ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    สธ.เผยสถานการณ์ขาดแคลนพยาบาลใกล้วิกฤติ ลาออกปีละกว่า 3,000 คน

    [​IMG]

    กรุงเทพฯ 19 ม.ค.- สธ.เผยสถานการณ์ขาดแคลนพยาบาลใกล้วิกฤติ ลาออกปีละกว่า 3,000 คน ส่วนพยาบาลจบใหม่ร้อยละ 50 ไปทำภาคเอกชน ที่เหลือต้องรับภาระงานหนัก เครียด อ่อนล้า เริ่มทยอยลาออก หวั่นกระทบคุณภาพบริการ เร่งเจรจา ก.พ.บรรจุพยาบาลเป็นข้าราชการอีก 12,500 คน

    นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับมาตรการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนพยาบาลว่า การขาดแคลนพยาบาลของประเทศไทย เป็นปัญหาเรื้อรัง มีแนวโน้มจะรุนแรงมากขึ้น ล่าสุดปี 2551 สภาพยาบาลรายงานว่า มีพยาบาลลาออกจากระบบราชการ รวมทั้งเปลี่ยนสายงาน เฉลี่ยร้อยละ 3 ต่อปี หรือประมาณ 3,000 คน

    สาเหตุเนื่องจากค่าตอบแทนต่ำ แต่รับภาระงานหนัก รวมถึงการขาดสวัสดิการและแรงจูงใจให้ปฏิบัติงาน ที่สำคัญยังพบว่าพยาบาลที่จบใหม่จากวิทยาลัยพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข ปีละประมาณ 2,500 คน โดยครึ่งหนึ่ง หรือประมาณ 1,200 คน ไม่ทำงานในโรงพยาบาลรัฐ เนื่องจากเป็นเพียงลูกจ้างไม่ได้เป็นข้าราชการ จึงไม่ได้รับสิทธิสวัสดิการต่าง ๆ เช่น สิทธิค่ารักษาพยาบาลพ่อแม่ สรุปแล้วขณะนี้จำนวนพยาบาลจบใหม่ที่จะทดแทนพยาบาลที่ลาออกไป อยู่ในสถานะติดลบปีละกว่า 2,000 คน

    ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ ในปี 2550 มีพยาบาลวิชาชีพในระบบ 105,398 คน ในขณะที่มีผู้ใช้บริการเป็นผู้ป่วยนอกเกือบ 40 ล้านคน มีผู้ป่วยที่มีอาการหนักต้องนอนโรงพยาบาล 9 ล้านกว่าคน เมื่อคำนวณความต้องการพยาบาลวิชาชีพ เพื่อรองรับบริการสุขภาพที่เพิ่มขึ้น จะต้องมีพยาบาลทั้งหมด 130,000 คน ยังขาดอีกประมาณ 24,000 คน จึงจะได้สัดส่วนพยาบาลต่อประชากรที่เหมาะสมตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก คือ 1 ต่อ 500

    ที่น่าเป็นห่วง พยาบาลที่เหลืออยู่ในระบบขณะนี้ ร้อยละ 80 อยู่ในวัยกลางคนอายุ 30 ปีขึ้นไป บางแห่งพยาบาลอายุ 50 ปี ต้องอยู่เวรยามวิกาลและวันหยุดราชการ พยาบาลวิชาชีพ 1 คน รับภาระดูแลผู้ป่วยทั้งตึก 30-40 คน ทำให้เครียดอ่อนล้า เริ่มทยอยลาออก หากไม่มีการแก้ไข จะมีผลกระทบต่อคุณภาพบริการในอนาคตแน่นอน

    นายมานิต กล่าวต่อว่า การแก้ไขปัญหาขาดพยาบาล ต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยผลิตหน่วยบรรจุข้าราชการ และหน่วยงบประมาณเงินเดือน ค่าตอบแทนต่าง ๆ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เนื่องจากกำลังคนด้านพยาบาลไม่สามารถใช้บุคลากรอื่นทดแทนได้ เบื้องต้นได้วางแนวนโยบายการแก้ไขไว้ 4 ข้อ ได้แก่

    1. ขอสำนัก ก.พ.บรรจุพยาบาลจำนวน 12,500 คน ที่เป็นลูกจ้างปัจจุบัน 10,000 คน และที่กำลังจะจบในเดือน มี.ค. 2552 อีก 2,500 คน รวมทั้งเปลี่ยนสายงานข้าราชการที่มีวุฒิการศึกษาพยาบาล อีก 3,000 คน
    2. ปรับเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนให้สูงขึ้นและขยายโอกาสความก้าวหน้า
    3. สนับสนุนการเรียนต่อระดับปริญญาโท-เอก การศึกษาดูงานเพื่อเพิ่มศักยภาพให้สูงขึ้น
    4. การผลิตผู้ช่วยพยาบาลหลักสูตร 1 ปี เพิ่มปีละประมาณ 1,000 คน เริ่มผลิตตั้งแต่ปี 2551

    - สำนักข่าวไทย 2009-01-19 12:23:35

    เตือนประชาชนดูแลฟืนไฟหลังไหว้เจ้าตรุษจีน

    [​IMG]

    กรุงเทพฯ 19 ม.ค.- น.ส.อมรรัตน์ กฤตยานวัช ผู้อำนวยการเขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร (กทม.) แจ้งเตือนประชาชนลดความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยในช่วงเทศกาลตรุษจีน

    เนื่องจากในช่วงเทศกาลดังกล่าวประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีนมักจุดธูป เทียน และประทัดเซ่นไหว้เทพเจ้าที่เคารพนับถือ จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย ประกอบกับในปัจจุบันอากาศค่อนข้างแห้งแล้งและมีลมแรง หากเกิดเพลิงไหม้จะทำให้ควบคุมเพลิงได้ค่อนข้างลำบากและอาจลุกลามสร้างความเสียหายรุนแรง จึงขอให้ผู้ที่จะประกอบพิธีเซ่นไหว้ให้ความระมัดระวังดับธูป เทียนให้เรียบร้อยหลังจากเสร็จสิ้นพิธี โดยเฉพาะผู้ที่จำเป็นต้องเดินทางออกไปนอกบ้านภายหลังการพิธีเซ่นไหว้

    นอกจากนี้ หากมีการเผากระดาษเงินกระดาษทอง ขอให้ควบคุมดูแลการเผาฯ อย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม เขตฯ ขอความร่วมมือประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาหากเกิดเพลิงไหม้จะได้เร่งแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยด่วน โดยแจ้งได้ที่สำนักงานเขตหลักสี่ โทร 0 2576 1380,0 2 9822081-2 ต่อ 7446 หรือ แจ้ง สน.ทุ่งสองห้อง โทร. 0 2 576 1931-8 หรือโทร. 199 ตลอด 24 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย

    2009-01-19 11:53:10

    อย.เตือนอย่าหลงเชื่อโฆษณาคุกกี้กวาวเครือเพิ่มหน้าอก

    [​IMG]

    อย. 19 ม.ค. - นพ.นรังสันต์ พีรกิจ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากการตรวจพบการโฆษณาจำหน่ายคุกกี้ผสมกวาวเครืออย่างแพร่หลายผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยอ้างสรรพคุณเพิ่มขนาดหน้าอกให้อวบอิ่มขึ้นนั้น

    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบข้อมูลจากเว็บไซต์พบว่ามีการจำหน่ายคุกกี้ผสมสารสกัดจากกวาวเครือ ชื่อผลิตภัณฑ์ F Cup Cookie โดยผลิตภัณฑ์ F Cup Cookie ที่ระบุว่ามีส่วนประกอบของ Pueraria Mirifica powder ซึ่งเป็นชื่อของกวาวเครือขาว จะมีสารออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเพศหญิงที่ค่อนข้างแรง หากรับประทานจะรบกวนระบบฮอร์โมนเพศได้ และผลข้างเคียงอาจทำให้เกิดการเจ็บเต้านม มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด ปวดหรือเวียนศีรษะ คลื่นไส้

    นอกจากนี้ ยังมีการเสนอขายอาหารอีกหลายรายการ ซึ่งระบุว่ามีส่วนผสมสารจากกวาวเครือเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวยังไม่มีการขออนุญาตนำเข้ากับ อย. เพื่อนำมาจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคแต่อย่างใด ซึ่งในกรณีของผู้นำสินค้าเข้ามาจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากจำหน่ายอาหารแสดงฉลากไม่ถูกต้อง มีโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท. -สำนักข่าวไทย

    2009-01-19 10:31:52

    ภาคอีสานเร่งลดผู้ป่วยวัณโรคทั่วประเทศเพื่อหยุดบัญชีดำ

    [​IMG]

    กรุงเทพฯ 19 ม.ค.- นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมสัมมนา เรื่องการเร่งรัดงานป้องกันและควบคุมวัณโรคพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และผู้เกี่ยวข้องงานวัณโรคว่า ขณะนี้โรควัณโรคได้หวนกลับมาระบาดใหม่ทั่วโลก โดยองค์การอนามัยโลกรายงานว่าขณะนี้ประชากรทั่วโลก 1 ใน 3 ติดเชื้อวัณโรคและมีผู้ป่วยประมาณ 14 ล้านกว่าคน

    ซึ่งประเทศไทยมีผู้ป่วยวัณโรคทั้งสิ้น 125,000 ราย เป็นผู้ป่วยรายใหม่ 90,000 ราย และประเทศไทยปัญหาวัณโรคได้กลับมาเป็นปัญหาใหม่เช่นกันและทวีความรุนแรงมากขึ้น จนองค์การอนามัยโลกจัดประเทศไทยเป็นประเทศที่มีปัญหาวัณโรคสูงเป็นอันดับที่ 18 จาก 22 ประเทศทั่วโลก สธ.จึงมีนโยบายจะแก้ไขปัญหาวัณโรค ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2551 เป็นต้นไปอย่างจริงจัง

    โดยเน้นการค้นหาผู้ป่วยรายใหม่การรับผู้ป่วยระยะติดเชื้อเข้ารับรักษาในสถานพยาบาล พื้นที่ดำเนินการที่เน้นหนักชุมชนแออัด เรือนจำ กลุ่มผู้ป่วยผู้ติดเชื้อเอดส์ กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน และโรคเรื้อรังอื่น ๆ ส่วนนโยบายสำคัญที่สุดคือการรักษาผู้ป่วยให้กินยาครบตามกำหนด โดยมีพี่เลี้ยงกำกับดูแลและรักษาให้หายขาดต้องมากกว่าร้อยละ 90

    สำหรับวัณโรคที่พบมากในประเทศไทย มีผู้ป่วยมากกว่าร้อยละ 85 เป็นวัณโรคปอด ติดต่อกันได้ง่ายจากฝอยละออง เสมหะจากการไอจามผู้ป่วยจะมีอาการไอเรื้อรังนานกว่า 2 สัปดาห์ มีไข้ต่ำ ๆ ในช่วงบ่ายหรือเย็น เหงื่อออกตอนกลางคืน อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ผู้มีอาการดังกล่าวต้องรีบพบแพทย์ ซึ่งถ้าได้รับการรักษากินยาต่อเนื่อง 6 เดือนจะหายขาด ระหว่างป่วยต้องป้องกันตนเองไม่ให้แพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น โดยการปิดปาก เวลาไอ และไม่คลุกคลีกับผู้อื่น.-สำนักข่าวไทย

    2009-01-19 11:11:49

    กรมควบคุมโรคเตือนกินเนื้อสุนัขระวังพิษสุนัขบ้า

    [​IMG]

    กรุงเทพฯ 17 ม.ค.-อธิบดีกรมควบคุมโรค เตือนรับประทานเนื้อสุนัข ระวังติดโรคพิษสุนัขบ้า แนะปรุงให้สุก โดยทางการแพทย์ไม่เคยยืนยันว่าเนื้อสุนัขมีความพิเศษมากไปกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่น หากเลือกได้ควรรับประทานเนื้อสัตว์อื่นแทน

    นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณี มีประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่ ขโมยสุนัขไปรับประทาน เพราะกำลังได้รับความนิยมกินเนื้อสุนัขสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกายนั้น เป็นความเข้าใจที่ผิด ทางการแพทย์ ไม่เคยยืนยันว่า การรับประทานเนื้อสุนัขจะช่วยสร้างความอบอุ่น ซึ่งการรับประทานเนื้อสุนัข ก็คล้ายๆ กับเนื้อสัตว์ประเภทอื่นๆ แต่มีสิ่งที่ต้องระมัดระวังมากกว่า คือ หากสุนัขมีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าอยู่ในตัว อาจจะติดมาถึงคนได้ และทางการแพทย์ยังไม่มีการรักษา เพราะที่ผ่านมามีเพียงการฉีดวัคซีน โดยเฉลี่ยปีละ 1 แสนคนที่รับวัคซีน แต่มีประมาณ 10 คน ที่เสียชีวิต

