ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    ตัวเลขผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ทะลุ 5,000 คน

    [​IMG]

    เจนีวา 12 พ.ค.- องค์การอนามัยโลกยืนยัน ตัวเลขผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่พุ่งไปอยู่ที่ 5,251 คน ใน 30 ประเทศทั่วโลก โดยพบผู้เสียชีวิตไปแล้ว 61 คน

    โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อยังคงพบที่สหรัฐมากที่สุด ถึง 2,600 คน มีผู้เสียชีวิตไป 3 คน รองลงมาคือเม็กซิโก พบผู้ติดเชื้อนี้ 2,059 คน แต่มีผู้เสียชีวิตสูงถึง 56 คน นับจากมีรายงานพบการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ สายพันธุ์ เอช 1 เอ็น 1 เมื่อเดือนที่แล้ว -สำนักข่าวไทย

    2009-05-12 16:50:34

    ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ระบาดถึงขั้วโลกเหนือ

    [​IMG]

    ออตตาวา 13 พ.ค. - ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แพร่ระบาดไปถึงดินแดนเหนือสุดของแคนาดาแล้ว หลังจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขยืนยันเมื่อวานนี้ว่า สตรีคนหนึ่งที่เพิ่งเดินทางไปเที่ยวเม็กซิโกติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 เป็นรายแรกของดินแดนยูคอน

    ทางการแคนาดา รายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วประเทศเพิ่มอีก 28 คน ส่งผลให้ขณะนี้แคนาดามียอดผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ทั้งสิ้น 358 คน โดยพบในรัฐบริติชโคลัมเบีย 83 คน รัฐแอลเบอร์ตา 53 คน รัฐซัสแคตเชวัน 12 คน รัฐแมนิโทบา 2 คน รัฐออนแทรีโอ 113 คน รัฐควิเบก 25 คน รัฐนิวบรันสวิก 2 คน รัฐโนวาสโกเชีย 64 คน รัฐปรินซ์เอดเวิร์ดไอแลนด์ 3 คน และพบผู้ติดเชื้อ 1 คน ในดินแดนยูคอน ซึ่งกินพื้นที่ครึ่งหนึ่งเข้าไปในเขตอาร์กติกเซอร์เคิล ขณะนี้มีเพียงรัฐนิวฟันด์แลนด์ บริเวณขั้วโลกเหนือเท่านั้นที่ยังไม่พบการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่

    เมื่อสัปดาห์ก่อนเจ้าหน้าที่แคนาดา ประกาศว่า สตรีคนหนึ่งเสียชีวิตด้วยอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เมื่อปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ส่วนเด็กหญิงที่ติดเชื้อคนหนึ่งกำลังรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยอาการหนัก แต่เริ่มฟื้นตัวแล้ว อย่างไรก็ดีผู้ติดเชื้อชาวแคนาดาส่วนใหญ่มีอาการป่วยไม่รุนแรง. -สำนักข่าวไทย

    2009-05-13 07:23:49

    มีผู้เสียชีวิต 32 คนจากพายุกระหน่ำอินเดีย
    [​IMG]

    ลัคเนา 12 พ.ค.-เจ้าหน้าที่อินเดีย กล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 32 คน และบาดเจ็บอีก 23 คนจากพายุพัดกระหน่ำพื้นที่ภาคเหนือของอินเดีย ซึ่งแรงลม 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้ต้นไม้หักโค่นและบ้านเรือนหลายหลังพังราบ

    ตำรวจอินเดียกล่าวว่า เกิดพายุและฟ้าผ่าทั่วรัฐอุตตรประเทศเมื่อคืนวันจันทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดของอินเดีย ซึ่งมีสมาชิก 5 คนในครอบครัวเดียวกันเสียชีวิตจากต้นไม้โค่นทับบ้านในเมืองลัคเนา ต้นไม้โค่นหลายแห่งกีดขวางทางหลวงที่เชื่อมต่อเมืองสำคัญต่างๆ และไฟฟ้าดับใน 22 เขต .-สำนักข่าวไทย

    2009-05-12 18:00:34

    โคลนถล่ม-หิมะถล่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 18 คนในทาจิกิสถาน

    [​IMG]
    ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต

    ดูชานเบ 12 พ.ค.-กระทรวงฉุกเฉินทาจิกิสถานรายงานว่า โคลนถล่มอย่างหนักซึ่งไม่ค่อยเกิดขึ้นและหิมะถล่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 คนในทาจิกิสถานเดือนนี้

    ทั้งนี้ ทาจิกิสถานเผชิญกับดินถล่มทุกปี แต่ช่วงนี้รุนแรงมากกว่าปกติเนื่องจากฝนตกหนัก ประกอบกับหิมะละลาย ทำให้มีผู้เสียชีวิต 18 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเด็ก 7 คน จากเหตุดินถล่มและหิมะถล่มในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

    2009-05-12 19:27:05

    ชาวนากัมพูชาวิตกหลังพระโคเสี่ยงทายเก็บเกี่ยวข้าวไม่ได้ผล
    [​IMG]

    พนมเปญ 12 พ.ค. - กัมพูชาประกอบพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญในวันนี้ โดยที่พระโคเสี่ยงทายว่าปีนี้ผลผลิตข้าวจะไม่อุดมสมบูรณ์ สร้างความวิตกให้แก่บรรดาชาวนา

    พระราชพิธีในปีนี้จัดขึ้นที่ลานด้านนอกพระราชวังในกรุงพนมเปญ โดยมีกษัตริย์นโรดม สีหโมนี เสด็จฯ เป็นองค์ประธานในพิธี และมีประชาชนหลายพันคนร่วมพิธี เมื่อถึงขั้นตอนเสี่ยงทายโดยให้พระโค 1 คู่กินของ 7 อย่าง ได้แก่ ข้าว ข้าวโพด ถั่ว งา หญ้า น้ำ และสุรา ปรากฏว่า พระโคเลือกกินเฉพาะถั่ว และข้าวโพด หัวหน้าโหรหลวงทำนายว่า ผลผลิตถั่ว และข้าวโพดในปีนี้จะบริบูรณ์ อย่างไรก็ดี โหรไม่ได้ประกาศต่อฝูงชนถึงคำทำนายของผลผลิตข้าวในปีนี้ ทว่าได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวภายหลังว่า ผลผลิตข้าวในปีนี้จะอยู่ที่ร้อยละ 30

    ชาวนาคนหนึ่ง กล่าวว่า เขารู้สึกวิตกอย่างยิ่งที่พระโคไม่กินข้าว และกลัวว่าปีนี้จะไม่ได้ผลผลิตข้าวเป็นที่น่าพอใจ แม้ว่าพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ซึ่งแสดงถึงการเริ่มต้นฤดูเพาะปลูกในกัมพูชา จะได้รับความเชื่อถือจากชาวกัมพูชาในชนบทจำนวนมาก แต่ก็มีเสียงแสดงความสงสัยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ซึ่งไม่ได้ร่วมงานในครั้งนี้เคยตำหนิโหรหลวงที่ไม่พยากรณ์ว่าจะเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในปี 2544 ที่คร่าชีวิตประชาชนไป 59 คน. -สำนักข่าวไทย

    2009-05-12 16:02:53

    ทิ้งบอมบ์ถล่มโรงพยาบาลในศรีลังกา ดับ 49 คน

    [​IMG]

    ศรีลังกา 13 พ.ค. - กองทัพศรีลังกาทิ้งระเบิดโจมตีโรงพยาบาลในพื้นที่ปะทะกับกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬ คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 49 คน

    กลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬ เปิดเผยว่า โรงพยาบาลกลางดังกล่าวตั้งอยู่ในเมืองมัลลิไวกัล ถูกกองทัพยิงโจมตีด้วยปืนใหญ่เมื่อช่วงเช้าวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ทำให้โรงพยาบาลได้รับความเสียหายอย่างหนัก และมีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 49 คน มีทั้งคนไข้และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล รวมถึงมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนมาก อย่างไรก็ดี โฆษกกองทัพออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้ยิงปืนใหญ่โจมตีโรงพยาบาลตามที่ถูกกล่าวหา

    เหตุปะทะระหว่างกองทัพศรีลังกาและกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬตลอดช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตมากกว่า 400 คน และอีกกว่า 1,300 คน ได้รับบาดเจ็บ จนสหประชาชาติบอกว่า เหตุการณ์สู้รบดังกล่าวไม่ต่างจากการฆาตกรรมหมู่ ด้านองค์กรต่าง ๆ เริ่มแสดงความกังวลว่าเจ้าหน้าที่องค์กรของตนอาจได้รับอันตรายจากการสู้รบที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ. -สำนักข่าวไทย

    2009-05-13 03:08:47

    รมก๊าซพิษ นร.หญิงอัฟกัน

    [​IMG]

    คาบูล 13 พ.ค. - พบเด็กนักเรียนหญิงจำนวนมากถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในอัฟกานิสถาน หลังเกิดอาการปวดศีรษะและคลื่นไส้ เชื่อเกิดจากการถูกรมด้วยก๊าซพิษ

    เด็กนักเรียนหญิง 98 คน จากโรงเรียนแห่งหนึ่งในมูห์มุด ราชี เมืองเอกของจังหวัดคาปิซ่า ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงคาบูล ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน รวมถึงผู้อำนวยการโรงเรียน ครู 11 คน และคนงานทำความสะอาดอีก 2 คน ทั้งหมดมีอาการปวดศีรษะ ปวดตา คลื่นไส้และอาเจียน หลังได้กลิ่นแปลกที่ปกคลุมทั่วบริเวณโรงเรียน เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบอกว่า คนไข้เกือบทั้งหมดถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในสภาพเกือบหมดสติ และความดันโลหิตต่ำอย่างมาก

    ขณะที่แพทย์ได้ส่งตัวอย่างของผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลในกรุงคาบูลเพื่อตรวจสอบแล้ว นับเป็นครั้งที่ 3 ในช่วง 3 สัปดาห์ ที่เกิดเหตุแก๊สพิษแพร่กระจายในโรงเรียนหญิง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มติดอาวุธที่ต่อต้านไม่ให้สตรีได้รับการศึกษาในโรงเรียน. -สำนักข่าวไทย

    2009-05-13 03:08:10

    ราคาน้ำมันดิบไลท์สวีทพุ่งเฉียด 60 ดอลลาร์สหรัฐ

    [​IMG]

    ลอนดอน 12 พ.ค.- ราคาน้ำมันดิบไลท์สวีทของนิวยอร์ก พุ่งแตะ 59.49 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ระหว่างการซื้อขายในวันนี้ที่ตลาดลอนดอน ถือเป็นราคาสูงที่สุดในรอบ 6 เดือน ในช่วงที่เงินดอลลาร์สหรัฐกำลังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินชั้นนำของโลก

    โดยน้ำมันดิบไลท์สวีทของนิวยอร์ก งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน มีราคาพุ่งแตะ 59.49 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่หลังจากนั้น ราคาร่วงลงมาเคลื่อนไหวอยู่ที่ 59.13 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน มีราคาเคลื่อนไหวอยู่ที่ 57.84 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในการซื้อขายที่ลอนดอน

    นักวิเคราะห์มองว่า น้ำมันดิบมีราคาพุ่งขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เนื่องจากความคึกคักของตลาดหุ้น และเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงจึงทำให้นักลงทุนไล่ซื้อน้ำมันดิบได้ถูกลง เพราะขายกันในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐ แรงซื้อที่มีเข้ามามาก จึงดันให้น้ำมันดิบมีราคาสูงขึ้น การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบ จึงไม่น่าจะมาจากการคาดคะเนว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวจนทำให้ความต้องการใช้น้ำมันมีเพิ่มขึ้น

    นักวิเคราะห์ตลาดจำนวนมาก ต่างเชื่อว่า เงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มจะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญของโลกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เพราะการตุนเงินดอลลาร์สหรัฐเพื่อเป็นหลักประกันที่ปลอดภัยเริ่มมีน้อยลงในช่วงที่สภาพเศรษฐกิจโลกเริ่มดีขึ้น แต่การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ น่าจะทำให้น้ำมันมีราคาสูงขึ้นแค่ระยะหนึ่งเท่านั้น เพราะความต้องการใช้น้ำมันยังคงมีน้อยลงในช่วงที่เศรษฐกิจซบเซา.-สำนักข่าวไทย

    2009-05-12 17:41:07

    ซาเบรีแถลงขอบคุณหลังได้รับอิสรภาพ

    [​IMG]

    สหรัฐ 13 พ.ค. - โรซานา ซาเบรี ผู้สื่อข่าวชาวอเมริกันเชื้อสายอิหร่าน แถลงขอบคุณผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หลังได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำอิหร่าน ที่ถูกสั่งจำคุก 8 ปี ข้อหาเป็นสายลับ

    ซาเบรีแถลงต่อผู้สื่อข่าวและสาธารณชนเป็นครั้งแรก หลังได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำนอกกรุงเตะรานเมื่อวานนี้ เธอบอกว่ารู้สึกดีใจอย่างยิ่งที่ได้รับอิสระ และขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ จนทำให้เธอได้รับอิสรภาพในที่สุด เธอบอกว่ายังไม่มีแผนว่าจะทำอย่างไรต่อไป นอกจากขอใช้เวลาอยู่กับครอบครัวให้มากที่สุด

    ซาเบรีถูกคุมขังในเรือนจำเอวินนาน 4 เดือน ก่อนถูกศาลอิหร่านตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาเป็ยสายลับให้รัฐบาลสหรัฐ และถูกสั่งจำคุก 8 ปี ทำให้ประชาชนคมโลกให้ความสนใจและออกมาเรียกร้องให้อิหร่านปล่อยตัวเธอเป็นอิสระ ก่อนที่ศาลอุทธรณ์อิหร่านจะยอมลดโทษซาเบรีจากจำคุก 8 ปี เป็นรอลงอาญา 2 ปี แต่ทางการอิหร่านสั่งห้ามไม่ให้เธอเข้ามาทำหน้าที่ผู้สื่อข่าวในอิหร่านเป็นเวลา 5 ปี. -สำนักข่าวไทย

    2009-05-13 01:09:07

    ที่มา http://news.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2009
  2. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612

    ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ปลายเดือนสิงหาคม
    2550 ที่ผ่านมา มีคุณยาย ผู้ปฏิบัติธรรมท่านหนึ่งได้นำหนังสือเรื่องพุทธทำนายฉบับถอดรหัสมาให้อ่าน ในขณะที่ผู้เขียนได้จัดสรรเวลาของตนเอง ไปฝึกทำสมาธิภาวนา วิปัสสนาภาวนา และเมตตาภาวนา ที่วัดเพลง แขวงและเขต บางพลัด ซึ่งพระอาจารย์ พระมหาฉัตรชัย รักขิตจิตโต ผู้ช่วยเจ้าอาวาส
    สอนนำการทำสมาธิภาวนา วิปัสสนาภาวนา และเมตตาภาวนา ที่กระชับ และกระทัดรัดดี

    -
    เมื่อผู้เขียนได้อ่านแล้ว ก็เห็นว่ามีเนื้อหาแปลกดี แต่ไม่แน่ใจว่า ข้อความทั้งหมดที่คัดลอกต่อๆ กันมามีการตกหล่นจากความเดิมจนถ้อยคำเปลี่ยนไปหรือไม่เพียงไร

    -
    ในหนังสือเล่มนี้ อ้างว่า นำความมาจากหนังสือใบลานเก่า ที่พบในจังหวัดอัตตะบือ ประเทศลาว โดยมีพระธุดงค์นำมาถ่ายทอดโดยสรุป คือ

    1.
    ในปีจอ (2561) กรุงเทพฯ จะหมดสภาพเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย

    2.
    พระคาถาป้องกันภยันตรายในใบลาน จารึกให้นำไปท่องว่า ปะโต เมตัง ปะระชีวินัง สุคะโต จุติ จิตตะ เมตตะ นินะนัง สุคะติ จุติโดยท่านแนะให้นำไปเขียนลงแผ่นผ้าก็ได้ แล้วนำไปปิดที่ประตูบ้าน หรือปิดในรถยนต์ ยามเกิดเหตุการณ์คับขัน จะช่วยให้รอดชีวิตพ้นจากภยันตรายได้

    มหันตภัยร้ายแรง ท่านว่าจะมี
    10 ประการ
    ได้แก่

    1.
    วาตภัย (ลมพายุ)
    2.
    ธรณีพิบัติภัย (แผ่นดินไหว) ภูเขาไฟระเบิด

    3.
    อัคคีภัย (ไฟไหม้)
    4.
    อุทกภัย (น้ำท่วม)
    5.
    ฟ้าผ่าดังลั่นสะเทือนแก้วหู

    6.
    อากาศร้อนมากเกินไป หนาวมากเกินไป

    7.
    สารพิษแพร่กระจายทุกแห่งหน

    8. เกิดโรคระบาดต่างๆ

    9.
    เกิดข้าวยาก หมากแพง

    10.
    เกิดการอาฆาตพยาบาทจองเวร จองล้าง จองผลาญ

    3.
    ถ้าเข้าถึงปีกุน (2562) ไปแล้ว ทุกคนจะได้รับความสุขกาย - สุขใจ เคร่งครัด ในการรักษาศีล 5 มาก โดยช่วงนั้นจะมีประชากรลดลงมาก แต่ประเทศไทย จะมีประชากรเหลือมากหน่อย คือ มีเหลือรอดถึง 30 % หรือประมาณ 18 ล้านคน ขณะที่ประเทศอื่นๆ จะมีชีวิตรอดอยู่เพียง 10 % เท่านั้น

    4.
    เหตุการณ์ร้ายตามท้องถนน จะรุนแรงมาก ตั้งแต่ เดือน 7 ของปีระกา(ปี 2560) และในเดือน 9 – 10 ของปีจอ (ปี 2561) คนใจบาปจะถูกล้างผลาญหมด สภาพสังคมโดยทั่วไป มีบ้านแต่ไม่มีคนอยู่ มีข้าวแต่ไม่มีคนกิน มีทางแต่ไม่มีคนเดิน

    5.
    ที่ศิลาจารึกในมหาวิหารเชตวัน ณ สวนมฤคทายวัน ได้กล่าวถึงมหันตภัยในอนาคต สิ่งที่คนทั้งหลาย ไม่เคยเจอะก็จะได้เจอ ไม่เคยพบก็จะได้พบ ยักษ์หินที่ถูกสาป กลับตื่นขึ้นมาอาละวาด จะมีการรบราฆ่าฟันกันนองเลือด แผ่นดินจะมีไฟลุกโชติช่วง แต่ละฝ่ายตายไปฝ่ายละครึ่งจึงจะเลิกรา ที่เลิกราก็เพราะต่างหมดกำลังลง

    ผู้ที่สร้างสมกุศลผลบุญ มีสติอยู่เสมอ ก็จะรอดอยู่ได้ ทั้งนี้ไฟจะมาจากทางทิศตะวันออก ไฟไหม้บ้านเรือน และวัดวาอาราม สมณะชีพราหมณ์ ก็จะต้องอดหยาก ลูกไฟจะ ตกจากฟ้า ข้าวสารจะขาดแคลน ทุพภิกขภัยจะมีไปทั่ว ครุฑจะบินกลับฐาน (เงินบาทจะด้อยค่า) ในช่วงนี้ ให้ภาวนาว่า ชา ตะ มะ สะ ละ วาเขียนใส่กระดาษใส่ผ้าขาว ติดตัวติดบ้าน ติดหัวนอน จะทำให้รอดจากพญามัจจุราชได้มากขึ้น

    6.
    ผู้ที่ต้องการได้พบผู้มีบุญระดับพระโพธิสัตว์ ซึ่งจะเป็นพระศรีอารย์ในอนาคต คัมภีร์ในใบลานแนะนำให้หมั่นภาวนาว่า นะ สัจ จัง ทะ คะ ยัง สะ สัม คำ ปังโดยจะเริ่มพบเห็นได้ ตั้งแต่ปีระกา (ปี 2560) เดือน 11 แรม 4 ค่ำ ทั้งนี้ ผู้ที่จะได้พบผู้มี บุญระดับพระโพธิสัตว์ดังกล่าว จะต้องหมั่นฝึกภาวนา หมั่นรักษาศีล 5 ให้ครบถ้วนเป็นประจำ ก็จะสมปรารถนาได้
    [FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][LEFT][SIZE=4]7. [/SIZE][/LEFT][/COLOR][LEFT][/left][/FONT][LEFT][/left][/COLOR][LEFT][/left][/FONT][LEFT][/left]
    [FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]สัญญาณเตือนภยันตราย จะเกิดชัดเจนครั้งแรกในปีมะเส็ง [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff](2556) [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]ตลิ่งริมฝั่งน้ำจะพัง ทะเลและมหาสมุทรจะบ้าคลั่ง ให้ติดตามเหตุการณ์ดูในอีกประมาณ [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]6 [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]ปีข้างหน้า หากเข้าสู่สถานการณ์นั้นๆ คัมภีร์ใบลานแนะให้ท่องว่า [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][B][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff]“[/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff]สะโรนะกา โททายะโมพุทธะตะยะ[/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff]” [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/B][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][SIZE=4][COLOR=#0000ff]จะลดภยันตรายลงได้กึ่งหนึ่ง[/COLOR][/SIZE][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR]
    [FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff] [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT]
    [COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]
    [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR]
    [FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][LEFT][SIZE=4]8. [/SIZE][/LEFT][/COLOR][LEFT][/left][/FONT][LEFT][/left][/COLOR][LEFT][/left][/FONT][LEFT][/left]
    [FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]โลกของเรากำลังเข้าสู่กลียุค จะมีปัญหาทั้งภัยธรรมชาติ จากดิน น้ำ ลม ไฟ และเกิดจากน้ำมือมนุษย์ในการแย่งชิงผลประโยชน์ แย่งชิงความเป็นใหญ่ แย่งชิงอำนาจ [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]และทำสงคราม รวมทั้งใช้อาวุธทุกรูปแบบทำลายล้างซึ่งกันและกัน[/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT]
    [FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff] [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT]
    [COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]
    [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR]
    [FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][LEFT][SIZE=4]9. [/SIZE][/LEFT][/COLOR][LEFT][/left][/FONT][LEFT][/left][/COLOR][LEFT][/left][/FONT][LEFT][/left]
    [FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]ประเทศไทย ก็ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติเช่นเดียวกัน โดยในปี [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]2556 [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]จังหวัดชายทะเล และกทม[/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]. [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]จะมีแผ่นดินยุบตัว คลื่นน้ำจะพัดเข้าชายฝั่ง คลื่นน้ำอาจมี ความสูงถึง [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]20 [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]เมตร [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]([/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]สูงเกือบเท่าตึก [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]7 [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]ชั้น[/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]) [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]ผู้ที่อยู่ริมน้ำทั้งหมดจะล้มตายเกือบครึ่ง โดยจะมีภัยพิบัติเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไปถึงปี [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]2560 [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]ในที่สุดประชากรไทย จาก [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]65 [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]ล้านคน จะเหลือเพียง [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]18 [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]ล้านคนในปี [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]2561 [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงนี้ อาจเกิดขึ้นจริง หรือไม่เกิดขึ้นจริงก็ได้ แต่[/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][B][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff]พวกเราก็ไม่ควรดำเนินชีวิตด้วยความประมาท อย่างน้อยที่สุดก็ขอให้ท่านจัดสรรเวลาวันละเล็กวันละน้อย ฝึกความมีสติ และความมีสัมปชัญญะ เพิ่มการรักษาศีล และรู้จักให้ทานมากขึ้นด้วยครับ [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/B][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]เพราะสิ่งที่ท่านให้แก่ผู้อื่น สงเคราะห์เกื้อกูลผู้อื่น มีความเมตตาผู้อื่นสัตว์อื่น [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][B][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff]หรือ [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/B][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][SIZE=4]ปรารถนาให้ผู้อื่นสัตว์อื่นมีความสุขในปัจจุบัน มีความกรุณาต่อผู้อื่น สัตว์อื่น[/SIZE][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR]
    [FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]
    [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT]
    [COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff][LEFT][SIZE=4]หรือ [/SIZE][/LEFT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff][LEFT][/left][/COLOR][LEFT][/left][/FONT][LEFT][/left][/COLOR][LEFT][/left][/FONT][LEFT][/left]
    [FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff]มีจิตปรารถนาให้ผู้อื่น สัตว์อื่นที่มีความทุกข์ ได้พ้นจากทุกข์ในปัจจุบัน [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][B][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff]สิ่งเหล่านี้จะเป็นพลังกุศลผลบุญสนองตอบแก่ท่านในช่วงที่โลกเข้าสู่วิกฤติ อันจะมีผลให้ท่าน มีความสุขได้ในทุกสถานการณ์ และพ้นทุกข์ได้โดยเร็วพลัน [/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/B][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew-Bold][COLOR=#0000ff][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][SIZE=4][COLOR=#0000ff]เป็นการลงทุนสร้างความงามความดีในปัจจุบันขณะที่เราสามารถกระทำได้โดยไม่เดือดร้อน ก็ขอให้ท่านรู้จักใช้โอกาสอันดีดังกล่าวด้วย หากประมาท ท่านอาจสูญเสียโอกาสที่ดีดังกล่าวตลอดไปก็ได้[/COLOR][/SIZE][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR]
    [COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][SIZE=4][COLOR=#0000ff][/COLOR][/SIZE][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR]
    [SIZE=5][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][SIZE=5][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][SIZE=5][COLOR=#0000ff][SIZE=4]ที่มา [/SIZE][URL="http://www.mongkoldham.com/text/sanRMC_517.pdf"][SIZE=4]http://www.mongkoldham.com/text/sanRMC_517.pdf[/SIZE][/URL][/COLOR][/SIZE][/FONT][/COLOR][/SIZE][/FONT][/COLOR][/SIZE]
    [COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][SIZE=5][COLOR=#0000ff][FONT=CordiaNew][SIZE=5][COLOR=#0000ff]
    [/COLOR][/SIZE][/FONT][/COLOR][/SIZE][/FONT][/COLOR]
     
  3. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    มีอีกชุดที่เป็นของ อาจารย์มงคล กริชติทายาวุธ เช่นกันครับ

    เหตุเภทภัยใหญ่ในอนาคตที่เราต้องเผชิญมีอะไร...[SIZE=5][COLOR=black][I]เราควรเตรียมร่างกายและจิตใจอย่างไร [/I][/COLOR][/SIZE]
    [FONT=Arial Narrow][SIZE=5][COLOR=black]http://www.mongkoldham.com/text/sanRMC_529.pdf[/COLOR][/SIZE][/FONT]
    [SIZE=5][COLOR=black](มี 84 หน้า)[/COLOR][/SIZE]
    [SIZE=5][COLOR=#000000][/COLOR][/SIZE]
    pig_cryy2
    [SIZE=4][COLOR=#000000][/COLOR][/SIZE]

     
  4. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    มีสัญญานที่เกี่ยวข้องกับ แม่เหล็กโลกและประจุไฟฟ้า เข้ามาครับ

    สืบเนื่องจาก ผมได้ดูข่าว เรื่องน้ำแข็ง ที่ขั้วโลกละลาย แต่ล่าสุดมีที่พิเศษอยู่ตรงที่

    มีภาพที่น้ำที่มีธาตุเหล็ก มีสีสนิม ละลายออกมาด้วยจำนวนมาก เท่ากับภูเขาใหญ่ๆเลยทีเดียว ซึ่งมีผลกับแม่เหล็กโลกด้วยแน่นอน

    จากนั้นไม่กี่วัน ผมเองพบว่า เวลา ที่เอามือไปจับ หรือโดนโลหะโดยบังเอิญ ก็มีประกายไฟแล่บออกมาด้วย

    แต่ที่แปลก ก็คือ มีอีกวัน ที่เอามือไปจะแหย่ย จับพุงน้องชาย(จริงๆ)ผมเล่น ปรากฏว่า คราวนี้ไฟมันแล่บเป็นประกาย แรงมากๆ เรียกว่า สปาร์ค ดัง เปรี๊ยะเลยทีเดียว

    หลังจากนั้น ต่อมา สภาพอากาศก็เกิดฝนตก ฟ้าคะนองผิดปกติ ฟ้าผ่าลากยาว หรือคำรามจน ตึกสั่นสะเทือนทั้งหลังก็มี


    คาดว่า ขณะนี้ เกิดการสะสมพลังานในรูปประจุไฟฟ้าในชั้นบรรยากาศเพิ่มขึ้นอีกมากมาย จากปริมาณไอน้ำที่สูงมากๆในอากาศ

    ดังนั้นนอกจากฝนและพายุ ลมรุนแรงที่จะปรากฏแล้ว

    ฟ้าผ่ารุนแรงต้องเกิดขึ้น แน่นอนครับ

    ระมัดระวังเอาไว้ล่วงหน้าด้วยครับ

    ลองเข้าสมาธิหา เหตุผลและสมมติฐานดู

    พบว่า ประเด็นอยู่ที่ โอโซนของโลกที่รั่วและเบาบางมากนั้น
    นอกเหนือจากหน้าที่ของโอโซน ที่ช่วยกรองรังสี ในสเปคตรัม ต่างๆแล้ว

    โอโซนยังเป็นแอคทีฟก๊าซ ทีี่ี่ช่วยฟอกสารพิษในอากาศด้วย

    แต่ท้าย ที่ลบ และ นักวิทยาศาสตร์ มองข้ามไปก็คือ

    โอโซน ช่วยรักษาสมดุลของประจุไฟฟ้าในอากาศ ได้อีกด้วย

    การเกิดฟ้าผ่า ฟ้าคะนอง เป็นกลไกหนึ่งของธรรมชาติที่ใช้เยียวยาตนเอง ทุกครั้งที่ฟ้าผ่า จะเกิดประจุไฟฟ้าในอากาศและทำให้ ออกซิเจนแตกตัว ออกกลายเป็นโอโซนครับ

    ดังนั้น ผลทั้งหมด ที่เกิดขึ้นทางปรากฏการณ์ธรรมชาติ ต้อง คำนวณถึง สนามแม่เหล็ก แรงความเข้มข้นของสนามเเม่เหล็ก และทิศทาง ประจุพลังงาน ในชั้นบรรยากาศ ปริมาณ โอโซนในอากาศด้วยครับ
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    ลำปางประกาศ 31 หมู่บ้านประสบพิบัติภัยพายุ

    [​IMG]

    ลำปาง 13 พ.ค.- จังหวัดลำปางเร่งช่วยผู้ประสบภัยพายุถล่มเมื่อสัปดาห์ก่อน ล่าสุดประกาศ 31 หมู่บ้านเป็นพื้นที่พิบัติภัยฉุกเฉิน ด้านอุตุฯ เตือนพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวัง ตรวจพบกลุ่มฝนหนาแน่น

    นายสมบูรณ์ ศรีพัฒนาวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ประกาศให้พื้นที่ 31 หมู่บ้าน 8 ตำบล 4 อำเภอ คือ อ.เมือง อ.เถิน อ.วังเหนือ และ อ.แม่ทะ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน จากพายุกระหน่ำอย่างหนักเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา กว่า 500 หลังคาเรือน ซึ่งแต่ละพื้นที่เร่งให้การช่วยเหลือเบื้องต้นอย่างต่อเนื่อง และวันนี้เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บ้านเสด็จ อ.เมือง นำกระเบื้องเกือบ 8,000 แผ่น ไปแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัย 14 หมู่บ้าน

    ด้านนายทิวา พันธ์ไม้สี หัวหน้าสถานีอุตุนิยมวิทยาลำปาง รายงานสภาพอากาศทั่วไปวันนี้ว่า จากการใช้เรดาห์ตรวจสอบพบกลุ่มเมฆฝนปกคลุมพื้นที่อย่างหนาแน่น ทำให้ระยะนี้จังหวัดลำปางมีฝนตกเกือบร้อยละ 80 ของพื้นที่ บางแห่งฝนตกหนักถึงหนักมาก ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้าและติดตามข่าวพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะ อ.เถิน และ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ตรวจพบฝนตกหนักและเป็นพื้นที่มีบ้านเรือนอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยจำนวนมาก.-สำนักข่าวไทย

    2009-05-13 16:35:51

    พายุพัดถล่มเมืองพัทยา ต้นตาลอายุ 100 ปีโค่น

    [​IMG]

    พัทยา 13 พ.ค. - เกิดพายุฝนและลมกระโชกแรงพัดถล่มเมืองพัทยา ทำให้ต้นตาลขนาดใหญ่หักโค่นทับร้านอาหารทะเล หน้าสถานีตำรวจสัตหีบพังเสียหาย

    ต้นตาลอายุประมาณ 100 ปี ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของหาดดงตาล หักโค่นทับร้านอาหารทะเล ริมชายหาดดงตาล และถนนหน้าสถานีตำรวจภูธรสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เสียหายทั้งหมด หลังเกิดเหตุพายุฝนและลมกระโชกแรงพัดถล่มเมื่อช่วงเย็นวานนี้ แต่ขณะเกิดเหตุเป็นช่วงที่ร้านยังไม่เปิด จึงไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองสัตหีบเร่งนำเลื่อยยนต์ตัดต้นตาล เพื่อเปิดการจราจร พร้อมทั้งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือเบื้องต้น. -สำนักข่าวไทย

    2009-05-13 02:07:19

    เชียงใหม่ไข้เลือดออกระบาดมากสุดภาคเหนือตอนบน

    [​IMG]

    เชียงใหม่ 13 พ.ค.- นายสุเทพ ฟองศรี นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ สำนักงานสาธารณสุขเชียงใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์ไข้เลือดออกในพื้นที่ยังน่าเป็นห่วง เพราะมีแนวโน้มการระบาดเพิ่มขึ้น และพบผู้ป่วยแล้ว 205 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุ 10–14 ปี โดยพื้นที่พบการระบาดมากคือ อ.เมือง 77 ราย เฉพาะเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ พบถึง 46 ราย รองลงมาเป็นอำเภอสันป่าตอง 23 ราย และอำเภอหางดง 20 ราย ถือเป็นสถิติสูงที่สุดในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน

    ดังนั้น จึงต้องรณรงค์การกำจัดยุงลายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคและการป้องกันทั้ง 24 อำเภอ เนื่องจากฤดูฝนมาเร็ว และที่ผ่านมา ประชาชนเข้าใจว่าการกำจัดเพียงแค่ฉีดพ่นสารเคมี ซึ่งความเป็นจริงต้องกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำภายในบ้านเรือนทุกสัปดาห์.-สำนักข่าวไทย

    2009-05-13 11:15:53

    ชิคุนกุนยาระบาดถึงพัทลุงแล้ว ล่าสุดพบผู้ป่วย 33 ราย

    [​IMG]

    พัทลุง 13 พ.ค.- นายวิญญู ทองสกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เปิดเผยว่า ขณะนี้พบผู้ป่วยโรคชิคุนกุนยา ในพื้นที่ จ.พัทลุง แล้ว 33 ราย เป็นชาย 16 ราย หญิง 17 ราย เฉพาะใน ต.นาโหมด อ.เมืองพัทลุง พบมากถึง 12 ราย รองลงมาคือ อ.กงหรา และ อ.เขาชัยสน ซึ่งผู้ป่วยทั้งหมดได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลประจำอำเภอ และอาการปลอดภัยแล้ว

    เบื้องต้นพบว่า ผู้ป่วยที่ติดเชื้อเกือบทั้งหมด เพิ่งเดินทางกลับจากการไปรับจ้างกรีดยางใน อ.สะเดา และ อ.เทพา จ.สงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่ระบาดของโรคชิคุนกุนยา ล่าสุดได้เรียกประชุมด่วนเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกอำเภอ เพื่อวางมาตรการเตรียมป้องกันการแพร่ระบาด โดยเน้นให้เจ้าหน้าที่ติดตามและเฝ้าระวังผู้ป่วยในแต่ละพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รณรงค์ให้ความรู้กับประชาชน และหากพบผู้ป่วยเพิ่มต้องดำเนินการควบคุมโรคให้อยู่ในพื้นที่จำกัดตามมาตรการป้องกันทันที.- สำนักข่าวไทย

    2009-05-13 14:04:44

    ภูเก็ตพอใจแผนซ้อมอพยพสึนามิผู้พิการเสร็จเรียบร้อย

    [​IMG]

    ภูเก็ต 13 พ.ค.- นายโชตินรินทร์ เกิดสม ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยภายหลังการซ้อมแผนอพยพคนพิการจากเหตุการณ์สึนามิ วันนี้ (13 พ.ค) ที่สวนสาธารณะโลมา หาดป่าตอง อ.กะทู้ ว่า การซ้อมแผนครั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคนพิการและนักท่องเที่ยว เป็นการยืนยันความพร้อมของจังหวัดภูเก็ตในการรับมือกับภัยพิบัติ

    โดยมีหลายประเทศเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย อาทิ ประเทศญี่ปุ่น แอฟริกาใต้ อินโดนีเซีย บังกลาเทศ ซึ่งการซ้อมแผนสมมติเหตุการณ์เกิดแผ่นดินไหวขึ้นอย่างรุนแรงที่หมู่เกาะนิโคบา ประเทศอินโดนีเซีย หลังจากศูนย์เตือนภัยพิบัติประเมินสถานการณ์แล้วแจ้งเตือนให้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย ซึ่งมีทั้งผู้พิการทางตา ทางหู และแขน-ขา โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที ในการเข้าช่วยเหลือและนำออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยได้ทั้งหมด มั่นใจว่าการซ้อมแผนครั้งนี้ทำให้เจ้าหน้าที่และผู้พิการมีความรู้ความเข้าใจในการหนีภัยธรรมชาติอย่างดีและมีประสิทธิภาพ.-สำนักข่าวไทย

    2009-05-13 14:35:36

    กาญจนบุรีจับรวด 4 คัน ขนแรงงานเถื่อนกว่า 100 คน

    [​IMG]

    กาญจนบุรี 13 พ.ค.- พ.อ.สุรินทร์ นิลเหลือง รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ พร้อมนายเลิศพรไชย ไชยฤทธิ์ นายอำเภอทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี นำกำลัง ตชด.135 และ สภ.ทองผาภูมิ ร่วมตรวจค้นรถกระบะต้องสงสัย 4 คัน ขณะจะผ่านด่านตรวจบริเวณแยกทองผาภูมิ หมู่ 1 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ

    พบแรงงานต่างด้าวซุกซ่อนมาทุกคันรวมทั้งหมด 135 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวพม่า จึงควบคุมตัวคนขับ คือ นายสมพงษ์ เณรบางแก้ว อายุ 40 ปี นายชูวิทย์ สุวรรณมาลี อายุ 27 ปี นายสมเจต กิมหงษ์ อายุ 34 ปี และนายวิทยา ศรีสุข อายุ 33 ปี ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ ดำเนินคดี โดยผู้ต้องหาสารภาพว่า จะนำแรงงานดังกล่าวส่งไปทำงานในหลายจังหวัด.-สำนักข่าวไทย

    2009-05-13 15:07:14

    ที่มา http://news.mcot.net/local/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2009
  6. winny

    winny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +659
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"วัฎจักรสุริยะ" เริ่มแล้วจะรุนแรงที่สุดอีก 4 ปี</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>14 พฤษภาคม 2552 07:16 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=364 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=364>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพดวงอาทิตย์ที่เกิดจุดดับใหม่ (จุดขาวขวาบน) เมื่อปี 2551 หลังจากไม่มีจุดดับเลย (นาซา/กล้องSOHO/เอพี)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เปรียบดวงอาทิตย์เหมือนคนเป็นหวัด จามครั้งเดียวโลกก็ติดไข้ ซึ่งตอนนี้ศูนย์กลางของระบบสุริยะกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาที่ยุ่งเหยิงและปะทุหนักขึ้น นักพยากรณ์คาดโดยเทียบกับข้อมูลในอดีตว่า "พายุสุริยะ" ครั้งใหญ่ครั้งเดียว สามารถสร้างหายนะให้กับดาวเทียมและระบบอิเล็กทรอนิกส์บนโลกได้

    ความเห็นของ ดัก บีเซคเกอร์ (Doug Biesecker) นักวิทยาศาสตร์จากศูนย์พยากรณ์สภาพอากาศในอวกาศ ขององค์การมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งสหรัฐฯ (National Oceanic and Atmospheric Administration) หรือโนอา (NOAA) ซึ่งสำนักข่าวเอพีนำมารายงานระบุว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าว ก็เหมือนกับเฮอร์ริเคนที่ขึ้นอยู่กับจำนวนการก่อตัวของพายุ ซึ่งพายุอันทรงพลังที่สุดจะก่อตัวเป็นเฮอร์ริเคนที่สร้างความโกลากลได้

    จากรายงานของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Academy of Sciences) พบว่า หากพายุสุริยะรุนแรงเหมือนเมื่อ พ.ศ. 2402 จะก่อให้เกิดความเสียหาย 3.5-7 ล้านล้านบาทในปีแรก และต้องใช้เวลา 4-10 ปีเพื่อฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้น

    เหตุการณ์พายุสุริยะเมื่อ 150 ปีก่อน ได้สร้างความเสียหายกับสายโทรศัพท์ ซึ่งกลายเป็นต้นเหตุของไฟไหม้ในอเมริกาเหนือและยุโรป ทำให้สนามแม่เหล็กโลกเข้มขึ้น และทำให้เกิด "แสงเหนือ" ซึ่งสว่างมาก จนผู้คนสามารถอ่านหนังสือภายใต้แสงสว่างดังกล่าวได้

    ทุกวันนี้มีมีสายไฟจำนวนมาก วงจรสายส่งไฟฟ้าที่เสี่ยงต่อความเสียหายมีอยู่ทั่วโลก ดาวเทียมซึ่งให้ข้อมูลระบุพิกัดบนพื้นโลกเสี่ยงที่จะถูกรบกวน อย่างไรก็ดีบีเซคเกอร์กล่าวว่า พวกเขาได้เตือนทางการถึงความรุนแรงของลมสุริยะนั้นสามารถคุกคามความมั่นคงระดับชาติ การคมนาคม การให้บริการทางการเงินและการปฏิบัติหน้าที่อันสำคัญอื่นๆ

    บีเซคเกอร์กล่าวต่อว่า ศูนย์พยากรณ์ปรากฏการณ์บนดวงอาทิตย์ของสหรัฐฯ ได้ทำงานใกล้ชิดกับหน่วยงานภาคอุตสาหกรรมและภาครัฐเพื่อสร้างความมั่นใจว่า พวกเขาได้เตรียมพร้อม กับการเปลี่ยนแปลงของกิจกรรมบนดวงอาทิตย์ที่จะเกิดขึ้นเพื่อรับมือเมื่อได้รับความเสียหาย

    หากแต่ความเสียหายครั้งใหญ่ยังไม่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ซึ่งในช่วงนี้จะเกิดความเสียหายในระดับเล็กๆ ก่อน นั่นคือ อาจเกิดสัญญาณรบกวนระบบไฟฟ้า สายการบิน สัญญาณระบุพิกัดบนโลก หรือ "จีพีเอส" ตลอดจนสัญญาณโทรทัศน์ วิทยุและโทรศัพท์เคลื่อนที่ อย่างไรก็ดียังมีแง่บวก เนื่องจากพายุสุริยะทำให้เกิด "ออโรรา" หรือ แสงเหนือและแสงใต้ที่มีสีสันสวยงาม เหนือท้องฟ้าบริเวณขั้วโลก

    ทีมพยากรณ์คาดว่าวัฏจักรสุริยะ (solar cycle) ที่กำลังจะเกิดขึ้นใกล้ๆ นี้จะเป็นวัฏจักรที่มีความรุนแรงน้อยสุดนับแต่ปี พ.ศ. 2471 ส่วนวัฎจักรที่รุนแรงสุดจะเกิดขึ้นในเดือน พ.ค. ปี 2556 ซึ่งจะเกิดจุดดับบนดวงอาทิตย์เฉลี่ยทั้งเดือนตกวันละ 90 จุด โดยวัฏจักรรุนแรงที่สุดก่อนหน้านี้เกิดขึ้นในปี 2471 ซึ่งเกิดจุดดับเฉลี่ยวันละ 78 จุด โดยการนับจุดดับบนดวงอาทิตย์เริ่มขึ้นประมาณช่วงปี 2400

    ทีมพยากรณ์อธิบายว่าพายุสุริยะคือ การปะทุของพลังงานและสสารซึ่งหลุดรอดออกมาจากดวงอาทิตย์ และบางส่วนของพลังงานและสสารเหล่านี้ได้พุ่งตรงมายังโลก ทั้งนี้ การประทุน้อยที่สุดของดวงอาทิตย์ที่เพิ่งเกิดขึ้นล่าสุดคือเมื่อเดือน ธ.ค.ของปีที่ผ่านมา.

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ได้เวลา...กินเปลี่ยนโลก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>14 พฤษภาคม 2552 06:24 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    กิ่งกร นรินทรกุล ณ อยุธยา

    ในช่วงปีที่ผ่านมา คนไทยแทบทุกคนคงเจอกับความรู้สึกของคำว่า วิกฤต” มาด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตด้านเศรษฐกิจ วิกฤตการเงิน ข้าวของขึ้นราคา วิกฤตในเรื่องของพลังงาน ที่น้ำมันถีบตัวสูงขึ้นอยู่พักใหญ่ จนถึงวิกฤตสังคมการเมือง

    ...ทั้งหมดที่กล่าวมาถือเป็นอุปสรรคสำคัญในการใช้ชีวิต ซึ่งกระทบไปยังทุกส่วนตั้งแต่คนระดับชาวบ้านรากหญ้า จนถึงชนชั้นสูง

    และหากกล่าวถึง “อาหาร” คงเป็นเรื่องตลกหากจะบอกว่ามันกำลังเข้าขั้นวิกฤตเช่นกัน แต่สำหรับ กิ่งกร นรินทรกุล ณ อยุธยา รองผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี กลับไม่มองเช่นนั้นโดยให้คำอธิบายว่า คนไทยไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอาหารเกิดภาวะวิกฤตขึ้น เพราะปกติเมื่อพูดถึงเรื่องของอาหารการกินหลายคนจะนึกไม่ออกว่า อะไรที่เรียกว่าเป็นวิกฤต?...

    ** “อาหาร” กับวิกฤตที่คาดไม่ถึง

    “ก็ในเมื่อเมืองไทยเป็นเมืองที่ไม่เคยขาดแคลนอาหาร มีความอุดมสมบูรณ์ ไม่เคยประสบกับปัญหาผู้คนอดอยาก หิวโหย อาหารมีการแบ่งปันกันอย่างเพียงพอ เมื่อมองในภาพนี้เรื่องของความขาดแคลนจึงเป็นประเด็นที่ไม่มีใครคาดคิด แต่ทุกวันนี้เราคงต้องตอบคำถามกับตัวเองด้วยว่าในเมื่อมีของกินอย่างอุดมสมบูรณ์ แต่เรามีสิทธิเลือกกินของดีๆ ที่มีคุณภาพได้จริงๆ หรือไม่?...ประเด็นนี้ต่างหากที่ถือเป็นวิกฤต” กิ่งกร เปิดประเด็น

    ด้วยการเห็นความสำคัญในสิทธิการเลือกกินอาหารของผู้บริโภค “โครงการกินเปลี่ยนโลก” จึงถือกำเนิดขึ้น โดยความร่วมมือกันของมูลนิธิชีววิถี, เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก, ชุมชนคนรักป่า, และสถาบันต้นกล้า

    กิ่งกร เอง ซึ่งรับหน้าที่ในการเป็นผู้ประสานงานโครงการ ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดของการถูกลิดรอนสิทธิในการเลือกกินของคนไทย คือ การกินไก่ โดยที่ผลการวิจัยบ่งบอกชัดว่า คนไทยกินไก่ 13 กิโลกรัม/คน/ปี ซึ่งถือเป็นปริมาณที่มาก ขณะที่ไก่มีล้นตลาด ราคาถูก แต่รสชาติที่ได้รับบอกได้เลยว่าเหมือนกิน “กระดาษทิชชู” ที่เป็นเช่นนั้นเพราะการเลี้ยงห่างจากความเป็นธรรมชาติ คนไทยกำลังเผชิญอยู่กับอาหาร 2 ระบบ คือ

    1. อาหารที่ผู้ผลิตใช้ธรรมชาติ นั่นหมายถึงผู้ผลิตรายย่อย

    2. ผู้ผลิตที่ดัดแปลงธรรมชาติ ใช้สารเคมี ใช้ยาเร่งการเจริญเติบโต

    คือ การผลิตด้วยระบบอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่เรากำลังเผชิญ ส่งผลให้ผู้ผลิตรายย่อย เริ่มล้มหายตายจากไป การผลิตอาหารที่มีความหลากหลายหมดไป ผู้บริโภคเองจึงต้องยอมรับสิ่งที่ถูกยัดเยียดให้กินเสมอมา

    [​IMG]
    ไก่ที่ปัจจุบันรสชาติแทบไม่ต่างอะไรกับทิชชู่

    “ผู้ผลิตรายย่อยมีเงื่อนไขการผลิตที่หลากหลาย พึ่งธรรมชาติ ขั้นตอนไม่ซับซ้อน ผ่านกระบวนการของเครื่องจักรน้อย แต่เป็นระบบที่ง่อนแง่นเต็มทน เข้าขั้นวิกฤตได้เลย ผิดกับระบบอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เน้นจำนวนการผลิต หยอดอาหาร ยา สารเคมีเพื่อเร่งฮอร์โมน ให้มีขนาดใหญ่ เนื้อเยอะ มุ่งหวังเม็ดเงินมหาศาล ส่งผลให้รสชาติไม่มีความเป็นธรรมชาติ”​

    “นอกจากนี้ การผลิตในระบบอุตสาหกรรมยังเบียดเบียนอาหารตามฤดูกาลอีกด้วย เช่น ผลไม้บางชนิดที่อดีตจะมีให้กินเฉพาะฤดูกาลเท่านั้น แต่ปัจจุบันหลายๆ ชนิดมีให้กินแทบทั้งปี อย่างมะม่วง ลำไย ทุเรียน โดยความแตกต่างในเรื่องรสชาติจะชัดเจนที่สุดเพราะหากเป็นของที่เกิดขึ้นตามฤดูกาลจะหวาน อร่อยกว่าของที่ต้องบ่ม เร่งให้สุก ทั้งนี้การที่เรามีผลไม้ให้กินทั้งปีอย่างน่าแปลกใจ ฟังดูเหมือนชีวิตจะดีขึ้น จนลืมนึกไปด้วยว่าระบบการผลิตอย่างนี้ทำให้เราเกิดความเคยชิน ไม่รู้ว่ากำลังกินของที่ผิดเพี้ยนไปจากธรรมชาติ” กิ่งกร ฉายภาพ

    [​IMG]
    ผักพื้นบ้านที่กำลังถูกมองข้าม

    ** คิดก่อนกิน แนวทาง “กินเปลี่ยนโลก”

    กิ่งกร บอกต่อไปด้วยว่า การถูกทำให้เชื่อว่ามีแต่ของเพียงอย่างเดียว เจ้าเดียวเท่านั้นที่ต้องเลือกกิน ก็กลายเป็นวิกฤตอาหารอีกรูปแบบหนึ่งเช่นกัน ผู้บริโภคเองเกิดความเคยชินเมื่อนึกอยากจะกินก็เพียงเดินเข้าร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า หยิบอาหารมาเป็นกล่อง เป็นแพ็ค ถึงบ้านก็เอาใส่ไมโครเวฟ กินได้อย่างสะดวก รวดเร็ว นี่คือ ทางออกของนักบริโภคในปัจจุบัน โดยที่ทางเลือกในการกินอาหาร ต้องตกอยู่ในการควบคุมของผู้ผลิตรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย ต้องกินในสิ่งที่เขานำมาป้อนสู้ตลาดเพียงอย่างเดียวไม่มีทางเลือกอื่น​

    แต่ความจริงแล้วก็ยังมีผู้ผลิตรายเล็กรายน้อยที่หลงเหลืออยู่เช่นกัน ถึงแม้จะไม่มากก็ตาม เพราะของพื้นบ้านโดยผู้ผลิตรายย่อยนั้นผู้บริโภคสามารถรู้ถึงที่มาของการผลิต ผิดกับระบบอุตสาหกรรม ที่ผลิตอย่างลับหูลับตา ไม่สามารถรู้ถึงที่มาของอาหารได้เลย ต่อไปจะทำให้ทั้งผู้ผลิต และผู้บริโภคไม่รู้จักกัน อาหารที่กินก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเครื่องจักรเท่านั้น​

    [​IMG]
    การเกษตรตามชนบทยังคงไว้ซึ่งความเป็นธรรมชาติอยู่มาก

    “สิ่งที่โครงการกินเปลี่ยนโลกพยายามทำให้เกิดขึ้นคือ การออกมารณรงค์ให้ผู้บริโภคเลือกกินอย่างถูกต้อง ปรับวิธีการกิน เริ่มต้นคิดสักนิดก่อนจะกิน ตั้งคำถามถึงที่มาของอาหาร เพราะเรารู้สึกว่าหากผู้บริโภคช่วยกันตั้งคำถามมากๆ อะไรๆ ก็นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงได้ เช่น การเอ่ยปากถามแม่ค้าในตลาด หรือในซูเปอร์มาร์เก็ตว่า มีของชนิดอื่นให้กินอีกมั้ย? ผักที่ขายปลอดสารพิษหรือไม่? นอกจากไก่ชนิดนี้แล้วมีไก่บ้านขายหรือเปล่า? เป็นต้น หากคำถามเช่นนี้ถูกถามถึงบ่อยๆ แล้วคนขายจะไม่พยายามสนองตอบความต้องการของผู้บริโภคเลยหรืออย่างไร เราต้องปฏิบัติการอย่างจริงจัง”

    “ที่ผ่านมา เราส่งเสริมให้ชาวบ้านต่างจังหวัด ช่วยกันรักษาพันธุกรรมพื้นบ้าน พันธุ์ผัก ผลไม้ หมู ไก่พื้นบ้าน แต่ก็เป็นเพียงผลผลิตที่มีกินแค่ในหมู่บ้านเท่านั้น เนื่องจากผลิตออกมาแล้วไม่มีตลาดรองรับ เพราะตลาดส่วนใหญ่ตั้งขึ้นเพื่อรับการผลิตระบบอุตสาหกรรมเท่านั้น ชาวบ้าน ผู้ผลิตรายย่อย จึงต้องหันไปเลี้ยงสัตว์ ปลูกพืชผัก ผลไม้แบบอุตสาหกรรมถึงจะได้ขาย ผู้ผลิตรายย่อยจึงถูกกลืนหายไป ส่วนผู้ที่รับผลนี้ไปเต็มๆ คือคนเมืองหลวง คนรุ่นใหม่ นี่เองที่อาการหนักสุด เพราะไม่มีโอกาสได้เข้าถึงของดีๆ มีประโยชน์เลย” ผู้ประสานงานโครงการสะท้อน​

    [​IMG]
    ซื้อของตลาดสดอาจช่วยลดวิกฤตอาหาร?

    ** จู้จี้เรื่องกินสักนิด พาพ้นวิกฤตอาหาร
    สำหรับความคาดหวังต่อโครงการกินเปลี่ยนโลกนั้น กิ่งกรบอกว่า ตอนนี้มีคนเริ่มตระหนักมากขึ้น โดยคนที่เริ่มหันมาสนใจเรื่องนี้ส่วนใหญ่คือผู้ที่ห่วงใยสุขภาพ ทำให้มีความรู้ในการพยายามเสาะแสวงหาของกินดีๆ มีประโยชน์ แต่ก็ยังติดข้อจำกัดอยู่ที่เรื่องของตลาด เพราะอาหารเพื่อสุขภาพจริงๆ จะหากินยากและจัดอยู่ในตลาดของคนที่พอมีฐานะ สิ่งที่อยากเห็นคือของดีๆ ไม่จำเป็นต้องมีไว้เฉพาะคนมีเงินเท่านั้น คนที่เดินดิน กินข้าวแกงก็ควรมีโอกาสได้กินอาหารเพื่อสุขภาพด้วยเช่นกัน​

    [​IMG]
    อาหารพื้นบ้านที่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์

    ดังนั้น จึงอยากให้เรื่องนี้ถูกเปิดเป็นประเด็นสาธารณะเพื่อให้คนออกมาตระหนักถึงวิกฤตอาหาร ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ทางโครงการได้เปิดรับสมัครอาสาสมัครให้เข้ามาเรียนรู้ เพื่อนำกระบวนการไปเปลี่ยนความคิดคนรอบตัว ให้เข้าใจถึงวิกฤตที่เกิดขึ้น เติมความรู้เพื่อให้ผู้บริโภคเลือกเป็นและสร้างทางเลือกให้แก่ตัวเองได้ ผู้บริโภคเองต้องลุกขึ้นมาบอกได้ว่า จะเลือกอาหารที่มาจากอุตสาหกรรม หรือจากระบบผู้ผลิตรายย่อย เมื่อผู้บริโภคเริ่มมีความตระหนัก เริ่มมีแนวคิดแล้ว พฤติกรรมง่ายๆ ที่สามารถทำได้ทันทีคือ การไม่สนับสนุนการผูกขาดสินค้า เลือกหาซื้อสินค้า อาหาร จากแม่ค้ารายเล็กรายน้อย หาเวลาเดินตลาดสดแทนการเดินห้างสรรพสินค้า เป็นสิ่งที่ต้องพยายามเรียกร้องให้คนเริ่มคิดให้มากยิ่งขึ้น​

    “เราอย่ามักง่าย อย่ารีบ คิดเสาะแสวงหาของดีๆ ให้เรื่องมากกับการกินเป็นพิเศษ เพราะเรื่องกินยังถือเป็นเรื่องใหญ่ของคนไทยเสมอมา ดังนั้นเราต้องสร้างทางเลือกนั้นให้เกิดขึ้น การที่จะขยายทางเลือกก็ต้องอยู่ที่ผู้บริโภคเองที่ต้องออกมาสร้างปฏิบัติการให้เกิดเป็นผู้บริโภคที่จู้จี้เรื่องกินด้วยเช่นกัน สิ่งนี้จะช่วยกระตุ้นตลาด ส่งผลดีต่อผู้ผลิตรายย่อย ที่สำคัญที่สุด คือ ตัวเองได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ” รอง ผอ.มูลนิธิชีววิถี ทิ้งท้าย​

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2009
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    เหตุเภทภัยใหญ่ในอนาคตที่เราต้องเผชิญมีอะไร....

    โดยอาจารย์มงคลกริชติทายาวุธ
    อดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทยระดับ Senior Vice President
    สำเร็จธรรมศึกษาเอกจากโรงเรียนวันอาทิตย์มมร. ในปี 2506 ฯลฯ
    อดีตประธานชมรมศาสนาและการกุศลธนาคารกรุงไทย 8 สมัย 16 ปี
    อดีตผู้อำนวยการหลักสูตรวิปัสสนากรรมฐานจนเกษียณอายุงาน

    บทความของอ.มงคลกริชติทายาวุธเรื่องที่ 529....เหตุเภทภัยใหญ่ในอนาคตที่เราต้องเผชิญมีอะไร.เราควรเตรียมร่างกายและจิตใจอย่างไร

    บทความพิเศษในตอนนี้เขียนและเรียบเรียงขึ้นเพื่อแจกจ่าย ให้แก่ผู้เข้ารับฟังการบรรยายพิเศษที่สมาคมค้นคว้าทางจิตแห่งประเทศไทย และชมรมวิทยาศาสตร์ทางจิตซึ่งได้จัดให้มีการประชุมประจำเดือนในวันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม2551 เวลา13.00 – 16.30 น.โดยการแนะนำของคุณประสิทธิ์การุณยวานิชประธานชมรมกฎแห่งกรรม และการเรียนเชิญของ รศ.ดร.นัยพินิจคชภักดีเลขาธิการสมาคมฯ โดยการบรรยายพิเศษครั้งนี้ได้จัดขึ้นที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ หัวมุมถนนราชดำเนิน ใกล้ริมคลองหลอดสนามหลวงและได้นำบทความชิ้นนี้ ซี่งมีความหนามากกว่า 80 หน้าลงพิมพ์ใน website ส่วนตัวของผู้เขียนในบทความลำดับที่ 529 ทุกท่านสามารถเปิดอ่านได้ตลอด 24 ชั่วโมงในทุกสถานที่ทั่วโลกที่มีระบบอินเตอร์เน็ท

    เรื่องต่อไปนี้อาจเกิดขึ้นจริง หรือไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ แต่ถ้าท่านใดเคยอ่านสาร
    ชมรมศาสนาและการกุศลซึ่งพิมพ์ครั้งละ 3,000 ฉบับแจกจ่ายฟรีให้แก่ผู้สนใจที่ขอรับตั้งแต่ปี 2534 เป็นต้นมามีข้อความปรากฏในฉบับเดือนมีนาคมปี 2542 หน้า16 บรรทัดที่ 4 – 5 ซึ่งผู้เขียนได้เคยบอกกล่าวไว้ในรายการ“น้ำท่วมโลก”เมื่อวันเสาร์ที่ 28 กันยายน 2539 ที่ itv ครั้งหนึ่งซึ่งก็ถูกถากถางว่าเป็นการพูดเรื่องเหลวไหล ต่อมาผู้เขียนมีโอกาสกราบนมัสการเรียนถามพระวิปัสสนาจารย์ท่านหนึ่ง ในภาคอิสานในเดือนกุมภาพันธ์ 2542 ซึ่งท่านได้ตอบผู้เขียนว่า

    ภาพในนิมิตที่ผู้เขียนเห็นเหตุการณ์ที่มีคนตายจำนวนมากนั้น” ท่านตอบสั้นๆว่า“ใช่ตายเป็นเบือเลย”แต่ท่านก็เตือนผู้เขียนว่า“แม้โยมจะพูดหรือเขียนเรื่องนี้ ก็จะไม่มีคนเชื่อ แต่จะเห็นโยมเป็นตัวตลกและเส้นทางความก้าวหน้าของโยม ก็จะอยู่ในระดับตำแหน่งเดิมนี้จนเกษียณอายุนะถ้าโยมรับเรื่องนี้ได้ ไม่ต้องการเลื่อนระดับตำแหน่ง ก็สื่อสารไปตามแต่ใจโยมเถิด แต่มีคนเชื่อน้อยมากนะโยม”

    ซึ่งผู้เขียนก็ได้นำมาเขียนเตือนในสารชมรมศาสนาและการกุศล ในฉบับเดือนมีนาคมปี 2542 หน้า 16 บรรทัดที่ 4 – 5 ดังกล่าวอีกครั้งหนึ่งว่า“สิ่งที่ต้องระวังทางภาคใต้ของไทยในระยะประมาณ 5 ปีนับแต่นี้(ขณะเขียนและพิมพ์เผยแพร่นั้นเป็นปี 2542) คนไทยอาจต้องเผชิญกับคลื่นยักษ์ซูนามิ ซึ่งจะมีคนตายจำนวนมากในบริเวณชายทะเลภาคใต้ ของไทยเหตุการณ์คลื่นยักษ์จะเกิดขึ้นไม่เกินปี 2547 และแล้วในวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ก็มีสึนามิคร่าชีวิตผู้คนในภาคใต้ของไทยไปมากกว่า 5,000 คน หากรวมประเทศอื่นๆ ที่อยู่ชายฝั่งทะเลแล้วก็ประมาณเกือบ 300,000 คน”

    ดังนั้นเหตุเภทภัยใหญ่ในอนาคต ที่เราต้องเผชิญจึงมิใช่เป็นเรื่องที่มากล่าวดูหมิ่นกันเหมือนในหลายปีที่ผ่านมา ทั้งนี้วันเวลาเท่านั้นที่จะต้องติดตามและตรวจสอบ สำหรับเหตุเภทภัยใหญ่ในอนาคต ที่เราต้องเผชิญนั้นมีหลายเรื่องเช่น

    1. น้ำท่วมใหญ่/ แผ่นดินไหว/ ไฟไหม้/ โรคระบาด

    1.1 น้ำท่วมใหญ่ในปี 2560 ในเขตกรุงเทพฯ และจังหวัดที่มีระดับความสูงของพื้นดินใกล้เคียงกับกรุงเทพมหานคร โดยระยะแรกๆน้ำจะค่อยๆ ขึ้นมาทีละน้อยทุกคนก็จะชะล่าใจและประมาท เพราะจะมีคนคอยปลอบว่าน้ำขึ้นได้มันก็ลงได้น้ำจะขึ้นเล็กน้อยและทรงตัวอยู่หลายวัน ในที่สุดในช่วงกลางคืนน้ำจะขึ้นสูงถึง1 เมตร รถวิ่งจากทางด่วนทุกคันเครื่องดับหมด และบางพื้นที่ในกรุงเทพมหานครจะมีระดับน้ำสูงมากขึ้นเรื่อยๆ จนความสูงถึง 2 เมตรและบางพื้นที่มากกว่า2 เมตร

    1.2 ทั้งนี้อาจจะกลับมาฟื้นฟูกรุงเทพฯ เพื่อเป็นเมืองหลวงของประเทศไทยต่อไปอีกมิได้ คืออาจใช้จังหวัดอื่นเป็นเมืองหลวงแทนอย่างถาวรก็ได้(เหลือเวลาอีกประมาณ 9 ปีเท่านั้น ถ้าครูบาอาจารย์และผู้ที่มีอภิญญาปล่อยวาง เลิกที่จะช่วยเลื่อน/ลดมหันตภัย หรือหมดพลังต้านทานฝ่ายมารร้ายโดยปล่อยให้เป็นไปตามชะตากรรมของคนในชาติ เป็นไปตามแรงกรรมและบ่วงกรรมของคนในชาติ เมื่อวันเวลาดังกล่าวมาถึงประชาชนทั้งหลาย ก็จะได้พบกันเองว่ามีอะไรเกิดขึ้น)

    1.3 ในช่วงแรกที่น้ำท่วมจะมีคนตายหลายหมื่นคน เพราะขาดแคลนอาหารและน้ำดื่มกระแสไฟฟ้าทุกบ้านเรือนใช้ไม่ได้ กลิ่นศพเน่าเหม็นลอยเต็มไปหมด ความอดอยากยากแค้นเข้าปกคลุมหลายจังหวัดของประเทศ จากหมื่นคนเป็นแสนคน เป็นล้านคน แม้จะเป็นในประเทศไทยของเราก็ตาม

    2. ทุกคนจะต้องระวังการพูดเนื้อหาเหล่านี้ เพราะยังมิใช่กรณีที่จะเกิดขึ้นจริงในเดือนสองเดือนหรือปีสองปีนี้ พูดไม่ดีจะทำให้ผู้คนตื่นตระหนก เปิดโอกาสให้ผู้มีอาชีพหารายได้จากการตื่นกลัวของผู้คน ทำหนังสือขายทำเครื่องรางของขลังหลอกขาย หรือทำธุรกิจพุทธพาณิชย์ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาความเลวร้ายมากขึ้น ผู้คนจะแตกตื่นโกลาหลกลายเป็นกลียุคที่รุนแรงได้ จึงควรบอกเล่าเป็นการภายใน ของผู้มีฐานในความเชื่อเกี่ยวกับเหตุเภทภัยใหญ่ ที่เราต้องเผชิญในอนาคต ห้ามนำเรื่องเหล่านี้ไปบอกสื่อมวลชน ไม่ว่าสาขาใดๆเพราะพวกเขาจะดูถูกเหยียดหยามและหัวเราะเยาะ ผู้ที่พูดหรือเผยแพร่เรื่องเหล่านี้

