ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    คำทำนายวันเวลาที่ 11-11
    โดย อ.ปริญญา ตันสกุล

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    จักรวาลได้เผยให้มนุษย์ได้ทราบล่วงหน้าแล้วว่า วันแห่งหายนะซึ่งจะชำระโลกสถานหนักคือเวลาที่ 11-11

    ดวงอาทิตย์ดวงใหญ่นอกระบบเอกภพ พร้อมด้วยดวงจิตจักรวาลจำนวนมาก จะร่วมมือกันส่งคลื่นพลังงานความรักความถี่สูงพร้อมไอเย็นมายังดวงอาทิตย์ของระบบสุริยะ เพื่อสร้างปฎิกิริยาให้เกิดการระเบิดขึ้นบนพื้นผิวของดวงอาทิตย์ ก่อให้เกิดคลื่นความถี่วิทยุและพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กที่เข้มข้นสูงสุด ในรอบหนึ่งหมื่นสองพันปีแผ่กระจายออกมาจากจุดดับบนดวงอาทิตย์ เป็นพายุสุริยะมุ่งสู่ดวงจันทร์และโลก ด้วยอัตราความเร็ว 1 หนึ่งล้านกิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยคลื่นวิทยุความถี่สูง ซึ่งเป็นคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็กเช่นกัน จะเป็นผู้นำทางให้พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าที่เข้มข้นถึงเป้าหมายที่ต้องการได้

    ทันทีที่ดวงจันทร์ได้รับคลื่นพลังงานที่เข้มข้น ซึ่งแผ่ผ่านมาจากดวงอาทิตย์ พลังงานภายในระบบของดวงจันทร์จะถูกอัดกระแทกอย่างรุนแรง ก่อให้เกิดการรวมตัวกันเป็นคลื่นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กที่เข้มข้น ยิ่งกว่าที่ถูกส่งมาจากจุดดับบนดวงอาทิตย์ มันจะดันทะลุจากด้านหนึ่งของดวงจันทร์ที่รับคลื่นพายุสุริยะ พุ่งผ่านมายังดาวโลกอีกทอดหนึ่ง ระหว่างเกิดกระบวนการนี้สามารถจะรับรู้แรงสั่นสะเทือนทางกายภาพของดวงจันทร์ได้ไม่น้อย

    พายุแม่เหล็กทั้งที่เดินทางมาจากดวงอาทิตย์โดยตรง และจากการเสริมพลังของดวงจันทร์บริวารของโลกมีความเข้มข้นสูงมากกว่าปรกติ ส่วนใหญ่จึงสามารถฝ่าแนวแม็กนิโตสเฟียหรือสนามแม่เหล็กโลก ซึ่งห่อหุ้มบรรยากาศโลกเข้ามาได้ เมื่อพายุจากฟ้าพุ่งผ่านเข้ามาสู่บรรยากาศโลกได้ มันจะพุ่งตัวเข้าอัดกระแทกกับพื้นโลกในทันที

    ปรากฎการณ์ทางธรรมชาติอันเป็นผลลัพธ์ของกระบวนการที่เกิดขึ้น จากการกระทำทางเทคนิคต่อดาวเคราะห์โลกจากนอกระบบโลก จะก่อให้เกิดพายุแม่เหล็กในอากาศอย่างรุนแรง ท้องฟ้าวิปริตแปรปรวน และพายุฝนฟ้าคะนองบดบังแสงอาทิตย์อยู่ยาวนาน คลื่นทะเลจะปั่นป่วน ภาวะน้ำท่วมใหญ่จะเกิดขึ้นไปทั่ว ขณะที่สายฟ้าผ่าจะอัดกระแทกมายังพื้นโลกนับครั้งไม่ถ้วน ทุกสิ่งที่ถูกอัดกระแทกมันจะพังทลายลงมากองกับพื้นดินชั่วพริบตาเดียว ไม่ละเว้นแม้แต่สิ่งที่มีชีวิตที่จะต้องล้มลงกับกองเถ้าถ่าน ของซากปรักหักพังเหล่านั้น ผู้ที่เคยสบถสาบานขอให้ฟ้าผ่าตาย แต่ไร้สัจจะพึงระวังตนให้ดี

    นอกจากนั้น ผลการกระทำทางเทคนิคจากนอกระบบโลก ยังจะก่อให้เกิดพายุแม่เหล็กในอากาศกลายเป็นพายุหมุนทอร์นาโดรูปกรวยยักษ์พุ่งเข้ากระแทนพื้นโลกอย่างรุนแรงด้วยเช่นกัน มันจะกวาดชำระทุกสิ่งในเส้นทางการเคลื่อนตัวของมันให้กลายเป็นพื้นที่ราบ ตามอำนาจความรุนแรงของมันดังที่มนุษย์รู้กันอยู่ภายในชั่วพริบตาเดียวเหตุการณ์ร้ายแรงเหล่านี้ มันจะเกิดขึ้นเป็นระยะๆ และถี่ขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่มีใครคาดเดาได้ล่วงหน้าว่ามันจะเกิดขึ้นที่ไหน เมื่อไหร่ ผู้ไม่ประมาทและมีสติเท่านั้น จึงจะมีชีวิตรอดได้ ในท่ามกลางความเลวร้ายที่กล่าวมาแล้ว มนุษย์โลกไม่อาจหลีกเลี่ยงการกระทำทางเทคนิคของจักรวาล อันเป็นปรากฎการณ์เหนือธรรมชาติที่กล่าวนี้ไปได้

    ดินแดนที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเต็มไปด้วยจิตวิญญาณของนักรบแห่งแสงสว่าง ผู้ปฎิบัติตนอยู่ในความดีงามตามคำสอนของพระศาสดาแท้จริงเท่านั้น จะเป็นดินแดนปลอดภัยบนโลกใบนี้หลังจากที่โลกเกิดภาวะวิกฤตอย่างต่อเนื่อง จนถึงการชำระโลกครั้งสุดท้าย พื้นแผ่นดินเป้าหมายที่ถูกกำหนดไว้จะเป็นอาณาเขตแห่งหายะภัยที่มนุษย์โลกคาดไม่ถึง ในวันเวลาที่ 11 นั้นวันเวลาดังกล่าว การกระทำทางเทคนิคจากนอกระบบโลกและการกระทำทางเทคนิคจากในระบบโลกเอง มันจะเกิดขึ้นพร้อมกัน คลื่นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กความถี่สูงที่เป็นพลังเย็นในระดับ 7 จะถูกส่งผ่านเข้ามาพุ่งตรงเข้าหาเป้าหมาย มันจะก่อให้เกิดพายุความเย็นจัดอย่างรุนแรงครอบคลุมไปทั่วเป้าหมายนั้น ขั้วโลกเหนือและขั้นโลกใต้จะปั่นป่วนแนวแกนแม่เหล็กโลกในใจกลางโลก จะเกิดการบิดตัวอย่างรุนแรงขึ้นพร้อมกัน เพราะมันถูกกระตุ้นให้เกิดการระเบิดขึ้นบริเวณของไหลที่อยู่ด้านบน เพื่อเปลี่ยนทิศทางของแนวแกนไปสู่ตำแหน่งที่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว

    มันจะทำให้แผ่นดินใหญ่ของทวีปซึ่งมีมหาสมุทรคั่นกลาง เกิดการบิดตัวอย่างรุนแรงตามไปด้วย ขณะที่โลกจะปลดปล่อยคลื่นพายุแม่เหล็กออกมาอย่างรุนแรง อันเกิดจากการระเบิดภายในนั้นโดยมันจะรวมตัวกันเป็นคลื่นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กที่เข้มข้น ดันทะลุผ่านชั้นเปลือกโลกแต่ละชั้นขึ้นมายังพื้นผิวดิน ทำให้แต่ละชั้นของเปลือกโลกซึ่งกำลังบิดตัวอยู่จะถูกคลื่นพลังงานอันมหาศาลกระแทกอัดให้เกิดการสั่นสะเทือนที่รุนแรง ยิ่งกว่าแผ่นดินไหวครั้งใดๆ ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นมันจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง จากในใจกลางโลกออกมาสู่พื้นผิวด้านบน โดยใช้ระยะเวลาของกระบวนการเพียง 9 นาทีเท่านั้น แต่การสั่นสะเทือนของแผ่นดินจะต่อเนื่องยาวนานร่วม 8 ชั่วโมงเลยทีเดียว

    ผลที่ปรากฎคือ แผ่นดินบางส่วนของภาคพื้นทวีปจะแยกตัวออกจากกัน ตามรอยร้าวของเปลือกโลกแต่ดั้งเดิมน้ำทะเลจะถาโถมเข้ามาแทนที่ บริเวณที่ราบริมฝั่งทะเลของทวีปนั้นจะจมลงใต้น้ำ ขณะที่บริเวณบางแห่งของเมืองใหญ่ พื้นแผ่นดินจะยุบตัวจมหายลงไปเบี้องล่าง พร้อมวัตถุที่ปลูกสร้างฝุ่นฟุ้งเปลวไฟ หมอกควัน และเสียงกัมปนาทมันจะเกิดขึ้นอื้ออึง ภายในเวลาไม่นานนักความสงบเงียบจะเริ่มก่อตัวขึ้นหลังจากนั้น 3 วันเต็ม ทั้งหมดที่กล่าวไว้ไม่ใช่มายา.....ไม่ใช่มายา.... มันคือกระบวนการกระทำทางเทคนิคของจักรวาล เพื่อการชำระระบบโลกเป็นครั้งที่ 4 นับแต่มีมนุษย์ดำรงอยู่บนโลกใบนี้

    ที่มา:- หนังสือวันเวลาที่สิบเอ็ด รหัสแห่งหายะโลก ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากจิตจักรวาลโดย อ.ปริญญา ตันสกุล MBA.,M.S. PARINYA TANSAKUL MBA .,M.S.<!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • core_01.jpg
      core_01.jpg
      ขนาดไฟล์:
      23.4 KB
      เปิดดู:
      7,471
    • core_02.jpg
      core_02.jpg
      ขนาดไฟล์:
      23.1 KB
      เปิดดู:
      10,876
    • core_03.jpg
      core_03.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.3 KB
      เปิดดู:
      7,459
    • core_04.jpg
      core_04.jpg
      ขนาดไฟล์:
      25.9 KB
      เปิดดู:
      7,445
    • core_05.jpg
      core_05.jpg
      ขนาดไฟล์:
      24.4 KB
      เปิดดู:
      7,470
    • 03-800.jpg
      03-800.jpg
      ขนาดไฟล์:
      37 KB
      เปิดดู:
      126
    • 04-800.jpg
      04-800.jpg
      ขนาดไฟล์:
      108.3 KB
      เปิดดู:
      117
    • 06-800.jpg
      06-800.jpg
      ขนาดไฟล์:
      38.3 KB
      เปิดดู:
      126
    • jesus_wept.jpg
      jesus_wept.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32.4 KB
      เปิดดู:
      120
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2009
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "พายุสุริยะ" เรื่องนอกโลกที่ใกล้ตัว

    [​IMG]

    ภายใต้กระบวนการผลิตพลังงานอันร้อนแรงแห่งดาวฤกษ์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ แกนดวงอาทิตย์เร่งปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่นเดือดดาลอยู่ภายในแกนกลาง สะสมเป็นแรงดันระเบิดที่มีอำนาจทำลายล้างสูงกว่าอาวุธร้ายใดๆ ที่มนุษย์เคยคิดค้นขึ้นมา เกือบครึ่งชีวิตของมันแล้วที่ทำหน้าที่ผลิตพลังงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

    ดวงอาทิตย์ให้ทั้งความสว่างและพลังงานแสงอันอบอุ่นต่อโลกของเรา แม้จะอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ถึง 150 ล้านกิโลเมตร แต่บางครั้งกระบวนการผลิตพลังงานของดวงอาทิตย์ อาจจะส่งผลกระทบต่อโลกของเราโดยไม่ตั้งใจ ที่ผ่านมา...คลื่นประจุไฟฟ้าความเร็วสูง หรือ "พายุสุริยะ" จากดวงอาทิตย์เคยซัดมายังโลกของเราหลายครั้งแล้ว?!?

    "...โลกยังโคจรอยู่บนชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์ อนุภาคพลังงานสูงที่ถูกพัดมาจากดวงอาทิตย์ อยู่ในรูปอนุภาคประจุไฟฟ้า เช่น อิเล็กตรอนและโปรตอน เราเรียกสายธารของอนุภาคที่ถูกพัดมาจากดวงอาทิตย์ว่า ลมสุริยะ และในบางครั้งลมสุริยะก็อาจทวีความรุนแรงกว่าปกติ เรียก พายุสุริยะ..." ส่วนหนึ่งของบทความเรื่องพายุสุริยะของ "วิมุติ วสะหลาย" หัวหน้ากองบรรณาธิการวารสารทางช้างเผือก สมาคมดาราศาสตร์ไทย ที่สรุปถึงข้อข้องใจของการเกิดพายุสุริยะ ผ่านการสนทนาทางอิเล็กทรอนิกส์ (แชท) ก่อนจะส่งบทความพายุสุริยะที่เขาเคยแปลและเรียบเรียงไว้ถึง 4 ตอน เพื่ออ้างอิงความรู้เรื่องพายุสุริยะ

    "...ในศตวรรรที่ 12 เป็นช่วงที่ปรากฏการณ์บนดวงอาทิตย์รุนแรงต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ซึ่งสอดคล้องกับช่วงเวลาที่ดินแดนตอนเหนือของโลกมีอุณหภูมิอุ่นเป็นพิเศษ จนมีคนไปตั้งรกรากอยู่บนกรีนแลนด์ได้ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงความเข้มของประจุไฟฟ้ารอบๆ โลก ทำให้สนามแม่เหล็กโลกอาจเหนี่ยวนำไฟฟ้า บนวัตถุที่เป็นตัวนำไฟฟ้าบนผิวโลก อย่างเช่น ท่อส่งน้ำมัน สายไฟฟ้าแรงสูง ถ้าเกิดกรณีดังกล่าวกับสายไฟฟ้าแรงสูง จะทำให้หม้อแปลงระเบิด และระบบส่งจ่ายไฟฟ้าขัดข้อง อย่างที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2532 ที่ควิบิก แคนาดา และเมืองหนึ่งในรัฐนิวเจอร์ซีของสหรัฐอเมริกา"

    พายุสุริยะเกิดขึ้นได้อย่างไร?

