ฝันไปถึง เมืองบังบด เมืองผี แดนลับแล แล้วแต่จะเรียก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย jarujun, 21 มกราคม 2015.

  1. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    แล้วทั้งสอง ก็ยิ้มให้กันอย่างซาบซึ้งใจนัก

    เจ้าหอหน้า ตรัสเบาๆว่า
    "เสด็จพ่อ นอกจากเรื่องของสิงห์แล้ว น้องเล็กยังนำสตรีนางหนึ่งมาเข้าเฝ้า พะยะค่ะ"

    แล้วพระอนุชา ก็ตรัสอย่างอ่อนโยนว่า
    "เสด็จพ่อ มีหญิงผู้หนึ่ง ที่ลูกอยากให้มาเข้าเฝ้า กราบพระบาท ถวายตัว
    แม่หนูอิน คือคนที่ช่วยชีวิตลูก ตามที่เสด็จพ่อเคยพร่ำสอนลูกว่า
    หากลูกต้องใจหญิงใดอยากให้อยู่ร่วมทุกข์ ร่วมสุขในชีวิต ขอให้นำมาเข้าเฝ้า
    บัดนี้ได้เวลาอันควรแล้ว พะยะค่ะ"

    พ่ออยู่หัว ทอดพระเนตรแม่หนูอิน อย่างเพิ่งดำริได้ ว่าในโบสถ์นี้
    มิได้มีแค่ พระองค์ และพระราชบุตรทั้งสาม แต่มีสตรีแรกรุ่นรูปร่างบอบบาง
    หมอบกราบอยู่ที่พื้น ด้านหลังพระองค์เล็ก(พระนามที่พ่ออยู่หัวเรียกพระอนุชา)

    แม่หนูอิน ตัวสั่นอยากจะเป็นลม กับความลับที่ตนได้ล่วงรู้ และกับพระราชฐานะ
    ที่แท้จริงของคุณหลวงทั้งสองรวมทั้งขุนสิงห์ คิดไปต่างๆนาๆ ถึงเหตุการณ์ในคุ้ม
    ที่ตนเคยทำเมื่อครั้งยังเยาว์ มีหลายคราวที่ประมาทพลาดพลั้ง ทำกิริยาอันไม่สมควร
    ก็อยากตายไปเสียให้สิ้น คิดว่ากี่หัวของตนจึงจักพอ
     
  2. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    แม่หนูอินกลัวจนน้ำตาคลอ ตัวสั่น พ่ออยู่หัวทอดพระเนตรเห็นเช่นนั้น
    จึงตรัสเบาๆว่า
    "แม่หนูอิน เงยหน้าให้ข้าชมเถิด ว่างามเพียงใด จึงมัดใจ องค์เล็กไว้ได้"

    แม่หนูอินได้ฟังเยี่ยงนั้น ก็ส่ายหัวเบาๆ แต่มิกล้าเงยหน้าขึ้น ด้วยค้านในใจ
    ว่าตนมิได้มัดใจคุณหลวงศักดิ์ หรือพระราชบุตร ใจก็อยากให้คุณหลวงแก้ตัวให้
    ว่าตนเป็นเพียวบ่าวที่คุณหลวงชุบเลี้ยง แต่ก็ไม่รู้จักกล่าวคำราชาศัพท์เยี่ยงไร
    อธิบายเรื่องราวทั้งมวล ด้วยเมื่ออยู่คุ้มนั้น พระอนุชามิได้เคยทำทีเสน่หาแม่หนูอิน
    แม้นจักให้รับใช้ไกล้ชิด ก็มิเคยเอ่ยวาจาเกี้ยวเฉกเช่นหญิงชายมีรัก

    เจ้าหอหน้าทรงตรัสด้วยเสียงดุ
    "หนูอิน มิได้ยินรับสั่งหรือไร รีบเงยหน้าขึ้น บัดเดี๋ยวนี้"

    หนูอิน ตกใจพระสุรเสียงเจ้าหอหน้า หรือคุณหลวงเดช ที่ตนกลัวเป็นทุนอยู่แล้ว
    ก็รีบเงยหน้าโดยพลัน หน้าตาหวานๆ นองไปด้วยน้ำตา ผมเผ้าที่หวีมาอย่างดี
    ก็เริ่มหลุดลุ่ย แม้นจักแต่งตัวมางาม ด้วยผ้าไหมแลเครื่องทอง หนูอินก็ดูเด็กนัก
     
  3. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    พ่ออยู่หัว ทอดพระเนตรแล้วให้สงสารนัก คงจักกลัวการเข้าเฝ้า
    ทรงดำริในพระทัย มาดแม้นไม่งามเหมือนนางฟ้า นางในวังหลวง
    แต่ก็หมดจดดั่งบัวแรกแย้ม

    แล้วก็ทรงมีพระราชอารมณ์ขันในพระทัย องค์เล็กก็ช่างกะไร ใยสาวเจ้า
    ทำทีเหมือนไม่รู้ว่ามาเข้าเฝ้าถวายตัว เพื่อจักเป็นเมียเยี่ยงนี้ ดูดั่งพระราชบุตร
    ไปฉุดคร่าหญิงสาวที่ไม่เต็มใจมาเป็นเมีย ช่างไม่เข้ากับใบหน้าอันงดงามของ
    พระองค์เล็กเลย ยิ่งดำริ ก็ยิ่งทรงขำ จนต้องพระสรวลออกมาเบาๆ สร้างความ
    แปลกพระทัยให้เจ้าหอหน้า กับพระอนุชา รวมทั้งขุนสิงห์ และแม่หนูอิน
    ที่ต่างงงวย แม่หนูอินถึงกับหยุดร้องไห้

