ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    บันทึกการเสด็จมาของพระเจ้าธรรมิกราช

    บันทึกจากแผ่นทองคำจารึกวัดท่าซุง


    แผ่นทองคำจารึกนี้ หลวงพ่อบรรจุไว้ในโบสถ์ วัดท่าซุง เมื่องานฝังลูกนิมิต วันที่ 24 เมษายน พุทธศักราช 2520 มีรายละเอียดของคำจารึกดังนี้

    "เรามหาวีระ มีพระราชานามว่า "ภูมิพล" เป็นผู้อุปถัมถ์ ร่วมด้วยพุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ สร้างวัดนี้เป็นพุทธบูชา เมื่อศักราชล่วงไปได้ 2700 ปีปลาย จะมีพระเจ้าธรรมิกราช นามว่า "ศิริธรรมราชา" สืบเชื้อสายเชียงแสนบวกสุโขทัย ร่วมกับพระอรหันต์ จะมาบูรณะวัดนี้สืบพระศาสนาต่อไป คณะเราขอโมทนาด้วย แต่อยู่ช่วยไม่ได้ เพราะไปนิพพานหมดแล้ว"

    พุทธพยากรณ์ ณ พระอุโบสถ วัดท่าซุง

    "นับจากนี้ไปอีก 180 ปี จะมีพระอรหันต์องค์หนึ่ง มีอายุ 27 ปี รูปร่างสูงขาวท้วม พร้อมกับพระเจ้าธรรมิกราช ร่วมกันบูรณะปฏิสังขรณ์วัดนี้อีกครั้งหนึ่ง ต่อจากนี้ไป 10 ปีแรก จะมีพระอรหันต์ 3 องค์ และอีก 7 ปีหลัง จะมีพระอรหันต์ 5 องค์...."

    บางส่วนจากพุทธตำนาน พระเจ้าเลียบโลก กัณฑ์ที่ ๙

    ในกาลครั้งนั้นคนทั้งหลายก็จะได้เห็นเทวดา พระอินทร์ พระพรหมทุกองค์ เพราะเทวดาเหล่านั้น ได้มาอุสสาราชาภิเษกพ่อค้าข้าวสาร ซึ่งเป็นลูกช่างหูก ซึ่งเป็นพระยาธรรมิกราชนั้นแล เมื่อผู้มีบุญได้เป็นพระยาธรรมิกราชแล้ว ต้นกัลปพฤกษ์ทิพย์ทั้งหลาย ก็จะโผล่จากใต้แผ่นดินออกมา แวดล้อมปราสาทและเมืองเชียงดาวทั้งหมด

    จะเป็นที่รุ่งเรืองและปรากฏไปทั่วชมภูทวีปทั้งสิ้น มนุษย์ชายหญิงทั้งหลายเมื่อมาถึงที่นั้นแล้ว ก็จะถอดเสื้อผ้าออกกองไว้สูงประมาณ 7 ศอก ลมจะพัดเสื้อผ้าเก่าเหล่านั้นทิ้งไปหมดถึง 7 ครั้ง คนทั้งหลายจะได้นุ่งวัตถาภรณ์อลังการผืนใหม่ที่เป็นทิพย์ทุกคน…..พระยาธรรมิกราชองค์นั้นจะเสวยราชสมบัติสุขตราบจนอายุ 200 ปี…… เมื่อถึงเวลาที่ท่านจะได้เป็นพระยาธรรมิกราชองค์นั้น ภัยอุบาทว์ศัตรูจะมีแก่คนทั้งหลาย จะต้องถึงความพินาศฉิบหายเป็นอันมากก่อน……

    บางส่วนจากตำนานเมืองฝางและอ่างสลุงเชียงดาว

    ตอนที่ ๓ กล่าวถึง พระพุทธเจ้าได้เสด็จไปที่ถ้ำเชียงดาว ทำนายว่ายักษ์ที่รักษาถ้ำจะได้เป็นพระยาธัมมิกราชองค์ที่ ๓ มีอายุ ๒๐๐ ปี

    โดยพระยาธรรมิกราชองค์แรกเกิดที่เมืองปาฏลีบุตร
    องค์ที่ ๒ เกิดในเมืองหงสาวดี
    องค์ที่ ๓ เกิดในเมืองเชียงดาว
    องค์ที่ ๔ เกิดในเมืองอังวะ
    องค์ที ๕ เกิดในเมืองอโยธิยา

    ส่วนในเมืองเชียงใหม่ เมื่อศาสนาใกล้จะถึงสามพันปี(พ.ศ.2500-3000) บ้านเมืองจะเกิดความเดือดร้อนวุ่นวาย ในเวลาต่อมายักษ์ที่รักษาถ้ำเชียงดาวอยู่นั้นจะเกิดมาเป็นพระยาธัมมิกราช โดยเกิดมาเป็นพ่อค้าข้าวสาร พระอินทร์จะมาอัญเชิญขึ้นไปทำพิธีราชาภิเษกบนสวรรค์ จากนั้นจึงลงมาทำพิธีอีกครั้งหนึ่งใน เมืองเชียงดาว ส่วนพระมเหสีคือนางแก้วจากอุตรกุรุทวีป

    คำทำนายของ อ.ปริญญา ตันสกุล

    ศาสดาศรีอาริยะเมตไตรย จะปรากฎพระองค์ขึ้นบนแผ่นดินไทยในไม่เกิน 6 ปี หลังวันสิ้นยุคพลังงานเก่า

    ไม่เกิน 6 ปี ณ.วันนี้ ( 6 สิงหาคม พ.ศ.2543 ) ถึงวันนั้นอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง เพราะวันสิ้นยุคพลังงานเก่าก็เปลี่ยนมาเรื่อย เพราะว่างานด้านเทคนิคด้านพลังงานของพระบิดาเยอะมาก บางครั้งกำหนดไว้มนุษย์นั่นแหละเป็นตัวทำให้เปลี่ยนแปลง มันก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ณ วันนี้ถือว่า 6 ปีแต่ถึงวันสิ้นสุดของวันนั้น อาจจะบวกไปอีกเล็กน้อยก็ได้ อย่าหาว่าอาจารย์กล่าวผิดสัจจะก็แล้วกัน

    เป็นสิ่งที่อยากจะบอกเครื่องยนต์แห่งกรรมของพวกคุณ ให้เห็นเป็นรูปธรรมเท่านั้น เพราะฉะนั้นใครที่บอกว่าอยากเกิดเป็นศิษย์ของพระศาสดาศรีอาริยะเมตไตรย ต้องทำบุญบารมีสูงๆ โอกาสดีมาถึงแล้ว รีบทำเสียครับพระองค์จะปรากฎพระองค์ขึ้น ในแผ่นดินไทยนี้และขณะนี้( พ.ศ.2543 ) พระองค์ก็มาจุติอยู่บนแผ่นดินไทยเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ใช่ผมนะครับ รีบบอกก่อนเดี๋ยวหาว่าผมพูดเข้าตัว มนุษย์ชอบคิดอุตริ พระองค์จุติ ตอนนี้(พ.ศ.2543 )เป็นเณรอยู่ครับ

    ****************************************************
    หมายเหตุ

    ตามบันทึกจากตำนานต่างๆ ระบุเอาไว้ว่าพระเจ้าธรรมิกราช จะมีอายุถึง 200 ปี ซึ่งตรงตามคำทำนายของ อ.ปริญญา ตันสกุล ที่บอกเอาไว้ว่าหลังจากการชำระโลกแล้ว มนุษย์เราจะมีอายุขัยยืนยาวขึ้นอีกเป็น 150-200 ปี

    ดังนี้ถ้าพิจารณาดูจากแผ่นทองคำจารึก ที่วัดท่าซุง ที่ระบุเอาไว้ว่าจะมีพระเจ้าธรรมิกราช เสด็จมาบูรณะวัดท่าซุงเพื่อสืบพระศาสนาต่อไป โดยนับเวลาจากที่มีการบรรจุแผ่นทองคำจารึก ไว้ในโบสถ์วัดท่าซุง (พ.ศ.2520) ไปอีก 180 ปี ก็ยังอยู่ในช่วงอายุขัย 200 ปีของพระเจ้าธรรมิกราช(พระเจ้าจักรพรรดิ์)

    เพราะถ้าดูจากคำทำนายของ อ.ปริญญา ตันสกุล ที่บอกเอาไว้ว่า พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ ได้จุติลงมาเกิดในประเทศไทยแล้ว และยังเป็นสามเณรอยู่(เมื่อ พ.ศ.2543) ตอนนี้ท่านน่าจะมีอายุประมาณ 25-30 ปี ถ้านับเวลาไปถึงวันที่ท่านจะเสด็จมาบูรณะวัดท่าซุง คืออีกประมาณ 150 ปีนับจากเวลานี้ ท่านก็น่าจะมีอายุประมาณ 175-180 ปี ซึ่งก็ยังอยู่ในช่วงอายุขัย 200 ปี ตามที่ตำนานได้กล่าวเอาไว้ครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  2. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,705
    ค่าพลัง:
    +51,934
    *** ความรักเป็นพิษ ****

    คุณคนที่รักพ่อ คุณก็เลยพาลโกรธ เกลียด รำคาญ เบื่อ คนที่ไม่ชอบพ่อ
    คุณที่ไม่ชอบ ไม่รักพ่อแล้ว คุณก็เบื่อ รำคาญ เกลียด โกรธ กับคนที่ยังรักพ่อ
    นี่เป็นจุดอ่อน เรื่องความรัก สามารถบันดาล ให้คนทำลายล้างฆ่ากันได้
    คนที่นำจุดอ่อนนี้ ไปสร้างประโยชน์ ให้กับตนเอง ทำลายชีวิตคนบริสุทธิ์ ถือว่าเป็นสุดยอดมนุษย์....
    สมควรไปเกิด ในดินดาน ไม่สมควรเกิดเป็นมนุษย์ต่อไป นานแสนนาน

    ด้วยอำนาจสัจจะธรรม
    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  3. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,705
    ค่าพลัง:
    +51,934
    *** ความรัก ความภักดี ****

    “ ความรัก’ กับ ‘ความภักดี’ สิ่งใดทรงคุณค่ามากกว่ากันเพคะ”<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    พระอุปราชทรงทอดถอนพระอัสสาสะปัสสาสะก่อนจะตอบคำถามพระน้องต่อ
    <O:p></O:p>
    “ ทั้งสองคำนี้ใกล้เคียงกันมากนะอินทร์ ถึงแม้ว่าจะมีการแสดงออกที่แตกต่างกันก็ตาม...
    น้องรักจงฟังพี่... ความรักคือความรู้สึกหวั่นไหว ความรู้สึกที่เขย่าหัวใจทั้งดวงของคนเราให้สั่นคลอนได้
    ต่างจากความภักดี ที่จะไม่มีอาการใดๆ ให้เป็นเครื่องทรมานเลย หากจะมีเพียงความซื่อตรง และ คงมั่น
    จำไว้เถิดอินทร์ แม้นความรักจะมีล้นอก แต่ถ้าหากปราศจากความภักดีแล้วเล่า... ความรักย่อมละลายดับสูญไปได้ไม่วันใดก็วันหนึ่ง...
    ทีนี้หายสงสัยหรือยังเล่า ”

    คำถามพร้อมสายพระเนตรเอ็นดูถูกส่งให้กับคนช่างสงสัย
    เจ้าฟ้าพระองค์น้อยพยักพระพักตร์รับพลางว่า<O:p></O:p>
    “ เมื่อความภักดีทรงคุณค่ามากกว่าความรักตรงความมั่นคงสถาพรแล้ว เหตุใดคนเราจึงยังปรารถนารักมากกว่าอยู่เล่า...
    ทั้งๆที่รู้ว่ามีรักจักต้องมีทุกข์...”<O:p></O:p>
    “เมื่อถึงเวลา... เจ้าจะรู้เองแหละอินทร์...”

