ปิดกระทู้ตะกรุดโทน

ในห้อง 'แจกฟรี แต่มีค่าส่ง' ตั้งกระทู้โดย วิน ศิษย์หลวงปู่หงษ์, 25 กุมภาพันธ์ 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. วิน ศิษย์หลวงปู่หงษ์

    วิน ศิษย์หลวงปู่หงษ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2009
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +15
    ห้าสิบห้าหาไม่เห็น


    หลวงปู่ได้ธุดงค์ ดั้นด้นมาถึงเขตดินแดงติดต่อระหว่างกัมพูชากับเวียตนาม(เวียตกง) ซึ่งขณะนั้นลัทธิคอมมิวนิสต์กำลังเผยแพร่ มีอิทธิพลต่อทวีปเอเชียอาคเนย์เป็นอย่างมาก ได้มีหลายประเทศเปลี่ยนระบบการปกครองเป็นลัทธิดังกล่าว ในจำนวนนี้ ประเทศเวียตนามหรือเรียกกันว่า“พวกเวียตกง” ก็เปลี่ยนระบบการปกครองไปแล้ว ระบอบการปกครองลัทธินี้ สอนให้ไม่มีศาสนา มีความเชื่อเกี่ยวกับเทพเทวดา หรือว่าวิญญาณทั้งหลาย จึงได้กวาดล้างลัทธิของทุกศาสนาให้หมดไปโดยสิ้นเชิง ดังนั้นพระสงฆ์องค์เจ้าก็ต้องศึกไป บ้างก็ต้องหนีออกนอกประเทศ มิฉะนั้นจะถูกทำลายล้างเข่นฆ่าให้ตายหมดขณะที่หลวงปู่ได้ธุดงค์มาถึง ณ เขตชายแดนประเทศกัมพูชา กับประเทศเวียตนาม ทันใดนั้นทหารเวียตกงก็ได้แห่กันมาประมาณห้าสิบกว่าคน ล้อมรอบกลดของหลวงปู่ เพื่อจะจับนำตัวไปฆ่า แต่เมื่อเปิดผ้าคลุมมุ้งกลดดู ก็เห็นแต่กลดว่างเปล่า คงมีแต่กาน้ำใส่น้ำตั้งอยู่ กับบาตรและถุงยามเท่านั้น แต่องค์หลวงปู่นั้นได้หายไปแล้วจึงทำให้นึกย้อนเหตุการณ์สมัยหลวงปู่ผจญกับนางพญาโจรีที่พาลูกสมุนโดดลงขันน้ำกลางบ้านหายกันไปหมด แต่ได้กราบเรียนถามท่านแล้วว่าหลวงปู่ใช้วิชานี้หรือเปล่า หลวงปู่ท่านกล่าวตอบว่า “ทำมิได้หรอก” เป็นเรื่องของครูบาอาจารย์ ที่จะช่วยให้ศัตรูเห็นก็ได้ หรือมิเห็นก็ได้ เป็นเรื่องของท่านหลวงปู่ทำไม่เป็นหรอกซึ่งในการนี้ทหารเวียตกงจะค้นหาอย่างไรก็ไม่พบองค์หลวงปู่ได้ ผลสุดท้ายท่านเมตตา และสงสารพวกทหารเวียตกง จึงได้ปรากฏกายยอมให้ทหารเวียตกงจับตัวไป โดยคิดปลงเสียว่า “ถ้าอดีตเคยเป็นศัตรูกันมาก็ดี เคยเป็นเจ้ากรรมนายเวร จะนำไปฆ่า แกงอย่างไรก็เชิญจับไป ให้ถือว่าใช้เวรใช้กรรมกันเป็นชาติสุดท้าย จักได้เป็นอันตัดขาดหมดเวรหมดกรรมกันไป แต่ถ้ามิได้เป็นเจ้ากรรมนายเวรกันมาก่อนแล้วละก็ ขอให้คุณพระศรีรัตนตรัยรักษา ครูบาอาจารย์รักษาคุ้มครอง อย่าได้เป็นอันตรายแต่ประการใดเลยทันใดที่หลวงปู่ได้ปรากฏกายออกมาจากกลดนั้น ทหารเวียตกงต่างตกใจขวัญหนีดีฝ่อ จึงได้นำปืน M16 ประทับบ่าแล้วยิงถล่มสู่เป้าหมายถึงองค์หลวงปู่ทันที หลวงปู่นั้นก็ได้แต่ยืนเฉย หาได้สะทกสะท้าน หรือหวาดกลัวเสียงลูกปืนแต่ประการใดไม่ เพราะลูกปืนนั้นได้ตกลงกองอยู่ ณ ด้านปลายเท้าของหลวงปู่นั่นเอง ห่างจากปลายเท้าประมาณ 1วา บางกระบอกปืนก็ยิงจนปากกระบอกแดง บางกระบอกลูกปืนไหลออกจากปากกระบอกเอง ซึ่งตามตำราของท่านเรียกว่า “ปืนแตกน้ำ” คือลูกกระสุนจะด้านหรือหมดสภาพประดุจลูกปืนหรือดินประสิวนั้น แช่อยู่ในน้ำ เวลายิงจึงด้าน และไหลออกมาประดุจว่าไหลมากับน้ำ จึงเรียกว่าปืนแตกน้ำ “ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดของวิชาคงกระพันของท่าน”เมื่อทหารเวียตกงจะฆ่าอย่างไรๆ ก็มิอาจฆ่าได้ ทุกคนต่างก็จนใจ ผลสุดท้ายจึงเข้ารุมจับหลวงปู่ แล้วนำมาใส่กรงเหล็ก นำเดินทางมาถึงท่าเรือ จากนั้นก็ยกกรงเหล็กใส่เรือตังเกออกสู่กลางทะเล สักครู่ต่อมาเวียตกงจึงนำเชือกผูกกรงเหล็ก แล้วยกกรงเหล็กถ่วงทะเล ประมาณ 10 นาทีต่อมาจึงได้สาวเชือกดึงกรงเหล็กขึ้นมา ทุกคนต้องตกใจอย่างที่สุด เพราะพระภิกษุที่อยู่ในกรงเหล็กนั้นนั่งสมาธิเฉยหาได้สะทกสะท้านตกใจกลังต่อภัยใดๆไม่ แถมจีวรที่นุ่งห่มอยู่นั้นก็ไม่เปียกน้ำทะเลแต่ประการใดซึ่งการนี้ได้กราบเรียนถามหลวงปู่ว่าทำไมจีวรของหลวงปู่จึงไม่เปียกน้ำ หลวงปู่ได้เมตตาตอบว่า “อ๋อศีลคุ้ม คนเราถ้ามีศีลมั่นถือมั่น ในปฏิทาแห่งคุณพระพุทธเจ้า และครูบาอาจารย์แล้ว เชื่อว่าตกน้ำก็ไม่ไหล ตกไฟก็ไม่ไหม้ ประกอบกับการที่เรามีเมตตาอธิษฐานแผ่ยังสรรพสัตว์ทั้งหลายแต่ก็ยังไม่สะใจพวกทหารเวียตกงอยู่นั่นแหละ เพราะเขากลับมีคำสั่งให้เรือหาปลานั้นวิ่งแล่นต่อไปอีกไกลแสนไกล จนเห็นแค่ขอบฟ้าจรดผิวน้ำเท่านั้น จากนั้นก็นำกรงเหล็กหย่อนลงมหาสมุทร อยู่นานสักประมาณ 10 นาที จึงได้สาวเชือกขึ้นมา ทันใดทหารเวียตกงก็ต้องช๊อก เพราะว่าหลวงปู่นั้นยังคงนั่งสมาธิเฉยดุจเดิมอยู่ในกรงเหล็ก ทำให้พวกทหารเวียตกงนั้นหมดความสามารถที่จะประหารเข่นฆ่าพระภิกษุรูปนี้ได้ จึงได้สั่งคนเรือหัวเรือกลับสู่ฝั่งของเมือง ได้กราบเรียนถามว่า”หลวงปู่ทราบได้อย่างไรว่าเป็นมหาสมุทรมิใช่ทะเล” หลวงปู่ได้เมตตาตอบว่า “ก็น้ำในมหาสมุทรนั้นจะเย็นมากกว่าน้ำในทะเล ผู้เขียนจึงถึงบางอ้อ และมีความรู้เพิ่มขึ้นอีก”ในที่สุดเรือหาปลาก็แล่นเข้าหาฝั่งอีกครั้ง แต่ทหารเวียตกงนั้นก็มิได้ละความพยายามแต่ประการใด ต่างก็ช่วยกันยกกรงเหล็กลงและรุมกระชากองค์หลวงปู่ออกมาจากกรงเหล็ก อีกสี่คนช่วยกันจับแขนทั้งสอง และขาทั้งสองอยู่ในลักษณะนอนคว่ำ จากนั้นก็นำพุ่งเข้าปากจระเข้ใหญ่ ซึ่งกำลังนอนหลับอ้าปากอยู่ ซึ่งตามลักษณะสัญชาติญาณของจระเข้แล้ว เวลานอนสุดท้ายทหารเวียตกงก็ยอมแพ้ในอิทธิบุญบารมีของหลวงปู่ จึงได้นำองค์หลวงปู่ออกจากจระเข้ใหญ่ พร้อมทั้งกราบถวายตัวเป็นศิษย์สืบมา
     
