ฝันไปถึง เมืองบังบด เมืองผี แดนลับแล แล้วแต่จะเรียก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย jarujun, 21 มกราคม 2015.

  1. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    แล้วเจ้าหอหน้า กับพระอนุชา ก็ทรงดำเนินเข้าห้องของแต่ละพระองค์ไป
    สิงห์ก็ได้แต่ไปเฝ้าหน้าบานประตู มิกล้าตามเข้าไป ด้วยทรงปิดประตูตามหลัง
    มิให้สิงห์มีโอกาสได้เข้าเฝ้ารับใช้ไกล้ชิด

    สิงห์นั่งทอดถอนใจ เหลือบมองบานประตูห้องทรงประทับสองห้องสลับไปมา
    ก็ไม่มีพระองค์ใดเสด็จออกมา จนแล้วจนรอด จนเวลาล่วงเที่ยงวัน

    หนูอินพร้อมด้วยบ่าวไพร่จึงมาตั้งเครื่องเสวย แล้วแม่หนูอินก็เคาะประตูเรียก
    ห้องทรงประทับของพระอนุชาหรือคุณหลวงศักดิ์

    คุณหลวงศักดิ์ก้าวออกมา ในฉลองพระองค์งามนัก แม้แต่แม่หนูอินยัง
    มองอย่างแปลกใจนัก จนต้องอุทาน "คุณหลวง งามนักเจ้าค่ะ"
     
  2. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ปล. เน็ตเน่ามาก ป้าทนไม่ไหวละ ไปต่อพรุ่งนี้
     
  3. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    สิงห์เหลือบมองคุณหลวงศักดิ์ บัดนี้นอกจากฉลองพระองค์งดงามด้วยผ้าไหม
    สลับดิ้นทอง ช่วงท่อนแขนและคอ จุงกระเบนก็งามนัก ทรงเลือกชุดในโทนสีเขียว
    ซึ่งเป็นสีที่พระองค์ทรงโปรด อีกทั้งพระเกศายังหวี แลลงน้ำมันจนผมดำขลับ เรียบแปล้ พระพักตร์โกนพระมัสสุดูสะอาดตา
    จนแลเห็นไรพระหนุ(คาง)เขียวตัดกับพระโอษฐ์สีแดงเรื่อเป็นธรรมชาติ และดวงตาดำขลับ
    ที่มีแววรื่นรมย์ในพระอารมณ์ อิ่มใจกับคำชมตามประสาคนซื่อของแม่หนูอิน

    เพลานี้พระอนุชา ทรงงามเกินชายทั้งปวง ที่ข้อพระหัตถ์ มีพระะธำมรงค์งดงามอยู่หลายวง

    ยังไม่ทันจะหายตะลึง เจ้าหอหน้าก็เสด็จออกมาบ้าง และทำให้ตะลึงซ้ำสอง
    ด้วยพระองค์ทรงแต่งองค์อย่างงดงามเช่นกัน แต่ทรงฉลองพระองค์โทนสีน้ำเงินเข้ม ตามที่ต้องพระทัยและโปรดปรานที่สุด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2016
  4. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ทั้งสองพระองค์ทรงดำเนินมาประทับที่ตั่งที่เตรียมเครื่องเสวยไว้แล้ว
    แม่หนูอินยังตะลึงงัน อยู่ที่หน้าประตูห้องของพระอนุชา จนไม่ได้มารับใช้

    แม้แต่สิงห์เองก็ยังฉงน เมื่อคราอยู่พิษณุโลกสองแควแม้อยู่ในพระตำหนัก ก็ไม่
    แต่งองค์งดงามเช่นนี้ เหมือนเจ้าหอหน้าจะรู้และเพื่อไม่ให้หนูอินสงสัย
    จึงตรัสเบาๆว่า
    "เพลานี้เป็นบุญนัก พ่ออยู่หัวทรงมีพระเมตตาจักให้เราสองพี่น้องเข้าเฝ้าหน้าพระพักตร์
    เป็นการส่วนพระองค์ จึงจักเตรียมการเสียแต่เนิ่น ขบวนหลวงจักมารับเพลาเย็น"

