พระดี พิธีใหญ่ รับประกันแท้ทุกรายการ!!! เชิญชม บูชา ในกระทู้ได้เลยครับ"

3561.เหรียญใบโพธิ์จอมสุรินทร์ วัดโพธิ์พฤกษาราม ปี 14 ปิดรายการครับ

​

​

จัดสร้างโดยหลวงพ่อจันทร์ ปภัสฺสโร อดีตเจ้าคณะอำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์
วัตถุประสงค์เพื่อหาทุนสร้างศาลาการเปรียญและสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม โดยพระครูนิเทศธรรมคุณ(หลวงพ่อเกิด) ในสมัยนั้นท่าน เป็นเลขาเจ้าอาวาส โดยได้นำไปให้หลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นผู้ปลุกเสก ซึ่งหลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทอง ได้เมตตาเสกถึง 3 วาระ

ได้นำไปเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษก อีกหลายวาระ โดยมีพระเถระคณาจารย์ร่วมเสก ดังนี้

1.) หลวงปู่ดุลย์ อตุโล วัดบูรพาราม จังหวัดสุรินทร์

2.) หลวงปู่ริม รัตนมุนี วัดอุทุมพร จังหวัดสุรินทร์

3.) หลวงปู่มุม วัดปราสาทเยอร์ จังหวัดศรีษะเกษ

4.) หลวงปู่ทุม วัดใหม่จอมพระ จังหวัดสุรินทร์

5.) หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพมหานคร

6.) หลวงปู่ขาว อนาลโย จังหวัดหนองบัวลำภู

7.) หลวงปู่ชา สุภัทโท จังหวัดอุบลราชธานี เป็นต้น

โดยมีรายการจัดสร้าง ทั้งหมด 3 เนื้อคือ
1.) ทองแดงกะไหล่ทอง 1,000 เหรียญ
2.) ทองแดงกะไหล่เงิน 1,000เหรียญ
3.) ทองแดงรมดำ 8,000 เหรียญ

หลวงพ่อเกิดท่านได้นำเหรียญไปจ่ายตามหมู่บ้านเขตอำเภอท่าตูม ของจังหวัดสุรินทร์ ให้แก่ผู้ที่มีจิตศรัทธาบริจาค ได้นำออกแจกให้สาธุชน บูชาประมาณปี 2520-2525 จึงหมดลง

 

รับทราบครับ ขอบคุณมากครับ

 

​

 

3562.ทายาทพุทธาคมโดยตรงจากหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ เหรียญหล่อเจ้าสัว เนื้อสัมฤทธิ์โบราณ ด้านหลังอุดผงยา วาสนาจินดามณีและเส้นเกศา หลวงปู่ทอง วัดดอนไก่ดี ให้บูชา 1250 บาท แยกจากชุดกรรมการ จัดสร้างเพียง 500 ชุด

​

พระเจ้าสัวพิมพ์นี้ใครก็สร้างได้ แต่เคล็ดของวิชาอันนี้ว่ากันอีกเรื่อง พระเจ้าสัวนอกจากจะเสกทางด้านมหาลาภแล้ว สิ่งหนึ่งที่จะทำให้เกิดลาภและดั่งสร้างขั้นบันไดไปสู่คำว่าเศรษฐี นั่นคือเสกทางขจัดอุปสรรค แหวกปัญหา ดั่งความหมายของพิมพ์พระ คือพระพุทธองค์ทรงนั่งอยู่เหนือปัญหาทั้งมวลด้วยความรู้แจ้งและมีแสงฉัพพรรณรังสี สว่างไสวไปทั่วทั้งสามโลก ซึ่งหากผู้อธิษฐานจิตหาก มิได้เป็นระดับพระอริยะบุคคล ย่อมมิอาจอธิษฐานน้อมนำอำนาจพระพุทธคุณให้บังเกิดแสงเหล่านี้ขึ้นในองค์พระได้

 

ขอจองครับ

 

รับทราบการจองครับ ขอบคุณมากครับ

 

3563.พระสมเด็จสมปรารถนา( มหาสัมฤทธิ์ ) วัดโพธิ์ผักไห่ ให้บูชา 450 บาท พี่sunmkจองครับ