    <O:p>http://writer.dek-d.com/dek-d/writer...006&chapter=14</O:p>
     
  4. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เรื่องมีอยู่ ว่า... ท่านพลตรียุทธศิลป์ เกสรศุกร์ ผู้บัญชาการกองพลที่ ๓ (ยศและตำแหน่งสมัยนั้น) ได้นิมนต์ หลวงพ่อพระมหา วีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) พร้อมด้วยพระเถระรวม ๖ รูป เพื่อไปบำรุงขวัญของทหารในเขตกองทัพภาคที่ ๒ โดยนำ ผ้ายันต์พิชัยสงครามและเหรียญเอกราช ไปแจกให้แก่ทหาร ตามฐานปฏิบัติการ ชายแดน ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๓ ธันวาคม ๒๕๑๘ และในวันสุดท้ายคือวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๑๘ ได้ทำการแจกให้แก่ทหาร ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา และก่อนทำ การแจกได้แสดงธรรมิกถาพิเศษ เรื่อง "อนาคตของชาติ" ณ พุทธศาสนสถาน ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา
    มูลเหตุที่มาแจกวัตถุมงคล


    <o>:p</o>
    "..เจริญ สุข แก่บรรดาทหารของชาติทุกท่าน อาตมาได้ไปทำการจากจ่ายผ้ายันต์และเหรียญแก่ทหารทางภาคเหนือมาแล้ว ๓ ครั้ง ต่อมาได้ทราบจากข้าหลวงของสมเด็จพระบรมราชินีนาถว่า "...สมเด็จพระบรมราชินีนาถทรงปรารภว่า หลวงพ่อฤาษี ลิงดำท่านไม่ห่วงทหารภาคอีสานหรืออย่างไร จึงไม่ไปแจกของแก่ทหารทางภาคอีสานบ้าง.."<o>:p</o>
    ความ จริง อาตมาห่วงทหารทางภาคอีสาน เช่นเดียวกับทหารทางภาคเหนือ เมื่อท่านผู้บัญชาการกองพลที่ ๓ รับจะอำนวย ความสะดวกในการเดินทางมาแจกจ่าย จึงได้นำสิ่งของมาแจกให้ครั้งนี้<o>:p</o>
    ขั้น แรกอนุศาสนาจารย์ได้อาราธนาให้แสดงธรรม ต่อมาท่านผู้บัญชาการกองพล ได้อาราธนาให้เล่าเรื่องของที่นำมาแจกจ่าย ว่าทรง คุณค่าอย่างไรบ้าง ผู้ที่ได้รับแจกไปจะได้เกิดศรัทธาความเชื่อมั่น<o>:p</o>
    เพื่อ สนองเจตนาของอนุศาสนาจารย์และท่านผู้บังคับบัญชากองพลที่ ๓ ได้อาราธนาจึงขอพูดเรื่องธรรมะก่อนสักเล็กน้อย จาก นั้นจึงจะพูดถึงเรื่องสิ่งของที่นำมาแจกจ่าย<o>:p</o>
    เราทุกคนอยากมีความดีด้วยกันทั้งนั้น แม้บางคนนึกว่า ตนเองอยากมั่งอยากมี อยากมียศมีอำนาจ แต่ความจริงแล้ว ก็คือ อยาก มีดีนั่นเอง<o>:p</o>
    แม้ เราจะมียศสูง แต่ถ้าใครมาว่าเราเป็นคนไม่ดี เราก็ไม่ชอบ เพราะฉะนั้นใครจะอยากอะไรก็ตามเถอะ แต่ที่สุดของความอยาก นั้นก็คือความดีนั่นเอง<o>:p</o>
    รักษาศีล 5 ให้ได้<o>:p</o>
    ความดีนั้นมีกฏเกณฑ์ที่เราจะต้องทำเป็นเบื้องต้น 5 ประการ คือ

    1. เราไม่อยากให้ใครมาฆ่า รังแก ข่มเหงเรา เราก็อย่าไปฆ่า ไปรังแก ไม่ข่มเหงเขา
    2. เราไม่อยากให้ใครมาลักของๆ เรา เราก็อย่าไปลักของๆ เขา
    3. เราไม่อยากให้ใครมาผิดลูกผิดเมียเรา เราก็อย่าไปผิดลูกผิดเมียเขา
    4. เราไม่อยากให้ใครมาโกหกเรา เราก็อย่าไปโกหกเขา
    5. เราไม่อยากเป็นคนบ้า ก็อย่าไปดื่มสุราเมรัย เพราะถ้าเราดื่มสุรามากๆ เราจะกลายเป็นคนบ้า<o>:p</o>
    เจริญพรหมวิหาร ๔ ไว้<o>:p</o>
    ความดีที่สูงขึ้นไปอีกที่เราควรประพฤติเป็นหลักในการดำรงชีวิต เพื่อความสุขความเจริญแก่ตนเองคือ พรหมวิหาร มี ๔ ประการคือ
    1. เมตตา ความรัก เราต้องรักตัว รักครอบครัว รักญาติพี่น้องหมู่คณะ ตลอดจนถึงรักประเทศชาติ
    2. กรุณา ความสงสาร ที่มีต่อบุคคลที่ตกทุกข์ได้ยาก อยากให้เขาพ้นจากความทุกข์ทรมานที่เขารับอยู่
    3. มุทิตา ยินดีด้วยเมื่อบุคคลอื่นได้ดีมีความสุข ไม่ริษยาเขา เขาได้ดีก็ชื่นชมอนุโมทนาด้วย
    4. อุเบกขา วางเฉย เช่น เมื่อลูกของเรา ญาติพี่น้อง หรือพรรคพวกของเราไม่ทำผิด เราต้องวางตัวเป็นกลาง เมื่อเขาจะได้รับโทษก็ถือเป็นกรรมของเขา ไม่ช่วยเหลือเขาในทางที่ผิด<o>:p</o>
    เว้นจากความลำเอียงทั้ง ๔ ประการ<o>:p</o>
    ผู้ที่จะมีคุณธรรมในข้อที่ ๔ นี้จำเป็นจะต้องมีคุณธรรมข้ออื่นสนับสนุน คือเราต้องเว้นจาก อคติ คือ
    ๑. ความลำเอียงเพราะความรัก
    ๒. ความลำเอียงเพราะความชัง
    ๓. ความลำเอียงเพราะความหลง
    ๔. ความลำเอียงเพราะความกลัว<o>:p</o>
    ทหารแปลว่าคนหนุ่ม<o>:p</o>
    ทหารทุกคนต้องเป็นคนหนุ่ม แม้จะแก่อายุมากแล้วก็ต้องทำตัวเป็นคนหนุ่ม เพราะคำว่า ทหาร แปลว่า คนหนุ่ม<o>:p</o>
    คน หนุ่มนั้นจะต้องเป็นคนแข็งแรง ว่องไว กล้าหาญ บึกบึน มีไหวพริบปฏิภาณดี มีความสามัคคีรักใคร่กัน ไม่ทอดทิ้งกันเมื่อ มีภัย ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท<o>:p</o>
    และ ข้อสำคัญที่สุดนั้นต้องยอมตายเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองเมื่อถึงคราวจำเป็น นี้พูดอย่างทหาร เพราะอาตมาเคยเป็น ทหาร เรือมาแล้ว ย่อมรู้จักชีวิตวิญญาณของทหารดี<o>:p</o>
    ทหารไปรบถือว่าทำเพื่อชาติบ้านเมือง<o>:p</o>
    ทหาร ที่ไปราชการสงครามเพื่อป้องกันอริราชศัตรูนั้น หากไปฆ่าข้าศึกศัตรูก็ไม่ถือว่าเป็นความชั่ว แต่เป็นการทำดีต่างหาก เพราะเราทำหน้าที่ป้องกันสิ่งที่ดีงามเอาไว้ ความดีนั้นคือ ความอยู่รอดของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และความสงบสุข ของปวงชนในผืนแผ่นดินไทยทุกคน<o>:p</o>
    ความ สงบสุขนั้นเป็นยอดของความดีทั้งมวล การที่เรายอมเสียสละเลือดเนื้อ และชีวิตของเรา เพื่อรักษาความดี ทั้งหลาย ดัง กล่าว มาแล้วนั้นไว้ จึงได้ชื่อว่าเราทุกคนได้ทำความดี สมศักดิ์ศรีของทหารไทย จึงไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นบาปกรรม<o>:p</o>
    ภูอันธพาล (ภูพาน)<o>:p</o>
    อาตมา ขึ้นเครื่องบินผ่านภูอันธพาล ไม่อยากเรียกว่า "ภูพาน" ดังที่เขาเรียกกัน เพราะภูนี้มีแต่พวกอันธพาลทั้งนั้น ได้พิจารณา ถึงเหตุการณ์บ้านเมืองและการสู้รบของทหารเห็นว่า<o>:p</o>
    เรา ทุกคนจะไม่แพ้ จะไม่ต้องตกเป็นทาสของใครๆ ดังที่พวกเราพากันวิตกกังวลกันอยู่ในขณะนี้ แม้แต่ พระบาทสมเด็จ พระ เจ้าอยู่หัวก็ทรงปริวิตกและทรงมีความห่วงใยประเทศชาติบ้านเมืองเป็นอย่าง ยิ่ง ดังจะเห็นได้ว่า เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๑๘ พระองค์พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชินีนาถได้เสด็จไปยังวัดของอาตมา (วัดท่าซุง) และได้ตรัสถาม ความเป็นไป ของบ้านเมืองในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร<o>:p</o>
    อนาคตของชาติ<o>:p</o>
    อาตมา ได้ถวายพระพรพระองค์ว่า "ประเทศชาติบ้านเมืองของเราจะไม่ตกเป็นทาสของใคร อาตมาขอถวายชีวิตเป็นประกัน เกี่ยวกับเรื่องนี้ นับตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๐ เป็นต้นไป ประเทศไทยจะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ความเยือกเย็นจะเริ่มปรากฏ ความมั่งคั่ง สมบูรณ์จะมีขึ้นแก่ประเทศชาติและประชาชน แต่จะยังไม่ปรากฏชัดนัก แต่เราจะมองเห็นได้ชัดๆ ก็ต้องปี พ.ศ. ๒๕๒๔ เปรียบเหมือนอรุณได้ขึ้นดีแล้วและเริ่มฉายแสงให้เห็นความมืดหมดไป"<o>:p</o>
    ที่อาตมากล้ายืนยันต่อพระองค์เช่นนั้น ก็เพราะเหตุผลหลายประการ คือ
    <o>:p</o>คำทำนายของพระพุทธโฆษาจารย์<o>:p</o>
    ใน ประการแรก อาตมาได้พบและได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งเป็นสมุดข่อย ซึ่งพระอรหันต์ในอดีตนามว่า พระพุทธโฆษาจารย์ (ลำใย) เขียนไว้ ทำนายชะตาบ้านเมืองก่อนที่กรุงศรีอยุธยาจะแตกเสียอิสรภาพแก่พม่า ก่อนที่กรุงเทพฯ ยังไม่ปรากฏ<o>:p</o>
    โดยท่านได้เขียนทำนายไว้ว่า
    [​IMG]

    "กรุง ศรีอยุธยาจะต้องถูกข้าศึกตีแตก แจ่จะเสียอิสรภาพไม่นานนัก จะมีคนดีของกรุงศรี อยุธยามากู้ชาติ แต่เมื่อกู้ชาติ ได้แล้ว จะต้องไปตั้งเมืองหลวงอยู่ใหม่"<o>:p</o>
    และเหตุการณ์ต่างๆ ของกรุงศรีอยุธยาก็ได้เป็นจริงตามคำทำนายทุกอย่าง<o>:p</o>
    ทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าทั้ง ๑๐ รัชกาล<o>:p</o>
    ใน สมุดข่อยเล่มเดียวกันนี้ พระพุทธโฆษาจารย์ได้กล่าวทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแก่กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงใหม่ ในวันข้างหน้า ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแต่ละรัชกาลดังนี้<o>:p</o>
    รัชกาลที่ ๑. ทำนายว่า มหากาฬผ่านมหายักษ์
    รัชกาลที่ ๒. ทำนายว่า รู้จักธรรม
    รัชกาลที่ ๓. ทำนายว่า จำต้องคิด
    รัชกาลที่ ๔. ทำนายว่า สนิทธรรม
    รัชกาลที่ ๕. ทำนายว่า จำแขนขาด
    รัชกาลที่ ๖. ทำนายว่า ราษฎร์ราชาโจร
    รัชกาลที่ ๗. ทำนายว่า นั่งทนทุกข์
    รัชกาลที่ ๘. ทำนายว่า ยุคทมิฬ
    รัชกาลที่ ๙. ทำนายว่า ถิ่นกาขาว
    รัชกาลที่ ๑๐. ทำนายว่า ชาววิไล<o>:p</o>
    ความแม่นยำของคำทำนาย<o>:p</o>
    เมื่อพิจารณาถึงคำทำนายและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ละรัชกาลก็จะเห็นได้ชัดว่า คำทำนายนั้นถูกต้องเพียงใด<o>:p</o>
    รัชกาลที่ ๑. ผ่าน พระเจ้าตากสิน ขึ้นครองราชย์สมบัติ<o>:p</o>
    รัชกาลที่ ๒. ท่านว่างจากศึกสงครามก็หันมาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ให้พระสงฆ์ค้นคว้าพระธรรมวินัย รวบรวมกัน เป็นการใหญ่<o>:p</o>
    รัชกาลที่ ๓. ท่านมีหัวคิดริเริ่มหาเงินมาสร้างสรรค์บ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้<o>:p</o>
    รัชกาล ที่ ๔. ท่านสนิทธรรมก็เพราะพระราชาองค์นี้ทรงผนวชถึง ๒๗ พรรษา มีความคล่องตัวในพระธรรมวินัย ทรงไว้ซึ่ง พระไตรปิฎกอย่างแตกฉาน และยังมีความสนิทสนมกับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) อย่างยิ่ง เป็นคู่บารมีกัน<o>:p</o>
    รัชกาล ที่ ๕. จำแขนขาด เราเห็นได้ชัดมาก เพราะเราต้องเสียดินแดนไปหลายครั้งหลายหน โดยพระองค ์ทรงยอมเสียแขนขา ดีกว่าเสียตัวทั้งหมด คือยอมเสียผืนแผ่นดินบางส่วน เพื่อรักษาเอกราชของชาติไว้<o>:p</o>
    รัชกาล ที่ ๖. เป็นโจร เพราะทรงใช้จ่ายเงินในท้องพระคลังจนหมดสิ้น แต่อาตมาเห็นว่าพระองค์ทรงเป็นนักชาตินิยม มีพระ ปรีชาสามารถปลุกใจประชาชนให้รักชาติบ้านเมือง เช่นมีเพลงบทหนึ่งทรงพระนิพน์ไว้ว่า "ใครมาเป็นเจ้าเข้าครอง คงจะ ต้องบังคับขับไส เคี่ยวเข็ญเย็นค่ำร่ำไป ตามวิสัยเชิงเช่นผู้เป็นนาย" ทรงเป็นนักประชาธิปไตย จึงได้ทำทุกอย่าง ให้บุคคลอื่น เห็นว่า พระองค์ไม่ทรงถือพระองค์ เช่น แสดงมหรสพ เล่นโขนกับข้าราชบริพาร<o>:p</o>
    ยิ่ง กว่านั้นพระองค์ยังสามารถทำให้ประเทศไทยเป็นที่ปรากฏแก่ชาวโลก โดยส่งทหารไปช่วยสงครามโลกครั้งที่ ๑ จึงจำเป็น ต้องใช้เงินมาก แม้จะใช้เงินมาก แต่ประโยชน์ก็เกิดแก่ประเทศชาติอย่างหนัก<o>:p</o>
    รัชกาล ที่ ๗. นั่งทนทุกข์ พระองค์เสวยราชสมบัติอยู่ในเกณฑ์ตกอับพอดี เงินในท้องพระคลังก็หมดมาแต่รัชกาลก่อนพระองค์ จึงทรงประทับอยู่บนกองทุกข์ต้องดุลข้าราชการออกเป็นจำนวน มาก เท่านั้นยังไม่พอ ต่อมาพระองค์ ต้องจำพระทัย สละราช สมบัติ ไปนั่งทนทุกข์อยู่ต่างแดน จนสิ้นพระชนม์<o>:p</o>
    รัชกาล ที่ ๘. ยุคทมิฬ บ้านเมืองอยู่ในภาวะสงครามโลกครั้งที่ ๒. ประชาชนตกอยู่ในสภาพบ้านแตก อดอยากยากแค้น แสนสา หัส พระมหากษัตริย์ก็ถูกลอบปลงพระชนม์จนสวรรคต<o>:p</o>
    รัชกาลที่ ๙. ทำนายว่า ถิ่นกาขาว เราก็เห็นแล้วว่าฝรั่งมาอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง ล้วนแต่คนผิวขาวทั้งนั้น<o>:p</o>
    สำหรับ รัชกาลต่อไปคือ รัชกาลที่ ๑๐. ทำนายว่า ชาววิไล หมายความว่า บ้านเมืองเราได้ผ่านยุคเข็ญมาแล้วจะได้ประสบความ เจริญรุ่งเรืองกันเสียที เราจะมั่งคั่งสมบูรณ์เหมือนนานาอารยะประเทศที่เจริญแล้วทั้งหลาย<o>:p</o>
    ราชวงศ์จักรีจะมีเพียง ๑๐ รัชกาลเท่านั้นรึ?<o>:p</o>
    ปัญหาที่น่าคิดต่อไปก็คือว่า
    ทำไม พระพุทธโฆษาจารย์จึงทำนายเหตุการณ์บ้านเมืองไว้เพียง ๑๐ รัชกาลเท่านั้น? กรุงเทพมหานครจะมีพระมหากษัตริย์เพียง ๑๐ พระองค์เท่านั้นหรือ?<o>:p</o>
    เป็น เรื่องที่อาตมาสนใจเป็นพิเศษ จึงได้สอบถามเรื่องนี้กับ หลวงพ่อปาน และพระอาจารย์ต่างๆ ซึ่งจิตของท่าน เป็นสมาธิ เข้า ถึงขั้นอภิญญา สามารถที่จะรู้จริงในเรื่อง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ซึ่งก็ยังมีอยู่หลายๆ องค์ในขณะนี้ ทุกๆ รูป ที่อาตมาสอบ ถามจากท่าน ต่างก็ยืนยันตรงกันว่า<o>:p</o>
    พระมหากษัตริย์จะยังคงมีอยู่คู่กับชาติไทยตลอดไปอีกนาน มิใช่เพียงแค่ ๑๐ พระองค์เท่านั้น แต่ที่พยากรณ์ ไว้เพียงแค่นั้น ก็เพราะว่า

