พบปะ พูดคุย ประสาเพื่อนพ้องน้องพี่ แบบกันเอง

ได้จากวัดร้องวัวแดงเชียงใหม่...เมื่อเดือน ธค.54
อัญเชิญท่านมาด้วยค่ะ

​

 

ก่อนนอนด้วยสมเด็จเทียนชัย ใครขูดผงต้องรับเลี้ยง ของหลวงพ่อสมจิตร วัดสว่างอารมณ์ สมุทรปราการ พิมพ์เทียนเล็ก เค้าว่าสร้าง 99 องค์ สภาพสวยแต่โดนคนมือบอนขูดผงด้านหลังไปครับ





ประวัติท่านครับ
http://palungjit.org/threads/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A3-%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%86-%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A.208886/

 

หลวงพ่อทวดครบรอบ 50 ปี รพ.หาดใหญ่...
องค์นี้ ท่านไปอยู่ USA แล้วค่ะ...

​

 

จัดหนัก รับปีใหม่ครับ



<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

จัดหนัก รับปีใหม่ครับ



<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

จี้ราศี ปีมังกร + ต่างหู ปีระกา..

​

 

จัดหนัก รับปีใหม่ครับ

หลวงปู่แหวน




<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

พระแม่กวนอิม......

​

 

จัดหนัก รับปีใหม่ครับ





<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

หลวงพ่อทวด วัดหลวงพ่อจำเนียร ถ้ำเสือ

​

 

จัดหนัก รับปีใหม่ครับ

เอาใจคนประจวบก่อนนอน หลวงปู่คำ







<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

ส่งท้ายได้ถูกใจมากครับพี่สุข,คุณนวล..(^^)

 

รูปต้นแบบทำเหรียญ หลวงพ่อถึก วัดสนามช้าง ฉะเชิงเทรา ครับ



พระครูประดิษฐ์สุตาคม เดิมชื่อ ถึก ศรีสุนทร ฉายา ติสโส อดีตเจ้าอาวาสวัดสนามช้าง และเจ้าคณะอำเภอบางคล้า พ.ศ. ๒๕๐๙ เกิดเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๖

พระครูประดิษฐ์สุตาคม เป็นผู้สนใจศึกษา ท่านสามารถพูดได้ถึง ๔ ภาษา คือ ไทย จีน เขมร และอังกฤษ เป็นผู้ใฝ่ใจสนับสนุนด้านการศึกษา ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานอำนวยการสอบธรรมสนามหลวงของอำเภอบางคล้าตลอดมา และเป็นเจ้าสำนักเรียนปริยัติธรรมวัดสนามช้าง ส่งเสริมให้มีการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนและสร้างโรงเรียนวัดสนามช้างด้วย



สำหรับงานสาธารนูปการณ์ พระครูเป็นผู้นำในการรวบรวมทุนทรัพย์ทำการก่อสร้าง โบสถ์ กุฏิ หอสวดมนต์ ฯลฯ รวมทั้งสร้างถาวรวัตถุอื่นๆ ให้วัดสนามช้างอีกมากมาย พระครูได้รับสมณศักดิ์จากพระครูชั้นประทวนใน พ.ศ. ๒๔๘๒ และเลื่อนสมณะศักดิ์สูงขึ้นเรื่อยๆ จนในปี พ.ศ. ๒๕๒๗ เป็นพระครูเจ้าคณะอำเภอชั้นพิเศษ



พ.ศ. ๒๕๒๗ พระครูอาพาธด้วยโรคหัวใจ เข้ารับการรักษาตัวในกรุงเทพฯ หลายครั้ง เมื่ออาการทุเลาท่านก็จะกลับวัด จนวันที่ ๑๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๐ พระครูก็มรณภาพอย่างสงบที่วัดสนามช้าง

 

ฝันดีครับทุกคน rabbit_sleepy

 

