ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

*** ไม่มีปฏิหาริย์ ****

ผืนดินใด...แน่นไปด้วย คนขาดสัจจะ
ไร้สัจจะ ทรยศสัจจะ
ทรยศต่อคำพูดตนเอง
ทรยศต่อสัญญาในใจตนเอง

ผืนดินนั้น....คือ ที่อันตราย มีพิบัติ วิบัติมาก
จะหวังพึ่ง ปฏิหาริย์ใด... ไม่มีทาง
ดินฟ้าอากาศ....จะลงโทษ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** บ้านเมืองวิบัติ ****

เพราะ ...เหล่าคนผู้เคยปฏิญาณ สาบานตน
ขาดสัจจะ
ไม่มีสัจจะ
ไม่ทำตามคำที่เคยกล่าวไว้

สิ่งที่เคยปฏิญาณ สาบานตน...คือ สัญญาใจ ตลอดชีวิต

ดินฟ้าอากาศ...เป็นสักขีพยาน
รู้เห็นการกระทำ ทั้งหมด

เบียนเบียนมาก เอารัดเอาเปรียบ ประชาชนมาก
โหดร้ายมาก ขาดเมตตา ขาดความปราณี

ดินฟ้าอากาศ...จะพิพากษา
ลงโทษคนทรยศ ....จมหายไป

คนไม่กลัวเกรง...ก็ทำต่อไป

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** ผู้ปรารถนาพ้นภัย ****

ไม่ยุ่งเกี่ยว...การสร้างความไม่สงบในบ้านเมือง
ให้ถือคติ...ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ....เป็นสัจจะ

รีบ...บอกต่อคนที่เรารัก คนที่เชื่อเรา

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** ไทย ****

คนไทยแท้...
รักสงบ
อยู่ในความสงบ
สามัคคี รักชาติ ด้วบความสงบ
รักชาติอยู่ในใจ กายสงบสุข

เคลื่อนไหวมาก ....
บ้านเมือง จะร้อนมาก
โลก จะร้อนลุกเป็นไฟเผาตัว

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** ขอให้เชื่อสัจจะ ****

ปาก ใจ การกระทำ...ไม่ตรงกัน
จะย้อนกลับ....
ทำร้ายตนเอง...

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

เครื่องตรวจจับแผ่นดินไหว
<O</O
<O</O
ผมได้นำกล่องดำมีเสียงนก ที่ตามร้านขายของนำมาตรวจสอบผู้คนที่เดินผ่านไปมา ซึ่งมีเสียงสัตว์ต่างๆ ซื้อจากคลองถมร่วมปีแล้ว ในราคา ไม่เกิน 100 บาท มาตัดตัวเซนเซอร์ออก
<O</O
<O</O
แล้วเอาเซนเซอร์ระบบตรวจสอบการสั่นสะเทือน ที่มีอยู่ ซื้อมา 20 กว่าปี ในสมัยนั้นใช้ใส่กันขโมยทุบกระจก มาเชื่อมต่อแทนเซนเซอร์ตัวที่ติดมากับกล่องดำ ด้วยสายเม้าท์ที่เสียแล้ว
<O</O
<O</O
จากนั้นก็เอากระดาษกาว 2 หน้า ปิดด้านหลังตัวเซนเซอร์ ถ้าไม่ต้องการย้ายที่ติดตัวเซนเซอร์ ก็นำไปติดที่กระจกหน้าต่างได้เลย
<O</O
<O</O
ถ้าต้องการนำไปติดที่ๆเราจะอยู่ชั่วครั้งชั่วคราว ก็ให้เอาแม่เหล็กติดด้านหลังกระดาษกาวอีกที ท่านก็สามารถย้ายไปมาได้สะดวก แล้วนำไปติดที่ประตูเหล็กหรือมุ้งลวดแทน แล้วเปิดสวิสท์ที่กล่องดำก็จะมีเสียงดัง 1 ครั้ง
<O</O
<O</O
คุณสมบัติ

ใช้ปลุกคนในเวลาค่ำคืน เมื่อเกิดแผ่นดินไหว<O</O<O</O
เมื่อเกิดแผ่นดินไหว ตัวเซนเซอร์ทำงาน เสียงสัตว์ก็จะดัง<O</O
ใช้งานได้ 24 ช.ม. ให้ระวังกระแสไฟในถ่านไฟฉายหมดเท่านั้นเอง<O</O
<O</O
ราคา
<O</O
<O</O
ตัวเซนเซอร์ระบบตรวจจับการสั่นสะเทือน เมื่อ 20 กว่าปี อยู่ที่ 150 บาท <O</O
กล่องดำเสียงสัตว์ ราคาไม่เกิน 100 บาท<O</O
สายไฟเมตรละไม่กี่บาท<O</O
ราคาทั้งสิ้นไม่น่าเกิน 500 บาท<O</O
ใช้ได้ผล 100 %<O</O

 

ปฐมวัย 1-25 ปี คิดเป็นกี่ % ในค่าของ Max.(ที่ 25 ปี ของชัมพูทวีป) --> ชีวิตใหม่ เรียนรู้ ศึกษาวิชาการ
มัชฌิมวัย 26-60 ปี คิดเป็นกี่ % ในค่าของ Max. (ที่ 60 ปี ของชัมพูทวีป) --> ทำงาน ยังชีพ เพื่อสังคม
ปัจฉิมวัย 61-80 ปี คิดเป็นกี่ % ในค่าของ Max. (ที่ 80 ปี ของชัมพูทวีป) -->ชราภาพ รอวันตาย