    ดังนั้น ผู้ที่บริโภคเนื้อสุนัขต้องระวังเรื่องนี้เป็นพิเศษ ด้วยการนำมาปรุงให้สุกก่อนรับประทาน นอกจากนี้ ในตัวสุนัขเองยังมีโรคอื่นๆ อาทิ โรคพยาธิในหัวใจ เป็นต้น อีกทั้งยังไม่มีสารอาหารใดพิเศษมากไปกว่า เนื้อสัตว์ชนิดอื่น ดังนั้น ขอแนะนำให้รับประทานเนื้อสัตว์ชนิดอื่นแทน แต่ก็ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล สำหรับการเลือกบริโภค ทางกรมควบคุมโรค จึงขอเตือนให้ ปรุงให้สุกก่อนรับประทาน.-สำนักข่าวไทย

    2009-01-18 12:26:45

    ที่มา http://news.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มกราคม 2009
  2. doodee1

    doodee1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6626 ข่าวสดรายวัน


    หมอกลงจีนนับหมื่นติดค้าง




    ซินหัวรายงานว่า เมื่อ 18 ม.ค. ภาวะหมอกลงจัดในมณฑลเสฉวน ภาคตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้ผู้โดยสารกว่า 16,000 คนติดค้างสนามบินหลักๆ ขณะที่สนามบินนานาชาติส่วงหลิว ในเมืองเฉิงตู ปิดทำการนานเกิน 5 ชั่วโมง มีผู้โดยสารติดค้าง 10,000 ราย และที่สนามบินนานาชาติในเมืองอุรุมฉี มณฑลซินเกียง ติดค้างอยู่ 6,000 ราย เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ทัศนวิสัยต่ำกว่า 10 เมตร ขณะที่การขึ้นลงของเครื่องบินต้องอาศัยระยะมองเห็นชัดเจนในระยะอย่างน้อย 500 เมตร

    หน้า 7

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><!--Middle--><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffffff>จำนวนคนอ่านล่าสุด 69 คน <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6626 ข่าวสดรายวัน


    จีน2ขวบติดหวัดนก-ตายเพิ่ม1




    เอเอฟพีรายงาน เมื่อ 18 ม.ค. รัฐบาลจีนแถลงพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกเอช 5 เอ็น 1 เป็นเด็กหญิงวัย 2 ขวบ รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในมณฑลส่านซี ทางเหนือ หลังจากล้มป่วยที่มณฑลหูหนาน เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้จีนเพิ่งมีผู้ป่วยหญิงวัย 19 ปีในกรุงปักกิ่ง เสียชีวิตเพราะไข้หวัดนกเป็นรายแรกของประเทศในรอบ 1 ปี จากนั้นหญิงวัย 27 ปีเสียชีวิตเมื่อวันเสาร์ ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเพราะไข้หวัดนกในจีนเพิ่มเป็น 21 ราย นับจากปี 2546
    [/FONT]

    [FONT=Tahoma,]หน้า 7[/FONT]
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>ชมคลิปโฆษณาแฝดโอบามา

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE> เมื่อวันที่ 19 ม.ค. หลังจากสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเปิดตัวนายอิลฮาม อานาส อายุ 34 ปี หนุ่มอินโดนีเซียที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงนายบารัก โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาวัย 47 ปี จนกลายเป็นคนดังในอินโดนีเซียไปแล้ว ปรากฏว่า คลิป โฆษณาทีวีที่เป็นผลิตภัณฑ์ยาของฟิลิปปินส์ ซึ่งนายอานาสสวมบทเป็นนายโอบามาคู่กับนักแสดงหญิงที่สวมบทเป็นนางกลอเรีย อาร์โรโย ผู้นำฟิลิปปินส์ ในงานเลี้ยงอาหารค่ำ กำลังได้รับความนิยม มีคนคลิกเข้าชมอย่างกว้างขวางอยู่ในตอนนี้

    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/s--_zRBBmSw&color1=0xb1b1b1&color2=0xcfcfcf&hl=en&feature=player_embedded&fs=1 width=425 height=344 type=application/x-shockwave-flash allowfullscreen="true"></EMBED>


    วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6625 ข่าวสดรายวัน


    โลกยะเยือกถึงติดลบ ตอกย้ำอากาศแปรปรวน


    คอลัมน์ ข่าวเด็ด7วัน



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>จับกระแสข่าวต่างประเทศของสื่ออินเตอร์ใหญ่ๆ หลายสำนักช่วงนี้จะพบว่า ข่าว "ภัยหนาว" ต่างพาเหรดเกาะกุมพื้นที่ทั้งในทวีปอเมริกา ยุโรป

    รวมถึงทวีปเอเชียของเรา

    เนื่องจากอุณหภูมินับตั้งแต่หลังฉลองปีใหม่ในหลายประเทศทั่วโลก เข้าขั้นหนาวจริง-หนาวแรง-หนาวจับขั้วหัวใจ!

    ยกตัวอย่างเช่น "สหรัฐอเมริกา" ชาติใหญ่แถบอเมริกาเหนือ ประชาชนในตอนกลาง (มิดเวสต์) ฝั่งตะวันออก และตะวันออกเฉียงเหนือ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ แทบไม่อยากออกจากบ้านไปไหน

    ขณะที่โรงเรียน ธุรกิจห้างร้านบางส่วนต้องปิดตัวชั่วคราว ด้วยฤทธิ์พายุหิมะ

    เพราะสภาพอากาศทั่วสหรัฐตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา "เย็นจัด" น่าตกใจ

    อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ในระดับต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง หรือ ติดลบ 0 องศาเซลเซียสเป็นทิวแถว

    โดยรัฐบางรัฐ เช่น มินเนโซตา นอร์ธดาโกตา เซาธ์ดาโกตา อิลลินอยส์ วิสคอนซิน ปรอทร่วงตกไปอยู่ที่ -27 ถึง ติดลบเกือบ 50 องศา!

    "มันเย็นขนาดที่เวลาผมหายใจเข้า-ออกแล้วเจ็บสุดๆ แค่ออกมายืนกลางแจ้งไม่ถึง 5 นาที หน้าคุณจะชาปวดแสบปวดร้อนไปหมด ต้องรีบเผ่นกลับเข้าข้างใน" <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ท็อด โมเซอร์ พนักงานปั๊มน้ำมันเมืองพอลล็อก รัฐเซาธ์ดาโกตา ให้สัมภาษณ์ท่ามกลางสภาพอากาศเย็น -47 องศา



    สถานการณ์ในยุโรปเย็นยะเยือก-ทุกข์ทรมานไม่แพ้กัน

    อุณหภูมิเข้าสู่ระดับ "ติดลบ" ทั่วทั้งทวีป

    สถานพยาบาล อาทิ ในฝรั่งเศส เยอรมนี โปรตุเกส เต็มไปด้วยคนชราร่างกายอ่อนแอที่ล้มป่วยเพราะสู้อากาศเย็นไม่ไหว

    โดยเขตที่หนาวจัดเกินทน คือ "ยุโรปตะวันออก" ซึ่งเผชิญวิกฤตการณ์ "หนาวยกกำลังสอง"

    ภายหลังจากขาดแคลน "ก๊าซ" สำหรับใช้เปิดเตาฮีทเตอร์ หรือเครื่องทำความร้อน

    โดยเป็นผลกระทบจากการที่ "รัสเซีย" กับ "ยูเครน" มีปัญหากันเรื่องหนี้สินและราคาค่าก๊าซ

    ทำให้รัสเซียสวมบทโหดยกเลิกการส่งก๊าซผ่านท่อเข้าไปยังยูเครนไม่มีกำหนด

    แต่ความซวยไปตกอยู่กับชาติกลุ่มยุโรปจำนวนมาก ซึ่งต้องพึ่งพาก๊าซรัสเซียที่ส่งผ่านยูเครนมาใช้อีกทอดหนึ่ง

    ล่าสุด นายโฮเซ่ มานูเอล บาร์รอสโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) จึงออกโรงขู่ ว่า จะฟ้องบริษัทพลังงานทั้ง "ก๊าซพรอม" ของรัสเซียและ "นาฟโตก๊าซ" ของยูเครนที่เปิดศึกทะเลาะเบาะแว้ง จนชาติยุโรปต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    บางประเทศมีคนหนาวตายไปแล้วก็มี!



    สำหรับทวีปเอเชีย กระแสลมหนาวติดลบ 0 องศาได้เริ่มคืบคลานปกคลุมหลายประเทศยามตะวันตกดิน

    ปัจจุบัน ชาวจีนในมณฑลเสฉวนและภาคตะวันตกเฉียงใต้กำลังเดือดร้อนสาหัส

    เพราะเพิ่งผ่านพ้นโศกนาฏกรรมแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ 12 พฤษภาคม 2551 มาได้ไม่ถึงปี

    ดังนั้น การบูรณะอาคาร บ้านเรือน สิ่งปลูกสร้างต่างๆ จึงยังไม่เข้าที่เข้าทางร้อยเปอร์เซ็นต์

    ชาวบ้านในพื้นที่เล่าว่า คนบางกลุ่มต้องเก็บเอาเศษซากปรักหักพังที่เกิดขึ้นจากเหตุแผ่นดินไหวมาเผาเป็นเชื้อฟืนให้ความอบอุ่น

    บางคนที่พอมีเงินมีทองก็ต้องไปซื้อเตาทำความร้อนเพิ่มเติมและยอมจ่ายค่าไฟในราคาแพง

    "2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมาอากาศหนาวจัด แต่ยังดีที่แดดออก ช่วงนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่จะหาอะไรทำให้วุ่นๆ เข้าไว้จะได้ไม่หนาว"

    นายจาง กวงเหลียน เจ้าของโรงแรมเล็กๆ ในเสฉวน กล่าว



    ด้านนักวิทยาศาสตร์อธิบาย ว่า แม้อากาศซีกโลกเหนือ ยุโรป อเมริกา รวมทั้งแถบเส้นศูนย์สูตรกำลังเย็นยะเยือก

    แต่ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยให้วิกฤต "โลกร้อน" ดีขึ้น

    เพราะต้นตออากาศเย็นจัดผิดปกตินั้นเป็นหนึ่งในอาการแปรปรวนของธรรมชาติที่เรียกว่าปรากฏการณ์ "ลานิญ่า" สืบเนื่องจากภาวะ "โลกร้อน" นั่นเอง!

    องค์กรพยากรณ์อากาศโลกองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ระบุว่า

    สภาพอากาศหนาวเย็นในปี 2551 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2552 มีสาเหตุจาก "ลานิญ่า" ส่งผลให้อุณหภูมิพื้นผิวทะเลบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกเย็น หรือมีค่าต่ำกว่าปกติ

    ผลลัพธ์ที่ตามมา ทำให้เกิดฝนและหิมะตกหนักทั่วโลก ขณะเดียวกัน บางภูมิภาคจะหนาวและแห้งแล้งมากกว่าปกติดังที่เกิดขึ้น

    เมื่อดูจากความผันผวนของอากาศเย็นระลอกนี้ นักวิทยาศาสตร์บางกลุ่มจึงเชื่อว่า พอถึง "ฤดูร้อน" อากาศในหลายภูมิภาคจะร้อนผิดปกติเช่นกัน

    คงต้องติดตามกันต่อไปว่าคำพยากรณ์จะเป็นจริงหรือไม่

    [FONT=Tahoma,]หน้า 10[/FONT]
    ชื่อเล่นเป็นภัย เจ้าชายแฮร์รี่



    [​IMG]
    เจ้าชายมาดเฮี้ยวที่ทรงเป็นข่าวสีสันอยู่เป็นระยะ

    ตั้งแต่พี้กัญชา ชกช่างภาพปาปาราซซี่หน้าผับ ใส่ชุดมีตรา "นาซี" ไปปาร์ตี้ชุดแฟนซี ล่าสุด ถูกขุดคุ้ยเรื่องเมื่อ 3 ปีก่อนออกมาโจมตีอีกครั้ง

    เที่ยวนี้หนังสือพิมพ์ "นิวส์ออฟเดอะเวิลด์" เครือเดียวกับ "เดอะซัน" จอมแฉ นำคลิปวิดีโอที่ เจ้าชายแฮร์รี่ พระชนมายุ 24 พรรษา องค์รัชทายาทลำดับ 3 ทรงฝึกหัดอยู่ที่โรงเรียนนายร้อนแซนเฮิร์ตส์ เมื่อปี 2549