    หนูอินได้สติ รีบคลานมานั่งชิดพระอนุชา
    "คุณหลวงศักดิ์ จักไปแล้วหรือเจ้าคะ มาไม่กี่เพลา" น้ำเสียงดูเศร้าสร้อยนัก
    พระอนุชา ยกมือขึ้นลูบหัวแม่หนูอิน แล้วตรัสด้วยพระสุรเสียงอ่อนโยนว่า
    "ไม่ต้องห่วงดอก แม่หนูอิน ครานี้พี่จักพาแม่เข้าไปชมวังหลวงเป็นบุญตา
    ถึงเพลาอันเป็นฤกษ์งาม เจ้าจักได้ไปเข้าเฝ้าด้วย"

    หนูอินได้ยินความนั้น ถึงกับตกใจ "ไม่นะเจ้าคะ หนูอินมิกล้าเข้าเฝ้าเจ้าฟ้า เจ้าแผ่นดิน
    เกรงจักทำไม่ถูกพระทัย เกรงพระอาญา หนูอินขอรออยู่ที่เรือน คุณหลวงเรื่องใหญ่
    เพียงนี้อย่าเย้าหนูอินเล่นเลยเจ้าค่ะ"

    เจ้าหอหน้าทรงตรัสด้วยพระสุรเสียงดุ จนหนูอินและสิงห์สะดุ้ง
    "เรื่องเช่นนี้ ใครจักกล้าเอามาเอ่ยอ้างเล่น จงรีบไปแต่งตัวให้งามสม ด้วยเครื่อง
    ที่คุณหลวงศักดิ์เตรียมไว้ให้เจ้าที่ห้อง ไปบัดเดี๋ยวนี้"

    หนูอินน้ำตาแทบร่วงด้วยความกลัว รีบคลานไปที่ห้อง เห็นบ่าวหญิงสองสามคน รีบตามไปช่วยแต่งตัวตามพระบัญชา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2016
  5. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    สิงห์ยังไม่ทันหายงงกับพระอารมณ์ของเจ้าหอหน้า บ่าวหญิงก็ยกสำรับ
    งดงามมาตรงหน้า มีอาหารคาวหวานครบถ้วนแกะสลักอย่างสวยงาม

    สิงห์เงยหน้ามองพระพักตร์เจ้าหอหน้า แต่เป็นพระอนุชาที่ตรัสด้วยน้ำเสียงอบอุ่นดังเดิม
    "สิงห์เอ๋ย รีบกิน แล้วจงเร่งอาบน้ำ ชำระเนื้อตัว แต่งกายให้งามสม เป็นบุญนัก
    จักได้พบพ่ออยู่หัว จงบรรจงแต่งกายให้ปราณีต ให้สมที่พ่ออยู่หัวรอเจ้า"

    สิงห์รีบกลืนอาหารไม่ได้สนใจในรูปรสของอาหาร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากินอะไรเข้าไปบ้าง
    แล้วรีบไปอาบน้ำบนเรือน ขัดสีฟันด้วยต้นข่อย แล้วแต่งชุดอันงามที่เจ้าหอหน้าประทานให้
    โดยมีบ่าวหญิงมาช่วยแต่งกายถึงสองคน อีกทั้งยังมีน้ำปรุง และน้ำมันหอมใส่ผม
    สิงห์บรรจงหวีผมโกนหนวดเคราเขียว จนเอี่ยมอ่อง พอแต่งตัวเสร็จ บ่าวหญิงแรกรุ่นทั้งสองก็ส่งยิ้มให้อย่างเอียงอาย
    กับความงามอันคมเข้ม

