ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ข้อมูลจากคุณ หนูตาครับ

    แผ่นดินไหวจาก'เม็กซิโกซิตีถึงกทม.'มหันตภัยที่เทคโนโลยียังไล่ตามไม่ทัน
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->แผ่นดินไหวจาก "เม็กซิโกซิตีถึง กทม." มหันตภัยที่เทคโนโลยียังไล่ตามไม่ทัน

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>16 ส.ค.2550 เกิดเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 7.9 ริกเตอร์ในประเทศเปรู มีผู้เสียชีวิตเบื้องต้น 387 ราย บาดเจ็บกว่า 1,500 คน

    16 ก.ค.2550 เกิดเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 6.7 ริกเตอร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศญี่ปุ่น ทำให้โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ไฟไหม้และมีกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลออกมา พร้อมกับอาคารในหลายพื้นที่พังทลายลงมา ทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 200 คน

    ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา มีแผ่นดินไหวขนาดมากกว่า 6 ริกเตอร์ ซึ่งมีความรุนแรงเทียบเท่ากับการทิ้งระเบิดปรมาณูที่เมืองฮิโรชิมา 20 ครั้ง ทั่วโลก

    และมี 2 ครั้งที่เกิดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ เมื่อ 8 ส.ค.ที่ประเทศอินโดนีเซีย ขนาด 7.4 ริกเตอร์ และ 20 ส.ค.ที่ฟิลิปปินส์ ขนาด 6.8 ริกเตอร์

    ในไทยเองก็ไม่น้อยหน้า 3 ปีที่ผ่านมาเกิดแผ่นดินไหวเล็กบ้างใหญ่บ้างไปแล้วถึง 16 ครั้ง !!!

    ครั้งที่น่ากลัวมากเกิดขึ้นเมื่อ 19 ก.ย.2528 สูงถึง 8.1 ริกเตอร์ ศูนย์กลางอยู่ที่อ่าวเม็กซิโก ห่างจาก "เม็กซิโกซิตี" 350 กิโลเมตร

    ที่น่าตกใจคือทำให้เมืองเม็กซิโกซิตี้พังราบเป็นหน้ากลอง มีผู้เสียชีวิตสูงถึง 10,000 คน

    แผ่นดินไหวที่ "เม็กซิโก" มีความสำคัญอย่างไรกับบ้านเรา

    สำคัญตรงที่บรรดานักวิชาการด้านธรณีวิทยา และแผ่นดินไหวของไทยต่างเห็นตรงกันว่าเป็นเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นกับกรุงเทพมหานครได้เช่นกัน ด้วยว่าเม็กซิโกซิตี และกรุงเทพฯมีชั้นดินอ่อนที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน

    มากไปกว่านั้น ห่างจากกรุงเทพฯไปเพียง 400 กิโลเมตร ใต้ทะเลอันดามันมีรอยเลื่อนขนาดใหญ่ชื่อ "สะแกง" ที่สามารถทำให้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 8 ริกเตอร์ได้ด้วย

    "ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย" ผู้เชี่ยวชาญด้าน

    แผ่นดินไหว สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) กล่าวถึงรอยเลื่อน "สะแกง" ว่าแม้จะอยู่ห่างจากกรุงเทพฯแต่ถ้าเกิดแผ่นดินไหวขนาดตั้งแต่ 7 ริกเตอร์ขึ้นไปจะส่งแรงสั่นสะเทือนให้คนกรุงเทพฯแตกตื่นมากกว่าที่เคยวิ่งหนีตายลงจากตึกสูงเมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมาเป็นสิบๆ เท่า โดยเฉพาะ เมื่อพิจารณาจากความหนาแน่นของอาคาร และการออกแบบที่ส่วนใหญ่สร้างมาเพื่อรับน้ำหนักเฉพาะตัวตึก และแรงลมเท่านั้น

    ไม่ได้ออกแบบให้ต้านทานแผ่นดินไหวเลย

    ดังนั้นแม้โครงสร้างอาคารจะแข็งแรง แต่ทนแผ่นดินไหวได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น แถมมีอาคารอีกจำนวนหนึ่งที่อ่อนแอเป็นพิเศษ และมีอันตรายมากจากโครงสร้างที่ไม่เหมาะสมรับแรงโยกของอาคารจากแผ่นดินไหวได้อีกจำนวนหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงสูงมากที่จะเกิดความเสียหายแบบเดียวกับที่เกิดกับเม็กซิโกซิตี

    เหล่านักวิชาการจึงพยายามผลักดันกฎระเบียบเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารที่ทนทานแผ่นดินไหวได้

    "แผ่นดินไหวที่เรากลัวกันยังไม่มา ที่ผ่านมาเป็นแค่หนังตัวอย่างเบาๆ แค่นั้นก็ทำให้ตกใจ

    กลัวแล้ว ของจริงยิ่งกว่านี้ และไม่สามารถบอกได้ว่าจะมาถึงเมื่อไร ฉะนั้นการป้องกันอย่าง

    จริงจังจึงยังไม่สายหากจะทำ ดีกว่าต้องมาเสียใจภายหลังเพราะจะร้ายแรงยิ่งกว่าเหตุการณ์สึนามิแน่นอน"

    หันมาดูความตื่นตัวของภาครัฐกันบ้าง มีการแต่งตั้งคณะกรรมการแผ่นดินไหวแห่งชาติมาเกือบ 10 ปีแล้ว แต่ 2 ปีที่ผ่านมาเพิ่งเรียกประชุมไปเพียงครั้งเดียว โดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เมื่อต้นเดือน มิ.ย.2550 ที่ผ่านมา

    หลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา คนที่อยู่ในตึกสูงน้อยใหญ่ในกรุงเทพฯต่างรู้สึกได้ หลายบริษัทประกาศเลิกงานก่อนกำหนด

    ส่วนแผนแม่บท แผนปฏิบัติการป้องกัน และบรรเทาภัยแผ่นดินไหว ฉบับแรกที่จะสิ้นสุดในปี 2552 เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาไปตั้งแต่ปี 2547 ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า ยังดีที่หลังเหตุการณ์ "สึนามิ" มีการตั้งศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติขึ้นมารับหน้าที่เตือนภัย แต่ยังไม่รู้ว่าจะฝากความหวังไว้ได้แค่ไหน เนื่องจากมีปัญหาเรื่องโครงสร้างการบริหารกับเขาเหมือนกัน

    ด้าน "กรมอุตุนิยมวิทยา" ได้มีการติดตั้งสถานีตรวจแผ่นดินไหวอัตโนมัติจำนวน 15 แห่ง สถานีวัดอัตราเร่งของพื้นดิน 15 แห่ง สถานี Strong Motion 6 แห่ง ซึ่งเสร็จสมบูรณ์พร้อมส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ผ่านระบบ IP network เพื่อวิเคราะห์หาศูนย์กลาง ขนาด และเวลาเกิดของแผ่นดินไหวได้ทันที รวมถึงมีการเผยแพร่ข้อมูลคลื่นแผ่นดินไหวผ่าน http://www.tmdseismology.com

    แต่ไหนแต่ไรมา ว่ากันว่าเราจะไม่มีโอกาสรู้ล่วงหน้าเลยว่าจะเกิดแผ่นดินไหวขึ้นที่ไหนและเมื่อไร จนเมื่อเกิดแล้วถึงรู้ ดังนั้นจึงทำได้แต่เพียงคอยจับตาและแจ้งเตือนโดยเร็วเพื่อบรรเทาความเสียหายจากภัยพิบัติเท่านั้น

    แต่ปัจจุบันพัฒนาการของเทคโนโลยีสมัยใหม่ไม่ทำให้มนุษย์ผิดหวังอีกครั้ง โดย "สำนักงาน อุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น" (ก็อย่างที่รู้กันว่าญี่ปุ่นเกิดแผ่นดินไหวบ่อยๆ) ได้เริ่มต้นโครงการเตือนภัยแผ่นดินไหวล่วงหน้าด้วยการส่งสัญญาณผ่าน เครือข่ายคอมพิวเตอร์ไปยังสถานีโทรทัศน์ วิทยุ และโทรศัพท์มือถือ เพื่อเตือนให้ประชาชนเตรียมรับมือ

    บริษัทเอกชนอย่าง "ซีเคียวริตี้ ซันไซน์" ยังมีแผนจะวางจำหน่ายเครื่องเตือนภัยแผ่นดินไหวสำหรับติดตั้งตามบ้านด้วย โดยจะเชื่อมต่อระบบเข้ากับฐานข้อมูลของสำนักงานอุตุนิยมวิทยาผ่านอินเทอร์เน็ต ระบบจะจับสัญญาณการสั่นสะเทือนครั้งแรกที่มนุษย์ยังไม่สามารถรู้สึกได้ส่งสัญญาณเตือนให้คนในบ้านรู้ตัวล่วงหน้าก่อนเกิดแผ่นดินไหว 10-20 วินาที ซึ่งบริษัทเชื่อว่าทำให้มีเวลาพอที่จะรีบปิดวาล์วแก๊ส สับคัตเอาต์ตัดไฟฟ้า เพื่อป้องกันความเสียหายจากไฟไหม้ และหาที่หลบภัยได้ทัน

    ในบ้านเราเองคงต้องร้องเพลงรอไปก่อน มีคำแนะนำจากสำนักนโยบายป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยที่ควรรู้ไว้ว่า เมื่อเกิดแผ่นดินไหวขอให้ตั้งสติ จำไว้ว่า "จงหมอบ หาที่กำบัง และจับยึด" อยู่ให้ห่างจากหน้าต่าง ตู้เอกสาร กระจก และวัสดุอื่นที่อาจหล่นลงมาทับได้ ห้ามวิ่งไปออที่ทางออก หากอยู่นอกบ้านให้หาที่โล่งแจ้ง ห่างจากต้นไม้ ป้าย เสาไฟ หลังแผ่นดินไหวสงบแล้วให้เตรียมตัวรับมือกับอาฟเตอร์ช็อก หากได้กลิ่นแก๊สหรือเสียงบาดหูให้รีบเปิดหน้าต่าง และหนีออกจากอาคาร
    ---------------
    ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ
    http://matichon.co.th/prachachat/pra...sectionid=0209
    <!-- / message --><!-- attachments --><FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูป</LEGEND>[​IMG]
    </FIELDSET>
    <!-- / attachments --><!-- sig -->

    ____________________________________________________________
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    นางฟ้า กับ...........