นะเอย นะเอย

ถ้ามีอายุขัยโดยเฉลี่ย 1,000 ปี จะอยู่ในไตรวัยนี้กี่ปี? (ทิศอุดรฯ)
ถ้ามีอายุขัยโดยเฉลี่ย 700 ปี จะอยู่ในไตรวัยนี้กี่ปี? (ทิศบูรพาฯ)
ถ้ามีอายุขัยโดยเฉลี่ย 500 ปี จะอยู่ในไตรวัยนี้กี่ปี? (ทิศทักษินฯ)
ถ้ามีอายุขัยโดยเฉลี่ย 80-10 ปี จะอยู่ในไตรวัยนี้กี่ปี? (ทิศปราจีนฯ)

เทียบบัญญัติไตรยางค์แล้ว ท่านจะอยู่ในไตรวัยกี่ปี?

ไปเทียบดูนะครับ แล้วจะรู้ว่าไปเกิดในจักรวาลภพไหน ที่สบายที่สุด

เกิดเร็ว แก่เร็ว เจ็บเร็ว ตายเร็ว

สร้างบารมีเร็ว แล้วก็จบเร็ว

ปล1. แล้วถ้าจะมีอายุขัย 80,000 ปี จะใช้ชีวิตในไตรวัยนี้อย่างไรรึ?
ปล2. ว่าแต่ว่า เขาสุเมรุ นี่เป็นเหมือนๆ กับ เมรุเผาศพหรือเปล่า?

ฮ่าๆๆๆ

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>

 

ขออนุญาตพูดคุยกันเรื่องธรรมมะบ้างเล็กน้อยนะครับ อาจจะไม่ตรงกับชื่อกระทู้นี้ซักเท่าไรนัก แต่ก็เห็นว่าคงจะถูกกับกาละ เทสะ บ้างพอสมควรครับ

<O</Oตามหลักคำสอนในทางพุทธศาสนาได้กล่าวไว้ว่า เจตนาเป็นตัวกรรม และกรรมจะแสดงออกมาได้อยู่สามทางด้วยกัน ก็ได้แก่ ทางมโนกรรม ทางวจีกรรม และทางกายกรรม ซึ่งกรรมในที่นี้มีความหมายรวมถึงทั้งกุศลกรรม และอกุศลกรรม

<O</Oกรรมย่อมสำเร็จแล้วตั้งแต่เรามีมโนกรรมที่พ่วงด้วยเจตนาเข้าไว้ด้วยแล้ว ถ้าพูดใหม่ให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ตั้งแต่ที่ใจเราคิดในสิ่งที่ดี หรือตั้งแต่ที่ใจเราคิดในสิ่งที่ไม่ดีไปแล้ว ยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆ ว่ากุศลกรรมในหมวดของมโนกรรมนั้น มีความสำคัญมากอย่างไร เช่น ในอริยมรรคซึ่งมีองค์ 8 (หนทางสู่ความดับทุกข์ทั้ง 8 ประการ) จะขึ้นต้นด้วย

 

วัยแห่งอายุมีอยู่ ๓ วัยคือ ปฐมวัย มัชฌิมวัย ปัจฉิมวัย

โลกของคนชมพูทวีปในขณะนี้ที่อยู่ในปฐมวัย เด็กๆหรือหนุ่มสาว(1-25 ปี) โลกของคนที่อยู่มัชฌิมวัย พ่อบ้านแม่เรือน กลางคนเข้าไปแล้ว(26-50 ปี) แล้วโลกของคนในปัจฉิมวัย วัยสุดท้าย คนเฒ่าคนแก่ชราหง่อมตายไป(51 ปีขึ้นไปจนหมดอายุขัย)

โลกของอีก 3 ทวีปก็แบ่งเป็น 3 วัยเช่นเดียวกัน (หาร 3 ตามอายุขัยของคนในแต่ละทวีป)

สำหรับคนในชมพูทวีปในช่วงที่มีอายุขัย 80,000 ปี ก็แบ่งเป็น 3 วัยเหมือนในปัจจุบันนี้เช่นเดียวกันเพียงแต่ว่า ร่างกายของคนในสมัยนั้นเป็นกึ่งทิพย์แบบพวกเทวดา จึงไม่ต้องเป็นเด็กนานเป็นหมื่นๆปี หรือแก่หง่อมเป็นหมื่นๆปี ตามบัญญัติไตรยางค์หรอกครับ เพราะสภาวะร่างกายที่เป็นทิพย์ของคนในสมัยนั้นจึงดูเป็นหนุม เป็นสาวอยู่ตลอดอายุขัยครับ

เขาพระสุเมร(เขาสิเนรุ)มีสภาพเป็นของทิพย์ครับ เหมือนร่างกายของพวกเทวดา มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเนื้อได้ ส่วนรูปร่าง ลักษณะ และที่ตั้งนั้นผมขอนำบทความจากหนังสือเราคือใคร เรียบเรียงโดยป้าหวิน (อุบาสิกาถวิล วัติรางกูล) มาให้อ่านกันดังนี้ครับ

