ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ไม่เตรียมใจ ระวังจะไปไม่รอด


​

เรียน คุณคณานันท์

คือว่าผมได้รับข้อมูลมาจาก หลายแห่ง หลายบุคคล จึงอยากจะขอรบกวนให้คุณ คณานันท์ ช่วยทักท้วง แก้ไข ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องให้ด้วยนะครับ

ข้อมูลไหนที่ไม่ตรงกับที่พระท่านได้บอกมา ก็ช่วยกรุณาบอกเตือนให้ผมแก้ไขด้วยครับ เช่น การเตรียมกาย 30% เตรียมใจ 70% ถ้าไม่ถูกต้องก็ช่วยบอกให้ผมทราบด้วย จะได้แก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องตามที่พระท่านบอกมาครับ

เกษม 26/01/2552

kananun<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
หัวหน้ากลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ

ครับ เตรียมตัว 30% เตรียมจิต 70% แต่เมื่อได้เตรียมของหยาบแล้วก็อย่าไปกังวลมากครับ มาเตรียมจิตใจให้มาก

สำหรับผู้ที่มีหน้าที่ด้าน จิตสมาธิอภิญญา ย่อมต้องเตรียมจิตในอัตราส่วน สูงกว่า เป็นของใช้ทางโลก 10% เตรียมจิตบวกการฝึกกาย 90%

ที่น่าห่วงก็คือผู้ที่เตรียมแต่ของภายนอก แต่ไม่ฝึกจิตเลยครับ กลุ่มนี้หากเกิดอะไรขึ้นน่าห่วง เพราะไม่มีบุญช่วย ไม่มีบุญรักษาเลยครับพี่

ที่ผมโพสต์ไปตอนนั้นเพราะอยากให้เริ่ม สวิทซ์ความคิดกันเพราะได้เตรียมเรื่องของนอกกายกันไปมากแล้ว

แต่งานที่จะช่วยคนได้จำนวนมากๆ ก็คือทำอย่างไรให้สังคม ชุมชนชนบท กลับมาสู่การมีน้ำจิตน้ำใจกัน มีเมตตา พรหมวิหารมากๆ และ กลับสู่องค์ความรู้ในการพึ่งตนเองพื้นฐานได้

เพราะเมื่อเกิดภัยพิบัติ ความเมตตาก็จะช่วยเหลือกันได้ รวมตัวกันได้ และถึงมีคนที่ไม่ได้เตรียมข้าวของไปก็มีที่พึ่ง

แต่หากเราเน้นต่างคนต่างกักตุนอาหาร อารมณ์จิตหวง มันมี สุดท้ายก็ปล้นชิงฆ่าฟันกันอีกอยู่ดี

ดังนั้นผมจึงได้เร่งสอนเมตตา พรหมวิหารสี่ออกไปทั่วประเทศ เพื่อที่จะได้สร้างชุมชนสัมมาทิฏฐิ ให้เอื้อเฟื้อต่อกันได้ครับ ไม่ว่ายามสงบหรือยามเกิดภัยพิบัติ

คณานันท์ 26/01/2552<!-- / message --><!-- sig -->

**********************************************
" จิตใจที่ดีงามจะคงอยู่ตลอดไป "
​

 

ร้านทองเยาวราชปิดขายตรุษจีนเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เหตุราคาโลกผันผวน

​

นาย จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี ​

นาย จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ผู้ประกอบการร้านค้าทองคำย่านเยาวราช มีมติร่วมกันที่จะปิดร้านช่วงเทศกาล ตรุษจีนในวันที่ 26-27 ม.ค.นี้ ซึ่งถือเป็นประวัติศาสตร์ครั้งแรก ที่ร้านค้าทองคำปิดการซื้อขายในช่วงตรุษจีน

เนื่องจากราคาทองคำในตลาดโลกมีความผันผวนมาก ส่งผลให้การกำหนดราคาทองคำในประเทศเป็น ไปด้วยความยากลำบาก ร้านค้าทองต้องเปลี่ยนราคาซื้อขายหลายครั้งต่อวัน และราคาขึ้นลงถึง 400 บาทในวันเดียว ดังนั้นร้านค้าทองคำจึงปิดการซื้อขาย ประกอบกับตลาดทองคำในย่านเอเชียต่างก็ปิดการซื้อขายในช่วงตรุษจีนเหมือนกัน โดยจะเปิดทำการอีกครั้งในวันที่ 28 ม.ค.52​

นายกสมาคมค้าทองคำ คาดว่า กระแสการขายทองคำยังมีอย่างต่อเนื่อง หลังจากในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา มีประชาชนนำทองคำมาขายเป็นจำนวนมาก เพราะราคาทองปรับตัวสูงขึ้นไปอยู่ที่บาทละ 15,000 บาท โดยประเมินว่า มูลค่าทองคำที่ประชาชนนำมาขายสูงถึง 1,000 ล้านบาท ส่วนราคาทองคำในตลาดโลก ยังคงผันผวนเนื่องจากมีการเข้ามาเก็งกำไรของกองทุนเก็งกำไร และสถาบันการเงินต่างๆ เพราะยังมั่นใจว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง

ที่มา http://news.mthai.com/general-news/3285.html

 

ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องของชาวมายาเท่าไหร่...บังเอิญเปิดเคเบิ้ลพบช่องที่เกี่ยวกับวันหายนะโลก คศ.2012 มีนักสำรวจได้ตรวจสอบกระโหลกคริสตันที่พบจากชาวมายา...และค้นหาคำตอบเกี่ยวกับกระโหลกที่ถูกสร้างขึ้นมา...เห็นว่าเป็นของที่มนุษย์ต่างดาวสร้างด้วย...เนื่องจากการตรวจสอบจากการขัดผิวของคริสตัน...หากใครมีข้อมูลมากกว่านี้ก็ช่วยเอามาโพสด้วยนะคะ...จะได้มีความรู้เพิ่มมากขึ้น...จากที่ดูทางเคเบิ้ลตอนแรกนึกว่าเป็นภาพยนต์...ดูไปดูมา...เอะมีนักสำรวจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย...มีนักวิทยาศาสตร์และนาซ่าด้วย...แต่เห็นว่านาซ่าปิดเรื่องไว้...แต่ก็กำลังสำรวจอยู่เช่นกัน...
เนื่องจากที่ดูเขามีความเชื่อว่าต้องหากระโหลกคริสตันให้ครบ 13 อัน...เพื่อนำมาวางเป็นวงรี...และมีกระโหลกอันที่13 อยู่ตรงกลาง...เพื่อหยุดยั้งการกลับด้านของแกนโลก...เนื่องจากชาวมายาเชื่อว่าสิ้นคศ.2012 โลกจะสลับแกนโลกและ...โลกจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง...เหมือนดังอาณาจักรแอตแลนติสที่ล่มสลายขณะที่วิวัฒนาการสูงสุด...

 

กระโหลกคริสตันที่ค้นพบ...มีคุณสมบัติรักษาโรคได้ด้วยนะ...และชาวมายาจะใช้ทำพิธีกรรมตามความเชื่อของเขา...มีพระทิเบตสื่อพลังกับกระโหลกคริสตันได้ด้วย...เขากำลังวิจัยกันว่ากระโหลกคริสตันนี้เก็บข้อมูลอะไรเอาไว้และพยามถอดรหัสอยู่...เนื่องจากเชื่อว่าหากพบรหัส...จะสามารถช่วยไม่ให้โลกล่มสลายได้...

 

ตำนานพระเจ้าเลียบโลก ตอนที่ ๖
บรรยายโดย อาจารย์เจ้านางฯ ปี ๒๕๔๙​

ดินแดนที่ตำนานพระเจ้าเลียบโลกกล่าวถึงอันเป็นที่ตั้งของแหล่งวัฒนธรรมต่างๆ ​

เรามาเล่าถึงในผูกที่ ๑๐ ที่พระพุทธองค์ทรงที่พุทธพยากรณ์กับพระอินทร์ ที่พระอินทร์ถามว่าในศาสนาของพระองค์ ใน ๕,๐๐๐ ปีจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เราก็ได้เล่ามาโดยลำดับ จนกระทั่งถึงที่พระพุทธองค์ได้สรุปว่าภัยทั้ง ๑๐ ประการจะเกิดขึ้นในท่ามกลางกึ่งกลาง ๕,๐๐๐ พรรษา ภัยทั้ง ๑๐ ประการนั้นได้แก่

1. ราชภัย ท้าวพระยาจะบังคับเบียดเบียนพลเมือง
2. โจรภัย จะบังเกิดโจรผู้ร้ายปล้นสะดมทั่วไป
3. อัคคีภัย ไฟจะไหม้บ้านเมืองไม่ขาดสาย
4. อสุนีบาต ฟ้าจะผ่าสัตว์และคนล้มตายบ่อย ๆ
5. เมทนีภัย แผ่นดินจะไหวสะท้านและแยกออกจากกัน
6. วาตภัย จะเกิดลมพายุพัดพาบ้านเมืองพินาศ
7. อุทกภัย น้ำท่วมบ้านเรือนและเรือกสวนไร่นา
8. ทุพภิกขภัย จะเกิดข้าวยากหมากแพงและอดอาหาร
9. พยาธิภัย จะเกิดโรคระบาดคนและสัตว์ล้มตาย
10. สัตถภัย จะรบราฆ่าฟันกันล้มตายร้ายแรง

