักธรรมคำสอนมาประพฤติปฏิบัติก็เปล่าประโยชน์ การนับถือศาสนาที่เป็นเพียงแค่ความคิดและการพูด รู้และท่องจำคำสอนของพระพุทธเจ้าได้แต่ไม่เคยลงมือทำ ก็ไร้ความหมาย เพราะเรายังไม่เข้าใจจากการลงมือทำด้วยตัวเอง

    กรณีของสตีฟ จ็อบส์ เขาเป็นคนที่สนใจรักใคร่เรื่องของเทคโนโลยีอย่างจริงจัง (มีฉันทะแรงกล้า) กว่าจะประสบความสำเร็จจนเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลกเขาต้องทุ่มเทบากบั่นมานะพยายาม ผิดพลาดหลายครั้ง ล้มเหลวก็หลายหน แต่คนอย่างเขาก็ไม่เคยท้อ ล้มแล้วลุกขึ้นใหม่ตลอดเวลา (มีวิริยะเป็นเลิศ) และไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม จิตใจเขาก็ยังคงฝักใฝ่แต่เรื่องเทคโนโลยีที่เขาสนใจ เขามีเป้าหมาย มีโฟกัสที่ชัดเจนว่าเขาชอบเขารักเขาต้องการทำอะไร แล้วเขาก็จดจ่อต่อสิ่งนั้นตลอดเวลา ไม่วอกแวก ออกนอกเส้นทาง เรียกว่าไม่ Loose Focus (มีจิตตะ ที่มุ่งมั่นแน่วแน่)

    ที่สำคัญอีกอย่างคือ เขาเป็นคนที่ก็ใช้ความคิดวิเคราะห์ ไตร่ตรองทบทวน ปรับปรุงแก้ไข ผลงานของเขาให้ดีขึ้น ๆ เรื่อย ๆ (ใช้วิมังสา ในการปรับปรุงพัฒนางานอยู่ตลอดเวลา) ถือได้ว่าสตีฟ จ็อบส์ เป็นพุทธศาสนิกชนคนหนึ่งซึ่งนำหลักอิทธิบาท 4 มาใช้ในงานที่เขาทำ จนประสบความสำเร็จ หากเพื่อน ๆ ท่านใดอยากประสบความสำเร็จในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ก็ลองถามตัวเองง่าย ๆ 4 ข้อ ตามหลักอิทธิบาท 4 ว่า

    1) เรารักในสิ่งที่ทำมากพอหรือยัง สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ใช่สิ่งที่เรารักหรือเปล่า เราทำด้วยความรักความเต็มใจหรือฝืนใจทำ(ฉันทะ ?)
    2) เราพยายาม ขยัน ทุ่มเท มากเพียงพอ ต่อเนื่องหรือยัง หรือทำไปท้อไป ทำ ๆ หยุด ๆ (วิริยะ ?)
    3) เราจดจ่อต่อสิ่งนั้นตลอดเวลาไหม หรือเราเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา อยากทำโน่นนี่นั่น สนใจ รัก ชอบ หลายอย่าง จนกระจัดกระจาย ไม่ได้ทำอะไรสำเร็จเลยสักอย่างหรือเปล่า (จิตตะ ?)
    4) เมื่อเราได้ลองทำลงไปแล้ว ได้กลับมาใช้ความคิดไตร่ตรอง ทบทวน ประเมินผลเพื่อจะปรับปรุงแก้ไขให้มันดีขึ้นไหม (วิมังสา ?)

    ถ้าถามตัวเองแล้วได้คำตอบว่ายังไม่สามารถทำตามหลักอิทธิบาท 4 ได้อย่างเต็มที่ หรือยังไม่เต็มร้อย ก็กลับไปเริ่มต้นใหม่ได้ครับ พลาดแล้วรีบแก้ไขใหม่ พรุ่งนี้ยังไม่สายครับ คนที่ประสบความสำเร็จเขามักจะทำสิ่งที่เขารักแบบเต็มที่ เกินร้อยกันทั้งนั้นถ้าไม่เชื่อก็ลองนึกถึงความสำเร็จของ สตีฟ จ็อบส์ เป็นตัวอย่างก็ได้ครับ

    Posted by Pro.Trainer
    วันพุธที่ 2 พฤษภาคม 2555

    ที่มา www.oknation.net/blog/chaiyospun/2012/05/02/entry-1
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 23634c634.jpg
      23634c634.jpg
      ขนาดไฟล์:
      13.5 KB
      เปิดดู:
      45
    • 23634ab39.jpg
      23634ab39.jpg
      ขนาดไฟล์:
      42.7 KB
      เปิดดู:
      1,304
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2014
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ยันแมวตายกว่า 30 ตัวที่กำแพงเพชร ไม่ใช่พิษสุนัขบ้า-หวัดนกระบาด แค่ไวรัสหัดแมว ไม่ติดสู่คน

    [​IMG]

    สธ.ยันแมวตายกว่า 30 ตัวที่กำแพงเพชร ไม่ใช่โรคพิษสุนัขบ้า ไม่ใช่หวัดนก ไม่ใช่โรคประหลาด เหตุตรวจแล้วไม่พบเชื้อ ระบุน่าจะเป็นไวรัสหัดแมว ไม่ติดสู่คน และหมา มีวัคซีนฉีดป้องกัน แนะให้บ้านที่มีแมวตายล้างทำความสะอาดพื้นบ้าน ชามอาหาร ที่รองนอน ที่รองขับถ่ายด้วยผงซักผอก และเฝ้าระวังการป่วยในคนเป็นเวลา 3-4 สัปดาห์ หากมีอาการป่วย เป็นไข้ ไอ จะส่งพบแพทย์ตรวจรักษา

    วันนี้ (7 ก.พ.) นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีพบแมวในหมู่บ้านที่ 1 และหมู่ที่ 3 ตำบลวังแขม อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ตายกว่า 30 ตัว ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาโดยไม่ทราบสาเหตุ ก่อนตายมีอาการซึม ไม่กินอาหาร จากนั้นอาเจียน และชัก ประชาชนวิตกเกรงเป็นโรคประหลาด เนื่องจากในพื้นที่เคยพบเชื้อไข้หวัดนกมาก่อน โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ส่งซากแมวตรวจชันสูตรหาเชื้อที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ภาคเหนือตอนล่าง จ.พิษณุโลก แล้วว่า ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพงเพชร สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 8 จังหวัดพิษณุโลก ลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จังหวัดกำแพงเพชร เพื่อดำเนินการสอบสวน ควบคุมป้องกันโรคที่หมู่บ้านที่พบแมวตาย ผลการตรวจซากแมวตายเบื้องต้นจากห้องปฏิบัติการ ตรวจไม่พบเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า แสดงว่าแมวไม่ได้ตายจากโรคพิษสุนัขบ้า

    นพ.ณรงค์ กล่าวว่า เบื้องต้นให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้คำแนะนำประชาชนเพื่อคลี่คลายความวิตกกังวล โดยในบ้านที่มีแมวตายขอให้ล้างทำความสะอาดพื้นบ้านด้วยผงซักฟอก หรือผงฟอกขาว ซึ่งสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ ขณะทำความสะอาดให้สวมถุงมือยาง หรือสวมถุงพลาสติก และสวมหน้ากากป้องกันโรค อุปกรณ์ต่างๆ หลังใช้แล้วให้ฝัง หรือเผาทำลายทิ้ง และหากยังมีแมวตาย ขอให้กำจัดซากแมว โดยให้สวมถุงมือยาง หรือสวมถุงพลาสติกหลายชั้น และสวมหน้ากากป้องกันโรคเพื่อป้องกันการสัมผัสเชื้อโรคจากซากแมว

    “การกำจัดสามารถทำได้ 2 วิธี คือ ขุดหลุมฝังลึก 75-100 เซนติเมตร โดยฝังพร้อมกับหน้ากากป้องกันโรค และถุงมือที่สวมขณะจับซากสัตว์ เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจาย หรือใช้วิธีเผาทำลาย เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ได้ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และ อสม. เฝ้าระวังอาการป่วยในคน โดยเฉพาะในบ้านที่มีแมวตาย ให้สังเกตอาการป่วยทุกวัน เป็นเวลา 3-4 สัปดาห์ เชื้อนี้ติดต่อกันทางสัมผัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชื้อติดอยู่กับอุจจาระอาจติดตามรองเท้า เสื้อผ้า มือ ไปสู่แมวตัวอื่น ตามมาตรการของกระทรวงฯ หากพบว่ามีไข้ ไอ หอบ จะส่งพบแพทย์ตรวจรักษา ขณะนี้ยังไม่พบมีประชาชนป่วยแต่อย่างใด” ปลัด สธ. กล่าว

    ด้าน สัตวแพทย์หญิงอภิรมย์ พวงหัตถ์ ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ลักษณะอาการของแมวสงสัยว่าน่าจะติดเชื้อในกลุ่มพาร์โวไวรัส (Parvo Virus) ซึ่งทำให้เกิดโรคไข้หัดแมว อาการของโรคนี้ คือ ท้องเสีย อาเจียน หลังจากได้รับเชื้อแล้วจะมีอาการใน 2-7 วัน โดยลูกแมวจะมีอาการหนักกว่าแมวโต และพบว่าอัตราการเสียชีวิตของโรคนี้ประมาณ 29-90 เปอร์เซ็นต์ ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของแมวด้วย สำหรับลูกแมวที่มีอาการรุนแรงอาจตายภายใน 7 วัน บางตัวมีอาการตาบอดร่วมด้วย ถ้าอาการหนักมากอาจเป็นอัมพาตได้ อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนสบายใจได้ เพราะโรคนี้ไม่สามารถติดต่อสู่คน และสุนัขได้ ในแมวมีวัคซีนป้องกัน ประชาชนควรพาไปฉีดวัคซีนตั้งแต่ลูกแมวอายุ 2 เดือน เข็มที่ 2 ฉีดเมื่ออายุ 2 เดือนครึ่ง หลังจากนั้นฉีดทุกปีๆ ละ 1 ครั้ง เชื้อกลุ่มพาร์โวไวรัสนี้ไม่ทนความร้อน หากโดนความร้อนประมาณ 50-60 องศาเชื้อก็ตาย และไม่ชอบพื้นที่แห้ง

    “สำหรับการฆ่าเชื้อควรใช้สารฟอกขาวผสมน้ำ (เป็นผงหรือน้ำ) ราดบริเวณดังกล่าวก็สามารถฆ่าเชื้อได้เป็นอย่างดี ส่วนการติดต่อของเชื้อไข้หัดแมว ติดต่อได้โดยการสัมผัสระหว่างแมวกับแมว เชื้อไม่ได้มาทางอากาศเหมือนโรคไข้หวัด นอกจากนี้ อุจจาระ น้ำมูก น้ำลายก็มีเชื้อที่สามารถติดต่อกันได้ โดยส่วนมากจะพบมากในอุจจาระ รวมถึงที่รองนอน และกระบะทรายที่ไว้สำหรับฉี่ก็อาจจะแพร่เชื้อได้ หากเลี้ยงแมวจำนวนมากแล้วพบว่ามีแมวป่วย ให้คัดแยกออกจากแมวที่ไม่ป่วยทันที” สัตวแพทย์หญิงอภิรมย์ กล่าว

    สัตวแพทย์หญิงอภิรมย์ กล่าวว่า การรักษาแมวป่วยนั้นเชื้อตัวนี้ไม่มียาฆ่าเชื้อโดยตรงควรพาไปพบสัตวแพทย์ดีที่สุด ซึ่งสัตวแพทย์จะใช้วิธีการรักษาแบบประคับประคองตามอาการนั้นๆ และหลังจากที่จับแมวป่วยแล้ว ให้ทำล้างมือให้ด้วยสบู่ และน้ำให้สะอาดทุกครั้ง เช่นเดียวกับการล้างมือก่อนจับต้องแมวปกติ ป้องกันไม่ให้เอาเชื้อโรคไปติด เนื่องจากแมวที่ติดเชื้อหากป่วยแล้วสามารถแพร่เชื้อมากับอุจจาระได้หลายสัปดาห์ โรคนี้ไม่ติดต่อถึงคน และสุนัข แต่ติดต่อในสัตว์ตระกูลแมว เช่น เสือ สิงโต แมวป่า แมวบ้าน ต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคเช่นเดียวกับแมว

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 กุมภาพันธ์ 2557 16:31 น.

    ที่มา www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9570000015095
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2014
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ชาวปักกิ่งดีใจ ‘หิมะ’ แรกโปรยปราย หลังเฝ้ารอนาน 107 วัน

    [​IMG]
    ชาวปักกิ่งสนุกสนานท่ามกลางหิมะเย็นฉ่ำ ด้านหน้าประตูเทียนอันเหมิน ใจกลางกรุงปักกิ่ง วันที่ 7 ก.พ. (ภาพ - รอยเตอร์ส)

    [​IMG]
    คนงานกวาดหิมะอยู่ด้านนอกพระราชวังต้องห้าม สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของกรุงปักกิ่ง วันที่ 7 ก.พ. (ภาพ - รอยเตอร์ส)

    [​IMG]
    หญิงสาวใช้กิ่งไม้เขี่ยหิมะเล่นอยู่ในสวนสาธารณะยื่อถันของกรุงปักกิ่ง วันที่ 7 ก.พ. (ภาพ - รอยเตอร์ส)

    [​IMG]
    หญิงสาวเดินฝ่าสายหิมะโปรยปรายในย่านธุรกิจของกรุงปักกิ่ง วันที่ 7 ก.พ. (ภาพ - รอยเตอร์ส)​

    เอเยนซี - ชาวนครหลวงแดนมังกรตื่นเช้ามาสนุกสนานกับโลกสีขาวโพลน เมื่อ “หิมะ” ที่เฝ้ารอมากว่า 107 วัน โปรยปรายลงมาเป็นครั้งแรกในฤดูหนาว ท่ามกลางอุณหภูมิติดลบกว่า 4 องศาเซลเซียส แม้เจ้าหน้าที่หวั่นสร้างปัญหาจราจรติดขัดในวันแรกของการทำงานหลังหยุดยาวช่วงตรุษจีน

    สำนักงานติดตามสภาพอากาศของกรุงปักกิ่ง รายงาน (7 ก.พ.) ว่า หิมะเริ่มตกลงมาช่วงกลางดึกวันพฤหัสบดีที่เขตฝังซานทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง ก่อนจะเคลื่อนเข้าสู่ใจกลางเมืองในเวลา 04.00 น. ของเช้ามืดวันนี้ ทยอยปกคลุมตึกรามบ้านช่องและถนนสายต่างๆ โดยวัดปริมาณเฉลี่ยได้ที่ระดับ 1.1 มม. เมื่อเวลา 08.00 น.

    ทั้งนี้ สำนักฯ ออกประกาศเตือนภัยสภาพอากาศระดับ 3 (สีเหลือง) เวลา 06.00 น. หลังหิมะเริ่มจำตัวเป็นน้ำแข็ง โดยสำนักงานจราจรประจำเมืองระบุว่า เส้นทางเดินรถโดยสารประจำทาง 7 สาย ถูกปรับเปลี่ยนเพื่อเลี่ยงสภาพถนนที่คลุมด้วยแผ่นน้ำแข็ง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้

    ระดับการเตือนภัยสภาพอากาศของจีนนั้น ถูกแบ่งออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ ระดับ 4 (สีน้ำเงิน) เป็นระดับปกติ ระดับ 3 (สีเหลือง) เป็นระดับค่อนข้างรุนแรง ระดับ 2 (สีส้ม) เป็นระดับรุนแรง และระดับ 1 (สีแดง) เป็นระดับรุนแรงที่สุด

    เป่ยจิง นิวส์ สื่อท้องถิ่น รายงานว่า ณ ท่าอากาศยานนานาชาติแห่งกรุงปักกิ่ง ต้องเลื่อนเที่ยวบินอย่างน้อย 16 ไฟล์ท และยกเลิก 1 เที่ยวบินในเวลา 08.30 น.

    อย่างไรก็ดี กลุ่มหิมะที่ตกลงมากลับไม่ได้ช่วยปัดเป่ามลพิษทางอากาศที่ปักกิ่งเผชิญมากว่า 2 วันออกไปได้ แม้ว่าระดับฝุ่นพิษขนาดเล็ก หรือพีเอ็ม2.5 (PM2.5) จะลดลงแล้วก็ตาม โดยสำนักฯ เผยว่า คุณภาพอากาศจะยังคงอยู่ในระดับ “มีมลพิษเบาบาง” ต่อไป และอาจกระจายตัวกว้างขึ้นในสุดสัปดาห์

    อนึ่งกรุงปักกิ่งจะมีหิมะตกลงมาก่อนสิ้นเดือน พ.ย.ของทุกปี แต่ในปี 2556 กลับพบเพียงฝนตก ปริมาณราว 2.5 มม. ในวันที่ 22 ต.ค. และแม้พื้นที่ชานเมืองบางแห่งจะมีหิมะและลูกเห็บ แต่ก็เป็นปริมาณเล็กน้อยเกินกว่าจะบันทึกข้อมูลว่าเป็นหิมะได้ โดยที่ผ่านมา กรุงปักกิ่งเคยประสบเหตุหิมะไม่ตกตามฤดูกาลในปี 2513 ทิ้งช่วงนานกว่า 124 วัน และปี 2553 เป็นเวลา 108 วัน

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 กุมภาพันธ์ 2557 22:03 น.