    เจ้าชายแฮร์รี่บันทึกภาพเพื่อนทหารนอนรอเครื่องบินกองทัพอากาศมารับไปฝึกในไซปรัส เมื่อหันกล้องไปเจอ ร.อ.อาเหม็ด ราซา ข่าน เพื่อนทหารร่วมรุ่น ก็ตรัสว่า "ดูสิมีใครอยู่แถวนี้อีกมั่ง, โอ้..นั่นไงเพื่อนปากีตัวน้อยของเรา, อาเหม็ด"

    แม้ร.อ.อาเหม็ดจะเป็นชาวปากีสถาน แต่คำว่า "ปากี" ในสังคมอังกฤษ เป็นคำดูหมิ่นคนเชื้อสายเอเชียใต้จากยุคอาณานิคม

    คลิปอีกช่วงหนึ่ง เจ้าชายคุยล้อเล่นกับเพื่อนร่วมหน่วยที่เอาผ้ามาคลุมหัว และพูดออกไปสนุกๆ ว่า "แดนให้ตายเถอะ นายดูเหมือนพวกแร็กเฮดจริงๆ"

    คำว่า "แร็กเฮด" กลายเป็นเรื่องอีก เพราะหมายถึง "ไอ้แขกโพกหัว" คือคำที่ชาวอังกฤษใช้พูดหยามคนเชื้อสายอาหรับ-มุสลิม

    หลังคลิปแพร่เป็นข่าวออกไป สำนักพระราชวังแถลงขอโทษต่อสังคม

    ส่วนเจ้าชายทรงโทรศัพท์ทางไกลไปหาร.อ.อาเหม็ดในปากีสถาน เพื่อตรัสขอโทษ ซึ่งร.อ.อาเหม็ดรับคำขอโทษแล้ว

    มีแต่พ่อของร.อ.อาเหม็ดที่ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่พอใจที่เจ้าชายใช้คำพูดอย่างนี้ และไม่คิดว่าจะไม่ได้ทรงเจตนาพูด

    ขณะที่นายกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ปกป้องเจ้าชายว่า ได้ทรงขอโทษแล้ว ดังนั้นไม่ควรนำเรื่องนี้มาลบเลือนการปฏิบัติหน้าที่เป็นทหารแนวหน้าในสมรภูมิที่อัฟกานิสถานในปี 2551 เป็นเวลา 77 วัน

    เจ้าชายแฮร์รี่ พระโอรสองค์เล็กของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และเจ้าหญิงไดอาน่า ทรงจบการศึกษาที่โรงเรียนอีตัน ก่อนเข้าฝึกเป็นทหารก่อนเจ้าชายวิลเลียม พระเชษฐา

    นอกจากบทบาทด้านทหาร ทรงงานการกุศลในการช่วยเหลือเด็กติดเชื้อเอดส์ในแอฟริกา

    แต่ข่าวไม่ดังเท่ากับข่าวที่แสดงถึงความเป็น "เด็กเฮี้ยว" แบบตอนนี้


    </TD><TD vAlign=top align=left>




    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=295 border=0><TBODY><TR><TD width=21 height=21>[​IMG]</TD><TD background=images/line_top.gif></TD><TD width=21 height=21>[​IMG]</TD></TR><TR><TD background=images/line_left.gif></TD><TD width="100%"><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=images/line_right.gif></TD></TR><TR><TD width=21 height=21>[​IMG]</TD><TD background=images/line_bottom.gif></TD><TD width=21 height=21>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "โลกร้อน"
    หมายถึงอุณหภูมิโลกโดยเฉลี่ยสูงขึ้น

    [​IMG]

    เหตุการณ์ที่บ่งชี้ว่าโลกเรากำลังร้อนขึ้นๆ ในปี 2008 นั้น ไม่ได้เป็นเพียงอุณหภูมิโลกโดยเฉลี่ยที่สูงขึ้นเท่านั้น ทว่ายังรวมถึงสภาพสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากอุณหภูมิเฉลี่ยที่สูงขึ้นด้วย และปรากฏการณ์ทางธรรมชาติหลากหลายครั้งที่เกิดขึ้นในปี 2008 ก็ได้ส่งผลให้บรรดานักวิทยาศาสตร์หยุดคิด ว่าความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศนั้น กำลังเกิดขึ้นอย่างรุนแรงและรวดเร็ว

    ผลจากการวิจัยของหลายสำนัก รวมทั้งรายงานจากคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (ไอพีซีซี) ล้วนบ่งชี้ว่าปัจจัยส่วนหนึ่ง ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้โลก ตกอยู่ในชะตากรรมเช่นนี้ นั่นก็ไม่พ้นกิจกรรมของบรรดาผู้คน ที่ใช้ชีวิตประจำวันกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนี้เอง

    องค์กรอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) เพิ่งจะเผยรายงานล่าสุด เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ปี 2008 นั้นเป็นปีที่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกนั้น สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1850 ซึ่งเป็นปีแรกที่นักวิทยาศาสตร์ เริ่มเก็บบันทึกอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก โดยในปี 2008 นั้น อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงกว่าอุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงปี 1961-1990 อยู่ที่ 0.31 องศาเซลเซียส หรือเฉลี่ยที่ 14.3 องศาเซลเซียส

    อุณหภูมิที่สูงขึ้นนั้น ส่งผลกระทบครอบคลุมทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป ทางด้านฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของไซบีเรีย และบางส่วนของภูมิภาคสแกนดิเนเวีย ซึ่งพบว่ามีอุณหภูมิอุ่นกว่าเดิมในฤดูหนาวระหว่างเดือนม.ค.-ก.พ. ด้วยอุณหภูมิสูงกว่า 7 องศาเซลเซียสในสแกนดิเนเวีย และสำหรับชาวสแกนดิเนเวียแล้ว สภาพอากาศอบอุ่นครั้งนี้ เป็นครั้งที่อบอุ่นที่สุดในรอบ 100 ปีด้วย!

    ทว่า ในทางกลับกันทางฝั่งยุโรปฟากติดกับทวีปเอเชีย กลับเผชิญกับอากาศหนาวยะเยือก อย่างที่พบเห็นได้ไม่บ่อยนักในประวัติศาสตร์โลก โดยบางส่วนของตุรกี ได้ประสบกับอากาศที่หนาวที่สุดในรอบเกือบ 50 ปีทีเดียว และอากาศหนาวเย็นครั้งนั้น ยังส่งผลกระทบครอบคลุมไปถึงประเทศฝั่งตะวันออกกลาง อย่างอัฟกานิสถาน และจีนในทวีปเอเชีย

    สำหรับทวีปอเมริกาก็เผชิญกับสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไปมาเช่นกัน ในเดือนก.พ.นั้น ถือเป็นเดือนที่หนาวเย็นที่สุดของสหรัฐ โดยบางส่วนของตอนกลางค่อนไปยังทางฝั่งตะวันตกของประเทศมีอุณหภูมิต่ำกว่าอุณหภูมิในช่วงฤดูหนาวปกติถึง 4-5 องศาเซลเซียส

    นอกจากนี้ ในฤดูร้อนแทนที่อากาศจะร้อน บางส่วนของสหรัฐกลับเจอกับคลื่นความเย็นทำให้อุณหภูมิลดลงต่ำกว่าปกติถึง 6 องศาเซลเซียส ทว่า ในช่วงกลางเดือน ก.ค. ในส่วนของทวีปอเมริกาใต้กลับเจอกับคลื่นความร้อนครั้งรุนแรงที่สุด ด้วยอุณหภูมิที่สูงขึ้นจากปกติถึง 3% ทำให้เดือนก.ค. ที่ผ่านมากลายเป็นเดือนที่อเมริกาใต้มีอากาศอบอุ่นที่สุดในรอบ 50 ปี
    เหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้ยังเกิดขึ้นในบริเวณอื่นๆ ของโลก รวมทั้งทางตอนใต้ของทวีปออสเตรเลีย ซึ่งเผชิญกับคลื่นความร้อนครั้งใหญ่เช่นกัน ยังผลให้อุณหภูมิในออสเตรเลียพุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยเมืองอะดีเลดประสบกับฤดูร้อนครั้งยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมา

    WMO อ้างอิงผลศึกษาการเปลี่ยนแปลงสภาวะโลกร้อนในปี 2008 ไว้ด้วยว่าทำให้เกิดสภาวะแห้งแล้งยาวนาน น้ำท่วมหนัก และพายุครั้งรุนแรงหลายครั้งครอบคลุมทุกทวีปทั่วโลก ไล่เรียงมาตั้งแต่ทางตอนใต้ของแคนาดา ในส่วนที่เรียกว่าบริติช โคลัมเบีย ซึ่งเกิดความแห้งแล้งที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 5 ปี ขณะที่ในยุโรป โปรตุเกส และสเปน รวมทั้งอุรุกวัย ปารากวัย และอาร์เจนตินา ในทวีปอเมริกาใต้ ก็เผชิญกับปรากฏการณ์ที่ไม่แตกต่างกันมากนัก

    ผลกระทบรุนแรงจากสภาวะอากาศโลกเปลี่ยนแปลงสามารถพบได้ในหลายประเทศ ในช่วงปี 2008 ไม่ว่าจะเป็นการเกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่และพายุไซโคลน โดยประเทศที่เผชิญกับเหตุการณ์ร้ายแรง และได้รับผลกระทบหนักที่สุด ได้แก่ อินเดีย ปากีสถาน เวียดนาม และบังกลาเทศ

    ที่มา http://www.posttoday.com/international.php?id=25695
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2009
  4. ไม้บรรทัด

    ไม้บรรทัด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2008
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +293
    โปรดใช้ปัญญา สมอง ในการโพสต์
    อย่าใช้อารมณ์ โมหะจริต คิดโพสต์
    ภาวะโลกร้อน พิสูจน์โดยนักวิทย์ฯ ทั้งโลก
    ไม่ได้ใช้ หมอดู หมอเดา อย่าป่วน มั่วๆ ไร้สาระ
    เสียดาย หน่วยความจำที่เซิฟเวอร์ ต้องสูญเสียให้
    กับความไม่เอาไหน และไร้สาระ ไร้ปัญญา ขาดวุฒิภาวะ

    โปรดเกรงใจ และมี หิริโอตปปะ ต่อผู้ร่วมบริจาค สมาชิก และ
    เจ้าของ เว็บไซต์ ที่เขาลงทุน ทำบุญ เพื่อเผยแพร่ สิ่งดีๆงามๆ

    ต้องขออภัยสมาชิกทุกๆท่าน ที่ต้องใช้มิจฉาวาจา ให้ผ่านสายตาท่านบ้าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2009
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ปรากฏการณ์โลกร้อน
    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

    [​IMG]

    ค่าผิดปรกติของอุณหภูมิเฉลี่ยที่ผิวโลกที่เพิ่มขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2403
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    สกลนครจัดงานสมโภชพระบรมสารีริกธาตุเก่าแก่กว่า 4,000 ปี

    [​IMG]

    สกลนคร 20 ม.ค. - ชาวสกลนครจัดงานฉลองสมโภชพระบรมสารีริกธาตุ สมัยพระพุทธเจ้ากัสสปะ อายุเก่าแก่กว่า 4,000 ปี

    สำนักสงฆ์ภาวนาธรรมเมตตาธุดงค์สถาน จ.สกลนคร จัดงานสมโภชพระบรมสารีริกธาตุ ที่ขุดพบและอัญเชิญขึ้นมาจากป่าช้า บ้านกลางพังขว้าง ซึ่งเชื่อกันว่า เป็นพระบรมสารีริกธาตุพระพุทธเจ้ากัสสปะ ซึ่งอยู่ใต้ดินมานานถึง 4,000 ปี และได้จัดสร้างเจดีย์ เพื่ออัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นประดิษฐานบนเจดีย์ 3 ชั้น ฐานรากกว้าง 70 เมตร สูง 45 เมตร โดยแบ่งเป็น 6 ชั้น มีประตูเข้าทั้ง 4 ทิศ ระยะเวลาการก่อสร้าง 5 ปี และจะใช้ชื่อว่า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ผู้นำโลกคาดหวังกับโอบามา

    [​IMG]

    ปารีส 20 ม.ค.- ผู้นำหลายประเทศทั่วโลกคาดหวังว่านายบารัค โอบามา ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐ จะนำพาโลกไปสู่ยุคใหม่ที่ไร้วิกฤติ ขณะที่นักวิเคราะห์เตือนว่าเป็นความคาดหวังสูงเกินไป

    นายกรัฐมนตรีโฆเซ ลูอิส ซาปาเตโรของสเปน คาดว่า วิกฤติเศรษฐกิจโลกอาจสิ้นสุดได้เร็วกว่าที่คิดหากรัฐบาลนายโอบามาสามารถฟื้นความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นเรื่องของความเชื่อมั่น ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจโลกยังแข็งแกร่งอยู่ ด้านโฆษกนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลของเยอรมนีเผยว่า เยอรมนีหวังว่าจะร่วมมือและแก้ปัญหาที่ยังค้างคาระหว่างสองฝ่ายได้

