ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Numsai, 21 สิงหาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ขออนุโมทนาบุญกับคุณ phuya สรุปรายการกฐินไตรประทาน วัดโพธิญาณรังสี จ.สุรินทร์

    ภาพสวยงาม ปลื้มปิติใจจริง ๆ ค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

    Numsai
     
  2. NamfonBaanfa

    NamfonBaanfa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +7,086
    คุณสิรินดา บัวฮมบุรา ร่วมเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมงานบำเพ็ญกุศลพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในวันเสาร์ที่ ๒๓ พ.ย. ๒๕๕๖ จำนวน ๕๐๐ บาท กราบอนุโมทนาบุญด้วยค่ะ _/|\_
     
  3. NamfonBaanfa

    NamfonBaanfa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +7,086
    คุณป้าศรีจันทร์ ภิระคำ ร่วมเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมงานบำเพ็ญกุศลพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในวันเสาร์ที่ ๒๓ พ.ย. ๒๕๕๖ จำนวน ๕๐๐ บาท กราบอนุโมทนาบุญด้วยค่ะ _/|\_
     
  4. NamfonBaanfa

    NamfonBaanfa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +7,086
    คุณครูพรใจ นุ่มมาก ร่วมเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม งานบำเพ็ญกุศลพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในวันเสาร์ที่ ๒๓ พ.ย. ๒๕๕๖ จำนวน ๕๐๐ บาท กราบอนุโมทนาบุญด้วยค่ะ _/|\_
     
  5. NamfonBaanfa

    NamfonBaanfa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +7,086
    คุณขจรศักดิ์ เธียราวัฒน์ และ คุณมณฑาทิพย์ จิตรากูล ร่วมเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม งานบำเพ็ญกุศลพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในวันเสาร์ที่ ๒๓ พ.ย. ๒๕๕๖ จำนวน ๑,๐๐๐ บาท กราบอนุโมทนาบุญด้วยค่ะ _/|\_
     
  6. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ...ขออนุโมทนาบุญกับคุณวาสุเทพด้วยค่ะ

    IMAG1883.jpg IMAG2327.jpg IMAG1884.jpg

    ตามที่คุณวาสุเทพเคยมอบเพชรพญานาค สัณฐานหยดน้ำ(อุณาโลม) ขนาดใหญ่ เพื่อประดิษฐานเป็นอุณาโลมประดับองค์พระ ได้ทำเรียบร้อยแล้ว และได้มอบให้คุณป้าเนียน เพื่อประดับเป็นอุณาโลมองค์พระต่อไปค่ะ

    สำหรับค่าประดับเพชรทั้งสิ้น ๒๐๐๐ บาท มีผู้ร่วมบุญตามกำลังศรัทธาแล้วค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับคุณวาสุเทพ และุทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

    Numsai
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2013
  7. Phuya

    Phuya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +10,966
    [​IMG]

    อนุโมทนาบุญกับพี่น้ำใส และคุณวาสุเทพด้วยค่ะ อุณาโลมที่ทำจากโรงหล่อป้าเนียรสวยงามมากจริงๆ เลยนำภาพมาให้ได้ปลื้มในบุญกัน
    (องค์นี้ประดับองค์พระประธานในโบถส์วัดโพธิญาณรังสี ที่เราได้ร่วมบุญกันค่ะ)

    ของคุณวาสุเทพก็เป็นรูปแบบนี้เช่นเดียวกันค่ะ จะต่างกันแค่สีของเพชรพญานาคเท่านั้น
     
  8. NamfonBaanfa

    NamfonBaanfa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +7,086
    คุณประดิษฐ์-รื่นรมย์-พรทิพา พึ่งจะงาม ร่วมเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม งานบำเพ็ญกุศลพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในวันเสาร์ที่ ๒๓ พ.ย. ๒๕๕๖ จำนวน ๕๐๐ บาท กราบอนุโมทนาบุญด้วยค่ะ _/|\_
     
  9. NamfonBaanfa

    NamfonBaanfa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +7,086
    _/|\_ ยอดร่วมบุญบำเพ็ญกุศลพระศพสมเด็จพระสังฆราช ณ ปัจจุบัน ๒๑,๓๐๐ บาท _/|\_

    น้ำฝนได้ตรวจสอบสถานะยอดเงินที่กัลยาณมิตรได้โอนเข้ามาเพื่อร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลพระศพ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วันนี้เมื่อเวลา ๑๖.๐๐ น. มีจำนวนเงินทั้งสิ้น ๒๑,๓๐๐ บาท ... ซึ่งในจำนวนนี้มียอด ๘,๐๐๐ บาท ที่ไม่ทราบว่าท่านใดเป็นผู้โอนเข้ามา ขอกราบอนุโมทนาและกรุณาแจ้งชื่อเพื่อให้เพื่อนๆ ได้ร่วมอนุโมทนาบุญในครั้งนี้ด้วยนะคะ
     
  10. NamfonBaanfa

    NamfonBaanfa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +7,086
    กราบอนุโมทนาบุญด้วยค่ะคุณหม่อน _/|\_

     
  11. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ขออนุโมทนาบุญกับน้องน้ำตาลด้วยค่ะ ขอย้อนหลังไปเมื่อปี ๒๕๔๗-๔๙ ขณะนั้นยังทำงานอยู่ประเทศกัมพูชา เคยฝันแปลก ๆ หลายครั้ง แต่ไม่ละเอียด

    เห็นภาพน้ำท่วมวัดแห่งหนึ่ง ทำด้วยศิลาสีขาว และสีแดง มีพระพุทธรูปสีขาวองค์ใหญ่มาก พระศอหักจมน้ำอยู่ เห็นเด็ก และผู้คนวิ่งหนีน้ำ

    ตัวเองคล้ายลอยอยู่กลางอากาศร้องไห้ จากนั้นเหมือนหายไปปรากฏอีกที่หนึ่ง ที่แห่งนั้นเป็นภูเขาสูง ถูกน้ำท่วมเหลือแต่ยอดเขา มีพระพุทธรูปปางลีลาสีทองยืนอยู่ เห็นพระพุทธรูปอีกองค์ล้มลงกับพื้น ก็ร้องไห้คิดว่า...

    "พระที่เราสร้างมาบัดนี้พังพินาศหมดแล้ว ไม่เหลืออะไรเลย"

    แล้วก็ลอยกลับมายังพระพุทธรูปสีขาวอีกครั้ง ก็ร้องไห้คิดว่า "เออหนอ..วัดที่เราสร้างมาบัดนี้พังพินาศหมดแล้ว"

    จากนั้นก็ร้องไห้อีก จนรู้สึกตัวตกใจตื่นขึ้นมา ฝันคราวนั้น แม้เวลาผ่านไปเป็นสิบกว่าปี ยังจำภาพไ้ด้ติดตา

    เมื่อกลับมากรุงเทพฯ ได้กราบเรียนถามหลวงปู่สวัสดิ์ วัดจันทร์ใน กรุงเทพ ฯ ท่านบอกว่า...