    แต่ถ้าไม่บอกกล่าวเตือนผู้ใกล้ชิด ที่อยู่ในสายปฏิบัติธรรมได้รู้ หรือไม่บอกคนดีให้รู้ ก็จะเป็นบาปกรรมหากมีเหตุดังกล่าวเกิดขึ้น ตามที่เห็นในนิมิตจริง ข้าพเจ้าเชื่อว่าจะมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง เพียงแต่กำหนดวันเวลาที่แน่นอนไม่ได้ว่า วันเดือนปีใด ส่วนที่ว่าเมื่อพูดไปแล้วใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ก็คงช่วยอะไรมิได้ ใครจะกล่าวหาว่าผู้เขียนและพูดในเรื่องนี้เป็นคนเพี้ยนก็ช่าง ลมปากของเขา ที่แน่ใจคือผู้พูดและเขียนเรื่องนี้เป็นมีความรู้ มีการศึกษาและเคยมีตำแหน่งหน้าที่การงานในฐานะผู้บริหารระดับ SENIOR VICE PRESIDENT ของธุรกิจที่มีมูลค่ามากกว่าแสนล้านบาทคนหนึ่ง

    ในประเทศไทยเคยเป็นอาจารย์พิเศษสอนในระดับปริญญาโทที่ NIDA. ที่จุฬาฯที่ธรรมศาสตร์ ที่รามคำแหงเป็นอาจารย์สอบวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาระดับปริญญาโท ที่มหิดลและม.ธุรกิจบัณฑิต มีครอบครัวที่อบอุ่นมีบุตรสาว 2 คนที่ประสบความสำเร็จทั้งในการศีกษาและการทำงาน ผู้พูดและเขียนเรื่องนี้เป็นผู้ที่ยังมีสติสัมปชัญญะมีสัญญาความจำได้หมายรู้ ยังไม่มีอาการเลอะเลือนใดๆปัจจุบันในปี 2551 ได้รับเกียรติจากเพื่อนนักกฎหมายให้ทำหน้าที่เป็นประธานสำนักงานกฎหมายฯ 4 แห่งและเป็นวิทยากรผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ด้านกฎหมายแรงงานฯลฯ ไม่มีวัตถุมงคลใดๆ มาบอกขาย ไม่มีที่ดินมาบอกขาย ไม่ประสงค์ที่จะแสวงหาประโยชน์ใดๆ ในทางส่วนตัวจากผู้ฟังและผู้อ่านในเรื่องนี้

    สำหรับผู้ที่สนใจในเรื่องดังกล่าวจริง ให้ท่านกรุณาหาโอกาสกราบนมัสการเรียนถามบรรดาครูบาอาจารย์ ที่มีพลังจิตสูงดูกันเอาเอง(แต่ถ้าเป็นครูบาอาจารย์ที่เป็นเพียงพระนักเทศน์ พระนักสอน หรือผู้ปฏิบัติธรรมที่มีพลังฌานที่ไม่แก่กล้าพอ ย่อมไม่สามารถรู้สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ จะต้องเป็นครูบาอาจารย์ที่เป็นนักปฏิบัติที่ได้ฌาณสมาบัติ หรือได้อภิญญาจึงจะช่วยตอบสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้

    3. เท่าที่ได้ทราบมา เบื้องบนได้ส่งเทพลงมาเกิดเป็นจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่เมื่อลงมาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว มักจะเสียชาติเกิด ถูกกิเลสความโลภตัณหา อุปาทานเข้าครอบงำ จนถอนตัวจากความโลภและกิเลสตัณหามิได้

    4. เหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมา บางครั้งดูบรรเทาลงไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้ผลมากนักเวลาแห่งการเกิดเภทภัยพิบัติใหญ่ คงจะไม่เลื่อนเวลาออกไปเกินกว่าปี 2555 - 2560 แต่อาจลดความรุนแรงลงได้ ถ้ามนุษย์ทุกคนจะหันมาช่วยกันทำความดีให้มากขึ้น นี่คือวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการพูด และการเขียนเรียบเรียงเรื่องนี้

    5. ครูบาอาจารย์บางท่านเห็นด้วยว่า เหตุเภทภัยพิบัติใหญ่เกิดแน่นอน หากจะอพยพออกจากพื้นที่ที่จะมีภัยพิบัติใหญ่ ต้องดำเนินการล่วงหน้าก่อนสัก 1 สัปดาห์( ปัญหาสำคัญที่สุดในปัจจุบันขณะคือ ยังไม่มีผู้ใดระบุวันเวลาที่จะเกิดเหตุเภทภัยพิบัติใหญ่ที่แน่นอนได้) เพราะถ้าประมาทถนนทุกสายจะเต็มไปด้วยผู้คน ที่ต่างฝ่ายต่างอพยพหนีภัยไปในทิศทางเดียวกัน จะทำให้เดินทางไม่ถึงจุดหมายปลายทาง

    6. ทุกคนควรฝึกหัดกินพืชผักผลไม้ให้มากขึ้น แทนการกินแต่เนื้อสัตว์ หากต้องการมีชีวิตอยู่รอดในช่วงเกิดมหันตภัย เพื่อให้ร่างกายคุ้นเคยกับอาหารประเภทพืชผัก ซึ่งจะกลายเป็นอาหารหลักในช่วงมีภัยพิบัติใหญ่ เพราะสัตว์ที่เป็นอาหารของคนก็อยู่รอดได้ยากในช่วงนั้นๆ

    7. ในอนาคตไม่นานนัก เชื่อว่าบริเวณภาคเหนือและภาคอิสาณของไทย จะมีอากาศหนาวมาก จนมีหิมะตกมิใช่เพียงน้ำค้างแข็งบนยอดไม้ใบหญ้า เหมือนที่ท่านเคยพบเห็นมาแล้ว เนื่องจากแกนขั้วโลกเคลื่อนตัวทำให้อุณหภูมิโลกเปลี่ยนแปลงซึ่งจะเกิดขึ้นในระหว่างปี 2555 - 2560

    8. สำหรับคำพยากรณ์ต่างๆ ภาพนิมิตต่างๆ จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่จริงก็ตาม ไม่ควรประมาท แต่ควรเตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อมสำหรับอนาคต จักเป็นการดีกว่า เพื่อต้อนรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นด้วยความมีสติสัมปชัญญะ

    สิ่งหนึ่งที่ต้องทราบคือ เหตุปัจจัยในอนาคตเปลี่ยนแปลงได้เสมอ อย่าเพิ่งเชื่อว่าหายนะต่างๆ จะต้องเป็นจริงแน่นอน และก็ไม่ควรรีบปฏิเสธว่าเป็นเรื่องเพ้อเจ้อเหลวไหลในทันทีที่ได้ทราบเรื่องนี้ แต่ควรดำรงตนด้วยความไม่ประมาท จงเตรียมการให้พร้อมสำหรับชีวิตในอนาคตทุกรูปแบบที่จะเกิดขึ้น วิกฤตการณ์อาจจะมีปรากฏใน 6 รูปแบบแห่งภัยที่จะเกิดขึ้นได้แก่

    1. ภัยธรรมชาติ
    2. ภัยเศรษฐกิจ
    3. ภัยการเมือง
    4. ภัยสังคม
    5. ภัยสงครามและ
    6. ภัยจากโรคระบาด

    แกนโลกเอียง- นักวิทยาศาสตร์บางท่านกล่าวว่า ปัจจุบันแกนโลกเอียงไปแล้ว 23.4 องศาหากมนุษย์มีจิตใจชั่วร้ายเห็นแก่ตัว มีความโลภ ความโกรธ ความหลงไปมากกว่านี้ แกนก็จะเอียงมากขึ้น

    - ยิ่งมนุษย์มีความโลภมาก- ก็จะเกิดภัยแห่งความอดอยากมากขึ้น
    - ยิ่งมนุษย์มีความโกรธมาก- ก็จะเกิดภัยแห่งสงครามและการฆ่ากันมากขึ้น
    - ยิ่งมนุษย์มีความหลงมาก- ก็จะเกิดภัยแห่งโรคร้ายแรงระบาดมากขึ้น

    9. การป้องกันภัยนั้น จะต้องร่วมกันทุกฝ่าย ทั้งนักการเมืองข้าราชการ นักบวชพ่อค้า ชาวเมืองชาวชนบท จะต้องอยู่ในธรรมมีคุณธรรมและมีความดีงาม จะต้องมีจิตสำนึกที่ดี เพื่อลดมหันตภัยลงเหตุที่จะเกิดขึ้นจะมีดังต่อไปนี้

    9.1 แกนโลกจะเคลื่อนที่และเบี่ยงเบนมากขึ้นในช่วง 9 ปีข้างหน้านี้จะดึงดูดดวงจันทร์มาใกล้โลกมากขึ้น ก่อนที่ดวงจันทร์จะหมุนตีจากโลกไป ซึ่งจะใช้เวลาเป็นแสนปี

    9.2 น้ำแข็งขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ รวมทั้งบริเวณภูเขาน้ำแข็งทั้งหลายจะละลายมากขึ้น ในช่วง 9 ปีข้างหน้านี้ น้ำในทะเลจะสูงขึ้น แผ่นดินจะถล่ม บางส่วนของโลกจะโก่งตัวสูงขึ้น

    9.3 แรงดึงดูดระหว่างดวงดาว จะมีการเปลี่ยนแปลงไปในช่วง 9 ปีข้างหน้านี้

    9.4 จะเกิดการล่มสลายแห่งอารยธรรมของวัตถุนิยม(ความร่ำรวยความเอารัดเอาเปรียบ ความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ ซึ่งแท้จริงวัตถุเป็นเพียงเศษเสี้ยวของความหมายในการดำรงชีวิตเท่านั้น)

    9.5 เศรษฐกิจตะวันตกจะล่มสลาย

    - จริยธรรมของมนุษย์จะตกต่ำอย่างรุนแรง
    - สันตะปาปาจะถูกลอบปลงพระชนม์

    เราไม่มีเวลาจะมาทะเลาะหรือดูหมิ่นดูแคลนกันอีกแล้ว หากจิตของเรามีแต่สิ่งสกปรก เปรอะเปื้อนจิตที่คิดจ้องทำร้าย หรือให้ร้ายผู้อื่น ก็จะเป็นการดึงพลังสิ่งชั่วร้ายเข้ามาสู่โลกของเราและประเทศของเรา ซึ่งมารร้ายหรือซาตานใหญ่ให้เวลาแบ่งมนุษย์ไม่เกินปี 2560 เท่านั้นว่า ใครจะเข้าข้างฝ่ายเทพหรือฝ่ายพระพุทธเจ้า พระเยซูหรือฝ่ายพระผู้เป็นเจ้าเบื้องบน ซึ่งจะต้องมุ่งเน้นในการละเว้นในความชั่วโดยทำแต่ความดี และทำจิตให้บริสุทธ์ผ่องใส หากไม่ทำความดีลุ่มหลงมัวเมาอยู่กับการแสวงหาประโยชน์ ในทางที่มิชอบ เบียดเบียนผู้อื่นสัตว์อื่นสร้างความแตกแยกในสังคม มารหรือซาตานจะเข้าครอบครองจิตวิญญาณของคนผู้นั้น และกลายเป็นสาวกของมารหรือซาตานไปตลอดกาล

    ผู้เขียนและพูดในเรื่องนี้เคยออกรายการ“น้ำท่วมโลก”ที่แพร่ภาพทาง itv. กับคุณสุทธิชัยหยุ่นและนักวิทยาศาสตร์อีก 2 ท่านในวันที่ 28 กันยายน 2539 โดยออกแพร่ภาพ 2 วันเสาร์ติดกันและนสพ. เดลินิวส์ก็ตีพิมพ์ภาพน้ำท่วมพื้นที่ต่างๆ ที่ผู้เขียนและพูดในเรื่องนี้นำมาแสดงที่ itv. ซึ่งผู้เขียนแก้ข่าวหลายครั้งว่า“มิใช่น้ำท่วมโลก”เพียงแต่“น้ำท่วมในหลายพื้นที่ของโลก ”พื้นแผ่นดินปัจจุบันหลายประเทศหลายเกาะแก่ง รวมทั้งหลายจังหวัดในประเทศไทย จะไม่ปรากฏในแผนที่ใหม่อีกเท่านั้นเอง ณ วันเวลาปัจจุบัน ผู้เขียนก็คงขอยืนยันเหมือนเดิมครับว่า“ไม่มีเหตุการณ์น้ำท่วมทั้งโลกแน่นอน แต่น้ำท่วมถาวรในหลายพื้นที่ของโลกนั้นมีแน่นอน” เพียงแต่มิใช่เกิดขึ้นในปีนี้หรือปีหน้าเท่านั้น( ผู้พูดและเขียนเรื่องนี้จะไม่รับเชิญ ไปออกรายการทางทีวีไม่ว่าช่องใดๆทั้งสิ้นอีก ดังนั้นจึงขอเรียนไว้ ณ ที่นี้ กรุณาไม่ต้องมาเชิญครับ อนึ่งผู้พูดและเขียนเรื่องนี้ขอย้ำว่า หากท่านใดจะนำไปพูดหรือเขียนเรื่องนี้ ท่านต้องระวังความไม่เข้าใจของผู้คนส่วนใหญ่ และต้องระวังความตื่นตระหนกของผู้คนด้วยครับ โปรดเผยแพร่ภายในกลุ่มบุคคลที่สนใจเรื่องนี้จริงๆเท่านั้น หรือในกลุ่มญาติพี่น้องของท่านจักเป็นการดีกว่าครับ)

    อย่างไรก็ตามพวกเราคงจะหลีกหนีความจริงไม่พ้นว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมามนุษย์เราใช้สมองประดิษฐ์คิดค้นสิ่งต่างๆ เพื่อสนองกิเลสตัณหาอุปาทานความสะดวกสบาย โดยได้ทำลายความสมดุลของธรรมชาติค่อนข้างมาก ตัดไม้ทำลายป่า ทำลายต้นน้ำลำธาร นำทรัพยากรต่างๆที่มีอยู่ในใต้ดิน นำมาใช้อย่างฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่าย ไม่เพียงเท่านั้นยังมีการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ใต้ดินอีก ซึ่งมีผลกระทบต่อแกนโลกอย่างรุนแรง โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศส ที่แอบทำการทดลองอย่างต่อเนื่องตลอดมา ในขณะที่ห้ามประเทศอื่นค้นคว้าและพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

    ผู้เขียนเชื่อว่าในช่วงอายุขัยของพวกเรา คงจะได้เห็นสิ่งที่ตื่นเต้นที่สุดในชีวิตอย่างแน่นอน แต่ไม่ใช่ภายในปีนี้หรือปีหน้า ท่านที่เคยไปเที่ยววัดเจดีย์หอยที่จังหวัดปทุมธานีก็คงจะพอเชื่อได้ว่า “พื้นที่บริเวณกรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี ฯลฯ ต่างเคยเป็นทะเลมาก่อน แน่นอนเพราะหลักฐานทางธรณีวิทยาชี้ชัดหลักฐาน ฟอสซิลของสัตว์ทะเลที่ซากของมันตายทับถมเป็นปริมาณมหาศาล” คือหลักฐานที่เป็นสิ่งพิสูจน์ได้ หรือใครเคยเดินทางไปเที่ยวภูเขาในภาคอีสาน เช่นที่ผาแต้มและในหลายจังหวัด หรือแม้กระทั่งป่าหินในเมืองคุนหมิง ต่างก็มีหลักฐานทางธรณีวิทยาว่า พื้นที่ทั้งหลายเหล่านี้ล้วนเคยเป็นทะเลมาก่อนทั้งสิ้น ซึ่งแตกต่างจากสภาพปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง เพราะเป็นที่ราบสูงเป็นภูเขาสูงเป็นต้น

    ผู้พูดและเขียนเรื่องนี้เชื่อว่า ท่านที่สนใจภาพยนตร์สารคดีเช่น Discovery หรือ NATIONAL GEORGRAPHIC จะพบเห็นสิ่งแปลกและมหัศจรรย์ในอดีต ท่านคงจะเคยเห็นภาพการค้นพบซากเมืองโบราณ ที่ถูกฝังใต้ดินในประเทศต่างๆ ซึ่งเมืองต่างๆดังกล่าว เดิมมิได้สร้างในใต้ดิน เดิมสร้างบนพื้นดินนี่เอง แต่เกิดการเปลี่ยนแปลงของพื้นผิวโลกอย่างรุนแรง ทำให้เมืองทั้งเมืองจมหายไปสู่ใต้ดิน เหมือนถูกธรณีสูบมาในยุค 30-40 ปีที่ผ่านมา

    จึงมีการค้นพบเมืองต่างๆ มากมายหลายประเทศและหลายภูมิภาคของโลก เหมือนสัญญาณเตือนมนุษย์ในยุคปัจจุบันว่า อยากเป็นเช่นในอดีตไหมเพราะกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ยุคปัจจุบัน ได้เข้าสู่ยุคเสื่อมอย่างร้ายแรงแล้วนะ ปัจจุบันเกิดภาวะการเสียสมดุลของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของโลกแล้วนะ ผู้พูดและเขียนเรื่องนี้รู้สึกว่าประชากรโลกส่วนใหญ่ ยังอยู่ในความประมาทไม่ใส่ใจที่จะรักษาสมดุลทางธรรมชาติของโลก โดยเฉพาะประธานาธิบดีบุชแห่งสหรัฐอเมริกา ประเทศมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของโลกยุคปัจจุบัน ไม่สนใจไม่ให้ความร่วมมือ ในการหยุดยั้งกิจกรรมทำลายชั้นโอโซนที่หุ้มห่อโลก ซึ่งในที่สุดประเทศสหรัฐอเมริกา จะเป็นชาติมหาอำนาจของโลกที่อายุสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์โลก เพราะกรรมตามสนอง เนื่องจากในช่วง10 ปีที่ผ่านมา

    สหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่ขายอาวุธสงครามให้แก่ประเทศต่างๆ มากที่สุดในโลก เป็นประเทศที่พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ อาวุธเคมีและอาวุธเชื้อโรค ในปริมาณที่มากและคุณภาพทำลายล้าง ที่รุนแรงอันดับหนึ่งของโลก ผู้พูดและเขียนเรื่องนี้ทราบดีว่า มนุษย์ส่วนใหญ่ในยุคปัจจุบันมีจิตใจหยาบ กระด้างถือตัวถือตน ถือพวกพ้องมาก ส่วนใหญ่คิดเอาเปรียบผู้อื่น ชอบฉวยโอกาสหาประโยชน์ใส่ตน มากกว่าให้ประโยชน์ผู้อื่น มีความฉลาดในการทำสิ่งที่โง่เขลาเบาปัญญามากมายหลายเรื่อง ไม่เชื่อเรื่องจิตวิญญาณ ไม่เชื่อเรื่องวัฏสงสารหรือการเวียนว่ายตายเกิด ไม่เชื่อกฎแห่งกรรม ไม่เชื่อว่าผู้ใดทำกรรมดีจะได้ผลดีตอบแทน ไม่เชื่อว่าผู้ใดทำกรรมชั่ว ผลชั่วนั้นจะตามสนอง

    ไม่มีความละอายแก่ใจ ไม่มีความเกรงกลัวต่อบาป ไม่สนใจว่าตนหรือพรรคพวกตน ไปสร้างความเดือดร้อนความเครียดแค้นชิงชัง ให้แก่ผู้อื่นแล้วจะต้องได้รับผลกรรมตามสนอง แม้จะเป็นการไปเบียดเบียนผู้อื่น ก็คิดเข้าข้างแบบเอาสีข้างเข้าถูว่าเป็นสิ่งชอบธรรม ที่กระทำได้ตามหลักการของประชาธิปไตย สิ่งต่างๆทั้งหลายเหล่านี้ เป็นพื้นฐานสร้างมวลมลพิษทางจิตวิญญาณ กลายเป็นอาหารทิพย์ให้แก่พวกมารหรือซาตาน ในที่สุดมารหรือซาตานก็จะหวนกลับมาทำลายล้างมวลมนุษยชาตินั่นเอง

    อย่างไรก็ดีในยุคปัจจุบัน ผู้พูดและเขียนเรื่องนี้เชื่อว่า มีมนุษย์เป็นจำนวนไม่น้อยเหมือนกันเฉกเช่นท่านผู้ที่อ่านบทความของผู้พูดและเขียนเรื่องนี้ ซี่งมิได้มีพฤติกรรมตามความที่กล่าวจบไปนั้น และจำนวนไม่น้อยที่เดินทางมาจากเทวโลกและพรหมโลก เข้ามาก่อกำเนิดปฏิสนธิเป็นมนุษย์ หวังหาทางช่วยพลิกฟื้นจิตวิญญาณ ช่วยซ่อมเสริมส่วนที่ขาดหายไป แต่มวลพลังกิเลสตัณหาอุปาทานในพลังงานโลก ก็ฉุดรั้งให้เจตนาเดิมจางหายไปในที่สุด ก็หลงมัวเมาหลงไหลไปกับ โลกธรรม โลกียธรรม ห่างไกลจากโลกุตรธรรม ที่จะช่วยรั้งให้หลุดพ้นจากวัฏสงสารมากขึ้นทุกวัน

    ผู้พูดและเขียนเรื่องนี้เชื่อในเรื่องการทำความดี เชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด เชื่อว่าแท้จริงมนุษย์ทุกคนส่วนใหญ่ มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันมากบ้างน้อยบ้าง เพียงแต่ตัวกิเลสตัณหาอุปาทานในการเกิด แต่ละขณะแต่ละภพแต่ละชาติ มันมีมากมันหนักมันเหนียวยากที่จะสลัดให้หลุด ไปจากจิตวิญญาณของมนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างพวกเราได้

    ผู้พูดและเขียนเรื่องนี้ยอมรับว่า ตัวเองยังติดอยู่กับลาภยศสรรเสริญสุขไม่สามารถขจัดออกไปได้ แต่การได้มาจะต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น จะต้องเป็นการได้มาอย่างยุติธรรม หากไม่ได้คนอื่นได้ ผู้เขียนพร้อมที่จะแสดงความยินดีกับเขาผู้นั้นด้วยความเต็มใจ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เราไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ให้คนอื่นเขาได้ก็ได้

    ผู้พูดและเขียนเรื่องนี้คิดเสมอว่า เราไม่ได้คนอื่นเขาได้ดีกว่าไม่มีใครได้เลยและเป็นสุขเมื่อเห็นผู้อื่นเขาได้ดี มิใช่คิดแบบคนบางส่วนที่คิดแต่ว่า“ถ้าข้าไม่ได้คนอื่นก็ต้องไม่ได้” ซึ่งผู้เขียนเห็นว่าคิดแบบนี้ คิดแบบคนพาลมากกว่า คิดแบบทำลายเป็นสิ่งที่ไม่ควรคิด ซึ่งเป็นคนละกรอบความคิดแตกต่างจากผู้เขียน

    ผู้พูดและเขียนเรื่องนี้เชื่อในการเป็น“ผู้ให้”ดีกว่าเป็น“ผู้รับ” ดังนั้นจังหวะชีวิตช่วงใดที่ผู้เขียน“ให้”อะไรกับใครได้ ก็จะพยายามให้ หากมีเวลาพอที่จะขีดเขียนเรื่องใดที่เป็นประโยชน์ ก็จะจับปากกามาเขียนให้ความรู้ ความเข้าใจในเรื่องราวต่างๆ ที่ผู้เขียนได้รับรู้ได้รับทราบมา ซึ่งคิดว่าท่านผู้อ่านบทความของผู้เขียนคงทราบเรื่องนี้ดี เพราะเป็นวิถีดำเนินชีวิตปกติของผู้เขียน ซึ่งปฏิบัติเป็นปกติตลอดมาตั้งแต่ปึ 2505 ในฐานะสาราณียกรหนังสือ“ สาส์นยุวพุทธ”

    ผู้พูดและเขียนเรื่องนี้เชื่อว่า ความรู้จักอดทนอดกลั้นและให้อภัยใน สิ่งที่ผู้อื่นกระทำสิ่งไม่ดีต่อเรา เป็นการปล่อยวางทุกข์ที่ดี ไม่เก็บสิ่งที่ไม่ดีมาแบกให้หนักและก็จะพยายามฝึกฝนตนในสิ่งเหล่านี้ให้มากขึ้น ผู้พูดและเขียนเรื่องนี้ก็เป็น“ปุถุชนคนหนึ่ง”ยังหนาไปด้วยกิเลส ยังห่างไกลจากการเป็นนักบุญที่มีความเสียสละอันยิ่งใหญ่อยู่อีกมาก แต่ก็พยายามเดินไปในเส้นทางดังกล่าว พยายามเจริญรอยตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพยายามแบ่งเวลาฝึกฝนตนเองเท่าที่กำลังสติปัญญา และความอดทนความอดกลั้นจะพอมีในแต่ละช่วงของชีวิต

    ผู้พูดและเขียนเรื่องนี้เชื่อในคำสอนต่างๆ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้ทรงสั่งสอนซึ่งมีมากถึง 84,000 พระธรรมขันธ์ แท้จริงพระองค์ท่านทรงมีความรู้มากกว่า 84,000 พระธรรมขันธ์ แต่ทรงเล็งเห็นว่าความรู้มากมายนั้นเป็นความรู้ที่ไม่มีประโยชน์ต่อการหลุดพ้น จากวัฏสงสารท่านจึงไม่นำมาสอนท่านเลือกเอามาสอนเพียงใบไม้ในกำมือเดียวทั้งๆ ที่ท่านมีความรอบรู้เท่าใบไม้ในป่าทั้งหมด หากเราจะหยิบจุดเล็กๆ จุดไหนมาแนะนำสั่งสอนต่อไม่ว่าเรื่องใดก็เป็นเรื่องดีทั้งนั้น สามารถพิสูจน์ได้ทุกกาลเวลา เช่นในระดับโลกียธรรมหรือธรรมะสำหรับผู้ข้องแวะอยู่ในโลกียวิสัยอาทิ

    - เราต้องชนะความโกรธด้วยความไม่โกรธ
    - เราต้องชนะความชั่วด้วยการไม่ทำสิ่งที่ชั่ว
    - เราต้องชนะความตระหนี่ถี่เหนียวความเห็นแก่ตัว ด้วยการให้และด้วยการเสียสละ
    - เราต้องชนะความริษยาด้วยการแสดงความยินดี
    - เราต้องมีสติรู้สติและใช้สติให้เกิดประโยชน์
    - เราต้องหาความสุขจากการให้มากกว่าการรับ
    - เราต้องหาความสุขจากการเห็นผู้อื่นมีความสุข
    - เราต้องหาความสุขจากการให้ทานรักษาศีลและปฏิบัติธรรม
    - เราต้องหาความสุขจากการเป็นผู้มีความละอายแก่ใจและเกรงกลัวต่อบาป
    - เราต้องหาความสุขจากการไม่เบียดเบียนผู้ใดให้เดือดร้อนรำคาญใจ
    - เราต้องหาความสุขโดยไม่ทำให้ผู้ใดเกิดความลำบากกายหรือลำบากใจ
    - เราต้องหาความสุขจากการละเว้นความชั่ว กระทำแต่ความดีและทำจิตใจให้
    บริสุทธิ์ผ่องใสเสมอ
    - เราต้องหาความสุขจากการเป็นผู้รู้ผู้ตื่นและผู้เบิกบาน
    - เราต้องการทำการใดให้สำเร็จ เราต้องรู้จักใช้หลักอิทธิบาท 4 คือ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ และวิมังสา หรือมีความพอใจมีความรักในงานนั้น มีความเพียรพยายามทำงานนั้นๆ มีความตั้งใจจิตใจจดจ่ออยู่กับงานนั้นๆ และมีการทบทวนตรวจสอบหรือหมั่นพิจารณางานนั้นๆ เป็นประจำเป็นต้นฯลฯ

    หายนะที่ร้ายแรงของโลกต้องเกิดขึ้นแน่ แต่มาจากหลายสาเหตุ

    การทดลองอาวุธนิวเคลียร์ใต้ดินของประเทศมหาอำนาจ ส่งผลให้แกนของโลกขยับเคลื่อนที่ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้นก่อนที่พวกเราจะล้มหายตายจากก็ได้ น่าจะพบเห็นได้ในปี 2560 (โปรดอย่าประมาทในการไม่ฝึกฝนพัฒนาจิต หากมหันตภัยหรือหายนะเกิดขึ้นจริง ถิ่นที่อยู่อาศัยทั่วโลกก็มีความไม่ปลอดภัย ที่แผ่ขยายวงกว้าง ปัญหาของทุพภิกขภัย ปัญหาข้าวยากหมากแพงความอัตคัดขัดสน จะแผ่กระจายไปทั่วทุกดินแดนทุกประเทศ

    จิตที่ฝึกดีแล้วเท่านั้น ที่จะสามารถเผชิญชะตากรรมดังกล่าว โดยมีทุกข์น้อยหรือพอจะหาความสงบเย็นได้บ้าง จึงอยากกราบเท้าขอเชิญชวนให้ท่านกรุณาหาโอกาสไปเข้ารับการฝึกอบรมพัฒนาทางจิต ด้วยการวิปัสสนากรรมฐานอย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี ก็ยังดีกว่าปล่อยเวลาให้สูญเสียไปกับกิจกรรมนอกตัวไปทั้งหมด เมื่อได้บอกกล่าวเล่าเตือนแล้วก็ยังเฉยๆอยู่ เพราะกรรมบังตาผู้พูดและเขียนเรื่องนี้ก็คงจะช่วยอะไรมากกว่านี้คงจะมิได้

    ผู้พูดและเขียนเรื่องนี้จำได้ว่า เคยได้รับคลื่นความคิดจากจักรวาลครั้งแรกในขณะอายุได้ 8 ขวบหรือในปี พ.ศ. 2497 (ประมาณ 54 ปีก่อน) ว่าผู้เขียนขันอาสามาช่วยโลก โดยให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำให้ลุล่วง แต่ไม่รู้ว่าได้รับมอบหมายให้ทำอะไรให้ลุล่วงสำเร็จ ทุกครั้งที่มองท้องฟ้าในยามคืนเดือนมืดก็มีสัญญาณคล้ายเสียงมาบอกให้ทราบว่า“ละเลยไม่ทำหลีกเลี่ยงไม่ทำ วานคนอื่นให้ทำแทนก็ไม่ได้นะ ยกเลิกก็ไม่ได้ด้วยนะ” คำถามคือให้ทำอะไรไม่เห็นจะรู้เรื่องไม่เห็นบอกให้ชัดๆว่าจะให้ทำอะไรสักที

    เป็นเช่นว่าจนกระทั่งทำงานเป็นผู้บริหารระดับ ASSISTANTVICE PRESIDENT ที่ธนาคารกรุงเทพจำกัด(มหาชน) แล้วในปี 2524 เมื่อประมาณ27 ปีก่อนในช่วงที่เดินทางไปตรวจเยี่ยมสาขา ในเขตภูมิภาคยามคืนเดือนมืดเดินออกมายืนในบริเวณที่มองเห็นท้องฟ้าเต็ม ที่บนท้องฟ้ามีดาวระยิบระยับเต็มไปหมดก็มีเสียงเช่นว่าในลักษณะดังกล่าวอีก แต่ก็รู้สึกว่าไม่เข้าใจในความหมาย ดังนั้นจึงรีบเดินเข้าหากลุ่มคนและงดมองท้องฟ้า แต่ก็ได้ยินเสียงคล้ายตำหนิไล่หลังมาในทำนองว่า“ไอ้ขี้โกงรับปากแล้วไม่ทำ ไม่ยอมเปิดสัญญาณรับมอบการถ่ายทอดภารกิจ ตกลงให้เลิกติดต่อมันผู้นี้”


    ซึ่งก็หมายถึงผู้ใดก็ไม่ทราบ มีความพยายามที่จะติดต่อสื่อสารคลื่นความคิดกับผู้เขียนเป็นเวลาเกือบ 30 ปี โดยผู้พูดและเขียนเรื่องนี้ก็บอกตัวเองเตือนตัวเองตลอดเวลาว่า“เราเป็นมนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่งมิได้วิเศษวิเสโสแตกต่างไปจากคนอื่น เรามิใช่มนุษย์ต่างดาวในหนังนิยายวิทยาศาสตร์ เราต้องไม่เพี้ยนไปจากโลกแห่งความเป็นจริง เราต้องมีสติอยู่กับปัจจุบันให้จงได้ เราเป็นผู้บริหารระดับAVP. ของธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของประเทศนะ ปิดรับคลื่นเสียงซึ่งมาจากที่ไหนก็ไม่ทราบดีกว่า มิฉะนั้นคนทั่วไปเขาจะหาว่าเราเพี้ยนเราบ้าไปแล้ว”หรือคลื่นเสียงดังกล่าวเป็นคลื่นความคิดของจิตจักรวาล ผู้พูดและเขียนเรื่องนี้ก็มิอาจหยั่งรู้ได้แน่ชัดเพราะปิดคลื่นรับไปแล้วเมื่อ 27 ปีก่อน

    ปัจจุบันรับคลื่นความคิดจากจักรวาลมิได้ ก็สารภาพว่ารับไม่ได้ ไม่มีประโยชน์ที่จะกล่าวคำเท็จ อย่างไรก็ตามผู้พูดและเขียนเรื่องนี้ก็ยังไม่อยากไป “นิพพาน”เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องยากมาก ที่จะดับกิเลสตัณหาอุปาทานขันธ์ทั้งห้าที่หมักหมมอยู่ในร่างกายและจิตใจของผู้พูดและเขียนเรื่องนี้ ซึ่งผู้พูดและเขียนเรื่องนี้ยอมรับว่า ยังติดในลาภยศสรรเสริญสุขแม้จะมีการเสื่อมลาภบ้างเสื่อมยศบ้าง ถูกนินทาบ้างและมีทุกข์บ้างมัน ก็สนุกดีมีสุขทุกข์ระคนปนกันยังไม่เบื่อที่จะเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร เพียงแต่ขอวนเวียนเกิดในภูมิชั้นกลางผลัดเปลี่ยนกับภูมิชั้นสูงเท่านั้นนะจ๊ะ ขอปิดอบายภูมิไม่ว่าจะเป็นสัตว์เดรฉานเปรตอสุรกายหรือสัตว์นรกเท่านั้นที่ขอสละสิทธิ์ ไม่ต้องการไปอุบัติบังเกิด

    ผู้พูดและเขียนเรื่องนี้เชื่อว่าแท้จริงแล้ว ตัวเราก็มิใช่ของเรา ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งสมมุติบัญญัติทั้งนั้น แต่ผู้พูดและเขียนเรื่องนี้ก็ขอสารภาพว่า ยังคงข้องแวะอยู่ในโลกียธรรม ยังลุ่มหลงมัวเมากับสิ่งที่เป็นสมมุติ ผู้พูดและเขียนเรื่องนี้ยอมรับว่าปัจจุบันยังจมอยู่ในสัมผัสทั้งหก ไม่ว่ารูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสและ ธรรมารมณ์ ยังชอบดูของสวยงาม ยังอยากรับประทานของอร่อย ยังอยากได้ดมกลิ่นหอมๆ ยังอยากได้ยินเสียงที่ไพเราะน่าฟัง ไม่ชอบคำด่าคำนินทา ยังอยากสัมผัสของที่อ่อนนุ่ม และยังมีจิตใจอ่อนไหวตามธรรมชาติ

    โดยยังไม่ตระหนักและสำนึกว่า แท้จริงทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นทุกข์ทนยาก เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง มีการเปลี่ยนแปลงเสมอเกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วก็ดับไป จะว่าโง่เขลาเบาปัญญาก็ว่าได้ ผู้พูดและเขียนเรื่องนี้ยอมรับความจริงว่า ตัวเราที่แท้ก็แค่นั้นเองมิได้เก่งไปกว่าพวกเราส่วนใหญ่ ที่มีความโลภโกรธหลงเพียงแต่ตั้งใจที่จะประคองจิตใจและการกระทำ มิให้ตกไปในทางที่ชั่วไม่สร้างความเดือดร้อนหรือเบียดเบียนผู้อื่น

    พยายามรักษาศีล 5 และมีหิริโอตตัปปะ ให้ได้มากที่สุดนานที่สุดก็เท่านั้นเอง ไม่กล้าที่จะอวดอ้างว่าปล่อยวางสรรพสิ่งได้ เพียงแต่เริ่มปล่อยวางในเรื่องต่างๆได้มากขึ้นกว่าเดิม เริ่มมองเห็นตัวทุกข์มากกว่าการเอาทุกข์ไปแบก มีจิตใจเบาสบายมากกว่าเดิม อย่างไรก็ตามผู้พูดและเขียนเรื่องนี้เชื่อ 100% ในเรื่องจิตวิญญาณ ในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดและเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม ไม่มีความคิดใดๆ ในการเอาเปรียบผู้อื่น ไม่คิดทำร้ายหรือรังแกผู้อื่น ไม่ต้องการทำร้ายหรือทำลายใครผู้ใดทั้งสิ้น

    ผู้พูดและเขียนเรื่องนี้เชื่อว่า มนุษย์โดยทั่วไปฉลาดในการดำรงชีวิตมากกว่าฉลาดในการดำเนินชีวิต แท้จริงแล้วผู้ที่มีความฉลาดในการดำเนินชีวิตที่จะอยู่ร่วมกับผู้คนในสังคมโลก โดยมีความรักความเมตตาความเอื้ออาทรและความใส่ใจในเรื่องต่างๆ ช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ตลอดเวลา โลกจึงจะมีสันติสุขร่มเย็นอย่างแท้จริง

    ผู้พูดและเขียนเรื่องนี้เชื่อว่า มนุษย์ส่วนใหญ่ใช้เวลาหมดสิ้นเปลืองกับการเรียนรู้สิ่งทั้งหลายนอกตัวมากเกิน ไปมีเป็นจำนวนน้อยที่ให้ความสนใจที่จะเรียนรู้ตนเองเข้าถึงจิตตนเอง“การฝึกจิตและเข้าถึงจิตแห่งตน” นับเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากที่สุด“การฝึกจิตและเข้าถึงจิตแห่งตน” ไม่ใช่กิจกรรมสำหรับคนแก่ที่ชีวิตทางโลกอิ่มตัว ไม่ใช่กิจกรรมสำหรับคนเบื่อหน่ายชีวิต เพราะผิดหวัง ไม่ใช่กิจกรรมของคนที่หมดอาลัยตายอยากในชีวิต เพราะสิ้นหวังในเรื่องต่างๆไม่ใช่กิจกรรมสำหรับผู้ที่มีทุกข์โศกโรคภัยเท่านั้น แต่เป็นกิจกรรมของคนที่มีชีวิตปกติเป็นสุขด้วย

    - ท่านล่ะเคยเข้าอบรมพัฒนาทางจิตด้วยการวิปัสสนากรรมฐานหรือยัง?