​

เป็นพระสมเด็จที่อาตมาได้รวบรวมมวลผงพุทธคุณทั้งหลายที่ได้ประสพพบเห็นความศักดิ์สิทธิ์ มีอิทธิฤทธิ์ประสิทธิผลในทางเมตตามหานิยมสูงสุดเท่าที่ตลอดชีวิตของอาตมาประสพเคยพบมา และสามารถคุ้มครอง ป้องกันภูตพราย ทั้งคุณผี คุณคน คุณไสยได้อย่างมหัศจรรย์
๑. การค้นพบผงสัมฤทธิ์ในอดีตตลอด ๕๐ ปีที่ผ่านมา พบว่าวัตถุมงคลที่เข้าผงวัดสัมฤทธิ์หรือมีผงวัดสัมฤทธิ์เข้าไปเป็นส่วนประกอบ เช่น
- พระเครื่องชุดแพพัน แพ๒พัน
- พระชุดของหลวงปู่โต๊ะ วัดสระเกศ
- พระชุดของวัดเยื้องคงคาราม
- พระผงสมเด็จวัดคำหยาด โดยพระอาจารย์บุญลือ โดยเฉพาะพระเครื่องชุดที่สร้างโดยวัดยวด ( วัดเจ้าคณะอำเภอท่าวุ้ง ในจังหวัดลพบุรี ) ล้วนเข้าผงวัดสัมฤทธิ์ทั้งสิ้น ล้วนมีประสบการณ์ ในทางค้ำชูดวงชะตา เป็นมหาสำเร็จสมปรารถนา ขอเพียงผู้ใช้ตั้งสัจจะอธิฐาน โดยไม่เกินวาสนาของตน มีความเชื่อถือกันมาในหมู่คณาจารย์ ผู้รู้ทั้งหลายว่าผู้สร้างผงพุทธคุณวัดสัมฤทธิ์ ทรงอภิญญาสูงส่ง ดำรงจิตอยู่ในพรหมวิหาร ๔ วางจิตนิ่งอยู่ในอุเบกขาเป็นนิจ เห็นเพื่อนมนุษย์และสัตว์โลกย่อมเป็นไปโดยกรรมของตน เมื่อผู้ใดตั้งสัจจะอธิฐาน ผู้ทรงอภิญญานั้นจะคลายจิตลงสู่เมตตา กรุณา เป็นอารมณ์ จึงมีผู้คนจำนวนมากที่ใช้พระที่เข้าผงสัมฤทธิ์พบปาฏิหารณ์ ในทางโชคลาภ ในทางมหาเสน่ห์ ในทางมหานิยม ในทางขอตำแหน่งหน้าที่การงาน ในทางรักษาโรคภัยไข้เจ็บ รวมไปถึงถอนคุณไสยต่างๆ ได้อย่างมหัศจรรย์
แม้ปัจจุบันวัดสัมฤทธิ์ยังเป็นวัดร้างก็มีผู้คนไปบนบานศาลกล่าว ประสพความสำเร็จ มีกลองยาวแก้บนนับหลายพันใบต่อปี มีกุฏิและศาลาการเปรียญ มูลค่าหลายล้าน ทั้งที่ยังเป็นวัดร้างไมมีพระจำพรรษาอยู่อาศัย มีเพียงองค์การบริหารส่วนตำบล และประชาชนดูแลอยู่ กลองและสิ่งปลูกสร้างเกิดจากผู้เลื่อมใส และศรัทธานำมาแก้บน และร่วมกันจะพัฒนาวัดร้าง คือวัดสัมฤทธิ์ให้เป็นวัดต่อไป จึงเป็นแรงดลใจให้อาตมาขวนขวายหาผงวัดสัมฤทธิ์มาตลอดจนกระทั่งได้ผงเป็นปฐมฤกษ์จาก พระครูโฆสิตโชติธรรม ( พระอาจารย์บุญลือ วัดคำหยาด ) ต่อจากนั้นนำผงมาตั้งสัจจะอธิฐานตามความปรารถนาและได้ผงพุทธคุณวัดสัมฤทธิ์มาอีกเป็นจำนวนมาก เพื่อสร้างพระวัตถุมงคลสืบทอดบูรณะงานพระศาสดา และการศึกษาอันเป็นปณิธานของอาตมาเสมอมา เพียง ๓ วัน ให้หลังก็ได้พบผงจำนวนมากจากผงในครอบครองเดิมของพระภิกษุผู้ละสังขารรูปหนึ่งและนำมาให้พระครูเจ้าคณะอำเภอท่าวุ้ง ตรวจสอบด้วยพบว่าเป็นผงที่ท่านมอบให้ไปทั้งสิ้นจากนั้นยังมีคณะนายทหารหลายท่านที่มีผงไว้ครอบครองแต่เดิม ด้วยในคราวปีประมาณ ๒๕๓๐ มีการเกณฑ์ทหารจากลพบุรีเข้าถางป่า บูรณะวัดเขาพระงาม และวัดสัมฤทธิ์นำมาถวายรวม มีปริมาณรวมกันถึง ๒ บาตร และได้นำมาสร้างพิมพ์สมเด็จ พิมพ์พระรอด และลูกอมผง ออกให้เช่าบูชา เพื่องานพระศาสนาและการศึกษาโดยได้นำผงพุทธคุณที่สำคัญ อื่นๆ ดังได้กล่าวไว้แต่ต้นมารวมเพื่อความเป็นศิริมงคลต่อผู้บูชา เช่น
มวลสารองค์พระประกอบด้วย
๑. ผงอิธะเจสำเร็จ วัดสัมฤทธิ์ เป็นผงที่ค้นพบภายใต้ฐานพระประธานวัดสัมฤทธิ์ ( วัดร้าง ) ในเขตอำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี เป็นผงสัจจะอธิฐาน ซึ่งอาตมาเคยใช้ผงพุทธคุณอธิฐานขอบารมีสร้างอาคารเรียนโรงเรียนวัดโพธิ์ผักไห่(วิทยาคาร)สำเร็จในระยะเวลาอันสั้นและใช้ผงนี้ถอนคุณไสยต่างๆ เสมอมา ฉะนั้นผงนี้จึงมั่นใจได้ว่าดีครบถ้วนทั้งเมตตามหาเสน่ห์และคุ้มครองป้องกันและมีประสบการณ์มากมาย
๒. ผงอิธะเจของหลวงปู่ปรงวัดธรรมเจดีย์ จังหวัดสิงห์บุรี
ศิษย์ในหลวงปู่ศรีวัดพระปราง รุ่นเดียวกับหลวงพ่อกวย ชุตินธโรลบผงได้ทะลุกระดานชนวน
๓. ผงพุทธคุณพระครูโสภณสิริธรรม วัดโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง เป็นผงที่มีเมตตาสูง
๔. ผงพุทธคุณพระวรคุณญาณมุณี ( หลวงพ่อแก้ว ) วัดในปากทะเล จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งต่อมาย้ายไปอยู่วัดเครือวัลย์ จังหวัดชลบุรี
๕. ผงพุทธคุณหลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ศิษย์ในหลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า
๖. ผงพุทธคุณหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นผงที่สำหรับอุดพระหลวงพ่อปาน ซึ่งตกทอดอยู่ในวัดลาดชิด
๗. ผงพุทธคุณหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นสมบัติของพระครูบวรสังฆกิจ วัดโพธิผักไห่
๘. ผงพุทธคุณหลวงปู่นาค วัดระฆัง จังหวัดกรุงเทพมหานคร
๙. ผงพุทธคุณหลวงปู่อ่วม วัดไทร จังหวัดสมุทรสงคราม
ศิษย์ในสมเด็จโตพรหมรังสี วัดระฆัง
๑๐. ผงพุทธคุณหลวงปู่นาค วัดช่องลม จังหวัดสมุทรสงคราม
ลบผงมหาเสน่ห์ได้ฉมังนัก
ผงว่าน - ว่านดอกทอง เสน่ห์จันทร์หอม สาวหลง เถาวัลย์หลง ไม้ไก่กุก เสาตะลุงช้าง ยอดรักษ์ ยอดสวาท
ดิน - ดิน ๗ โป่ง ๗ ทุ่ง ๗ ท่า รากน้ำใจ ไคร่เสมา ผงงาช้างดำ
ดิน ๓,๐๐๐ สถานที่ ศิลาธิคุณ ปูนเปลือกหอย
กดเป็นพิมพ์ ด้วยพิมพ์หินมีดโกนประกอบประสานเนื้อองค์พระโดยใช้ข้าวตากแห้ง ตังอิ๊ว ยางมะตูม กล้วย เป็นตัวประสานตามตำราโบราณ

 