อาตมัน และ ปรมาตมัน
หากเป็นคนที่บำเพ็ญบารมีที่ถูกต้องตามแบบพราหมณ์ฮินดู คือ จะมีความเข้าใจว่า ตัวเรานี้เหมือน "อาตมัน" และองค์เทพทั้งหลายนั้นเหมือน "ปรมาตมัน จะหลอมรวมทั้งสองเป็นหนึ่งเดียว ทำกิจได้เหมือนคนปกติอย่างราบเรียบกลมกลืน ไม่กระตุก ไม่สั่น ไม่ใช่ร่างทรงและสามารถดึงความสามารถพิเศษที่องค์เทพนั้นๆ มีมาใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาตินั่นเอง

อาตมันจริงๆ แล้ว ก็คือ "อัตตา" หรือตัวตนสิงสู่อยู่ครอง เป็นสภาวะเที่ยงแท้ถาวร เป็นผู้คิด ผู้นึก ผู้เสวยเวทนา เป็นต้น ซึ่งเป็นส่วนย่อย ที่แบ่งภาคออกมาจาปรมาตมัน
เมื่อคนตาย "อาตมัน" นี้จะออกจากร่างไปสิงอยู่ในร่างอื่นต่อไป เหมือนถอดเสื้อผ้าเก่าสวมเสื้อผ้าใหม่หรือออกจากเรือนเก่าไปอยู่เรือนใหม่ เป็นต้น

จะได้เสวยสุขหรือทุกข์ สุดแต่กรรมที่ได้ทำไว้ เวียนว่าย ตาย เกิด เรื่อยไป จนกว่าจะตระหนักรู้ว่าตนเองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับปรมาตมัน
(พรหม หรือ พรหมัน) และเข้าถึงความบริสุทธิ์จากบาปโดยสิ้นเชิง จึงจะได้กลับเข้ารวมกับปรมาตมันดังเดิม ไม่เวียนตาย เวียนเกิดอีกต่อไป

ความเชื่อในเรื่องนี้เชื่อว่า ตัวตนและจิตวิญญาณที่มาคุ้มครองนั้นเป็นคนละส่วนกัน แต่จิตวิญญาณที่มาคุ้มครองเรานั้น มักพูดเสมอว่าเราคือท่านและท่านคือเรา เพื่อให้เราหลอมรวมแนบสนิทเป็นหนึ่งเดียวกับองค์ท่านและท่านจะทำกิจได้ง่าย ไม่ขัดขืน ไม่ลังเล หรือเยื้อกันไปมาระหว่างจิตสองดวง

ดังนั้นหลักการบำเพ็ญของพราหมณ์ฮินดู จึงมักพูดถึงการหลอมรวมระหว่างอาตมันและปรมาตมันด้วยเหตุนี้ เพื่อเปิดทางให้เทพเบื้องบนทำงานกับเราได้สะดวกนั้นเอง และเราก็จะดึงพลังเทพที่ท่านมีอยู่ ที่เบื้องบนประทานมาให้นี้ นำมาใช้ในการดำเนินชีวิต ประกอบกิจการงานต่างๆ ได้อย่างง่ายดายมากขึ้น

แต่เรื่องนี้อาจเป็นดาบสองคม เพราะคนส่วนใหญ่ที่มีอัตตาหรือตัวกูของกูมากแล้ว เมื่อเขาเชื่อว่าตนเองเป็นหนึ่งเดียวกับปรมาตมันอาจจะเผอเรอ ประมาทและอาจก่อกรรมที่ผิดๆ ไปได้ และมักพบกับความวิบัติภายหลัง

เพราะนิยมยึดถือว่า ตนเองเป็นเทพที่ยิ่งใหญ่มีฤทธิ์มากอยู่คนเดียวผู้อื่นไม่ใช่ ผู้อื่นเป็นตัวปลอมไปหมด ทั้งๆ ที่เทพท่านแบ่งญาณบารมีได้ จึงโปรดช่วยคนได้หลายคนพร้อมกัน สิ่งนี้ต้องระวังให้มาก เมื่อใดก็ตามหลอมรวมจิตคิดว่าเป็นหนึ่งเดียวแล้ว ต้องไม่ยึดเป็นอัตตา หรือเป็นตัวเป็นตนของเรา