    ที่มา www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9570000015194
     
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ผ่าดวงเมืองปี 2557

    [​IMG]

    อาจารย์มาศ เคหาสน์ธรรม ได้วิเคราะห์ดวงนักการเมืองปี 2557 ว่า

    “ดวงคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่มีโอกาสกลับมาเป็นนายกฯ ได้อีก เพราะปี 2557 เป็นปีของความขมขื่นของคุณยิ่งลักษณ์ ตามตำราบอกว่าเป็น “ดาวมีดสุริยะเข้า” จะโดนเชือด โดนฟัน โดนเฉือน มีเกณฑ์เจ็บตัว เสียเลือด ขมขื่น ฉะนั้นถ้าฝืนอยู่สมัยสอง เรื่องจะใหญ่กว่าเดิม ที่ผ่านมาอาจจะน้ำตาอาบแก้ม แต่ต่อไปน้ำตาจะเช็ดหัวเข่า ถือเป็นปีดวงตกของเขา

    “ เชื่อว่าจะมีการเปลี่ยนหน้ามาเล่นการเมืองแทนคุณยิ่งลักษณ์ เพราะดวงคุณทักษิณ ปีที่แล้วผมเคยบอกว่าดวงเขาจะเปิดปี 2557 แต่เขารีบดันตัวเองกลับมาเร็วเกินไป เป็นการทำลายโอกาสของตัวเอง ทั้งที่ถ้าไม่รีบ ค่อยๆ เดินทีละก้าว เดินแล้วถอยๆ ประชาชนจะรวมตัวกันไม่ติด แต่พอเข้าครึ่งปีหลัง คุณทักษิณเจอธาตุทองและธาตุน้ำ ทำให้ตัดสินใจผิดพลาด เนื่องจากคุณทักษิณและคุณยิ่งลักษณ์เป็นคนธาตุไฟ พอเจอน้ำรดใส่ไฟ จึงเกิดไฟพรึ่บ ทำให้หงุดหงิด อยากจบเรื่องเร็วๆ จึงทำให้พลาดง่ายๆ ” อาจารย์มาศกล่าว

    ส่วนดวงคุณทักษิณ ชินวัตร ที่ผมบอกว่าทำลายโอกาสตัวเองไปแล้ว แต่ปี 57 เป็นปีที่คุณทักษิณดวงดี ทำให้หลังเลือกตั้ง คนของเขาก็ยังมีโอกาสได้ นอกจากนั้นอีก 2 -3 ปีข้างหน้า จะเป็นปีวิกฤตในเรื่องสุขภาพของเขา คุณทักษิณจะมีโอกาสเจ็บป่วย

    ด้านดวงคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เขาเป็นคนธาตุไม้ ไปเจอกับปี 57 ซึ่งเป็นธาตุไม้เหมือนกัน ไม้กับไม้เกื้อหนุนกัน ทำให้ดวงจะดีขึ้น เพียงแต่ไม้เที่ยวหน้ามาพร้อมกับไฟ คุณอภิสิทธิ์จึงเป็นไม้ที่โดนไฟเผา แปลว่าสว่างโชติช่วงโชติ แต่ว่าไม่เติบโต เรียกว่าดวงเจ๋งสู้คนอื่นไม่ได้

    “ส่วนดวงของคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ถ้าดูจากโหงวเฮ้ง จะเห็นคุณสุเทพมีกรามและคางสวยงาม หมายถึงจะรุ่งเรืองตอนแก่ โหวงเฮ้งแบบนี้ไม่มีทางติดคุกตอนแก่ จึงเป็นช่วงขาขึ้นของคุณสุเทพ ยิ่งแก่ยิ่งเฮง แม้แก่เฒ่าก็ยังโดดเด่นในวงการ”

    สถานการณ์ทั่วโลกด้านอื่นๆ อาจารย์มาศบอกว่าภาพรวมของสหรัฐอเมริกาไม่ค่อยดี เงินดอลลาร์ตก มีปัญหาสีผิว มีปัญหากับโลกมุสลิมเหมือนเดิม แต่หุ้นของสหรัฐฯ จะขึ้นก่อนเศรษฐกินขึ้นครึ่งปี พอสหรัฐฯ หุ้นเริ่มขึ้น หุ้นไทยก็จะเริ่มขึ้นตาม

    ส่วนประเทศแถบยุโรปยังไม่ค่อยดี อิสราเอลจะมีปัญหากับปาเลสไตน์เพิ่มขึ้น ในขณะที่ประเทศจีนจะเกิดการปฏิรูปใหม่ๆ เพราะเศรษฐกิจถดถอย จึงต้องมีมาตรการใหม่ๆ และการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ออกมา อนาคตจีนจะมีการลดค่าเงินหยวน ต่างชาติจะหันมาซื้อของไทยมากขึ้น แค่รอสภาวะการเมืองไทยสงบเท่านั้นเอง เพราะสินค้าจีนจะไม่ราคาถูกอีกต่อไป

    [​IMG]

    อาจารย์ฟองสนาน จามรจันทร์ วิเคราะห์ดวงเมืองจากอดีตมาถึงปัจจุบัน

    งานนี้เราเชิญอาจารย์ฟองสนาน จามรจันทร์ นักข่าวและนักโหราศาสตร์ชื่อดัง มาวิเคราะห์ดวงการเมืองไทยที่สืบเนื่องมาตั้งแต่ปีที่แล้วไปจนถึงปีหน้า

    “ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนที่สามารถฟันฝ่าปี 2556 ปีแห่งปรากฎการณ์สำคัญทางโหราศาสตร์ที่ปรากฏการณ์ดาวจรที่ทำกับดวงเดิม ดวงเมืองคราวนี้ช่างหนักหนาสาหัส พลิกล็อกวินาศสันตะโร แปลกประหลาดคาดไม่ถึงคือ

    “ดวงเมืองแตกชั้นที่ 1 ที่เริ่มมาตั้งแต่ 7 ก.ย. 55 ที่พระเสาร์จรยกทวนเข็มนาฬิกาจากราศีกันย์เข้าราศีตุลเล็งลัคนาดวงเมืองที่สถิตราศีเมษ เกิดความแตกแยกกันเองในประเทศอย่างหนัก ตั้งแต่วันที่ 11ธ.ค. 55ดวงเมืองเพิ่มการแตกชั้นที่สองเมื่อพระราหูตัวเบียนบ่อนดวงเมืองคู่มิตรใหญ่ของพระเสาร์ยกตามเข็มนาฬิกา จากราศีพิจิกเข้าราศีตุลมาช่วยพระเสาร์เล็งลัคนาดวงเมืองให้แตกแยกเพิ่มขึ้นอย่างมาก

    “ปรากฏการณ์หัวหน้าดาวสองขั้วคือ ดาวดีนำโดยพฤหัสบดี หรือเทพเทวาคุ้มครองดวงเมือง รวมถึงดาวร้ายนำโดยพระเสาร์ตรึงกำลังในดวงเมือง ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่คนแตกแยกทั้งสองฝ่ายไม่มีใครแพ้ชนะต้องสู้กันจนกว่าจะยุติการตรึง แล้วชาติจะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น เพราะพฤหัสบดีและพระเสาร์นี้เป็นคู่วิวัฒนาการไปอีกขั้นหนึ่งของสังคม ทั้งด้านกฎหมายที่พฤหัสบดีเป็นตัวแทนอยู่ และรัฐบาล รวมทั้งการบริหารประเทศที่พระเสาร์เป็นตัวแทนอยู่

    “ทั้งนี้อิทธิฤทธิ์พระเสาร์-ราหูที่ทำให้ดวงเมืองแตกคราวนี้ขึ้นสู่กระแสสูงสุดเมื่อวันที่ 8 ต.ค.56 หลังจากนั้นอิทธิพลก็ลดลงเรื่อยๆ เปิดทางให้ฝ่ายค้าน -ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซึ่งคือพระจันทร์ดวงเมืองที่สถิตราศีกรกฎ ที่ก่อนหน้านี้ถูกฤทธิ์ของเสาร์พ่วงราหูกดจนโงหัวไม่ขึ้นรวมตัวกันติด เกิดเป็นกปท.-กปส.ที่อุรุพงษ์-สามเสน-ราชดำเนินและ กปปส.-ขยายกปปส.ไปทั่วประเทศ ซึ่งดวงเมืองแตกรอบนี้ เราผ่านปรากฏการณ์ความรุนแรงมาแล้วระหว่าง 18 พ.ย. -16 ธ.ค. 56 ที่ช่วงนั้นเกิดเหตุปะทะกันที่รามฯเมื่อคืนวันที่ 30 พ.ย. มีการยิงแก๊สน้ำตาและเกิดปรากฎการณ์ไอ้อ้วนที่ข้างทำเนียบฯ ” อาจารย์ฟองสนานกล่าว

    ดวงอนาคตการเมือง อาจารย์ฟองสนานบอกว่าปีใหม่ 2557 นี้จะเป็นปรากฏการณ์ต่อเนื่องจากปีที่แล้วในลักษณะคลายออกเป็นเปลาะๆ คือ

    1. การเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 จะเกิดขึ้นยากมาก ถ้าเลือกก็ทุลักทุเลและผลก็จะออกมาแบบทุลักทุเล และแปลกประหลาดสุดขีด

    2. จังหวะอันตรายของการปะทะกันของดวงเมืองแตกรอบนี้อีกครั้งคือระหว่าง15 พ.ค.57-15 มิ.ย.57

    3. วันที่ 17 มิ.ย.57 ดาวสองขั้วหยุดตรึงกัน เริ่มเห็นผลว่าฝ่ายธรรมะจะชนะ ฝ่ายอธรรมอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด

    4. วันที่ 1 ก.ค.57 ดวงเมืองหยุดแตกขั้นที่หนึ่ง เมื่อพระราหูยกจากราศีตุลเข้าราศีกันย์หยุดเล็งลัคนาดวงเมือง แต่จะเริ่มปรากฎการณ์ราหูล่าจันทร์ หรือราหูล่าหนี้ ประชาชน และรัฐบาลแทนไปอีกปีครึ่ง ช่วงนี้จะเริ่มเห็นหนี้ของประชาชน และรัฐบาลที่จะเกิดปัญหาขึ้น เป็นระยะเวลาปีครึ่ง จึงต้องระวังและเคลียร์หนี้ให้เสร็จก่อน 17 ม.ค. 59

    5. วันที่ 26 พ.ย. 57 ดวงเมืองหยุดแตกขั้นที่สอง เมื่อพระเสาร์จรยกจากราศีตุลเข้าราศีพิจิก ผลคือความแตกแยกทางความคิดคนไทยที่มีอยู่จะยังอยู่ต่อไป แต่จะลดลงเรื่อยๆเพื่อเข้าสู่ยุคใหม่ที่สดใสมีความหวัง ตั้งแต่ 21 เม.ย.58 ที่เป็นวันคล้ายวันเกิดดวงเมืองเป็นต้นไป

    วิเคราะห์ดวงชะตาคนที่เกี่ยวข้องการเมือง

    ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดวงชะตาจะค่อยตกมาเรื่อยๆตั้งแต่ 7 ก.ย.55 โดยตกมากมาตั้งแต่ 30 พ.ค.56 เกณฑ์นี้เป็นไปถึง 17 มิ.ย.57 หลังจากนั้นจะเกิดการตรึงกันของดวงใหญ่ในดวงชะตา ทำให้ขยับจะทำอะไรก็ลำบากและลากยาวไปถึงสิ้นปี ช่วงที่ยิ่งลักษณ์ต้องระวังอย่างยิ่งคือ 30 เม.ย. -25 พ.ค. 57อาจเจ็บไข้ได้ป่วยหรือสูญเสีย พลัดพราก

    ทักษิณ ชินวัตร ดูตามดวงชะตาใช้บุญเก่าหมดไปแล้ว ที่เหลือคือการบริหารกรรมเก่าและใหม่ คือทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว โดยจะมีช่วงดีๆของชีวิตระหว่าง 17 มิ.ย. 57-11 ก.ค. 58 เกี่ยวกับบ้าน และพื้นฐานของชีวิต แต่ถึงอย่างไรกรรมเก่าก็ยังแรงและไม่มีแนวโน้มว่าจะลดลง จะมีแต่จะเพิ่มขึ้น ทั้งกรรมเก่าจากพระราหูเจ้าของความลุ่มหลงมัวเมา และพระเสาร์ดาวโทษทุกข์

    สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นอีกคนที่ดวงตกมาตั้งแต่ 30 พ.ค.56 ทั้งเครียด แบกภาระเหนื่อยยาก ได้ความผิดและได้คดีความ แต่หลังวันเกิด7 ก.ค. 56-17 มิ.ย. 57 จะเกิดปรากฏการณ์กาลีจรเข้าภพมรณะ พลิกจากร้ายกลายเป็นดี แต่ต้องระวังการถูกทำร้าย ช่วงที่ต้องระวังอีกรอบสั้นๆสำหรับกำนันสุเทพคือตั้งแต่ 17 มิ.ย. - วันเกิดที่ 7 ก.ค. 57 หลังจากนั้นดวงชะตารุ่งโรจน์ขึ้น แต่ก็ไม่วายต้องแบกภาระหนักยาวนานอยู่

    [​IMG]

    อาจารย์ภิญโญ พงศ์เจริญ ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงและการปฎิรูป

    ด้านอาจารย์ภิญโญ พงศ์เจริญ นักโหราศาสตร์ชื่อดังก็ได้วิเคราะห์ดวงเมืองปี 2557 ไว้ว่าเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลง และการปฏิรูป

    “ปี 2557 ดาวย้ายราศีหลายดวง การเมืองจึงจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ปัญหาการเมืองจะยังไม่ราบรื่น แต่น่าจะราบรื่นตั้งแต่เดือน 16 มิ.ย. 57 จากนั้นราหูย้าย 30 มิ.ย. 57 และดาวเสาร์ย้ายราศี 26 พ.ย. 57 พอดาวใหญ่ย้ายราศีเข้าอยู่ภพที่สำคัญ จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งดีและร้าย คือ ผู้นำใหม่น่าจะพลิกล็อกเป็นคนที่แปลกออกไป รัฐบาลใหม่จะอายุไม่ยืน เพราะดาวพระเสาร์จะย้ายปลายปีหน้า ซึ่งดาวพระเสาร์จะหมายถึงคณะรัฐมนตรี ผู้บริหารราชการแผ่นดิน ย้ายเข้าภพมรณะ เมื่อดาวพระเสาร์เกิดการแปรสภาพ ทำให้รัฐบาลใหม่นี้มีอายุสั้น

    “สถานการณ์บ้านเมืองจะยังไม่สงบ ต้นปีคือ ช่วงเดือนมกราคมจะเกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะพอดาวเสาร์มาเล็งลัคนาเมือง ทำให้เกิดดวงเมืองแตก ดวงเมืองร้าย ทำให้สถานการณ์การเมืองยังรุนแรงอยู่ แต่พอผ่านเดือน มี.ค.ไปแล้ว เหตุการณ์จะดีขึ้น จนถึงเดือน มิ.ย. ดาวจะเข้าสู่ภพที่ดี หมายถึงสถานการณ์จะดี ให้คุณ

    “ด้านเศรษฐกิจ ปีหน้าพระราหูเล็งดาวเศรษฐกิจ ทำให้เกิดเหตุการณ์คล้ายปี 2539- 2540 ซึ่งเป็นวิกฤตเศรษฐกิจ เกิดปัญหาสถาบันการเมือง ธนาคาร ตลาดหุ้น คนฆ่าตัวตายเยอะ และดาวดวงนี้มาซ้ำในจุดเดิม เพราะฉะนั้นปี 2557 ดวงเศรษฐกิจอาจจะไม่ชัดเท่าไหร่ อาจจะไปส่งผลให้เห็นชัดในปลายปี 2557- 2558 เพราะฉะนั้นให้ระวังค่าครองชีพ เรื่องเศรษฐกิจที่อาจล้มระเนระนาดเหมือนช่วงเก่าที่ผ่านมา เพราะจะเกิดปัญหาการคลัง ปัญหาหนี้สินครัวเรือน ปัญหาหนี้สินของรัฐ ทำให้คนอยู่ค่อนข้างลำบาก แต่พอมีดาวพฤหัสฯ เข้ามา ก็จะพอช่วยเหลือได้บ้าง

    “นอกจากนั้น เป็นปีที่ต้องระมัดระวังเรื่องน้ำ เรื่องลม เรื่องพายุ รวมไปถึงอุบัติเหตุตามท้องถนนจะเยอะเป็นพิเศษ แต่เรื่องโดดเด่นก็มีคือ การศึกษา การแพทย์ กฎหมาย ศาสนา การท่องเที่ยว ที่ดิน ที่อยู่อาศัย”

    วิธีแก้ดวงเมือง อาจารย์ภิญโญแนะนำวิธีแก้ดวงเมืองว่า “วิธีแก้ดวงเมืองก็เหมือนคน ถ้าคนนั้นมีชีวิตจิตใจที่ดี มีมานะอดทน อยู่ในครรลองที่ถูกที่ควร ก็จะสามารถทำให้สิ่งอื่นๆ ดีตามไปด้วย หรือถ้าคนจำนวนมากทำสิ่งที่ดีๆ ก็จะทำให้ชาติบ้านเมืองดีขึ้นตาม แต่สังเกตได้ว่าตอนนี้บ้านเมืองเรารุ่มร้อนเต็มไปหมด ฉะนั้นถ้าทำให้จิตใจเย็นลง คลายลง ปัญหาต่างๆ ก็จะดีขึ้น แนะนำว่าเวลาเลือกผู้แทนหรือผู้ปกครอง ควรจะเลือกคนที่มีกิเลสน้อย เลือกคนดีที่สามารถนำความรู้ความสามารถมาใช้ให้เป็นประโยชน์แก่บ้านเมืองได้"

    โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 1 มกราคม 2557 18:27 น.