ดูรา มหาราช (พระอินทร์) นักบวชทั้งหลายไม่ตั้งอยู่ในวินัยธรรมคำสั่งสอน ของตถาคตใจบาปหยาบช้า เป็นจำนวนมาก ๑๐๐ รูป ๑,๐๐๐ รูป จะมีที่ชอบธรรมอยู่สัก ๑-๒ รูป ลางที ไม่มีเลยแม้แต่รูปเดียว แม้ท้าวพระยาเสนาอำมาตย์ตลอดถึงประชาชนหญิงชายทั้งหลาย ก็ไม่ประกอบไปด้วยธรรมเป็นจำนวนมาก ๑,๐๐๐ คน จะมีชอบธรรมสัก ๑-๒ คน พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าลางบ้านลางเมืองไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว เหตุว่ามีบาปธรรมอันหนาแน่นยิ่งนัก เทวดา อินทร์ พรหม ทั้งหลายก็จะบันดาลให้เป็นโรคระบาดพินาศ ทั้งสัตว์และคนก็จะถึงแก่ความตายเป็นจำนวนมาก ประการหนึ่ง

ยักษ์และเทวดาทั้งหลายจะบันดาลให้หัวใจนักบวชทั้งหลายให้ต่ำช้า ให้มีความโกรธความขึ้งคียด ดูถูกดูแคลนซึ่งกันและกัน องค์ที่มีอายุน้อยก็จะเหยียบย่ำองค์ที่มีอายุมากกว่า องค์ที่มีอายุก็ไม่รักไม่เกรงองค์ที่มีอายุต่ำกว่า ลูกศิษย์ก็ไม่เคารพรักอุปัชฌายาจารย์ อุปัชฌายาจารย์ก็ไม่รักไม่เกรงลูกศิษย์ ใคร่จะสั่งสอนก็ไม่ได้ เท่าแต่จะสะสมบาปเป็นนิรันดร์ เขาทั้งหลายก็จะประสบภัยเหล่านั้น แม้ท้าวพระยามหากษัตริย์เสนาอำมาตย์และทั้งหลาย รวมถึงคนขาย อันเทวดาและยักษ์หากมาบันดาลหัวใจ เขาก็ไม่ยอมอ่อนน้อม ไม่รักไม่ยำเกรงกัน ต่างคนต่างก็จะว่า ตัวเองมีบุญสมภารมาก มีเดช มียศ มีบริวารกล้าหาญมาก มีความฉลาด มากและมีกำลังมาก พระยาเมืองน้อยก็จะดูถูกพระยาเมืองใหญ่ พระยาเมืองใหญ่ก็จะดูถูกพระยาเมืองน้อยลูกน้องไม่เคารพนับถือนาย ลูกชายหญิงไม่รักไม่ยำเกรงพ่อแม่

อันนี้ก็จะขอสรุปสักเล็กน้อยว่าพุทธองค์ทรงมีพุทธทำนายว่าคนขาดศีลธรรม ดังนั้นจะบันดาลให้ยักษ์ คนธรร นาค ครุฑ ทั้งหลายมาราวีเบียดเบียนคนและสัตว์ เช่นทำให้เกิดโรคระบาดบ้าง นอกจากนี้แล้วเมื่ออีกภูมิหนึ่งมาเกี่ยวพันทำให้หัวใจนักบวชต่ำช้า และไม่เคารพกัน คนที่อยู่ด้วยกันไม่ยำเกรงกัน ผู้น้อยผู้หนุ่มไม่รักไม่ยำเกรงผู้แก่ผู้เฒ่า ผู้เป็นเจ้าเป็นใหญ่จะเบียดเบียนไพร่ฟ้าข้าไทย โทษมีน้อยจะปรับไหมหลาย โทษบ่ควรตายก็จะฆ่า จะบีบบังคับเอาข้าวของ เงินทองให้ถึงความพินาศฉิบหาย จะได้เป็นทาสเป็นข้าของท่านผู้อื่น จะมีเป็นจำนวนมากประการหนึ่ง เทวดาจะมาบันดาลให้ผู้น้อยผิดใจกับผู้ใหญ่ คือแข่งกันใหญ่ มันเป็นความเสื่อมของกุศลจิต

เรือนเหนือผิดใจกับเรือนใต้ พ่อแม่พี่น้องมิตรสหาย ก็จะทะเลาะวิวาทกัน หากว่าทะเลาะวิวาทผิดเถียงกันด้วยเรื่องการฆ่าสัตว์การลักทรัพย์ การเล่นชู้ การแย่งชิงเอาทรัพย์สินของไร่นาคามเขต หรือแม้สมบัติสิ่งใดก็ดี ท้าวพระยาเสนาอำมาตย์ก็จะพิจารณาคดีความไม่ชอบธรรม ย่อมจะตัดสินความด้วยฉันทาคติ โทสะคติ โมหะคติ หาอุบายกินของจ้างคือสินซุกสินบน ควรชนะก็ตัดสินให้แพ้ ควรแพ้ก็ตัดสินให้ชนะ บาปกรรมทั้งหลายร้ายแรงยิ่ง ก็จะบันดาลให้วิวาทฟ้องร้องกัน เลยเกิดเป็นโกลาหล จะเกิดศึกใหญ่รบราฆ่าฟันกันตายเป็นอันมาก

เหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดในระหว่างกึ่งกลาง ๕,๐๐๐ พรรษา ประการหนึ่ง คนจะตายเพราะเสือกัด เงือกกัด จะตายเพราะตะขาบแมงป่อง คือตายด้วยพิษสัตว์ทั้งหลาย ลางคนเดินอยู่ดี ๆ ก็จะล้มตายจะนั่งตาย นอนตาย ยืนตาย ตายด้วยภัยทั้งหลายต่าง ๆ ในเวลานั้น (สมัยกึ่งพุทธกาล) แดดร้อน ฝนฟ้าจะตกก็ไม่ปกติ เดี๋ยวตกเดี๋ยวไม่ตก ฟ้าก็ร้องไม่ตามปกติ จะผ่าคนและสัตว์ให้ถึงแก่ความตาย แม้น้ำก็ร้ายจักบังเกิดแก่คนและสัตว์ทั้งหลายต่างๆ คนทั้งหลายจะถึงแก่พินาศฉิบหายเป็นอันมาก บ้านก็จะว่างเรือนก็จะเปล่า

แม้นทำไร่ทำนาก็ไม่ได้ผล จะแห้งแล้งตายเพราะแดดกล้า พืชทั้งหลายเป็นต้นว่า ตัวหนอนก็จะลงมากินข้าวในนาหนูก็จะเบียดเบียน เมล็ดข้าวก็จะลีบ ควรจะได้ ๑๐๐ สัด จะได้สัก ๑๐ สัดหรือได้ครึ่งหนึ่งลงมา หากทำนาไม่มากก็จะไม่ได้อะไรเลย ทุกขเวทนาทั้งหลายจะบังเกิดแก่คนทั้งหลายในยามนั่นแล ดูรา มหาราช คนและสัตว์ทั้งหลายที่ประสบภัยพิบัติต่าง ๆ และต้องพินาศตายไปเช่นนั้นมิใช่ว่าจะเป็นไปทั่วบ้านทั่วเมืองหาได้ไม่ ลางแห่งจะอยู่ดีมีสุข ลางแห่งจะเป็นทุกข์เป็นภัยมาก คือที่ดีก็มีมากที่ร้ายก็ร้ายมาก ภัยที่กล่าวมาแล้วจะปรากฎขึ้นในประเทศแดนใด ประเทศแดนนั้นจะฉิบหายพินาศ คน ๒ - ๓ เมืองจะรวมกันได้ ๑ เมือง บ้าน ๒ - ๓ บ้านจะรวมกันเป็น ๑ บ้าน เพื่อแบ่งกันกินแบ่งกันใช้

ภัยเหล่านี้จะบังเกิดมีในกลางพรรษาพันที่ ๓ ของ ๕,๐๐๐ พรรษา (ได้แก่ พุทธศักราช ๒,๕๐๐ เป็นต้นไป)

ดูรา มหาราช ในกาลตอนนั้นศาสนาตถาคตจะหม่นหมองไปเป็นอันมาก ดูรา มหาราช ผู้เป็นเจ้าเป็นใหญ่แก่เทวดาทั้งหลาย จงดูแลศาสนาของตถาคตอย่าได้ประมาท จงสั่งให้เทวบุตรองค์ที่ชอบธรรมลงมาเกิดใน ๑,๐๐๐ พรรษานี้เพื่อมาอุ้มชูยกย่องพระพุทธศาสนาใน ๕,๐๐๐ พรรษานี้ให้เจริญ รุ่งเรืองต่อไปเถิด

หลังจากที่สมเด็จอินทราธิราชทรงสดับพุทธพยากรณ์ อภิวาทกราบไหว้พระพุทธเจ้าด้วยความเคารพ แล้วก็เสด็จคืนสู่ชั้นฟ้า ต่อมาก็ได้เสด็จมายังสถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์และได้พบฤษีองค์หนึ่งในดินแดนแห่งโยนกนครที่สถิตอยู่บนภูเขา แล้วก็เล่าความให้ฟัง แล้วขอให้พระฤษีอย่าได้ประมาณ ช่วยเล็งดูกาลเวลาว่าจะมีภัยที่จะเกิดขึ้นแก่โลกเมื่อศาสนาล่วงไปได้ ๒,๐๐๐ ปีแล้ว แล้วก็พืชพันธุ์ทั้งหลายที่อยู่ในสถานที่ที่พระพุทธเจ้าเสด็จ พืชพันธุ์ทั้งหลาย เครือเขา เถาวัลย์หญ้าต้นไม้ทั้งหลายที่มีในพื้นดินก็จะมาปิดบังสถานที่อันเป็นมงคล และจะเปิดมีดอกมีผล