 

ณาณบารมีจะมีมากหรือน้อย เทพจะองค์ใหญ่หรือองค์เล็กนั้นไม่สำคัญเท่ากับ "การบำเพ็ญความดีของเราเอง" ยกตัวอย่างเช่น เทพอย่างพระนารายณ์ ได้แบ่งญาณบารมีมาช่วยคนคนหนึ่ง ซึ่งท่านเป็นเทพที่ใหญ่มาก
แต่หากคนที่เป็นผู้รับญาณบารมีบำเพ็ญคุณความดีได้น้อยแล้วตัวเองก็จะแย่ไปด้วย หรือนำญาณบารมีที่องค์เทพท่านประทานมาให้ ไปใช้ในทางที่ผิด เช่น นำไปสู้กับคุณไสยมนต์ดำ ก็ถูกคุณไสยเข้าตัวเสียอย่างนั้น สุดท้ายไม่ได้เป็นผลดีกับตนเองเลยแม้แต่น้อย

ในขณะที่คนอีกคนหนึ่ง มีองค์พระพิฆเนศซึ่งเป็นมหาเทพระดับลูกของพระมหาเทพทั้งสาม ซึ่งเชื่อว่ามีอิทธิฤทธิ์รองลงมา แต่ผู้นั้นคิดสร้างสรรค์งานและทำความดีอยู่ตลอดเพื่อบำรุงพระศาสนา แล้วด้วยบารมีแห่งองค์เทพพิฆเนศ ซึ่งเป็นองค์เทพแห่งความสำเร็จ คนประเภทที่สองที่ได้รับองค์พิฆเนศซึ่งมีฤทธิ์รองจากมหาเทพทั้งสามนี้ อิทธิฤทธิ์แม้น้อยกว่าองค์นารายณ์นี้ กลับได้บุญบารมีมากกว่า เพราะได้ทำความดีและบำรุงพระศาสนา

ในขณะที่คนแรก ใช้พลังอำนาจไปต่อสู้กับมนต์ดำจนตัวเองถลำเข้าไปสู่วังวนของการสู้ทางจิต แทบไม่ได้บุญอะไรเลย เพราะเอาแต่ประลองฤทธิ์กัน เช่นนี้กล่าวได้ว่า "เทพองค์ใหญ่หรือเล็กนั้นไม่สำคัญ สำคัญที่ตัวเราทำอะไร " หากมีองค์เทพอยู่ด้วย ขอให้ดึงพลังของท่านมาใช้ให้เกิดประโยชน์สุขให้มากที่สุด ไม่ใช่ไปใช้นอกลู่นอกทาง ซึ่งยังผลให้บั้นปลายสุดท้าย ต้องรับกรรมอย่างหนักหนาสาหัสแทน

 

อนุตธรรมกับการดึงญาณบารมี

คุณผู้อ่านบางท่านคงเคยได้ยินได้ฟัง หรือบางท่านอาจจะได้เห็นเกี่ยวกับคนมีองค์ ที่สามารถดึงญาณบารมีของเทพมาประทับและสามารถดึงบารมีกลับได้ คือ สามารถเรียกองค์เทพเข้าและออกร่างได้อย่างอิสระ

ซึ่งบุคคลผู้ทีทำหน้าที่เหล่านี้ได้แท้จริง มีจำนวนน้อยและมักถูกมองว่าบ้า เพราะทำหน้าที่ในกิจที่ตาเนื้อมองไม่เห็นเรียกว่า "อนุตรธรรม" ซึ่งจะมีเรื่องของการเปิดจิตญาณต่างๆ นั่นเอง

อนุตรธรรม แปลตามอักษรว่า ธรรมะที่สูงที่สุด เป็นความเชื่อหนึ่งที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน

โดยหลักอนุตรธรรม มีสิ่งเคารพสูงสุดที่เรียกว่า "พระแม่องค์ธรรม" ซึ่งบอกไว้ว่าเป็นผู้เดียวกับพระผู้เป็นเจ้า ผู้เป็นองค์ธรรมชาติ หรือผู้สร้างโลกนี้ขึ้นมา