  2. rossarin555

    rossarin555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2009
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +346
    ลำดับที่ 13
    รสริน รอดไทยแก้ว
    67/59 หมู่บ้านบ้านสวนแหลมทอง ซ.แฮปปี้แลนด์ 1 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. 10240

    อนุโมทนาบุญค่ะ
     
  3. teebkk

    teebkk Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +45
    โมทนาด้วยครับ

    ลำดับที่ 14
    ขอ 1 ชุดครับ
    นายธนพล ว่องไวมีทรัพย์
    104 ซ.พัฒนาการ 69
    แขวงประเวศ เขตประเวศ
    กทม. 10250
    โอนวันที่ 26/02/52 ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กุมภาพันธ์ 2009
  4. วิน ศิษย์หลวงปู่หงษ์

    วิน ศิษย์หลวงปู่หงษ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2009
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +15
    เกจิมากเมตตาแห่งเมืองสุรินทร์ 1


    จากหนังสือพิมพ์ข่าวสด
    “อริยะโลกที่ 6” โดยวีรฉัตร พลชัย

    ฉบับวันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543 หน้า 32
    หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ เกจิมากเมตตาแห่งเมืองสุรินทร์(4)นอกจากจะเป็นพระผู้เจริญด้วยคุณวุฒิทรงคุณธรรม งามด้วยจริยะวัตรแล้ว หลวงปู่หงษ์ยังเป็นนักพัฒนาสังคมชนบท และสงเคราะห์แก่ผู้ยากไร้ทั้งหลาย ทางด้านการพัฒนาสังคมนั้น ก็ได้สร้างศาลาให้ประชาชนได้มีที่พักพิงหลบฝนหลบร้อน สร้างศาลาที่อ่านหนังสือตามหมู่บ้าน สร้างฝายน้ำล้นส่งเสริมการปลูกป่าอย่างจริงจัง ถึงกับจ้างชาวบ้านดูแลช่วยปัดกวาดบำรุงรักษาต้นไม้เหล่านั้นด้วยดังนั้น ในการประกวดป่าทั่วพื้นภาคป่าที่หลวงปู่หงษ์ อนุรักษ์นั้นมักได้รับรางวัลชนะเลิศทุกป่าจากสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถเกี่ยวกับเรื่องน้ำสัตว์ป่าหรือต้นไม้ก็ดีท่านได้นำเอาสัจธรรมมาเป็นคำสอนแก่ลูกหลานเสมอว่า “ต้นไม้เมื่อตัดแล้ว ก็ให้รู้จักปลูก ปลาเมื่อกินแล้ว ก็ต้องรู้จักปล่อย เราอยากมีน้ำใช้ก็ต้องหมั่นปลูกต้นไม้ และต้องรู้จักสร้างแหล่งเก็บกักน้ำยามขัดสน”และด้วยความเป็นนักพัฒนาและอนุรักษ์นิยมนี้เอง ยามใดที่ได้ปัจจัยจากกิจนิมนต์ก็ดี หรือที่ญาติโยมลูกหลานถวาย ท่านจะรีบนำมาสร้างคุณประโยชน์ อาทิ ขุดสระ ปลูกต้นไม้ ปล่อยชีวิตสัตว์ โดยไม่มีการสะสมโดยกล่าวว่า “หลวงปู่หงษ์ เป็นพระอยู่อย่างนี้ก็อยู่ได้ตามอัตภาพ มิต้องใช้จ่ายอะไรมากแต่ที่น่าจะจ่ายหรือช่วยเหลือให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม ญาติโยมลูกหลานมากๆ ก็คือการปลูกป่าการขุดสระ และปล่อยชีวิตสัตว์ดีกว่า เพราะมนุษย์ทุกวันนี้มีมากขึ้นทุกวัน แต่ต้นไม้ น้ำที่ใช้สอย อาหารก็ดี เกือบจะไม่เพียงพอ ถ้าสิ่งดังกล่าวมีไม่พอแล้ว ลูกหลานทุกคนก็จะมีทุกข์ อดยากแห้งแล้ง ขัดสน ปลูกพืชสวนไร่นาก็ไม่ดี เป็นผลพวงพ่วงให้เสียหายเกิดโทษไปทั้งหมด ถ้าทุกคนไม่ช่วยกันรักษา”จะเห็นได้ว่า หลวงปู่หงษ์เป็นพระสงฆ์ที่มองเห็นทั้งเหตุใกล้และไกลตัวมองหน้ามองหลังอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะในเรื่องการอนุรักษ์แหล่งน้ำและปลูกป่า เห็นได้จากเมื่อคราวกลับจากธุดงค์วัตรท่านได้ซื้อที่ปลูกป่าพร้อมมอบปัจจัยส่งเสริมในหลายจังหวัด ซึ่งมิใช่เฉพาะอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์หรือในประเทศไทยเท่านั้น สมัยถือธุดงค์วัตรที่ประเทศกัมพูชา ท่านก็ได้เมตตาปลูกป่า ขุดสระน้ำให้คนได้ใช้ จนชาวกัมพูชาต่างตอบคำถามเดียวกันหมด ยามที่มีคนถามว่า “ป่านี้ของใคร...เขาจะตอบว่า ป่าตาหงษ์” แม้แต่สัตว์ป่า ช้าง กวาง เก้ง กระต่าย งู ก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “สัตว์ป่าของตาหงษ์”สำหรับอานิสงส์ของการขุดสระ ท่านบอกว่า จะทำให้ผู้นั้นมีอายุยืนยาวแข็งแรงไม่เจ็บป่วยหากินคล่องทรัพย์สินเงินทองหาได้คล่องตัวดี ส่วนอานิสงส์ของการซื้อที่จะทำให้เราได้มีที่ มีแผ่นดิน มีที่อยู่อาศัยทั้งชาตินี้และชาติหน้า การหาพื้นที่ปลูกป่าสัตว์ได้อยู่อาศัย จึงทำให้ผู้นั้นเป็นที่ผู้มีเมตตาของคน และสัตว์ทั่วไป ทั้งมีผลให้ได้พบกันชาตินี้และ
     
