ฝากคำถามถึง พระอาจารย์เล็ก ได้ที่นี่

ในห้อง 'คำถามที่หลวงพี่เล็กตอบให้แล้ว' ตั้งกระทู้โดย mrboon, 12 สิงหาคม 2005.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. หลับตา

    หลับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    716
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ฝากถามเรื่องดวงจิต
    เมื่อมีดวงจิตทยอยหาทางออกไปนิพพานเรื่อยๆ
    ดวงจิต ในระบบจะลดลงเรื่อยๆหรือไม่
    หรือว่ามีดวงจิตใหม่กำเนิดมาทดแทนในระบบ (ถ้าดวงจิตเกิดใหม่ ดวงจิตของสรรพสัตว์ทั้งหลาย เกิดจากอะไรที่ไหนอย่างไรยังไง??) มีใครจะไปอุดประตูจุดเกิดดวงจิตได้หรือไม่??? ในชาติแรกสุดเราไม่มีกรรมแล้วเรามาเกิดทำไม??? หรือเพราะกรรมเป็นของส่วนรวม
    (ท่านใดพอรู้ข้อมูลช่วยใขข้อข้องใจด้วยครับ ขอบพระคุณมากครับ)
     
  2. Jdin_buddhism

    Jdin_buddhism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    366
    ค่าพลัง:
    +10,153
    โห คุณหลับตาครับ ถามได้เยี่ยมเลยครับ คิดได้ไงเนี่ย บางประโยคในคำถามผมก็สงสัยอยู่เหมือนกัน ดีเลยครับ ขอโมทนาด้วยน่ะครับ
     
  3. สุวรรณา รัตนกิจเกษม

    สุวรรณา รัตนกิจเกษม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +772
    ช่วยเล่าเรื่องฤาษีตาไฟด้วยค่ะอยากรู้ว่าท่านบำเพ็ญถึงระดับอนาคามีหรืออรหันต์แล้วคะ

    อยากทราบประวัติฤาษีตาไฟมากเลยคะ...
    มีคนศรัทธาท่านมาก
    ลูกศิษย์ของท่านฤาษีตาไฟ ท่านสามารถ อดีต อนาคต และชี้กรรมของคนอื่นๆ ได้ได้แม่นยำมากเลยค่ะ
    ท่าน ทำไมถึงไม่บวชเป็นภิกษุคะ...
     
  4. สุวรรณา รัตนกิจเกษม

    สุวรรณา รัตนกิจเกษม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +772
    อนุโมทนากับ บุญกุศล ของ ทุก ๆ ท่านค่ะ สาธุ
     
  5. Attawat_Rx

    Attawat_Rx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,183
    ค่าพลัง:
    +18,402
    อืม....รอฟังคำตอบครับ
     
  6. aeng2519

    aeng2519 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +4
    ฝากคำถามถึง หลวงพี่เล็ก

    1.ทำไมอายุขัยของแต่ละจึงไม่เท่ากัน ถ้าสมมุติว่าชาตินี้รักษาศีลตลอดและได้อโหสิกรรมให้เจ้ากรรมนายเวรในอดีตแล้ว จะทำให้อายุสั้นได้หรือไม่
    2.ทำไมการเจริญพระกรรมฐานของแต่ละคนจึงได้เร็วไม่เท่ากัน อย่าง คุณลุงยกทรง หลวงพ่อเคยบอกว่าของเก่าจะได้มาก็ต้องใช้เวลา 10 ปี หรืออย่าง บางคนใช้เวลาไม่นานก็ได้
    3.อยากทราบว่าใครเป็นคนกำหนดชะตาชีวิต
    4.พระปัจเจกฯสามารถมีหลายองค์พร้อมกันในเวลาเดียวได้หรือไม่ และจะต้องบำเพ็ญบารมีอย่างไร
     