เราจะก่อสร้างบ้านเรือน ที่อยู่อาศัย หรือสิ่งก่อสร้างใดๆ ก็ตาม จำต้องมีพื้นแผ่นดินเป็นสถานที่รองรับสิ่งก่อสร้างนั้นๆ ฉันใด ภูมิทั้ง ๓๑ จะตั้งหรือเกิดขึ้นได้ จำเป็นต้องมีสิ่งรองรับเช่นเดียวกัน สิ่งนั้นเรียกว่า จักรวาล จักรวาลมีจำนวนมากมายนับเท่าใด ไม่มีที่สิ้นสุด และไม่สามารถบอกได้ว่าจักรวาลเกิดครั้งแรกเมื่อใด และจะแตกดับ โดยไม่มีการเกิดขึ้นใหม่อีกเลยเมื่อใด แต่ความเป็นจริงที่ปรากฏอยู่ตลอดมา จักรวาลที่มีอยู่ สามารถแตกทำลายลงได้เมื่อถึงเวลาอันควร เมื่อพินาศไปแล้ว สามารถก่อตัวเป็นจักรวาลใหม่ขึ้นอีก เปลี่ยนแปลงเกิดดับอยู่ดังนี้ ไม่มีที่สิ้นสุด

แต่ละจักรวาลย่อมมีภูมิทั้ง ๓๑ ของตนเอง เฉพาะจักรวาลของเรามีลักษณะ ดังนี้

ภาพจักรวาลที่มีเขาพระสุเมร(เขาสิเนรุ)เป็นจุดศูนย์กลาง​

๑. พื้นล่างสุดของจักรวาล เป็นอากาศ มีความหนาประมาณมิได้ มืดสนิท

๒. ถัดขึ้นมาเป็นลม หนา ๙๖๐,๐๐๐ โยชน์(ประมาณ ๑๕,๓๖๐,๐๐๐ กิโลเมตร)

๓. ถัดจากพื้นลม เป็นพื้นน้ำแข็ง หนาครึ่งหนึ่งของพื้นลม คือ ๔๘๐,๐๐๐ โยชน์

๔. ถัดจากพื้นน้ำแข็งขึ้นมาเป็นพื้นดิน หนาครึ่งหนึ่งของพื้นน้ำแข็ง คือ ๒๔๐,๐๐๐ โยชน์ เป็นดิน ๒ ชนิด ชั้นบนเป็นดินธรรมดา (ปังสุปถวี) ครึ่งหนึ่ง
ชั้นล่างเป็นหิน (สิลาปถวี) ครึ่งหนึ่ง

๕. แกนกลางจักรวาล เป็นภูเขาสิเนรุ มีความสูง ๑๖๘,๐๐๐ โยชน์ ครึ่งหนึ่งอยู่ในพื้นมหาสมุทร อีกครึ่งหนึ่งสูงพ้นมหาสมุทรขึ้นไป พื้นที่โดยรอบ ๒๕๒,๐๐๐ โยชน์

๖. บนยอดเขาสิเนรุ เป็นพื้นดินเต็มไปด้วยรัตนะทั้ง ๗ มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๘๔,๐๐๐ โยชน์ ลักษณะกลม

๗. รัตนะที่เกิดติดอยู่ที่ไหล่เขาแต่ละทิศแตกต่างกัน ทิศตะวันออกเป็นเงิน ทิศใต้เป็นมรกต ทิศตะวันตกเป็นแก้วผลึก ทิศเหนือเป็นทองคำ จึงเป็นเหตุให้สีของน้ำในมหาสมุทร อากาศ ต้นไม้ใบไม้ที่อยู่ตรงกับทิศนั้นๆ เป็นสีเดียวกับสีของรัตนะประจำไหล่เขาสิเนรุไปด้วย

๘. ตอนกลางของภูเขาสิเนรุลงไป จนถึงพื้นน้ำในมหาสมุทร มีบันไดเวียน ๕ ชั้น แถบชานบันไดของแต่ละชั้น เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ต่างๆ ดังนี้

- ชั้นล่างสุดภายใต้พื้นน้ำ เป็นที่อยู่ของพญานาค
- ชั้นที่ ๒ เหนือน้ำขึ้นมา เป็นที่อยู่ของเหล่าครุฑ
- ชั้นที่ ๓ เป็นที่อยู่ของกุมภัณฑเทวดา
- ชั้นที่ ๔ เป็นที่อยู่ของยักขเทวดา
- ชั้นที่ ๕ เป็นที่อยู่ของท้าวจตุมหาราชิกา ๔ องค์ และเหล่าบริวาร

​

๙. พื้นล่างที่เป็นรากฐานของภูเขาสิเนรุ มีลักษณะเป็นภูเขา ๓ ลูก ตั้งรองรับภูเขาสิเนรุอยู่ทั้ง ๓ ด้าน ฐานของภูเขาสิเนรุตั้งอยู่ในระหว่าง ช่องว่างระหว่างกลางภูเขาทั้ง ๓ นั้น ใต้พื้นฐานของภูเขาสิเนรุ มีที่ว่างเป็นอุโมงค์ใหญ่ กว้างถึง ๑๐,๐๐๐ โยชน์ เป็นที่อยู่ของเหล่าอสูร