    [​IMG]

    แองเจลินา โจลีวอนช่วยผู้ลี้ภัย

    [​IMG]

    แองเจลีนา โจลี ดาราสาวชาวอเมริกัน(ซ้าย)ไปเยี่ยมผู้ลี้ภัยที่ค่ายอัลวาลีคในอิรัก ในฐานะทูตสันถวไมตรีของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ เมื่อ 28 ส.ค.50 โจลียังขอร้องให้ประชาคมโลกช่วยเหลือผู้ลี้ภัยเหล่านี้ด้วย

    แองเจลินา โจลี นักแสดงฮอลลีวูดชื่อดัง ในฐานะทูตสันถวไมตรีของสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เดินทางไปอิรักและซีเรียเพื่อปฏิบัติภารกิจ โดยเมื่อ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา โจลีได้เดินทางถึงซีเรียและพบปะให้กำลังใจผู้ลี้ภัยชาวอิรักจำนวนหลายพันคน โดย 1 ใน 4 ตกเป็นเหยื่อความรุนแรง วันรุ่งขึ้นเธอเดินทางเข้าอิรักเพื่อเยี่ยมผู้ลี้ภัยกว่า 1,200 คน ที่ค่ายอัล วาลีด และสังเกตการณ์การอพยพของชาวอิรักจำนวนหนึ่งที่ข้ามพรมแดนไปยังซีเรีย โจลีได้เรียกร้องให้ประชาคมโลกสนับสนุน UNHCR ในการแก้วิกฤติมนุษยธรรมที่เกิดขึ้นกับผู้ลี้ภัยเหล่านี้

    ข้อมูลระบุมีชาวอิรักราว 2 ล้านคนอพยพหนีสงครามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และ 2.2 ล้านคนในอิรักกลายเป็นคนพลัดถิ่น ขณะที่หลายหมื่นคนตกงาน เมื่อปลาย ก.ค. UNHCR ร่วมกับองค์การยูนิเซฟจัดตั้งโครงการที่ต้องใช้งบ 129 ล้านดอลลาร์ เพื่อให้เยาวชนอิรัก 1.55 แสนคนทั่วตะวันออกกลางได้กลับเข้าไปเรียนหนังสือ ด้านสหรัฐฯประกาศบริจาค 30 ล้านดอลลาร์สนับสนุน

    [​IMG]

    โครงการนี้ ด้านจิม แคร์รี นักแสดงฮอลลีวูดเชื้อสายแคนาดา เป็นตัวแทนศูนย์ ปฏิบัติการด้านสิทธิมนุษยชนและองค์กรรณรงค์เพื่อพม่าในสหรัฐฯ ประกาศผ่านคลิปวีดิโอทางเว็บไซต์ยูทิวบ์เชิญชวนให้ประชาชนอเมริกัน เรียกร้องให้รัฐบาลทหารพม่าปล่อยตัวนางอองซาน ซูจี ผู้นำพรรคฝ่ายค้านที่ถูกกักบริเวณในบ้านพักในย่างกุ้ง การเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังมีข่าวชาวพม่าประท้วงรัฐบาลที่ขึ้นราคาน้ำมัน

    [​IMG]


    ที่มา หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ [30 ส.ค. 50 - 04:42]
    http://www.thairath.co.th/news.php?section=international&content=59254
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. จักรพนธ์

    จักรพนธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +4,622
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=10 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD height=70>กระบี่น้ำทะเลหนุนสูงซัดตลิ่งลึกร่วม 3 เมตร </TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ededed>10:24 น.
    นายศิวะ ศิริเสาวลักษณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พร้อมนายวิสุทธิ์ อนัตพงษ์ นายอำเภอเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่ตำบลคลองประสงค์ ติดตามสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงมากและเกิดคลื่นซัดชายฝั่งบริเวณหมู่ 1, 2, 3 บ้านเกากลาง และบ้านคลองประสงค์ ตำบลคลองประสงค์ อำเภอเมือง ประชาชนหลายครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน นอกจากนี้ ยังพบว่าน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งลึกเข้ามาประมาณ 2-3 เมตร เป็นระยะทาง 1 กิโลเมตร นายศิวะ กล่าวว่า เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเกิดจากภัยธรรมชาติ ส่วนจะเกี่ยวข้องกับภาวะโลกร้อนหรือไม่นั้นต้องให้ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบพื้นที่อีกครั้ง พร้อมกันนี้ ได้ให้ อบต.คลองประสงค์ นำโครงการเดิมเกี่ยวกับการป้องกันน้ำเซาะริมชายฝั่งศึกษาข้อมูลร่วมกับหน่วยงานด้านทรัพยากรชายฝั่ง เพื่อหาทางแก้ไขและทำแผนผังเกี่ยวกับพื้นที่ที่ถูกทำลายจากน้ำทะเล
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เผยยอดนักข่าวพลีชีพสังเวยสงครามอิรักพุ่งทะลุ 200 รายแล้ว</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>31 สิงหาคม 2550 16:29 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ทหารสหรัฐฯ ลาดตระเวนเข้มในกรุงแบกแดด</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี – กลุ่มผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน เผย ยอดผู้สื่อข่าวและผู้ที่ทำงานด้านสื่อที่ถูกสังหารในอิรักมีจำนวนสูงถึง 200 ราย นับตั้งแต่สหรัฐฯ ทำสงครามบุกยึดอิรักเมื่อเดือนมีนาคมปี 2003 ที่ผ่านมา

    กลุ่มผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ในกรุงปารีส ระบุในแถลงการณ์ว่า การเสียชีวิตของ อันวาร์ อับบาส ลาฟตา ล่ามที่ทำงานให้กับเครือข่ายสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสของสหรัฐฯ ทำให้ยอดผู้ที่ทำงานด้านสื่อที่ถูกสังหารในอิรักมีจำนวนสูงถึง 200 รายแล้ว

    ทั้งนี้ ศพของลาฟตาถูกพบเมื่อวันจันทร์ (27) ที่ผ่านมา หลังเขาถูกลักพาตัวในกรุงแบกแดด เมื่อ 5 วันก่อน

    ขณะที่มีผู้สื่อข่าวและผู้ที่ทำงานด้านสื่ออย่างน้อย 49 ราย ที่ถูกฆ่านับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2007 ที่ผ่านมา โดย 73 เปอร์เซ็นต์ของผู้สื่อข่าวที่พลีชีพในสงครามอิรักตกเป็นเป้าหมายโดยตรง และ 80 เปอร์เซ็นต์เป็นผู้สื่อข่าวชาวอิรักที่ถูกสังหารโดยกลุ่มติดอาวุธที่ไม่พอใจการนำเสนอข่าว และเป็นกลุ่มที่ต่อต้านสำนักข่าวต่างประเทศซึ่งผู้สื่อข่าวส่วนใหญ่สังกัดอยู่

    “จำนวนผู้สื่อข่าวที่เสียชีวิตในสงครามครั้งนี้ มีมากกว่าสงครามครั้งที่ผ่านๆ มา โดยเหยื่อ 110 ราย ถูกฆ่าในกรุงแบกแดด ขณะที่ 34 รายถูกสังหารใกล้ๆ เมืองหลวงของอิรัก นอกจากนั้น ยังมี 45 รายที่เสียชีวิตในเมืองทางตอนเหนือ ส่วนใหญ่ถูกสังหารในเมืองโมซูล และเคอร์คุก รวมถึงยังมีผู้สื่อข่าว 84 ราย ที่ถูกจับเป็นตัวประกันในอิรักในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีจำนวนมากกว่าประเทศใดในโลก และมีเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นที่ได้รับการปล่อยตัว” แถลงการณ์ระบุในตอนท้าย
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เม็กซิโกผวา! อพยพคนเรือนหมื่นหลังมือดีโทร.ขู่บึ้มตึกระฟ้าชื่อดัง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>31 สิงหาคม 2550 15:32 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=200 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=200>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เจ้าหน้าที่อพยพผู้คนออกจากตึกตอร์เร มายอร์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> บีบีซี – ตำรวจเม็กซิโกสั่งอพยพผู้คนกว่าหมื่นคนออกจากตึกที่สูงที่สุดในละตินอเมริกา หลังมีมือดีโทรศัพท์ขู่วางระเบิดรถยนต์คันหนึ่ง ซึ่งจอดอยู่ในตึกดังกล่าว ก่อนที่หน่วยเก็บกู้จะสามารถปลดชนวนระเบิด และคลี่คลายสถานการณ์จนกลับสู่ภาวะปกติได้ในที่สุด

    ตำรวจเม็กซิโก กล่าวว่า เจ้าหน้าที่เก็บกู้ระเบิดได้ทำการปลดชนวนระเบิด ซึ่งเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งไว้ได้อย่างทันท่วงที หลังคนร้ายได้นำระเบิดมาซุกซ่อนไว้ในรถยนต์ซึ่งจอดอยู่ในตึกตอร์เร มายอร์ ซึ่งเป็นตึกระฟ้าสูง 55 ชั้น ในกรุงเม็กซิโก ซิตี้ วานนี้ (30)

    ขณะที่ตำรวจกำลังเร่งสอบสวนที่มาที่ไปของเหตุการณ์ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีบุคคลใดออกมาอ้างความรับผิดชอบแต่อย่างใด

    โจเอล ออร์เตกา ผู้บัญชาการตำรวจกรุงเม็กซิโก ซิตี้ กล่าวว่า ตำรวจได้รับโทรศัพท์ลึกลับซึ่งปลายสาย แจ้งว่า มีระเบิดซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์คันหนึ่งซึ่งจอดอยู่ในตึกดังกล่าว รวมถึงยังได้แจ้งตำแหน่งของรถและทะเบียนรถอย่างละเอียด ก่อนที่ตำรวจจะเดินทางมาถึงสถานที่เกิดเหตุ และใช้เวลาในการค้นหารถยนต์คันดังกล่าวรวม 3 ชั่วโมง จนสามารถปลดชนวนระเบิดได้ในที่สุด

