" ปอบ " คืออะไร ? อาถรรพ์ ความเชื่อ เรื่องผี!!

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย กาลีนะ, 27 เมษายน 2013.

  1. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ... ตอนนี้เราคิดว่าหลายคนคงสังสัยในตัวพ่อกาลีนะว่าทำไมดูเหมือนจะเป็นพวก มีวิชา เหลือเกิน .. เราจะบอกเท่าที่เราทราบละกันนะคะ พ่อเราโดยพื้นฐานแกชอบเรื่องลี้ลับ ผจญภัย ออกจากบ้านตั้งแต่ 12 ขวบพอย่ายตายไม่นานแกจบป.6 แกก็ออกท่องยุทธจักรตั้งแต่ตอนนั้นแกไปอยู่มาหลายที่มาก เรียกว่าเร่ร่อนเลยดีกว่า ไปเป็นเด็กอู่ซ่อมรถแถวหล่มศักดิ์ ไปอยู่แถวสกลอันนี้นานหน่อยเพราะไปได้เมียเป็นสาวภูไทจนมีลูกชายคนหนึ่งแกก็หนีมาเพราะความที่พ่อตาเป็นพวกมีวิชาคาถาอาคมแกกลัวตายเลยหนีมาจากที่นั้น ไปอยู่ตามวัดแกก็เคยเรียกว่าในแถบอีสานแกไปมาหลายที่กว่าจะมาอยู่ที่มหาสารคาม มาเปิดอู่ข้างแขวงการช่างหมาสารคามจนพบรักกับแม่เรา ด้วยความที่พ่อเป็นพวกเลือดร้อนนักเลงหัวไม้เลยทีเดียว .. เป็นที่รู้ถึงความ ซ่า .. ของแก .. สมัยนั้นสามแยกกาฬสินธุิ์แกคุมว่างั้นมีเรื่องชกต่อยประจำ .. แถมเร่ร่อนมาหลายที่ทำให้แกได้ความรู้มาหลายอย่าง .. แม้แต่ไปเป็นศิษย์หลวงปู่ผางแกก็เคย แต่ตัวแกชอบกินเหล้ามากหลัง ๆแกก้ไม่กล้าไปสู้หน้าหลวงปู่ผางอีกเลย ... แถมแกมาอยู่หนองบัวลำภูแกก็ยังชอบคบหากับพวกหาสมบัติโบราณ พวกหาของขลังต่าง ๆ เรียกว่าถ้ามาแนว ๆ นี้แกชำนาญเลยทีเดียว แต่ก็นั้นแหละมันไม่ได้ช่วยให้พ่อเรามีความสุขเลย " มันร้อนเหมือนไฟ " ... แต่เพราะพ่อเราก็รอดมาได้หลายครั้งเหมือนกัน !!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤษภาคม 2013
  2. Than_2012

    Than_2012 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2013
    โพสต์:
    462
    ค่าพลัง:
    +1,027
    ไม่รู้เหมือนกัน ว่าเรียกว่าวิชาอะไร ตอนผมถามเขา เขาก็บอกมาเงี๊ยะ
    ( ดื้อสุดยอดเลยผมกะเพื่อน ) แต่ที่บอกว่าเรียนไปแล้ว พอได้คู่ครองแล้วก็เลิก
    เรื่องนี้ ไม่แน่ใจ ตั้งแต่เรียนมาเนี๊ยะ บ๊ะๆ มาหลายคนแล้ว
    แม้กระทั่งคนที่พาเขาไปรักษา พอถึงกลางทางเกิดสงสัยอยากเห็นอยากดู
    พอดูแล้วก็เรียบร้อยทั้งหมด ฮ่าาาา นี่คือสาเหตุที่ผมไปหาเขา (แต่ไม่ได้ทำอะไรเขาน่า เขาอาจจะคิดว่าผมเป็นเด็ก)
     
  3. wanakonth

    wanakonth เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    2,154
    ค่าพลัง:
    +5,776
    เพิ่งเข้ามาอ่าน น่าติดตามมากครับ ผมอยู่ศรีสะเกษ เคยได้ยินเรื่องพวกนี้บ่อยๆอะ
     
  4. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ... คืนนั้นเราลากผ้าห่มผืนหนามาใช้อากาศหนาวแต่เราเหงื่อแตกด้วยความกลัวสุดขีด เพราะใจเรารู้ดีว่าวันนี้พ่อต้องทำอะไรพิเลนแน่ ๆ เราเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ตอนนั้นเราเลี้ยงหมาไว้ที่บ้านตัวหนึ่งชื่อ ไอ้กี้ .. มันเป็นหมาที่นอนกลางวันตื่นกลางคืนและมันโตจนแก่ไม่เคยมีเมียเลยซึ่งแปลกมาก .. แล้วเราก็ฝันว่าเราเดินออกจากบ้านกับไอ้กี้ไปตรงสี่แยกบ้านเรา ระยะห่างประมาณ 300 เมตร ณ แยกนั้นเรามองไปทางถนนทิศตะวันออก เราตกใจมาก ๆ เพราะภาพที่เราเห็น คือ " ฝูงหมานับสิบ " มันวิ่งกรูมาทางบ้านเรา ... มันวิ่งเรียงหน้ากระดานมาเต็มถนน .. เรารีบหันไปสั่งหมาเรา " ไอ้กี้จัดการดิ " .. ไอ้กี้ได้ใจมากคะมันฟัดกับหมาพวกนั้นอย่างบ้าคลั่ง ... เราตั้งท่ารับมือ ... มองที่มือนี้มันมีดแหลมเล่นนั้นของพ่อนี้หว่า ... เราชักมีดออกจากฝักอย่างเร้วเพราะเราก็กลัวจะโดนหมาพวกนั้นทำร้าย คิดในใจว่าถึงจะเป็นความฝันแต่เราก้ไม่ยอมให้พวกมันทำร้ายเราแน่ ๆ ....

    .... ผลการสู้กันของหมา 1 ต่อ 16 คือ ไอ้กี้เราชนะอย่างไม่น่าเชื่อ 555555555555 คิดในใจว่า เฮ้ยมันเก่งวะ 555555555555 แล้วหมากลุ่มนั้นก็พากันวิ่งกลับไปทางเดิม .. หนึ่งในหมาตัวนั้นหัลกลับมามองแล้วเหมือนเราจะได้ยินมันพูดว่า " ฝากไว้ก่อนเถอะ เดี๋ยวพวกกูมาเอาคืน " ... ทำไมหมาพูดได้ด้วย ... งงมากงงจนตื่นนอนเลยเรา ... แล้วคืนนั้นก้ผ่านไป ...
     