๑๐. รอบภูเขาสิเนรุ มีภูเขาล้อมรอบอยู่ ๗ ชั้น (สัตตบรรพ์) ชื่อ ยุคนธร อิสินธร(อีสธร) กรวิกะ สุทัสสนะ เนมินธร วินตกะ และ อัสสกัณณะ ตามลำดับ ชั้นแรกภูเขายุคนธรนั้น มีระยะห่างจากภูเขาสิเนรุ เท่าความสูงของภูเขายุคนธรเอง และความลึกของมหาสมุทรที่อยู่ระหว่าง ภูเขาสิเนรุและยุคนธรจำนวนเท่าๆ กันคือ ๘๔,๐๐๐ โยชน์ ส่วนภูเขาชั้นต่อๆ ไป ลดระยะครึ่งหนึ่งตามลำดับทั้ง ระยะห่าง ความสูงและความลึกของมหาสมุทร

๑๑. สุดเขตโลกธาตุเล็กๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสิ่งที่กล่าวมาแล้วนั้น ล้อมรอบไปด้วยภูเขาจักรวาล กั้นอาณาเขตเป็นที่สุด ภูเขานี้สูง ๑๖๔,๐๐๐ โยชน์ ครึ่งหนึ่งจมอยู่ในมหาสมุทร ความหนาของภูเขาหนา ๘๒,๐๐๐ โยชน์ ภายในเขตภูเขาจักรวาล ส่วนกว้างเท่ากับส่วนยาว คือ ๑,๒๐๓,๔๕๐ โยชน์ ด้านในโดยรอบยาว ๓,๖๑๐,๓๕๐ โยชน์

๑๒. ภูเขาจักรวาลอยู่ห่างจากภูเขาสิเนรุ ๔๗๗,๗๒๕ โยชน์ แต่อยู่ห่างจากภูเขาอัสสกัณณะ ๓๐๙,๖๙๓.๗๕ โยชน์

มหาสมุทรที่อยู่ระหว่างภูเขา ๗ ชั้น เป็นมหาสมุทรภายใน ชื่อ นทีสีทันดร
ส่วนมหาสมุทรภายนอกคือ ที่อยู่ระหว่างภูเขาอัสสกัณณะ และภูเขาจักรวาลชื่อพหิทนที ที่กล่าวแล้วนี้ คือลักษณะของจักรวาลโดยสังเขป เป็นที่ตั้งของภูมิทั้ง ๓๑

ที่ตั้งของมนุสสภูมิ หรือที่เรียกว่าโลกมนุษย์ ตรงกับไหล่ภูเขาสิเนรุตามทิศทั้ง ๔ ไกลออกไปในมหาสมุทรภายนอก ที่อยู่ระหว่างภูเขาชั้นที่ ๗ ที่ชื่ออัสสกัณณะกับภูเขาจักรวาล เป็นผืนแผ่นดินกว้างใหญ่มีน้ำล้อมรอบ ประจำอยู่ทิศละแห่ง แต่ละแห่งเรียกว่าทวีป รวม ๔ ทวีป หรือเรียกโดยง่ายว่า จักรวาลนี้มีโลกมนุษย์ ๔ โลก เฉพาะโลกที่เราอยู่ในปัจจุบัน อยู่ตรงกับไหล่เขาสิเนรุทางทิศใต้
ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาวนักขัตทั้งปวง โคจรไปมารอบภูเขาสิเนรุ อยู่ในระดับเสมอกันกับยอดเขายุคนธร ห่างจากมนุษย์โลก ๔๒,๐๐๐ โยชน์

+ ปุพพวิเทหทวีป อยู่ตรงกับไหล่เขาสิเนรุ ด้านทิศตะวันออก ซึ่งเป็นเงิน สัญฐานของทวีปเหมือนพระจันทร์ครึ่งซีก
+ อปรโคยานทวีป อยู่ตรงกับไหล่เขาสิเนรุ ด้านทิศตะวันตก ซึ่งเป็นแก้วผลึก สัณฐานของทวีปเหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ
+ ชมพูทวีป อยู่ตรงกับไหล่เขาสิเนรุ ด้านทิศใต้ ซึ่งเป็นมรกต มีสัณฐานของทวีปเหมือนรูปไข่
+ อุตตรกุรุทวีป อยู่ตรงกับไหล่เขาสิเนรุ ด้านทิศเหนือ ซึ่งเป็นทองคำ มีสัณฐานของทวีปเป็นรูปสี่เหลี่ยม

ในทวีปทั้ง ๔ จึงมีสีของต้นไม้ ใบไม้ น้ำในทะเล-มหาสมุทร ท้องฟ้า ฯลฯ ตามสีของรัตนะที่ไหล่เขาสิเนรุสะท้อนแสง แต่ละทวีปมีทวีปน้อย ๕๐๐ เป็นบริวาร คนที่อาศัยอยู่ในทวีปน้อย มีความเป็นไปต่างๆ ตามผู้คนที่อยู่ในทวีปใหญ่ รูปใบหน้าของมนุษย์มีลักษณะตามสัณฐานของทวีป สำหรับคนที่อยู่ในชมพูทวีป คือโลกมนุษย์ของเรานี้ มีลักษณะพิเศษต่างออกไปจากอีก ๓ โลก ดังนี้คือ