  7. หลับตา

    หลับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    716
    ค่าพลัง:
    +3,151
    มีคนสงสัยเรื่องดวงจิต ไปถามท่านพอดีเลย ^_^
    http://www.grathonbook.net/book/22.html
    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๔๔
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    ถาม : ทุกวันนี้ยังมีดวงจิตที่เกิดขึ้นใหม่ไหมครับ ?
    ตอบ : มีจ้ะ เมื่อเวลาถึงวาระที่เหมาะสม สามารถมีเกิดขึ้นมาได้อีกเรื่อย ๆ แต่ว่าเทวดาทั้งหมดรวมกันยังไม่เท่ากับนรกขุมเดียว ข้างล่างนี่รอขึ้นมามีเยอะเหลือเกิน น่าตกใจไหม ? เยอะขนาดนั้น สวรรค์แต่ละชั้นนี่ไม่ใช่เล็ก ๆ นะ เอาโลกมนุษย์หย่อนลงไปในสวรรค์ชั้นหนึ่งคงเหมือนเม็ดถั่วเม็ดหนึ่งในเข่งเบ้อเร่อเลย แต่เทวดาที่เยอะขนาดนั้นแล้ว รวมกันทุกชั้นแล้ว ยังไม่เท่ากับที่อยู่ในอบายภูมิขุมเดียว
    ถาม : เขามีที่บรรจุหรือเจ้าคะ ?
    ตอบ : สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เกิดจากการกระทำ ถ้าไม่มีคนทำดีทำชั่ว นรก สวรรค์ พรหม นิพพาน ไม่ต้องมีก็ได้ แต่คราวนี้เมื่อมีการกระทำขึ้นมา สิ่งเหล่านี้ก็เกิดมารองรับการกระทำอันนั้น ผลการกระทำของเราจะดีจะชั่ว จะต้องการไม่ต้องการให้เป็นไปก็ตาม ผลการกระทำของเรานั้นเกิดขึ้นแน่ ในเมื่อเกิดขึ้นแน่ก็ต้องมีสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มา
    ถาม : แล้วดวงจิตของคนเราเกิดขึ้นมายังไง ?
    ตอบ : อันนี้พระพุทธเจ้ายังไม่ตอบเลย เอาเป็นอันว่าในจักรวาลของเราประกอบไปด้วยวัตถุธาตุจำนวนประมาณไม่ได้หลายต่อหลายอย่างเมื่อวนไปวนมา ชนกันเข้าก็เกิิดป็นแร่ธาตุต่าง ๆ ขึ้นมา สภาพของจิตที่เกิดขึ้นก็จะมีสภาพคล้าย ๆ กัน มันต้องรอระยะ รอเวลา รอจำนวนสสารต่าง ๆ ที่เหมาะสม เมื่อรวมกันเข้าด้วยจังหวะที่พอดีของมันก็จะเกิดขึ้นมาเอง อธิบายอย่างหยาบ ๆ เข้าใจง่ายกว่านะ อธิบายละเอียดนี่บ้ากันไปข้างหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านถึงได้บอกว่า อจินไตยไง ผู้ที่คิดพึงมีส่วนของความเป็นบ้า....ใกล้ ๆ แล้ว
    ถาม : แล้วจิตที่เกิดขึ้นใหม่สามารถเกิดเป็นมนุษย์ได้เลยหรือเปล่าคะ ?
    ตอบ : ไม่แน่เหมือนกัน อาจเวียนว่ายอยู่ระยะหนึ่งจนกว่าจะหาจุดที่เหมาะสมได้ เพราะว่าการเกิดของมนุษย์ระยะแรก ๆ ก่อนที่จะมีกายทิพย์ก็ต้องรอเหมือนกันใช่ไหม ? ก่อนที่จะมีมนุษย์คู่แรกมันก็ต้องรอวาระรอเวลาเหมือนกัน จนกว่าดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ วิญญาณ มาผสมกันในอันตราส่วนที่เหมาะสม ถึงจะเป็นร่างที่อาศัยได้ เพราะฉะนั้นเขาเองก็อาจต้องรอคิวยาวกว่าจะได้เกิด ถึงได้บอกว่าห้าร้อยปีเต่าตาบอดโผล่มาทีหนึ่ง ถ้าหัวสวมห่วงได้เมื่อไรก็มีโอกาสเกิด มันจะกี่ครั้งล่ะ ห่วงก็ดันลอยอยู่ในทะเลที่มีแต่คลื่น
    ถาม : ลักษณะเช่นนี้ จิตวิญญาณดวงนั้นมีโอกาสแตกสลายได้ ?
    ตอบ : อันนั้นไม่ทราบจ้ะ มองไม่ถึง อาจเป็นว่าแรงบุญแรงกรรมคอยรักษาเขาเอาไว้ก็ได้
    ถาม : ......(คุัยเรื่องหิน).....?
    ตอบ : อย่างนี้เอาไปแลกที่ดวงดาวสิปปังได้ ที่นั่นหินจะมีค่ามากเลย มันมีแต่เพชร เอาไปแลกมันสักกระสอบหนึ่ง ไปถึงก็โกย ๆ ไป ไม่มีใครว่าหรอก มันมีเต็มไปหมด ถึงขนาดเอามาประดับโต๊ะประดับเก้าอี้กัน
