ปรียนันท์ธรรมสถาน เพื่อปฏิบัติและหลบภัย

(deejai) สนทนากันพอได้ความก็ชวนกันขึ้นเขา สำรวจ หาพลังงาน เปิดมิติ ตามรูปแบบของอาจารย์ ดร.กัญจีรา

(deejai) การขึ้นเขาครั้งนี้ของอาจารย์ ทุลักทุเลน่าดู เพราะอาจารย์ใส่รองเท้าพื้นเรียบ ลื่นอย่างเดียว ^-^ ลื่นกันทั้งคณะของอาจารย์ เพราะรองเท้าเหมือนกัน แม้นแจกไม้เท้าให้แล้วก็ยังลื่น เสียมวยไปเลย อาจารย์เรา

(deejai) (deejai) (deejai)

 

(cry) ใกล้ถึงยอดเขาก็ทุลักทุเลกันน่าดู แต่ก็ถึงด้วยดี ^-^

(deejai) เหมือนถึงโลกใหม่ในนิมิตของอาจารย์ (deejai)

 

(deejai) อาจารย์ ดร.กัญจีรา ยืนดื่มด่ำกับธรรมชาตและสายลมในยามเย็น บนยอดเขา มองดูต้นไม้ที่ออกดอกสีเหลืองเต็มภูเขา ( แต่ตอนนี้มันโรยไปหมดแล้ว ) ด้วยความฉงนสนเทห์ ว่ามันขึ้นมาได้อย่างไร ใครเป็นผู้มาปลูก

(deejai) บัดนี้ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าต้นไม้นี้ชื่ออะไร

(deejai) ให้อาจารย์ไปยืนบนแท่นหินที่ เราชอบไปนั่งสมาธิกับไอ้หลงและไอ้ตูบ ที่ตรงนั้นร่มเย็นและมีลมพัดสบาย ในยามเย็น

 

กุฏิปู่ฤาษี.......ใกล้จะสว่างคืนวันที 10 น้องเบส ว่า.... ท่านปู่ฤาษีท่าน
ขึ้นไป....เจิม...กุฏิให้เรียบร้อยแล้ว ท่านขึ้นไปนั่งอยู่ข้างบน อยู่ที่นั่นเลย

ผมถาม..อ้าวนั่งอยู่ยังไง พื้นยังไม่เสร็จ หลังคายังไม่มุง

ตอบ..ปู่นั่งได้

จานคลิกตอบทีหลัง...ให้ชื่อว่า กุฏิปู่ฤาษี เลยนะ.....

 

เก็บตก..
อาจารย์กัญจีราแนะนำว่า การฝึกจิตให้แกร่งก้าวหน้า ฐานของร่างกายต้องพร้อมด้วย
เหมือนหม้อแปลงไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ อุปกรณ์ภายในทุกชิ้นต้อง Grade A
เมื่ออัดกระแสไฟฟ้าเข้มข้นเข้าไป ก็สามารถรองรับทนทานกระแสไฟได้เป็นอย่างดี..
โครงสร้างส่วนที่สำคัญที่สุดของร่างกายคือกระดูกหน้าแข้งทั้งสองข้าง
ฐานรับน้ำหนักร่างกาย..เชื่องโยง-ส่งผ่านพลังงานจากพื้นสู่ท้องฟ้าต้องมั่นคง
อาจารย์ย้ำว่าการฝึกจิตต้องเริ่มจากการฝึกร่างกายให้แข็งแรงด้วย
การเดินขึ้น-ลงเขาก็เป็นตัวอย่างที่อาจารย์ทำให้เห็นบ่อยๆ :-

 

(deejai) อาจารย์ ดร.กัญจีรา ชูนิ้วขึ้นบนฟ้าคงจะขอพลังจากเบื้องบน ใช้เวลาสงบอยู่พักใหญ่ นัยว่าเปิดมิติหรือทดสอบพลังงานที่เชื่อมจากเบื้องบน อันนี้ต้องถามท่านเอง เพราะไม่ได้ถาม ได้แต่ดูเฉย ๆ

