ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย modpong, 8 พฤษภาคม 2010.

  1. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .....................................
    ...หวัดดี....April..เด็กบ่อผุด..เด็กน้อย..aeziss..kotaro..Thongchat
    ..เด็กวัดป่า..หลานเขม..เฉียวฟงหลานรัก..และ..porpek
    ......................................
    ...ต่อจากตอนที่แล้ว....
    ........................................
    ........แต่ก็ยังดี..ที่มีทะเลขวางกั้น..อีกอย่าง..คือ..พวกทมิฬที่อพยพจากถิ่นฐาน..เข้ามาที่เกาะ
    นั้น..มีเป็นกลุ่มเล็กๆ..แผนการที่จะปลดแอก..ทางวัฒนธรรม..ความเชื่อ..และ..แนวคิด..
    ..จึงง่ายกว่า..เริ่มต้น..ที่..พระราชา..ให้การสนับสนุนในการ..เผยแพร่..ของพุทธ..เต็มที่...
    ..เชื้อเชิญ..สงฆ์เข้ามาในเกาะ..จำนวนมาก..สร้างเสนาสนะ..ที่อยู่ให้เป้นการถาวร..และ..กระจาย
    ไปยังชุมชน..ทุกที่..ให้ผู้คน..ได้สัมผัส..ฟังเทศน์..ฟังธรรม..จากพื้นฐานที่ดี..ของคนสิงหล..
    รวมถึง..ที่ผมได้กล่าวมาที่แล้ว..ชาวพื้นบ้านเองในใจลึกๆ..ก็คงไม่อยากเป็นทาศ..วัฒนธรรม
    ของต่างชาติ...ยิ่งรู้ว่า..พระราชาและ..ราชวงศ์..หันมานับถือกัน..ความเลื่อมใสศรัทธา..จึง..
    ขยายตัวอย่างรวดเร็ว...ทุกอย่าง..ที่ต้องใช้เงินทุนสร้างมากหน่อย..พระราชาก็อุปถัมภ์....
    ...........ลหักฐานเกี่ยวกับ..ความผูกพัน..และการสื่อสาร..ระหว่าง..พระเจ้าอโศก..กับ..
    ทางศรีลังกา..รุ่งเรือง..เพราะได้มี..การค้นพบ..อักขระพราหมี..ยุคพระเจ้าอโศกฯ..ที่ศรีลังกา
    ด้วย...ขณะที่อินเดียทางตอนใต้ไม่พบ...แสดงว่าน่าจะมีผลมาจากศาสนาด้วย...
    .......ผมว่า..การฟังธรรม..การสอน..การอบรมของพระสงฆ์..ในยุคแรก..นั้น..อย่างเดียวคงไม่
    พอ..ที่ทำให้คนที่..คนที่เคยขอพรพระเจ้าอยู่..หันมาเปลี่ยนเป็นพุทธ..อย่าลืมว่าขึ้นชื่อว่า..
    ..ศาสนา..นั้นต้องเป็นที่พึ่งทางจิตใจ..เป็นอันดับแรก...ผมจึงเชื่อว่า..การสวดของพระสงฆ์
    ...ที่เรียกว่า..สวดให้พรนั้น..ก็น่าจะพัฒนาขึ้น..ในที่นี้..เป็นพวกแรกๆด้วย..เพราะไม่งั้นคงเอา
    ชนะ..พราหมณ์-ฮินดู..ไม่ได้เด้ดขาดแบบนี้...การพระสงฆ์ขอพลังแห่ง..พระพุทธคุณ..
    ..พระธรรมคุณ..พระสังฆคุณ..มาให้พรแก่..พุทธศาสนนิกชน..มันก็สามารถ..ทดแทนไปได้เยอะ
    ..ผมเชื่อว่าในยุคเริ่มต้น..คนธรรมดาก็คงไม่ได้ขอพรพระกันเอง......
    .....แต่เมื่อ..มาถึงของ..การสร้างพระพุทธรูป..ที่กระจายลงมา..ที่แคว้นอมราวดี..ทางตอนใต้..
    ...พอลงมาถึงศรีลังกา..ก็เลย..เหมือนพบสวรรค์ที่รอมานาน..เพราะจะได้บูชาองค์แทนของ
    พระพุทธเจ้าสักที...มี..การสร้างพระพุทธรูปเป็นการใหญ่..ทั้งแกะสลัก..จากหิน..และ..หล่อ
    จากสัมฤทธิ์...ยิ่ง..แกะเข้าไปในเขา..เป็นพระพุทธรูปยิ่งชอบ..เพราะสามารถ..ทำให้ท่าน..
    องค์ใหญ่โต..สง่า..และ..คงทนถวร..อีกต่างหาก..ซึ่งพบได้หลายแห่ง..ในศรีลังกา..
    ......พุทธศาสนา..จึง..ฝังลึก..เข้าไปในหัวใจของ..คนสิงหล..เพราะมีรูปเคารพ..การขอพร..
    ก็คงเกิด..ขึ้นเป็นธรรมชาติ..ตามมา..เพราะคนที่ไปไหว้รูป..นั้นเหมือนกับ..การขอพรต่อ
    พระพุทธรูป..ก็เหมือนเป้นการพูดคุยเป็นส่วนตัว..ช่วยคลายทุกข์ได้..เพราะทุกข์บางอย่าง
    ก้ไม่สามารถอธิบาย..หรือ..เปิดเผยให้คนรอบข้างได้......
    .....พุทธศาสนา..ในลังกามั่นคง..และมีรูปแบบ..ที่พัฒนาให้สอดคล้องกับ..คนในชาติ..
    ..ถึง.กับ..เมื่อทางอินเดีย..พุทธเริ่มไม่แข็งแรง..หมดยุคพระเจ้าอโศก..ยุครุ่งเรืองไปแล้ว..
    ..ทำให้การสังคายนาพระไตรปิฎก..ครั้งที่ ๕ เมื่อ..พ.ศ. ๔๖๐ เกิดขึ้นที่..ศรีลังกา..และ..ก็
    ต่อเนื่องมาอีก..สองครั้ง..คือ..ในครั้งที่ ๖..และ..๗...เป็นหลักฐาน..ความมั่นคงของพุทธใน
    ..ศรีลังกา...