  5. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ... พอตอนเช้าพ่อเราถามเราแปลก ๆ ว่า เมื่อคืนเป็นไง ... อ้าว .. ทำไมพ่อถามเรางี้อะแต่เราก็ตอบพ่อไปตามความฝัน แล้วก้ถามพ่อกลับว่าทำไม .. พ่อเลยเล่าให้ฟังแบบน่าตกใจกว่าเรื่องของเราอีก พ่อเล่าว่า ....

    ... ตอนที่พ่อเข้านอนหลังจากเปิดธรณีประตูแล้ว .. พ่อกำลังเคลิ้มจะหลับแกบอกว่าเหมือนแกจะโดน "ผีอำ" มีแมวตัวหนึ่งมาเดินวนรอบเตียงนอนพ่อหลายรอบ คิดเอาว่าห้องพ่อชั้นสองนอนปิดหน้าต่างแมวมาจากไหน .. แมวสีดำตาแดงเหมือนลูกไฟมันไปหยุดที่ปลายเท้าพ่อแล้วกลายเป็นเงาดำค่อย ๆ กลืนปลายเท้าพ่อขึ้นมาเรื่อย ๆ จนถึงเอวแล้วเงาดำนั้นค่อย ๆ คลายออกจนละจากปลายเท้าพ่อ .. กลายเป็นแมวดำเหมือนเดิม .. แล้วมันก้ย่างสามขุมไปตรงหัวเตียงมันมายืนตรงหัวพ่อเราแล้วก็กลายเป็นเงาดำจะกลืนหัวพ่ออีก ... พ่อตั้งสติแล้วสวดคาถาที่พ่อได้มา ( แกก็ไม่ได้สอนเราอีกนั้นแหละ ) แกท่องสวดอยู่แบบนั้นหลายรอบ แมวตัวนั้นมันกลืนหัวพ่อไม่ได้แล้วก็หนีไป ... พ่อก็ตื่นนอนทันที ...

    ... พ่อบอกว่าถ้ามันสามารถกลืนกินหัวพ่อไปได้พ่ออาจจะตายก้ได้ เราไม่เข้าใจว่าแกทำแบบนี้ทำไม่แกบ้าหรือเปล่ามีอย่างที่ไหน " เรียกปอบมาหา " เราคิดว่าพ่อเราบ้าทำไมไม่คิดบ้างว่าเราละจะเป็นยังไงถ้ามันมาทำร้ายเรามิตายกันทั้งบ้านเหรอ ... นี้ก็อีกความบ้าระห่ำของพ่อเรา ...
     
  6. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    .............................. ปอบ กับ ว่านไฟ .........................

    .... ว่ากันตามความเชื่อของคนในสมัยก่อน ปอบเป็นผีร้ายชนิดหนึ่ง ไม่มีตัวตน ชอบเข้าสิงร่างกายผู้คนทั้งหญิงและชาย เมื่อเข้าสิงร่างกายผู้ใดจะทำให้ผู้นั้นมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปทันที เมื่อมีเรื่องราวเช่นนี้ ผู้คนหลายรุ่นหลายสมัยก็ได้ถ่ายทอดเรื่องเหล่านี้ และได้มีการเติมจินตนาการของผู้เล่าเข้าไปสะสมทีละเล็กทีละน้อย จนกลายเป็นความเชื่อว่า “ปอบ” เป็นผีกินคน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ผู้คนตายกันจำนวนมาก

    ..... ถ้าเรามาพิจารณาเรื่องที่เกิดขึ้นคล้ายกันในต่างประเทศ เช่น เรื่องของมนุษย์หมาป่า ก็มีลักษณะของเรื่องที่คล้ายกัน โดยมีความเชื่อในตอนเริ่มต้นว่าเกิดจากการที่หมาป่ามากัดมนุษย์ จนทำให้คนเปลี่ยนไปเป็นหมาป่าในคืนเดือนเพ็ญ แล้วมนุษย์หมาป่าก็ออกอาละวาดทำร้ายผู้คน

    .... แต่นักวิชาการทางตะวันตกเป็นพวกที่แสวงหาคำตอบแบบกัดไม่ปล่อย ได้พยายามค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์เพื่อหาคำตอบว่าคนอยู่ดี ๆ ทำไมกลายร่างเป็นหมาป่าได้ ในที่สุดก็ค้นพบว่ามีเชื้อราชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า Cleviceps ergot ปนเปื้อนอยู่ในข้าวไรน์ ข้าวบาร์เลย์ หรือข้าวสาลี ที่นำมาทำเป็นขนมปัง เชื้อรานี้ผลิตสารที่เรียกว่า “เออร์ก๊อต” (ergot) ที่แม้แต่ความร้อนก็ไม่สามารถทำลายสารนี้ได้

    ..... เมื่อเชื้อราเข้าไปปนเปื้อนอยู่ในแป้งขนมปัง คนที่กินเข้าไปก็ได้สารนี้เข้าไปด้วย ซึ่งจะทำให้เกิดอาการผิดปกติในร่างกายหลายอย่าง โดยเฉพาะในส่วนของสมอง ซึ่งมีผลไปกระตุ้นให้ขนและเล็บงอกเร็วขึ้นมาก ทำให้ร่างกายดูผิดรูปผิดร่าง คือมองดูคล้ายหมาป่า และบวกเข้ากับจินตนาการของคนเพิ่มเข้าอีกมากมาย จึงกลายเป็นเรื่องของมนุษย์หมาป่าที่น่าสะพรึงกลัว และยังเล่าขานต่อมากันไม่หยุด แต่งเติมให้พิสดารยิ่งขึ้นอีก

    ... ทีนี้เรื่อง(ผี)ปอบของเรา เป็นความเชื่อมาแต่โบราณ ความเป็นจริงเช่นไรยังพิสูจน์ไม่ได้ น่าจะศึกษากันอย่างจริงจัง เพราะเป็นเรื่องสุขภาพของคนในชุมชน ในที่นี้จึงขอนำเสนอสมมุติฐานอันหนึ่ง (ไม่มีเจตนาลบหลู่ความเชื่อแต่โบราณ) เมื่อศึกษาต่อยอดสร้างความรู้ให้กระจ่างชัดน่าจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมได้ดี