    มนุษย์เรามีสัมผัสต่างๆถึง 5 สัมผัสที่ต่ำกว่าสัตว์เดรฉานไม่ว่าในเรื่องของการมองเห็นด้วยสายตา ไม่ว่าในเรื่องของการได้ยินด้วยหู ได้กลิ่นด้วยจมูก ได้รู้รสชาดด้วยลิ้น ได้รับการสัมผัสด้วยกาย มีเพียงสัมผัสเดียวที่มนุษย์มีเหนือกว่าสัตว์ทั้งปวงก็คือการรับรู้ด้วยใจหรือจิตวิญญาณ แต่เป็นสิ่งที่แปลกมนุษย์ส่วนใหญ่ไม่ใช้สิ่งที่มีอยู่เหนือกว่าสัตว์ทั้งหลาย กลับใช้สัมผัสต่างๆเหมือนสัตว์เดรฉานทั่วไป คือส่วนใหญ่ใช้เพียงตาหูจมูกลิ้นและกายเท่านั้น ใช้ใจหรือจิตวิญญาณกันน้อยมากๆ

    ขณะนี้น่าจะถึงเวลาแล้วที่พวกเรา ควรจะหันมาใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องใจหรือจิตวิญญาณของเรา รู้จักหาเวลาให้แก่การพิจารณาทางจิต เพื่อจะได้มีโอกาสเข้าถึงจิตแห่งตนให้มากขึ้น มนุษย์จำนวนมากปฏิเสธเรื่องจิตวิญญาณ โดยอ้างว่าเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นและจับต้องไม่ได้ เขาจะเชื่อเฉพาะสิ่งที่สัมผัสได้แบบสัตว์เดรฉานเท่านั้น คือสิ่งที่ตัวเขามองเห็นได้ ได้ยินเองได้กลิ่นเอง ได้รับรู้รสชาดเองและแตะต้องได้เ้องเท่านั้น โดยลืมไปว่ายังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เราก็มองไม่เห็นเช่นรังสี X-ray รังสีแกรมม่า รังสีแอลฟ่าหรือคลื่นต่างๆ

    แต่เราก็เชื่ออย่างสนิทใจว่า มีเช่นคลื่นวิทยุคลื่นโทรศัพท์ซึ่งมองไม่เห็นวิ่งไปมาในอากาศ วิทยุทรานซิสเตอร์โทรศัพท์มือถือรับสัญญาณคลื่นแล้วถ่ายทอดเป็นเสียงต่างๆ ให้เราได้ยินทั้งๆ ที่เรามองไม่เห็นแต่ก็สามารถได้ยินได้เป็นต้น ไม่ใช่สิ่งที่เรามองไม่เห็นจะไม่มี แม้แต่ลมเราก็มองไม่เห็นแต่เราก็เชื่อว่ามีลมพัดมาหรือไม่มีลมพัดมาเป็นต้น มนุษย์เราต้องยอมรับความจริงว่าสิ่งต่างๆที่เรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เช่นจิตวิญญาณนั้น ไม่ใช่ไม่มีเพียงแต่เราไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะรู้เห็นหรือสัมผัส ในสิ่งที่มีอยู่จริงเท่านั้น

    มนุษย์มีปัญญามากกว่าสัตว์เดรฉาน แต่มนุษย์จำนวนไม่น้อยไม่รู้จักใช้ปัญญาในทางสร้างสรรค์ แต่ใช้ปัญญาไปในการทำเรื่องชั่วร้ายทำลายธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ความมีเมตตาต่อกันหรือความปรารถนาที่จะให้ผู้อื่นมีความสุข การมีความกรุณาให้แก่กันหรือมีความปรารถนาให้ผู้ที่มีทุกข์ พ้นจากความเป็นทุกข์มีความเอื้ออาทรต่อกัน แบ่งปันเจือจุนกัน รู้จักอดทนอดกลั้นและให้อภัยแก่กัน ไม่ผูกโกรธอาฆาตพยาบาทกัน ไม่มีความชิงชังผู้ใด ไม่เบียดเบียนทำให้ผู้ใดสัตว์ใดเดือดร้อนรำคาญใจ มีความละอายแก่ใจและเกรงกลัวในการทำบาป ล้วนเป็นพลังงานยับยั้งหายนะ หรือมหันตภัยได้อย่างชะงักงัน

    หากมนุษย์ทั้งหลายมีสิ่งต่างๆ ดังกล่าวมากเพียงไร หายนะหรือมหันตภัยย่อมห่างไกลเพียงนั้น ในทางตรงกันข้ามถ้ามนุษย์มีแต่การเอารัดเอาเปรียบอิจฉาริษยาทำร้ายกัน กลั่นแกล้งกันนำความเท็จมาปลุกระดมให้เกิดการแตกความสามัคคี ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนในเรื่องต่างๆ ไม่มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ไม่มีความอดทน ไม่มีความอดกลั้น ไม่มีการให้อภัย ผูกอาฆาตพยาบาทจองเวรแช่งชักหักกระดูกกัน เบียดเบียนกัน ไม่มีความละอายแก่ใจ ไม่เกรงกลัวบาปกรรมใดๆ หากมนุษย์ประพฤติเฉกเช่นดังว่า กระจายกันทุกหย่อมหญ้าทั่วโลกหายนะหรือมหันตภัยที่ร้ายแรงเกิดขึ้นแน่นอน เพราะพลังแห่งความชั่วร้ายเป็นอาหารทิพย์ให้แก่พญามาร หรือซาตานร้ายให้ออกมาอาละวาดทำลายล้างผู้คนไปทั่วโลก

    มหันตภัยนี้หลีกเลี่ยงมิได้ แต่ก็พอที่จะบำบัดปัดเป่าได้ลดได้เลื่อนได้ แต่มิใช่ทำกันเพียงคนเดียว ท่านเดียวกลุ่มเดียวประเทศเดียว ต้องอาศัยพลังจิตที่เป็นอภิจิตที่ยิ่งใหญ่หลายฝ่ายหลายกลุ่มหลายชาติ ต้องร่วมด้วยช่วยกัน บางครั้งฝ่ายอธรรมและสาวกฝ่ายอธรรมก็แค้นใจเป็นยิ่งนัก กำหนดการทำลายล้างฝ่ายธรรมะ ได้กำหนดไว้พร้อมแล้ว เพราะพลังความชั่วแผ่กระจายเป็นวงกว้างในปริมาณที่มากพอ ที่จะสร้างหายนะครั้งใหญ่ได้ ก็จะมีเหตุเป็นไปเกิดมวลพลังความดีความสะอาดความสงบเย็นของครูบาอาจารย์ที่แผ่เมตตา ที่อุทิศกุศลผลบุญมาช่วยล้างพิษร้ายเป็นระลอกๆ ฝ่ายอธรรมและสาวกฝ่ายอธรรมจึงกล้ากล่าววาจาสามหาวสาปแช่งบรรดาครูบาอาจารย์ฝ่ายเมตตาธรรม ในทางจาบจ้วงเสียหายว่าไปก้าวก่ายหักล้าง ภารกิจทำลายล้างของพวกเขา เป็นการฝืนกฎแห่งกรรมอย่างหนึ่ง จึงต้องการให้ยุติบทบาทการแทรกแซงกฎแห่งกรรมดังกล่าวโดยเร็วมิฉะนั้นจะไม่ตายดี

    ผู้พูดและเขียนเรื่องนี้อยากเรียนให้ท่านผู้ฟังและผู้อ่านทราบว่า ครูบาอาจารย์ที่มีจิตเมตตาธรรมท่านก็จะเมตตาไปตลอดอายุขัย เมื่อไรหมดอายุขัยเมื่อนั้นจึงจะหมดภารกิจบนโลกมนุษย์ แต่ท่านก็ยังแอบช่วยในขณะที่อยู่เทวโลกและพรหมโลกได้ เว้นแต่ท่านเองก็หมดพลังเพราะไม่มีอาหารทิพย์โดยการกระทำความดีของมนุษย์ อุทิศผลบุญที่เป็นกุศลกรรมเป็นพลังหนุนเสริมให้แก่ท่าน เฉกเช่นเดียวกับพญามารที่ยิ่งใหญ่ ท่านก็อยู่ในชั้นสูงสุดของเทวโลกคือสรรค์ชั้นที่ 6 นั่นคือสวรรค์ชั้นปรนิมมิตตสวัตตี

    เป็นเทพฝ่ายมารที่ชั่วร้ายมีฤทธิ์มีอำนาจมีบารมีมหาศาล มากกว่าเทพ 5 ชั้นล่างอีกด้วยปัจจุบันต่างฝ่ายก็มิได้ลดราวาศอก ต่างฝ่ายต่างฝ่ายคุมเชิงกันอยู่รุกบ้างรับบ้าง เพียงแต่เทพฝ่ายดีในระยะหลังค่อนข้างอ่อนแรงลงไปมาก เพราะอาหารทิพย์จากแรงกุศลผลบุญของมนุษย์ลดลง พลังทิพย์มีน้อยพลังโดยรวมก็พลอยอ่อนพลังลงไปด้วย สัญญาณที่สำคัญประการหนึ่งคือ“พลังแห่งแผ่นดินไทย”ศูนย์กลางพลังอันยิ่งใหญ่ของแผ่นดินไทย ให้พิจารณาจากพระสุขภาพพลานามัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของพวกเรา

    หากพระองค์ท่านยังทรงเป็นมิ่งขวัญของชาวไทยได้นานเท่าไร มหันตภัยยังไม่เกิด เพราะพลังบุญบารมีของพระองค์เป็นพลังแห่งแผ่นดิน พลังของพระองค์ท่านค้ำจุนและช่วยชาติไทยและพสกนิกรชาวไทยไว้ได้ หากวันใดพระองค์ท่านทรงพระประชวรหรือมีเหตุร้ายแรงต่อพระสุขภาพพลานามัยของพระองค์ท่าน เมื่อนั้นชนชาวไทยทั้งชาติต้องเร่งฝึกสติและระลึกถึง“อาสันนกรรม”ที่องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงสั่งสอนไว้แล้วว่า“กรรมสุดท้ายที่จิตของมนุษย์ระลึกได้กระทำได้ จะส่งผลให้ไปอุบัติบังเกิดได้ทั้งสุคติภูมิและทุคติภูมิ คิดระลึกและภาวนาในสิ่งที่ดี ย่อมไปสู่สุคติภูมิหากคิดไม่ออกระลึกอะไรไม่ได้มีแต่ความห่วงกังวล ความวิตกกังวลกรรมดังกล่าวย่อมส่งให้ไปอุบัติบังเกิดในทุคติภูมิ เช่นไปเกิดเป็นเปรตหรือไปปฏิสนธิเป็นสัตว์เดรฉานเป็นอย่างต่ำเป็นต้น

    ดังนั้นหากท่านผู้ฟังหรือผู้อ่านบทความของอาจารย์มงคลฯ ในตอนนี้ท่านใดประกอบกรรมดีสร้างกุศลผลบุญใด ให้ทานรักษาศีลหรือบำเพ็ญภาวนาครั้งใดโปรดอย่าลืม“อุทิศกุศลผลบุญให้แด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา ให้ทรงมีพระชนม์มายุยิ่งยืนนาน ขอให้พระองค์ทรงมีพระอนามัยสมบูรณ์แข็งแรง เพื่ออยู่เป็นพลังแห่งแผ่นดินค้ำจุนชาติไทย และพสกนิกรชาวไทยในทุกวาระและทุกโอกาสเทอญ”

    หายนะร้ายแรงของโลกหรือมหันตภัย ที่มีผู้เขียนเรื่องดังกล่าวไว้อย่างน่ากลัวว่าจะต้องเกิดขึ้นแน่นอนภายในปี 2547 โดยมีการจัดพิมพ์หนังสือขายเป็นเล่มโดยใช้ชื่อเรื่องว่า“56 วัน 7 ราตรีปฏิบัติการชำระโลกสู่ยุคพลังงานใหม่”โดยจำหน่ายในราคาเล่มละ 142 บาท( ซึ่งข้าพเจ้านายมงคลฯได้รับมอบมาจากลูกศิษย์โดยได้เขียนบทความโต้แย้งทันที ในสัปดาห์แรกที่มีการวางจำหน่ายหนังสือเล่มดังกล่าวว่าในปี 2547 ไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นแน่นอน นอกจากซูนามิเท่านั้น) ผู้เขียนเรื่องดังกล่าวได้เขียนโดยสรุปว่าการชำระโลกครั้งนี้นั้น

    1. เกิดจากเจ้ากรรมนายเวรของมนุษย์จำนวน 20 เท่าของประชากรโลกในปัจจุบันนั่น คือมีเจ้ากรรมนายเวรของมนุษย์ถึง 124,000 ล้านตน(20 เท่าx มนุษย์ปัจจุบัน 6,200 ล้านคน) จะมาทวงหนี้กรรมที่เคยถูกกระทำจากคนในยุคปัจจุบัน(พวกเราทั้งหลายทุกชาติภาษาในปัจจุบัน ที่ฆ่าสัตว์มาเป็นอาหารและล่าสัตว์เพื่อความบันเทิง การฆ่ามนุษย์ด้วยกันเองไม่ว่าในคราวเกิดสงครามหรือการแย่งชิงอำนาจทางการเมืองของประเทศต่างๆ และการปล้นฆ่าเจ้าของทรัพย์)

    2. เจ้ากรรมนายเวรบางตนไม่ยอมไปเกิดฝังรอยแค้นมานานร่วม 20,000 ปีก็มีที่จะมาล้างแค้นกันคราวนี้ในวันชำระความ

    3. เจ้ากรรมนายเวรดังกล่าว มีทั้งมนุษย์และสัตว์ที่ถูกเบียดเบียนรังแกถูกกระทำที่ไม่เป็นธรรมต่างๆ

    4. วิธีการชำระความคือ ทำให้เกิดพายุฝน เกิดอุทกภัย เกิดคลื่นยักษ์ เกิดแผ่นดินไหว เกิดฟ้าผ่าดังมากกว่า 100 เดซิเบลขึ้นไป(บางคนอาจแก้วหูแตกเลย) เกิดรอยแยกของเปลือกโลก เกิดภูเขาไฟระเบิดในที่ต่างๆที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เกิดคลื่นเสียงที่รุนแรง ทำลายประสาทหู ทำลายสติผู้คนและทำลายล้างชีวิตคน มีโรคระบาดร้ายแรง มีอหิวาตกโรคชนิดใหม่ทำให้คนตายภายใน 6 วันเกิดไวรัสตัวใหม่ขยายพันธุ์รวดเร็ว และมีพิษร้ายแรงกว่าเชื้อโรคทุกชนิดในโลกผู้คนอดอยากหิวโหยไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่มีน้ำดื่มไม่มีอาหารบริโภค เพราะน้ำท่วมเสียหายหมด

    5. อย่างไรก็ดีในหนังสือเล่มดังกล่าว มีการอธิบายคำว่า 1 ราตรีหมายถึงโลกจะถูกปกคลุมไปด้วยความมืด แม้จะเป็นช่วงกลางวันก็ตาม คือมีแต่กลางคืน 7 วันเต็มๆ มนุษย์จะปิดตาก็แลเห็นจะปิดหูก็ได้ยิน ทั่วทั้งแผ่นดินจะนองไปด้วยน้ำบอบช้ำด้วยพายุโหม แผ่นดินถล่ม ตึกสูงใหญ่ถล่มทลายลงมาเป็นกอง เสียงหวีดร้องของผู้คนและเจ้ากรรมนายเวรเซ็งแซ่ไปหมด แผ่นดินบางแห่งจะลุกเป็นไฟ(บริเวณใกล้น้ำพุร้อนน้ำแร่ร้อนต้องระวัง) และมีสายธารจากลาวาใต้โลกบางแห่ง กลืนเมืองหายไปทั้งเมือง แผ่นดินจำนวนมากถูกกลืนหายไปใต้น้ำอย่างถาวร เกาะน้อยใหญ่จมหายไปใต้ผืนทะเลตลอดกาล

    ผู้เขียนหนังสือขายเล่มดังกล่าว กล้าหาญที่จะเขียนเรื่องดังกล่าวออกมาพิมพ์ขายเผยแพร่ในท้องตลาด โดยชี้แจงว่าองค์จิตจักรวาลผู้เป็นพระบิดาหรือพระผู้สร้างโลกหรือพระเจ้านั้น เป็นสิ่งที่มีจริงโดยสื่อความมาให้ผู้เขียนหนังสือเล่มดังกล่าวทราบว่าก่อนวันชำระความครั้งใหญ่ 15 วันแกนโลกจะเบี่ยงขั้วโลกเหนือเข้าหาดวงอาทิตย์มากขึ้น ทำให้น้ำแข็งขั้วโลกเหนือละลายอย่างรวดเร็วกลายเป็นคลื่นน้ำระลอกใหญ่ที่ถาโถมเข้าหาแผ่นดิน กลืนกินแผ่นดินต่างๆและบริเวณขั้วโลกใต้ ก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมาก็หลุดออกเมื่อครบ 15 วันแล้วแกนโลกจะเบี่ยงเบนไปจากเดิม 8.5 องศาจากปัจจุบัน 23.5 องศาไปอยู่ที่ 32 องศาส่วนโค้งของโลกจะบดบังแสงอาทิตย์

    ดังนั้นวันแรกแห่งการชำระความคือฟ้าจะเริ่มมืดสลัวลงอย่างผิดปกติ ขั้วโลกเหนือจะพลิกคว่ำแทนที่ขั่วโลกใต้ แล้วหมุนมาตั้งหลักใหม่ในแกน 22 องศาแนวดิ่งโดยใช้เวลาหมุนตีลังกา 1 รอบใช้เวลา 30 วัน ผู้เขียนหนังสือเล่มดังกล่าวเล่าต่อไปว่าจะเกิดภาวะ 49 วันที่มืดมิดไม่มีกลางวันให้เห็น ผู้คนจะจมอยู่ใต้บาดาลจึงทำให้ผู้คนมองเห็น“น้ำจะท่วมฟ้าปลาจะกินดาว”(หากเป็นจริงตามสภาวะดังกล่าว คงจะไม่มีใครเห็นเพราะตายหมดแน่ข้าพเจ้า(นาย มงคลฯ) ไม่เชื่อว่าจะเกิดถึงขนาดดังกล่าว)

    ผู้เขียนหนังสือเล่มดังกล่าวระบุต่อไปว่า ตึกสูงใหญ่ทุกแห่งมนุษย์สัตว์ต้นไม้ภูเขาจะถูกชำระล้างเพื่อลดจำนวนมวลบนผิวโลก เพื่อสร้างสมดุลใหม่กระต่ายและหนูจะสูญพันธุ์หลังจากครบ 49 วันพระบิดาผู้สร้างโลก จะใช้น้ำทิพย์มาชุบชีวิตจิตวิญญาณบุตรผู้รักดีให้เหลือรอด โดยผู้ที่ไม่มีสำนึกในวิญญาณหรือผู้มีผลกรรมด้านลบที่แสดงต่อผู้อื่นเกิน 30% จะถูกชำระจิตวิญญาณออกไปจากโลก ซึ่งเป็นกระบวนการที่จะเกิดขึ้น หากเหตุการณ์ดังที่มีผู้ถ่ายทอดเนื้อหาลงในหนังสือเรื่องเล่มดังกล่าว ผู้คนทั้งหลายคงไม่จำเป็นต้องไปหาที่พักพิงแห่งใหม่เพราะที่ไหนที่ไหนก็ไม่ปลอดภัยทั้งนั้น หันมาฝึกจิตและเข้าถึงจิตแห่งตนให้มั่นคงอยู่อย่างมีสติย่อมดีกว่าแน่

    แต่ข้าพเจ้า(นายมงคลฯ) ไม่เชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นจริงก่อนปี 2560 และได้เขียนบทความโต้แย้งไว้ตั้งแต่มีหนังสือวางจำหน่าย ในสัปดาห์แรกว่าไม่มีเหตุดังกล่าวในปี 2547 แน่ อย่างมากก็เพียงมีคลื่นยักษ์ซูนามิเท่านั้น แต่ถ้าจะถามว่าเหตุการณ์เหมือนที่ผู้ขายหนังสือฉบับนั้นมีการกล่าวถึง เช่นที่ถ่ายทอดลงในหนังสือเล่มที่พิมพ์จำหน่ายนั้นจะเกิดขึ้นหรือไม่

    ข้าพเจ้า(นายมงคลฯ) ก็คงไม่กล้าปฏิเสธ เพราะเห็นในนิมิตเหมือนกันว่ามีหายนะหรือมหันตภัยใหญ่ครั้งร้ายแรง ซึ่งจะเกิดในช่วงอายุขัยของพวกเรานี้เอง แต่มีคนรอดตายมากกว่าที่เขาระบุ แต่มิใช่เกิดในปี 2547 น่าจะเกิดในปี 2560 มากกว่าปีอื่นใดเหมือนที่เคยบอกไว้

    อย่างไรก็ตามก็ได้สารภาพแล้วว่า ข้าพเจ้า(นายมงคลฯ) ปิดรับคลื่นสัญญาณไม่อยากรับรู้รับทราบเรื่องที่มีปัจจัยไม่แน่นอน เหตุการณ์ที่คืนหนึ่งเห็นชัดแต่อีกคืนหนึ่งเปลี่ยนไปทั้งที่สถานที่และเหตุการณ์เดียวกัน ซึ่งอาจตรงตามหลักการที่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่เที่ยง เช่นเห็นในนิมิตขณะทำสมถกรรมฐานว่าเหตุการณ์ร้ายแรงจะเกิดในปลายปี 2551 แต่หลายคืนต่อมาปรากฏว่าไม่มีเหตุการณ์เช่นว่า กลายเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งกลายเป็นปลายปี 2560 อะไรทำให้เวลามันจะแปรผันถึงขนาดนั้น ภาพเหตุการณ์มันแปรผันทั้งๆที่ยังไม่ถึงเวลา(เก็บเอกสารนี้ไว้ตรวจสอบด้วยครับ)

    ข้าพเจ้า(นายมงคลฯ) ได้แต่อมยิ้มกับวิปัสนูกิเลส สิ่งลวงล่อให้หลงไหลพูดออกไปใครเขาก็หาว่าเราบ้าเราเพี้ยน มีอาการประสาทอย่างรุนแรงรู้แล้วเฉยดีกว่าใครถามก็ไม่บอกดีกว่า ฟังคนอื่นเขาว่าแล้วเราหาทางเข้าไปดูเห็นบ้าง ไม่เห็นบ้างได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้างช่างหัวมัน ความชั่วเราไม่ทำ ทำดีได้เราก็รีบทำแล้วทำจิตใจให้ผ่องใสไม่ดีกว่า หรืออะไรที่มันจะเกิดเราก็ห้ามมิให้เกิดมิได้อย่างมากก็ช่วยกันยืดเวลา ช่วยกันลดความรุนแรงช่วยได้แค่ไหนก็แค่นั้น

    ใครเขาจะดูหมิ่นดูแคลนกล่าวหาว่าเราอย่างไร ก็ไม่ต้องสนใจเรารู้ตัวของเราว่าเราได้ช่วยเขาก็พอแล้ว เพราะมิใช่เราเพียงคนเดียวเราเป็นพลังตัวแปรตัวหนึ่ง ที่มาอยู่ในสังคมมนุษย์เรา คิดว่าเราก็เป็นผู้มีเมตตาธรรมในระดับหนึ่งซึ่งต้องควบคุมสติและอารมณ์อย่างมาก หากมีอารมณ์ไปสาปแช่งใครเราเองเป็นฝ่ายสร้างกรรมใหม่ เพราะการทำให้ผู้อื่นฉิบหายเดือดร้อน มิใช่สิ่งที่ดีถือเป็นเรื่องเลวทรามต่ำช้า จึงมิใช่เรื่องสนุกถ้าดันไปมีวาจาสิทธิ์ แท้จริงก็มิใช่เราเท่านั้นผู้คนในสังคมยุคปัจจุบันมีมากเป็นหมื่นคน ที่มีคุณวิเศษเหนือกว่าตัวข้าพเจ้า(นายมงคลฯ) ข้าพเจ้า(นายมงคลฯ) แม้จะเคยเป็นเทพก็มิได้วิเศษวิเสโสกว่าผู้คนที่มาเกิดในยุคปัจจุบัน ที่เคยเป็นเทพชั้นสูงกว่าข้าพเจ้า(นายมงคลฯ)

    ผู้อ่านบทความของข้าพเจ้า(นายมงคลฯ) หลายร้อยท่านก็เคยอยู่ชั้นเทวโลกพรหมโลกที่เหนือกว่าข้าพเจ้า(นายมงคลฯ) ก็มีมาก เพียงแต่เศษกรรมของแต่ละท่านที่มาเกิดในโลกมนุษย์นั้นมีแตกต่างกัน ปัจจุบันจึงมีสถานะสูงกว่าข้าพเจ้า(นายมงคลฯ) บ้างต่ำกว่า บ้างเท่าบ้าง ภพภูมิปัจจุบันใช้เป็นตัวชี้วัดมิได้ปัจจัยอื่นนั้นมีหลากหลายประการยิ่งนัก

    โดยสรุปข้าพเจ้า(นายมงคลฯ) เชื่อว่าหายนะร้ายแรงของโลกหรือมหันตภัยอันยิ่งใหญ่ ที่จะถึงขนาดเป็นวันชำระความ ตามหนังสือที่มีผู้เขียนจำหน่ายเขียนถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล โดยกล่าวว่าจะเกิดอาการมืดมิด 49 วันไม่มีกลางวันให้เห็น จนเกิดมหาวินาศสันตะโรโดยจะไม่มีผู้ใดเลื่อนเวลาหายนะออกไปได้อีกแล้ว และทุกอย่างต้องสิ้นสุดในปี 2547 นั้นผู้เขียน(นายมงคลฯ) เชื่อว่าจะไม่เกิดก่อนปี 2560 แต่ไม่ปฏิเสธว่าจะไม่มีเรื่องดังเช่นว่า มีแต่ไม่รุนแรงถึงขนาดล้มหายตายจากโลกถึง 80% เพราะตาย 80% หมายถึงตายไปเกือบ 5,000 ล้านคนจะเหลือประชากรโลก เพียง 1,200 ล้านคนหรือเมืองไทยเรามี 62 ล้านคนจะให้เหลือเพียง 12 ล้านคนเอาตายถึง 50 ล้านคนในไทยเชียวหรือ ดูท่าองค์พระบิดาผู้สร้างโลกจะไม่มีพระเมตตาบ้างหรือข้าพเจ้า(นายมงคลฯ) คิดว่าคนไทยน่าจะตายน้อยกว่า 50 ล้านคนมาก

    คาดว่าคงจะมีการตายในเวลาใกล้เคียงกันประมาณเพียงแค่ 10 ล้านคนในปี2560 เท่านั้นอย่างไรก็ดี อย่าตื่นกลัวในเรื่องเช่นว่าจนหยุดทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ข้าพเจ้า(นายมงคลฯ) ขอเตือนสติทุกท่านว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม “จงทำทุกภารกิจในปัจจุบันให้ดีที่สุด”“จงรู้หน้าที่ของตนที่ต้องรับภาระในแต่ละเวลาแต่ละสถานที่ และต้องทำให้เต็มที่ตามความรู้ความสามารถที่เรามีทั้งหมด”

    “หากจะมีอะไรเกิดขึ้นขนาดฟ้าถล่มดินทลายก็ตาม เราต้องพร้อมจะตอบได้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เราได้พยายามทั้งการคิดการพูดและการทำเรื่องต่างๆ ที่เป็นกุศล ที่เป็นสิ่งที่ดีอย่างดีที่สุดแล้ว เราทำดีทุกหน้าที่ทำอย่างดีเท่าที่เราจะทำได้ ความชั่วความเดือดร้อนเราไม่ทำ เราแบ่งเวลาทำจิตให้บริสุทธิ์ผ่องใสในทุกจังหวะของชีวิตเท่าที่เราจะทำได้แล้ว” เพียงแค่นี้น่าจะพอแล้วครับ

    (ยังมีต่อ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2009
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    บทความของอ.มงคลกริชติทายาวุธเรื่องที่529....เหตุเภทภัยใหญ่ในอนาคตที่เราต้องเผชิญมีอะไร.เราควรเตรียมร่างกายและจิตใจอย่างไร

    ผู้ใดที่ยังไม่เคยฝึกจิต และเข้าถึงจิตแห่งตน ยังไม่เคยฝึกอบรมพัฒนาทางจิตด้วยการวิปัสสนากรรมฐาน ยังไม่เคยฝึกสติให้เกิดปัญญา ยังไม่เคยรู้รสชาดและสัมผัสความสุขเหนือจากความสงบนั้นไม่มี” ระวังจะเสียชาติเกิด หากไม่เคยฝึกจิต หรือไม่เคยฝึกวิปัสสนากรรมฐานมาเลยตลอดชีวิต เป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่งสำหรับเภทภัยใหญ่ในอนาคต อาจแบ่งย่อยได้ 10 ประการดังนี้