    อันดับแรกต้องทำความรู้จักกับปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนดวงอาทิตย์ก่อน ได้แก่ จุดดำ (Sunspot) แฟลร์ (Flare) และคอโรนอล แมส อีเจคชั่น (Coronal Mass Ejection)

    จุดดำ : บริเวณสนามแม่เหล็กที่มีการหมุนเวียนของแก๊ส ที่พวยพุ่งออกมาจากจุดดำบนดวงอาทิตย์ มีวัฏจักรการเกิดเฉลี่ย 11 ปีต่อครั้ง โดยจุดดำมี 2 แบบ คือ จุดดำที่เป็นคู่และจุดดำเดี่ยวๆ โดยจุดดำที่เป็นคู่นั้นเมื่อแก๊สพวยพุ่งหลุดชั้นบรรยากาศ ที่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด (โฟโตสเฟียร์) ก็จะพุ่งกลับไปยังจุดดำอีกจุดที่อยู่คู่กัน ส่วนจุดดำเดี่ยวๆ สนามแม่เหล็กจะพุ่งออกมาจากจุดดำชั้นใน และสาดออกไปสู่อวกาศเป็นที่มาของ ลมสุริยะ นั่นเอง

    ลมสุริยะ มีความเร็วเกือบพันกิโลเมตรต่อวินาที ใช้เวลา 26 ชั่วโมง เดินทางผ่านอวกาศจากดวงอาทิตย์มาถึงโลกมนุษย์ แต่ก็ยังจัดว่ามีความเร็วและความรุนแรงต่ำ แต่ลมสุริยะจะทวีความรุนแรงจนกลายเป็น พายุสุริยะ ก็ต่อเมื่อเกิดปรากฏการณ์ แฟลร์ และ คอโรนอล แมส อีเจคชั่น

    แฟลร์ : เป็นการระเบิดอย่างรุนแรงที่ชั้นบรรยากาศส่วนกลางของดวงอาทิตย์ (โครโมสเฟียร์) โดยจะเกิดเหนือรอยต่อระหว่างขั้วของสนามแม่เหล็ก กึ่งกลางจุดดำแบบคู่ หรือท่ามกลางกระจุกของจุดดำ ที่มีสนามแม่เหล็กปั่นป่วนซับซ้อน

    ทั้งนี้ พลังงานของแฟลร์ลูกหนึ่งอาจมากเท่ากับระเบิดไฮโดรเจนขนาด 100 เมกะตัน 1 ล้านลูกรวมกัน ซึ่งการระเบิดของแฟลร์ จะปล่อยพลังงานความร้อนมหาศาล และสาดอนุภาคประจุไฟฟ้าออกมาอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ช่วยเสริมกำลัง ลมสุริยะ ให้กลายเป็น พายุสุริยะ เดินทางมาถึงโลกในเวลาไม่กี่สิบนาที

    คอโรนอล แมส อีเจคชั่น : เป็นปรากฏการณ์ที่มีความรุนแรงกว่าแฟลร์หลายเท่านัก เพราะมีการสาดมวลสารจำนวนมหาศาล คล้ายฟองมหึมาถูกเป่าออกสู่อวกาศ ด้วยความเร็วสูงนับพันกิโลเมตรต่อวินาที ส่วนสาเหตุการเกิดคอโรนอล แมส อีเจคชั่นนั้น นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกก็ยังมีคำตอบที่ไม่ชัดเจนนัก

    วิมุติ พูดถึงผลกระทบของพายุสุริยะสั้นๆ ได้ใจความว่า เมื่อเกิดพายุสุริยะพัดมายังโลก จะทำให้มือถือใช้ไม่ได้ จีพีเอสใช้ไม่ได้ เพราะดาวเทียมสื่อสารพัง ที่ผ่านมายานสำรวจดาวอังคารของญี่ปุ่นเคยโดนพายุสุริยะซัดพังมาแล้ว นอกจากนี้ยังเคยเกิดไฟดับทั้งเมืองเมื่อปี 2532 ที่ จ.ควิบิก ประเทศแคนาดา มาแล้ว

    อย่างไรก็ตาม หัวหน้ากองบรรณาธิการวารสารทางช้างเผือก ให้คนไทยสบายใจได้ เพราะประเทศไทยและประเทศที่ตั้งอยู่บริเวณเส้นศูนย์สูตรของโลกจะปลอดภัย หรืออย่างน้อยก็ปลอดภัย เพราะเหตุการณ์ไฟฟ้าดับหรือหม้อแปลงระเบิด ส่วนใหญ่มักจะเกิดกับประเทศแถบขั้วโลก ที่มีสนามแม่เหล็กของโลกเท่านั้น! แต่ก็ไม่อาจวางใจได้ ถ้าคนทั่วโลกยังใช้ประโยชน์จากดาวเทียม ที่โคจรอยู่เหนือชั้นบรรยากาศของโลกอยู่ต่อไป!?!

    ด้วยพายุสุริยะที่ซัดมายังโลก อาจพัดมาถูกดาวเทียมที่กำลังโคจรอยู่ จนทำให้เกิดประจุไฟฟ้าขึ้นที่ผิวดาวเทียม ประจุไฟฟ้านี้ทำให้เกิดสัญญาณไฟฟ้ารบกวนกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในของดาวเทียม อาจทำให้ดาวเทียมทำงานผิดพลาดได้

    สอดคล้องกับ ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ที่พูดถึงพายุสุริยะผ่านโทรศัพท์ทางไกลจากเชียงใหม่ ว่าเมื่อเกิดพายุสุริยะนักบินอวกาศ ตลอดจนดาวเทียมที่โคจรอยู่เหนือชั้นบรรยากาศโลก จะได้รับผลกระทบ แต่สิ่งมีชีวิตบนพื้นโลกจะไม่ได้รับผลกระทบ เพราะโลกมีสนามแม่เหล็กเป็นเกราะคุ้มกัน ไม่ให้อนุภาคประจุพลังงานไฟฟ้าทะลุทะลวงมาถึงชั้นบรรยากาศ สิ่งมีชีวิตบนโลกจึงปลอดภัย

    ทั้งนี้ เมื่อลมสุริยะพัดเข้ามาใกล้โลก จะเปลี่ยนทิศทางและตีเกลียวไปตามเส้นแรงแม่เหล็กโลก เมื่ออนุภาคเหล่านี้กระทบถูกบรรยากาศโลกจะถูกดูดกลืนพลังงานไป หรือเกิดปรากฏการณ์แสงเหนือ-แสงใต้ ที่หลายๆ คนรู้จักในชื่อแสงออโลล่าบริเวณขั้วโลกนั่นเอง

    "โลกเรามีสนามแม่เหล็กป้องกันพายุสุริยะ จะเกิดปรากฏการณ์แสงออโลล่าที่ขั้วโลก แถวๆ ทวีปเมริกาเหนือ บางพื้นที่ก็พบแสงออโลล่า 300 วัน หรือเกือบทั้งปี บางครั้งพายุสุริยะก็รบกวนการสื่อสาร โดยเฉพาะคลื่นวิทยุเอเอ็ม ส่วนพวกดาวเทียมจะโดนหนัก ถ้าเกิดแฟลร์หันมาทางโลก อนุภาคประจุไฟฟ้าที่มีความเร็วกว่ากระสุนปืนตกกระทบมาพื้นโลก อย่างที่เคยเกิดขึ้นที่แคนาดา ทำให้หม้อแปลงระเบิด ไฟฟ้าดับทั้งเมืองมาแล้ว" ดร.ศรัณย์ บอกถึงผลกระทบจากพายุสุริยะที่โลกเคยสัมผัส

    อย่างไรก็ตาม รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ย้ำด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า พายุสุริยะไม่น่ากลัวเท่ากับโลกร้อน เพราะชั้นโอโซนที่กรองแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบมายังโลกเหลือน้อยเต็มทีแล้ว ทำให้แสงจากดวงอาทิตย์ส่งมายังพื้นโลกมากขึ้น สภาวะแบบนี้น่ากลัวกว่าการเกิดพายุสุริยะมาก

    คงเหมือนกับผลพวงจากสภาวะโลกร้อน ที่คนเชียงใหม่กำลังเผชิญหมอกควันจากไฟป่าปกคลุมไปทั่วเมือง เพราะโลกกำลังถูกคุกคามจากสภาวะโลกร้อน ด้วยฝีมือของคนบนพื้นโลก แต่ถ้าดาวเคราะห์สีน้ำเงินดวงน้อย ตกอยู่ในคราวเคราะห์ ถูกภัยคุกคามจากนอกโลก อย่างพายุสุริยะซ้ำเติมอีก แล้ว...โลกเราจะมีสภาพเป็นอย่างไร?


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Sunspot.jpg
      Sunspot.jpg
      ขนาดไฟล์:
      59.7 KB
      เปิดดู:
      1,860
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2009
  3. doodee1

    doodee1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    วันที่ 01 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6759 ข่าวสดรายวัน


    "เฮลิคอปเตอร์"สุดจิ๋ว บินสอดแนม-ตรวจหาสารพิษ




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>สำนักข่าวบีซีซีนิวส์ ออนไลน์ รายงานว่านักวิจัยจากบริษัท พร็อกซ์ไดนามิกส์ ประเทศนอร์เวย์ พัฒนาเฮลิคอปเตอร์ขนาดเล็กเท่าซองบุหรี่ ซึ่งจะเป็นอาวุธสำคัญในสนามรบแห่งอนาคต

    "พีดี-100 แบล็ก ฮอร์เน็ต" น้ำหนัก 0.5 กรัม เป็นเฮลิคอปเตอร์ขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพเหนือชั้นกว่าเฮลิคอปเตอร์บังคับด้วยรีโมตคอนโทรลทั่วๆ ไป ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษเพื่อปฏิบัติภารกิจสอดแนม และใช้กลไกบังคับควบคุมที่มีขนาดเล็กและเบาที่สุดในโลก เครื่องยนต์เป็นมอเตอร์ไฟฟ้า ใบพัดมีความยาวสี่นิ้ว ติดตั้งกล้องดิจิตอล และสามารถบินด้วยความเร็ว 32 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากแบตเตอรี่หมด หรือเกิดการชน จะสามารถเปลี่ยนอะไหล่ได้อย่างง่ายดายและราคาย่อมเยา การทดสอบบินภายในอาคารและกลางแจ้งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี

    เฮลิคอปเตอร์จิ๋วลำนี้สามารถซ่อนอยู่ในกระเป๋าเสื้อและปล่อยขึ้นบินภายในไม่กี่วินาที จึงมีประโยชน์อย่างมากในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องมีการสำรวจตรวจตราพื้นที่อันตราย และอาคารที่มีการปนเปื้อนของสารพิษ

    บริษัทผู้ผลิตเปิดเผยว่า จะผลิตเฮลิคอปเตอร์จิ๋วรุ่นนี้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการทหารและการค้า แต่จะขายให้รัฐบาลและหน่วยงานของรัฐเท่านั้น

    วันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6756 ข่าวสดรายวัน


    อัญเชิญพระพุทธสรีรธาตุ ประดิษฐานวัดปทุมวนาราม




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อเร็วๆ นี้ "อาจารย์สมมรรค กั้วพิสมัย" ประธานอำนวยการศูนย์ปฏิบัติธรรมป่าล้อมแก้วเบญจมหาโพธิ์ (สำนักปฏิบัติธรรมบุญเคน) อ.ห้วยผึ้ง จ.กาฬสินธุ์ ประธานชมรมปฏิบัติธรรมพุทธบูชา เขากระโดง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ได้อัญเชิญ "พระพุทธสรีรธาตุ" (พระบรมสารีริกธาตุสำคัญแห่งพระพุทธสรีระ) เพื่อถวาย พระราชพิพัฒนาทร (ถาวร จิตตถาวโร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร ปทุมวัน กรุงเทพฯ เนื่องในโอกาสฉลองอายุวัฒนมงคล 57 ปี โดยอัญเชิญมาถวายประดิษฐานเป็นการถาวร ณ ศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนาราม

    "พระพุทธสรีรธาตุ" (พระบรมสารีริกธาตุสำคัญแห่งพระพุทธสรีระ) รวม 5 สัณฐาน ดังนี้ 1.พระมัตถลุงคธาตุ สัณฐานที่เป็นส่วนสมอง 2.พระหทัยธาตุ สัณฐานสีชมพู ส่วนหัวใจ 3.พระเกศาธาตุ สัณฐานสีดำ ผสมสีน้ำตาล ส่วนเส้นผม 4.พระโลหิตธาตุ สัณฐานสีแดง ส่วนโลหิต 5.พระมหาทันตธาตุ(พระเขี้ยวแก้ว เบื้องล่างซ้าย) สัณฐานสีขาวขุ่น พร้อมด้วยพระอรหันตธาตุ คือพระธาตุของ พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร พระสีวลี (ด้วยวิธีการอัญเชิญตามที่ได้ที่กล่าวในข้อ 2 มูลเหตุพระบรมสารีริกธาตุเสด็จ)

    พระราชพิพัฒนาทร กล่าวว่า "พระบรมสารีริกธาตุ" เป็นปูชนียธาตุเพียงสิ่งเดียว ที่เกิดจากพระวรกายของพระพุทธองค์คือ อัฐิธาตุส่วนต่างๆ ในพระวรกาย ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังจากที่เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้วและถวายพระเพลิงพระบรมศพแล้ว ปรากฏว่า พระวรกายบางส่วน เช่น หนังกำพร้า, เนื้อ, หนัง, ไขข้อ, เอ็น ได้กลายเป็นพระธาตุทั้งหมด หลากหลายสัณฐานทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ส่วนที่ยังคงเป็นชิ้นตามรูปเดิม คือพระอัฐิส่วนหน้าผาก, พระเขี้ยวแก้ว, กระดูกไหปลาร้า, พระรากขวัญ, พระทันต์ทั้ง 36, เส้นผม, ขน และคิ้ว ส่วนที่ไม่ได้คงรูปร่างอยู่เป็นชิ้น ก็แตกย่อย มีทั้งแตกกระจายและไม่แตกกระจาย

    ลักษณะพิเศษของพระบรมสารีริกธาตุ ถ้าสัณฐานขนาดเล็ก เมื่อนำไปลอยน้ำ จะเสด็จลอยเหนือน้ำอย่างน่าพิศวง ถ้าสัณฐานขนาดใหญ่ มักจะไม่ลอยน้ำ ทุกลักษณะ ทุกสัณฐาน มองดูคล้ายกรวด, หิน, แก้ว, เพชร ฯลฯ

    มูลเหตุของพระบรมสารีริกธาตุเสด็จ 1.ผู้ได้รับโดยตรง จากการแจกจ่ายก่อนหน้า พระเจ้าอโศกมหาราช หรือได้รับต่อจากการแบ่งพระบรมธาตุของพระเจ้าอโศกมหาราช จะมากหรือน้อยก็ตาม หากมีพระบรมสารีริกธาตุ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดและสัณฐานแบบไหน หากผู้นั้นปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธองค์อย่างเคร่งครัดแล้ว พระธาตุก็จะเสด็จเข้ามาเพิ่ม จากของเดิมที่มีอยู่ในผอบหรือภาชนะที่รองรับพระบรมสารีริกธาตุนั้น เป็นปูชนียธาตุที่มีเทวดารักษา สามารถแสดงปาฏิหาริย์ได้ เช่น การเพิ่มและลดจำนวนได้เอง การเรืองแสง เปล่งแสงในที่มืด การเสด็จลอยวนในสถานที่บรรจุ การเสด็จผ่านอากาศไปยังสถานที่ต่างๆ การเปลี่ยนสีและรูปร่างได้เอง <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    2.ได้รับโดยการอัญเชิญ จากผู้ที่อัญเชิญอย่างถูกวิธีหรือผู้อัญเชิญที่มีญาณวิสัย (ฤทธิ์) ของผู้มีบุญฤทธิ์และอิทธิปาฏิหาริย์ (วิชาการทางโลกยังค้นคว้าเข้ามาไม่ถึง) 3.พระบรมสารีริกธาตุ หากอยู่ในครอบครองของผู้ที่ได้รับไว้แล้ว แต่ไม่ประดิษฐานไว้ในที่อันควรและที่อันเหมาะสมแล้ว ไม่หมั่นสักการบูชาพระบรมธาตุก็จะเสด็จหนีไปที่อื่น และตรงกันข้ามหากนำไปประดิษฐานไว้ในที่อันเหมาะสมและหมั่นสักการบูชาอย่างสม่ำเสมอ พระบรมธาตุจะเสด็จมาเพิ่มเติมเรื่อยๆ ก็จะพบปาฏิหาริย์อย่างน่าอัศจรรย์