    แล้วรีบออกมานั่งข้างตั่งที่ประทับ แล้วสิงห์ก็เหลือบไปเห็นแม่หนูอิน ที่ถูกแต่งตัว
    ให้ด้วยชุดสีกลีบบัว แลยังมีตุ้มหูและสร้อยทอง กำไลทอง ลายพิกุลทั้งชุด
    ผมก็หวีไว้จนเงางาม หน้าตาแต่งด้วยแป้งผัด ดูงามสมวัยสดชื่นตานัก

    แต่ยังแลไม่สมใจ ก็หันไปสบสายพระเนตรของพระอนุชาที่มองมา จึงเสก้มมองพื้นเสีย
    เห็นทีแม่หนูอินเข้าวังครานี้ คงจักมีเหตุแน่แท้
     
  6. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ยังไม่ทันถึงเพลาค่ำ ก็มีขบวนม้าของชายฉกรรจ์เกือบสิบคนสวมชุดผ้าไหม
    ดูเรียบร้อยงดงามนัก มาถึงเรือน ขุนแก้วในชุดผ้าไหมเรียบร้อย ก็รีบนำความขึ้นกราบบังคมทูล
    เจ้าหอหน้า และพระอนุชารีบลงเรือนไป ทรงไม่กล่าวทักทายผู้ใด ขุนสิงห์
    กับแม่หนูอินรีบลงเรือนตามไป เห็นเจ้าหอหน้าและพระอนุชาขึ้นม้ารออยู่ พร้อม
    ชายฉกรรจ์ทั้งสิบ และขุนเข้ม ขุนทองที่บัดนี้แต่งกายด้วยชุดผ้าไหมสีเขียวเข้มเป็นสีเดียวกับชายฉกรรจ์ทั้งสิบ
    แม่หนูอินยืนเก้กังอยู่ไม่รู้จักไปทางใด

    พระอนุชาทรงพยักเพยิดให้หนูอิน "มานี่ พี่จักพาเจ้าไปเอง"
    สิงห์ไม่ทันคิดอะไร รีบยกเอวแม่หนูอิน ให้ขึ้นไปนั่งม้าด้านหน้าพระอนุชา
    แต่ได้สายพระเนตรขุ่นด้วยความไม่พอพระทัยจากพระอนุชาแทน

    แล้วบ่าวชายก็จูงเจ้านิลกาฬ ม้าคู่ใจที่ได้รับจากขรัวอินทร์มา แล้วส่งดาบสองมือให้สิงห์สะพาย
    บนหลังเจ้านิลกาฬมีห่อสัมภาระ และดาบทองที่พันไว้อย่างเรียบร้อย

    สิงห์รีบขึ้นหลังเจ้านิลกาฬ ตามขบวนเสด็จที่ออกไปโดยมิรอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2016
  7. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    อัพเดท ข่าว สถานธรรมโลกอุดรวนาราม (ป่ามรกต) ที่อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่
    พระอาจารย์ ดร.ฐานี ได้นำญาติธรรมไปปฏิบัติธรรม

    มองแล้วงดงามมากค่ะ สาธุ

    อนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่เคยร่วมบุญ ค่ะ

    ปล.ดูในรูปซิจ๊ะ มีพลังงานบางอย่าง มาทักทายเต็มไปหมด

    ปล.2 เมืองบังบดก็มานะจ๊ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2016
  8. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    อัพเดทบุญ บูรณะ อุโบสถถูกไฟไหม้ วัดหล่ายหิน อ.ลี้ จ.ลำพูน
    ตอนนี้ได้บูรณะองค์พระประธาน และพระอัครสาวก
    ขัดและเตรียมปิดทองต่อไปค่ะ

    สาธุ อนุโมทนาบุญกับทุกท่านค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ขบวนม้าเคลื่อนไป จากเพลาบ่ายคล้อย อากาศร้อนอบอ้าว
    ชุดของสิงห์ชุ่มไปด้วยเหงื่อ แต่ไม่เท่าความรุ่มร้อนในใจที่อยากฟัง
    ความจริงจากพระโอษฐ์ของพ่ออยู่หัวสืบเนื่องมาแต่ครั้งอดีตอันซับซ้อน

