ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Numsai, 21 สิงหาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ขออนุโมทนาบุญกับน้องตาลอีกครั้งค่ะ ความจริงพี่เปิดกระทู้นี้ขึ้นมา เนื่องจากครูบาอาจารย์(พระเดชพระคุณหลวงปู่ปาน) ท่านต้องการให้นำประสบการณ์การปฏิบัติมาเผยแพร่ให้กับกัลยาณมิตรในสายบุญเดียวกัน

    อิอิ..เหตุที่สาธยายได้อย่างละเอียด เพราะพี่เคยผ่านนรกขุมนี้มาแล้วค่ะ :':)'(

    แม้ในชาตินี้พี่ยังต้องรับกรรมหนักเหมือนกัน แต่ทุกอย่างก็ผ่านมาแล้วค่ะ แทบจะลืมเหตุการณ์ทุกอย่างไปด้วยซ้ำ เมื่อย้อนระลึกชาติไปก็ทราบถึงเหตุแห่งทุกข์ เกิดจากเคยทำเขามาก่อนเท่านั้น เพียงแต่สลับเพศกันเท่านั้น ทำให้อโหสิกรรมได้อย่างสนิทใจ

    กรรมผิดศีลกาเมฯ นั้นความจริงจะแยกละเอียดบางกรณีที่ขึ้นมาจากนรก หากสมัยเป็นชาย เคยทารุณกรรมทางเพศกับฝ่ายหญิง ผู้นั้นจะต้องเกิดเป็นโสเภณี เป็นผู้หญิงที่ถูกข่มขืน-->ผู้หญิงปกติ--> ก่อนที่จะเกิดกระเทย และเกย์ และอื่น ๆ ตามลำดับ


    หากชาติไม่ได้ปรารถนาจะบรรลุเป็นพระอริยเจ้า การฝึกจิตให้ทรงฌาณตลอดเวลานั้นช่วยได้ค่ะ จิตของเราจะอยู่ในปัจจุบันเกือบตลอดเวลา โดยเฉพาะการควบคู่กับการเจริญวิปัสสนาด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ทุก ๆ ย่างก้าวของชีวิต นึกถึงพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลา ทำให้จิตไม่คิดย้อนถึงวิบากกรรมในอดีต

    จิตของเราเปรียบเสมือนกระจกใส เมื่อส่องเมื่อใด ความชัดเจนแจ่มใสในญาณทัสสนะจะปรากฏเสมอ ยิ่งหากผู้นั้นฝึกจิตพร้อมอาโลกสินไปด้วย เช่นการจับองค์พระแก้วใส หรือระลึกถึงพระวิสุทธิเทพอยู่ตลอดเวลา ยิ่งทำให้จิตเยือกเย็นเบิกบาน แช่มชื่นดุจมีน้ำทิพย์ชะโลมใจอยู่ตลอดเวลา

    ทำให้วิบากกรรม อกุศลกรรมอื่นเข้าแทรกได้ยาก เมื่อคิดปรารถนาสิ่งใด ความปรารถนานั้นจะสำเร็จโดยฉับพลัน

    ขออนุโมทนาบุญในธรรมทานของน้องน้ำตาล และทุก ๆ ท่านอีกครั้งค่ะ

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปค่ะ

    Numsai
     
  2. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ขออนุโมทนาบุญในธรรมทานของคุณ sun2555 ด้วยค่ะ

    และขอกราบขอบคุณสำหรับพระปางสมาธิ และพระปางอธิษฐานของหลวงปู่ใหญ่ที่มอบให้น้ำใส เพื่อเป็นกำลังใจในการทำดีต่อไปค่ะ ปลื้มมาก ๆ ค่ะ

    ขอให้ท่านสำเร็จตามความปรารถนาทุกประการค่ะ

    Numsai
     
  3. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ประมูลจักรทั้ง ๒ องค์ ขณะนี้อยู่ที่ท่าน widya ค่ะ

    วันนี้ 10:00 AM
    widya ร่วมบุญประมูลจักรแก้ว...

    ๑. จักรโชติตันตรัตนะ ๖,๓๑๖.๑๖ บาท
    ๒. จักรมหาบุญญฤทธิโรจน์ ๕,๘๑๖.๑๖ บาท


    วันนี้ 01:18 AM
    วาสุเทพ ร่วมประมูลจักรโชติตันตรัตนะ 6,000 บาท
    ร่วมประมูลจักรมหาบุญญฤทธิโรจน์ 5,500 บาท



    เมื่อวานนี้ 10:59 PM
    ขาล อนุโมทนากับคุณน้ำตาลด้วยค่ะ อ่านมาถึงตอนสุดท้ายน้ำตาร่วงไปหลายหยด

    ประมูลจักรมหาบุญญฤทธิโรจน์ 4,400 บาท



    เมื่อวานนี้ 06:20 AM

    mooom ขอร่วมประมูลจักรจักรโชติตันตรัตนะ 4,600 บาทร่วมประมูลจักรมหาบุญญฤทธิโรจน์ 4,300บาทครับ


    เมื่อวานนี้ 05:18 AM

    suwat.su ร่วมประมูลจักรจักรโชติตันตรัตนะ 4,500 บาท
    ร่วมประมูลจักรมหาบุญญฤทธิโรจน์ 4200บาท



    เมื่อวานนี้ 12:18 AM
    วาสุเทพ ร่วมประมูลจักรจักรโชติตันตรัตนะ 4,400 บาท
    ร่วมประมูลจักรมหาบุญญฤทธิโรจน์ 4,000บาท



    เมื่อวานนี้ 12:06 AM
    ขาล ประมูลจักร มหาบุญญฤทธิโรจน์ 3,800 บาท


    ______________________________________

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่ร่วมประมูลค่ะ

    Numsai
     
  4. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ขออนุโมทนาบุญกับน้องน้ำตาลอีกครั้งค่ะ การผุดขึ้นของดวงแก้วแต่ละดวงนั้น เรื่องประวัติดวงแก้วนั้น จะไม่ทราบมาก่อนล่วงหน้า ทราบเบื้องต้นเพียงว่า ดวงแก้วชื่ออะไร ท่านใดเป็นผู้รักษามีกายสิทธิ์กี่องค์เท่านั้น