    ที่มา www.manager.co.th/daily/viewnews.aspx?NewsID=9560000159610
     
  8. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    ๘ ก.พ. ๕๗

    มีท่านสมาชิก จะเปิดไลน์แล้วให้ผมเข้าไปคุยด้วย เป็นไลน์อิสระ ท่านสุภาพชนรายใดสนใจก็เข้าไปไลน์ได้ เมื่อเปิดเป็นทางการจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง Tangmo97

    เคอิสรา
     
  9. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    ท่านที่เข้ามาแล้ว รอผมก่อน คนแก่หัวช้าต้องรอให้ลูกสาวสอนวิธีการเล่นก่อน เมื่อเข้าใจแล้วจะเข้าไปคุยด้วยแล้วจะแจ้งให้ทราบต่อไป

    ครับเป็นอันว่าขอเปิดคุยเป็นทางการ ตอนแรกอาจจะขลุกขลักในการเข้าตอบ ตอบช้าบ้างเร็วบ้าง เพราะคนแก่สมองช้า ตอนแรกคิดว่าจะใช้ชื่อ แตงโม๙๗ คนตั้งห้องบอกใช้ เคอิสรา ๙๗ จะดีกว่า ก็เลยใช้ เคอิสรา๙๗
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 กุมภาพันธ์ 2014
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    หิมะตกหนักในญี่ปุ่น ตายเพิ่มเป็น 3 เจ็บพุ่งเป็น 500 คน

    [​IMG]

    โตเกียว 8 ก.พ.-สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า หิมะตกหนักที่สุดในรอบ 20 ปีที่กรุงโตเกียวและพื้นที่อื่นทั่วประเทศวันนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน และบาดเจ็บเกือบ 500 คน

    เที่ยวบินกว่า 740 เที่ยวต้องระงับให้บริการ ขณะพยากรณ์อากาศเตือนสภาพอากาศเลวร้ายในกรุงโตเกียว บ้านเรือนกว่า 40,000 แห่งไฟดับ หิมะตกหนัก 8.7 นิ้วในบ่ายวันเสาร์ที่กรุงโตเกียว ทำลายสถิตินับตั้งแต่ปี 2537 ผู้หญิง 2 คน เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ที่อิชิคาวะ ส่วนชายอีกคนเสียชีวิตที่เมืองนางาโนะ เนื่องจากรถไฟชนรถยนต์ของเขาบริเวณทางข้ามรถไฟ สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเครายงานว่า มีผู้บาดเจ็บ 494 คน จากอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับหิมะตกหนัก.

    สำนักข่าวไทย TNA News | 8 ก.พ. 2557 19:24 |

    แผ่นดินไหวใกล้ฟูกุชิมะญี่ปุ่น ขนาด 5.1 ไม่เตือนสึนามิ

    [​IMG]

    ฮ่องกง 8 ก.พ.-ศูนย์สำรวจธรณีวิทยาสหรัฐรายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.1 ตามมาตราริกเตอร์ ห่างไปทางชายฝั่งของจังหวัดฟูกุชิมะของญี่ปุ่น เมื่อเช้าวันเสาร์นี้ ไม่มีประกาศเตือนภัยคลื่นยักษ์สึนามิ

    แผ่นดินไหวขนาดปานกลางวันนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 02.18 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลา (00.18 น.ที่ผ่านมาในไทย) อยู่ลึกลงไปใต้ดินราว 63 กิโลเมตร และห่างไปราว 34 กิโลเมตร ทางตะวันออกของเมืองนามิเอะในจังหวัดฟูกุชิมะ ซึ่งเคยประสบคลื่นยักษ์สึนามิหลังแผ่นดินไหวเมื่อเดือนมีนาคม 2554 ก่อให้เกิดวิกฤตินิวเคลียร์และความเสียหายครั้งใหญ่ สำนักข่าวเกียวโดรายงานอ้างสถานีอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นว่า ขณะนี้ยังไม่มีประกาศเตือนภัยคลื่นยักษ์สึนามิหลังแผ่นดินไหว

    สำนักข่าวไทย TNA News | 8 ก.พ. 2557 09:05 |

    ผู้นำจีนย้ำ จีน-รัสเซีย เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

    [​IMG]

    ปักกิ่ง 7 ก.พ.- ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนย้ำความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซียว่า มีความใกล้ชิดกันและร่วมมือกันเรื่องซีเรีย ก่อนไปเข้าร่วมพิธีเปิดมหกรรมโอลิมปิกฤดูหนาวเมืองโซชิ ริมทะเลดำของรัสเซียในวันนี้

    ประธานาธิบดีสี ถือเป็นผู้นำจีนคนแรกที่เข้าร่วมมหกรรมกีฬาในต่างประเทศ เขาเลือกเยือนรัสเซียเป็นประเทศแรก หลังจากรับตำแหน่งเมื่อเดือนมีนาคมปีก่อนได้เพียงไม่กี่วัน ส่วนการเยือนรัสเซีย 3 วันในสัปดาห์นี้เป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกของปีนี้ เว็บไซต์กระทรวงต่างประเทศจีนรายงานว่า ประธานาธิบดีสีได้กล่าวระหว่างพบกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียที่เมืองโซชิเมื่อวานนี้ว่า จีนและรัสเซียเป็นเพื่อนบ้าน หุ้นส่วน และมิตรที่ดีต่อกัน ทั้งสองประเทศจะยังคงร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในประเด็นสำคัญทั้งระดับโลกและระดับภูมิภาค โดยเฉพาะเรื่องการส่งเรือคุ้มครองการลำเลียงอาวุธเคมีออกจากซีเรีย ผู้นำจีนยังได้ย้ำเรื่องความสัมพันธ์ด้านพลังงาน ขณะที่ผู้นำรัสเซียกล่าวถึงลัทธินิยมทหารในอดีตของญี่ปุ่นว่า เป็นสิ่งที่ไม่อาจลืมเลือนได้ สอดคล้องกับสิ่งที่รัฐบาลจีนเคยวิจารณ์ญี่ปุ่นมาก่อน

    บทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์โกลบอลไทมส์ ซึ่งเป็นสื่อของทางการจีนชี้ว่า การที่ประธานาธิบดีสีไปร่วมโอลิมปิกฤดูหนาวโซชิเป็นสัญญาณแสดงถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของสองประเทศ ต่างจากผู้นำชาติตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนีที่ไม่ยอมไปร่วมและวิพากษ์วิจารณ์รัสเซีย.

    สำนักข่าวไทย TNA News | 7 ก.พ. 2557 14:16 |

    ที่มา Digital Media and Online Services of News and Entertainment by MCOT Plc. | MCOT.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ระวังภัยแผ่นดินทรุด ใจกลางกรุงเทพฯ สัญญาณอันตราย !!!

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=uPMc9k3wZno]เรียกเธอว่า...นอสตราดามุสเมืองไทย!! - YouTube[/ame]
    [​IMG]

    [​IMG]

    ระวังภัย แผ่นดินทรุด ใจกลางกรุงเทพฯ สัญญาณอันตราย

    Mthainews: เหตุการณ์การเกิดหลุมขนาดใหญ่ กว้างประมาณ 5 เมตร ยาว 6 เมตร ความลึกประมาณกว่า 2 เมตร ทรุดตัวลงบนถนนพระราม 4 ฝั่งขาเข้า ช่วงใต้สะพานไทย-เบลเยียม เยื้องสถานีรถไฟใต้ดินลุมพินี (ประตู 2) ใกล้สี่แยกวิทยุ เมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ก็ทำให้คนกรุงต่างตื่นตระหนก ซึ่งถัดมาไม่ถึงเดือนก็เกิดเหตุทำนองเดียวกัน ฟุตบาทบริเวณหน้าร้านอาหารไก่ย่างกลางกรุง ระหว่างซอย 21-23 ถนนพระรามที่ 3 เขตบางคอแหลม เกิดการทรุดตัวลงเป็นหลุมลึกประมาณ 3 เมตร กว้าง 5 เมตร ยาวประมาณ 22 เมตร เมื่อวันที่ 3 เมษายน และเหตุการณ์ล่าสุดก็เกิดขึ้นอีก เมื่อถนนเจริญกรุงบริเวณหน้าโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ เขตบางคอแหลม เป็นโพรงกว้าง 50 ซม.

    โดยสาเหตุที่การทรุดตัวนั้น จากการตรวตสอบ คาดว่าเกิดจากการกัดเซาะของน้ำที่รั่วซึม ซึ่งเป็นผลของการขยายตัวของสิ่งก่อสร้าง แต่ด้วยสภาพพื้นที่ของกรุงเทพมหานครนั้น เป็นที่ราบต่ำหลายพื้นที่จึงเกิดภาวะเสี่ยง อาจจะเกิดดินทรุดได้

    เกิดคำถามขึ้นว่าเกิดอะไรขึ้นกับชั้นใต้ดิน?

    ในพื้นที่ของกทม.ที่มีตึกระฟ้าทั่วกรุง หากเกิดหลุมยุบ แผ่นดินทรุดใต้ตึก อาคาร สำนักงาน ก็จะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของอาคาร บางอาคารก่อสร้างมานานกว่า 30-40 ปี ที่มีการเสื่อมสภาพ และคงต้องเฝ้าระวัง ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น ทั้งปัญหาที่เกิดจากการออกแบบอาคาร และปัญหาการทรุดตัวของดิน

    ซึ่งจริงๆแล้ว เหตุการณ์ดังกล่าว จะแยกเป็น 2 ลักษณะก็คือ หลุมยุบ (Sinkhole) นั้น เกิดจากชั้นดินที่มีหินปูนและเกลือ ซึ่งละลายน้ำได้ เมื่อมีโพรงใต้ดินเยอะ ก็เกิดการยุบตัวลงไป ลักษณะนี้มักไม่ค่อยเกิดในกรุงเทพมหานคร เนื่องจากใต้พื้นดินของกรุงเทพฯมีลักษณะเป็นชั้น แต่จะเกิดลักษณะของการ “ทรุดตัว” แทน

    ปัจจัยที่ทำให้เกิดการทรุดตัว ของชั้นใต้ดินในกทม.กรมทรัพยากรธรณี ระบุว่าพื้นที่ในกรุงเทพฯ ที่แผ่นดินมีการทรุดตัวมากที่สุดถึงปีละ 10 เซนติเมตร คือพื้นที่หัวหมาก ลาดพร้าว พระโขนง และบางนา เฉพาะที่รามคำแหง พบว่าในช่วงเดียวกันนั้น แผ่นดินทรุดตัวลงไปถึง 1 เมตร ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่รุนแรงมากสุด

    จากการสำรวจพบว่า พื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร พบมีการนำน้ำใต้ดินขึ้นมาใช้ประโยชน์ในการอุปโภคบริโภคเกินกว่าปริมาณน้ำที่ไหลกลับเข้าไปทดแทน ในอัตราประมาณ5-10 เซ็นติเมตรต่อปี โดยเฉพาะพื้นที่เขตพระโขนง บางกะปิ และห้วยขวาง จึงทำให้พื้นดินเป็นแอ่งกะทะ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำ นั่นจึงส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำท่วมตามมาในระยะยาว หากการระบายน้ำไม่เป็นไปอย่างสมดุล

    อย่างไรก็ตาม การทรุดตัวของกทม.เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา แต่จะใช้ระยะเวลายาวนาน ข้อมูลของนายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์จัดการความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เผยว่า

    “กรุงเทพและปริมณฑลต้องรับมือกับปัญหาน้ำท่วมและการทรุดตัวของแผ่นดิน รวมทั้งการกัดเซาะชายฝั่งที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเขตดอนเมืองเป็นพื้นที่ที่มีการทรุดตัวมากที่สุดประมาณ 4 เซนติเมตรต่อปี ภายใน 30 ปีนี้ ”

    นอกจากนี้ นายเฉลิมชนม์ สถิระพจน์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมสำรวจ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยังได้เปิดเผยว่า ดาวเทียมเรดาร์ที่ใช้ตรวจวัดการทรุดตัวของชั้นดินทรายในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) และพื้นที่ใกล้ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย พบว่า มีการทรุดตัวลงถึง 15 มิลมิเมตรต่อปี และคาดว่าปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นต่อเนื่องไปถึง 10 ปี

    กล่าวสั้นๆ ได้ว่า กทม.กำลังจมลงเรื่อยๆ

    สัญญานอันตราย กำลังเป็นสิ่งเตือนภัยให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง ต้องรีบทำการสำรวจ วางแผน และแก้ไขปัญหา แม้ว่าจะเร่งตรวจสอบแก้ไขปัญหาแบบวัวหายล้อมคอก แต่อย่างน้อยก็มีการตื่นตัว ตระหนักถึงปัญหา เพราะหากมิเช่นนั้น เมื่อแผ่นดินทรุดจนเกิดความสูญเสีย คงจะสายเกินไปที่จะแก้ไข…

    Mthai News วันจันทร์ที่ 9 เมษายน 2555

    ที่มา ระวังภัย แผ่นดินทรุด ใจกลางกรุงเทพฯ สัญญาณอันตราย ?
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อนาคตของประเทศไทยจะเป็นอย่างไร ?

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=5CcumAjkEW4]อนาคตการเมืองไทย และนายกคนต่อไปจะเป็นอย่างไร? กับ ดร. กัญจีรา กาญจนเกตุ - YouTube[/ame]
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=zG0TtLJpeaI"]วันที่ 2 ก.พ.จะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย? กับ ดร. กัญจีรา กาญจนเกตุ - YouTube[/ame]
    เผยแพร่เมื่อ 30 ม.ค. 2014​

    สามารถรับชมรายการ ทุกปัญหามีคำตอบได้ที่ช่อง Hplus Chanel
    ในเวลา 21.35 - 23.00 น. ทุกวันจันทร์ -ศุกร์ หรือรับชม Online ได้ที่ www.hplus.co.th
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กุมภาพันธ์ 2014
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อุทาหรณ์เตือนภัยเหยียบกันตาย !!!

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=lLzZi8MejbU]ลอยกระทงเขมร เหยียบกันตาย กว่า300 - YouTube[/ame]
    เขมรช็อก! ลอยกระทงสยอง เหยียบกันตาย 339 ศพ

    เอพีและ บีบีซี รายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 22 พ.ย.53 เกิดเหตุชาวกัมพูชาไปเที่ยวงานลอยกระทงในก­รุงพนมเปญ เหยียบกันตายอย่างน้อย 339 ศพ โดยนายฮุน เซน นายกรัฐมนตรี เป็นผู้แถลงข่าวโศกนาฏกรรมดังกล่าวในการถ่­ายทอดสดทางโทรทัศน์ด้วยตนเองหลายรอบ รอบแรกแจ้งว่า มีผู้เสียชีวิต 181 ราย ต่อมาเพิ่มเป็น 190 ราย และถึง 339 รายในที่สุด

    เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นบนเกาะเพชร หรือไดมอนด์ ไอส์แลนด์ ระหว่างการจัดคอนเสิร์ตคืนลอยกระทง ตามด้วยการแข่งเรือ จุดเกิดเหตุอยู่บนสะพานเหนือแม่น้ำโตนเลสา­ป เมื่อผู้ไปร่วมงานมีอาการเป็นลม ล้มลงไปพร้อมๆ กัน 10 คน ทำให้กลุ่มคนที่เหลือที่เบียดเสียดกันอยู่­ตื่นตระหนก ผลักกันเพื่อหนีออกจากบริเวณ และทำให้เหยียบกันท่ามกลางความชุลมุน บางคนตกลงไปในแม่น้ำ หลังเกิดเหตุมีศพผู้คนเกลื่อนกลาดไปทั่วบริเวณ ส่วนรถพยาบาลต้องนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล­ในระยะทางที่ไกลมาก ใช้เวลาเป็นชั่วโมง

    ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่รัฐบาลกัมพูชาประเมินว่า จะมีชาวกัมพูชามากกว่า 2 ล้านคนออกมาเที่ยวงานลอยกระทงที่จัดขึ้น 3 วัน กิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากคือ การแข่งเรือ

    ที่มา ข่าว เช้าวันใหม่ เรื่องเล่าเช้านี้ 23 พฤศจิกายน 2553 ไทยทีวีสีช่อง3 คลิป วีดีโอ ยูทูป

    เหยียบกันตาย โศกนาฏกรรมนี้ ป้องกันได้หรือไม่?