3564.สมเด็จวัดเกศไชโย กรุวัดโพธิ์เกรียบ พ.ศ.๒๔๙๐ พิมพ์ ๗ ชั้น ให้บูชา 550 บาท

​

​

เป็นพระสมเด็จที่นำมวลสารของสมเด็จวัดเกศไชโย คราวที่พระมหาพุทธพิมพ์ชำรุดหักพังลงมา และมีพระเครื่องวัดเกศไชโย ที่สมบูรณ์ และชำรุด ร่วงหล่นลงมากับเศษอิฐเศษปูนคราวนั้นด้วย จึงได้นำพระส่วนนี้นำมาบรรจุกรุไว้ที่วัดโพธิ์เกรียบ
ส่วนพระสมเด็จที่ชำรุด ได้นำมาบดเป็นมวลสาร และขึ้นรูปเป็นพระพิมพ์ใหม่ ใส่เข้ารวมไปในกรุด้วย
จึงถือได้ว่าพระเครื่องกรุวัดโพธิ์เกรียบนี้ เป็นกรุที่มีทั้งพระสมเด็จเกศไชโยแท้ๆเดิมๆ และพระที่ขึ้นรูปใหม่โดยใช้มวลสารเดิมเต็มๆ พุทธคุณจึงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพระสมเด็จวัดเกศไชโยที่ราคาแสนแพงเป็นแน่แท้
วัดโพธิเกรียบสร้างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช ๒๓๔๕ สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ตั้งอยู่เลขที่ ๒๐ บ้านโพธิ์เกรียบ หมู่ที่ ๖ ต.สามง่าม อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง
สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย พื้นที่วัดเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำน้อย
มีเจ้าอาวาสที่ทราบนาม ๕ รูป
๑.หลวงพ่อเรือง
๒.หลวงพ่อแย้ม
๓.พระครูโพธิสารสุนทร (รอด จันทสโร) ครองวัดถึง พ.ศ. ๒๔๘๔
๔.พระครูจันทรโพธิคุณ (หยวก เกสโร) ครองวัดถึง พ.ศ. ๒๔๘๔ - ๒๕๒๑
๕.พระครูปลัดไพโรจน์ ปวฑฒโน พ.ศ. ๒๕๒๒ เป้นต้นมา

ในยุคที่รุ่งเรืองและมีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับวัตถุมงคลของวัดโพธิ์เกียบมากที่สุด อยู่ในยุคพระครูรอด และพระครูหยวกเป็นเจ้าอาวาส คือ ในราวปี พ.ศ. ๒๔๖๐
โดยในยุคพระครูรอดนั้น ได้นำพระสมเด็จเกษไชโย พระอัฎฐารสชินเขียว และพระเชยคางคางเม็ด มาแจกจ่ายให้ชาวบ้านมากมาย
ส่านในสมัยพระครูหยวก (พ.ศ. ๒๔๘๔ -๒๕๒๑) เป็นเจ้าอาวาส ได้สร้างวัตถุมงคลเป็นสมเด็จวัดโพธิ์เกรียบ ขึ้นสองรุ่น โดยนำพระที่แตกหักที่พระครูรอด ที่นำมาจากวัดไชโยวรวิหาร โขลกผสมลงไปด้วย
พระสมเด็จวัดโพธิ์เกรียบรุ่นแรก สร้างขึ้นในปี พ.ศ.๒๔๙๐ มีอยู่หลายพิมพ์ด้วยกัน โดยล้อพิมพ์ต่างๆ ของสมเด็จเกษไชโย เนื้อพระแม้ความเกร่งอ่อนจะด้อยกว่า แต่ก็มีความละม้ายใกล้เคียงกับสมเด็จเกษไชโย
ปัจุบันรวบรวมมาได้ทั้งสิ้น ๙ พิมพ์ คือ
๑. เจ็ดชั้นพิมพ์ใหญ่
๒. เจ็ดชั้นออกถ่าง
๓. เจ็ดชั้นไหล่ยก
๔. เจ็ดชั้นอกครึ่ง
๕. เจ็ดชั้นอกตัน
๖. หกชั้นอกตลอด (หน้าหนู)
๗. พิมพ์เข่าบ่วง
๘. รูปเหมือนสมเด็จโต
๙. พิมพ์ปรกโพธิ์

 

จอง3563

 

รับทราบครับพี่ ขอบคุณมากครับ

 

3565.พระผงมุตโตทัยหลังยันต์มงกุฏพระเจ้า พิมพ์หลวงปู่ฝั้น อาจาโร / พิมพ์หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม ออกวัดป่าวิเวกธรรม จ.ขอนแก่น มวลสารดี พิธีใหญ่ ให้บูชา องค์ละ 550 บาท พี่sunmkจองครับ

​

พระผงกรรมฐานมุตโตทัยรุ่นนี้ จัดสร้างโดยมูลนิธิมุตโตทัย ปลุกเสกพิธีใหญ่เสาร์ ๕ ณ วัดป่าวิเวกธรรม จ.ขอนแก่น เมื่อปี 2536 โดยมี

สมเด็จพระญานสังวรฯ วัดบวรนิเวศวิหาร กทม.เป็นประธานจุดเทียนชัย

พ่อแม่ครูอาจารย์สายวัดป่าฯ ประมาณ ๒๐๐ รูปร่วมอธิษฐานจิต อาทิเช่น
-หลวงปู่ท่อน วัดป่าศรีอภัยวัน จ.เลย
-หลวงปู่ลือ วัดป่านาทาม จ.มุกดาหาร
-หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก วัดป่าวิเวกธรรม จ.ขอนแก่น
-หลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโปวัดป่าประทีปปุญญาราม จ.สกลนคร
-หลวงตาพวง วัดศรีธรรมมาราม จ.ยโสธร
-หลวงปู่บุญเกิด วัดป่าศรีคุณาราม จ.อุดรธานี เป็นต้น

มวลสารผงอัฐิธาตุ อังคารธาตุ
เกศาพ่อแม่ครูอาจารย์สายพระกรรมฐาน
ผงพุทธคุณ ผงว่านศักดิ์สิทธิ์108
ดินมงคล ผงธูป ดอกไม้แห้งบูชาพระ
ข้าวก้นบาตรและอื่นๆอีกมากมาย

นับได้ว่าเป็นพิธีใหญ่สายวัดป่าฯมวลสารมงคลมากมายเข้มข้นเป็นประวัติการณ์ที่สุดอีกหนึ่งพิธีเลยก็ว่าได้

 

3566.เหรียญพระแก้วมรกตหมดห่วง รุ่น 2 ปี 2540 เนื้อนวะจัดสร้างโดยคุณสุธันย์ สุนทรเสวี ปิดรายการครับ

​

การถวายนาม เหรียญพระแก้วมรกต จักรแก้วพระพุทธเจ้า
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.3 ซ.ม.ด้านหน้า ด้านหน้าเป็นรูปจำลองพระแก้วมรกต ทรงเครื่องฤดูฝนประทับนั่งบนรัตนบัลลังก์บัว 2 ชั้น
อยู่ภายในซุ้มเรือนแก้วและรายล้อมด้วยดอกไม้ โดยเลียนแบบจากรูปลักษณ์จากเหรียญพระแก้ว มรกต รุ่นฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 150 ปี
ด้านหลังเหรียญเป็นยันต์จักรแก้วพระพุทธเจ้า ทรงอานุภาพปราบมารขจัดอุปสรรคและตัดเคราะห์กรรม ซึ่งผูกจากพระคาถาจักรแก้วพระพุทธเจ้า
“ อิติปิโสภควา เอกจกกํ มารเปตวา พุทธจกโก เวหาสคนตวา” หมุนออกจากแกนกลางวนแบบทักษิณาวัตร (หมุนวนขวามือ)