    "เป็นสมัยที่ีโยมเป็นนางฟ้านะ เห็นวัดที่ตัวเองสร้างแล้วพัง ก็เสียใจ ให้คิดว่า ของทุกอย่างมีเสื่อมสลายไป เป็นธรรมดา คิดให้เป็นกฏไตรลักษณ์ ร่างกายของเราสักวันก็เสื่อมเช่นเดียวกัน"

    แม้เวลาผ่านไปหลายปี ภาพนี้ยังติดตา จนกระทั่งดวงแก้วปรากฏขึ้นมา ทุกอย่างจึงเด่นชัดมากขึ้นค่ะ

    พี่ว่า ถึงเวลาที่จะต่อประวัติดวงแก้วสุขุมาลย์มณีศรี -และดวงแก้วสหัสสบดีมณีรัตนะให้จบซะแล้ว

    สำหรับท่านที่ติดตามประวัติดวงแก้วเทวฤทธิ์อมรโภคะ จักรแก้ว และดวงแก้วอื่น ๆ จะต่อจากประวัติดวงแก้วนี้ค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับน้องน้ำตาลและทุก ๆ ท่านอีกครั้งค่ะ

    Numsai
     
  12. NamfonBaanfa

    NamfonBaanfa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +7,086
    กราบอนุโมทนาบุญกับคุณวาสุเทพและทุกท่านๆที่ได้ร่วมบุญอุณาโลมนี้ด้วยนะคะ เป็นเรื่องที่แปลกมากเลยค่ะที่อุณาโลมชุดนี้ได้ถูกส่งผิดมาให้น้ำฝน ซึ่งน้ำฝนได้รับหลังจากที่กลับมาจากงานกฐินที่ลำพูน น้ำฝนเลยถือโอกาสนี้น้อมถวายบุญกฐิน ๙ วัดให้แก่ท่านนาคะ นาคีทุกตนที่รักษาเพชรพญานาคชุดนี้ค่ะ _/|\_

     
  13. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..โอวาทจากสมเด็จพระพุทธกัสสปพุทธเจ้า..

    P1110755.JPG

    วันนี้วันที่ 13 พย.56 อยู่ ๆ ก็มีผู้มาบอกว่า... “วันนี้ให้ไปกราบสมเด็จพระพุทธกัสสปพุทธเจ้า”

    หลังจากเสร็จงานบ้าน และทำธุระส่วนตัวเรียบร้อย ในเวลา ๒๐.๑๗ น. กำหนดจิตขึ้นไปกราบสมเด็จพระพุทธกัสสปพุทธเจ้า ปรากฏหน้าวิมานของสมเด็จพระพุทธกัสสปพุทธเจ้า เป็นวิมานแก้วหลังใหญ่มาก พระองค์ทรงเครื่องพระวิสุทธิเทพ รัศมีกายสว่างไสวไม่มีประมาณ ทรงตรัสว่า...

    “เรื่องราวในสมัยของฉัน ให้บันทึกไว้ เป็นอุทาหรณ์แก่ชาวพุทธรุ่นหลัง เรื่องบางอย่างอาจจะไม่มีในตำราในยุคพุทธกาลของสมเด็จพระพุทธสมณโคดม เนื่องจากผู้ที่ทำสังคยานาพระไตรปิฎกนั้น บันทึกเฉพาะบุพกรรมที่เกี่ยวกับพระพุทธสมณโคดมเท่านั้น

    ผู้ที่ไม่เคยเนื่องกันย่อมไม่ทราบความเป็นมา อีกอย่างไม่จำเป็นต้องรู้ เพราะไม่เกี่ยวกับการบรรลุธรรม พระพุทธองค์จึงสอนให้เหมาะกับมนุษย์ในยุคพุทธกาลนั้น ๆ ความละเอียดประณีตต่างกัน

    ส่วนผู้ที่เกิดในกึ่งพุทธกาลนี้ บางคนไม่เคยเกิดในสมัยพุทธกาลของพระสมณโคดมพุทธเจ้าเลย เพราะไม่เคยเนื่องกันพระองค์มาก่อน เรื่องนี้ให้เธอบันทึกลงให้พุทธศาสนิกชนรุ่นหลังอ่าน

    ผู้ที่มีดวงแก้วสำเร็จครอบครองในยุคนี้นั้น ล้วนแต่เป็นผู้ที่เคยถวายดวงแก้วแก่พระพุทธเจ้า หรืออธิษฐานดวงแก้วมา เพื่อเป็นเครื่องบูชาครูมาแต่อดีต จึงได้มีโอกาสเป็นเจ้าของดวงแก้ว หรือธาตุกายสิทธิ์ในชาตินี้


    ส่วนผู้ที่ไม่เชื่อในเรื่องนี้ ก็ไม่เคยได้สร้างบุญประเภทนี้มาก่อน ดวงแก้วมณีนั้นจะมีผลต่อผู้มีความเกี่ยวเนื่อง และศรัทธา การบูชาดวงแก้วนั้น จัดเป็นเทวตานุสติอย่างหนึ่ง เนื่องจากเทวดาผู้มีฤทธานุภาพ และมีบุญญาธิการมาก เป็นผู้รักษาดวงแก้วและธาตุกายสิทธิ์ประเภทนพเก้าไตรกาล

    แต่เทวดาที่รักษาดวงแก้ว หรือธาตุกายสิทธิ์นั้น ๆ ล้วนแต่เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ หรือมีความเคารพพระรัตนตรัย ผู้ที่เคารพพระรัตนตรัยเป็นสิ่งสูงสุด จะไม่ยอมก้าวล่วงแห่งกรรมของผู้ใด

    ดังนั้นเทวดาที่รักษาดวงแก้ว หรือธาตุกายสิทธิ์ในสายนพเก้าไตรกาลนั้น จะคุ้มครองผู้ที่ประพฤติตัวอยู่ในทาน ศีล และภาวนาเท่านั้น หากผู้ใดทุศีล เทวดาย่อมไม่รักษาผู้นั้น จะทำให้ความปรารถนาไม่สำเร็จ

    นาน ๆ เข้าเทวดาไม่ยอมรักษาดวงแก้ว ทำให้ดวงแก้ว หรือธาตุกายสิทธิ์นั้นเป็นดังเรือนเปล่า

    ผู้ใดก็ตามมีดวงแก้วไว้ครอบครอง อย่าทำตัวดุจวานรได้แก้ว จงหมั่นรักษาแก้วดังรักษาจิตของตน หมั่นชำระจิตใจ และกิเลสของตนให้เบาบางด้วยการทำทาน รักษาศีล และเจริญกรรมฐาน อย่าให้ขาด หมั่นทำความดีทุกอย่าง

    ดังนั้นเองเทวดาผู้รักษาดวงแก้ว หรือธาตุกายสิทธิ์จะให้พรผู้นั้น มีแต่ความเจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลก และทางธรรม คำว่าอดอยาก ยากจนจะไม่ปรากฏแก่ผู้นั้น สุดท้ายจิตใจสะอาดขึ้นเป็นหนทางเข้าสู่มรรคผลพระนิพพานในที่สุด

    ฉันขอโมทนาสาธุการต่อผู้รักษาดวงแก้ว ประดุจรักษาดวงจิตของตนให้สะอาดยิ่งขึ้นไป”