    ถาม : ที่ไหนคะ ?
    ตอบ : ดาวดวงหนึ่งจ้ะ ชื่อภาษาบาลีเขาเรียกว่าสิปปัง สิปปังนี้ก็คือ ศิลปะ พวกนี้เขาจะช่างแต่งตัว ประดับกันทีหนึ่งก็เป็นกุรุส
    ถาม : แล้วอยู่ในสุริยะจักรวาลหรือเปล่า ?
    ตอบ : อยู่กันคนละจักรวาลกัน แต่ว่ายังไงล่ะ ? พอไปไหวถ้าหากว่าเครื่องไม้เครื่องมือของเราเหมือนเขา เพราะว่าดวงดาวอื่น ๆ นี่เขาเจริญกว่าเราเยอะ
    ถาม : ในจักรวาลอื่น ๆ นี้ มีพระอรหันต์หรือเปล่าครับ ?
    ตอบ : ก็ดูก่อน เพราะว่าถ้าหากว่าที่ไหนก็ตามที่ธรรมะของพระพุทธเจ้าคงอยู่และมีผู้ปฏิบัติตาม ที่นั่นก็จะมีพระอริยเจ้า สถานที่เหล่านั้นบางทีพระพุทธเจ้าก็เสด็จไปโปรด บางทีพระอรหันต์ก็เสด็จไปโปรดเหมือนกัน เพียงแต่ว่าของเขาเป็นลำบากอยู่ตรงจุดที่ว่าเขามันสบายเกินไป บอกว่าอนิจจังไม่เที่ยง ก็เขาอยู่กันเป็นหมื่น ๆ ปี บอกว่าทุกขัง เป็นทุกข์ มันก็สบายอยู่ด้วยบุญฤทธิ์เสียด้วยซ้ำไป บางดวงดาว อย่างดาวพุธของเราอย่างนี้ เวลาจะไปไหนก็ลอยไป จะกินข้าวก็....ข้าวมันก็ไม่ต้องมีเปลือกเสียด้วยนะ รูดมาก็ใส่หม้อได้เลยอย่างนี้ ถ้ายิ่งเป็นของอุตรกุรุทวีป เช่น ดาวพลูโต รูดมาถึงก็ตั้งบนแก้วมณี ดีกว่าไมโครเวฟอีก สุกพอดีไม่เคยไหม้เลย อยากได้กับข้าวก็นึกเอา อยู่สบายจนกระทั่งบอกว่าทุกข์ยังไม่รู้เลยว่าเป็นอย่างไร ก็เลยเข้าถึงธรรมได้ยากหน่อย
    ถาม : แล้วเวลาเขาตายแล้วเขาไปที่ไหนกัน ?
    ตอบ : ที่เดียวกันจ้ะ นรกเดียวกัน สวรรค์เดียวกัน พรหม นิพพาน เหมือนกัน จักรวาลไหน ก็ยังจัดอยู่ในพวกของมนุษย์โลกอยู่ มีดวงดาวน้อยมากที่มีสัตว์ อย่างสุริยะจักรวาลของเรา ดวงดาวที่คล้ายคลึุงกับเรามากที่สุดคือดาวศุกร์ เพราะว่าเขามีสัตว์ด้วย ดาวอื่น ๆ มีแต่มนุษย์ที่สบาย
    ถาม : สัตว์เยอะแบบโลกเราไหมครับ ?
    ตอบ : คล้าย ๆ กัน เพียงแต่ว่าของเขาอยู่ได้แค่ตรงบริเวณช่วงกลางเท่านั้น มันหมุนเข้าหาดวงอาทิตย์ด้านเดียว ด้านที่หมุนเข้าหาดวงอาทิตย์ก็ร้อนอยู่ไม่ได้ ด้านที่หันตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ก็หนาวอยู่ไม่ได้ อยู่ได้แค่เขตกลาง ๆ เท่านั้น คราวนี้อยู่ได้แค่เขตเงามัวของมัน ฝรั่งมันส่องกล้องทีไรก็เล่นแต่ด้านสว่าง ไม่เจออะไร
    ถาม : แล้วดาวพุธนี้ยิ่งอยู่ไม่ได้ใหญ่เลย ?
    ตอบ : ลักษณะเดียวกัน คือ ด้านที่หันออกมันก็อยู่ได้
    ถาม : .....................
    ตอบ : เห็นส่วนใดส่วนหนึ่งก็ได้ การเห็นพระพุทธเจ้าไม่จำเป็นจะต้องเต็มองค์ บางทีสมาธิไม่ดี อย่างอาตมาเวลาป่วยมาก ๆ บางทีเห็นแค่ปลายเกศนิดเดียว แต่ขอให้เรามั่นใจว่าพระองค์ท่านอยู่ตรงหน้าเราเป็นอันใช้ได้ สำคัญตรงความมั่นใจ
    ถาม : แล้วจำเป็นมั้ยคะ อย่างสอนลูกสาวอายุ ๕ ขวบนี่ จำเป็นมั้ยที่เราให้เขาทำตามที่ครูฝึกสอน หรือเราให้ทำตามเราสอนและพยายามบอกด้วยตัวเอง ก็ว่าทำให้ถูกและดีที่สุด ?
    ตอบ : ถ้าเรามั่นใจว่าเราสอนถูกก็ได้ แต่ถ้าไม่มั่นใจให้ครูฝึกเขาสอนหน่อย แต่ว่าสำหรับคนอื่นแล้วมันไม่คุ้นเคย บางทีเด็กเขาอาจไม่ทำตาม ฉะนั้นพ่อแม่จะดีกว่า
    ถาม : เขาเคยนั่งแล้วเขาเห็นคุณป้าที่เสียไปแล้ว แล้วเขาบอกแทนที่จะเห็นเป็นคุณป้า เขาบอกว่า เห็นเป็นนางฟ้าแต่งชุดเหมือนนางสาวไทย ?
    ตอบ : เด็กอธิบายไม่ถูก เขาบอกเหมือนนางสาวไทยก็นับว่าเก่งมากแล้วนะ เขาอาจจะเห็นนางสาวไทยแต่งชุดไทย ไม่ใช่แต่งชุดว่ายน้ำ