    เริ่ม ตั้งแต่รัชกาลที่ ๑๐. เป็นต้นไป บ้านเมืองจะมั่งคั่งสมบูรณ์ร่มเย็นผาสุก ประชาชนในชาติจะร่ำรวย ประเทศไทย จะเป็นประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่ง ซึ่งจะมีแต่ความเจริญตลอดไป ไม่ล้มลุกคลุกคลาน ดังที่ แล้วมา จึงไม่จำเป็นจะต้องพยากรณ์ต่อไปอีก"<o>:p</o>
    พระพุทธทำนายเหตุการณ์ของโลก<o>:p</o>
    ประการ ที่ ๒. ที่ยืนยันว่าประเทศไทยจักไม่ตกเป็นทาสของใครๆ นั้นคือ พระพุทธทำนายเหตุการณ์ของโลก พระพุทธทำนาย นี้ก็มีปรากฏในสมุดข่อยของพระพุทธโฆษาจารย์เช่นเดียวกัน ซึ่งมีข้อความปรากฏโดยสังเขปดังนี้<o>:p</o>
    "..อา นันทะ ดูก่อน อานนท์ โลกต่อไปจะเต็มไปด้วยความเร่าร้อน ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี (ประมาณ พ.ศ. ๒๔๘๕) จะมีฝน เหล็กตกจากอากาศ จะมีไฟลุกจากอากาศเหล็กกล้าจะผุดจากน้ำมาทำลายมนุษย์ มนุษย์และ สมณะชีพราหมณ์จะตายกันมาก<o>:p</o>
    แต่ว่า.. อานนท์ ความเร่าร้อนก่อนกึ่งพุทธกาลนั้น ยังมีความเร่าร้อนน้อยกว่า ความเร่าร้อนหลังกึ่งพุทธกาล
    <o>:p</o>
    หลัง กึ่งพุทธกาลจะมีความร้ายแรงยิ่งไปกว่านั้น ยักษ์หิน ที่ถูกสาปจะลุกขึ้นมาอาละวาด สมณะชีพราหมณ์ จะล้มตาย ยักษ์นอกพระพุทธศาสนาทั้งหลายจะฆ่าฟันกันและกัน จะตายกันไปคนละครึ่ง จึงจะหยุดยั้งเลิกรบกัน<o>:p</o>
    แต่ทว่าประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างแน่นแฟ้น จะมีภัยเช่นนี้เหมือนกัน แต่ไม่มากนัก"<o>:p</o>
    ความแม่นยำของพุทธทำนาย<o>:p</o>
    จาก พระพุทธเจ้าทำนายนี้เราก็จะเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นความจริงทุกอย่าง ก่อนพุทธกาลได้เกิด สงครามโลกครั้งที่ ๒. ลูกระเบิด ต่างๆ ซึ่งเป็นเหล็กเป็นไฟได้หลั่งไหลลงมาจากอากาศพิฆาตมนุษย์<o>:p</o>
    หลัง กึ่งพุทธกาลได้เกิดสงครามลัทธิคือพวกยักษ์นอกศาสนา เพิ่งจะเลิกรากันไป แต่เมืองไทย ก็ยังได้รับผลกระทบ กระเทือน มาจนกระทั่งบัดนี้<o>:p</o>
    มีเพียงไทยที่นับถือพุทธอย่างมั่นคง<o>:p</o>
    ตามพระ พุทธทำนายนั้นได้บ่งชี้ชัดว่าประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาจะ มีภัยบ้างแต่ไม่มากนัก หากเราพิจารณาให้ดีๆ ก็จะ เห็นเด่นชัดว่า ประเทศไทย นี้เท่านั้นที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคงและเป็นประเทศสุดท้าย ที่พระพุทธศาสนา ยังเหลือ อยู่ในท้องถิ่นบริเวณนี้ ประเทศอื่นๆ รอบบ้านเราก็กลายเป็นพวกเดียรถีย์นอกศาสนาพุทธไปเกือบหมดแล้ว<o>:p</o>
    เพราะฉะนั้น ประเทศไทยจึงเป็นเมืองสุดท้ายที่พระพุทธศาสนาจะสถิตสถาพรอยู่ได้ตลอดไป<o>:p</o>
    พระเจ้าอังครัฐตั้งจิตขอพบพระอรหันต์<o>:p</o>
    ในพระพุทธทำนายซึ่งปรากฏในตำนานบางแห่งได้เล่าไว้ว่า

    พระ เจ้าอังครัฐ เจ้าเมืองอังครัฐ ซึ่งเป็นเมืองที่ประดิษฐาน พระธาตุจอมทอง อยู่ในขณะนี้ ได้ทรงตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้พระ องค์ ได้พบพระอรหันต์ ขอให้พระอรหันต์เสด็จมาโปรด<o>:p</o>
    พระ พุทธองค์ทรงทราบวาระจิตของพระเจ้าอังครัฐ จึงทรงส่ง พระโมคคัลลาน์ พร้อมด้วยพระเถระรวม ๔ รูป เดินทาง มา เผยแพร่พระพุทธศาสนาที่เมืองอังครัฐก่อน<o>:p</o>
    ศาสนาจะอยู่ในเมืองไทยครบ ๕,๐๐๐ ปี<o>:p</o>
    ส่วนพระองค์ได้เสด็จมาภายหลัง เมื่อเสด็จมาถึงเมืองนั้น ได้ทรงพยากรณ์ เกี่ยวกับความเป็นไป ในอนาคต ของพระพุทธ ศาสนา ไว้ว่า

    [​IMG]