    จนพลบค่ำ จึงได้ข้ามเกาะเมืองเข้าไปสู่เมืองอโยธยาชั้นใน
    เพลานั้นแสงจันทร์เริ่มสาดส่อง กระทบไปตามทาง แสงดาวเริ่มฉายแสง

    สิงห์มองไปเห็นยอดพระปรางค์แลเจดีย์ อันงดงาม กระทบต้องแสงดาวและแสงจันทร์
    ลมเย็นพัดโชยเอื่อยมา หูแว่วเสียงแมลงกลางคืนร้อน ใบหน้ากระทบลมจากแม่น้ำที่ขนานไปรอบเกาะเมือง
    เย็นเข้าไปในทรวง แทรกไปตามผ้าไหม กลับรู้สึกเย็นสบาย

    แต่ขบวนมิได้ตรงเข้าสู่พระราชวังทองแห่งอโยธยา ขบวนเริ่มลัดเลี้ยวผ่านประตูเมือง
    เลาะไปตามกำแพงอิฐและป้อมสีขาว จนเข้าไปถึงบริเวณวัดอันงดงามแห่งหนึ่ง
    สิงห์ฉงนใจนักแต่ไม่ได้ถามผู้ใด วัดนั้นจุดคบเพลิงรอการมาของขบวนสำคัญ
    ยังไม่ถึงโบสถ์อันงดงาม ตามกำแพงวัด รอบบริเวณ เรียงรายไปด้วยพระพุทธปฏิมา
    อันงดงาม ต้นไม้ขนาดใหญ่ ถูกพันล้อมรอบด้วยผ้าจีวร

    เมื่อผ่านบริเวณกำแพงชั้นนอกของวัด พวกท่านขุนทั้งสิบที่มารับ ก็หยุดม้าและลงจากม้า
    ไปสมทบกับทหารหลวงที่รออยู่บริเวณโดยรอบ ซ่อนตัวอยู่หลังกำแพง และหลังพระพุทธรูปเหล่านั้น
    ราวสามสิบคน แต่เจ้าหอหน้าและพระอนุชาทรงควบม้าไปมิหยุด ขุนสิงห์ ขุนเข้ม ขุนทอง ขุนแก้ว
    รีบควบม้าตามไปเช่นกัน
     
  10. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    จนถึงหน้าโบสถ์อันสวยงามแสนวิจิตร โดยรอบทั้งสี่ทิศ มีเสมาทองงดงาม
    เสียงระฆังทองประดับโบสถ์ใบเล็กดังเบา เบา ตามจังหวะที่ลมพัด

    เจ้าหอหน้าทรงหยุดม้าแล้วลงจากหลังม้าที่บันไดทางขึ้นโบสถ์ พระอนุชารีบลงจากม้า
    แล้วรับตัวหนูอินลงมา ท่านขุนทั้งสี่ รีบลงตามไปเช่นกัน พระอนุชาทรงหันมาตรัสเบาๆว่า
    " ขุนแก้ว ขุนทอง ขุนเข้ม จงรอ"
    เจ้าหอหน้าทรงดำเนินขึ้นบันไดโบสถ์ แสงเทียนสีส้มอมทองลอดออกมากระทบประตูโบสถ์และช่องบรรณที่เปิดรับลม
    ดูงดงามพร่างพรายระยิบ ดั่งประตูสวรรค์ในความคิด
    ของสิงห์ ตนรู้สึกไม่สมควรที่จะก้าวขึ้นไปในโบสถ์ พระอนุชาทรงพระดำเนินก้าวข้ามประตูโบสถ์ไปโดยจูงมือแม่หนูอินตามไปด้วย
    สิงห์สูดลมหายใจก้าวข้ามประตูเข้าไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2016
  11. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    สิงห์เห็นแผ่นหลังอันงามของบุรุษผู้หนึ่งนั่งหันหลังให้ ผมดำสนิทเงางามดั่งขนนก
    คอเรียวยาว ผิวขาวละเอียด แม้แค่แผ่นหลังอันตั้งตรงนั้น สิงห์รู้สึกได้ถึงพลังอำนาจ
    อันน่าเกรงขาม รูปร่างของบุรุษผู้นั้นสูงใหญ่ แผ่นหลังกว้าง แขนขายาว กริยางามนัก