    ขณะที่นางแมร์เคิลเตือนว่า จะต้องมีการหารือกันอย่างจริงจังหากสหรัฐช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์จนเกิดความไม่ธรรมต่อยุโรป ส่วนนายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ ของอังกฤษแนะว่า รัฐบาลโอบามาควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกต่อสถานการณ์ตะวันออกกลาง ขณะที่ผู้นำหลายประเทศรวมทั้งนายกรัฐมนตรีสตีเฟน ฮาร์เปอร์ ของแคนาดาหวังให้เขาแก้ปัญหาทุกอย่างของโลกตั้งแต่สงครามในตะวันออกกลาง อัฟกานิสถาน วิกฤติเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศไปจนถึงเรื่องความยากจน

    ด้านนายกรัฐมนตรีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียติงว่า ความผิดหวังอย่างรุนแรงมักเกิดจากการตั้งความหวังไว้สูงเกินไป เช่นเดียวกับนายสตีเวน คูลล์ จากมหาวิทยาลัยแมรีแลนด์เตือนว่า ความรู้สึกคุ้นเคยกับนายโอบามาทำให้ผู้คนมีความหวัง แต่การรักษาความหวังนี้ไว้ถือเป็นเรื่องท้าทายของนายโอบามา เพราะเขาต้องเริ่มต้นค่อนข้างลำบากหลังจากประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ฝากผลงานไม่เข้าตาไว้ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา. -สำนักข่าวไทย

    2009-01-20 09:33:24

    ทั่วโลกหวังมากขึ้นว่าโอบามาจะทำให้ความสัมพันธ์กับโลกดีขึ้น

    [​IMG]

    ลอนดอน 20 ม.ค.- ผลสำรวจหลายประเทศทั่วโลกพบว่า ส่วนใหญ่มีความหวังมากขึ้นว่านายบารัค โอบามาซึ่งจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันนี้ จะทำให้ความสัมพันธ์ของสหรัฐกับโลกดีขึ้น

    บรรษัทกระจายเสียงอังกฤษ (บีบีซี) สำรวจความเห็นคน 17,356 คนในหลายภูมิภาครวม 17 ประเทศ ระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน 2551 ถึง 5 มกราคม 2552 พบว่าส่วนใหญ่เห็นว่าเรื่องเร่งด่วนที่สุดของนายโอบามา คือ การแก้วิกฤติการเงินโลก ตามด้วยการถอนทหารอเมริกันออกจากอิรัก การแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และการไกล่เกลี่ยสันติภาพในตะวันออกกลาง ผู้ตอบคำถามเฉลี่ยร้อยละ 67 เชื่อว่านายโอบามาจะทำให้ความสัมพันธ์สหรัฐและโลกแข็งแกร่งขึ้น เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 47 ในการสำรวจเมื่อ 6 เดือนก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวอียิปต์เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าเป็นร้อยละ 58 และชาวตุรกีเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 11 เป็นร้อยละ 51

    ประชาชนในประเทศที่ตั้งความหวังกับนายโอบามามากที่สุดว่าจะทำให้ความสัมพันธ์สหรัฐกับโลกดีขึ้นคือ กานาร้อยละ 87 อิตาลีร้อยละ 79 เยอรมนีและสเปนร้อยละ 78 ฝรั่งเศสร้อยละ 76 เม็กซิโกและไนจีเรียร้อยละ 74 มีเพียงชาวญี่ปุ่นและรัสเซียที่คิดเช่นนี้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งคือร้อยละ 48 และ 47 ตามลำดับ ส่วนชาวอเมริกันเอง ร้อยละ 60 เห็นว่านายโอบามาควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกต่อการปรับปรุงความสัมพันธ์กับประชาคมโลก และร้อยละ 46 สนับสนุนให้ปราบปรามกลุ่มตอลีบาน.-สำนักข่าวไทย

    2009-01-20 08:53:15

    สหรัฐคุมเข้มความปลอดภัยก่อนโอบามาสาบานตน

    [​IMG]

    สหรัฐ 20 ม.ค. - สหรัฐวางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ก่อนพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการของนายบารัค โอบามา ในวันนี้

    นายเอเดรียน เฟนตี นายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตัน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมการรับมือกับฝูงชนราว 2 ล้านคน ที่คาดว่าจะมาร่วมพิธีสาบานตนของนายโอบามา และแม้ขณะนี้ยังไม่มีการขู่คุกคามโจมตีใด ๆ แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็เตรียมพร้อมรับเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นทุกรูปแบบ โดยเจ้าหน้าที่ได้ปิดถนนทุกสาย และสะพานที่มุ่งหน้าสู่กรุงวอชิงตัน ดีซี เพื่อความสะดวกในการดูแลรักษาความปลอดภัย มีการกระจายกำลังตรวจสอบตามเส้นทางรถไฟใต้ดิน รวมถึงส่งหน่วยแม่นปืนประจำการตามยอดตึกสูง บริเวณโดยรอบสถานที่จัดขบวนพาเหรด และอาคารรัฐสภา

    ขณะเดียวกัน นายโอบามา และนายโจ ไบเดน ว่าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ร่วมกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ที่ศูนย์เยาวชน และโครงการชุมชนในกรุงวอชิงตัน ดีซี เพื่อรำลึกถึงนายมาร์ติน ลูเทอร์ คิง แกนนำเรียกร้องสิทธิมนุษยชน ที่ถูกลอบสังหารเมื่อปี 2511 ซึ่งวันนี้ถือเป็นวันหยุด เนื่องในวาระครบรอบวันเกิดปีที่ 80 ของ คิง ด้วย

    สำหรับ ลินคอล์น เมโมเรียล สถานที่ที่นายโอบามา จะประกอบพิธีสาบานตนในวันนี้ ยังเป็นสถานที่ที่ คิง ได้กล่าวสุนทรพจน์อันโด่งดังว่า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    นายกรัฐมนตรีหญิงที่สวยที่สุดในโลก

    [​IMG]
    ยูลิยา ทีโมเชงโก (Yulia Tymoshenko)

    ยูลิยา โวโลดีมีริฟนา ทีโมเชงโก (ภาษายูเครน : Юлія Володимирівна Тимошенко, อังกฤษ: Yulia Tymoshenko) นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศยูเครน เกิดเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2503 ในเมืองดนีโปรเดปโทรฟสค์ ในประเทศยูเครน

    ยูเลียเป็นนักการเมืองและเป็นผู้นำพรรคบาทคิฟฉชีนา (Батькiвщина , แปลว่า ปิตุภูมิ) ก่อนหน้าที่จะทำงานทางการเมือง เธอเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จสูงในอุตสาหกรรมก๊าสปิโตรเลียม และนับเป็นหนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในยูเครนด้วย

    ยูลิยาเคยเป็นพันธมิตรคนสำคัญที่สุดของผู้นำฝ่ายค้าน คือ นายวิกเตอร์ ยูเชงโก (ยูลิยาเคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี สมัยที่เขาเป็นนายกฯ) และมีประวัติที่ดีเยี่ยมในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดี เมื่อปี พ.ศ. 2547 นอกจากนี้ยูลิยายังเป็นผู้นำคนสำคัญในการปฏิวัติสีส้ม ที่มีแรงผลักดันจากการเลือกตั้งหลายครั้งก่อนนั้น และในที่สุดก็ส่งผลให้ยูเชงโกได้ครองอำนาจ ในช่วงดังกล่าวสื่อสิ่งพิมพ์บางรายให้สมญานามเธอว่า โยนออฟอาร์ค แห่งการปฏิวัติสีส้ม และเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 นิตยสารฟอบส์ ก็จัดอันดับให้เธอเป็นอันดับที่สามในบรรดาสตรีที่ทรงอำนาจที่สุดในโลก รองจากกอนโดลีซซา ไรซ์ แห่งสหรัฐอเมริกา และมาดามอู๋ อี๋ ของจีน


    [​IMG]

    ยูลิยาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐดนีโปรเปโตรสค์ และได้รับปริญญาด้านเศรษฐศาสตร์-ไซเบอร์เน็ต เมื่อ พ.ศ. 2527 และเข้าศึกษาต่อเพื่อรับปริญญาเอกสาขาเศรษฐศาสตร์ ทั้งนี้เธอได้ทำงานวิจัยกว่า 50 ชิ้น

    ยูลิยาเริ่มทำงานเป็นนักเศรษฐศาสตร์ในโรงงานวิศวกรรมเครื่องกล ดนีโปรเปโตรสค์ จากนั้นเมื่อ พ.ศ. 2532 ได้ตั้งเครือข่ายร้านเช่าวิดีโอ ซึ่งเติบโตจนประสบความสำเร็จอย่างดี หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต เธอได้บริหารบริษัทด้านพลังงาน และประสบความสำเร็จอย่างสูงเช่นกัน ในระหว่าง พ.ศ. 2533 – 2541 โดยในช่วง พ.ศ. 2538 - 2540 นั้น ได้เป็นประธานบริษัทกิจการพลังงาน และได้เป็นผู้สนับสนุนหลักของก๊าซธรรมชาติในรัสเซียเมื่อปี พ.ศ. 2539 ในช่วงเวลาดังกล่าว เธอได้รับสมญาว่า เจ้าหญิงแห่งแก๊ส ชีวิตครอบครัวสมรสกับโอเลสซานเดอร์ ทีโมเชงโก เมื่อ พ.ศ. 2522

    ยูลิยาได้ก้าวสู่วงการการเมือง เมื่อ พ.ศ. 2539 และได้รับเลือกเป็นผู้แทนราษฎร โดยได้รับคะแนนเสียงถึง 92.3% ในพื้นที่ของเธอ ครั้นเมื่อ พ.ศ. 2541 ได้รับเลือกและเป็นประธานคณะกรรมการงบประมาณรัฐสภา พ.ศ. 2545 ได้รับเลือกอีก และได้เป็นถึงรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกิจการเชื้อเพลิงและพลังงาน ของรัฐบาลนายวิคเตอร์ ยูเชงโก

    ยูลิยาได้สร้างผลงานเป็นที่ยอมรับใน เมื่อได้ปฏิรูประบบพลังงานและเชื้อเพลิง (ก๊าสธรรมชาติ) ซึ่งเป็นปัญหาที่ซับซ้อนที่สุดของประเทศ ซึ่งสะสมมานาน

    ยูลิยาได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ ในคณะรัฐบาลของยูเชงโก หลังจากได้ข้อยุติในการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ยูลิยาก็ได้รับการลงมติจากรัฐสภาเวิร์กโฮฟนา ราดา (รัฐสภา) เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 373 เสียง (จำนวนเสียงที่ต้องการเพื่อรับรองคือ 226 เสียง)

    [​IMG]

    ความมีชื่อเสียงของยูลิยา ทำให้เป็นที่กล่าวถึงทั้งในด้านบวกและด้านลบ เรื่องที่ถูกโจมตีมักจะเกี่ยวข้องกับดำเนินธุรกิจของเธอก่อนมารับตำแหน่ง

    อย่างไรก็ตาม ในประเทศยูเครน ผู้คนให้คะแนนนิยมแก่ยูลิยาเป็นอย่างมาก ทั้งยังเป็นแบบผมทรง "เจ้าหญิง" ที่ถักผมคาดบนศีรษะคล้ายมงกุฎ ขณะที่นักวิจารณ์การเมืองบางท่านคาดการณ์ว่ายูลิยาอาจก้าวขึ้นถึงตำแหน่งประธานาธิบดีก็เป็นได้

    อย่างไรก็ตาม ความผันผวนทางการเมืองของยูเครน ทำให้ประธานาธิบดีประกาศยุบสภา ก่อนครบวาระ ทำให้เธอมีตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจนถึงวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2548 โดยมีระยะเวลาเพียง 8 เดือนเท่านั้น

    ที่มา wikipedia.org

    หมายเหตุ นางยูลิยา ไทโมเชนโก้ ได้ก้าวสู่การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรียูเครน เป็นครั้งที่ 2 (ตั้งแต่ 18 ธ.ค. 50)

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มกราคม 2009
  9. kumpeang

    kumpeang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    546
    ค่าพลัง:
    +1,984
    ----- Forwarded by Dilok Klamkongkool/SVOA/TH on 20/01/2009 12:27 -----
    <TABLE width="100%"><TBODY><TR><TD width="100%"><TABLE><TBODY><TR vAlign=top><TD>แม่ม่ายน้ำตาล

    ไม่ทำร้ายคน แต่อย่าไปยุ่งกับมัน เป็นดีที่สุด

    วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2552 เวลา 23:13:03 น. มติชนออนไลน์