    4.พระบรมสารีริกธาตุ หากเสด็จประทับอยู่ ณ สถานที่ใดหรือบุคคลที่ครอบครองนั้นจะประสบแต่ความสุขความเจริญในทุกๆ ด้าน หากว่าผู้ครอบครองนั้นปฏิบัติดูแลรักษาหรือสักการบูชาอย่างถูกวิธี 5.ผู้เข้าร่วมรับพระบรมธาตุ หรือจัดให้มีการฉลอง ผู้เข้าร่วมฉลองทั้งหมดต้องสมาทานศีล 8

    มูลเหตุที่อัฐิแปรเปลี่ยนเป็นพระบรมธาตุ ผู้ประพฤติปฏิบัติจนสามารถบรรลุธรรมชั้นสูงนั้น พระพุทธเจ้ากล่าวไว้ว่า กายและใจของท่านเหล่านั้น ได้รับการขัดเกลาด้วย วิมุติธรรม อนุสัย และอาสวะ กิเลสทั้งหลายจะค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นพระบรมธาตุ เนื่องจากจิตอันบริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้านั้น มีอำนาจขัดเกลาธาตุขันธ์ให้เป็นธาตุ อันบริสุทธิ์จนบังเกิดเป็นพระบรมธาตุในที่สุด

    การนี้ จึงขอเชิญพุทธศาสนิกชนร่วมบำเพ็ญกุศลถวายสักการะ พระพุทธสรีรธาตุ (พระบรมสารีริกธาตุสำคัญแห่งพระพุทธสรีระ เบญจสัณฐาน) และพระธาตุพระอรหันตธาตุ พระโมคคัลลาน์ พระสารีบุตร และพระสีวลี (ผู้อุดมด้วยโชคโภคทรัพย์) เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนและครอบครัว โดยเปิดให้สักการะทุกวันตั้งแต่เวลา 07.00-20.00 น. ณ ศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนาราม ถนนพระราม 1 เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ (อยู่ระหว่างเซ็นทรัลเวิลด์ กับ สยามพารากอน ถ้ามารถไฟฟ้าบีทีเอส ลงสถานีสยาม)

    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ มูลนิธิถาวรจิตตถาวโรฯ วัดปทุมวนาราม โทร.0-2251-6325, 0-2658-3885 เว็บไซต์ ʶҹ
     
  4. Jaturongktpm

    Jaturongktpm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +181
    [​IMG]
    <meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8"><meta name="ProgId" content="Word.Document"><meta name="Generator" content="Microsoft Word 12"><meta name="Originator" content="Microsoft Word 12"><link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CJATURONG%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><link rel="themeData" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CJATURONG%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_themedata.thmx"><link rel="colorSchemeMapping" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CJATURONG%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtmlclip1%5C01%5Cclip_colorschememapping.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:TrackMoves/> <w:TrackFormatting/> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:DoNotPromoteQF/> <w:LidThemeOther>EN-US</w:LidThemeOther> <w:LidThemeAsian>X-NONE</w:LidThemeAsian> <w:LidThemeComplexScript>TH</w:LidThemeComplexScript> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> <w:SplitPgBreakAndParaMark/> <w:DontVertAlignCellWithSp/> <w:DontBreakConstrainedForcedTables/> <w:DontVertAlignInTxbx/> <w:Word11KerningPairs/> <w:CachedColBalance/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> <m:mathPr> <m:mathFont m:val="Cambria Math"/> <m:brkBin m:val="before"/> <m:brkBinSub m:val="--"/> <m:smallFrac m:val="off"/> <m:dispDef/> <m:lMargin m:val="0"/> <m:rMargin m:val="0"/> <m:defJc m:val="centerGroup"/> <m:wrapIndent m:val="1440"/> <m:intLim m:val="subSup"/> <m:naryLim m:val="undOvr"/> </m:mathPr></w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" DefUnhideWhenUsed="true" DefSemiHidden="true" DefQFormat="false" DefPriority="99" LatentStyleCount="267"> <w:LsdException Locked="false" Priority="0" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Normal"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="heading 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 7"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 8"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="9" QFormat="true" Name="heading 9"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 7"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 8"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" Name="toc 9"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="35" QFormat="true" Name="caption"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="10" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Title"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="1" Name="Default Paragraph Font"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="11" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtitle"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="22" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Strong"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="20" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="59" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Table Grid"/> <w:LsdException Locked="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Placeholder Text"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="1" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="No Spacing"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Revision"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="34" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="List Paragraph"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="29" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Quote"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="30" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Quote"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 1"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 2"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 3"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 4"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 5"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="60" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Shading Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="61" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="62" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Light Grid Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="63" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="64" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Shading 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="65" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="66" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium List 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="67" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 1 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="68" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 2 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="69" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Medium Grid 3 Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="70" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Dark List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="71" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Shading Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="72" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful List Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="73" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" Name="Colorful Grid Accent 6"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="19" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtle Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="21" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Emphasis"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="31" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Subtle Reference"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="32" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Intense Reference"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="33" SemiHidden="false" UnhideWhenUsed="false" QFormat="true" Name="Book Title"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="37" Name="Bibliography"/> <w:LsdException Locked="false" Priority="39" QFormat="true" Name="TOC Heading"/> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Cordia New"; panose-1:2 11 3 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:"Cambria Math"; panose-1:2 4 5 3 5 4 6 3 2 4; mso-font-charset:1; mso-generic-font-family:roman; mso-font-format:eek:ther; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:0 0 0 0 0 0;} @font-face {font-family:Calibri; panose-1:2 15 5 2 2 2 4 3 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1610611985 1073750139 0 0 159 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627400839 -2147483648 8 0 66047 0;} @font-face {font-family:Verdana; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1593833729 1073750107 16 0 415 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-unhide:no; mso-style-qformat:yes; mso-style-parent:""; margin-top:0cm; margin-right:0cm; margin-bottom:10.0pt; margin-left:0cm; line-height:115%; mso-pagination:widow-orphan; font-size:11.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Calibri","sans-serif"; mso-fareast-font-family:Calibri; mso-bidi-font-family:"Cordia New";} span.apple-style-span {mso-style-name:apple-style-span; mso-style-unhide:no;} span.apple-converted-space {mso-style-name:apple-converted-space; mso-style-unhide:no;} .MsoChpDefault {mso-style-type:export-only; mso-default-props:yes; font-size:10.0pt; mso-ansi-font-size:10.0pt; mso-bidi-font-size:10.0pt; mso-ascii-font-family:Calibri; mso-fareast-font-family:Calibri; mso-hansi-font-family:Calibri; mso-bidi-font-family:"Cordia New";} @page Section1 {size:595.3pt 841.9pt; margin:72.0pt 72.0pt 72.0pt 72.0pt; mso-header-margin:35.4pt; mso-footer-margin:35.4pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-priority:99; mso-style-qformat:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:11.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Calibri","sans-serif"; mso-ascii-font-family:Calibri; mso-ascii-theme-font:minor-latin; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-theme-font:minor-fareast; mso-hansi-font-family:Calibri; mso-hansi-theme-font:minor-latin; mso-bidi-font-family:"Cordia New"; mso-bidi-theme-font:minor-bidi;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]“Hello there. I just wanted[/FONT][FONT=&quot]
    2 let you know that please stay away from the beaches all around in the
    month of July. There is a prediction that there will be another tsunami
    hitting on July 22[/FONT]
    <sup>[FONT=&quot]nd[/FONT]</sup>[FONT=&quot].[/FONT][FONT=&quot]
    It is also when there will be sun eclipse. Predicted that it is going 2
    be really bad and countries like Malaysia (Sabah & Sarawak), Singapore,
    Maldives, Australia, Mauritius, Si Lanka, India, Indonesia, Philippines
    are going 2 be badly hit. Please try and stay away from the beaches in
    July. Better 2 be safe than sorry. Please pass the word around. Please
    also pray for all beings.”[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]
    <!--[if !supportLineBreakNewLine]-->
    <!--[endif]--><o:p></o:p>[/FONT]

    [FONT=&quot]เค้าเขียนเตือนมาว่าให้อยู่ห่างจากทะเลในรอบเดือนกรกฏาคมนี้[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]เนื่องจากจะมีเหตการณ์ซึนามิอีกครั้งในวันที่[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]22[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]กรกฏาคม[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]และในเวลานั้นดวงอาทิตย์จะถูกปิดบังรัศมี[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]ทำนายไว้ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายมากและประเทศต่างๆ[/FONT]
    [FONT=&quot]เช่น มาเลย์เซีย (ซาบาห์และซาราวัค)[/FONT] [FONT=&quot],[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]สิงคโปร[/FONT][FONT=&quot],[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]มัลดีฟ[/FONT][FONT=&quot],[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]ออสเตรเลีย[/FONT][FONT=&quot],[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]เมารีทัส[/FONT][FONT=&quot],[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]ศรีลังกา[/FONT][FONT=&quot],[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]อินเดีย[/FONT][FONT=&quot],[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]ฟิลลิปปินส์ จะถูกโจมตีอย่างหนัก[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]กรุณาอยู่ให้ห่างจากทะเลในช่วงเดือนกรกฏาคมดังกล่าวด้วย[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าจะเกิดโศกนาฏกรรม[/FONT]
    [FONT=&quot]กระจายข่าวไปกันให้ทั่วน่ะครับ[/FONT]
    [FONT=&quot]และโปรดช่วยกันสวดภาวนาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง[/FONT]
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เครื่องบินแอร์ฟรานซ์หายไปเหนือมหาสมุทรแอตแลนติก
    [​IMG]

    ปารีส 1 มิ.ย.-เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์ฟรานซ์ พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 228 คน หายไปจากจอเรดาร์บริเวณเหนือมหาสมุทรแอตแลนติกในวันนี้ หลังทะยานออกจากบราซิล

    เจ้าหน้าที่ด้านการบินเปิดเผยว่า เครื่องบินหายไปจากจอเรดาร์เมื่อหลายชั่วโมงที่ผ่านมา และอาจมีปัญหาเกี่ยวกับเครื่องรับส่งเรดาร์ ซึ่งไม่ค่อยปรากฏนัก เครื่องบินดังกล่าวเป็นเครื่องบินแบบแอร์บัส เที่ยวบิน เอเอฟ 447 มีผู้โดยสาร 216 คน และลูกเรืออีก 12 คน ขาดการติดต่อกับหอควบคุมการจราจรทางอากาศเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.วันนี้ ตามเวลาในไทย ขณะข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก หลังเดินทางออกจากนครริโอเดอจาเนโรในบราซิล ไปยังกรุงปารีสของฝรั่งเศส โดยมีกำหนดเดินทางถึงเมื่อเวลา 16.10 น.วันดียวกันตามเวลาในไทย

    ด้านกองทัพอากาศบราซิลได้ส่งเครื่องบินออกค้นหาเหนือบริเวณมหาสมุทรแอตแลนติก นอกชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของบราซิลแล้ว.-สำนักข่าวไทย

    2009-06-01 18:00:41

    เครื่องบินแอร์ฟรานซ์ที่หายไปอาจถูกฟ้าผ่า

    [​IMG]

    บราซิล, ฝรั่งเศส 1 มิ.ย.- เจ้าหน้าที่เชื่อเครื่องบินเครื่องบินโดยสาร สายการบินแอร์ฟรานซ์ ที่หายไปจากจอเรดาร์นอกชายฝั่งบราซิล อาจถูกฟ้าผ่า หลังบินฝ่าพายุท่ามกลางสภาพอากาศแปรปรวน

    เครื่องบินโดยสารแบบแอร์บัส เอ-330 เที่ยวบินที่ 447 พร้อมผู้โดยสาร 216 คนและลูกเรือ 12 คน ออกเดินทางจากสนามบินริโอ เดอ จาไนโร มุ่งหน้าสู่กรุงปารีส ได้หายไปจากจอเรดาร์ เหนือชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกใกล้เกาะเฟอร์นันโด โนรอนย่า ห่างจากชายฝั่งบราซิล 365 กิโลเมตร เครื่องบินได้ส่งข้อความว่าเกิดปัญหาไฟฟ้าลัดวงจรเมื่อเวลา 9 นาฬิกา 14 นาที ตามเวลาในไทย หลังจากบินฝ่าพายุท่ามกลางสภาพอากาศแปรปรวน ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าเครื่องบินอาจถูกฟ้าผ่า ขณะนี้เครื่องบินของกองทัพอากาศบราซิลได้เริ่มการค้นหาแล้ว เช่นเดียวกับเครื่องบินของกองทัพอากาศฝรั่งเศส ที่เดินทางจากฐานทัพในเซเนกัลที่ออกร่วมค้นหาด้วย แต่คาดว่าปฏิบัติการจะเป็นไปอย่างยากลำบาก และซากเครื่องบินรวมถึงกล่องดำอาจจมลงสู้ก้นมหาสมุทร

    ด้านประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ของเครื่องบิน และได้ส่งรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เดินทางไปยังสนามบินชาร์ลส์ เดอ โกล แล้ว หากเครื่องบินประสบอุบัติเหตุจริง พร้อมกับผู้โดยสารและลูกเรือทั้ง 228 คน ก็จะถือเป็นอุบัติเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของแอร์ฟรานซ์.- สำนักข่าวไทย

    2009-06-01 23:15:51

    ชาวบ้านอินเดียจุดไฟเผารถไฟ บาดเจ็บ 30 คน

    [​IMG]

    ปัฏนา 1 มิ.ย.-เจ้าหน้าที่ของทางการอินเดียรายงานว่า มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 30 คน หลังจากชาวบ้านโกรธแค้นจุดไฟเผารถไฟ 2 ขบวน และสถานีรถไฟอีก 1 แห่ง ทางตะวันออกของประเทศในวันนี้ เพื่อประท้วงคำสั่งที่จะไม่หยุดรถตามสถานีย่อย

    รายงานระบุว่า ชาวบ้านได้บังคับให้ผู้โดยสารลงจากรถแล้วจุดไฟเผารถไฟ 2 ขบวนที่สถานีรถไฟซึ่งอยู่ห่างจากเมืองปัฏนา เมืองเอกของรัฐพิหารราว 20 กม. เจ้าหน้าที่และผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า มีผู้บาดเจ็บ 30 คนในเหตุเหยียบกัน ขณะที่ผู้โดยสารต่างกรูกันออกจากสถานีรถไฟ เหตุรุนแรงครั้งนี้เกิดจากการที่กระทรวงรถไฟตัดสินใจที่จะทบทวนการหยุดรถตามสถานีย่อยทั่วรัฐพิหาร เพื่อประหยัดเวลาในการเดินทาง.-สำนักข่าวไทย

    2009-06-01 18:20:13

    บังกลาเทศขอความช่วยเหลือต่างชาติหลังถูกไซโคลนกระหน่ำ

    [​IMG]

    บังกลาเทศ 1 มิ.ย.- บังกลาเทศแถลงวันนี้ว่า กำลังพยายามหาทางช่วยเหลือเหยื่อพายุไซโคลนหลายแสนคนและอาจต้องขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศในการซ่อมแซมบ้านเรือน ถนน และทำนบกั้นน้ำที่ได้รับความเสียหายหนัก

    อิทธิพลของพายุไซโคลนไอลาที่พัดกระหน่ำตอนใต้ของบังกลาเทศและรัฐเบงกอลตะวันตกในอินเดีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปเกือบ 300 คน รัฐมนตรีการจัดการภัยพิบัติของบังกลาเทศ กล่าวว่า มีประชาชนราว 5 แสนคนได้รับความเดือดร้อนจากภัยพิบัติครั้งนี้ ซึ่งทำนบกั้นน้ำถูกทำลายเป็นระยะทางกว่า 1,400 กม. รายงานระบุว่า พื้นที่ทางตอนเหนือของอ่าวเบงกอลประสบปัญหาขาดแคลนน้ำดื่ม