มีความเชื่อกันว่าท่านเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งขึ้นมาและมีการกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ถือว่าเป็นผู้สร้างโลกทั้งหลาย ดังเช่น เจ้าแม่กวนอิม พระจี้กง พระศรีอารยะเมตไตรย พระเยซูคริสต์ หรือแม้แต่องค์พระพุทธเจ้า รวมทั้งมีการสื่อกับโลกของวิญญาณโดยใช้ร่างของหญิงสาวพรหมจรรย์ ซึ่งเรียกว่า "ร่างสามคุณ"
(คุณฟ้า คุณดิน คุณคนโดย สื่อถึงว่ามีอำนาจมากกว่า ฟ้า ดิน และคน)

โดยร่างสามคุณจะเป็นสื่อกลางที่จะให้กับเทพเจ้า วิญญาณ พระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ พระอรหันต์ พระเยซูคริสต์ นบีมูฮัมมัด และวิญญาณสัตว์ต่างๆ และวิญญาณคนตายเป็นต้น ผู้ที่จะเข้าถึงเรือ่งการเปิดจิตวิญญาณต่างๆ จึงต้องเข้าใจหลักของอนุตรธรรมนี้ แล้วจึงจะสามารถดึงญาณบารมีขององค์เทพให้ลงมาประทับ หรือจะดึงญาณบารมีกลับก็สามารถจะทำได้เช่นกัน

การดึงญาณบารมีลงมาประทับและการดึงญาณบารมีกลับ จำเป็นต้องทำ เพื่อเป็นการปรับให้การบำเพ็ญเพียรในญาณบารมีของเหล่าองค์เทพ เกิดความสมดุลให้ไม่มากไม่น้อยเกินไป ยกตัวอย่างเช่น

บางคนมีญาณบารมีแบบ "สมณเทพ" คือ มีทั้งพระสมณะและเทพพรหม หากมีเทพพรหมมากช่วงไหน ก็บำเพ็ญบารมีมาก หากมีพระสมณะมากช่วงไหน ก็ปฏิบัติจิตกรรมฐานมาก ซึ่งบางครั้งจำเป็นต้องปรับญาณบารมีให้ตัวเอง เช่น การไปวัด ทำบุญ สัมผัสพระธาตุ ไหว้พระธาตุ เหล่านี้ทำให้ญาณบารมีฝ่ายสมณะเพิ่มขึ้น
เป็นต้น

อีกกรณีหนึ่ง คือ การไปทำพิธีพราหมณ์ ได้ไหว้องค์เทพ ทำให้ญาณบารมีองค์เทพมากขึ้น บางท่านมีพลังจิตพิเศษ สามารถติดต่อสื่อสารกับเบื้องบนได้ และอัญเชิญญาณบารมีองค์เทพต่างๆ ลงมาประทับคุ้มครองผู้คนได้ หรือบางท่านก็สามารถดึงญาณบารมีขององค์เทพกลับได้ เนื่องจากหากพบว่าเกิดหลงในญาณบารมีทั้งหลายมากเกินไป หรือเดินทางผิดพลาดก็สามารถดึงญาณบารมีเก็บกลับได้เช่นกัน

 

"ที่นี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราจะมีองค์หรือเปล่า"

การที่บางคนมีความเชื่อเรื่ององค์เทพหรือคนทรงเจ้า แล้วไปเที่ยวพยายามค้นหาคำตอบไปหาร่างทรงตามตำหนักต่างๆ เพื่อพยายามทราบให้ได้ว่า ร่างของตนเองนั้น เป็นร่างจริงหรือเปล่า หรือร่างทรง ร่างเทพจะมีอยู่จริงไหม

พอถูกคนทักว่ามีองค์ ก็อาจพาลเผลอรับขันธ์ 5 ไปเลยก็มี ถ้าทำถูกต้องก็ดีไป ถ้าทำไม่ถูกต้อง จะกลายเป็นว่าเอาผีมาใส่ไว้ในตัว ก็ทำให้กลายเป็นโชคร้ายไปกันใหญ่ เพราะบางทีเราไม่ทราบว่า ตำหนักไหนแท้หรือเทียม บางคนไม่มีอะไร แต่พอเห็นเขามีองค์ก็พาลอยากจะมีบ้าง

