พระเครื่อง พระกรุ นิยม

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย พลังชาตรี 13, 5 กรกฎาคม 2011.

  1. allalla

    allalla สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +12
    สวยงามมากครับ อยากมีวาสนาจริงๆๆเลย
     
  2. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    พระปิดตา เนื้อเปลือกมังคุต หลวงปู่ทิมวัดละหารไร่ปลุกเสก ปี 18/19
    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ อ.บ้านค่าย ระยอง ท่านเป็นหนึ่งในสุดยอดพระเกจิแห่งตะวันออก พระเครื่องทุกรุ่นที่ท่านได้เสก นักสะสมจะให้ความนิยมกันทุกรุ่น ตอนนี้พระเครื่องของท่านแทบทุกรุ่นมีราคาสูงมากๆเกินพรรณา และ
    พระปิดตาวัดกุฎโง้ง ปี 18/19 ของดีที่ไม่ควรมองข้ามไปอีกหนึ่งที่หลวงปู่ทิมท่านได้ทิ้งไว้เป็นมรดกธรรมให้กับลูกหลาน ก็คือพระปิดตาชุดวัดกุฏโง้ง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี นี่เอง เป็นพระอีกรุ่นหนึ่งที่กล่าวได้ว่าเป็นสุดยอดพระเครื่องที่ดี และ หลวงปู่ทิมท่านปลุกเสกนานที่สุด แถมยังมีเนื้อหามวลสารที่ยอดเยี่ยม ก็คือ ผงพระปิดตาแตกหัก ของหลวงปู่จีน วัดท่าลาด อ.พนมสารคาม จ. ฉะเชิงเทรา เกจิอาจารย์ผู้สร้างสุดยอดพระปิดตาแห่งสยามประเทศ หนึ่งในห้าของเบญจภาคีพระปิดตายอดนิยม ตามประวัติการสร้าง ได้บันทึกไว้ว่า พระลูกวัดที่วัดกุฏโง้ง รูปหนึ่ง ท่านเป็นหลานแท้ๆ ของหลวงปู่จีน วัดท่าลาด ซึ่งได้เก็บผงพุทธคุณและผงพระปิดตาหลวงปู่จีน แตกหักอยู่มากมาย เมื่อทางวัดจะสร้างพระขึ้นมา เพื่อแจกในงานผูกพัทธสีมา ฝังลูกนิมิตร จึงทำให้พิมพ์ปั๊มด้านหลังเป็นปี ๒๕๑๙ ท่านก็เลยสละทั้งผงและทั้งพระปิดตาหลวงปู่จีนมาเป็นส่วนผสมหลัก ในเนื้อพระปิดตารุ่นนี้ แล้วจึงนำพระชุดดังกล่าว มาขอเมตตา บารมี หลวงปู่ทิมปลุกเสกเดี่ยว ตั้งแต่ปี ๒๕๑๗ จนถึงปี ๑๘ จากคำบอกเล่าว่าพระชุดนี้อยู่ในกุฏิหลวงปู่ทิมนานถึง 2 ปี ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ


    สุดยอดทั้งเนื้อหามวลสาร และ พิธีดีเกินร้อยเกินจะบรรยายครับ

    เนื้อเปลือกมังคุดนิยม สวยแชมป์ พระปิดตาวัดกุฎโง้งชุดนี้มีบรรจุประกวดในรายการพระชุดหลวงปู่ทิม แล้วครับอนาคตนั้นไปไกลๆๆๆๆๆๆๆ

    พร้อมบัตรรับรองพระแท้ มาตรฐานสากล

    เล่นพระสวยพระดีมีมาตรฐาน ประกันแท้ตลอดกาล ไม่มีกำหนด

    พระแท้ราคาแท้ไว้ใจได้ในเรื่องพุทธคุณ พลังชาตรี 13

    กติกาในการประกันครับเก็องค์ใหนจ่ายคืนเต็มจำนวน บวกค่าเสียเวลาให้อีก 2000 บาททุกองค์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2020
  3. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    ปิดตาชุดนี้มีฝีมือเก๊ออกมาก่อนที่บูชาพิจารณาศึกษาก่อนนะครับ