    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

    Numsai


    หมายเหตุ คำว่า "แก้วสำเร็จ" หมายถึง ดวงแก้ว หรือธาตุกายสิทธิ์ที่เกิดจากการเข้าสมาบัติ และอธิษฐานของผู้มีฤทธิ์แต่กาลก่อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2013
  14. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ขออนุโมทนาบุญอีกครั้งค่ะ ดิฉันได้จัดส่งดวงแก้วปฐพีธนสินธุ์ไปให้แล้วค่ะ เลขที่ EK 3447 8009 5 TH ค่ะ

    ส่วนของคุณ sereenon เลขที่EK 3447 8011 3 TH

    และคุณ suwat.su เลขที่ EK 3447 8012 7 TH ค่ะ

    สำหรับท่าน prapart54 จะจัดส่งให้พรุ่งนี้ค่ะ ส่วนของท่าน widya จะำนำไปถวายด้วยตนเองเจ้าค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

    Numsai
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2013
  15. Prar

    Prar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    265
    ค่าพลัง:
    +4,048
    [/COLOR]สาธุ ไม่เป็นไรครับ
    แล้วราคาที่ให้บูชาเท่าไหร่หรือครับ
    ผมจะได้โอนเงินได้ถูก หรือยังไงครับ ขอคุณพี่น้ำใสแจ้งด้วยครับ และขออนุโมทนาบุญทุก ๆ บุญครับ
     
  16. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ราคา 1199+50 บาท ตามตารางใหม่ค่ะ

    บุญรักษาค่ะ

    Numsai
     
  17. NamfonBaanfa

    NamfonBaanfa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +7,086
    ขอกราบพระบาทขององค์พระพุทธกัสสปะด้วยความเคารพนอบน้อม และกราบอนุโมทนาในธรรมทานที่คุณน้ำใสได้เป็นสื่อกลางส่งผ่านจากพระพุทธองค์มาถึงพวกเราทุกท่าน ณ ที่นี้ค่ะ ... ชอบจังเลยค่ะที่พระพุทธกัสสปะให้พวกเราดูแลรักษาดวงแก้วเหมือนที่ดูแลรักษาจิตตน ... พระอาจารย์ของน้ำฝนท่านหนึ่งท่านก็ได้สอนว่าให้ดูแลรักษาจิตตนและไม่ให้ทำร้ายจิตผู้อื่นด้วย ... กราบอนุโมทนาอีกครั้งค่ะ _/|\_

     
  18. Paktawadee

    Paktawadee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2012
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +2,570
    ลูกขอน้อม_/\_กราบสมเด็จพระพุทธกัสสปพุทธเจ้า เจ้าค่ะสาธุ สาธุ สาธุ
    ขออนุโมทนาบุญในธรรมทานพี่น้ำใสด้วยค่ะ

    **อ่านแล้วน้ำตาจะไหลในความเมตตาของพระองค์ เพราะว่าวันที่ได้ไปถวายผ้ากฐินวัดโพธิญาณรังสีท่านมาปรากฎ ให้เห็นตอนหนูดีกราบพระจะเข้านอน เป็นภาพซ้อนกับองค์พระที่หนูดีกราบ
    หนูดีขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านอีกครั้งค่ะ
    หนูดี
     
  19. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ประวัติแก้วสุขุมาลย์ฯ และแก้วสหัสสบดีฯ ตอน ๑ พระเจ้าปศันทราชอภิเษกสมรส

    มีนครหนึ่ง นามว่า "สาเกตนคร" ปกครองโดยพระเจ้าปศันทราช พระอนุชาของพระราชาองค์ก่อน หลังจากพระเจ้าปเสนทิศาท พระเชษฐาทรงสิ้นพระชมน์ สมเด็จพระพุทธกัสสปพุทธเจ้าได้ทรงร่วมงานถวายพระเพลิง จากนั้นได้มีผู้โต้เถียงกันว่า พระเจ้าปเสนทิศาททรงสิ้นพระชมน์แล้วไปเกิดยังที่ใด บางพวกก็ว่า การบูชาพระพุทธเจ้า โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ย่อมไปสวรรค์ ส่วนบางพวกคิดว่า น่าจะไปนรก เพราะเสมือนเป็นการฆ่าตัวตาย เสียงเหล่านี้ไปสู่พระกรรณของสมเด็จพระพุมธเจ้า

    จากนั้นสมเด็จพระพุทธกัสสปพุทธเจ้าทรงตรัสว่า..

    “ขณะนี้พระเจ้าปเสนทิศาทได้จุติบนวิมานเดิมบนสวรรค์ชั้นดุสิต ทรงปรารถนาพระสัมมาสัมโพธิญาณนานแล้ว ชาติเป็นอีกชาติที่ได้พุทธพยากรณ์จากเรา”

    กาลต่อมา ท่านวิมุตติเศรษฐีได้กราบทูลว่า...
    “ข้าฯแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าฯพระองค์ขอน้อมถวายที่ดินที่ติดกับพระราชวังนี้ สร้างเป็นเสนาสนะ เพื่ออาราธนาพระพุทธเจ้า และพระสาวกมาเพื่อโปรดชาวเมืองนี้ ก่อนที่พระเจ้าปเสนทิศาทจะทรงสวรรคต ข้าฯพระองค์ได้กราบทูลพระองค์เรียบร้อยแล้วพระพุทธเจ้าข้าฯ”
    พระพุทธองค์ทรงนิ่ง เป็นการรับถวาย จากนั้นพระพุทธเจ้าและพระสาวกทั้ง ๒๐๐๐๐ รูป (รวมทั้งอัฒจักรภิกขุ)ก็เหาะขึ้นกลางอากาศไปยังเขตพุทธาวาส จากนั้นได้อธิษฐานให้บริเวณนั้นมีวิมานแก้วล้อมรอบ สิ่งที่ไม่เป็นมงคลทั้งหลายสลาย และออกจากสถานที่นั้นไป ทำให้เป็นสถานที่ที่บริสุทธิ์ถือเป็นขอบเขตในพระศาสนาของพระองค์ จากนั้นได้เสด็จไปยังวัดปรมัตถวนาราม ซึ่งอัฒจักรภิกษุเป็นผู้ดำริสร้าง เพื่อโปรดชาวเมืองสุรสินธุ์ปุระต่อไป
    ต่อมา ๓ เดือน เหล่าเสนาอำมาตย์ทั้งหลายได้อัญเชิญเจ้าชายปศันทราช ขณะนั้นทรงมีพระชนมายุได้ ๑๗ ชันษาได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ปกครองเมืองสาเกตต่อไป หลังจากเรื่องนี้ทราบไปยังเมืองข้างเคียงได้ส่งสาส์นมาเพื่อยกพระธิดาของตนให้
    โดยสาส์นจากต่างเมืองนั้นจะผ่านสันตสิทธิ์อำมาตย์ก่อน ซึ่งมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของกษัตริย์ มิได้นำถวายแก่พระเจ้าปศันทราชแต่อย่างใด เนื่องจากคิดจะยกธิดาของตน มีนามว่า “จันทริมา” ให้เป็นพระมเหสีของพระเจ้าปศันทราชแทน
    ในยุคนั้น ผู้ที่อยู่ในเขตวังจะต้องเป็นผู้ที่เป็นข้าทาสบริพารเท่านั้น ส่วนเชื้อพระวงศ์จะไม่ได้อยู่ในเขตพระราชฐานแต่อย่างใด เนื่องจากเกรงเรื่องการก่อบขถ ดังนั้นพระเจ้าปศันทราชยังไม่เคยพบหน้าจันทริมากุลธิดาแต่อย่างใด
    กล่าวจันทริมากุลธิดานั้น เป็นธิดาสันตสิทธิ์อำมาตย์ มีอายุได้ ๑๖ ปี มีนิสัยร่าเริง ชอบแอบฝึกวิชาทหาร ไม่สนใจเรื่องการบ้านเรือนเช่นสตรีทั่วไป มักชอบหนีจากเรือนไปเที่ยวน้ำตกท้ายพระราชวัง เป็นเขตที่ดินของวิมุตติเศรษฐี โดยสันตสิทธิ์อำมาตย์ และภรรยานั้นไม่เคยทราบมาก่อน ผู้ที่ทราบเรื่องนี้คือ นางทภัสสร พี่เลี้ยงของจันทริมานั่นเอง
    นางทภัสสรนั้นมีอายุ ๒๑ ปี เป็นธิดาของผู้ที่เป็นญาติห่าง ๆ ของนางจันทราศี มารดาของจันทริมา นางได้ถูกสั่งให้เป็นเพื่อนเล่น และเป็นพี่เลี้ยงของจันทริมาตั้งแต่อายุได้ ๗ ขวบ ทำให้ทั้งสองสนิทสนมกันมาก มีหลายเรื่องที่นางปกปิดสันตสิทธิ์อำมาตย์ และภรรยาเอาไว้โดยไม่มีใครทราบ โดยติดสินบนอาจารย์ที่มาสอนการเรียนของจันทริมากุมารี แล้วพากันไปเที่ยวน้ำตก พร้อมคนรับใช้อีก ๓ คน เป็นประจำ
    _____________________________________