    ด้านเจ้าหน้าที่กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของเม็กซิโก กล่าวว่า หากระเบิดลูกดังกล่าวทำงาน ก็ไม่น่าจะสร้างความเสียหายรุนแรง โดยรัศมีของระเบิดอาจจำกัดอยู่เฉพาะรถยนต์คันดังกล่าวเท่านั้น

    ทั้งนี้ ตึกตอร์เร มายอร์ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจในกรุงเม็กซิโก ซิตี้ และได้ชื่อว่าเป็นตึกที่สูงที่สุดในละตินอเมริกา มีความสูงถึง 225 เมตร โดยได้เปิดให้บริการเมื่อปี 2003 ที่ผ่านมา
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. greatmans

    greatmans เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +1,131
    สั่งเฝ้าระวังโคลนถล่ม 24 ชั่วโมง หลังน้ำตกแม่พูลสีแดงขุ่น
    31 สิงหาคม 2550 17:15 น.
    จังหวัดอุตรดิตถ์สั่งการเฝ้าระวังดินโคลนถล่ม 24 ชั่วโมง หลังน้ำไหลจากภูเขาสูงบริเวณน้ำตกแม่พูลมีสีแดงขุ่นระดับเพิ่มสูงและไหลเชี่ยว แจ้งเตือนชาวบ้านพร้อมอพยพทันทีเกิดเหตุ



    เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 31 สิงหาคม 2550 นายนิติพัฒน์ พิมพ์พิริยะกุล ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดอุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า หลังมีฝนตกติดต่อกันหลายวันในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ ได้รับแจ้งจากอาสาสมัครมิสเตอร์เตือนภัยในพื้นที่ ต.แม่พูล อ.ลับแล ว่า ปริมาณน้ำที่ไหลจากภูเขาสูงของ อ.ลับแล โดยเฉพาะที่บริเวณน้ำตกแม่พูลซึ่งเป็นพื้นที่เคยเกิดน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและทรัพย์เสียหายจำนวนมากเมื่อปีที่ผ่านมา กระแสน้ำเพิ่มสูงและไหลเชี่ยว สีของน้ำมีสีแดงขุ่น มีซากปรักหักพังไหลมาด้วย จึงเกรงจะเกิดน้ำป่าไหลหลกาและดินโคลนถล่ม

    ทางจังหวัดจึงได้ประกาศเตือนไปที่ว่าการอำเภอให้จัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบระดับน้ำที่น้ำตกแม่พูลและได้แจ้งไปยังมิสเตอร์เตือนภัย 182 หมู่บ้านซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยดินโคลนถล่มของจังหวัดอุตรดิตถ์ ให้จัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังและพร้อมแจ้งเตือนภัยประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง หากเกิดน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่มต้องพร้อมในการช่วยเหลือประชาชนและอพยพออกนอกพื้นที่

    นายนิติพัฒน์ กล่าวว่า ยังได้เตือนผู้ใช้รถใช้ถนนเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ยวดยานพาหนะตามบนถนน โดยเฉพาะตามอำเภอรอบนอก อาจเกิดดินจากภูเขาสไลด์ทับเส้นทาง เป็นผลให้เกิดอุบัติเหตุได้เพราะฝนที่ตกลงมาอย่าง สภาพของภูเขาตามไหล่ถนนไม่มีต้นไม้ใหญ่ช่วยอุ้มน้ำ และบางจุดมีหินก้อนใหญ่อาจล่วงล่นมาปิดเส้นทางได้ ที่น่าเป็นห่วงคือถนนทางเข้าสวนลางสาด ลองกองของเกษตรกรอำเมือง อำเภอท่าปลา และอำเภอลับแล ที่ชาวสวนต่างเข้าไปเก็บผลผลิตลางสาด ลองกอง เพื่อนำมาส่งขายให้พ่อค้าแม่ค้าที่รอรับซื้อตรงตลาดผลไม้ ต้องเพิ่มความระมัดระวังและลดความเร็วในการขับขี่มากยิ่งขึ้น

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ระดับน้ำที่น้ำตกแม่พูลแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดมีระดับน้ำเพิ่มสูงและมีสีแดงขุ่น บรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่เปิดร้านอาหาร เครื่องดื่ม และของฝากของที่ระลึกบริเวณน้ำตกดังกล่าวต่างรีบเก็บข้าวของปิดร้านค้า กลับบ้านทันที เพราะเกรงไม่ปลอดภัย ส่วนชาวบ้านในพื้นที่อำเภอลับแลต่างออกมาดูระดับน้ำตามคลองระบายน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น

    http://www.komchadluek.net/2007/08/31/n001_133403.php?news_id=133403
     
  7. greatmans

    greatmans เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +1,131
    สั่งเฝ้าระวังโคลนถล่ม 24 ชั่วโมง หลังน้ำตกแม่พูลสีแดงขุ่น
    31 สิงหาคม 2550 17:15 น.
    จังหวัดอุตรดิตถ์สั่งการเฝ้าระวังดินโคลนถล่ม 24 ชั่วโมง หลังน้ำไหลจากภูเขาสูงบริเวณน้ำตกแม่พูลมีสีแดงขุ่นระดับเพิ่มสูงและไหลเชี่ยว แจ้งเตือนชาวบ้านพร้อมอพยพทันทีเกิดเหตุ



    เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 31 สิงหาคม 2550 นายนิติพัฒน์ พิมพ์พิริยะกุล ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดอุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า หลังมีฝนตกติดต่อกันหลายวันในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ ได้รับแจ้งจากอาสาสมัครมิสเตอร์เตือนภัยในพื้นที่ ต.แม่พูล อ.ลับแล ว่า ปริมาณน้ำที่ไหลจากภูเขาสูงของ อ.ลับแล โดยเฉพาะที่บริเวณน้ำตกแม่พูลซึ่งเป็นพื้นที่เคยเกิดน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและทรัพย์เสียหายจำนวนมากเมื่อปีที่ผ่านมา กระแสน้ำเพิ่มสูงและไหลเชี่ยว สีของน้ำมีสีแดงขุ่น มีซากปรักหักพังไหลมาด้วย จึงเกรงจะเกิดน้ำป่าไหลหลกาและดินโคลนถล่ม

    ทางจังหวัดจึงได้ประกาศเตือนไปที่ว่าการอำเภอให้จัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบระดับน้ำที่น้ำตกแม่พูลและได้แจ้งไปยังมิสเตอร์เตือนภัย 182 หมู่บ้านซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยดินโคลนถล่มของจังหวัดอุตรดิตถ์ ให้จัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังและพร้อมแจ้งเตือนภัยประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง หากเกิดน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่มต้องพร้อมในการช่วยเหลือประชาชนและอพยพออกนอกพื้นที่

    นายนิติพัฒน์ กล่าวว่า ยังได้เตือนผู้ใช้รถใช้ถนนเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ยวดยานพาหนะตามบนถนน โดยเฉพาะตามอำเภอรอบนอก อาจเกิดดินจากภูเขาสไลด์ทับเส้นทาง เป็นผลให้เกิดอุบัติเหตุได้เพราะฝนที่ตกลงมาอย่าง สภาพของภูเขาตามไหล่ถนนไม่มีต้นไม้ใหญ่ช่วยอุ้มน้ำ และบางจุดมีหินก้อนใหญ่อาจล่วงล่นมาปิดเส้นทางได้ ที่น่าเป็นห่วงคือถนนทางเข้าสวนลางสาด ลองกองของเกษตรกรอำเมือง อำเภอท่าปลา และอำเภอลับแล ที่ชาวสวนต่างเข้าไปเก็บผลผลิตลางสาด ลองกอง เพื่อนำมาส่งขายให้พ่อค้าแม่ค้าที่รอรับซื้อตรงตลาดผลไม้ ต้องเพิ่มความระมัดระวังและลดความเร็วในการขับขี่มากยิ่งขึ้น

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ระดับน้ำที่น้ำตกแม่พูลแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดมีระดับน้ำเพิ่มสูงและมีสีแดงขุ่น บรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่เปิดร้านอาหาร เครื่องดื่ม และของฝากของที่ระลึกบริเวณน้ำตกดังกล่าวต่างรีบเก็บข้าวของปิดร้านค้า กลับบ้านทันที เพราะเกรงไม่ปลอดภัย ส่วนชาวบ้านในพื้นที่อำเภอลับแลต่างออกมาดูระดับน้ำตามคลองระบายน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น

    http://www.komchadluek.net/2007/08/31/n001_133403.php?news_id=133403
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    สถิติปัจจุบันพบว่าคนไทยติดเหล้าสูงเป็นอันดับ 5 ของโลก และมีการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สูงขึ้นถึง 3 เท่าตัวในระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา
    กฎแห่งกรรม
    Case study
    เขาตายเพราะน้ำมันเดือดๆ
    (ดื่มน้ำเมาและเจ้าชู้จะไปอยู่ที่ไหน)

    [​IMG]

    กราบแทบเท้าพระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าค่ะ

    คุณแม่ของลูก เป็นคนโกรธง่ายและหายเร็ว ขยันและใจดี คุณแม่มีลูกกับคุณพ่อทั้งหมด 4 คน ตัวลูกเป็นลูกคนโต ต่อมาคุณแม่ต้องแยกทางกับ คุณพ่อ เพราะคุณพ่อไปมีภรรยาใหม่ ซึ่งภรรยาใหม่ของคุณพ่อนั้น ก็คือ น้องสาวของคุณแม่ นั่นเอง คุณแม่พอทราบเรื่องก็เสียใจมาก แต่ไม่นานคุณแม่ก็ยกโทษ ให้กับน้องสาวและคุณพ่อ ส่วนคุณแม่เองก็ไปมีสามีใหม่ คุณแม่เป็นภรรยาคนที่2เจ้าค่ะ ซึ่งภรรยาคนแรกก็ไม่มีปัญหาอะไร ยอมตกลงให้สามีของเธอ มาอยู่กินกับคุณแม่ของลูก คุณแม่เป็นคนขยันและมีน้ำใจจึงคอยช่วยเหลือทางภรรยาหลวงและลูก ตลอดเวลาที่คุณแม่กับพ่อเลี้ยงมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน

    ท่านทั้งสองมีอาชีพทำแคบหมูขาย ที่บ้านจะมีลูกน้องช่วยงานเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง พ่อเลี้ยงของลูก เจ้าชู้ แอบมีอะไรลับๆ กับเด็กสาวคนนี้ คุณแม่รู้ แต่ก็ต้องทำใจเพราะรักพ่อเลี้ยงของลูกมาก จนเห็นผิดเป็นถูก และลูกก็ได้ยินมาว่าท่านทั้งสองชอบในเรื่องกามคุณมาก

    ต่อมาไม่นานคุณแม่ทนไม่ได้ จึงได้ขับไล่เด็กสาวคนนั้นออกจากบ้าน พ่อเลี้ยงต้องทำแคบหมูอยู่คนเดียว อยู่มาวันหนึ่ง พ่อเลี้ยงก็ถูกน้ำมันหมูที่เดือดพล่านในกะทะใหญ่ลวกและราดลงมาที่ตัว ซึ่งขณะนั้นในบ้านไม่มีใครอยู่เลย พ่อเลี้ยงรอความช่วยเหลือประมาณ ครึ่งชั่วโมง ก็มีเด็กคนงานใหม่ในบ้านมาเห็น จึงนำส่งโรงพยาบาล อยู่โรงพยาบาลไม่นานก็กลับบ้าน โดยภรรยาคนแรกมารับกลับไปรักษาที่บ้านทางเชียงใหม่ อยู่ได้ไม่นานพ่อเลี้ยงก็เสียชีวิตลงเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว ค่ะ

    ในขณะที่เรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้น คุณแม่ก็ล้มป่วยลง โดยอยู่ๆก็ป่วยเป็นไข้ขึ้นมา ครั้งแรกก็คิดกันเองว่า คุณแม่เป็นไข้ไทฟอยด์ เพราะคุณแม่ผอมลงอย่างเห็นได้ชัด คุณแม่เป็นๆ หายๆ แบบนี้มาประมาณสองปี จนครั้งสุดท้ายนำส่งโรงพยาบาล คุณหมอได้ตรวจพบว่าคุณแม่เป็นโรคเอดส์ ถึงขั้นที่ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้แล้ว คุณแม่อยู่ได้ไม่นานก็เสียชีวิต เมื่อ 27 พฤศจิกายน 2546 อายุ 60 ปี

    คุณพ่อของลูก หลังจากแยกทางกับคุณแม่แล้ว ท่านก็ได้มีลูกชายกับภรรยาใหม่ (คือน้องสาวแม่) 2 คน คุณพ่อเสียชีวิตด้วยโรคอัมพาต เมื่อ 13 กันยายน 2540 รวมอายุ 63 ปี

    ส่วนตัวลูกเอง หลังจากพ่อแม่แยกทางกัน ลูกก็อยู่กับ คุณตาคุณยาย ส่วนคุณแม่ต้องออกไปหาเงินมาให้คุณยายเลี้ยงลูกและครอบครัว เมื่อเรียนจบอนุปริญญา ลูกได้ทำงานอยู่เมืองไทย 4 ปี หลังจากนั้นก็เดินทางไปเยอรมันนี มาเจอสามีของลูกที่ร้านอาหารไทยในเยอรมัน รู้จักกันได้หนึ่งปีก็แต่งงานกัน เขาเป็นคนที่มีจิตใจดีชอบช่วยเหลือคน ชอบเมืองไทย ชอบศาสนาพุทธ ลูกจึงชอบเขา เราอยู่ด้วยกันเกือบสองปีก็มีลูกชาย แต่ สามีของลูก ชอบดื่มเหล้า ทุกครั้งที่สามีดื่มจะต้องมีเหตุการณ์เรื่องทุบตีเกิดขึ้น ตอนแรกนอกบ้าน ต่อมาเป็นภายในบ้าน จนลูกคิดว่าคงอยู่กับสามีคนนี้ไม่ได้แน่นอน จึงหาวิธีที่จะออกจากบ้าน แต่การที่ลูกอยู่ต่างบ้านต่างเมืองคนเดียวนั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะออกจากบ้านไปได้ง่ายๆ ลูกโชคดีหรือร้ายก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ วันหนึ่งเพื่อนสามีของลูก มาคุยกับสามีที่บ้าน ตอนนั้นลูกคิดอยากจะออกจากบ้านอยู่แล้ว จึงได้ทำความรู้จักกับผู้ชายคนนี้

    ครั้งแรกลูกมีความคิดว่าเขาเป็นคนดีไม่ดื่ม ไม่เจ้าชู้ และเป็นคนไม่เอาแต่ใจตัวเอง คบกันอยู่ได้ 6 เดือน ลูกก็ได้มีความสัมพันธ์กัน แต่เหมือนกับคำโบราณที่บอกว่า หนีเสือปะจระเข้ โดยผู้ชายคนนี้มีทุกอย่างที่ลูกไม่ชอบเหมือนกับสามีเก่า

    ในระหว่างที่ลูกได้ย้ายออกมาอยู่บ้านใหม่ สามีของลูกก็รู้เรื่องนี้ และได้ขอเข้าไปคุยในบ้านที่ลูกออกมาอยู่ เขาก็เมามาเหมือนเดิม เข้ามาพังของในบ้านใหม่ของลูก และยังขู่อีกว่าจะฆ่าเพื่อนชายทิ้งเสีย จากนั้นก็ออกจากบ้านไป และโทรมารบกวนทุกวัน จนลูกกลัวว่าสามีจะทำตามที่พูดไว้จริง จึงกลับเพราะไม่อยากให้ใครเดือดร้อน

    พอกลับมาอยู่บ้านได้ไม่นานนัก สามีก็ดื่มทุกวันและเกิดทะเลาะวิวาทกันอีก เหตุการณ์แบบนี้ได้เกิดขึ้นมาเป็นเวลา 15 ปี แล้วเจ้าค่ะ ลูกก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ไปจนตลอดชีวิตของลูกหรือเปล่า

    ลูกนึกถึงเมื่อตอน 20 กว่าปีที่แล้ว ครั้งแรกที่ได้มาวัดพระธรรมกาย ตอนนั้นลูกยังเป็นโสด ลูกชอบวัด ชอบที่ได้เห็นผ้าสีเหลือง ถ้าเป็นผู้ชายใจอยากคิดจะบวช ลูกอยากถวายชีวิตช่วยงานไปจนชีวิตจะหาไม่ นี้คือสิ่งที่ลูกอยากจะทำ แต่ในตอนนี้ลูกทำได้เพียงในวันพระลูกจะถือศีลแปด วันธรรมดาถือศีลห้า ทุกวันพระ ลูกจะแต่งชุดขาวไปทำงาน ตอนแรกเพื่อนก็ทักว่า วันนี้แต่งตัวเหมือนหมอและดูใบหน้าเป็นธรรมชาติมาก (เพราะลูกไม่ได้แต่งหน้า) แต่พอเพื่อนเห็นบ่อยๆขึ้นก็อดถามไม่ได้ ลูกก็เลยอธิบายให้เพื่อนฟังว่า ชาวพุทธในหนึ่งสัปดาห์ มีวันพระ 1 วัน และอธิบายว่าศีลแปดคืออะไร ซึ่งเพื่อนก็เข้าใจ งานของลูกทำครึ่งวัน เริ่มงาน 6 โมงเช้า เลิก 11.45 นาที แต่ลูกจะออกก่อนประมาณ 10 โมงเช้าในวันพระเท่านั้น จนเพื่อนที่ทำงานรู้ว่า
     
  9. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    <TABLE class=news2006_topic cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=585 height=10><TABLE class=news2006_topic width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left>นักวิชาการเตือนชาวกรุงเตรียมรับมือวินาศกรรม</TD><TD align=right width=100>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=news2006_graylight height=10>โดย คม ชัด ลึก<SCRIPT language=JavaScript src="/global_js/global_function.js"></SCRIPT> <!--START-->วัน ศุกร์ ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2550 00:00 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD height=10></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=news2006_black cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=10 rowSpan=4></TD><TD width=575>นักวิชาการด้านความมั่นคงเตือนภัยชาวกรุง ให้เตรียมตัวรับมือกับการก่อวินาศกรรมทุกรูปแบบ หลังพบ ภัยก่อการร้ายเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นพื้นที่ในเขตเมืองทั้งหมด ชี้กรุงเทพฯ ทั้ง 50 เขต เชียงใหม่ โคราช ภูเก็ต หาดใหญ่ เสี่ยงก่อการร้าย

    โรงแรมแกรนด์ ทาวเวอร์ อินน์ ถ.พระราม 6 วันที่ 31ส.ค. 50 มีการจัดสัมมนาอบรมความรู้การป้องกันภัยก่อการร้าย (ด้านการเก็บกู้ระเบิด) ซึ่งจัดโดยสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันภัยก่อการร้ายให้กับเจ้าหน้าที่ สปภ. และอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน(อปพร.) จาก 50 เขต จำนวน 150 คน

    [​IMG]โดย นายสุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญสาขาความมั่นคงและยุทธศาสตร์ทางทหาร กล่าวว่า จากการประเมิน สถานการณ์การก่อการร้ายทั่วโลกหลังจากเกิดเหตุการณ์ 11 กันยายน หรือเหตุการณ์ตึกเวิลด์เทรด พบว่าในขณะนี้สถานการณ์การก่อการร้ายได้เปลี่ยนรูปแบบมาใช้พื้นที่ในเมืองทั่วโลกแทนชนบทแล้ว และมีการพัฒนามากขึ้น เนื่องจากพื้นที่เมืองเป็นเป้าหมายที่อ่อนแอป้องกันได้ยาก ทั้งยังเกิดผลกระทบสูง เพราะมีการเสนอข่าวจากสื่อมวลชนไปทั่วโลก เช่นเดียวกับสถานการณ์ในอิรักทั้งหมด เหตุระเบิดสถานีรถไฟใต้ดินที่ลอนดอน การพ่นแก๊สพิษใส่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเมืองโตเกียว ขณะที่สถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยก็เกิดขึ้นในเมือง