    ... มาพิจารณากัน อาการของคนเป็นปอบคล้ายกับอาการของคนที่เป็นโรคโครน (Crohn's disease) สาเหตุของการเกิดโรคนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัด เข้าใจว่าจะเกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งคาดว่าจะมาจาก 3 เหตุ คือ พันธุกรรม (กรรมเก่า) ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม และแบคทีเรียในลำไส้

    ... อาการที่ปรากฏของคนเป็นปอบและโรคโครน คือ ผู้ป่วยจะมีการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร สามารถเป็นได้ตั้งแต่หลอดอาหารไปจนถึงทวารหนัก ในอดีตจนถึงปัจจุบัน มีการรักษาคนเป็นปอบด้วย ว่านไฟ หรือที่ภาคกลางเรียกว่า ไพล จากการสัมภาษณ์ผู้รู้หมอพื้นบ้านหลายๆท่าน กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ปอบกลัวว่านไฟมาก เมื่อให้กินลงไป ปอบจะออกจากร่างไปเลย

    .... เมื่อได้พิจารณาวิเคราะห์จากข้อมูล 2 ชุดนี้ พบความเป็นเหตุเป็นผลเนื่องกันประการหนึ่ง คือ ถ้าสมมุติฐานว่าการเป็นปอบเกิดจากการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร ว่านไฟก็มีสรรพคุณในการรักษาการอักเสบได้เช่นกัน เพราะว่านไฟเป็นยาแก้ท้องขึ้น ท้องอืดเฟ้อ ขับลม แก้บิด ท้องเดิน ได้

    .... ว่านไฟอยู่คู่กับสังคมไทยมานานแสนนาน เป็นสมุนไพรในกลุ่มวงศ์ขิง-ข่า มีชื่อเรียกที่หลากหลายในแต่ละท้องถิ่น เช่นภาคเหนือเรียกว่า “ปูเลย” หรือแม่ฮ่องสอนเรียกว่า “มิ้นสะล่าง” คนอีสานเรียกว่า “ว่านไฟ” มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Zingiber montanum (Koenig) Link ex Dietr. ใช้เป็นอาหารและยา

    .... นอกจากสรรพคุณแก้โรคเกี่ยวกับท้องแล้ว ยังเป็นยาขับประจำเดือนสตรี เป็นยาทาแก้ฟกบวม แก้ผื่นคัน เป็นยารักษาหืด เป็นยากันเล็บถอด ใช้ต้มน้ำอาบหลังคลอด หากแยกแยะส่วนของพืช อาจพูดได้ว่าว่านไฟเป็นสมุนไพรที่ควรมีไว้ประจำบ้านอย่างยิ่ง คือ น้ำคั้นจากเหง้า รักษาอาการเคล็ดขัดยอก ฟกบวม แพลงช้ำเมื่อย ช่วยขับระดู ประจำเดือนสตรี เลือดร้าย แก้มุตกิตระดูขาว แก้อาเจียน แก้ปวดฟัน ดอก ขับโลหิตกระจายเลือดเสีย ต้น แก้ธาตุพิการ แก้อุจาระพิการ ใบ แก้ไข้ ปวดเมื่อย แก้ครั่นเนื้อครั่นตัว แก้เมื่อย

    .... ในการศึษาค้นคว้าพบว่าว่านไฟมีสารสำคัญที่มีสรรพคุณแก้หอบหืด และมีการวิจัยทางคลีนิค โดยใช้รักษาโรคหืดในเด็กได้ และพบว่าไม่มีพิษเฉียบพลัน การศึกษาทางด้านเภสัชวิทยาของน้ำมันไพล ยังพบว่าช่วยลดอาการอักเสบ มีฤทธิ์ลดการหลั่งสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้และอักเสบจากเซลล์ fibroblast ของผิวหนังมนุษย์

    .... (ผี)ปอบ ยังอยู่ในวัฒนธรรมความเชื่อของคนไทย หากเราลองศึกษาน่าจะมีคำตอบได้ เพื่อการพัฒนาตำรับยาไว้แก้อาการปอบเข้าสิงได้ ถ้าลองเก็บข้อมูลในชุมชนที่พบว่ามีคนเป็นปอบบ่อยๆ เช่น หมู่บ้านบางแห่งในภาคอีสาน น่าจะไขความลับให้เป็นความรู้ได้

    ... ไม่ได้ลบหลู่ความเชื่อ(ผี)ปอบ และไม่ได้ตัดช่องทางละครไทยจะหมดมุกแสดง เพราะมนุษย์หมาป่าของฝรั่งยังสร้างเวอร์ชั่นใหม่ๆ เก็บเงินคนไทยได้เสมอ.


    Cr. มูลนิธิสุขภาพไทย .
     
  7. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ...................... เหตุที่จะเป็นปอบ .................

    ... เพราะสิ่งเหล่านี้มีอยู่ทั่วโลกดินแดน ใครเสาะแสวงหายังไงก็เจออย่างนั้น เพราะของมีอยู่ด้วยกันพวกผีพวกอะไรๆ จิตวิญญาณอะไรมันเข้าสิง วิชานี่มีวิญญาณอยู่ในนั้นในหลักวิชา อย่างพวกที่เขาทำคนก็เหมือนกันนั่นแหละ พวกนี้ทางเขมรมีมากนะ เขมรมีมากวิชาอย่างนี้ พวกโซ่พวกข้ามีมาก อยู่ฝั่งลาวไปทางโน้น แต่ก่อนเขาใช้วิชาอันนี้ทำคนให้ตายก็ได้ ทำคนให้รักกันเขาเรียกทำเสน่ห์อะไรอย่างนั้นก็ได้ ทำคนให้ตายเลยก็ได้ ทำได้ทุกแบบวิชาพวกนี้ นี่เขาเรียกไสยศาสตร์ ถ้ามีผู้เรียนผู้รักษาอยู่สิ่งเหล่านี้ก็มีก็ปรากฏอยู่ ถ้าไม่มีผู้เรียนไม่มีผู้รักษา มีก็เหมือนไม่มีเพราะใครไม่ได้สัมผัสมัน ถ้ามีวิชา วิชานั่นแหละไปเกี่ยวโยงกันกับสิ่งเหล่านี้มาอยู่กับเจ้าของ เช่น อย่างเขาว่าเป็นปอบเป็นผีก็เหมือนกัน คนนั้นเป็นปอบคนนี้เป็นปอบ มันมีผีมาสิงอยู่ในคนเขาเรียกปอบ เอ๊ ชื่อว่าอะไรนาหญิงคนนี้ หมอเจริญซักเอาเสียจนตาแห้ง นั่งดูหญิงคนนั้นหมอเจริญน่ะ เป็นหมอแพทย์ปัจจุบัน อยากรู้ชัดๆ เป็นยังไงแน่ แกก็เล่าให้ฟังจริงๆ โห แกเล่าอย่างอาจหาญนี่ นั่นเหมือนกับอ้าปากด้วย ลืมตาไม่หลับด้วยอ้าปากด้วย คือแกพูดมันน่าฟัง ถ้าวันไหนมันหิวมันดิ้นอยู่ในนี่ เจ้าของรำคาญว่างั้น ปอบส่วนมากมันจะออกทางตา แพล็บๆ ทางตาแล้วไปแล้ว ทีนี้ก็คอยร้อนใจละเจ้าของ มันจะไปกินใครเข้า ถูกหมอเขาเก่งเขาไล่ติดตามผีมามาหาเรา ถ้าคนไล่ผีไม่เก่งคนไล่ผีไม่รู้มันก็กินคน