    ...............ต่อตอนหน้า...........
     
  2. split

    split เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +582
    รอติดตามตอนต่อไปครับ
     
  3. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    สวัสดีครับอาจารย์ ขอสอบถามหน่อยครับ
    ๔.โล่ห์มองโกล..คุณสมบัติเหนือกว่า..ฝรั่งมากมาย..เพราะ..ทำด้วยหน้าม้าตากแห้ง..ซ้อนกันหลายๆชั้น..จนแข็งโป้ก..มันจะมีการหยุ่นตัว..รับ..
    แล้วของไทยทำจาก หนังควายตากแห้งหรือเปล่าครับสำหรับชุดป้องกันนะครับ
    แล้วอย่างแม่ทัพ นายกอง เวลาออกศึกใส่ชุดแบบเดียวกับพลทหาร หรือต่างกันครับ
    หรือจริงแท้ไทยโบราณ ไม่ใส่เสื้อ เวลาออกรบครับ
    .............
    ..ต่อจากเมื่อวาน..(เรื่องการแต่งกาย)......
    ..............................
    .....ไม่มีหลักฐาน..ปรากฎอย่างแน่ชัด....
    ...แต่จากการประเมินแล้ว....โดยปกติ..ชายไทย..ตั้งแต่สุโขทัย..ลงมานั้น..
    ....อยู่บ้านหรือ..ทำงาน..ก็ไม่ใส่เสื้ออยู่แล้ว....
    ....ขึงคาดได้ว่า..ตั้งแต่..ไพร่พลธรรมดา..จนถึงหัวหมู่นั้น..คงไม่ได้ใส่เช่นกัน
    ......สำหรับ..นายกองขึ้นไป..ตงใส่..เสื้อแน่..เพราะนอกจากมีตำแหน่งบรรดาศักดิ์แล้ว
    ...จำเป็น..ต้องให้ไพร่พล..ในความรับผิดชอบ..เห็น..เพื่อสะดวกและคงามชัดเจน..ในการสั่งการ
    บังคับบัญชา..คลอดจนให้..ความคุ้มตรอง
    ..นอกจากมีเสื้อ..ก็จะมี..หมวกเข้ามาเพิ่มเติมด้วย
    ..เพราะถ้าเวลาตะลุมบอน..
    ..มันคงมอง..ยากมากว่า..ใครเป็นใคร.....
    ..........................................
    ....ส่วนของ..มองโกลนั้น..เรื่องเครื่องแต่งกาย...
    ..แน่นอน..ชุดเกราะ..ก็ต้องแตกต่าง..โดยเฉพาะ..ที่ต้องเด่นชัด..
    ...ต้องเห็นเด่นชัด(ตามเหตุผล..ข้างบน)
    โดยเฉพาะ..หมวก..ลักษณะ..ของมัน..ต้องมีสี
    ของส่วนประดับ..และ..ส่วนประดับที่แตกต่างกัน...ตามลำดับชั้น..
    ..เช่น..พู่..ที่ทำจากขนนกเหยี่ยวพิริกริน..หรือ..นกอินทรีย์ทอง...
    ....มันจะโด่..สูงขึ้นไป..ให้เห็นได้ชัดเจน..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2014
  4. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ธรรมจักร อ่านข้อความ
    สวัดดีครับคุณลุง เคยอ่านเกี่ยวกับ เตมูจิน แล้วต้องบอกว่ากองทัพม้าของท่านข่านในสมัยนั้น