    "พระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองตั้งมั่นอยู่ในท้องถิ่นนี้ถึง ๕,๐๐๐ ปี"<o>:p</o>:p
    เมื่อ พระพุทธศาสนายังตั้งมั่น อยู่ได้ในผืนแผ่นดินไทย ตามพระพุทธทำนาย ก็หมายความว่า เมืองไทยจะต้องไม่ตกเป็นทาส ของใครๆ เพราะความมั่นคงของชาติและพระพุทธศาสนาเป็นของคู่กันมาแต่บรรพกาล เมืองไทยจะไม่ตกเป็นทาสของใคร<o>:p</o>
    จาก คำพยากรณ์ของพระพุทธโฆษาจารย์ก็ดี คำบอกเล่าของพระเถระผู้ได้ฌานสมาบัติก็ดี และจากพระพุทธทำนายก็ดี เป็น หลักชี้ชัดให้เรามั่นใจได้ว่า<o>:p</o>
    "เมืองไทยเรานี้จะต้องเป็นปึกแผ่นมั่นคงตลอดไป ไม่ตกเป็นทาสของใครๆ พวกนอกศาสนาจะไม่สามารถย่ำยีเมืองไทยได้<o>:p</o>
    แต่ ข้อสำคัญนั้น เราทุกคนอย่าประมาท ต้องรักกันสามัคคีกันไว้ ไม่แตกแยกกันและไม่ลุ่มหลง ไปกับคำยุแหย่ของบุคคล ผู้มุ่ง ร้าย ต่อชาติบ้าน เมือง"<o>:p</o>
    ดวงทหารคู่กับดวงเมือง<o>:p</o>
    ขอ ให้ทหารทุกคนจงสำนึกตนเองว่า เราต้องมีความสามัคคี-เด็ดเดี่ยว-ไม่ประมาท-กล้าหาญ-และพร้อมที่จะยอมตาย เพื่อชาติ บ้านเมืองและพระบวรพุทธศาสนา เมื่อถึงคราวจำเป็น<o>:p</o>
    เพราะ บ้านเมืองจะอยู่รอดปลอดภัย ก็เพราะทหารเท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจาก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑. เมื่อพระองค์จะเริ่มสร้างเมืองหลวงใหม่ ได้ทรงผูกดวงเมืองและวางลัคนาดวงเมืองไว้ให้คู่กับดวงทหารโดยให้ ทหารเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองบ้านเมือง บ้านเมืองจึงจะอยู่รอด<o>:p</o>
    ที่ พูดนี้มิใช่จะมายุยง ให้ท่านทั้งหลายกระด้างกระเดื่อง ทำการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจจากใครๆ เพียงแต่... ขอให้เราทุกคน ช่วยกันควบคุมสถานการณ์ไว้ให้บ้านเมืองสงบสุขเท่านี้ก็ได้ชื่อว่าทหารควบคุม รักษาเมืองแล้ว<o>:p</o>
    ดวง ชะตาของทหารนั้น เข้าเกณฑ์ราชาโชค ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๑๘ แล้ว และจะโคจรเข้าควบคู่กับดวงเมือง ตั้งแต่เดือน มกราคม ๒๕๑๙ เป็นต้นไป ซึ่งจะมีอิทธิพลให้ประเทศชาติบ้านเมืองค่อยคลี่คลายไปในทางดีขึ้น ขณะนี้บ้านเมืองของเราอยู่ ในสภาพป่วยไข้ จำเป็นจะต้องได้รับการเยียวยารักษาหรืออาจจะต้องถึงกับผ่าตัดบ้าง อาการของบ้านเมืองจึงจะดีขึ้น<o>:p</o>
    เมืองไทยมีขุมทรัพย์มหาศาล<o>:p</o>
    สภาพ การณ์ของบ้านเมืองจะคลี่คลายไปในทางดี เริ่มแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๙ เป็นต้นไป และตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ประเทศชาติ และประชาชนจะเริ่มพบกับความสุขสบายขึ้นบ้าง แต่ก็ยังไม่มากนัก แต่จะปรากฏเด่นชัดว่า ประเทศชาติและประชาชน จะร่ำ รวยขึ้นมีความสุขสมบูรณ์ขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๔ เป็นต้นไป<o>:p</o>
    เพราะ เรามีทรัพยากรมากมายมหาศาลล้วนแต่เป็นของมีค่าทั้งสิ้นอาทิเช่น น้ำมัน แร่ทองคำ แร่ยูเรเนียม วัตถุธาตุต่างๆ เหล่านี้ มีอยู่พร้อมในเมืองไทย และเราก็ได้พบแล้ว แต่เรายังไม่สามารถจะนำเอาออกมาใช้ได้ เพราะเรามีขีดความสามารถอันจำกัด<o>:p</o>
    ทรัพยากรน้ำมันในประเทศไทย<o>:p</o>
    อย่าง น้ำมัน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นและมีค่าที่สุดของคนทั้งโลกนั้น ในเมืองไทยเรามีมากมาย น้ำมันที่ใช้อยู่ในโลกขณะนี้มีไม่ถึงหนึ่ง ในสาม ที่มีในเมืองไทยเรา<o>:p</o>
    ที่อาตมาพูดเช่นนี้มิได้กล่าวเกินความจริง แต่เป็นการกล่าวที่เกิดจากประสบการณ์ที่พอเชื่อถือได้ กล่าวคือ<o>:p</o>
    เมื่อ ต้นปี พ.ศ.๒๕๑๗ อาตมาพร้อมด้วย พล.อ.ต.มรว. เสริม สุขสวัสดิ์ เจ้ากรมการสื่อสารทหารอากาศ ได้เดินทางไปยัง จังหวัดชุมพร พักอยู่ ณ บ้านพักหลังหนึ่ง หลังจากคุยกันประมาณห้าทุ่มเศษก็เข้านอน<o>:p</o>
    พอ ไฟดับลงเท่านั้น ก็มองเห็นภาพคนดำใหญ่เดินเข้ามาในห้องโดยไม่เปิดประตู เขาเดินเข้าเดินออกโดยไม่ต้องเปิดประตู จึง ถามเขาไปว่า อยู่ที่ไหน เขาบอกว่า อยาในห้องนี้แหละ แล้วก็คุยกันด้วยเรื่องต่างๆ เจ้าเทวดาดำใหญ่ได้เล่าให้ฟังว่า<o>:p</o>
    "เมืองไทยเรานี้มีน้ำมันมากมายมหาศาลเป็นลำธารกว้างขนาด ๑ กิโลเมตร และยาวหลายร้อยกิโลเมตร ไหลผ่านประเทศไทย ไปลงทะเล<o>:p</o>
    เมื่อใดที่ผู้บริหารดีทรัพยากรจะปรากฏขึ้น<o>:p</o>
    เขา บอกว่า น้ำมันนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะขุดนำมาใช้เพราะฝ่ายบริหารยังไม่ดีพอ หากปรากฏขึ้นในขณะนี้ พวกทุจริต ก็จะงุบงิบ เอาไป เป็นผลประโยชน์ส่วนตนหมด<o>:p</o>
    เมื่อ ใดผู้บริหารประเทศมีมือสะอาดซื่อสัตย์สุจริต เห็นแก่ประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ ขุมทรัพย์มหาศาลในเมืองไทย เช่น บ่อ น้ำมัน ก็จะค่อยผุดขึ้นมาให้เห็นเรื่อยๆ ไป ซึ่งจะนำผลรายได้อันมหาศาลมาให้เมืองไทย ทำให้เมืองไทย กลายเป็นเศรษฐี มีชื่อ เสียงระบือไปทั่วโลก และจะได้เป็นมหาอำนาจประเทศหนึ่งในเอเชีย"<o>:p</o>
    ไปพิสูจน์สถานที่มีน้ำมันอยู่<o>:p</o>
    เจ้า เทวดาดำใหญ่ให้หลักฐานยืนยันคำพูดของตนว่า หากอยากข้อเท็จจริงเกี่ยวกับน้ำมัน ให้ไป ดูบ่อน้ำมันที่เมืองมะริด ในเขต พม่า ซึ่งเป็นบ่อน้ำมันสายเดียวกันอยู่ห่างจากผืนแผ่นดินไทยประมาณ ๓๐ กิโลเมตร
    [​IMG]<o>:p</o>
    ณ. ที่นั้นจะมีหนองน้ำอยู่แห่งหนึ่ง มีน้ำมันลอยฟ่องเต็มไปหมด ถ้าอยากเห็นให้ไปดูด้วยตนเอง<o>:p</o>
    อาตมา อยากพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงได้เดินทางไปดูสถานที่แห่งนั้น เมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๕๑๘ นี้เอง ปรากฏว่า เป็นความจริงทุกอย่าง<o>:p</o>
    บริเวณ นั้นมีหนองน้ำซึ่งมีน้ำมันลอยเต็มไปหมด ชาวบ้านนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี จึงมั่นใจได้ว่า เทวดาดำองค์นั้น ไม่โกหก เมืองไทยเรามีน้ำมันแน่ๆ<o>:p</o>
    ต่อ เมื่อใดผู้บริหารใจซื่อมือสะอาดมาบริหารชาติบ้านเมือง ทรัพยากรเหล่านี้ก็จะปรากฏให้เห็น และนำมาใช้ ให้บ้านเมือง เรา มีความอุดมสมบูรณ์ดังกล่าวแล้ว<o>:p</o>
    ธงมหาพิชัยสงคราม<o>:p</o>
    สำหรับ ผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงคราม ที่นำมาแจกจ่ายครั้งนี้ ได้ทำขึ้นครั้งแรก ๑๐๐,๐๐๐ ผืน นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๙๐,๐๐๐ ผืน มีเหลือนำมาแจกจ่ายคราวนี้เพียง ๑๐,๐๐๐ ผืน<o>:p</o>
    การทำผ้ายันต์นี้ ก็ทำจากตำราของ หลวงพ่อปาน หลวงพ่อปานเคยทำเพื่อมอบให้เป็นธงนำทัพเข้าตีข้าศึก<o>:p</o>
    ได้ตำราทำยันต์พิชัยสงคราม<o>:p</o>
    ตามตำราบอกว่าใครอยากเรียนตำรานี้ไปทำต่อต้องนำดาบสองเล่มออกไปรำกลางแจ้ง หากเกิดฟ้าผ่าในขณะรำดาบจึงจะเรียน ตำรานี้ได้<o>:p</o>
    อาตมา เป็นพระไม่สามารถจะนำดาบออกไปรำได้ แต่ก็อยากเรียนตำรา จึงตั้งจิตอธิษฐานว่า หากตนมีบุญบารมี ที่จะเรียน ตำรา นี้ได้แล้ว เวลาถือดาบออกพ้นจากชายคาขอให้เกิดฟ้าผ่า<o>:p</o>
    เมื่อ ตั้งจิตอธิษฐานแล้วก็ถือดาบ ๒ เล่ม ออกนอกชายคา พอพ้นจากชายคาเท่านั้นแหละฟ้าก็ผ่าขึ้น ๒-๓ ครั้ง จึงมั่นใจได้ว่า ครู ได้อนุญาตให้เรียนตำรานี้ได้แล้ว จึงได้เรียนตำรามาทำผ้ายันต์มหาพิชัยสงครามขึ้น<o>:p</o>
    มีพระเถระทางเหนือช่วยปลุกเสกด้วย<o>:p</o>
    และ เมื่อทำด้วยตัวเองแล้ว ก็ได้อาราธนาพระเถระผู้ทรงวิทยาคมในภาคเหนือหลายรูปมาช่วยปลุกเสกให้เมื่อ เดือนสิงหาคม จึงได้นำออกแจกจ่ายแก่ทหารทางภาคเหนือ ปรากฏว่าได้ผลดี<o>:p</o>
    มี ฐานปฏิบัติการบางแห่งที่ทหารรับผ้ายันต์ไปแล้ว ถูกถล่มด้วยปืน ค. และจรวดฐานแหลกหมด แต่ทหารในฐาน ปลอดภัยทุก คน ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ<o>:p</o>
    อย่างไรก็ตาม คนเราเมื่อถึงกำหนดจะต้องอสัญกรรมแล้วก็หนีความตายไม่พ้น แม้แต่ผู้บรรยายหรือผู้ทำผ้ายันต์นี้ก็ต้องตาย<o>:p</o>
    อานุภาพของผ้ายันต์<o>:p</o>
    ผ้า ยันต์นี้จะช่วยได้ก็เพียงแต่ว่า หากเรามีเคราะห์กรรมจากอดีต เช่น เคยทำปาณาติบาต แรงอุปฆาตกรรม จะมาตัดรอน ชีวิต เราให้หมดไปในเวลาอันไม่สมควร หากเรามีเคราะห์ถึงฆาตอย่างนี้ ผ้ายันต์จะช่วยให้เคราะห์เบาบางลง เพียงแค่ให้เรา บาด เจ็บไม่ถึงตาย<o>:p</o>
    หาก เคราะห์เราไม่ถึงฆาตเพียงแต่มีเคราะห์จะได้รับบาดเจ็บ ยันต์นี้จะช่วยไม่ให้เราบาดเจ็บเลย แม้แต่ถูกปืนหรือสะเก็ดระเบิด ก็จะไม่ทำให้เราเสียเลือดแม้แต่หยดเดียว ลูกปืนที่มากระทบเราจะมีค่าเท่ากับแมลงตัวหนึ่งบินมาปะทะเท่านั้น<o>:p</o>
    ขอให้ทุกท่านถือว่า ยันต์ธงมหาพิชัยสงคราม เป็นสิ่งสำคัญที่สุด สำคัญกว่าเหรียญเอกราชที่ได้รับแจกไป<o>:p</o>
    ถ้านำไปใช้ในทางที่ผิดจะไม่มีผล<o>:p</o>
    และ ทั้งธงและเหรียญจะไม่มีผลในทางป้องกันตัวเลย หากเรานำไปใช้ในทางที่ผิดคิดมิชอบ หรือยิ่งคนที่คิดคดทรยศ ต่อชาติ บ้านเมืองด้วยแล้ว อาตมาอยากให้เขามารับโดยเร็ว เพราะเหรียญและธงจะช่วยสนับสนุนให้เขาประสบความวิบัติเร็วเข้า<o>:p</o>
    มี อยู่รายหนึ่งมาขอผ้ายันต์จากอาตมา อาตมาไม่ให้เพราะเกรงว่าเขาจะนำไปใช้ในทางที่ผิด จะทำให้ชีวิตเขาสั้นเข้า แต่เขารับ รองตนเองเช่นนั้นอาตมาก็มอบให้ไป และได้ทราบต่อมาภายหลังว่า เขานำผ้ายันต์ไปใช้ในทางที่ผิดตามที่อาตมาคาดการณ์ไว้ ผลที่สุดเขาก็ถูกยิงตาย<o>:p</o>
    สุด ท้ายนี้ ขอตั้งจิตอธิษฐาน ด้วยอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย จงดลบันดาลให้ทหารทุกคน จงมีความสุขความเจริญ และปลอด ภัย ชนะข้าศึกตลอดกาล สวัสดี.

    อ้างอิง . อนาคตของชาติ โดย.. พระมหาวีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤาษี ฯ)
    บรรยายเมื่อ วันพุธที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๑๘ มัชฌิมา : คัดลอก
     
  5. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    Damrongkiat Kaewcharoen ขอขอบคุณคุณตัน โออิชิ มอบเนื้อที่ฟรีๆ ให้ค้าขาย ให้ผู้ประสบความเสียหายจากเหตุการณ์ครับ CH9 ตอนนี้ คนจริงคนดีจริงๆ


    Tuchseth Viriyapannachot อยากประกาศว่า!ผม อยากรับคนที่ตกงานจากเหตุการณ์ครั้งนี้อ<wbr>่ะครับฝากบอก ข่าวให้ด้วยนะครับ ติดต่อมาที่ทางผมได้เลยครับ
    ผมจะฝากและหางานให้กับพรรคพวกให้อีกครับ


    Memee Saengsangangam ฝากข่าวหน่อย นะค่ะ ครงการดี ๆ สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ควา<wbr>มไม่สงบ...พากันไปอุดหนุนนะ ค่ะ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้กลับมาสู้ภาวะท<wbr>ี่ดีขึ้นอ่านรายละเอียด จากลิ้งค์ได้เลยนะค่ะ!!! แหม่นี่ถ้าอยู่ไทยคงจะไปช๊อปกระจายแน่เลยเ<wbr>รา อิอิ..