    1. แผ่นดินไหว (Earthquake) ส่วนใหญ่แผ่นดินไหวจะเกิดจากการปลดปล่อย
    พลังงานใต้พื้นพิภพ ทำให้เกิดภูเขาไฟระเบิด หรือรอยเลื่อนของแผ่นดินเกิดการขยับตัวมีบางส่วนที่แผ่นดินไหวเกิดจากฝีมือมนุษย์ เช่น การทดลองระเบิดนิวเคลียร์ของ สหรัฐอเมริกา รัสเซีย ฝรั่งเศส เกาหลีเหนือ จีน และ อินเดีย ในปี 2560 มีผู้คาดว่าจะเกิดแผ่นดินไหวความรุนแรงเกินสเกลปัจจุบัน หรือถ้าจะเทียบกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ก็น่าจะมากกว่า 12 ริกเตอร์ในหลายพื้นที่ของโลก

    2. ดินถล่ม (Landslide) เกิดจากสาเหตุฝนตกหนักหลายวัน จนดินไม่สามารถ
    อุ้มน้ำไว้ จึงไถลลงมาตามที่ลาดเชิงเขา เมื่อไรที่สังเกตเห็น น้ำที่ไหลมามีสีน้ำตาลข้นแสดงว่ามีดินผสมลงมาด้วย หากมีสีเข้มมาก และเริ่มมีเศษใบไม้รวมอยู่ด้วย ช่วงนี้ต้องรีบอพยพสิ่งของลูกหลานโดยเร็วแล้ว ในปี 2560 มีผู้คาดว่าจะเกิดดินถล่มมากกว่า 5,000 แห่งทั่วโลก

    3. อุทกภัย (Flood) หรือ น้ำท่วม ปกติเกิดจาก 2 สาเหตุ คือ เกิดจากน้ำป่า
    ไหลหลาก และ น้ำท่วมฉับพลัน ส่วนใหญ่เกิดเพราะฝนตกหนักต่อเนื่องประมาณ 5 – 6 ชั่วโมง พื้นดินไม่สามารถดูดซับน้ำได้ทัน นอกจากน้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมฉับพลัน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่สร้างความเสียหาย ผู้ที่อาศัยอยู่ริมทะเล และริมแม่น้ำจะเผชิญปัญหาน้ำท่วมมิดหลังคาบ้านอยู่อาศัย มีผู้คาดว่าในปี 2560 ซึ่งจะมีปัญหาน้ำทะเลหนุน เนื่องจากน้ำแข็งที่ขั้วโลกทั้งเหนือ และขั้วโลกใต้ ตลอดทั้งภูเขาน้ำแข็งทั่วโลกพากันละลายกลายเป็นน้ำค่อนข้างมาก และอาจจะเนื่องจากมีอุกกาบาตผ่านชั้นบรรยากาศมาถึงพื้นผิวโลก และชนเข้ากับบริเวณขั้วโลกทั้งเหนือ และ/หรือขั้วโลกใต้ ตลอดทั้งภูเขาน้ำแข็ง ประสานเข้ากับสภาวะฝนตกหนัก 7 วัน 7 คืน

    4. คลื่นพายุซัดฝั่ง (Storm Surges) เกิดจากความแรงของพายุหมุนเขตร้อนที่
    เคลื่อนตัวเข้าหาฝั่ง โดยมีความรุนแรง หากศูนย์กลางพายุมีความเร็วไม่ถึง 63 กม./ชม.เรียกว่า พายุดีเปรสชั่น หากศูนย์กลางมีความเร็ว 63 – 118 กม./ชม. เรียกว่า พายุไซโคลน และถ้าความเร็วสูงสุดใกล้ศูนย์กลางมีความเร็ว 118 กม./ชม. ขึ้นไป เรียกว่า พายุไต้ฝุ่น / เฮอริเคน มีผู้คาดว่า ในปี 2560 จะเกิดพายุใหญ่ทั่วโลกมากกว่า 2,000 ลูก

    5. คลื่นยักษ์สึนามิ (Tzunami) เป็นคลื่นยักษ์ที่ก่อตัวจากแผ่นดินไหวใต้
    มหาสมุทร หรือ การระเบิดของภูเขาไฟใต้มหาสมุทร บางครั้งอาจเกิดจากก้อนอุกกาบาตตกลงในมหาสมุทรก็ได้ หรือแผ่นดินหรือภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ถล่มลงในทะเล ทำให้เกิดคลื่นยักษ์ มีความยาวคลื่นประมาณ 80 – 200 กม. ความสูงของคลื่นโดยเฉลี่ยประมาณ 9 –20 เมตร ความเร็วเคลื่อนตัวได้ถึง 800 กม./ชม. ซึ่งเช้าวันที่ 26 ธันวาคม 2547 บริเวณหัวเกาะสุมาตราอินโดนีเซีย มีแผ่นดินไหวขนาด 9 ริกเตอร์ มีคนตายรวมประมาณ 300,000 คน โดยในประเทศไทยเอง ตายมากกว่า 5,000 คน มีผู้คาดว่า ในปี 2560 น่าจะมีการเสียชีวิตจากสาเหตุนี้รวมกันมากกว่า 20 ล้านคน

    6. วาตภัย (Storms) เป็นภัยธรรมชาติที่เกิดจากพายุลมแรง แบ่งเป็น 2 ชนิด
    คือ เกิดจากพายุฤดูร้อนที่มีความเร็วเกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กับวาตภัยที่เกิดจากพายุหมุนเขตร้อน เช่น ดีเปรสชั่นกำลังอ่อนความเร็วไม่เกิน 63 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีผู้คาดว่า ในปี 2560 จะเกิดพายุ ไต้ฝุ่น/ทอนาโด/เฮอริเคน มีความเร็วมากกว่า 118กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไปในทุกทวีปของโลก และมีมากกว่า 2,000 ลูก

    7. พายุฝนฟ้าคะนอง (Thunder Storm) เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่
    เกิดขึ้นประจำ มักเกิดเป็นพายุลมหมุน หรือ พายุงวงช้าง ซึ่งมีลมรุนแรงมาก ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน โดยมีผู้คาดว่าจะมีเหตุการณ์นี้ในปี 2560 มากกว่าปัจจุบันไม่น้อยกว่า 100 เท่าตัว ฯลฯ

    8. ไฟป่า (Forest Fire) ปกติเกิดจากสาเหตุ 2 ประการ คือ ธรรมชาติกับฝีมือ
    มนุษย์ ไฟป่าธรรมชาติจะเกิดจากฟ้าผ่า หรือการเสียดสีกันของต้นไม้แห้ง ส่วนไฟป่าจาก ฝีมือมนุษย์เกิดจากการตัดไม้ทำลายป่า เผากำจัดวัชพืช เผาไร่ ฯลฯ โดยคาดว่าในปี 2560 จะมีไฟป่าเกิดขึ้นมากกว่า 5,000 ครั้งทั่วโลก

    9. ปัญหาจากสภาวะโลกร้อนเมื่อ 5 ปีก่อน (ปี 2546) คลื่นความร้อนเคลื่อนตัวเข้ายุโรป มีคนตายถึง35,000 คน โดยเฉพาะในประเทศฝรั่งเศส มีคนตายมากที่สุด โดยคาดว่าในปี 2560 จะมีการตายจากคลื่นความร้อนมากกว่า 25 ล้านคน นอกจากนั้น ภาวะโลกร้อน ยังทำให้เกิดพายุบ่อย และมีความรุนแรง เช่น พายุเฮอริเคน พายุใต้ฝุ่น พายุทอนาโด และพายุไซโคลน เป็นต้น

    เมื่อ 3 ปีที่แล้ว (ปี 2548) เฮอริเคนแคทรีน่า พัดถล่ม เมืองนิวออร์ลีนส์ และหลุยเซียน่า ทำให้ชาวอเมริกันตาย 1,836 คน มีความเสียหายประมาณ 2.8 พันล้านล้านบาท โดยคาดว่าในปี 2560 จะมีการตายจากเฮอริเคนมากกว่า 18 ล้านคน

    - ในอดีตญี่ปุ่น จะมีใต้ฝุ่นไม่เกิน 7 ลูก ปัจจุบันมีมากกว่า 10 ลูก จีนเองก็ได้รับผลกระทบจากภัยฝน ต้องอพยพชาวจีนปีละหลายล้านคน โดยคาดว่าในปี 2560จะมีพายุใหญ่ในญี่ปุ่นมากกว่า 50 ลูก

    - ภัยธรรมชาติ ปัจจุบันมีมากกว่าเดิม 10 เท่าตัว และหากสังเกตอย่างละเอียดจะพบโรคอุบัติใหม่ และ เชื้อโรคกลายพันธุ์หลายชนิด ในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา เช่นข้อมูลจากหอ้ งแล็บระบุวา่ ในอดีตเชอื้ ไวรัส กับ เชื้อแบคทีเรีย ไม่ค่อยมีผลร้ายแรงกับมนุษย์มากนัก แต่เมื่ออุณหภูมิโลกค่อยๆ สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เชื้อโรคก็มีพัฒนาการผิดปกติ เช่นกรุงไนโรบี ในเคนยา ที่ไม่เคยมีปัญหาเรื่องยุง เพราะตั้งอยู่ในพื้นที่สูง แต่วันนี้ยุงกลายเป็น

    ปัญหาที่พวกเขาไม่เข้าใจเพราะมีปริมาณมากอย่างผิดปกติ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน
    ไวรัสนิปาห์ เป็นตัวอย่างที่สารคดีเกี่ยวกับโลกร้อนนำมากล่าวถึงหลายครั้ง เพราะเป็นเชื้อโรคที่ถูกค้นพบใหม่ในโลก เมื่อ 9 ปีที่แล้ว เคยระบาดหนักในมาเลเซีย เป็นเชื้อโรคที่ทำให้เกิดโรคสมองอักเสบในหมู จากนั้นก็ติดต่อมายังคน ผู้ป่วยมากกว่า 100 คนตายลึกลับ เพราะหมูติดไวรัสนี้จะมีอัตราการตายเพียงแค่ร้อยละ 5 แต่ถ้ามนุษย์ติดไวรัสนี้ จะเสียชีวิตถึงร้อยละ 40

    10. ทุพภิกขภัย (Droght) หรือภัยแล้ง เป็นสภาพที่ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล

    สำหรับประเทศไทยนั้น ภัยแล้งส่วนใหญ่เกิดจากพายุหมุนเขตร้อน เคลื่อนผ่านน้อยเกินไปหรือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้มีกำลังอ่อน ทำให้สภาวะฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน ปัจจุบันอาจเกิดสภาพที่เรียกว่าปรากฏการณ์ “เอลนีโญ่” (EI Nino Phenomena) หรือปรากฏการณ์ที่ลมสินค้าตะวันออกเฉียงใต้อ่อนกำลังลงไม่สามารถพัดพาความชุ่มชื้นจากฝั่งตะวันออก ของมหาสมุทรแปซิฟิกเข้าสู่หมู่เกาะด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกได้ในอัฟริกา พื้นที่ซึ่งเป็นน้ำลดลงจากเดิม 35 % พืชผลถูกทำลายไปถึง 25 ล้านไร่แมลงศัตรูพืชเพิ่มขึ้น

    สัตว์หลายสายพันธุ์กำลังย้ายถิ่นอย่างสับสน เช่น นกกระเรียน ซึ่งเดิมต้องบินลงใต้ไปยังสเปน หรือโปรตุเกสช่วงฤดูหนาว แต่ปีนี้พวกมันกลับใช้ชีวิตอยู่ในเยอรมนี ซึ่งมีสภาพอากาศหนาวจัด การย้ายถิ่นแบบผิดที่ผิดเวลาย่อมส่งผลให้สัตว์หลายชนิดสูญพันธุ์ เพราะไม่สามารถหาอาหารหรือผสมพันธุ์ได้ โดยคาดว่าในปี 2560 จะมีข่าวนกบินชนอาคารสถานที่ต่าง ๆ ตกมาตายจำนวนมาก

    หากเกิดก่อนปี 2560 ก็แสดงว่ามหันตภัยร้ายแรงอาจเกิดก่อนปี 2560 เพราะกระแสแม่เหล็กโลกแปรปรวนรุนแรงแล้ว จนนกหลงทิศทางในหลายเดือนก่อน มีคุณยายผู้ปฏิบัติธรรมท่านหนึ่ง ได้มอบหนังสือเก่ามาก ๆ เล่มหนึ่ง เป็นหนังสือที่ใช้กระดาษฟางพิมพ์ ซึ่งผู้เขียนเคยเห็นใช้ใน 50 ปีก่อน ในหนังสือเล่มนี้อ้างว่า นำความมาจากหนังสือใบลานเก่า ที่พบในจังหวัดอัตตะบือ ประเทศลาว โดยมีพระธุดงค์นำมาถ่ายทอดโดยสรุป คือ

    1. ในปีจอ (2561) กรุงเทพฯ จะหมดสภาพเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย

    2. พระคาถาป้องกันภยันตรายในใบลาน จารึกให้นำไปท่องว่า “ปะโต เมตัง
    ปะระชีวินัง สุคะโต จุติ จิตตะ เมตตะ นินะนัง สุคะติ จุติ” โดยท่านแนะให้นำไปเขียนลงแผ่นผ้าก็ได้ แล้วนำไปปิดที่ประตูบ้าน หรือปิดในรถยนต์ ยามเกิดเหตุการณ์คับขันจะช่วยให้รอดชีวิตพ้นจากภยันตรายได้ มหันตภัยร้ายแรง ท่านว่าจะมี 10 ประการ ได้แก่

    1. วาตภัย (ลมพายุ)
    2. ธรณีพิบัติภัย (แผ่นดินไหว) ภูเขาไฟระเบิด

    3. อัคคีภัย (ไฟไหม้)
    4. อุทกภัย (น้ำท่วม
    )
    5. ฟ้าผ่าดังลั่นสะเทือนแก้วหู
    6. อากาศร้อนมากเกินไป หนาวมากเกินไป
    7. สารพิษแพร่กระจายทุกแห่งหน
    8. เกิดโรคระบาดต่างๆ
    9. เกิดข้าวยาก – หมากแพง
    10. เกิดการอาฆาตพยาบาทจองเวร ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในหลายชนชาติ

    3. ถ้าเข้าถึงปีกุน (2562) ไปแล้ว ทุกคนจะได้รับความสุขกาย - สุขใจ เคร่งครัด
    ในการรักษาศีล 5 มาก โดยช่วงนั้นจะมีประชากรลดลงมาก แต่ประเทศไทย จะมีประชากรเหลือมากหน่อย คือ มีเหลือรอดถึง 30 % หรือเหลือประมาณ 18 ล้านคนขณะที่ประเทศอื่น ๆ จะมีชีวิตรอดอยู่เพียง 10 % เท่านั้น

    4. เหตุการณ์ร้ายตามท้องถนน จะรุนแรงมาก ตั้งแต่ เดือน 7 ของปีระกา (ปี
    2560) และในเดือน 9 – 10 ของปีจอ (ปี 2561) คนใจบาปจะถูกล้างผลาญหมด สภาพสังคมโดยทั่วไป มีบ้านแต่ไม่มีคนอยู่ มีข้าวแต่ไม่มีคนกิน มีทางแต่ไม่มีคนเดิน

    5. ที่ศิลาจารึกในมหาวิหารเชตวัน ณ สวนมฤคทายวัน ได้กล่าวถึงมหันตภัยใน
    อนาคต สิ่งที่คนทั้งหลาย ไม่เคยเจอะก็จะได้เจอ ไม่เคยพบก็จะได้พบ ยักษ์หินที่ถูกสาปกลับตื่นขึ้นมาอาละวาด จะมีการรบราฆ่าฟันกันนองเลือด แผ่นดินจะมีไฟลุกโชติช่วง แต่ละฝ่ายตายไปฝ่ายละครึ่งจึงจะเลิกรา ที่เลิกราก็เพราะต่างหมดกำลังลง ผู้ที่สร้างสมกุศลผลบุญ มีสติอยู่เสมอ ก็จะรอดอยู่ได้ ทั้งนี้ไฟจะมาจากทางทิศตะวันออก ไฟไหม้บ้านเรือน และวัดวาอาราม สมณะชีพราหมณ์ ก็จะต้องอดหยาก ลูกไฟจะตกจากฟ้า (น่าจะเป็นอุกกาบาต) ข้าวสารจะขาดแคลน ทุพภิกขภัยจะมีไปทั่ว ครุฑจะบินกลับฐาน (เงินบาทจะด้อยค่า) ในช่วงนี้ ให้ภาวนาว่า “ชา ตะ มะ สะ ละ วา” เขียนใส่กระดาษ ใส่ผ้าขาว ติดตัวติดบ้าน ติดหัวนอน จะทำให้รอดจากพญามัจจุราชได้มากขึ้น

    6. ผู้ที่ต้องการได้พบผู้มีบุญระดับพระโพธิสัตว์ ซึ่งจะเป็นพระศรีอารย์ในอนาคต
    คัมภีร์ในใบลานแนะนำให้หมั่นภาวนาว่า “นะ สัจ จัง ทะ คะ ยัง สะ สัม คำ ปัง”โดยจะเริ่มพบเห็นผู้มีบุญระดับพระโพธิสัตว์ได้ ตั้งแต่ปีระกา (ปี 2560) เดือน 11 แรม 4 ค่ำ ทั้งนี้ ผู้ที่จะได้พบผู้มีบุญระดับพระโพธิสัตว์ดังกล่าว “จะต้องหมั่นฝึกภาวนา หมั่นรักษาศีล 5 ให้ครบถ้วนเป็นประจำ ก็จะสมปรารถนาได้

    7. สัญญาณเตือนภยันตราย จะเกิดชัดเจนครั้งแรกในปีมะเส็ง (2556) ตลิ่งริมฝั่งน้ำจะพัง ทะเลและมหาสมุทรจะบ้าคลั่ง (ให้ติดตามเหตุการณ์ดูในอีกประมาณ 5 ปีข้างหน้าเท่านั้น ผู้ใดพบเห็นก่อน กรุณาส่งข่าวให้ข้าพเจ้า (นายมงคลฯ) ได้ทราบด้วย) หากเข้าสู่สถานการณ์นั้นๆ คัมภีร์ใบลานแนะให้ท่องว่า “สะโรนะ
    กา โททายะโม พุทธะตะยะ” จะลดภยันตรายลงได้กึ่งหนึ่ง

    8. โลกของเรากำลังเข้าสู่กลียุค จะมีปัญหาทั้งภัยธรรมชาติ จากดิน น้ำ ลม ไฟ
    และเกิดจากน้ำมือมนุษย์ในการแย่งชิงผลประโยชน์ แย่งชิงความเป็นใหญ่ในทางการเมืองความละอายใจในการทำความชั่ว และความเกรงกลัวต่อบาป จะไม่มีให้เห็นโดยง่าย มีแตฉากบังหน้าเท่านั้น มีการช่วงชิงอำนาจอย่างไร้ยางอาย การทำสงครามระหว่างประเทศจะมากขึ้น รวมทั้งใช้อาวุธ จะมีการนำมาใช้ในทุกรูปแบบทำลายล้างซึ่งกันและกัน

    9. ประเทศไทย ก็ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติเช่นเดียวกัน โดยในปี 2556
    จังหวัดชายทะเล และกทม. จะมีแผ่นดินยุบตัว คลื่นน้ำจะพัดเข้าชายฝั่ง คลื่นน้ำ

    อาจมีความสูงถึง 10 เมตร (สูงมากกว่าตึก 3 ชั้น) (ให้ติดตามเหตุการณ์ดูในอีก
    ประมาณ 5 ปีข้างหน้าเท่านั้น ผู้ใดพบเห็นก่อน กรุณาส่งข่าวให้ข้าพเจ้า(นายมงคลฯ) ได้ทราบด้วย แต่ข้าพเจ้า (นายมงคลฯ) ณ ขณะนี้ ยังเชื่อว่าน่าจะเป็นปี 2560 มากกว่าปี 2556) ผู้ที่อยู่ริมน้ำทั้งหมดจะล้มตายจำนวนมาก โดยจะมีภัยพิบัติเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไปถึงปี 2560

    ในที่สุดประชากรไทย จาก 65 ล้านคน จะเหลือเพียง 18 ล้านคนในปี 2561 (แต่ข้าพเจ้า (นายมงคลฯ) ณ ขณะนี้ ยังเชื่อว่าน่าจะเหลือถึง 55 ล้านคน ไม่น่าที่จะเหลือเพียง 18 ล้านคน แต่ก็ไม่มีสิ่งยืนยันเช่นเดียวกัน เพียงแต่คิดว่า การตายของคนไทยจำนวน 10 ล้านคนนั้นน่าจะมากพอ ซึ่งตัวเลขจริงๆเป็นจำนวนเท่าไรนั้น ไม่ทราบจริงๆ เพียงแต่รู้สึกว่าซากศพเกลื่อนกลาดเท่านั้น จึงประมาณการในจำนวนดังกล่าว ขอท่านที่มีอภิญญาสูงช่วยให้ความกระจ่างด้วยครับ ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงนี้ อาจเกิดขึ้นจริง หรือไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ แต่พวกเราก็ไม่ควรดำเนินชีวิตด้วยความประมาท อย่างน้อยที่สุดก็ขอให้ท่านจัดสรรเวลาวันละเล็กวันละน้อย ฝึกความมีสติ และความมีสัมปชัญญะ เพิ่มการรักษาศีล และรู้จักให้ทานมากขึ้นด้วยครับ เพราะสิ่งที่ท่านให้แก่ผู้อื่น สงเคราะห์เกื้อกูลผู้อื่น มีความเมตตาผู้อื่นสัตว์อื่น หรือ ปรารถนาให้ผู้อื่นสัตว์อื่นมีความสุขในปัจจุบัน มีความกรุณาต่อผู้อื่น สัตว์อื่น หรือ มีจิตปรารถนาให้ผู้อื่น สัตว์อื่นที่มีความทุกข์ ได้พ้นจากทุกข์ในปัจจุบัน สิ่งเหล่านี้ จะเป็นพลังกุศลผลบุญสนองตอบแก่ท่านในช่วงที่โลกเข้าสู่วิกฤติ อันจะมีผลให้ท่านมีความสุขได้ในทุกสถานการณ์ และพ้นทุกข์ได้โดยเร็วพลัน เป็นการลงทุนสร้างความงามความดีในปัจจุบัน ขณะที่เราสามารถกระทำได้โดยไม่เดือดร้อน ก็ขอให้ท่านรู้จักใช้โอกาสอันดีดังกล่าวด้วย หากประมาท ท่านอาจสูญเสียโอกาสที่ดีดังกล่าวตลอดไปก็ได้

    สำหรับท่านที่ได้เคยชมรายการโลกสวยด้วยมือเรา ในวันเสาร์ที่ 7 เดือน 7 ปี 2007หรือในวันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม 2550 ที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 7 ในเวลา 20.47 น. ซึ่งในรายการครั้งนี้นั้น ศาสตราจารย์ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ได้พูดคุย กับ คุณสัญญา คุณากรพิธีกรในรายการดังกล่าวว่า

    จำได้ไหม เมื่อ 2 ปีก่อน ผมเคยพูดในรายการของคุณสัญญาฯ ว่า ภายใน 12 ปีข้างหน้า จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก ซึ่งผ่านมาแล้ว 2 ปี ก็เหลืออีกเพียง 10 ปี (วันที่พูด คือ วันที่ 7 สิงหาคม 2550 อีก 10 ปีก็น่าจะเป็น ปี 2560 ) ศ.ดร.อาจองฯ ได้พูดว่า ผมก็ขอยืนยันสิ่งที่ได้เคยบอกกล่าวให้คุณสัญญาฯ ทราบแล้วนั้น ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นั่นคือ จะมีเหตุการณ์ที่เป็นภยันตรายร้ายแรงเกิดขึ้น เพียงแต่เกรงว่า ระยะเวลาอาจร่นลงมาเหลือเพียง 7 ปี (ก็น่าจะหมายถึงปี 2557)

    ส่วนปีที่ 10 นับจากนี้ไป ก็อาจจะเป็นปีที่มีความสงบสุข ปีที่มีแต่ความสมานฉันท์ ปีที่เลิกทะเลาะกันแล้ว เพราะผู้คนในช่วงนั้น เหลืออยู่น้อยมาก ไม่มีเวลาที่จะทะเลาะกันแล้ว แต่ต้องอยู่ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันก็ได้”

    - ที่ ศ.ดร.อาจองฯ กล่าวเช่นนั้น ศ.ดร.อาจองฯ ขยายความให้ฟังว่า “จากปัญหา
    โลกร้อน ปริมาณน้ำแข็งมีการละลายมากขึ้น และในที่สุดก็ไหลลงทะเล และมหาสมุทร ซึ่งพื้นที่ทะเล และ มหาสมุทรแม้จะมีมากกว่าส่วนที่เป็นพื้นดิน แต่เผอิญ น้ำทะเลทั้งหมดมิได้มีปริมาณที่เท่ากันทั้งโลก แต่ไปถ่วงด้านหนึ่งมากขึ้น โลกอีกด้านหนึ่งมีน้อยกว่า เมื่อน้ำทะเลไปถ่วงด้านหนึ่งมากขึ้น ก็เกิดสภาวะไม่สมดุล เป็นเหตุให้โลกแกว่งตัวผิดปกติ มีผลทำให้ เกิดการเคลื่อนไหวของแผ่นเปลือกโลก แผ่นเปลือกโลกปรับตัวครั้งใด ก็จะเกิดแผ่นดินไหวในครั้งนั้น ๆ แผ่นเปลือกโลกจะมีรอยร้าวมากขึ้น ขอให้ทุกท่านสังเกตเหตุการณ์ของการเกิดแผ่นดินไหว ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีปริมาณมากขึ้น และถี่ขึ้นในทุกพื้นที่ของโลก รวมทั้งกระทบมาสู่ประเทศไทย ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในลักษณะที่ถี่มากขึ้นเช่นนี้ (ในช่วงต้นปี 2550 ผู้พูดและเขียนเรื่องนี้ ขอเรียนว่า หากจำไม่ผิดมีการเกิดแผ่นดินไหวแถวแม่ริม จ.เชียงใหม่ ประมาณ 60 ครั้ง ) การเปลี่ยนแปลงของโลกครั้งนี้ อาส่งผลกระทบให้แกนขั้วโลกมีการเปลี่ยนแปลง หากขั้วแม่เหล็กโลกมีการเปลี่ยนแปลงกระทันหันหายนะครั้งใหญ่ของโลกจะเกิดขึ้นอย่างกระทันหันได้เช่นกัน (น่าจะเกิดสภาวะการเปลี่ยนแปลงที่กระทันหัน เกินความคาดคิดของนักวิทยาศาสตร์กายภาพ ศ.ดร.อาจองฯ เป็นนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลก เป็นผู้ได้รับการประกาศเกียรติคุณในหอเกียรติยศขององค์การนาซ่าว่า เป็นนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นชั้นนำของโลกคนสำคัญคนหนึ่ง ศ.ดร.อาจองฯ นอกจากการเป็นนักวิทยาศาสตร์กายภาพแล้ว ก็เป็นนักวิทยาศาสตร์ทางจิตด้วย -ผู้พูดและเขียนเรื่องนี้ )

    ก่อนหน้านี้ ประมาณ 1 สัปดาห์ เผอิญผู้พูดและเขียนเรื่องนี้ ได้ดูรายการ
    โทรทัศน์ ที่คุณสัญญา คุณากร สนทนากับ ดร.สมิทธิ ธรรมสโรช อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา

    - สิ่งที่ได้เห็นในรายการโทรทัศน์ คือ ภาพแผนที่ประเทศไทย ที่ ดร.สมิทธิ์ฯ แจ้งว่า เป็นผู้ระบายสีด้วยตัวเอง ถึงพื้นที่น้ำท่วมถาวร ในช่วง 10 ปีข้างหน้า ถ้าทุกคนในโลกใบนี้ ไม่ตระหนักปัญหาโลกร้อน ไม่ตั้งใจที่จะช่วยลดปริมาณ การเพิ่มปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในชั้นบรรยากาศของโลก ทุกคนยังคงเห็นแก่ตัว เป็นนักบริโภคนิยม ไม่มีการเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตประจำวัน ก็เป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้ นั่นคือ พื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม กรุงเทพมหานคร นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี นนทบุรี ปทุมธานี อยุธยา สระบุรี ชลบุรี และฉะเชิงเทรา (ประมาณการด้วยสายตาว่ามีจังหวัดใดบ้างตามแผนที่ ที่ ดร.สมิทธิ ธรรมสโรช ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันภัยพิบัติแห่งชาติ แสดงให้ดูทางโทรทัศน์ ช่อง 7 ซึ่งก็น่าจะเป็นพื้นที่ที่จมน้ำถาวร หรือเป็นพื้นที่ทะเลในอนาคต)

    - สำหรับจังหวัดต่างๆ ริมทะเลทุกจังหวัดของประเทศไทย จะเป็นพื้นที่น้ำท่วม

    ชั่วคราว ช่วงน้ำทะเลขึ้น ก็จะท่วม น้ำทะเลลด ก็จะไม่ท่วม ที่ไม่ท่วมเลยนั้นไม่มี ทั้งนี้เพราะปัจจุบันปริมาณน้ำในทะเลมีมากกว่าอดีตนั่นเอง นั่นคือ จะเป็นปรากฏการณ์ปกติที่จะได้เห็นในช่วง 9 ปีข้างหน้า ถ้าทุกอย่างดำเนินการเหมือนปกติเช่นทุกวันนี้ สำหรับนักวิทยาศาสตร์ยุคปัจจุบัน เช่น ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยาได้แสดงความเห็นในรายการ “โลกสวยด้วยมือเรา” ในวันดังกล่าวว่า

    - ปัจจุบันนี้ กระแสน้ำร้อน น้ำเย็น ของโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก

    - ปรากฏว่าในประเทศไทย มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เช่น มีพายุเข้ามาทาง
    อ่าวไทยมากขึ้น ความแห้งแล้งมีมากขึ้น บางพื้นที่มีฝนตกมากจนน้ำท่วม บางพื้นที่มีทั้งแห้งแล้ง และน้ำท่วม ในปีเดียวกัน มีแผ่นดินถล่ม โคลนถล่มมากขึ้น ถี่ขึ้น ในอดีต ฝนตกหนัก จะเห็น 1,000 ปีสักครั้ง แต่จากนี้ไป จะเห็นทุกๆ 3 ปี ที่มีฝนตกหนักมาก ทำให้เกิดอุทกภัย และโคลนถล่ม เป็นภัยร้ายแรงที่ต้องระวังมากขึ้น

    - ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ลอยไปสู่ชั้นบรรยากาศของโลก จะฝังตัว
    บริเวณนั้นเป็นเวลานานมาก ถือเป็นหายนะของมนุษยชาติในอนาคต ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ได้ชี้ให้เห็นว่า ปัจจุบันมีสัญญาณเตือนถึงภัยพิบัติทางทะเลให้เห็นหลายประการเช่น ปะการังมีการตายมากอย่างผิดสังเกต น้ำทะเลกัดเซาะชายตลิ่งมากขึ้น ในปัจจุบันบางพื้นที่ บางส่วนของ จ.สมุทรปราการ บางส่วนของเขตบางขุนเทียน ใน กทม.พื้นดินถูกกลืนหาย กลายเป็นบริเวณน้ำทะเลถาวร

    - มีพายุขึ้นฝั่งมากขึ้น คลื่นลมแรงมากขึ้น มีอุทกภัยมากขึ้น

    - โลกก็มีชีวิต มีการเคลื่อนไหว เมื่อมนุษย์มีการกระทำที่เป็นการทำลายธรรมชาติบนโลก โลกก็จะมีการโต้ตอบ ซึ่งจะทำให้เกิดอาการตายทั้งเป็น เพราะความวิบัตินี้จะมีผลถึงลูกหลานของเรา

    - เมื่อเดือนมิถุนายน 2550 มีแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ขั้วโลกใต้แตกลงมา ซึ่ง
    เป็นแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ เท่ากับมลรัฐแคลิฟอเนียร์ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนถึง ปัญหาอุณหภูมิของโลกได้ร้อนเพิ่มมากขึ้น

    - ตำราต่าง ๆ ทางวิทยาศาสตร์ ที่เคยอธิบายปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่
    สามารถพยากรณ์เหตุการณ์เช่นเดิมได้อีก สิ่งที่ปู่ย่าตายาย เคยบอกเล่าให้ฟังไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เดิม เป็นความรู้ที่ไม่ถูกต้องมีมากขึ้น ในช่วงนี้ มีสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์สาขาต่าง ๆ ต้องเรียนรู้ปรากฏการณ์ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอีกมาก จะประมาทกับปรากฏการณ์ต่าง ๆ มิได้ ยุคความหรรษากำลังจะหมดไป (ยุคหฤโหดกำลังจะเข้ามาแทนที่- ผู้พูดและเขียนเรื่องนี้ )

    รศ.ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล ภาคธรณีวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    ให้ความจริงว่า ปัจจุบันบริเวณอ่าวไทยตอนบน น้ำทะเลท่วมลึกเข้ามาในผืน
    แผ่นดิน ปีละ 2 – 4 เมตร และท่วมลึกเข้ามาในแผ่นดินเรื่อย ๆ

    - บริเวณแถวหมู่บ้านคลองด่าน และหมู่บ้านขุนสมุทรจีน จ.สมุทรปราการ และ
    พื้นที่ริมทะเลของไทยในหลายพื้นที่ พื้นดินหายไปในทะเลมากกว่า 180,000 ไร่แล้ว วัดขุนสมุทรจีนซึ่งปัจจุบันอยู่ในทะเล ห่างจากฝ่งั ประมาณ 1 กโิ ลเมตร ทั้ง ๆ ทเี่ ดิมนั้น วัดขุนสมุทรจีน อยู่บนพื้นดินไม่มีน้ำล้อมรอบ แต่ปัจจุบันล้อมรอบไปด้วยน้ำทะเลแล้ว และทรุดตัวลงจากพื้นดินไปมาก