  5. วิน ศิษย์หลวงปู่หงษ์

    วิน ศิษย์หลวงปู่หงษ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2009
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +15
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>เกจิมากเมตตาแห่งเมืองสุรินทร์ 2

    จากหนังสือพิมพ์ข่าวสด
    “อริยะโลกที่ 6” โดยวีรฉัตร พลชัย
    ฉบับวันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543 หน้า 23

    หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ เกจิมากเมตตาแห่งเมืองสุรินทร์ (5)นอกจากจะเป็น “พระนักวนนิยม” ที่ชื่นชอบการสร้างป่า ปลูกต้นไม้ ขุดสระแล้ว กล่าวได้ว่าหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ยังเต็มไปด้วยพรหมวิหารสี่สมกับฉายานามของท่าน นอกจากกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันแล้วเมตตาที่มีต่อสัตว์เป็นที่ร่ำลือกล่าวขาน เฉพาะเขตบริเวรวัด งูกัดหนูจะอยู่ด้วยกัน ไม่กัดกินกันหรือในบ่อก็ดี งูกับกบก็จะไม่กินกัน หรือแม้แต่งูที่มีพิษ ท่านก็สามารถเอามือล้วงออกจากถุงแล้วปล่อยให้เลื้อยไปเอง ซึ่งบางตัวก็หลบหรือแอบอยู่ข้างท่านบ้าง อยู่ตรงหัวนอนที่จำวัดบ้าง รวมทั้งตามกองผ้าจีวรโดยไม่ทำร้ายแต่อย่างใด ซึ่งขัดแย้งกับวิสัยของมันที่มักจะหนีหรือฉกกัดผู้คนที่เข้าใกล้ดังนั้น จึงปรากฏว่าที่วัดเพชรบุรีมีงูมากนับพันตัว ทั้งนี้ งูที่หลวงปู่หงษ์ปล่อยไปแล้ว ส่วนมากจะออกหากินเวลากลางคืนและจะกลับมาสถานที่เดิมก่อนรุ่งอรุณ ซึ่งงูเหล่านั้นจะไม่ทำร้ายใคร หากไม่ทำร้ายพวกมันก่อนสาเหตุที่ท่านสยบงูได้ก็เพราะการร่ำเรียนวิชามาเมื่อครั้งธุดงค์ประกอบกับเมตตาธรรมที่ท่านมีต่อสัตว์ทุกชนิดที่ท่านได้ “เป่า-ปล่อย” อันหมายถึงก่อนที่ท่านจะปล่อยสัตว์ทั้งหลายนั้น ท่านจะต้องมาอธิฐานและเป่าให้สัตว์นั้นๆก่อน อาทิ เต่า งู กระต่าย ปลา ผึ้ง แตน ฯลฯทั้งนี้ มีเรื่องน่าแปลกคือ ถ้ามีญาติโยมท่านใดนำงู ผึ้ง ต่อ แตน ไปถวายท่านโดยเฉพาะพวกสัตว์ที่มีพิษ ท่านจะหัวเราะชอบใจมากเป็นที่สุดดีกว่าการนำผลไม้หรือข้าวของอย่างอื่นมาถวาย โดยจะกล่าวสอนว่า การปล่อยสัตว์นี้จะทำให้มีอายุยืนยาว และไม่ค่อยเจ็บป่วย จะทำอะไรก็สะดวกคล่องดีอีกเรื่องซึ่งเป็นที่กล่าวขานก็คือ ความเป็นพระสงฆ์ที่มีขันติบารมีอย่างสูง เนื่องเพราะท่านได้สงเคราะห์ผู้ป่วยด้วยการอาบน้ำมนต์ให้ทุกเช้า จนเท้าและง่ามนิ้วเท้าของท่านเปื่อยก็ไม่ออกปากบ่น พร้อมกันนั้นท่านมักจะสอดแทรกธรรมะแก่บรรดาศิษย์ในเรื่องขันติวิริยะ อันได้แก่ความอดทน และความเพียรอยู่เสมอในส่วนของการสงเคราะห์ผู้เจ็บไข้ได้ป่วย ท่านรักษาด้วยสีผึ้งและน้ำมนต์ ทั้งดื่มทั้งพรมและอาบและเพ่งพระคาถาเวทมนต์ประกอบ โดยท่านมักกล่าวสัพยอกว่าที่วัดเป็นโรงพยาบาลของพระพุทธเจ้า ก็ต้องรักษาจิตคาถา น้ำมนต์ แผ่อธิษฐานให้เขาได้หายจากโรคภัยหากใครได้ไปเยือนวัดเพชรบุรี เมื่อผ่านเข้าไปในเขตวัดมักจะได้ยินเสียงภาวนา “นาลาอะระหังๆๆ” ตามกุฏิหรืออาศรมของวัด หรือตามศาลาต่างๆ มักจะมีคนป่วยเข้ามาอาศัยรักษาตัว ทั้งที่เจ็บป่วยด้วยโรคภัยบ้างก็วิกลจริตถูกคุณไสยมนต์ดำ ทำกันให้เป็นบ้าบอ บางคนถึงกับต้องล่ามโซ่มารักษาตัว ท่านก็รักษาตามขั้นตอนของท่านด้วยการให้อาบ-กินน้ำมนต์ หรือสีผึ้งเสก โดยจะเสกทำน้ำมนต์ถึง 3 โอ่งใหญ่ แล้วรดให้ตามลำดับจากชายไปหาหญิง ขณะที่อาบให้จะให้ผู้ป่วยภาวนา “นาลาอะระหังๆๆ”