เพื่อให้บุคคลทั้งหลายได้ประจักษ์เมื่อพระอินทร์ได้ส่งเทพบุตร เทวดาทั้งหลายมาบูรณะซ่อมแซม และขอให้พระฤษีได้มีนิมิตช่วยกันปลูกดอกไม้ ปลูกเถาวัลย์ปลูกหญ้า เป็นการแสดงบอกเหตุเภทภัย พอเริ่มมีภัยให้ปิดดินแดนแห่งความเป็นมงคลนี้ที่จะบังเกิดมีต่อไปภายหน้า คือนัดแนะกับฤษีว่า เมื่อไหร่ก็ตามเมื่อผู้น้อยผู้ใหญ่ไม่ปฏิบัติตามธรรม มีใจเป็นบาป ไม่มีความละอาย ยุยงส่งเสริมให้เกิดเป็นศึกเป็นโจรฆ่าฟันล้มตาย โกหก หลอกลวงไม่มีศีลไม่มีสัตย์ สร้างข่าวลือหรือหลอกลวงกันว่าตนนั้นเป็นคนดีมีศีลธรรม เป็นพญาธรรมิกราช หลอกลวงว่าเป็นคนที่จะมาช่วยบำรุงศาสนาอะไรต่าง ๆ ให้ปิด (สถานที่) ไว้อย่าให้เปิด เมื่อพระอินทร์ส่งคนลงมาเกิดแล้ว ก็ขอให้สถานที่นี้เปิด เพื่อให้บุคคลเหล่านี้มาซ่อมแซมพุทธศาสนาในกึ่งพุทธกาลนี้ให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อถึง ๕,๐๐๐ ปี

ข้าแต่ท่านฤษี เมื่อไรก็ตามเมื่อคนสวมหมวกหลุบหน้า คือมีความหมายว่าเริ่มมีอะไรปิดๆบังๆ ลูบหน้าปะจมูก ทำอะไรก็ไม่จริงไม่จัง ศาสนาเริ่มเสื่อมลง เมื่อนั้นอันตราย เช่น นักปราญช์หรือบันฑิตไม่ทราบทางแห่งความสงบ หรือทางบุญ เริ่มมีอันตรายร้ายมาจากทางอากาศ พ่อค้าหากินกับพวกโจร ข้าราชการไม่รู้สิ่งที่ชอบที่ควร หรือตัดสินความไม่เที่ยงธรรม อันนี้ที่จริงแล้วเป็นภาษาเมืองหมด เช่น “ฝูงเป็นขุนบ่อรู้ตกแต่ง” อันนี้หมายความว่า เป็นข้าราชการแต่ไม่รู้สิ่งที่ชอบที่ควร หรือตัดสินความไม่เที่ยงธรรม

“เอาม้าสี่แจ่งแปลงถง” เอาผ้าเช็ดหน้าแทนย่าม “ฝนตกลงบ่ใช่เมื่อ” ฝนตกลงในกาลที่ไม่ควรตก “ฝูงไม่เบือครองธรรม” คือคนปัญญาอ่อนทั้งหลายไม่เข้าใจความลึกซึ้งแห่งธรรม หรือในรสแห่งธรรมที่จะเกิดจากภาษาลึกซึ้ง หรือเบื่อในรสแห่งวรรณคดี หรือว่าพอไปทำบุญแล้วก็ขับรถเลยเถิดไปเล่นการพนันต่อ “คนบ่ยังนักบวช” คือไม่เคารพยำเกรงนักบวช “คนพาลรวดเป็นอาจารย์” คือนับถือคนพาลเป็นอาจารย์ ผิดโบราณแต่งไว้ ผู้ร้ายเกิดเป็นดี หญิงอายุสิบปีมีชู้ “ผู้รู้คนบ่นับ” คือไม่นับถือคนมีความรู้ความฉลาด “คนมักขับฝูงชีหนีจากที่” ขับไล่พระให้สึกหรือให้หนีออกจากวาส

“สายฟ้าเป็นทุง” คือฟ้าแลบยาวเหมือนทุงหรือธงแผ่นผ้าที่แขวนไว้บนค้างสูง คือฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาลแต่ว่ามีฟ้าแลบฟ้าร้อง “นักปราชญ์โบ้ยรู้พลาง” เป็นนักปราชญ์บันฑิตแต่กลับโกหกหลอกลวง “คนเทียวทางยกโทษ” หาโทษแก่คนเดินทางหรือหาเรื่องใส่อคันตุกะ พระเณรไม่เคารพนับถือ คือภิกษุสงฆ์โกหกหลอกลวง หลอกให้คนทั้งหลายทำบุญเพื่อลาภยศ เก็บสะสมเอาไว้เป็นของตนเอง คนชาวบ้านพยายามยึดครองบ้านเมือง ขุนนางเรืองไถ่เอาข้า คือข้าราชการหาเรื่องเบียดเบียนปรับไหมชาวบ้าน หาเรื่องไถ่เอามาเป็นบริวารหรือทาสของตัว อันนี้คือพระอินทร์กำลังเล่าให้ฤษีฟังว่าหากเกิดแบบนี้ คือคนไม่นับถือผู้เฒ่าผู้แก่ พระถือหมวกให้เด็กวัด คือหมายความว่าไม่มีนิ้วก้อยหัวแม่มือแล้ว

“หาบก้าหาเงิน” คือพระเณรแสวงหาเงินด้วยการค้าขาย หรืออยู่ในลักษณะการค้าขายแลกเปลี่ยนกัน เช่นว่าให้ลูกศิษย์คนนี้ขายที่ดินให้ลูกศิษย์คนนี้ แล้วพระก็กินค่านายหน้า เริ่มแสดงว่าศาสนาเริ่มหมองมัวแล้ว แล้วก็มีเหตุที่จะบอกว่าต้นข้าวลีบ แผ่นดินร้อนเป็นไฟ “เสียงอึงมี่บนอากาศ” คือเรียกว่าขวานฟ้าจักฟาดลงมาแผ่นดินหนาไหวหวั่น มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น คนจะพูดแต่เรื่องของตัวเอง คิดหาทางหนีจากที่ตัวเองเคยอยู่ เอาตัวรอด “เจดีย์หวู่เป็นควัน” “แผ่นดินยักและแยก” “สายฟ้าจักแถกคนตาย” คือทั้งฟ้าผ่า แผ่นดินไหวแยกออกมา

พุทธองค์ทรงตรัสให้พระอินทร์ส่งเทพบุตรเทวดาลงมา เพื่อร่วมกับชาวเขาชาวป่าที่ให้ละเลิกมิจฉาทิฐิ มาช่วยกันรักษาศีลฟังเทศน์เจริญภาวนา อุปถากพระรัตนตรัย สร้างกุฏิวิหาร ดังนั้นพระอินทร์จึงได้มาสั่งฤษีไว้ว่าตอนนี้ให้ปิดสถานที่ที่พระพุทธองค์ทรงเสด็จทุกที่ก่อน เมื่อใดก็ตามหากเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นพระอินทร์จะส่งคนลงมา ส่งเทพบุตรเทวดาทั้งหลายมาช่วยซ่อมกุฏิวิหารทั้งหลาย บูรณะปฏิสังขรใหม่เพื่อให้ภัยทั้งหลายเหล่านี้หมดไป พระอินทร์ได้บอกอย่างนี้ในผูกที่ ๑๐ ในตอนท้าย แล้วก็จะทำให้พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองยั่งยืนนาน เจริญสืบต่อจนเป็นอันที่ ปริโยสาร แห่งพุทธศาสนา ๕,๐๐๐ พรรษา

อันนี้ก็เป็นอันว่าพุทธตำนานผูกที่ ๑๐ ก็จบลง เพราะเมื่อพระอินทราได้ตรัสกับฤษีแล้ว ก็บอกให้พระฤษี ไปรออยู่ที่ยอดเขาคำหลวงในเมืองหริภุญชัยนคร เพื่อที่จะรอเปิด รอที่พระองค์จะส่งเทพบุตรเทวดาในสมัยกึ่งพุทธกาล และให้ฤษีเทวดามาช่วยดลบันดาลให้ทั้งหมดในการสืบพระศาสนาถึง ๕,๐๐๐ ปีที่พระพุทธองค์ทรงฝากไว้ให้สำเร็จทุกประการ

ที่มา http://www.ajarnann.com/detailchild....tid=5&seqno=37

 

<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="8" width="480"><tbody><tr><td valign="top" width="172"> </td> <td valign="top" width="280">
The British Crystal Skull It is currently residing in the British Museum of Man in London, England, and has been there since 1898. It is a one piece clear quartz full size quartz crystal skull.
(c) John Shimwell
</td> </tr> <tr> <td valign="top" width="172"></td> <td valign="top" width="280"> The Paris Crystal Skull It is currently residing in the Trocadero Museum
in Paris, France.
You may notice a slight indentation on the top, which is a hole that was cut into the skull purported to hold a cross.
(c)Phototh่que Mus้e De L'Homme

</td></tr></tbody></table>
Has Any Research Been Done to Understand the Skulls?