    ทรงตรัสว่า "แม่หนูอิน เลิกหมอบกราบเถิด ไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้นมาเสีย
    พ่อมีเรื่องจักถามเจ้ามากนัก ใครหนอช่างบังคับแม่หนูจนต้องร้องห่มร้องไห้
    บอกพ่อมาเถิด พ่อจักจัดการให้ ในแผ่นดินนี้ ไม่ว่าใครหน้าไหนพ่อก็ลงอาญา
    ได้มิมีเว้น"

    แม่หนูอินยืดตัวขึ้นนั่ง ตามพระบัญชา แล้วรีบทูลตามประสาคนซื่อว่า
    "คุณหลวงศักดิ์ บังคับให้หนูอินมาเจ้าค่ะ หนูอินกลัว"

    ขุนสิงห์ได้ฟังดังนั้น ทนไม่ไหว ถึงกับหัวเราะออกมา พ่ออยู่หัวก็ทรงพระสรวลเสียงดัง

    เจ้าหอหน้าทอดพระเนตรพระอนุชารูปงาม ที่ตอนนี้พระพักตร์แดงไปถึงพระกรรณ
    แล้วก็อดพระสรวลเบาๆ ไม่ได้เช่นกัน

    แม่หนูอินยิ่งอายที่ทุกคนหัวเราะ กับวาจาของตน ก็ยิ่งงงว่า ตนเอ่ยถ้อยคำใดที่น่าขันนัก


    ป.ล. ต่อพรุ่งนี้ ลาไปกับความน่ารักของหนูอินคนซื่อ งามโดยมิต้องแต่งเติม งามทั้งนอกและใน เหมือนบัวแรกแย้ม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กันยายน 2016
  4. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ช่วงนี้ อดีตฝั่งพญายักษ์ กับอดีตฝั่งพญาลิง มาตามหาป้ากันตรึมเลย ความลับของป้า
    คงมิใช่ความลับอีกต่อไป ก็ดีนะ มีผู้พิทักษ์เพิ่ม เหอ เหอ แต่ละตนล้วนแต่มีอิทธิฤทธิ์
    และอาวุธเทพทั้งน้าน

    ป.ล. เล่นซ่อนหาอยู่ตอนนี้ 555
    ป.ล.2 สงสัยประตูมิติมันเปิดแหงมๆเลย มึนหัวมากกก
    ป.ล.3 พวกยักษ์ และลิงมีฤทธิ์ในมิตินี้ มากกว่าที่ป้าคิดไว้เยอะเลย
    ป.ล.4 เอ่ยนามซะเลย ท่านท้าวกุมภกรรณ พิเภกยักษา พญาพาลี
    หนุมานชาญสมร และ อีกมากมายยยย
    ป.ล.5 คืนนี้คงต้องสวดถึง แล้วซินะ
    ป.ล.6 หรือเป็นเพราะกระแส ทศกัณฐ์ที่พูดกันไปทั่วบ้านทั่วเมือง
    ป.ล.7 นึกว่าเป็นแค่ตัวละครในโขน แปลกแท้
    ป.ล.8 เชิญรับยาช่อง 3 ค่ะ 555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กันยายน 2016
  5. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ชีวิตป้าปีนี้ อายุ 35 เค้าว่าเบญจเพศ สงสัยจะจริง

    ล่าสุดเพิ่งตกงาน !!! โดนให้ออก อีกต่างหาก อีกแล้ว เฮ้อ ชีวิตคือความไม่แน่นอน
    กว่าจะหางานใหม่ได้ ก็คงแย่ ช่วงนี้เลยขอใช้วิชาหมอดูเลี้ยงชีพ

    แต่แปลกคราวนี้ ที่ป้าเจอปัญหาที่เข้ามา ป้าไม่ฟูมฟาย ใจมันดันสงบ
    มันเศร้า แต่ความเศร้าแยกกับความรู้สึกตัว มันเกิดก็เพราะกรรมเก่าของเรา

    มีญาติธรรมผู้หวังดี โอนมาช่วยค่าเดินทางไปพิษณุโลก 2,000 บาท
    และอีกท่าน 500 บาท แต่ ก็ ไม่ รู้ ว่า จะ ไป ถึง ไหน ล่ะเนี่ย

    ป.ล. สาธุ อนุโมทนากับญาติธรรม
    สงสัยกฐินลำพูนจะมีอาถรรพ์ มันจะไปยากเย็นอะไรขนาดนี้้้้้้้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กันยายน 2016
  6. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ก่อนหน้านี้ ป้าเหนื่อยจิตเหนื่อยใจ ก็เลยอธิษฐานด้วยจิตตั้งมั่นว่า

    หากดวงจิตดวงวิญญานใด อยู่ภพใดก็ตามในสามโลกธาตุ
    ที่เคยให้สัตย์สาบานว่าจะปกป้อง คุ้มครอง รับใช้เรา
    ดวงจิต ดวงวิญญานใดที่เคยมีคุณต่อกันมาก่อน บัดนี้
    เราตกระกำ เผชิญเคราะห์กรรมอยู่ภพมนุษย์ ขอให้ท่านเหล่านั้น
    จงมาทำหน้าที่ หากใครที่ละเลย พรใดที่เราเคยให้ วิชชาใดที่เราเคย
    ประสิทธิ์ประสาท ขอพรนั้นจงคืนมาสู่เรา

    ดวงจิตดวงวิญญานใด ในสามโลกธาตุ หากเคยเป็นบุตรของเรา
    จงมาช่วยเหลือมารดาในอดีตชาติด้วยเถิด

    .....