    เตือน! "แมงมุมแม่ม่ายน้ำตาล"
    พิษร้ายกว่างูเห่า3เท่า ไม่มีเซรุ่มถอนพิษ อาละวาดลุ่ม"เจ้าพระยา-แม่กลอง

    [​IMG]


    นักวิจัยเตือนภัย "แมงมุมแม่ม่ายน้ำตาล" สุดอันตราย พิษร้ายแรงกว่างูเห่า 3 เท่า ยังไม่มีเซรุ่ม หรือยาถอนพิษ อาละวาดในไทยแถบชุมชนลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำแม่กลอง แนะวิธีสังเกตรูปร่างลักษณะ ตัวขนาด 1 ซม. ท้องจะกลมป่องใหญ่กว่าหัวหลายเท่า มีสีน้ำตาลสลับขาวลายเป็นริ้วๆ ชอบแฝงตัวในที่ต่ำ ให้ระวังลูกหลาน


    นายประสิทธิ์ วงษ์พรม นักวิจัยจากภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้ศึกษาเรื่องแมงมุมในประเทศไทย เปิดเผยวันที่ 18 มกราคม ว่า จากการศึกษาและเก็บข้อมูลเรื่องแมงมุมในประเทศไทย พบว่าขณะนี้มีแมงมุมพิษชนิดหนึ่ง ชื่อ "แมงมุมแม่หม้ายน้ำตาล" ซึ่งเดิมพบแต่ในประเทศสหรัฐอเมริกา แถบฟลอริดา เท็กซัส และบริเวณเขตเส้นศูนย์สูตร ปัจจุบันได้แพร่กระจายเข้ามาในประเทศไทยแล้ว เชื่อว่าขณะนี้แมงมุมดังกล่าวได้ขยายพันธุ์กระจายไปยังชุมชนต่างๆ รอบๆ ปากแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำแม่กลอง และอ่าวไทยตอนบนแล้ว เบื้องต้นได้รับรายงานว่าเจอแมงมุมแม่หม้ายน้ำตาลชุกชุมที่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม และมีรายงานมีคนถูกกัดที่นั่น แต่ยังไม่ได้ลงไปตรวจสอบความชัดเจน

    [​IMG]


    นายประสิทธิ์กล่าวว่า แมงมุมชนิดนี้ มีพิษรุนแรงทำลายระบบเลือด และระบบภูมิคุ้มกัน พิษร้ายแรงกว่าพิษของแมงมุมแม่หม้ายดำ 2 เท่า และร้ายแรงกว่าพิษงูเห่า 3 เท่าทีเดียว เพียงแต่เวลาแมงมุมแม่หม้ายน้ำตาลกัด จะปล่อยพิษออกมาไม่หมด ความร้ายแรงอาจจะไม่เท่าแม่หม้ายดำ เพราะแม่หม้ายดำ หรืองูเห่า กัดแล้วปล่อยพิษออกมาทั้งหมด เปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คือ หากโดนงูเห่า หรือแม่หม้ายดำกัด จะปล่อยพิษออกมาในระดับมิลลิกรัม คือ 1 ส่วนในพันส่วน แต่แม่หม้ายน้ำตาลจะปล่อยพิษออกมาในระดับ ppm คือ 1 ส่วนในล้านส่วน อย่างไรก็ตาม หากถูกกัดหลายตัวพร้อมกันปริมาณพิษก็จะเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ

    นายประสิทธิ์กล่าวต่อไปว่า สำหรับลักษณะทั่วไปของแมงมุมแม่หม้ายน้ำตาลนั้น พบว่าขนาดของตัวมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร บริเวณท้องจะโตกว่าหัวหลายเท่า ท้องจะกลมป่อง ด้านล่างมีลักษณะคล้ายรูปนาฬิกาทรายสีส้ม ด้านบนมีสีน้ำตาลสลับขาวลายเป็นริ้วๆ มีจุดสีดำสลับขาวตรงท้องข้างละ 3 จุด รวมเป็น 6 จุด วางไข่ครั้งละ 200-400 ฟอง

    [​IMG]



    สาเหตุการแพร่ระบาดนั้น คาดว่า จะเข้ามากับเรือสินค้าเป็นหลัก และมีรายงานด้วยว่า มีพ่อค้าบางคนนำมาขายให้คนที่ชอบเลี้ยงสัตว์แปลก โดยไม่รู้ว่าเป็นสัตว์ที่มีพิษร้ายแรง ขณะนี้ ยังไม่มีรายงานอย่างเป็นทางการว่า มีผู้เสียชีวิตจากการถูกแม่หม้ายน้ำตาลกัด แต่มีรายงานการถูกกัดแล้วจากหลายพื้นที่ ส่วนใหญ่ผู้ถูกกัดจะมีอาการแพ้อย่างแรง แผลจะเหวอะหวะ และเป็นผื่นบวมแดงเจ็บปวด มีหนอง แผลจะหายช้ามาก เพราะพิษทำลายระบบภูมิคุ้มกัน ระบบน้ำเหลือง และทำลายเม็ดเลือดขาว คนที่ถูกกัดส่วนใหญ่มักไม่ทราบว่าแผลดังกล่าวเกิดจากอะไร ขณะนี้ ยังไม่มีเซรุ่ม หรือยาถอนพิษ ทำได้แค่รักษาตามอาการเท่านั้น ยังโชคดีว่า แมงมุมชนิดนี้ไม่มีนิสัยดุร้าย ไม่โจมตีหรือบุกกัดใครอย่างไม่มีเหตุผล จะหลบมากกว่าสู้ และจะกัดเมื่อถูกรุกรานที่อยู่เท่านั้น

    [​IMG]


    นักวิจัยแมงมุมให้ข้อสังเกตความแตกต่างระหว่างแมงมุมทั่วไปกับแมงมุมแม่หม้ายน้ำตาลว่า นอกจากลักษณะลำตัวแล้ว ให้สังเกตลักษณะการทำรัง หรือการชักใย แมงมุมทั่วไปจะชักใยค่อนข้างสวยงามเป็นระเบียบ และชักใยอยู่ที่สูง เช่น ตามขื่อ ตามคาน หรือหลังคาบ้าน แต่แม่หม้ายน้ำตาลจะทำรังอยู่ที่ต่ำ สูงไม่เกิน 1 เมตร ลักษณะรังหรือใยจะยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ พบเห็นได้ตามใต้โต๊ะ เก้าอี้ รองเท้าเก่าในบ้าน ที่น่าเป็นห่วงคือ เด็กๆ ที่ชอบคลานเข้าไปอยู่ตามซอกมุมบ้าน หากไปเจอแมงมุมชนิดนี้อาจจะถูกกัด และตกอยู่ในอันตรายได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเก็บข้อมูลในเชิงลึก รวมทั้งเรื่องการกระจายพันธุ์ จึงขอความร่วมมือ สำหรับผู้พบเห็นแมงมุมที่มีลักษณะดังกล่าว ขอความกรุณาแจ้งมายังภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ด้วย


    [​IMG]

    [​IMG]




    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    <TR><TD><TABLE width="100%"><TBODY><TR><TD width="50%"><TD width="50%"></TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • spider.pdf
      ขนาดไฟล์:
      215.4 KB
      เปิดดู:
      89
  10. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** เป็นสัจจะธรรม ****

    ตัวกระทำ...ของแต่ละคนที่ได้ทำไปแล้ว
    คือ สิ่งที่ช่วยตัวของเขาเอง

    ตัวกระทำไม่ตาย เป็นสัจจะธรรม
    สัจจะ เมื่อทำแล้ว เกิดเป็นตัวกระทำ
    ตัวกระทำ คือผู้จัดสรรให้คลาดแคล้วในวันที่กรรมปรากฏ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  11. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** มนุษย์ทุกคน ****

    สุดท้าย...
    ถึงที่สุดด้วย สัจจะทำ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  12. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** สัจจะทำ ****

    ทำความคิด ให้เป็นจริง เป็นสัจจะ
    ทำปาก ให้เป็นจริง เป็นสัจจะ
    ทำการกระทำ ให้เป็นจริง เป็นสัจจะ

    ความดีทำได้ยาก...
    เพราะ ต้องทำให้ครบ ทั้งความคิด ปาก ใจ ตรงกัน

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  13. doodee1

    doodee1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    วันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6627 ข่าวสดรายวัน


    "โลกร้อน"เป่าลมหนาวจัด สัญญาณวิกฤตอาหาร-พันธุ์พืช




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    "น้ำค้างแข็ง"ที่เคยเกิดขึ้นบนดอยอินทนนท์ เชียงใหม่


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    รศ.ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล หัวหน้าหน่วยศึกษาภัยพิบัติและข้อสนเทศเชิงพื้นที่ ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า

    สภาพอากาศที่แปรปรวนทั้งของประเทศไทยและทั่วโลกขณะนี้ มีสาเหตุมาจากภาวะ "โลกร้อน"

    โดยสภาพอากาศในประเทศไทยจะก่อให้เกิด "ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ" ที่ยาวนานขึ้น ซึ่งปกติระหว่างเดือนพ.ย.-ม.ค. เป็นช่วงที่ซีกโลกเหนือหันแกนออกจากดวงอาทิตย์ จากการที่โลกหมุนรอบตัวเองเป็นช่วงจังหวะที่เอียงออกห่างดวงอาทิตย์ แต่เนื่องจากประเทศไทยอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร ทำให้ประเทศไทยได้รับแสงแดดที่ตั้งฉากมากกว่าขั้วโลกเหนือ

    ดังนั้นเมื่อ "มวลอากาศร้อน" ลอยตัวสูงขึ้น "มวลอากาศเย็น" ที่เกิดจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือเข้าแทนที่ ทำให้มวลอากาศร้อนดันตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

    ส่งผลให้ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือมีความแรงมากกว่าที่ผ่านมา เช่น จ.นครราชสีมา วัดลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือเฉลี่ย 8 นอต แต่ปัจจุบันวัดได้ที่ 13 นอต ซึ่งลมมรสุมดังกล่าวมีผลทำให้เกิดคลื่นใหญ่ในทะเล โดยในอดีตคลื่นสูงเพียง 80 เซนติเมตร-1 เมตร แต่ปัจจุบันคลื่นในทะเลสูงถึง 2-4 เมตร

    ภาวะโลกร้อนจะทำให้ "ลมหนาว" พัดแรงมาก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ปีนี้ประเทศเวียดนาม หรือลาว มีหิมะตก
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    1.ทะเลสาปกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน กลายเป็นน้ำแข็งตั้งแต่ช่วงปีใหม่

    2.คนยากจนในรัสเซียทนหนาวไม่ไหว ต้องเอาขยะมาเผาให้ไออุ่น

    3.บรรยากาศหนาวเย็น-หมอกลงจัดที่เชียงใหม่


    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    เพราะถ้าหากพื้นที่ใดในประเทศไทยมีสภาพอุณหภูมิติดลบ และฝนตกลงมาขณะนั้น ก็จะเกิดหิมะตกในไทยเช่นกัน

    ผลกระทบที่เห็นได้ชัดขณะนี้ กรุงเทพฯ จะหนาวนานขึ้น ส่วนภาคใต้มีพายุฝนตกชุก



    รศ.ดร.ธนวัฒน์ระบุว่า ภาวะโลกร้อนส่งผลกระทบทั่วโลกไม่เฉพาะประเทศไทย

    เหตุความสูญเสียจากภัยธรรมชาติในประเทศต่างๆ ล้วนแล้วแต่เป็นปรากฏการณ์สอดคล้องกันหมด และจะเกิดสภาพอากาศที่ปรวนแปรตลอดทั้งปีและต่อเนื่องไปทุกปี

    ฤดูร้อนจะร้อนเร็วขึ้น ในปีนี้จะเริ่มร้อนตั้งแต่กลางก.พ.เป็นต้นไป ทั้งยังจะเกิด "พายุฤดูร้อน" ที่นำพา "พายุลูกเห็บ" มาด้วย

    สำหรับ "อุณหภูมิในฤดูร้อน" ที่มีหลายกระแสประเมินว่าอาจสูงถึง 40-42 องศาเซลเซียสนั้น มีความเป็นไปได้สูง

    เพราะฤดูร้อนในประเทศไทยหากเปรียบเทียบกับที่ผ่านมา ระหว่างเดือนมี.ค.-เม.ย. จะร้อนน้อยกว่าในอดีต เพราะมีพายุฤดูร้อนมาช่วย แต่จะร้อนมากที่สุดในฤดูฝนขณะที่ฝนทิ้งช่วง ต่อเมื่อฝนตกจะตกลงมาในปริมาณมาก และมีสภาพอากาศร้อนแบบหงุดหงิด เนื่องจากความชื้นในอากาศสูง ทำให้เหงื่อไม่ออก