    [​IMG]
    (D)
    [​IMG]


    องค์แรกแท้ครับ องค์ที่ 2/3 เก๊ครับระวังพระเก๊ราคาเก๊

    ขอบพระคุณข้อมูลท่าน nurseman ปิดตาวัดกุฎโง้ง หลวงปู่ทิมปลุกเสกปิดตาวัดกุฎโง้ง หลวงปู่ทิมปลุกเสกปิดตาวัดกุฎโง้ง หลวงปู่ทิมปลุกเสก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 เมษายน 2012
  4. sahatham

    sahatham สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +13
    ผมส่งที่อยู่ให้ใน pm แล้วครับผม
     
  5. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    เหรียญพระพุทธโสธร หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ปลุกเสก เนื้อทองแดงรมดำ

    ปี ๒๕๑๔ วัดเขาสำเภาทอง จังหวัดระยอง

    เหรียญนี้จัดสร้างเมื่อคราววางศิลาฤกษ์ เพื่อสร้างอุโบสถ วัดเขาสำเภาทอง เมื่อปี ๒๕๑๔ ปลุกเสกโดย เกจิอาจารย์ผู้เรืองวิทยาคมหลายท่าน

    1.โดยมีหลวงปู่ทิมนั่งปรกปลุกเสก เจ้าพระเจ้าแห่งเมืองระยอง
    2.หลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า
    3.หลวงพ่อบุญ วัดบ้านนา
    4.หลวงพ่อรวย วัดท่าเรือ ร่วมปลุกเสก


    ขนาดพระประมาณ ๒x๒.๗ ซม. ประวัติการสร้างชัดเจนมีลงอยู่ในหนังสือประวัติและวัตถุมงคลของ หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ โดยได้ลงประวัติใว้อย่างชัดเจนครับ

    เป็นพระปีเก่า 2514 พิธีดีมากเกจิดังๆหลายท่านร่วมปลุกเสก เจตนาสร้างบริสุทธิ์ชัดเจนจำนวนจัดสร้าง 10000 เหรียญ

    สำหรับองค์นี้พร้อมบัตรรับรองพระแท้ จัดแบบสวยๆมาให้ จมูกโด่งคมๆ เหรียญสวยๆ ส่องดูแล้วสบายใจพระแท้แน่นอน

    แนะนำและนำมาฝากเพื่อนๆ ศิษย์หลวงปู่ทิม ทุกๆท่าน

    พระชุดนี้ได้มาจากสายตรงแห่งบ้านค่ายแท้แน่นอน ผ่านการรับรองพระแท้มาตรฐาน เรียบร้อยแล้วครับ

    จัดสร้างแค่ 10000 เหรียญ แต่ในตลาดมีหลายหมื่นเหรียญเก็มากกว่าแท้

    สบายใจได้ในพุทธคุณหลวงพ่อโสธรและหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ปลุกเสก
    เล่นพระสวยพระดีมีมาตรฐาน ประกันแท้ตลอดกาล ไม่มีกำหนด


    พระแท้ราคาแท้ไว้ใจได้ในเรื่องพุทธคุณ พลังชาตรี 13

    กติกาในการประกันครับเก็องค์ใหนจ่ายคืนเต็มจำนวน บวกค่าเสียเวลาให้อีก 2000 บาททุกองค์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2020
  6. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    พระไม่ดีไม่แท้ไม่นำมาลงให้ศึกษากันผิดๆครับ

    บูชาพระไม่ต้องเสี่ยงพร้อมใบเซอร์ พลังชาตรี 13

    รับประกันพระแท้ไม่มีกำหนด องค์ใหนเก็ บวกให้ 2000 บาท

    แล้วท่านบูชาความสบายใจในพุทธคุณใหมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2012
  7. mongkut32

    mongkut32 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +88
    -------------------------------------------------------------------
    ขอปิดครับบบ
     