    เดิมทีตั้งใจจะดูประวัติดวงแก้วสุขุมาลย์มารศรีฯให้จบก่อนที่จะมีประวัติดวงแก้วชุดอนันตกาลสุริยจักรฯ

    เมื่อดูประวัติดวงแก้วถึงการถวายวัดพุทธารามบพิตรแด่องค์สมเด็จพระพุทธกัสสปพุทธเจ้าแล้ว ปรากฏภาพก็หายไปดื้อ ๆ ดูอย่างไรก็มีแต่ความมืดมิด ตอนนั้นไม่ทราบเรื่องราว แต่รู้สึกว่า น่าจะมีคนมาขวาง จึงหยุดการใช้ญาณดูเรื่องนี้ต่อไป


    ************************

    ขอเล่าเพิ่มเติมนะคะ หลังจากกลับจากการถวายกฐินวัดโพธิญาณรังสีได้ ๑ วัน (ก่อนท่านสุริยวังสะ จะอโหสิกรรม)

    หลังจากเสร็จธุระส่วนตัวประจำวันแล้ว ก่อนนอนได้นั่งสมาธิ ปกติเวลานั่งสมาธิจะจับภาพพระวิสุทธิเทพ แล้วอธิษฐานขึ้นไปกราบพระองค์ท่าน ต่อหน้าพระพักตร์ ก่อนจะฝึกวิชาอื่น ๆ ต่อไป

    ปรากฏว่า จับภาพพระได้ไม่ชัดเจนเท่าไร นึกในใจว่า อาจจะเพิ่งกลับจากเดินทางเหนื่อย ๆ วันนี้กราบพระเสร็จ เราจะไม่ใช้ญาณทัสสนะใด ๆ จะนั่งเก็บกำลังเพียงอย่างเดียว

    (หากวันใดภาพไม่ชัดเจนแจ่มใส ดิฉันจะไม่มีการถามข้อธรรม หรือเรื่องอื่น ๆ จะนั่งสามารถเอาความสงบเพียงอย่างเดียว หรืออาจจะพิจารณาความเป็นทุกข์ของขันธ์ ๕ ให้เห็นทุกข์เท่านั้น)


    พอนั่งไปสักพักจะยกจิตขึ้นไปกราบพระ ปรากฏว่า มีเงาดำทาบผ่านหน้าไป รุ้สึกสะเทือนใจมาก พยายามจับภาพพระอีกครั้งก็รู้สึกว่า ร่างกายหนักอึ้ง ภาวนาอะไรก็นึกไม่ออก จึงได้นึกถามในใจว่า...

    "ท่านเป็นใครกัน ทำไมมาขวางการปฏิบัติของเรา"

    อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียง(แต่ไม่เห็นภาพ) มีแต่ความมืดมิดว่า "ขอบใจมากนะที่ช่วยปลดปล่อยผมให้เป็นอิสระ"เดิมทีคิดว่า ท่านผู้นี้ที่มาจากวัดทางเหนือ จึงกล่าวว่า..

    "ไม่ต้องขอบใจเราหรอก ท่านเป็นอิสระก็ดีแล้ว ตอนนี้เราขอเจริญกรรมฐานก่อนนะ โปรดอย่ากวนเรา"

    ไม่มีเสียงตอบ จึงคิดว่า เราไม่ควรเสวนาด้วย ต้องรีบปฏิบัติดีกว่า


    ปรากฏว่า ทำอย่างไรก็ไม่เห็นภาพพระ จึงคิดว่า ท่านเป็นใครกัน มากวนเราเพื่ออะไรกัน โปรดหลีกทางให้เราได้ปฏิบัติอย่างสบาย ๆ เถิด

    เสียง และเงามืดดำก็ยังคงมีอยู่ จับภาพพระก็มีแต่ความมืดมิด นึกถึงพระอาจารย์ที่ฝึกวิชาธรรมกาย ท่านเคยบอกว่า

    "โยมพี่ หลวงพี่เดินวิชชาไม่ได้เลย มันแป๊กไปหมด"


    ดิฉันคิดว่า "เราคงโดนเล่นเข้าให้แล้ว" เอาละคราวนี้ เราจะไม่ยอมแล้วนะ จึงนึกภาวนาคาถามณีจักรวาล และคาถาบารมี ๓๐ ทัศน์ สลับกันไปมาสุดท้ายอยู่ที่คาถามณีจักรวาล

    เมื่อภาวนาสักพัก สีดำเริ่มจาง ๆ เป็นสีเทาเข้ม กลายเป็นสีเทาอ่อน สุดท้ายเริ่มมีแสงออกจากกลางกาย เป็นปกติ จึงได้ขอให้เทวดารักษาตัวของบุตรสาวช่วยเหลืออีกทาง

    สีดำมืดหายไป ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ

    วันต่อมาน้องน้ำตาลมาถามอีกครั้งว่า ท่านนั้นหายไปไหน เวลานั้นดิฉันไม่ได้สอบถาม กระทั่งตกกลางคืน ขณะที่จะเข้านอนท่านผู้นั้นก็มาบอกว่า

    "บอกนางว่า เราอโหสิกรรมให้นางแล้ว..."


    จึงได้ถามท่านว่า ท่านเป็นผู้ที่มาคืนก่อนใช่หรือไม่ ท่านผู้นั้นตอบว่า..

    "ผมเองขอรับ..ขอบคุณที่ช่วยผม ตอนนี้ผมหลุดพ้นจากความมืดดำแล้ว....."