(deejai) สักพักก็เดินรามือสำรวจพลังงานวนรอบเขา แล้วก็ให้ลูกศิษย์ของท่านกับ mead ลองเดินดูบ้าง แต่ผมไม่ได้เดิน ขอยืนดู เฉย ๆ สบายกว่าเยอะ ผลเป็นอย่างไรต้องถาม mead

(deejai) เห็น mead ว่า พออาจารย์ขึ้นมาก็เรียกลมเลย มีลมพัดเย็นสบาย แต่ผมก็นึกว่า แหม ....มันก็เป็นธรรมชาติของมันนี่... มันก็เดี๋ยวพัดมาเดี๋ยวก็สงบ เป็นพัก ๆ ไป แต่ก็สงบปาก แต่ไม่สงบใจ ไอ้หลง ไอ้ตูบ ยังรู้เลย (deejai) (deejai) (deejai) เพราะมันตามขึ้นมาเป็นประจำ

(deejai) อาจารย์ ว่า รู้แล้วว่าจะมาทำอะไรที่นี่.............ก็ค้างไว้แค่นั้น แล้วว่า ตอนนี้ไม่บอกขอ อุบไว้ก่อน

(deejai) ท่านก็ว่าอีก สมัยก่อนเขาลูกนี้ใหญ่กว่านี้สูงกว่านี้ กาลเวลาก็กัดกร่อนให้เล็กลง เป็นธรรมดา

 

(deejai) ช่วงท้ายเวลาบนเขา อาจารย์ ดร. ก็เล่นกับดวงอาทิตย์ โดยให้มองผ่านกล้อง ในกล้องเมื่อมองผ่าน จะมีแสงตัดเป็นเส้นตรงผ่านกลางดวงอาทิตย์ กล้องเราเป็นเส้นเล็ก ๆ แต่กล้องอาจารย์มันขยายใหญ่ได้ตามที่ท่านสั่ง ใหญ่แล้วก็ค่อย เล็กลง ในระหว่างที่เล่นอยู่ กล้องอาจารย์เปลี่ยนไปแต่ภาพในกล้องของผมมันเหมือนเดิม ทุกประการ ไม่ว่าอาจารย์จะเล่นสักกี่ครั้ง ภาพในกล้องของผมก็เดิม ๆ

และมีภาพที่ผมถ่ายกล้องของอาจารย์ มีสองภาพ มันออกมาเป็นแบบนี้ แต่ตัวภาพในกล้องมันจะเป็นเส้นแสงใหญ่กว้างแนวตรงใหญ่กว่าในกล้องของผมประมาณสองสามเท่า

 

(deejai) ถึงเวลาลงเขาก็ยักแย่ยักยันกันพอสมควร เพราะพื้นรองเท้ามันเป็นพื้นเรียบ และหินเล็ก ๆ มันเป็นหินลอย เหยียบตรงไหนมันก็ลื่น เลยทุลักทุเลพอสมควร

(deejai) นี่เธอ จะถ่ายรูปฉันไปแบลคเมล์ เหรอ .....เสียงอาจารย์ ร้องอย่างอารมณ์ดี

(deejai) ก็อาจารย์ใสรองเท้าแบบนี้ มันก็แย่ น่ะ ซี่ เราก็โต้ตอบ

(deejai) ทีแรกฉันใสรองเท้าเดินเขาได้ น่ะ แต่พึ่งถอดเปลี่ยนใส่มานี่ ปกติฉันเดินขึ้นเขาสาว ๆ สู้ไม่ได้เลย น่ะ เสียงอาจารย์ตอบโต้มาอีก

(deejai) นั้นแหละเขาเรียกว่า ประมาท เราก็เลยสรุปเสียเลย

(deejai) ก็ เฮ ฮา ลงเขามา แบบ ชื่นมื่น สำราญเบิกบาญใจ

 