  8. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    25 พุทธศตวรรษ หลวงปู่ทิมเสก ตอก 2 โค้ด พิมพ์นิยม มีเข็ม
    พระเครื่องชุด 25 พุทธศตวรรษ พิมพ์มีเข็ม หลวงปู่ทิมปลุกเสก กับ วัดป่าประดู่ (พระอารามหลวง ประจำเมืองระยอง)
    นั้น มาจากในคราวที่จัดพิธี ฉลองพุทธ 25 พุทธศตวรรษ ทางราชการได้จัดให้ วัดป่าประดู่ เป็นหนึ่งในสถานที่จัดพิธีเฉลิมฉลองดังกล่าว จึงเป็นเหตุให้ทางวัดได้รับ พระเครื่องชุด 25 พุทธศตวรรษ จำนวนหนึ่งมาจากทางหน่วยงาน ราชการ และ ท่านหลวงพ่อหล่ำ จึงได้นำพระครื่องทั้งหมดที่ได้รับมอบมาทำการบรรจุกรุ ในปีต่อมา ดังที่ได้กล่าวไว้เบื้องต้น. เหตุผลของการแตกกรุ อันเนื่องมาจากเมื่อปี (พ.ศ.2547) ทางวัดป่าประดู่ จะทำการย้าย พระอุโบสถ หลังเดิมที่ดูคับแคบ ไปยัง พระอุโบสถ หลังใหม่ เลยทำการเปิดกรุดังกล่าว จึงได้พบพระเครื่องชุด พระพุทธ 25 ศตวรรษ ที่ได้บรรจุกรุไว้


    ในสมัย ท่านหลวงพ่อหล่ำ และ ทางวัดได้ทำ สัญลักษณ์เป็นโค๊ต ตอกไว้บนเหรียญทุกเหรียญครับ. นอกจากนั้น
    พระชุดนี้ยังผ่านพิธีปลุกเสกพระเครื่อง และ วัตถุมงคลของวัดป่าประดู่ หลายต่อหลายครั้งด้วยกันเช่น ในคราวพิธีพุทธาภิเษกรูปเหมือน หลวงพ่อแอ่ว วัดป่าประดู่ และ วัตถุมงคลรุ่นแรกของท่านเมื่อปี พ.ศ.2507 โดยมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังมาร่วมปลุกเสกมากมาย อาทิเช่น


    1. หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
    2. หลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง
    3. หลวงพ่อหอม วัดซากหมากฯ
    4. หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
    5. หลวงปู่นาค วัดระฆังฯ

    6. หลวงปู่เฮี้ยง วัดป่าฯ เป็นต้น และ ถือเป็นสุดยอดพิธีของเมืองระยอง

    พิธีหนึ่งที่ต้องบันทึกไว้ตลอดไป เพราะว่าเป็นพิธีที่ทำให้ สาธุชนทั่วไปรู้ถึง กิตติคุณ ความเก่ง และ ขลัง ของ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ดังนั้น พระดี พิธีสุดยอดของ กึ่งพุทธกาล ผนวกกับ สุดยอดพิธีเมืองระยอง บรรจุกรุมามากกว่า 40 ปี ควรค่าในการสะสมเป็นอย่างยิ่งครับ พระทุกองค์
    ทางวัดป่าประดู่ได้ทำการตอกโค๊ต ( วป ) ไว้ทุกองค์ครับ ถ้าเป็นเนื้อดินจะปั๊มยันต์หมึกสีน้ำเงินครับ
    พิธีที่สุดยอดของ กึ่งพุทธกาล ประสบการณ์มากมายที่ท่านรู้จัก