    จากนั้นท่านก็กล่าวดังที่น้องน้ำตาลได้เขียนไว้ข้างต้น

    ขออนุโมทนาบุญกับน้องน้ำตาล และท่านที่มาเยือนด้วยค่ะ

    Numsai
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2013
  5. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ก่อนอื่นข้าพเจ้าขอนอบน้อมต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ตลอดทั้งปวงเทพยดาที่ผูกคาถานี้ไว้เพื่อพุทธศาสนิกชนรุ่นหลัง

    ผลบุญอันบริสุทธิ์ใด ๆ ที่ได้จากการให้ธรรมทานในครั้งนี้ ขอน้อมถวายทุก ๆ พระองค์ ทุก ๆ ท่าน เพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และเป็นเทวตานุสติด้วยเถิด สาธุ...
    _________________________________________

    kaew3.jpg

    คาถามณีจักรวาล

    (ตั้งนะโม ๓ จบ)

    โอม...มณีจักรวาลัง กุละลัง สวาโหมฯ​


    **********​

    ขอเล่าย้อนหลังไปวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๖ มีเพื่อนสมาชิกท่านหนึ่ง ได้ PM มาเล่าเรื่องเกี่ยวกับการภาวนาพระคาถานี้ บอกว่า ภาวนาแล้วจิตสว่างสบาย จึงได้ไปกราบเรียนถามท่านท้าวสักกเทวราช ท่านได้กล่าวว่า...

    “เรื่องคาถามณีจักรวาลนั้น เป็นคาถาที่ผูกโดยการประชุมรวมของเทวดาในสุริยจักรวาล และเทวดาต่างจักรวาล เป็นคาถาโบราณ เพื่อบูชาดวงแก้วทั่วทั้งอนันตจักรวาล คาถานี้เป็นคาถาเฉพาะ สำหรับผู้ที่เกี่ยวเนื่องกับดวงแก้วมณีค่ะ ได้สูญหายไปนานแล้ว

    ผู้ที่ดูแลพระคาถาคือ ท้าวสักกเทวราชทุกพระองค์ หากยุคใดที่มีผู้มีบุญที่เคยสร้างบุญด้วยดวงแก้วมณีแต่กาลก่อนมาจุติบนโลกมนุษย์ และผู้นั้นสามารถสื่อแก่ท้าวสักกเทวราชได้ โดยผู้นั้นจะสร้างบุญโดยถวายดวงแก้วมณี เป็นสาธารณประโยชน์ก็ดี ในบวรพระพุทธศาสนาก็ดี


    Image049.jpg

    ท้าวสักกเทวราชจะทรงมอบพระคาถานี้แก่ผู้นั้น เพื่อเผยแพร่ในหมู่คณะ ท่านบอกว่า พระคาถานี้ เป็นคาถาสลายทุกข์ก็ได้ หรือจะสลายความขุ่นข้องหมองใจ ความคับแค้นใจ ความทุกข์ใด ๆ ก็ตาม เป็นการระงับดับทุกข์ขั้นต้น ยกเว้นเพียงการดับทุกข์ เพื่อเข้าพระนิพพาน

    เนื่องจากการดับทุกข์ต้องอาศัยวิปัสสนาญาณเป็นพื้นฐาน พระคาถานี้จะช่วยให้มีความแจ่มใสในดวงจิต คล้ายเป็นสะพานในการเข้าถึงธรรม เมื่อจิตสว่างแจ่มใสแล้ว ก็ให้น้อมจิตเข้าพิจารณาธรรม หรือเจริญวิปัสสนาเห็นทุกข์ เข้าสู่มรรคผลพระนิพพาน

    ผู้ใดที่เจริญพระคาถานี้สม่ำเสมอมิได้ขาด สามารถปิดอบายภูมิได้ในที่สุด "


    สิ้นเสียงของท่าน มีคำกล่าว สาธุ ๆ ๆ

    และกล่าวต่อไปว่า เรื่องนี้ตอบสั้น ๆ แก่ผู้นั้นไปก่อน รายละเอียดไม่ต้องให้มาก

    ขออนุโมทนาบุญแก่ท่านท้าวสักกเทวราช และท่าน widya มา ณ.ที่นี้ด้วยเจ้าค่ะ

    Numsai
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2013
  6. suwat.su

    suwat.su เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    7,643
    ค่าพลัง:
    +55,534
    ประมูลจักรโชติตันตรัตระ 6900 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2013
  7. sereenon

    sereenon เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    1,724
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +7,931
    จักรมหาบุญญฤทธิโรจน์ 6,300 บาท
     
  8. วาสุเทพ

    วาสุเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +5,174
    ร่วมประมูลจักรโชติตันตรัตนะ 7,100 บาท
    ร่วมประมูลจักรมหาบุญญฤทธิโรจน์ 6,100 บาท
     
  9. sun2555

    sun2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +6,619
    ร่วมบุญประมูลจักรมหาบุญญฤทธิโรจน์ 6200 บาท
     
  10. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    อิอิ นั่นแหละค่ะ "เขา" ล่ะค่ะพี่...

    ตอนที่เขาอยู่ด้วยนี่ บางครั้งภาพพระขึ้นค่ะ แต่เอ๊ะ... ทำไมพระท่านมีเขี้ยวตรงมุมปาก
    ซูมหน่อย ๆ ปรากฏยิ่งซูมเขี้ยวยิ่งใหญ่ขึ้น ๆๆ จนลากยาวลงดิน ... ได้แต่ร้องเหวยในใจ
    โดนซะแระเรา...


    บางครั้งเวลานั่งสมาธิก็จะรู้สึกว่าตัวเราเหมือนอยู่ในฝาชีใหญ่ ๆ ค่ะ
    มองขึ้นไปจะเห็นรูปทรงสีดำโค้งกลม ๆ จะออกก็ออกไม่ได้ด้วยนะคะ เพราะเขากั้นเอาไว้ทุกทางเลย
    เคยมีครั้งหนึ่งม้าแก้วมารับไปเข้าเฝ้าพ่อพระอินทร์ ปรากฎม้าแก้วโดนครอบด้วย
    ต้องร้องตะโกนบอกม้าแก้วไม่เกี่ยว เขาถึงยอมปล่อยม้าแก้วออกไป



    หลายครั้งที่เขามาในรูปของท่านสิทธิสัตตะ แต่ความรู้สึกจะไม่ใช่
    กระแสท่านสิทธิสัตตะจะอ่อนโยน แต่ของเขาจะแข็งกระด้างค่ะ
    มีครั้งหนึ่งที่เขากล้าปลอมเป็นท่านพ่อพระอินทร์ด้วยค่ะ กล้าหาญสุด ๆ
    หนูกะจะไปฟ้องท่านพระอินทร์ ปรากฏเจอฝาชีครอบ อิอิ มโนไม่ไป