๑. มีจิตใจกล้าแข็ง ทั้งในด้านประกอบกรรมดีและกรรมชั่ว ทางฝ่ายดีนั้นสามารถปฏิบัติตนให้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า อัครสาวก มหาสาวก ปกติสาวก พระเจ้าจักรพรรดิ ฌานลาภี อภิญญาลาภี ได้ ฝ่ายชั่วก็สามารถกระทำได้ถึง ฆ่ามารดา บิดา พระอรหันต์ ทำโลหิตุปบาท และสังฆเภท คนในอีก ๓ ทวีป ไม่สามารถกระทำกล้าแข็งได้ถึงเพียงนี้

๒. มีความเข้าใจในสิ่งที่เป็นเหตุ ทั้งที่สมควรและไม่สมควร รู้จักพิจารณาหาเหตุที่ทำให้เกิดสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะเป็นอย่างๆ ได้ทั้งฝ่ายที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม มีความรู้ความเข้าใจได้ตามสมควร อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มีสิ่งใดบังคับ

๓. มีความเข้าใจในสิ่งที่มีประโยชน์ และมิใช่ประโยชน์ รู้จักทั้งโลกียประโยชน์และโลกุตตรประโยชน์ โลกียประโยชน์ ได้แก่ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข หรือมนุษย์สมบัติ เทวสมบัติ พรหมสมบัติ โลกุตตรประโยชน์ ได้แก่ กุศล ความรู้ในธรรมะ หรือเป็นพระอริยะ และสัปบุรุษ ตั้งแต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าลงมา
ส่วนความเข้าใจจะลึกซึ้งมากน้อยระดับใด แล้วแต่ศรัทธา วิริยะ ปัญญา บารมี และการคบหาสมาคม

๔. มีความเข้าใจในสิ่งที่เป็นกุศลและอกุศล ทั้งโลกียกุศลและโลกุตตรกุศล

โลกียกุศล ได้แก่การบริจาคทาน รักษาศีล เจริญภาวนา โลกุตตรกุศล ได้แก่อริยมรรคทั้ง ๔ ที่เกิดขึ้น (คือโสดาปัตติมรรค สกิทาคามิมรรค อนาคามิมรรค และอรหัตตมรรค) และสามารถประหาร กิเลสได้เด็ดขาด

ฝ่ายอกุศล ได้แก่ โลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น
โลภะ มีความต้องการในกามคุณทั้ง ๕ คือปรารถนาในรูป เสียง กลิ่น รส การถูกต้องสัมผัสในสิ่งที่ดีๆ และคิดถึงอารมณ์คือเรื่องราวต่างๆ
โทสะ ได้แก่ ความโกรธ เสียใจ ไม่พอใจ น้อยใจ กลุ้มใจ และพยาบาท
โมหะ ได้แก่ ความหลง ไม่รู้ตามความเป็นจริง เช่นไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใสในพระรัตนตรัย ด้วยมีวิจิกิจฉา(ลังเลสงสัย) จิตใจไม่สงบ มีความฟุ้งซ่านไปในอารมณ์ต่างๆ

ความเข้าใจทั้งฝ่ายที่เป็นกุศลและอกุศล ดังกล่าวนี้ ย่อมมีแตกต่างกันออกไป
คุณสมบัติ ๓ ประการ ที่คนในชมพูทวีป ประเสริฐกว่าคนในทวีปอื่น และเทวดาชั้นตาวติงสา คือ

๑. สูรภาวะ มีจิตใจกล้าแข็งในการกระทำความดี เช่นบำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญภาวนา
๒. สติมันตะ มีสติตั้งมั่น ในคุณของพระรัตนตรัย
๓. พรหมจริยวาส สามารถประพฤติพรหมจรรย์ คือบวชได้

มนุษย์ในทวีปทั้ง ๔ เมื่อพูดโดยส่วนรวม มีรูปร่าง สัณฐาน หน้าตา อยู่ในลักษณะเดียวกัน ต่างกันตรงขนาด ความได้ส่วนสัด และความประณีตสวยงาม เช่นมนุษย์ในชมพูทวีป มีใบหน้ารูปไข่ อปรโคยานทวีป ใบหน้ากลมเหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ ปุพพวิเทหทวีป มีรูปหน้าเหมือนมะนาวตัด หรือพระจันทร์ครึ่งซีก ครึ่งวงกลม ส่วนอุตตรกุรุทวีป ใบหน้าเป็นรูปสี่เหลี่ยม (รูปหน้ามนุษย์ของทวีปใด มีลักษณะเหมือนสัณฐานของทวีปนั้น) ทวีปอื่นในอีก ๓ ทวีปนั้น นอกจากใบหน้าแล้ว ผู้คนแต่ละทวีปมีความสวยงามไม่แตกต่างกัน เนื่องจากมีคุณธรรมในจิตใจเสมอเหมือนกัน โดยทั่วไป เฉพาะในชมพูทวีปเท่านั้น ที่ผู้คนสวยงามและขี้เหร่ แตกต่างกันมากมาย ตามแต่กุศลและอกุศลที่เจ้าตัวกระทำ จะให้ผล


ที่มา http://w3.dmc.tv/forum/index.php?showtopic=3923

 