    ช่วงลอยกระทงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เรากำลังมีความสุข ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง คิดว่าทุกคนก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกันกับผมใช่ไหมครับ แต่แล้วเราก็ได้ยินข่าวสุดเศร้าจนได้ ในโลกนี้หาอะไรแน่นอนไม่ได้จริงๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้เหมือนกัน ผมตกใจมากที่ได้ยินข่าวว่า มีชาวกัมพูชาเพื่อนบ้านของเราไปลอยกระทงแล้วเหยียบกันตาย มีคนตายมากถึงเกือบ 400 คน

    ซึ่งโศกนาฏกรรมนี้เกิดขึ้นเวลาประมาณ 21.30 น. ในวันลอยกระทง ซึ่งประชาชนกัมพูชาหลายพันคนจะไปร่วมงานลอยกระทงบนเกาะ ซึ่งตั้งอยู่กลางโตนเลสาบ และต้องใช้วิธีเดินเท้าข้ามสะพานไปเกาะดังกล่าว ทำให้มีผู้คนแน่นขนัดส่งผลให้คนที่อยู่กลางสะพานบางส่วนราว 10 คนล้มลง จากนั้นมีรถพยาบาลจะเข้ามารับตัว ประกอบกับสะพานเริ่มแกว่งและมีข่าวลือแพร่ออกไปปากต่อปากอย่างรวดเร็วว่า สะพานรับน้ำหนักไม่ไหวกำลังจะถล่ม ทำให้ผู้คนเกิดอาการแตกตื่นหวาดกลัว ทำให้คนเบียดเสียดกันออกมาจากสะพานและเกิดการเหยียบกันตายในที่สุด ซึ่งเหตุการณ์นี้ฝรั่งเขาเรียกว่า Stampede (ความแตกตื่นโกลาหล) นั่นเองครับ และไม่น่าเชื่ออีกอย่างคือ การชันสูตรพลิกศพพบว่า ส่วนใหญ่ขาดอากาศหายใจครับ

    ตั้งแต่วันนั้นมา ผมก็เลยเกิดคำถามในใจว่า ถ้าเราอยู่ในเหตุการณ์แบบนั้น เราจะต้องทำอย่างไร เพื่อให้ตัวเองปลอดภัยที่สุด ในฐานะที่อยู่ในวงการด้านความปลอดภัย ทำให้ผมต้องค้นหาข้อมูลการการป้องกันอุบัติเหตุเหยียบกันตายว่าจะทำได้อย่างไร ซึ่งแนวทางที่จะใช้ป้องกันการเหยียบกันตายทำได้ดังนี้ครับ

    1. การจัดการและการควบคุมการจราจรของฝูงชน เช่น การใช้แผงกั้น หรือการตั้งกรวย เพื่อให้ฝูงชนเดินไปในทิศทางที่กำหนดอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งเรื่องนี้ผมเห็นด้วย เพราะคนไทยเราจะมีเทศกาลเฉลิมฉลองค่อนข้างเยอะ เช่น ประเพณีสงกรานต์ ซึ่งอาจจะต้องไปเบียดเสียดกันในที่ใดที่หนึ่ง เช่น ถนนข้าวสาร ถ้ามีการจัดระเบียบที่ดี ก็จะช่วยให้เที่ยวสนุกขึ้นด้วยครับ

    2. มีการสำรวจฝูงชน เช่น การสังเกตจากมุมสูง และมีการใช้โทรโข่งหรือกระจายเสียงเพื่อสื่อสารให้ฝูงชนทราบ และแจ้งเส้นทางในการเดินของฝูงชน

    3. การป้องกันที่ระดับบุคคล ก็ทำได้โดยการติดป้ายเตือน หากพบว่า มีผู้คนมากกว่า 4 คนและตัวของแต่ละคนต้องเบียดกับคนอื่นทั้ง 4 ด้าน ซึ่งในกรณีนี้ขอแนะนำว่า ถ้าจะหลบออกมาต้องเอียงตัวโดยใช้ด้านข้างแทรกตัวจากฝูงชนออกมา

    ที่ผมกล่าวมา เป็นแนวทางในการป้องกันการเหยียบกันตายของคนจัดงานครับ แต่ในฐานะที่เราไปร่วมงานสิ่งที่เราทำได้ ผมมองว่า ต้องป้องกันที่ต้นเหตุครับ คือ การหลีกเลี่ยงไปในสถานที่ที่มีผู้คนไปรวมกันเยอะๆ และต้องอยู่ในพื้นที่คับแคบหรือมีทางออกทางเดียว ซึ่งไม่ปลอดภัยอยู่แล้วในแง่ของการอพยพ เพราะฉะนั้นก่อนไปควรจะศึกษาข้อมูลของสถานที่บ้างก็น่าจะดีครับ และอีกอย่างหนึ่งที่อยากจะแนะนำคือ ไม่ควรนำเด็กไปในสถานที่แบบนี้ด้วยครับ เพราะลำพังผู้ใหญ่เองยังเคลื่อนไหวได้ลำบาก แล้วนับประสาอะไรกับเด็ก ไม่ควรพาเด็กไปอย่างยิ่งครับ อันตรายมาก

    สุดท้ายก็หวังว่าบทความนี้ คงจะช่วยทำให้ทุกท่านได้มีการคิดก่อนเสมอ เวลาจะไปร่วมงานในสถานที่ที่มีฝูงชนจำนวนมากมารวมกัน เพื่อป้องกันอันตรายจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันครับ แล้วพบกันฉบับหน้าครับ

    เทพพร เจริญรอย Thepporn.j @npc-se.co.th ที่ปรึกษา อาชีวอนามัยและความปลอดภัย บริษัท เอ็นพีซี เซฟตี้ แอนด์ เอ็นไวรอนเมนทอล เซอร์วิส จำกัด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • cambodia5.jpg
      cambodia5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33.9 KB
      เปิดดู:
      62
    • cambodia6.jpg
      cambodia6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.6 KB
      เปิดดู:
      88
    • news_w2_1.jpg
      news_w2_1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      44.3 KB
      เปิดดู:
      182
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2014
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    จีนปฎิเสธข้อกล่าวหาสหรัฐกรณีทะเลจีนใต้

    [​IMG]

    ปักกิ่ง 9 ก.พ.- จีนปฎิเสธข้อกล่าวหาของสหรัฐ ที่ระบุว่า จีนใช้การอ้างกรรมสิทธิ์เขตแดนอย่างคลุมเครือค่อยๆ เข้ายึดพื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้ และกล่าวหาสหรัฐกลับว่าขยายความความตึงเครียดในภูมิภาคนี้จนเกินจริง

    โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนแถลงเมื่อวันเสาร์ เตือนสหรัฐให้มีทัศนคติที่สมเหตุสมผลและเป็นธรรมกับจีน โดยย้ำว่าการอ้างของจีนเป็นไปตามประวัติศาสตร์และกฎหมายระหว่างประเทศ คำกล่าวของเจ้าหน้าที่สหรัฐไม่สร้างสรรค์ การนำความตึงเครียดมาแต่งเติมไม่เป็นประโยชน์ต่อการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพ โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวด้วยว่า จีนมุ่งมั่นแก้ไขข้อพิพาททางทะเลกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรง และให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติกับสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)

    โฆษกจีนแถลงเรื่องนี้หลังจากรัฐบาลสหรัฐระบุเมื่อหลายวันก่อนว่า การกระทำของจีนได้เพิ่มความวิตกว่าจีนพยายามควบคุมพื้นที่ประมาณร้อยละ 80 ของทะเลจีนใต้ทั้งที่ประเทศเพื่อนบ้านพากันคัดค้าน

    สำนักข่าวไทย TNA News | 9 ก.พ. 2557 12:21 |

    อิหร่านส่งกองเรือรบมุ่งหน้าไปสหรัฐ

    [​IMG]

    ดูไบ 9 ก.พ.- สำนักข่าวฟาร์ส กึ่งทางการอิหร่านรายงานอ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพเรือว่า กองเรือรบจำนวนหนึ่งได้รับคำสั่งได้มุ่งหน้าไปยังชายแดนทางทะเลของสหรัฐ เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐประจำการเรือรบในอ่าวเปอร์เซีย

    รายงานอ้าง พล.ร.อ.อัฟชิน เรซายี ฮัดดัด ผู้บัญชาการกองเรือภาคเหนือว่า กองเรืออิหร่านเริ่มออกเดินทางไปยังมหาสมุทรแอตแลนติกแล้วโดยผ่านน่านน้ำใกล้แอฟริกาใต้ เป็นส่วนหนึ่งของการตอบโต้สหรัฐที่เพิ่มการประจำการเรือรบในอ่าวเปอร์เซีย ด้านเจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐแสดงความสงสัยต่อรายงานนี้ แต่ก็กล่าวว่า เรือทุกลำมีสิทธิลอยลำในน่านน้ำสากลได้อย่างเสรี

    สหรัฐและประเทศพันธมิตรริมอ่าวเปอร์เซียจัดการซ้อมรบในอ่าวเปอร์เซียอยู่เสมอ โดยอ้างว่าเพื่อดูแลความปลอดภัยให้แก่การเดินเรือในน่านน้ำนี้ ซึ่งใช้เป็นเส้นทางเดินเรือบรรทุกน้ำมันร้อยละ 40 ของทั้งโลก นอกจากนี้สหรัฐยังมีฐานทัพที่บาห์เรนด้วย.

    สำนักข่าวไทย TNA News| 9 ก.พ. 2557 08:39 |

    สหรัฐเตรียมขยายการรับรองการแต่งงานของคนรักเพศเดียวกัน

    [​IMG]

    นิวยอร์ก 9 ก.พ.- รัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐเตรียมขยายการรับรองของรัฐบาลสหรัฐต่อการแต่งงานของกลุ่มคนรักเพศให้มีผลครอบคลุมทุกห้องพิจารณาคดีของศาลและเรือนจำของรัฐบาลกลาง และสร้างความมั่นใจว่า พวกเขาได้รับสิทธิประโยชน์เช่นเดียวกับที่คู่สมรสต่างเพศได้รับ

    นายเอริก โฮลเดอร์ รัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐประกาศเรื่องนี้เมื่อวานนี้ในงานเลี้ยงกาลาดินเนอร์สิทธิชาวรักเพศเดียวกันที่นครนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ ถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของผู้สนับสนุนคู่สมรสเพศเดียวกัน หลังจากศาลฎีกาสหรัฐมีคำตัดสินขยายสิทธิ์การแต่งงานของคู่รักเพศเดียวกัน 2 คำตัดสินเมื่อปีที่แล้ว

    ภายใต้นโยบายใหม่ของนายโฮลเดอร์ คู่สมรสเพศเดียวกันจะได้รับสิทธิประโยชน์เช่นเดียวกับคู่สมรสต่างเพศภายใต้กฎหมายรัฐบาลกลาง แม้กระทั่งในรัฐที่ไม่ได้ให้การรับรองการแต่งงานของพวกเขา ตราบใดที่พวกเขาแต่งงานกันอย่างถูกกฎหมายในรัฐอื่น โดยจะมีผลครอบคลุมในทุกศาล ทุกการพิจารณาคดี และทุกสถานที่ที่อำนาจของกระทรวงยุติธรรมบังคับใช้ เช่น การรับภาระหนี้สิน การเยี่ยมคู่สมรสในเรือนจำ การได้รับผ่อนผันโทษหากคู่สมรสเผชิญวิกฤติ

    ด้านกลุ่มอนุรักษ์นิยมตำหนิว่า เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างว่า รัฐบาลนี้ปกครองประเทศอย่างไร้ขื่อแป กระทรวงยุติธรรมจะขยายการรับรองการแต่งงานของคนรักเพศเดียวกันให้มีผลบังคับใช้แม้แต่ในรัฐที่ไม่รับรองการแต่งงานแบบนี้.

    สำนักข่าวไทย TNA News | 9 ก.พ. 2557 10:55 |

    พายุหิมะที่กระหน่ำหลายพื้นที่ของญี่ปุ่นอย่างรุนแรง

    [​IMG]

    ญี่ปุ่น 9 ก.พ. - พายุหิมะที่กระหน่ำหลายพื้นที่ของญี่ปุ่นอย่างรุนแรง ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตทั่วประเทศเพิ่มเป็นอย่างน้อย 5 คน บาดเจ็บอีก 600 คน

    ชาวกรุงโตเกียวและอีกหลายพื้นที่ กำลังเผชิญกับพายุหิมะหนักที่สุดในรอบหลาย 10 ปี โดยที่กรุงโตเกียว มีหิมะตกหนาเป็นประวัติการณ์ ถึง 27 เซนติเมตร ซึ่งเป็นปริมาณมากที่สุดในรอบ 45 ปี ส่วนที่เมืองเซนได ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ก็มีหิมะตกหนักที่สุดในรอบ 78 ปี วัดความหนาได้ถึง 35 เซนติเมตร สื่อท้องถิ่น

    รายงานว่ามีผู้เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับพายุหิมะแล้วอย่างน้อย 5 คน ส่วนใหญ่มาจากอุบัติเหตุรถชนกันเพราะถนนลื่น และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 600 คน ทั่วประเทศ ชาวบ้านกว่า 2 หมื่นครัวเรือน ไม่มีไฟฟ้าใช้มาตั้งแต่เมื่อวาน จนถึงเช้าวันนี้ ขณะที่สายการบินต้องยกเลิกเที่ยวบินในประเทศ 200 เที่ยวบิน หลังจากที่เมื่อวานนี้ ยกเลิกไปแล้วมากกว่า 740 เที่ยวบิน นอกจากนี้ การคมนาคมขนส่งเชื่อมต่อสนามบินกับกรุงโตเกียว ที่หยุดชะงัก ยังส่งผลให้นักเดินทางติดค้างอยู่ที่สนามบินนาริตะเกือบ 5 พันคน ขณะที่คาดว่าจะมีหิมะตกทางเหนือของญี่ปุ่นอีกในวันนี้

    สำนักข่าวไทย TNA News | 9 ก.พ. 2557 12:01 |

    ที่มา Digital Media and Online Services of News and Entertainment by MCOT Plc. | MCOT.net
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    คนในประเทศจีน กำลังจะอดอยากขาดแคลนอาหาร !!!

    [​IMG]

    ลืมเรื่องมลภาวะไปสักพัก ปัญหาใหญ่กว่านั้นคือระบบธรรมชาติเกือบทุกอย่างในจีนกำลังออกอาการบอบช้ำ จากการถูกใช้งานอย่างหนักมานานหลายพันปี โดยเฉพาะในครึ่งศตวรรษหลังนี้ ซึ่งมีการใช้ทรัพยากรแบบผิดๆอย่างแพร่หลาย

    เพื่อให้เข้าใจสภาวะแวดล้อมที่แท้จริงของจีน ผมเดินทางย้อนกระแสน้ำของแม่น้ำชาวซึ่งเป็นต้นกำเนิดอ่างเก็บน้ำเก่าแก่ของปักกิ่ง แม้พื้นที่ลุ่มจะปกคลุมด้วยไร่ข้าวโพดแต่บนเนินเขากลับโล่งเตียน เมื่อปี 2501 ท่านประธานเหมาประกาศนโยบายปฏิวัติแบบก้าวกระโดด ประชาชนเริ่มผลิตเหล็กกล้าในครัวเรือน ข้อสำคัญคือการผลิตเหล็กกล้าต้องใช้ฟืนจำนวนมาก ไม่นานเนินเขาทั้งหลายจึงกลายเป็นเขาหัวโล้น

    ทุ่งหญ้าหายไปพร้อมกับป่าไม้ เมื่อคนในเมืองมากขึ้น ความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ก็เพิ่มขึ้น ผลที่ตามมาคือจำนวนปศุสัตว์มากขึ้น เลสเทอร์ บราวน์ นักสิ่งแวดล้อมอเมริกันซึ่งศึกษาเกี่ยวกับประเทศจีนมานานกล่าวว่า จีนมีแพะแกะ 339 ล้านตัว เทียบกับเจ็ดล้านตัวในสหรัฐฯ "ผมเคยไปดูสภาพในปศุสัตว์หลายแห่งซึ่งเจ้าของต้องเอาเสื้อผ้าของมนุษย์ไปสวมให้แกะเพื่อไม่ให้มันแทะเล็มขนกันเอง" บราวน์เล่าให้ผมฟัง

    เมื่อไม่มีรากต้นไม้ให้ยึดดิน พื้นที่หลายส่วนของเขตชนบทจึงกลายเป็นทราย เขตทะเลทรายขยายออกไปปีละหลายร้อยกิโลเมตร ทุกวันนี้ พายุทรายในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคม กลายเป็นฤดูกาลใหม่สำหรับชาวปักกิ่ง

    รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจและเร่งดำเนินโครงการรณรงค์ปลูกต้นไม้หลายโครงการ ระหว่างเดินทางทวนแม่น้ำชาว ผมเห็นเนินเขาสีน้ำตาลเป็นหย่อมๆเหมือนคนเป็นสิวผิวปรุประ พอเข้าไปดูใกล้ๆก็เห็นจุดสีขาวซึ่งความจริงแล้วคือหินขัดที่วางเรียงซ้อนกันอย่างดีเป็นกระถางต้นไม้ การจัดวางหินเพื่อให้อุ้มน้ำและประคับประคองต้นอ่อนให้ แข็งแรง กระถางเหล่านี้มีหลายแสนใบ นึกไม่ออกเลยว่าต้องใช้แรงงานคนมากมายเพียงใดกว่าจะสร้างสรรค์งานพิสดารเช่นนี้ออกมาได้

    แม้งานเหล่านี้จะยังไม่สามารถปรับปรุงสภาพแวดล้อมของแม่น้ำชาวให้ดีขึ้น แต่ยิ่งเดินทางสูงขึ้นไปสภาพแวดล้อมก็เขียวขึ้น ที่หมู่บ้านอันห่างไกล ชายชราเล่าให้เราฟังว่า เมื่อเจ็ดปีก่อน ในหุบเขามีแต่ทราย ต่อมารัฐบาลจ่ายเงินให้ชาวบ้าน 4,000 หยวน เพื่อล้อมคอกสัตว์ไม่ให้เที่ยวกินหญ้า เดี๋ยวนี้มองไปทางไหนก็มีแต่สีเขียว