    สุดยอดพิธีเกจิอาจารย์ เมืองระยอง ที่เข้มขลังไปด้วยพุทธคุณ

    สองพิธีผนวกกัน คือที่สุดของสุดยอด 25 พุทธศตวรรษ ในยุดนี้ครับ
    แนะนำครับ ของดีสุดยอดมหาประสบการณ์ในศตวรรษนี้ บวกกับพุทธคุณที่หลวงปู่ทิมปลุกเสกบรรจุพุทธคุณอีกครั้ง และยังได้หลวงพ่อทาบเสกด้วย นับว่าสุดยอดที่สุดแล้วครับ
    25 พุทธศตวรรษแท้ๆพิมพ์นิยมมีเข็มยังได้หลวงปู่ทิมเสกตอก 2 โค้ดแท้ๆ


    พระไม่ดีไม่แท้ไม่นำมาลงให้ศึกษากันผิดๆครับ

    บูชาพระไม่ต้องเสี่ยงพร้อมใบเซอร์ พลังชาตรี 13

    รับประกันพระแท้ไม่มีกำหนด องค์ใหนเก็ บวกให้ 2000 บาท

    แล้วท่านบูชาความสบายใจในพุทธคุณใหมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2020
  9. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    รายการที่ ๖.

    หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ พระปิดตา เนื้อดำ ออกวัดสุวรรณรังสรรค์ ปี พ.ศ.2516 มีเกจิร่วมปลุกเสกหลายรูปอาทิ เช่น
    1. หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
    2. หลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า
    3. หลวงปู่หอม วัดซากหมาก....
    ซึ่งล้วนเป็นสุดยอดคณาจารณ์ของจังหวัดระยองในยุคนั้นครับ พระปิดตานี้สร้าง พร้อมเหรียญวัดยายร้า "เจริญพร" (ซึ่งเวลานี้สวยๆราคาทะลุหลักหมื่นไปแล้ว) ท่านเจ้าอาวาส ซึ่งมีความเคารพนับถือในหลวงปู่ทิมมาก ได้ขออนุญาต หลวงปู่ทิม สร้างจัดงานพุทธาภิเษกขึ้น หลวงปู่ทิม ท่านได้เมตตาปลุกเสก ให้เป็นกรณีพิเศษพร้อมด้วย เกจิอาจารย์ชื่อดัง นั่งปรก ๓ รูป ได้แก่ หลวงปู่ทิม หลวงพ่อชื่น และหลวงพ่อหอม เพื่อออกให้ประชาชนได้บูชา เพื่อหารายได้ ไว้ใช้ในการทนุบำรุง วัดยายร้า

    ในส่วนของพระปิดตา หลวงปู่ทิม ท่านเมตตามอบผงพรายกุมารให้กับท่านเจ้าอาวาส วัดยายร้าจำนวนหนึ่ง เพื่อผสมเป็นมวลสารด้วย การพิมพ์พระในยุคนั้น ได้ให้ช่างแกะบล็อก อย่างสวยงาม แต่การผสมมวลสาร พระลูกวัด สามเณร เด็กวัด ช่วยกันทำ เวลาปั๊มเสร็จแล้วนำไปผึ่งแดด ทำให้เนื้อหดอย่างรวดเร็ว บางองค์ ยันต์ด้านหลัง จะเห็นรอยหดตัวอย่างชัดเจน ราคายังน่าเก็บ สำหรับพระผสมผงพรายกุมารสำนักนี้ครับ

    [​IMG] [​IMG]

    พร้อมบัตรรับรองพระแท้ไม่ต้องเสี่ยงกับเงินแท้ของท่านครับ
    บูชาพระแท้เปี่ยมด้วยพุทธคุณสบายใจกับ พลังชาตรี 13

    [​IMG]

    อุปเท่ห์เนื้อดำ ในการบูชาพุทธคุณจะเด่นในเรื่อง เมตตามหานิยม มีด้านคงกระพันชาตรีและแก้ในเรื่องมนต์ดำในทางไม่ดีได้ครับ


    " ความเชื่อที่ผิดๆในเรื่องพระปิดตา "

    พระปิดตาเป็นพระเครื่องอีกรูปแบบหนึ่ง ที่คนนิยมกันมากในระยะหลัง เนื่องด้วยรูปแบบและกรรมวิธีการสร้าง