Yes indeed, there has been some interesting conducted by the Crystal Skull Society International in California, headed by crystal skull expert, F. R. “Nick” Nocerino for almost 60 years. Additionally, in 2001, a group of us formed the World Mystery Research Center (based in the U.S. and Holland) where we began to focus on two aspect related to the crystal skulls:​

<table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td valign="top" width="50%">1. To use various electronic devices to see if we could provide some proof and understanding why the energy or presence of a crystal skull is affecting people in such a powerful manner (and our blind test showed us this was indeed occurring using such devices as meridian based machines, EEG, lecher antenna and Krilian machines sensitive to recording and displaying the Aura. 2. We also discovered secret codes contained within the crystal skulls in the form of images that came out using a special process of analysis using scanned images of the crystal skulls (reversal images that was developed by the Mayans) and very importantly, the Bible Code (secret information encoded within the Torah, the first five books of the Old Testament by a numerical skipping of letters) conclusively discusses the crystal skulls, their link to the Mayans, Prophecy, speaks about the Mitchell-Hedges Crystal Skull, their ability to work as a computer and for healing.
</td> <td valign="top" width="50%">

​

ฉ Marc van de Velde ​

Here a group of researchers based in Belgium, using what is called a Lecher Antenna (like a dowsing rod but able to measure specific frequencies of energy) test “Portal de Luz”.
They were amazed to find that our crystal skull was broadcasting all the same frequencies as a human being: “The senses of ‘Sight’, ‘Smell’, ‘Taste’ and even ‘Hearing’ “

</td> </tr> </tbody></table> Final Comments from the Writer

I believe the crystal skulls are one of the most important ancient artifacts that have surfaced into the public’s attention which exist today. I believe the crystal skulls hold key information that will to bring to our world a time of perfect peace and harmony by the year 2013 (or in the ‘Year Zero’, December 21st, 2012 as stated by the Mayans). This special date is so significant that my new wife Desy and I married on December 21st, of last year, in the presence of our own crystal skulls and images of several ancient crystal skulls, 10 years before. ​

Regardless of the sources from which these skulls originated from (other worlds brought here by the ETs, Atlantis, Lemuria, the Inner Earth, etc …) they are now helping many people to awaken to their true potential and to see that we are all members of the same spiritual family who must unite together and work in a cooperative manner to create a world of peace and harmony for ourselves and the generations to come. The Crystal Skulls are a sign from the Universe and unseen spiritual helpers; that this time of Peace that has been prophesized is now here and at hand, if we each could but do what only makes our hearts sing.<o> </o>​

Thank you for reading and listening. Hopefully in the near future, Desy and I will be able to personally meet with you to share the energies of the crystal skulls as we continue our personal journey and odyssey all over the world, guided by the presence linked to these special crystalline friends.


In Peace and Light always,​

Joshua & Desy Shapiro,
The Crystal Skull Explorers

​

http://www.world-mysteries.com/sar_6_1.htm

 

อ้อ...พบแล้วจ้า...
The Crystal Skull



ปี 1927 ที่ประเทศฮอนดูรัส ระหว่างที่นักสำรวจชาวอังกฤษชื่อ เฟรดเดอริค อัลเบิร์ท มิทเชล เฮดจส์กำลังทำการสำรวจโบราณสถานลูบาอันทันของมายาอยู่นั้น แอนนา ลูกสาวของเขาได้พบกระโหลกคริสตัลในวันเกิดของเธอพอดี หากในตอนที่ค้นพบนั้น พวกเขาไม่สามารถตรวจสอบอายุที่แน่นอนของกระโหลกนี้ได้ ของชิ้นนี้จึงไม่ได้รับการศึกษาเท่าใดนัก
จนกระทั่งในช่วงปี 1970 แอนนาว่าจ้างให้บริษัทฮิวเล็ตแพคการ์ดช่วยทำการตรวจสอบ กระโหลกคริสตัลจึงกลายมาเป็นที่จับตามองของสังคมในขณะนั้น

กระโหลกคริสตัลดังกล่าว (โดยทั่วไปเรียกกันว่ากระโหลกของมิทเชล เฮดจส์ หรือ กระโหลกของเฮดจส์) ถูกทำขึ้นอย่างปราณีต ส่วนกระโหลกและขากรรไกรล่างถูกสร้างขึ้นจากคริสตัลชิ้นเดียวกัน สามารถแยกออกจากกันและขยับได้เหมือนกระโหลกมนุษย์จริง ฟันแต่ละซี่ถูกประดิษฐ์ไว้อย่างละเอียดลออและการตรวจสอบกล่าวว่าไม่พบร่องรอยการใช้เครื่องมือบนคริสตัลเลยแม้แต่น้อย เมื่อส่องไฟจากด้านล่างก็จะเห็นเหมือนหระโหลกมีไฟลุกอยู่ และเมื่อวางตัวอักษรไว้ข้างล่างกระโหลกก็จะอ่านตัวอักษรนั้นได้ทางเบ้าตา
นักวิจัยในเวลานั้นกล่าวว่า มายาในยุคโบราณ (ไม่สามารถคำนวณอายุจากกระโหลกคริสตัลโดยตรงได้ก็จริง แต่คำนวณจากอายุโบราณสถานแทน) ไม่น่าจะมีเทคโนโลยีล้ำหน้าพอที่จะสร้างงานฝีมือละเอียดเช่นนี้ขึ้นได้ ทั้งยังความรู้ในเรื่องแสงอีกด้วย การค้นพบกระโหลกคริสตัลนี้จึงเป็นการพลิกแนวความคิดที่มีต่อเผ่ามายายุคโบราณโดยสิ้นเชิง บริษัทซึ่งรับทำการตรวจสอบถึงกับกล่าวว่า หากจะใช้เครื่องมือที่มีอยู่ในปัจจุบันสร้างกระโหลกคริสตัลแบบเดียวกันนี้ขึ้นมา ต้องใช้เวลาถึง 300 ปีทีเดียว

นอกจากนี้ยังมีการค้นพบกระโหลกคริสตัลที่คล้ายคลึงกันตามที่ต่างๆของโลกรวมแล้วถึงสิบกว่าชิ้นแต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นงานหยาบกว่า และขนาดรวมทั้งรูปร่างก็แตกต่างกันออกไป จึงกล่าวกันว่าที่เหลือน่าจะเป็นของที่ทำขึ้นเลียนแบบกระโหลกของเฮดจส์เสียมากกว่า

มีตำนานของชนพื้นเมืองอเมริกาใต้กล่าวว่า ทั่วโลกมีกระโหลกคริสตัลนี้อยู่ 13 ชิ้น เมื่อทั้งหมดมารวมกัน ก็จะกลายเป็นกุญแจไขปริศนาการกำเนิด เป้าหมายและชะตากรรมของสิ่งมีชีวิตทั้งมวลรวมทั้งมนุษย์ด้วย

 

การยินดีในการฆ่าเป็นเหตุนำพาให้ต้องไปสู่อบายภูมิ​

​

เด็กเม็กซิกันหวังทำสถิติเป็นนักสู้วัวกระทิงอายุน้อยที่สุดในโลก

ลอนดอน 26 ม.ค.- เด็กชายชาวเม็กซิกันวัย 11 ขวบฆ่าวัวกระทิงได้รวดเดียว 6 ตัวในการสู้วัวครั้งเดียว หวังได้รับการบันทึกจากกินเนสเวิล์ดเรคคอร์ดส์ว่าเป็นนักสู้วัวกระทิงอายุน้อยที่สุดในโลก

เด็กชายมีเชลีโต ลากราเวเร เปนีเช เผยขณะเดินออกจากสนามสู้วัวว่า มีความสุขที่ประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ กินเนสเวิล์ดเรคคอร์ดส์จะนำวิดีทัศน์บันทึกภาพการสู้วัวดังกล่าวไปตรวจสอบก่อนบันทึกสถิติ ก่อนหน้านี้นายกเทศมนตรีการเมืองเมรีดา รัฐยูกาตังของเม็กซิโกสั่งระงับการสู้วัวสร้างสถิติโดยระบุว่าการให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีร่วมการแสดงเสี่ยงอันตรายสูงถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่บิดาของเด็กชายยื่นอุทธรณ์ และสำนักงานอัยการสั่งยกเลิกคำสั่งของนายกเทศมนตรีไม่กี่ชั่วโมงก่อนการสู้วัวแม้มีเสียงคัดค้านจากกลุ่มคุ้มครองสิทธิเด็กและกลุ่มต่อต้านการสู้วัวกระทิง