    </TD></TR></TBODY></TABLE>


     
  6. วิน ศิษย์หลวงปู่หงษ์

    วิน ศิษย์หลวงปู่หงษ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2009
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +15
    ปฐมศรัทธา




    [​IMG]
    เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าพระที่ชอบอยู่กับงู พระที่ชอบปล่อยงู พระที่มีงูเป็นทหารในยุคนี้หมายถึงพระภิกษุรูปใด หนึ่งเดียวในสยามแห่งอีสานใต้ที่กระทำการดังกล่าวนี้เชื่องสุดๆ ประดุจปลาไหล เพราะหลวงปู่ท่านเป็นพระผู้มากด้วยเมตตาจิตต่อสัตว์ป่า แผ่บารมีธรรมสู่สัตว์โลก แม้แต่งูก็อยู่กับหนูได้ใต้โพรงหินไม่กัด ไม่กินกันหรืองูอยู่กับกบในสระน้ำไม่ทำร้ายกัน เป็นต้น สร้างความฉงนแก่ผู้พบเห็นนักยังมีเหตุการณ์หนึ่งที่ผู้เขียนได้พบเองสมัยครั้งแรกที่ได้ยินชื่อเสียงของหลวงปู่ใหม่ๆ เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว โดยได้ยินบุคคลต่างๆทั่วไปกล่าวขานกันว่า หลวงปู่องค์นี้อยู่กับงู ชอบปล่อยสัตว์นานาชนิด จึงสนใจใคร่ติดตามไปจนถึงสำนักของหลวงปู่และต้องหายสงสัยหมดสิ้น ขณะนั้นเวลาประมาณ 6 โมงเช้า หลวงปู่นั่งออกรับญาติโยม สักครู่ต่อมาได้มีกระรอกขาวตัวหนึ่งไต่สายไฟจากป่ามายังที่หลวงปู่นั่งรับแขกโดยมิเกรงกลัวบุคคลที่นั่งเต็มไปหมด โดยวิ่งด้วยเท้าทั้ง 4 แล้วมาหยุดอยู่ข้างหน้าหลวงปู่ทันใดนั้นกระรอกยกขาคู่หน้าชูขึ้นคล้ายกับทำความเคารพ พลางส่งเสียงร้อง “จิกๆ” แล้ววิ่งมาทางด้านข้างขวาของหลวงปู่ ที่มีจานองุ่นตั้งอยู่ เจ้ากระรอกก็วิ่งรอบจานองุ่นวิ่งกลับไปกลับมาอยู่เช่นนั้น โดยมิกล้าถือวิสาสะกินเองจนหลวงปู่ได้ยินเสียง “คลุกๆ” ไปมาจึงได้หันมาทางจานองุ่นด้วยอากัปกริยาอมยิ้มแล้วพยักหน้าพลางกล่าวว่า “เอาซิๆ” เท่านั้นและเจ้ากระรอกก็ตรงเข้ากัดกินองุ่นในจาน จากนั้นหลวงปู่ก็หันหน้ากลับมาทางญาติโยมแล้วเอ่ยว่า “เขากินไม่มากหรอกลูกสองลูประเดี๋ยวก็ไป” และก็เป็นไปตามคำพูดของหลวงปู่เพราะเจ้ากระรอกเขากินเพียงสองเม็ดจริงๆ แล้วคลานออกไป แต่ที่แปลกประทับใจทุกคนที่ได้พบเห็นก็คือ ก่อนที่เจ้ากระรอกจะไปได้คลาน 4 เท้า ข้ามาพอถึงด้านหน้าหลวงปู่ก็ยกเท้าคู่หน้าชูคล้ายกับพนมมือแล้วส่งเสียงร้อง “จิกๆ” แล้วจึงหันหลังวิ่งไต่สายไฟกลับสู่ป่าอันเป็นที่อยู่อาศัย สิ่งเหล่านี้คืออะไร ทำไมสัตว์ป่าจึงต้องทำความเคารพทั้งมาและไป ทุกคนต่างนึกต่างคิด ต่างฉงนมึนงงไปตามๆกันแต่สุดท้ายที่ทุกคนสรุปก็คือ หลวงปู่องค์นี้มิใช้พระธรรมดาแน่แม้นแต่สัตว์ป่ายังกระทำความเคารพ แล้วทำไมเราเป็นคนมิลองศึกษาจริยาวัตรข้อธรรมและปฏิปทาของท่าน ครั้นเดินลงมายังข้างศาลาก็ต้องผงะหงายเพราะได้เจอกับอสรพิษนามว่าแสงอาทิตย์ นอนกลิ้งหงายไปมาประดุจว่ามีแต่เขาเพียงตัวเดียวอยู่บนโลกนี้ แต่ผู้เขียนเองเมื่อได้มอง เห็นแล้วว่าน่ารักดีดูแล้วเหมือนลูกสุนัขที่กลิ้งหงายไปมายามต้องแสงสุริยาเพลาเช้าอย่างนั้น จึงได้ถึงบางอ้อ! อ๋อ! หลวงปู่ท่านชอบปล่อยงู ตะขาบ แมงป่อง ก่อนจะปล่อยหลวงปู่จะเป่าเสกให้ก่อน แล้วจึงปล่อยสัตว์ทั้งหลายไปเพื่อให้เขาเชื่องไม่ทำร้ายคน เป่าเพื่อเป็นเกราะกำบังคุ้มครองสัตว์นั้นๆ เป่าเสกเพื่ออธิษฐานให้สัตว์เหล่านั้นเมื่อละโลกนี้ไปแล้วขอให้เกิดเป็นคน อย่าได้เป็นสัตว์ต้องทุกข์ทรมาน เหล่านี้คือน้ำจิตอันเยือกเย็นแผ่ไพศาลยังสรรพสัตว์ทั้งหลายของโลก ให้อยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข ละเลิกจากความเบียดเบียนซึ่งกันและกันย่อมเป็นสุข