(deejai) ลงมาถึงด้านล่างก็เลี้ยวซ้ายมาถึงที่ราบมีบริเวณกว้างพอสมควร อาจารย์ ดร. ก็สำรวจหิน ว่า มันแตกออกเป็นก้อนเล็ก ๆได้อย่างไร นึกเดากันไปต่าง ๆ นา ๆ มอง ไปรอบ ๆ มีต้นปง ขึ้นเขียวอยู่หลายขนาด มีไอ้หลง นอนติดตามสถานการณ์ ทุกขั้นตอน ถ้าใครอยากรู้รายละเอียดคงต้องถาม ไอ้หลง

 

(deejai) (deejai) ก่อนออกจากพื้นที่เขา อาจารย์ ดร. ก็แสดงพลังอีกแล้ว ดวงดาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า สีแดงพอมองด้วยตาเปล่าได้

(deejai) อาจารย์ใช้กล้องเป็นตัวช่วยเหมือนเดิม ส่วนผมมองทั้งผ่านกล้องและด้วยตาเนื้อ

(deejai) ภาพดวงอาทิตย์ ดังภาพที่นำมาให้ชมนั้น ในกล้องมันเหมือนขยายขึ้นมาได้ เหมือนภาพซุมเข้ามาใกล้แบบนั้น มันซูมเข้าใกล้แล้วถอยกลับไปที่เดิม ก็มองดูมืออาจารย์ว่าแกซูมหรือเปล่า แต่ว่าแกก็จับกล้องเฉย ๆ เราก็ลองเหลือบตามองดูด้วยตาเปล่าไม่ผ่านกล้อง แปลก แหะ.... มันซุมเข้ามาได้จริง ๆ ถอยเข้าถอยออก สองสามครั้งที่มองด้วยตาปล่า

(deejai) อาจารย์ ดร. ว่า มันเป็นอีก มิติ หนึ่ง ( มันคงจะเป็นมิติที่ละเอียดไปอีกขั้นหนึ่ง อันนี้ผมคิดเอง น่ะ )

(deejai) นึก ๆ ดูแล้ว อาจารย์ ดร. คงมีพลังมาช่วยให้มีความสามารถทำได้

(deejai) อาจารย์ ดร. บอกว่า อยากฝึกและถ่ายทอดให้กับคนที่สนใจมาเรียนรู้ เพื่อที่จะให้มีความเข้าใจในพระศาสนา ให้รู้ที่มาที่ไปของพลังจิต การปรับจูนคลื่นพลังจิต และ พลังจิตต้องสร้างที่ตัวเราเอง ใครสร้างให้ไม่ได้ ไม่ต้องไปถูกหลอกให้ปฏิบัติผิดทาง

(deejai) อาจารย์ ดร. กำลังหาสถานที่ที่มีพลังเป็นจุดประสามมิติ เพื่อเป็นสถานที่ฝึกอบรมคุรุทายาท ใครสนใจอยากเรียน เตรียมตัวได้ แต่เมื่อไหร่ไม่รู้ สถานที่ก็ยังไม่แน่ อาจเป็นบนยอดเขาที่ปรียนันท์ธรรมสถาน

 

ง้าว.. ศรเล็ง งง... เพ่ง งง...เอาทุกสิ่ง.... หากเจ้าหมายยิง งง... ก็ยิง.. ซิ แม่ ......

รูปนี้..อาจารย์ท่านกำลังเล็งศรมาที่พี่คลิก โทษฐานจะถ่ายรูปขณะพลาดล้ม!
อาจารย์ดูชื่นมื่น เป็นกันเองมากครับวันนั้น..