ข่าวแจ้งว่า มีคนประมาณ 3,500 คน ในจำนวนนี้หลายคนเป็นเด็กไปร่วมเป็นสักขีพยานการสร้างสถิตินักสู้วัวกระทิงอายุน้อยที่สุดในโลกของเด็กชายเปนีเชผู้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในแวดวงการสู้วัวกระทิงอยู่แล้ว เขาลงสนามสู้วัวกระทิงตั้งแต่อายุ 4 ขวบ สังหารวัวกระทิงตัวแรกได้เมื่ออายุเพียง 6 ขวบ จากนั้นก็ตระเวนลงสนามสู้วัวกระทิงทั่วโลก นักสู้วัวกระทิงรุ่นกระเตาะไม่สนใจเสียงวิจารณ์โดยกล่าวก่อนลงสนามสร้างสถิติว่า ไม่มีใครบังคับให้ผู้คัดค้านการสู้วัวกระทิงมาชมหรือรับรู้เรื่องนี้ เป็นเรื่องน่าเบื่อมากเหมือนการบอกให้เด็กที่ชอบแข่งรถมอเตอร์ไซค์วิบากเลิกทำในสิ่งที่ชอบ อย่างไรก็ดี มีหลายเมืองสั่งห้ามเขาฆ่าวัวเมื่อลงสนามหลังจากนักเคลื่อนไหวพากันร้องเรียนว่า เขาเดินหน้าฆ่าวัวเป็นหลัก ไม่เหมือนนักสู้วัวกระทิงอายุน้อยคนอื่นที่ลงไปแสดงการสู้วัวเท่านั้น.-สำนักข่าวไทย

2009-01-26 11:46:05

ที่มา http://news.mcot.net

 

หลายคืนก่อน บังเอิญน้องเปิดยูบีซีดู ก็มีภาพยนต์เก่ามาฉายใหม่
" ไททานิค " คืนนั้นก็ดูได้นิดหน่อย แต่เป็นการดูที่ไม่เหมือนวันวาน

วันวานช่วงที่ภาพยนต์เรื่องนี้เข้าฉายใหม่ ๆ
ศิเชื่อว่าหลาย ๆ ท่านอาจจะคิดเหมือนศิ
วันนั้นเราอยากดูความอลังการของการสร้างฉาก
อยากเห็นเทคนิคใหม่ ๆ ในการทำภาพยนต์
อยากรู้เรื่องราวเรือไททานิคที่คนกำลังกล่าวขานถึงทั่วทิศ
จำได้ว่าครั้งแรกที่ดู รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
และก็ได้ความรู้แค่นั้น

ครั้งที่สองที่ดูซ้ำ
ความคิดมันคงมุ่งไปที่อยากดูความสวยความหล่อของพระเอกนางเอกอีกรอบ
ความตื่นเต้นไปกับเนื้อเรื่อง อย่างสนุกสนาน
เพราะเราดูแบบมีสตังค์ซื้อหนังดูแต่ขาดสติ
จึงไม่ได้สาระอะไรเหมือนครั้งแรก

แต่วันนี้ครั้งที่สาม คือการดูอย่างมีสติ
ความรู้สึกในสองครั้งแรกมันหายไปหมดแล้ว
เราสองคนดู และคุยกันว่า
หากวันนั้นมาถึง และเรือไททานิคเปรียบเสมือนบ้าน
วันนั้นเราจะทำเช่นไร (เพราะก่อนหน้าไม่กี่วัน น้องยังยืนยันเหมือนเดิม )
เลยทำให้ความรู้สึกรับรู้มันเหมือนอยู่ในภวังค์ ที่เราต้องคุยกัน

คืนนั้นทำให้ศิรู้ว่า หนังเรื่องนี้เขาไม่ได้สร้างมาเพื่อความเพลิดเพลิน
แต่เขาให้สติกับเราต่างหาก
เขาทำให้เราเห็นว่า คนที่มีสติมากที่สุดคือพระเอกของเรื่องนั่นเอง
คือสิ่งที่เราควรจดจำ

ไม่ว่าสิ่งใดเกิดขึ้น หากขาดสติตัวเดียว
ทุกคนจะวิ่งวุ่นแก่งแย่งกันเหมือนหนูติดจั่นอยู่ในวังวน ด้วยความขลาดกลัว
สุดท้ายก็ไปไหนไม่รอด

ชีวิต...ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถนำสิ่งใดติดตัวไปได้
แม้กายสังขาร นอกจากความทรงจำของคนที่เหลือ
หากจุดสุดท้ายยังมาไม่ถึง เรามักเพลิดเพลินกับชีวิต
จนหลงลืมว่า มันไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า
วันเวลา เพียงแค่พริบตา
ก็ผ่านไปอีกแล้วหนึ่งปี
ไม่ใช่เวลาที่ยาวนานเลยกับวันนั้นที่ไม่อยากรอคอย....หากเรามองด้วยสติ

ก็ไม่ต่างจากชีวิตที่สุข....มักจะมองไม่เห็นสัจจธรรมแห่งสังสารวัฏ
พอความทุกข์มากระทบ...เลยเหมือนโดนกระแทกให้รู้สึกตัว
หันเข้าหาแสงสัจจธรรมโดยอัตโนมัติกันถ้วนหน้า

จงภูมิใจที่มีทุกข์ เพราะหากเขาไม่มาเยี่ยมเยือนชีวิต
เราคงเหมือนคนที่วิ่งหนีวนไปมาในไททานิค
สุดท้ายก็หาเรือสำรองลงไม่ได้ ทั้งที่เห็นอยู่ตรงหน้า

"ไททานิค" น่าจะเป็นภาพยนต์ที่ทุกท่านน่าจะหามาดูกันอีกครั้ง
ดูอย่างพิจารณาด้วยสติ ไม่ใช่ความเพลิดเพลิน
แล้วมันจะเกิดประโยชน์กับชีวิตอย่างมหาศาลในภายหน้า...กาลอันใกล้

การเตรียมเสบียงทางโลก....น้องบอกไม่สามารถทำให้ทุกคนรอด
แต่การเตรียมเสบียงทางธรรมต่างหาก...ที่จะนำความรอดมาสู่ทุกคน

สุดท้ายไม่ต้องพกพาตระเตรียมสิ่งใดให้ยุ่งยาก...
ต้องไปแต่ตัวอยู่ดีเหมือนในหนัง
นกหวีด...อันเดียวคือตัวช่วยที่ทำให้โรสรอดตายด้วยสติ

สติมา....ปัญญาเกิด

ขอให้ทุกท่านโชคดี
พบแสงธรรมแห่งปัญญาและชีวิต
ไร้ทุกข์โศกโรคภัย
และถึงซึ่งพระนิพพาน

ส่งท้ายปีเก่า สวัสดีปีใหม่ 2552

ด้วยรักและห่วงใย

ศศิริยะ + น้อง

 

การยินดีกับการช่วยชีวิตผู้อื่น เป็นเหตุนำพาให้ได้ไปสู่สุขคติภูมิ

​

ไปบริจาคโลหิตมาครับ โดยคุณ ปาฏิหาริย์<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT> สมาชิก

วันนี้(26 ม.ค.52) ได้ไปบริจาคโลหิต ครับ ที่สภากาชาดไทย ตั้งใจจะอุทิศส่วนบุญกุศลนี้ ให้กับเจ้ากรรมนายเวรของคุณแม่ผมด้วย ได้เห็นคนมามากมายมาเข้าคิวรอบริจาค รู้สึกอิ่มใจกับทุกคนด้วยครับ ระหว่างบริจาค ก็ แผ่เมตตา ทรงอารมณ์นิพพานไว้ตลอด

นอกเหนือจากที่ได้อธิษฐานไว้ ก็ขอให้ โลหิต น้ำเหลือง หรือของเหลว ของข้าพเจ้าจงมีความเป็นทิพย์ ที่ช่วยรักษาและบรรเทาความเจ็บป่วยของผู้ที่ได้รับไป

สักพัก นานพอสมควร พยาบาลมาดู บอกว่าทำไมเลือดไม่ค่อยไหล แทงเข็มเข้า ออก หลายครั้ง ผมเลยกลับมาทำลมหายใจ สบายเบาเบา ธรรมดา เลือดก็ไหลตามปกติครับ พยาบาลขอโทษผม ว่าทำให้เสียเวลาซะนาน ผมยิ้มๆตอบไป ว่าไม่เป็นไรครับผม

ขอให้ทุกคนมีความสุขในวันตรุษจีนครับผม
<!-- / message -->
**************************************************
ขออนุโมทนา กับจิตใจที่ดีงามและการเสียสละโลหิต เพื่อช่วยเหลือชีวิตของเพื่อนมนุษย์ ของคุณปาฏิหาริย์<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT> ในครั้งนี้ด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ

 

*** ปัญญา ไม่ทำลายศีลให้มัวหมอง ****

พิจารณาก่อนจะทำ
...ไม่รับศีล โดยขาดการพิจารณาว่าทำได้จริง....
... รับปากในสิ่งที่ทำได้จริง แล้วทำจริง ....