    ป้าทำไรลงไปเนี่ย งานงอกกก

    จงกลับสู่เรา
     
  7. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    พ่ออยู่หัวทรงกระแอม แล้วตรัสว่า

    "กระนั้นหรือ แม่หนูอิน พ่อได้ยินเรื่องราวของเด็กน้อยผู้มีน้ำใจ
    นับว่าเจ้ามีคุณต่อแผ่นดิน ที่ช่วยชีวิตพระองค์เล็ก แม้นครานั้นยังเยาว์
    แต่ก็นับว่าควรได้รับรางวัลอันงาม ลูกทุกคนคือดวงใจของพ่อ เจ้าช่วยชีวิตลูกของพ่อก็นับว่าเจ้ามีคุณต่อพ่อ
    หากขาดดวงใจพ่อก็มิอาจมีชีวิตอยู่ได้ แม่หนูต้องการสิ่งใดอีกหรือไม่จักแก้วแหวน เงินทอง เพชรนิลจินดา พ่อจักประทานให้"

    แม่หนูอิน พูดตะกุกตะกัก
    "หนูอินมิอยากได้แก้วแหวนเงินทองอีก คุณหลวงศักดิ์ให้หนูอินเก็บไว้หีบหนึ่งเจ้าค่ะ
    หนูอินขอแค่ได้รับใช้คุณหลวงศักดื์เยี่ยงนี้ไปจนตาย เพื่อตอบแทนที่คุณหลวงศักดิ์
    ชุบเลี้ยง อบรม ให้หนูอินอิ่มท้องทุกมื้อ มีแพรพรรณอันงามใส่ หนูอินก็มิต้องการสิ่ง
    ใดอีกแล้วเจ้าค่ะ"
    หนุอินตอบตามประสาซื่อ ด้วยดวงตามุ่งมั่น

    พ่ออยู่หัวทรงรู้สึกเอ็นดูแม่หนูน้อยนัก แอบทอดพระเนตรมองพระองค์เล็ก
    ก็เห็นพระพักตร์อิ่มเอิบด้วยความปลาบปลื้มใจ จึงตรัสถามหนูอินต่อ

    "กระนั้นหรือ แม่หนู จะรับใช้คุณหลวงศักดิ์จนตาย พ่อว่าคงไม่งาม ครานี้
    แม่หนูคงรู้แล้วว่า คุณหลวงศักดิ์มิใช่คุณหลวง แต่เป็นลูกของพ่อ แลในวังหลวง
    แลวังจันทร์ที่พิษณุโลกสองแคว คุณหลวงศักดิ์รูปงามเพียงนี้ แม่หนูรู้หรือไม่ว่า
    คุณหลวงมีสนมกี่มากน้อย แต่ละนางต่างห้ำหั่นกันอยากไกล้ชิดพระองค์เล็ก
    แล้วแม่หนูจักได้รับใช้ไกล้ชิดได้เยี่ยงไร ล่ะแม่หนู"

    พระอนุชาตกพระทัยในคำพูดของพระบิดา

    เจ้าหอหน้าปั้นพระพักตร์ให้เข้มขรึม

    ส่วนสิงห์ กลืนน้ำลายแอบลอบมองหน้าแม่หนูอิน พลางคิดว่า
    พระบิดาวาทศิลป์เป็นเลิศ อีกทั้งวางกลยุทธ์เป็นเลิศ ราวกับ
    พระองค์ล่วงรู้จิตใจคนที่สนทนาด้วยกระนั้น
     
  8. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    แม่หนูอินได้ฟังดังนั้น ก็หน้าสลดลงจนเห็นได้ชัด
    แต่ก็ฝืนพูดด้วยเสียงสั่น น้ำตาเม็ดโต หยาดออกจากดวงตางาม
    ที่บัดนี้เศร้าหมองลง แต่แววตายังมุ่งมั่นเช่นเดิม

    "หนูอิน มิบังอาจไปเทียบกับพระสนมของพระองค์เล็ก หนูอินเป็นเพียงบ่าว
    หากพระองค์เล็กมีเมตตา คงให้หนูอินรับใช้ หนูอินเพียรฝึกฝนทำทุกอย่างที่
    พระองค์เล็กต้องการ มาดแม้นวันใดคุณหลวงมีผู้รับใช้ต้องใจกว่า หนูอิน
    ก็ขอเพียงพระองค์เล็กให้หนูอินได้เข้าเฝ้าบ้าง ชีวิตหนูอินมิเหลือใครแล้ว
    พระองค์เล็กเป็นที่พึ่งสุดท้ายของหนูอิน หากพระองค์เล็กมีกิจมาก หนูอิน
    ก็จักทำใจยอมรับชะตาเจ้าค่ะ"

    ว่าแล้วแม่หนูก็ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา ก้มหน้าลงอย่างเศร้าสลด ไหล่บอบบาง
    ไหวน้อยๆ อย่างไม่อาจเก็บอาการสะอื้นได้

    พระอนุชาจะเอื้อมพระหัตถ์ไปโอบไหล่หนูอินไว้ แต่ต้องชะงัก เพราะ
    พระสุรเสียงของพ่ออยู่หัว ตรัสด้วยพระสุรเสียงจริงจัง

    "พ่อว่า หนูอินน่าจะออกเรือนได้แล้ว"

    หนูอิน ตกใจจนหยุดร้องไห้

    "ไม่นะเจ้าคะ หนูอินไม่อยากไปจากพระองค์เล็ก"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2016
  9. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    พระอนุชา ทรงดำริว่า พระบิดาคงเข้าข้างตน จึงกล่าวว่า