    แล้วเสียงอันเรียบทุ้ม อ่อนโยน ก็ดังขึ้น โดยไม่หันหน้ามาแม้เพียงนิด
    " นั่งลง แล้วปิดประตู จักได้กราบพระ "
     
  12. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    สิงห์รีบปิดประตู แล้วนั่งด้านหลังเจ้าหอหน้าและพระอนุชา ขนาบกับแม่หนูอิน
    มีเพียงสายลมเย็นจากหน้าต่างโบสถ์ที่เปิดอยู่ สิงห์เงยหน้ามองพระปฏิมาองค์ประธาน
    สีทองอร่ามในโบสถ์ และพระอัครสาวก อีกทั้งลวดลายจิตรกรรมฝาผนังอันงดงาม

    เจ้าหอหน้าและพระอนุชาดูสำรวมนัก สิงห์เห็นบุรุษด้านหน้าเปลี่ยนไปนั่งท่าเทพบุตร
    แล้วก้มลงกราบพระด้วยท่วงท่าอันงดงามทั้งสามพระองค์ แวบนั้นขรัวอินทร์ก็สว่างไสว
    ในจิตสิงห์ ขรัวอินทร์ยิ้มให้อย่างเมตตานัก สิงห์ก้มลงกราบพระ ลืมสิ้นทุกสิ่ง จิตเชื่อมสู่
    ขรัวอินทร์ ได้ยินเสียงบุรุษผู้นั้นกล่าวอารธนาพระรัตนตรัย ตามด้วยมนต์คาถาอีกหลายคาถา
    ปากและจิตของสิงห์ก็สวดตามไป ตามที่ขรัวอินทร์เคยสอนสั่ง

    บุรุษผู้นั้นและสามพี่น้องที่พลัดพรากจากกันไป ในที่สุดก็ได้ร่วมทำนองและชะตากรรมอีกครา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2016
  13. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    เสียงสวดจบลง พร้อมกับความรู้สึกเย็นไปทั่วร่าง อาการปิติเข้าสู้จิตสิงห์
    เมื่อลืมตาขึ้น สิงห์ก็พบว่า ชายผู้นั้นหันมาประจัญหน้ากับสิงห์ สายตาคู่นั้น
    ช่างดูคุ้นเคยนัก ไม่ว่าจะเป็นรูปหน้ายาว จมูก ปาก คางที่ผ่านิดๆ คิ้วเข้มเรียวยาว
    ไรผมรูปหัวใจ

    สิงห์รู้สึกเหมือนมองตนเองในกระจก มีความคล้ายคลึงกัน เพียงแต่บุรุษตรงหน้า
    มากวัยกว่าเพียงเท่านั้น ริมฝีปากยกขึ้นในท่าเหมือนจะส่งยิ้มมาให้ ในดวงตาคู่นั้น
    แวววาวไปด้วยน้ำตา สองมือนั้นยกขึ้นมาตรงหน้าสิงห์ ลูบไล้ใบหน้าด้วยความปราณี

    สิงห์เมื่อได้พบกริยาลูบไล้ด้วยความทะนุถนอมนั้น กลับก้มหน้าลง น้ำตาลูกผู้ชาย
    ก็ไหลรินออกมาโดยมิอาจกลั้นได้อีก แล้ววงแขนคู่นั้น ก็ค่อยๆโอบสิงห์เข้ามากอด
    สองพ่อลูกที่พลัดพรากกันไป กอดคอกันร้องไห้โดยไม่มีเสียงสะอื้นอยู่เช่นนั้นเอง
    ต่อหน้าพระพุทธรูป และการรับรู้ของเจ้าหอหน้าและพระอนุชา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2016
  14. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ไปธุระ ก.ท.ม. 2 วันนะจ๊ะ
     