    นายสุรชาติ กล่าวว่า ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศทั่วโลกแล้วทำให้มีสัญญาณที่จะเกิดขึ้นในกรุงเทพฯ ชัดเจน เห็นได้จากเหตุการณ์คืนวันเคานท์ดาวน์ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา และที่มีการขู่วางระเบิดตามมาอีกหลายๆ ครั้ง ซึ่งแม้จะไม่มีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นอีก แต่วันนี้สังคมจะต้องหันมาตระหนักถึงสถานการณ์ความรุนแรง ขณะเดียวกันภาครัฐจะต้องเตรียมระบบการรักษาความปลอดภัยของเมืองใหม่ และให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่และประชาชนในการเตรียมรับมือภัยร้ายแรงทั้งภัยธรรมชาติ และการกระทำจากมนุษย์ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเมื่อเกิดเหตุ โดยในส่วนของพื้นที่กรุงเทพฯ นั้น กองบัญชาการตำรวจนครบาลจะต้องเป็นแนวหน้าของการแก้ไขสถานการณ์ ตามด้วยเจ้าหน้าที่ของ กทม. ที่มี สปภ. เทศกิจ และอปพร. จะต้องเข้าร่วมมือกันอย่างเต็มที่ รวมทั้งทหารด้วย

    “ต้องขอบอกว่าพื้นที่ในเขตเมืองทั่วประเทศไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพฯ ทั้ง 50 เขต เชียงใหม่ โคราช ภูเก็ตหรือ หาดใหญ่ รวมทั้งเมืองระดับรองนั้นเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดเหตุก่อการร้ายทั้งหมด ซึ่งภาครัฐต้องพยายามสร้างความเข้มแข็งให้กับทุกเมืองในการที่จะเผชิญกับเหตุก่อการร้าย โดยแต่ละเมืองจะต้องมีแผนเผชิญเหตุการณ์ฉุกเฉินที่มีการทดสอบและทดลองปฏิบัติการให้มีประสิทธิภาพ ต้องมีการฝึกเจ้าหน้าที่ ประชาชน พร้อมกับมีอุปกรณ์ที่ครบถ้วนในการรับมือ ที่จะเป็นประโยชน์ตามที่เมืองใหญ่ในยุโรป นำมาใช้ได้ผลก็คือ ซีซีทีวี" นายสุรชาติ กล่าว

    [​IMG]นายสุรชาติ กล่าวว่า สำหรับภัยก่อการร้ายที่เป็นปัญหามากที่สุด คือ เหตุระเบิด เนื่องจากมีได้หลายรูปแบบและซุกซ่อนได้ทุกที่ ซึ่งสิ่งที่เป็นปัญหาอยู่ในปัจจุบันนี้ คือ ภาครัฐมักจะกลัวการให้ข้อมูลแก่ประชาชนเพราะกลัวเกิดความวุ่นวายในสังคม ดังนั้นภาครัฐจึงควรเลิกแนวคิดเดิมๆ นี้ แล้วหันมาให้ความรู้และวิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง เพราะที่ผ่านมาจะสังเกตได้จากเวลาเกิดเหตุวางระเบิดแต่ละครั้งมักพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ และประชาชนมีความรู้เรื่องนี้น้อยเกินไป ขณะเดียวกันสถานศึกษาทุกแห่งก็ควรที่จะให้ความรู้แก่เด็กและอาจารย์ โดยเฉพาะการปฏิบัติตัวเบื้องต้น

    ด้านนายนิยม กรรณสูต ผอ.สปภ.กล่าวว่า การอบรมเจ้าหน้าที่ของสปภ.เรื่องการกู้ระเบิดครั้งนี้เป็นไปตามแนวนโยบายของนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม.ที่ตระหนักถึงการเตรียมการป้องกันเหตุก่อการร้าย โดยได้เริ่มจัดอบรมเจ้าหน้าที่สปภ.และอปพร. จำนวน 2,000 คน เกี่ยวกับความรู้เรื่องวินาศภัยไป 2 ครั้งเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งก็จะมีการจัดฝึกอบรมตลอดไปเพื่อเสริมทักษะแก่เจ้าหน้าที่สำหรับเจ้าหน้าที่ของสปภ.ที่พร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตร.มีจำนวนทั้งสิ้น 1,500 คน ขณะที่ กำลังเจ้าหน้าที่อปพร.มีทั้งหมด 10,000 คน
    <!--END--><!--PICLIST--></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    "ภาวะโลกร้อน" มหันตภัยใกล้ตัว

    <SCRIPT language=JavaScript src="/global_js/global_function.js"></SCRIPT><!--START-->พูดถึงภาวะโลกร้อน ตอนนี้ทุกประเทศหันมาช่วยกันรณรงค์ให้รักษาสิ่งแวดล้อม ลดการใช้พลังงานกันยกใหญ่ สำหรับประเทศไทยแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนเหมือนกับประเทศอื่นๆมากนัก แต่ก็อย่างพึ่งสบายใจไป เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องฝนตกทั้งปี ลมพายุที่พัดป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ในกรุงเทพฯพัง น้ำทะเลที่หนุนสูงขึ้นในแถบบางขุนเทียน กระทั่งทำให้ชาวบ้านต้องย้ายที่อยู่กันแทบไม่ทัน แผ่นดินไหวที่เริ่มมีมากขึ้น สิ่งที่กล่าวมานี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ที่พวกเราคนไทยได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อน

    ถึงเวลาแล้วที่พวกเราทุกคนจะต้องมาช่วยกันลดภาวะโลกร้อน แม้ว่าการเริ่มต้นวันนี้จะดูสายเกินไป แต่ก็คงจะดีกว่าที่เราไม่คิดจะทำอะไรเลย และยังคงดำเนินกิจกรรมในชีวิตเหมือนทุกๆวันที่ผ่านมา ใช้ไฟ ใช้รถ ใช้น้ำมัน ใช้น้ำเท่าเดิม แถมยังเพิ่มปริมาณขยะจากถุงพลาสติก โฟม และอื่นๆ มากขึ้นด้วย

    เห็นบางคนไม่ค่อยสนใจกับสภาวะโลกร้อนเท่าไร บางคนชอบคิดอะไร "ง่ายๆ" เช่น "โอ้ย...น้ำแข็งขั้วโลกละลาย อยู่ตั้งไกลกว่าจะมาถึง รอให้มันละลายมากกว่านี้เถอะ " < แน่ใจเหรอว่าอยากให้มันละลายมากกว่านี้ เพราะไม่รู้สินะว่าที่ผ่านมามันละลายไปมากเท่าไร



    <CENTER>ไปดูไกลๆตัวก่อนที่ต่างประเทศ ดูนะว่าภาวะโลกร้อนทำให้ภูมิประเทศเปลี่ยนไปขนาดไหน

    ภาพเก่า เปรียบเทียบ ภาพใหม่

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    ส่วนรูปนี้น่าจะใกล้ตัวขึ้นนะ
    (เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร )

    [​IMG]

    เสาหลักบอกจุดสิ้นสุดเขตกรุงเทพมหานคร ( มันไปอยู่ในทะเลเรียบร้อยแล้ว )

    [​IMG]

    เสาไฟฟ้าริมน้ำ ? ที่บางขุนเทียน บ่งบอกถึงปริมาณน้ำในทะเลที่สูงขึ้น
    </CENTER>




    ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นตัวการสำคัญกักเก็บความร้อนจากแสงอาทิตย์ไว้ไม่ให้คายออกไปสู่บรรยากาศ การเผาผลาญเชื้อเพลงฟอสซิลต่างๆ เช่น ถ่านหิน น้ำมันเชื้อเพลิง และการตัดไม้ทำลายป่าเหล่านี้ส่งผลให้ปริมาณ คาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล อันส่งผลกระทบต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิของโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภัยธรรมชาติต่างๆเกิดบ่อยขึ้น และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้...



    1. จำนวนพายุ Hurricane Category 4 และ 5 เพิ่มขึ้นสองเท่า ในสามสิบปีที่ผ่านมา

    2. เชื้อมาลาเรียได้แพร่กระจายไปในที่สูงขึ้น แม้แต่ใน Columbian, Andes ที่สูง 7000 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล

    3. น้ำแข็ง ใน ธารน้ำแข็ง เขตกรีนแลนด์ ละลายเพิ่มมากขึ้นเป็นสองเท่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

    4. สัตว์ต่างๆ อย่างน้อย 279 สปีชี่ส์กำลังตอบสนองต่อ ภาวะโลกร้อน โดยพยายามย้ายถิ่นที่อยู่ หากเรายังเพิกเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น รับรองได้เลยว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้แน่

    5. อัตรา ผู้เสียชีวิต จาก โลกร้อน จะพุ่งไปอยู่ที่ 300000 คนต่อปี ใน 25 ปีต่อจากนี้

    6. ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 20 ฟุต

    7. คลื่นความร้อน จะมาบ่อยขึ้นและรุนแรงขึ้น

    8. ภาวะฝนแล้ง และไฟป่าจะเกิดบ่อยขึ้น

    9. มหาสมุทรอาร์กติกจะไม่เหลือน้ำแข็ง ภายในฤดูร้อน 2050

    10.สิ่งมีชีวิตกว่าล้านสปีชี่ส์เสี่ยงที่จะสูญพันธุ์


    http://campus.sanook.com/u_life/knowledge_02620.php
     
  11. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    <TABLE class=tborder id=post311127 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>charoen.b<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_311127", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: เมื่อวานนี้ 01:34 PM
    วันที่สมัคร: Aug 2006
    ข้อความ: 47 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 156 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 212 ครั้ง ใน 42 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_311127 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->พ้นภัยด้วยมรดก สมเด็จ(โต)
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->อิจเจวะมันโต สุคุตโต สุรักโข
    ชินานุภาเวนะ ชิตูปัททะโว
    ธัมมานุภาเวนะ ชิตาริสังโฆ
    สังฆานุภาเวนะ ชิตันตะราโย
    สัทธัมมานุภาวะปาลิโต จะรามิ ชินะปัญชะระปะริตตังฯ

    ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการอภิบาลด้วยคุณานุภาพแห่งสัทธรรม
    จึงชนะเสียได้ซึ่งอุปัทวอันตรายใดๆ ด้วยอานุภาพแห่งพระชินะพุทธเจ้า
    ชนะข้าศึกศัตรูด้วยอานุภาพแห่งพระธรรม
    ชนะอันตรายทั้งปวงด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์
    ขอข้าพระพุทธเจ้าจงได้ปฏิบัติ และรักษาดำเนินไป
    โดยสวัสดี เป็นนิจนิรันดร เทอญ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** กรรมกำลังมา ****