    - หมู่บ้านขุนสมุทรจีน ค่อย ๆ จมหายไปในน้ำทะเล ทั้ง ๆ ที่พื้นดินบริเวณนี้มี
    โฉนดที่ดิน แต่ไม่มีโอกาสเห็นพื้นดินอีกแล้ว สะพานของกรมโยธาธิการที่เหลืออยู่ ปรากฏว่าไม่มีหมู่บ้านรองรับ แต่เป็นสะพานที่วิ่งลงไปในทะเล เสาไฟฟ้าอยู่ในทะเล โรงเรียนอยู่ในทะเล แต่อยู่ไกลออกไป โดยไม่เห็นสภาพโรงเรียนอีกต่อไป เพราะจมหายมิดทั้งโรงเรียน สิ่งเหล่านี้ คือ ภาพที่รายการ “โลกสวยด้วยมือเรา” ถ่ายมาออกอากาศที่ช่อง 7 เมื่อวันเสาร์ที่ 7 เดือน 7 ปี 2007 ที่ผ่านมา

    ผู้ว่าการกรุงเทพมหานคร (นายอภิรักษ์ฯ) ได้ให้ข้อมูลในรายการ “โลกสวยด้วยมือเรา” ในวันเดียวกันว่า ณ ปัจจุบันบริเวณชายทะเลบางขุนเทียน มีน้ำทะเล รุกล้ำเข้ามาในบริเวณซึ่งเป็นที่ดินถึงปีละ 5 เมตร และคงสภาพท่วมถาวรในสภาพเช่นนั้น

    - เดิม ไข้เลือดออก จะมีการระบาด 2 – 3 ปีต่อครั้ง แต่ปัจจุบันมีการระบาด
    ของโรคไข้เลือดออกทุกปี

    2
    ปีที่ผ่านมานี้ มีปริมาณน้ำท่วมมากขึ้น ฝนตกมากขึ้น พายุแรงมากขึ้น (และในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคม 2550 ก็ปรากฏว่ามีไฟป่าเผาผลาญถึง 7 มลรัฐในสหรัฐอเมริกา เช่น ที่ยูท่าห์ ไฟป่าทำลายป่าไม้ไปมากกว่า 700,000 ไร่ ในประเทศจีนก็มีอุทกภัยใหญ่ใน 7 มณฑล บ้านเรือนถูกทำลายมากกว่า 270,000 หลัง เป็นต้น เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนฯ ให้ทราบถึงมหันตภัยในอนาคต

    - หากไม่มีการเกิดระเบิดของภูเขาไฟครั้งใหญ่ หรือไม่มีอุกกาบาตใหญ่มาชนโลกจนเกิดฝุ่นปกคลุมบรรยากาศโลก โลกก็จะเพิ่มความร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

    - แต่ ถ้ามีการเกิดระเบิดของภูเขาไฟครั้งใหญ่ หรือมีอุกกาบาตใหญ่วิ่งมาชนโลกย่อมทำให้เกิดฝุ่นปกคลุมบรรยากาศของโลก ทำให้แดดส่องลงมาไม่ถึงพื้นผิวโลก พื้นที่ส่วนนั้น ๆ ก็จะกลับกลายเป็นยุคน้ำแข็งได้ นั่นคือ โลกของเราจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่ในที่สุด สิ่งที่แน่นอนที่สุด คือ ความไม่แน่นอน

    -ให้ระวังสักนิด ประเทศไทย จะได้พบกับ “สึนามิ” อีกครั้ง แต่สึนามิครั้งนี้จะมีความใหญ่มากกว่า เหตุการณ์เมื่อ 26 ธันวาคม 2547 เพียงแต่จะเกิดเมื่อไรไม่มีผู้ใดทราบแน่ชัด แต่ภาพนิมิต “สึนามิ” ในอนาคตในประเทศไทยมีหลายท่านได้เห็นแล้ว แต่ช่วงเวลายังไม่ยืนยัน น่าจะอยู่ระหว่างปี 2557 – 2560

    จากรายงานขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) หลายฉบับได้กล่าวถึงหายนะจากสภาพภูมิอากาศเลวร้ายจากสภาวะโลกร้อน อาจจะส่งผลกระทบต่อประชากรโลก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนารวมทั้งประเทศยากจนด้วย
    รายงานฉบับล่าสุดระบุว่า สภาวะโลกร้อนกำลังทำให้พื้นที่ทะเลทรายแผ่ขยาย
    อาณาเขตอย่างรวดเร็ว ทำให้ประชากรโลกนับพันล้านคนได้รับความเดือดร้อนจากการแผ่ขยายพื้นที่ทะเลทรายทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยพื้นที่ 70 % จาก 1.3 หมื่นล้านเอเคอร์ของโลก (1 เอเคอร์เท่ากับ 2.5 ไร่) ที่เป็นพื้นที่เกษตรกรรมจะกลายเป็นทะเลทรายหรือแผ่นดินที่แห้งแล้ง ได้แก่ พื้นที่ 1 ใน 3 ของเอเซีย เช่น จีน อินเดีย ปากีสถาน เอเซียกลาง และตะวันออกกลาง ในกรณีไม่มีมหันตภัย ภายใต้เกณฑ์ปกติในปี 2568 หรืออีก 18 ปีข้างหน้าเท่านั้นเองส่วนพื้นที่ 2 ใน 3 ของทวีปแอฟริกา ได้แก่ อาร์เจนตินา บราซิล และชิลี จะผจญวิกฤติจากพื้นที่ทะเลทรายก่อนประเทศอื่น ๆ ทำให้ประชากรโลก 80 – 200 ล้านคนจะอดอยากหิวโหย เกิดการอพยพครั้งใหญ่จากแถบซาฮีเลียนไปชายฝั่งแอฟริกา ฝั่งตะวันตกและยุโรป เม็กซิโกไปยังสหรัฐอเมริกา

    เหตุการณ์คลื่นความร้อนเป็นอีกปรากฏการณ์หนึ่งของสภาวะโลกร้อน หลายเมืองในสหรัฐอเมริกามีอุณหภูมิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และในปี พ.ศ. 2550 หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียกำลังเผชิญหน้ากับภัยแล้ง คลื่นความร้อน คร่าชีวิตประชากรประเทศยากจนนับร้อยรายแล้ว

    ปากีสถาน : กำลังเผชิญกับคลื่นความร้อนที่คร่าชีวิตประชาชนไปถึง 110 คน
    โดยเฉพาะเมื่อวันที่มีอุณหภูมิสูงที่สุดวัดได้ 52 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นสถิติสูงที่สุดในรอบ 78 ปี ที่บันทึกไว้ที่เมืองละฮอร์ จ.ปัญจาบ มีผู้เสียชีวิตในวันนั้นถึง 63 คน จากคลื่นความร้อนที่แผ่ปกคลุมพื้นที่อินเดีย : คลื่นความร้อนได้แผ่ปกคลุมทางภาคเหนือและภาคกลางของอินเดียตั้งแต่เริ่มต้นฤดูร้อน ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพราะทนสภาพอากาศร้อนไม่ไหวไปแล้ว 137 คน โดยเฉพาะรัฐอุตตระประเทศ ซึ่งเป็นรัฐยากจนสุด ทางเหนือของอินเดียได้รับผลกระทบมากที่สุด นับตั้งแต่กลางเดือนเมษายน 2550 เป็นต้นมา

    จากตัวเลขของกาชาดและสภาเสี้ยววงเตือนแดง เมื่อปี พ.ศ. 2543 ระบุว่า มีผู้
    อพยพประมาณ 25 ล้านคนที่ทิ้งที่อยู่อาศัย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อสิ้นสุดปี พ.ศ. 2553 และอาจทวีจำนวนมากขึ้นจนอาจถึงปีละ 200 ล้านคนในที่สุด ทั่วโลกกำลังได้รับสัญญาณเตือนภัยจากสภาวะโลกร้อนทั่วทุกหย่อมหญ้า เพราะทุกพื้นที่ทั่วโลกกำลังเผชิญต่อความวิปริตแปรปรวนของสภาพดิน ฟ้า อากาศ อันเป็นผลพวงจากสภาวะโลกร้อน ทำให้ประชากรโลกต้องเผชิญต่อความไม่แน่นอนของธรรมชาติบางพื้นที่มีฝนตกหนัก เกิดน้ำท่วมฉับพลัน แต่บางพื้นที่กลับต้องทุกข์ทนจากความแห้งแล้ง ขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม และอาจนำไปสู่ปัญหาโรคระบาดคร่าชีวิตประชากรโลกในที่สุด

    นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสภาวะโลกร้อนจะทำให้ “น้ำแข็งทั่วโลกละลาย” ซึ่งจะสร้างผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อมวลมนุษยชาติ องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (นาซ่า) ที่ติดตามความเปลี่ยนแปลงของธารน้ำแข็ง Gangotri บนยอดเขาหิมาลัย พบว่าธารน้ำแข็งหดสั้นราว 4 กิโลเมตร การที่ธารน้ำแข็งบนยอดเขาหิมาลัยละลาย ย่อมส่งผลกระทบต่อแม่น้ำสายสำคัญๆ ที่หล่อเลี้ยงคนทั่วทั้งเอเซีย รายงานล่าสุดพบว่า ธารน้ำแข็งบนที่ราบสูงทิเบตกำลังละลายลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน โดยบริเวณที่ราบสูงทิเบตนั้น เป็นบาโรมิเตอร์ที่อ่อนไหวในการวัดสภาวะบรรยากาศโลก แต่ขณะนี้น้ำแข็งบนภูเขาแดนหลังคาโลกแห่งนี้ ละลายในอัตราเฉลี่ย 131.4 ตารางกิโลเมตรต่อปี ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา

    ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรมจากสภาวะโลกร้อนที่มนุษย์สัมผัสได้ ยังมีความหายนะที่มนุษย์มองไม่เห็นและกำลังเผชิญหน้ากับมันอยู่นั่นคือโรคระบาด! กลุ่มโรคระบาดที่เห็นเด่นชัดที่สุดว่ามีปัจจัยจากสภาวะโลกร้อนขณะนี้ คือ กลุ่มโรคที่มียุงเป็นพาหะ เช่น โรคไข้เลือดออก โรคมาลาเรีย โรคเท้าช้าง และโรคไข้สมองอักเสบ เป็นตันไข้สมองอักเสบ : เชื้อเวสต์ไนล์ไวรัส มีนก ยุง เป็นพาหะ พบระบาดครั้งแรกที่ประเทศอูกันดา และแพร่กระจายไปทั่วโลก เชื้อไวรัสแจแปนิส เอนเซฟาไลติส มียุงรำคาญ นกหนู เป็นพาหะ ส่วนใหญ่ผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 50 ปี จะมีอาการรุนแรงและเสียชีวิต โรคเท้าช้าง : พยาธิตัวกลมขนาดเล็ก มียุงเสือ ยุงลายป่า เป็นพาหะ ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อประมาณ 120 ล้านคน และมีความพิการประมาณ 40 ล้านคน ผู้ป่วย 1 ใน 3 อยู่ในประเทศอินเดีย

    มาลาเรีย : เชื้อพลาสโมเดียม ฟาลซิฟารัม มียุงก้นปล่องเป็นพาหะ องค์การ
    อนามัยโลกรายงานว่า ทุกปีประชากรโลก 400 ล้านคน ป่วยด้วยโรคนี้ ส่วนอีก 2 ล้านคนเสียชีวิต

    ไข้เลือดออก : เกิดเชื้อไวรัสเดงกี มียุงลายเป็นพาหะ ประชากรโลกจะติดเชื้อ
    ไข้เลือดออกชนิดนี้ปีละประมาณ 50 ล้านคน เสียชีวิตร้อยละ 2.5 “การที่อุณหภูมิโลกสูงขึ้นนั้นทำให้อัตราการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกเพิ่มสูงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยมีการแพร่ระบาดไปทุกทิศทุกทางจากเส้นศูนย์สูตร”สำหรับสถานการณ์ไข้เลือดออกของประเทศไทย โดยคาดว่าในปี 2560 น่าจะมีผู้ป่วยประมาณ 3 ล้านคน ในจำนวนนี้ผู้ป่วย 40 % อยู่ภาคกลาง รองลงมาเป็นภาคใต้

    ไข้หวัดนก : เชื้อไวรัสเอช 5 เอ็น 1 นก เป็ด ไก่ เป็นพาหะ พบระบาดครั้งแรก
    เรียกว่าไข้หวัดใหญ่สเปน ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2500 – 2501 เรียกว่าไข้หวัดใหญ่เอเชีย และครั้งที่ 3 พ.ศ. 2511 เรียกว่าไข้หวัดใหญ่ฮ่องกง โดยคาดว่าในปี 2560 น่าจะมีผู้ป่วยและเสียชีวิตทั่วโลกเป็นจำนวนหลายล้านคน

    รายงานล่าสุดขององค์การอนามัยโลกให้จับตาโรคภูมิแพ้ และโรคหัวใจที่กำลังมีความรุนแรงในภูมิภาคยุโรป... “เบตตินา เมนน์” เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกประจำภาคพื้นยุโรป ระบุว่า โรคระบบทางเดินหายใจและโรคหัวใจจะยิ่งรุนแรงขึ้น อันเป็นผลจากคลื่นความร้อนและอนุภาคในอากาศ เช่น ฝุ่น มีมากขึ้น ขณะเดียวกัน ฤดูละอองเกสรฟุ้งกระจายและก่อภูมิแพ้จะมาเร็วขึ้น และกินเวลานานขึ้น เช่นเดียวกับที่โรคท้องร่วง และมาลาเรีย ระบาดหนักในโลกกำลังพัฒนา! ข้อมูลจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ระบุว่า ประเทศไทยมี 23 จังหวัด 136 อำเภอ ที่มีพื้นที่ติดชายทะเล และเกิดปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งในระดับที่ต่างกัน โดยเฉพาะพื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยตอนบน 5 จังหวัดคือ ฉะเชิงเทรา
    สมุทรปราการ กรุงเทพฯ สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม มีการกัดเซาะชายฝั่งอย่างรุนแรงทำให้พื้นที่อยู่อาศัยหายไปมากกว่า 20 เมตรต่อปี

    ด้านสำนักงานบรรยากาศและมหาสมุทรแห่งชาติของสหรัฐ (NOAA) ออกรายงานเตือนสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน จากสภาวะโลกร้อนเช่นกันว่า ฤดูหนาวในแถบซีกโลกทางเหนืออยู่ในภาวะที่อุ่นที่สุดอย่างไม่เคยมีมาก่อนในรอบ 128 ปี และปรากฏการณ์เอลนีโญ่ทำให้อากาศช่วงฤดูหนาวของซีกโลกทางเหนืออบอุ่นโดยไม่มีเหตุผลอีกด้วย นอกจากภัยแล้ง คลื่นความร้อน ที่คร่าชีวิตประชากรโลกแล้ว ยังมีภัยพิบัติจากน้ำท่วม พายุ ซึ่งเป็นผลพวงจากสภาวะโลกร้อน กำลังคุกคามมนุษย์โลกโดยอาจจะรับมือไม่ทันอีกด้วย

    “...เมืองใหญ่ทั่วโลกเกือบ 2 ใน 3 จะมีความเสี่ยงจมอยู่ใต้น้ำเนื่องจากภาวะโลกร้อน และระดับน้ำทะเลสูงขึ้น...” ผลการศึกษาที่เผยแพร่ในวารสารเอ็นไวรอนเมนต์ แอนด์เออร์เบินไนเซชั่น ระบุเอาไว้ว่า มีประชากร 634 ล้านคน อาศัยในพื้นที่เสี่ยงที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลไม่ถึง 10 เมตร และจำนวนประชากรในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมในอนาคตยังเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก และกว่า 180 ประเทศที่มีประชากรอาศัยในบริเวณที่ราบต่ำแถบชายฝั่ง พบว่าเกือบ 70 % ของประเทศเหล่านี้ มีเมืองใหญ่ขนาดประชากรมากกว่า 5ล้านคน ขยายพื้นที่ลงไปยังชายฝั่ง เช่น โตเกียวของญี่ปุ่น นิวยอร์กในสหรัฐ มุมไบของอินเดีย เซี่ยงไฮ้ในจีน จาการ์ตาของอินโดนีเซีย และธากาของบังกลาเทศ โดยเฉพาะเอเซียเป็นภูมิภาคที่มีความเสี่ยงอย่างมาก ประชากรเกือบ 75 % ของผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงทั่วโลกอยู่ในเอเซีย

    ส่วนประเทศที่มีจำนวนประชากรอาศัยในพื้นที่เสี่ยงแถวชายฝั่งมากที่สุด ได้แก่ จีนอินเดีย บังกลาเทศ เวียตนาม และอินโดนีเซีย จากสถิติยังพบว่าเกือบ 1 ใน 3 ของภัยน้ำท่วม 1,562 ครั้งที่เกิดขึ้นทั่วโลก ระหว่างปี 2537 – 2547 เกิดขึ้นในเอเซีย และผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมในเอเชียคิดเป็นครึ่งหนึ่งของผู้เสียชีวิตทั้งหมด 120,000 คนทั่วโลก ซึ่งในปี 2560 คาดว่าอาจมีการเสียชีวิตมากหลายสิบล้านคนก็ได้

    รายงานทางวิทยาศาสตร์อีกชิ้นหนึ่งระบุว่า อาจมีการเคลื่อนตัวของความร้อนในมหาสมุทรมากถึง 7 แบบที่เกี่ยวข้องกับพายุ แต่ไม่คิดว่าจะมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก เป็นที่ทราบกันดีว่าพายุต่างๆ ทั้งในมหาสมุทรแอตแลนติก มหาสมุทรแปซิฟิก รวมถึงมหาสมุทรอินเดีย จะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ทำให้นักวิทยาศาสตร์หลายหมื่นคนจากทั่วโลกประกาศเริ่มโครงการศึกษาผลกระทบของโลกร้อนต่อพื้นที่แถบขั้วโลกแล้ว นอกจากผลพวงจากสภาวะโลกร้อนจะทำให้เกิดภัยพิบัติต่าง ๆ อย่าง ภัยแล้งน้ำท่วม พายุฝนกระหน่ำ สร้างความเดือดร้อนแก่ชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมหาศาลของประชากรโลกแล้ว ภัยจากสภาวะโลกร้อนยังส่งผลกระทบต่อผลผลิตและพืชผลทางการเกษตรที่หล่อเลี้ยงประชากรโลกอีกด้วย

    ขอย้อนมาถึงภายในประเทศไทยของเรา มาทำความเข้าใจสภาพรอยเลื่อน
    ต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดแผ่นดินไหวในเมืองไทย ซึ่งจะเกิดขึ้นในระหว่างปี 2555-- 2560 รอยเลื่อน ซึ่งอยู่ใต้พื้นดิน เมื่อไรที่เลื่อน ก็จะเกิดแผ่นดินไหวตามมา
    - “แผ่นดินไหว” เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของพื้นดิน
    อันเนื่องมาจากการปลดปล่อยพลังงานความเครียดจากใต้พื้นพิภพอย่างฉับพลัน เพื่อปรับสมดุลของเปลือกโลก โดยมี 2 สาเหตุสำคัญ คือ

    1. เกิดจากการกระทำของมนุษย์ เช่น การทดลองระเบิดปรมาณู และแรงระเบิด
    จากการทำเหมือง เป็นต้น

    2. เกิดจากธรรมชาติ มี 2 ทฤษฎี คือ

    2.1 ทฤษฎีที่ว่าด้วยการขยายตัวของแผ่นเปลือกโลก เชื่อว่าแผ่นดินไหวเกิดจากการที่เปลือกโลกคดโค้งโก่งงออย่างฉับพลัน และ เมื่อวัตถุขาดออกจากกัน จึงปลดปล่อยพลังงานออกมาในรูปคลื่นแผ่นดินไหว

    2.2 ทฤษฎีที่ว่าด้วยการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก เชื่อว่าแผ่นดินไหวเกิดจากการสั่นสะเทือน อันเป็นเหตุผลมาจากการเคลื่อนตัวของรอยเลื่อนนั่นเอง
    - “รอยเลื่อน” เป็นผลพวงจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก (มีทั้งหมด 12 แผ่น) ซึ่งมีการเคลื่อนที่ตลอดเวลา บางแผ่นเคลื่อนตัวเข้าหากัน และมุดซ้อนเกยกัน และบางแผ่นแยกออกจากกัน ขณะที่บางแผ่นเคลื่อนเฉียดกัน ทำให้เกิดแรงเครียดสะสมไว้ภายในเปลือกโลก เมื่อรอยเลื่อนขยับตัว ก็จะมีการปลดปล่อยพลังงานออกมาในรูปของการสั่นไหว ทำให้เกิดแผ่นดินไหวนั่นเอง ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวจากสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเซีย หรือ เอไอที บอกไว้ว่า การเกิดแผ่นดินไหวที่จะสร้างความเสียหาย และผลกระทบให้ประเทศไทยมากที่สุด คือ การเกิดแผ่นดินไหวใกล้ๆ กรุงเทพฯ ซึ่งมีเพียงปัจจัยจากรอยเลื่อน 2 แหล่ง คือ รอยเลื่อนสะแกงในประเทศพม่ากับรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์และรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ในประเทศไทย

    รอยเลื่อนสะแกง อยู่ห่างจาก กรุงเทพฯ ประมาณ 400 กม. ส่วนรอยเลื่อน
    ศรีสวัสดิ์ และรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ อยู่ห่างจาก กรุงเทพฯ ประมาณ 200 กม.
    แถมยังมีเขื่อนขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนรอยเลื่อน นั่นคือ เขื่อนศรีนครินทร์ เป็นแรงหนุนให้เกิด
    ความเสียหายอันประเมินค่ามิได้ ถ้าเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงจากรอยเลื่อนดังกล่าวกรมทรัพยากรธรณี ได้ทำการศึกษาและรวบรวมข้อมูลการสำรวจรอยเลื่อนที่มีพลังในการเคลื่อนตัวในประเทศไทย พบว่าประเทศไทยมีรอยเลื่อนใหญ่ๆ อยู่หลายแนว โดยสามารถจัดกลุ่มรอยเลื่อนที่สำคัญได้ 13 กลุ่ม โดยกลุ่มรอยเลื่อนทั้งหมดวางแนวพาดผ่านพื้นที่ 22 จังหวัด คือ ภาคเหนือ 11 จังหวัด ภาคใต้ 6 จังหวัด ภาคตะวันตก 3 จังหวัด และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 จังหวัด มีดังนี้.-

    1. กลุ่มรอยเลื่อนแม่จันและแม่อิง พาดผ่านเชียงรายและเชียงใหม่

    2. กลุ่มรอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน พาดผ่านแม่ฮ่องสอนและตาก
    3. กลุ่มรอยเลื่อนเมย พาดผ่านตากและกำแพงเพชร
    4. กลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา พาดผ่านเชียงใหม่ ลำพูน และเชียงราย
    5. กลุ่มรอยเลื่อนเถิน พาดผ่านลำปางและแพร่
    6. กลุ่มรอยเลื่อนพะเยา พาดผ่านลำปาง เชียงราย และพะเยา
    7. กลุ่มรอยเลื่อนบัว พาดผ่านน่าน
    8. กลุ่มรอยเลื่อนอุตรดิตถ์ พาดผ่านอุตรดิตถ์
    9. กลุ่มรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ พาดผ่านกาญจนบุรีและราชบุรี
    10.กลุ่มรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ พาดผ่านกาญจนบุรีและอุทัยธานี
    11.กลุ่มรอยเลื่อนท่าแขก พาดผ่านหนองคายและนครพนม
    12.กลุ่มรอยเลื่อนระนอง พาดผ่านประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง และพังงา
    13.กลุ่มรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย พาดผ่านสุราษฎร์ธานี กระบี่ และพังงา

    จากการสำรวจกลุ่มรอยเลื่อนใน จ.กาญจนบุรี ของกรมทรัพยากรธรณี ทำให้
    ทราบว่าสาเหตุการเกิดแผ่นดินไหวจากกลุ่มรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ ซึ่งมีความรุนแรง 5.3 และ 5.9 ริคเตอร์ หลังจากนั้นเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกหลายครั้งทางตอนเหนือของ อ.ศรีสวัสดิ์ เกิดจากการเคลื่อนตัวของรอยเลื่อนบ่องาม และรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์นั่นเองส่วนกลุ่มรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ เคยเกิดแผ่นดินไหวบริเวณ ต.กลอนโด อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เป็นผลให้พื้นดินแยกเป็นระยะทางยาว 300 เมตร และกว้าง 1 – 2 เมตร ลึก 150 เมตร การเกิดแผ่นดินไหวครั้งนั้นไม่มีรายงานผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน เนื่องจากอยู่ห่างไกลจากชุมชนมาก เช่นเดียวกับการศึกษาวิจัยเรื่อง “แผ่นดินไหวในประเทศไทยและผืนแผ่นดินตะวันออกเฉียงใต้” ของคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพบว่า รอยเลื่อนที่น่าจับตาที่สุด 2 แหล่ง คือ รอยเลื่อนแม่จัน และรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ เพราะรอยเลื่อนดังกล่าวค้นพบหลักฐานทางธรณีวิทยาว่า เคยเกิดแผ่นดินไหวขนาดรุนแรงมาแล้วหลายครั้ง

    การศึกษารอยเลื่อนเพื่อให้ทราบว่าพื้นที่ตรงไหนมีรอยเลื่อน มีพลังพาด
    ผ่านบ้าง จะได้ประกาศเตือนชาวบ้านไม่ให้ไปตั้งบ้านเรือนอยู่ และใช้ในแผนการก่อสร้างอาคาร อย่างที่ไต้หวันไปสร้างสวนอุตสาหกรรมบนรอยเลื่อน พอเกิดแผ่นดินไหว ปรากฏว่าตึกรามบ้านช่องถล่มทลายลงมาหมด บ้านเราจำเป็นต้องศึกษารอยเลื่อนต่างๆ ไว้เป็นเครื่องเตือนใจ แต่ก็มีคนที่ทำงานสำรวจรอยเลื่อนไม่เกิน 10 คนเท่านั้น จากการศึกษารอยเลื่อนพบว่า ถนนจาก อ.ฝาง ไป อ.เชียงแสน ตลอดทั้งเส้นสร้างอยู่บนรอยเลื่อนแม่จัน จึงทำให้ถนนเส้นนี้เกิดปัญหาดินถล่มบ่อยครั้ง ส่วนรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ก็มีชาวกะเหรี่ยงอาศัยอยู่มาก ถ้าเกิดแผ่นดินไวที่มีความรุนแรงเกิดขึ้นอาจทำให้มีปัญหากับเขื่อนอาจทำให้เขื่อนเสียหายได้ (ในปี 2560 มีการคาดหมายว่า อาจเกิดการพังทลายของเขื่อน 3 เขื่อนในไทย แต่ไม่ทราบว่าเป็นเขื่อนใด ผู้ใดอาศัยใต้เขื่อนต่างๆพึงต้องวางแผนชีวิตให้รอบคอบมากเป็นพิเศษ)

    นอกจากรอยเลื่อนในประเทศไทยแล้ว รอยเลื่อนที่เกิดขึ้นในประเทศพม่า ยังเป็นสิ่ง
    ที่นักวิชาการแผ่นดินไหวส่วนใหญ่กังวลใจมากที่สุดนั่นคือรอยเลื่อนสะแกง และรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์อาจเป็นแขนงของรอยเลื่อนสะแกง โดยที่รอยเลื่อนสะแกงนั้นเชื่อมต่อกับรอยต่อของแผ่นเปลือกโลกนั่นเอง รอยเลื่อนต่างๆ จะเลื่อนเมื่อไร และจะทำให้เกิดแผ่นดินไหวได้เมื่อไรนั้น เรื่องนี้ ต้องยอมรับในธรรมชาติของสัตว์บางชนิด ที่มีสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด สัญชาตญาณของ “สัตว์” มีส่วนช่วยเตือนภัยพิบัติที่กำลังจะมาถึงตัวเราได้ จากการวิจัยของผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวพบว่า เมื่อสัตว์มีพฤติกรรมผิดไปจากปกติมักเกี่ยวข้องกับการเกิดแผ่นดินไหวค่อนข้างมาก เช่น

    1. นก มีความรู้สึกไวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะนกพิราบและนกกา ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวในประเทศจีนพบว่า ก่อนเกิดแผ่นดินไหว ฝูงนกพิราบหรือ นกกาที่อยู่ภายในรัศมี 50 กิโลเมตร จากศูนย์กลางแผ่นดินไหวจะรู้ล่วงหน้าและ บินหนีไปภายใน 24 ชั่วโมง ส่วนนกเลี้ยงบางชนิด เช่นนกแก้ว ก็จะมีอาการแตกตื่น และ จะพยายามหนีออกจากกรงขัง

    2. ปลาน้ำเค็ม ก่อนเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เมืองโกเบ ชาวประมงจับปลาได้
    มากกว่าปกติ และมีปลาทะเลน้ำลึกว่ายเข้ามาในเขตน้ำตื้นด้วย

    3. ปลาน้ำจืด ที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำ หรือ ทะเลสาบจะมีความรู้สึกไวต่อการเกิด
    แผ่นดินไหว โดยเฉพาะปลาคาร์พก่อนเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง มีคนเห็น ปลาคาร์พจำนวนมากกระโดดขึ้นมาบนผิวน้ำและมีท่าทางลุกลน เช่นเดียวกับ ปลาดุก ถ้ามีท่าทางตื่นตระหนกผิดปกติ แสดงว่าอาจจะเกิดแผ่นดินไหวตามมาได้

    4. งู เป็นสัตว์ที่รู้ล่วงหน้าก่อนใครว่าจะเกิดแผ่นดินไหว เพราะงูบางชนิดจำศีลแล้วไปชุมนุมอยู่ในโพรงดิน จะหนีภัยด้วยการเลื้อยขึ้นมาบนพื้นดินจำนวนมาก เช่นก่อนเกิดแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นหนึ่งวัน มีผู้พบฝูงงูเลื่อยขึ้นมาบนพื้นดินเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับเหตุการณ์ ก่อนเกิดแผ่นดินไหวหนึ่งวัน ที่เมืองถังซานในประเทศจีนมีฝูงงูจำนวนมากเลื้อยออกมาจากรู เลื้อยขึ้นมาบนพื้นดินเป็นจำนวนมาก

    5. กบ มีพฤติกรรมเช่นเดียวกับงู ก่อนเกิดแผ่นดินไหวไม่กี่ชั่วโมง มีคนเห็นกบนับหมื่นตัวพากันอพยพจากที่อยู่เดิมของมัน

    6. สุนัข ตอนเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่โกเบพบว่า สุนัขมีอาการตื่นตระหนก วิ่งไปวิ่งมา บางตัวเคยเลี้ยงในห้องนอนบ้าง เลี้ยงภายในบ้านซึ่งไม่เคยให้ออกนอกบ้านเลย กลับแสดงอาการก้าวร้าว และต้องการออกไปนอกบ้าน เมื่อเจ้าของสุนัขเปิดประตูบ้าน สุนัขนั้นจะวิ่งอย่างเร็วออกไป อย่างไรก็ตามสุนัขมีความกตัญญูสูง มักจะกลับมาตายพร้อมเจ้าของสุนัข หลายตัวจะเห่าและหอนอย่างไม่มีสาเหตุ โดยมีเสียงค่อนข้างโหยหวน มีลักษณะเห็นวิญญาณ หรือยมทูต

    7. แมว ก่อนเกิดแผ่นดินไหวแมวส่วนใหญ่จะหาที่หลบ และที่ญี่ปุ่นมีคำโบราณกล่าวไว้ว่า “ก่อนแผ่นดินไหวแมวจะปีนขึ้นต้นไม้สูง” และก็มีคนเห็นเช่นนั้นจริงๆ ขณะที่แมวบางตัวแสดงอาการงุ่นง่าน วิ่งไปมา และส่งเสียงร้องอย่างกระวนกระวายไม่เหมือนชีวิตประจำวัน

    8. หนู ก่อนเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงมีผู้พบ พวกหนูพากันหลบหนีไปหมด ไม่อยู่ในใต้ดินเหมือนเดิม เช่นเดียวกับเหตุการณ์ก่อน แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่โกเบ พวกหนูก็หลบหนีเช่นกัน และก่อนเกิดแผ่นดินไหวจะมีหนูติดกับดักเพิ่มขึ้น และหนูบางตัวก็วิ่งพล่านไปทั่ว

    ผู้ใดพบเห็นสัตว์ดังกล่าวแสดงพฤติกรรมผิดปกติ ก็ขอให้รีบบอกต่อโดยเร็วอย่าเก็บเรื่องดังกล่าวไว้ที่ตน และพรรคพวกที่ใกล้ชิดเท่านั้น หรือหากเห็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากเดิมของสัตว์เช่นว่า และสัตว์อื่นๆ อีกบางชนิด ให้รีบกระจายข่าวสารโดยเร็ว ไม่รู้จะไปบอกใคร บอกไปที่รายการ “ร่วมด้วยช่วยกัน” ก็ยังดีครับ จากนั้นให้เร่งตรวจดูเก็บข้าวของและรวบรวมของรัก ของหวงโดยเร็ว เพราะอาจมีภัยพิบัติ กำลังรอคอยอยู่ก็ได้กรุณาอย่าประมาทนะครับ

    หากท่านผู้ฟังหรือท่านผู้อ่านพบสิ่งบอกเหตุ หรือสิ่งที่ผิดปกติ ที่อาจจะเกิดเป็นภัยพิบัติแก่เพื่อนบ้าน เพื่อนร่วมสังคม หรือเพื่อนร่วมชาติ หรือเห็นความผิดปกติของสัตว์ต่างๆที่แสดงความผิดปกติ หรือส่อแววว่าน่าจะมีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นติดตามมาในชาติบ้านเมืองของเรา หรือในหมู่บ้าน ในชุมชนที่เราหรือญาติพี่น้องของเราอยู่อาศัย

    - ให้ท่านรีบทำการแจ้ง หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
    กับภัยพิบัติ ตามหมายเลขโทรศัพท์ต่าง ๆ 12 แห่ง เช่น

    1. ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
    สายด่วน 1860
    2. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ส่ายด่วน
    1784
    3. กองธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ

    และสิ่งแวดล้อม สายด่วน 0-2202-3611
    4. ส่วนควบคุมไฟป่า สำนักป้องกันปราบปราม และควบคุมไฟป่า สายด่วน

    1362
    5.
    ศูนย์นเรนทร กระทรวงสาธารณสุข สายด่วน 1669
    6. มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ) ยามยาก สำนักงานอาสากาชาด สภากาชาดไทย

    โทร. 0-2297-5195
    7. สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย โทร
    . 0-
    2256-4427-9

    8. ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กระทรวงกลาโหม โทร
    0-2281-6404
    9. ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพบก โทร
    . 0-2297-7773
    10. ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพเรือ โทร
    . 0-2475-4238
    11. ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพอากาศ โทร. 0-2534-5456
    12. ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา โทร
    . 0-2282-
    6686


    - สำหรับผู้เล่น Internet ก็สามารถหาข้อมูลจาก Website เกี่ยวกับภัยพิบัติ

    ธรรมชาติได้จาก Website ต่างๆ เช่น

    1. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
    2. ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ
    3. กรมอุตุนิยมวิทยา
    4. กรมอุทกศาสตร์

    (ยังมีต่อ)
     
  10. doodee1

    doodee1 คนละพวก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    [​IMG]
    วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
    โป๊บหนุนตั้งรัฐปาเลสไตล์-สร้างสันติภาพ
    <TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top></TD><TD vAlign=top>สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ที่ 16 พระประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก เสด็จเยือนเขตเวสต์ แบงก์เมื่อวันพุธ พร้อมสนับสนุนการตั้งรัฐปาเลสไตน์ให้อยู่เคียงข้างกับอิสราเอล และเสด็จไปเยี่ยมผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในเมืองเบธเลเฮม สถานที่ประสูติของพระเยซู หลังจากที่เสด็จเยือนกำแพงเพื่อความมั่นคงของอิสราเอล ที่แบ่งแยกเมืองเบธเลเฮมออกจากนครเยรูซาเลม

    วันที่ 3 ในการเสด็จเยือนดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ สมเด็จพระสันตะปาปา ได้รับการต้อนรับจากประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส ของปาเลสไตน์ ซึ่งกล่าวหาอิสราเอลว่า พยายามที่จะกีดกันชาวมุสลิมและชาวคริสเตียนด้วยมาตรการความ มั่นคง

    องค์พระประมุขคริสตจักรโรมันคาทอลิก ซึ่งตรัสกลางแสงแดดอ่อน ๆ ในตอนเช้า ย้ำการสนับสนุนของสำนักวาติกันในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง 2 รัฐ ซึ่งก็ได้รับการสนับสนุนจากชาติมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ตะวันตกเช่นกัน แต่นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอิสราเอล ยังลังเลที่จะเห็นด้วยอย่างเต็มที่

    นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงแสดงความวิตกกังวลต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ซึ่งได้รับความทุกข์ยากระหว่างการโจมตีของอิสราเอลในเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา โป๊ปยังได้ยกเอาคำตรัสของสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ที่เสด็จเยือนภูมิภาคนี้ในปี 2543 ที่พระองค์ทรงตรัสว่า สันติภาพไม่สามารถเกิดขึ้นได้โดยปราศจากความยุติธรรม และความยุติธรรมจะไม่เกิดขึ้นหากไม่มีการให้อภัย

    พระองค์ทรงขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งที่ยาวนานในตะวันออกกลาง ละทิ้งความเจ็บแค้นและความแตกแยกเพื่อนำไปสู่ความปรองดอง ความเอื้ออาทร และความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันโดยไม่มีการแบ่งแยก พร้อมกันนี้ ทรงเรียกร้องให้ประชาคมโลกใช้อิทธิพลกดดันให้เกิดหนทางในการแก้ปัญหาความขัดแย้งนี้ และในโอกาสนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงแสดงความเห็นอกเห็นใจอย่างยิ่งต่อผู้ที่สูญเสียสมาชิกในครอบครัว รวมทั้งบุคคลอันเป็นที่รักไปในสงครามระหว่างอิสราเอล และปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา และตรัสว่า พระองค์มักระลึกถึงผู้เสียชีวิตเหล่านี้ระหว่างการสวดภาวนาเสมอ

    ด้านประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส ของปาเลสไตน์ ประณามกำแพงแบ่งแยกดินแดนของอิสราเอล ว่าเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลยิวในการผลักดันชาวคริสเตียนและมุสลิมปาเลสไตน์ ออกไปจากประเทศ.