  15. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    แล้วก็เป็นนิมิตอันงาม สายฝนพร่างพรมลงมาเบาๆ เย็นฉ่ำชื่นใจ
    พระสุรเสียงของเจ้าหอหน้า ก็กระซิบข้างหูสิงห์ พระสุรเสียงสั่นเครือเช่นกัน
    " กราบพระบิดาเสีย สิงห์เอ๋ย "

    สิงห์สูดลมหายใจ แล้วยกมือพนมขึ้นหว่างอก มองสายพระเนตรแห่งความรัก
    ที่ทอดมองลูกชายที่พลัดพรากไป แล้วก้มศรีษะลงด้วยความเคารพจากก้นบึ้งของ
    ดวงจิต กราบลงที่พระเพลา(ตัก)ของพ่ออยู่หัวแห่งอโยธยา

    พระหัตถ์ของพ่ออยู่หัวค่อยๆวางบนศรีษะของสิงห์ ด้วยอาการอันทะนุถนอม
    แล้วพระสุรเสียงอันอ่อนโยน ก็ตรัสเบาๆว่า

    " ขวัญเอ๋ย ขวัญมา ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย จงมาปกปักรักษาดวงใจของพ่อ"

    สิงห์เงยหน้า ที่พร่าเลือนไปด้วยน้ำตา ในหัวใจเอิบอิ่มไปด้วยความรักมากมายที่พระบิดาประทานให้
    รู้สึกและรับรู้ได้ แม้พระบิดาไม่ทันได้ตรัสว่ารัก แต่ในใจก็อยากฟังว่า
    เหตุใด ตนถึงต้องพลัดพราก เหตุใด ท่านแม่ถึงต้องมีชะตากรรมน่าเศร้าเยี่ยงเก่าก่อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2016
  16. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    พ่ออยู่หัวทรงเชยคางสิงห์ขึ้น แล้วตรัสเบาๆ พระโอษฐ์ยกขึ้นยิ้มนิดๆ

    "แปลกนัก ที่โบราณว่าเลือดข้นกว่าน้ำคงจักจริง เจ้าช่างเหมือนข้าราวกับพิมพ์เดียว
    แต่แววตางามเหมือนมารดาเจ้ามิมีผิด หวานซึ้งล้ำลึกนัก"

    ทรงทอดถอนพระปัสสาสะ แล้วทอดพระเนตรเหม่อมองไปที่ไกลแสนไกล นึกถึงอดีต
    ที่มิอาจหวนคืน เหลือไว้เพียงรอยแผลในพระทัย
    "ครานั้น โชคชะตาผกผัน พ่อต้องสูญสิ้นดวงใจทั้งดวง ลูกทั้งสามต้องไปเป็นเชลย
    เซ่นสรวงให้กับอำนาจแลแผ่นดินที่ต้องรักษา จักเดินหมากเยี่ยงไรก็มีแต่เพลี่ยงพล้ำ
    พ่อมิใช่คนขลาด แต่เหมือนพรหมลิขิต หลายเพลาพ่อยังครุ่นคิดย้อนมองกลับไป
    หากพ่อตัดสินใจเป็นอื่น เรื่องราวจักเป็นเยี่ยงไร พ่อหัวใจแตกสลาย แต่ที่มิอาจจัก
    อภัยให้คือพระมารดาของเจ้าหอหน้า ทรงตรอมพระทัย และโทษว่าเป็นพ่อคิดคดทรยศ
    มิอาจให้อภัย" ท้ายพระสุรเสียงสั่นเครือตามพระอารมณ์ เจ้าหอหน้าเอื้อมพระหัตถ์ไปกุมพระหัตถ์ของพระบิดา