    สำหรับจันทราศี ผู้เป็นมารดานั้น ภายหลังแม้เริ่มทราบเรื่องจันทริมากุลธิดาแอบออกจากบ้านไปเที่ยวบ้าง แต่คิดว่า เขตดังกล่าวเป็นเขตของท่านวิมุตติเศรษฐี ธรรมดาจะมีผู้เฝ้าเขตแห่งนั้น คนต่างถิ่นมิอาจจะเข้าไปได้ยกเว้น ผู้ที่ได้รับอนุญาตจากท่านวิมุตติเศรษฐี แม้ห้ามธิดาไม่ให้ไปเล่น นางคงต้องแอบไปอยู่ดี จึงคิดว่า ทางเดียวที่จะทำให้ธิดาของนางหยุดซุกซนได้คือ ให้ออกเรือน(แต่งงาน)

    คิดว่าจะนำเรื่องการหาคู่ครองมาปรึกษากับสันตสิทธิ์อำมาตย์ ผู้เป็นสามี ครั้นสันตสิทธิ์อำมาตย์กลับจากทำงาน เมื่ออาบน้ำทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ได้กล่าวกับสันตสิทธิ์อำมาตย์ว่า...

    “ท่านพี่เจ้าคะ ลูกของเรานั้นก็โตเป็นสาว หน้าตางดงามไม่แพ้หญิงใดในเมืองนี้ วิชาการบ้านการเรือนนางก็ได้เรียนสำเร็จแล้ว (อิอิ..หารู้ไม่) น้องคิดว่า นางสมควรจะออกเรือนได้แล้ว
    น้องมีญาติที่อยู่เมืองมิถิลานคร บ้านเกิดของน้อง มีหลายคนที่มีบุตรชาย เป็นเศรษฐีตระกูลใหญ่หลายตระกูล หากได้ท่านเหล่านั้นมาเป็นคู่ครอง เราจะได้มีทรัพย์มากขึ้นเป็นเท่าตัว”

    สันตสิทธิ์อำมาตย์ฟังแล้วนิ่งสักพัก และได้กล่าวว่า..

    “น้องหญิงเอ๋ย อันพี่เกิดในตระกูลกษัตริย์ พี่ก็อยากให้ลูกของเราได้ต่อเชื้อตระกูลกษัตริย์สืบไป ทรัพย์ของเราขณะนี้ต่อให้เรามีลูกอีก ๑๐ คนก็ใช้ไม่หมด เวลานี้เรามีเพียงลูกหญิงคนเดียวใช้อย่างไรก็ไม่หมด เจ้ารู้มั๊ย เรื่องนี้เป็นความลับ

    (แอบกระซิบ) มีผู้ครองนครหลายเมืองส่งสาส์น และเครื่องบรรณาการมาให้กษัตริย์ของเรามากมาย พี่ก็ถวายเฉพาะเครื่องบรรณาการ ส่วนสาส์นที่เขาจะยกพระธิดาให้กษัตริย์ของเรา พี่ไม่ได้ให้”

    นางจันทราศีทำหน้าตาตกใจ สันตสิทธิ์อำมาตย์ได้กล่าวต่อไปว่า..

    “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องตกใจขอให้เก็บเป็นความลับอย่าแพร่งพรายออกไป พี่รู้สึกว่า พระเจ้าปศันทราชกับลูกสาวองเรานั้น สมกันดังกิ่งทองใบหยก พี่มีแผนต้องทำให้แนบเนียน”

    สันตสิทธิ์อำมาตย์ได้เล่าแผนการณ์ต่าง ๆ ให้ผู้เป็นภรรยาฟัง จากนั้นได้เรียกจันทริมากุลธิดามา และบอกว่า..

    “ลูกหญิงเจ้าอยากไปเที่ยวที่สวย ๆ มั๊ย ที่นั่นนะ มีน้ำตก มีภูเขาสวยงามมาก นั่งม้าไปอึดใจเดียวก็ถึงแล้ว อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเรามากนัก”

    จันทริมากุลธิดาแสร้งทำเป็นตื่นเต้น (ทั้ง ๆ ที่ตนเองเคยไปนับครั้งไม่ถ้วน) พร้อมบอกว่า “อยากไปเจ้าค่ะ ท่านพ่อ ลูกอยากไป”

    สันตสิทธิ์อำมาตย์กล่าวว่า .. “ดีแล้วในวันหยุดราชการที่จะถึงนี้ พ่อกับแม่จะพาลูกไป”
    จันทริมากุลธิดายินดียิ่งนัก เพราะเป็นชอบเล่นน้ำตกอยู่แล้ว คราวนี้ไม่ต้องให้สินบนแก่นายประตู อีกทั้งได้ไปเที่ยวกับบิดามารดา นางยิ่งมีความสุขมาก

    ต่อมาสันตสิทธิ์อำมาตย์ก็ได้ไปทูลแก่พระเจ้าปศันทราชว่า..