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

27 ม.ค. 52

วันที่ 15 ก.พ. 52 ผมและเพื่อนจะขึ้นไปทำรางน้ำและไฟฟ้าที่วัด ที่จะพาผู้ทรงความดีไปอาศัยอยู่เมื่อมีภัยมา ใช้เวลาไม่เกิน 15 วัน

ท่านใดสนใจจะไปร่วมด้วยช่วยกัน ผมขอ 1 ท่าน อายุไม่เกิน 45 ปี
คุณสมบัติ
ปีนขึ้นนั่งร้านเหล็กความสุงไม่เกิน 2 ชั้นได้
ทานอาหารกระป๋องได้
อยู่บนเขาได้นาน 15 วันได้
ขับรถยนต์ส่วนตัวได้และมีใบขับขี่ (ข้อนี้ไม่จำเป็น) เพราะบางทีจะนั่งรถทัวร์ไป

ท่านใดสนใจก็ขอเชิญ pm มาคุยกัน มีแต่ค่ารถ ไป - กลับและอาหารเลี้ยงเท่านั้น

 

*** สัจจะธรรม ทำทุกวัน ****

เบียดเบียนกันมาก... ทุกข์ก็มาก กรรมก็ยิ่งทวีคูณ
ยิ่งรู้มาก....กรรมก็แผลงไปมาก ความเร็ว ความแรงยิ่งทวีคูณ
ถึงอย่างไร...กรรมต้องปรากฏ
แต่จะสร้าง....ทางเลี่ยงให้ตนเองได้ทัน
คือ สัจจะทำ...นำสัจจะมาทำ อย่างพระพุทธเจ้า

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

"มันจะเกิด...ภัยทางน้ำ"
ทำนายโดย หมอนิด​

​

โปรดใช้วิจารณญาณ ในการอ่านบทความที่ผมเขียนในวันนี้...การไม่ประมาทคือความปลอดภัยของทุกคน...คำทำนายอาจจะมีการผิดพลาด...หรือคลาดเคลื่อนได้...เพราะไม่ใช่กินกล้วย?

ในปี พ.ศ.2552 นี้เป็นปีแห่งการสูญเสียทั้งทางเศรษฐกิจ...และจะมีการสูญเสียบุคคลสำคัญหรือนักการเมือง...อาจจะเป็นบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับการเมืองเกิดขึ้น...การเมืองยังระอุไม่ดับสนิทจริง และพร้อมที่จะระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง...ในขณะนี้เหมือนภูเขาไฟใต้น้ำ...

หากระเบิดขึ้นจะรุนแรงอย่างน่ากลัว...มีผู้คนล้มตายจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจะเกิดขึ้น...ซึ่งผลสุดท้ายจะปรากฎ “นายก” ที่มาจาก “ฟ้าประทาน” อีกครั้งหนึ่งและจะต้องอยู่ยาวอย่างน้อย 3-5 ปี บ้านเมืองถึงจะกลับสู่ภาวะปกติ...การเลือกตั้งจึงจะเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง
<O</O
ผู้ที่มีอิทธิพลทางการเมือง...แต่ยังไม่ได้ปรากฎตัวเพราะยังติดปัญหาทางคดีที่ศาลได้ตัดสินไปแล้ว ยังมีบทบาทสูงในการเคลื่อนไหวในทางใต้ดิน...ซึ่งเป็นแผนรบแบบกองโจร “คอมมิวนิสต์” แต่ได้ปรับยุทธวิธีที่น่าเกรงขามทั้งการจู่โจมแบบใต้ดินและบนดิน...ทั้งในกรุงและไกลกรุง...ความปั่นป่วนจะเกิดขึ้นไปทั่วการปะทะกัน อย่างรุนแรงคงจะหลีกเลี่ยงยาก...

หากหน่วยงานข่าวกรองไม่สนใจเจาะลึกถึงแก่น และถ้าเจ้าหน้าที่ด่านแรกรับมือไม่อยู่...ความบ้าคลั่งจะระบาดไปทุกแห่งหน...เลือดจะนองแผ่นดิน! ทหารจะมีบทบาทอีกครั้งจึงจะยุติลงได้...และนี่คือจุดที่เกิด.. “นายกที่มาจากฟ้าประทาน” และเป็นบทความ “มันจะเกิด” ที่ผมได้เขียนถึงนี้
<O</O
ในปีนี้นอกจาก “อัคคีภัย” ที่เกิดขึ้นมากมายทั้งใหญ่และเล็กตามที่ผมได้ทำนายไว้แล้วตามสื่อต่างๆ...รวมทั้ง “อุบัติภัย” ที่มีเป็นข่าวมาตลอดนับว่าเป็นปี “วัวบ้า” ที่แท้จริง...ปีวัวที่ดุร้ายทำลายทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน...อีกทั้งยังทำลายเศรษฐกิจของโลกอีกด้วย...ยังมีภัยที่น่าเป็นห่วงสำหรับประเทศไทยอีกอย่างหนึ่งคือ... “ภัยทางน้ำ”...ที่จะมาทำลายชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน...

ถึงแม้ว่าเมื่อวันที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมาได้เกิดคลื่นที่รุนแรงเข้ามาซัดฝั่งที่จังหวัดนครศรีธรรมราชจนต้นมะพร้าวของชาวสวนที่มีอยู่ 600 ต้น ถูกคลื่นซัดจนหายไป พร้อมที่ดินจนเหลือมะพร้าวอยู่เพียง 4 ต้น แล้วก็ตาม...อย่าคิดว่ามันคงจะหมดหรือไม่เกิดขึ้นอีก..

ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังให้ดี เพราะมันยังจะเกิด “ภัยทางน้ำ” ครั้งใหญ่ขึ้นอีกโดยเฉพาะทาง “อ่าวไทย” ต้องระวังเป็นพิเศษ...ซึ่งอาจจะเกิด...พายุหมุนเกิดขึ้นในทะเล และจะพาน้ำเข้ามาทำลายชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ถึงแม้ว่าจะไม่เกิดพายุหมุนก็ใช่ว่าภัยทางน้ำจะไม่เกิด...อย่าชะล่าใจเป็นอันขาด
<O</O
ผู้ที่มีบ้านเรือน, ที่ดิน, เรือ, และสวนที่อยู่ใกล้น้ำ...ใกล้ทะเลควรจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในปีนี้...เดือนที่ต้องจับตามองในช่วงแรกคือเดือน เมษายน – พฤษภาคม...แต่อาจจะคลาดเคลื่อนเดือนก็ได้...ในปี พ.ศ. 2552 นี้จะเป็นปีแห่งการสูญเสีย...ปีวิปโยค...ปีแห่งความเศร้าหมองของประชาชนจำนวนมาก...ปริศนา...ฟ้าหัวเราะ... “พระจันทร์ยิ้ม”...คนสยอง!
<O</O
วันนี้ผมเขียนทีเดียว “หน่อบี่” (สองรส) ผมคิดแล้วคิดอีกว่าจะเขียนดีหรือไม่เพราะแต่ละเรื่องล้วนแต่เลวร้ายทั้งนั้น...ซึ่งเป็นเรื่องที่เสี่ยงกับชื่อเสียงของผมเป็นอย่างยิ่ง...หากผมนั่งอยู่เฉยๆคอยให้เรื่องต่างๆมันเกิดขึ้นมาก่อน ค่อยฉวยโอกาสมาเขียนโม้ตามกระแส ผมก็ไม่ต้องมาเสี่ยงกับการถูกด่าหรือถูกโจมตี...

อย่างในอดีตที่ผ่านมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 – 2549 ก็ไม่เห็นมีใครพูดเสียงดังฟังชัดเรื่องอดีตนายกผู้ยิ่งใหญ่...พอเกิดเรื่องขึ้นมาแล้วตามที่ผมได้ทำนายไว้... “คนเก่ง” ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดจนผมต้องมุดเข้าถ้ำ...ครั้งนี้ก็เหมือนกัน “ผมบ้า” ของผมคนเดียว...ผมก็ยินดีน้อมรับคำด่าจากท่านโดยไม่มีข้อแม้...หากแลกเปลี่ยนกันได้ ผมขออย่าให้เกิดภัยใดๆเลย ผมจะมีความสุขมากถึงแม้จะถูกโจมตีหรือต่อว่าก็ยอมครับ.
<O</O
ผมอยากจะให้ท่านมี “ความรู้” ...ความรู้ในที่นี้หมายถึง...ความรู้คุณบิดา-มารดา...ความรู้คุณครูบาอาจารย์...ความรู้คุณของผู้ที่มีบุญคุณต่อเรา...ความรู้ที่มีสติปัญญา...ความรู้จักให้อภัย...ความรู้สึกผิดชอบ-ชั่วดี...และความรู้ที่สำคัญยิ่งจะขาดไม่ได้เลยคือ...ความรู้คุณแผ่นดินเกิด...หากท่านมี...ความรู้...เหล่านี้อยู่ในจิตของท่านๆคือผู้หยั่งรู้ที่แท้จริง...จงอย่าเอาเยี่ยงอย่างผม เพราะผมอวดรู้...อวดดี...จนเกินไปทำให้หลายคนหมั่นไส้ผม..