    ภาวะอันตรายที่สุดของสภาพอากาศแบบนี้ ก็คือ เกิดภัยพิบัติมากขึ้น
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    รศ.ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล


    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    การแปรปรวนจะทำให้ผลผลิตทางการเกษตรไม่สม่ำเสมอ

    อนาคตจะเกิดภาวะขาดแคลนอาหาร

    พืชพันธุ์ทางการเกษตรเสียหาย

    ทั้งยังก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บแบบใหม่ตามมา



    สำหรับการแก้ปัญหาในระยะสั้น-ระยะยาว วิธีที่ดีที่สุดคือ

    สร้างความเข้าใจให้กับประชาชนถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และหาวิธีผ่อนหนักให้เป็นเบา เพื่อให้ดำรงชีพอยู่ได้

    เพราะไม่มีใครสามารถหยุดภาวะโลกร้อนได้

    จากสถิติการวัด "คาร์บอนไดออกไซด์" ในอากาศพบว่า อดีตมีคาร์บอนไดออกไซด์ 288 พีพีเอ็ม แต่ปัจจุบันคาร์บอนไดออกไซด์มีความเข้มข้นสูงถึง 358 พีพีเอ็ม

    และคาดว่าจะสูงขึ้นไปถึง 500-750 พีพีเอ็มในอีก 100 ปีข้างหน้า ซึ่งปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศที่สูงเพิ่มขึ้นเป็นตัวส่งให้อุณหภูมิสูงขึ้น 2-6 องศาเซลเซียส

    "ภาวะโลกร้อนจะยังคงดำเนินอยู่ไปอีกเป็นร้อยปี เพราะวงจรชีวิตของคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ในอากาศได้นานถึง 200 ปีเป็นอย่างต่ำ แม้จะหยุดเผาทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่สามารถหยุดภาวะโลกร้อนได้ ที่ผ่านมาประเทศไทยให้ความสำคัญกับภาวะโลกร้อนน้อย ไม่เอาจริงเอาจัง

    "สิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุดคือ "ปลูกต้นไม้" เพราะต้นไม้ช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศให้น้อยลง" รศ.ดร.ธนวัฒน์กล่าว





    "2552"หนาวทุบสถิติทั่วไทย

    ศูนย์ภูมิอากาศแห่งชาติ กรมอุตุนิยมวิทยา แถลงว่า นับตั้งแต่ 9 ม.ค.เป็นต้นมา ความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนได้ปกคลุมบริเวณประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

    ทำให้ทั่วทุกภาคมีอุณหภูมิลดต่ำลงจนมีอากาศหนาว โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศหนาวจัดและมีรายงาน "น้ำค้างแข็ง" บางพื้นที่

    อากาศหนาวระลอกนี้ส่งผลให้อุณหภูมิของไทยช่วงวันที่ 11-12 ม.ค. ลดลงจนทำลายสถิติเดิมของเดือนม.ค.ในอดีต อาทิ

    นครพนม 4.2 องศา, สุพรรณบุรี 8.5 องศา, ปทุมธานี 14.5 องศา, ฉะเชิงเทรา 11.3 องศา, สระแก้ว 11.4 องศา, แหลมฉบัง 14.9 องศา และกระบี่ 15.3 องศา

    สำหรับชาวกรุงเทพฯ จะรู้สึกว่าสัมผัสได้ถึงอากาศหนาวจริงๆ

    แต่ยังไม่ถึงขั้นทำลายสถิติหนาวจัดในอดีต

    อุณหภูมิต่ำสุดของกรุงเทพฯ ช่วงนี้วัดได้ 14.7 องศา ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เมื่อ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา

    ส่วนอุณหภูมิต่ำสุดที่เคยตรวจวัดได้ คือ 9.9 องศา ที่กรมอุตุนิยมวิทยาเดิม (สวนเบญจสิริ) เมื่อ 12 ม.ค. ปี 2498

    [FONT=Tahoma,]หน้า 21[/FONT]

    ทั่วโลกหนาวรุนแรง พบเจอปรากฏการณ์แปลก



    [​IMG]ฤดูหนาวนี้หลายประเทศพบกับอากาศหนาวจัดอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน พร้อมกับเกิดเหตุการณ์แปลกๆ ที่มากับความหนาว เช่น แสงประหลาด พื้นน้ำแข็งรูปวงกลม และนกนางแอ่นที่สู้กับความหนาวอย่างทรหด จนได้รับการขนานนามว่า "แรมโบ้"

    ที่เมืองซีกัลดา ประเทศลัตเวีย นายอัลการ์ ทรูฮินส์ ถ่ายรูปลำแสงที่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยกล้องดิจิตัล จนกลายเป็นภาพที่สร้างกระแสวิจารณ์ในอินเตอร์เน็ตให้กับเหล่านักดูดาวมือสมัครเล่น

    แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ เห็นว่า ลำแสงนี้อาจเกิดจากผลึกน้ำแข็งหรือไอซ์คริสตัลในอากาศ โดยแสงไฟบนถนนสะท้อนขึ้นไปบนท้องฟ้า และผลึกน้ำแข็งบนฟ้าสะท้อนแสงให้กลับลงมา อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญยอมรับว่า ลำแสงที่ทรูฮินส์ถ่ายมาได้ มีความแตกต่างไปจากลำแสงที่เกิดโดยผลึกน้ำแข็งอื่นๆ และต้องถ่ายรูปมาเพิ่มเติมเพื่อทำการวิเคราะห์ต่อไป <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    1. น้ำแข็งวงกลมที่รัสเซีย

    2.ที่รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา

    3.น้ำแข็งวงกลมบนแม่น้ำออตเตอร์ที่อังกฤษ เส้นผ่าศูนย์กลาง 10 ฟุต และจะหมุนเป็นวงกลมครบ 360 องศา ทุกๆ 4 นาทีกับ 10 วินาที

    4 ที่ออนตาริโอ ประเทศแคนาดา


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ในหลายประเทศ มีผู้พบเห็นน้ำแข็งวงกลม หรือ "ไอซ์เซอร์เคิล" ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว จะพบในอาร์กติก ประเทศสแกนดิเนเวียและแคนาดา

    นักวิทยาศาสตร์อธิบายว่า การที่น้ำแข็งบนแม่น้ำสร้างรูปเป็นวงกลมได้ เพราะแรงที่เรียกว่า "Rotational shear" หรือ "แรงตัดหมุน" ซึ่งกระเทาะแผ่นน้ำแข็งออกและหมุนเป็นวงกลม



    ปิดท้ายด้วยชีวิตของนกนางแอ่น ที่นักดูนกชาวอังกฤษต่างให้ความสนใจ เพราะมันเป็นนกนางแอ่นตัวเดียวในประเทศ ที่ยังอยู่รอดในฤดูหนาวที่อากาศหนาวเย็นมากที่สุดในรอบ 30 กว่าปี จนมีผู้ตั้งชื่อว่า "แรมโบ้"

    ตามปกติแล้วเดือนกันยายน นกนางแอ่นอังกฤษจะเริ่มอพยพไปอยู่ที่ทางตอนใต้ของแอฟริกา และจะหายไปเกือบทั้งหมดก่อนคริสต์มาส แต่ยังมีนกนางแอ่นบางตัวที่ไม่ยอมบินไป โดยเมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา นักดูนกพบนกนางแอ่นที่สู้กับอุณหภูมิ -12 องศาเซลเซียส อยู่ 7 ตัว แต่ไม่นานมานี้ 6 ตัวได้ตายไป เหลือรอดอยู่ก็แค่ "แรมโบ้" ตัวเดียว

    จากการสังเกตพบว่า น้ำหนัก "แรมโบ้" ลดลงกว่าครึ่ง เพราะอากาศหนาวจัดทำให้แมลงอาหารของนกหายหน้าหายตาไป มันจึงไม่มีอาหารกิน นักดูนกจึงพากันไปพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติมาเรเซียน ในคอร์นวอลล์ เพื่อให้กำลังใจ "แรมโบ้" กันอย่างเนืองแน่น

    [FONT=Tahoma,]หน้า 21[/FONT]
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><!--Middle--><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffffff>จำนวนคนอ่านล่าสุด 823 คน <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>










    เมื่อกี้โดนแอบถ่าย เลยเล่นข่าวนี้ซะหน่อย อุบาทมากจิตใจคนมันต่ำลงห่วยลงริว่ามันจะ
    เร่งให้คนขี้เกียจอ่านกะทู้นี้ เบื่ออ่านยัง ต้องไปถามครูบาอาจารย์ก่อนที่จะทำการ.....(ท่องสูตรคูณ)
    พระอาจารย์สมควร จักกธัมโม ว่าหลวงปู่โลกอุดรบอกว่าจะทำการปิดกะทู้นี้ประมาณปี 60-61โน่นแระ
    สงสัยกลุ่มคุณปู่ k isara จะรอดกี้คน

    กลุ่มเกย์ยื่นมหาเถรฯเชือด"พระตุ๊ดเณรแต๋ว"

    แฉรับจ้าง จัดดอกไม้ สอนเต้น! ผัวพุ่มพวง โผล่จี้ฟัน



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    พระตุ๊ด- กลุ่มเกย์การเมือง นายไกรสร แสงอนันต์ พร้อมอดีตอาจารย์มช. ร่วมกันแถลงข่าวแฉพฤติกรรมพระตุ๊ด-เณรแต๋ว พร้อมโชว์รูปถ่ายต่างๆที่ขัดกับสมณสารูป โดยจะไปยื่นร้องเรียนมหาเถรสมาคม เมื่อวันที่ 19 ม.ค.

    </TD></TR></TBODY></TABLE>"ไกรสร แสงอนันต์" ประธานกลุ่มเชียงใหม่อารยะ พร้อมกลุ่มเกย์การเมืองอดีตอาจารย์ มช. นำรูปภาพ"พระตุ๊ดเณรแต๋ว"ในอิริยาบถต่างๆ มาแถลงเปิดโปง ยันพฤติกรรมแต่งหน้าทาปาก ดัดแปลงอังสะให้คล้ายยกทรงของพวกพระตุ๊ดเณรแต๋ว สามารถพบได้ทั่วไปตามท้องถนน เตรียมบุกยื่นร้องมหาเถรสมาคมจัดการไม่ให้เสื่อมเสียไปกว่านี้ แฉกรี๊ดกร๊าดกันหนักข้อเข้าร้านเสริมสวยต่อขนตา ลองวิกผม

    จากกรณีมีการเปิดโปงพฤติกรรมไม่สมควรของพระตุ๊ดเณรแต๋ว ที่ระบาดดาษดื่น สร้างความขุ่นข้องหมองใจให้กับชาวพุทธ ตามที่เสนอข่าวมาตามลำดับนั้น เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 19 ม.ค. ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ อ.เมืองเชียงใหม่ ห้องวชิระ นายไกรสร แสงอนันต์ อดีตสามีของราชินีลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ ในฐานะประธานกลุ่มเชียงใหม่อารยะ นายนที ธีระโรจนพงษ์ เลขาฯกลุ่มเชียงใหม่อารยะ และประธานกลุ่มเกย์การเมืองไทย รศ.ฉวีวรรณ สุขพันธ์โพธาราม อดีตอาจารย์คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกันแถลงข่าวในหัวข้อเรื่อง "พระตุ๊ด สามเณรแต๋ว กับพฤติกรรมทำลายศาสนา" พร้อมกับนำภาพของสามเณร และพระสงฆ์ ตามที่สาธารณะต่างๆ ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมมาแสดงในการแถลงข่าวด้วย

    นายไกรสร เปิดเผยว่า ไม่ได้มีความรู้มากเท่าไรเกี่ยวกับพระสงฆ์สามเณร แต่ไม่ต้องการเห็นสังคมที่เลวร้ายอยู่แล้วกลับเลวร้ายมากไปกว่านี้ ด้วยความร่วมมือของนายนที เลขาฯกลุ่มฯ และคณะกรรมการอีกหลายๆ ท่าน การแถลงข่าววันนี้เราไม่ได้มาโจมตีและเราก็ไม่มีอำนาจใดๆ ที่จะมาตัดสินใครว่าสิ่งที่ท่านทำไปนี้ดีหรือไม่ดี เพียงแต่เราจะมาบอกให้สังคมรู้ว่า ถ้าท่านอยู่ในสถานะของภิกษุหรือสามเณรแล้วกระทำตัวไม่ถูกต้องไม่เหมาะสม สิ่งเหล่านั้นต่างหากที่เราจะนำมาเสนอต่อสาธารณชน และหาทางป้องกันกับสิ่งๆ นั้น โดยยื่นเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการแก้ไขโดยด่วนเพื่อสังคมไทยเรา และเพื่อศาสนาพุทธของเรา ตนเชื่อว่าพระตุ๊ด สามเณรแต๋ว ไม่ใช่เฉพาะที่เชียงใหม่ที่เดียว แต่มีทั่วประเทศและมีมานานแล้ว หากสังคมร่วมมือกันสอดส่องดูแลคิดว่าสังคมก็จะดีขึ้น