    "ลูกก็เห็นสมควรแก่เวลา พะยะค่ะ หนูอินก็โตแม้จักยังไม่เป็นสาวเต็มตัว
    แต่จักเตรียมการงานแต่ง หาฤกษ์ หายาม ก็คงได้เพลาอันควร
    หากปล่อยไว้ อาจจะมีแมลภู่ มิเจียมตัว อาจเอื้อมมาดอมดมได้พะยะค่ะ"

    ครานี้ เป็นสิงห์ที่สะดุ้ง รู้สึกร้อนรุ่มอยากจะอธิบาย

    "พ่อก็เห็นดังลูกว่า แต่กะไรเสีย ปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่
    แม่หนูอิน อยากจักเป็นเมียผู้ใดเล่า เจ้ามีชายสมัครรักใคร่หรือไม่"
    พ่ออยู่หัว ตรัสถามแม่หนูอินด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนนัก

    "แม่หนูไม่ต้องกลัวคุณหลวงเดช คุณหลวงศักดิ์ดอก หากรักชอบใคร
    ก็จงเร่งบอกมาเถิด ได้ข่าวว่า คุณหลวงทั้งสองมิค่อยได้อยู่เรือน
    แม่หนูอินมีใจสมัครรักใคร่ แม้เป็นบ่าวในเรือน พ่อก็จักยกเรือนแลสมบัติ
    ให้ครองเรือน เป็นของพระราชทานในคุณความดีของแม่หนูอิน"

    แม่หนูยังมิทันตอบ ก็ได้ยินพระองค์เล็กกล่าวอย่างดุดันว่า
    "แม่หนูคงมิมีเวลาไปรักชอบใครดอก ด้วยลูกจัดให้มีคุณท้าว คอยกำกับดูแลไม่ห่าง
    อีกทั้งบ่าวไพร่ชายบนเรือน รู้กฏบนเรือนดี หากใครคิดอาจเอื้อม มันจักไม่มีหัวอยู่
    บนบ่าเป็นแน่แท้ พะยะค่ะ"

    สิงห์สะดุ้งอีกครา แอบเสียวสันหลังวาบ ตนไม่รู้เหนือรู้ใต้ เกือบแหย่รังแตน
    เห็นทีพระอนุชาคงจริงจังกับแม่หนูอินมาก น้ำเสียงช่างดุดันราวกับอยากตัดหัวใคร
    เสียตอนนี้
     
  10. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    แม่หนูอิน เห็นท่าทางโมโหโกรธาของคุณหลวงศักดิ์ ก็มิกล้าเอ่ยวาจาใดออกมา
    แม้จะอยากอธิบายใจจะขาด

    "หยุดนะ องค์เล็ก เสด็จพ่อถามแม่หนูอิน มิใช่เจ้า แม่หนูอินควรได้เลือกคู่เอง
    ถึงแม้คู่ของนางจักเป็นชาวบ้าน บางทีแม่หญิงชาวบ้านก็มีความสุขกว่าหญิงในวัง
    เจ้าเข้าใจที่เสด็จพ่อตรัสถามหรือไม่ หากยังโง่งม ก็มิต้องเอ่ยวาจาออกมาก้าวล่วง
    พระบิดา" เจ้าหอหน้าพระสุรเสียงเข้มกว่าพระอนุชา พระอนุชาได้แต่ก้มพระพักตร์

    "เอาล่ะ เอาล่ะ อ้อมค้อมไปก็ใช่ที แม่หนูอิน รู้หรือไม่ ว่าคุณหลวงศักดิ์ของเจ้า
    พามาเข้าเฝ้าด้วยเหตุใด" พ่ออยู่หัวตรัสถามแม่หนูอิน ด้วยน้ำเสียงปราณี

    "หนูอินไม่ทราบเจ้าค่ะ คุณหลวงว่าหนูอินมีคุณต่อท่าน แต่วันนั้นหนูอินก็ช่วยท่านขุน
    ทั้งหลายไว้ด้วย แม้นมิใช่คุณหลวงหนูอินก็จักช่วย คนจักเป็นจักตายอยู่ต่อหน้า
    หนูอินคงจักวางเฉยมิได้ แต่หนูอินกลับสำนึกในบุญคุณคุณหลวงมากกว่า ที่ชุบเลี้ยง
    เมตตาปราณีหนูอิน สิ่งที่คุณหลวงประทานให้ อีกกี่ร้อยชาติหนูอินก็มิรู้จักตอบแทนเยี่ยงไร
    ส่วนเรื่องออกเรือน แล้วแต่คุณหลวงทั้งสอง ซึ่งเป็นเจ้าชีวิตหนูอิน เหมือนบิดาของหนูอิน เป็นผู้เลือกให้เจ้าค่ะ
    หญิงที่ดี ควรอยู่ในโอวาทญาติผู้ใหญ่ คุณหลวงแลคุณท้าว
    พร่ำสอนหนูอิน หนูอินจำได้ขึ้นใจเจ้าค่ะ

    พอหนูอินพูดยืดยาวตามใจที่เก็บไว้จนสิ้น ครานี้ เป็นพระอนุชาที่หน้าซีดแทน
    "ญาติผู้ใหญ่ เหมือนบิดา กระนั้นหรือ แม่หนูอิน" พระอนุชากระซิบถาม

    หนูอิน พยักหน้า ตามประสาซื่อ "เจ้าค่ะ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2016
  11. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    เจ้าหอหน้า เห็นท่าทีพระอนุชา ก็อดตรัสมิได้ว่า
    "หายโง่หรือยังล่ะ คุณหลวงศักดิ์"

    "เอาล่ะ พ่อเข้าใจถ่องแท้แล้ว แสดงว่าเจ้ามิมีใครอยู่ในใจกระนั้น แม่หนูต้องการ
    เพียงรับใช้ ตอบแทนคุณหลวงทั้งสองด้วยความจงรักภักดี"