    ถาม : แล้วอย่างนี้ถ้าก่อนจะนอน เราแนะนำให้สวดมนต์ นะโม ๓ จบ กับให้เขา พุทโธ ๓ ครั้ง ?
    ตอบ : บอกให้พุทโธ นึกถึงภาพพระไว้ คิดว่าถ้าหากว่าเราตายเราจะไปอยู่กับพระพุทธเจ้าแล้วก็ให้เขาหลับไปเลย
    ถาม : แล้วถ้าหากบอกว่าให้เขาไปอยู่กับหลวงตาฤๅษีนี่ ?
    ตอบ : ก็ได้เหมือนกัน
    ถาม : เขาก็คงจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่หรอกค่ะ บอกให้เขาอธิษฐานให้ไปอยู่กับพระ ?
    ตอบ : ถ้า ๕ ขวบนี่มีพื้นฐานขนาดนี้ โตขึ้นนี่คนอื่นไล่ทันยาก
    ถาม : ตัดความห่วงนี่มันยากกว่า ....?
    ตอบ : มีใครเขาตัดได้ล่ะ ? พระพุทธเจ้ายังตัดไม่ได้เลย อาตมาพูดนี่ไม่ได้ลบหลู่พระพุทธเจ้านะ ความห่วงใยในครอบครัวเป็นเรื่องปกติ พระพุทธเจ้าท่านก็ห่วงเหมือนกับพวกเรา เพราะว่าถึงเวลาท่านก็เสด็จไปโปรดพระพุทธมารดา เสด็จไปโปรดพระประยูรญาติ เสด็จไปโปรดพระนางพิมพา พระราหุล ถ้าไม่ห่วงจะไปทำเกลืออะไรเพียงแต่ความห่วงของท่านน่ะท่านทำแค่หน้าที่ ปุตตะทารัสสะสังคะโห สงเคราะห์บุตร ภรรยาและหมู่ญาติเหล่านี้ คราวนี้ถ้าท่านสงเคราะห์ฺแล้วเกิดไม่ได้ผลขึ้นมา ท่านก็จะไม่ไปกังวลกับมัน แต่พวกเราถ้าสงเคราะห์แล้วไม่ได้ผลเราจะกังวล มันต่างกันตรงนี้เอง พระสารีบุตรจนกระทั่งวาระสุดท้ายแล้ว ถ่ายเป็นเลือดจะมรณภาพอยู่แล้ว รู้ว่าแม่เป็นมิจฉาทิฐิก็อุตส่าห์กลับไปโปรด ท่านก็ทำตามหน้าที่ของลูกที่ดีใช่มั้ย ? สงเคราะห์แม่ได้เท่าไหร่ก็แค่นั้น
    ถาม : หน้าที่นี่ อะไรคือขอบเขตของหน้าที่ของเราที่เราคิดว่าไม่อกตัญญูแล้ว ดีที่สุดแล้ว เหมือนกับว่าเราอกตัญญูเกินไป เออ....ทิ้งพ่อเถอะ พ่อจะคิดยังไง ?
    ตอบ : ถ้าหากว่าสงเคราะห์ได้ให้การสงเคราะห์ ถ้ายังสงเคราะห์ไม่ได้ปล่อยวางไว้แต่ตั้งจิตหวังไว้ว่า ถ้ามีโอกาสเราจะสงเคราะห์ท่านอีก
    ถาม : แล้วเวลาพ่อว่าพระอริยะ แล้วเราโกรธ เราจะทำอย่างไรไม่ให้โกรธ ?
    ตอบ : แล้วจะไปโกรธทำไมล่ะ ?
    ถาม : กลัวเขาลงนรกค่ะ ?
    ตอบ : เห็นพ่อลงแล้วเราก็โดดตามใช่มั้ย ? แหม ! ไอ้โกรธน่ะ เราโดดตามไปด้วยแล้ว
    ถาม : ก็เฉย ๆ เหรอคะ ?
    ตอบ : ก็วางอุเบกขา ถือว่ากรรมของเขา กัมมัง สัตเตวิภัชชะติ กรรมย่อมเป็นเครื่องจำแนกสัตว์ ใครทำใครได้ แต่ถ้าเราจะสงเคราะห์เพื่อให้พ่อได้รู้ได้เข้าใจว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นอย่างไร นาน ๆ ก็แหย่ไปหน่อย ถ้าเห็นว่าท่านยังรับไม่ไหว เราก็ถอยลงมาอีก การปฏิบัติของเราจะมีตัวทดสอบอารมณ์อยู่ตลอดเวลา ทุกวินาทีสามารถมาได้ตลอด สติสัมปชัญญะต้องสมบูรณ์จริง ๆ ไม่อย่างนั้นเราจะแพ้เขา ข้อสอบมาใน ๔ แง่ รัก โลภ โกรธ หลง แค่นี้ แต่มันออกมาได้เป็นแสนเป็นล้านข้อ อย่าคิดว่ามาแค่นี้เรารู้ทันแล้วเขาจะมาอีก เขาไม่มาอีกหรอก เขาไปอีกแง่หนึ่ง ถ้าเราตั้งหลักไม่ทันก็เสร็จเขาเป็นไงล่ะ ลองนึกถึงวันนั้นสอบแล้วเป็นไง ตกระเนระนาดเลยใช่มั้ย ?
    ถาม : ที่ผ่านมา่ตัวผมเองเคยสวดมนต์นั่งสมาธิตอนกลางคืน ทีนี้เราตั้งขอบเขตเกินไปว่าเราจะต้องทำ ทีนี้ร่างกายเรา....(ไม่ชัด)....ก็เลยคิดว่าการที่เราอาจจะไม่ได้สวดมนต์นึกพระพุทธเจ้าหรือหลวงพ่อนี่ให้ตลอดวันดีกว่า น่าจะทำได้ ?