    [​IMG]
    เหตุการณ์จลาจลภายหลังยุติการชุมนุมของกลุ่มนปช. เมื่อวันที่ 19 พค.ที่ผ่านมา ก็ทำให้สภาวะจิตใจและความเป็นอยู่ของคนกรุงเทพฯ (และคนที่ต้องทำมาหากินเลี้ยงชีพในกรุงเทพฯ) แปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ไหนจะบรรยากาศตึงเครียดและหวาดผวาว่าจะมีผู้ก่อการร้อยเผาทำลายตรงไหนอีก หรือไม่ ไหนจะต้องรับมือกับการใช้ชีวิตภายใต้เคอร์ฟิว เหล่านี้ก็ทำให้กรุงเทพฯ แทบจะกลายเป็นเมืองร้างไปเลยทีเดียว
    คนที่เดือดร้อนสาหัสสุดในเวลานี้เห็นทีจะหนีไม่พ้นบรรดาผู้ค้าขายที่เปิด ร้านขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ยันผู้ค้าแผงลอยบริเวณรอบจุดอันตรายที่เกิดจลาจล หนักสุดในตอนนี้คือทำเลรอบๆ ศูนย์การค้าเซ็นเตอร์วัน ย่านอนุสาวรีย์ชัยฯ, ร้านค้าที่เช่าห้องค้าขายภายใต้บริเวณโรงหนังสยามที่ถูกพระเพลิงเผาเป็นจุล, พ่อค้าแม่ค้าแผงลอยขนาดเล็กแถบดินแดง, คลองเตย, บ่อนไก่ และบางส่วนในย่านสีลม รวมไปถึงผู้ประกอบการที่หมดตัวไม่น้อยจากการที่ ห้าง สรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ถูกวางเพลิงจนกระทบกระเทือนไปทั้งย่านราชประสงค์
    สิ่งหนึ่งที่จำเป็นต้องเกิดขึ้นควบคู่กับแผนฟื้นฟูและเยียวยาจิตใจคนกทม. โดยกรมสุขภาพจิตแล้ว แผนการเดินหน้าช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าที่กำลังขาดรายได้และหวั่นว่าจะหมด เนื้อหมดตัวเพราะไม่มีที่ทางทำมาหากินก็จำเป็นยิ่ง วันนี้เราจึงทำหน้าที่ติดตามการดำเนินการของกทม.ในการช่วยเหลือผู้ค้าที่ได้ รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่สงบ
    ช่วยผู้เดือดร้อนในทุก ด้าน มาตรการฟื้นฟูผู้ค้าปลีกย่อย
    นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงผลการประชุม ร่วมกับคณะผู้บริหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยระบุว่า ที่ประชุมได้พิจารณา มาตรการความช่วยเหลือเยียวยา ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุจลาจล จำนวน 8 ด้าน โดยในด้านความปลอดภัยนั้น ได้ประสานให้สำนักงานการโยธา เข้าตรวจสอบ ประสานงาน ดูแลควบคุมพื้นที่ ที่ดูแลความปลอดภัย พร้อมกันนี้ ได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อให้ความช่วยเหลือใน 3 ด้าน ประกอบด้วย ด้านกายภาพ ด้านสุขภาพ และด้านสังคม และจัดตั้งกองทุนรวมกัน โดยเปิดบัญชีธนาคารกรุงไทยสาขาย่อย ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ชื่อบัญชีกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรุงเทพมหานคร เลขที่ บัญชี 088-4004-320-2 โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการ กลั่นกรอง ในการเบิกจ่าย และบริหารงานด้วย
    ทั้งนี้ ในส่วนของการรับลงทะเบียนผู้ได้รับความเดือดร้อน ทางสำนักงานทั้ง 7 เขต จะเปิดรับลงทะเบียน ระหว่างวันที่ 24-31 พ.ค. 2553 ตั้งแต่เวลา 08.00 น.-17.00 น. ก่อนสรุปจัดสรรงบประมาณ ในการให้ความช่วยเหลือต่อไป นอกจากนี้ ทางกรุงเทพมหานคร ได้ประสานงานกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ ในเบื้องต้นได้มีการจัดเตรียมพื้นที่ กว่า 11,724 ตารางเมตร พร้อมงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลจำนวน 85 ล้านบาท โดยกรุงเทพมหานคร จะเร่งออกใบอนุญาตดำเนินการอย่างเร่งด่วนให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน
    เล็งเปิดถนนคนเดินราช ประสงค์
    ด้าน นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานคณะกรรมการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยและประชาชนที่ ทรัพย์สินได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบจากการชุมนุมทางการเมือง เปิดเผยว่า ตนได้เดินทางมาพูดคุยกับผู้ได้รับความเสียหาย พร้อมรับฟังปัญหาด้วยตัวเอง หลังจากนั้นจะนำปัญหาที่ได้รับทราบ นำเสนอเข้า ครม. เพื่อพิจารณาหาทางช่วยเหลือ ที่ผ่านมา 2 วัน มีผู้เข้าลงทะเบียนแล้ว จำนวน 1,430 ราย มูลค่าความเสียหาย 1,680,539,077.24 บาท ซึ่งเท่าที่ได้พูดคุยกับผู้เดือดร้อนทราบว่า ส่วนใหญ่อยากให้รัฐฯ ช่วยเรื่องเงินทุนในการค้าขาย และหลังเคลียร์พื้นที่แยกราชประสงค์กลับคืนสู่ปกติแล้วนั้น คาดว่า อาจจะมีการเปิดเป็นถนนคนเดินในวันเสาร์-อาทิตย์ แต่คงต้องหารือในรายละเอียดอีกครั้งก่อน
    โออิชิ ผุด ศอช. ไอเดียเก๋ช่วยเหลือผู้ค้า
    ขณะที่ภาครัฐและกทม.เตรียมแผนช่วยเหลือออกมารองรับผู้ประกอบการน้อยใหญ่ ที่เดือดร้อน โออิชิ แบรนด์ติดตลาดในฐานะภาคเอกชน ก็เตรียมเสริมกำลังช่วยผู้ค้าที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบอีกแรง โดยจัดแคมเปญดีๆ ที่ชื่อ ศอ ช. หรือศูนย์อำนวยความสะดวกพื้นที่ในการช้อปปิ้ง โดยเนื้อหาใจความมีว่า "ประกาศฉุกเฉินจาก ศอช. (ศูนย์อำนวยความสะดวกพื้นที่ในการช้อปปิ้ง) พื้นที่ขายสำหรับผู้ประกอบการค้าที่ได้รับความเดือดร้อน จากเหตุการณ์ความไม่สงบที่ผ่านมา เนื่องด้วยเกิดเหตุการณ์ไม่สงบ จนทำให้สถานที่ประกอบการค้าได้รับผลกระทบในหลายพื้นที่ เกิดความเดือดร้อนต่อผู้ขายไม่มีพื้นที่ขายสินค้า และผู้ซื้อไม่มีที่ให้ช้อปปิ้ง จึงเกิดโครงการ ศอช. ขึ้นอย่างเร่งด่วนกับแนวคิดที่ว่า "คุณอยากขาย เขาอยากซื้อ เราจัดให้" โดยมีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และสภาพจิตใจที่ซบเซา
    ศอช. จึงจัดพื้นที่สำหรับการชอปปิ้ง(กว่า 500 บูธ) ให้ผู้ขายที่เดือดร้อน พบกับผู้ซื้อที่อัดอั้นในพื้นที่ไม่เสี่ยงภัย ณ สนามฟุตบอล arena 10 กลางทองหล่อ ซอย 10 ในวันศุกร์ ที่ 28 พฤษภาคม - วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน 2553 เวลา 17.00 - 21.00 โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่, จอดรถฟรี, และมีบริการรถรับ-ส่ง ฟรี! จากปากซอย ทองหล่อ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ให้ผู้รักในการช้อปปิ้งทุกสีเสื้อ มาร่วมช้อปปิ้งกันอย่างสันติ ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ โปรดติดต่อสายด่วน ศอช. ได้ที่เบอร์โทร 02-7123456,02-2065469, 083-896 2598, 080-9643096, 083-8962651 หรือ www.facebook.com/oishigroup และมาลงทะเบียนร้านค้า พร้อมสำเนาบัตรประชาชนได้ที่สนามฟุตบอล arena 10 (หน้าร้าน "แซ่บอีลี่" ด้านล่าง ชั้น 1) ในวันอังคารที่ 25 - 27 พฤษภาคม 2553 ในเวลา 11.00 - 17.00 น.
    ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ผู้ซื้อช่วยผู้ขาย บางทีฟันเฟืองเล็กๆ ก็อาจผลักดันให้เศรษฐกิจในกรุงเทพฯ และบรรยากาศการจับจ่ายใช้ชีวิตที่เคยมีสีสันฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
    หมายเหตุ : ท่านใดที่ประสงค์จะฝากกระจายข่าว หรือประชาสัมพันธ์กิจกรรม ทั้งการออกร้าน เปิดบูท หรือกิจกรรมเยียวยาจิตใจพี่น้องชาวกทม. ที่กำลังได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ สามารถฝากผ่านไปได้อีกหนึ่งช่องทาง คือ facebook.com/sanookwomen เราพร้อมบอกต่อสิ่งดีๆ เพื่อสร้างสรรค์สังคมกรุงเทพฯ ให้กลับมาเข้มแข็งได้อีกครั้งค่ะ
    ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก INN, facebook.com/oishigroup
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก facebook.com/oishigroup
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2010
  6. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    วันนี้เห็นเมฆแผ่นดินไหว โค้งจากจุดศูนย์บริเวณทิศตะวันตกครับ

    วันนี้มีภัยพิบัติเกิดขึ้นหลายแห่งทั่วโลกมากเลยครับ

    ทอร์นาโดที่อเมริกา

    น้ำท่วมใหญ่ในโปแลนด์

    พายุที่อินเดีย

    ภูเขาไฟพ่นควันและประทุที่อินโดนีเซีย

    เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้มีข้อพิพาท เรื่องเรือรบเกาหลีเหนือจม

    ทุกอย่างไม่เที่ยงอย่าได้ประมาทกันครับ
     
  7. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    นนทบุรี ตอนนี้ฝนตกหนักครับ

    ฝนตกแล้วรู้สึก จิตใจชื่นบาน หายร้อนครับ

    แต่แถวนี้ชอบตกประมาณ 4 ทุ่มครับ
     
  8. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    <center><object width="480" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/doFfvcpsywE&hl=en_US&fs=1&autoplay=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/doFfvcpsywE&hl=en_US&fs=1&autoplay=1" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></embed></object></center>
     
  9. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    การรับสื่อมีความเสี่ยงผู้รับสื่อควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจเผยแพร่

    The Jotivator

    ตะแกรงอันน้อยๆของผมตักตวงมิติอะไร บางอย่างได้ จาก เหตุการณ์ความไม่สงบในกรุงเทพในอาทิตย์ที่ผ่านมา...

    เกี่ยวกับวิถี ปฏิบัติจากข้อมูลข่าวสารที่ได้รับของใครต่อหลายคนที่ผมรู้จัก

    ไม่อาจ จะปฏิเสธได้เลยว่า 2-3 วันที่ผ่านมานี้ชาวไทยเรารับสื่อกันแบบ”กินไม่อั้น” .... คุณด้วยหรือเปล่า?.....

    ไม่ว่าจากทางโทรทัศน์ วิทยุ อินเตอร์เนต จนหลายคนตกอยู่ในสภาพเสพติดสื่อแบบฉับพลัน และหลายคนก็เสพเกินขนาด

    แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนัก...

    สิ่ง ที่ผมสนใจมากกว่า คือ พฤติกรรมของคนรอบตัวที่กระทำต่อข่าวสารที่หลั่งไหลเข้ามามากกว่า

    ……เลือก ภาพขึ้นมาภาพหนึ่ง.... ดูมันทำสิ...ชั่วๆๆๆๆๆๆเลวๆๆๆๆๆ ช่วยกันด่ามันหน่อยเร็ว ไอ้ @#$%

    ……เลือกคลิปขึ้นมาคลิปหนึ่ง....คิดได้ ไงครับพี่ เจ๋งๆๆๆๆ สุดยอดๆๆๆๆๆ

    ......เลือกข้อความมาส่วนหนึ่ง....พวก เราต้องช่วย forward ให้เยอะๆนะ ให้มันอับอาย

    ........เลือกข่าวมาข่าว หนึ่ง......ไอ้คนนี้มันพูดออกมาได้ไงอย่างนี้...ช่วยกันประณามมันหน่อย....

    คุ้นๆ ไหมครับ........?

    คำถาม..... การทำเช่นนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาของประเทศที่เราเผชิญอยู่อย่างไรได้บ้าง?

    หรือนำมาซึ่งประโยชน์ต่อสังคมไทยในแง่มุมใดบ้าง? จงอธิบาย (5 คะแนน)..............

    มันอาจจะทำให้เราได้ “รู้เห็น” อะไรมากขึ้น แต่ไม่ได้ทำให้ “รู้เรื่อง”

    มันอาจจะทำให้เราได้ “วิจารณ์” แต่ไม่ได้ทำให้ “วิเคราะห์”

    มันอาจจะสร้าง”ความคิด” แต่ไม่ได้สร้าง “ปัญญา”

    มันอาจจะทำให้เกิดการ “แก้แค้น” แต่ไม่ได้ทำให้เกิดการ “แก้ไข”

    ปรากฏการณ์เดียวที่เห็น คือ มันก่อให้เกิดการ “แยกฝั่ง” กันชัดเจนยิ่งขึ้น

    นั่นหมายความว่าสองฝั่งจะอยู่ห่างกันมากขึ้นๆ

    นั่น หมายความว่าสองฝั่งจะเข้าใจกันและกัน และหาทางออกร่วมกันน้อยลงๆ

    สิ่ง ที่ผมสังเกตุคือโดยมาก...ราวๆกับว่าหลายคนกำลังรับสื่อเสมือนเรื่องบันเทิง เรื่องหนึ่ง

    และเป็นเครื่องมือในการประกาศ “ตัวตน”ให้ทุกคนรู้จัก

    รู้ เร็วกว่าเก่ง

    ด่าแรงกว่าเจ๋ง

    รูปสวยกว่าแจ๋ว

    พูดคม กว่าแจ่ม

    แล้วก็จบ....

    ไหนละกระบวนการสร้างการเรียนรู้จาก ข้อมูลข่าวสารที่ได้รับ?

    ...อย่าเพิ่งพูดถึงกระบวนการสร้างการเรียน รู้เลย เอาเรื่องแค่การตรวจสอบ

    ข้อเท็จจริงของข่าวสารก่อนดีกว่ามั๊ย...

    ซึ่ง มันก็น่าละเหี่ยใจเวลาเจอรูปปืนหนึ่งกระบอก แล้วฝ่ายนึงเลือกมาป่าวประกาศว่านี่ไงทหารฆ่าม๊อบ

    อีกฝ่ายก็ตะโกนแรงไม่แพ้กันว่านี่ไงม๊อบยิงทหาร แล้วก็มีกองเชียร์

    ตามมาชั่วๆๆๆๆเลวๆๆๆๆๆ เต็มไปหมด

    สุดท้ายสื่อก็ทำหน้าที่เป็นเพียงเครื่องมือในการพยายามสร้างความเชื่อว่า ฝ่ายเมิงผิด กรูถูกแค่นั้นเอง....

    .......และคนไทยเราก็เชื่อง่ายซะ ด้วย

    ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไรเพราะทุกวันนี้ สื่อที่มีข้อมูลลึกๆก็มักจะสรุปว่าเมิงผิด กรูถูก

    ในขณะที่สื่อที่ดูเหมือนจะเป็นกลางก็เหมือนจะมีข้อมูลอย่างตื้นเขินจนไม่

    สามารถนำข้อมูลมาสังเคราะห์ได้...