    แม่หนูอินยิ้มน้อยๆ ที่ในที่สุดทุกคนก็เข้าใจตนเสียที " เจ้าค่ะ "

    พ่ออยู่หัวทอดถอนพระปัสสาสะ ทรงส่ายพระเศียร แล้วหันไปแย้มพระโอษฐ์
    ให้พระองค์เล็กรูปงาม ที่ตอนนี้ หน้าตาเฉยเมยอย่างพยายามข่มพระอารมณ์

    " แม่หนูอิน ที่คุณหลวงศักดิ์ พาแม่หนูเข้าเฝ้าพ่อ เพราะคุณหลวงจักรับแม่หนูอิน
    เป็นพระสนม แม่หนูจักยินยอม หาไม่แล้ว พ่อคงจักไม่ยอมให้คุณหลวงศักดิ์ของ
    แม่หนูอินไปที่คุ้มได้อีก ด้วยเหตุผลทางการเมือง หากแม่หนูไม่พร้อมใจ พ่อก็คง
    ต้องยกแม่หนูให้เป็นเมียท่านขุน ที่พ่อจักเลือกเฟ้นให้อย่างดี แลไม่ต้องกลัวจักมี
    ท่านขุนคนใด ทำให้แม่หนูเสียใจ หรือหักหาญน้ำใจ เพราะแม่หนูเป็นเมียพระราชทาน
    อีกทั้งยังจักได้สมบัติมากมายติดตัวแม่หนูไป แม่หนูอิน จักว่าเยี่ยงไร จงเร่งตอบเถิด
    เพลาไม่คอยท่า แต่ว่าไปแล้ว ขุนท่านใดในแผ่นดิน คงเทียบคุณหลวงศักดิ์รูปงามมิได้
    แต่หากยอมเป็นพระสนม ก็ต้องเข้าไปรับใช้ในวัง "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2016
  12. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    พระบิดายังตรัสต่อสำทับไปอีกว่า

    "ถ้าเป็นเมียท่านขุนแล้ว คงจักมิได้พบคุณหลวงศักดิ์ของเจ้าอีก เพราะเจ้าถือว่าออกเรือนแล้ว
    คงจักมิงาม ที่หญิงมีสามีจักมาพบชายอื่น ถึงแม้จะเป็นคุณหลวงศักดิ์ก็ตาม"

    แม่หนูอิน เข้าใจแจ่มแจ้งทีเดียว ได้แต่เหลือบมองพระพักตร์ของพระองค์เล็ก
    เหมือนฝันที่ไกลเกินฝัน แต่กลายเป็นจริง ทรงงามนัก หนูอินเคยฝันว่าหากจักมีคู่
    ขอให้กริยาวาจางดงามได้เพียงเสี้ยวของคุณหลวงศักดิ์ นึกถึงที่ทรงเมตตาปราณี
    เคยปลอบโยนตอนที่ยังเล็ก แม่หนูก็ใจเต้น หน้าแดงขึ้นมาโดยมิรู้ตัว ได้แต่ก้มหน้า
    บิดชายสไบอย่างคิดหนัก

    พ่ออยู่หัวเห็นกิริยาอาการของแม่หนูอิน ก็ทรงเดาได้ทันที ว่าแม่หนูคิดเยี่ยงไร
    สตรีใดหนอ จักปฏิเสธพระองค์เล็กลง
    "แม่หนู ตกลงเจ้าจะเอาเยี่ยงไร"

    เจ้าหอหน้าได้ที รีบดุ " อย่าให้ผู้ใหญ่คอยนาน มันมิงาม รีบตอบมาบัดเดี๋ยวนี้"

    แม่หนูอิน สะดุ้ง ตกใจ " แม่หนูอินขอเป็นสนม เพคะ"
    ตอบแล้วก็ให้อายนัก แม่หนูได้แต่ก้มหน้า รู้สึกหน้าตาร้อนผ่าวไปหมด

    เจ้าหอหน้าทรงพระสรวล เสียงดัง
    "เมื่อตกลงปลงใจ เช่นนั้น พ่อก็ยินดีด้วยกับเจ้าทั้งสอง เอาละ พ่อมีเรื่องจัก
    สั่งสอนลูกชายทั้งสามเป็นการส่วนตัว แม่หนูจงออกไปรอกับท่านขุนข้างนอกเสียก่อน"

    หนูอินหมอบกราบ แล้วรีบออกไปทันที
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2016
  13. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    พ่ออยู่หัวพระพักตร์เคร่งเครียดนัก เมื่ออยู่ตามลำพัง

    "พ่อจักสั่งสอนพวกเจ้า โดยเฉพาะเจ้าองค์เล็ก เจ้าทำให้พ่อผิดหวังมาก
    จักเป็นผู้ปกครองผู้อื่น แม้เรื่องในเรือนในชานตนยังปกครองมิได้
    แม้นวันนี้ แม่หนูอินตอบเป็นอื่น คงจักต้องตัดหัวนางทิ้งเสีย ที่ล่วงรู้
    ความลับของสิงห์ เจ้ารู้หรือไม่ แล้วจักพานางมาเข้าเฝ้า เจ้าต้องมั่นใจเสียก่อน
    ว่านางเป็นพวกเดียวกับเจ้า อีกทั้งยังเรื่องพวกสนมนางใน ในวังหลวงทั้งสองวัง
    พ่อได้ข่าวหนาหูจากพวกขุนนางที่ส่งลูกมาเป็นสนมเจ้า ว่าพวกนางต่างก็
    ช่วงชิงกันจนไม่วางเว้น จนฝ่ายในวุ่นวายเสียสิ้น พอเพลาเจ้ารัก ก็ให้คำหวาน
    ยินยอมตามที่พวกนางขอ พอเพลาพวกนางมิได้ตามใจ เจ้าก็มิจัดการ
    เจ้าไม่เด็ดขาดเยี่ยงนี้ ในเรื่องอิสสตรี เจ้าจักให้พ่อวางใจเยี่ยงไร แม่หนูอินคนนี้
    ใสซื่อ บริสุทธิ์นัก หากนางเป็นลูกสาวพ่อ จักไม่ยกให้ชายเช่นเจ้า ด้วยนางคง
    จักโดนสนมเจ้าทำร้ายทั้งกาย วาจา ใจ เป็นแน่