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ผบช.ก.ยันพบ3จุด5ตู้คอนเทเนอร์บรรจุศพ
    <TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=message-normal style="HEIGHT: 10px" vAlign=top align=middle><SCRIPT type=text/javascript>// URLs of slidesvar slideurl = new Array('http://ads.dailynews.co.th/news/images/2009/crime/5/14/199051_98952.jpg') ;//html/popup_news/popup_news_popuppic.htm?' + slideurl[picNum] + '?Daily News Online : Crime','','resizable=1,HEIGHT=200,WIDTH=200');}function createtable(){picturecontent ='<table width=100% cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0>' ;for (i=0;i<=(slideurl.length-1);i++) {picturecontent +='<tr>' ;picturecontent +='<td vAlign=top align=center>' ;picturecontent += '';picturecontent += '[​IMG]' ;picturecontent += '</td>' ;picturecontent +='</tr>' ;picturecontent +='<tr>' ;picturecontent += '<td class=messageblack vAlign=middle align=center height=20>' ;picturecontent+=slidecomment ;picturecontent +='</td>' ;picturecontent +='</tr>' ;}picturecontent+='</table>' ;document.getElementById("hlblTable").innerHTML=''+picturecontent+'';}createtable();</SCRIPT></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top>











    ฮือฮาตู้คอนเทเนอร์ปริศนา จมอยู่ใต้ท้องทะเลลึกอ่าวแสมสาร"ผบช.ก."ยืนยันพบแล้ว 5 ตู้ มีด้วยกัน 3 จุด จมอยู่ในระดับน้ำลึก 25 เมตรแต่ท้องฟ้าปิด ต้องยกเลิกแผนการดำน้ำลงตรวจสอบกะทันหัน ขณะที่ ญาติวีรชนเหยื่อพฤษภาทมิฬ เริ่มแคลงใจสงสัยในความล่าช้าของ จนท. รัฐ อืดอาด ไม่เร่งรีบไปตรวจสอบให้แน่ชัด ด้าน ชาวประมง ประสานกำลังช่วยสอดส่องดูแลความเคลื่อนไหว หวั่นหากเป็นซากศพมนุษย์จริง เกรงจะถูกทำลายหลักฐาน


    จากกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้รับการร้องเรียนจาก นายอดุลย์ เขียวบริสุทธิ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชน พฤษภาคม 2535 ให้หน่วยงานเกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบตู้คอนเทเนอร์จำนวนหลายตู้ ถูกทิ้งไว้ในทะเลด้านอ่าวแสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เนื่องจากสงสัยว่าจะมีศพผู้สูญหาย จากการปราบปรามประชาชน ในระหว่างวันที่ 17-20 พ.ค. 2535 และตั้งข้อสันนิษฐานหรือบางส่วนปักใจเชื่อว่า ภายในตู้คอนเทเนอร์ที่พบในท้องทะเลลึก จะมีสิ่งผิดปกติบรรจุอยู่ภายในอย่างแน่นอน ขณะที่มีหน่วยงานบางหน่วยงานออกมาดำเนินการตรวจ สอบ โดยเฉพาะกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตำรวจน้ำ ขณะเดียวกัน กองทัพเรือเป็นหน่วยงานที่กำลังรอการร้องขอจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบ เพื่อให้ความช่วยเหลือหรืออำนวยความสะดวกในการสอบเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกด้วย ตามข่าวที่เสนอไปอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

    ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากแผนการทำงานเดิม ที่ทาง พล.ต.ต.มิสกวัน บัวรา ผบก.รน.ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ธนวัตถ์ พุ่มอยู่ สว.ตร.น้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี จะจัดเรือตำรวจน้ำ นำนักประดาน้ำ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษทางทะเลของกองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.) พร้อมอุปกรณ์ออกไปตรวจสอบพิกัดของตู้คอนเทเนอร์ พร้อมกับถ่ายภาพวิดีโอ ภาพนิ่ง เพื่อนำมายืนยันให้หน่วยงานเกี่ยวข้องได้เห็นถึงรูปร่างของวัตถุใต้ทะเล ที่ถูกระบุว่าเป็นตู้คอนเทเนอร์บรรจุศพวีรชนพฤษภาทมิฬ ที่ถูกนำมาโยนทิ้ง ทะเล เพื่ออำพรางคดีไว้ แต่ปรากฏว่าพอถึงเวลากำหนดนัดหมาย ในเวลา 08.00 น. วันเดียวกันนี้ กลับพบว่าที่บริเวณสะพานเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ มีแต่ความเงียบสงบ ไม่มีการเคลื่อนไหวใดของ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ที่จะเดินทางไปสำรวจตรวจสอบตู้คอนเทเนอร์ใต้ท้องทะเลแต่อย่างใด

    พ.ต.ท.ธนวัตถ์ เปิดเผยว่า ได้รับการประสานงานจากทางผู้บังคับบัญชาแจ้งว่า ให้ยุติการเดินทางไปค้นหาตู้คอนเทเนอร์ใต้ท้องทะเลไว้ก่อน โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากตอนนี้มีภารกิจสำคัญในการช่วยค้นหาศพของนายวิวัฒน์ ติระรณกรกุล อายุ 35 ปี ครูสอนดำน้ำ และนายโพช สว่างวงศ์เสรี อายุ 25 ปี นักเรียนดำน้ำ ที่สูญหายไป เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา จากการไปดำน้ำ ที่บริเวณเกาะโรงโขน โรงหนัง อ่าวแสมสาร อ.สัตหีบ และจนถึงขณะนี้ยังไม่พบศพแต่อย่างใด จึงไม่มีกำหนดว่า จะออกเดินทางไปสำรวจตู้คอนเทเนอร์ใต้ท้องทะเลเมื่อใด แต่คาดว่าคงจะเร็ว ๆ นี้ หากภารกิจดำน้ำค้นหาศพเจอเร็ว คงได้ออกไปสำรวจตู้คอนเทเนอร์ปริศนาอย่างแน่นอน

    ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบตู้คอนเทเนอร์ปริศนา ที่อ่าวแสมสาร ว่า ได้สั่งการให้ กองบังคับการตำรวจน้ำ ไปดำเนินการตรวจสอบแล้ว และได้รับ รายงานจาก พล.ต.ต.มิสกวัน ผบก.รน. ว่าสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย เนื่องจากมีพายุดีเปรสชันปกคลุมในจุดที่ตู้คอนเทเนอร์จมอยู่ในทะเล จึงต้องรอให้สภาพอากาศดีขึ้นกว่านี้ เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นมีรายงานการตรวจพบตู้คอนเทเนอร์ทั้งหมด 5 ตู้ จมอยู่ในทะเลแถบบริเวณช่องแสมสาร 3 จุด ในระดับน้ำลึกไม่เกิน 25 เมตร

    โดยจุดแรกอยู่ด้านทิศตะวันออกของเกาะจาน 1 ตู้ จุดที่สองอยู่ห่างจากจุดแรก 3 ไมล์ทะเลทางด้านทิศตะวันออก 2 ตู้ โดยทั้ง 2 ตู้อยู่ห่างกันประมาณ 100 เมตร ส่วนจุดที่สามอยู่ห่างออกไปทางใต้ของช่องแสมสาร 70 ไมล์ทะเลอีก 2 ตู้ อย่างไรก็ดี หากสามารถสืบหาเจ้าของและพิสูจน์ได้ว่าภายในมีสิ่งใดบรรจุอยู่ และไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมาย อาจไม่จำเป็นต้องกู้หรือเคลื่อนย้ายขึ้นมาตรวจสอบ เพราะการดำเนินการจะต้องใช้งบประมาณนับสิบล้านบาท

    ด้าน พ.ต.อ.พินิจ ศิริชัย ผกก.5 บก.รน. กล่าวว่า ได้จัดและประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมอุปกรณ์เพื่อเตรียมพิสูจน์ตู้คอนเทเนอร์ไว้พร้อมแล้ว แต่เนื่องจากฟ้าปิด จึงต้องระงับการเดินทางออกทะเลไปตรวจสอบไว้ก่อน จึงสั่งการค้นหาครูและนักเรียนดำน้ำที่สูญหายไปก่อน เพราะอยู่ในวิสัยที่สามารถทำได้ แต่หากท้องฟ้าเปิดจะนำกำลังเดินทางไปตรวจสอบตู้คอนเทเนอร์ปริศนาทันที

    แหล่งข่าวจากบริเวณท่าเทียบเรือช่องแสมสาร เปิดเผยว่า เริ่มเกิดความรู้สึกแปลกใจถึงพฤติกรรมของหน่วยงานภาครัฐ ที่ดูเหมือนไม่ค่อยจะกระตือรือร้นกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทั้งที่สังคม กำลังให้ความสนใจและตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานภาครัฐ ว่า จะดำเนินการอย่างไร จนทำให้ดูเหมือนว่า มีการดึงเวลาให้ยืดเยื้อออกไป อีกทั้งชาวประมงในทะเล ได้มีการพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์ และประสานงานกันว่า จะให้เรือที่ออกหาปลาในทะเล ช่วยกันสอดส่องดูแลพิกัดจุดที่พบตู้คอนเทเนอร์ให้บ่อยครั้งมากขึ้น เนื่องจากเริ่มไม่แน่ใจ เพราะว่าถ้าภายในตู้คอนเทเนอร์มีซากศพ อยู่จริง อาจมีบุคคลผู้ไม่หวังดี หรือกลุ่มคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ แอบไปดำน้ำเปิดตู้ทำลายหลักฐานในช่วงเวลากลางคืน ก่อนมีการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ โดยเรือ ประมงน้อยใหญ่รับปากกันว่า จะช่วยสอดส่องดูแลเพื่อให้ความจริงปรากฏต่อสาธารณชนต่อไป

    ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบตู้คอนเทเนอร์ ในทะเลอ่าวไทย ต.แสมสาร ตามที่คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภาคม 2535 ยื่นหนังสือขอให้ดำเนินการเนื่องจากมีเบาะแสว่าพบโครงกระดูกจำนวนมาก ว่า ตอนนี้กำลังประสานด้วยวาจากับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ไปดำเนินการตรวจสอบแล้ว และเท่าที่ทราบมีข้อสงสัยว่าจะเป็นเรื่องของกระบวนการค้ามนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ฉะนั้น จะให้นำข้อมูลทั้งหมดมารวมกัน แล้วให้ผู้ที่มีความพร้อมในด้านการปฏิบัติไปตรวจสอบต่อไป.

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ปัญหา 'เด็กไทยยุคไอที' 'ว่ายน้ำไม่เป็น' 'จมน้ำตาย' ยอดพุ่ง!
    <TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR><TR><TD class=message-normal style="HEIGHT: 10px" vAlign=top align=middle><SCRIPT type=text/javascript>// URLs of slidesvar slideurl = new Array('http://ads.dailynews.co.th/column/images/2009/politic/5/14/73701_68668.jpg') ;//html/popup_news/popup_news_popuppic.htm?' + slideurl[picNum] + '?Daily News Online : Politics','','resizable=1,HEIGHT=200,WIDTH=200');}function createtable(){picturecontent ='<table width=100% cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0>' ;for (i=0;i<=(slideurl.length-1);i++) {picturecontent +='<tr>' ;picturecontent +='<td vAlign=top align=center>' ;picturecontent += '';picturecontent += '[​IMG]' ;picturecontent += '</td>' ;picturecontent +='</tr>' ;picturecontent +='<tr>' ;picturecontent += '<td class=messageblack vAlign=middle align=center height=20>' ;picturecontent+=slidecomment ;picturecontent +='</td>' ;picturecontent +='</tr>' ;}picturecontent+='</table>' ;document.getElementById("hlblTable").innerHTML=''+picturecontent+'';}createtable();</SCRIPT></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top>"เด็กอายุ 1-14 ปี เสียชีวิตประมาณ 3,300 คนต่อปี คิดเฉลี่ยเดือนละประมาณ 280 คน ช่วงเดือน เม.ย.มีเด็กเสียชีวิตมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ประมาณ 400 คน รองลงมาได้แก่เดือน มี.ค., พ.ค., ต.ค. ตามลำดับ ซึ่งเป็นช่วงเด็กปิดเทอมใหญ่และปิดเทอมกลาง สาเหตุเกิดจาก เด็กจมน้ำเสียชีวิต มากที่สุด !!”

    ...นี่เป็นข้อมูลสถิติการเสียชีวิตของเด็กไทยเมื่อปี 2551 ของศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี

    จากข้อมูลนี้...ที่ว่า “เด็กจมน้ำเสียชีวิตมากที่สุด” นั้น คือจมน้ำเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กอันดับ 1 ร้อยละ 47 สูงกว่าอันดับรองคืออุบัติเหตุจราจร ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 25 เกือบเท่าตัว !!

    ทั้งนี้สถิติปีที่แล้วเด็กไทยจมน้ำเสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 4 คน เด็กอายุ 1-4 ขวบ มักจมน้ำใกล้บ้าน อายุ 5-6 ขวบขึ้นไปมักจมน้ำในบ่อ หนอง คลอง บึง สระว่ายน้ำ ในชุมชนหรือหมู่บ้าน ซึ่งบางส่วนก็พลัดตกและจมน้ำ

    สถิติข้างต้นบ่งชี้ว่ายุคนี้ “จมน้ำตาย” เป็นภัยสำคัญของเด็กไทย

    ขณะเดียวกันก็สะท้อนว่ายุคนี้ “เด็กไทยว่ายน้ำไม่เป็นมากขึ้น !!”

    ฉายภาพเด็กไทยยุคปัจจุบันว่ายน้ำไม่เป็นมากขึ้น ด้วยการเปิดเผยข้อมูลการวิจัยของหัวหน้าศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ที่ว่า... ในจำนวนเด็กที่เสียชีวิตจากการจมน้ำนั้น “ว่ายน้ำไม่เป็นถึงร้อยละ 50-80” ซึ่งก็ทำให้เด็กจมน้ำเสียชีวิตได้ง่าย ๆ

    และฉายภาพ “เด็กไทยยุคปัจจุบันว่ายน้ำไม่เป็นมากขึ้น...จนเป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตเพราะการจมน้ำมากเป็นอันดับ 1” ด้วยการมี โครงการเด็กไทยว่ายน้ำเป็น เล่นน้ำได้ ร่างกายแข็งแรง เกิดขึ้น โดยศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก สถาบันการ พลศึกษา สสส. ซึ่งจากข่าวเห็นว่าจะมีการพุ่งเป้านำร่องที่ 10 จังหวัดที่มีสถิติการเกิดเหตุเด็กจมน้ำเสียชีวิตสูงที่สุด

    10 จังหวัดที่ติดอันดับเกิดเหตุเด็กจมน้ำเสียชีวิตสูงที่สุด ประกอบด้วย... เชียงใหม่, พิษณุโลก, อุดรธานี, ชัยภูมิ, กระบี่, ชุมพร, นครปฐม, สุพรรณบุรี, ฉะเชิงเทรา และกรุงเทพฯ

    ถามว่า... อะไรเป็นสาเหตุทำให้เด็กไทยปัจจุบันว่ายน้ำไม่เป็นมากขึ้น...จนเป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิตเพราะจมน้ำมากเป็นอันดับ 1 ?? ทั้ง ๆ ที่ไทยก็เคยได้ชื่อว่าเป็นเมืองอู่น้ำ เคยมีแหล่งน้ำรูปแบบต่าง ๆ อยู่ดาษดื่นทั่วไป ผู้คนเคยใช้ชีวิตใกล้ชิดติดน้ำอย่างแนบแน่น และเคยมีภาพเด็ก ๆ เล่นน้ำ-กระโดดน้ำให้เห็นชินตา ตอบได้ว่า... เพราะทั้งแหล่งน้ำ ทั้งสภาพครอบครัว-สังคมไทย มันเปลี่ยนแปลงไปจากที่เคยเป็น...อย่างมาก !!

    กับเรื่องนี้ สมพงษ์ ชาตะวิถี อธิการบดีสถาบันการพลศึกษา บอกกับ “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ว่า... เรื่อง “โอกาส” หรือ “ประสบ การณ์” มีความสำคัญมากที่จะทำให้เด็กว่ายน้ำเป็น แต่ “สภาพสังคมปัจจุบันพ่อแม่ครอบครัวไทยสามารถให้เวลา-ให้โอกาสแก่เด็กได้น้อย” รวมถึงโรงเรียนที่สร้างบรรยากาศให้เด็กเรียนรู้การว่ายน้ำ มีสระว่ายน้ำ-มีการสอนว่ายน้ำ ก็ไม่ได้มีอยู่ทั่วไป ขณะที่เรื่องสถานที่ หรือแหล่งน้ำ ที่จะให้เด็กได้หัดว่ายน้ำก็เปลี่ยนไปตามสภาพบ้านเมือง แหล่งน้ำ ทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด ได้ลดน้อยลงไปมาก

    “สมัยก่อนเด็ก ๆ ได้หัดว่ายน้ำในคู คลอง หนอง บึง ใกล้บ้าน ซึ่งมีมาก น้ำใสสะอาด มีบรรยากาศดี แต่ปัจจุบันมันเปลี่ยนแปลงไปมาก นอกจากจำนวนแหล่งน้ำธรรมชาติที่ลดลงแล้ว แหล่งน้ำที่เหลืออยู่ส่วนใหญ่ก็สกปรก เน่าเหม็น เต็มไปด้วยเชื้อโรค จึงไม่มีใครกล้าลงไปเล่นน้ำ หัดว่ายน้ำให้เด็ก ต้องไปตามสระว่ายน้ำที่ต้องมีค่าใช้จ่าย ซึ่งถ้าเป็นเด็กที่ไม่มีฐานะ ก็เป็นปัญหา”

    สมพงษ์บอกอีกว่า... อีกสาเหตุที่เด็กไทยว่ายน้ำไม่เป็น จมน้ำเสียชีวิตมาก ทั้งที่ยุคนี้ก็มีการสอนว่ายน้ำ เพราะไม่มีครูสอนว่ายน้ำที่ดีมีความรู้ ซึ่งการเรียนว่ายน้ำนั้นต้องสอนทั้งการว่ายน้ำ ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม ไปพร้อม ๆ กัน ครูสอนว่ายน้ำเก่ง ๆ จะสร้างบรรยากาศการว่ายน้ำให้เด็กสนุก ซึ่งมีเด็กจำนวนไม่น้อยที่ว่ายน้ำไม่แข็ง-ว่ายน้ำไม่เป็นเพราะไปเรียนว่ายน้ำแล้วไม่สนุก เรียนแล้วสำลักน้ำ 2-3 ครั้งก็เลิก หรือเรียนแค่ว่ายพอเป็นก็ไม่เอาแล้ว ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ถูก ถ้าการเรียนว่ายน้ำได้ครูสอนดี ๆ จะเป็นกิจกรรมที่สนุกมาก

    “และทุกวันนี้ก็มีกิจกรรมอื่นที่เด็กรู้สึกสนใจกว่าว่ายน้ำ เช่น เล่นเกม ซึ่งน่าเป็นห่วง เพราะเป็นกิจกรรมที่อาจทำให้เด็กห่างเหินจากครอบครัวและสังคม” ...อธิการบดีสถาบันการพลศึกษาระบุ

    ด้าน ดวงใจ บุญใหญ่ เลขาธิการสมาคมเพื่อช่วยชีวิตทางน้ำ และที่ปรึกษาสมาคมว่ายน้ำแห่งประเทศไทย เสริมว่า... สาเหตุที่เด็กว่ายน้ำไม่เป็น จมน้ำเสียชีวิต เพราะไม่มีครูสอนว่ายน้ำที่ถูกต้อง ไปหัดกันเอง การเสียชีวิตนั้นมีทั้งในคู คลอง หนอง บึง และเสียชีวิตในสระว่ายน้ำเพราะไม่มีการ์ดดูแลอย่างถูกต้อง-ใกล้ชิด

    “เด็กและน้ำเป็นของคู่กัน ซึ่งยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ สุดท้ายส่วนหนึ่งก็ต้องเสียชีวิต ซึ่งเด็กที่จมน้ำตายยุคนี้ส่วนมากกลับกลายเป็นลูกชาวบ้านทั่ว ๆ ไป ที่ไม่ค่อยมีฐานะ ที่ไม่ได้เรียนว่ายน้ำในโรงเรียน” ...เลขาธิการ สมาคมเพื่อช่วยชีวิตทางน้ำ และที่ปรึกษาสมาคมว่ายน้ำฯ ให้ข้อสังเกตที่น่าคิด

    สังคมเปลี่ยน-แหล่งน้ำเปลี่ยน...เด็กไทยว่ายน้ำไม่เป็นกันมาก

    อยากจะว่ายน้ำเป็น...ยุคนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ สำหรับเด็กไทย

    ต่อให้มีสระ-มีสอนว่ายน้ำ...ยังไงก็ต้องมี “เงิน” ด้วย ?!?!?.

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2009
  11. Dragon_king

    Dragon_king เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2009
    โพสต์:
    730
    ค่าพลัง:
    +1,388
    วันที่ 23 - 24 พฤษภาคม 52 นี้ เชิญทุกท่านร่วมสวดมนต์ แผ่เมตตา ป้องกันภัยพิบัติ กันครับ ขอให้ประเทศปลอดภัย ทุกๆ ภาค ครับ สาธุ
     
  12. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    สนามแม่เหล็กโลกใกล้วิปริต?

    7 กุมภาพันธ์ 2547 รายงานโดย: วิมุติ วสะหลาย

    (wimut@hotmail.com)

    เป็นที่ทราบกันมาเป็นเวลานานว่า ขั้วเหนือของแกนหมุนของโลกกับขั้วเหนือของสนามแม่เหล็กโลกไม่ได้อยู่ที่เดียวกัน ขั้วเหนือของแกนหมุนอยู่ที่ละติจูด 90 องศา บนแผ่นน้ำแข็งของมหาสมุทรอาร์กติก ส่วนขั้วเหนือแม่เหล็กโลกอยู่ในเขตของประเทศแคนาดา เจมส์ รอสส์ สำรวจตำแหน่งของขั้วเหนือแม่เหล็กโลกเป็นครั้งแรกในปี 1831 ในการสำรวจครั้งต่อมาในปี 1904 โดย โรอาลด์ อามุนด์เซน พบว่าตำแหน่งของขั้วเหนือเปลี่ยนไปจากเดิมราว 50 กิโลเมตร จึงได้ทราบว่าขั้วแม่เหล็กโลกมีการเปลี่ยนตำแหน่งด้วย

    ในช่วงศตวรรษที่ 20 ที่ผ่านมาตำแหน่งขั้วเหนือก็ยังคงเคลื่อนที่เรื่อย ๆ ด้วยอัตรา 10 กิโลเมตรต่อปี แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เคลื่อนที่เร็วถึง 40 กิโลเมตรต่อปี หากอัตราเคลื่อนที่ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ขั้วเหนือจะหลุดพ้นออกจากทวีปอเมริกาเหนือและไปอยู่ที่ไซบีเรียภายในอีกไม่กี่สิบปีเท่านั้น
    แลร์รี นูวิตต์จากคณะสำรวจทางธรณีวิทยาของแคนาดา กล่าวว่า เดิมตนมีหน้าที่ไปสำรวจวัดตำแหน่งของขั้วเหนือหลายๆ ปีต่อครั้ง แต่ในช่วงหลังจะต้องไปบ่อยขึ้นเนื่องจากขั้วแม่เหล็กโลกเคลื่อนที่เร็วมาก

    ไม่เพียงแต่ตำแหน่งของขั้วเปลี่ยนไปเท่านั้น ความเข้มของสนามแม่เหล็กโลกยังลดลงประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมาอีกด้วย
    หลังจากที่ข้อมูลนี้เผยแพร่ต่อสื่อมวลชนในที่ประชุมสหภาพธรณีฟิสิกส์อเมริกันเมื่อเร็ว ๆ นี้ เรื่องถึงกับเป็นข่าวพาดหัวใหญ่ทันทีว่า "สนามแม่เหล็กโลกกำลังหมดหรือ?"

    แกรี แกลตซ์มายเยอร์ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียได้ออกมายับยั้งกระแสว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น เพราะการเปลี่ยนแปลงนี้ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับในอดีต

    ในอดีตสนามแม่เหล็กโลกเคยมีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่กว่านี้มาก ถึงขนาดสนามแม่เหล็กสลับขั้วก็เคยเกิดมาแล้ว ขั้วเหนือกลายเป็นขั้วใต้ ขั้วใต้กลายเป็นขั้วเหนือ หลักฐานของการเปลี่ยนแปลงนี้ปรากฏชัดในหินโบราณ การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เพียงครั้งเดียว แต่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าและคาดการณ์ไม่ได้ ปรกติการสลับขั้วแม่เหล็กเกิดขึ้นทุก 300,000 ปีโดยเฉลี่ย ครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นคือเมื่อ 780,000 ปีที่แล้ว

    หรือว่าการเร่งความเร็วของขั้วแม่เหล็กโลกในช่วงหลังนี้จะเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาที่สนามแม่เหล็กโลกจะสลับขั้วอีกครั้งแล้ว?

    จากการศึกษาบันทึกแม่แหล็กในแผ่นหินพบว่า ความเข้มสนามแม่เหล็กโลกมีการเพิ่มขึ้นและลดลงอยู่ตลอดเวลา และความจริงแล้วสนามแม่เหล็กโลกในขณะนี้มีความเข้มมากกว่าความหนาแน่นเฉลี่ยในช่วงหนึ่งล้านปีที่ผ่านมาถึงสองเท่า

    ใจกลางโลกมีแกนชั้นในเป็นเหล็กแข็งที่มีอุณหภูมิสูงใกล้เคียงกับพื้นผิวดวงอาทิตย์ ห่อหุ้มด้วยแกนชั้นนอกที่เป็นเหล็กหลอมเหลว แกนชั้นในหมุนรอบตัวเองเช่นเดียวกับผิวโลกแต่เร็วกว่าภายใต้แกนชั้นนอกที่ปั่นป่วน การเคลื่อนที่ของเหล็กหลอมเหลวที่แกนโลกชั้นนอกทำให้เกิดการเหนี่ยวนำไฟฟ้าขึ้น สนามแม่เหล็กจึงเกิดขึ้น ปรากฏการณ์นี้เรียกว่าปรากฏการณ์ไดนาโม

    แกลตซ์มายเยอร์ และ พอล รอเบิตส์ ได้สร้างแบบจำลองของโครงสร้างภายในโลกด้วยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ โดยให้ความร้อนกับแกนชั้นในและแกนชั้นนอกปั่นป่วนเช่นเดียวกับของจริง หลังจากให้โปรแกรมวิ่งผ่านไปโดยจำลองให้เวลาผ่านไปเป็นเวลานับแสนปี พบว่าสนามแม่เหล็กของโลกจำลองนี้มีการเพิ่มและลดลง ขั้วแม่เหล็กมีการเคลื่อนที่ และบางครั้งก็มีการสลับขั้ว ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่เกิดกับโลกจริง

    นอกจากนี้ยังพบว่าช่วงที่สนามแม่เหล็กสลับขั้วใช้เวลานานหลายพันปีจึงจะเสร็จสิ้น และสิ่งที่เหนือความคาดการณ์ของคนทั่วไปก็คือ ช่วงนี้สนามแม่เหล็กไม่ได้หายไป แต่มีความปั่นป่วนซับซ้อนมากขึ้น เส้นแรงแม่เหล็กบริเวณพื้นผิวโลกมีการบิดเบี้ยวและขมวดปม ขั้วแม่เหล็กเกิดขึ้นใหม่ได้ทุกที่ ขั้วใต้อาจเกิดขึ้นที่แอฟริกา หรือขั้วเหนืออาจผุดขึ้นที่ตาฮีตี แต่ไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ใด สนามแม่เหล็กก็ยังคงมีเหมือนเดิม และยังคงปกป้องโลกจากรังสีอันตรายจากดวงอาทิตย์


    ที่มา:

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2009
  13. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <TABLE style="PAGE-BREAK-BEFORE: always" cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 align=center border=0><TBODY><TR><TD width="17%">[​IMG]
    </TD><TD width="67%">
    Earth's Inconstant
    Magnetic Field

    Our planet's magnetic field is in a constant state of change, say researchers who are beginning to understand how it behaves and why.
    </TD><TD width="16%">
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=5 width=600 align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]Listen to this story via streaming audio, a downloadable file, or get help.

    [​IMG]December 29, 2003: Every few years, scientist Larry Newitt of the Geological Survey of Canada goes hunting. He grabs his gloves, parka, a fancy compass, hops on a plane and flies out over the Canadian arctic. Not much stirs among the scattered islands and sea ice, but Newitt's prey is there--always moving, shifting, elusive.
    His quarry is Earth's north magnetic pole.
    At the moment it's located in northern Canada, about 600 km from the nearest town: Resolute Bay, population 300, where a popular T-shirt reads "Resolute Bay isn't the end of the world, but you can see it from here." Newitt stops there for snacks and supplies--and refuge when the weather gets bad. "Which is often," he says.
    [FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Right: The movement of Earth's north magnetic pole across the Canadian arctic, 1831--2001. Credit: Geological Survey of Canada. [more][/FONT]
    Scientists have long known that the magnetic pole moves. James Ross located the pole for the first time in 1831 after an exhausting arctic journey during which his ship got stuck in the ice for four years. No one returned until the next century. In 1904, Roald Amundsen found the pole again and discovered that it had moved--at least 50 km since the days of Ross.
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width=130 align=right border=0><TBODY><TR><TD width="100%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width=115 align=center border=1><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><CENTER>[​IMG]
    [FONT=Arial,Helvetica,san-serif][SIZE=-2]Sign up for EXPRESS SCIENCE NEWS delivery[/SIZE][/FONT]
    </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>The pole kept going during the 20th century, north at an average speed of 10 km per year, lately accelerating "to 40 km per year," says Newitt. At this rate it will exit North America and reach Siberia in a few decades.
    Keeping track of the north magnetic pole is Newitt's job. "We usually go out and check its location once every few years," he says. "We'll have to make more trips now that it is moving so quickly."