    .... พอมันกินอิ่มแล้วมาหาคน มาหาเจ้าของนั่นแหละ มาเข้าเจ้าของ เข้าทางหูบ้างเข้าทางตาบ้างแว้บเดียว ทีนี้ง่วงนอนทั้งวัน ถ้ามันได้ไปกินอิ่มๆ มาแล้วง่วงนอนทั้งวันเลย ถ้ามันหิวแล้วเจ้าของก็กระวนกระวาย คือมันกวนอยู่ภายใน ออกไป ๆ กินเขาก็ถูกเขาไล่ละซิ อีนี้เป็นปอบอีนั้นเป็นปอบเขาไล่มา มาโดนเอาเราเข้า เหตุที่จะเป็นปอบแกสักว่าน เขาเรียก ว่านกระจาย สักอยู่บนหัวนี่ พูดตามความจริงมันจะหยาบหรือไม่หยาบก็ตาม ความเป็นมันเป็นอย่างนั้น นั่นละเรียกว่าความหยาบ ทีนี้เราพูดตามเรื่องความหยาบ ตามเรื่องราวของมัน เรียกว่าตามรอยของมัน ตามรอยความหยาบว่างั้นเถอะ

    ... แล้วไปได้วิชานี้มาจากไหน โอ๊ย เหตุที่จะได้ก็ให้เขาสักว่านให้ที่กระหม่อม แล้วอยู่ยงคงกระพันด้วยนะสักว่านแล้ว แทงก็ไม่เข้า ฟันไม่เข้า ปืนยิงไม่ออก เหตุที่จะให้เขาสักนั้นเพราะอะไร เพราะมีลูกบ่อย แกพูดนะเพราะมีลูกบ่อย แล้วเป็นยังไงถึงมีลูกบ่อย ใครมาเขาก็ขอเขาก็ออดอ้อน ให้เขาไปแล้วลูกออกมาเรื่อย แกเล่าให้ฟัง หมอเจริญจนตาหลับไม่ลงฟังแกเล่า แกเล่าอย่างสบายนี่นะ เล่าด้วยความจริง แกพูดอย่างสบาย คนนั้นก็มาออดคนนี้ก็มาอ้อนขอก็ให้ คนนั้นมาขอคนนี้มาขอก็ให้เขาไปเรื่อย ลูกออกเรื่อย ทีนี้ให้เขาแต่ไม่ให้มีลูกก็เลยสักว่าน แล้วสักว่านมาแล้วเป็นยังไงมีลูกไหม ไม่มีแต่มันเป็นปอบละซี
    นั่นละมาเป็นปอบเพราะว่านอันนี้ คือรักษาไม่ได้ แกว่ามีวิชาที่ขัดกันกับสิ่งนี้ เช่นกินของดิบอย่างนี้นะ กินเนื้อดิบปลาดิบอย่างนี้ มันขัดกับวิชานี้ ถ้าขัดแล้วเป็นปอบถ้าไม่ขัดก็ไม่เป็นอะไร เช่นไม่ให้กินเนื้อหรือไม่ให้กินปลาดิบ หรือเช่นอย่างลาบเลือด หรือเครือกล้วยห้ามไม่ให้ไปลอกนี้ก็ไปลอกไม่ได้มันผิด นี่ละที่แกเล่าให้ฟัง

    ..... เราก็ดูเหมือนกัน เอ๊ พิลึก วัดสุทธาวาสนี่ละ เรากำลังจะไปวัดดอยฯกับหมอเจริญ หมอเจริญกำลังจะบวช ให้ท่านเจ้าคุณธรรมเจดีย์ไปบวช หมอเจริญเรียนแพทย์กำลังจะบวช หรือเป็นแพทย์แล้วเราก็ลืม ดูเหมือนเป็นแพทย์แล้วละ แกบวชให้แม่ แม่ขอก็เลยบวช พอดีผู้หญิงคนนั้นแกมาคอยรถอยู่ที่หน้าวัด แต่ก่อนรถไม่ค่อยมีแหละ มาที่กุฏิ พวกนี้ก็นั่งอยู่นั้น แกมาก็เลยพูดกันไปพูดกันมาจึงได้รู้เรื่องรู้ราวว่าแกเป็นปอบ
    ทุกวันนี้ยังเป็นอยู่เหรอ เป็นอยู่แกว่างั้นนะ ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ยังแก้ไม่ตกเพราะว่านเขาสักไว้กระหม่อมนี้แล้ว เราไปทำผิดอะไรเลยกลายเป็นปอบไป แล้วเดี๋ยวนี้มีลูกไหมล่ะ ไม่มี เขาก็บอกไม่มี แล้วยังให้เขาอยู่เหรอ หมอเจริญถามขนาดนั้นนะ เราพูดตามเรื่องที่เขาถาม แล้วยังให้เขาอยู่เหรอ ให้เขาอยู่ มีลูกไหม ไม่มี ตั้งแต่สักว่านแล้วไม่มีเลย แล้วให้เขาบ่อยอยู่เหรอ ให้บ่อย พูดแล้วมันขบขันนะเราอดหัวเราะไม่ได้ หมอเจริญหัวเราะกั้ก ๆ
    โอ้โหวิชามันแปลกนะ เอาไปคิดแหละพวกหมอแผนปัจจุบันนี่นะ สิ่งเหล่านี้เขาไม่เชื่อว่ามี ทีนี้หมอเจริญนี่แหละเชื่อ ไปเห็นแล้วไม่เชื่อได้ยังไง เพราะเขาพูดเป็นตุเป็นตะพูดเป็นหลักความจริง หลักฐานพยานก็สักอยู่บนกระหม่อมเขา ก็บอกว่าสักอยู่ตรงนี้ นี่ละตัวมันพาเป็นเหตุ ก็มีหลักฐานพยานอยู่ทุกสิ่งทุกอย่างแล้วจะไม่เชื่อได้ยังไง มันกินคนเขาก็บอกว่ามันไปกินคน