    อดีตที่พ่อทำ จนวังหลวงต้องวุ่นวาย ทำให้แม่ของสิงห์และพระมารดาของพวกเจ้าเจ็บช้ำ
    พ่อเองก็มิมีสุข ลูกทั้งสามก็ขมขื่น เราเป็นหน่อเนื้อกษัตริย์ เลี่ยงมิได้จักมีสตรีใน
    ชีวิตหลายนาง แต่เลือกได้ ที่จะไม่ให้นางมีอิทธิพลเหนือใจเรา และมิให้สตรีทำให้
    แผ่นดินล่มสลาย จงจำคำพ่อไว้"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2016
  14. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ทรงหันพระพักตร์มาทางเจ้าหอหน้า

    "พ่อไว้ใจเจ้าที่สุด ลูกรักของพ่อ ลูกควบคุมอากัปกิริยามิให้แสดงว่ารักใคร ชังใคร
    แม้นจักมีขุนนางมาเสนอลูกสาวให้เจ้า ก็ละเว้นไว้เสียมาก เจ้าองค์เล็กเลยมีสนมมากล้น
    แต่พ่อก็จักเตือนเจ้า จงอย่าประมาทในอิสตรี แลอย่าทรนงตน จงช่วยดูแลองค์เล็ก
    อย่าให้เรื่องสนมมาปั่นป่วน จนถึงเรื่องการเรื่องงานของแผ่นดิน หากหนูอินต้องเข้าวัง
    เพื่อถวายตัวนั้น ให้เข้าไปอยู่ฝ่ายในของลูกเสียก่อน เมื่อได้เพลาฤกษ์เข้าหอแล้วจึง
    ย้ายไปอยู่ฝ่ายในขององค์เล็ก ด้วยฝ่ายในของลูก มิมีอันตรายนัก จนกว่าเรื่องนี้พ่อจัก
    คิดหนทางได้ แม่หนูอินคงไม่เหมาะจักอยู่ในวังนานๆ แต่เพลานี้ เรื่องที่คุ้มคงต้องสลาย
    คุ้มเสียก่อน ด้วยพระยาสุพรรณบุรี ได้นำเรื่องนี้เข้ากราบทูลพ่อ ว่าลูกทั้งสองจักคิด
    ทำลายพระยาสุพรรณบุรี โดนโยนข้อหากบฏให้ แลได้ซ่องสุมกำลังพลคอยสอดแนม
    ความเคลื่อนไหวของพระยา เรื่องนี้จักให้จางบางเบาลงก่อน"

    ทรงหันพระพักตร์มาตรัสกับองค์เล็ก ด้วยพระสุรเสียง อ่อนลง

    "แต่เมื่อได้เห็นหนูอินแล้ว พ่อก็เบาใจว่า เจ้าคงรู้จักความรัก มิใช่เพียงความใคร่แต่ฝ่ายเดียว
    ดูที่เจ้าดูแลนาง โดยมิเคยแสดงกิริยาฉันท์ชู้สาว แลนางมิได้งามเลอเลิศ แต่ก็
    อ่อนโยน จงรักภักดี แม้นตายเพื่อเจ้าคงมิคิดลังเล อันเป็นคุณสมบัติของหญิงที่เจ้าควรมอบกายถวายใจให้
    เมื่อรู้เยี่ยงนี้แล้ว ก็จงสะสางเรื่องราวนางในทั้งหลาย แต่ละนางมารยาเหลือทน ข้าอ่อนใจนัก"

    ได้ฟังดังนั้น พระองค์เล็กก้มหน้าอย่างละอายพระทัย ส่วนเจ้าหอหน้าได้ฟังทรงกริ้วนัก
    "นางใดบังอาจ ทำให้เสด็จพ่อระคายพระทัย ลูกจะจัดการให้รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ"
     
  15. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    พ่ออยู่หัวเห็นท่าทีเช่นนั้น ก็เกรงความจริงจัง จึงตรัสห้ามไว้เสีย

    "พ่อจักสั่งสอนพวกเจ้าทั้งสาม เกิดเป็นชาย คงจักเลี่ยงไม่พ้นจักมีสตรีมาครองคู่
    แต่ด้วยบุญทำกรรมมาแต่ชาติปางก่อน จึงต้องเกิดในร่มเศวตฉัตร หัวใจอาจให้สตรี
    ครองเพียงชั่วครู่ชั่วยาม แต่ทั้งร่างกายแลจิตใจยกให้ไว้เป็นของแผ่นดิน มิอาจให้
    ใครมามีอิทธิพลเหนือไพร่ฟ้าแลแผ่นดินได้ นี่คือคำสอนที่พระบิดาของพ่อ สอนพ่อ
    แม้ลูกเมีย หรือชีวิตตน ก็ต้องยกให้แผ่นดิน "