    ตอบ : ดีกว่าเยอะเลย คือการที่จะทำอะไรเป็นแบบเป็นแผน มาทำตอนตื่นนอน เพราะร่างกายเราพักมาเต็มที่แล้ว เหนื่อยมาทั้งวันมันเพลียมาก บางทีร่างกายมันไม่เอาด้วย หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตั้งใจว่าตอนนี้เราจะนอนแล้ว คนนอนลงเหยียดยาวมันก็เหมือนกับคนตาย ขอไปอยู่กับพระพุทธเจ้าบนนิพพาน ภาวนาแล้วหลับไปเลย อย่างนี้ง่ายกว่า
    ถาม : การที่เราไม่ได้สวดมนต์นี่เป็นอะไรกับเราหรือเปล่า่ ?
    ตอบ : สวดมนต์มันยาทา ภาวนามันยากิน อันไหนได้ผลเร็วกว่ากัน เดี๋ยวเจอยาฉีดหนักกว่านั้นอีก พอร่างกายมันดีแล้ว พอเช้ามืดตื่นขึ้นมาแล้วเรามาว่ากันใหม่ จะมีโอกาสปฏิบัติเต็มที่ได้ หลวงพ่อท่านไปช่วยสร้างโบสถ์ทางสมุทรสาคร งานมันเลิกดึกเพราะเขาจัดงานกัน ๗ วัน ๗ คืน หลวงพ่อท่านก็พายเรือกลับทั้งกลางคืนเพราะว่าท่านบอกว่าเดินทางกลางคืนเรือแจวมันสบายดี ไม่งั้นแดดมันร้อน ปรากฏว่าผ่านบ้านทายก ทายกประจำวัดนี่เขาสวดมนต์เก่ง เขาเล่นมหาสมัย เจ้าประคุณเถอะ เขาบรรยายถึงสมัยที่พระพุทธเจ้าท่านแสดงธรรมแล้ว เทวดากี่เหล่ามาฟัง เขาออกชื่อทีละองค์ ทีละเหล่า เล่าเรื่องกันยาวเหยียด คนสวดเก่ง ๆ ยังเป็นชั่วโมง แต่ทายากเขาขึ้น เอวัม เม สุตตัง เอกัง สมยัง พอได้สติขึ้นมาก็ เอวัม เม สุตตัง คือไอ้ใจมันอยากจะภาวนา แต่กายมันไม่ไหว เอมันอยู่นั่นแหละ จะตี ๒ อยู่แล้วยังเอไม่จบซะที หลวงพ่อท่านพายเรือผ่านไปพอดี เอาพายกระทุ้งข้างฝาเข้าปัง เฮ้ย ! สวดมนต์นั่นยาทา ภาวนานั่นยากิน พุทโธก็พอ หลับได้แล้ว ไม่อย่างนั้นคืนนั้นไม่ได้หลับหรอก
    นั่นก็คือไปติดสัจจะ เคยทำทุกวัน ไม่ได้ทำไม่สบายใจ ไม่ได้รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำต้องตั้งใจ ถ้าตั้งใจจะสวดมนต์หรือภาวนามันทรงสมาธิได้เหมือนกัน ถ้าร่างกายมันไม่ไหว มันหิวมาก ๆ เหนื่อยมาก ๆ มันเจ็บไข้ได้ป่วยอย่างนี้สมาธิมันจะไม่ทรงตัว จะไปภาวนาหรือสวดมนต์มันไม่ไหว ก็ใช้วิธีรวบรัด จะนึกถึงภาพพระ หรือว่า นึกภาวนาอะไรก็ได้ อาตมาเองระยะหลัง ๆ หากินเอาง่าย ๆ ไม่ค่อยภาวนาแล้ว นึกถึงภาพพระอย่างเดียวพอ
    ถาม : การที่เราไปเสี่ยงทายดูว่าเราจะถึงนิพพานในชาตินี้มั้ย ?
    ตอบ : นั่นกำลังใจมันต้องแน่มากเลย ไม่งั้นเดี้ยง
    ถาม : อย่างนั้นผลมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนครับ ?
    ตอบ : เป็นไปตามเฉพาะหน้า เหมือนอย่างคุณขับรถความเร็ว ๑๒๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ๓ ชั่วโมงครึ่งจะถึงทองผาภูมิ ถ้าหากว่าเราลดความเร็วลงมันจะเกิน ๓ ชั่วโมงครึ่ง แต่ถ้าเราเพิ่มความเร็วขึ้นมันจะไม่ถึง ๓ ชั่วโมงครึ่ง คำพยากรณ์ทุกอย่างจะเป็นไปตามกำลังใจเฉพาะหน้าตอนนั้น พอถึงเวลาถ้าหากว่าเราสร้างความดีเพิ่มขึ้นหรือความดีลดลง คำพยากรณ์นั้นก็จะเปลี่ยนแปลงไป อย่าไปทำอย่างนั้น ถ้ากำลังใจของเราไม่มั่นคงนี่โอกาสที่กำลังใจตกมันจะมีเยอะมาก
    อาตมาเองเข้าไปในสถานที่หนึ่ง มันคล้าย ๆ กับเมืองลับแล คือมันเป็นพื้่นที่ ๆ ทางอำเภอเขาบอกว่าไม่มี ทางจังหวัดเขาก็บอกว่าไม่มี แต่เราเข้าไปตรงนั้นมันมี แล้วก็มีชาวบ้านอยู่เยอะ ไปคลุกคลีตีโมงอยู่กับเขาระยะหนึ่ง เขาเห็นว่าเราบ้าจริงเขาก็เลยเล่าโน่นเล่านี่ให้เราฟัง วันหนึ่งเขาก็เล่าว่าบนเขาในป่ามีรอยเท้ายักษ์อยู่ เราพอได้ยินก็เข้าใจเลยว่าเป็นรอยพระพุทธบาท ก็ตั้งใจอธิษฐานเลยว่า ถ้าเราจะเข้าถึงพระนิพพานในชาตินี้่จริง ขอขึ้นไปแล้วก็หาให้พบด้วย จะลองมั้ยล่ะ ? กี่แสนไร่ก็ไม่รู้ถ้าบ้าพอก็เอา แต่อาตมาขึ้นไปแล้วหาเจอ อาศัยฝีมือดีถามเจ้าที่ก่อนง่าย เดินดุ่ย ๆ ไปเลย ถามไปเรื่อยถามถึงหรือยัง ง่ายนิดเดียวเนอะ ถ้าเป็นเราแย่เลยเป็นแสน ๆ ไร่ ทากเป็นดง ๆ