    พระปิดตา ในสมัยก่อนแรกๆจะไม่ค่อยมีคนสนใจเนื่องจาก มีความเชื่อกันมาก่อน เช่น มีพระปิดตาในบ้านแล้วคลอดลูกยากบ้าง มี พระปิดตา แล้วค้าขายของยาก ซึ่งเป็นความเข้าใจ ผิดๆ กันมาตลอดเลยครับจริงแล้วพระปิดตาเป็น พระเมตตามหาโชดครับ

    พระเครื่องประเภทหนึ่งที่นิยมกันมาก ด้วยพุทธลักษณะขององค์พระที่แตกต่างทั้งกรรมวิธีการส ร้าง รวมทั้งมีพุทธศิลปะ เป็นเอกลักษณ์แตกต่าง จากพระเครื่อง ประเภทอื่นๆ จนกลายเป็น ความโดดเด่น และได้รับความนิยม อย่างสูงยิ่ง ในหมู่พุทธศาสนิกชน โดยเฉพาะ วงการพระเครื่อง ซึ่งรู้จักกัน ในนาม "พระปิดตา" กับ "พระมหาอุต"

    พุทธลักษณะของพระปิดตา เป็นรูปองค์พระ ที่ค่อนข้างอวบอ้วน ยกพระหัตถ์ ขึ้นปิดพระพักตร์ บางสำนัก ก็จะทำเป็นรูปมือ เพิ่มอีก ๒ ข้าง เอื้อมไปปิดทวารด้านล่าง (วงการเรียก "โยงก้น") อีกด้วย

    ประวัติการสร้างพระปิดตาในประเทศไทยนั้น เริ่มต้นในยุคอยุธยาตอนปลาย

    การสร้างพระปิดตา เริ่มได้รับความนิยมแพร่หลายตั้งแต่ตอนต้นยุครัตนโกส ินทร์เรื่อยมา จากข้อมูลดังกล่าวอาจได้ข้อสรุปในเบื้องต้นว่า พระปิดตาทั้งหมดเป็นพระปิดตาคณาจารย์ ซึ่งหมายถึงพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณเป็นผู้จัดสร้าง ไม่ใช่เป็นพระกรุที่สร้างโดยเจ้าพระยามหากษัตริย์ และไม่มีการสร้างก่อนสมัยอยุธยาตอนปลาย

    ลักษณะเด่นของพระปิดตานั้นนับเป็นพระเครื่องที่แสดงถึง "นัย" หรือ "ปริศนาธรรม" แห่งงานพุทธศิลปะอย่างโดดเด่น ยากจะหาพระเครื่องประเภทใดเทียบเทียมได้

    ความหมายเบื้องต้นแห่งการปิดตาก็คือ การปิด "ทวาร" หรือทางเข้าทางออกแห่งอาสวะกิเลสทั้งหลาย

    ซึ่งเราชื่อกันว่าร่างกายของมนุษย์ (หรือสัตว์) มี "ทวาร" หมายถึง ประตูแห่งการเข้าออก ๙ ทาง ได้แก่ ตา ๒ จมูก ๒ หู ๒ ปาก ๑ รวมทั้ง ช่องทางขับถ่ายด้านหน้าและ ด้านหลังอีก ๒ รวมเป็น ทวารทั้ง ๙
    การปิดกั้นทวารทั้ง ๙ เป็น

    ปริศนาธรรม ที่กั้นกิเลสจากภายนอกไม่ให้เข้ามาสู่ ภายใน เพื่อจุดหมายแห่งการปฏิบัติกรรมฐาน ซึ่งโบราณาจารย์ที่สร้างพระปิดตา (หรือปิดทวาร) ในอดีตจะเป็นพระภิกษุที่ขึ้นชื่อลือเลื่องทางวิปัสสน าธุระทั้งสิ้น

    แต่การสร้างรูปจำลองในลักษณะนี้ ค่อนข้างยากต่อการออกแบบ ส่วนใหญ่จึงพบการแสดงความหมายให้เห็นเพียงการปิดพระพักตร์ ซึ่งรวมถึงการปิดปากเท่านั้น