    มาเล่าตอนนี้ก็ขำดีค่ะ แต่ตอนเจอเองนี่สะอึก พูดอะไรไม่ออก...มันแป้กไปหมด นี่ใช่เลยค่ะคำนี้
     
  11. suwat.su

    suwat.su เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    7,643
    ค่าพลัง:
    +55,534
    ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ประมูลจักรแก้วได้ครับ
     
  12. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677

    เรื่องของผู้ขวางความดี(มาร)นั้น นักปฏิบัติธรรมถึงขั้นหนึ่งจะพบกันทุกคน แต่จะพบผู้ปั่นกิเลสตัวไหน(โลภะ/ราคะ ,โทสะ หรือโมหะ) ก็สุดแท้แต่ ส่วนใหญ่เขาจะเล่นจุดอ่อนของเรา

    เมื่อครั้งพี่ยังศึกษาอยู่แม่โจ้ วันหยุดก็จะไปกับเพื่อน ๆ ๔-๕ คนไปฝึกสมาธิ และอุปัฏฐากพระที่ถ้ำปากสูง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

    ครั้งหนึ่งเคยมีพระธุดงค์ผ่านมาพักที่ถ้ำ ท่านได้พูดคุยกับหลวงพ่อฯ พวกพี่ก็บังเอิญอยู่ด้วย นั่งฟังด้วยความเพลิดเพลิน อิอิ..
    พระอาจารย์ท่านเล่าว่า "มีพระเพื่อนบวช จบป.โท ตั้งใจว่า จะบวชไม่สึก ปรากฏอยู่มาวันหนึ่ง ขณะเจริญกรรมฐานอยู่นั้น ก็มีนิมิตเห็นสตรีสาวสวยมาก สวยกว่านางงามที่เห็นในปัจจุบัน(เห็นในนิมิต)

    เดิมทีท่านก็พิจารณาความเน่าเปื่อยผุพังของสังขาร แต่ปรากฏว่า สตรีนางนั้นไม่ได้เป็นภาพนิ่ง แต่เป็นภาพเคลื่อนไหวค่อย ๆ ถอดผ้าออกทีละชิ้น...(ต่อไปคงไม่ต้องเล่านะจ๊ะ)"

    สุดท้ายไม่นานก็ได้ข่าวพระเพื่อนสึกจากความเป็นพระ เนื่องจากจะสึกมาแต่งงาน หลวงพ่อฯท่านบอกว่า..

    "ของพวกนี้นะ ใครไม่เคยพบ ก็คิดว่า ไม่จริง คิดว่า เป็นนิมิตหลอก ใครไม่เจอกับตัวจะไม่รู้ นักปฏิบัติต้องข้ามผ่านไปให้ได้ จึงจะพบหนทางพระอริยเจ้า"

    จากนั้นก็เคยได้ยินครูบาอาจารย์หลายท่านเคยกล่าวเรื่องนี้ ส่วนใหญ่จะเห็นในนิมิตก่อน และของจริงจะตามมา

    ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า ..อยู่ที่ใครจะมีกำลังใจที่เข้มแข็งเอาชนะกิเลสของเราได้เท่านั้น ซึ่งมันอาจจะแพ้ หรือชนะ จนกว่าจะเข้าสู่พระนิพพานในอนาคตกาล



    ขออนุโมทนาบุญกับน้องน้ำตาลอีกครั้งค่ะ

    Numsai
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2013
  13. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ขอแสดงความยินดีกับคุณวาสุเทพ และน้อง sereenon ค่ะ..

    วันนี้ 02:00 PM
    sun2555 ร่วมบุญประมูลจักรมหาบุญญฤทธิโรจน์ 6200 บาท

    วันนี้ 02:00 PM
    วาสุเทพ ร่วมประมูลจักรโชติตันตรัตนะ 7,100 บาท

    ร่วมประมูลจักรมหาบุญญฤทธิโรจน์ 6,100 บาท

    วันนี้ 02:00 PM
    sereenon จักรมหาบุญญฤทธิโรจน์ 6,300 บาท


    วันนี้ 01:54 PM
    suwat.su ประมูลจักรโชติตันตรัตระ 6900 บาท
    ______________________________________

    ก่อนอื่นต้องขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่ร่วมประมูลครั้งนี้

    ขอแสดงความยินดีกับคุณวาสุเทพ ที่ได้ดูแลจักรโชติตันตรัตนะ

    และคุณ sereenon เป็นผู้ดูแลจักรมหาบุญญฤทธิโรจน์ต่อไปค่ะ

    ขอให้ทุก ๆ ท่านมีความคล่องตัวทั้งการเงิน การงาน และทุกเรื่อง ให้มีสุขภาพแข็งแรง มีทิพยจักขุญาณแจ่มใสเป็นไปไม่ข้องขัดประดุจลมพัดไปในอากาศ และขอให้มีจิตที่เยือกเย็นอยู่เสมอ และเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

    Numsai
     
  14. widya

    widya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,095
    ค่าพลัง:
    +13,214
    ขออนุโมทนาบุญและขอแสดงความยินดีกับคุณวาสุเทพ และคุณsereenon ด้วยนะครับ