    ถาม : เรื่องของศัตรูคนที่มาอาศัยบ้านของเราเขาจะเข้ามาครอบครองปรปักษ์ อาศัยอยู่มาเป็น ๑๐ ปี แล้วก็ไม่ยอมออก ก็อธิษฐานว่าถ้าเขาจะออกไปปีนี้ ก็ขอนึกถึงอะไรสักอย่างก็เป็นรอยพระบาทคู่ เขาจะต้องออกในปีนี้ เขาออกพรุ่งนี้น่ะค่ะ คือไม่เคยจะออกเลยอยู่ ๆ ก็ออก แล้วสามีเขา....คือของหนูน่ะสำเร็จแล้วในเรื่องของคนออกไป แต่ว่ามีเรื่องใหญ่กว่าเยอะ เขาก็เลย....?
    ตอบ : ชักลังเลใช่มั้ย ? อ๋อ ตอนนี้ที่ศาลหลักเมืองไม่รู้ยังอยู่หรือเปล่า ? ศาลหลักเมืองจะมีพระพุทธรูปอยู่องค์หนึ่ง ไม่ทราบว่าทำด้วยโลหะอะไร ไม่ทราบว่าเงินหรือตะกั่ว หน้าตักคงประมาณ ๙ นิ้ว เขาบอกว่าถ้าหากอธิษฐานเรื่องอะไร ถ้าสำเร็จจะยกพระขึ้น ถ้าไม่สำเร็จจะยกไม่ขึ้น ไอ้เราเอง เฮ้ย องค์แค่นี้เอง แรงเราขึ้นอยู่แล้วก็เลยตั้งใจอธิษฐาน ถึงเรื่องมันจะสำเร็จไม่สำเร็จยกขึ้นอยู่แล้ว ก็งัดเต็มที่เลย เกือบหงายท้อง มันหยั่งกับกระดาษไม่มีน้ำหนักเลย เราก็กะเต็มที่เลยว่า พระโลหะหน้าตัก ๙ นิ้วน้ำหนักคงเท่านี้ ไอ้เราก็ว่าซะเต็มที่ของเราเลย แล้วเราลองดูว่าของที่เราว่าน้ำหนักเท่านี้แล้วมันไม่มีน้ำหนักแล้วอะไรมันจะเกิดขึ้น แรงของเราเองมันจะงัดเราหงายท้องไปเอง
    อีกที่หนึ่งก็ที่พระพุทธบาท สระบุรี ที่นั่นเขาจะมีช้ิางทองเหลืองหล่ออยู่ตัวหนึ่ง แล้วก็มีห่วงอยู่ ถ้าเป็นผู้ชายเขาใช้นิ้วก้อยเกี่ยว แต่ถ้าเป็นผู้หญิงเขาใช้นิ้วชี้ แต่ถ้าผู้ชายต้องนั่งคุกเข่าราบ ถ้าผู้หญิงคุกเข่าชันเท้าได้ เราก็เข้าไปถึงเห็นรูปหล่ออยู่ตรงหน้าผู้ที่เป็นแม่กองบูรณะพระพุทธบาทคือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดอนงค์ หลวงปู่เราเอง กำลังใจมันเหลือเฟือ เกี่ยวปุ๊บลอยขึ้นมาเลย มันไม่หนักเลยนี่ ก็วาง ตอนวางนี่มันไม่ลงที่เพราะพื้นมันเป็นพรม รอยบุบมันมีอยู่วางลงเสร็จ ๒ มือผลักไม่ไป มันหนักขนาดนั้นน่ะ เพราะฉะนั้นมันขึ้นอยู่กับกำลังใจ ถ้าหากว่ากำลังใจดี เรื่องบางอย่างมันก็สำเร็จลงง่าย แต่ขนาดบางอย่างกำลังใจดีแต่ว่าบุญมีกรรมมาบัง ก็ไม่สำเร็จได้เหมือนกัน
    เพราะฉะนั้นของเรามันมาถึงระดับนี้มันหน้าด้านซะแล้ว สำเร็จไม่สำเร็จข้าก็จะทำ ก่อนหน้านี้ ๙๐% เราถึงจะทำตอนนี้ ๑: ๙๙ ก็เอา เพราะฉะนั้นมันขึ้นอยู่กับกำลังใจของเรา ถ้าไม่มั่นใจตัวเองอย่าเพิ่งไปเสี่ยงในลักษณะนั้น มันจะพาตัวเองฝ่อไปนาน เรื่องแปลก ๆ มันมีเยอะ ตั้งแต่อธิษฐานมายังไม่เจอเรื่องไหนที่ไม่สำเร็จเลย
    ถาม : แล้วมีอะไรที่จะแนะนำส่วนตัวมั้ยครับ ?
    ตอบ : ไม่มี จำเอาไว้ว่าถ้าจะปฏิบัติต้องทำจริง ๆ เท่านั้นเอง ส่วนใหญ่ที่ทำมันยังทำไม่จริง เจออุปสรรคเจอเรื่องอะไรลำบากนิดหน่อยก็เลิกกันหมด มันไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ หรอก ทุกอย่างต้องลำบาก เห็นคนอื่นเขาได้มาง่าย ๆ น่ะ มันแค่ที่เราเห็น แล้วชาติก่อน ๆ ที่เขาสร้างสมมามันเหน็ดเหนื่อยกันขนาดไหน เราไม่ได้เห็นตอนนั้น ก็ไปคิดว่าเขาได้มาง่าย ๆ กว่าจะได้แต่ละอย่างเลือดตาแทบกระเ็ด็น
     