    ไร้ผู้ต้านทานจริง ๆ และอาวุธที่เด็จขาดอีกอย่างของกองทัพม้าเห็นว่าเป็นธนูนี่เอง

    ....................
    ..ต่อจากเมื่อวาน..(เรื่องมองโกล)
    .............................
    ..ก.ลูกธนู
    ..................
    .............ลูกธนู..ของทางยุโรปในยุคนั้น..ถ้าไม่ได้มีการเตรียมการ..หรือวางแผนการใช้ไว้ก่อน
    ...ก้จะมีแต่..ลูกธนูหัวเหล็กธรรมดา....ซึ่งถ้ายิงในระยะไกลนั้น..อานุภาพการเจาะทะลวง
    ..จะลดลง..สำหรับไพร่พล..ทั่วไปคงไม่มีปัญหา..แต่ถ้า..เป็นอัศวิน..ต้องผ่าน..เกราะ ๒ ชั้น
    ..เพราะ..นอกจาก..เกราะด้านในที่เป็นโซ่ถักนั้น(ตอนนี้ก็นึกถึงภาพในหนัง..พวกอัศวินไว้)
    ..ยังมีเกราะด้านนอก..ที่เป็นแผ่นเหล็กด้วย..อาจไม่ถึงเนื้อ..หรือถ้าถึง..ก็ตื้นไม่ลึก..
    ....ลูกธนู..ที่ต้องมีแผนไว้ก่อน..และ..เตรียมตัวไว้ก่อนการรบ...ก็คือ..ธนูเพลิง..
    ....ที่ใช้เชือกพันที่..หัว..และ..ชุบน้ำมันดิน..เตรียมไว้....
    .................ต่างจาก..ของ..มองโกล......
    ....นักรบแต่ละคน...จะพก..ลูกธนู ๓ ชนิดไว้..เป็นปกติ..คือ..ติดตัว..หรือ..ห้อยไว้ที่ข้างม้า
    ...โดยตลอด...เพราะจุดเด่นในการรบ..ของมองโกลคือ...
    .........การรบที่ห่างตัว..ไม่ใช่การรบประชิด....
    ....ลูกธนู..ทั้ง ๓ ประกอบด้วย....
    ๑. ลูกธนูสังหาร..ทั่วไป..ใช้..คั้งแต่ล่าสัตว์..จนถึง..คน..หัวทำจากเหล็ก..
    ๒. ลูกธนูเจาะเกราะ..ไว้สำหรับ..คนโดยเฉพาะ..โดยเฉพาะ..พวกอัศวิน(อัศวินเท่านั้น
    ที่สวมเกราะที่เป็น..แผ่นเหล็ก..อยู่ด้านนอก..)...ยิ่งเมื่อระยะการยิง..ทำในระยะห่าง..เช่น..
    ..ซุ่มดักยิง..และกลยุทธล่อหนีให้ตาม...
    ......หัวธนู..จะทำจากเหล็กกล้า..ที่เกิดจากการเผา..ตี..ชุบน้ำ..หลายๆครั้ง..และ..อาจมีเทคนิคอื่น
    ประกอบด้วย..เอาเป็นว่า...มันเป็นเหล็กกล้า..ที่แข็งแกร่งกว่า..เหล็กทั่วๆไป..แล้วกัน..
    ......แต่ใช่ว่า..ลูกเจาะเกราะนี้..จะใช้กับ..เกราะของฝรั่งอย่างเดียว....
    ...แต่มันยังมี..เกราะพิเศษ..อย่างหนึ่ง..ที่ชนชั้นขุนพล..ของจีน..นิยม..ซึ่งอาจไม่ใช้
    กันทุกคน..เพราะ..มันแพง...ต้องมีการมอบให้เฉพาะเป็นการส่วนตัว..หรือไม่ก็
    ซื้อหากัน..มาใช้เอง....
    .................ต่อพรุ่งนี้.................
     