ผมไม่ทราบครับว่า จริงๆแล้วจักรวาลที่อยู่รอบๆเรานั้น รูปธรรมนั้นมีอายุนับเป็นตัวเลขได้เท่าไร และอยู่ในวัยไหนบ้างคิดเป็นตัวเลขกี่เปอร์เซนต์
แต่คิดว่า เวลานั้นจริงๆแล้วไม่มีจริง เกิดจากความคิดครับ คิดง่ายๆว่า หากเวลารู้สึกว่ามีความสุขนั้นเราจะมีความคิดว่าเวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน ในขณะที่ทุกข์อยู่นั้นกลับคิดว่าเวลาทำไมนานมาก
ดังนั้นในทรรศนะของผมนั้นคิดว่า เวลาที่แตกต่างกันนั้นเป็นเรื่องความเหลื่อมล้ำของมิติเวลา แล้วมาเทียบกับเวลาของโลกเราครับ เหมือนช่วงคลื่นที่มีความถี่ ความยาวของคลื่นไม่เท่ากัน เมื่อเทียบกับเวลาที่เท่ากันแล้ว คลื่นที่มีความถี่สูงจะวนรอบได้เร็วกว่าคลื่นความถี่ที่ต่ำกว่า ดังนั้นช่วงเวลาที่ผ่านไปของภพภูมิที่มีความถี่สูงกว่าเวลาในโลกเรา ผ่านไป 1 วัน อาจจะเท่ากับเวลาที่เราผ่านไปหลายสิบ หลายร้อยปีก็ได้ครับ
ดังนั้นหากเทียบกันแล้ว จักรวาลที่มีความถี่สูงกว่า น่าจะมีสุขภาวะที่สูงกว่าจักรวาลของโลกเราครับ เช่นเดียวกันว่า หากเราอยู่ในโลกนี้ เราสามารถเข้าใจทุกข์ วางทุกข์ หยุดการเกิดดับของทุกข์ได้ แม้ในช่วงเวลาสั้นๆ หากเทียบกับจักรวาลที่มีความถี่สูงกว่าแล้ว ก็เป็นการพัฒนาการทางจิตอย่างก้าวกระโดดได้เช่นเดียวกันครับ

 

พายุพัดถล่มเพชรบุรี บ้านเรือนเสียหายกว่า 60 หลัง

​

เพชรบุรี 5 มิ.ย. - เกิดพายุพัดถล่ม จ.เพชรบุรี บ้านเรือนเสียหายจำนวนมาก บ้านเรือนชาวบ้าน 6 หมู่บ้าน ในพื้นที่ ต.บางตะบูน อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ถูกพายุฝนพัดกระหน่ำอย่างหนัก ทำให้บ้านเสียหายกว่า 60 หลังคาเรือน นอกจากนี้ ยังมีรถยนต์ถูกเศษไม้ตกใส่จนกระจกแตก แต่โชคดีไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

ชาวบ้านบอกว่า ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน บางคนต้องหลบอยู่ใต้โต๊ะ เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับอันตรายจากเศษกระจกและกิ่งไม้

ขณะที่นายไกร บุญบันดาล นายอำเภอบ้านแหลม สั่งระดมช่างเข้าช่วยซ่อมแซมบ้านเรือน รวมทั้งดูแลเรื่องอาหารการกินอย่างเร่งด่วน. - สำนักข่าวไทย

2008-06-05 04:10:54

เตือนภาคเหนือ-อีสาน ระวังอันตรายจากฝนตกหนักระยะนี้

​

ภูมิภาค 5 มิ.ย. - เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ทั้งมีคำเตือนให้ภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักในระยะนี้

ฝนที่ตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยเฉพาะในเขตตัวเมืองนานหลายชั่วโมง ทำให้เกิดน้ำท่วมขังสูง จากท่อระบายน้ำไม่ทัน ขณะที่จังหวัดได้สั่งพื้นที่เสี่ยง เฝ้าระวังการเกิดน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม

เช่นเดียวกับที่จังหวัดอุทัยธานี ฝนที่ตกติดต่อกันในระยะนี้ ทำให้นาข้าวในเขตอำเภอสว่างอารมณ์ และทัพทัน ถูกน้ำท่วม ชาวนาต่างเร่งใช้เครื่องสูบน้ำ สูบน้ำออกจากนา เพราะเกรงว่าข้าวที่เพิ่งเริ่มเพาะปลูกจะเสียหาย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา นาข้าวถูกน้ำท่วมเสียหายมาแล้ว 2 ครั้ง

ขณะที่ยังมีคำเตือนให้ภาคเหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือ ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ขณะที่กรุงเทพมหานครมีฝนฟ้าคะนอง และฝนตกหนักร้อยละ 60 ของพื้นที่.- สำนักข่าวไทย

2008-06-05 10:02:46

หาดใหญ่โพลพบประชาชนตระหนักถึงปัญหาโลกร้อน

​

สงขลา 4 มิ.ย.- สำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ หรือหาดใหญ่โพล ออกสำรวจความคิดเห็นของประชาชนใน 14 จังหวัดภาคใต้ เกี่ยวกับพฤติกรรมของประชาชนกับปัญหาโลกร้อน โดยเก็บข้อมูลจากประชากรตัวอย่างจำนวน 1,495 คน สรุปผลการสำรวจพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 82.5 ตระหนักกับภาวะโลกร้อนในระดับมากถึงมากสุด ส่วนร้อยละ 29 มีความตระหนักน้อยถึงน้อยที่สุด