    “ข้าฯแต่มหาบพิตร ที่ผ่านมาพระองค์เหน็ดเหนื่อยมามาก หม่อมฉันมีสถานที่แห่งหนึ่งให้พระองค์ได้ผ่อนคลาย เป็นสถานที่ที่พระราชาองค์ก่อนทรงโปรดปราน เป็นที่ของท่านวิมุตติเศรษฐีพะยะค่ะ
    แต่สถานที่นี้มิได้เปิดให้คนทั่วไปได้เข้าไป เฉพาะญาติและบริวาร หรือแขกคนสำคัญของท่านวิมุตติเศรษฐีเท่านั้นจึงจะไปได้”

    พระเจ้าปศันทราชนั้น ด้วยยังทรงพระเยาว์ปรารถนาจะประพาสป่าเป็นทุนอยู่แล้ว จึงได้ตรัสตกลงตามที่สันตสิทธิ์อำมาตย์ทูลเชิญ หลังจากที่ได้นัดหมายวันแล้ว พระเจ้าปศันทราชจึงได้ไปทูลเชิญพระนางจันทมาลีเทวี อดีตพระมเหสีของพระราชาองค์ก่อน

    พระนางจันทมาลียังมีความเศร้าที่พระสวามีจากไปทั้งที่มีพระชนมายุยังน้อย จึงได้ตอบปฏิเสธ และปรารถนาจะที่อยู่เงียบ ๆ พระเจ้าปศันทราชรู้สึกเป็นห่วง จึงได้ให้ทหารคนสนิทเชิญท่านวิมุตติเศรษฐี และนางนารถลดา ผู้เป็นภรรยา เพื่อปรึกษา ครั้นทั้งสองมาถึงทรงตรัสว่า..

    “ท่านพี่ทั้งสอง เวลานี้ข้าฯ เองก็ไม่มีใครจะพอเป็นที่ปรึกษาได้ พระเชษฐาก็ไม่อยู่ พระพี่นางอยู่ด้วยความเศร้าโศกมิคลาย ข้าฯเองรู้สึกเป็นทุกข์ใจยิ่งนัก ท่านสันตสิทธิ์อำมาตย์ ก็หวังดีจะพาไปเที่ยวป่า ข้าฯก็อยากให้พระพี่นางฯ ร่วมเดินทางไปด้วย ข้าฯ ควรทำอย่างไรดี”
    ท่านวิมุตติเศรษฐีได้กล่าวว่า...

    “ข้าฯแต่มหาบพิตร เรื่องของสตรี ควรให้สตรีได้ปลอบโยนกันจะดีกว่า ขณะนี้นารถลดาเพิ่งตั้งครรภ์อ่อน ๆ ยังพอเดินทางไปมาได้ หากพระองค์อนุญาต หม่อมฉันจะให้นางมาอยู่เป็นเพื่อนพระนางจันทมาลีเทวีพระเจ้าข้าฯ”

    พระเจ้าปศันทราชรู้สึกยินดียิ่งนักที่มีผู้ที่คอยช่วยดูแลพระนางจันทมาลีเทวี.. นางนารถลดาได้กล่าวว่า..

    “ท่านผู้เป็นใหญ่เหนือแผ่นดิน เมื่อครั้งถูกโจรปล้นเรือสินค้า หม่อมฉันสูญเสียบิดามารดาดีที่หม่อมฉันรอดมาได้ หากมิได้บุรุษ ๒ ท่านคอยช่วยเหลือ หม่อมฉันคงไม่มีชีวิตอยู่มาถึงบัดนี้

    พระอัฒจักร ถือว่าเป็นผู้ให้ชีวิตใหม่แก่หม่อมฉัน ด้วยท่านเสี่ยงชีวิตช่วยหม่อมฉันจากการถูกน้ำพัดไป ส่วนท่านวิมุตติเศรษฐี ถือว่า เป็นผู้เลี้ยงดู

    เมื่อรอดชีวิตมาได้ช่วงแรก และทราบว่า บิดามารดาเสียชีวิต แทบจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ แต่ท่านวิมุตติก็คอยให้กำลังใจให้เสมอมา ข้าฯแต่พระองค์ ในโลกนี้ไม่มีใครเลยจะไม่เคยสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก เราเกิดมาแล้ว ย่อมพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่ชอบใจเสมอ..เรื่องของพระนางจันทมาลี ขอให้หม่อมฉันเป็นผู้ดูแลพระนางเองเพคะ”

    พระเจ้าปศันทราชมีความพึงพอพระทัย จึงได้พาวิมุตติเศรษฐีและภรรยาเข้าเฝ้าพระนางจันทมาลีเทวี และตรัสว่า..

    “หม่อมฉันได้พาท่านวิมุตติเศรษฐีมาเยี่ยมพระพี่นางพะยะค่ะ”

    พระนางจันทมาลีเทวี เป็นสตรีที่มีจิตใจอ่อนโยน มีเมตตา เมื่อประสบทุกข์ทำให้ใจรู้สึกบอบช้ำ แม้ผู้อื่นจะสรรเสริญพระสวามีว่าได้สร้างบุญใหญ่ หาผู้อื่นเปรียบมิได้ แต่พระนางกลับไม่เข้าใจในการกระทำของพระสวามีแต่อย่างใด

    กลับทรงดำริว่า พระสวามีหมดรักพระนางแล้ว ทอดทิ้งพระนางไป ไม่ใยดี ดังนั้นจึงพาลโกรธพระเจ้าปศันทราช ซึ่งเป็นพระอนุชา เมื่อพระองค์ทำสิ่งใดให้จึงมิมีความยินดีประการใด อีกทั้งคิดว่า พระอนุชาผู้นี้ เป็นเหตุไม่ให้พระนางมิบุตร พระนางจึงแอบอธิษฐานในพระทัยเสมอว่า..

    “แม้พระอนุชาผู้นี้จะอภิเษกสมรสกับใครก็ตาม หากมีบุญได้มีทารกมาเกิด ก็ขอให้อย่าได้มีพระโอรส ขอให้มีเพียงพระธิดาเท่านั้น เป็นเหตุให้ไม่สามารถครองราชย์ได้”
    ___________________

    เมื่อพระนางจันทมาลีเทวีได้เห็นนางนารถลดา ภรรยาของวิมุตติเศรษฐีมาเยี่ยมเยียนก็รู้สึกยินดียิ่งนัก เมื่อครั้งพระเจ้าปเสนทิศาทยังมีพระชนม์อยู่ พระนางเคยได้พบนางนารถลดาบ้าง เพียงรู้สึกถูกชะตา เนื่องจากทุกครั้งเป็นการเชิญมาร่วมเสวยภักกระยาหาร แต่ไม่ได้พูดคุยกันมากนัก เมื่อได้พบนางนารถลดาอีกครั้ง พระนางรู้สึกยินดี จึงได้กล่าวแก่พระเจ้าปศันทราชว่า..

    “ขอบพระทัยมากเพคะ..ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้นางมาพบหม่อมฉันบ่อย ๆ เถิด..”

    พระเจ้าปศันทราชจึงกล่าวว่า..

    “หากพระพี่นางพอพระทัย หม่อมฉันก็ยินดีพะยะคะ” จากนั้นทรงให้นางนารถลดาอยู่สนทนากับพระนางจันทมาลีเทวีเพียงลำพัง

    ส่วนท่านวิมุตติเศรษฐีได้ขอตัวกลับเรือนของตน พระเจ้าปศันทราชจึงกล่าวว่า..