 

(deejai) ภาระกิจของอาจารย์ ดร. กัญจีรา ในวันนี้ก็จบลงอย่างชื่นบาน

(deejai) มาถึง ปรียนันท์ธรรมสถาน ก็แจกทานไอ้หลงและไอ้ตูบด้วยขนมเค็กโรลระดับ ห้าดาว พร้อม mead และ ผม ก็ร่วมแจมด้วย

(deejai) หลังจากนั้น ก็ไปทานอาหารเย็นที่ ครัวทิดเทือง อาจารย์บอกว่า ตอนมาตรวจราชการที่อุทัย ผู้ว่าอุทัยพามาทานอาหารที่นี่ อาจาย์ ดร. ไม่ทาน หมู เนื้อ แต่ปลาพอได้ ชอบผัก อ้อและต้องแบ่งต่างหาก น่ะ ครับ อาจารย์ ไม่ทานร่วมกับข้าวเดียวกัน ต้องตักแบ่งต่างหาก ต้องประเคนด้วยหรือเปล่า อันนี้ไม่ได้สังเกตุ ต้องศึกษาอีกสักครั้ง แถมไม่ได้ถามอีกต่างหาก

(deejai)เพิ่งทราบว่า อาจารย์ ท่านมีเชื้อเจ้า ด้วย ทวดอาจารย์ เป็น เจ้าจอมสมัย ร.๕ โน่น ท่านจึงเติบโตมาในวังที่ใหญ่โตมีบริวารห้อมล้อมเป็นอันมาก ( ถึงว่าไปไหนก็องอาจ อาจหาญ อ่อนน้อมถ่อมตน ) เรียนอะไรก็คงเป็นที่หนึ่งมาโดยตลอด

(deejai) อาจารย์ ว่า จะเขียนหนังสือแนวพลังจิต หาทุนสัก สี่ห้าสิบล้าน สร้างเจดีย์สัก ๔ หลัง ท่านว่าเขียนมาทุกแนวแล้ว เหลือแต่พลังจิต แนวธรรม นี่แหละ

(deejai) เอวัง.....ก็มีด้วยประการ ละ ฉะนี้ ......

กัณฑ์เทศ กองนี้ ขอยกไปสร้างห้องน้ำปรียนันท์ ก็แล้วกัน

^-^ คุณ tamsak นำปัจจัยไปมอบให้ ZZ คุณ ZZ ส่งไปให้ คุณ คลิก เพื่อรวบรวมนำไปจ่าย ค่าห้องน้ำ อีกที สาธุ ........^-^

 

เตรียมกันไปถึงไหนแล้วครับ หย่าลืม ตุน เกลือไอโอดินไว้เยอะๆๆนะแล้วพวกหัวมัน *-*

 

(deejai) ขอบคุณ ครับ อาหลี ที่มาเตือน

(cry) เกลือไม่ลืมแน่นอน ครับ ตอนนี้ตุนไว้แล้ว เกลือป่น ๑ กก.

 

โห 1 ก ก น้อยไปครับ ทำไข่เค็ม10ลูกก็หมดแย้วววววว ^ ^เอาซัก 100 กก เป็นงัยครับ กินกันซักสองปีไปเลยแจ่มๆ

 

(deejai) ๑๐๐ กก. ไม่รู้ว่าจะขนาดไหน แต่ตอนนี้ มีโอ่งมังกร ๒ ลูก ไว้คอยเกลือแล้ว แต่ต้องรอเกลือที่นาเกลือให้แดดจัด ๆ หน่อย มันยังไม่แห้งดี สงสัยต้องอัดฉีดเงิน ซะแล้ว

(cry) มีคนเตือนแล้ว คงต้องล้างโอ่งคอย .........

 

สวัสดีครับไม่ได้เข้าห้องนี้มาซะนานจนจะลืมไปซะและ เห้อ
มีข่าวมาฝากครับ ผมได้ยินจากพระ...ท่านหนึ่ง.... ภัยพิบัติใหญ่จะเกิดในปีนี้ ตั้งแต่เดือนมีนาคม เป็นต้นไป โรคระบาด ... ซินามิ.... สงคราม..ฯลฯ
ผมขอภวานาให้ไม่เกิดด้วยเถด. มาแจ้งให้ทราบ เก็บไว้คนเดียวไม่มีประโยชน์ช่วยใครไม่ได้..ไม่ต้องการให้แตกตื่นเพราะโลกนี้มันไม่เที้ยง การเกิดดับให้เล้าจะหยั่งถึง วันเกิดภัยไม่รู้แน่วันตายใครจะรู้...?
---------------------------------------------------------------------
กายพร้อม ใจพร้อม ใช้สติไตร่ตรอง ใช้ปัญาให้เกิด ฝึกสติเข้าไว้ รู้จักการปล่อยวาง
<!-- / message --><!-- sig -->