นอกจากนี้ ประชาชนร้อยละ 84 ยังปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดภาวะโลกร้อน ด้วยการปลูกต้นไม้อย่างน้อย 1 ต้น คัดแยกขยะก่อนทิ้ง และ ลดปริมาณใช้โฟม ส่วนมาตรการที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลช่วยลดปัญหาโลกร้อนมากที่สุด คือ สนับสนุนการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ถึงร้อยละ 64 การเพิ่มภาษีโรงงานอุตสาหกรรมทำลายสิ่งแวดล้อม และเก็บภาษีคาร์บอนในอัตราที่เพิ่มขึ้น. -สำนักข่าวไทย

2008-06-04 16:17:41

ลำพูนประกาศเตือน 326 หมู่บ้าน ระวังน้ำป่า-ดินถล่ม

​

326 หมู่บ้าน ให้ระวังน้ำป่าไหลหลาก ดินถล่ม และน้ำท่วมหนักหลังเกิดฝนตกหนักติดต่อกัน ทางผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน สั่งการให้เตรียมความพร้อม ทั้งเครื่องมือ เครื่องจักรกล อุปกรณ์สื่อสาร หากเกิดอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม

โดยได้ออกประกาศเตือนให้ชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยงภัย 326 หมู่บ้าน เฝ้าระวัง ติดตามการพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด สำหรับหมู่บ้านที่ยังไม่มีเครื่องเตือนภัย ให้ใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านสร้างเครื่องมือขึ้นมา เช่น ใช้ไม้เนื้อแข็งปักริมตลิ่ง ใช้กระบอกไม้ไผ่วัดปริมาณน้ำฝน ตีเกราะแจ้งเตือนแทนไซเรน.-สำนักข่าวไทย

2008-06-04 15:07:13

ช่วยวาฬหัวทุยแคระบาดเจ็บเกยหาดป่าตองไม่สำเร็จ

​

ภูเก็ต 4 มิ.ย.- เจ้าหน้าที่สถาบันวิจัยฯ ภูเก็ต เร่งช่วยชีวิต "วาฬหัวทุยแคระ

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ถอนเรือรบ! สหรัฐฯ หมดปัญญากล่อมพม่า</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE>
โดยผู้จัดการออนไลน์ 4 มิถุนายน 2551 20:36 น.
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=700 border=0><TBODY><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER></CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>ถอยแล้ว-- กองทัพเรือสหรัฐฯ แจกจ่ายภาพนี้วันที่ 1 มิ.ย.2551 เฮลิคอปเตอร์แบบ MH-60S "ซีไน้ท์" กำลังจะลงสู่ลานจอดบนเรือจู่โจมลำเลียงพลขึ้นบกเอ็สเส็ก (Essex) ขณะที่เรือพิฆาตมัสติน (Mustin) ลอยลำอยู่ใกล้ๆ สหรัฐฯ จะถอนเรือรบพร้อมเรือในขบวนออกจากทะเลอันดามันใกล้น่านน้ำพม่าในวันพฤหัสบดี (5 มิ.ย.) นี้ หลังจากรัฐบาลทหารไม่ยอมรับการช่วยเหลือที่ไปกับกองเรือ (ภาพ: AFP).</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>
กรุงเทพฯ-- เรือรบสหรัฐฯ ทั้ง 4 ลำที่บรรทุกสิ่งของบรรเทาภัยพิบัติต่างๆ และจอดลอยลำอยู่ในทะเลหลวงไม่ไกลจากเขตน่านน้ำของพม่า จะกลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามเดิมหลังจากที่คณะรัฐบาลทหารพม่าปฏิเสธไม่ให้กองเรือรบดังกล่าวเข้าประเทศ เพื่อนำความช่วยเหลือไปให้แก่ผู้ประสบภัยในเขตปากแม่น้ำอิรวดี

ทางการสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันพุธ (4 มิ.ย.) เรือรบเอ็สเส็ก (Essex) และเรือรบอื่นๆ อีก 3 ลำ อันได้แก่เรือจู่โจมยกพลขึ้นบกฮาร์เปอร์ส เฟอร์รี (Harpers Ferry) เรือพิฆาตมัสติน (Mustin) และเรือฟรีเกทส์จูโน (Juneau) ได้จอดอยู่นอกอาณาเขตน่านน้ำของพม่าตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค. โดยไม่ได้ปฏิบัติภารกิจใดๆ ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุพายุพัดถล่มในพม่า

"เราได้พยายามโน้มน้าวคณะรัฐบาลทหารของพม่าถึง 15 ครั้งด้วยกันในช่วงเวลา 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ให้ยอมรับความช่วยเหลือซึ่งรวมถึงเรือ เฮลิคอปเตอร์ เรือยกพลขึ้นบก เพื่อช่วยในการลำเลียงสิ่งของบรรเทาทุกข์ต่างๆ ไปให้แก่ผู้ประสบภัยในพม่า" พลเรือเอก ทิโมธี คีติง (Timothy Keating) ผู้บัญชาการกองกำลังภาคพื้นแปซิฟิกของสหรัฐฯ กล่าวในคำแถลงที่ออกโดยสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงย่างกุ้ง