  5. เขมทัต

    เขมทัต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2007
    โพสต์:
    623
    ค่าพลัง:
    +2,252
    รอติดตามตอนต่อไปครับอา กำลังสนุกเลยครับ
     
  6. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    แล้วตาของพวกมองโกลโบราณ เป็นตาสองชั้นหรือชั้นเดียวครับ
     
  7. เฉียวฟง

    เฉียวฟง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,190
    ค่าพลัง:
    +4,913
    บทความของคุณอา สนุกและน่าติดตามทุกตอนเลย..รออ่านตอนต่อไปครับ:cool:
     
  8. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    pic_moghuls-babur.jpg

    ..เอารูปมาให้ดูกันเล่นๆ..ประกอบ..เรื่องใหญ่..และ..เรื่อง..ที่ถามๆกัน....
    ...นี่คือภาพเขียน..จำลองเหตุการณ์..ตอนที่พระเจ้าบาร์เบอร์..ต้นราชวงศ์โมกุลบุก
    อินเดีย.....
    ...ให้สังเกต
    ๑. หมวกของกษัตริย์..จะมีพู่..ให้เห็นเด่นชัด..
    ๒. การแต่งกายของ..ทหาร..เสื้อเกราะ..ทหาร..และ..เกราะประดับม้า..
    ..ล้วนมีอิทธิพล..ของ..มองโกลทั้งสิ้น..เกือบเหมือนกัน....
    ๓. เกราะ..ของ..ม้านั้น..โดยปกติแล้ว..จะใช้กันกับ..กองทหารม้าหนัก..หรือ..
    ..กองทหารม้าหุ้มเกราะ..โดย..มองโกล..จะมีทั้ง..กองทหารม้าหนัก..
    ..และ..กองทหารม้าเบา(..ม้าไม่หุ้มเกราะ..เคลื่อนที่เร็ว..โจมตีฉาบฉวย..)...
    ๔. ทหารทุกคน..จะมี..ธนู..ติดตัว..แม้แต่กษัตริย์..เช่นเดียวกับ..
    ทหารมองโกลดั้งเดิม....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2014
  9. camalon

    camalon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2009
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +112
    รออ่านต่อครับ ชอบ ๆ ๆ
     