    ภัยหนักในไทย...
    มาจากคน ต้องการอำนาจ
    แฝงในการเมือง ดึงคนต่างแดน มาก่อกวน
    คิดหวนกลับ เป็นใหญ่ในแผ่นดิน
    สร้างความวุ่นวาย ให้เพื่อนบ้านตะวันตก
    ประชาชนชาวไทยช่วยได้ ต้องมี "สัจจะ" นำการปฏิบัติ
    สัจจะ...เท่านั้น ที่จะนำทางให้รอดพ้นกรรม ที่กำลังจะมาถึง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  13. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ระทึก!แอร์บัส380 ฟาดโรงซ่อมบินไทย ขณะขึ้นบินทดสอบ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>1 กันยายน 2550 14:27 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>เครื่องบินแอร์บัสรุ่น A380 ระหว่างลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิวานนี้(31 ส.ค.)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เกิดเหตุเครื่องแอร์บัส380 ใหม่ถอดด้าม ที่ถูกนำมาทดสอบบินในน่านฟ้าไทย เส้นทางสุวรรณภูมิ-เชียงใหม่ ชนเข้ากับโรงซ่อมเครื่องบินของการบินไทย ตั้งแต่ยังไม่ทันได้บิน ขณะที่บนเครื่องขนผู้โดยสารบรรดาศักดิ์เต็มลำ “ดีดีบินไทย” แจง ต้นเหตุเพราะขนาดเครื่องใหญ่เกินไป ทำให้การตีวงเลี้ยวในพื้นที่เท่าเดิมไม่ได้ เบื้องต้นสามารถซ่อมแซมและขึ้นบินต่อไปได้

    วันนี้(1 ก.ย.) เมื่อเวลา 09.45 น. เกิดเหตุเครื่องบินแอร์บัส 380 ที่บริษัท แอร์บัส ส่งมาให้การบินไทยทดสอบการบินจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปจังหวัดเชียงใหม่ ชนเข้ากับโรงซ่อมเครื่องบิน ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

    จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ขณะที่เครื่องบินเตรียมจะบินขึ้นพร้อมๆกับที่มีผู้โดยสารนั่งอยู่บนเครื่องนั้น เมื่อเครื่องบินขับผ่านโรงซ่อมเครื่องบินของการบินไทย ส่วนของปีกที่เป็นส่วนรับลม ได้ไปชนกับผนังของประตูโรงซ่อมเครื่องบิน จนเกิดเป็นรอยยับเสียหายขึ้น และไม่สามารถออกเดินทางได้ตามกำหนดเวลา

    เรืออากาศโท อภินันทน์ สุมนะเศรณี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ การบินไทย ที่นั่งอยู่บนเที่ยวบินดังกล่าวด้วย กล่าวว่า อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดของนักบิน เพราะเมื่อมองผ่านจอมอนิเตอร์ ได้ตีวงเลี้ยวตามแนวเส้นเหลืองที่ขีดไว้ แต่จะต้องกลับมาทบทวนว่า ขนาดของเครื่องบินแอร์บัส 380 ที่มีขนาดใหญ่ เมื่อตีวงเลี้ยวจะไม่สอดคล้องกับขนาดของพื้นที่และการตีเส้นเหลืองที่ทำไว้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ความเสียหายที่เกิดขึ้น หากมองด้วยตาเปล่า เชื่อว่ายังสามารถทำการบินได้ โดยสามารถถอดอุปกรณ์ดังกล่าวและเดินทางตามปกติ โดยใช้เวลาซ่อมแซมประมาณ 1 ชั่วโมง

    สำหรับเที่ยวบินแอร์บัส 380 ที่จะเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ มีบุคคลสำคัญร่วมเดินทางไปด้วย อาทิ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ.และประธานกรรมการ การบินไทย ผู้บริหารการบินไทย นพ.ประเสริฐ ปราสาททองโอสถ ผู้บริหารสายการบินบางกอก แอร์เวย์ รวมทั้งคณะสื่อมวลชน โดยเที่ยวบินทดสอบดังกล่าวเป็นหนึ่งในแผนการตลาดที่บริษัท แอร์บัส ได้นำเครื่องบิน 380 บินไปยังประเทศต่าง ๆ ที่สั่งซื้อ โดยกำหนดการวันนี้ เครื่องบินแอร์บัส 380 จะออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปจังหวัดเชียงใหม่ และเดินทางกลับมาที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก่อนเดินทางไปยังเมืองตูลูส ประเทศฝรั่งเศส
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สหรัฐฯ ผวา!!มือดืโทร.ขู่บึ้มห้าง-ธนาคารทั่วประเทศ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เอเจนซี - วอล-มาร์ต บริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา สาขานิวพอร์ต ต้องอพยพคนงานออกจากพื้นที่ หลังเจอโทรศัพท์ลึกลับขู่วางระเบิดและทำร้ายพนักงาน ขณะที่เจ้าหน้าที่ชี้เหตุการณ์นี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคำขู่เล่นงานธุรกิจอื่นๆ ทั่วประเทศที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

    เจมส์ ควินส์ ตำรวจเมืองนิวพอร์ต เปิดเผยว่ามีชายลึกลับโทรศัพท์เข้ามายังวอล-มาร์ต สาขานิวพอร์ตในช่วงเช้าวันอังคาร(28) ตามเวลาท้องถิ่น อ้างว่ามีระเบิดและจะทำร้ายพนักงาน โดยเขายื่นเงื่อนไขให้คนงานโอนเงิน 10,000 ดอลลาร์ เข้าบัญชีแห่งหนึ่ง

    โฆษกของเอฟบีไอ กล่าวว่า เหตุการณ์นี้มีหลักฐานชี้ว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับอุบายคล้ายกันเมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังมีคำขู่เล่นงานธนาคารและร้านค้าอื่นรอบๆ ฟีนิกซ์ ดีทรอยต์ ซอลต์เลก ซิตี้ และฟิลาเดลเฟีย

    ทางโฆษกบอกต่อว่า สำนักงานเอฟบีไอกำลังดำเนินการสืบสวนว่าโทรศัพท์ดังกล่าวมาจากแหล่งใดและอยู่ระหว่างรวบรวมรายงานจากตำรวจท้องถิ่นเพื่อตรวจสอบความคล้ายคลึงกันของคดี

    ตำรวจในเวอร์จิเนีย เปิดเผยว่า สาขาที่นี่ก็เจอคำขู่แบบเดียวกันเมื่อวันอังคาร(28) อย่างไรก็ตาม ไม่มีการโอนเงินตามคำขู่และไม่พบระเบิดแต่อย่างใด

    ที่นิวพอร์ต มีโทรศัพท์ลึกลับโทร.ไปยังวอล-มาร์ต ถึง 3 ครั้ง โดยพนังงานจะแจ้งกับตำรวขในเวลา 6.52 น. ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนที่ห้างจะเปิดดำเนินการ ทั้งนี้ในช่วงเวลาดังกล่าวมีพนักงานอยู่ภายใน 25 คนและได้อพยพออกมาขณะที่หน่วยสวาทพร้อมสุนัขดมกลิ่นเข้าตรวจค้นในอาคารและรอบๆลานจอดรถ ทว่าไม่พบวัตถุต้องสงสัยเช่นกัน

    โฆษกของเอฟบีไอ กล่าวว่า ตำรวจได้ตรวจสอบหาต้นทางของบัญชีที่เงินจะถูกโอนไป แต่ไม่พบว่ามันอยู่ที่ไหน พร้อมระบุว่าโทรศัพท์ที่ใช้ขู่เป็นสายนอกรัฐ แต่ไม่ได้บอกว่ามาจากที่ใด และยังไม่มีจับกุมผู้ต้องสงสัย

    เมื่อเช้าวันอังคาร มีโทรศัพท์ลึกลับขู่วางระเบิดธนาคารซึ่งตั้งอยู่ในวอล-มาร์ต สาขาเวอร์จิเนียเช่นกัน โดยพนักงานธนาคารได้รับคำเตือนว่าอาจเกิดระเบิดขึ้นได้ทุกเมื่อ จนกว่าเงินจะถูกส่งเข้าบัญชีผ่านธนาคารเวสเทิร์นยูเนียน ทั้งนี้ ทางห้างไปอพยพคนงานก่อนเปิดกิจการได้หลังจากไม่พบวัตถุระเบิด