    ... ถ้าหมอเขาเก่ง ๆ มันไปกินใครอย่างนี้เขาไปขับผี พอจับมัดได้แล้ว เอาเชือกนะ เขาเรียกเชือกระกำเชือกวิชาเขามัดผูกนี้ไว้แล้วมันก็ออกไม่ได้ ออกไม่ได้เขาก็ซักถามซิ เป็นใครมาจากไหน เป็นนั้นชื่อว่าอย่างนั้น ๆ แล้วใครเป็นเจ้าของ มันก็ชี้บอกเจ้าของก็ชี้บอกยายนี้แหละ คนสาวๆ อยู่ไม่ใช่ยายอะไรแหละที่ให้เขาเก่งๆ น่ะ หมอเจริญนี้เชื่อเลย


    ........... คัดมาบางส่วนจาก ...........
    เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
    เมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๓๙
    ไสยศาสตร์
     
  8. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    .. ความเชื่อของคนภูไทในการ " ป้องกันปอบ " คือ ให้เอากะลาตาเดียวครอบหัวคนที่โดนปอบสิงแล้วเอามีดโกนโกนรอบขัน มันจะอายจนหนีไป เจ้าของปอบ " ผมจะร่วง " และ ให้พก " แก่นมะขามสีดำ "
     
  9. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    แชร์เรื่อง "ปอบสักไพล"


    ที่คุณกาลีนะ เขียนเล่ามาเรื่องของผู้หญิงสักไพลไม่ให้ท้อง
    แล้วมีปอบติดมาด้วย คิดว่า ผมอาจจะได้เจอเข้าแล้วละครับ


    คือ อย่างนี้ ปอบมีหลายระดับ ระดับต่ำๆ ยิ่งกินของต่ำ ระดับ
    สูงๆ ยิ่งกินของสูงขึ้น แต่จะไม่มีปอบตัวไหนกินเจอยู่ได้ครับ
    ทีนี้ ปอบตัวนี้ ไม่ได้กินอวัยวะภายในโดยตรง แต่จะสูบกินแต่
    "พลังภายใน" ของคน โดยจะกินได้ต้องให้ "ผู้ชายเอา" ...


    ปอบมาขออยู่ด้วย พึ่งบารมีธรรม หวังให้หลุดพ้น เพราะว่าปอบ
    ไปอยู่กับผู้หญิงก็จะทำกรรมเรื่อยๆ มาอยู่กับผม เอาร่างผมไป
    ใช้ไม่ได้ แต่คิดว่า มีบ่อยแหละที่เขาคงหิวและไม่พ้นวิสัยเดิมก็
    ออกไปอยู่ในร่างผู้หญิง แล้วกินลมปราณผู้ชาย กินมากๆ เข้าก็
    เลยทำให้ "ผู้ชายไหลตาย" ไม่ก็ ผู้ชายคนไหนมีเทพคุ้มครอง
    เทพท่านก็หาวิธีให้รอด ทำให้ต้องหย่าขาดกันไป ไม่เช่นนั้น ก็
    ต้องบำเพ็ญพรหมจรรย์ทั้งคู่ ไม่งั้น มันก็สูบพลังผู้ชายตายหมด


    ให้เวลาเขาอีกหน่อยละกัน คิดว่า "ปอบ" จะหลุดพ้นได้อ่ะครับ
    ปล. นี่ผมไม่ได้ไปรับอะไรมาเลยนะ เขามาพึ่งพาเราก็เท่านั้นเอง
    (คิืดว่ามาจากย่า เพราะปู่สามคนอายุสั้นตายหมดครับ แล้วพ่อแม่
    ก็เลี้ยงย่า ที่บ้านจนตาย แล้วคนแถวนี้ก็เริ่มเป็นหม้ายเพี้ยบเลย)
    เขียนให้รู้ก็ดีแล้ว ทำให้ผมได้รู้ทันว่า อะไรมาอยู่กับผม และเขา
    ไปทำอะไรไม่ดีมาบ้าง (ก็รู้สึุกตะหงิดๆ อยู่ แต่มันไม่รู้ชัดแค่นั้น)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 พฤษภาคม 2013
  10. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    เกิดอะไรขึ้นกับเว้ปนี้คะ ...เหมือนมันจะรวน
     
  11. tassumalee

    tassumalee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    1,579
    ค่าพลัง:
    +8,825
    อิอิ....ดิฉันคิดว่าเครื่องดิฉันเป็นคนเดียว เพราะมันทำอะไรไม่ได้เลย.... กดอนุโมทนาก็ไม่ได้

    มีแต่ ?.???????????????????? เครื่องหมายนี้เต้มไปหมด ที่แท้ก็เป็นทั้งเว็บ 55555



    ชอบอ่านเรื่องของคุณ กาลีนะ ค่ะสนุกดีได้ความรู้ด้วย..... เพราะบางเรื่องดิฉันเกิดมาจนโต

    ขนาดนี้ แล้ว พึ่งจะมารู้และเข้าใจก็เพราะในเว็บพลังจิตนี้แหละค่ะ
     
  12. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    อิอิ....ดิฉันคิดว่าเครื่องดิฉันเป็นคนเดียว เพราะมันทำอะไรไม่ได้เลย.... กดอนุโมทนาก็ไม่ได้

    มีแต่ ?.???????????????????? เครื่องหมายนี้เต้มไปหมด ที่แท้ก็เป็นทั้งเว็บ 55555



    ชอบอ่านเรื่องของคุณ กาลีนะ ค่ะสนุกดีได้ความรู้ด้วย..... เพราะบางเรื่องดิฉันเกิดมาจนโต

    ขนาดนี้ แล้ว พึ่งจะมารู้และเข้าใจก็เพราะในเว็บพลังจิตนี้แหละค่ะ ...

    ..... กดอนุโมทนา ก้กดสี่เหลี่ยมอันสุดท้ายขวามือคะ อิอิ ขอบคุณคะที่ชอบ ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤษภาคม 2013
  13. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    Check แล้ว เว็บโป๊ ไม่มีปัญหา วิ่งฉิว ...
     