     
  7. วิน ศิษย์หลวงปู่หงษ์

    วิน ศิษย์หลวงปู่หงษ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2009
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +15
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>พระธาตุปรากฏ

    คุณหมอชัชชัย ด่านสุนทร นายแพทย์ประจำโรงพยาบาลบุรีรัมย์ได้หยิบพระพิฆเนศปางอ้อมจักรวาลเนื้อชานหมากกับพระพิมพ์ขุนแผนชัยวรมันให้ชมพร้อมกล่าว "แปลกนักพระเนื้อชานหมากทั้ง 2 นี้ได้มีเม็ดพระธาตุผุดเรียงเต็มไปหมดบางองค์ก็มากบางองค์ก็น้อย แต่ส่วนใหญ่ที่พิจารณาแล้วพระพิมพ์ขุนแผนชัยวรมันจะมีเม็ดพระธาตุขึ้นมากกว่าจึงได้พิจารณากันว่าพระธาตุที่ผุดขึ้นมีสีขาวทราบภายหลังว่า ในการผสมผงสร้างพระชุดนี้ ได้นำผงพระธาตุสิวลี ซึ่งหล่นอยู่ก้นโหลแก้วครั้งที่ คุณพี่ประดิษฐ์ สุขประเสริฐ ทายาทศิษย์สายหลวงพ่อดิ่ง วัดบางบัว จ.ฉะเชิงเทรา นำมาถวายหลวงปู่จึงได้นำผงพระธาตุสิวลีผสมกับผงของพระพิมพ์ขุนแผนชัยวรมันชุดนี้ด้วยประการแรก ประการที่สองเล็บของหลวงปู่นั้นงอกยาวได้ใสบ้าง เป็นเม็ดใสก็มี ประการที่สามอันว่าธาตุขันธ์ในกายของหลวงปู่ เช่น เกศ เล็บ น้ำลายผสมอยู่กับชานหมากก็ตาม เหล่านี้กระมังที่มาประชุมธาตุจนทำให้พระพิมพ์ ขุนแผนชัยวรมันกับพิมพ์พระพิฆเนศ เนื้อผงชานหมากเหล่านี้ ปรากฏเป็นธาตุขึ้นได้ หรือแม้แต่พระผงรุ่นแรกพิมพ์นิยม พิมพ์ไกเซอร์ก็ดี พระพิมพ์สมเด็จ พระประธานก็ดี รุ่นฉลองชัยที่กดพิมพ์มือล้วนกรรมวิธีการสร้างแบบโบราณ คือ กดด้วยมือตัดขอบด้วยผิวไผ่หรือมีด ผึ่งลมตามธรรมชาติ เมื่อนำมาสักการะบูชาก็ปรากฏว่างอกได้ฟูได้ มีเม็ดพระธาตุงอกขึ้นเต็มทั้งองค์เช่นกัน หลวงปู่กล่าวว่า"เราตั้งใจทำให้จริงๆแล้วก็ทำให้อย่างดีด้วย เพราะว่าคณะศิษย์ตั้งใจทำเพื่อฉลองอายุครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์มิมีสิ่งใดที่จะตอบแทนน้ำใจ ก็มีแต่ศีลปฏิบัติภาวนาและน้ำจิตที่เป็นบุญเป็นกุศลสะสมมาแต่กาลก่อน อธิษฐานขอช่วยลูกศิษย์ให้ได้ดีทุกคนแต่ปรารถนาขออย่างเดียวอย่าดื่มเหล้าหรือผิดลูกเมียผู้อื่นเขา อะไรก็ทำมิได้เลย สำหรับเรื่องนี้ทำให้นึกถึงคุณหมอชัชชัย หมอดีฝีมือเยี่ยมแห่งโรงพยาบาลบุรีรัมย์ จำได้ว่าวันที่คุณหมอชัชชัยได้ไปกราบหลวงปู่พร้อมกับผู้เขียนได้นำครอบน้ำมนต์ถวายหลวงปู่ได้ประสิทธิพร้อมขอน้ำมนต์ของหลวงปู่เติมไว้เป็นปฐม หลวงปู่เมตตาตักให้พร้อมกล่าวว่า"ให้นำน้ำธรรมดามาเติมใช้ได้ดี 108 ประการ" ครั้นกลับมาบ้านคุณหมอก็นึกถึงหลวงปู่ดู่ วัดสะแก ว่าเวลาท่านสร้างพระมักนำพระแช่น้ำมนต์ 1-2 วัน นำขึ้นมาผึ่งก็บังเกิดมีพระธาตุผุดขึ้น เอ! ถ้าหลวงปู่ของเราก็น่าจะทำได้เช่นกัน เพราะบารมีธรรมจริยะปฏิปทา จึงทำให้เกศาที่บูชาก็ยังเป็นแก้วเป็นธาตุได้ ครั้นเวลากลางคืนได้ฝันถึงหลวงปู่มาบอกว่า "ให้นำพระขุนแผนชัยวรมันแช่น้ำมนต์ซึ่งประเดียวก็เห็นเอง" คุณหมอชัชชัย สะดุ้งตื่น แต่มีความรู้สึกว่าหลวงปู่มากล่าวพูดเช่นนั้น จึงได้อาราธนาพระขุนแผนชัยวรมันองค์ละ 100 บาท แช่น้ำมนต์ประมาณ 1-2 วันแล้วนำมาผึ่งวางไว้ พอเวลาค่ำได้พบเห็นว่าพระพิมพ์ขุนแผนชัยวรมันเกิดมีธาตุใสได้ จึงปลื้มปิติยินดีอย่างที่สุด