    หากมองในแง่ความสำคัญทางการเมืองการปกครองจะพบว่า อำนาจของภิกษุสงฆ์ไม่ได้จำกัดอยู่ใน "พุทธจักร" อย่างเดียว หากแต่ยังก้าวไปถึง "อาณาจักร" อีกด้วย ตัวอย่างของบทบาทดังกล่าวจะเห็นได้ชัดในกรณี ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆัง ธนบุรี ที่สามารถเดินเข้าไปถาม เจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ถึงข่าวลือเรื่องการยึดอำนาจกลับจาก ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ และขอคำยืนยันว่าจะไม่เกิดเหตุดังกล่าว

    หรือแม้แต่การที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ จุดไต้ตอนกลางวันเข้าไปเตือนพระสติ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ล้วนแล้วแต่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของ "พุทธจักร" ที่มีต่อ "อาณาจักร" อย่างเด่นชัด
    เป็นที่น่าสังเกตว่า พระเกจิอาจารย์ที่สร้างพระปิดตาในระยะแรกๆ จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับราชสำนักไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
    ดังนั้น "พระปิดตา" อาจถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของการประกาศตนไม่ยุ่งเกี่ยวก ับ "อาณาจักร" เพื่อมิให้เกิดการถูกนำไปอ้างอิงหรือใช้เป็นเครื่อง "ชี้นำ" ในชะตาของบ้านเมือง

    - พระปิดตาทวารทั้ง ๙ อัน เป็นการปิดกั้นอาสวะกิเลสแห่งทวารเข้าออกทั้ง ๙ ของร่างกาย

    - พระปิดตามหาอุด อันเป็นการป้องกันสรรพภยันตรายทั้งหลายทั้งปวง
    ในกระบวนพระปิดตาของคณาจารย์แต่โบราณนั้น มีที่ขึ้นชื่อลือเลื่องหลายสำนักด้วยกัน วัสดุมวลสารที่นำมาประกอบเป็นองค์พระมีทั้งเนื้อชินต ะกั่ว เนื้อผงคลุกรัก เนื้อผงใบลาน เนื้อผงมวลสาร เนื้อสัมฤทธิ์ เนื้อเมฆพัด เนื้อเมฆสิทธิ์ เป็นต้น

    - พระปิดตามหาอุดหรือพระปิดทวารทั้ง 9 กันดูบ้าง ความเป็นจริงพระปิดตา ที่มีมือคู่เดียวยกขึ้นมาปิดที่ใบหน้า และพระปิดทวารทั้ง 9 นั้นก็หมายถึง

    พระภควัมปติหรือพระภควัมบดี เช่นเดียวกัน และพระมหาสังกัจจายน์ ก็คือพระอรหันต์องค์เดียวกันนั่นเองครับ

    ตามประวัติว่ากันว่าพระมหาสังกัจจายน์นั้นมีรูปร่างง ดงาม และได้รับคำชมจากพระบรมศาสดาว่า พระมหาสังกัจจายน์นั้นเป็นเอตทัคคะ และฉลาดล้ำเลิศในการอธิบายความแห่งคำที่ย่อได้อย่างพ ิสดาร ด้วยความฉลาดล้ำเลิศของพระมหาสังกัจจายน์นั่นเอง

    พระมหาสังกัจจายน์ ท่านเป็นผู้ที่มีผิวพรรณวรรณะงดงาม ตามพระบาลีว่า สุวณฺโณจวณฺณํ คือมีผิวเหลืองดังทองคำ เป็นที่เสน่ห์นิยม มิว่าท่านจะไปในสถานที่แห่งใด เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลายต่างก็พากันสรรเสริญว่า ท่านคือ พระบรมศาสดาเสด็จมาแล้ว

    เพราะเหตุที่ท่านมีรูปโฉมละม้ายเหมือนพระศาสดานั่นเอ ง ท่านจึงได้รับสมญานามอีกชื่อหนึ่งว่า “พระภควัมปติ” ซึ่งมีความหมายทำนองว่า ผู้มีความงามละม้ายเหมือน พระผู้มีพระภาคเจ้านั่นเอง