    รัฐมนตรีบังกลาเทศกล่าวว่า บังกลาเทศจะขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศในการช่วยเหลือซ่อมแซมทำนบและที่พักสำหรับผู้ประสบภัย ซึ่งจะต้องกระทำโดยเร็วเพื่อช่วยเหลือประชาชน เจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์กล่าวว่า ประชาชนกว่าหมื่นคนมีอาการท้องร่วง และกว่า 1 ล้านคนขาดแคลนอาหาร น้ำ และที่พัก

    ส่วนอินเดีย ทางการรัฐเบงกอลตะวันตกกำลังขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหาย. -สำนักข่าวไทย

    2009-06-01 17:46:05

    นักวิทยาศาสตร์รัสเซียเผยมนุษย์ต่างดาว ยอมพลีชีพป้องกันอุกกาบาตชนโลก

    [​IMG]

    แอนนาโนวา 1 มิ.ย.-หนังสือพิมพ์เดอะซัน รายงานว่า ดร.ยูริ แลบวิน นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียและประธานมูลนิธิ Tunguska Spatial Phenomenon อ้างว่า ยานอวกาศจากต่างดาวยอมสละชีพ เพื่อป้องกันอุกกาบาตขนาดยักษ์ทำลายล้างโลกเมื่อร้อยปีก่อน

    ดร.แลบวิน ระบุว่า พบแผ่นแร่ควอตซ์ ซึ่งมีเครื่องหมายแปลก ๆ ทำให้คิดว่าน่าจะเป็นชิ้นส่วนของห้องบังคับการของยานอวกาศจากนอกโลก ตกอยู่ใกล้ ๆ กับจุดที่เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงที่ไม่สามารถอธิบายได้ในเขตป่าไซบีเรียเมื่อเดือน มิ.ย. ค.ศ. 1908

    เขาอ้างว่า แผ่นแร่ควอตซ์ ที่พบเป็นหลักฐานยานอวกาศจงใจพุ่งชนอุกกาบาตเพื่อป้องกันการพุ่งชนโลก อย่างไรก็ตาม ดร.แลบวิน อ้างว่าขณะนี้ยังไม่มีเทคโนโลยีที่สามารถพิมพ์เครื่องหมายแปลก ๆ เหล่านั้นออกมาได้ ขณะเดียวกันเขาก็พบแร่เฟอร์รัม ซิลิเกต ที่ไม่สามารถผลิตขึ้นที่ใดในโลกยกเว้นแต่ในอวกาศ

    ทางด้าน นายนิค โป๊ป ผู้เชี่ยวชาญจานบินจากนอกโลก ซึ่งทำการสำรวจบริเวณที่เกิดการระเบิดในไซบีเรียในนามของกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ดร.แลบวิน ได้เสนอทฤษฎีใหม่ที่แปลกประหลาดที่สุด ทำให้จะต้องมีการวิเคราะห์แผ่นแร่ควอตซ์ดังกล่าวเพื่อพิสูจน์ความจริง.-สำนักข่าวไทย

    2009-06-01 16:38:13

    กลาโหมเกาหลีใต้เผยเกาหลีเหนือเตรียมทดลองขีปนาวุธข้ามทวีป

    [​IMG]

    โซล 1 มิ.ย.-โฆษกกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า เห็นสัญญาณหลายประการที่ดูเหมือนว่าเกาหลีเหนือเตรียมทดลองขีปนาวุธข้ามทวีป แต่เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของเกาหลีใต้และสหรัฐ กำลังวิเคราะห์ข้อมูลอยู่ และปฏิเสธที่จะยืนยันรายงานของสำนักข่าวยอนฮัพว่าการยิงขีปนาวุธจะมีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์นี้

    ทั้งนี้สำนักข่าวยอนฮัพ รายงานว่า เกาหลีเหนือได้เคลื่อนย้ายจรวดพิสัยไกลมายังฐานปล่อยในดองชาง-รี ซึ่งตั้งอยู่ที่ชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ขณะที่โฆษกของกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ เปิดเผยด้วยว่า เกาหลีเหนือเพิ่มกิจกรรมทางทหาร โดยเฉพาะที่บริเวณใกล้กับเขตแดนทางทะเลด้านตะวันตก ซึ่งเคยเป็นจุดปะทะกันอย่างนองเลือดระหว่างสองเกาหลีในปี 2542 และ 2545 เกาหลีเหนือได้เพิ่มการซ้อมรบโดยเฉพาะที่บริเวณตามแนวชายฝั่ง มีการใช้กระสุนจริงและเรือยนต์เร็วเพื่อซ้อมยกพลขึ้นบก อีกทั้งสั่งห้ามเรือเข้าไปในบางพื้นที่ในทะเลเหลืองจนกว่าจะสิ้นเดือนกรกฎาคม.-สำนักข่าวไทย

    2009-06-01 14:54:23

    ยอดผู้ติดเชื้อหวัดใหญ่ 2009 ในชิลีพุ่งเป็น 276 คน

    [​IMG]

    ซันติอาโก 1 มิ.ย. - เจ้าหน้าที่สาธารณสุขชิลียืนยันพบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 รายใหม่เพิ่มอีก 26 คนเมื่อวานนี้ ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อทั่วประเทศเพิ่มเป็น 276 คน นับเป็นประเทศที่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อมากที่สุดในอเมริกาใต้

    เจ้าหน้าที่ชิลี ระบุว่า ผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงซันติอาโก นครหลวง ผู้ป่วยส่วนมากมีอาการไม่รุนแรงนัก และต่างพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน มีเพียง 3 คนที่อาการหนักและรักษาตัวในโรงพยาบาล

    ข้อมูลล่าสุดขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า มีผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่กว่า 15,500 คนทั่วโลก และมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 110 คน บรรดาผู้เชี่ยวชาญเกรงว่า ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จะแพร่ระบาดต่อไปในซีกโลกใต้เนื่องจากใกล้เข้าฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงที่มีการระบาดของไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล

    สำหรับตัวเลขผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ยังคงเพิ่มขึ้นในภูมิภาคละตินอเมริกา ขณะที่เมื่อวานนี้ อาร์เจนตินารายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 15 คนทำให้มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 115 คน สาธารณรัฐโดมินิกันพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9 คนทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วประเทศอยู่ที่ 11 คน ขณะที่เปรู มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 40 คน หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 2 คน ส่วนบราซิลพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 4 คน ทำให้มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 20 คน -สำนักข่าวไทย

    2009-06-01 08:47:39

    ยอดผู้ติดเชื้อหวัดใหญ่ 2009 ในฟิลิปปินส์พุ่งแตะ 21 ราย

    [​IMG]

    มะนิลา 1 มิ.ย. - นายฟรานซิสโก ดูเก รัฐมนตรีสาธารณสุขฟิลิปปินส์ เผยว่า พบผู้ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 รายใหม่เพิ่มอีก 5 คน ทำให้ฟิลิปปินส์มีผู้ติดเชื้อแล้วทั้งสิ้น 21 คน

    รัฐมนตรีสาธารณสุขฟิลิปปินส์ กล่าวว่า ผู้ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ในวันนี้เป็นแขก 2 คน ที่ไปร่วมพิธีสมรสซึ่งมีชาวไต้หวัน 2 คน ไปร่วมงานด้วยก่อนล้มป่วยหลังเดินทางกลับไปไต้หวันเมื่อต้นเดือนที่ผ่าน ส่วนผู้ติดเชื้ออีก 3 คน เดินทางกลับจากการท่องเที่ยวในสหรัฐ ทำให้ขณะนี้ฟิลิปปินส์มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 21 คน แบ่งเป็นชาวฟิลิปปินส์ 20 คน และเด็กชายชาวต่างชาติวัย 13 ปีคนหนึ่ง ในจำนวนนี้มีอยู่ 7 คน ที่มีผลเป็นลบในการตรวจซ้ำครั้งที่ 2 และอีก 3 คนออกจากโรงพยาบาลแล้ว ส่วนอีก 4 คน กำลังจะถูกส่งตัวกลับบ้านวันนี้.-สำนักข่าวไทย

    2009-06-01 14:39:52

    ผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายของเรือไททานิคเสียชีวิตแล้ว

    [​IMG]

    ลอนดอน 1 มิ.ย. - สมาคมบริติช ไททานิค โซไซตี้ ระบุว่า น.ส.มิลล์วินา ดีน ผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายจากโศกนาฏกรรมเรือไททานิคล่มเมื่อปี 2455 เสียชีวิตในอังกฤษเมื่อวานนี้ ขณะมีอายุ 97 ปี

    สมาคมบริติช ไททานิค โซไซตี้ แถลงว่า น.ส.ดีน ซึ่งเป็นประธานกิตติมศักดิ์ของสมาคมฯ เสียชีวิตลงแล้วเมื่อวานนี้ ขณะที่เว็บไซต์ Encyclopedia Titanica ระบุว่า น.ส.ดีน ล้มป่วยอย่างฉับพลัน ด้านสื่อมวลชนอังกฤษรายงานว่า เธอเสียชีวิตที่บ้านพักคนชราแห่งหนึ่งในเขตแฮมป์เชียร์ ทางตอนใต้ของอังกฤษ แต่เจ้าหน้าที่บ้านพักคนชราไม่ยอมให้ข้อมูลใดๆ ขณะที่ประธานสมาคมไททานิค อินเตอร์เนชั่นแนล โซไซตี้ แสดงความเสียใจกับการจากไปของ น.ส. ดีน ซึ่งเป็นผู้เกี่ยวข้องกับเรือไททานิคคนสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ และว่าเรื่องราวชีวิตของเธอก่อให้เกิดแรงบันดาลใจ เพราะแสดงให้เห็นถึงความหวังหลังเผชิญกับเคราะห์กรรม และสอนให้รู้ว่ายังมีชีวิตที่สมบูรณ์ และมีคุณค่าได้แม้เผชิญโศกนาฏกรรม และความสูญเสีย

    น.ส.ดีน เกิดเมื่อเดือน ก.พ.2455 และมีอายุเพียง 9 สัปดาห์ ขณะโดยสารเรืออาร์เอ็มเอส ไททานิค พร้อมครอบครัวที่เมืองเซาแทมป์ตัน เพื่อย้ายไปตั้งรกรากใหม่ในรัฐแคนซัส ของสหรัฐ แต่เรือซึ่งได้ชื่อว่า “ไม่มีวันจม” กลับชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งในมหาสมุทรแอตแลนติกในคืนวันที่ 14 เม.ย.2455 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1,500 คน ในจำนวนนั้นรวมทั้งบิดาของ น.ส.ดีน ขณะที่เธอรอดชีวิตพร้อมพี่ชายและมารดา จากนั้นได้กลับไปอยู่ที่เมืองเซาแทมป์ตัน ตามข้อมูลของเว็บไซต์ Encyclopedia Titanica ระบุว่า เธอไม่เคยสมรส ทำงานเป็นช่างทำแผนที่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จากนั้นก็ทำงานกับบริษัทวิศวกรในเซาแทมป์ตัน และกลายเป็นคนดังหลังมีการพบซากเรือไททานิคในปี 2528

    น.ส.ดีน ตกเป็นข่าวอีกครั้งหลังนำสิ่งของส่วนตัว ซึ่งรวมทั้งกระเป๋าเดินทางอายุ 100 ปีที่บรรจุเสื้อผ้าที่ครอบครัวได้รับบริจาคจากชาวนิวยอร์กเมื่อเดินทางถึงนครนิวยอร์กของสหรัฐ หลังได้รับการช่วยชีวิตออกประมูลเมื่อเดือน ต.ค.ปีก่อน เพื่อหาเงินจ่ายค่าบ้านพักคนชรา และเมื่อเดือนก่อนบรรดาเพื่อนพ้อง ร่วมกับสมาคมบริติช ไททานิค โซไซตี้ และสมาคมเบลฟาสต์ ไททานิค โซไซตี้ ได้ตั้งโครงการระดมเงินช่วยเหลือเธอ ซึ่งในบรรดาผู้ร่วมบริจาคเงินคือ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ และ เคต วินสเลต คู่ขวัญจากภาพยนตร์เรื่องไททานิค รวมทั้ง เจมส์ คาเมรอน ผู้กำกับของเรื่อง. -สำนักข่าวไทย

    2009-06-01 11:35:31

    ที่มา http://news.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ผงะภาพกู้ภัยชำแหละศพแล่ 'เนื้อสดๆ' ข้างวงข้าว</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>สยองว่อนเน็ต ภาพชุดภู้ภัยงัดโลงชำแหละศพชายหนุ่ม ตัดคอ หั่นแขนขา ผ่าไส้จะ ๆ แยกเนื้อออกจากกระดูก แถมทำไม่เข้าท่า

    เอามือศพมาทำสัญลักษณ์ “ไอ เลิฟ ยู” ก่อนนำชิ้นส่วนไปต้มในถัง 200 ลิตร ผงะภาพต่อเนื่องกัน เป็นรูปเจ้าหน้าที่กินข้าวเอร็ดอร่อย เหมือนต้องการสื่อให้เห็นว่าเป็นการ เปิบเนื้อมนุษย์ ด้านรองประธานมูลนิธิกู้ภัยสว่างฯ ปราณบุรี โต้ภาพที่เห็นเป็นงานล้างป่าช้าช่วงเดือน มี.ค. เผย จนท. ต้องจัดการศพให้เหลือแต่กระดูกเพื่อฌาปนกิจ ระหว่างนั้นทานอาหารเที่ยงเป็นกะเพราเจ เชื่อคนเผยแพร่เมล์สยองจิตไม่ปกติ

    มือดีโพสต์ภาพกู้ภัยชำแหละศพสุดสยองครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 พ.ค.

    ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครศรีธรรมราช รายงานว่า ได้มีการโพสต์รูปการชำแหละศพมนุษย์เผยแพร่ทางอีเมล ชื่อ “งานล้างป่าช้ามูลนิธิหัวหิน 13 มี.ค. ภาค 3 ..สยองจ้า” จนมีการส่งต่อ ๆ กันไปอย่างแพร่หลาย ทำให้ผู้ที่พบเห็นพากันวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางถึงความไม่เหมาะสม และน่าสยดสยอง โดยภาพดังกล่าวมีจำนวน 49 ภาพ เป็นภาพการทำงานเก็บศพของเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิหลาย ๆ แห่งที่ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกัน ทั้งหมดเป็นภาพแสดงขั้นตอนการชำแหละศพชายฉกรรจ์คนหนึ่งอย่างละเอียด โดยเจ้าหน้าที่ฯเกือบ 10 คน ลงมือชำแหละศพผู้ชายอายุประมาณ 35-40 ปี ที่นอนอยู่บนโลงศพออกเป็นชิ้นใหญ่ เช่น ตัดคอ แขน ขา อวัยวะภายในทั้ง ตับ ไต ม้าม ปอด ที่ยังดูสด ๆ นำออกมาวางกองไว้

    ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ชิ้นเนื้อของศพยังสด มีสีแดงเหมือนเนื้อวัวหรือเนื้อแดงของสัตว์ทั่ว ๆ ไป และยังมีเลือดไหลออกมาด้วย

    หลังจากชำแหละออกมาเป็นชิ้นใหญ่ ๆ แล้ว เจ้าหน้าที่ฯ ได้ช่วยกันชำแหละเนื้อแดงออกเป็นชิ้นเล็ก ขนาดเหมือนการเตรียมเนื้อประกอบอาหารทั่ว ๆ ไป ส่วนกระดูกได้รวบรวมกองไว้อีกกอง โดยพบภาพเจ้าหน้าที่ฯหญิงคนหนึ่ง นำมือของศพที่ถูกหั่นออกมาทำเป็นสัญลักษณ์บอกรัก “ไอ เลิฟ ยู” ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แจ่มใส จากนั้นมีการนำกระดูกและชิ้นส่วนศพที่ชำแหละแล้วทั้งหมด ไปต้มในน้ำเดือดปุด ๆ ที่อยู่ในถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร อย่างไรก็ตามภาพต่อเนื่องกัน เป็นภาพเจ้าหน้าที่ฯกำลังรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เหมือนจงใจสื่อให้คนที่ดูรูปภาพเข้าใจว่ามีการชำแหละศพมนุษย์เพื่อนำเนื้อไปประกอบอาหาร

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>น.ส.กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ หนึ่งในผู้ที่มีภาพทั้งหมดส่งเข้ามาในอีเมล กล่าวว่า ทันทีที่เห็นภาพดังกล่าวตนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง

    ในเบื้องต้นตนเข้าใจว่าเป็นการชำแหละศพมนุษย์สด ๆ เอาเนื้อมาประกอบอาหาร โดยทุกขั้นตอนมีการบันทึกภาพไว้อย่างละเอียด ซึ่งเจ้าหน้าที่ฯ แต่ละคนไม่ได้แสดงออกถึงความสะอิดสะเอียนออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย ต่างมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เหมือนกับว่ากำลังช่วยกันชำแหละหมูหรือวัว ซึ่งตนไม่เข้าใจจุดประสงค์ของการเผยแพร่ภาพดังกล่าว และจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าการส่งภาพมายังอีเมลของตนนั้นได้มีการส่งไปให้ในอีเมลคนอื่น ๆ ในคราวเดียวกันนับร้อยราย

    ต่อมาผู้สื่อข่าวพบว่าชื่อฟอร์เวิร์ดเมล สยอง มีการกล่าวอ้างถึงชื่องานล้างป่าช้ามูลนิธิหัวหิน 13 มี.ค. 52 จึงตรวจสอบจนทราบข้อเท็จจริง

    ว่า ช่วงเดือน มี.ค. ทางมูลนิธิกู้ภัยสว่างแผ่ไพศาลธรรมสถานปราณบุรี อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้มีการจัดงานล้างป่าช้าตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค.-10 พ.ค. รวม 64 วัน จึงได้สอบถามไปยังนายชวลิต รัตนสุทธิกุล รองประธานและเลขามูลนิธิฯ จนทราบความจริงว่า เหตุการณ์ในฟอร์เวิร์ดเมล เกิดขึ้นเมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 13 มี.ค. เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ และเครือข่าย กำลังช่วยกันจัดการกับศพไร้ญาติที่ปรากฏในภาพอีเมล ด้วยการแล่เนื้อหนังทิ้ง เพราะต้องการนำแต่กระดูกเพื่อเข้าเตาเผา กระทั่งถึงช่วงเที่ยง นายชวลิตได้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าจะทานข้าวกลางวันกันตรงจุดที่ชำแหละศพเลยไหม และ ทุกคนก็ตอบตกลงอย่างไม่รังเกียจ เพราะก่อนที่เจ้าหน้าที่จะมาร่วมล้างป่าช้า ต้องถือศีลกินเจเพื่อให้จิตใจบริสุทธิ์ ไม่รังเกียจศพไร้ญาติเหล่านี้ จากนั้นได้มีการแจกจ่ายอาหารเจ ซึ่งเป็นผัดกะเพราเต้าหู้ให้เจ้าหน้าที่รับประทาน ไม่ใช่การรับประทานเนื้อศพแต่อย่างใด

    “เราต้องเอาแต่กระดูกจากศพไร้ญาติเพื่อเข้าเตาเผารวมแต่แยกชาย-หญิง โดยฌาปนกิจศพทั้งหมดไปเมื่อวันที่ 21 มี.ค. เป็นชาย 412 ศพ หญิง 204 ศพ เด็ก 128 ศพ และนางฟ้า หรือศพผู้หญิงที่ไม่เน่าเปื่อย 3 ร่าง ผมคิดว่าคนที่นำภาพไปเผยแพร่ในลักษณะให้ร้ายว่าเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ แล่เนื้อศพมารับประทานคงเป็นพวกที่จิตไม่ปกติ พวกเราที่มาทำงานการกุศลต้องถือศีลกินเจในช่วงเวลาดังกล่าวอย่างเคร่งครัด” นายชวลิต กล่าว

    ด้านนายวิสิฐ อรุณสกุล ประธานมูลนิธิใต้เต็กตึ๊งนครศรีธรรมราช เปิดเผยกรณีที่พบบุคคลในภาพฟอร์เวิร์ดเมลสยอง ที่ใส่เสื้อของมูลนิธิใต้เต็กตึ๊งสีกรมท่าว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้น และเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นจริง เพราะทางมูลนิธิฯ จะมุ่งเน้นเรื่องของการช่วยเหลือสังคม เชื่อว่ามีการแอบอ้างมากกว่า.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    image002.png [​IMG]
    DSC09751.JPG
    [​IMG]
    DSC09753.JPG
    [​IMG]
    DSC09761.JPG
    [​IMG]
    DSC09762.JPG
    [​IMG]
    DSC09763.JPG
    [​IMG]
    DSC09764.JPG
    [​IMG]
    DSC09765.JPG
    [​IMG]
    DSC09766.JPG
    [​IMG]
    DSC09767.JPG
    [​IMG]
    DSC09768.JPG
    [​IMG]
    DSC09769.JPG
    [​IMG]
    DSC09770.JPG
    [​IMG]
    DSC09771.JPG
    [​IMG]
    DSC09772.JPG
    [​IMG]
    DSC09773.JPG
    [​IMG]
    DSC09774.JPG
    [​IMG]
    DSC09775.JPG
    [​IMG]
    DSC09776.JPG
    [​IMG]
    DSC09777.JPG
    [​IMG]
    DSC09779.JPG
    [​IMG]
    DSC09780.JPG
    [​IMG]
    DSC09782.JPG
    [​IMG]
    DSC09783.JPG
    [​IMG]
    DSC09784.JPG
    [​IMG]
    DSC09785.JPG
    [​IMG]
    DSC09787.JPG
    [​IMG]
    DSC09788.JPG
    [​IMG]
    DSC09789.JPG
    [​IMG]
    DSC09790.JPG
    [​IMG]
    DSC09791.JPG
    [​IMG]
    DSC09792.JPG
    [​IMG]
    DSC09793.JPG
    [​IMG]
    DSC09795.JPG
    [​IMG]
    DSC09796.JPG
    [​IMG]
    DSC09797.JPG
    [​IMG]
    DSC09798.JPG
    [​IMG]
    DSC09809.JPG
    [​IMG]
    DSC09810.JPG
    [​IMG]
    DSC09811.JPG
    [​IMG]
    DSC09813.JPG
    [​IMG]
    DSC09814.JPG
    [​IMG]
    DSC09815.JPG
    [​IMG]
    DSC09817.JPG
    [​IMG]
    DSC09818.JPG
    [​IMG]
    DSC09819.JPG
    [​IMG]
    DSC09820.JPG
    [​IMG]
    DSC09822.JPG
    [​IMG]
    DSC09824.JPG
    [​IMG]
    DSC09825.JPG
    เผื่อว่าบางท่านยังไม่ได้ดูครับ...
     
  7. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>เหยื่อเงินกู้โหดบ้านแตก-ใช้หนี้ด้วยชีวิต</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>แม้กลุ่มปล่อยเงินกู้และแก๊งทวงหนี้จะถูกจัดเป็นหนึ่งใน 15 กลุ่มมาเฟียมาตั้งแต่รัฐบาล ในยุคสมัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ปัจจุบันมาเฟียประเภทนี้ก็ยังมีให้เห็นดาษดื่น ทั้งในรูปลักษณ์ใบปลิวปล่อยเงินกู้ เงินด่วนทันใจ

    หรือแม้แต่ "กลุ่มทวงหนี้" ที่ทั้งหมดเป็นชายฉกรรจ์ขี่ จยย.ซ้อนสอง สวมแจ็กเก็ต กางเกงสแล็ค รองเท้าหนัง หมวกกันน็อกปิดหน้าตา จนแทบจะกลายเป็นเครื่องแบบอันเป็นบุคลิกพิเศษของคนกลุ่มนี้ หลายคนเรียกว่า "พวกหมวกกันน็อก"

    ชาวบ้านร้านตลาดต่างตกเป็นหนี้นอกระบบเหล่านี้กันอย่างมากมาย ว่ากันว่า หากหลงเข้าไปในวังวน "หนี้รายวัน" แล้ว ยากที่จะเดินออกมาได้อย่างปลอดภัย ที่น้อยสุดก็แทบหมดตัว แต่ส่วนใหญ่ชีวิตที่เหลืออยู่พลิกผันเหมือนตกนรก
    จึงมีไม่น้อยเลยที่ตัดสินใจ "จบชีวิต" เพื่อหนีหนี้


    เฉกเช่นกรณี นางสุนทรา โสกุล แม่ค้าขายผักใน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ที่ตัดสินใจผูกคอตายจบชีวิตตัวเองด้วยวัยเพียง 46 ปี เพียงเพราะเป็นหนี้นอกระบบ 3,000 บาท ตัดช่องน้อยทิ้งสามีและลูกอีก 4 คนไป


    ที่น่าอนาถคือ ความตายของเธอยังไม่หนำใจกลุ่มทวงหนี้ ที่ยังเฝ้าอุตส่าห์ตามมาดูงานศพให้เห็นกับตา แถมยังขอใบมรณบัตร เพื่อนำกลับไปเป็นหลักฐานยืนยันกลุ่มนายทุนว่า...ตายจริงๆ


    ก่อนหน้าที่คนหนึ่งคนจะตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง ย่อมต้องประสบปัญหาที่ไร้ทางออก เดือดร้อนถึงขีดสุด "สุนทรา" ก็เช่นกัน เมื่อเงินจากการขายผักไม่พอใช้ ตัดสินใจกู้เงิน "ทันใจ" 3,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 20 บาทต่อวัน ต้องจ่ายทั้งต้นทั้งดอกให้ครบภายใน 10 วัน ดังนั้นแต่ละวัน "สุนทรา" ต้องจ่ายค่าดอกเบี้ย 600 บาท เงินต้น 300 บาท รวมเป็น 900 บาท ทั้งหมด 10 วัน เงิน 3,000 บาทก็จะงอกเงยเป็น 9,000 บาททันที


    เมื่อขาดส่งก็ถูกพวกหมวกกันน็อกขู่ เดือดร้อนต้องไปยืมเงินเพื่อนบ้าน แต่ทุกคนก็จนเหมือนกัน เมื่อหมดทาง "สุนทรา" จึงตัดสินใจใช้หนี้ 3,000 บาทด้วยชีวิต !!!


    ฟากหมู่บ้านโนนสว่าง ต.ปากปวน อ.วังสะพุง จ.เลย ครอบครัวคนเก็บขยะอย่างนางบัวก่อง ก็อยู่ในภาวะเครียดจัดจากหนี้นอกระบบเช่นกัน จนคิดจะฆ่าตัวตาย ถึงขั้นเขียนจดหมายลาตายไว้แล้ว แต่ก็เปลี่ยนใจสุดท้ายประกาศขายลูกสาววัย 18 ปีใช้หนี้แทน


    คนเก็บขยะที่แทบไม่มีเครดิตทางสถาบันการเงินใดๆ กลับสามารถกู้เงินและเอาทอง (รายวัน) จากนายทุนหลายรายรวมยอดเงินทั้งหมดกว่า 1 แสนบาท ต้องจ่ายดอกเบี้ยวันละหลายพันบาท เรียกได้ว่าใครมาเก็บก่อนได้ก่อน ส่วนใครมาทีหลังก็ขู่ทำร้าย พยายามรีดเงินให้ได้...จนนำไปสู่การตัดสินใจขายลูกสาวใช้หนี้

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ประพาส โงกสูงเนิน ประธานสภาเครือข่ายประชาชน 4 ภาค มองว่า

    ปัญหานายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบถือว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทุกพื้นที่ของภาคอีสาน ถือว่าเป็นตัวทำร้ายสังคมให้เน่าเฟะ ส่วนหนึ่งเกิดจากเศรษฐกิจไม่ดี ถูกมอมเมาด้วยหนี้สิน อย่างกรณีการประกาศขายลูก เพื่อหาเงินใช้หนี้ ทำให้รู้ว่าสังคมล้มเหลวมาก รัฐบาลควรเข้ามาควบคุมดูแลหากกฎหมายมาดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับคนทำนาบนหลังคน

    อีกมุมหนึ่งพื้นที่ภาคอีสานถือว่า มีคนอพยพไปขายแรงงานมากสุด ปล่อยบ้านให้คนแก่อยู่กับเด็ก แต่ปัจจุบันหลายบ้านปิดเงียบ เหตุเพราะหนีหนี้ !!!


    ที่บ้านหนองขาม ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น หมู่บ้านที่เคยคึกคักตามวิถีชีวิตคนเมือง แต่สภาพวันนี้แทบแตกต่างอย่างสิ้นเชิง อุดม สุทุม อดีตผู้ใหญ่บ้าน เล่าว่า ประชากรในหมู่บ้านมีจำนวนกว่า 1,300 คน สำรวจพบว่ากว่าครึ่งหรือประมาณ 500 ครอบครัวเป็นหนี้นอกระบบ มีคนหนีหนี้ไปแล้ว 5 รายและที่หนีไปแล้วกลับมาใหม่ 2 ราย


    สภาพวิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่ นอกจากคนในชุมชนแล้ว แต่ละวันยังมีพวก "ทวงหนี้" ขี่จักรยานยนต์วนเวียนเข้ามาวันละหลายเจ้าหลายรอบ ลูกหนี้รายไหนไม่มีเงินจ่ายก็ถูกขู่ ถูกทำร้าย บางทีก็มายกทรัพย์สินในบ้านทั้งโทรทัศน์ ตู้เย็น มอเตอร์ไซค์ เครื่องเสียงบางรายที่ติดหนี้อยู่หลายบริษัทก็ต้องปิดบ้านหลบหนีไปอยู่ต่างจังหวัด ทำให้ครอบครัวแตกแยก


    "เอ๋" ลูกหนี้รายหนึ่ง เล่าว่า

    มีอาชีพขายอาหารตามสั่ง เมื่อขาดเงินหมุนก็ไปกู้เงินจากนอกระบบ โดยได้หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อจากใบปิดโฆษณาตามเสาไฟฟ้า
    ครั้งแรกกู้เงินมา 1 หมื่นบาท ต้องจ่ายวันละ 150 บาท 90 วัน รวมเป็นเงิน 13,500 บาท


    ยิ่งกู้หนี้ยิ่งจนลง "เอ๋" ตัดสินใจใช้บริการเงินกู้บริษัทที่สองมาหมุนจ่ายบริษัทแรก ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นงูกินหาง สุดท้าย "เอ๋" เป็นหนี้ทั้งหมด 9 บริษัท รายละ 3,000-10,000 บาท เมื่อหมดปัญญาใช้เงิน ถูกยึดทรัพย์สิน ถูกขู่ทำร้าย เขาต้องตัดสินใจทิ้งบ้านที่อยู่มาทั้งชีวิต ทิ้งครอบครัวไปตั้งหลักที่ภาคตะวันออก ถิ่นที่ไม่คุ้นเคย เพียงเพื่อเอาชีวิตรอดจากเงื้อมมือ "พวกหมวกกันน็อก"