    ที่ได้เป็นเจ้าของจักรแก้วโชติตันตรัตนะ

    และจักรมหาบุญญฤทธิโรจน์ ​
     
  15. Prar

    Prar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    265
    ค่าพลัง:
    +4,048
    ขออนุญาติถามคำถามครับ
    จากประวัติดวงแก้วสุขมาลย์และดวงแก้วสหัสสบดีฯ
    ทำให้นึกถึงสิ่งที่ได้รับรู้มาจากพระรูปหนึ่งครับ
    เปรียบเทียบกับเหตุการณ์
    ที่พระเจ้าปศันทราชดวงจิตกลับมาเกิดในร่างเจ้าชายโรมายนะอันนี้ผมเข้าใจครับ
    แต่ที่อยากทราบคือ เป็นไปได้หรือครับ?????
    ที่คนเรายังไม่ตาย แต่มีดวงจิตของคนอื่นทั้งที่ตายไปแล้วและยังไม่ตาย(หลายดวง) อยู่ในคนๆเดียวได้
    ที่ส่งสัยเพราะเวลาไปทำบุญท่าน...มักจะเล่าว่า "ดวงจิตของท่านไม่ได้อยู่ที่ตัวท่าน
    แต่อยู่ที่เบื่องบน ที่อยู่ตอนนี้เป็นเพียงขันธ์ห้าเท่านั้น ประมาณว่าท่านแบ่งภาคลงมาเกิด
    และบางทีก็มีดวงจิตของรูปอื่นมาอยู่ในตัวท่านแทนเช่น หลวงปู่....,หลวงพ่อ... (ไม่ขอเอ่ยถึงครับ)
    อย่างกับว่าท่านมาสงเคราะห์เป็นการเฉพาะแล้วก็ไป
    พอมีลูกหลานของรูปใดมาดวงจิตของหลวงปู่หลวงพ่อที่เนื่องกันมาท่านก็จะมาสงเคราะห์
    โดยผ่านขันธ์ห้าของท่าน(รูปนั้น)
    ทำให้ผม งง ครับ เราเกิดมาไม่ได้ทำหน้าที่และบำเพ็ญบารมี
    ของเราหรือ แล้วเราแบ่งภาคมาจากท่านอื่นอีกหรือ เราไม่ได้มีดวงจิตดวงเดียวหรือ
    งง ครับขอพี่ ๆ ช่วยอธิบายทีครับ
    สาธุ และขออนุโมทนาบุญครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2013
  16. วาสุเทพ

    วาสุเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +5,174
    โอนเงินแล้วครับ 7,100 บาท (จักรโชติตันตรัตนะ)
    วัน-เวลาที่ทำรายการ 18/11/2556 - 21:09

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ
    และขออนุโมทนาในธรรมทานของทุกท่านครับ
    เรื่องของน้องน้ำตาลอ่านไปก็กังวลไปลุ้นมากเลย ตอนจบค่อยโล่งใจหน่อย
     
  17. Prar

    Prar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    265
    ค่าพลัง:
    +4,048
    คำถามนี้ผมไม่มีเจตนาจะลบหลู่พระรัตนไตรหรือพ่อแม่ครูบาอาจารย์ของใครครับ
    ถามเพราะอยากทราบความจริง
    หากคำถามนี้มีคำใดล่วงเกินต่อผู้มีศีลหรือผู้ทรงศีลทรงธรรมแม้ผู้ทรงฌานก็ดี
    ขอท่านทั้งหลายโปรดอดโทษนี้แก่ผมตราบเท่าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ
    ด้วยไม่มีเจตนาและด้วยความบริสุทธิ์ใจครับ
    ผมกราบขอขมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
     
  18. ขาล

    ขาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +4,466

    อ่านเรื่องคาถามณีมนตรา มหาจักรพรรดิ

    ท่องนะโม 3 จบ
    โอมมณีจักรวาลัง กุละกุลัง สวาโหม (3จบ)
    โอม มณีรัตนา มหาพุงคา ภะวันตุเม
    โอม มณีบุษรา มหาพุงคา ภะวันตุเม
    โอม มณีมรกานต์ มหาพุงคา ภะวันตุเม
    มิเตพาหุหะติ
    อุอะมะนะ มะอะอุ

    เป็นคาถาที่พี่น้ำใสเคยบอกเล่าในกระทู้ไว้นานแล้ว ขาลเพิ่งจะเริ่มสวดคาถานี้อย่างจริงจังเมื่อไม่นานนี้เอง หลังจากเจอปัญหาคล้ายคุณน้ำตาล ท่องพุท คำว่าโธ ก็หายกลายเป็นคนปัญญาทราม สมาธิสั้น นั่งเล่นบนโซฟา ก็ทุรนทุราย เป็นทุกข์ แต่ไม่รู้ว่าทุกข์เรื่องอะไร เดิมทีหายใจเข้าก็รู้หายใจออกก็รู้เป็นปรกติ ลม แผ่ว สั้น ยาว ก็รู้ กลายเป็นหายใจไม่ออกเหมือนมีใครมาบีบจมูก ให้เหลือรูนิดเดียว นอกจากบทมหาจักรพรรดิ ครอบวิมานให้ตัวเองและสิ่งอื่น ซึ่งได้ใช้ครอบวิมาณให้กับดวงจิต และ สถานที่วัดใจ (ดงเทวี) หลังจากเดินย้อนกลับมาบริเวณบ้านดิน ไม่รู้ไปสร้างวีรกรรมอะไรเอาไว้ (แอบนอกเรื่อง) ก็มี คาถามณีมนตรา มหาจักรพรรดิ นี่แหละ เป็นที่พึ่ง “ โอม มณีจักรวาลัง กุละกุลัง สวาโหม” ท่องเรื่อยๆ จิตจะสงบเร็วมาก พอขาลเริ่มท่อง หลับตาปุ๊บ ก็เห็นแต่แสงสว่างสีขาว แต่ด้วยอาชีพค้าขาย ก็ทำงานไปท่องในใจไปด้วย พอตกเย็น ลูกค้าเริ่มน้อยเลยได้นั่งนิ่งๆ ขาลเห็นเพียงดวงแก้ว ลอยอยู่ เบื้องหลังมืด มองไม่เห็นอะไรเลย พยายามทรงภาพดวงแก้วนี้ไว้ ดูเหมือนว่า ความใสและสว่างของดวงแก้วจะเปลี่ยนแปลงได้ด้วยค่ะ จากที่สังเกต เวลาท่อง “โอมมณี รัตนา มหาพุงถา ภะวันตุเมฯ” ขายของดีอีกต่างหาก เจอลูกค้าแปลกหน้า บางคนขับรถ ผ่านก็ จอดรถกะทันหันเหมือนเพิ่งนึกได้ว่าจะซื้อ อืม แปลกดีค่ะ ขายดีจนบางทีเหนื่อย วันไหนอยากอู้ ก็งดท่อง อิอิ แต่ขาลไม่รวยหรอกนะค่ะ เงินของแม่ทั้งนั้น

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤศจิกายน 2013
  19. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    ถามเรื่องการแบ่งภาคมาเกิดของพระนารายณ์และพระพิฆเนศวร์

    ถาม : ตอนนี้ยังมีไหมครับ ... อย่างพระนารายณ์แบ่งภาคมาเกิด ?