  14. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    ระหว่างคนสองคนนี้ ใครจะได้บุญหรือกรรมมากกว่ากัน


    คนที่หนึ่ง เรียนวิชาอาคม แล้วเอาผีมาเลี้ยง มาใช้งาน เพื่อ
    ให้ตนมีความสามารถพิเศษ แต่ก็เลี้่ยงผีดี ไม่มีเป็นปอบเลย
    คนที่สอง ไม่เรียนวิชาอาคม และไม่ได้อยากเอาฤทธิ์เดชผี
    มาใช้อะไร แต่ผีปอบขอมาพึ่งบารมีธรรม เพื่อหวังหลุดพ้น


    สุดท้ายแล้ว คนสองคน จะมีจุดจบต่างกันอย่างไร? ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 พฤษภาคม 2013
  15. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    **** 5555555555555555 อ้าว ไปแถวนั้นด้วยเหรอคะ อิอิ
     
  16. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    .................................................................................

    คนที่ 1 ทำเพื่อสนองตัณหาของตนเอง เบียดเบียนผู้อื่นให้ได้รับทุกข์ เพราะไม่ได้ระบุว่าผี สมยอม หรือเปล่า .. การเรียนวิชาไม่ใช่เรื่องที่ผิดตราบใดที่ไม่นำมาใช้ทำร้ายผู้อื่น ควรมีไว้ป้องกันตน และ ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ทั้งนี้ทุกอย่างควรยึดถือหลักความเป็นธรรม และ คุณธรรม .. ผู้เรียนวิชาแต่มีใจใฝ่ธรรมก็มีมากเพราะต้องใฝ่ในการทำบุญสร้างบารมีด้วย เพราะไม่ได้ระบุว่าเรียนสายใดจึงยังไม่สามารถตัดสินชี้ขาดได้คะ

    คนที่ 2 แสดงว่าเป้นคนมีจิตใจดีมีเมตตามีะรรมประจำใจ เป้นผู้มีบุญบารมีสูงมากพอที่ ปอบ มองแล้วว่าจะช่วยให้ตนหลุดพ้นจากสภาวะแห่งทุกข์ที่ประสบอยู่ได้ ... คงไม่ต้องบอกว่าคนที่สองนั้นได้บุญ หรือ บาป มากน้อยแค่ไหน .. เพราะมันชัดเจนกว่าคนแรก เพราะถ้าเป็นคนจิตใจไม่ดีคงไม่มีใครอยากเข้าใกล้หรอกนะคะ

    ........ หากจะให้ฟันธงจากข้อมูลที่ให้มาแค่นี้คงตอบว่า คนที่ 2 คะ ได้บุญมากกว่า ด้วยเมตตาในจิตใจ ความไม่ทะยานอยากเป้นที่ตั้ง .. อันนี้ตอบตามที่คิดนะคะ
     
  17. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ... สายวันนั้นเราเตรียมตัวไปวัดใหญ่พร้อมของที่เตรียมไว้ ... ก้อนหินเล็ก ๆ ถุงหนึ่ง ... เพราะวันนี้ได้มีคนนิมนต์หลวงตามหาบัวมา "ไล่ปอบ" ตอนั้นเราไม่รู้ว่าท่านเป็นพระที่มีคนนับถือมากมีแค่พ่อเล่าให้ฟัง เราก็ไปดูคนมาร่วมงานวันนี้เยอะกว่าทุกวัน ถุงใส่หินเยอะมากวางเรียงใต้ศาลาการเปรียญมีโซฟาอย่างดีตั้งอยู่ สักพักรถคันใหญวิ่งเข้ามาหลวงตาบัวท่านลงจากรถมานั้งที่โซฟา เราเบียดคนเข้าไปชมบารมีท่านกับคนมากมายที่เบียนดกันเราได้มองรู้แค่ว่าท่านท่าทางใจดี ... เราเห็นรองเจ้าอาวาส กับ ยายคนนั้นที่คนหาว่าเป็นปอบไปก้มลงกราบเท้าหลวงตาไม่รู้พูดอะไรกัน สักพักท่านก็บอกว่าตอนนี้ไม่มีปอบแล้วไม่ต้องกลัวอะไร ให้ทุกคนกลับบ้านไปได้แล้ว ..... ชาวบ้านก็ไม่กลับมีชายคนหนึ่งตะโกนบอกขอให้ท่านเมตตาช่วยให้ชาวบ้านอุ่นใจหน่อย .... ท่านก็สวดมนต์สักพักใหญ่ ๆ กับพระที่นั้งกันเต็มแล้วก็มาพรมน้ำมนต์ให้ชาวบ้านทุกคน แล้วให้พวกเราเอาหินที่นำมาไปโยนรอบบริเวณบ้านเพื่อไล่สิ่งไม่ดีออกไป .... ทุกคนกรูเข้าไปเอาถุงหินแย่งกันเลยดีกว่าทั้งที่เขียนชื่อไว้แล้ว ... ใครก็กลัวนี้นะ ..

    ... หลังจากวันนั้นรองเจ้าอาวาสท่านนี้ก็ย้ายวัดไปไหนไม่รู้ แต่ยายคนนั้นแกยังอยู่ พ่อบอกว่าว่ารองเจ้าอาวาสท่านรับเอา ปอบ 16 ตัวนั้นนำติดตัวไปด้วยท่านรับแทนยายคนนั้นแต่ยายคนนั้นแกก็อยู่ต่อมาได้อีกหลายปีพอสมควรนะคะเท่าที่ทราบ แต่ข่าวผีปอบก็เงียบหายไปจากหมู่บ้านแล้วเราก็แทบไม่ได้ยินข่าวแบบนี้ในหมู่บ้านเราอีกเลย อีกทั้งเราย้ายมาอยุ่กรุงเทพหลายปีมาทำงานเป็นเซลล์วิ่งขายปุ๋ยในภาคกลาง แล้วเราก็ย้ายมาขายอาหารอีสานที่สารคามจนทุกวันนี้ได้ 3 ปีกว่าแล้ว .....
     
  18. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    .......... " อันตรายของจิตวิญญาณแฝงและการแก้ไข " ............