โดยคณะผู้จัดสร้างได้รวบรวมโลหะทองชนวน พระกริ่ง – พระชัยวัฒน์ สำนักวัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพฯ หลายวาระ
ทองชนวนพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ และครอบน้ำมนต์ที่มีชื่อเสียงเป็นจำนวนมาก,ตะกรุดและแผ่นยันต์ของพระอริยสงฆ์
และพระอภิญญาจารย์เจ้าทุกภาคทั่วประเทศและโลหะบริสุทธิ์ 9 ชนิดได้แก่ รวมทั้งแผ่นพระยันต์ 108 ดวง และนะปัถมัง 14
นะอันเป็นพระยันต์บังคับตามตำราการสร้าง พระกริ่ง – พระชัยวัฒน์ของสมเด็จพระพันรัตน์วัดป่าแก้ว กรุงเก่า
ซึ่งรุ่นสองนี้คุณสุธันย์ใช้ชนวนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งสะสมมายาวนานหลอมสร้างไปมากที่สุด มากกว่ารุ่นแรก

ผู้สร้างนำทองชนวนและแผ่นยันต์ทั้งปวงมาหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันแล้วเทเป็นแผ่นใหญ่ ปล่อยให้เย็นตัวลงตามธรรมชาติ
จากนั้นนำโลหะธาตุมารีดเป็นแผ่นบางโดยจำแนกไปตามชนิดของโลหะคือ นวโลหะ เงิน และ ทองคำ
วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 ตรงกับวันอาสาฬหบูชา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 เวลา 07.09 น. เป็นมหามงคลฤกษ์ที่ได้คำนวณไว้ดีแล้ว
จากนั้นก็นำแผ่นโลหะทั้งสามมาดำเนินการปั๊มเป็นเหรียญให้เสร็จภายในเวลา 23.09 น. ของวันเดียวกันซึ่งเป็นอุดมมงคลตามฤกษ์

จำนวนการสร้าง 2,222 เหรียญ
1. ทองคำบริสุทธิ์ 5 เหรียญ
2. เงินบริสุทธิ์ 181 เหรียญ
3. นวโลหะกลับดำ 2,036 เหรียญ

*****พิธีมหาพุทธาภิเษก*****
1. วัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพฯ พิธีพระบรมรูป ร.5 4 ตุลาคม 2540
2. วัดสุทัศฯเทพวราราม กรุงเทพฯ พิธีทรัพย์เพิ่มพูน 7 พฤศจิกายน 2540
3. วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ พิธีพระเศรษฐีนวโกฏิ 15 พฤศจิกายน 2540
4. วัดเลา กรุงเทพฯ พิธีพระพิฆเณศวร ศิลปากร 8 มกราคม 2541
5. วัดป่าเลไลย์ สุพรรณบุรี พิธีเหรียญพระรูป ร.5 23 ตุลาคม 2541
6. วัดเลา กรุงเทพฯ พิธีพระกริ่งพุทธปัญญา 30 สิงหาคม 2542
7. วัดไผ่ล้อม นครปฐม พิธีพระกริ่งอัตตรักโข 23 ตุลาคม 2542
8. วัดยางงาม ราชบุรี พิธี 100 ปี ปากท่อ 27 ตุลาคม 2542
9. วัดเลา กรุงเทพฯ พิธีพระกริ่งพุทธสุขสิริ 6 พฤศจิกายน 2542
10. วัดไผ่ล้อม นครปฐม พิธีเสาร์ 5 8 เมษายน 2543
11. วัดเขื่อนเพชร เพชรบุรี พิธีเสาร์ 5 8 เมษายน 2543
12. วัดช้าง นครนายก พิธีพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ “สาธารณสุข” 9 มิถุนายน 2543
13. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพฯ พิธีพระพุทธนิรามัย 27 มิถุนายน 2543
14. วัดเขื่อนเพชร เพชรบุรี พิธีสมโภชรูปเหมือนหลวงพ่อจ่าง 23 ตุลาคม 2543
15. วัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพฯ พิธีวันเพ็ญ เดือน 12 พฤศจิกายน 2543
16. วัดเขื่อนเพชร เพชรบุรี พิธีพระกริ่งเพชรกลับ วชิรเวท 7 ธันวาคม 2543
17. วัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพฯ พิธีพระกริ่งพุทธยอดฟ้า 31 ธันวาคม 2543
18. วัดไผ่ล้อม นครปฐม พิธีรูปเหมือนสะดุ้งกลับ หลวงพ่อพูล 18 มกราคม 2544
19. วัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพฯ พิธีพระกริ่งจอมไทย 19-27 มกราคม 2544
20. วัดไผ่ล้อม นครปฐม พิธีมงคลอายุวัฒน์ 90 10 กุมภาพันธ์ 2544
21. วัดจุฬามณี สมุทรสงคราม พิธีชัยมังคลาภิเษก 25 เมษายน 2545
22. วัดเลา กรุงเทพฯ ….………………. 27 เมษายน 2545
23. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพฯ พิธีหลวงปู่ทวด กระทรวงกลาโหม 10 พฤศจิกายน 2545
24. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพฯ พิธีพระพุทธนิรโรคันตราย 11 พฤศจิกายน 2545
25. วัดเลา กรุงเทพฯ ….……………….. 13 พฤศจิกายน 2545
26. วัดปราสาทบุญญาวาส กรุงเทพฯ พิธีหลวงพ่อทวด 19 พฤศจิกายน 2545