ด้วยเหตุนี้ก็เลยทำให้มีทั้งเรื่องของ "คนทรงเจ้า" และ "เจ้าเข้าทรงคน" ที่กลายเป็นปัญหาของสังคม

มีหลายคนที่ถูกครอบงำ ชักจูง ล่อลวง ข่มขู่ หรือหลอกลวงจากบรรดาร่างทรงและตำหนักทรงต่างๆ ที่แอบอ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อหาผลประโยชน์เข้าใส่ตนเอง ล่อลวงเอาทรัพย์สมบัติ ทั้งเงินสด บ้าน รถ ที่ดิน ทรัพย์สินเงินทองที่หามาทั้งชีวิตไปเป็นของตน

ผู้ที่ถูกล่อลวงให้ไปนับถือร่างทรง หลายคนสิ้นเนื้อประดาตัว ผู้ที่เปิดโปงหรือต้องการถอนต้วหลายคนถูกข่มขู่ หลายคนถูกทำร้ายจนบาดเจ็บและบางกรณีก็รุนแรงถึงชีวิต มีคนเสียโอกาส เสียอนาคต เสียคนที่รัก จากการถูกชักจูงให้เข้าไปข้องเกี่ยวกับตำหนักทรงที่มีอยู่เกลื่อนทั่วไปหมด จึงควรทำความเข้าใจที่แท้จริงเรื่องคนมีองค์ ร่างทรง ร่างเทพ และคนทรงเจ้า ให้ดี...

 

ความหมายของ
คนมีองค์ ร่างทรง และตำหนักทรง

คนมีองค์
หมายความได้ถึง คนที่มีองค์พระ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาคุ้มครองหรือมีความเกี่ยวพันกับชีวิตมาตั้งแต่เกิด อาจจะเป็นพันธะสัญญาแต่ชาติปางก่อน หรือทำบุญกุศลมามาก ทำให้เกิดมาชาตินี้เป็นคนที่สามารถสื่อจิตไปถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ หรือไม่ก็อาจจะเป็นคนที่ไม่มีองคืแต่กำเนิดแต่อาศัยการฝึกฝนจิต นั่งสมาธิ สวดมนต์บูชาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จนสามารถสื่อจิตถึงเทพเจ้าได้ แต่หากคนที่มีองค์แล้วไม่หมั่นฝึกจิต สวดมนต์ นั่งสมาธิ การรับรู้สื่อจิตก็ค่อยๆ หายไป กลับมาเป็นคนที่ไม่มีองค์ไปในที่สุด

ร่างทรง
คือ คนที่ตั้งตนเป็นใหญ่เหนือสามัญชนทั่วๆ ไป ด้วยการแสดงอิทธิฤทธิ์ โดยส่วนใหญ่มักมีการแอบอ้าง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและทำให้ดูยิ่งใหญ่เหนือมนุษย์

นอกจากเรื่องเข้าทรง ยังมีเรื่องของคนที่ชอบอิทธิปาฏิหารย์ ภาพนิมิต เสียงแว่วๆ พูดภาษาแปลกๆ เช่น เคยมีคนมาทายเงินในกระเป๋าสตางค์ได้ถูกต้อง ทายชื่อแฟนเก่า ทายใจ ตอบได้ว่าสามี-ภรรยามีชู้ที่ไหน ฯลฯ แต่ของพวกนี้มีอยู่จริง (แต่เป็นวิชาทางเขมร หรือพม่า) เป็นวิชามาร คนโดนของจากพวกนี้จะถูกฉุดดึง