    “ท่านพี่ ข้าฯ รักและเคารพท่านพี่เสมือนหนึ่งพระเชษฐา ข้าฯ มิปรารถนาที่จะครองราชย์ ข้าฯรู้ที่พระพี่นางมีอาการอย่างนี้มาจากพระเชษฐาขอร้องมิให้พระนางมีพระโอรส-ธิดา หากมีสิ่งใดที่ข้าฯทำแก่พระนางได้ ข้าฯก็ยินดีจะทำ ขอท่านพี่ช่วยโปรดชี้นำข้าฯ ด้วยเถิด..”

    ท่านวิมุตติเศรษฐี กล่าวว่า.. “มหาบพิตร อย่าเกรงใจเลย มีสิ่งใดที่กระหม่อมถวายแด่พระองค์ได้ ก็ยินดีพะยะค่ะ กระหม่อมเชื่อว่า นารถลดาสามารถทำให้อดีตพระมเหสีพอพระทัยได้พะยะค่ะ

    พระองค์อาจจะทรงทราบว่า เมื่อบิดามารดาของกระหม่อมเสียชีวิต กระหม่อมก็เหมือนตัวคนเดียว ภาระอันหนักอึ้งถูกวางไว้ให้ เสมือนพระองค์ในเวลานี้ เมื่อนารถลดาเข้ามาในชีวิต นางทำให้ทุกอย่างในชีวิตเปลี่ยนไป ถึงแม้ความสัมพันธ์ครั้งแรก มิใช่เรื่องคู่ครอง นางทำให้ทุกคนในบ้านมีความสุขสงบ

    พระองค์เองก็ควรมีพระมเหสีคู่พระทัยได้แล้ว พะยะค่ะ ในแคว้นนี้มีพระราชาปกครองแคว้นที่มีพระธิดาสิริโฉมงดงามมากมาย อาจจะมีพระองค์ใดเป็นที่พอพระทัยนะพะยะค่ะ ”
    พระเจ้าปศันทราชรู้สึกเขินอาย และกล่าวว่า..

    “หม่อมฉันมิใช่บุรุษรูปงามอย่างท่านหรือพระเชษฐา สตรีที่ไหนจะมารัก”

    ท่านวิมุตติเศรษฐีกล่าวว่า “พระองค์ ทรงฉลาดหลักแหลม สมเป็นชายชาตรี และมีความสง่างามเช่นนี้ สตรีผู้นั้นไม่สนใจก็ถือว่า นางด้อยปัญญา...”

    ด้วยความเขินอายพระเจ้าปศันทราชได้ตัดบทไป และกล่าวว่า..

    “เรื่องนี้ ข้าฯยังไม่คิด ขอนำเรื่องงานบุญที่เราจะสร้างวัดมาปรึกษากันก่อนดีมั๊ยพะยะค่ะ”

    จากนั้นทั้งสองได้วางแผนเรื่องการระดมทรัพย์ เพื่อสร้างวัดไว้คร่าว ๆ แต่ยังไม่มีการเรียกประชุมกับเสนาอำมาตย์ทั้งหลาย
    ____________________________

    ครั้นเมื่อถึงเวลานัดหมายกับสันตสิทธิ์อำมาตย์ ซึ่งสันตสิทธิ์อำมาตย์นั้นได้ให้ทหารคนสนิทของพระเจ้าปศันทราชเป็นผู้พาไป ส่วนตนเองได้พาภรรยา และจันทริมาไปรอที่น้ำตกอยู่ก่อนแล้ว

    เมื่อพระเจ้าปศันทราชนั้น ไปถึงน้ำตก ก็พบว่า มีสตรีสาวสวยนั่งอยู่เคียงข้างสันตสิทธิ์อำมาตย์ พระองค์ถึงกับตะลึง เพราะย้อนไปเมื่อครั้งพระองค์เป็นเจ้าชาย และได้ออกประภาสป่าบริเวณนี้
    เพียงลำพัง

    ทรงเคยหลงป่ามายังน้ำตกแห่งนี้ ได้พบเห็นหญิงสาวกำลังเล่นน้ำ พักตร์ของนางลอยเด่น พระองค์คิดว่า นางอาจจะเป็นพรายน้ำ หรือนางไม้หลอกลวงให้ลงน้ำไป แล้วฆ่ากินเนื้อตามความเชื่อของโบราณที่เล่าสืบกันมา จึงรีบหนีไป มิกล้ากลับมายังบริเวณแห่งนี้อีก

    เมื่อได้พบหน้าจันทริมากุลธิดา ทั้งปิติดีใจที่นางเป็นมนุษย์ มิได้เป็นนางไม้อย่างที่เข้าใจ ส่วนนางจันทริมา เห็นพระเจ้าปศันทราชจ้องหน้าก็รู้สึกเขินอาย คิดว่า...

    “ คนผู้นี้เป็นใคร อยู่ ๆ มาจ้องหน้าเรา” จึงได้สะกิดมารดาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ นางจันทราศีจึงได้กล่าวว่า..

    “จันทริมา.. ถวายบังคมต่อพระเจ้าปศันทราช ผู้ครองนครของเราซิลูก”

    จันทริมากุลธิดานั้น เมื่อรู้ว่า เป็นกษัตริย์จึงรู้สึกตกใจที่เพิ่งทำหน้าบึ้งตึง และเชิดใส่ รีบคุกเข่าและกล่าวว่า..
    “ถวายบังคมเพคะ ขอประทานอภัยเพคะ..”
    ทุกคนที่มาพร้อมกับสันตสิทธิ์อำมาตย์ต่างก็ถวายบังคม พระเจ้าปศันทราชทรงแย้มสรวลกับอาการของจันทริมากุลธิดาอย่างขบขัน ทำให้สันตสิทธิ์อำมาตย์รู้สึกพอใจอยู่เงียบ ๆ คิดว่า แผนการณ์ที่ตนวางไว้ง่ายกว่าที่คิด จึงได้กราบบังคมทูลว่า..
    “ข้าฯ แต่มหาบพิตร กระหม่อมประสงค์เพียงพาภรรยา และบุตรสาวมาเปิดหูเปิดตาบ้าง ธรรมดาสตรีของเมืองเรา หากยังไม่ออกเรือน จะไม่ค่อยได้ออกไปไหน ขอพระองค์โปรดประทานอภัยด้วยพะยะค่ะ”

    พระเจ้าปศันทราชนั้น ได้กล่าวว่า.. “ท่านอำมาตย์ ท่านมิได้ทำอะไรผิดหรอก ดีเสียอีก จะได้เที่ยวกันหลาย ๆ คนสนุกดี เราเองนับแต่พระเชษฐีสวรรคตก็ไม่ได้ออกมาเที่ยวเลย ขอบใจท่านมากนะที่ชวนเรา”

    สันตสิทธิ์อำมาตย์ก็ได้พาเยี่ยมชมถ้ำต่าง ๆ บริเวณนั้น พระเจ้าปศันทราชทรงพอพระทัย และกล่าวว่า..