*****พิธีอธิษฐานจิตเดี่ยว*****
1. พระครูภัทรธรรมรัติ (ภัทร) วัดโคกสูง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 6-7 กันยายน 2540
2. พระครูสุวรรณวิสุทธิ์ (เจริญ) วัดธัญญวารี อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี 22 กันยายน 2540
3. พระครูวิทิตพัฒนาทร (จ้อย) วัดหนองน้ำเขียว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี 28 มกราคม 2540
4. พระครูปราสาทพรหมคุณ (หงส์) วัดเพชรบุรี อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ 1 กุมภาพันธ์ 2540
5. พระธรรมมุนี (แพ) วัดพิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี 12 เมษายน 2541
6. พระครูสังวรสมณกิจ (ทิม) วัดพระขาว อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา 12 เมษายน 2541
4 มกราคม – 31 มีนาคม 2542
7. พระภาวนานุสิชฌ์เถร (หรุ่ม) วัดบางจักร อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง
12 เมษายน – 4 พฤษภาคม 2541,27 มกราคม 2544,3 มีนาคม 2544
8. พระนิมมานโกวิท (ทองคำ) วัดท่าทอง อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ 5 พฤษภาคม 2541และ13 – 14 พฤษภาคม 2547
9. พระครูพัฒนกิจจานุรักษ์(วงศา) วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน 6 พฤษภาคม 2541
10. พระครูมงคลคุณาทร (คำปัน) วัดหม้อคำตวง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 6 พฤษภาคม 2541
11. พระครูวรวุฒิคุณ (อิน) วัดฟ้าหลั่ง อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ 7 พฤษภาคม 2541
12. พระครูพิศิษฐสังฆการ (ผัด) วัดศรีดอนมูล อ.สารภี จ.เชียงใหม่ 7 พฤษภาคม 2541
13. พระครูสิริศีลสังวร (น้อย) วัดศรีดอนมูล อ.สารภี จ.เชียงใหม่ 7 พฤษภาคม 2541
14. พระครูชัยยะวงศ์วิวัฒน์ (หน่อย) วัดบ้านปง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ 7 พฤษภาคม 2541
15. ครูบาเทือง นาถสีโล วัดบ้านเด่น อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 7 พฤษภาคม 2541
16. พระราชพฤฒาจารย์ (ห้อม) วัดคูหาสุวรรณ อ.เมืองฯ จ.สุโขทัย 8 พฤษภาคม 2541
17. พระครูศีลสารสัมปัน (อ่อน) วัดเนินมะเกลือ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก 8 พฤษภาคม – 3 มิถุนายน 2541
18. พระครูสุนทรวชิรเวท (จ่าง) วัดเขื่อนเพชร อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี 8 กรกฎาคม – 5 ตุลาคม 2541
(ไตรมาส 2541 )
19. พระราชอุดมมงคล (อุตตมะ) วัดวังก์วิเวการาม อ.สังขละ จ.กาญจนบุรี 18 ธันวาคม 2541,13 พฤษภาคม 2542 ,และ 14 พฤษภาคม-2 มิถุนายน 2542
20. พระครูสถิตย์โชติคุณ (ไสว) วัดปรีดาราม อ.สามพราน จ.นครปฐม 3 – 21 มิถุนายน 2542
21. พระครูสุนทรจริยวัตร (ม่วง) วัดยางงาม อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี 22 มิถุนายน – 23 ตุลาคม 2542
( พรรษา 2542 )
22. พระครูสังวรานุโยค (ช่อ) วัดโคกเกตุ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม 11 พฤศจิกายน – 28 ธันวาคม 2542,1 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม 2544และ1 มกราคม – 30 เมษายน 2547
23. พระครูปุริมานุรักษ์(พูล) วัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม 8 เมษายน 2543 (เสาร์5) 15 กรกฎาคม – 13 ตุลาคม 2543(ไตรมาส 2543 )
24. พระอาจารย์ธรรมนูญ ฐิตวัฒฑโน วัดมณีชลขันธุ์ อ.เมือง จ.ลพบุรี 27 มกราคม – 2 มีนาคม 2544
25. พระอาจารย์ใย สัญญาโม วัดสะแก อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา 2 มีนาคม – 5 พฤษภาคม 2544
26. หลวงปู่ชื้น พุทธสโร วัดญาณเสน อ.พระนครศรีอยุธยา จ. พระนครศรีอยุธยา 3 มีนาคม 2544,6 พฤษภาคม 2544และ24 มิถุนายน 2545
27. พระครูวินัยวชิรกิจ (อุ้น) วัดตาลกง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี 1 กรกฎาคม – ตุลาคม 2544(ไตรมาส 2544)
28. พระครูโสภิตวิริยาภรณ์ (สมโภช) วัดจุฬามณี อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม 14 กุมภาพันธ์ – 20 เมษายน 2545
29. พระราชวิทยาคมเถร (คูณ) วัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา (ไตรมาส 2545 ) 22 กรกฎาคม – 21 ตุลาคม 2545และ 23 ตุลาคม 2545
30. พระครูวิชัยกิจอารักษ์ (อุดม) วัดพิชัยสงคราม อ.พระนครศรีอยุธยา จ. พระนครศรีอยุธยา 17 มีนาคม – 10 กรกฎาคม 2546
31. พระอาจารย์เมือง พลวัฒทโณ วัดป่ามัชฌิมาวาส อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ (ไตรมาส 2546) 13 กรกฎาคม – 2 พฤศจิกายน 2546
32. พระอาจารย์สมบูรณ์ กนตสีโล วัดป่าสมบูรณ์ธรรม อ.ชาตตระการ จ.พิษณุโลก 14 พฤษภาคม – 27 ตุลาคม 2547( ไตรมาส 2547 )

เหรียญนี้เข้าพิธีมานานถึง 7 ปี
พิธีพุทธาภิเษก 26 พิธี และพิธีอธิษฐานจิตเดี่ยวอีก 32 พระเถระ
เป็นเหรียญที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพุทธคุณ คือตั้งแต่ปี 40 และแล้วเสร็จในปี 47

 

สวัสดียามเช้า

 

3567.สุดยอดพระอริยเถราจารย์ผู้ทรงพุทธาคมแดนใต้ พระผงหลวงพ่อแปลง วัดควนลัง พิมพ์ใหญ่ เนื้อผงผสมว่านรุ่นแรก ปี 2539 ให้บูชา 999 บาท ผู้สร้างตำนานเอ็ม 16 ไม่ได้กินเลือด

​

เป็นอีกรุ่นอีกองค์ที่จัดอยู่ในสายเหนี่ยวคงกะพัน แคล้วคลาดและมากประสบการณ์อีกรุ่นอีกองค์

อุปสมบท ณ วัดควนลัง พระครูสุวรรณศิริวัฒน์(ขวัญทอง) วัดโคกม่วง เป็นพระอุปัชฌาย์

พระอธิการเขียว เจ้าอาวาสวัดควนลัง เป็นพระกรรมวาจาจารย์

พระมหายก วัดจักรวรรดิราชาวาส เป็นอนุสาวนาจารย์ได้ฉายาว่า “ติสฺสโร”

หลังจากอุปสมบทศึกษาพระธรรมจนแตกฉาน จึงสนใจวิปัสสนาธุระทำการฝึกฝนจนชำนาญ นอกจากนี้ยังเป็นพระเถระที่มีระเบียบวินัยเคร่งครัดในศีลสมาธิสังวรอยู่ตลอด จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้าน ครั้นต่อมาจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “เจ้าอาวาสวัดควนลัง”
โดยสามารถรวบรวมศรัทธาจากลูกศิษย์ สร้างวัดขึ้นได้ถึง ๒ วัด คือ
“วัดเกาะ” และ “วัดเนินพิชัย”

ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น “พระครูวิศาลธรรมคุณ”