    จบพระราชโอวาทนั้น สิงห์ขนลุกซู่ ไปทั่วทั้งร่าง รู้สึกได้ถึงวิญญานบรรพบุรุษ
    กษัตริย์ไทยส่งพลังมาให้ ใจก็ให้ฮึกเหิม ตั้งมั่นในชะตาตน ที่เกิดมาเสียสละให้แผ่นดิน

    "พ่อขอให้ลูกทั้งสาม เอ่ยคำสัตย์สาบาน ต่อหน้าพระปฏิมา ตามพ่อ"

    แล้วพ่ออยู่หัวก็หันพระองค์ไปทางพระปฏิมา ทรงประทับนั่งท่าเทพบุตร
    เจ้าหอหน้า พระอนุชา รีบประทับนั่ง พ่ออยู่หัวทรงประทับนั่งพนมพระหัตถ์อยู่ครู่หนึ่ง

    " ลูกขอตั้งสัจจะ อธิษฐาน แม้นจักรักหญิงใดมากกว่าชีวิต แต่ก็จักสละได้เพื่อแผ่นดิน
    จักมอบกายถวายชีวิต เพื่อปกปักรักษาแผ่นดินอโยธยา ปกปักรักษาพระศาสนา หากผิดสัจจะ ขอคืนชีวิตให้พระแม่ธรณี"

    เจ้าหอหน้า พระอนุชา สิงห์ กล่าวถ้อยคำสัตย์สาบาน สิงห์รู้สึกขนลุกตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า แต่ละคำที่เปล่งออกมาประสานเสียงกับเจ้าพี่ทั้งสอง ดั่งมนต์สะกดจิตของสิงห์
     
  16. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    นี่คือคำตอบ แลปฐมบท ของเรื่องราวของมหาราชกษัตริย์ยอดนักรบ
    แลเป็นคำตอบถึงเรื่องที่ถกเถียงในประวัติศาสตร์ถึงความรักของพระองค์

    แลจักเป็นคำตอบของแม่หญิงทั้งหลายในอนาคต ที่เกลียดชัง อาฆาตพยาบาทสิงห์
    หลากหลายเรื่องราวที่สิงห์ทอดทิ้ง ให้เหมือนตายทั้งเป็น ด้วยคำสัตย์สาบานนี้

    ไม่ใช่ไม่มีหัวใจ แต่ตัวตนแลหัวใจ ยกให้แผ่นดินเป็นสูงสุดที่ต้องรักษาไว้
     
  17. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ป้าเพื่งเขียน ตอนปฐมบท เสร็จ แม่เจ้า ใช้เวลาไปปีกว่า

    จะรีบนะเพคะ ทูลกระหม่อม งานช้ากว่าที่คาดไว้เยอะ

    เป็นสมัยก่อนคงโดนโบยราดด้วยน้ำเกลือเป็นแน่แท้
     
  18. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    นึกถึงเพลงนี้ มอบให้แม่หญิง ผู้บริสุทธิ์ดั่งหยาดน้ำค้างกลางหาว


    น้ำค้างกลางหาว

    คำร้อง พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ
    ทำนอง พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ


    เมื่อยามแสงทองส่องฟ้างาม
    ประกายน้ำยามรุ่งสาง
    เปรียบดังแสงพรายกระจายทั่วทาง
    หยดหยาดน้ำค้างพร่างพราย

    โอ้อนิจจาหยาดน้ำเอย
    เหตุใดระเหยเมื่อสาย
    ตะวันร้อนแรงแสงกล้าประกาย
    เจ้าก็ละลายหายไป

    เหมือนหยาดน้ำค้างกลางหาว
    น้ำจิตคนเราแปรเปลี่ยนไป
    รักแรกนั้นหวานปานใด
    แค้นเคืองใจหลัดหลัดก็มาพลัดกัน

    ส่วนใจฉันคอยแต่หวังชม
    อกตรมระทมใฝ่ฝัน
    ไหว้วอนร้อนใจคอยให้สิ้นวัน
    ให้น้ำค้างนั้นหยาดคืน ​
     
  19. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    แล้วพ่ออยู่หัวห็หันองค์มานั่งตรงข้ามกับพระโอรสทั้งสามดังเดิม ทรงให้พระราชโอวาทต่อ
    " การจักเลือกสตรีมาครองคู่นั้น ยากนักหนา ดังสตรีเช่นแม่หนูอิน ที่มิได้ผูกสมัครรัก
    ด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ อย่างสตรีทั้งหลายในวังหลวง บัดนี้เรื่องอุปราชวังหน้าเป็นเรื่องร้อนใจพ่อเหลือทน
    แม้จักตั้งพี่เจ้าเป็นอุปราชก็ตาม แต่พี่เจ้าเฝ้าอยู่พิษณุโลกสองแคว
    ใยองค์เล็กไม่มาอยู่ช่วยพ่อที่อโยธยา"

    พระโอรสทั้งสอง สบสายพระเนตรกันและกัน เจ้าหอหน้า ทูลตอบอย่างนอบน้อม
    "ยังมิได้ พะยะค่ะ ลูกยังปล่อยองค์เล็กไปมิได้ มีกิจที่ต้องสะสางอีกมาก
    ทางพิษณุโลกสองแควไม่สงบอย่างแท้จริง เมื่อคราที่เดินทาง พวกลูกถูกลอบโจมตี
    ยังหาข่าวมิได้ ว่าเป็นชาวอโยธยา หรือพวกพม่ารามัญ บัดนี้ ศึกนอก ศึกใน
    ล้วนเป็นคลื่นใต้น้ำ จักวางใจมิได้"