  10. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .....................................
    ..ไม่ว่า..ยุคไหน..ถ้าเป็นมองโกลพันธุ์แท้...ละก็
    ..มีเอกลักษณ์..คือ..หุ่นตัน..หน้าสี่เหลี่ยม..
    ..และ..ตาชั้นเดียว...ไปเปิดในGooGleรูปภาพ..
    ดู..คนมองโกลยุคปัจจุบัน....
    ..การเข้ามาของมองโกล..ในยุคราชวงศ์หยวน..
    ..ก็เลย..พลอยทำให้คนจีนภาคเหนือ..มีเค้าโครง
    ใกล้เคียงนี้ไปด้วย..เพราะมียีนส์ผสม...
    ....คนจีน..สมัยก่อน..ถ้าโครงหน้าไม่เรียว..หน้าบานๆ...ตาชั้นเดียว..ตาตี่...เราประเมินได้เลย..ว่า..
    ..พื้นเพเดิม..อยู่แถวๆปักกิ่ง...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2014
  11. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .....................................................
    ...หวัดดี...April..porpek..หลานเขม..เฉียวฟงหลานรัก..และ..Kotaro
    ........................................
    ...ต่อจากตอนที่่แล้ว....
    ...........................................
    ......ในช่วงสังคายนาครั้งที่ ๗ นั้น..ก็เป็นที่ยอมรับกัน..ของชาวพุทธโดยเฉพาะหินยานว่า
    ..ที่นี่..คือ..สูนย์กลางของพุทธศาสนาในยุคนั้นเมื่อต้น..พุทธศตวรรษที่ ๑๗..รุ่งเรืองมาก
    ..แม้แต่อำนาจทางทหาร..เพราะพระเจ้าปรากรมพาหุ..นั้น..ทรงก้าวข้ามไปที่แผ่นดินใหญ่..
    ..เข้าตี..พวกทมิฬ..จนแตกกระเจิง..เรียกว่า..เป็นไม้เบื่อ..ไม้เมากันมาตลอด....
    ....พระสงฆ์..ในยุคนั้นที่นั่น..เป็นที่พึ่งของชาวบ้านได้..อย่างน้อย..พวกผู้ชายที่เข้าบวช..
    ..ก็มีโอกาศเรียนหนังสือ...พระสงฆ์ก็คงได้เรียนรู้การแพทย์..ช่วยรักษาผู้คนตามสมควร....
    ทดแทนพวกพราหมณ์..ที่..ลดบทบาทลง..และส่วนใหญ่..กลับไปแผ่นดินใหญ่......
    .............นี่แหละ..พุทธ..เริ่มมีส่วนในชีวิต..ชาวบ้านมากขึ้น..เริ่มเป็นที่พึ่งพิงได้.......
    .........ในยุตทองนี้เอง..ที่..พระสงฆ์จากลังกาเริ่มกระจายออกไป..และ..มาปักหลักเผยแพร่..
    ลัทธิแบบลังกาวงศ์..กันที่..นครศรีธรรมราช.....
    ......ความในแหลมทองนั้น..ต้องถือว่า..พม่าได้รับเอาพุทธศาสนามาก่อนใคร.....