ด้วยความเคารพ<O</O
จาก หมอนิด (กิจจา ทวีกุลกิจ)<O</O
27 ม.ค. 2552

ที่มา http://www.mornid.com/home.php

 

เตือนผลผลิตอาหารโลกจะลดลง ราคาจะสูงขึ้น​

​

มาดริด 27 ม.ค.- องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) เตือนว่า ราคาอาหารโลกที่ลดลงเมื่อไม่นานมานี้จะทำให้เกษตรกรไม่มีแรงจูงใจในการเพาะปลูก ส่งผลให้ผลผลิตอาหารโลกลดลงในขณะที่โลกเผชิญภาวะอดอยากรุนแรงขึ้น ด้านหน่วยงานวิชาการในอังกฤษเตือนว่า ราคาอาหารโลกจะสูงขึ้นในระยะกลางและระยะยาว

นายฌาคส์ ดิอุฟ ผู้อำนวยการเอฟเอโอให้สัมภาษณ์นอกรอบการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงว่าด้วยความมั่นคงด้านอาหารของปวงชนที่กรุงมาดริดของสเปนว่า ผู้ผลิตจำนวนมากได้จำหน่ายผลผลิตในช่วงครึ่งหลังของปีที่แล้วซึ่งเป็นช่วงที่ราคาต่ำมาก ทำให้ไม่มีแรงจูงใจจะเพาะปลูกใหม่ในปีนี้ บางคนอาจขาดทุนด้วยซ้ำ คาดว่าผลผลิตปี 2552-2553 จะลดลงมาก และราคาจะสูงกว่าปี 2550-2551

ขณะเดียวกันชาแธมเฮ้าส์ สถาบันวิชาการในอังกฤษออกรายงานชี้ว่า ราคาอาหารโลกที่ลดลงเมื่อไม่นานมานี้เป็นเพียงการลดลงชั่วคราวก่อนที่จะปรับเพิ่มขึ้นในระยะกลางและระยะยาว จึงเสี่ยงเกิดวิกฤติอาหารขึ้นในอนาคต ซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนหนักต่อประเทศที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าอาหารและคนยากจนทั่วโลก รายงานชี้ด้วยว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ การขาดแคลนน้ำและการแย่งชิงที่ดินเพาะปลูกจะสร้างปัญหาในการเพิ่มผลผลิตตอบสนองความต้องการอาหารที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 50 ภายในปี 2573 จึงเรียกร้องให้เพิ่มการลงทุนด้านการเกษตรโดยเน้นช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยเป็นหลัก.-สำนักข่าวไทย

2009-01-27 09:21:13

อดีตเลขายูเอ็นเตือนอย่าให้วิกฤติเศรษฐกิจบดบังปัญหาเร่งด่วนอื่น ๆ ​

​

เจนีวา 27 ม.ค.- นายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เตือนผู้นำโลกไม่ควรปล่อยให้วิกฤติเศรษฐกิจโลกบดบังปัญหาเร่งด่วนอื่น ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ความอดอยาก

นายอันนัน ในฐานะประธานร่วมการประชุมเศรษฐกิจโลก ที่เมืองดาวอส ของสวิตเซอร์แลนด์ ให้สัมภาษณ์ก่อนที่การประชุมจะเปิดฉากในวันที่ 28 มกราคมนี้ไปจนถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เขาอ้างตัวเลขการประเมินของหน่วยงานบรรเทาทุกข์หลายแห่งว่า วิกฤติอาหารโลกอาจทำให้มีคนอดอยากมากถึง 100 ล้านคน พร้อมกับแสดงความเป็นห่วงสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงิน รวมทั้งผลกระทบที่จะมีต่อคนจนและกลุ่มเสี่ยง ดังนั้น การแก้ปัญหาระบบการเงินควรใช้วิธีที่เปิดกว้างมากขึ้น เพราะหากคนยากจนรู้สึกว่าถูกปล่อยให้อยู่อย่างแร้นแค้นยิ่งขึ้นแต่ธนาคารในประเทศร่ำรวยกลับได้รับเงินอัดฉีดช่วยเหลือ อาจจุดกระแสประท้วงจนกลายเป็นภาวะไร้เสถียรภาพได้ ขณะเดียวกันปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศก็ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนไปพร้อม ๆ กัน

นายอันนัน กล่าวว่า ในการประชุมเพื่อหารือวิธีแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโลกครั้งนี้ผู้นำโลกต้องคำนึงถึงปัญหาพื้นฐานเรื่องการจ้างงาน ภาวะโภชนาการและสุขภาพของผู้คนด้วย โดยต้องสร้างความมั่นใจให้แก่คนยากจนและกลุ่มเสี่ยงว่าปัญหาของพวกเขามีความสำคัญเท่าเทียมกับปัญหาของบริษัทการเงินในตลาดวอลล์สตรีท อดีตเลขาธิการยูเอ็นยังได้หยิบยกปัญหาโจรสลัดอาละวาดนอกน่านน้ำโซมาเลียว่าเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงอันตรายของการทิ้งปัญหาร้ายแรงบางอย่างไว้นานเกินไป.-สำนักข่าวไทย

2009-01-27 08:55:10

ธนาคารโลกแนะผลิตอาหารเพิ่มอีก 2 เท่าใน 40 ปีข้างหน้า​

​

มาดริด 27 ม.ค. - ธนาคารโลกเตือนควรมีการผลิตอาหารเพิ่มขึ้นจากเดิม 2 เท่า ในอีก 40 ปีข้างหน้า เพื่อให้เพียงพอรับมือกับวิกฤติความอดอยากครั้งใหญ่ของผู้คนทั่วโลก

นายฌาคส์ ดิยุฟ ผู้อำนวยการทั่วไปของธนาคารโลก กล่าวในการประชุมวันแรกของที่ประชุมสุดยอดว่าด้วยวิกฤติอาหารโลก ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน ว่า วิกฤติการเงินที่เกิดขึ้นจะยิ่งส่งผลกระทบต่อการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนอาหาร และอาหารราคาแพง ซึ่งอาจกระทบต่อเป้าหมายของโครงการอาหารโลกแห่งสหประชาชาติ ที่ต้องการลดจำนวนประชากรโลกที่อดอยากและขาดแคลนอาหารลงให้ได้ครึ่งหนึ่งก่อนถึงปี 2558

นายดิยุฟยังเรียกร้องให้ประชาคมโลกเพิ่มผลิตอาหารให้ได้มากกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน 2 เท่า ภายใน 40 ปีต่อจากนี้ เพื่อให้มีอาหารเพียงพอรองรับจำนวนประชาชนโลกกว่า 9,000 ล้านคน โดยในปีที่แล้ว คาดว่ามีประชากรทั่วโลกอยู่ในภาวะขาดแคลนอาหารเกือบ 1,000 ล้านคน. -สำนักข่าวไทย

2009-01-27 04:02:52

สหรัฐอ้างชนะคดีฟ้ององค์การการค้าโลกจีนละเมิดลิขสิทธิ์​

​

วอชิงตัน 27 ม.ค.- สหรัฐอ้างว่าเป็นฝ่ายชนะในการร้องเรียนต่อองค์การการค้าโลก เรื่องจีนไม่คุ้มครองลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้าสินค้าจำนวนมาก

นายปีเตอร์ ออลจีเออร์ รักษาการผู้แทนการค้าสหรัฐ กล่าวว่า คณะกรรมการแก้ไขข้อพิพาทขององค์การการค้าโลก ชี้ว่าความบกพร่องของจีนเรื่องการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาไม่เป็นไปตามระเบียบขององค์การการค้าโลก สหรัฐจะหาทางให้จีนดำเนินการแก้ไขอย่างเหมาะสม เพื่อสร้างหลักประกันว่าผู้ถือลิขสิทธิ์ของสหรัฐจะได้ประโยชน์จากคำตัดสินนี้ สหรัฐร้องเรียนตั้งแต่ปี 2550 ว่าจีนวางจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์อย่างเปิดเผยตามเมืองต่าง ๆ กลุ่มพันธมิตรทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างประเทศซึ่งเป็นการรวมกลุ่มกันของธุรกิจดนตรี ภาพยนตร์ หนังสือ และซอฟต์แวร์ ในสหรัฐประมาณว่า การละเมิดลิขสิทธิ์ในจีนทำให้ทางกลุ่มสูญเสียยอดจำหน่ายราว 3,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 129,500 ล้านบาท)

คณะกรรมการฯ เห็นด้วยกับคำร้องของสหรัฐ 2 ใน 3 ประเด็น คือ จีนละเมิดระเบียบขององค์การการค้าโลกกรณีไม่ให้ความคุ้มครองลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ ดนตรี และหนังสือ ที่หน่วยงานตรวจสอบของทางการไม่อนุญาตให้จำหน่าย และกรณีเปิดประมูลสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรยึดได้ โดยกำหนดให้ผู้ประมูลได้เพียงแค่นำตราออกจากสินค้าเท่านั้น ส่วนประเด็นที่คณะกรรมการฯ ไม่เห็นด้วยคือ ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ในจีนไม่เกรงกลัวกฎหมาย อย่างไรก็ดี ทั้งจีนและสหรัฐสามารถอุทธรณ์คำตัดสินของคณะกรรมการฯ ได้ต่อไป.- สำนักข่าวไทย

2009-01-27 08:42:38

น้ำมันรั่วในภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย มีนกตายหลายร้อยตัว​

​

มอสโก 26 ม.ค.-สำนักข่าวอาร์ไอเอ โนวอสติ ของรัสเซีย รายงานว่า เหตุน้ำมันรั่วนอกชายฝั่งเกาะแซคาลิน ภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย ทำให้มีนกป่าตายไปแล้วหลายร้อยตัว

รายงานอ้างนายวลาดิเมียร์ บาร์ดิน หัวหน้าศูนย์ดำน้ำเกาะแซคาลิน ว่า บริเวณชายฝั่งระยะทาง 3 กม. มีนกติดอยู่ในคราบน้ำมันเป็นจำนวนมาก และประชาชนกำลังพยายามหาทางช่วยเหลือนกเหล่านั้น นอกจากนี้ ยังเป็นที่วิตกว่า นกอินทรีย์ทะเลซึ่งเป็นสัตว์หายากอาจตาย หากพยายามลงมากินนกที่ติดอยู่ในคราบน้ำมันเหล่านั้น