    แต่การเปลี่ยนแปลงแบบนี้ จะสามารถปกป้องสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัยจากการคุกคามของทะเลทรายได้จริงหรือ แม้ภาคใต้ของจีนจะอุดมสมบูรณ์ดี แต่ ภาคเหนือยังแห้งแล้งอยู่มาก ขณะน้ำในแม่น้ำชาวและสายอื่นๆถูกผันไปหล่อเลี้ยง เมืองต่างๆที่เติบโตขึ้นริมสองฝั่งแม่น้ำ แต่ปักกิ่งต้องหาน้ำมาเลี้ยงตัวเองด้วยการขุดลึกลงไปใต้ดิน ด้วยเหตุนี้ ระดับน้ำใต้ดินจึงพร่องลงไปหลายเมตรเมื่อเกิดภาวะภัยแล้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา "ในอีกแปดถึงสิบปี หลายเมืองในภาคเหนือจะไม่มีน้ำใช้" หม่า จวิน ผู้เขียนหนังสือ วิกฤตการณ์น้ำในจีน (Chinaีs Water Crisis) คาดการณ์ "รัฐบาลดำเนินโครงการขนาดใหญ่มากมายเพื่อผันน้ำจากแม่น้ำแยงซีเกียงและแม่น้ำสาขา แต่โครงการเหล่านี้จะทำให้ปัญหาทางสังคมและสิ่งแวดล้อมรุนแรงยิ่งขึ้น"

    เมื่อขึ้นไปถึงต้นน้ำของแม่น้ำชาว เราก็ข้ามหุบเขาไปอีกสองสามลูก จากนั้นก็ขับรถกลับปักกิ่งโดยใช้เส้นทางเลียบแม่น้ำขาวซึ่งแห้งพอๆกัน ระหว่างทางเราเห็นเสาไฟแรงสูงตั้งเรียงรายเป็นแนวยาว หอสูงสร้างด้วยเหล็กกล้าเหล่านี้สร้างต่อๆกันทอดข้ามภูเขาสูงๆต่ำๆเหมือนกำแพงเมืองจีน เมื่อปี 2547 จีนเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเป็น 50 กิกะวัตต์ และปี 2548 เพิ่มเป็น 70 กิกะวัตต์ ประมาณว่ากำลังการผลิตไฟฟ้าที่จีนพยายามเพิ่มขึ้นในแต่ละปีเท่ากับครึ่งหนึ่งของกระแสไฟฟ้าที่ใช้ในอินเดีย นับเป็น การเพิ่มปริมาณความต้องการพลังงานมากที่สุดในโลก

    พลังงานใหม่เกือบทั้งหมดมาจากถ่านหินซึ่งจีนมีอยู่มหาศาล เจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์ประกาศแผนสร้างเตานิวเคลียร์ปีละสองเตาทุกปีไปถึงปี 2563 แม้จะบรรลุเป้าหมาย กระแสไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์คิดเป็นเพียงร้อยละสี่ของปริมาณกระแสไฟฟ้าทั้งประเทศ ที่สุด จีนก็หันไปเผาถ่านหิน ซึ่งเชื่อว่าปีนี้จะทำสถิติใหม่เกิน 2,000 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม แม้สามารถผลิตกระแสไฟฟ้ามาป้อนได้สูงสุดขนาดนี้ จีนก็ยังต้องดิ้นรน กระเสือกกระสน เพราะเมื่อปี 2547 ประชาชน 23 มณฑลจากทั้งหมด 31 มณฑลต้องประสบภาวะขาดแคลนไฟฟ้า "ในบางมณฑล โรงงานไฟฟ้าทำงานสัปดาห์ละสามหรือสี่วันเท่านั้น" หยาง ฟู่เฉียง รองประธานมูลนิธิพลังงานซึ่งอยู่ในกรุงปักกิ่ง กล่าว

    สาเหตุที่ทำให้จีนต้องการไฟฟ้ามากมายขนาดนี้ คงเป็นเพราะเกษตรกรพากันหลั่งไหลสู่เมืองใหญ่ หยางกล่าวว่า คำนวณคร่าวๆแล้ว แต่ละปีน่าจะมีคนอพยพมาอยู่ในเมืองใหญ่ไม่น้อยกว่า 20 ล้านคน พวกเขาทำงานหาเงินมาซื้อตู้เย็นเครื่องเล็กๆหรือเครื่องปรับอากาศ คนงานเหล่านี้ทำงานในโรงงานผลิตผ้าม่านห้องน้ำและกระเป๋าเดินทางซึ่งต้องใช้พลังงานทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่การสร้างกระท่อมคอนกรีตหลังเล็กๆสำหรับซุกหัวนอนก็ต้องใช้ทรัพยากร ร้อยละห้าของเชื้อเพลิงที่ใช้ในเมืองจีนหมดไปกับการผลิตซีเมนต์

    ยังมีรถยนต์อีก สิบปีก่อน ในเมืองจีนแทบจะไม่มีรถยนต์ แต่ปัจจุบัน จีนเป็นตลาดรถยนต์อันดับที่สามของโลก ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2548 ยอดขายรถยนต์ในจีนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละสิบ พอสิ้นปี สรุปว่ายอดขายทั้งหมด 5.6 ล้านคัน ถ้าอยากไปดูตลาดรถยนต์ใหญ่ๆในปักกิ่ง คุณต้องจอดรถไว้ไกลๆ อาจจอดที่ปั๊มน้ำมันซึ่งมีพนักงานคอยโบกให้เข้าจอด หรือริมถนนที่มีคนขายของส่งโค้กให้ลูกค้าที่เดินผ่านไปมา

    ใช่ว่าจีนจะไม่ตระหนักถึงปัญหาใหญ่ที่เกิดจากการเติบโตอย่างรวดเร็วและไร้ทิศทาง พาน หยู รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า มหัศจรรย์ทางเศรษฐกิจของจีนนั้น "จะพบจุดจบในเร็วๆนี้เพราะสิ่งแวดล้อมรับมือไม่ไหว ห้าในสิบเมืองที่มีมลภาวะมากที่สุดในโลกอยู่ในจีน พื้นที่หนึ่งในสามของจีนประสบปัญหาฝนกรด ครึ่งหนึ่งของน้ำในแม่น้ำใหญ่ที่สุดเจ็ดสายของจีนใช้ประโยชน์ไม่ได้เลย" แต่หากไม่มีการเติบโตรวดเร็วขนาดนั้น ประเทศก็ไม่สามารถรองรับการหลั่งไหลเข้าสู่เมืองใหญ่ของชาวชนบท จะดึงดูดให้ชาวไร่ชาวนายอมจมปลักอยู่ในที่ดินขนาดไม่ถึงครึ่งไร่ได้อย่างไรในเมื่อพวกเขาได้ข่าวว่าคนในเมืองกินอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์

    ด้วยเหตุนี้ จีนจึงต้องดิ้นรนต่อไป ด้านหนึ่งก็ต้องพัฒนาให้รวดเร็วเพียงพอสำหรับการขยายตัวอย่างไร้ขีดจำกัดของแรงงานอพยพทั้งหลาย ส่วนอีกด้านก็ต้องรักษาสมดุลในการใช้พลังงานและทรัพยากรเพื่อไม่ให้ประเทศชาติยับเยินหมดสภาพ

    ทางการจีนวางเป้าหมายว่าจะพัฒนาเศรษฐกิจให้โตสี่เท่าในปี 2563 แต่จะจำกัดการ ใช้พลังงานให้เพิ่มขึ้นเพียงสองเท่า ดูเหมือนเป้าหมายหลังนี้จะเป็นไปได้ยาก เพราะช่วงสองสามปีนี้ยอดกระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นสูงมาก แต่อย่างน้อย รัฐบาลระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษรแล้วว่ามีการผ่านกฎหมายควบคุมอาคารใหม่ โดยกำหนดว่าอพาร์ตเมนต์ ต่างๆจะต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมกว่าอพาร์ตเมนต์รุ่นเก่าถึงร้อยละ 50 นอกจากนั้น รัฐบาลจะหยุดให้เงินอุดหนุนด้านพลังงานแก่อุตสาหกรรมหนักทั้งหลาย

    คืนสุดท้ายที่ผมอยู่ในเซี่ยงไฮ้จบลงที่การเดินเล่นในย่านอาคารเก่าสไตล์ยุโรปซึ่งเรียงรายหันหน้าไปทางริมแม่น้ำหวงผู่ ฝั่งตรงข้ามคือเขตผู่ตงซึ่งเป็นผลงานชิ้นโบแดงด้านการพัฒนาเมืองสมัยใหม่ของจีน สัญลักษณ์อันโดดเด่นของเขตผู่ตงได้แก่หอคอยต่างๆ ที่ผุดขึ้นมาพร้อมกับแสงนีออนอันงดงาม เช่น จินเหมาทาวเวอร์ซึ่งมีโรงแรมสูงที่สุดในโลกอยู่บนชั้นสูงสุด 34 ชั้น และโอเรียนทัล เพิร์ล ทีวี ทาวเวอร์ ซึ่งมี ลูกโลกสีชมพูแจ๊ดเปล่งประกายอยู่กลางท้องฟ้า นอกจากนี้ยังมีอาคารออโรราซึ่งติดโทรทัศน์จอยักษ์กลางแจ้งฉายภาพโฆษณาสินค้าอย่างต่อเนื่อง มีคนนับหมื่นยืนดูภาพ ความงดงามเหล่านี้ท่ามกลางความมืด ในที่นี้รวมถึงคนที่เพิ่งมาจากชนบทซึ่งดูออกไม่ยากโดยดูจากเสื้อผ้าโทรมๆ แต่ใบหน้ายังมีน้ำมีนวลผิดกับคนในเมือง

    ผมไม่มั่นใจว่าประเทศจีนจะสามารถขจัดปัญหาความขัดแย้งระหว่างการพัฒนาอย่างรวดเร็วกับการทำลายสิ่งแวดล้อมได้หรือไม่ (พื้นดินในเขตผู่ตงกำลังทรุดตัวหนักเพราะเซี่ยงไฮ้สูบน้ำใต้ดินออกไปใช้มากเกินไป) แต่ทิวทัศน์ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำหวงผู่ก็ช่างเต็มไปด้วยความหวังสำหรับคนที่ยืนดื่มด่ำกับแสงสียามค่ำคืนเบื้องหน้า

    จีนก้าวกระโดด By โดย บิล แม็กคิบเบน

    ที่มา จีนก้าวกระโดด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1373980533-o.gif
      1373980533-o.gif
      ขนาดไฟล์:
      123.7 KB
      เปิดดู:
      62
    • 630.jpg
      630.jpg
      ขนาดไฟล์:
      95 KB
      เปิดดู:
      2,682
    • Picture2010A19.jpg
      Picture2010A19.jpg
      ขนาดไฟล์:
      20.9 KB
      เปิดดู:
      48
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ตำนานเกย์ในคริสต์ศาสนา !!!

    [​IMG]

    ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ มีการกล่าวถึงการสมสู่กับคนเพศเดียวกัน ในทำนองเป็นความผิดบาปที่ร้ายแรงอยู่หลายตอน และนี่เองที่ฝังแน่นอยู่ในความคิดของฝรั่งตะวันตกที่นับถือศาสนาคริสต์ เป็นสำนึกทางศีลธรรมและกฎหมายเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบัน

    ในตำนานการสร้างโลก หรือเยเนซิส การประพฤติตนเป็นเกย์เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้พระเจ้าลงโทษมนุษย์อย่างรุนแรง ถึงขนาดล้างบ้านล้างเมือง ดังจะเห็นได้จากพระคัมภีร์ซึ่งได้กล่าวถึงการที่พระผู้เป็นเจ้าทรงบันดาลให้ไฟบรรลัยกัลป์เผาผลาญแผ่นดิน ชาวเมือง และบรรดาสิ่งที่งอกขึ้นมาจากแผ่นดินให้พินาศย่อยยับเสียทั้งหมด ว่าเป็นเพราะชาวเมืองนั้นนิยมประพฤติตนเป็นเกย์ คือสมสู่กันในระหว่างคนเพศเดียวกันทั้งเมือง

    เมืองที่ว่านี้คือเมืองซะโดม และอะโมรา ซึ่งตามตำนานเล่าว่า พระผู้เป็นเจ้าได้ส่งทูตสวรรค์สององค์ไปตรวจดูความประพฤติของคนเมืองนี้ เมื่อทูตสวรรค์ไปถึงและได้พำนักอยู่ในบ้านของโลต (หลานของอับราฮามซึ่งเป็นสาวกคนสำคัญของพระยะโฮวา) ปรากฏว่าคืนนั้นเองชาวเมืองซะโดมผู้นิยมร่วมเพศกับคนเพศเดียวกันทั้งคนหนุ่มคนแก่ พากันยกขบวนมาล้อมบ้านของโลต และเรียกให้โลตมอบทูตสวรรค์ทั้งสององค์ให้แก่พวกตน เพื่อพวกตนจะได้สมสู่กับทูตทั้งสองนั้นตามประเพณีที่ยึดถือกันมานานว่า ชาวเมืองซะโดมมีสิทธิ์สมสู่กับคนเดินทางที่พำนักในเมืองตน

    แม้ว่าโลตผู้เป็นเจ้าของบ้านจะออกไปเจรจาทัดทาน ขอให้ปล่อยและละเว้นทูตสวรรค์ทั้งสอง โดยจะยอมส่งตัวลูกสาวสองคนของตนให้คนเหล่านั้นแทน ชาวเมืองซะโดมก็ไม่ยอมและพยายามจะจับตัวโลตไปทำปู้ยี้ปู้ยำเสียด้วย ทำเอาทูตสวรรค์ต้องยื่นมือเข้าช่วย บันดาลให้โลตหนีรอดมาได้แล้วสั่งให้โลตพาลูกเมียหนีออกไปจากเมืองนั้นเสีย ก่อนที่พระผู้เป็นเจ้าจะทำลายเมืองเสีย ก่อนหน้าที่พระผู้เป็นเจ้าจะทำลายเมือง ซะโดมและอะโมรา เพราะเหตุที่ชาวเมืองนิยมสมสู่กับคนเพศเดียวกันนั้น อับราฮามเคยทูลทัดทานและขอชีวิตชาวเมืองไว้

    โดยขอให้พระผู้เป็นเจ้าเห็นแก่คนที่บริสุทธิ์ไม่ได้ประพฤติเช่นนั้นเหมือนคนอื่น ๆ ด้วย ซึ่งพระยะโฮวาก็ทางให้สัญญาว่า ถ้าหากมีคนชอบธรรมที่ไม่ประพฤติตนเป็นคนลามกในสายตาของพระองค์เพียงสิบคน พระองค์ก็จะทรงเห็นแก่คนบริสุทธิ์สิบคนนั้น และจะไม่ทำลายเมืองนั้น แต่ในที่สุด ปรากฏว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงบันดาลให้ไฟบรรลัยกัลป์ เผาผลาญเมืองนั้นจนไม่เหลือซาก ก็เป็นเครื่องแสดงว่าคนเมืองนั้นเป็นคนลามากในสายตาของพระองค์ ชาวเมืองที่เป็นคนลามกนั้นมีมากเสียจนเรียกได้ว่าหมดทั้งเมือง เรียกได้ว่าเป็นเมืองเกย์ คือมีที่ไม่เป็นเกย์นับได้ถึงสิบนั่นเอง

    โดยที่การสมสู่กับคนเพศเดียวกัน เป็นสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าถือว่าเป็นสิ่งลามกอย่างยิ่ง พระองค์ได้ระวางโทษผู้ที่ประพฤติเช่นนั้น ไว้อย่างรุนแรง คือมีโทษถึงตาย พระองค์ได้ทรงตรัสสั่งให้โมเสสประกาศแก่คนทั้งหลายว่า การประพฤติเช่นนั้นทำให้แผ่นดินเป็นมลทิน และจะเป็นเหตุให้แผ่นดินนั้นต้องโทษ และทำให้เกิดธรณีสูบ แผ่นดินไหวได้ ตามความเชื่อของชาวคริสต์

    ชาวคริสต์จะมีชัยชนะในการสงครามได้เพราะพระผู้เป็นเจ้าเสด็จไปกับพวกเขาและช่วยให้ได้รับชัยชนะ ดังนั้นไพร่พลในกองทัพจะกระทำการใด ๆ ให้เป็นที่ขัดเคืองแก่พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ หากผู้ใดกระทำก็อาจเป็นเหตุทำให้พระผู้เป็นเจ้าเสด็จไปเสียจากพวกเขา และทำให้ต้องพ่ายแพ้แก่ศัตรู ดังนั้นใครก็ตามที่สมสู่กับคนเพศเดียวกันต้องมีโทษถึงตาย และถ้าเกิดมีใครถูกกระทำเช่นนั้นโดยมิได้ยินยอมพร้อมใจแม้ไม่ต้องถูกลงโทษถึงตาย แต่ก็ถูกถือว่าเป็นคนมีราคี หรือเป็นตัวซวยของกองทัพต้องออกจากค่ายนั้นไปทำพิธีล้างราคีนั้นออกเสียก่อน จึงจะกลับเข้ามาอยู่ร่วมกับผู้อื่นในกองทัพได้ต่อไป

    จะเห็นได้ว่าจารึกในพระคริสตธรรมคัมภีร์ อันเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เหนือจิตใจและความเชื่อของชาวคริสต์มาเป็นเวลานับพันปีนั้น ถือว่าการสมสู่กับคนเพศเดียวกันนั้น ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวที่ใครทำใครรับผิดเท่านั้น แต่เป็นเรื่องที่หากเกิดขึ้นแล้ว สังคมนั้น บ้านเมืองนั้นต้องรับผิดชอบด้วย ถูกลงโทษด้วยถึงขนาดอาจทำให้บ้านเมืองต้องพินาศล่มจม หรือทำให้กองทัพต้องพ่ายแพ้ศัตรูได้ ดังนั้นการกระทำเช่นนี้จึงถือเป็นเรื่องใหญ่เรื่องสำคัญของบ้านเมืองเลยทีเดียว