    ..เพราะเนื่องจากพื้นที่ด้านตะวันตก..อยู่ติดกับชมพูทวีป..และใน..ยุคพระเจ้าอโศก..นั้น..
    ..พุทธศาสนาก็เริ่มเข้ามาแล้ว...ชนชาติในพม่า..ซึ่งมีกันหลายเผ่า..ทั้งพม่า..มอญ..ไทยใหญ่..
    ..เมื่อ..พุทธศาสนา..รุ่งเรื่อง..ชาวเผ่าต่างๆ..ก็ได้นับถือด้วย...แล้วก็ถ่ายเข้าไทย..โดยเฉพาะ..
    มอญ..ที่..มีพื้นที่..ติดกับไทย..ในยุคอาณาจักรทวาราวดี...ก็มีหลักฐานมากมาย..ที่ค้นพบ..
    ..พุทธแบบหินยาน..ก็..กระจายจากฝั่งตะวันตก..เหนือ(แถบล้านนา)..แล้วก็ข้ามไปถึงอีสาน
    ด้วย....
    ....แต่ขณะเดียวกันนั้น..
    ......พื้นที่ภาคกลางและ..เหนือตอนล่าง..เรานั้น..ได้อิทธิพลจาก..พุทธมหายาน..ที่มาจาก..
    อาณาจักรขอมอยู่เดิม....ซึ่งเราดูจาก..พุทธลักษณะ..ของพระร่วงของสุพรรณฯ
    ..พระร่วงของลพบุรี...ได้ชัดเจน...
    .......ถ้าคุณช่างสังเกต..จะได้เห็นศิลปลูกผสม..ของ..หินยาน..และ..มหายาน..ได้..ใน..
    ........................พระสกุล..ลำพูน...ที่สร้างโดยพระนางจามเทวี...........
    ....พระองค์ไม่ใช่คนเหนือ..(ชื่อ..ก็พอชัดเจนว่า..เป็นพระเทวี..ของ..จาม..(จาม..ก็คือ..ชนชาติ
    โบราณ..ที่อยู่ในเขมร..แล้วก็กลายมาเป็น..ขอม..ในกาลต่อมา))...แต่มาจาก..ลพบุรี.....
    ..ซึ่ง..เป็นดินแดนพุทธมหายาน...อยู่แล้ว...เมื่อขึ้นไปอยู่เมืองเหนือ..ซึ่งเป็นดินแดนพุทธแบบ
    หินยาน...การสร้างพระก็เลยเอาพุทธศิลป..ของ ๒ แบบ..มาผสม..กัน....(ผมเคยเล่าไปแล้ว..ว่า
    พระนาง..เสด็จไปครองเมือง..ก็ต้อง..ขนช่างฝีมือจากบ้านเกิดไปด้วย..แน่นอน)..
    .............เมื่อพระเจ้ารามคำแหงมหาราช..ได้กำจัดอิทธิพล..ขอมจนหมด..จากไทย..บ้านเมือง
    ..เริ่มลงตัว..ก็หันมาจัดการศาสนา...เนื่องจากพื้นฐานพระองค์..อยู่ด้านที่ใกล้เมืองเหนือ..
    ..และ..คงเป็นพุทธแบบหินยานอยู่แล้ว..ก็คงคิดจะทำให้พุทธ..ในไทยเป็นแบบเดียวกันหมด
    ...แม้จะเป็น..หินยานด้วยกัน..แต่ก็มีหลายสาย..เมื่อพระองค์ได้ข่าวว่า..ทางเมืองนครฯ..ชาว
    พุทธมั่นคง..และ..มีแบบแผนดี..พระองค์จึงได้เรียกพระสงฆ์ลังกา..ที่อยู่นั้น..มาที่สุโขทัย..
    ..แล้วพระองค์..คงพอใจกับ..รูปแบบของลังกา...พระองค์จึงรับเอาลัทธิลังกาวงศ์..เข้ามา..
    เป็นรูปแบบ..ทั่วอาณาจักร..ของพระองค์......