นายบาร์ดินกล่าวว่า จุดน้ำมันรั่วอยู่ทางตอนใต้ของหมู่เกาะแซคาลิน ห่างโรงงานก๊าซแอลเอ็นจีที่สร้างโดยกลุ่มบริษัทข้ามชาติราว 6 กม. และเกี่ยวข้องกับเรือบรรทุกน้ำมันที่เดินทางมาถึงยังโรงงานก๊าซเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่โฆษกของแซคาลิน เอเนอร์จี้ ผู้ควบคุมโครงการสำรวจแหล่งก๊าซปฏิเสธรายงานดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม.-สำนักข่าวไทย

2009-01-26 18:26:41

เรือโดยสารข้ามฟากล่มในเวียดนาม มีผู้เสียชีวิตถึง 40 คน​

​

เวียดนาม 26 ม.ค. - เกิดเหตุเรือโดยสารข้ามฟากขนาดเล็กอับปางทางตอนกลางของเวียดนาม หลังเรือรองรับผู้โดยสารเกินขนาด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 40 คน

เจ้าหน้าที่กู้ภัยของเวียดนาม สามารถกู้ศพผู้เสียชีวิตได้ถึง 40 คน จากแม่น้ำกีอานห์ ของจังหวัดกวางบินห์ ห่างจากกรุงฮานอยไปทางใต้ ราว 500 กิโลเมตร ในจำนวนนี้เป็นเด็กผู้หญิง 7 คน และสตรีถึง 27 คน ในจำนวนนี้มีผู้หญิงท้องรวมอยู่ด้วย 3 คน และสามารถช่วยชีวิตได้ 36 คน ขณะนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังค้นหาผู้ประสบเหตุที่หายไปราว 2 คน แต่คาดว่าทั้งหมดน่าจะเสียชีวิตแล้ว

ผลการสอบสวนเบื้องต้นคาดว่า ขณะเกิดเหตุเรือข้ามฟากลำดังกล่าวบรรทุกคนมากถึง 80 คน ทั้งที่เรือสามารถรับน้ำหนักผู้โดยสารได้เพียง 12 คน ก่อนจะอับปางหลังถูกคลื่นรุนแรงซัดเข้าใส่ ขณะที่เรืออยู่ห่างจากฝั่งเพียง 20 เมตร เท่านั้น โดยผู้โดยสารทั้งหมดอยู่ระหว่างเดินทางข้ามฟาก กลับบ้านหลังไปซื้ออาหารข้าวของเครื่องใช้ เพื่อนำมาเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน หรือวันปีใหม่ของจีน ซึ่งถือเป็นวันหยุดสำคัญวันหนึ่งของชาวเวียดนาม

โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น ทำให้ทางการท้องถิ่นจังหวัดกวางบินห์ ประกาศยกเลิกการแสดงพลุดอกไม้ไฟเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน และเตรียมจะมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวเหยื่อผู้เสียชีวิตรายละ 10 ล้านด่อง หรือประมาณ 21,000 บาท ขณะที่ เจ้าของเรือและกัปตันเรือ ซึ่งถูกจับกุมตัวแล้ว กำลังอยู่ในระหว่างการสอบปากคำ.-สำนักข่าวไทย

2009-01-26 12:42:13

ที่มา http://news.mcot.net

 

​

นิมิตของคุณ k_isara ข้างบนนี้ ผมคงไม่ต้องแปลให้มากความนะครับ ใครที่ยังไม่เข้าใจก็ขอให้กลับไปอ่าน คำทำนาย มันจะเกิด....ของหมอนิด อีกครั้งนะครับ จะได้ไม่ต้องไปเหยียบกันตาย เพื่อแย่งซื้ออาหาร ตามห้างซุปเปอร์มาเก็ต เหมือนกับข่าวในต่างประเทศเขานะครับ

***********************************************​

 

ยกข้อความที่คุณเกษมนำมาโพสเกี่ยวกับคำทำนายของหมอนิดมา เพราะเห็นว่าคล้ายๆ กับข้อมูลที่ตัวเองได้รับมาจากท่านนักปฏิบัติธรรมที่เคารพ



"หากหน่วยงานข่าวกรองไม่สนใจเจาะลึกถึงแก่น และถ้าเจ้าหน้าที่ด่านแรกรับมือไม่อยู่...ความบ้าคลั่งจะระบาดไปทุกแห่งหน...เลือดจะนองแผ่นดิน! ทหารจะมีบทบาทอีกครั้งจึงจะยุติลงได้...และนี่คือจุดที่เกิด.. “นายกที่มาจากฟ้าประทาน” และเป็นบทความ “มันจะเกิด” ที่ผมได้เขียนถึงนี้ "
" เลือดจะนองแผ่นดิน อันนี้ท่านเอยบอกไว้ ว่าน่าสงสารมาก เพราะจะตายกันเยอะ ให้ระมัดระวังเกี่ยวกับการไปร่วมเดินชุมนุม ประท้วงต่างๆ ไว้ให้มาก (ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม) หากหมั่นเจริญพรหมวิหารสี่เป็นประจำจะช่วยลดได้มาก (เมตรา กรุณา มุทิตา อุเบกขามากๆ)"


"ในปีนี้นอกจาก “อัคคีภัย” ที่เกิดขึ้นมากมายทั้งใหญ่และเล็กตามที่ผมได้ทำนายไว้แล้วตามสื่อต่างๆ...รวมทั้ง “อุบัติภัย” ที่มีเป็นข่าวมาตลอดนับว่าเป็นปี “วัวบ้า” ที่แท้จริง...ปีวัวที่ดุร้ายทำลายทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน...อีกทั้งยังทำลายเศรษฐกิจของโลกอีกด้วย...ยังมีภัยที่น่าเป็นห่วงสำหรับประเทศไทยอีกอย่างหนึ่งคือ... “ภัยทางน้ำ”...ที่จะมาทำลายชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน..."



ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังให้ดี เพราะมันยังจะเกิด “ภัยทางน้ำ” ครั้งใหญ่ขึ้นอีกโดยเฉพาะทาง “อ่าวไทย” ต้องระวังเป็นพิเศษ...ซึ่งอาจจะเกิด...พายุหมุนเกิดขึ้นในทะเล และจะพาน้ำเข้ามาทำลายชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ถึงแม้ว่าจะไม่เกิดพายุหมุนก็ใช่ว่าภัยทางน้ำจะไม่เกิด...อย่าชะล่าใจเป็นอันขาด


"ผู้ที่มีบ้านเรือน, ที่ดิน, เรือ, และสวนที่อยู่ใกล้น้ำ...ใกล้ทะเลควรจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในปีนี้...เดือนที่ต้องจับตามองในช่วงแรกคือเดือน เมษายน – พฤษภาคม...แต่อาจจะคลาดเคลื่อนเดือนก็ได้...ในปี พ.ศ. 2552 นี้จะเป็นปีแห่งการสูญเสีย...ปีวิปโยค...ปีแห่งความเศร้าหมองของประชาชนจำนวนมาก...ปริศนา...ฟ้าหัวเราะ... “พระจันทร์ยิ้ม”...คนสยอง! "
"ภัยทางน้ำและภัยจากแผ่นดินไหว เป็นอีกภัยหนึ่งที่ต้องระมัดระวัง เดือนเมษายน - ช่วงพฤษภาคมนี้ จะเป็นช่วงอันตรายที่เกิดขึ้นไม่ได้พูดถึงประเทศไทยอย่างเดียวแต่หมายถึง ทั่วโลก (สังเกตว่า ช่วงพฤษภาคม - มิถุนายน เป็นช่วงอันตรายในปี 51 ที่ผ่านมา) โดยหากเกิดกับประเทศไทยเรา ก็จะน้อยกว่าที่อื่น (ดีกว่าประเทศอื่น หนักมาก)

โดยส่วนตัวได้รับทราบข้อมูลว่าเป็นเดือน เมษายน การเตรียมกายใจให้พร้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือ การเตรียมใจ อย่างน้อยให้พยายามรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ ไหว้พระสวดมนต์ในบทที่ถนัด การทำสมาธิแผ่เมตราสม่ำเสมอ

เห็นพระจันทร์ยิ้ม บางคนบอกว่าเป็นลางดี เพราะพระจันทร์ยิ้มให้
แต่ข้อมูลได้รับทราบมา ท่านบอกว่า พระจันทร์ยิ้มเยาะต่างหาก ว่า เวลานี้ ความชั่วต่างๆ ที่เกิดขึ้นมากมายจะเป็นแรงดึงดูด เร่งให้เกิดภัยพิบัติร้ายแรงต่างๆ ขึ้นมาเป็นลำดับ โดยทั้งปี 2552 เป็นปีที่ควรมีความระมัดระวังไม่ประมาทตลอดปี

 

ผมไม่เชื่อพวกท่านหรอกนะ ไม่มีอะไรที่ไหน ที่จะทำให้สารขันธ์ประเทศนี้ล่มจม
เพราะอีกไม่กี่ปีข้างหน้า สารขันธ์ประเทศนี้ ก็จะก้าวเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ แล้วนะท่าน

ผมมั่นใจ ทุกดวงจิตผู้พิทักษ์ วิญญาณของบรรพบุรุษทุกๆดวง ยังรักษ์แผ่นดินนี้
มีแต่ดวงจิตมารเท่านั้นแหล่ะ ที่ยังตอแยไม่เลิกรา ทำนายแต่ความหายนะ เช๊อะ!