    ครั้นจักรวรรติโรมันได้รับเอาคริสตศาสนามาเป็นศาสนาประจำจักวรรดิแล้ว การสมสู่กับคนเพศเดียวกันจึงืถอเป้นความผิดอาญาที่ร้ายแรง ถึงขนาดผู้กระทำต้องถูกลงโทษด้วยการถูกเผาไฟทั้งเป็น จักรพรรดิจัสติเนียนผู้มีพระบรมราชโองการให้จัดทำประมวลกฎหมายของจักรวรรดิโรมันขึ้น ในราวคริสตศตวรรษที่ 6 ได้ทรงอธิบายถึงโทษแห่งความผิดฐานนี้ไว้อย่างละเอียดว่า

    “โดยที่ชนบางเหล่า ผู้ถูกยุยงด้วยบาปกิเลส ได้ทอดตนลงสู่รามวิสัย ทั้งได้บังอาจกระทำอาชญากรรมต่อธรรมชาติ เราจึงจะบังคับชนเหล่านั้นให้มีความเกรงกลัวในองค์พระผู้เป็นเจ้าและคำพิพากษาของพระองค์ในอนาคต ให้ละเสียจากทรามวิสัยอันชั่วจัญไรและอัปมงคลเหล่านั้นเสีย มิให้กรรมอันชนเหล่านั้นได้ล่วงสู่บาปชักนำพระอาญาแห่งพระผู้เป็นเจ้าอันทรงเดชา หรือเป็นทางสู่เหตุวิบัติฉิบหายแก่พระนครและชาวอาณาประชาราษฎร์ …

    อาชญากรรมต่อธรรมชาติเช่นนั้นจักต้องรับผิดต่อ อัคคีภัย แผ่นดินไหว ธรณีสูบ โรคห่า ไข้พิษ… เพื่อขจัดรังควาญแห่งบาป เช่นนั้น และเพื่อรักษามนุษย์ไว้มิให้สูญเสียวิญญาณแห่งตน ดังนั้นเราต้องการให้ชนเหล่านี้ละเสียจากการทอดตนลงสู่การอันไร้ศรัทธาแห่งพระธรรมเช่นนั้นเสีย…” (Novellae Ne 77)

    และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ภายใต้อิทธิพลของคริสตศาสนา และกฎหมายโรมันอันเป็นสิ่งที่ทรงอิทธิพลเหนือความสำนึกทางศีลธรรม กฎหมาย และระบอบการเมืองการปกครองของยุโรปติดต่อกันมาเกือบสองพันปี ชาวยุโรปและชาติที่นับถือศาสนาคริสต์ต่างมีบทบัญญัติลงโทษการสมสู่กับคนเพศเดียวกันอย่างรุนแรงถึงชีวิต เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และแม้อังกฤษ และบางมลรัฐในสหรัฐอเมริกาจะไม่ถือว่าการสมสู่กับคนเพศเดียวกัน เป็นความผิดอาญาร้ายแรงอีกต่อไป แต่ในประเทศอื่น ๆ จำนวนมากและในความสำนึกของคนเหล่านั้น ส่วนใหญ่ก้ยังถือว่าเป็นความผิดบาปที่ร้ายแรงอยู่นั่นเอง

    เครดิต : บทความ "ตำนานรักร่วมเพศ" ของ กิตติศักดิ์ ปรกติ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

    posted on 20 Aug 2008 17:07 by blackrain in history

    ที่มา ตำนานเกย์ในคริสต์ศาสนา | blackrain ห้องเรียนประวัติศาสตร์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. korn95

    korn95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +2,226
    บทลงโทษของ ล่วงละเมิดต่อลูกเมีย สามี ของผู้อื่น เที่ยวโสเภณี
    vasapo จากหนังสือคัมภีร์ละกาม ของคุณสุเทพ มานีเวศม์ ผู้แปล

    บทลงโทษละเมิดกามในนรก

    --------------------------------------------------------------------------------

    นับจากโบราณกาลมา การผิดประเวณีนับเป็นยอดแห่งความชั่ว บทลงโทษในโลกมนุษย์นับว่าหนักแล้ว แต่บทลงโทษในนรกยิ่งหนักเพิ่มขึ้น วิธีการลงโทษมีหลากหลายดังขยายต่อไป หวังว่าท่านผู้อ่านควรละเว้นทันที

    พี่น้องเสพสุข ตกนรกชั่วนิรันดร หากถึงขั้นฆ่าชีวิตด้วยแล้ว จะถูกฟ้าผ่า ผู้ใดข่มขืนศพหญิง จะตกนรกชั่วนิรันดรเช่นกัน ผู้ใดได้รับโทษทัณฑ์ในโลกมนุษย์มาแล้ว จะไม่ถูกฟ้าผ่า ผู้ใดที่มีความกตัญญูจะลดโทษ 4 ส่วน ผู้ใดเคยสร้างบุญใหญ่ 1,500 ครั้งก็ถูกลดโทษ 4 ส่วนเช่นกัน ผู้ใดข่มขืนหญิงหม้าย จะขาดลูกหลานสืบทอดวงศ์ตระกูล ตกนรก 500 ชาติ แล้วเกิดเป็นมด หนอน 500 ชาติ ยังมาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานอีก 500 ชาติ จึงเกิดมาเป็นคน มีอาชีพเป็นโสเภณี ผู้ใดได้รับโทษทัณฑ์ในโลกมนุษย์แล้ว ลด 100 ชาติ หากมีการฆ่าถึงชีวิต เพิ่มโทษ 5 เท่า ผู้ใดเป็นผู้กตัญญูต่อพ่อแม่และจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์กับประเทศชาติลดโทษกึ่งหนึ่ง ประกอบบุญใหญ่ 500 ครั้ง ลดโทษกึ่งหนึ่งเช่นกัน

    หมายเหตุ : บทลงโทษในเมืองนรก คำว่า 1 ชาติ หมายถึง การลงโทษถึงตายแล้วฟื้นคืนกลับมาแล้วรับโทษเหมือนเดิมจนครบกำหนดแล้วโทษนั้นจึงยุติ หากยังมีโทษอื่นอีก ก็ต้องรับโทษในขุมนรกอื่น ๆ ในหนังสือ "บันทึกถ้ำนรก" ได้บรรยายอย่างละเอียด ผู้ใดทำผิดศีลข้อ 3 แล้ว หากสำนึกผิดแล้วหันมาประกอบกรรมดีช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่เมื่อตายจากโลกมนุษย์แล้ว จะได้รับการลดโทษตามส่วน ผู้ใดไม่สำนึกผิดเลยจนตาย เมื่อตายจากโลกมนุษย์แล้ว จะได้รับการลงโทษจากขุมนรกที่ 1 แล้วยังต้องไปรับโทษขุมนรกอื่น ๆ โทษที่จะได้รับเช่น "แหวกหัวใจ" "คนโลหะ" "ตัดไต" "หนูกัด" "ลงกระทะทองแดง" "รถบด" ฯลฯ

    ผู้ใดทำผิดศีลข้อ 3 ระหว่างพี่น้อง ลูกกับแม่เลี้ยง พ่อผัวกับลูกสะใภ้ ฯลฯ จะตกนรกตลอดกาล เพราะการผิดศีลข้อ 3 ระหว่างหมู่ญาติ นับว่าโทษหนักที่สุด

    เมื่อรับโทษทัณฑ์ครบแล้ว จึงเกิดมาเป็นคน 1 ครั้ง เรียกว่า 1 ชาติ หนังสือ "ตำรับทอง" และ "ตำรับวงเวียน" 2 เล่มนี้ได้บรรยายบทลงโทษอย่างละเอียด กฎเมืองนรกก็มีการลดหย่อนผ่อนโทษเช่นกัน ฉะนั้นเห็นได้ว่า บาปบุญคุณโทษไม่มีการผิดเพี้ยน หากผู้ใดได้อ่านหนังสือ "ตำรับทอง" "ตำรับวงเวียน" และ "บันทึกถ้ำนรก" 3 เล่มนี้แล้ว ยิ่งเพิ่มความเชื่อมั่นในเรื่องกฎแห่งกรรม


    ผู้ใดหลอกข่มขืนหญิงหม้าย

    จะไม่มีลูกหลานสืบตระกูล 2 ชาติ และรับโทษในขุมนรก แล้วมาเกิดเป็นหนอน มด สัตว์เดรัจฉาน อย่างละ 400 ชาติ แล้วจึงเกิดมาเป็นคนพิการ ผู้ใดเคยรับโทษทัณฑ์ในโลกมนุษย์ ลดโทษ 80 ชาติ หากถึงขั้นทำร้ายชีวิตถึงตาย เพิ่มโทษ 4 เท่า ผู้ใดจงรักภักดีกับเป็นบุตรกตัญญูลดโทษ 70% ผู้ใดเคยสร้างบุญขนาดกลาง 500 ครั้ง ลดโทษ 70% เช่นกัน


    ผู้ใดแทะโลมจนหญิงหม้ายเสียตัว


    จะไม่มีลูกหลานสืบตระกูล 3 ชาติ หลังจากรับโทษในขุมนรกแล้ว มาเกิดเป็นหนอน มด สัตว์เดรัจฉาน อย่างละ 300 ชาติ จึงมาเกิดเป็นคนยากจนแสนเข็ญ ผู้ที่ได้รับโทษในโลกมนุษย์แล้ว จะลด 60 ชาติ หากถึงขั้นฆ่าตาย เพิ่มโทษ 3 เท่า ผู้ใดจงรักภักดีและเป็นบุตรกตัญญู ลดโทษ 90% ผู้ใดเคยสร้างบุญ 500 ครั้ง ลดโทษ 90% เช่นกัน


    ข่มขืนสาวพรหมจรรย์

    บุตรธิดาจะมั่วกาม ตัวเองจะต้องรับโทษทัณฑ์ในขุมนรก 400 ชาติ แล้วไปเกิดเป็นหนอน เป็นมด อย่างละ 400 ชาติ จึงเกิดมาเป็นคนขี้ข้า (ทาส) ผู้ใดเคยรับโทษในโลกมนุษย์มาแล้ว ลดโทษ 100 ชาติ หากมีการฆ่ากันถึงชีวิต เพิ่มโทษ 4 เท่า ผู้ใดเคยทำประโยชน์แก่ประเทศชาติ หรือเป็นบุตรกตัญญู ลดโทษกึ่งหนึ่ง เคยประกอบกรรมดี 400 ครั้ง ก็ลดโทษกึ่งหนึ่งเช่นกัน



    ใช้วิธีหลอกลวงข่มขืนสาวพรหมจรรย์

    จะไม่มีลูกหลานสืบตระกูล 2 ชาติ และรับโทษในขุมนรก แล้วมาเกิดเป็นหนอน มด สัตว์เดรัจฉาน อย่างละ 250 ชาติ แล้วจึงมาเกิดเป็นคนขี้โรคอ่อนแอ ผู้ใดเคยรับโทษทัณฑ์ในโลกมนุษย์ ลดโทษ 70 ชาติ หากถึงขั้นทำร้ายชีวิตถึงตาย เพิ่มโทษ 3 เท่า ผู้ใดจงรักภักดีกับเป็นลูกกตัญญู ลดโทษ 70 % ผู้ใดเคยสร้างบุญขนาดกลาง 400 ครั้ง ลดโทษ 70 %



    ผู้ใดแทะโลมจนสาวพรหมจรรย์เสียตัว

    ภรรยาและบุตรสาวจะต้องชดใช้กรรม และตัวเองต้องรับโทษในขุมนรก แล้วมาเกิดเป็นหนอน มด สัตว์เดรัจฉาน อย่างละ 100 ชาติ แล้วจึงเกิดเป็นคนมีฐานะยากจน ผู้ใดเคยรับโทษทัณฑ์ในโลกมนุษย์ลดโทษ 40 ชาติ หากถึงขั้นทำร้ายชีวิตถึงตาย เพิ่มโทษ 2 เท่า ผู้ใดจงรักภักดีกับเป็นลูกกตัญญู ลดโทษ 90% ผู้ใดเคยสร้างบุญเล็ก 400 ครั้ง ลดโทษ 90% เช่นกัน

    ข่มขืนเด็กสาว (อายุต่ำกว่า 15 ปี)

    ภรรยาและบุตรสาวจะต้องชดใช้กรรม ตัวเองต้องรับโทษในขุมนรกแล้วมาเกิดเป็นหนอน มด สัตว์เดรัจฉาน อย่างละ 350 ชาติ แล้วจึงมาเกิดเป็นคนผู้น้อย ถ้าเคยรับโทษทัณฑ์ในโลกมนุษย์ ลดโทษ 100 ชาติ หากถึงขั้นทำร้ายชีวิตถึงตาย เพิ่มโทษ 3 เท่า ผู้ใดจงรักภักดีกับเป็นลูกกตัญญู ลดโทษกึ่งหนึ่ง ประกอบบุญใหญ่ 300 ครั้ง ลดโทษกึ่งหนึ่งเช่นกัน

    ใช้วิธีหลอกลวงข่มขืนเด็กสาว (อายุต่ำกว่า 15 ปี)


    ลดอายุ 24 ปี ตายแล้วต้องรับโทษทัณฑ์ในขุมนรก แล้วมาเกิดเป็นหนอน มด สัตว์เดรัจฉาน อย่างละ 100 ชาติ แล้วจึงมาเกิดเป็นคน ไร้คู่ครอง ผู้ใดเคยรับโทษในเมืองมนุษย์มาแล้ว ลดโทษ 30 ชาติ หากถึงขั้นทำร้ายชีวิตถึงตาย เพิ่มโทษ 2 เท่า ผู้ใดจงรักภักดีและเป็นลูกกตัญญู ลดโทษ 70% สร้างบุญขนาดกลาง 300 ครั้ง ลดโทษ 70% เช่นกัน

    ผู้ใดแทะโลมจนเด็กสาวเสียตัว

    ลดอายุ 12 ปี ตายแล้วรับโทษในขุมนรก แล้วมาเกิดเป็นหนอน มด สัตว์เดรัจฉาน อย่างละ 70 ชาติ แล้วจึงมาเกิดเป็นคนมีฐานะยากจน ผู้ใดเคยรับโทษในเมืองมนุษย์มาแล้ว ลดโทษ 20 ชาติ หากถึงขั้นทำร้ายชีวิตถึงตาย เพิ่มโทษ 1 เท่า ผู้ใดจงรักภักดีและเป็นลูกกตัญญู ลดโทษ 90% สร้างบุญขนาดเล็ก 300 ครั้ง ลดโทษ 90% เช่นกัน

    บทลงโทษ 3 ข้อข้างต้น (หญิงหม้าย สาวพรหมจรรย์ และเด็กสาว) มีผลเฉพาะที่ไม่ใช่เครือญาติ หากเป็นวงศาคณาญาติ เพิ่มโทษ 1 เท่า หากเป็นพี่น้องกัน หรือมีเพศสัมพันธ์ระหว่างงานศพ เพิ่มโทษ 3 เท่า หากข่มขืนสาวใช้ รับโทษหนักเช่นกัน ข่มขืนไม่สำเร็จ ลดอายุ 6 ปี หากถึงขั้นเสียชีวิต มีโทษหนักดั่งโทษข่มขืน

    เที่ยวซ่อง 1 ครั้ง ลดอายุขัยครึ่งปี ผู้ใดติดกามโรค ลดอายุขัย 1 ปี หากสำนึกผิด ยกเว้นลดอายุขัย

    รักร่วมเพศ รับโทษดั่งข่มขืนหญิงสาว ถ้าคู่หูเป็นชายอายุต่ำกว่า 15 ปี ถือเป็นเด็กสาว รับโทษดั่งเที่ยวซ่องโสเภณี

    ประพันธ์หนังสือลามก ลดอายุขัย 24 ปี หากมีผู้อ่านอ่านแล้วเกิดไปข่มขืนหญิงอื่น ผู้ประพันธ์จะต้องรับโทษเสมือนหนึ่งเป็นผู้ข่มขืนเอง หากหนังสือลามกไม่ถูกทำลายหมดสิ้น จะไม่ได้ไปผุดไปเกิด ผู้ถ่ายทำหนังลามก รับโทษหนักเหมือนกัน

    เปิดเผยเรื่องลามก ลดอายุขัย 6 ปี ถ้ามีการฆ่าถึงชีวิต ลดอายุขัย 12 ปี คุยเรื่องในมุ้ง มีโทษเช่นกัน หากสำนึกผิด จะได้รับลดโทษบ้าง


    กฎลามกของผู้พิพากษาแซ่ลก (สมัยราชวงศ์ซ้อง) ได้เพิ่มเติมว่า ผู้ใดผิดศีลข้อ 3 จนตั้งครรภ์และทำแท้งถึงขั้นเสียชีวิเต เพิ่มโทษ 1 เท่า

    ผู้ใดข่มขืนเด็กสาวตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป ไม่ว่าจะใช้วิธีล่อลวงหรือเกลี้ยกล่อม ให้ถือเป็นคดีข่มขืน หากมีการฆ่าถึงชีวิต เพิ่มโทษ 1 เท่า

    ผู้ใดมีภรรยาและบุตรแล้ว ยังแอบมีภรรยาน้อย 1 คน ลดอายุขัย 2 ปี คนที่มีชื่อเสียงเกียรติยศอยู่แล้ว จะถูกลดชื่อเสียงลง 8 ส่วน แต่ไม่ลดอายุขัย