    ส่วนนายนที กล่าวว่า มีคนโทรศัพท์มาเตือนตนให้ระวังตัวเอง เพราะเล่นแรงมาก ระวังเรื่องความปลอดภัย ตนบอกกับตัวเองเสมอก่อนที่จะออกมาวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้ ว่าถ้าจะทำแล้วต้องกล้า ถ้าไม่กล้าไม่ต้องทำ วันนี้ที่ตนเปิดแถลงข่าว เพื่อมาพูดถึงพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความสูญเสียของสังคมไทย เช่น พระตุ๊ดเณรแต๋ว แต่งกายออกมาในชุดต่างๆ นานา ชุดเกาะอก ชุดกิโมโน หรือสะพายย่าม ทำให้เหมือนย่ามหรือกระเป๋าหลุยส์ตามที่สาธารณะ เมื่อเราไปเห็นแล้วเราจะทำอย่างไร บางครั้งก็ไปเห็นพระหรือสามเณร ทาแป้งลงครีม ทางปากสีชมพู กันคิ้ว แล้วเดินลอยหน้าลอยตาอยู่บนถนน อย่างนี้กลุ่มเราอยากเรียนถามมหาเถรสมาคมว่า ประชาชนคนไทยเราจะช่วยกันจัดการได้อย่างไร <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    พระตุ๊ด - รูปถ่ายอิริยาบถต่างๆ ของพระตุ๊ด-เณรแต๋ว ที่กลุ่มเกย์การเมืองและนายไกรสร แสงอนันต์ พร้อมอดีตอาจารย์มช.นำมาโชว์ระหว่างแถลงข่าวแฉพฤติกรรมที่ขัดกับสมณสารูป โดยจะร้องเรียนมหาเถรสมาคมด้วย เมื่อ 19 ม.ค.

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    "ผมเคยเห็นสามเณรแต๋ว ทำอังสะให้เว้าให้คล้ายกับยกทรงเดินที่สาธารณะ ผมเลยบีบแตรรถ ปรากฏว่าสามเณรท่านนั้นตกใจ และท่านก็หันมาแสดงอาการค้อนให้กับผมที่กำลังขับรถอยู่ เป็นจุดทำให้ผมรู้สึกว่าเมื่อประชาชนเจอแบบนี้ เราจะจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างไร พระผู้ใหญ่จะมีมาตร การอย่างไร ประชาชนจะมีหมายเลขโทรศัพท์เพื่อที่จะเรียกให้เจ้าหน้าที่มาดูหรือไม่ว่า มีการแต่งกายของพระสงฆ์หรือสามเณรที่ไม่เหมาะสม และให้เจ้าหน้าที่รีบมาตักเตือนว่ากล่าว ผมคิดทางคณะสงฆ์น่าจะเปิดโรงเรียนอบรมเพื่อมารยาทพฤติกรรมเรื่องบุคลิกภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกพระตุ๊ดพระแต๋ว โดยให้อบรมว่าอะไรที่เกินขอบเขตเกินเส้น ก็ไม่ควรจะกระทำ เพราะส่งผลให้เกิดความเสียหายกับภาพลักษณ์โดยรวมของสังคมและศาสนาของเรา" นายนทีกล่าว

    นายนที กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ยังพบว่ามีพระสงฆ์และสามเณร พากันมาเล่นคอมพิวเตอร์กันจำนวนมาก ทั้งออนเอ็มแช็ตกันสนุกสนาน เรียกกัน อีนั่น อีนี่ มึงกู แถมมีรูปภาพประกอบ ห่มผ้าเหลือง กลายเป็นว่าต่อไปนี้ พระสงฆ์องค์เจ้าก็จะถูกดูหมิ่นดูแคลน กลายเป็นเสียภาพลักษณ์ไป คิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจำเป็นจริงๆ ที่พวกเราจะต้องลุกขึ้นมาพูดคุยและหาทางเยียวยาสังคมที่กำลังเจ็บไข้ได้ป่วย การไปบวชพวกพระตุ๊ดสามเณรแต๋ว ถือเป็นช่องทางอย่างหนึ่งของการหลบปัญหา คือ 1.ไม่ต้องแต่งงานกับผู้หญิง 2.ทำให้พ่อแม่ได้สบายใจด้วยเพื่อทดแทนบุญคุณ 3.เรื่องฐานะความเป็นอยู่ของครอบครัว

    นายนทีกล่าวว่า มีเพื่อนชาวต่างชาติมาเล่าให้ฟังว่า เอาหลานไปเข้าแคมป์บวชเณรลูกแก้วอะไรทำนองนั้นที่สุดก็ปรากฏว่าทางเจ้าอาวาสเข้ามาทำท่าลวนลาม เด็กเองก็ไม่พอใจมาก เพราะเป็นเด็กลูกครึ่ง ผิวพรรณถูกสเป๊กเจ้าอาวาส เขาได้ลุกขึ้นเพราะในความรู้สึกที่ว่าเขามีสิทธิในเรื่องตัวเขา และเขาได้ไปหายายเขา บอกว่าเขาไม่อยู่ต่อแล้ว เพราะว่าเจอกรณีลวนลาม ในที่สุดทางผู้ปกครองก็ได้นำเอาหลานตัวเองกลับ และเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อพุทธศาสนา พระที่ชอบยุ่งกับเด็ก ในที่สุดก็จะกลายเป็นคนที่ชอบตุ๋ยเด็ก กลายเป็นโรคจิตแล้วก็ไม่มีใครมาดำเนินการจัดการปล่อยให้ลอย นวล ส่วนพวกเด็กๆ ที่เคยถูกลวนลามจากพวกพระสงฆ์พวกนี้ก็จะกลายเป็นพวกเกลียดชังไม่ชอบเกย์ กะเทย เมื่อโตขึ้นเมื่อเจอเกย์เจอตุ๊ดที่ไหนก็อยากจะทำร้ายอยากจะฆ่า จะทำให้สังคมไทยเราเสียหายหนักเข้าไปอีก

    "ผมกับพวกจะไปยื่นหนังสือต่อมหาเถรสมาคมที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 20 ม.ค.นี้ เพื่อที่จะได้ขอให้ทางมหาเถรสมาคม ออกมาแสดงความชัดเจนและให้ทางออกต่อสังคมไทยว่า สังคมไทยที่เจอปัญหาแบบนี้จะขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวกันไปอย่างไร เพื่อให้ศาสนาของเราดำรงคงอยู่อย่างสง่างาม และเป็นที่ภาคภูมิใจของเราพุทธศาสนิกชนต่อไป" ประธานกลุ่มเกย์การเมืองไทยกล่าว

    ทางด้านรศ.ฉวีวรรณ กล่าวว่า เคยเห็นพระรูปหนึ่งทาเล็บมือด้วย ความที่ตนเป็นครูเป็นคนแก่ เลยเดินเข้าไปเตือนพระรูปดังกล่าวเลยว่า อย่าทำแบบนี้อย่างนี้ได้ไหม การแถลงข่าวของกลุ่มวันนี้ อยากเน้นว่าถ้าคุณคิดว่าคุณยังมีใจเป็นอย่างนั้น และยังแต่งผ้าห่มจีวรเป็นปกติ ถือศีลจิตใจอ่อนโยนก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าหากคุณออกมากรี๊ดกร๊าดข้างนอกที่สาธารณะ เป็นสิ่งหนึ่งที่เราคำนึงถึง ทางกลุ่มเชียงใหม่อารยะ เคยพูดคุยกันว่าเราจะทำอย่างไรกับสิ่งเหล่านี้ ในฐานะที่เราเป็นอารยชน เราจะทำอย่างไรที่ให้ออกมานุ่มนวลที่สุดและไม่ก่อให้เกิดภาวะของการแตกแยก ที่เราต้องออกมาเพื่อต้องการจรรโลงพระพุทธศาสนา ไม่อยากให้ใครมาทำให้เสื่อม และเป็นการป้องปรามพวกที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบน ไม่ให้มาย่ำยีศาสนาพุทธของเราโดยแฝงเข้ามา

    น.ส.อ้อย นักธุรกิจสาวค้าลำไยอบแห้งในเชียงใหม่คนหนึ่ง เปิดเผยว่า เคยไปที่ร้านขายอุปกรณ์เสริมสวยย่านตลาดวโรรส อ.เมืองเชียง ใหม่ พบมีสามเณรอยู่ในร้านดังกล่าวมาด้วยกัน 2 รูป นำขนตาปลอมมาวัดที่ตาและแสดงท่าโพส กับกระจก หลับตาทำตากะพริบๆ ปริบๆๆ และทั้งคู่ก็หัวเราะอย่างมีความสุขโดยไม่สนใจใคร และยังขอทางร้านนำวิกผมมาทดลองใส่ดูแล้วส่องกระจกและก็หัวเราะกัน ทำท่าโพสต์ในกระจก โดยไม่สนใจว่าอยู่ในผ้าเหลืองและต่อหน้าประชาชนที่เดินผ่านร้านดังกล่าวจำนวนมากด้วย เหมือนกับว่าโลกนี้มีแค่เขาสองคนเท่านั้น

    ต่อมานายนที เปิดเผยว่า ล่าสุดได้สอบถามกับสามเณรบางรูปที่เคยบวชในวัดที่จ.เชียงใหม่ และบางจังหวัดในภาคเหนือ พบข้อมูลที่น่าตกใจ คือ พระระดับเจ้าอาวาส หรือผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบางแห่ง มีความสัมพันธ์กับสามเณรในวัดเดียวกัน โดยหากสามเณรรูปใดเล่นด้วย ยอมเป็นคู่ขา ก็จะได้รับการดูแลอย่างดี ให้เงินใช้ ได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ แต่หากสามเณรรูปใดไม่เล่นด้วยจะไม่ได้รับความสนใจ พระที่มีพฤติกรรมในลักษณะนี้ พอเจอสามเณรที่มีหน้าตาดี ก็จะชวนเข้ามาในกุฏิ จากนั้นจะเปิดหนังโป๊ดูแล้วจะเอามือมาคลำที่อวัยวะเพศของสามเณรเพื่อปลุกอารมณ์ หากพบว่าสามเณรมีท่าทีที่เล่นด้วย ก็จะดำเนินการขั้นตอนต่อไปโดยอาจจะมีเพศสัมพันธ์ด้วย หรือว่าสำเร็จความใคร่ให้ ทำให้เกิดผลเสียกับสามเณรอย่างมาก เพราะหากสามเณรรูปนั้นยังเป็นเด็กอยู่ เมื่อเจอการกระทำดังกล่าวอาจจะทำให้เกิดการเบี่ยงเบนทางเพศไปในทันที หรือบางรูปอาจจะเกิดความรู้สึกเกลียดเกย์ กะเทย ไปเลยก็ได้

    นายนทีกล่าวว่า พระเณรบางวัดที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ จะมีการเปิดห้องภายในวัดรับจ้างสอนรำไทย และตนยังได้รับการร้องเรียนมาด้วยว่ามีพระรูปหนึ่งรับจ้างจัดดอกไม้ตามงานต่างๆ โดยที่ในนามบัตรของพระรูปดังกล่าวจะระบุชื่อพระ และมีวงเล็บต่อท้ายชื่อว่า "น้องหล้า" ขณะที่บางรูปก็มีการดัดแปลงอังสะ เป็นลักษณะคล้ายๆ กับเสื้อเกาะอก ทั้งนี้เชื่อว่าปัญหาเรื่องพระ เณร ที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศนี้มีมานานแล้ว แต่ไม่มีใครกล้าพูด อย่างไรก็ตาม ตนทนไม่ได้ที่เห็นพระ-สามเณรเพศที่ 3 ที่บวชแล้วเข้าไปทำความเสื่อมเสียให้กับพระพุทธศาสนา เชื่อว่าพระ-สามเณรเพศที่ 3 ที่ดีๆ ยังมีอยู่จำนวนมาก และไม่ได้ต้องการเรียกร้องให้ห้ามคนเพศที่ 3 บวช แต่ต้องการเรียกร้องให้หาทางดำเนินการกับพระเณรเพศที่ 3 ที่มีพฤติกรรมสร้างความเสื่อมเสียให้กับพระพุทธศาสนา ทั้งนี้ ตนจะนำเรื่องดังกล่าวไปร้องเรียนที่ประชุมมหาเถรฯ และสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ในวันที่ 20 ม.ค. เวลา 13.00 น. เพื่อให้ที่ประชุมมหาเถรฯ และสำนักพุทธฯ ดำเนินการต่อไป