หลวงพ่อแปลง
มีศีลบริสุทธิ์ผุดผ่องทำให้ท่านทำอะไรก็เข้มขลัง แม้กระทั่ง “คำพูด” ของท่านชาวบ้านควนลังเล่าว่าท่านพูดคำไหนก็เหมือนประกาศิตเพราะเป็นไปตามนั้นที่เรียกว่า “วาจาศักดิ์สิทธิ์”

วัตถุมงคลของท่านก็มีความขลัง มีอภินิหารทั้งทางเมตตามหานิยมแคล้วคลาด ด้านคงกระพันก็มี ประสบการณ์มากมาย

ต่อมาเมื่อ วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๔
“หลวงพ่อแปลง” อายุได้ ๙๓ ปี พรรษาที่ ๗๓ ก็ได้ละสังขาร

ครั้นถึงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๖ จึงจัดงาน “พระราชทานเพลิงศพ”

ปรากฏว่าเมื่อนำร่างท่านออกมาจากหีบบรรจุต้องพบกับความ “อัศจรรย์” เพราะร่างกาย “ไม่เน่าเปื่อย”
ยังคงสภาพเหมือนเดิมทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ฉีดยา
สร้างความปีติใจให้สานุศิษย์เพราะสังขารแห่งความบริสุทธิ์ของศีลที่ท่านได้บำเพ็ญมาตลอดชีวิต

 

3568.พระนาคปรกผงวิเศษ 108 กรุ อ.ชุม ไชยคีรี หลวงพ่อบ๋าวเอิง พิธีวัดญวนสะพานขาว ปี 2497 ให้บูชา 800 บาท พี่sunmkจองครับ

​

พระผงวิเศษ 108 กรุ ของ อาจารย์ชุม ไชยคีรี เขาไชยสน จ.พัทลุง ปลุกเสกที่วัดสมณานัมบริหาร สะพานขาว พระนคร
อ.ชุมได้รวบรวมผงก้นกรุและพระหักป่น ในจังหวัดสุพรรณบุรี 20 กว่ากรุ ประมาณ 300 ก.ก. โดยการบอกของร่างประทับทรงหลวงปู่คง วัดตาล(อาจารย์ขุนแผน) ส่งมากรุงเทพฯ แล้วเดินทางต่อไป ภาคเหนือ ภาคอิสาน ได้ผงก้นกรุมาอีก 100 กว่ากรุ นำมาพักไว้ที่วัดญวนสะพานขาว เมื่อสมัยหลวงพ่อบ๋าวเอิงเป็นเจ้าอาวาส
เมื่อ16 พ.ค.-5 มิ.ย.ปี 2497 อ.ชุม จึงได้เริ่มสร้างพระเครื่องให้กับวัดญวน สะพานขาว (วัดสมณานัมบริหาร) ในพิธีมีการอัญเชิญประทับทรงท่านชีวกโกมารภัจจ์ด้วย มีผลดีทางรักษาโรคภัยและคุ้มครองได้สารพัด พิธีนี้มีเทพชั้นสูงลงมาเสกมาก
ก่อนนำพระติดตัวไป หรือบูชาที่บ้าน ให้อาราธนาด้วย
นะโมฯ 3 จบ "อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ" 3 จบ เป็นคงกระพันกันปืน กันอาวุธทุกขนิด กันสัตว์ร้าย กันผี กันถูกกระทำ"
2. เมื่อเจ็บไข้ ให้จุดธูปเทียนอาราธนาพระลงในน้ำ ด้วยคาถาว่า
"นะโมฯ 3 จบ ภาวนา นะ อะ นะ วะ โรคาพยาธิ วินาสสันติ 3 จบ" แล้วเอาน้ำพรมศีรษะและดื่มกิน
3. จะให้เป็นเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ อาราธนาพระลงในน้ำมันหอม ภาวนาด้วยคาถาว่า " นะร้องให้ให้, นะมาเข้าหา, นะจิตตังมานิมามา, จิตตังมานิมามา" แล้วเอาน้ำมันเจิมหน้าผาก หรือใส่ผม น้ำมันนี้ใช้กันได้ทั้งครัวเรือน จะไม่มีเหตุทะเลาะกันในครัวเรือน

 

3569.พระผงมหานิยม (พิมพ์แจกบุรุษ) หลวงพ่อเส้ง วัดแหลมทราย จ.สงขลา ปี ๒๔๘๕ เนื้อดำยันต์กลมล้อมรอบ ปิดรายการครับ

​

พระผงมหานิยม (พิมพ์แจกบุรุษ) หลวงพ่อเส้ง วัดแหลมทราย (พระราชรัตนโมลี) จ.สงขลา รุ่นแรก จัดสร้างปี ๒๔๘๕ เนื้อดำยันต์กลมล้อมรอบ ออกให้บูชาที่วัดสะพานสูง กทม. เนื่องจากลูกศิษย์ท่านเจ้าคุณฯ คือ อาจารย์เชื้อ หนูเพชร ได้มาร่วมในการจัดสร้างด้วย พระบางส่วน อ.เชื้อ จะนำไปให้ชาว กทม. บูชาที่ กทม.ด้วย จึงได้ปั้มยันต์ แบบมีวงกลมล้อมของวัดสะพานสูงลงไป พระชุดนี้สร้างโดยมวลสารชุดเดียวกัน ปลุกเสกพิธีเดียวกัน แต่ไปออกคนละที่แค่นั้นเอง เป็นพระเนื้อผงว่าน นาๆชนิด เช่นว่านเสน่ห์จันทร์ทั้งสอง ประสมด้วยเขม่าดินสอทำเป็นดินสอพอง พระรุ่นนี้เป็นพระที่ดีทางด้านเมตตามหานิยม หายากน่าเก็บน่าใช้อีกละคราฟ ******* พระมหานิยมรุ่นแรก และพระโสฬสพิมพ์ซุ้มกอนั้น ได้จัดสร้างในคราวเดียวกัน เราจึงเห็นว่า พระมหานิยมจะออกมาหลายแบบ ทั้งแบบยันต์ มะอะอุ และยันต์ กลมล้อมรอบ ในส่วนที่ด้านหลังมียันต์ มะอะอุ (แต่ไม่มีวงกลมล้อม) เป็นของวัดแหลมทราย ส่วนแบบที่มีวงกลมล้อมนั้น เป็นของวัดสะพานสูง กทม. เนื่องจากลูกศิษย์ท่านเจ้าคุณฯ คือ อาจารย์เชื้อ หนูเพชร ได้มาร่วมในการจัดสร้างด้วย พระบางส่วน อ.เชื้อ จะนำไปให้ชาว กทม. บูชาที่ กทม.ด้วย จึงได้ปั้มยันต์ แบบมีวงกลมล้อมของวัดสะพานสูงลงไป สรุปว่า พระทั้งสองแบบ สร้างโดยมวลสารชุดเดียวกัน ปลุกเสกพิธีเดียวกัน แต่ไปออกคนละที่แค่นั้นเอง นอกจากนี้ ยังมีการสร้างพระมหานิยมในรุ่นหลัง ซึ่งสร้างโดยพระครูเกษมนวการ (ท่านแปลก) อดีตรองเจ้าอาวาสวัดแหลมทราย ซึ่งสร้างประมาณ ปี ๒๕๑๘ เนื้อจะแตกต่างกับรุ่นแรกอย่างชัดเจน คือ รุ่นหลัง เนื้อจะออกผิวมัน ๆ แดง ๆ คล้าย ๆ เคลือบแชล็ก รุ่นแรกนั้นมีสองแบบ
๑.แบบองค์พระนั่ง เป็นพระสำหรับบุรุษ ลักษณะเป็นพระปางประทับนั่ง บนฐานดอกบัว มีซุ้มครอบอยู่บนองค์พระคล้าย ๆ พระยอดขุนพล ด้านหลังองค์พระมียันต์ เท่าที่พบเห็นมียันต์ ๒ แบบ มีหลายสีเท่าที่พบเห็นมี สีแดง สีดำ สีน้ำตาล เนื้อผงน้ำมันสีน้ำตาล โดยเฉพาะเนื้อผงน้ำมันนี้ มักจะมีคราบไขปกคลุม จนดูเป็นสีขาวทั้งองค์ จึงเรียกว่า เนื้อขาว ด้านหลังจะมียันต์ เท่าที่พบเห็นมียันต์ ๒ แบบ
๒.แบบองค์พระยืน เป็นพระสำหรับสตรี สำหรับพระแบบนี้ที่เคยพบเห็น มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่