    ตอบ : แบ่งภาคคงไม่ต้องแบ่งหรอกจ้ะ ถ้ามาคงมาเลย คำว่าพระนารายณ์ที่เป็นตำแหน่งไม่ใช่เป็นชื่อเฉพาะ ดังนั้นใครมากินตำแหน่งนั้นเขาเรียกว่าพระนารายณ์ ปัจจุบันเขาเรียกท่านพี่มเหสักข์ นอกจากท่านจะทำหน้าที่พระนารายณ์แล้วท่านยังเฝ้าทางเข้าพระจุฬามณีด้วย ถ้าหากท่านพ้นตำแหน่งไปองค์อื่นก็มาเป็นเขาเรียกพระนารายณ์เหมือนกัน ถ้ามาเกิดคงมาเกิดเลยเรื่องแบ่งภาคไม่มีหรอก แบ่งไม่ออก (หัวเราะ)


    พราหมณ์เขาเก่งเขาตั้งเทวดาได้ คือเขาจะกำหนดว่าเทวดาชื่อนั้นมีความสามารถอย่างนั้น ๆ เสร็จแล้วทางข้างบนเขาก็ลำบากกันเพราะว่าการเคารพเทวดาตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าคือเป็นเทวตานุสสติ ระลึกถึงความดีของเทวดาท่าน แต่ว่าพรหามณ์เขาไม่ระลึกถึงความดีในลักษณะที่ว่าเทวดาดีอย่างไรแล้วทำตาม เช่น เทวดาต้องมี หิริ รู้จักละอายชั่ว โอตตัปปะ เกรงกลัวผลของความชั่วจะให้ผล หรือว่าอย่างน้อยต้องมีศีลห้าบริสุทธิ์ เป็นต้น ถ้าหากว่าเป็นพรหมซึ่งถือว่าอากาศเทวดา ชั้นสูงขึ้นไปอย่างน้อยต้องได้ฌานสมาบัติเขาไม่ได้ดูตรงจุดนี้ แล้วก็ไม่ได้ทำตามตรงจุดนี้ เขาใช้วิธีอ้อนวอนร้องขออย่างเดียว แต่ว่าก็ยังเป็นการยึดในเทวตานุสสติ ในเมื่อเป็นการยึดความดีในคำสอนของพระพุทธเจ้า

    พระอินทร์ซึ่งถือว่าเป็นหัวหน้าเทวดาก็เลยต้องหาผู้มารับตำแหน่งรับหน้าที่ตามนั้น ผู้ใดมีความสามารถใกล้เคียงกับที่เขากำหนดไว้ เอ้า ! เขาว่าไว้ต้องเก่งอย่างนั้น ต้องดีอย่างนั้น มีความสามารถด้านนั้นก็หามารับตำแหน่งไป


    อย่างพระศิวะของเขาในปัจจุบันก็คือท่านปู่พระอินทร์รับไปอย่างนั้น พระแม่อุมาเทวี ก็ท่านย่ารับไป แต่ว่าประวัติเทวดาของเขาแต่ละอย่างพิลึกพิลั่นบางทีกิเลสท่วมหัวยิ่งกว่ามนุษย์อีก เช่นพระอินทร์ไปเป็นชู้กับเมียพระฤๅษีก็มี....อะไรอย่างนี้ ของเขาสนุกมากประวัติเทวดาแขกลองไปอ่านดู


    ถาม : พระพิฆเณศวร์ล่ะครับ ?

    ตอบ : พระพิฆเณศวร์ก็มีจ้ะ ปัจจุบันนี้ก็คือท่านปิยะสิกขะรับตำแหน่งอยู่ เป็นตำแหน่งเฉย ๆ ใครมารับตำแหน่งก็เรียกพระพิฆเณศวร์ ท่านเป็นเทพเจ้าแห่งศิลปวิทยาการทั้งปวง แต่ท่านไม่ได้มีเศียรเป็นช้างอย่างที่เห็นนะ ที่เป็นช้างนั่นตามตำราพราหมณ์เขาว่าไว้ จริง ๆ แล้วท่านหล่อกว่าชายงามจักรวาลอีก เรื่องนี้โกหกหรือเปล่าพระก็เล่าไปเรื่อยนะ จับผิดไม่ได้โกหกมันไปเรื่อยอย่างนั้นพูดหน้าตาเฉยอย่างกับรู้จักกันดี (หัวเราะ) ว่าไปเรื่อยเปื่อย... มันเป็นตำแหน่งของเขา



    ที่มาจ้ะ :

    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนสิงหาคม ๒๕๔๔
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    http://palungjit.org/threads/%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%86%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%A8%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B9%8C.128305/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤศจิกายน 2013
  20. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    เรื่องรู้เลยตาย

    ไฟล้างโลกและพระศรีอาริย์ตรัส

    บันทึก เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2512

    ความจริงเรื่องรู้เลยตาย หรือรู้ก่อนเกิดนี้ ฉันเองก็ไม่ใคร่อยากจะพูด และไม่อยากจะเชื่อถือนัก เพราะดูแล้วมันเลยธงไปไม่น้อยเลย แต่มาอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง คนเขียนๆ เรื่องรู้เลยตาย และรู้ก่อนเกิดไว้มากมาย เช่นรู้ว่า เมื่อสิ้นศาสนานี้แล้ว ไฟบัลลัยกัลป์จะไหม้ถึงภควพรหม ดูเรื่องมันมากมายนัก ฉันสงสัยไม่หายว่า