    พ่ออยู่หัวทรงยิ้มเศร้าๆให้กับสิงห์
    "แม้นพระนางจะไม่กล่าวโทษในความผิด แต่พระนางก็มิยอมไกล้ชิดเสน่หาพ่อเช่นเดิม
    ในครานั้น พ่อได้รับพระราชธิดาของพ่อเมืองเอกของชาวไท(ใหญ่)มาเพื่อเป็นบรรณาการแสดงความสวามิภักดิ์
    เป็นพระธิดาองค์เล็ก ตามพระราชบัญชาของพ่ออยู่หัวบุเรงนอง ซึ่งพ่อมิอาจขัดพระราชบัญชาได้ พ่อในได้ให้สัตย์สัญญากับพระมารดาของ
    เจ้าหอหน้าว่า แม้นจักมีสนมกำนัล จักไม่รักหญิงใดนอกจากพระเทวี แต่พ่อก็มิอาจรักษาสัญญานั้นได้อีก เมื่อมาพบแม่ของเจ้า"
     
  17. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    "เรื่องราวมากมายในช่วงเพลานั้น ทำให้พ่อเหมือนคนตายไปแล้วทั้งเป็น
    แต่ก็ยังต้องออกว่าราชการ แลทนฟังคำกร่นด่าจากทุกฝ่าย ว่าทำไปเพื่ออำนาจราชบัลลังค์
    ต้องใช้กำลังกายแลกำลังใจ สิ่งที่ทำให้พ่อยังมีชีวิตต่อไปวันทุกวัน หวังเพียงว่าจักพาหน่อเนื้อและวงค์วาน
    ลูกทั้งสามกลับมาอโยธยา แล้วแม่จันทร์ ก็เข้ามาปรนนิบัติรับใช้พ่อเหมือนสายฝนที่ตกมาสู่พื้นดินที่แห้งเหือด
    แต่โชคชะตาไม่เคยเข้าข้างพ่อ เมื่อพ่อแสดงว่าโปรดปรานแม่ของลูก ก็เป็นเกมกลการเมือง นางถูกใช้เป็นเครื่องมือ
    ชะตาของแม่เจ้าช่างน่าสงสารเยี่ยงนัก โหราจารย์ซึ่งถูกบังคับด้วยขุนนางอโยธยา
    ได้ทำนายว่า แม่เจ้าจักมีครรภ์ และคลอดบุตรเป็นชาย บุตรนั้นจักเป็นดั่งเงาของ
    เจ้าหอหน้า แลจักมีบุญาธิการ แต่จักเป็นกาลีเมือง จักทำให้อโยธาแลพิษณุโลกสองแควเมืองแตก
    จักกลายเป็นใหญ่ด้วยแคว้นทางเหนือ จักทำให้ไม่มีชาวอโยธยา"

    คำทำนายนี้ แพร่ลามไปยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง เมื่อแม่เจ้าตั้งครรภ์จึงต้องปกปิดไว้
    หากชาวอโยธยาเอามาเป็นข้ออ้าง จักทำให้เจ้าทั้งแม่แลลูก มิมีชีวิตอยู่
    แม่ของเจ้าเป็นคนเสนอรับชะตาอันน่าเศร้า เพื่อให้ข้าได้เป็นพ่ออยู่หัวเมืองสองแควต่ออย่างไร้ข้อครหา
    แลรักษาลูกเอาไว้ นางจักขอตายไปจากเมืองสองแควและพ่อ นางงามทั้งกายและใจ
    และเสียสละเพื่อลูกและสามี ที่เจ้าต้องไปอยู่เมืองสุพรรณบุรี ด้วยเหตุที่ข้านั้นเคยเป็นสหายร่วมศึกของพระยา
    แลจวนของพญาสุพรรณบุรี เป็นจวนปิด หากมิใช่คนที่คุ้นจักล่วงเข้าไปมิได้