หากคุณ เคยถูกทักว่ามีองค์ อย่าเพิ่งเชื่อ เพราะคนมีองค์ไม่ใช่ว่ามีได้ง่ายๆ บุกุศลไม่ถึงพอก็ไม่สามรถมีได้เลยตลอดชีวิตนี้ ถามตัวคุณเองก่อนว่าคุณได้ดำรงตนอยู่ในศีล ปฏิบัติธรรม ทำบุญกุศลไว้มากมากเพียงพอที่จะมีองค์ได้แล้วหรือไม่

คนมีองค์ ไม่จำเป็นต้องเป็นร่างทรง

เมื่อ ถูกร่างทรงทักว่าคุณมีองค์ของเทพองค์นั้นองค์นี้ แล้วการได้ไปอยู่ในสถานที่ที่เป็นจุดอับ อัดแน่นไปด้วยควันธูป กลิ่นกำยาน กลิ่นดอกไม้ รอบข้างเต็มไปด้วยผู้คนพนมมือไหว้ มีเทวรูปเทพเจ้ามากมาย บรรยากาศเหล่านี้จะก่อให้เกิดความกลัว ความกลัวก่อให้เกิดความศรัทธา ในบรรยากาศที่มีผู้ศรัทธาอยู่ด้วยกันมากๆ จะทำให้คุณเกิดอุปทานคล้อยตาม จิตประหวัดก่อให้เกิดอาการมือชา ตัวชา ตัวสั่น ปวดหัว เมื่อผู้คนรอบข้างคุณเริ่มมีอาการ คุณก็จะมีอาการ เมื่อคนอื่นนั้นเห็นคุณ มีอาการ คนอื่นๆ ก็คล้อยตามไปเรื่อย เช่นอาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว ตัวร้อน ตัวสั่น ก็นึกไปว่าเทพประทับ ลุกขึ้นร่ายรำ แล้วไปเรียกอาการนี้ว่า "เจ้าเข้าทรงแล้ว"

นั้นคือจิตอุปทานไปเอง หรือมั่ความรู้สึกไปทั้งหมด ยิ่งหากที่นั่นเลี้ยงผี อาการต่างๆ ที่ว่ามาก็เป็นช่องทางให้ผีสางมาเข้าสิงได้เพราะผีชองสิงคนจิตอ่อน ชอบแทรกเข้าร่างคนที่ไม่มีภูมิต้านทานในจิตใจ คนที่ถูกวิญญาณเข้าแทรกก็พากันคิดว่า ตัวของเรานี้คือเทพ...นี่เองเลยบ้ากันไป...

ตำหนักทรง
ตำหนักทรงต่างๆ จะทำการตกแต่งให้ดูหรูหรา จะมีความขลังให้มากๆ หากสังเกตให้ดีๆ
เราสามารถพบเห็นเรื่องผิดปกติที่บิดเบือนจากศาสนาพุทธ หรือ ศาสนาพารหมณ์ได้มากมาย

การที่คนจำนวนมากตกเป็นเหยื่ยของเหล่าคนมีองค์ หรือร่างทรงปลอมๆ ก็เพราะคำว่า "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" นี่เองเป็นต้นเหตุ การอัญเชิญทิพยสภาวะของเทพเจ้าลงมาสู่กายแห่งมนุษย์ หรือการประทับทรงนั้นไม่ใช่เรื่องที่ใครๆ จะทำกันได้ทั่วไป ผู้ที่สามารถอัญเชิญพลังบารมีแห่งองค์เทวะมาประทับบหรือสื่อจิตไปถึงองค์เทวะได้นั้น จะต้องได้รับการฝึกจิตรู้จักปฏิบัติธรรมเพื่อชำระกาย ชำระใจของตนให้สะอาดเสียก่อนจึงจะเกิดญาณบารมีที่มากพอ จะเป็นสื่อกลางระหว่างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้...

 

...น้อมกราบหลวงปู่ครับผม...
อรุณสวัสดิ์เช้าวันทำงานวันแรกของปีเด้อครับพี่น้อง
ซำบายดีที่ชัยภูมิครับ เป็นอย่างใด๋กันบ้างครับผม
รักษาสุขภาพกันด้วยเน้อครับ ชัยภูมิ หนาวหนาว ร้อนร้อนครับ
^^___^^​