    หญิงหม้ายใดที่ไม่คิดแต่งงานใหม่ ใช้วิธีหลอกลวงจนได้เสียจะลดอายุขัย 3 ปี หากเธอมีจิตจะแต่งงานใหม่ ไม่ต้องลดอายุขัย

    ผู้ใดแต่งงานกับหญิงหม้าย และไม่รับผิดชอบเลี้ยงดูบุตรธิดาของสามีเก่า 1 คน ลดอายุขัย 2 ปี หากทรมานลูก ๆ ของสามีเก่าจนเสียชีวิต ลดอายุขัย 12 ปี

    สนทนาระหว่างเพื่อนฝูงเรื่องตัณหา 3 ครั้ง ลดอายุขัย 1 เดือน

    นำเพื่อนไปเที่ยวซ่องโสเภณี ลดอายุขัย 3 ปี ผู้ใดมีชื่อเสียงโชคลาภ งดการลดอายุขัย แต่ลาภยศจะเลื่อนเวลาออกไป

    ผู้ใดเห็นหญิงงามเดินผ่านและเหลียวมองอย่างไม่ลดละ 3 ครั้ง ลดอายุขัย 3 เดือน หากหาอุบายตีสนิทแฝงด้วยจิตไม่บริสุทธิ์ 1 ครั้ง ลดอายุขัย 3 เดือน

    ผู้ใดชอบฟังเรื่องลามก 1 ครั้ง ลดอายุขัย 3 เดือน ผู้ที่มีชื่อเสียงเกียรติยศ จะถูกบั่นทอน

    ผู้ใดตั้งใจดูหนังลามก 1 ครั้ง ลดอายุขัย 3 เดือน หากถึงขั้นเสียชีวิต เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน 1 ชาติ

    ผู้ใดชอบอ่านหนังสือลามก 3 ครั้ง ลดอายุขัยครึ่งเดือน ผู้ใดถึงขั้นไม่สบาย ลดอายุขัย 3 ปี

    ผู้ใดชักชวนเพื่อน ๆ รื่นรมย์กับกามตัณหา ถูกลงโทษ 2 ชั้น พ่อหรือพี่ชายไม่ยับยั้งลูก ๆ หรือน้อง ๆ จนหลงกามารมณ์ หรือปล่อยปละละเลยคนใช้รื่นเริงกับกามารมณ์ ถูกลงโทษ 2 ชั้นเช่นกัน


    ผู้พิพากษาแซ่ลกเขียนไว้ว่า โทษทัณฑ์ในเมืองนรกยากต่อการผ่อนปรน โทษของการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างญาติยิ่งหนักกว่าเพื่อน ไม่ว่าจะเป็นผู้น้อยละเมิดกามต่อผู้ใหญ่ หรือผู้ใหญ่ล่อลวงผู้น้อย เมื่อตายจากโลกนี้ไปแล้ว ต้องรับโทษในขุมนรกทั้งนั้น
    สังคมในมนุษย์ปัจจุบันผู้ผิดศีลข้อ 3 มักเกิดขึ้นกับครอบครัวที่รับราชการ บัณฑิต พวกเขาประพฤติเช่นนี้บ่อยครั้งจนติดเป็นนิสัยจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ก็ยังไม่สำนึกว่าการกระทำของตนนั้นผิด

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจึงได้ทูลพระเจ้าเง็กเซียนฮ่องเต้ (ท้าวสักกะเทวราช) ท่านทรงอนุญาตให้ตีแผ่กฎลงโทษของนรกสู่โลกมนุษย์โดยไม่ปิดบัง เพื่อให้ผู้อ่านจะได้สำนึกผิดและจะได้รับการลดโทษ ผู้ที่มีความจงรักภักดีและกตัญญูได้รับการลดโทษ ผู้ใดเคยสร้างสมบุญกุศลได้รับการลดโทษเช่นกัน

    หากผู้ใดได้อ่านบทความนี้แล้ว ไม่เพียงสำนึกผิดกลับติเตียนทำลาย จะได้รับโทษหนัก หรือถูกฟ้าผ่าตาย

    หากมีผู้ใดเชื่อคำสั่งสอนของบทความนี้ และได้เผยแพร่ให้ผู้อื่นได้ทราบ

    เผยแพร่ 100 คน เพิ่มอายุ 12 ปี
    เผยแพร่ 200 คน ผู้ไร้บุตรจะได้บุตร
    เผยแพร่ 500 คน ยศชื่อเสียงเพิ่มทวีคูณ
    เผยแพร่ 1,000 คน มีชื่อบนสวรรค์ เผยแพร่ทั่วพิภพ ตายแล้วได้จุติเป็นเซียน

    เผยแพร่กับเศรษฐี 10 คน ได้บุญกุศลเท่ากับเผยแพร่กับคนสามัญ 200 คน
    เผยแพร่กับข้าราชการได้บุญกุศลเท่ากับเผยแพร่กับคนสามัญ 100 คน

    ซึ่งบทบัญญัตินี้ท่านพระเจ้าฟู่ยิ่งได้ทูลพระเจ้าเง็กเซียนฮ่องเต้ ซึ่งทรงได้อนุญาตให้เป็นไปตามบทบัญญัตินี้

    (Webmaster : เศรษฐีและข้าราชการเป็นผู้มีเงินและอำนาจ สามารถทำผิดเรื่องกามได้ง่าย หากชี้แนะให้กลับตัวกลับใจได้ จะเกิดบุญกุศลยิ่งใหญ่)

    หมายเหตุ : หนังสือรวมบทกำหนดโทษสุวรรณนี้ มีขึ้นในสมัยพระเจ้าหานฟง ในราชการปีที่ 6 ในราชวงศ์เช็ง

    เทพเจ้าเหวินเชียงเสด็จประทับทรงที่อำเภอฟงหลิน มณฑลหูหนาน ว่า บทบันทึกนี้เป็นบทกำหนดขึ้นโดยพระเจ้าเง็กเซียนฮ่องเต้ (ท้าวสักกะเทวราช) และเก็บรักษาไว้ในกล่องหยก เทพเจ้าเหวินเชียงได้ทูลขออนุญาตนำไปเผยแพร่สู่ชาวโลก เพื่อให้เข้าใจถึงบทลงโทษของเบื้องบนในราชการปีที่ 3 ของพระเจ้าแผ่นดินกวงซุ่ยในราชวงศ์เช็ง ในที่สุดเทพเจ้าบุ๋นและเทพเจ้าบู๊ 2 ท่านได้รับพระมหากรุณาธิคุณโดยพระเจ้าเง็กเซียนฮ่องเต้ให้นำหนังสือเล่มนี้ไปเผยแพร่สู่ชาวโลกได้ หากหนังสือใด ๆ ของเทพยดาทรงแต่งขึ้น ที่ยังมีบางข้อยังไม่สมบูรณ์นั้น หนังสือเล่มนี้จะได้ทดแทนส่วนที่ขาดไป


    พระโพธิสัตว์ฉืออิมได้กล่าวไว้ในขันธ์ 5 ว่า สิ่งที่ยากแก่การเข้าถึง คือความว่างเปล่า นั่นคือรูป ข้าพเจ้าแนะวิธีให้เห็นความว่าง กล่าวคือ ในขณะที่คนเราเริ่มมีความใคร่เกิดขึ้น ให้คิดอยู่เสมอว่า รูปหาใช่รูปแท้ไม่ เพราะจะร่วงลงในที่สุด เมื่อข้าฯ คิดถึงเรื่องกามารมณ์ ก็จะละอายต่อฟ้าปางก่อน 1 ส่วน สติปัญญาและชีวิตของเราก็สูญหายไป 1 ส่วน นาน ๆ เข้าสติปัญญาจะเสื่อมลง ชีวิตก็จะไปไม่รอด นั่นคือรูปไม่แตกต่างจากความว่างเปล่า

    การผิดประเวณีเป็นยอดแห่งความชั่วทั้งปวง คนที่ลุ่มหลงกามารมณ์เป็นผู้ประกอบความชั่วในเบื้องแรก ฉะนั้นควรละเว้นให้ได้ กามราคะเป็นไฟเผาผลาญสุขภาพ เหตุใดคนเราจึงต้องมาลุ่มหลงความไม่เที่ยง หาความงามของสตรีมาละเมิดและทำความชั่ว คนเราตายเพราะสตรีก็มีมากมาย ในที่สุด กามารมณ์ทำให้คู่ครองไม่อาจไปได้รอดฝั่ง นั่นละรูปคือความว่างเปล่า หากมีใครไม่ลุ่มหลงรูปของสตรีก็จะรักษาสุขภาพของตนให้แข็งแรง ฝึกฝนจนเป็นกายพุทธะ หมื่นกัปไม่บุบสลาย หากยังมีชีวิตยืนนานและมีความสดใสของรูปแท้ จึงรู้ได้ว่าความว่างก็คือรูปเช่นนี้จึงจะได้รูปที่สุขสบายท่ามกลางขันธ์ 5 เคราะห์ภัยก็ฉุดช่วยได้เอย

    ที่มา : หนังสือคัมภีร์ละกาม คุณสุเทพ มานีเวศม์ ผู้แปล
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "วันน้ำท่วมโลก"

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=_OSaJE2rqxU"]Noah - Official Trailer (2014) [HD] Russel Crowe, Emma Watson - YouTube[/ame]
    [​IMG]

    ช่วงนี้สมาชิกผู้เชื่อมั่นคำพยากรณ์ "วันน้ำท่วมโลก 2012" ต่างอยู่กันไม่เป็นสุข เพราะต้องช่วยกันเฝ้าจับตาดูเหตุการณ์พายุน้ำฝน น้ำป่า น้ำทะเล ไหลท่วมทะลักเข้าประเทศไทยทุกสารทิศ เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สอดคล้องกับคำวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญอย่าง นายวีระ วงศ์แสงนาค ที่ปรึกษาอธิบดีกรมชลประทานประเมินว่า น้ำท่วมไทยปี 2554 ถือว่าเลวร้ายสุด และทำลายสถิติอุทกภัยที่เคยบันทึกมาทั้งหมด !!

    "ปกติแล้วกรมชลประทานจะใช้ตัวเลขปริมาณน้ำเมื่อปี 2538 และปี 2549 ซึ่งเป็นปีที่น้ำท่วมมากสุดเป็นมาตรฐานวัดสถิติน้ำท่วม โดยระดับน้ำสูงสุดจากระดับน้ำทะเลปานกลางของปี 2538 บริเวณ จ.ปทุมธานี อยู่ที่ 3.17 เมตร แต่ปี 2554 สูงถึง 3.21 เมตร ส่วนระดับน้ำที่ จ.นนทบุรี ปี 2538 สูงที่ 2.33 เมตร แต่ปีนี้พุ่งสูงสุดที่ 2.56 เมตร..." นายวีระ ยกตัวอย่าง

    จนถึงวันนี้...ยังไม่มีใครวิเคราะห์ได้ว่า น้ำจะท่วมเพิ่มสูงขึ้นไปอีกเท่าไร !?!

    หลายคนไม่เชื่อว่าคำพยากรณ์น้ำท่วมโลกจะเป็นเรื่องจริง อาจจะต้องคิดใหม่ เพราะแม้แต่นักวิทยาศาสตร์ยังแปลกใจเมื่อเห็นสถิติพายุมรสุมในแต่ละปีมีจำนวนมากขึ้นและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ บางคนเชื่อว่าเกิดจากภาวะภูมิอากาศแปรปรวน หรือ ภาวะโลกร้อน แต่หลายคนเชื่อว่ามหันตภัยน้ำท่วมปีนี้ คือ จุดเริ่มต้นของน้ำท่วมโลกที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2012 หรือ พ.ศ. 2555

    กลุ่มผู้เชื่อใน "วันน้ำท่วมโลก" อ้างอิงข้อมูลวิทยาศาสตร์ว่า 1.ธารน้ำแข็งบริเวณหมู่เกาะกรีนแลนด์ ซึ่งตั้งในมหาสมุทรอาร์กติกทางเหนือกำลังละลาย ด้วยพื้นที่กว่า 2.2 ล้าน ตร.กม. มีน้ำแข็งกว่า 19 ร้อยล้านตัน น้ำแข็งกำลังละลายเป็นน้ำวันละ 1 ล้านตัน โดยจะไหลลงมาสะสมจนทำให้เกิดน้ำท่วมหนักในปี 2012 ขณะที่คำทำนายจากกลุ่มนักวิจัยอวกาศอ้างว่า องค์การนาซา หรือองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์คำนวณได้ว่า

    "วันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 แกนโลกจะพลิกกลับขั้ว" หมายถึง ขั้วโลกเหนือจะพลิกมาอยู่ขั้วโลกใต้ ช่วงเวลานั้นโลกจะไม่มีพลังสนามแม่เหล็กออกมาป้องกันรังสีต่างๆ ทำให้พลังความร้อนสูง หรือ "เปลวสุริยะ" (solar flare) จากดวงอาทิตย์พุ่งตรงมายังโลก ทำให้ธารน้ำแข็งขั้วโลกละลายฉับพลัน เกิดหายนะน้ำท่วมทั่วโลก

    "สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา" อดีตนักวิทยาศาสตร์ขององค์การนาซา ให้สัมภาษณ์ว่า น้ำท่วมไทยปีนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะมีการเตือนภัยมานานกว่า 10 ปีแล้ว เนื่องจากระหว่างที่แกนโลกเคลื่อนตัวพลิกกลับขั้วจากเหนือไปใต้นั้น ส่งผลให้พลังสนามแม่เหล็กเปลี่ยนแปลง แกนโลกเอียงจาก 23.5 องศาเป็น 24.5 องศา ภาวะแปรปรวนของจักรวาลทำให้โลกร้อนระอุอย่างรวดเร็ว น้ำแข็งจากทั่วโลกละลายเร็วมากขึ้น นอกจากนี้ยังจะเกิดพายุลมมรสุมและภัยธรรมชาติด้านต่างๆ

    "เปรียบเทียบได้กับไฟฟ้าลัดวงจร ปกติไฟฟ้าจะวิ่งจากสูงลงต่ำ แต่พลิกกลับด้านเป็นวิ่งจากต่ำขึ้นสูง ภัยพิบัติธรรมชาติจะมีทั้ง ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ สังเกตไหมว่าช่วงปีที่ผ่านมา มีรายงานข่าวเรื่องดินถล่ม โคลนถล่ม ตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก จากนั้นก็เกิดคลื่นยักษ์สึนามิและน้ำท่วมในประเทศต่างๆ ต่อไปจะเกิดภัยธรรมชาติที่เกี่ยวกับลม เช่น พายุลมที่ปกติความเร็ว 40 กม.ต่อชม. จะเพิ่มเป็น 450 กม.ต่อชม. จากนั้นจะเกิดเป็นไฟป่าทั่วไป หน้าร้อนจะร้อนมากขึ้น" อ.สุมิตร กล่าววิเคราะห์

    สำหรับนักวิทยาศาสตร์ไทยกลุ่มที่ไม่ปักใจเชื่อเรื่องน้ำท่วมโลกนั้น พวกเขาวิเคราะห์ว่า น้ำท่วมประเทศไทยหนักขึ้นทุกปี เพราะแผ่นดินทรุดตัวและมีการสร้างตึกสูงหรือสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ขวางทางน้ำไหล "ดร.เสรี ศุภราทิตย์" ผอ.ศูนย์วิจัยภัยธรรมชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต ให้ข้อมูลว่า จากงานวิจัยเรื่อง "ผลกระทบและแนวทางการปรับตัวจากผลพวงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อกรุงเทพฯ และปริมณฑล" พบว่า ปกติพื้นที่กรุงเทพฯ รับปริมาณน้ำฝนไหลผ่านได้ไม่เกิน 2,500 ลบ.ม.ต่อวินาที แต่ปี 2554 มีน้ำไหลผ่าน 4,700 ลบ.ม.ต่อวินาที ทำให้น้ำท่วมหนัก

    สาเหตุหลักเกิดจาก 1.พื้นที่ชายฝั่งทะเลไทยหายไปปีละประมาณ 10 เมตร และพื้นดินเป็นดินอ่อนมีการทรุดตัวอยู่ตลอดเวลา อีก 40 ปีข้างหน้าจะทรุดต่ำลงไปอีกประมาณ 30 ซม.ทำให้น้ำท่วมง่าย และ 2. ผลจากภาวะโลกร้อนเมื่อน้ำฝนเพิ่มมากขึ้นการระบายน้ำจึงไม่ทัน ยิ่งไปกว่านั้นพื้นที่ตามแนวชายฝั่งมักจะมีการสร้างตึกสูงหรือสิ่งก่อสร้างขวางทางน้ำไหล ทำให้ไม่มีช่องทางระบายน้ำออก

    "องค์กรความร่วมมือทางเศรษฐกิจสหภาพยุโรป (โออีซีดี)ใช้คอมพิวเตอร์วิเคราะห์น้ำท่วมในอนาคต มีผลยืนยันได้ว่าอีกไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า คือ พ.ศ. 2563 จะเกิดน้ำท่วม 9 เมืองใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย หนึ่งในนั้นมีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย คือ 1.เมืองโกลกาตา 2.เมืองมุมไบ อินเดีย 3.เมืองดักกา บังกลาเทศ 4.มณฑลกวางสี จีน 5.เมืองเซี่ยงไฮ้ จีน 6.นครโฮจิมินห์ เวียดนาม 7.เมืองไฮฟอง เวียดนาม 8.เมืองย่างกุ้ง พม่า และ 9.กรุงเทพมหานคร ตอนแรกคาดกันว่าน้ำจะเริ่มท่วมประมาณปี 2560 2561 2562 แต่ไม่รู้ว่า 2554 คือจุดเริ่มต้นหรือเปล่า วิธีแก้คือต้องปล่อยให้น้ำไหลไปตามทางธรรมชาติ อย่าสร้างสิ่งกีดขวาง" ดร.เสรีกล่าวแนะนำทิ้งท้าย