    เหตุผลทางการเมืองทำให้พ่อต้องมารักษาอโยธยาไว้ เพื่อให้เจ้าหอหน้า
    ที่เป็นสายเลือดของพระวงค์จักได้ครองสืบไป และอยากมาพบเจ้าและแม่เจ้าแม้เพียงซักครา
    พ่อหวังให้ลูกสิงห์ได้ใช้ชีวิตเยี่ยงสามัญ จักรัก จักกิน จักอยู่ และมีลมหายใจเพื่อ
    ตนเอง มิต้องแบกภาระเพื่อชาติแลแผ่นดิน "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2016
  18. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    " มีหลายครา ที่พ่ออยากไปหาลูก อยากกอดลูกแนบอกซักครั้ง ลูกสามคน
    ต้องพลัดพรากไปไกล ลูกคนสุดท้องแม้มีก็มิอาจเชยชมได้ พ่อคงทำบาปกรรมหนัก
    เพลาผ่านไปสองปี ขรัวอินทร์ก็เข้าเฝ้า แลกล่าวถ้อยความมากมาย แลให้พ่อสัญญา
    ว่าจักไม่พบลูก จนกว่าลูกจักมาขอพบพ่อเอง พ่อให้สัจจะไป แต่ก็ต้องทรมาน
    ถึงสิบแปดปีต่อจากนั้น จึงจักได้ดวงใจของพ่อกลับคืน ขรัวอินทร์ว่า แท้จริง
    ดวงของเจ้านั้น เป็นเงาของเจ้าหอหน้า จักเกื้อหนุนค้ำจุน แต่ด้วยบุพกรรมและคำสาป
    แต่อดีตชาติ จึงต้องพลัดพรากจากกัน เมื่อเวลามาบรรจบ ดวงจิตและร่างของลูก
    จักได้ทำคุณอันมหาศาลแก่แผ่นดิน แลเมื่อพ่อได้พบหน้าเจ้า พ่อจักจำเจ้าได้เอง
    ว่าเจ้าคือเลือดเนื้อเชื้อไขของพ่อ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2016
  19. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    เมื่อคืนหลับไปก็ฝันประหลาดค่ะ

    ฝันเห็น พระโพธิสัตว์ อวโลกิเตศวร ลอยมาในท่านั่งชันเข่า บนดอกบัวชมพู
    มาบอกให้ทานเจ ปีนี้

    ป.ล.ในนิมิตท่านไม่ได้เป็นสีทอง แต่งองค์ด้วยสีเขียวสลับชมพู ไม่รู้ว่าเป็นเพศชายหรือหญิง แต่พระพักตร์งามมมม มาก

    ป.ล.2 นิมิตของหมอดู ไม่ใช่ผู้ปฏิบัติเคร่งครัด คงยึดถือมิได้
    แต่ก็ปลื้ม ปิติ ในจิต จนเช้า
    สว่างไสวอยู่ในจิต

    ป.ล.3 นิมิตงดงาม มาก ฝันดี เป็นบุญตามาก เหมือนท่านองค์เท่าเรา
    พอมองอีกที ท่านองค์ใหญ่มาก เหมือนเราเป็นแค่เศษธุลี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    สิงห์ฟังที่พ่ออยู่หัวตรัส ใจที่เคยคุมแค้นโชคชะตา ก็คลายลง
    ก้มหน้าเผชิญชะตากรรม คงเป็นกรรมของตน มารดา และพระบิดา
    รวมถึงเจ้าหอหน้า พระอนุชา และพระพี่นางองค์โต ที่ต้องพลัดพราก
    จากบ้านไปตกสู่ถิ่นอื่น

    แล้วสิงห์ก็นำดาบทอง มอบคืนให้พระบิดา
    พ่ออยู่หัวอโยธยา ตรัสต่อไป พระหัตถ์ลูบดาบทองที่สลักเสลาสวยงาม

    "ครานั้น พ่อมั่นใจว่าจักได้ราชบุตร จึงมอบดาบทองให้ติดกายแม่เจ้าไป
    หากวันหน้า กลับมาพบกัน จักได้ใช้เป็นเครื่องแสดงตน มินึกเลยว่า
    แม้นมิมีดาบทองเล่มนี้ พ่อก็จักจำเจ้าได้ เช่นที่ขรัวอินทร์ เคยทำนายไว้จริง"
     

แชร์หน้านี้

Loading...