    ...................ต่อตอนหน้า..............
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2014
  12. เด็กบ่อผุด

    เด็กบ่อผุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2014
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +12,659
    เลิกงานเสร็จรีบมาโกยความรู้ต่อ ขอบคุณครับ:cool::cool::cool:
     
  13. split

    split เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +582
    รอติดตามตอนต่อไปครับ
     
  14. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ..ต่อจากเมื่อวาน (เรื่องมองโกล)
    ..........................

    .....ไอ้เกราะ..ที่ีว่า..ก็คือ.."เกราะหนังแรด"...ตามข้อมูล..นิยมกันมาตั้งแต่..สองพันกว่าปีมาแล้ว...ตั้งแต่..จีนยังแบ่งกันเป็นแคว้นๆรบรา..ฆ่าฟันกัน..ก่อนจิ๋นซีฮ่องเต้
    ..จะได้ครองเมืองจีนทั้งหมดด้วยซ้ำ....
    ....แรดที่ว่า..นี้..ก็คือ..แรดเอเซีย..เช่น..แรดสุมาตรา..แถบอินโด..และ..คงรวม
    พวก..กระซู่..ที่มีอยู่ในแหลมทองด้วย..คนทั่วไป..นึกว่า..เขาเอาแต่..นอ..ขอโทษ
    ..มันคงไม่คุ้ม..เพราะไม่ได้มีเยอะ..แบบหมูป่า..
    ....ก็ใช้วิธี..แล่หนัง..ตากแห้ง..แล้วก็ตัดมาเป็นชิ้นๆ..ประกอบขึ้นเป็นตัวเกราะ
    ....ที่ได้รับความนิยม..เพราะ..เราดูจากหนังควาย..ตากแห้งมันยังทั้งแข็งและเหนียว
    ..ขนาดนั้น..หนังแรด..มันยิ่งกว่าไม่รู้กี่เท่า..พวกธนูธรรมดา..นี่อย่างเก่ง..
    ..ก็ปักอยู่แค่ภายนอก...ดาบถ้าเล่มไม่ใหญ่..โดนไม่จังก็ไม่เข้า...
    ....แล้วมองโกล..ก็..ทำสงครามกับ..พวกซ้องเป็นเวลานาน..ก่อนมาบุกยุโรป
    ด้วยซ้ำ..ก็..คงประดิษฐ์..ขึ้นมาใช้ในทำนองนี้ด้วย....
    ๓. ลูกธนูเพลิง....ซึ่ง..ผมเห็นก็ไม่ทราบในรายละเอียดเท่าไหร่ว่า..
    ในยุคนั้น..มองโกล..จะใช้เป็นลักษณะขี้ไต้ทำคบเพลิง..เอามาหุ้ม..หรือใช้..เชือกชุบน้ำมันดิน....
    ....ธนูเพลิง..นั้นสำหรับมองโกล..การที่..เคลื่อนที่เร็ว..บุกไปเรื่อย..และ..ถอนตัวเร็ว
    นั้น..มีผลมาก..เพราะเมื่อมองโกล..บุกทำลาย..ค่ายพักศัตรู..หรือ..เมืองเล็กๆนั้น..
    ...มองโกล..จะไม่พักที่นั่นจะไปต่อ..และพักที่อื่น..จึงใช้ธนูเพลิง..ทำลายให้สิ้นซาก
    ..เพื่อป้องกัน..ไม่ให้เป็นฐานที่มั่น..อีกต่อไป..ป้องกันการรวมตัวอีก....เพราะ...
    มองโกลเอง..ก็รู้ว่าไปรบเสร็จ..ก็ต้องกลับ..แล้วบุกเข้าไปลึกมาก..เวลาที่กลับ...อาจ
    โดนพวกศัตรู..ที่เหลือ..หรือ..พวกอื่นนำไปใช้..เอาย้อนกลับพวกตนได้..
    ..................แต่ผลทั้งหมด..คือ..การที่มีอาวุธใช้เฉพาะงาน..ติดต้วตลอดเวลา..ทำให้..การปรับเปลี่ยนแผนมีความคล่องตัว..ตามสภาวะที่เปลี่ยนแปลงระหว่าง..การรบ..ได้ดี.....
    ..ข. เทคนิคการยิงธนู..

    ...........ต่อพรุ่งนี้...........
     
  15. คนบ้านสะแก

    คนบ้านสะแก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +432
    ติดตามตลอด ชอบมาก ได้เห็นภาพมุมกว้าง ที่มาที่ไป ขอบคุณครับ
     
  16. เขมทัต

    เขมทัต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2007
    โพสต์:
    623
    ค่าพลัง:
    +2,252
    ขอบคุณครับอา รอติดตามตอนต่อไปครับ