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. วิน ศิษย์หลวงปู่หงษ์

    วิน ศิษย์หลวงปู่หงษ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2009
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +15
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>เมตตาบารมีอิทธิปาฏิหารย์ ปราบนางพญา

    [​IMG] หลวงปู่ธุดงค์จาริกแสวงบุญเรื่อยมายังเมืองพระตะบอง ขณะนั้น ชาวเมืองเกิดความเดือดร้อน ข้าวยากหมากแพง เกิดขโมย โจรชุกชุม แต่ยังมีกลุ่มโจรหนึ่งมีหัวหน้าเป็นสตรี มีลูกน้องกว่า 50 คน มีนามว่า “มะลิ” มะลิเป็นชื่อของสาวใหญ่ชาวเขมร ถือกำเนิด ณ เมืองพะตะบอง ในยุคนั้นแล้วต้องถือว่ามะลิเป็นสาวที่มีความงดงามที่สุด ความงามสมัยนั้นจะต้องมีผิวดำเป็นมัน ผมดำเงา มีความสง่าแฝงไปด้วยตะบะบารมีประดุจนางพญา เพราะนางนั้นมีสมุนพลพรรคบริวารประมาณกว่า 50 คน ทั้งนางและสมุนบริวารนั้นล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่ทางราชการของกัมพูชาต้องการตัวมากที่สุด เพราะมะลิและบริวาร มีอาชีพในการจี้ปล้น แต่ก็เป็นโจรที่มีคุณธรรม เพราะข้าวของที่ได้มาจากการปล้นนั้นนางได้แบ่งปันแล้วก็นำไปแจกจ่ายแบ่งต่อคนยากจนด้วย ซึ่งการจี้ปล้นแต่ละครั้ง จะปล้นจากคนรวยมาแบ่งคนจน หรือการจี้ปล้นแต่ละครั้งนั้นจะกระทำก็ต่อเมื่อพรรคพวกอดอยากไม่มีจะกินแล้ว จึงทำการปล้น ในการลูกสมุนออกปล้นแต่ละครั้ง นางมะลิจะทำพิธีเบิกทางโจร ด้วยวิชาไสยศาสตร์โดยการตั้งขันทำน้ำมนต์เสร็จแล้วก็นำน้ำมนต์นี้แจกจ่ายแก่พวกสมุนให้ดื่มกินกันจนครบ จึงได้ออกกระทำการปล้น จนเป็นที่หวาดหวั่นสะพรึงกลัวต่อผู้มีฐานะร่ำรวย เดือดร้อนไปตามๆกัน จึงได้นำความนี้ขึ้นร้องเรียนแจ้งต่อกฎหมายบ้านเมือง แต่ก็มิได้รับผลสำเร็จแต่ประการใด เพราะยามใดที่ทางราชการออกกวาดล้างไล่จับ ก็ไม่สามารถจะจับได้ หรือติดตามได้ทัน ขนาดประชิดตัวเห็นอยู่หลัดๆจับได้ก็ดิ้นหลุด หายตัวมองไม่เห็นต่อหน้าต่อตา อย่างหาสาเหตุไม่พบ ขนาดตำรวจทราบลังหรือแหล่งที่อยู่ล้อมรอบไว้แล้วก็ยังมิอาจจะทำอะไรต่อสมุนนางได้ เมื่อตำรวจล้อมบ้านยามใดสมุนทุกคนต่างกระโดดลงอ่างน้ำมนต์ หายไปต่อหน้าต่อตาเช่นกัน โดยที่บ้านเมืองนั้นต้องพบกับความผิดหวังร่ำไป และเมื่อทุกคนต่างทราบกิตติศัพท์ของหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ว่าเป็นพระธุดงควัตร ประพฤติปฏิบัติดีมีสรรพวิชา เรืองด้วยวิทยาอาคมอันแก่กล้า ต่างก็นำความมากราบเล่าสู่หลวงปู่หงษ์ และขอความเมตตาช่วยเหลือปราบนางพญาโจรี และพรรคพวกด้วยเถิด หลวงปู่ก็ได้เมตตาสัตว์ที่ยากไร้ อันหาที่พึ่งมิได้ จึงได้ดำเนินเดินทางมาถึงบ้านของมะลิ และได้นั่งภาวนาแผ่เมตตาบารมีอยู่ ณ บนบ้านของนางพญาโจรี จนพลบค่ำนางพญาโจรีได้กลับมาถึงบ้าน หลวงปู่กล่าวว่านางมะลิมาแล้ว แต่ทุกคนก็มิอาจมองเห็นนางได้เลย แต่มะลินั้นมิอาจที่จะรอดพ้นสายตาของหลวงปู่หงษ์ผู้ทรงด้วยฌานแห่งทิพย์จักษุและเจโตปริยญานไปได้ ว่านางนั้นต้องการอะไร และจะประพฤติปฏิบัติเหตุการณ์อะไรต่อไปเป็นลำดับ ด้วยญานของอนาคตตังสะญาณ ทั้งที่นางมะลิพยายามก้าวขาขึ้นบันไดด้วยวิธีใดๆก็ตาม ก็มิอาจที่จะขึ้นบันไดบ้านของตนได้ จนหลวงปู่ได้กล่าวขึ้นว่า “อ้าว! ขึ้นมาบนเรือนซิ” นางจึงขึ้นมาบนเรือนได้ ทุกคนได้ยินเสียงเท้าคนเดินไปมา แต่ก็มิอาจที่จะมองเห็นนางมะลิได้อยู่ดีนั่นเอง จนหลวงปู่ได้กล่าวว่า “นั่งลงซี” พร้อมกันนั้นหลวงปู่ได้ทำการถอนเวทมนต์ทั้งปวง ทุกคนจึงได้เห็นว่านางมะลินั่งอยู่ หน้าหลวงปู่ ทันใดนางก็ชักปืนออกมาจากเอว หมายจะสังหารพระภิกษุรูปนี้เสีย แต่นางก็หาได้มีความไวเกินจากญานอันหยั่งรู้ของหลวงปู่ไปมิได้ ทันใดนั้นหลวงปู่ก็ตบที่หัวเข่าของท่านว่า “ติด” เป็นที่แปลก นางมะลินั้นมือก็ติดอยู่ที่ปืน และก็ไม่สามารถที่จะชักปืนนั้นออกมาจากเอวของนางได้ สักครู่ต่อมาหลวงปู่จึงได้ถามว่า “ยอมแล้วหรือยัง ถ้ายอมแพ้ให้กราบ” นางมะลิยอมแพ้และได้ก้มกราบแต่โดยดี และนำปืนไว้ข้างหน้า สักครู่นางจึงนึกว่าหลวงปู่ตายใจแล้วว่ายอมแพ้ พอหลวงปู่เผลอด้วยสัญชาติญาณของนางพญาโจรี นางก็ยื่นมือเตรียมหยิบปืน หมายจะสังหารหลวงปู่เสีย ให้สิ้นจงได้ แต่ก็มิสามารถที่จะหลุดเลยจากญานของหลวงปู่ไปได้ ทันใดนั้นหลวงปู่ก็ตบหัวเข่าของท่านอีกครั้ง และกล่าวว่า “ติด” ด้วยสัจจะวาจาและตะบะบารมีจึงทำให้นางพญาโจรีจะเอื้อมหยิบปืนอย่างไรก็ไม่สามารถหยิบได้เลยทั้งๆที่ปืนนั้นอยู่ด้านหน้าของนางเองไม่ถึงศอก จากนั้นหลวงปู่ก็กล่าวอบรมให้สติ ด้วยหลักแห่งศีลและเมตตาธรรม จนนางนั้นได้เกิดความละอาย เกรงกลังต่อบาป บังเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ถวายตัวเป็นอุบาสิกา และขอสมาทานศีลแปด ประพฤติดี ปฏิบัติชอบจนถึงทุกวันนี้ ณ ประเทศกัมพูชา ซึ่งหลวงปู่ก็นับถือน้ำใจของนางมะลิ ทั้งต่างให้ความนับถือกันเป็นพี่น้องบุญธรรมร่วมชาตินี้ด้วย ส่วนพรรคพวกสมุนบริวารต่างกลับตัวกลับใจ หันมาประกอบสัมมาอาชีพประพฤติตัวถูกต้องตามกฎหมายเป็นพลเมืองดีของชาติบ้านเมืองสืบไป