"แต่พวกเขาก็ปฏิเสธทุกครั้งไป มันถึงเวลาที่กองเรือรบเอ็สเส็กจะต้องไปปฏิบัติภารกิจต่อไป"

พลเรือเอกคีติง กล่าวต่อว่า เครื่องบินจำนวนหลายลำที่มีความสามารถในการลำเลียงสิ่งของขนาดหนักจะจอดรอในประเทศไทย ในกรณีที่องค์กรความช่วยเหลือต่างๆ อาจจะต้องการความช่วยเหลือดังกล่าว

กองเรือรบสหรัฐฯ ได้บรรทุกสิ่งของที่จำเป็นซึ่งรวมถึง กระป๋องบรรจุน้ำ 15,000 ใบ ชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น รวมทั้งเฮลิคอปเตอร์จำนวน 14 ลำ และนาวิกโยธินอีก 1,000 นาย

เรือรบทั้ง 4 ลำนี้จะเดินทางกลับในวันพฤหัสบดีนี้ (5 มิ.ย.) แต่พลเรือเอกคีติงกล่าวว่า พวกเขาอาจจะกลับมาอีกหากรัฐบาลทหารพม่าเปลี่ยนใจ

"ผมรู้สึกเสียใจและผิดหวังที่รู้ว่าเราอยู่ในสถานะที่จะสามารถเข้าไปช่วยบรรเทาทุกข์ของผู้ประสบเคราะห์กว่า 100,000 คนได้ แต่ก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เนื่องจากไม่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลทหารพม่า" พลเรือเอกคีติง กล่าว
</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=438 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=438></TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>อีกมุมหนึ่งของเรือเอ็สเส็ก เรือมัสติน กับเรือลำเลียงเชื้อเพลิงวอลเตอร์ เอส ดีลห์ (Walter S Diehl) ขณะแล่นอยู่ในน่านน้ำสากลทะเลอันดามัน ทั้งหมดได้รับคำสั่งให้ถอนออกไปวันพฤหัสบดีนี้ แต่พร้อมจะกลับเข้าไปอีกครั้งหากรัฐบาลทหารพม่าเปลี่ยนใจยอมรับการช่วยเหลือ (ภาพ: AFP). </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>ก่อนหน้านี้รัฐบาลพม่าได้เข้มงวดในการอนุญาตให้ความช่วยเหลือจากภายนอกเข้าประเทศ หลังจากเกิดเหตุพายุพัดถล่มจนทำให้มีผู้เสียชีวิตหรือสูญหายกว่า 133,000 ราย และประชาชนอีกกว่า 2.4 ล้านคนกำลังต้องการอาหาร ที่พักและยารักษาโรคอย่างเร่งด่วน

หลังจากที่ได้มีการหารือระหว่างเลขาธิการองค์การสหประชาชาติและผู้นำทหารพม่าเมื่อวันที่ 23 พ.ค. รัฐบาลทหารได้ตกลงให้ทีมช่วยเหลือเดินทางเข้าไปยังบริเวณที่ราบปากแม่น้ำได้ ซึ่งที่นั่นเป็นเขตภัยพิบัติที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด แต่กระบวนการดังกล่าวก็เป็นไปอย่างล่าช้าเนื่องจากขาดยานพาหนะในการลำเลียงรวมทั้งอุปกรณ์ที่จำเป็นต่างๆ

สัปดาห์ที่แล้ว เรือรบมิสตรัล (Mistral) ของฝรั่งเศสก็ได้ถ่ายสิ่งของที่นำมาช่วยเหลือเหยื่อพายุให้กับหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติที่ จ.ภูเก็ตหลังจากที่ถูกปฏิเสธจากรัฐบาลทหารพม่าไม่ให้เข้าประเทศเช่นเดียวกัน

ในเวลาไล่เลี่ยกันเมื่อเดือนที่แล้วอังกฤษได้ส่งเรือรบเว็สต์มินสเตอร์ (HM Westminster) เข้าสู่เขตน่านน้ำใกล้พม่าพร้อมสิ่งของช่วยเหลือ แต่ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ อีกในขณะนี้.

</TD></TR></TBODY></TABLE>
ที่มา http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9510000065550

 

ขณะนี้ 10.57 น. เกิดสายรุ้งรอบๆดวงอาทิตย์(พระอาทิตย์ทรงกลด)ที่ ท่าเสด็จ จ.หนองคาย เป็นสายรุ้งปกติหรือเปล่าครับ? (เมื่อคืนหนองคายฝนตกหนักตอนดึก) แต่ดูสวยมากเลยครับ

สายรุ้งอยู่ห่างดวงอาทิตย์ไม่มากเท่าไหร่ ล้อมดวงอาทิตย์เป็นวงประมาณ 70% ของวงกลมเต็มวง

 

*** ทางช้างเผือก แหล่งน้ำในจักรวาล ****

น้ำ...ลำเลียงจากทางช้างเผือก
น้ำ....ลงบนโลกมากขึ้น
ไซบีเรีย...ที่รองรับน้ำ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ภาพพระอาทิตย์ทรงกลดเมื่อเวลา 11.00 นขนาดใหญ่มากน่าจะมองเห็นหลายจังหวัด ผมถ่ายภาพที่อุดรธานีครับ