    ไฟอะไร จะดันไปไหม้แม้แต่เทวดาและพรหม ดูมันพิลึกพิลั่นมากมายเกินพอดี เมื่ออารมณ์สงสัยเกิดขึ้น ฉันก็อดที่จะอยากรู้ตามความจริงไม่ได้ ในที่สุดคืนของวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2512 นนทากับประสบสุขมาฝึกกรรมฐาน ฉันนั่งคุมกรรมฐาน ความสงสัยเรื่องรู้เลยธงเกิดขึ้นมาขวางจิต จึงถามท่านผู้รู้ที่เป็นสัพพัญญูวิสัย ท่านทรงพยากรณ์ให้ทราบดังนี้


    สิ้นศาสนา

    หลังจากกึ่งพุทธกาลไปแล้ว 4,000 ปี จะมีไฟล้างโลก ล้างแต่โลกมนุษย์เท่านั้น ไม่ลุกลามไปถึงเทวดา ท่านบอกว่า ความชั่วที่จะเป็นเหตุให้ไฟล้างนั้น เป็นผลของสัตว์ที่สร้างอกุศลกรรมมากมารวมตัวกันอยู่ เป็นสมัยสัตว์นรกครองโลก มีแต่ความเร่าร้อน หาความสงบสุขไม่ได้ ความจริงแล้วมันเริ่มมีความเร่าร้อนตั้งแต่ก่อนกึ่งพุทธกาล 15 ปีแล้ว จากนั้นไป พวกอธรรมเกิดมาก มีอำนาจวาสนามาก ทำให้ความสงบสุขไม่มี เพราะพวกอธรรมเป็นพวกเห็นแก่ตัวมากกว่าเห็นแก่ส่วนรวม (หลังจากไฟล้างโลกแล้ว) โลกจะร้าง ไม่มีต้นหญ้ากอไม้ แม้แต่น้ำในมหาสมุทรก็ไม่มีไปครบ 1,000 ปี


    หลังจากนั้นแล้วจะมีฝนใหญ่ตกลงในมนุษย์โลก แม่น้ำและมหาสมุทรจะเต็มไปด้วยน้ำ พื้นโลกและชุ่มชื้น ต้นหญ้าต้นไม้ จะเริ่มงอกงามขึ้นเป็นลำดับ จนโลกทั้งโลกกลายเป็นป่าไม้ หลังจากโลกที่เขียวชอุ่มไปด้วยต้นไม้ใบไม้นั้น ทิ้งระยะนาน 1 หมื่นปี สัตว์โลกเริ่มเกิด สัตว์และคนที่มาเกิดยุคต้นนั้นไม่ได้อาศัยบิดามารดาเป็นแดนเกิด มาเกิดแบบอุปปาติกะ คือมาเกิดด้วยอำนาจกรรม คือเป็นตัวคนขึ้น จะยังไม่มีพระอาทิตย์ พระจันทร์ส่องแสง มีแสงสว่างเกิดจากอำนาจบุญของแต่ละคน


    คือมีแสงสว่างออกจากตัวเองเป็นสำคัญ เรื่องอาหารนั้น ในระยะแรกยังไม่ต้องการอาหาร มีความอิ่มด้วยธรรมปีติ เพราะแต่ละคนที่มาเกิด ล้วนแล้วแต่มาจากเทวดาหรือพรหมทั้งนั้น ไม่มีสัตว์นรกหรือเปรตเจือปน โลกจึงเต็มไปด้วยความสุข หาความทุกข์ไม่ได้ นอกจากกฎธรรมดา คือความเสื่อมของสังขาร เรื่องการทะเลาะยื้อแย่งไม่มี คนทุกคนเป็นคนสวยหมด มีผิวขาวเหลือง เนื้อละเอียดทั้งหญิงและชาย มีแต่คนรวย ไม่มีคนจน มีแต่คนใจบุญ ไม่มีใครใจบาป


    พระศรีอาริย์มาตรัส

    เมื่อโลกมีมนุษย์ และสัตว์บริบูรณ์ มีดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์แล้ว ระยะเวลานับแต่มีสัตว์โลกเกิดในโลก เวลาล่วงมาได้ล้านปี คนสมัยนั้นมีอายุครองตนเองได้ 4 หมื่นปีเป็นอายุขัย ท่านว่าตอนนั้นพระศรีอาริย์จะมาตรัสเป็นพระพุทธเจ้า เขตที่ท่านลงมาตรัสสมัยปัจจุบันเรียกว่า เขตเมืองพม่า


    คณะคอยพระศรีอาริย์

    คนกลุ่มหนึ่งที่บำเพ็ญบารมีคอยพระศรีอาริย์ตามปฏิญญาที่ให้ไว้หลายพุทธสมัยนั้น ท่านหัวหน้าทรงพระนามว่า “โกสีห์” จะสร้างเมืองแถวด้านเหนือของเมืองพม่า เรียกว่า เชียงตุง ปัจจุบันให้ชื่อเมืองว่า สีหนคร รวบรวมลูกหลานทั้งหมดมาร่วมบำเพ็ญกุศล และเป็นอุปฐากใหญ่ของพระศาสนา ในที่สุดก็นิพพานทั้งตระกูล


    ในศาสนาพระศรีอาริย์


    เรื่องของพระศรีอาริย์นี้ เวลานี้ชักจะยุ่งมากทีเดียว เพราะไม่ว่าไปทางไหน ก็พบพระศรีอาริย์เกลื่อนไปหมด ที่โน่นก็พระศรีอาริย์ ที่นี่ก็พระศรีอาริย์ เล่นเอาชาวบ้านอานกันเป็นแถว เพราอยากเป็นบริวารพระศรีอาริย์ ส่วนพวกร้านค้าก็บอกว่า ระหว่างนี้เข้ายุคภาษีอาน ฟังแล้วคล้ายๆ กัน เขาเล่าว่า พวกเสมียนเก็บภาษี เมื่อเวลาเอาเงินไปให้ ทำหน้าเหมือนหมาถูกน้ำร้อน เก็บเพิ่มทุกปี ได้หรือไม่ได้ในการค้าฉันไม่ทราบ