    ทั้งนี้ โทรศัพขู่วางระเบิดเกิดขึ้นอีกในไม่กี่นาทีให้หลัง โดยเป้าหมายเป็นธนาคารแห่งหนึ่งในห้างสาขา Pulaski ในเวอร์จิเนีย แต่ก็ไม่พบวัตถุระเบิดเช่นกัน และทั้งสองแห่งไม่มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยเช่นกัน
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    สหรัฐ แคนาดา และยูเอ็นประท้วงพม่ากรณีจับกุมผู้ประท้วงรัฐบาล
    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p> </o:p>
    สำนักข่าว <?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:smarttags" /><st1:place w:st="on">Irrawaddy</st1:place> รายงานเมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านว่า สหรัฐ แคนาดาและยูเอ็นโจมตีรัฐบาลพม่าอย่างหนัก หลังจับกุมแกนนำนักเคลื่อนไหวชาวพม่าที่ทำการประท้วงรัฐบาลเรื่องขึ้นราคาน้ำมัน ขณะที่ยูเอ็นแสดงความเป็นห่วงนักเคลื่อนไหวที่ถูกจับ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    นานาชาติให้ความสนใจกับเหตุการณ์ประท้วงในพม่าที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ รวมถึงกล่าวโจมตีรัฐบาลพม่าอย่างหนัก พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลพม่าปล่อยตัวนักเคลื่อนไหวอย่างเร่งด่วน ด้านนาย Gonzalo Gallegos โฆษกรัฐบาลประจำกรุงวอชิงตัน กล่าวว่า สหรัฐได้เรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยตัวนักเคลื่อนไหวอย่างเร่งด่วน พร้อมกล่าวว่า รัฐบาลพม่าไม่ควรใช้วิธีขู่ทำร้ายหรือการนิ่งเฉย ทำร้ายประชาชนที่พยายามรณรงค์ประชาธิปไตยและเรื่องสิทธิมนุษยชนในพม่า<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    นาย Gonzalo Gallegos กล่าวเพิ่มเติมว่า สหรัฐไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลพม่าทำการจับกุมแกนนำอย่างนายมินโกนาย นายโคโคจีและนักเคลื่อนไหวคนอื่นๆ ที่ทำการประท้วงให้สาธารณชนเป็นห่วงสถานการณ์ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นการประท้วงอย่างความสันติที่สุด ซึ่งรัฐบาลพม่าน่าจะใช้วิธีประนีประนอมในการแก้ปัญหาร่วมกับแกนนำนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยและกลุ่มชนกลุ่มน้อย รวมถึงจัดการปัญหาให้สามารถเห็นภาพได้ชัดเจนซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและสู่ระบอบประชาธิปไตย<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    นอกจากนี้เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า สหรัฐยังผลักดันปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชน ซึ่งสหรัฐจะสนับสนุนกลุ่มหรือบุคคลที่อยู่ในพม่าที่ต้องการเห็นเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนเกิดขึ้นในพม่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ของยูเอ็นให้สัมภาษณ์ว่า ยูเอ็นรู้สึกเป็นห่วงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งยูเอ็นกำลังเฝ้าจับตาเหตุการณ์ทั่วๆไป แต่ยูเอ็นจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ด้านรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของแคนาดานาย <TT>Maxime Bernier ได้กล่าวโจมตีการจับกุมแกนนำพร้อม</TT>กล่าวว่า การจับกุมนักเคลื่อนไหวยังไม่เป็นตัวอย่างเพียงพอต่อรัฐบาลพม่า <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เนื่องจากรัฐบาลยังไม่สนใจที่จะนำเสรีภาพและประชาธิปไตยไปใช้ในประเทศ โดยแคนาดาเรียกร้องให้รัฐบาลพม่าเคารพสิทธิประชาชนของตัวเอง พร้องทั้งเรียกร้องให้ปล่อยตัวนางอองซาน ซูจีและนักโทษทางการเมืองทั้งหมด รวมถึงทำข้องตกลงที่แท้จริงกับสมาชิกกลุ่มประชาธิปไตยฝ่ายค้าน เช่นเดียวกับ<TT>องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนประจำกรุงนิวยอร์ก ได้ออกมาเสนอข้อเรียกร้องเช่นเดียวกับสหรัฐและแคนาดา</TT><TT><o:p></o:p></TT>
    <TT><o:p> </o:p></TT>
    <TT>ด้านนาย </TT>Arvind Ganesan ผู้อำนวยการโครงการธรุกิจและสิทธิมนุษยชนของกลุ่มเฝ้าระวังสิทธิมนุษยชน หรือ<TT>t Human Rights Watch.ให้ความเห็นว่า รับบาลพม่ามีแผนจะจับกุมประชาชนตามอำเภอใจ พร้อมทั้งส่งกำลังเพิ่มบีบประชาชนที่ทำการประท้วง การขึ้นราคาน้ำมันเมื่อเร็วๆนี้ ทำให้ประชาชนทั่วไปได้รับความยากลำบากมากขึ้นเพราะไม่สามารถช่วยเหลือปากท้องตนเองได้ เนื่องจากราคาน้ำมัน ค่าบริการและสินค้าอุปโภคบริโภคแพงขึ้น ซึ่งเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่งที่รัฐบาลจับกุมประชาชนที่ทำการประท้วงอย่างสันติ <o:p></o:p></TT>
    <TT><o:p> </o:p></TT>
    <TT>ขณะที่พบว่าแนวทางของรัฐบาลพม่าในการแก้ปัญหาครั้งนี้ ไม่ได้สนใจใยดีต่อเสียงเรียกร้องของประชาชนแต่อย่างใด ทั้งยังเพิกเฉยต่อสิทธิเสรีภาพ ปิดกั้นการรับข้อมูลข่าวสารของประชาชนรวมถึงการห้ามชุมนุม ซึ่งเป็นสิทธิของประชาชนที่สามารถได้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในประเทศตัวเอง ขณะเดียวกัน กลุ่มนักเคลื่อนไหว</TT><TT> US Campaign for <st1:country-region w:st="on"><st1:place w:st="on">Burma</st1:place></st1:country-region> ในกรุงวอชิงตันได้เตรียมจัดการประท้วงหน้าสถานทูตพม่าเพื่อแสดงถึงความเป็นปึกแผ่นเช่นเดียวกับประชาชนที่ทำการประท้วงรัฐบาลในพม่า <o:p></o:p></TT>
    <TT><o:p> </o:p></TT>
    <TT>นายอ่องดิน ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายของ</TT><TT> US Campaign for <st1:country-region w:st="on"><st1:place w:st="on">Burma</st1:place></st1:country-region> กล่าวว่า เขารู้สึกเป็นห่วงสถานภาพของแกนนำนักเคลื่อนไหวที่ถูกจับ ซึ่ง</TT>นายมินโกนาย<TT>และผู้นำคนอื่นๆเคยถูกทางการทรมานด้วยวิธีต่างๆระหว่างที่รับโทษอยู่ในคุก ซึ่งเขาได้เรียกร้องไปยังรัฐบาลจีนและยูเอ็นให้ช่วยเหลือนักเคลื่อนไหวที่ถูกจับอย่างเร่งด่วน เพื่อสร้างความมั่นใจว่านักโทษทั้งหมดปลอดภัยและจะถูกปล่อยตัวในเร็วๆ นี้</TT>
     
  16. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    จับตาสถานการณ์ในพม่านะครับ หวั่นส่งผลกระทบถึงไทยได้
     
  17. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ทองคำโลหะมหัศจรรย์

    [​IMG]

    เวลาเรากล่าวถึงทองคำ เรามักจะนึกถึงเครื่องประดับในรูปต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแหวน สร้อยคอ กำไล ฯลฯ หรือทองคำแท่ง รวมทั้งเครื่องใช้อื่นๆ ที่เราจะสรรหาให้ทองคำเป็นไปตามปรารถนาของเรา เพราะทองคำเป็นโลหะที่สามารถหลอมให้เป็นรูปลักษณะต่างๆ ได้เป็นอย่างดี จะให้เป็นอะไรก็ได้

    แต่ในขณะเดียวกัน ทองคำก็เป็นวัตถุที่ไม่สามารถถูกทำให้เป็นโลหะอื่นได้นอกจากการเป็นทองคำ เราไม่สามารถแยกให้โลหะชนิดนี้เป็นอย่างอื่น ดังที่คนไทยชอบพูดว่า ทองแท้คือทองแท้นั้น จึงเป็นคำที่ไม่ไกลจากภาษิตที่พูดออกมา

    ด้วยเหตุฉะนี้ ทองคำจึงเป็นโลหะที่มนุษย์เราสรรหามาตลอด เพราะธรรมชาติของทองคำ มีความพิเศษในตัวของมัน มนุษย์เราจึงหาความพิเศษนี้มาเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นมนุษย์ไปเช่นกัน

    มนุษย์จึงยกย่องสรรเสริญทองคำว่า เป็นสิ่งพิเศษ และเป็นสินทรัพย์ที่พึ่งพาได้เสมอในยามวิกฤติ ในช่วงสงคราม การอพยพของผู้คนมักจะนำทองคำติดตัวไปด้วย เพราะเป็นการตอบแทนที่ดีที่สุดในช่วงที่เงินกระดาษ(ธนบัตร)หมดความหมายไป

    ที่มา http://bookstore.manager.co.th/BookView.asp?ID=5186

    คุณสมบัติของทองคำ

    มนุษย์รู้จักทองคำมาตั้งแต่ประมาณ 5,000 ปี เป็นความหมายแห่งความมั่งคั่ง มีสัญลักษณ์ทางเคมีคือ Au จุดหลอมเหลว 1064และจุดเดือด 2970 องศาเซลเซียส เป็นโลหะที่มีค่าที่มีความเหนียว (Ductility) และความสามารถในการขึ้นรูป (Malleability) คือจะยืดขยาย (Extend) เมื่อถูกตีหรือรีดในทุกทิศทาง โดยไม่เกิดการปริแตกได้สูงสุด

    กล่าวคือ ทองคำบริสุทธิ์หนัก 1 ออนซ์สามารถดึงเป็นเส้นลวดยาวได้ถึง 80 กิโลเมตร ถ้าตีเป็นแผ่นก็จะได้บางเกินกว่า 1 / 300,000 นิ้ว ส่วนความกว้างจะได้ถึง 9 ตารางเมตร และทองคำบริสุทธิ์จะไม่ทำปฏิกิริยาทางเคมี (Chemicalinactive)ได้ง่าย จึงทนต่อการผุกร่อนและไม่เกิดสนิมกับอากาศ (Oxidide) คุณสมบัติเหล่านี้ประกอบกับลักษณะภายนอกที่เป็นประกายจึงทำให้ทองคำเป็นที่หมายปองของมนุษย์มาเป็นเวลาพันๆ ปี โดยนำมาตีมูลค่าสำหรับการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศและใช้เป็นวัตถุดิบที่สำคัญสำหรับวงการเครื่องประดับ

    ทองคำกลับได้รับความนิยมอย่างสูงสุดในวงการเครื่องประดับทองคำ เพราะเป็นโลหะมีค่าชนิดเดียวที่มีคุณสมบัติพื้นฐาน 4 ประการซึ่งทำให้ทองคำโดดเด่น และเป็นที่ต้องการเหนือบรรดาโลหะมีค่าทุกชนิดในโลก คือ

    1.ความงดงามมันวาว (Lustre)

    สีสันที่สวยงามตามธรรมชาติผสานกับความมันวาวก่อให้เกิดความงามอันเป็นอมตะกับทองคำสามารถเปลี่ยนเฉดสีทองโดยการนำทองคำไปผสมกับโลหะมีค่าอื่นๆ ช่วยเพิ่มความงดงามให้แก่ทองคำได้อีกทางหนึ่ง

    2.ความหายาก (Rarity)