    เรื่องมองโกลสนุกแถมได้ความรู้มากเลยครับ
     
  17. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ............................................
    ...ความจริง..ไม่ได้ตั้งใจ..จะให้มันยาว..แต่คำถามพาไป...การที่ทำให้มองโกลเก่ง..มันไม่ได้..มีแค่..เขามีธนู..ที่ทรงประสิทธิภาพ...อาไม่อยากให้ใครเข้าใจอะไร..แค่ผิวเผิน..การตอบเรื่องราวแค่..พอให้ผ่านไป
    ..มันไม่ใช่วิสัย..ของอา..เราคงรู้เพราะตามกันมาหลายปี....
    ..มันก็เลยต้องแจกแจง..ว่า..มีอะไรบ้าง..ที่เป็นองค์ประกอบ..ให้เขาเก่งซึ่งจริงๆแล้ว..ถ้าเขียนแจกแจงให้ละเอียด..ก็คงประมาณ..พ็อคเก็ตบุ๊ค ๓๐๐ หน้า..
    ...อาก็เอามาเขียนแค่เคร่าๆ..ก็พอ..นี่มันเสี้ยวในแต่ละหัวข้อ..เท่านั้น..แต่..พอถึง..หัวข้อที่สำคัญที่สุด..
    แต่..ยังห่าง..ที่จะพูด..คราวนี้..ละ..แค่เสี้ยวเดียว..
    ..แต่ก็คงยาวเฟื้อย..เพราะทำให้มองโกล..เป็นนักรบ
    แบบที่..ยอมรับในสากลว่า..เป็นสุดยอด..หรือ..
    ELLITE warrior....ก็คือ....

    ........SUBOTAI BAHADUR......
    ...จีนเรียก..ซู่ปู่ไถ......หรือ..
    ......SUBEDAI.......
    ....แต่ยังไง..รับรองว่า..ไม่ได้เขียนเป็นแบบ..ประวัติชีวิต..และ..ผลงาน..แบบที่คนอื่นเขียน....
    ...แต่จะเขียน..แบบพยายามทำความเข้าใจในการเป็นตัวตน..ของเขา....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2014
  18. เขมทัต

    เขมทัต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2007
    โพสต์:
    623
    ค่าพลัง:
    +2,252
    ในความคิดอา ระหว่างมองโกล กับกุรข่า พวกไหนเก่งกว่ากันครับ
     
  19. Dek_watpa

    Dek_watpa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,608
    ค่าพลัง:
    +4,517
    ต้องขอบคุณมากๆครับสำหรับเรื่องราวดีๆ ที่มีรายละเอียดอย่างชัดเจน ผู้ที่จะเขียนได้แบบนี้ต้องศึกษาอย่างดี พวกเราจึงได้มีความรู้เพิ่มขึ้นอีกเยอะเลยครับ มารอฟังต่อตอนหน้าครับ
     
  20. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .............................................
    ...ไอ้อย่างงี้วัดกันไม่ได้หรอก..เพราะ..คนละยุค...
    ฐานข้อมูลก็แตกต่างกัน...ถ้าถามว่า..ยีนส์ใครเข้มข้นกว่า...อันนี้บอกได้ว่า...กุรข่า...

    ๒๐๐ปี ๓๐๐ ปี..ยังไง..ลักษณะนิสัย..กุรข่า..ไม่เปลี่ยน..
    ..กล้า..บ้าเลือด..ยังไง..ก็ยังเหมือนเดิม..
    ...ไม่งั้น..อังกฤษไม่ยอมให้..ทหารกุรข่าที่รับใช้
    กองทัพอังกฤษ..ครบเทอม..กลายเป็น..บริติช ซิติเซ็น..(..คนที่ใช้ชีวิต..ตั้งรากฐานอยู่ในอังกฤษได้)..หรอก...
    ....ไม่รู้ว่า..เคยเล่าหรือยัง...ตอนช่วงท้ายสงครามโลกครั้งที่ ๒ อังกฤษระดม..ทหารเพื่อเข้ายึดเยอรมัน..โดยการนำทหาร..ขึ้นเครื่องบินลำเลียงพล..แล้วไป..กระโดดร่ม..ที่สมรภูมิ...
    ....ปรากฎว่า...หน่วยทหารกุรข่า..ก็ถููกส่งไปด้วย..
    ..แต่ร่ม..เกิดหมด..ไปไม่ได้ทั้งหมด..ปรากฎว่า..
    ด้วยความเสียดายกลัวจะไม่ได้..รบ..เหมือนเพื่อนที่มีร่ม...บอกกับ..ผู้บังคับบัญชาที่เป็นอังกฤษว่า...
    ...ไม่เป็นไร..พวกผม..โดดตัวเปล่า..ก็ได้....
    ..กลายเป็นเรื่องJoKE..ทั้งๆที่..เป็นเรื่องจริง...
    ..

     

แชร์หน้านี้

Loading...