    แต่พ่อค้าแม่ค้าต้องเสียภาษีมากกว่าปีที่แล้วๆ ไม่อย่างนั้น เจ้านายจะไม่ให้เงินเดือนขึ้น แถมทำท่าเก๊กๆ เสียด้วย พ่อค้ามาเล่าให้ฟังว่า เจ้าพวกนี้ ถ้าเป็นพ่อค้าบ้าง มีหวังแย่งหมากิน คำนี้ได้รับฟังจากพ่อค้าใหญ่เมืองชัยนาท เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2512 นี้เอง มาพูดกันเรื่องพระศรีอาริย์กันดีกว่า เรื่องภาษีอานนั้นพูดไม่ออกแล้ว พอใจหรือไม่พอใจก็ต้องเสีย เป็นเรื่องของยุคทมิฬ ห้ามพูด เมื่อบ้านเมืองยุ่ง ทางกลุ่มศาสนาก็พลอยกลุ้ม


    เพราะเมื่อมีความเดือดร้อน ชาวโลกก็อยากพบพระศรีอาริย์ เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุข คราวนี้เองเป็นเหตุให้พระศรีอาริย์อวตาร หรือโงนเงนเหมือนต้นตาลลงมาก็ไม่ทราบ เกิดมีพระศรีอาริย์โผล่หน้ามาพร้อมกันหลายองค์ อยู่ตามถ้ำตามเขาบ้าง ตามกลุ่มชนในชนบทบ้าง ไม่รู้ว่าอวตารลงมาอย่างไรพร้อมกันในยุคเดียวกันตั้งหลายอาน บางรายก็สวดด่อน เขาว่าอย่างนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาสวดกันอย่างไร บางรายเฉพาะที่เขาตะพาบ เมืองอุทัย เห็นสวดดะไม่ใช่สวดด่อน


    ที่เมืองลพบุรีก็มี รายนั้นทำงานมงคล นิมนต์พระผีมาสวดเป็นแถว เห็นตั้งอาสนะไว้ แต่ไม่เห็นมีพระ มีคนเขาบอกว่าท่านนิมนต์หลวงพ่อศุข หลวงพ่อปาน หลวงพ่อแช่ม ฯลฯ และอีกหลายท่านให้มาสวดมนต์ ในงานยกธงธรรมจักร นิมนต์พระผีมานี่ ลดค่าครองชีพดีมาก ท่านสวดมนต์ก็เสียงไม่ดัง นั่งก็ไม่เปลืองที่ เลี้ยงอาหารก็ไม่เปลือง สบายใจดีแล เรื่องอย่างนี้มันเป็นไปไม่ได้ นอกจากจะโกหกกันเพื่อหวังลาภผลเท่านั้นเอง เอาอะไรเป็นจริงเป็นจังไม่ได้ ขึ้นไปบนสวรรค์ทีไร พบพระศรีอาริย์ทุกคราว แถมท่านบอกมาด้วยว่า ที่เขาเข้าทรงและว่าฉันไปนั้น ฉันไม่เคยไปเลย เรื่องก็จบกันเพียงนี้



    ต่อไป มาพูดกันถึงศาสนาพระศรีอาริย์กันดีกว่า ท่านว่า ศาสนาของท่านนั้น มีผลดังนี้

    1. คนสวยทุกคน มีผิวเหลือง เนื้อละเอียด คนแก่ที่สุดมีทรวดทรงเท่ากับคนอายุประมาณยี่สิบปีเศษสมัยนี้เท่านั้นเอง อายุคนสมัยนั้น ท่านว่ามีอายุถึง 4 หมื่นปีเป็นอายุขัย

    2. สมัยของท่าน ไม่มีคนจน มีแต่คนรวย มีต้นไม้สารพัดนึกอยู่ในที่ทุกสถาน สัตว์นรก เปรต อสุรกาย มีจิตใจชั่วร้ายยังไม่มีโอกาสเกิดในสมัยของพระองค์ ท่านที่จะไปเกิดนั้น ต้องเป็นเทวดาหรือพรหมเท่านั้น โลกจึงมีแต่ความสุข ไม่มีตำรวจทหาร มีแต่พ่อบ้านแม่เรือน


    3. การสัญจรไปมา ก็สะดวกสบาย ไปทางไหนก็พายตามน้ำ

    4. คนเข้าถึงธรรมทุกคน ท่านว่าคนที่เจริญสมถะพอมีญาณ หรือมีวิปัสสนาญาณบ้างพอสมควร จะเข้าถึงธรรมาพิสมัยได้โดยฉับพลัน คือเป็นพระอริยเจ้า

    คนที่ได้อริยต้นแล้ว จะเข้าถึงอรหัตผลได้โดยฉับพลัน


    คนที่ทำบุญไว้น้อย คือฟังคาถาพันและปฏิบัติตามแต่ไม่สมบูรณ์ อย่างต่ำก็เข้าถึงสรณคมน์ อย่างสูงก็ได้อริยะ ที่เป็นอย่างนี้เป็นเพราะท่านบำเพ็ญบารมีถึง 16 อสงขัย กำไรแสนกัป ท่านบำเพ็ญบารมีมาก คนเลวจึงเข้าแทรกแซงในศาสนาของพระองค์ไม่ได้ น่าเกิดจริงนะ


    เรื่องกระจุ๋มกระจิ๋มอย่างนี้ เขียนไว้ให้อ่านเล่น จริงหรือไม่จริง ไม่มีผลที่จะพิสูจน์ได้ด้วยตำรา ต้องอาศัยฌานและญาณช่วยจึงจะทราบผลแน่นอน ถ้ามีวิริยะอุตสาหะแล้ว ไม่ช้าก็พากันมีความรู้สึกที่จะพิสูจน์ได้ ฟังไว้แต่อย่าเชื่อ และอย่าเพิ่งปฏิเสธ จนกว่าเราจะมีฌานและญาณพอจะพิสูจน์ได้ สำหรับเรื่องขอยุติเท่านี้ วันหน้าถ้ามีเวลาพอ จะเอาเรื่องโลกเกิดมาเขียนให้อ่านเล่น



    ที่มาจ้ะ : http://www.watthasung.com/wat//viewthread.php?tid=1575
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...