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. วิน ศิษย์หลวงปู่หงษ์

    วิน ศิษย์หลวงปู่หงษ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2009
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +15
    วันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๒ นี้หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญท่านจะทำพิธีไหว้ครูและลงกระหม่อม
    อย่าลืมไปทำบุญกันเยอะนะครับ
    อยากให้ไปกราบหลวงปู่หงษ์ กันเยอะๆครับ



    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG][​IMG] [​IMG][​IMG]






    </FIELDSET>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กุมภาพันธ์ 2009
  10. วิน ศิษย์หลวงปู่หงษ์

    วิน ศิษย์หลวงปู่หงษ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2009
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +15
    ภาพพิธีพุทธาภิเษก "รุ่นมหาฤทธิ์"




    [​IMG] [​IMG]
    [​IMG]
     
  11. ชัยรัชต์ภูวาปี

    ชัยรัชต์ภูวาปี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +280
    นาย ชัยรัชต์ ภูวาปี
    บริษัท บริดจสโตน ไทร์
    700/622 ม. 4 ต.บ้านเก่า อ.พานทอง
    จ.ชลบุรี 20160
    โทร 0853337254

    1)ตะกรุดโทน1ดอก(ดอกใหญ่)
    2)ตะกรุดเศรษฐี 1ดอก(เรียกทรัพย์+รับทรัพย์ เงินทองเข้ากระเป๋าตลอด)

    3)ตะกรุดขุนแผน1ดอก(เป็นสเน่ห์เมตตามหานิยมมิขาดสาย)
    4)ลูกสะกด 2ลูก

    ขอจอง 1ชุด เพิ่มตะกรุดเศรษฐี อีก1ดอก
    เย็นนี้จะโอน400บาทครับ /25/02/52
     
  12. วิน ศิษย์หลวงปู่หงษ์

    วิน ศิษย์หลวงปู่หงษ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2009
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +15
    ภาพพิธีพุทธาภิเษก "รุ่นมหาปรารถนา-วางศิลาฤกษ์"


    [​IMG]
    [​IMG]
     
  13. วิน ศิษย์หลวงปู่หงษ์

    วิน ศิษย์หลวงปู่หงษ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2009
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +15
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>ภาพขณะประกอบพิธี รุ่นมหาฤทธิ์

    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. วิน ศิษย์หลวงปู่หงษ์

    วิน ศิษย์หลวงปู่หงษ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2009
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +15
    พระเพชรสุรินทร์เนื้อศิลาอัมรินทร์หินแกะ