    เมื่อเหตุการณ์เป็นไปดังนี้ ท่านจึงมาคิดว่า การที่เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลายพากันสรรเสริญท่านดังน ี้ เป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง สุดท้ายท่านจึงกระทำด้วยอิทธิฤทธิ์ เนรมิตกายให้เตี้ยลงจึงดูท้องพลุ้ย ไม่เป็นที่น่าดู เทพยดาและมนุษย์จะได้ไม่เกิดความเข้าใจผิดอีกต่อไป

    ส่วนที่มีการทำ รูปเคารพเป็นรูปปิดทวารทั้ง 9 นั้น ก็คือมือคู่หนึ่งปิดหน้า คือปิดตา 2 ข้างปิดจมูก 2 ปิดปาก 1 และมีมืออีกคู่หนึ่งมาปิดที่หู 2 ข้าง ส่วนอีกมือคู่หนึ่งนั้นปิดที่ทวารทั้ง 2 รวมเป็นปิดทวารทั้งเก้า คือเป็นอุปเท่ห์หมายถึง ตอนที่พระภควัมปติท่านกำลังเข้านิโรธสมบัติ ทวารทั้งเก้าก็จะปิดสนิท ไม่ยินดียินร้ายกับกิเลสทั้งหลาย หมายถึงดับสนิท อาสวะกิเลสต่างๆ ไม่อาจที่จะเข้ามาแผ้วพานได้เลย

    จากมูลเหตุนี้เอง คณาจารย์ต่างๆ ท่านจึงสร้างรูปเคารพ เป็นรูปพระปิดตา (คือมีมือคู่เดียวมาปิดที่หน้า) บ้างเป็นรูปพระปิดทวารทั้งเก้าบ้าง และโดยส่วนใหญ่ถ้าเป็นพระปิดตาก็จะปลุกเสกให้เด่นไปท างเมตตามหานิยม โชคลาภโภคทรัพย์

    แต่ถ้าเป็นพระปิดทวารทั้ง 9 ก็จะปลุกเสกให้เด่นไปทางอยู่ยงคงกระพันชาตรีและแคล้ว คลาด พระปิดทวารทั้งเก้านั้นในสมัยโบราณ ถ้าบ้านไหนมีคนจะคลอดลูก ถึงกับต้องนำพระปิดทวารทั้งเก้าออกไปนอกบ้านเสียก่อน เชื่อกันว่าจะไม่สามารถคลอดลูกได้ก็มี ซึ่งเป็นความเชื่อกันในสมัยโบราณ

    ปริศนาธรรม ของพระปิดตา นั้นพุทธคุณเด่นในเรื่องของเมตตามหานิยมเป็นหลักครับ<!-- google_ad_section_end -->


    พระไม่ดีไม่แท้ไม่นำมาลงให้ศึกษากันผิดๆครับ

    บูชาพระไม่ต้องเสี่ยงพร้อมใบเซอร์ พลังชาตรี 13

    รับประกันพระแท้ไม่มีกำหนด องค์ใหนเก็ บวกให้ 2000 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2012
  10. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    รายการที่ ๘.

    พระปิดตาหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ ออกวัดเนินกระปรอก สร้างขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๑๖

    พิธีพุทธาภิเษก พระเครื่องเพื่อออกทำบุญเป็นที่ระลึกอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีการนิมนต์ พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ของจังหวัดระยอง และ จังหวัดใกล้เคียงมาร่วมงานหลายท่านด้วยกัน

    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
    ๒ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ท่านให้เกรียรติมาเป็นประธานพุทธาภิเษก
    ๓ หลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า
    ๔ หลวงพ่อหอม วัดซากหมากป่าเรไรย์
    ๕ หลวงพ่อนิด วัดทับมา
    ๖ หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส
    ๗ หลวงพ่อทอง วัดก้อนแก้ว
    ๘ หลวงพ่อเดช วัดเขาเพชรกรรจ์ จ.ปราจีนบุรี
    ๙ หลวงพ่อถึก วัดสนามช้าง จ.ฉะเชิงเทรา