    "ธวัชชัย โง่นชาลี" อายุ 51 ปี เดิมมีครอบครัวที่แสนอบอุ่นอยู่ ต.บัวเงิน อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ปัจจุบันกลับกลายเป็นคนสิ้นไร้ไม้ตอก ต้องมาอยู่ที่ศูนย์อพยพคนไทยไร้แผ่นดิน จ.นครราชสีมา เล่าว่า เคยปลูกอ้อย 300 ไร่ป้อนผลผลิตให้โรงงานน้ำตาล แต่ต้องหมดตัวเมื่อตัดสินใจผิดพลาด ด้วยการนำโฉนดที่ดินพร้อมบ้านจำนวน 3 แปลง ไปจำนองกู้เงิน 3 แสนบาทมาซื้ออ้อยและปุ๋ย ต้องชำระดอกเบี้ยร้อยละ 3 บาททุกเดือน เฉลี่ยเดือนละ 9,000 บาท


    ทว่าความระทมทุกข์ครั้งนั้นของ "ธวัชชัย" จะอยู่ในความทรงจำไม่นาน เพราะเมื่อเงินขาดมือ ก็หันกลับไปใช้บริการกู้เงินนอกระบบ นำบ้านและที่ดินจำนำอีกครั้ง จำนวน 3 แสนบาท แต่อ้อยก็มาถูกไฟไหม้เสียหายอีก


    คราวนี้นอกจากไม่มีเงินใช้หนี้นายทุนแล้ว หนี้ญาติที่ยังคงค้างชำระอยู่ก็ถูกตามทวงเช่นกัน ที่สุดบ้านที่ดินถูกยึด หนี้สินพอกพูนมหาศาลทั้งหมดรวม 5 ล้านบาท ต้องหนีมาอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพคนไทยไร้แผ่นดิน


    จากข้อมูลของตำรวจพบว่า

    ปัจจุบันกลุ่มนายทุนเงินกู้ที่มาหากิน สูบเลือดเนื้อคนอีสาน นอกจากจะมีคนในพื้นที่แล้วยังมีกลุ่มที่มาจากพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก โดยเฉพาะนายทุนจาก อ.แม่กลอง จ.สมุทรสงคราม เป็นรายใหญ่ นอกจากนี้ยังมีนายทุนจาก จ.สิงห์บุรี สมุทรสงคราม และนครสวรรค์


    ทั้งหมดทั้งมวลเป็นกลุ่มอิทธิพลที่มี "คนมีสี" หรือ "นักการเมือง" หนุนหลัง


    นี่คือ "เงินกู้ดอกโหด คนโหด" เติบโตแผ่ขยายเครือข่าย ทำงานแบบเปิดเผย ทวงจริง กระทืบจริง


    ทำราวกับบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป !!

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>เครียดพิษศก.ฆ่าลูกเมียลูก-ฆ่าตัว3ศพ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 31 พ.ค. 2552 พ.ต.ท.ภัทรพล โพธิอะ สารวัตรเวรสภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์

    รับแจ้งมีเหตุยิงกันตาย มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ในห้องแถวให้เช่าริมถ.มหาราช 2 ในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ไตรวิช น้ำทองไทย ผกก.สภ.เมืองประจวบฯ เจ้าหน้าที่วิทยาการ แพทย์เวร รพ.ประจวบฯ และมูลนิธิสว่างประจวบธรรมสถาน พบเป็นห้องแถวให้เช่าชั้นเดียว อยู่ติดกันจำนวน 8 ห้อง โดยห้องที่เกิดเหตุเป็นห้องเลขที่ 209/4

    จากการตรวจสอบในห้องนอน พบศพผู้เสียชีวิต 3 ราย คือ นายคมสัน คงงาม อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 52/6 หมู่ 2 ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบฯ

    สภาพศพถูกยิงเข้าที่หน้าอก 1 นัด นอนคว่ำหน้า ทับร่างศพที่ 2 คือ ด.ช.วริศ คงงาม หรือน้องอาร์ม อายุ 4 ขวบ ลูกชายของผู้ตาย ซึ่งถูกยิงเข้าที่หน้าอก 1 นัด ส่วนศพที่ 3 นางพิไลลักษณ์ คงงาม อายุ 35 ปี ภรรยานายคมสัน และเป็นแม่ของน้องอาร์ม นอนหงายตายอยู่ด้านล่างของที่นอน สภาพศพถูกยิงเข้าที่หน้าอก 1 นัด โดยมีร่างของน้องอาร์มและสามีนอนทับอยู่ด้านบน คาดว่าศพทั้ง 3 น่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมง บนที่นอนยังพบอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 ซึ่งเป็นของนายคมสันต์ ตกอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน


    จากการสอบสวน นายประนอม กุลโคก อายุ 38 ปี ลูกจ้างร้านหมูกระทะ ซึ่งเป็นผู้มาพบศพคนแรก

    ทราบว่า ผู้ตายทั้งนายคมสัน และนางพิไลลักษณ์ เปิดร้านหมูกระทะชื่อ แซบอีหลี อยู่ที่ถ.เกาะหลัก ในเขตเทศบาลเมืองประจวบฯ ซึ่งตนทำงานอยู่ในร้านดังกล่าวด้วย ก่อนเกิดเหตุ ทั้งพี่สาวและแม่ของนางพิไลลักษณ์โทรศัพท์ติดต่อหลายครั้งตั้งแต่เช้า แต่ไม่มีผู้รับสาย จึงบอกให้ตนไปดูที่บ้านเช่า พบว่าประตูหน้าบ้านไม่ได้ใส่กุญแจล็อค ส่วนภายในบ้านได้ล๊อกกุญแจไว้ ตนตะโกนเรียกหลายครั้งแต่ไม่มีเสียงตอบ จึงเดินอ้อมไปหลังบ้าน พบว่าประตูหลังบ้านเปิดอยู่ เมื่อเดินเข้าไป และพบว่าประตูห้องนอนเปิดอยู่ พบผู้ตายทั้ง 3 นอนทับร่างเรียงกัน จึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ


    สำหรับสาเหตุคาดว่า นายคมสันน่าจะเป็นผู้ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ เนื่องจากเกิดอาการเครียดเรื่องหนี้สิน

    ที่ผู้ตายเคยกู้มาลงทุนทำธุรกิจร้านอาหารไม้เมือง ซึ่งเป็นร้านอาหารขนาดใหญ่ และลงทุนไปมากกว่าล้านบาท แต่ไม่ประสบผลสำเร็จเกิดปัญหาทางเศรษฐกิจ จนต้องปิดกิจการ และเซ้งต่อให้ผู้อื่น และมาเปิดร้านหมูกระทะแซบอีหลี แต่ก็ยังไปไม่รอด จนต้องยิงตัวเองและลูกเมียเพื่อประชดชีวิต


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ทำไมเครื่องบินตกกันบ่อยจัง แล้วก็ภัยธรรมชาติก็ด้วย

    [​IMG]

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->bluesky<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_115858", true); </SCRIPT> สมาชิก

    เคยอ่านในเว็บของ เขากะลาครับ ว่า

    1. ขณะนี้ มนุษย์ต่างดาวได้ส่งยานฯ แม่ ขนาดบรรทุกยานอวกาศได้ 50 ลำ อยู่รอบโลกของเราจำนวน 200 ลำ
    2. ส่งยานบรรทุก ขนาดบรรทุกยานอวกาศได้ 4 ลำ อยู่รอบโลกประมาณ 500 ลำ
    3. ยานรบฯ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 เมตร จำนวน 5,000 ลำ
    4. ในขณะนี้ อาจจะมีเครื่องบินตกบ่อย เนื่องจากถูกคลื่นรบกวนของยานอวกาศ
    5. เมื่อเครื่องบินถูกคลื่นรบกวนแล้ว คอมพิวเตอร์จะไม่ทำงาน ไฟจะดับทั้งหมด และเครื่องยนต์จะหยุดทำงาน
    6. ยานอวกาศได้ถูกส่งมาเตรียมพร้อมอยู่รอบโลกมนุษย์เป็นเวลา 1 ปีแล้ว

    copy มาบางส่วน ซึ่งเค้าลงไว้ก่อนเครื่องบินจะตกถี่ๆ ช่วงนี้ เลยสะดุดว่ามันตรงกันจังเลย น่าแปลกจัง กับเรื่องของภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นเกือบจะทั่วโลกเลยพักนี้ อย่างอเมริกาที่พึ่งโดนเฮอรืเคนไป โดนจุดที่เป็นแหล่งน้ำมันสำคัญด้วย ผมลองคิดไปแบบใส่จินตนาการหน่อย เหมือนๆกับ พวกที่อยู่ข้างบนเริ่มจะทำอะไรบางอย่างกับพวกเราแล้วเหรอเปล่า อืมๆ

    06-09-2005, 07:25 AM

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->mead<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_115912", true); </SCRIPT> สมาชิก

    ใช่ครับ! เหตุการณ์เกี่ยวกับภัยธรรมชาติทวีความรุนแรงขึ้น และถี่ขึ้น น่าจะเกี่ยวข้องกับการที่สนามแม่เหล็กโลก และแนวแกนแม่เหล็กโลกที่กำลังเคลื่อนย้ายตำแหน่ง

    ตามที่มีนักฟิสิกข์ชาวแคนนาดาได้ตรวจสอบ พบว่า แกนแม่เหล็กโลกกำลังเคลื่อนตัวจากตำแหน่งเดิม มาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 24 กม .เมื่อวัดบนพื้นผิวโลก(มาทางเอเชีย ) อาจส่งผลให้ค่าคงที่ของพลังงานสนามแม่เหล็กโลกแต่เดิม ผิดปกติได้

    ผลที่เกิดทำให้อุปกรณ์ของเครื่องบิน ที่มีความไวต่อสนามแม่เหล็กมีค่าคลาดเคลื่อนไป หรือถึงขั้นใช้การไม่ได้ชั่วขณะ จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่บินตกโดยไมคาดฝัน หรือไม่ทราบสาเหตุ รวมไปถึงภัยธรรมชาติที่สามารถเกิดได้แม้กระทั่งที่ี่ที่ไม่เคยเกิดครับ !

    เรื่องมนุษย์ต่างดาว ผมมองว่ามีส่วนที่เขามาดีครับ บางกลุ่มก็มาช่วยเตือนแจ้งข่าวสารเกี่ยวกับภัยพิบัติ (โดยเฉพาะกลุ่มเขากะลา และ Parasitown ที่ติดต่อกับ ดร.เทพนม เมืองแมน) แต่ก็มีบางส่วนที่อาจไม่หวังดีบ้าง ซึ่งไม่อาจระบุได้ชัดครับ<!-- google_ad_section_end -->

    06-09-2005, 11:25 AM

    ที่มา http://palungjit.org
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • untitled.jpg
      untitled.jpg
      ขนาดไฟล์:
      64.5 KB
      เปิดดู:
      1,705
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2009
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    บราซิลยังคงค้นหาเครื่องบินสายการบินแอร์ฟรานซ์
    [​IMG]

    บราซิล 2 มิ.ย. - บราซิลยังคงค้นหาเครื่องบินสายการบินแอร์ฟรานซ์ พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือเกือบ 230 คน ที่สูญหายไปเหนือมหาสมุทรแอตแลนติก

    เครื่องบินทหารของบราซิลยังคงค้นหาเครื่องบินสายการบินแอร์ฟรานซ์ ที่หายไปจากจอเรดาร์ ขณะบินอยู่เหนือมหาสมุทรแอตแลนติก วานนี้ ขณะที่ฝรั่งเศสได้ร้องขอให้สหรัฐใช้ดาวเทียมค้นหาซากเครื่องบินแอร์ฟรานซ์ และหากไม่พบผู้รอดชีวิต โศกนาฏกรรมครั้งนี้จะเป็นอุบัติเหตุทางอากาศครั้งเลวร้ายที่สุดของโลก นับตั้งแต่ปี 2544

    ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ของฝรั่งเศส กล่าวว่า สาเหตุการหายไปของเครื่องบินแอร์ฟรานซ์ยังไม่มีความแน่ชัด ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่า ฟ้าผ่าจะเป็นเหตุทำให้เครื่องบินตก

    ด้านโฆษกกองทัพอากาศบราซิล เปิดเผยว่า นักบินเครื่องบินพาณิชย์ลำหนึ่ง มองเห็นลูกไฟหลายจุดกลางมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งเป็นบริเวณที่ใกล้เคียงกับเส้นทางบินของเครื่องบินแอร์ฟรานซ์ที่สูญหายไป และกำลังมีการค้นหาว่าใช่ซากเครื่องบินหรือไม่ .-สำนักข่าวไทย

    2009-06-02 09:25:57

    ผู้เชี่ยวชาญระบุฟ้าผ่าไม่น่าเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เครื่องบินตก

    [​IMG]

    ปารีส2 มิ.ย.-ผู้เชี่ยวชาญระบุฟ้าผ่าไม่น่าเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เครื่องบินตก ขณะที่ผลการศึกษาของสำนักงานศึกษาและวิจัยอากาศยานแห่งชาติฝรั่งเศสพบว่าทุก ๆ1,000ชั่วโมงจะมีเครื่องบินโดยสารถูกฟ้าผ่าไป 1 ลำ เท่ากับว่าใน 1 ปีจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้โดยเฉลี่ย 2 ครั้ง

    สำหรับกรณีเครื่องบินแอร์ฟรานซ์ที่หายไประหว่างบินอยู่เหนือน่านฟ้ามหาสมุทรแอตแลนติกพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 228 ชีวิตนั้น บรรดาผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคมองว่า ถ้าเครื่องบินลำนี้ตกลงกลางมหาสมุทรจริง ก็ไม่น่าตกเพราะถูกฟ้าผ่าเพียงอย่างเดียว แต่น่าจะมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย

    ผู้เชี่ยวชาญด้านการสอบสวนอุบัติเหตุที่เกิดกับสายการบินบอกว่า ฟ้าผ่าอาจส่งผลให้เครื่องบินเกิดปัญหาด้านเครื่องยนต์กลไก แต่ตามปกติแล้วเครื่องบินที่ถูกฟ้าผ่าก็ยังบินต่อไปได้ ส่วนผู้เชี่ยวชาญจากสมาพันธ์นักบินสายการบินแห่งชาติฝรั่งเศสก็ยืนยันเช่นกันว่า ฟ้าผ่าอาจทำให้ระบบสื่อสารและนำทางของเครื่องบินได้รับความเสียหาย แต่ไม่น่าส่งผลให้เครื่องบินถึงกับร่วงตกลงมา เพราะโดยทั่วไปเครื่องบินมักมีเครื่องยนต์สำรองไว้ 2 ถึง 3 ชุด

    ส่วนกรณีเครื่องบินแอร์ฟรานซ์ที่หายไปนั้น ผู้เชี่ยวชาญเห็นว่าฟ้าผ่าอาจเป็นต้นเหตุทำให้เครื่องบินไม่สามารถติดต่อกลับมาได้ แต่ฟ้าผ่าไม่น่าส่งผลร้ายแรงถึงขั้นทำให้เครื่องบินระเบิดกลางอากาศก่อนตกลงมา เพราะที่ผ่านมาก็ไม่เคยเกิดเหตุเครื่องบินถูกฟ้าผ่าจนระเบิด

    ผู้เชี่ยวชาญด้านอุบัติเหตุที่เกิดกับเครื่องบินเคยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพีเมื่อ 4 ปีที่แล้วว่า ตามปกติเวลาเครื่องบินถูกฟ้าผ่า อย่างมากก็แค่ก่อให้เกิดเสียงดัง และอาจทำให้ระบบไฟฟ้าขัดข้อง แต่หลังจากนั้นไม่นาน สถานการณ์ก็จะกลับคืนสู่ภาวะปกติ คล้ายไฟดับในบ้านตอนเกิดฟ้าผ่า และตามปกติตัวเครื่องบินก็มักประกอบขึ้นจากวัสดุที่ป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่าได้อยู่แล้ว

    แม้ฟ้าผ่าไม่น่าเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เครื่องบินตก แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็มีเครื่องบินอย่างน้อย 2 ลำที่ประสบเหตุตก โดยเชื่อว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากการถูกฟ้าผ่า. -สำนักข่าวไทย

    2009-06-02 13:05:34

    ที่มา http://news.mcot.net/international/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2009
  10. Saisawan

    Saisawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +296
    เมื่อวานหลังจากนั่งสมาธิแล้วได้อธิฐานถึงพระว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง หลังจากนั้นเราได้นอนหลับคล้ายกลับว่ามีนิมิตมาบอกว่ามีไฟไหม้ไปทั่วภูเขาที่ดอยตุงจนดินร้อนไปหมด ต้นไม้ใบหญ้าราบเป็นหน้ากอง พื้นที่บริเวณรอบภูเขากลายเป็นภูเขาหัวโล้น เราเห็นคนวิ่งหนีกัน ต่างตั่งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น เรามารู้สึกตัวตื่นในตอนเช้า เราว่าพระต้องการบอกอะไรบางอย่างในอนาคตแน่ๆ เลย
     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เตือน ‘แผ่นดินไหว’ เมืองกรุง
    สั่นแรงกว่าปกติ 3-4 เท่า !!!