    “คราวหน้าเรามาเที่ยวอย่างนี้อีกนะ”

    จากนั้นต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับที่พักของตน เหตุที่สันตสิทธิ์อำมาตย์นั้นมิได้อยู่ในเขตพระราชฐาน เนื่องจากสันตสิทธิ์อำมาตย์เป็นพระโอรสที่เกิดจากสนมในวัง แม้จะมีศักดิ์เป็นพระปิตุลาของพระราชาทั้งสองพระองค์ โดยสายเลือดนับว่า ยังไม่บริสุทธิ์ที่จะครองราชย์ได้

    ภายหลังพระเจ้าปเสนทิศาทได้แก้กฏมณเฑียรบาลนี้ เพื่อให้เหมาะสมกับยุคสมัย โดยพระราชาสามารถอภิเษกสมรสกับสามัญชนได้ โดยปรารถนาจะให้บุตรสาวของสันตสิทธิ์อำมาตย์ได้มีโอกาสอภิเษกสมรสกับพระอนุชาของพระองค์นั่นเอง

    ครั้นกลับจากประพาสป่า พระเจ้าปศันทราชเฝ้าแต่คิดถึงจันทริมากุลธิดา จึงนึกถึงคำพูดของวิมุตติเศรษฐีหาผู้ที่มาเติมเต็มในชีวิตให้สมบูรณ์ขึ้น จากนั้นจึงได้เผลอบรรทมหลับไป

    ส่วนจันทริมากุลธิดา เมื่อพบพระพักตร์ของพระเจ้าปศันทราช รู้สึกใจเต้น จนนอนไม่หลับ และไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น นางคิดว่า ตนเองคงทานอาหารมากไป

    รุ่งเช้าพระเจ้าปศันทราชจึงได้เรียกสันตสิทธิ์อำมาตย์ให้เข้าพบ และขอธิดาสันตสิทธิ์อำมาตย์ เพื่ออภิเษกสมรสกับพระองค์ สันตสิทธิ์อำมาตย์รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ให้โหราจารย์หาฤกษ์ยามเพื่องานอภิเษกสมรส จากนั้นอีก ๓ เดือน จึงมีงานอภิเษกสมรสของพระเจ้าปศันทราชขึ้น ชาวเมืองต่างปิติยินดีที่ได้มีแม่เมืององค์ใหม่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤศจิกายน 2013
  20. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ดวงแก้วสุขุมาลย์มารศรี และดวงแก้วสหัสสบดีมณีรัตนะ ตอน ๒ พระนางจันทมาลีเทวีสวรรคต

    กล่าวถึงพระนางจันทมาลีเทวีนั้น ได้บรรเทาความเศร้าโศกเสียใจไปมาก เนื่องจากนารถลดาได้คอยดูแลปลอบโยน ภายหลังครรภ์ของนางโตขึ้นมาก และคลอดบุตรเป็นชายนามว่า กัณฑกะ การเดินทางไม่สะดวกเหมือนเดิม พระนางจันทมาลีเทวีจึงได้เสด็จมายังเรือนของพระนางเอง ทั้งสองมีความสนิทสนมกันเป็นพิเศษ กัณฑกะกุมารนั้นเป็นที่โปรดปรานของพระนางจันทมาลีอย่างยิ่ง ถึงขนาดประทานหยกอย่างดีที่พระบิดาของพระนางส่งมาให้เมื่อครั้งอภิเษกสมรส

    ฝ่ายพระเจ้าปศันทราชนั้นได้รู้จักสนิทสนมกับจันทริมากุลธิดาความรักเบ่งบาน ปรารถนาจะอภิเษกสมรสกับจันทริมากุลธิดา จึงได้ปรึกษากับพระนางจันทมาลี และวิมุตติเศรษฐี

    โดยพระนางจันทมาลีเทวี ท่านวิมุตติเศรษฐี-นางนารถลดาได้เป็นผู้ใหญ่สู่ขอจันทริมา การอภิเษกสมรสจึงเปี่ยมไปด้วยความสุข

    หลังจากอภิเษกสมรสของพระเจ้าปศันทราชไม่ถึงเดือน พระนางจันทมาลีเทวีได้ก็สวรรคตด้วยโรคปัจจุบันทันด่วนด้วยสิริมายุได้ ๓๑ ชันษา สร้างความโศกเศร้าแก่พระเจ้าปศันทราช และชาวเมืองทั้งหลาย เมื่อสวรรคตแล้ว ไปจุติบนสวรรค์ชั้นดุสิต

    ต่อมาพระนางจันทริมาทรงพระครรภ์ จากนั้นประสูติพระธิดามา ๑ พระองค์ พระนามว่า เจ้าหญิงปศันทริมา และพระเจ้าปศันทราชได้ให้พระนามพระมเหสีใหม่ว่า “พระนางจันทมาลย์” หมายถึงพระนางจันทร์ ผู้เป็นยอดดวงใจ ต่อมาพระนางก็ไม่มีพระโอรส-ธิดาอีกเลย

    _______________________________________

    ดวงแก้วสุขุมาลย์มารศรี และดวงแก้วสหัสสบดีมณีรัตนะ ตอน ๓ ปัทมรานีอธิษฐาน



    หลังจากเสร็จสิ้นงานอภิเษกสมรสแล้วพระเจ้าปศันทราชจึงได้เชิญบรรดาเศรษฐีใหญ่ในเมืองนี้ ประชุมกัน เพื่อสร้างวัด ถวายสมเด็จพระพุทธกัสสปพุทธเจ้า เพื่อพุทธบูชา

    มหาเศรษฐีในเมืองนี้มีตระกูลใหญ่อยู่ ๘ ตระกูล เมืองนี้มหาเศรษฐีถึง ๘ ตระกูลใหญ่ล้วนแต่เป็นผู้มีทรัพย์มาก มีท่านบูรณเศรษฐี สิทธิกะเศรษฐี-(สัตตบดินทร์เทวบุตร) อมรติโยคเศรษฐี บริจาคเศรษฐี วิณฑกเศรษฐี นางอัจฉิมาเศรษฐีนี และท่านวิมุตติเศรษฐี เมื่อประชุมเรียบร้อยแล้ว วางแผนในการบอกบุญแก่ชาวเมืองทั้งหลายให้มาช่วยกันสร้างวัดนี้ให้สำเร็จโดยเร็ว

    ตระกูลเศรษฐีแห่งเมืองสาเกตที่มีทรัพย์นับ ๔๖๐ โกฏิ ๒ ตระกูล ในจำนวนนั้นคือตระกูลของท่านวิมุตติเศรษฐี และนางอัจฉมาเศรษฐีนี มารดาของอัฒจักรภิกษุนั่นเอง เหตุที่อัฒจักรภิกษุได้นำทรัพย์จำนวนหนึ่งไปสร้างวัดปรมัตถวนารามแล้ว ท่านจึงได้ให้มารดานำทรัพย์ส่วนของท่านอีก ๔๐ โกฏิ เพื่อร่วมบุญสร้างวันครั้งนี้ ส่วนนางอัจฉมานั้นเกิดความปรารถนาจะสร้างบุญใหญ่ด้วย แต่ด้วยเกรงว่า ทรัพย์จะตนจะหมด จึงได้นำทรัพย์ของนางมาร่วมบุญครั้งนี้เพียง ๑๐ โกฏิ

    แต่นางได้นำข่าวบุญนี้ไปบอกแก่นางมัลลินาถ ผู้เป็นมารดาของปัทมรานีกุลธิดา คู่หมั้นหมายของอัฒจักรภิกษุ ซึ่งอยู่เมืองมัทราช ห่างจากเมืองสาเกตุไปทางทิศเหนือ ๑๒ โยชน์ แม้บุตรของนางจะไม่ได้แต่งงานกับอัฒจักรมานพ นางมัลลินาถนั้นมิได้โกรธเคืองกับนางอัจฉมาแต่อย่างใด และยังร่วมบุญอนุโมทนาบุญโดยให้ปัทมรานีกุลธิดานำทรัพย์มาร่วมบุญ ๑๐ โกฏิ มาร่วมบุญกับท่านวิมุตติเศรษฐี

    ฝ่ายปัทมรานี-บุตรสาวนั้น มิได้คิดเหมือนกับมารดา นางมีความน้อยใจพระอัฒจักรภิกษุ ก่อนที่นางจะมอบทรัพย์นี้แก่ท่านวิมุตติเศรษฐี จึงอธิษฐานว่า..