    [​IMG]ขออนุโมทนา กับทุกๆท่านที่ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพแกะพระหินเขียวศิลาอัมรินทร์ขนาดหน้าตัก 59.99 นิ้ว เพื่อเป็นพระประธาน ประดิษฐาน ณ ประสาทเพรชพิพิธภัณฑ์ด้านหน้าสุสานทุ่งมน เป็นพระหินเขียวพิเศษด้านในเนื้อหินเขียวประกอบด้วยแร่หินเม็ดน้อยตามเนื้อในของพระ กล่าวกันว่าพระพุทธเพรชสุรินทร์หินเขียวเนื้อศิลาอัมรินทร์ องค์นี้แม้ยังไม่ทันได้แกะป็นรูปองค์พระก็ได้แสดงปาฎิหารย์ปรากฏการณ์ต่างๆ ให้บุคคลทั้งหลายได้เห็นหลายเรื่อง นับแต่การเชิญก้อนหินเขียว น้ำหนัก 8000 กิโลกรัม ล่องจากเหมืองหิน ได้มีภาพมาดลบันดาลกำหนดชี้ก้อนหินให้ หรือปั้นแบบขี้ผึ้งเป็นต้นแบบก็มีดวงธรรมจักรลอยติดที่หุ่นขี้ผึ้งขณะแกะนายช่างนำหินผิดก้อนมาแกะได้สองเดือนพอยกขึ้นตั้งก็แตกเป็นสามเสี่ยงประดุจหินปูน จนนายช่างไปเชิญหินมาใหม่ให้ถูกต้อง ครั้นแกะหินถูกก้อน ถูกจุดขณะได้ภาพได้มีรูปองค์พระขาวเหมือนปรอท วิ่งไปมาบนหินก้อนองค์พระสามารถดูได้จากหน้าจอของกล้องดิจิตรอน อีกท่านก่อนเดินทางกลับหันไปดูก้อนหินแกะพระก็ต้องแปลกใจ เพราะมีทหารโบราณแต่งกายแบบทหารของขอมยืนเฝ้าองค์พระอยู่ ที่ได้นำเรื่องมาสรุปให้ทุกท่านได้รับทราบเพราะเห็นว่าเป็นสิ่งเหลือเชื่อเหนือธรรมชาติ แสดงถึงความขลังความศักดิ์สิทธิ์ของพระศิลาอัมรินทร์ คิดกันว่าถ้าสำเร็จเป็นองค์พระแล้วในวันข้างหน้า ก็จะเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อีกองค์หนึ่งให้สาธุชนได้กราบไหว้เคารพบูชา และหลวงปู่เองท่านก็ตั้งใจอธิษฐานให้บริเวณของปราสาทเพชรนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสถานที่ประธานอวยพรชัยแก่ผู้มาเคารพบูชาทั้งหลาย

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  15. วิน ศิษย์หลวงปู่หงษ์

    วิน ศิษย์หลวงปู่หงษ์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2009
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +15
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>พิธีพุทธาภิเษก ฉลองสมโภชรูปเหมือนพระพุทธโสธร หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ รุ่น "สมโภช

    วันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 เวลา 14:30 น พระสงฆ์สวดธรรมจักรกัปปวัตนสูตรเวลา 15:30 น.อ.ยุทธนันต์ ประวงษ์ เริ่มพิธีบวงสรวงอันเชิญเทพยาดา เสด็จสู่มณฑลพิธี เพื่อประกอบพิธีพุทธาภิเษก ฉลองสมโภชพระพุทธโสธร รูปเหมือนหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ พิธีครอบครูจักรวาล การแสดงโขนนาฏศิลป์ สมโภชจนถึงเวลา 19:00 น.ขบวนยาตราอารธณาหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ เข้าสู่มณฑลพิธีหลวงปู่จุดธูปเทียนหน้าศาลเทพยาดา จุดสุ่มไฟฤกษ์หุงสีผึ้งสาลิกากลางแจ้งแบบขอมโบราณจุดเทียนวิปัสศรี จุดเทียนหรคุณ จุดธูปเทียนหน้าพระเพชรสุรินทร์ เวลา 19:09 น.หลวงปู่ประกอบพิธีจุดเทียนชัย บัณฑิตอาราธณาพุทธาภิเษก พระพิธีธรรมจากวัดนครสวรรค์ ในทั้งนี้หลวงปู่ได้เมตตาอธิฐานจิตนานถึง 4 ชั่วโมง * ขณะประกอบพิธีได้บังเกิด ดวงเทพครูบาอาจารย์ทิพย์วิญญาณแห่งเทพยาดาได้มาร่วมอนุโมทนา ประทานอำนวยอวยพรชัยใน พิธีพุทธาภิเษกรุ่นสมโภชพระจนถึงเวลาประมาณ 23:00 น. เสร็จพิธีพุทธาภิเษกฯ
    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p> [​IMG]</O:p>
    <O:p> [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></O:p>
     
  16. .sittiporn.

    .sittiporn. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +62
    ลำดับ 16
    สิทธิพร ครามานนท์
    69/3 ม.6 ซ.ประชาอุทิศ 107 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กทม. 10140
    อนุโมทนาด้วยครับ
    ขอบคุณครับ
    <!-- / message --><!-- / message -->
     
  17. บรม

    บรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,163
    ค่าพลัง:
    +3,926
    ลำดับที่ 17 ครับ โอนเงินแล้วจะแจ้งครับ
     
  18. TIGERYELLOW

    TIGERYELLOW เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +112
    ลำดับที่ 18 ครับ

    นายคม เพ็ชรสว่าง

    125 ถนน จรัญสนิทวงศ์ ซ. จรัญฯ 25
    บางขุนศรี เขต บางกอกน้อย
    กทม. 10700

    1 ชุด ครับ

    พร่งนี้จะโอนเงินเข้า นะครับ

    ขออนุโมทนา มาด้วยครับ
     
  19. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    ลำดับที่ 19 ค่ะ

    โสภา จาเรือน
    231 ซ.วัดสุทธาวาส แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพฯ 10600

    เย็นนี้จะโอนเงินไปให้ค่ะ
     
  20. kitpada

    kitpada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    298
    ค่าพลัง:
    +722
    ลำดับ 20 ขอจอง 1 ชุด ครับ

    วินัย อุ่นคอย 676 ม.12 หมู่บ้านขุมทรัพย์นคร
    แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ 10170
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...