    [FONT=Arial, Helvetica, sans-serif][/FONT]Earth's magnetic field is changing in other ways, too: Compass needles in Africa, for instance, are drifting about 1 degree per decade. And globally the magnetic field has weakened 10% since the 19th century. When this was mentioned by researchers at a recent meeting of the American Geophysical Union, many newspapers carried the story. A typical headline: "Is Earth's magnetic field collapsing?"
    Probably not. As remarkable as these changes sound, "they're mild compared to what Earth's magnetic field has done in the past," says University of California professor Gary Glatzmaier.
    [FONT=Arial, Helvetica, sans-serif][/FONT][FONT=Arial, Helvetica, sans-serif][/FONT][FONT=Arial, Helvetica, sans-serif][​IMG][/FONT]Sometimes the field completely flips. The north and the south poles swap places. Such reversals, recorded in the magnetism of ancient rocks, are unpredictable. They come at irregular intervals averaging about 300,000 years; the last one was 780,000 years ago. Are we overdue for another? No one knows.
    [FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Left: Magnetic stripes around mid-ocean ridges reveal the history of Earth's magnetic field for millions of years. The study of Earth's past magnetism is called paleomagnetism. Image credit: USGS. [more][/FONT]
    [FONT=Arial, Helvetica, sans-serif][/FONT]According to Glatzmaier, the ongoing 10% decline doesn't mean that a reversal is imminent. "The field is increasing or decreasing all the time," he says. "We know this from studies of the paleomagnetic record." Earth's present-day magnetic field is, in fact, much stronger than normal. The dipole moment, a measure of the intensity of the magnetic field, is now 8 × 10<SUP>22 </SUP>amps × m<SUP>2</SUP>. That's twice the million-year average of 4× 10<SUP>22 </SUP>amps × m<SUP>2</SUP>.
    To understand what's happening, says Glatzmaier, we have to take a trip ... to the center of the Earth where the magnetic field is produced.
    At the heart of our planet lies a solid iron ball, about as hot as the surface of the sun. Researchers call it "the inner core." It's really a world within a world. The inner core is 70% as wide as the moon. It spins at its own rate, as much as 0.2° of longitude per year faster than the Earth above it, and it has its own ocean: a very deep layer of liquid iron known as "the outer core."
    [FONT=Arial, Helvetica, sans-serif][​IMG]Right: a schematic diagram of Earth's interior. The outer core is the source of the geomagnetic field.[/FONT]
    [FONT=Arial, Helvetica, sans-serif][/FONT]Earth's magnetic field comes from this ocean of iron, which is an electrically conducting fluid in constant motion. Sitting atop the hot inner core, the liquid outer core seethes and roils like water in a pan on a hot stove. The outer core also has "hurricanes"--whirlpools powered by the Coriolis forces of Earth's rotation. These complex motions generate our planet's magnetism through a process called the dynamo effect.
    Using the equations of magnetohydrodynamics, a branch of physics dealing with conducting fluids and magnetic fields, Glatzmaier and colleague Paul Roberts have created a supercomputer model of Earth's interior. Their software heats the inner core, stirs the metallic ocean above it, then calculates the resulting magnetic field. They run their code for hundreds of thousands of simulated years and watch what happens.
    What they see mimics the real Earth: The magnetic field waxes and wanes, poles drift and, occasionally, flip. Change is normal, they've learned. And no wonder. The source of the field, the outer core, is itself seething, swirling, turbulent. "It's chaotic down there," notes Glatzmaier. The changes we detect on our planet's surface are a sign of that inner chaos.
    They've also learned what happens during a magnetic flip. Reversals take a few thousand years to complete, and during that time--contrary to popular belief--the magnetic field does not vanish. "It just gets more complicated," says Glatzmaier. Magnetic lines of force near Earth's surface become twisted and tangled, and magnetic poles pop up in unaccustomed places. A south magnetic pole might emerge over Africa, for instance, or a north pole over Tahiti. Weird. But it's still a planetary magnetic field, and it still protects us from space radiation and solar storms.
    [​IMG]
    [FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Above: Supercomputer models of Earth's magnetic field. On the left is a normal dipolar magnetic field, typical of the long years between polarity reversals. On the right is the sort of complicated magnetic field Earth has during the upheaval of a reversal. [more][/FONT]
    And, as a bonus, Tahiti could be a great place to see the Northern Lights. In such a time, Larry Newitt's job would be different. Instead of shivering in Resolute Bay, he could enjoy the warm South Pacific, hopping from island to island, hunting for magnetic poles while auroras danced overhead. Sometimes, maybe, a little change can be a good thing. </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width=575 align=center border=0><TBODY><TR><TD width="51%" bgColor=#ffeedd>Credits & Contacts
    Author: Dr. Tony Phillips
    Responsible NASA official: John M. Horack
    </TD><TD width="49%" bgColor=#ffeedd>Production Editor: Dr. Tony Phillips
    Curator: Bryan Walls
    Media Relations: Steve Roy
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffeedd colSpan=2>The Science and Technology Directorate at NASA's Marshall Space Flight Center sponsors the Science@NASA web sites. The mission of Science@NASA is to help the public understand how exciting NASA research is and to help NASA scientists fulfill their outreach responsibilities.
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TBODY><TR><TD width="100%" valign="top" bgcolor="#fffff0">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width=600 border=1><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#d3d3d3>Web Links</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="100%" bgColor=#fffff0>The Geodynamo -- (Gary Glatzmaier) An overview of Earth's magnetic history and the physics of the geodynamo
    The North Magnetic Pole -- (Geological Survey of Canada) find out where the north magnetic pole is now, and much more.
    [FONT=Arial, Helvetica, sans-serif][​IMG][/FONT]Magnetic Field of the Earth (hyperphysics) an explanation of the dynamo effect
    [FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]Right: When it's not reversing itself, Earth's basic magnetic field resembles the simple dipolar field of a common bar magnet.[/FONT]
    Core Concerns (Science News) The hidden reaches of Earth are starting to reveal some of their secrets.
    <A href="http://antwrp.gsfc.nasa.gov/apod/ap02081rth's%20%20%20%20%20%20%20%20%20%20%20%20%20%20%20%20%20%20%20North%20Magnetic%20Pole</a>%20--%20(APOD)%20The%20North%20Magnetic%20Pole%20is%20%20%20%20%20%20%20%20%20%20%20%20%20%20%20%20%20%20%20currently%20located%20in%20northern%20Canada.%20</p>%20%20%20%20%20%20%20%20%20%20%20%20%20%20%20%20<p%20class=" style8?>Origin of The Earth's Magnetism -- (NASA) a history of ideas concerning Earth's magnetic dynamo
    When North goes South -- (Projects in Scientific Computing) Considering that ships, planes and Boy Scouts steer by it, Earth's magnetic field is less reliable than you'd think.

    </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width=600 border=0><TBODY><TR><TD width="100%"><HR>
    Join our growing list of subscribers - sign up for our express news delivery and you will receive a mail message every time we post a new story!!!
    More[​IMG] Headlines
    <HR>
    THE END
    </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
     
  14. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [​IMG]
    การเปลี่ยนตำแหน่งของขั้วเหนือแม่เหล็กโลกบริเวณเขตขั้วโลกเหนือในแคนาดาตั้งแต่ปี 2374 ถึงปี 2544

    [​IMG]
    แถบแม่เหล็กรอบสันเขากลางมหาสมุทรเป็นแถบบันทึกการเปลี่ยนแปลงสนามแม่เหล็กโลกตลอดเวลาหลายล้านปีที่ผ่านมา

    [​IMG]
    ผังแสดงโครงสร้างภายในของโลก แกนโลกชั้นนอกคือส่วนที่ทำให้เกิดสนามแม่เหล็กโลก

    [​IMG]
    แบบจำลองสนามแม่เหล็กโลกบนซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ทางซ้ายคือโลกในภาวะปรกติ ทางขวาคือโลกในช่วงที่เกิดการสลับขั้วแม่เหล็ก<!-- google_ad_section_end -->
     
  15. คุณ 4

    คุณ 4 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    733
    ค่าพลัง:
    +5,159
    ในความน่ากังวล มักจะมีมุมขำ ๆ เสมอ ๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ขอโทษนะพี่เล็ก ถ้าพี่ไม่เขียนอธิบาย ก็คงอ่านไปเรื่อย ๆ พอเขียนขยายความก็เลยอดฮาไม่ได้ :VO
     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    ทศชาติชาดก
    เรื่อง มหาชนก ผู้ยิ่งด้วยวิริยบารมี ตอนที่ 8


    [​IMG]

    จากตอนที่แล้วพระโพธิสัตว์ เมื่อทรงทราบว่า เรือจะต้องอับปางแน่นอน จึงได้รีบเสวยน้ำตาลกรวดคลุกกับเนยจนอิ่ม จากนั้นก็นำผ้าเนื้อเกลี้ยงสองผืนที่ชุบน้ำมันจนชุ่ม ทรงนุ่งให้กระชับ ประทับยืนเกาะเสากระโดง แล้วก็ทรงปีนขึ้นไปประทับยืนบนยอดเสากระโดงนั้น

    ในเวลาเรือจมลง ก็ทรงกำหนดทิศที่ตั้งของเมืองมิถิลา แล้วก็กระโดดจากยอดเสากระโดงไปทางทิศนั้น ข้ามพ้นฝูงปลาร้ายไปตกอยู่ในที่ไกลจากเรือ

    พระมหาชนกนั้น ทรงเพียรแหวกว่ายอยู่ในมหาสมุทร จนถึงวันที่ ๗ ได้ทรงสังเกตเห็นพระจันทร์เต็มดวง ก็ทรงรู้ว่าวันนี้เป็นวันอุโบสถ จึงใช้น้ำทะเลบ้วนพระโอษฐ์ และทรงสมาทานอุโบสถศีล


    [​IMG]

    ในวันนั้น นางมณีเมขลาได้มาตรวจตรามหาสมุทร ก็เห็นพระมหาชนกโพธิสัตว์ กำลังทรงแหวกว่ายอยู่กลางมหาสมุทรจึงคิดว่า “ถ้าพระมหาชนกสิ้นพระชนม์ในมหาสมุทร เราจะมีความผิดอย่างมหันต์” จึงรีบเหาะมาสถิตอยู่ในอากาศ เหนือท้องมหาสมุทรตรงที่พระโพธิสัตว์กำลังว่ายน้ำอยู่ นางเกิดความอัศจรรย์ใจ ว่าแม้ฝั่งก็มองไม่เห็น แล้วพระองค์จะว่ายไปทำไม จึงถามว่า

    “ใครหนอ แม้จะแลไม่เห็นฝั่งก็ยังพยายามว่ายอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร ท่านเห็นประโยชน์อะไรจึงพยายามว่ายอยู่อย่างนี้”

    พระโพธิสัตว์ จึงตรัสตอบว่า

    “เราเห็นปฏิปทาของโลกและอานิสงส์แห่งความเพียร จึงพยายามเรื่อยไป หากไม่พากเพียรแล้วจะพบความสำเร็จได้อย่างไร”

    นางมณีเมขลาได้ฟังความตั้งใจอันแน่วแน่ของพระโพธิสัตว์แล้ว ก็อัศจรรย์ เกิดกำลังใจใคร่จะฟังธรรมมากพระโพธิสัตว์ให้ยิ่งๆ ขึ้นไป จึงถามต่ออีกว่า

    “มหาสมุทรลึกจนประมาณไม่ได้ แม้ฝั่งก็ไม่ปรากฏ ความพยายามอย่างลูกผู้ชายของท่านทำไปก็เปล่าประโยชน์ ไม่ทันถึงฝั่งท่านก็จะต้องตายอย่างแน่นอน ท่านจะเพียรพยายามไปทำไมกัน”

    พระมหาชนกตรัสว่า

    “ท่านพูดอะไรอย่างนั้น เราทำความพยายาม แม้จะตายก็พ้นคำครหา บุคคลเมื่อกระทำความเพียร แม้จะตายก็ได้ชื่อว่า ไม่เป็นหนี้ในระหว่างหมู่ญาติ กับทั้งบิดามารดาและเทวดา อนึ่ง บุคคลเมื่อทำกิจอย่างลูกผู้ชาย ย่อมไม่เดือดร้อนใจในภายหลัง ดูก่อนเทพธิดา บุคคลเมื่อทำความเพียร แม้จะตายก็ไม่เป็นหนี้ ย่อมไม่ถูกติเตียนในระหว่างหมู่ญาติ แม้เทวดาและพรหมก็สรรเสริญ”


    [​IMG]

    เทพธิดากล่าวแย้งว่า

    “ท่านมหาบุรุษ การงานอันใด แม้ทุ่มเทจนสุดกำลังแล้ว ก็ยังไม่บรรลุผลสำเร็จ การงานนั้นก็นับว่าไร้ผล เป็นความสูญเสียเปล่า ไม่เกิดประโยชน์ การทำความพยายามในฐานะอันไม่สมควรจนตัวเองต้องตาย ความพยายามนั้นจะมีประโยชน์อะไร”

    พระมหาชนกได้สดับแล้ว เมื่อจะทรงยืนยันว่าความเพียรเป็นสิ่งที่ควรทำ แม้ชีวิตจะวอดวายไปก็ตาม จึงตรัสต่อไปว่า

    “ดูก่อนนางเทพธิดา ผู้ใดรู้แจ้งว่าการงานที่ทำจะไม่ลุล่วงไปได้ ถ้าผู้นั้นละความเพียรนั้นเสีย ก็ชื่อว่าไม่รักษาชีวิตของตน พึงรู้เถิดว่า นั่นเป็นผลแห่งความเกียจคร้านโดยแท้

    ดูก่อนเทพธิดา คนบางพวกในโลกนี้ มองเห็นผลแห่งความประสงค์ของตน จึงประกอบการงานทั้งหลาย ไม่ว่าการงานเหล่านั้นจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม

    ดูก่อนเทพธิดา ท่านก็เห็นประจักษ์แก่ตนแล้วมิใช่หรือ คนอื่นๆ จมลงในมหาสมุทรหมดแล้ว มีแต่เราคนเดียวยังว่ายอยู่ ก็เพราะความเพียรพยายามนี้เอง จึงทำให้เราได้เห็นท่านซึ่งมาสถิตอยู่ใกล้ๆ เรานั้นจักพยายามอย่างสุดความสามารถ จะทำความเพียรที่บุรุษควรทำ เพื่อไปถึงฝั่งแห่งมหาสมุทรนี้ให้จงได้”


    [​IMG]

    เทพธิดาได้สดับพระวาจาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของพระโพธิสัตว์ ก็รู้สึกอัศจรรย์ในหัวใจที่ปราศจากความย่อท้อของพระมหาชนก นึกเลื่อมใสในคำภาษิตของพระองค์ จึงกล่าวสรรเสริญ พร้อมทั้งเชื้อเชิญให้ขึ้นจากมหาสมุทรว่า

    “ท่านใดถึงพร้อมด้วยความพยายามโดยธรรม ด้วยกิจคือความเพียรของบุรุษ ไม่ยอมจมลงในห้วงมหรรณพซึ่งกว้างใหญ่ประมาณมิได้เห็นปานนี้ ท่านนั้นจงไปยังสถานที่ที่ท่านชอบใจเถิด”

    เราจะเห็นได้ว่า ผู้มีความเพียรอย่างแท้จริงนั้น แม้ทอดสายตาออกไป จะไม่เห็นขอบฝั่งแห่งทะเล แต่จิตใจของท่านก็ไม่ท้อแท้ เมื่อรู้ว่าทะเลย่อมมีฝั่ง จึงคิดแต่จะว่ายไปให้ถึงฝั่งให้ได้


    [​IMG]

    เมื่อเรี่ยวแรงยังไม่สิ้นสุด ท่านก็จะไม่หยุดยั้งในการทำความเพียร เพราะผู้ที่มีความเพียรแม้จะไม่สำเร็จก็ย่อมได้รับการสรรเสริญ

    ท่านทั้งหลาย คงได้ทราบถึงหัวใจที่กว้างใหญ่เกินฟ้าครอบของพระโพธิสัตว์กันแล้ว ว่าจะไม่ยอมหยุดทำความเพียรจนกว่าจะถึงเป้าหมาย แม้ตายก็ไม่เสียดายชีวิต ซึ่งเมื่อนางมณีเมขลาได้ฟังถ้อยคำที่มุ่งมั่นของท่านแล้ว ก็ได้กล่าวสรรเสริญ

    เทพธิดาได้ถามพระโพธิสัตว์ว่า ท่านประสงค์จะไปในที่ใด เมื่อพระโพธิสัตว์ตรัสว่า มิถิลานคร นางจึงได้อุ้มพระมหาชนกโพธิสัตว์ขึ้นจากน้ำ โดยใช้แขนทั้งสองประคองให้นอนแนบทรวง พาเหาะไปในอากาศเหมือนมารดาอุ้มบุตรอันเป็นที่รัก ฉะนั้น


    [​IMG]

    ขณะนั้น พระโพธิสัตว์มีผิวกายซูบซีดเศร้าหมองเปื่อยยุ่ย เพราะทรงแช่อยู่ในน้ำทะเลตลอด ๗ วัน ครั้นได้รับสัมผัสอันเป็นทิพย์ที่อบอุ่นนุ่มนวลของนางเทพธิดา ร่างกายก็กลับคืนสู่สภาพปกติได้บรรทมหลับไปอย่างมีความสุข

    นางมณีเมขลาได้นำพระมหาชนกไปถึงมิถิลานคร ให้บรรทมบนแผ่นมงคลศิลาในสวนมะม่วงโดยคลุมผ้าไว้ และมอบให้ภุมเทวดาในสวนอารักขาต่อไป แล้วจึงกลับไปสู่ที่อยู่ของตน

    ที่มา http://www.dmc.tv/pages/jataka/mahajanaka08.html
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    อยู่อย่างหวาดกลัว หรือเตรียมตัวแบบลนลาน?

    [​IMG]

    นิตยสารธรรมะใกล้ตัวฉบับที่ ๖๘ พฤหัสบดีที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๒

    ตอนเป็นมนุษย์ ถ้าได้รับคำทำนายว่าชาติใหม่จะต้องไปเกิดเป็นลิง คงไม่มีใครอยากตาย มีแต่จะหวงแหนอัตภาพมนุษย์ที่ประเสริฐกว่าลิง และขณะก่อนตายคงตระหนกตกตื่น กลัวสภาพความเป็นลิงที่กำลังจะมาถึงเป็นแน่แท้

    แต่เมื่อไปเกิดเป็นลิง ลืมความเป็นมนุษย์แต่หนหลัง รู้สึกแต่ว่าตนมีชีวิตในสภาพนั้น ก็จะรักและหวงแหนอัตภาพลิงสุดจิตสุดใจ เมื่อจวนตัวจะต้องตาย ก็คงไม่วายตระหนกตกตื่น พยายามเอาตัวรอดเป็นพัลวันแน่นอน

    [​IMG]

    เออหนอ ครั้งหนึ่งเคยกลัวจะต้องเป็นลิง เคยดูถูกว่าลิงเป็นสัตว์ต่ำต้อย แต่เมื่อเป็นเข้าจริงๆ ก็กลับหวงชีวิตแบบลิงไปได้

    เมื่อมีชีวิตอย่างไม่รู้ ย่อมรักชีวิตอันไม่รู้ที่มาที่ไปนั้น ความน่าสงสารของสรรพสัตว์ ซึ่งรวมทั้งเราๆท่านๆ ย่อมเวียนวนอยู่โดยอาการอย่างนี้

    ชาติภพไหนได้วาสนาเป็นมนุษย์ กับทั้งได้ครูดี มีทางสั่งสมบุญ สั่งสมเมตตา สั่งสมสมาธิ หรือสั่งสมปัญญาไว้มาก จิตก็มีความอิ่มเอม เป็นเทวดา เป็นพรหม หรือเป็นอรหันตวิสุทธิ์ตั้งแต่ก่อนตาย ขณะจะต้องละสภาพความเป็นมนุษย์ ย่อมให้ความรู้สึกเหมือนถ่มเสลดในปากทิ้ง ไม่มีความเสียดาย ไม่มีความอาลัยใดๆตกค้าง เพราะสัญชาตญาณทางจิตอันอิ่มบุญ ย่อมบอกตนเองว่าตายเมื่อไรสบายกว่านี้เมื่อนั้น

    ศักยภาพในการตายอย่างสบายใจ จึงมีแก่เหล่ามนุษย์ส่วนน้อย ส่วนการจะต้องตายอย่างกลัดกลุ้มใจ ย่อมมีแก่เหล่ามนุษย์โดยมาก

    โลกในวันนี้ คนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่ง เริ่มนับถอยหลังสู่ความหายนะกันยกใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นนักธรณีวิทยา ไม่ว่าจะเป็นนักระบาดวิทยา ไม่ว่าจะเป็นโหราจารย์เอก ซึ่งถ้าโลกจะต้องถึงกาลวิบัติจริง ก็ถือว่าไม่น่าแปลกใจเสียทีเดียว เพราะโลกให้โอกาสพวกเราที่เหลือได้เตรียมตัวเตรียมใจ ผ่านภาพการตายหมู่ของพวกที่จะต้องไปก่อนมาระยะหนึ่ง เหมือนทุกคนกำลังรู้สึกพร้อมกันว่า วันพรุ่งนี้ฟ้าอาจถล่มดินอาจทลายอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น

    ถามว่าในฐานะคนธรรมดาที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เรามีทางเลือกแบบพุทธอย่างไรบ้าง?

    คนที่ไม่คิดถึงความตาย ไม่เตรียมตัวตายเลยนั้น ทางพุทธเรียกว่าเป็นผู้มีชีวิตอยู่อย่างประมาท ส่วนคนที่เอาแต่กังวลถึงความตายอย่างกระสับกระส่าย เอาแต่สวดมนต์ขอพร งกๆ เงิ่นๆ ทางพุทธก็เรียกว่าเป็นผู้ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างงมงายไร้ค่าอยู่ดี

    อยู่อย่างหวาดกลัว หรือเตรียมตัวแบบลนลาน?

    อันที่จริงอาจนับว่าผิดเสียยิ่งกว่าพวกประมาท เพราะหลายคนที่ไม่เคยนึกถึงความตาย ไม่เคยคิดว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้าย เขาอาจทำดีมีจิตเป็นกุศลกันได้ ส่วนพวกที่หวาดกลัวหรือเตรียมตัวแบบลนลาน วันๆอาจไม่เป็นทำอะไรอื่น เอาแต่ติดตามข่าวภัยพิบัติและความหายนะ แล้วก็เอามาคุยกันหน้าดำคร่ำเครียด จนกลายเป็นการยังจิตให้ตกอยู่ในความฟุ้งซ่านระส่ำระสาย ผู้ฟุ้งซ่านระส่ำระสายย่อมมีแต่ความรู้สึกมืดมน ซึ่งก็คือการแสดงอาการของสภาพจิตที่เป็นอกุศลนั่นเอง

    เพื่อตายให้เป็น ถามตัวเองว่าคุณมีทิศแห่งความสว่างให้กับใจหรือยัง ศรัทธาในบุคคลผู้มีความศักดิ์สิทธิ์นั่นแหละ คือทิศแห่งความสว่างของจิต และทางพุทธเราก็ไม่มีบุคคลใด ที่ศักดิ์สิทธิ์ไปกว่าพระพุทธเจ้าและเหล่าพระอรหันต์ เพราะพวกท่านพ้นกิเลสแล้ว มีจิตอันวิสุทธิ์เหนือเทวดาอินทร์พรหม สมควรแก่การวันทาด้วยใจแล้ว

    หากยังหาพระอรหันต์ไม่เจอ หรือไม่แน่ใจว่าใครกันแน่ที่ใช่ ก็ให้หันกลับมายึดพระพุทธเจ้าไว้ก่อน วิธียึดพระพุทธเจ้าที่ดีที่สุด ก็คือศึกษาให้แน่ใจว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไรไว้บ้าง

    ท่านสอนให้หมั่นเตรียมบุญไว้เป็นเสบียง อย่าเอาแต่โกยบาปไปเป็นเครื่องตัดกำลัง รู้อย่างนี้ก็สมควรศึกษาให้เข้าใจว่า บุญไม่ใช่มีแค่ใส่บาตรถวายสังฆทาน แต่มีทั้งการฝึกรินน้ำใจ สละของส่วนเกินให้กับสิ่งมีชีวิตทุกรูปนาม มีทั้งการฝึกอภัย ไม่เก็บไอร้อนแห่งความอาฆาตพยาบาทไว้เผาใจตัวเอง มีทั้งการถือศีลรักษาจิตให้สะอาดปราศจากมลทิน และมีทั้งการเจริญสติบำเพ็ญเพียรภาวนา เพื่อให้รู้วันละนิดวันละหน่อยว่ากายใจนี้ไม่เที่ยง ไม่ใช่อะไรที่เราจะไปบังคับครอบครองมันได้ ถึงเวลาไปก็ต้องไป ไม่มีทางเลี่ยงอื่น

    หากอ่านข้างต้นแล้วรู้สึกไกลตัว ไม่รู้ว่าจะดึงเข้ามาให้ใกล้ตัวได้อย่างไร ก็อาจถามตัวเองง่ายๆว่าใจเรามีปกติร้อนอยู่หรือเย็นอยู่? ถ้ามีปกติร้อนอยู่ก็แปลว่าคุณยังไม่พร้อมจะตาย และอาจถามอีกข้อว่าใจเรามีปกติยึดอยู่หรือปล่อยอยู่? ถ้ามีปกติยึดอยู่ก็แปลว่าคุณยังไม่พร้อมจะจากไป

    ถ้าต้องตายจากไปทั้งยังไม่พร้อม คุณก็ได้ชื่อว่าเสียที เสียโอกาสดีๆที่พบพุทธศาสนาครับ ขออย่าเพิ่งตายเสียก่อนจะเย็นเป็นและปล่อยเป็นกันเลย

    ดังตฤณ
    พฤษภาคม ๕๒

    ที่มา http://palungjit.org
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • smi004.jpg
      smi004.jpg
      ขนาดไฟล์:
      39.9 KB
      เปิดดู:
      1,524
    • pangjame4.jpg
      pangjame4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      39.5 KB
      เปิดดู:
      1,575
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    ประกาศเตือนภัย
    "ฝนตกหนักบริเวณประเทศไทย"


    [​IMG]

    ฉบับที่ 5 (88/2552) ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2552

    หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงยังคงปกคลุมภาคกลางตอนล่าง และภาคใต้ตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

    ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย บริเวณที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มบริเวณจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ตาก อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ อุทัยธานี นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี กาญจนบุรี ราชบุรี ระยอง นครนายก ปราจีนบุรี เพชรบุรี ระนอง ตรัง และสตูล ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันในระยะ 1-2 วันนี้ (15-16 พฤษภาคม 2552)

    ประกาศ ณ วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
    ออกประกาศ เวลา 11.30 น.

    สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา
    กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

    http://www.tmd.go.th/list_warning.php
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    BTS เปิดทดลองใช้ส่วนต่อขยายวงเวียนใหญ่ ประชาชนขึ้นฟรี 3 เดือน

    [​IMG]

    ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีลม พร้อมแล้วสำหรับการทดลองระบบเดินรถตั้งแต่บัดนี้ จนถึง 12 เมษายน รวมระยะทาง 2.2 กม. หลังจากนั้นวิ่งจริงโดยให้ประชาชนขึ้นฟรี 15 พฤษภาคม-12 สิงหาคม 52

    ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยหลังการประชุมคณะผู้บริหารว่า ในวันที่ 13 เม.ย. เวลา 01.00 น. จะเปิดทดสอบเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีลมจากสถานีวงเวียนใหญ่ไปยังสถานีตากสินเป็นครั้งแรก ซึ่งตนและคณะผู้บริหาร กทม.จะร่วมทดสอบการเดินรถในครั้งนี้ด้วย ก่อนที่จะเปิดให้ประชาชนได้ใช้บริการในขั้นทดลองโดยไม่เก็บค่าโดยสารในวันที่ 15 พ.ค. — 12 ส.ค.นี้ และจะเริ่มเก็บค่าโดยสารตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคมนี้ เป็นต้นไป โดยอัตราค่าโดยสารขั้นต่ำจะอยู่ที่ 15 บาท และสูงสุดกำหนดเก็บค่าโดยสาร 40 บาท

    สำหรับโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีลม 2.2 กิโลเมตร จำนวน 2 สถานี คือ สถานีกรุงธนบุรี(S7) และสถานีวงเวียนใหญ่(S8) ขณะนี้งานจัดซื้อพร้อมติดตั้งโครงสร้างพื้นฐาน ระบบราง งานสถานี งานติดตั้งอุปกรณ์ระบบการเดินรถ การเตรียมขบวนรถไฟฟ้า การจัดทำคู่มือการใช้งานและฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ งานเตรียมความพร้อมการซ่อมบำรุงและการดูแลรักษาเสร็จเรียบร้อยแล้ว

    ส่วนงานการติดตั้งระบบตั๋ว การเตรียมความพร้อมการใช้งานของระบบ งานตรวจสอบและรับรองจากผู้ตรวจสอบอิสระ งานประกันความเสียหาย และงานประชาสัมพันธ์ อยู่ระหว่างดำเนินการ ด้านงานจ้างผู้บริหารระบบการเดินรถ ซึ่งกรุงเทพมหานครอยู่ระหว่างดำเนินการจ้างบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด เป็นผู้บริหารจัดการเดินรถ

    งานจัดเก็บค่าโดยสารและข้อตกลงเรื่องการเงิน อยู่ระหว่างจัดทำโครงสร้างค่าโดยสารและจัดทำระบบตั๋วร่วมตามกฎหมาย ข้อกฎหมายการจัดเก็บรายได้ตามระเบียบการเงินและการคลัง อยู่ระหว่างการตราร่างข้อบัญญัติค่าโดยสาร

    การอำนวยความสะดวก ด้านจุดเชื่อมต่อการเดินทางของประชาชนบริเวณสถานีใหม่ 2 สถานีนั้น สถานีวงเวียนใหญ่ มีพื้นที่ในการจอดรถ ซึ่งกำลังออกแบบ จะเร่งรัดการก่อสร้างให้ทันในวันที่ 13 สิงหาคม 2552 สามารถจอดรถยนต์ได้ 300-400 คัน ที่จอดรถโดยสารประจำทางสกายวอล์ก นอกจากนั้นทั้ง 2 สถานี ยังมีลิฟต์โดยสารสำหรับผู้พิการไว้แล้ว

    ที่มาhttp://www.ryt9.com/s/iqry/553502/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>WHO เผยจำนวนผู้ติดเชื้อหวัดใหญ่พุ่งกว่า 1,000 คนในรอบ 1 วัน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>15 พฤษภาคม 2552 19:00 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ยอดผู้ติดเชื้อที่ทางองค์การอนามัยโลกเปิดเผยในวันพฤหัสบดี (14) ที่ผ่านมา</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี - องค์การอนามัยโลกเผย จำนวนผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ล่าสุดในวันนี้ (15) มี 7,520 คน ใน 34 ประเทศ พุ่งขึ้นกว่า 1,000 คน ในรอบ 24 ชั่วโมง

    หนึ่งวันก่อนหน้านี้ หน่วยงานสาธารณสุขของยูเอ็นรายงานว่า มีผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่เอ เอช1เอ้น1 6,497 ราย ใน 33 ประเทศ โดยมีผู้เสียชีวิต 65 คน

    ทั้งนี้ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า สหรัฐฯ มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุดถึง 4,298 ราย เสียชีวิต 3 ราย ส่วนเม็กซิโก ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโรคมีผู้ป่วย 2,446 ราย เสียชีวิต 60 ราย ขณะที่แคนาดามีผู้ป่วย 449 ราย เสียชีวิต 1 ราย และคอสตาริกามีผู้ป่วย 8 ราย เสียชีวิต 1 ราย

    ส่วนประเทศอื่นๆ ที่มีรายงานยืนยันผู้ป่วย ที่ติดเชื้อไวรัสเอ เอช1เอ็น1 นี้ได้แก่ สเปน 100 ราย อังกฤษ 71 ราย ปานามา 40 ราย ฝรั่งเศส 14 ราย เยอรมนี 12 ราย อิตาลี 9 ราย บราซิล 8 ราย อิสราเอล 7 ราย นิวซีแลนด์ 7 ราย

    จีน 4 ราย (รวม 2 รายในฮ่องกง) เอลซัลวาดอร์ 4 ราย ญี่ปุ่น 4 ราย คิวบา 3 ราย กัวเตมาลา 3 ราย เนเธอร์แลนด์ 3 ราย เกาหลีใต้ 3 ราย ฟินแลนด์ 2 ราย นอร์เวย์ 2 ราย สวีเดน 2 ราย

    อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย ออสเตรีย เบลเยียม เดนมาร์ก ไอร์แลนด์ โปแลนด์ โปรตุเกส สวิตเซอร์แลนด์ และไทย ประเทศละ 1 ราย

    ทั้งนี้ ข้อมูลของทางองค์การอนามัยโลกเป็นการรวบรวมรายวันจากผู้ป่วย ที่ได้รับการยืนยันจากห้องแล็บ ของประเทศสมาชิก จึงอาจไม่ตรงกับรายงานของแต่ละประเทศ ที่ออกมายืนยัน
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9520000054640
     

แชร์หน้านี้

Loading...