    (อันนี้ผมอาจจะโลกแคบจริงๆก็ได้ ถ้าท่านเชื่อว่ามีสิอที่เป็นกลาง และวิเคราะห์ได้ลึกด้วยหลักการอย่างแท้จริง ก็กรุณาชี้แนะด้วยครับ ^_^)

    ทุก วันนี้จึงตกอยู่ในสภาพข่าวลือคะนองกระจายไปทั่วทุกที่ แม้กระทั่งหนังสือพิมพ์หลายๆเล่ม

    ที่ย้อนกลับไปอ่านพาดหัวเราก็จะพบว่ามันมั่วซะเป็นส่วนใหญ่ (ยุบแน่ ยิงแน่ เยอะแน่ ยอมแน่)

    ...แล้วนับประสาอะไรกับคนเราที่อาจจะกำลังเชื่ออะไรผิดๆอยู่

    โปรด อย่าเข้าใจผมผิด... ผมไม่ได้ต้องการโจมตีใคร และพยายามวางตัวเป็นกลาง เรียกร้องให้ทุกคนสามัคคีปรองดองกันอย่าง “ไร้สติ”
    แค่อยากจะเตือนว่า อย่าตกเป็นส่วนหนึ่งในการทำร้ายประเทศโดยไม่เจตนา..

    เพราะเราอาจจะ กำลังสร้างรอยปริแตกทางสังคมผ่านการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ไม่ได้รับการ ตรวจสอบข้อเท็จจริง

    ที่แนบไปพร้อมกับเจตนาที่จะสร้างความเกลียดแค้น ปลุกเร้าอารมณ์ ที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆให้ประเทศอยู่...ช่วยกันนะครับ... <!--MsgFile=0-->


    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td><table width="100%" bgcolor="#222244" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr></tbody></table></td><td rowspan="2" valign="top" align="center" bgcolor="#000000"><table width="100%" bgcolor="#204080" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td width="10">
    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
    ที่มา: http://www.pantip.com/cafe/isolate/topic/M9277260/M9277260.html]PANTIP.COM : M9277260
     
  10. pmntr

    pmntr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +2,244
    ที่ไทรโยค กาญจนบุรี อากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน เมฆมาก อุณหภูมิไม่มากครับ เข้าสู่หน้าฝนแล้ว อากาศเปลี่ยนแปลง รักษาสุขภาพกันนะครับ
     
  11. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    ภูเขาไฟใกล้บาหลีปะทุใหญ่ พ่นเถ้า-ลาวาสูง1.5 กม.

    ภูเขาไฟบารูจารีบนเกาะลอมบอค ใกล้เกาะบาหลีของอินโดนีเซีย ปะทุใหญ่พ่นเถ้าถ่าน-ลาวาสูงขึ้นไปในอากาศไม่ต่ำกว่า 1.5 กม.ทำลายพืชผลเสียหาย แต่ยังไม่อันตรายถึงขั้นต้องอพยพผู้คน...

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 23 พ.ค.ว่า ภูเขาไฟบนเกาะลอมบอค ใกล้เกาะบาหลีของอินโดนีเซีย ปะทุใหญ่ตั้งแต่วันเสาร์ พ่นเถ้าถ่านและลาวาสูงขึ้นไปในอากาศไม่ต่ำกว่า 1.5 กิโลเมตร ทำลายพืชผลเสียหาย แต่ยังไม่อันตรายถึงขั้นต้องอพยพผู้คน

    เจ้าหน้าที่เผยว่า ภูเขาไฟบารูจารีปะทุมาหลายเดือนแล้ว แต่เมื่อวันเสาร์ปะทุใหญ่ โดยปะทุทั้งหมด 3 ครั้งตั้งแต่เย็นวันเสาร์จนถึงเช้า และมีแรงสั่นสะเทือนตามมา มีครั้งหนึ่งที่ปะทุพ่นเถ้าถ่านและลาวาสูง 1.5-2 กิโลเมตร ลาวาไหลลงสู่ทะเลสาบใกล้เคียง ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นจาก 21 องศาเซลเซียส เป็น 35 องศาเซลเซียส ขณะที่เถ้าภูเขาไฟลอยไปไกลถึง 12 กิโลเมตร พื้นที่เพาะปลูกจำนวนมากเต็มไปด้วยเถ้าภูเขาไฟ

    อย่างไรก็ดี การปะทุยังไม่ถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิต ทางการจึงยังไม่สั่งอพยพผู้คน.

    ภูเขาไฟใกล้บาหลีปะทุใหญ่ พ่นเถ้า-ลาวาสูง1.5 กม. - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

    <object data="/assets/dbozone-regular.swf" name="sIFR_replacement_0" id="sIFR_replacement_0" type="application/x-shockwave-flash" class="sIFR-flash" width="930" height="34">




    </object>


    <object data="/assets/dbozone-regular.swf" name="sIFR_replacement_0" id="sIFR_replacement_0" type="application/x-shockwave-flash" class="sIFR-flash" width="930" height="34">




    </object>
     
  12. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,792
    2010-05-25 02:47:08 - Volcano Eruption - Costa Rica
    !!! WARNING !!!
    EDIS Code:VE-20100525-26251-CRI
    Date&Time:2010-05-25 02:47:08 [UTC]
    Continent:Közép-Amerika
    Country:Costa Rica
    State/Prov.:province of Alajuela,
    Location:Arenal Volcano,
    City:
    Not confirmed information!

    Description:
    Costa Rica's Arenal volcano has erupted, spewing geysers of lava, ash and toxic gases from its crater and forcing the evacuation of the national park where it is located. The 1633-metre-tall cone-shaped mountain in northern Costa Rica shuddered into activity at 4am this morning issuing eight successive rivers of lava that flowed down its steep slopes, National Volcanology and Seismology Observatory expert Elicer Duarte said. He said nobody was at risk from the eruptions but authorities as a precaution evacuated the Arenal National Park, 80km north-east of San Jose. The Arenal Volcano is one of Costa Rica's major tourist attractions and the park has scores of hotels, restaurants, nightclubs and shopping centres. No estimates were given of how many people were inside the park when the eruption began. Arenal's last major eruption in July 1968 killed 89 people. Smaller eruptions have occurred at least six times over the past 35 years.
     
  13. Windsong

    Windsong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2010
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +293
    12 มิถุนายน 2553 คงจะได้พิสูจน์กันเกี่ยวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ
    ว่าจะเป็นไป หรือ คลาดเคลื่อน จากที่ ดร.สมิทธฯ และ ดร.ก้องเกียรติฯ
    ได้ให้ข้อมูลเตือนไว้ล่วงหน้าหรือไม่ นอกจากนั้นยังได้กำหนดเวลาเตือน
    ดังที่ทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง 3 ให้ข้อมูลไว้ว่าอาจเกิดความเคลื่อนไหว
    ทางธรรมชาติ ได้ตามช่วงวันเวลาดังต่อไปนี้ได้

    8 ก.ค.2553 ความแรง 7.0 - 8.0 ริกเตอร์ เวลาไทย 05.00 น. +-
    9 ก.ย.2553 ความแรง 7.5 - 8.5 ริกเตอร์ เวลาไทย 01.00 น. +-
    21 ก.ย.2553 ความแรง 7.0 - 7.5 ริกเตอร์ เวลาไทย 17.00 น. +-
    7 ต.ค.2553 ความแรง 8.0 - 9.0 ริกเตอร์ เวลาไทย 11.00 น. +-

    " รู้รักสามัคคี ถอยหลังออกจากจุดที่ตัวเองยืนคนละก้าว แล้วมองดูว่า
    ได้บทเรียนอะไรจากสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อจะเดินก้าวไปข้างหน้าร่วมกัน
    อย่างไม่ผิดพลาด ..เพื่อประเทศไทยของเราทุกคน "


    อยู่ด้วยความไม่ประมาทเสมอ..ไม่ว่าในทางโลก..หรือทางธรรม
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    ปลายปี พ.ศ.2548 นี้จะเริ่มเกิดสงครามและอีก 5 ปีถัดไปน้ำจะท่วมภาคใต้

    มีท่านผู้รู้ท่านหนึ่งบอกกับผมว่า ปลายปี พ.ศ.2548 นี้ จะเริ่มเกิดสงครามครั้งยิ่งใหญ่ของโลก ซึ่งจะส่งผลให้มีคนตายจำนวนมหาศาล ส่วนผู้ที่รักษาศีล 5 ขึ้นไปจะรอด และอีก 5 ปีถัดไปน้ำจะท่วมภาคใต้ และจะร้ายแรงมากกว่าซึนามิหลายเท่า ผู้คนที่รอดชีวิตจำต้องเดินทางขึ้นทางเหนือเพื่อให้พ้นภัย โดยระหว่างทางจะพบกับคนนอนตายเกลื่อนกลาดจำนวนมาก นี่ไม่ได้แช่งนะ! หากท่านไม่เชื่อ คอยดูปลายปี พ.ศ.2548 นี้ให้ดี

    ใครที่ไม่เคยเข้าวัดก็รีบซะตอนนี้ยังทัน รีบหาของดี วัตถุมงคลติดตัวไว้ แต่ถ้าเป็นคนมีศีลดีอยู่แล้วก็ยิ่งดี และสุดท้ายให้ฝึกนั่งสมาธิ เพราะไม่มีสิ่งใดจะช่วยเราได้นอกจากสมาธิ และผู้ปฏิบัติสมาธิที่ได้อภิญญา เรียกว่าให้อยู่ใกล้คนดีเข้าไว้ และปีหน้า (พ.ศ.2549) พระศรีอารย์ ซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ที่สวรรค์ชั้นดุสิตในตอนนี้ จะลงมาเกิดเป็นมนุษย์ (ท่านลงมาเกิดคราวนี้ ไม่ใช่จะมาเป็นพระพุทธเจ้่า เพราะยังไม่ถึงวาระนั้น แต่ครั้งนี้ท่านจะมาเกิดเป็นมนุษย์)

    [comment : ไม่แน่ตอนนี้ท่านอาจจะมาเกิดเป็นมนุษย์แล้วก็ได้ แต่ยังไม่แสดงตัวเท่านั้น เพื่อช่วยให้ผู้คนรอดพ้นจากเหตุการณ์อันเหลือที่มนุษย์จะรับมือได้ไหวครั้งนี้ เพื่อช่วยให้พ้นจากภัยสงครามครั้งมหึมาที่จะทำให้มีคนตายมหาศาลที่กำลังจะเกิดขึ้น นี่ผมก็ได้เปิดเผยคำพูดของท่านผู้รู้ท่านหนึ่ง ซึ่งความจริงลูกศิษย์ท่านคนหนึ่งบอกว่า อย่าไปบอกใครนะ เดี๋ยวเขาจะหาว่าเราบ้า แต่กระผมก็อดที่จะบอกท่านไม่ได้ ผมยอมเป็นคนบ้า ถ้าหากว่าความบ้าของผม มันจะสามารถช่วยชีวิตของคนจำนวนมากได้

    หากท่านไม่แน่ใจว่าตัวท่านมีความดี พอที่จะรอดพ้นจากมหาภัยพิบัติครั้งนี้ละก็ ขอให้หาของดีติดตัวไว้เป็นดี หรือถ้าหาของดีไม่ได้จริง ๆ ก็จงทำตัวท่านเองให้เป็นคนดี เพื่อความดีจะได้รักษาตัวของท่านเอง หากท่านไม่เชื่อ ก็จงอย่าเพิ่งปฏิเสธ เช่น เชื้อโรคที่ตาเปล่าของเรามองไม่เห็น แต่เราก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามันไม่มี เพราะเรามีเครื่องมือคือกล้องจุลทรรศน์ที่จะส่องเห็นแล้ว ส่วนเรื่องอย่างเช่นสิ่งที่ผมกล่าวไปก่อนหน้า เครื่องมือที่จะเห็นก็มีแล้วคือการปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ แต่อยู่ที่ท่านจะใช้เครื่องมือ หรือรู้วิธีใช้เครื่องมือนั้นอย่างถูกต้องหรือไม่เท่านั้นเอง

    ผมเคยอ่านหนังสือที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเขียนไว้ว่าอีกไม่กี่ร้อยปีจะมีพระมหากษัตริย์ท่านหนึ่ง เดินทางจากทางเหนือมาบูรณะวัดท่าซุง ซึ่งตอนที่ท่านบอกให้ และขณะนี้ก็ตาม วัดท่าซุงก็ยังเป็นปกติดี ประเทศไทยก็ยังปกติดี

    แสดงว่าหลังจากนี้ไม่นาน มันต้องมีเหตุการณ์ที่ทำให้วัดท่าซุงร้าง ซึ่งปัจจุบันวัดท่าซุึงยังมีคนไปทำบุญ ถือศีล ปฏิบัติธรรม อยู่ไม่ขาดสาย แต่จะมีเหตุใดเล่าที่ทำให้เป็นวัดร้างได้ นอกจาก..... (อาจจะเกิดสงครามนิวเคลียร์ระหว่างชาติอาหรับและอเมริกา ซึ่งเป็นชนวนให้เกิดอภิมหาสงครามครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลกระทบถึงประเทศไทย ก็เป็นได้) ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่ จงหมั่นทำดี เพื่อรักษาชีวิตรอดเทอญ

    จาก ผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม
    5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2548

    ที่มา http://www.pantown.com/board.php?id=2450&area=&name=board6&topic=26&action=view

    หมายเหตุ

    ปลายปี 2548 ประธานาธิบดีอิหร่าน นาย มาห์มูด อาห์มาดิเนจาด ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น เสนอให้ลบประเทศอิสราเอลออกจากแผนที่โลก ทำให้บรรดาผู้นำประเทศในยุโรปและหลายประเทศในโลก ได้ออกมาประณามแนวคิดดังกล่าวของนาย อาห์มาดิเนจาด ผู้ซึ่งจุดพลุกระแสลัทธิต่อต้านยิวขึ้นมาอีกครั้ง......ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นการเริ่มต้นจุดฉนวนสงครามโลกครั้งที่ 3 ขึ้นมาแล้วตามคำทำนายข้างต้นนี้

    แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงในคำทำนาย อยู่ในประโยคที่ว่า "อีก 5 ปีถัดไปน้ำจะท่วมภาคใต้และจะร้ายแรงมากกว่าซึนามิหลายเท่า ผู้คนที่รอดชีวิตจำต้องเดินทางขึ้นทางเหนือเพื่อให้พ้นภัย โดยระหว่างทางจะพบกับคนนอนตายเกลื่อนกลาดจำนวนมาก" ซึ่งถ้านับจากปี พ.ศ.2548 มาอีก 5 ปี ก็คือปี พ.ศ.2553 นี้นั่นเอง ซึ่งก็มาตรงกับที่ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช และโหรโสรัจจะ นวลอยู่ ได้ออกมากเตือนว่าปลายเดือน กรกฏาคม 2553 นี้จะเกิดภัยพิบัติทางน้ำครั้งยิ่งใหญ่ทางภาคใต้ของประเทศไทยอีกด้วย -เกษม-
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤษภาคม 2010
  15. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
  16. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    เกาหลีเหนือสั่งการเตรียมทหารพร้อมรบ


    สำนักข่าวยอนฮัพของเกาหลีใต้รายงานในวันอังคารนี้ว่า นายคิม จอง อิล ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้สั่งการกองกำลังทหารของเขาให้พร้อมรบ
    สำนักข่าวเกาหลีใต้ได้อ้างอิงคำพูดของกลุ่มผู้สังเกตการณ์เกาหลีเหนือใน ท้องถิ่นที่ระบุว่า แหล่งข่าวของพวกเขาในเกาหลีเหนือได้เล่าว่าคำสั่งของนายคิมนั้นถูกเผย แพร่ออกอากาศโดยเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูง
    ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากเกาหลีใต้มี มาตรการ คว่ำบาตรกับประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าจมเรือรบลำหนึ่งในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ลูกเรือเสียชีวิต 46 คน
     
  17. kowmoo

    kowmoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    331
    ค่าพลัง:
    +1,896
    มีแต่ตัวเร่งเร้าให้เกิดภัยธรรมชาติ ล้างโลกเร็วขึ้นเกาหลี n s แล้วก็มีแต่ข่าวเกือบทุกประเทศประท้วง เราโชคดีมากที่มีพ่อดูแล เราควรคิดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆให้มาก ว่าทุกวันนี้เราอยู่ดีมีสุขเพราะใคร ขอให้มีแต่พลัง++++++++++++มากมายให้ประเทศชาติและชาวโลกปลอดภัย
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    ความฝันอันน่ากลัวเกี่ยวกับวันสิ้นโลก
    โดย ซิสเตอร์ ลาร่า

    [​IMG]


    เรื่องต่อไปนี้เป็นความฝันที่น่ากลัวมากเกี่ยวกับวันสิ้นโลก หรือวันที่พระเยซูจะกลับมาครั้งที่สอง นี้คือความฝันเกี่ยวกับการกลับมาของพระเยซู จากซิสเตอร์ ลาร่า จากชุมชนเผยแพร่ความฝัน นิมิตรของพระเจ้าเพื่อเผยแพร่พระกิตติคุณแบบออนไลน์

    1. ดวงจันทร์

    ภาพความฝันเริ่มต้นนั้น ดวงอาทิตย์กำลังตกดิน ในขณะที่ข้าพเจ้ากำลังเดินขึ้นไปบนเนินเขา ระหว่างที่เดินไปข้าพเจ้าสังเกตไปที่ด้านซ้ายมือ มีแม่น้ำสายหนึ่งและมีคนกำลังนอนอยู่ในที่พักชายคาใกล้ริมตลิ่ง เมื่อข้าพเจ้าเดินไปจนถึงยอดเนินเขาก็พลันพลบค่ำมืดลงในทันที และมืดมาก ๆ ไปทั่วไม่เห็นอะไร ข้าพเจ้าก็มองขึ้นไปยังท้องฟ้า มีเพียงดวงจันทร์ที่ส่องแสงเพียงแค่ 1 ใน 4 ของทั้งดวง

    2. เกิดความแปลกประหลาดในท้องฟ้า

    ขณะที่ข้าพเจ้ายืนอยู่ที่ยอดเนินเขามองไปที่ดวงจันทร์ ท้องฟ้าก็พลันกลับมืดลงอีกอย่างมาก ในฝันนั้นข้าพเจ้าก็คุกเข่าลงด้วยความกลัวและก้มหัวลง ข้าพเจ้ามองกลับไปที่ท้องฟ้าอีกครั้ง และก็มีเสียงดังมาก "ซู่" ข้าพเจ้ามองไปตามทิศของเสียงนั้น ซึ่งวิ่งข้ามท้องฟ้าไปมาสิ่งที่เกิดซึ่งทำให้ข้าพเจ้านึกว่าดาวเคราะห์ต่าง ๆ กำลังจัดเรียงตัวกัน

    3. ภูเขาไฟระเบิดปะทุทวีคูณไปทั่วทั้งโลก

    ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังฟังเสียงที่ได้ยินอยู่นั้น ก็ต้องหวาดกลัวอีกเมื่อร่างกายเหมือนถูกเขย่าด้วยพื้นดิน เวลาเดียวกันข้าพเจ้าก็ก้มหน้าลงที่หน้าอกด้วยที่ไม่อยากเห็นและได้ยิน สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ข้าพเจ้าถามพระเจ้าว่า"โอ้ พระเจ้า โอ้ พระเจ้าข้า ทำไมข้าพเจ้าต้องมาอยู่ที่นี่" แต่ไม่มีคำตอบใด ๆ กลับมา

    ขณะที่อยู่บนยอดเนินเขา ข้าพเจ้าก็เริ่มได้ยินเสียง "ซู่"มากขึ้นไปอีกวิ่งข้ามท้องฟ้าไปมา เมื่อมองขึ้นไปข้าพเจ้าสังเกตุเห็นดาวเคราะห์น้อยต่าง ๆ ได้ร่วงหล่นจากท้องฟ้าตกลงมายังพื้นโลก และผลกระทบทำให้เกิดภูเขาไฟระเบิดเปลวเพลิงปะทุออกมา เกิดขึ้นทั่วแผ่นดินโลก

    4. ทำไมข้าพเจ้าต้องมาอยู่ที่นี่ ?

    อีกครั้งหนึ่งที่ร่างกายข้าพเจ้ารู้สึกหวาดกลัว และถูกเขย่าเมื่อได้เห็นและได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้น ข้าพเจ้าได้ยินเสียงเหมือนประกายไฟฟ้าแตกปะทุนับล้าน ๆ เส้นพุ่งข้ามท้องฟ้า

    เมื่อข้าพเจ้ามองขึ้นไปตามที่เสียงวิ่งมานั้น ข้าพเจ้าสังเกตุเห็นดาวเคราะห์น้อยจำนวนมากพุ่งชนดวงจันทร์ และดวงจันทร์ก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ ออกเป็นชิ้น ๆ ประกายไฟฟ้าที่พุ่งออกมาจากดวงจันทร์นั้น ไม่อาจหาคำใดมาอธิบายได้มันช่างน่ากลัวยิ่งนักและมากขึ้น ๆ และข้าพเจ้าก็ได้ถามพระเจ้าเป็นครั้งที่สองว่า "โอ้ พระเจ้า โอ้ พระเจ้าข้า ทำไมข้าพเจ้าต้องมาอยู่ที่นี่" แต่ไม่มีคำตอบใด ๆ กลับมาอีกเช่นเคย

    ข้าพเจ้าเริ่มกลัวจนตัวสั่น เมื่อได้เห็นภูเขาไฟระเบิดอย่างมากมายในแผ่นดินโลก เปลงเพลิงปะทุเป็นทวีคูณและยิ่งใหญ่สุดจะหาคำใด ๆ มาบรรยายถึงความลึกและความยาวของไฟลาวาที่ไหลออกมาท่วมแผ่นดินได้ ขณะที่หวาดกลัวอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงแตกเหมือนประกายไฟฟ้าปะทุ จากการแตกของดวงจันทร์เป็นชิ้น ๆ และชิ้นส่วนเล็ก ๆ นับล้าน ๆ เหล่านั้นก็ได้พุ่งตกลงมายังโลก

    5. แมลงป่องออกมาจากใต้พื้นพิภพ

    "มันมีหนวดหรือแขนขาแผ่กว้างไปทั่วแผ่นดิน" และสิ่งที่เกิดนั้นทำให้ข้าพเจ้าได้ยินและเห็นคนจำนวนนับล้าน ๆ วิ่งพลุกพล่านไปมาทั่วโลกด้วยความกลัวและร้องขอความช่วยเหลือ มีเสียงใหม่ที่เกิดขึ้นอีกในขณะที่ข้าพเจ้ากำลังนั่งอยู่ในความฝันและมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ เสียงนั้นที่ได้ยินคล้ายกับเสียงกลจักรบางสิ่งกำลังเคลื่อนตัวในแนวดิ่งขึ้นมาบนแผ่นดินโลก

    6. เสียงที่สดับรับฟังได้ของพระเจ้า

    สิ่งที่ข้าพเจ้าเห็นคือขาจำนวนมากของแมงมุม และก็มีหนวดอีกนับร้อยได้ไต่ขึ้นมาบนพื้นโลก ทุก ๆ ย่างก้าวที่มันกำลังไต่ขึ้นมานั้นตัวของมันจะหมุนเป็นวงกลมด้วยในขณะเคลื่อนไปข้างหน้า ข้าพเจ้ามองไปที่หนวดของมันนั้น สังเกตุดูราวเหมือนกับเป็นโลหะเหล็กแต่ว่ามันเป็นเนื้อ

    ข้าพเจ้าสามารถมองเห็นได้จนถึงขนที่ขาของมัน และตัวมันหมุนเป็นเป็นวงกลมในทิศที่กำลังเคลื่อนไปขณะที่มีแมงมุมอยู่นี้ แมงป่องก็ขึ้นมายังพื้นโลก ข้าพเจ้าได้ถามพระเจ้าอีกครั้งในฝันว่า "โอ้ พระเจ้า โอ้ พระเจ้าข้า ทำไมข้าพเจ้าต้องมาอยู่ที่นี่" และครั้งนั้นพระเจ้าตอบด้วยเสียงแห่งผู้มีสิทธิอำนาจและสามารถฟังได้ยินว่า "จงเตรียมพร้อม ไปบอกคนของเราว่า พระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับมาในเร็ว ๆ นี้ และจะมาเร็วกว่าที่พวกเขาคิดไว้"

    ครั้นเมื่อได้ยินเสียงของพระเจ้าดังนั้นข้าพเจ้าก็รุ้สึกเกรงกลัวยิ่งนัก แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกอบอุ่นทีได้ยินเสียงพระเจ้า และข้าพเจ้าก็ได้บอกกับพระเจ้าว่า"โอ้ พระเจ้า , พวกเขาก็รู้อยู่แล้วว่าพระองค์จะกลับมา" พระเจ้าก็ได้ตอบอย่างน่าเกรงขาม "ไม่ ,พวกเขาไม่ได้เตรียมตัว จงเตรียมพร้อม จงไปบอกพวกเขาว่า พระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับมาในเร็ว ๆ นี้ และจะมาเร็วกว่าที่พวกเขาคิดไว้"

    7. ผู้ทำลายล้างคือชื่อของเขา

    เมื่อได้ยินเสียงของพระเจ้าตรัสเช่นนั้น ข้าพเจ้าก็ยิ่งเกรงกลัวยิ่งนัก และพยายามที่จะหลบหน้าก้มเก็บคางที่หน้าอก ข้าพเจ้ายังคงฟังเสียงของดวงจันทร์ และดาวเคราะห์น้อยต่าง ๆ ที่ล่วงหล่นมายังพื้นโลกต่อไป ตามแนวเส้นท้องฟ้าพร้อมด้วยประกายไฟฟ้าปะทุนับล้าน ๆ เส้นจากการแตกละเอียดของดวงจันทร์เนื่องจากการชน ข้าพเจ้ามองขึ้นไปและได้ห็น แมลงมุมชนิดหนึ่งที่บางทีอาจเป็นแมงป่อง เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้แผ่นดินโลก

    ขณะนั้น ข้าพเจ้าถามพระเจ้าว่า นั่นอะไรที่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้แผ่นดินโลก
    พระเจ้าตอบว่า "นี่คือผู้ทำลายล้างผู้ที่จะสวาปามทุกสิ่งไปมากเท่าที่มันจะกินได้ จงเตรียมพร้อม จงไป และบอกคนของเราว่า พระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับมาในเร็ว ๆ นี้ และจะมาเร็วกว่าที่พวกเขาคิดไว้" และนั่นทำให้ข้าพเจ้าตื่นจากความฝัน ความกลัวจนตัวสั่นทำให้ที่นอนข้าพเจ้าสั่นไปด้วย

    ในเช้าอาทิตย์นั้นข้าพเจ้าได้ไปที่สมาคมซึ่งข้าพเจ้าได้ทำงานอยู่ด้วยของประทานจากศิษยาภิบาล และเรียกสมาชิกมารวมกัน ข้าพเจ้าได้เล่าความฝัน และวาดภาพลงบนกระดานเพื่อพยายามอธิบายให้ตรงกับที่เห็นให้มากที่สุด มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งชื่อโทเลโดบอกข้าพเจ้าว่า เขาก็เคยฝันเช่นนี้เหมือนกันเมื่อตอนยังเด็ก ๆ อยู่ ในห้องทำงานข้าพเจ้า เขาได้เคยวาดภาพที่ตรงกับสิ่งที่ข้าพเจ้าได้เห็นมาอย่างละเอียด และนั่นคือสิ่งที่พระเจ้าบอกกับเขา

    8. สิ่งสะท้อนจากข้อพระคัมภีร์

    เยเรมีย์ 4:7 "สิงโตตัวนั้นได้ออกไปจากพุ่มไม้หนาทึบของมันแล้ว และผู้ทำลายเหล่าประชาชาติกำลังเดินทางมาแล้ว เขาได้ออกไปจากสถานที่ของเขาเพื่อกระทำให้แผ่นดินของเจ้ารกร้างไป หัวเมืองของเจ้าจะถูกทิ้งไว้เสียเปล่าๆปราศจากคนอาศัย"