เวลาอาราธนาให้ภาวนาพุทธคาถา ดังนี้ อังคะสัมปันโน พุทโธจะอังคะยิโก สุเตสิโตอังคพุตัง นะมามิหัง

 

​

 

3570.พระดีที่ถูกมองข้าม เหรียญ 2 พยัคฆ์ราช 9 พรรษา เหรียญหลวงปู่ปาน วัดคลองด่าน ปี14 (เสกพร้อมกับเสือรุ่น 5) ปิดรายการครับ

​

พระครูขันตยาภิราม (หลวงพ่อวงษ์ วังสปาโล) เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ ๗ มิถุนายน ๒๔๔๕ ในวัยเยาว์ท่านได้เรียนหนังสือตามเกณฑ์กับพระที่วัด สอบไล่ได้เทียบชั้นความระดับประถม ๔ (สูงสุดในสมัยนั้น) พออายุ ๒๑ ปี ถูกเกณฑ์เป็นทหารเรือที่กรมสรรพาวุธ บางนา และเมื่อปลดประจำการอายุ ๒๓ ปี ได้อุปสมบทที่วัดปริวาส เมื่อวันพุธที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๔๖๘ โดยมี พระครูวินยานุบูรณาจารย์ (เชย) วัดโปรดเกศเชษฐาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระปลัดไม้ วัดปริวาส เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการน้อย วัดด่าน เป็นพระอนุสาวนาจารย์
หลวงพ่อวงษ์ชอบเป็นพระนักปฏิบัติ ศึกษาหาความรู้ตลอดเวลา โดยได้ศึกษาที่วัดทองธรรมชาติ, วัดจักรวรรดิราชาวาส (สามปลื้ม) และวัดมหาธาตุฯ จนได้นักธรรมชั้นตรี ชำนาญทางด้านบาลีแบบมูลกัจจายน์ และภาษาขอมบาลี, ขอมไทย แต่ไม่ได้เข้าสอบต่อ เนื่องจากพระปลัดไม้ เจ้าอาวาสวัดปริวาส มรณภาพเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๑ ทำให้หลวงพ่อได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส และได้เป็นพระอุปัชฌาย์ในเวลาต่อมา หลวงพ่อวงษ์มรณภาพเมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๒๓
หลวงพ่อวงษ์ได้รับการถ่ายทอดวิชาปรุงยาสมุนไพร และสูญฝีด้วยปูนกินหมาก รวมทั้งการจับยามสามตาจากพระปลัดไม้ ซึ่งมีผู้ป่วยและลูกศิษย์มารับการรักษาอยู่เสมอ
นอกจากนี้ท่านยังเรียนรู้วิชาการเล่นแร่แปรธาตุ การต้มปรอท การรักษาโรค การเขียนผงลบผง โดยเฉพาะผงนะปถมัง และผงอิทธิเจ การอาบน้ำมนต์ และการวิปัสสนากรรมฐาน จาก ปู่เนียน สังข์เนตร ฆราวาสชื่อดังที่อาศรมบางวัว และได้ศึกษาการวิปัสสนากรรมฐานจาก หลวงพ่อพุ่ม วัดบางโคล่ (พ.ศ.๒๔๗๘) ซึ่งพระบวชใหม่ในแถบบางโพงพางช่วงนั้น ถ้าจะออกธุดงค์ ต้องมาขึ้นกรรมฐานกับหลวงพ่อพุ่มก่อนออกเดินธุดงค์
วิชาการสร้าง และปลุกเสกพยัคฆราช (เสือ) หล่อโลหะของหลวงพ่อวงษ์ ที่สร้างตั้งแต่รุ่น ๑ ถึงรุ่น ๖ (พ.ศ. ๒๕๐๑-๒๕๑๙) มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของนักสะสมเครื่องรางของขลังในรูปแบบเสือ ทั้งแบบปั๊มโลหะและหล่อโบราณ ที่สร้างโดยหลวงพ่อวงษ์ พระเกจิอาจารย์ผู้มีความรู้ความสามารถในการสร้างและปลุกเสกเสือตามแบบที่ได้รับการถ่ายทอดจากหลวงปู่ปาน วัดมงคลโคธาวาส (บางเหี้ย) ซึ่งหลวงปู่ปานได้ศึกษาวิชาการสร้างเสือมาจากหลวงปู่แตง วัดอ่างศิลา จ.ชลบุรี พระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงในด้านวิชาต่างๆ มากมายในสมัยเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว

วัตถุมงคลยุคกลาง เสือคำราม
หลวงพ่อวงษ์ หลังจากท่านได้บรรจุพระผงลงเจดีย์แล้วก็ไม่ได้ทำอะไรอีก จนกระทั่งปี 2501 ท่านได้ทำพิธีหล่อรูปเหมือนหลวงปู่ปาน(วัดบางเหี้ย) เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2501 เสร็จแล้ว ท่านได้นำชนวนโลหะที่เหลือ ไปผสมปั้ม เสือเนื้อทองผสมทองเหลือง รุ่น 1 ได้จำนวน 500 องค์ โดยตอกโค๊ตตัว เฑาะ และตัว พุท เป็นภาษาขอม 2 ตัว แล้วทำพิธีปลุกเศกในอุโบสถ วัดปริวาสฯ มีหลวงพ่อและหลวงปู่ปานผ่านร่างประทับร่วมปลุกเศก จนเสือโลหะเคลื่อนไหวได้จึงเสร็จพิธี และได้ออกให้ลูกศิษย์บูชาองค์ละ 10 บาท (รุ่น 1 เป็นเสือปั๊มอย่างเดียวเท่านั้น) จนกระทั่ง 3 ปีเสือจึงหมด

ปี 2504 หลวงพ่อได้สั่งให้ช่างปั๊มเสือเพิ่มแบบรุ่นแรกเป็นตัวอย่าง(ปั๊มอย่างเดียว) แต่เปลี่ยนเป็นเนื้อทองแดง รุ่น 2 ประมาณ 1000 องค์ ทำพิธีที่อุโบสถ มีหลวงพ่อวงษ์และหลวงปู่ปานประทับผ่านร่างร่วมปลุกเศกจนเสือเคลื่อนไหวได้ แล้วจึงนำออกให้บูชาในงานประจำปี 2504 บูชาองค์ละ 20 บาท จนหมด

เสือรุ่น 3 มีคุณโมรา เอี๋ยววัฒนะเป็นผู้ติดต่อเปลี่ยนช่างใหม่ แต่เป็นแบบปั๊มเหมือนเดิม สั่งทำ 2500 องค์ เป็นเนื้อทองแดง ทำพิธีที่อุโบสถ มีหลวงพ่อวงษ์และหลวงปู่ปานประทับผ่านร่างร่วมปลุกเศกจนเสือกระโดดได้ จึงเสร็จพิธี ออกให้บูชาในงานประจำปี 2508 ราคาองค์ละ 20 บาท จนหมดลง

เสือรุ่น 4 หลวงพ่อได้สั่งทำแต่เปลี่ยนมาเป็น แบบเสือหล่อโบราณ โดยหลวงพ่อติดต่อช่างเอง ชื่อช่างติ่ง(จ่าติ่ง) ท่านนำแบบตัวอย่างไปให้สั่งทำราคาองค์ละ 1 บาท เป็นเนื้อทองเหลือง จำนวน 2000 องค์ แต่ช่างทำไม่ทันตามฤทษ์ที่ท่านกำหนด จึงได้เสือเพียง 1200 องค์ เท่านั้น ทำพิธีที่อุโบสถ มีหลวงพ่อวงษ์และหลวงปู่ปานประทับผ่านร่างร่วมปลุกเศกเหมือนเดิม จนเสือกระโดดได้ และออกให้บูชาในงานประจำปี 2512 บูชาองค์ละ 50 บาท ตอกโค๊ต 2 ตัว ด้านหน้าเป็นโค๊ตตัว อุหางลง และด้านหลังเป็นตัว พุท แบบภาษาขอม มีผู้ศรัทธาบูชาไปจนหมด

เสือรุ่น 5 ในปี 2514 ได้ถอดแบบพิมพ์จากเสือรุ่น 4 ด้วยวีธีหล่อเนื้อทองเหลือง มีโค๊ต 2 ตัว ด้านหน้าเป็นตัว อุหางขึ้น คล้ายเลข ๙ ไทย ด้านหลังเป็นตัว พุท จำนวน 5000 องค์ แต่ปลุกเศกที่วิหาร เพราะอุโบสถกำลังบูรณะอยู่ พิธีเหมือนเดิมทุกประการ แต่ครั้งนี้ได้ พระครูพิศาลพัฒนพิธาน(หลวงพ่อสมชาย) ที่ยังเป็นสามเณร ร่วมพิธีปลุกเศกด้วย ทำพิธีจนเสือกระโดดออกมานอกบาตร จึงเสร็จพิธี ออกให้บูชาองค์ละ 50 บาท ในปี 2514 และในปีนี้หลวงพ่อวงษ์ ได้สั่งทำเหรียญ รูปเหมือนหลวงปู่ปานด้วย มี 2 พิมพ์ เป็นรูปไข่ และแบบกลม เพื่อสมนาคุณผู้ที่ร่วมบริจาคบูรณะอุโบสถ

 

3571.หลวงพ่อพุ่ม ปี 35 วัดเรืองยศสุทธาราม(วัดบางโคล่ใน) ให้บูชา 350 บาท

​

เหรียญรุ่นนี้ เป็นเหรียญที่ออกจากวัดบางโคล่ใน ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อวัดเป็น "วัดเรืองยศสุทธาราม" ซึ่งเป็นวัดที่ผูกพันกับหลวงพ่อพุ่มมาก เพราะแต่ก่อน
ยังไม่มีถนนพระราม3 ตัดผ่าน วัดบางโคล่นอก และวัดบางโคล่ใน ห่างกันแค่สวนคั่นกลางเท่านั้น การไปมาหาสู่ง่ายมาก พระอาจารย์คง ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อพุ่ม ก็เป็นผู้ที่อยู่วัดนี้เช่นกัน

เหรียญรุ่นนี้ จัดสร้างเมื่อปี 2535 ในโอกาสสร้างพระอุโบสถจตุรมุขยอดมณฑป ของวัดเรืองยศ(วัดบางโคล่ใน) โดยมี สมเด็จพุฒาจารย์ เกี่ยว วัดสระเกษ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม และพระอาจารย์อีกหลายรูปในวันนั้น
มาร่วมพิธีปลุกเสก และยกช่อฟ้าพระอุโบสถ ถือเป็นพิธีใหญ่มากในขณะนั้น เพราะได้มีพิธีสมโภชพระประธานองค์ใหม่ในอุโบสถใหม่ด้วย ซึ่งพระประธาน องค์นี้ ชื่อ หลวงพ่อสุโขทัย พุทธลักษณะสวยงามมาก หลวงพ่อพุ่มเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง ทางวัดได้ทำการจำลองและขยายใหญ่ และประดิษฐานในพระ อุโบสถ แห่งนี้ ถือเป็นพระพุทธรูปคู่ชาวบางโคล่มาช้านาน
ด้านหน้าเหรียญหลวงพ่อพุ่ม วัดเรืองยศ (วัดบางโคล่ใน) พิธีใหญ่ปี 2535 รุ่นบล๊อคจุด
พิธีใหญ่มากในการปลุกเสก สมเด็จมาร่วมพิธีถึง 3 สมเด็จด้วยกันในครั้งนั้น
1.สมเด็จเกี่ยว 2. สมเด็จพระมหาธีราจารย์ 3. สมเด็จพระมหามังคลาจารย์
วัดปากน้ำ และเกจิอาจารย์ร่วมพิธีอีกหลายท่าน