    [FONT=Tahoma,]หน้า 1[/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2009
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อินโดนีเซียเผชิญกับโรคที่มาจากน้ำท่วม

    [​IMG]

    จาการ์ตา 20 มค. - เจ้าหน้าที่อินโดนีเซีย แถลงว่า อินโดนีเซียกำลังเผชิญกับโรคต่างๆ ที่มีสาเหตุมาจากน้ำท่วม เนื่องจากฝนมรสุมตกลงมาอย่างหนักในพื้นที่ต่ำรวมทั้งในเขตเมืองหลวงด้วย

    กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย เตรียมป้องกันการระบาดของโรคท้องร่วง โรคผิวหนัง และโรคฉี่หนูที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในปัสสาวะสัตว์ที่เป็นพาหะของโรค เช่น หนู โดยระบุว่าเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นควรจัดหายารักษาโรคติดต่อที่มาจากน้ำท่วมให้เพียงพอ ทั้งนี้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 คน และสูญหาย 3 คนหลังเกิดน้ำท่วมใน 13 จังหวัดของอินโดนีเซียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ศูนย์พยากรณ์อากาศคาดว่าจะมีฝนตกหนักเพิ่มเติมอีกในเดือนนี้.-สำนักข่าวไทย

    2009-01-20 17:48:56

    ไข้หวัดนกระบาดสู่รัฐสิกขิมของอินเดีย

    [​IMG]

    กุวาฮาติ, อินเดีย 20 ม.ค.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791

    อ่ะๆ เรียกว่า Global colding [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มกราคม 2009
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    โหรทายพ้นเมษายน รัฐบาลอยู่ยาว

    [​IMG]

    นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ หรือโหรวารินทร์ โหรชื่อดังจังหวัดเชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ "ลับ ลวง พราง" ทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม 100.5 เมกะเฮิร์ตซ์ เมื่อวันที่ 17 มกราคม ถึงระยะเวลาในการบริหารประเทศของรัฐบาลว่า ต้องผ่านช่วงเดือนกุมภาพันธ์ไป ทุกอย่างจะดีขึ้นตามลำดับ ในเดือนเมษายนทุกอย่างจะคลี่คลายและดีขึ้น

    แล้วรัฐบาลจะอยู่ปกครองบ้านเมืองในระยะยาว ที่ผ่านมาตลอดปี 2551 ชาติเกิดวิกฤตมากมาย เหมือนเป็นกรรมของแผ่นดิน เมื่อเปิดนิมิต เห็นเป็นการร่วมใจกัน เพื่อสร้างบุญให้กับแผ่นดินเพื่อผ่อนคลายกรรม เมื่อถึงเวลานี้ กรรมได้คลายไปแต่ยังไม่หมด จนกว่าจะผ่านวิกฤตเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม ทุกอย่างจึงจะเป็นปกติ ส่วนวิธีการแก้ที่รัฐบาลจะทำบุญประเทศนั้น ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ผ่อนคลายกรรมลงไปได้

    นายวารินทร์กล่าวว่า ส่วนบทบาทของกองทัพขณะนี้ เหมือนเป็นพี่เลี้ยง ซึ่งในอดีตการวางดวงเมืองนั้น จะวางดวงของทหารเป็นผู้ที่ดูแลและคู่ราชบัลลังก์ เพื่อรักษาชาติบ้านเมือง ปัจจุบันกองทัพช่วยดูแลความสงบ และความมั่นคงของชาติ ตลอดจนต้องช่วยกันเป็นพี่เลี้ยง ช่วยประคับประคองชาติบ้านเมือง เท่าที่ผ่านมากองทัพช่วยดูแลทุกรัฐบาลอยู่แล้ว สำหรับดวงในการปฏิวัติรัฐประหารนั้นไม่น่าจะเกิดขึ้น และเวลานี้พรรคประชาธิปัตย์กับกองทัพจะต้องช่วยกันประคอง และดูแลซึ่งกันและกัน

    " จะเกิดวิกฤตใน 1 - 2 เดือนนี้ แต่ผ่านพ้นไปเดือนเมษายนจะเป็นช่วงการคลายกรรม จากนั้นจะค่อยๆ ดีขึ้นไปเรื่อย หลังเดือนธันวาคมจะดีที่สุด ช่วงนั้นอาจมีการปรับเปลี่ยนของบ้านเมือง จากนั้นจะดีขึ้นเรื่อยๆ หากรัฐบาลพ้นวิกฤต 2 เดือนนี้ไปได้จะอยู่ยาว แต่วิกฤตนั้นจะไม่รุนแรงถึงขั้นนองเลือดเหมือนปี 2551 ส่วนการยุบสภานั้น ช่วงนี้ไม่เกิดแน่นอน ดูนายกฯตั้งใจดีในการประคองชาติบ้านเมืองเพื่อฟันฝ่ามรสุม ผมขอเป็นกำลังใจให้ประเทศชาติผ่านพ้นไปได้ด้วยดี" นายวารินทร์กล่าว

    ที่มา http://hilight.kapook.com/view/32957

    หมายเหตุ

    ที่ผมได้นำคำทำนายของโหรวารินทร์ มาโพสต์ในกระทู้นี้ ก็ด้วยเห็นว่าเป็นคำทำนายที่เป็นกลาง ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใด และทำนายได้ตรงกับคำเตือนของลูกศิษย์หลวงพี่เล็ก วัดท่าขนุน ที่ได้เตือนมาว่าเดือน ก.พ.- เม.ย.2552 นี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ในประเทศไทยครับ

    ท่านที่ไม่ชอบในตัวโหรวารินทร์ จะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ กรุณาอย่าได้เข้ามาด่าทอในกระทู้นี้เลยครับ เพราะกระทู้นี้เป็นกระทู้ที่รวบรวม คำทำนายทั้งหมดที่มีอยู่ในโลกนี้ มาเพื่อเป็นข้อมูลในการเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติ ในทุกรูปแบบที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติจากทางธรรมชาติ หรือภัยพิบัติจากมนุษย์ด้วยกันเอง ทั้งนี้ก็เพื่อลดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของเพื่อนมนุษย์ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Varin.jpg
      Varin.jpg
      ขนาดไฟล์:
      41.9 KB
      เปิดดู:
      1,846
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มกราคม 2009
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ไทย เตรียมสานต่อโครงการครัวไทยสู่ครัวโลก ระยะที่ 2 มั่นใจเห็นผลภายใน 1 ปี

    [​IMG]


    ประเทศไทย เตรียมสานต่อโครงการครัวไทยสู่ครัวโลก ระยะที่ 2 เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั่วโลกกลับคืนว่าอาหารไทยปลอดภัย มั่นใจเห็นผลภายใน 1 ปี

    นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กล่าวว่า โครงการครัวไทยสู่ครัวโลก ระยะที่ 1 ตั้งแต่ปี 2547-2551 นับว่าประสบความสำเร็จและสร้างอาหารไทยให้เป็นที่รู้จักในตลาดโลกมากขึ้น แต่จากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลก สถาบันอาหาร เตรียมเรียกความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั่วโลกกลับคืนว่าอาหารไทยปลอดภัย ด้วยการทำโครงการครัวไทยสู่โลก ระยะที่ 2 ภายใต้แนวคิด “ เชื่อมั่นอาหารไทย ” หรือ Thailand Food Forward ซึ่งจะใช้งบประมาณ 2,000 ล้านบาท มั่นใจเห็นผลภายใน 1 ปี

    โดยจะเน้นเจาะกลุ่มผู้ผลิต โดยช่วง 6 เดือนนับจากนี้จะใช้งบกลางที่ได้รับจัดสรร 150 ล้านบาท ยกระดับขีดความสามารถในการผลิตอาหารให้ได้ตามเป้า 250 แห่ง มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล และสร้างความมั่นใจความปลอดภัยให้ทั่วโลก ซึ่งโครงการระยะที่ 2 นี้ จะผลักดันให้มีร้านอาหารหรือภัตตาคารไทยเกิดใหม่ในต่างประเทศ 20,000 ร้าน ขยายเครื่องหมายไทยซีเล็กต์ (Select) ให้ร้านอาหารไทยทั่วโลก สร้างและรักษาภาพลักษณ์ร้านอาหารไทย และสร้างวัฒนธรรมความเชื่อเกี่ยวกับการประกอบและบริโภคอาหารไทย

    ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กล่าวด้วยว่า โครงการครัวไทยสู่ครัวโลก ระยะที่ 2 จำเป็นต้องของบประมาณเพิ่มอีก 1,850 ล้านบาท สถาบันอาหารจึงเตรียมหารือกับกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อขอบรรจุไว้ในปีงบประมาณ 2553 และจะเริ่มมีการจัดโร้ดโชว์และสร้างสัญลักษณ์เครื่องหมายคุณภาพเอคิวพี มาพัฒนาช่องทางจัดจำหน่ายระดับพรีเมี่ยม

    ที่มา http://thainews.prd.go.th/view.php?m_newsid=255201190241&tb=N255201
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เห็นหน้า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มกราคม 2009
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ชี้ "ภูเขาไฟระเบิด" ลดความร้อนโลก

    [​IMG]
    ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต

    ปฏิกิริยาเรือนกระจก ที่เกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์ส่งผลให้โลกร้อน แผ่นน้ำแข็งละลายและทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น แต่การระเบิดของภูเขาไฟที่มนุษย์คิดว่าเป็นภัยธรรมชาติ กลับส่งผลให้เกิดการปรับสมดุลโลก โดยชะลอการเพิ่มอุณหภูมิและระดับน้ำทะเล

    ดร.จอห์น เชิร์ช จากสถาบันวิจัยบรรยากาศซิโร่แห่งออสเตรเลีย ร่วมกับศูนย์วิจัยสภาพภูมิอากาศแอนตาร์กติก เผยผลการศึกษาในวารสารเนเจอร์ระบุว่า จากการเก็บข้อมูลการระเบิดของภูเขาไฟครั้งใหญ่ปลายศตวรรศที่ 20 และข้อมูลระดับน้ำทะเล ร่วมกับการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ จำลองการระเบิดภูเขาไฟพบว่า กลุ่มก๊าซและละอองอนุภาค ที่พ่นออกมาจากการระเบิดของภูเขาไฟ จะสะสมยังชั้นสตราโตสเฟียร์ หรือชั้นบนของบรรยากาศ ส่งผลให้อุณหภูมิและระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยปีละ 1.8 มิลลิเมตรทุกปีชะลอตัวลง

    ทั้งนี้ ภูเขาไฟระเบิดที่คิดว่าส่งผลเพิ่มอุณหภูมิพื้นผิวโลกและกระทบต่อระบบภูมิอากาศอื่นๆ ของโลก แต่นี่เป็นผลการศึกษาชิ้นแรกที่ระบุถึงความเชื่อมโยงของภูเขาไฟระเบิดกับน้ำทะเล โดยผลการศึกษานี้จะใช้รายงานในที่ประชุมภูมิอากาศสากลว่าด้วยเรื่องปฏิกิริยาเรือนกระจก ที่เมลเบิร์นระหว่างวันที่ 13-17 พ.ย.48


    ข่าวจากหนังสือพิมพ์ ข่าวสด 9 พ.ย.48

    ที่มา http://board.dmr.go.th/news_dmr/data/0439.html

    หมายเหตุ

    Global colding !!! จะเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อเกิดภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ ไปทั่วโลกแล้วเท่านั้น นั่นก็คือต้องหลังจาก"วันพิพากษาโลก"ผ่านพ้นไปแล้ว อุณหภูมิของโลกจึงจะเย็นตัวลง เพราะได้เกิดการปรับสมดุลตามธรรมชาติ ตามคำอธิบายของนักวิทยาศาสตร์ดังที่ได้กล่าวมานี้ และตามคำทำนายของ คุณหนุมาน ผู้นำสาร ดังนี้ครับ

    *** โลกุตตระ สัจจะธรรม ****

    โลก...กำลังเย็นลง เพราะ มีน้ำมาเติมเพิ่มมากขึ้น ที่ไซบีเรีย
    ช่วงนี้หิมะ ฝนจะตกมาก น้ำจะไหลลงทะเลมากขึ้น
    น้ำทะเลจะค่อยๆ สูงขึ้น เกาะจะท่วมเป็นล้านๆ เกาะ
    สุดท้าย ...โลกจะสมบูรณ์ เหมือนในอดีต

    ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท กายวาจาใจ ตรงกันเป็นสัจจธรรม
    สัจจะ คือหนทางสร้างการกระทำเที่ยง

    <!-- / message --><!-- edit note -->โดย หนุมาน ผู้นำสาร : 01-11-2008 เมื่อ 12:39 PM

    ****************************************************
    <!-- / edit note -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • m50123.jpg
      m50123.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32.1 KB
      เปิดดู:
      1,902
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...