    วิวรณ์ 9:11 "มันมีทูตแห่งเหวที่ไม่มีก้นเหวนั้นเป็นกษัตริย์ปกครองมัน ที่มีชื่อเรียกในภาษาฮีบรูว่า อาบัดโดน แต่ในภาษากรีกเรียกว่า อปอลลิโยน"
    เชิงอรรถ : วิวรณ์ 9:11 อาบัดโดน และ อปอลลิโยน หมายความว่า ผู้ทำลายร้าง

    9. สิ่งสะท้อนจากข้อพระคัมภีร์เพิ่มอีก

    วิวรณ์ 8:12 "เมื่อทูตสวรรค์องค์ที่สี่เป่าแตรขึ้น ดวงอาทิตย์ก็ถูกทำลายไปหนึ่งในสามส่วน ดวงจันทร์และดวงดาวทั้งหลายก็เช่นเดียวกันจึงมืดไปหนึ่งในสามส่วน กลางวันก็ไม่สว่างเสียหนึ่งในสามส่วน และกลางคืนก็เช่นเดียวกับกลางวัน"

    วิวรณ์ 9:2 "เมื่อเขาเปิดเหวที่ไม่มีก้นเหวนั้น ก็มีควันพลุ่งขึ้นมาจากเหวนั้นดุจควันที่เตาใหญ่ และดวงอาทิตย์และอากาศก็มืดไป เพราะเหตุควันที่ขึ้นมาจากเหวนั้น" "พระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับมาในเร็ว ๆ นี้ และจะมาเร็วกว่าที่คุณคิดไว้ จงเตรียมพร้อม"

    10. การตัดสินใจ

    พระคัมภีร์กล่าวว่า โรม 10:9 "คือว่าถ้าท่านจะรับด้วยปากของท่านว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในจิตใจของท่านว่าพระเจ้าได้ทรงชุบพระองค์ให้เป็นขึ้นมาจากความตาย ท่านจะรอด"

    11. ขอบคุณ

    โปรดส่งเรื่องราวนี้ให้เพื่อนของท่าน พวกเราทั้งหมดควรเตรียมตัวให้พร้อม พระเยซูจะกลับมาเร็วกว่าที่เราคิดไว้มากขอให้ความรักของพระเจ้าดำรงอยู่ในจิตใจพวกท่านและข้าพเจ้าตลอดสืบไป

    ด้วยรัก ซิสเตอร์ ลาร่า
    4 กุมภาพันธ์ 2553

    ที่มา http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=jesuscomingverysoon&date=04-02-2010&group=1&gblog=6
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • profile.jpg
      profile.jpg
      ขนาดไฟล์:
      61.7 KB
      เปิดดู:
      1,037
  19. Vatairat

    Vatairat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,294
    ให้รีบเร่งทำความดีให้มากๆค่ะ ก่อนอะไรๆๆจะสายเกินไปค่ะ
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,194
    นิมิตของวิวรณ์บทที่ 18
    โดย Gene Anderson, ปลายปี 1980 แปลโดย 1p2m

    [​IMG]


    เมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้ว ขณะที่ข้าพเจ้าหลับอยู่ในคืนหนึ่ง ข้าพเจ้าก็ตื่นมากลางดึก และลุกขึ้นก้มมองไปที่ภรรยาของข้าพเจ้าที่นอนอยู่ข้าง ๆ ด้วย ข้าพเจ้าสามารถบอกได้ว่าข้าพเจ้ายังมีสติรู้ตัวอยู่เต็มที่ คือเมื่อลืมตาโพลงตื่นตัวก็มองตัวเองในเตียงนอนด้วย ​

    ข้าพเจ้าเดินออกไปข้างนอกบ้านและยืนอยู่ห่างไป 15 ฟุตในสนามหญ้าที่อยู่หน้าบ้าน ข้าพเจ้ามองไปด้านหลังเห็นชายคนหนึ่งมีเครายาวและเขาก็มองมาที่ข้าพเจ้า เราต่างไม่พูดอะไรต่อกันและกัน ข้าพเจ้าหันจากการมองเขาและเพ่งมองไปยังท้องฟ้าตอนกลางคืน ในทันใดนั้น ท้องฟ้าทั้งหมดจากปลายขอบฟ้าด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่งก็เปลี่ยนไปคล้ายกับจอภาพยนต์ฉายหนังกลางแปลงขนาดใหญ่ และเป็นจอสี นี่คือสิ่งที่ข้าพเจ้าได้เห็น ​

    ขายคนหนึ่งดูเหมือนคนตะวันออกกลางกำลังยืนอยู่ในชุดทำงานเต็มรูปแบบ ชุดนี้ดูเหมือนชุดเจ้าหน้าที่รัสเซีย แต่เขาก็ยังดูเหมือนคนตะวันออกกลางอยู่ดี มีฟองอากาศลอยออกมารอบ ๆ ตัวเขา และข้าพเจ้าเดาว่าเขาต้องอยู่ใต้น้ำ (เรือดำน้ำหรือไม่?) และท้องฟ้าก็เปลี่ยนกลับไปเป็นท้องฟ้ากลางคืนปกติ และต่อมาก็ปรากฎภาพฉากต่อไป​

    ท้องฟ้าแสดงภาพในตอนกลางวัน และในทันใดนั้นจรวดเจ๊ตไอพ่นนับหลายร้อยลูกได้บินข้ามท้องฟ้า ประชาชนก็ออกมาจากบ้านของตนส่งเสียงร้องและตะโกนหวาดกลัว เนื่องจากฝันร้ายที่สุดของเขาได้มาถึงแล้วจริง ๆ มันคือมิสไซร์ที่พุ่งไปที่เมืองใหญ่ ๆ หลายเมือง

    เมื่อถึงตอนนี้ข้าพเจ้าก็ตื่นจากนิมิตและกลับสู่โลกจริงที่ข้าพเจ้าเดินออกมาจากบ้าน โดยรู้สึกตัวอยู่และได้คุกเข่าลงตรงที่ยืนอยู่ที่ข้าพเจ้าได้เห็นนิมิตและเริ่มต้นร้องไห้กับสิ่งที่เห็นที่ดูเหมือนหลายชั่ว ข้าพเจ้ากลับเข้าบ้าน อ้อนวอนต่อพระเจ้า และข้าพเจ้าเปิดพระคัมภีร์ไปยังหน้าหนึ่งคือ วิวรณ์บทที่ 18 ข้าพเจ้ารู้สึกถูกช๊อตด้วยกระแสไฟและนั่นคือสิ่งที่ข้าพเจ้าเรียกว่าเป็นพยานซึ่งพระเจ้าได้พูด​

    ใครเป็นเจ้าปกครองเหนือกษัตริย์ทั้งหลายในโลกนี้ ? คือพวกเรา(อเมริกา) และใครมีอาหารมากมายอุดมสมบูรณ์? คือพวกเรา และใครที่กล่าวว่าเราทั้งหมดกำลังจะถูกพระเจ้ารับไปจากโลกนี้ ออกไปจากที่นี่ และพวกเราจะไม่ต้องพบกับความทุกข์ ? ก็คือพวกเรา ข้าพเจ้าเชื่อโดยไม่สงสัยเลยว่าพระเจ้าได้สำแดงให้ข้าพเจ้ารู้ว่า อเมริกานั้นจะถูกทำลายในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงและหลังจากนั้นดวงอาทิตย์ก็จะ มืดมิด พวกนายเรือจะยืนอยู่แต่ไกลเพราะกลัวความทุกทรมานของเธอ (วิวรณ์ 18:17) ใช่แล้ว พระเจ้ากำลังจะพิพากษาเราและมันอาจเป็นวันใดก็ได้

    ข้าพเจ้าได้รับนิมิตนี้ก่อนการล่มสลายของสหภาพโซเวียตและได้รับมากกว่าที่เคย แม้ว่าประธานาธิบดีจะบอกเราว่า สงครามนิวเคลียร์คือการข่มขู่คุกคามที่ใหญ่โตที่สุดต่อเราในวันนี้ในฐานะ ก่อนหน้านี้ข้าพเจ้าได้ฝันแต่ข้าพเจ้าไม่เคยถามหรือคิดเกี่ยวกับเรื่องช่วงเวลาสิ้นยุคเลย ข้าพเจ้ารู้สึกอย่างแรงกล้าว่าเราอยู่ใน่ช่วงเวลานั้นแล้ว

    ข้าพเจ้าได้ปล้ำสู้กับมันในแต่ละวัน ข้าพเจ้าจะต้องอะไร ข้าพเจ้าสามารถทำอะไรได้บ้าง ข้าพเจ้าแปลกใจ ข้าพเจ้าถูกหลอกหรือไม่ อะไรกำลังจะเกิดขึ้น ข้าพเจ้าจะแบ่งปันนิมิตนี้ให้กับทุกคนที่ข้าพเจ้าติดต่ออยู่ด้วย ข้าพเจ้าเขียนจดหมด 300 ฉบับไปยังทุกคริสตจักรภายในรัศมีหลายร้อยไมล์เพื่อเตือนถึงการพิพากษาที่จะมาถึง

    สองปีต่อมา หลังจากไปตั้งหลักและรับใช้พระเจ้าในหลาย ๆ ที่ทางได้ยุติลง ข้าพเจ้าก็กลับไปยังบ้านของข้าพเจ้าในวันหนึ่งและก็ตื่นเต้นมากที่จะได้มีชีวิตครอบครัวให้ตัวเอง ภรรยาของข้าพเจ้าอยู่ที่ลอสแองเจลิส ข้าพเจ้าสรรเสริญพระเจ้าและขอบคุณพระเจ้าสำหรับความอัศจรรย์ในชีวิตที่พระเจ้าให้ข้าพเจ้าโดยไม่มีอะไรมาขัดขวาง

    ข้าพเจ้าคุกเข่าและเล่นกีต้าร้องเพลงสรรเสริญพระคริสต์ และเมื่อฤทธานุภาพของพระเจ้าเข้ามาในบ้านของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็เริ่มสั่นและรู้สึกถึงคลื่นอำนาจนั้นได้ ข้าพเจ้ารู้สึกก่อนจากบางส่วนที่สำคัญของร่างกาย 3 ส่วน คือที่เท้า เข่า และตะโพก มันเหมือนการพุ่งของกระแสน้ำ หลายวันต่อมาข้าพเจ้าก็นึกได้ว่าข้าพเจ้าเคยรับการรักษาให้หายจากโรคเรื้อรังสามโรค ข้าพเจ้าไม่ได้ร้องขอการรักษา ข้าพเจ้าเพียงแต่ขอบคุณพระเจ้าสำหรับชีวิตของข้าพเจ้า กระดูกใหญ่ที่งอกที่ส้นเท้าก็หายไป อาการร้าวที่หัวเข่าที่ข้าพเจ้าเคยไปผ่าตัดก็หายไปและอาการปวดเรื้อรังที่ตะโพกก็หายไปหมด

    ขณะที่ข้าพเจ้านั่งบนเก้าอี้ ซึ่งก็จะมีลมพัดผ่านไป ข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงที่ชัดเจนมากพูดว่า “อิสยาห์ 10” ข้าพเจ้าหันไปหยิบพระคัมภีร์และเปิดดูไปตรงที่บทนั้นเลย อย่าให้ใครมาบอกท่านว่าพระเจ้าไม่เปิดพระคัมภีร์เพื่อบอกข้อพระคัมภีร์ พระเจ้าต้องการพูดกับท่าน พระเจ้าทรงมีอำนาจ

    ข้าพเจ้าก็เริ่มอ่านถึงตอนที่กล่าวว่า โอ้ ชาวอัสซีเรีย….เราจะใช้เขาไปสู้ประชาชาติอันหน้าซื่อใจคด ข้าพเจ้าก็ร้องตะโกนว่า “โอ้ พระเจ้า” และข้าพเจ้าร้องว่า “ทำไมพระเจ้ากำลังจะทำสิ่งนี้ต่อข้าพเจ้า”

    นี่เป็นคำพยานของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าเชื่อว่า อเมริกาคือมหานครบาบิโลนลึกลับหรือหญิงแพศยา (วิวรณ์ 17-18) สัตว์ร้ายจะเกลียดชังหญิงแพศยานี้และจะเผาหญิงนี้ด้วยไฟอย่างรุนแรงถึงที่สุด และในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง เมืองใหญ่จะกลายเป็นที่รกร้างว่างเปล่า ข้าพเจ้าไม่เคยโต้วาที ข้าพเจ้าเพียงแต่แบ่งปันคำพยาน รับสิ่งนี้หันกลับไปพระเจ้านี่คือทั้งหมดที่ข้าพเจ้าอยากจะพูด ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าใครจะทำอะไรได้บ้าง

    ข้าพเจ้าได้มาถึงบทสรุปถึงสิ่งที่ดีที่สุดที่ข้าพเจ้าสามารถทำได้คือ นำพาผู้คนในทุก ๆ วันตามที่ข้าพเจ้าสามารถทำได้ไปสู่ความรักของพระคริสต์ นั่นคือสิ่งที่เกิดผลมากที่สุดของข้าพเจ้าและเป็นการตอบสนองตามพระคัมภีร์ที่ข้าพเจ้าสามารถทำได้ให้พระเจ้าผู้ที่ให้ชีวิตของพระองค์เพื่อข้าพเจ้าพอพระทัย

    In Love, In Jesus Name,
    Brother Gene

    ด้วยรักในนามพระคริสต์
    จากพี่ชาย ยีน

    ที่มา http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=jesuscomingverysoon&date=13-05-2010&group=1&gblog=12
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤษภาคม 2010

แชร์หน้านี้

Loading...