    ... คนที่เป็นปอบ จะมีจิตวิญญาณมากกว่าหนึ่ง ทั้งยังมีวิธีถ่ายทอดทายาทดังนี้

    " กายสังขารหนึ่งๆ ไม่จำเป็นต้องมีจิตวิญญาณดวงเดียว "

    ... หลายท่านคิดว่ากายสังขารหนึ่งกายต้องมีจิตดวงเดียว แต่ความเป็นจริง กายสังขารแต่ละกายอาจมีดวงจิตหนึ่งดวง หรือไม่ใช่หนึ่งดวงก็ได้ ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยต่างๆ อาทิเช่น คนที่มีจิตวิญญาณสิงหรือแทรกอยู่ ก็มีจิตมากกว่าหนึ่งดวงในกาย เช่น คนที่มีปอบหรือกระสือ จะมีจิตวิญญาณที่เป็นปอบหรือกระสืออาศัยในกายนั้นด้วย จิตที่สิงหรือแทรกอยู่นี้ มีเหตุปัจจัยให้มาอยู่ร่วมกับจิตเจ้าของกายสังขารนั้นๆ บางดวงจิตจรมาครั้งคราว บางดวงจิตมาอยู่จนกระทั่งตายจากกัน อาจด้วยความอาฆาตแค้นที่มีต่อกันจึงไม่ยอมปล่อยเจ้าของร่าง บางดวงมาสร้างบุญบารมีร่วมกัน แต่บางดวงจิตก็มาชำระสะสางกรรมต่อกัน ทำให้มีการกระทบกระทั่งทำร้ายกัน แตกต่างกันออกไป จะยึดมั่นถือมั่นเอาสุดโต่งทางใดทางเดียวไม่ได้ การจะทราบได้ว่าในกายสังขารของแต่ละท่านมีจิตวิญญาณกี่ดวง และเข้ามาแบบจรเป็นครั้งคราวหรือถาวร และเข้ามาร่วมบุญบารมีหรือชำระกรรมได้นั้น จำต้องมีการศึกษา มีความชำนาญในการพิจารณาดูจิตในจิต และดูกายในกาย

    .. " แม้มีตาทิพย์ก็อาจวินิจฉัยจิตวิญญาณทั้งหมดที่อาศัยในกาย พลาดได้ " ..

    .... สำหรับท่านที่มีตาทิพย์จะมองได้ไม่ยาก แต่บางครั้งจิตที่จรไปมาก็ทำให้ตาทิพย์วินิจฉัยพลาดได้ นอกจากนี้ บางจิตวิญญาณไม่ได้เข้ามาอาศัยในร่างกาย เพียงแค่พลังบางส่วนก็สามารถทำให้เจ้าของร่างมีลักษณะเป็นไปตามพลังนั้นๆ ได้ เช่น ในกลุ่มคนทรงเจ้า เป็นต้น ทำให้การใช้ตาทิพย์วินิจฉัยผิดพลาดไปใหญ่ อาจด้วยเพราะจิตวิญญาณนั้นๆ ไม่ต้องการให้ผู้มีตาทิพย์ทราบนั่นเอง เช่น การใช้ตาทิพย์ดูคนทรงเจ้า บางครั้ง ก็อาจมองไม่เห็นกายทิพย์หรือจิตวิญญาณของเทพที่เข้าทรง ทำให้เกิดการปรามาสว่าหลอกลวงกัน แท้แล้ว อาจหลอกลวงจริง หรือหลอกลวงบางส่วน หรือไม่ลอกลวงเลยก็ได้ อธิบายอย่างนี้ ที่หลอกลวงจริงเพราะไม่มีเทพนั้นเกี่ยวข้องในการเข้าทรงเลยก็มี, ที่หลอกลวงบางส่วนเพราะเทพองค์นั้นๆ อาจส่งพลังมาให้จริง แต่คนทรงได้แต่งเสริมเติมข้อความไปเพื่อประโยชน์ส่วนตนก็ได้, ที่ไม่หลอกลวงเลย เพราะเทพองค์นั้นๆ ส่งพลังมาจริงๆ แต่ตาทิพย์มองไม่เห็นเพราะพลังละเอียดมาก อีกทั้งคนทรงก็ไม่ได้แต่งเสริมใดๆ ทำหน้าที่ไปตามตรง อันนี้ เป็นไปได้ทั้งสามกรณี ต้องพิจารณาด้วยปัญญาและญาณไปเป็นกรณีๆ ไป ไม่อาจยึดมั่นถือมั่นข้อสรุปไปใช้ได้กับทุกกรณี ในการวินิจฉัยเรื่องจิตวิญญาณในกายสังขาร จึงต้องวินิจฉัยให้ชัดว่ามีจิต, วิญญาณ หรือเพียงพลังบางส่วนอยู่บ้าง

    ............ Cr. physigmund_foid // 2007-09-18
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2013
  19. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    .......... " อันตรายของจิตวิญญาณแฝงและการแก้ไข " ... ( 2 ) .......

    ..... " จิตวิญญาณมากกว่าหนึ่งดวง จะแย่งกันครองความเป็นใหญ่ในกายสังขาร " ...

    .... อันธรรมทั้งหลายล้วนมีใจเป็นประธาน กายสังขารหนึ่งๆ ถ้ามีจิตมากกว่าหนึ่งดวงแล้ว ก็จะมีใจเป็นประธานของจิตทุกดวง ถ้าใจเราอยากให้จิตดวงใดเป็นใหญ่ หรือให้ออกจากร่างไปก็สามารถทำได้ กรณีที่ใจมีพลังมากพอหรือฝึกฤทธิ์ทางใจ (มโนมยิทธิ) มาระดับหนึ่ง แต่ถ้าพลังใจน้อยกว่าพลังจิตบางดวง ก็อาจถูกจิตดวงนั้นๆ ครอบงำได้เหมือนกัน เช่น ในคนที่มีจิตวิญญาณปอบหรือกระสืออาศัยอยู่ หากใจห่อเหี่ยวไม่มีกำลังใจแล้ว ยิ่งทำให้จิตวิญญาณของปอบหรือกระสือยิ่งครอบงำร่างกายนั้นได้มากขึ้น จิตวิญญาณแต่ละดวงล้วนมีจิต คิดได้ ชอบและเกลียดได้เหมือนเทพเทวดาหรือกายทิพย์ที่มีจิตทั่วไป ดังนั้น เมื่อมาอาศัยในกายสังขารเดียวกันแล้ว จึงแตกแยก ไม่สามัคคีกัน ทั้งยังแย่งกันเป็นใหญ่ในกายสังขารนั้นๆ ก็ได้ เช่น ในคนที่มีจิตวิญญาณปอบอาศัย ปอบจะครอบงำร่างกายและจิตวิญญาณเดิมของเจ้าของร่าง เพื่อเป็นใหญ่ในกายสังขารนั้นๆ ในคนที่มีจิตวิญญาณอื่นๆ ที่ไม่ใช่ปอบหรือกระสือก็สามารถพบเหตุการณ์เดียวกันนี้ได้ เช่น ในคนที่เลี้ยงผีพราย, ยักษ์, กุมารทอง, มังกรทอง ฯลฯ จิตวิญญาณเหล่านี้ ล้วนอาศัยแทรกอยู่ในกายสังขารของผู้เลี้ยงทั้งสิ้น และรอคอยวันที่ใจอ่อนกำลังลง ขาดกำลังใจ หรือจิตวิญญาณเดิมอ่อนล้าหมดพลัง ก็จะทำการยึดครองร่างนั้นๆ ในที่สุด เช่น ในกลุ่มหมอผีที่เลี้ยงผีพราย หากหมดสิ้นวิชชาอาคม ผีพรายก็สามารถยึดครองกายสังขารนั้นได้