    [​IMG]

    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    <O:p>เร่งให้ความรู้คนบนตึกสูง หลังพบพฤติกรรมผิดๆ</O:p>
    <O:p></O:p>
    นักวิจัย สสส. เตือนผู้อาศัยในตึกสูงกรุงเทพฯ เสี่ยงได้รับผลกระทบรุนแรงจากแผ่นดินไหว แต่พบคนไทยยังมีพฤติกรรมผิดในการป้องกันภัย ระบุกรุงเทพฯ เหมือนตั้งอยู่บนเจลลี หากเกิดแผ่นดินไหว จะสั่นสะเทือนรุนแรง 3 - 4 เท่า แนะภาครัฐให้เอาจริง ส่วนผู้บริหารอาคารควรติดป้ายเตือนภัยให้ชัดเจน<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    นายสุระชัย ชูผกา หัวหน้าผู้วิจัยโครงการจัดการความรู้เพื่อการรณรงค์ป้องกันภัยแผ่นดินไหวในอาคารสูง ระยะที่ 1 ซึ่งได้รับการสนับสนุน จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า

    จากการศึกษาวิจัยพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 62 ที่อาศัยอยู่ในอาคารสูงประเมินตัวเองว่ามีความเสี่ยงต่อภัยแผ่นดินไหว แต่มีถึงร้อยละ 82 มีการเตรียมพร้อมรับมือภัยที่อาจจะเกิดขึ้นในระดับปานกลางถึงต่ำเท่านั้น<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ที่สำคัญผู้อาศัยหรือทำงานอยู่บนอาคารสูง มีพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องตามหลักปฏิบัติในการป้องกันภัยจากเหตุแผ่นดินไหว โดยร้อยละ 61.4 เลือกที่จะวิ่งหรือไม่ก็รอดูคนรอบข้าง รวมถึงมีบางส่วนที่จะรีบหนีลงลิฟท์ให้โดยเร็วที่สุด มีเพียงร้อยละ 36.8 เท่านั้น ที่ระบุว่าตัดสินใจมุดใต้โต๊ะ หรือหลบมุมเสา หรือจุดคานสามเหลี่ยมค้ำยันตามหลักการ<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    นายสุระชัย กล่าวต่อไปว่า พฤติกรรมที่ผิดของผู้ประสบภัย เป็นผลส่วนหนึ่งมาจากทัศนคติและประสบการณ์เดิมในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอุบัติภัยอื่น กล่าวคือ ประชาชนจะดึงเอาประสบการณ์มาเป็นปัจจัยในการตัดสินใจป้องกันตัวเองจากเหตุแผ่นดินไหว ตัวอย่างเช่น เคยผ่านการซ้อมป้องกันอัคคีภัยในอาคารจึงนำประสบการณ์นั้นมาเป็นความรู้ นั่นคือรีบวิ่งหนีลงบันไดหนีไฟ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิด<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    “เราต้องสร้างองค์ความรู้ใหม่หมด ต่อไปนี้ต้องแยกให้ชัดว่าหากเกิดไฟไหม้ให้รีบหนี แต่ถ้าเกิดแผ่นดินไหวต้องอยู่กับที่เท่านั้น ถ้าเรายังประพฤติตัวแบบเดิมๆ เมื่อเกิดเหตุขึ้นมาจะเป็นอันตรายมาก” นายสุระชัย กล่าว

    (เรื่องนี้ก็ต้องดูตามสถานการณ์ด้วย ถ้าแผ่นดินไหวรุนแรงมาก ไม่รีบหนีออกจากตึกก่อน ก็ตายเหมือนกัน ดูได้จากกรณีแผ่นดินไหวที่ประเทศจีนเป็นตัวอย่าง - เกษม)
    <O:p></O:p>
    ผลงานวิจัยชุดนี้ยังได้ศึกษาเรื่องความเสี่ยงเกี่ยวกับเหตุแผ่นดินไหวในประเทศไทย โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีตึกสูงอยู่อย่างหนาแน่น โดยนายสุระชัยชี้แจงว่า ในเขตกรุงเทพมหานครมีความเสี่ยงต่อการเกิดเหตุแผ่นดินไหวสูง เพราะอยู่ใกล้รอยเลื่อนที่ยังมีพลังอยู่ อย่างเช่นรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ ใกล้จังหวัดกาญจนบุรี หากเกิดแผ่นดินไหวในระดับ 5 ริเตอร์ขึ้นไป จะส่งผลกระทบต่อกรุงเทพมหานครอย่างรุนแรง <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    เนื่องจากที่ตั้งของกรุงเทพมหานครเคยเป็นทะเลมาก่อน เรียกว่า แอ่งกรุงเทพ ทำให้ดินมีสภาพเป็นดินเหนียวอ่อน ซึ่งมีคุณสมบัติขยายแรงสั่นสะเทือนของพื้นดินได้ถึง 3 - 4 เท่าของระดับปกติ ด้วยเหตุนี้กรุงเทพ จึงเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวมากกว่าภัยธรรมชาติรูปแบบอื่นๆ<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    “เมื่อเกิดแผ่นดินไหว กรุงเทพฯ ทั้งเมืองเหมือนตั้งอยู่บนเจลลี่ เมื่อเกิดแผ่นดินไหวขึ้นมา เมืองทั้งเมืองจะสั่นอย่างรุนแรงกว่าปกติ ถ้าจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหว สมมติอยู่ในเขตจังหวัดกาญจนบุรี ความรุนแรงขนาด 5 ริกเตอร์ โอกาสที่ตึกสูงในกรุงเทพจะได้รับผลกระทบจึงมีอยู่สูงมาก” หัวหน้าผู้วิจัย กล่าว<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    นายสุระชัยเสนอว่า เพื่อให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ผู้ที่อยู่ในอาคารสูง ทางผู้บริหารอาคารควรพัฒนาสื่อภายในอาคาร ระบุทางหนีทางรอด และแนวปฏิบัติที่ถูกต้อง อาจเกิดอุบัติภัยต่างๆ เช่น ไฟไหม้ ควรจะทำอย่างไร และหากเกิดแผ่นดินไหวควรจะมีสัญลักษณ์ชัดเจนและกำชับด้วยว่าแผ่นดินไหวต้องไม่วิ่ง เนื่องจากท่าวิ่งโอกาสที่จะถูกกระจกหรือเศษคอนกรีตตกทับทำให้ได้รับอันตรายได้ <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ขณะเดียวกันระบบเตือนภัยของภาครัฐจะต้องปรับปรุงให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง เพราะทุกวันนี้ผู้ที่อยู่อาคารสูงใช้เวลาถึง 20 นาทีกว่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แผ่นดินไหวมีขนาดเท่าไหร่ วิธีที่ถูกต้อง คือ ต้องให้ผู้ที่อยู่อาศัยในอาคารสูงทราบข้อมูลในทันที

    <O:p>สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) 10-03-52</O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p><O:p>ที่มา http://www.thaihealth.or.th/node/8310</O:p></O:p>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2009
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "ปางห้ามสมุทร"

    [​IMG]


    พระพุทธรูปปางนี้ มีตำนาน ดังนี้

    เมื่อพระบรมศาสดาโปรดพระยสะแล้ว ต่อมาก็แสดงธรรม โปรด วิมละ สุพาหุ ปุณณชิ และควัมปติ เสฏฐีบุตร รวม ๔ คน กับมาณพอีก ๕o คน ซึ่งล้วนเป็นเพื่อนของพระยสะให้สำเร็จแล้วประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทาให้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา รวมเป็นอริยสงฆ์สาวก ๖o องค์ด้วยกัน เมื่อพระบรมศาสดาทรงเห็นว่า บัดนี้ควรจะประกาศศาสนาได้แล้ว จึงตรัสเรียกสาวกทั้ง ๖o องค์มาแล้ว ทรงรับสั่งว่า

    "ภิกษุทั้งหลาย เราได้พ้นแล้วจากบ่วงทั้งหลาย ทั้งที่เป็นของทิพย์และของมนุษย์ แม้พวกเราทั้งหลาย ก็พ้นแล้วจากบ่วงทั้งหลายเช่นกัน พวกเธอจงเที่ยวจาริกไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่ชนทั้งหลายเพื่ออนุเคราะห์แก่ประชุมชนเพื่อประโยชน์สุขแก่เทวดาและมนุษย์ แต่อย่ารวมกันไปทางเดียวตั้งแต่สองรูปจงแยกกันไปแสดงธรรมประกาศพรหมจรรย์ สัตว์ทั้งหลายที่มีธุลีในนัยน์ตาน้อยมีอยู่ สัตว์พวกนี้ย่อมเสื่อมจากคุณที่ควรได้ เพราะโทษที่ไม่ได้ฟังธรรมเมื่อได้ฟังธรรมแล้ว สัตว์ผู้รู้ทั่วถึงธรรมจักมีเป็นแน่ ภิกษุทั้งหลาย แม้เราเองก็จักไปยังตำบลอุรุเวลาเสนานิคมเพื่อแสดงธรรมเช่นเดียวกัน"

    ครั้งทรงส่งสาวก ๖๐ องค์ ไปประกาศพระศาสนาแล้ว พระองค์ก็เสด็จไปยังตำบลอุรุเวลาเสนานิคมครั้งถึงไร้ฝ้าย ทรงพบภัทรวัคคีกุมาร ๓๐ คน ได้ทรงแสดงธรรมโปรดกุมารทั้ง ๓๐ คนนั้น ให้บรรลุธรรมเบื้องสูงแล้ว ประเอหิภิกขุอุปสัมปทาให้เป็นภิกษุในพระศาสนาแล้ว ทรงให้ออกไปประกาศพระศาสนาทั้ง ๓๐ องค์ เช่นเดียวกับพระสาวกทั้ง ๖๐ นั้น แล้วพระองค์ก็เสด็จต่อไปยังอุรุเวลาเสนานิคม เสด็จเข้าไปประทับอาศัยอยู่ในสำนักของอุรุเวลากัสสป หัวหน้าชฎิล ๕๐๐ ผู้เป็นที่เคารพนับถือของมหาชนในมคธรัฐเป็นอันมาก

    ต่อมาก็ทรงทำปาฏิหาริย์นานัปการ เริ่มตั้งแต่ทรงทรมานพญานาคในโรงไฟ อันเป็นที่นับถือของชฎิลเหล่านั้นให้หมดฤทธิ์แล้ว ประทับอยู่ที่โรงไฟนั้นโดยผาสุกวิหาร ให้ชฎิลทั้งหลายมีความเคารพนับถือในอานุภาพของพระองค์แล้ว ทรงทำปาฏิหาริย์อื่นๆอีก

    ในครั้งสุดท้ายทรงทำปาฏิหาริย์ห้ามน้ำ ซึ่งไหลบ่าจากทิศต่างๆ ท่วมสำนักท่านอุรุเวลากัสสป มิให้น้ำเข้ามาในที่พระองค์ประทับ พระองค์เสด็จจงกรมภายในวงล้อมของน้ำที่ท่วมท้นเป็นกำแพงรอบด้าน ครั้งนั้น ชฎิลทั้งหลายพากันพายเรือมาดู ต่างเห็นเป็นอัศจรรย์ในที่สุดก็สิ้นพยศทั้งหมดยอมเป็นศิษย์ตั้งอยู่ในโอวาท ถึงกับลอยบริขารของชฎิลลงทิ้งเสียในแม่น้ำ แล้วขออุปสมบทเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา

    พระพุทธจริยาที่ทรงทำปาฏิหาริย์ห้ามน้ำครั้งนี้ ได้เป็นที่เลื่อมใสของพุทธศาสนิกชนที่นิยมในอิทธิปาฏิหาริย์ของพระพุทธเจ้าถือเป็นมงคลอันสูงเป็นคุณอัศจรรย์ยิ่งเป็นเหตุให้สร้างพระพุทธรูปปางนี้ เรียกว่า "ปางห้ามสมุทร"

    ที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=344616
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • tsu01.jpg
      tsu01.jpg
      ขนาดไฟล์:
      27.2 KB
      เปิดดู:
      3,733
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2009
  13. เจ้าหญิงแพร

    เจ้าหญิงแพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    378
    ค่าพลัง:
    +390
    เมื่อสัก 16.00 น. ได้เกิดลมแรงมาก(เราอยู่ใน กทม. นะ) พัดแรงมากสักเกือบสิบนาที ฝ้าที่หลังคาห้องที่อยู่ปลิวกระจายตามสายลมไปเลย สยองดีแท้ ขนาดอยู่อพาทเมนท์นะ แล้วคนที่เค้าอยู่บ้านแบบธรรมดาละ นึกแล้วเห็นภาพเลย
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ภูเขาไฟใต้น้ำใกล้จะระเบิด
    โดยคุณน้ำใส

    [​IMG]
    พระราชพิพัฒนาทร หลวงพ่อถาวร จิตฺตถาวโร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร

    ตอนเที่ยงวันนี้(24/09/2005) ผมไปทำบุญที่วัดปทุมฯ วันนี้โชคดีได้เจอหลวงพ่อถาวร ท่านอยู่พอดี ได้เรียนถามเรื่องเหตุเภทภัยที่ระยะนี้มีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นถี่เหลือเกิน ท่านเมตตาฝากคำเตือนมา ผมจะเล่าให้ฟังดังนี้

    ตอนที่เรียนถามหลวงพ่อถาวรเกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติต่างๆในช่วงนี้ หลวงพ่อท่านบอกว่า "น้ำ" ยังไม่น่ากลัว "ไฟ" ต่างหากที่น่ากลัวกว่า ที่ว่าไฟนั้นคือ ภูเขาไฟใต้น้ำระเบิด ท่านบอกว่าตอนนี้ภูเขาไฟทั่วโลกกำลังอยู่ในระยะอุ้มท้อง ท่านให้สังเกตว่าเมื่อตอนภูเขาไฟระเบิดใกล้จะคลอด ให้สังเกตดูตามสถานที่ๆ มีบ่อน้ำพุร้อนนั่นแหละ มันจะปะทุขึ้นมาอย่างผิดปกติ