  8. Jdin_buddhism

    Jdin_buddhism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    366
    ค่าพลัง:
    +10,153
    โมทนาสาธุ...ครับ คุณหลับตา
     
  9. pon_ccc

    pon_ccc Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +94
    รบกวนฝากถามหลวงพี่ให้ทีครับ

    อะไรกันแน่ที่เรียกว่าทางสายกลาง
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1>
    <!-- / icon and title --><!-- message -->ผมมีความสงสัยคำว่า"ทางสายกลางมากครับ " เพราะเดี๋ยวนี้ดูคนทั่วไปจะนำคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปใช้กันผิดๆเสียแล้ว
    ขอเริ่มต้นว่า ผมนั้นได้เริ่มปฎิบัติตัวตามศีลตามธรรม เริ่มนั่งสมาธิบ่อยขึ้น แล้วก็หันมาสนใจตำราเกี่ยวกับพุทธศาสนา ซึ่งปัจจุบันก็มีความคิดว่าเมื่อเรียนจบทำงานใช้หนี้รัฐาลหมดแล้ว ก็ว่าจะลาบวช ซึ่งก็ขออนุญาตบิดาแล้ว ท่านก็อนุญาต แต่กลับมีพี่คนหนึ่งซึ่งเป็นคนที่ผมนับถือมาก มาบอกผมว่า ผมไม่ได้ปฎิบัติในทางสายกลาง เขาว่าผมเคร่งไป ผมจริงจังมากไป (โดย เฉพาะเมื่อเขาทราบว่าผมกำลังฝึกมโนมยิทธิ) ซึ่งพี่คนนี้เขาเป็นคนอ่านมาก อ่านเยอะ โดยเฉพาะอะไรที่เกี่ยวกับนิกายเซน(ศาสนาของญี่ปุ่น)กับพวกศาสานาพราหมณ์ดูจะอ่านมากเป็นพิเศษ
    อนึ่งนั้นมีอีกคำถามอีกครับ
    ๑. การเป็นคนธรรมดาถือศีล๕ ถ้าจะบังคับตัวเองไม่ให้ผิดศีล๕ทุกข้อ โดยยึดอย่างจริงจัง แบบนี้ถือว่า "ตึงเกินไปหรือไม่"
    ๒.ทำอย่างไรจึงจะห้ามตัวเองจากสิ่งเหล่านี้ได้ครับ
    ๒.๑ ความกำหนัด
    ๒.๒ อารมณ์อยากเล่น อยากลอง
    ๒.๓ ความทะนง บ้าอำนาจ
    ขอขอบคุณครับ[b-wai]
     
  10. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,017
    คุณ bubu' ได้พอมีเวลาเอาไปถาม หลวงพี่เล็กบ้างไหมครับ ?
     