    ............ Cr. physigmund_foid // 2007-09-18
     
  20. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    .......... " อันตรายของจิตวิญญาณแฝงและการแก้ไข " ... ( 3 ) .......

    ... จิตวิญญาณปอบทำอย่างไรกับจิตวิญญาณเจ้าของร่าง ?

    .... คนที่มีปอบอาศัยในกายสังขาร ถ้าปอบครอบงำเต็มที่ ปอบจะรอคอยเวลาเจ้าของร่างตาย เมื่อตายลงปอบจะรอจังหวะสับเปลี่ยนจิตวิญญาณ กล่าวคือ กายทิพย์หรือวิญญาณจะมีสองวิญญาณ วิญญาณหนึ่งเป็นของเจ้าของร่าง วิญญาณหนึ่งเป็นปอบ วิญญาณทั้งสองจะดับสลายไม่พร้อมกัน ถ้าวิญญาณของเจ้าของร่างมีบุญมากกว่าปอบ ปอบจะรอให้วิญญาณนี้ดับสลายลง แล้วจิตของปอบจึงจะจุติออกไปจากร่าง ปอบก็หลุดพ้นจากความเป็นปอบแล้วจุติใหม่ได้วิญญาณเท่ากับบุญที่กายทิพย์ที่สลายนั้นมีอยู่ ส่วนเจ้าของร่างจะถูกปอบกักขังดวงจิตไว้ก่อน จนกระทั่งวิญญาณที่ปอบทิ้งไว้ดับสลายลง ดวงจิตของเจ้าของร่างก็จะจุติโดยออกไปขณะวิญญาณปอบสลาย แล้วเกิดใหม่เป็นปอบ แทนปอบตัวเก่า นี่คือ วิธีที่ปอบจะพ้นจากความเป็นปอบ ปอบบางตนเดิมได้ร่างที่มีบุญน้อย ก็จะหาร่างใหม่ที่มีบุญพอให้ตนหลุดพ้นความเป็นปอบ แล้วถ่ายทอดความเป็นปอบให้เจ้าของร่างรับช่วงแทน อย่างนี้อาจเรียกได้ง่ายๆ ว่า “ปอบช่วง” คือ ให้เจ้าของร่างรับช่วงความเป็นปอบแทน แล้วตนก็พ้นจากความเป็นปอบไป ปอบช่วงจะหาร่างที่มีบุญสักหน่อยแต่จิตมีกำลังน้อยพอที่จะควบคุมได้ และใกล้จะตาย เพื่อให้ตนหลุดพ้นจากความเป็นปอบ ปอบประเภทนี้ จึงเลือกร่าง เปลี่ยนร่างไปเรื่อยๆ บางท่านจึงสับสนว่าใครเป็นปอบกันแน่ หรือปอบตนนี้อยู่ในกายสังขารของใครกันแน่ เพราะเปลี่ยนร่างเปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆ เราจึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “ปอบแลกหน้า” เพราะเปลี่ยนหน้าเปลี่ยนร่างไปเรื่อยๆ ปอบอีกชนิดหนึ่ง จะยังไม่อยากหลุดพ้นจากความเป็นปอบ เป็นปอบที่มีกรรมมาก มีอิทธิฤทธิ์มาก และมีความหลงผิดมาก เป็นปอบที่นิยมสร้างบริวาร เป็นปอบที่หลงในลาภสักการะ เช่น ปอบที่ยามเป็นคน อาจเป็นหมอผี, คนทรง หรือพระสงฆ์ที่เล่นคุณไสย แล้วผิดครู พลาดพลั้งไปจนต้องเกิดเป็นปอบ ปอบแบบนี้จะสร้างบริวาร ด้วยการเข้าไปครอบงำจิตวิญญาณของเจ้าของร่างที่ตนอาศัยก่อน ตกกลางคืน จะบังคับจิตวิญญาณนั้นๆ ให้ออกไปหากินร่วมกับตน จนจิตวิญญาณเจ้าของร่างมีกรรมมาก กายทิพย์ที่เคยดีเปลี่ยนกลายเป็นปอบโดยสมบูรณ์ ในกรณีนี้ กายทิพย์ในกายสังขารนั้นจะเป็นปอบทั้งสองกายทิพย์ และจิตทั้งสองดวงจะเป็นปอบโดยสมบูรณ์ เรียกว่าเจ้าของร่างถูกครอบงำโดยสมบูรณ์ เมื่อครอบงำให้เจ้าของร่างกลายเป็นปอบด้วยแล้ว ปอบตนนี้จึงจะหาร่างกายใหม่อาศัย จากนั้นไม่นาน เจ้าของร่างจะตายและจิตวิญญาณจะจุติเป็น “ปอบบริวาร” ปอบตัวพญาก็จะทำอย่างนี้กับกายสังขารใหม่ที่เข้าไปอาศัย ทำให้คนตายไปเรื่อยๆ และเป็นปอบเพิ่มมากขึ้น ปอบแบบนี้ร้ายกาจกว่าแบบแรก เรียกว่า “ปอบพญา” หรือ “ปอบเชื้อ” คือ สามารถแพร่เชื้อปอบให้เพิ่มจำนวนมากขึ้นได้นั่นเอง ปอบเชื้อหรือปอบพญา จะทำให้สัตว์และคนตายไปเรื่อยๆ จึงดูคล้ายกับว่าปอบนั้นกินคนไปด้วย ...


    ............ Cr. physigmund_foid // 2007-09-18
     

แชร์หน้านี้

Loading...