    กว่าจะได้ทองคำมาสักหนึ่งออนซ์(31.167gram) ต้องถลุงก้อนแร่ที่มีทองคำอยู่เป็นจำนวนหลายตันจึงทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงเป็นเหตุให้ทองคำมีราคาแพงตามต้นทุนในการผลิต

    3.ความคงทน (Durable)

    ทองคำไม่ขึ้นสนิม ไม่หมอง และไม่ผุกร่อน ดังตัวอย่างเช่นมหาสมบัติของฟาโรห์ ตุตังคาเมนซึ่งสิ้นพระชนม์เมื่อปี 1350 ก่อนคริสตกาล นับถึงปัจจุบันเวลาล่วงเลยมานานกว่า 3,000 ปี แต่ทรัพย์สมบัติที่เป็นเครื่องประดับทองคำจำนวนมหาศาลที่ฝังไว้ในพีระมิดยังคงเปล่งประกายเจิดจ้า สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ผู้ที่พบเห็นได้ไม่น้อยทีเดียว

    4. การนำไปใช้ประโยชน์ (Reuseable)

    ทองคำเหมาะสมที่สุดต่อการนำมาทำเป็นเครื่องประดับเพราะมีความเหนียวและอ่อนนิ่มสามารถนำมาทำขึ้นรูปได้ง่าย อีกทั้งยังสามารถนำกลับมาใช้ใหม่โดยการทำให้บริสุทธิ์ (Purified) ได้อีกนับครั้งไม่ถ้วน

    * ข้อมูลจากสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ *

    ***************************************************
    เรื่อง
     
  19. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    <table border="0" cellpadding="2" cellspacing="0"><tbody><tr><td valign="top">เวบไซต์อิสลามแนะวิธีเป็นสมาชิกอัล-ไกดา
    </td> </tr> <tr> <td valign="top">1 กันยายน พ.ศ. 2550 16:38:00

    </td> </tr> <tr> <td valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td valign="top"> วอชิงตัน-พบเวบไซต์มุสลิม โพสต์ข้อความแนะวิธีเป็นสมาชิกอัล-ไกดา เรียกร้องชาวมุสลิมทำสงครามศักดิ์สิทธิ์ ระดมสมอง วางแผนสังหารชาวอเมริกัน กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : สถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์ ของสหรัฐ รายงานว่า เวบไซต์อิสลามแห่งหนึ่ง ได้ลงประกาศเชิญชวน บอกรายละเอียดวิธีการเข้าเป็นสมาชิก กลุ่มอัล-ไกดา พร้อมเรียกร้องให้ชาวมุสลิมทำญิฮัด หรือสงครามศักดิ์สิทธิ์ โดยถือเป็นหน้าที่ ทั้งยังเรียกร้องให้เตรียมซื้อหาอาวุธ ระดมสมอง และร่วมกันวางแผนต่างๆ เพื่อสังหารชาวอเมริกัน
    ประกาศเชิญชวนในเวบไซต์ ระบุว่า "ใช้แค่ปืนและกระสุนก็สามารถสังหารเอกอัครราชทูตสหรัฐได้แล้ว ข้อมูลบอกด้วยว่า กลุ่มญิฮัดไม่ควรมีสมาชิกเกิน 5 คน โดยทุกคนต้องซื่อสัตย์ และปฏิบัติตามคำสั่งของออสมา บิน ลาเดน ผู้นำอัลไกดา นอกจากนี้ หลังจากได้รับเงินสนับสนุนแล้ว บรรดาสมาชิกต้องนำเงินนั้นไปซื้ออาวุธ วางแผน ระดมสมอง กำหนดแผนการ จับตาดูเป้าหมายสำคัญ ตลอดจนศึกษาความเคลื่อนไหวของศัตรู พร้อมทั้งกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน นอกจากนี้ สมาชิกทุกคนต้องปฏิบัติงานอย่างลับๆ ทำงานด้านข่าวกรอง รวบรวมข้อมูล ระดมเงินทุน แสวงหาสมาชิกใหม่เพิ่ม และช่วยเหลือในปฏิบัติการต่างๆ ด้านสถาบันวิจัยสื่อตะวันออกกลาง ซึ่งมีฐานอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดีซี ทำหน้าที่สอดส่องเวบไซต์ลักษณะนี้ประมาณ 90 แห่ง ได้แปลข้อความในประกาศนี้ พร้อมระบุว่า เวบไซต์นี้เริ่มเปิดตัวที่อียิปต์ และไม่มีการเคลื่อนไหวอยู่พักใหญ่ ก่อนจะมาปรากฏตัวอีกครั้งในชื่ออื่น และให้บริการผ่าน ไซต์ จีนี่ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในเมืองโรเชสเตอร์ รัฐมินเนโซตา





    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
     
  20. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“เอแบคโพลล์” เผยผลสำรวจภาพรวมของประเทศไทยย่ำแย่</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>2 กันยายน 2550 12:34 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> “เอแบคโพลล์” เผยสำรวจประชาชนในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑลอยู่อยู่ในสภาวะตกต่ำ ชี้ภาพรวมของประเทศย่ำแย่ ทั้งปัญหาสังคม ยาเสพติด อาชญากรรมยังน่าห่วง แนะรัฐบาลประกาศวาระแห่งชาติให้รัฐบาลชุดต่อไปแก้ปัญหาในระยะยาว

    ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเอแบค นวัตกรรมทางสังคม การจัดการและธุรกิจ มหาวิทยา ลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง “ประชาชนคิดอย่างไรกับนโยบายที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ : กรณีศึกษาประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล” จำนวนทั้งสิ้น 1,438 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 23 สิงหาคม - 1 กันยายน 2550 พบว่าประเด็นเกี่ยวกับพฤติกรรมการติดตามข่าวสารโดยเฉลี่ยต่อสัปดาห์ของกลุ่มตัวอย่าง พบว่า ร้อยละ 60.6 ระบุติดตามข่าวสารทุกวัน/เกือบทุกวัน ร้อยละ 15.1 ระบุ 3-4 วัน ร้อยละ 8.8 ระบุ 1-2 วัน ร้อยละ 12.3 ระบุติดตามเป็นบางสัปดาห์ และร้อยละ 3.2 ระบุไม่เคยติดตามเลย

    เมื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนต่อสภาพเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน โดยเทียบกับช่วง 1 ปีที่ผ่านมา พบว่า ร้อยละ 3.1 เท่านั้นระบุว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยดีกว่าเดิม และร้อยละ 6.4 ดีเหมือนเดิม ในขณะที่ร้อยละ 29.7 แย่เหมือนเดิม และตัวอย่างมากกว่าครึ่งคือร้อยละ 60.8 ระบุแย่ลงกว่าเดิม ส่วนสภาพความเป็นอยู่ภายในครอบครัวเทียบกับช่วง 1 ปีที่ผ่านมา พบว่าร้อยละ 4.2 สภาพความเป็นอยู่ในครอบครัวของตนเองดีกว่าเดิม และร้อยละ 32.5 ดีเหมือนเดิม ในขณะ 1 ใน 3 คือร้อยละ 30.8 ระบุแย่เหมือนเดิม และร้อยละ 32.4 ระบุแย่ลงกว่าเดิม

    สำหรับความเชื่อมั่นต่อโครงการต่างๆ ของรัฐบาลที่จะทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้นกว่าเดิม พบว่าโครงการของรัฐบาลที่ประชาชนเชื่อมั่น ได้แก่ โครงการวิจัยและพัฒนาตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ร้อยละ 66.83 โครงการ 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ ร้อยละ 66.22 โครงการรวมพลังไทย ขจัดภัยยาเสพติด ร่วมเทิดไท้องค์ราชัน ร้อยละ 63.60 โครงการ “ทำบัญชี มีพอใช้ ให้พ่อดู” ร้อยละ 62.77 และโครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ร้อยละ 62.44 ตามลำดับ

    อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับความมั่นใจต่อรัฐบาลชุดปัจจุบันในการแก้ปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชนนั้น พบว่า ร้อยละ 4.1 ระบุมั่นใจ ร้อยละ 19.4 ระบุค่อนข้างมั่นใจ ร้อยละ 48.6 ระบุไม่ค่อยมั่นใจ และร้อยละ 27.9 ระบุไม่มั่นใจ ส่วนชีวิตความเป็นอยู่ที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลแก้ไข นั้นพบว่า ร้อยละ 55.6 ต้องการให้แก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ อาทิ การลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภค/การลดค่าครองชีพ รองลงมาคือร้อยละ 25.7 แก้ไขปัญหาสังคม อาทิ ปัญหายาเสพติด/อาชญากรรมต่างๆ ร้อยละ 14.9 ระบุปัญหาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน อาทิ การจัดให้มีสาธารณูปโภคไฟฟ้า น้ำประปา โทรศัพท์ที่เข้าถึงประชาชนในพื้นที่ชนบทห่างไกล และการให้ข่าวสารแก่ประชาชนอย่างทั่วถึง ร้อยละ 14.7 ระบุปัญหาด้านการศึกษา การขาดแคลนทุนการศึกษาสำหรับเด็กยากจน และร้อยละ 13.7 ระบุปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพอนามัยและสุขภาพจิตของประชาชน ตามลำดับ

    ดร.นพดล กล่าวว่า ผลสำรวจครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า ประชาชนกำลังอยู่ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ทั้งโดยภาพรวมของประเทศและระดับครัวเรือน สิ่งที่น่าเป็นห่วงตามมาคือ ปัญหาสังคม ยาเสพติด อาชญากรรม ปัญหาคุณภาพเด็กและเยาวชน ที่มักจะเติบโตสวนทางกับสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำลง รัฐบาลจึงต้องประกาศวาระแห่งชาติและให้ฝ่ายการเมืองที่คาดว่าจะแข่งขันจัดตั้งรัฐบาลในอนาคตร่วมคิดร่วมแก้ปัญหาตั้งแต่ขณะนี้ เพื่อเป็นสายโซ่ต่อเชื่อมไปยังการแก้ปัญหาสังคมระยะยาวในอนาคต หลังการเลือกตั้งให้รัฐบาลชุดใหม่สามารถควบคุมไม่ให้ปัญหาสังคมเติบโตเกินที่จะแก้ไขได้
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...