  11. Seel

    Seel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    260
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,604
    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" width="100%" UNSELECTABLE="on"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">อยากจะถามว่า ถ้าทรอารมณ์ของพระอนาคามี (แค่ทรงอารมณืนะครับไม่ได้บรรลุเพราะเป็นพุทภูมิ)แล้วเจริญสมาบิติแปด เป็นปฏิสัมฯ จะสามารถพูดได้ทุกภาษารึเปล่าครับ? ข้องใจมานานช่วยตอบให้ด้วยนะครับ</TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. กายในกาย

    กายในกาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +1,265
    รบกวนด้วยนะครับ
    คือ ผมมีความสงสัยมานานแล้วเกี่ยวกับสิ่งที่ผมเห็น จึงขอรบกวนด้วยนะครับ
    1.ตอนเด็กผมนั่งหลับตา เป็นการนั่งสมาธิครั้งแรก พอหลับตาลง ก็เห็นทันทีเลยครับ เห็นน่าจะเป็นเทวดานะ คือ เป็นชาย มีเครื่องทรงไม่มาก มีมงกุฏ มือซ้ายถือแส้หนังสีดำ กำลังเงื้อมมือ ทำท่าตี อืม ที่หลังศีรษะ มีรัศมีสีขาวนวล รัศมีจะเป็นคล้ายวงรี แต่ที่ยอดรัศมีจะเรียวโค้งแหลม สีขาวนวล ตัวไม่เปล่งประกาย เป็นภาพเกือบทั้งตัว แล้วข้างหลังก็เป็นสีดำหมดเลย เลยอยากทราบว่า การที่ผมเห็นอย่างนั้น ท่านองค์นั้น ต้องการจะสื่อความหมายอะไร
    2. ไม่ทราบว่า ผมเป็นอะไรมา ถึงได้เห็นภาพอย่างนั้น ครับ
    หลังจากนั้น ก็ไม่เคยเห็นอีกเลย รบกวนด้วยครับ ผมข้องใจมา 20 กว่าปี แล้ว
     
  13. den_siam2523

    den_siam2523 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2006
    โพสต์:
    591
    ค่าพลัง:
    +2,267
    ถามผ่านเวบได้ไหมครบ ผมเหมาะกับสมาธิแบบไดครับ ก่อนหน้าผมดูลมหายใจ พอสนใจมโนเลยเปลี่ยนบ้างแต่ก็ยังไม่คล่องมาก แต่อยากลองดู เผื่อจะได้กลัวบาปมากขึ้นครับ ช่วยเมตาผมด้วยคนนะครับ den_siam2523@hotmail.com
     
  14. yafact

    yafact สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +5
    น้องชายติดยาเสพติด คุณแม่ทุกข์มาก จะแก้วิบากกรรมนี้ได้อย่างไร
    ตัวข้าพเจ้านั่งสมาธิ จะช่วยคุณแม่ได้อย่างไร เรียนพระคุณท่านช่วยให้คำแนะนำด้วย
     
  15. phuketshark

    phuketshark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2006
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +162
    นิพพานในความหมายของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    [​IMG][​IMG][​IMG]


    กราบนมัสการหลวงพี่เล็กครับ

    มีผู้ตั้งกระทู้ เพื่อพิสูจน์ว่า หลวงพ่อฤาษีฯ ท่านสอนผิด
    ในกระทู้นี้ครับ

    นิพพานในความหมายของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    http://larndham.net/index.php?showtopic=23173&st=0


    กระผมเห็นว่า กระผมควรจะทดแทนคุณหลวงพ่อ
    กระผมจึงขอโอกาสเรียนมาให้หลวงพี่ทราบครับ

    [​IMG][​IMG][​IMG]
     
  16. หลับตา

    หลับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    716
    ค่าพลัง:
    +3,151
    เรื่องนิพพานครับ จากที่อ่านๆมาเหมือนว่าจิตยังอยู่ แต่เป็นจิตสะอาดปราศจากกิเลสใดๆ แล้วถ้าเราไม่อยากอยู่เลย อยากสูญสลายไปทั้งหมดทั้งกายและจิต ยังมีที่อื่นนอกเหนือจากนิพพานหรือไม่ครับ คือไม่อยากจะอยู่ทิพย์พิเศษอันใดอีกเลย อยากคืนธาตุจิตคืนวัฎฎะ เป็นไปได้ไหมครับ... ขอความรู้ด้วยครับ ขอบพระคุณพระอาจารย์เล็กมากๆครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...