    “แม้ไม่ได้ร่วมครองเรือนกันในชาตินี้ ขอให้ข้าฯ ได้สมความปรารถนาครองคู่กับท่านพี่อัฒจักรในชาติต่อไป ขออย่าได้พบกับนางนารถลดา ผู้ขวางความสุขของข้าฯอีกเลย”

    ฝ่ายนางนารถลดานั้น แม้ทราบในใจว่า ปัทมรานีกุลธิดานั้นไม่ค่อยชอบตนเท่าใดนัก นางก็ได้ต้อนรับขับสู้อาศัยความจริงใจเข้าหา เมื่อมีโอกาสนางจึงได้เอ่ยกับปัทมรานีว่า..

    “น้องหญิง เรื่องราวต่าง ๆ นั้นอาจจะเกิดจากกรรมลิขิต หาได้เกิดจากความตั้งใจของท่านอัฒจักร หรือพี่ไม่ ในอดีตเราเคยครองคู่กันมาก่อน จึงทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น

    พี่เองก็ไม่คิดปรารถนาจะแย่งชิงตัวท่านมาจากน้อง และพี่ก็มีท่านวิมุตติเศรษฐี ซึ่งเป็นสามีที่ดีมาก พี่มิอาจจะปันใจให้ชายใดได้ พี่เคารพท่านในฐานะของพระภิกษุ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในพระพุทธศาสนา หาได้คิดอย่างอื่นไม่

    เหตุเพียงเพราะท่านมีความเลื่อมใสศรัทธาในคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้ท่านมีดวงตาเห็นธรรม ปรารถนาจะเดินตามรอยพระตถาคตเจ้า น้องหญิงควรจะอนุโมทนายินดีในธรรมของท่าน

    การที่น้องปรารถนาเพียงครองคู่กับท่านนั้น หากชาติต่อไป ท่านออกบวชอีก ท่านมิต้องขาดจากการเป็นพระภิกษุหรอกหรือ การที่เราจะรักใครนั้น เราต้องประกอบด้วยพรหมวิหารธรรมแก่ท่านผู้นั้นด้วย หากท่านปรารถนาจะออกบวช ก็ควรมิมุทิตาจิตแก่ท่านผู้นั้นได้จึงจะขึ้นชื่อว่า รักแท้”

    ความจริงแล้วนางนารถลดานั้นได้เรียนรู้การฝึกจิตจากอัฒจักรภิกษุในช่วงที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาครั้งก่อน แม้พระอัฒจักรสอนนางเพียงไม่นาน ด้วยความรักและศรัทธาในตัวอัฒจักรภิกษุ ทำให้นางได้ตั้งใจปฏิบัติ จนธรรมก้าวหน้าขึ้น จิตละเอียดจนทราบวารจิตของผู้คน เหตุนี้นางจึงช่วยให้พระนางจันทมาลีพ้นจากมิจฉาทิฐิได้

    ฝ่ายปัทมรานีกุลธิดานั้น รู้สึกตกใจที่นางนารถลดา ภรรยาวิมุตติเศรษฐีล่วงรู้ความในใจของตน จึงได้กล่าวว่า..

    “ท่านพี่ ท่านทราบคำอธิษฐานของข้าฯหรือ”

    นางนารถลดาได้ยิ้มด้วยความเมตตา และกล่าวว่า.

    “น้องหญิง เราทราบ”

    ปัทมรานีนั้น ยังถือทิฐิของตน และกล่าวว่า..

    “ทราบก็ดีแล้วในชาติหน้า ขอท่านอย่าไปเกิดร่วมชาติ และแย่งชิงท่านอัฒจักรจากข้าฯไปอีก”

    นางนารถลดา จึงกล่าวว่า..

    “อนาคตกาลเป็นอย่างไรในเบื้องหน้าพี่ไม่รู้ พี่ขออยู่ในปัจจุบัน ขอทำปัจจุบันให้ดีที่สุด และมิอาจจะรักษาสัญญาแก่น้องหญิงได้”

    ปัทมรานีกุลธิดา ได้กล่าวด้วยความไม่พอใจว่า..

    “ท่านก็แค่มือถือสากปากถือศีล ไม่จริงใจกับเรา แค่สัญญาแค่นี้ก็ทำไม่ได้”

    นางนารถลดากล่าวไปว่า..

    “น้องหญิง อนาคตเบื้องหน้า เรามิรู้หรอกว่าจะเราเกิดมาพบกันหรือไม่ หากกรรมใดที่พี่เคยทำให้น้องหญิงขุ่นข้องหมองใจ ไม่สบายใจ คับแค้นใจ พี่ขออโหสิกรรมด้วยเถิด และกรรมใดที่เธอได้ล่วงเกินพี่มาแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พี่ขอถวายเป็นอภัยทาน แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า”
    จากนั้นนางก็นั่งคุกเข่าลง ทำให้ปัทมรานีกุลธิดารู้สึกตกใจ และกล่าวว่า..

    “ท่านไม่ต้องทำเช่นนั้นก็ได้ เอาละ ๆ เราไม่ถือโทษท่านก็ได้ อย่างนั้นเรากลับเรือนท่านแม่อัจฉมาก่อนละกัน”

    ปัทมรานีกุลธิดานั้น ได้กล่าวอย่างขอไปที ไม่ได้จริงใจที่จะอโหสิกรรมแก่นารถลดาแต่อย่างใด

    (ผลกรรมที่ปัทมรานีได้ทำบุญด้วยความโกรธทำให้ตายจากชาตินั้นได้ไปเกิดเป็นพระชายาของพระวาฬหยักษ์ในเชิงเขาคันธมาท เสวยวิบากเป็นยักษ์อยู่ ๕๐๐ ชาติ จากนั้นได้จุติเป็นพระนางวสุนทรีย์ พระมเหสีองที่ ๒ ของพระเจ้าอทิตตราช ในประวัติดวงแก้วสุขุมาลย์มณีรัตนะ ฯ นั่นเอง พระเจ้าอทิตตราชในชาตินั้นไม่ใช่ดวงจิตดวงเดียวกับอัฒจักรภิกษุแต่อย่างใด)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤศจิกายน 2013
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...