    ที่มา www.mythland.org/v3/thread-4168-1-1.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2014
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ไฟป่าในออสเตรเลียเผาผลาญบ้านเรือนอย่างน้อย 20 หลัง

    [​IMG]

    เมลเบิร์น 10 ก.พ.- เจ้าหน้าที่ออสเตรเลียรายงานว่า ไฟป่าในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลียเผาบ้านเรือนไปแล้วอย่างน้อย 20 หลัง ขณะสภาพอากาศเสี่ยงเกิดไฟป่ามากที่สุดนับตั้งแต่ไฟป่าครั้งใหญ่ปี 2552 ซึ่งคร่าชีวิตประชาชน 173 คน ไฟป่ากำลังลุกลามไปยังเมืองเมลเบิร์น เมืองใหญ่อันดับ 2 ของออสเตรเลีย

    รายงานระบุว่า ลมร้อนแห้งและสภาพอากาศร้อนทำให้เพลิงลุกลามไปทั่วพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลียเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยสภาพอากาศในรัฐวิกตอเรียร้อนอบอ้าวและเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่ามากที่สุดในรอบ 5 ปี หลังจากไฟป่าครั้งใหญ่ซึ่งรู้จักกันในชื่อ ไฟป่าแบล็คแซทเทอร์เดย์สร้างความเสียหายอย่างหนักให้แก่รัฐวิกตอเรีย โดยได้เผาผลาญเมืองหลายแห่งในเหตุการณ์ซึ่งนับว่าเป็นภัยธรรมชาติที่ร้ายแรงที่สุดของออสเตรเลียในยุคสมัยใหม่

    นายเดนนิส แนปไธน์ มุขมนตรีรัฐวิกตอเรียกล่าวว่า สภาพอากาศในรัฐวิกตอเรียเลวร้ายเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่ามากที่สุดนับตั้งแต่เหตุไฟป่าแบล็คแซทเทอร์เดย์เมื่อปี 2552 โดยมีบ้านเรือนได้รับผลกระทบราว 20 หลัง และจะมีการเปิดเผยจำนวนที่แน่นอนเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าไปตรวจสอบความเสียหายได้โดยตรง อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานการเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บสาหัส

    รายงานระบุว่า เหมืองถ่านที่สำคัญแห่งหนึ่งถูกไฟไหม้ ขณะที่สถานีไฟฟ้าที่อยู่ใกล้เคียงก็อยู่ในเส้นทางที่ไฟอาจลุกลามไป และเจ้าหน้าที่กำลังพยายามอย่างหนักในการปกป้องทรัพย์สินที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ในพื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้ ไฟป่า 4 จุดยังคงอยู่ในระดับฉุกเฉินในวันนี้ รวมถึงไฟป่าบริเวณชานเมืองเมลเบิร์นซึ่งเผาผลาญพื้นที่หลายหมื่นไร่.

    สำนักข่าวไทย TNA News | 10 ก.พ. 2557 11:59 |

    หิมะตกในญี่ปุ่นกระทบการเดินทาง

    [​IMG]

    ญี่ปุ่น 10 ก.พ.-หิมะตกในญี่ปุ่นยังคงส่งผลกระทบต่อการเดินทาง โดยทางเหนือมีหิมะตกหนักที่สุดในรอบ 91 ปี

    เที่ยวบินบางส่วนที่สนามบินฮาเนดะถูกยกเลิก มหาวิทยาลัยหลายแห่งต้องเลื่อนการเปิดเทอมปีการศึกษาใหม่ออกไป นอกจากนี้รถไฟหัวกระสุนได้รับผลกระทบ เช่นเดียวกับทางหลวงบางสายที่ต้องปิดใช้งาน อย่างไรก็ตาม วันนี้การจราจรไม่มีปัญหามากนัก แต่ผู้คนยังคงต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินทาง โรงเรียนบางแห่งต้องปิด ยอดผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่มีสาเหตุจากหิมะตกเพิ่มเป็น 13 คนแล้ว และมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 1,000 คน

    สำนักข่าวไทย TNA News | 10 ก.พ. 2557 16:21 |

    สาธารณสุขเวียดนามส่งหนังสือด่วน เตือนให้เร่งเฝ้าระวังไข้หวัดนก H7N9

    [​IMG]

    ฮานอย 10 ก.พ. – กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามส่งหนังสือด่วนไปยังทางการจังหวัดและเมืองต่าง ๆให้เร่งดำเนินมาตรการป้องกันและควบคุมไข้หวัดนก H7N9

    รายงานระบุว่า แม้เวียดนามยังไม่มีรายงานการะบาดของไข้หวัดนก H7N9 แต่มีรายงานการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนก H5N1แล้ว 2 รายนับแต่เมื่อต้นปีนี้ และล่าสุดมีรายงานพบหญิงวัย 39 ปี ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนก H5N1และกำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล โดยระบบการหายใจล้มเหลว แต่หญิงรายนี้ไม่ได้สัมผัสสัตว์ปีก มีแต่ไก่ที่ครอบครัวเลี้ยงไว้ตายลง

    กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามได้กำชับให้หน่วยงานท้องถิ่นเฝ้าระวังเชื้อไวรัสไข้หวัดนก ทั้งสายพันธุ์ H7N9 H10N8 H6N1 และ H5N1 รวมทั้งส่งเสริมการป้องกันและควบคุมในกลุ่มประชาชนด้วย

    สำนักข่าวไทย TNA News | 10 ก.พ. 2557 18:37 |

    จีนเผยเดือนที่แล้วมีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดนก H7N9 ถึง 31 คน

    [​IMG]

    ปักกิ่ง 10 ก.พ. – คณะกรรมาธิการสาธารณสุขและการวางแผนครอบครัวแห่งชาติของจีนออกแถลงการณ์ในวันนี้ระบุว่า เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา จีนมีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดนก H7N9 แล้ว 31 คน นับเป็นเดือนที่เลวร้ายที่สุดในช่วงของการระบาด

    นอกจากนี้ ยังมีรายงานผู้ติดเชื้อ 127 คนในเดือนมกราคม นับเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับตัวเลขตลอดทั้งปีของปีที่แล้ว ที่มีผู้ติดเชื้อ 144 คน และมีผู้เสียชีวิต 46 คน ทั้งนี้ มีการพบผู้ติดเชื้อไวรัส H7N9 เป็นรายแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว รายงานการพบผู้ติดเชื้อก่อให้เกิดกระแสวิตกว่า เชื้อไวรัสไข้หวัดนกอาจกลายพันธุ์กลายเป็นสายพันธุ์ที่ติดต่อได้ง่ายระหว่างคนด้วยกัน ซึ่งอาจนำไปสู่การระบาดครั้งใหญ่

    อย่างไรก็ตาม ทางการจีนยังไม่ตรวจพบการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสไข้หวัดนก และยังคงพบการติดต่อจากสัตว์ปีกสู่คนเท่านั้น ขณะที่องค์การอนามัยโลกระบุว่า ยังไม่พบหลักฐานยืนยันว่ามีการติดต่อจากคนสู่คน จีนกำลังพัฒนาวัคซีนไข้หวัดนก และมีรายงานว่าได้ผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัยกับสัตว์แล้ว แต่ยังไม่ได้เริ่มทำการทดลองกับคน.

    สำนักข่าวไทย TNA News | 10 ก.พ. 2557 18:01 |

    ผู้ผลิตอาวุธหวังฉวยประโยชน์จากความขัดแย้งในเอเชียที่รุนแรงขึ้น

    [​IMG]

    สิงคโปร์ 9 ก.พ.- ผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ของโลกจะนำอากาศยานและยุทโธปกรณ์ไปจัดแสดงที่สิงคโปร์วันอังคารนี้ หวังทำเงินจากการที่จีนและหลายประเทศในเอเชียแปซิฟิกเพิ่มการใช้จ่ายทางการทหาร เนื่องจากกรณีพิพาททางพรมแดนในภูมิภาครุนแรงขึ้น

    งานสิงคโปร์แอร์โชว์ซึ่งจัดขึ้นทุก 2 ปี จะจัดแสดงระบบการโจมตีและเฝ้าระวังทั้งทางอากาศและทางทะเลหลากหลายอย่าง รวมไปถึงเทคโนโลยีล่าสุดของการบินพาณิชย์ นักวิเคราะห์ชี้ว่า สมดุลอำนาจทางทหารค่อยๆ เอียงมาทางเอเชียเพราะประเทศต่างๆ พากันสั่งสมแสนยานุภาพ เนื่องจากเศรษฐกิจเติบโตและมีความตึงเครียดรุนแรงขึ้นจากข้อพิพาทเรื่องดินแดน ทั้งการอ้างสิทธิทับซ้อนในทะเลจีนใต้ ทะเลจีนตะวันออก และปัญหาคาบสมุทรเกาหลี

    เอเชียแปซิฟิกเป็นภูมิภาคเดียวที่ใช้จ่ายทางทหารเพิ่มขึ้นหลังเกิดวิกฤตการเงินโลกในปี 2552 โดยคาดว่าจะครองส่วนแบ่งการใช้จ่ายด้านกลาโหมโลกเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 24 ในปัจจุบันเป็นร้อยละ 28 ภายในสิ้นทศวรรษนี้.

    สำนักข่าวไทย TNA News | 9 ก.พ. 2557 11:51 |

    ที่มา Digital Media and Online Services of News and Entertainment by MCOT Plc. | MCOT.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ภัยธรรมชาติคุกคามหลายประเทศทั่วโลก

    [​IMG]

    10 ก.พ. - พายุหิมะพัดถล่มหลายพื้นที่ของญี่ปุ่นอย่างรุนแรง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 คน บาดเจ็บนับพันคน ส่วนที่สหรัฐและอังกฤษก็เผชิญภัยธรรมชาติอย่างหนักเช่นกัน

    กรุงโตเกียวเผชิญกับพายุหิมะที่ตกหนักที่สุดในรอบ 45 ปี ส่งผลให้เกิดหิมะปกคลุมตามท้องถนนสูงถึง 27 เซนติเมตร โดยเฉพาะเมืองคูมากายะ ชานกรุงโตเกียว หิมะตกหนาถึง 43 เซนติเมตร หนักสุดในรอบ 60 ปี และเซนไดตกหนักที่สุดในรอบ 78 ปี หิมะหนา 35 เซนติเมตร ขณะที่หลายจังหวัดบนเกาะฮอนชูของญี่ปุ่น ด้านที่ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก เผชิญกับพายุหิมะรุนแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน โดยได้รับอิทธิพลความหนาวเย็นที่เคลื่อนตัวมาจากไซบีเรีย แท็กซี่คันหนึ่งลื่นไถลจากหิมะตกลงไปในบ่อน้ำที่ฮิโรชิมา คนขับวัย 68 ปี เสียชีวิต

    ขณะที่หลายพื้นที่ของรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ พายุฝนได้พัดกระหน่ำหนัก ทำให้เกิดอุทกภัยเป็นบริเวณกว้าง ประชาชนไม่มีไฟฟ้าใช้นานหลายชั่วโมง โดยเฉพาะย่านอ่าวซานฟรานซิสโก ต้นไม้ขุดรากถอนโคน รถยนต์ถูกลมพัดปลิวหลายคัน อย่างไรก็ตาม แม้สร้างความเสียหาย แต่พายุฝนก็ทำให้ภาวะแห้งแล้งในรัฐแคลิฟอร์เนียที่ยืดเยื้อยาวนานมาพอสมควรได้บรรเทาลง

    ส่วนที่อังกฤษ ย่านซอมเมอร์เซตก็ยังคงจมน้ำไม่เลิก จากพายุฝนที่ทยอยพัดกระหน่ำอย่างไม่ขาดระยะ ชาวบ้านต่างช่วยกันวางกระสอบทรายเป็นแนวป้องกันน้ำอย่างเต็มที่ ขณะที่ถนนหลายสายจมอยู่ใต้น้ำระดับสูง ชาวบ้านบางส่วนต้องอพยพหนี เนื่องจากระดับน้ำสูงขึ้นตลอดเวลา แคว้นเวลส์มีประกาศเตือนภัยจากน้ำท่วมกว่า 300 ครั้ง บ้านเรือนหลายร้อยหลังในเมืองดอร์เซต เซอร์เรย์ และคอร์นวอลล์ ไม่มีไฟฟ้าใช้.

    สำนักข่าวไทย TNA News | 10 ก.พ. 2557 09:18 |

    โคลนถล่มโบลิเวีย ฝังกลบทั้งหมู่บ้าน

    [​IMG]

    ลาปาซ 10 ก.พ.-เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในโบลิเวียรายงานว่า ฝนตกหนักทำให้เกิดโคลนถล่มฝังกลบชุมชนเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 คน และสูญหายอีก 9 คน

    เจ้าหน้าที่เขตโมโรโชตาให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า เกิดโคลนถล่มขึ้นเมื่อคืนวันเสาร์ฝังกลบบ้านเรือนหลายแห่งราว 15 ครัวเรือน หน่วยกู้ภัยเร่งขุดค้นตามที่เกิดเหตุโดยหวังว่าจะพบผู้รอดชีวิตเพิ่มเติม ทั้งนี้มีฝนตกหนักทั่วพื้นที่ส่วนใหญ่ของโบลิเวียนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา คาดว่าราว 46,800 ครอบครัวได้รับความเดือดร้อน.

    สำนักข่าวไทย TNA News | 10 ก.พ. 2557 10:00 |

    สุโขทัยน้ำยมแห้งเป็นหาดทราย

    [​IMG]

    สุโขทัย 10 ก.พ.- สถานการณ์ภัยแล้งในจังหวัดสุโขทัยปรากฏอย่างชัดเจน

    โดยเฉพาะแม่น้ำยมเริ่มแห้งขอดตั้งแต่ช่วงหลังเขื่อนหาดสะพานจันทร์ หมู่ 9 ต.ในเมือง ไปถึงหน้าวัดคลองกระจง ต.คลองกระจง อ.สวรรคโลก ระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร มีสภาพกลายเป็นหาดทราย บางช่วงเดินสัญจรข้ามไปมาได้ โดยระดับน้ำในแม่น้ำยมบริเวณเหนือเขื่อนหาดสะพานจันทร์ ล่าสุดปริมาณน้ำอยู่ที่ 56.45 ล้านลูกบาศก์เมตร ทางเขื่อนจำเป็นต้องเปิดประตูระบายน้ำไว้เพียงบานเดียวจากทั้งหมด 5 บาน และให้น้ำไหลผ่านประตูอยู่ที่ 3.77 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

    ส่วนชาวบ้านอาชีพจับปลาขายประสบปัญหาเช่นกัน เพราะแม่น้ำยมที่เคยมีช่วงความกว้างอยู่ที่ 10 เมตร แต่ตอนนี้ร่องน้ำที่ไหลผ่านแห้งขอดเหลือร่องน้ำกว้างไม่ถึง 4 เมตร นอกจากนี้ สวนการเกษตรเริ่มยืนต้นตาย เนื่องจากคลองสาขาน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว เช่น คลองบ้านหกบ้าน และคลองแม่น้ำเก่า

    สำนักข่าวไทย TNA News | 10 ก.พ. 2557 16:47 |

    กระบี่ปลาเลี้ยงกระชังตายนับร้อยคาดอากาศร้อนจัด

    [​IMG]

    กระบี่ 10 ก.พ.- สภาพคลองท่าประดู่ ม.4 ต.ห้วยน้ำขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ยังพบปัญหาปลาในกระชังของเกษตรกรที่เลี้ยงไว้ 12 ราย ลอยตายไม่ทราบสาเหตุ

    โดยนายสุวิทย์ ผิวดำ อายุ 51 ปี หนึ่งในผู้เลี้ยงปลากะพงขาว กล่าวว่า เลี้ยงปลาไว้ 1,200 ตัว เริ่มตายวันละ 100-300 ตัว มากว่า 1 สัปดาห์ รวมแล้วกว่า 600 ตัว ขาดทุนไปหลายหมื่นบาท ที่ผ่านมาไม่เคยประสบมาก่อน

    ล่าสุดเจ้าหน้าที่ประมงอำเภอได้ลงพื้นที่สำรวจแล้วพบว่าในพื้นที่บ้านท่าประดู่มีผู้เลี้ยงปลากะพงขาวทั้งหมด 46 ราย ได้รับผลกระทบ 12 ราย เสียหายกว่า 750,000 บาท สาเหตุคาดว่าสภาพอากาศที่ร้อนจัดและน้ำไม่ไหลเวียน ทำให้ปลาปรับตัวไม่ทันและติดเชื้อง่าย จึงทยอยตาย อย่างไรก็ตาม ได้เก็บตัวอย่างปลาตายและน้ำไปตรวจวิเคราะห์ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งกระบี่ คาดว่าประมาณ 1-2 วันนี้ จะรู้ผล พร้อมเตรียมให้การช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อน

    สำนักข่าวไทย TNA News | 10 ก.พ. 2557 17:05 |

    ที่มา Digital Media and Online Services of News and Entertainment by MCOT Plc. | MCOT.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2014

แชร์หน้านี้

Loading...