 

ดีครับตุนไว้ในโอ่งแจ่มมากเลย อ้อเตรียมผงcarbon.(ผงถ่าน)ดูสารพิษไว้ทานแก้ท้องเสียไว้ด้วยนะครับอิอิ แต่ต้องเก็บให้ดีดีมิดชิดเพราะมันดูซะหมดกลิ่นก็ดูเหดียวฯลฯ นึกอะไรออกเหดียวมาบอกกันไว้

 

<DD>เมื่อเดินทางในฤดูฝนแล้วก็เลือกใช้เปล เราควรมีความรู้และเทคนิคนิดหน่อยเพื่อป้องกันการเปียกของเปล และที่สำคัญก็คืออุปกรณ์ต่าง ๆ นั่นเองครับ


<DD>สิ่งที่ควรคำนึงถึงในการเตรียมการผูกเปลนอนก็คือ <DD>1. พื้นที่สำหรับผูกเปลนอนกลางสายฝนเป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจ ต้องเลือกทำเลที่มีต้นไม้ล้อมรอบสามารถผูกเปลได้ เป็นที่ที่ให้ร่มเงาพอสมควร รวมทั้งต้องมีความปลอดภัย <DD>2. ผ้าใบ สำหรับใช้กางเป็นหลังคากันฝน ต้องมีความกว้างและขนาดที่เหมาะสม วัสดุที่ใช้จะต้องมีความคงทนและสามารถกันน้ำได้ <DD>3. สายเปลและห่วงรูปตัว S จะต้องมีความคงทน หนาแน่นและยืดหยุ่นได้ดี <DD>4. สายเชือก ต้องมีความเหนียวและแข็งแรง สามารถรับน้ำหนักได้


<DD>วิธีการผูกเปลนอน <DD>การผูกเปลนอนกลางสายฝนเช่นนี้ต้องมีเทคนิคนิดหน่อย ไม่เช่นนั้นน้ำฝนจะเข้าเปลได้ง่าย เทคนิคง่าย ๆ ที่นิยมใช้กันก็คือ <DD>1. นำสายเปลมาผูกกับตัว S ซึ่งตัว S ที่ว่านี้คือเหล็กเส้นขนาด 2 หุนที่ดัดแปลงเป็นรูปตัว S นั่นเอง <DD>2. นำสายเปลมาผูกกับห่วงรุปตัว S ด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งนำสายเชือกเปลสนามมาผูกไว้ <DD>3. นำสายเชือกเปลสนามที่ผูกกับห่วงแล้วไปผูกกับต้นไม้ โดยวัดระยะให้ดีทั้งสองด้าน ให้ตำแหน่งของตัว S อยู่ใต้ชายคาของผ้าใบ ถึงจะดีที่สุด <DD>หมายเหตุ ...เชือกที่ผูกส่วนที่ผูกอยู่กับต้นไม้จะเป็นส่วนที่โดนน้ำฝน ซึ่งน้ำจะไหลมาตามเชือกเปลจนกระทั่งมาถึงห่วงน้ำ จะไม่สามารถไหลเข้าเปลได้ แต่จะหยดลงหมดก่อนจะถึงสายเปลช่วงที่ 2 และทั้งหมดนี้ก็คือเทคนิคง่าย ๆ ที่เพื่อน ๆ ทำได้อยู่แล้วใช่มั๊ยเอ่ย....

....จากหนังสือ แหล่งท่องเที่ยวครับ
<DD>ขอบคุณที่มาที่มา..http://www.trekkingthai.com/techniques.htm<DD>
</DD>