    บอกให้รู้ล่วงหน้าก่อน และตามพื้นที่ๆมีการขุดเจอพลอยและอัญมณีมากๆนั้น แสดงว่า เดิมเป็นแหล่งภูเขาไฟระเบิด เช่นที่เมืองกาญจนบุรี จันทบุรี และอีกที่หนึ่งใกล้ๆกรุงเทพมหานครนี่เอง เป็นที่ๆเราคิดไม่ถึงกัน นั่นคือ นครนายก สถานที่ๆรัฐบาลมีความคิดที่จะย้ายเมืองหลวงไปอยู่นั่นแหละครับ หลวงพ่อท่านบอกว่า ลองขุดลงไปดูเป็นบ่อพลอยบ่ออัญมณีอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งยังไม่มีใครรู้นะครับ

    ผมเรียนถามท่านว่า อยู่ประเทศใดจึงปลอดภัยที่สุด แน่นอนครับ

    ท่านบอกว่าประเทศไทยนี่แหละครับ ดีที่สุดแล้วเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ ถึงเวลานั้น ผู้คนจะล้มตายกันมาก ที่ไม่ตายนั้นกึ่งหนึ่งก็จะเสียสติเป็นบ้าเป็นบอ ส่วนผู้ที่เจริญวิปัสสนาเจริญสติอยู่เป็นประจำ ก็สามารถคุ้มครองตนเองได้ไม่เป็นบ้าเสียสติ และจะกลายเป็นประชากรรุ่นบุกเบิกของคนยุคใหม่

    น้ำใส 24/09/2005 , 22:17:05


    ภาคเหนือกับความร้อนใต้พิภพ

    [​IMG]

    โป่งเดือด อยู่ในเขตบ้านแม่แสะ อำเภอ แม่แตง เป็น น้ำพุร้อน ประเภทที่ทางธรณีวิทยาเรียกว่า 'กีเซอร์' (Geyser) หรือน้ำพุร้อน ที่พุ่งขึ้นสูงจากพื้นดินเป็นช่วงๆ ตามแรงดันใต้ผิวดิน ซึ่งมีปริมาณมากกว่า บ่อน้ำร้อน (Hot pool) ซึ่งเป็นเพียงน้ำผุดขึ้นมาเท่านั้น โป่งเดือด มีบ่อขนาดใหญ่ 3 บ่อ และบ่อใหญ่สุดจะมีน้ำพุพุ่งสูงขึ้นมาประมาณ 2 เมตร ทุก 30 วินาที มีความร้อนประมาณ 99 องศาเซลเซียส ใกล้บ่อใหญ่มีห้องอาบน้ำซึ่งนำน้ำร้อนจาก โป่งเดือด ผ่านท่อเข้ามา โดย น้ำพุร้อน มีคุณสมบัติบำรุงรักษาผิวพรรณได้ดี โป่งเดือด นี้เป็น น้ำพุร้อน ประเภทกีเซอร์ซึ่งใหญ่ที่สุดของเมืองไทย


    ภูเขาไฟในประเทศไทย

    ในประเทศไทยมีภูเขาไฟอยู่ในทุกภูมิภาค ลักษณะของภูเขาไฟในประเทศไทยส่วนใหญ่จะเป็นภูเขาไฟแบบโล่ (Shield Volcano) ซึ่งคุณสมบัติของลาวาจะไหลได้ง่ายดังนั้นหากมีการระเบิดขึ้นก็จะไม่รุนแรง ซ้ำภูเขาไฟในทุกภูมิภาคของไทยเป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว

    ภาคเหนือ พบในเขตจังหวัด ลำปาง เชียงราย แพร่ น่าน และอุตรดิตถ์
    ภาคกลาง พบในเขตจังหวัดสุโขทัย กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ สระบุรี และลพบุรี
    ภาคตะวันออก พบในเขตจังหวัด ปราจีนบุรี จันทบุรี นครนายก และตราด
    ภาคตะวันตก พบในเขตจังหวัด กาญจนบุรีและจังหวัดตาก
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบในเขตจังหวัด นครราชสีมา ศรีษะเกษ อุบลราชธานี บุรีรัมย์ เลย และสุรินทร์



    คำทำนาย จาก อ.ปริญญา ตันสกุล

    “...ภาคเหนือจะเกิดแม่น้ำสายใหม่ จังหวัดกาญจนบุรีจะมีทะเล เขื่อนบางเขื่อน น้ำจะเป็นน้ำทะเล ภูเขาจะพังและแยกออก น้ำทะเลก็จะทะลักเข้ามา เป็นต้น แล้วประเทศไทยเราก็จะมีภูเขาไประเบิดขึ้นมาตั้ง 3-4 แห่ง แต่อย่าถามว่าอีกเมื่อไหร่ อย่าถามเรื่องเวลา ถ้าผมบอกไปมันก็จะเลื่อน และถ้าเลื่อน มนุษย์ก็จะเจอเรื่องหนักหนาสาหัสกว่า คือมันจะแรงขึ้นกว่าเดิมอีกเท่าตัว...

    เทือกเขาตะนาวศรีในเขตจังหวัดราชบุรี จะพังทลายลงมา เนื่องจากแผ่นดินไหวที่รุนแรง ซึ่งจะเปิดเผยให้เห็นถึงภูเขาไฟที่ซุกซ่อนอยู่ หลังจากนั้นไม่นานภูเขาไฟลูกแรกในประเทศไทย จะระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง เสียงดังกึกก้องกัมปนาทดังมาถึงกรุงเทพ ธารลาวาจะไหลลงไปยังฝั่งพม่า ไม่นานนักระเบิดลูกที่สอง และลูกที่สามก็ตามมา ลูกที่สี่ จะรุนแรงอย่างถึงที่สุด ซึ่งจะสร้างความอำมหิตให้กับภาคเหนือและภาคอีสานต่อไป

    ณ บ้านกุดฉิม อำเภอหนองเรือ จัดหวัดขอนแก่น จะเกิดภูเขาไฟแห่งที่สองระเบิดขึ้น มีผู้เสียชีวิตประมาณ 500 คน เกิดแผ่นดินไหว และมีลาวาร้อนจากภูเขาไฟ ไหลเคลื่อนตัวทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า ขึ้นที่บ้านโพธิ์ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย มีผู้เสียชีวิตร่วมพันคน

    เกิดภูเขาไฟระเบิดในจังหวัดกาฬสินธุ์ อย่างกระทันหัน จนยากที่ผู้คนในบริเวณนั้นจะตั้งตัวทัน และจะเกิดปรากฎการณ์ที่แปลกประหลาด มีจำนวนเด็กและผู้หญิงเสียชีวิตมากกว่าผู้ชาย


    คำทำนายของ Dr.G.G.Junior

    จังหวัดเชียงราย มีแผ่นดินยุบบางส่วน โดยเฉพาะ อ.เชียงแสน จะเสียหายจากแผ่นดินยุบ เกือบทั้งอำเภอ

    จังหวัดเชียงใหม่ เกิดรอยแยกจากรอยเลื่อนของแผ่นดินใต้จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้เกิด ความเสียหายจากแผ่นดินไหวรุนแรงที่สุด ตามแนวรอยเลื่อน แถบเทือกเขา อำเภอแม่สะเรียง ผ่านขึ้นดอยอินทนนท์ และรอยแยกเข้าที่ลุ่มตัวเมืองเชียงใหม่ ออกไปสู่อำเภอแม่ริม ไปเข้าสู่จังหวัดเชียงราย

    ที่มา http://board.dek-d.com/board/view.php?id=1039004

    หมายเหตุ

    นิมิตของคุณ Saisawan ที่ได้เห็นว่า มีไฟไหม้ไปทั่วภูเขาที่ดอยตุง จนดินร้อนไปหมด ต้นไม้ใบหญ้าราบเป็นหน้ากอง พื้นที่บริเวณรอบภูเขากลายเป็นภูเขาหัวโล้น เห็นคนวิ่งหนีกัน ต่างตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น

    เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับคำทำนาย ของท่านผู้มีญาณหยั่งรู้อนาคตทั้งหลายดูแล้ว ก็พอจะมองออกว่าไม่ได้เกิดจากไฟไหม้ป่าธรรมดาๆ เป็นแน่ คงต้องมีสาเหตุมาจากความร้อนใต้พิภพ คือลาวาจากใต้โลกเกิดการปะทุตัวดันขึ้นมาที่เปลือกโลก ทำให้เกิดความร้อนจัดที่ผิวดิน จนทำให้เกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินแยกตัวออกจากกัน จนแม่น้ำเปลี่ยนเส้นทางเดินกลายเป็นแม่น้ำสายใหม่เกิดขึ้น


    **************************************************
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • pongdeed.jpg
      pongdeed.jpg
      ขนาดไฟล์:
      31.7 KB
      เปิดดู:
      3,828
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2009
  15. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"สมิทธ"เตือน กทม.-ปริมณฑล ระวังน้ำท่วมหนัก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>2 มิถุนายน 2552 17:18 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> นายสมิทธ ธรรมสโรช ประธานคณะกรรมการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวว่า ปีนี้ประเทศไทยจะมีปริมาณฝนมากกว่าปกติ ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน และในช่วงเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม จะต้องเฝ้าระวังฝนตกหนัก โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ เตรียมรับมือภาวะน้ำเหนือไหลบ่า ที่จะทำให้หลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เกิดน้ำท่วมอย่างหนัก ซึ่งพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ คือ เขตสวนหลวง และเขตประเวศ ซึ่งพื้นดินทรุดตัวลงไปแล้วกว่า 100 เซนติเมตร รองลงมาคือ เขตพระโขนง เขตบางนา และ จ.สมุทรปราการ ซึ่งพื้นดินทรุดตัวลงกว่า 70 เซนติเมตร
    นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องเฝ้าระวังคือภาวะคลื่นซัดเข้าหาฝั่งอย่างรุนแรง หรือสตอร์มเซิร์จ ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะปีนี้มีแนวโน้มว่า ไทยจะได้ผลกระทบจากพายุแปซิฟิก โดยแนะให้สร้างเขื่อนปิดปากแม่น้ำสายใหญ่
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. kumpeang

    kumpeang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    546
    ค่าพลัง:
    +1,984
    ภูเขาไฟในประเทศไทย


    ในประเทศไทยมีภูเขาไฟอยู่ในทุกภูมิภาค ลักษณะของภูเขาไฟในประเทศไทยส่วนใหญ่จะเป็นภูเขาไฟแบบโล่ (Shield Volcano) ซึ่งคุณสมบัติของลาวาจะไหลได้ง่ายดังนั้นหากมีการระเบิดขึ้นก็จะไม่รุนแรง ซ้ำภูเขาไฟในทุกภูมิภาคของไทยเป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว


    ภาคเหนือ พบในเขตจังหวัด ลำปาง เชียงราย แพร่ น่าน และอุตรดิตถ์
    ภาคกลาง พบในเขตจังหวัดสุโขทัย กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ สระบุรี และลพบุรี
    ภาคตะวันออก พบในเขตจังหวัด ปราจีนบุรี จันทบุรี นครนายก และตราด
    ภาคตะวันตก พบในเขตจังหวัด กาญจนบุรีและจังหวัดตาก
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบในเขตจังหวัด นครราชสีมา ศรีษะเกษ อุบลราชธานี บุรีรัมย์ เลย และสุรินทร์



    รบกวน ผู้รู้ ช่วย แจ้ง จุดที่ตั้ง ภูเขาไฟ อยู่ ตรงไหน หมู่บ้านอะไร ตำบลอะไร อำเภอะไร แบบนี้หนะครับ จะพอระบุได้ไหม เพราะจะได้ เตรียมตัว ป้องกัน หรือ หลบเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงภัย ไว้ หนะครับ

    ขอบคุณ ครับ​
     
  17. สู้เพื่อลูก

    สู้เพื่อลูก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +27
    มาเถอะพี่น้อง ญาติธรรมทั้งหลาย มาอยู่อิสานบ้านผม เด้อ....มาแต่ตัวก็ได้ เอาแต่หัวใจดวงสีขาวมา..(ปราศจากกิเลส มีใจที่บริสุทธิ์ )
     
  18. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    Situation Update No. 1
    <small>On 2009-06-02 at 11:23:35 [UTC]</small>

    Event: Volcano Eruption
    Location: Indonesia Island of Siau Mount Karangetang Volcano Number of Evacuated: 700 person(s)

    Situation

    More than 700 people living in villages near an active volcano in eastern Indonesia are leaving their homes after warnings of a possible eruption, local media said on Tuesday. Ash and lava was discharged from Mount Karangetang on Siau Island off North Sulawesi on Sunday which prompted local seismologists to issue the highest warning of an imminent eruption. The Straits Times cited Agus Budiantos, a government volcanologist, as saying "Its current activity remains high. The main threat is heat clouds that will be fatal for people living in villages on the slope." There are no reports of casualties, local officials said. The last major eruption of Mount Karangetang occurred in 1974, when the entire island was evacuated.

    พูดถึงภูเขาไฟที่อินโดก็ระเบิดเลย
     
  19. k_karn

    k_karn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +149
    น้ำท่วมแล้วไม่ลด...
    สงคราม (ที่ไหนไม่ทราบ) น้ำมันเลยแพง
    แล้วก้อมีน้ำใหญ่มาอีกรอบ คนที่ยังอยู่ก็เลยไปไหนกันไม่ได้
    เด็กน้อยบอกไว้นานแล้ว เห็นสภาวะอากาศแปลกๆก็เลยมาเล่าสู่กันฟังอีกครั้งค่ะ
    บุญรักษานะคะ

    กรณ์กาญจน์ (สุธาทิพ)
     
  20. k_karn

    k_karn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +149
    คนที่นับถือกัน เขาบอกมาจากนิมิตร
    "คนขี่เมฆ มองลงมาเห็นพายุไซโคลน"
    วันนี้ไปรพ. เอกชน โทรทัศน์รพ.ช่อง national Geographic มีเรื่องไซโคลนนาร์กิสพอดี
    ถ้าอยู่บ้าน...ไม่มีช่องนี้คงไม่ได้ดู
    คาตากอรี่ ๔ ตึกทีแข็งแรงที่สุดในย่างกุ้งก็เสียหาย
    ไม่มีประปา เพราะไฟดับ บ้านช่องเสียหาย อดและหิว ไม่ต้องพูดถึง
    แถมเจอรัฐบาลแย่ๆ...

    ถ้าเป็นเรา ผู้นำดี แต่ผู้ตามความเห็นไม่ตรงกัน.. (คล้ายในหนังสึนามิ)
    ในข่าวเห็นคนในสภาขัดคอกันทุกวัน
    ถ้าเกิดอะไรขึ้นช่วงนี้ ก็ตัวใครตัวมัน คงไม่ได้พึ่งราชการละมัง

    ดูพายุบ่ายนี้ ฟ้าดำปื๋อ
    บทจะมาก็มากระหน่ำ บทจะหยุดก็หยุด
    สงสัยเป็น dry run ของเบื้องบน ประมาณว่าหนังตัวอย่างกระมัง

    อานุภาพของธรรมชาติ
    มีมาก่อนมีมนุษย์ และยังมีต่อไป...
    ไม่ทราบเรื่องจริงเข้าโรงภาพยนต์เมื่อไร

    แต่ถ้าหนังตัวอย่างมาบ่อย ของจริงอาจจะฉายที่นี่ เร็วๆนี้ก็ได้ค่ะ
    บุญรักษานะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2009

แชร์หน้านี้

Loading...