    พ่ออยู่หัวทอดถอนพระปัสสาสะ ทรงตรัสด้วยพระสุรเสียงกริ้วนัก
    "พ่อเพิ่งได้พบสิงห์ จักให้วางใจไปอยู่กรมคชบาลได้เยี่ยงไร เมื่อเจ้าทั้งสอง
    อยู่ถึพิษณุโลกสองแคว เรื่องในวังอโยธยา ทั้งฝ่ายนอก ฝ่ายใน วุ่นวายสิ้น
    พ่ออยากไปดูแลแม่เจ้า มิอยากจักชิงไหวชิงพริบ กับพวกสิงห์เฒ่าทั้งหลาย
    เจ้าพระยาสุพรรณบุรี ก็ท่าทีแปลกเหลือทน จักเป็นขบถหรืออย่างไร ซ่องสุมกำลัง
    อีกทั้งยังมารับตัวสิงห์ไปอีก หรือจักกำจัดสิงห์ให้พ้นทาง พ่อยังแปลกใจนัก"

    เจ้าหอหน้า จึงทูลเรื่องราวที่โต้เถียงกับพระยาสุพรรณบุรี ก่อนเข้าเฝ้า
    พ่ออยู่หัว พระพักตร์ซีดเผือดลง ด้วยความตรมพระทัย ทรงพระสรวลเบาๆ
    แล้วตรัสอย่างเย้ยหยัน

    "อันเศวตฉัตร มงกุฏทอง ราชบัลลังค์ ช่างมีอาถรรพ์นัก ดั่งต้องคำสาป
    แม้นผู้ใดได้ครอบครอง ต้องยอมแลกทุกอย่าง แม้แต่ตัวตนของตนเอง
    กระนั้นผู้คนก็ยังกระหายใคร่ลิ้มลอง อันกิเลส ตัณหา จงอย่าประมาท
    แม้นจักตายแผ่นดินกลบหน้า ก็ขอลิ้มลองเพียงซักครา

    สิงห์ ลูกรัก ลูกอยากจักนั่งบนหลังช้าง เช่นบิดาเลี้ยงเจ้ากล่าวอ้าง กระนั้นหรือ ลูกพ่อ

    อันพระเจ้าตาของลูก บัดนี้ มีอุปราช แต่ไม่มีทายาท เจ้าอยากกลับไปอยู่แคว้นไทใหญ่
    แต่จักทำให้เกิดสงครามกับอโยธยาเป็นแน่แท้

    พ่อจักชดใช้ให้เจ้าเยี่ยงไร พ่อทำให้ลูกของพ่อ ไร้ยศ ไร้ศักดิ์ ขาดพ่อ ขาดแม่ ขาดพี่
    ลูกพ่อจักว้าเหว่เพียงใด เวรกรรมอันใดหนอ

    บัดนี้แม้นคืนสู่อ้อมอกพ่อ ยังต้องไปอยู่กรมคชบาล พ่ออยากคืนยศศักดิ์ให้ลูก"
     
  20. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    เจ้าหอหน้า ทูลพ่ออยู่หัว ด้วยพระสุรเสียงอ่อนโยน อย่างที่สิงห์มิเคยได้ยิน

    "เสด็จพ่อ วางใจเถิด สิงห์จักไม่เดียวดายอีก แม้นลูกต้องกลับพิษณุโลกสองแคว
    หากอยู่อโยธยาต่อคงไม่สมเหตุ ลูกได้จัดให้ขุนแก้ว แลขุนใหม่สองคน ซึ่ง
    เป็นศิษย์เอกของพ่อครูเอก แลพ่อครูขาว ฝีไม้ลายมือ นับว่าเอาการอยู่ แลยัง
    สายข่าวในกรมคชบาล ท่านขุนทั้งสาม จักตามสิงห์ไปรับใช้ ปกปัก รักษา ที่กรมคชบาล
    อีกทั้งเสด็จพ่อ สิงห์เป็นลูกศิษย์ขรัวอินทร์ อันตัวสิงห์มีแต่ของดีแลวิเศษสถิตย์อยู่
    วิชชา คาถา อาคม ไสยเวทย์ที่ขรัวอินทร์ผู้เข้มขลัง ได้ประสิทธิ์ประสาทให้สิงห์นั้น
    แม้นไม่มีผู้ใดคอยอารักขา ก็คงไม่เพลี่ยงพล้ำต่อผู้ใดในแผ่นดิน สิงห์นั้นด้วยบารมี
    ของเสด็จพ่อ พระโอรสของเสด็จพ่อนับว่าไม่แพ้ใครในแผ่นดิน

    แต่เพื่อมิให้พระยาสุพรรณบุรี นำมาเป็นข้ออ้าง ลูกจักให้สิงห์ไปอยู่กรมคชบาล
    สิงห์จักได้คุ้นเคยกับช้างทรงทั้งหลาย ลูกจักจัดให้อยู่มินาน ให้สิงห์เรียนวิชาบังคับช้าง
    การคล้องช้างในป่า อันเป็นวิชาพิเศษ แลจักมีคุณมากในภายภาคหน้า พะยะค่ะ"

    พ่ออยู่หัว ทรงทอดพระเนตรมองหน้าสิงห์นิ่งนาน

    "สิงห์ พ่อคงชดใช้ไม่หมดในชาตินี้ หากชาติหน้าฉันใด แม้นได้พบกันในสถานะใดก็ตาม
    พ่อจักปกปักรักษาลูกเสมอ ลูกทั้งสี่ของพ่อ พ่อสวดมนต์ขอพรให้ลูก
    จงคลาดแคล้วปลอดภัย ประสบสุข สวัสดี มีชัย แม้นห่าง ก็ห่างเพียงกาย ดวงใจ
    แลวิญญาน พ่อจักติดตามดูลูกเสมอ"
     

แชร์หน้านี้

Loading...