    โดย พระเกจิอาจารย์ ทั้ง ๙ รูปต่างนั่งปรกปลุกเสกอย่างเต็มที่ และ ขณะที่มีพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลทั้งหมดอยู่นั้น ได้เกิดเหตุการณ์ณ์มหัศจรรย์ มีลมพายุหมุนอย่างแรง เป็นทักษิณาวัตร มุ่งตรงไปยังปะรำพิธี ที่มีพิธีพุทธาภิเษก แล้วก็พลันหายไปเฉยๆ ท่ามกลางความตกตะลึง สำหรับประชาชนทุกคนที่อยู่ในพิธี อีกทั้ง

    หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ถึงกับลืมตา และ อุปทานออกไปว่า วัตถุมงคลชุดนี้ทั้งหมด เป็นวัตถุมงคลที่มี บุญญฤทธิ์ดีเยี่ยม เท่าที่เคยนั่งปรกปลุกเสกมา.

    นอกจากนั้น หลังจากพิธีพุทธาภิเษก เสร็จสิ้นสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว ทางวัดเนินกระปรอก ได้นำวัตถุมงคล ทั้งหมดออกมาให้ประชาชน ได้ทำบุญ และ บูชากัน และมีบางคนได้นำไปทดลองพุทธคุณ โดยนำเหรียญปิดตาไปลองยิงดู ปรากฏว่า ปืนแตก ยิงทำให้ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ และ ทราบเรื่องต่างไป บูชา วัตถุมงคล ชุดดังกล่าว จนหมด ครับ.
    สำหรับวัตถุมงคลที่สร้างประกอบไปด้วย
    ๑. เหรียญปิดตา ด้านหลังเป็นยันต์ ๕ อันเป็นยันต์ประจำของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
    (ยันต์มหาจินดามณี)
    ๒. เหรียญรูปเหมือน กลมเล็ก หลวงปู่ทิม มีทั้งแบบที่ตอกโค๊ด นะ(แอล) และ ไม่ตอกโค๊ด เป็นเรื่องแปลกที่เหรีญรุ่นนี้สร้างก่อน เหรียญชุด ๘ รอบของหลวงปู่ทิม ๒ ปี(ปี ๒๕๑๘) แต่เหรียญกลมเล็กรุ่นนี้ตอกโค๊ด นะ(แอล) แต่เป็นคนละตัวกับชุดที่ตอกในเหรียญเสมา ๘ รอบ เพราะมีขนาดเล็กกว่า แต่รูปแบบเหมือนกันมาก เหรียญที่ตอกโค๊ดสัณนิษฐานว่า แจกเฉพาะกรรมการ เพราะพบเจอน้อยมาก ครับ.
    ๓. พระปิดตาเนื้อผงพุทธคุณ ทาทอง ทีด้านหน้า ด้านหลังเป็นยันต์ ๕ พบเจอน้อย ส่วนใหญ่จะตกอยู่กับคนพื้นที่ เป็นส่วนใหญ่.
    สาเหตุที่ทางวัดสร้างวัตถุมงคล เป็นรูปหลวงปู่ทิม และ ด้านหลังใช้ยันต์ครู (ยันต์ ๕) ของท่าน ก็เพราะก่อนงาน พุทธาภิเษก

    หลวงปู่ทิม ท่านได้เมตตาปลุกเสกเดี่ยวให้ก่อนแล้ว และช่วงเวลานั้น หลวงปู่ทิม ท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมาก และ ผู้คนชาว จ.ระยอง และ จังหวัดใกล้เคียงต่างก็อยากได้วัตถุมงคลของท่าน ติดตัวกันทั้งนั้น ทางวัดเลยขออนุญาตท่านจัดสร้างขึ้น และ ท่านก็อนุญาตให้สร้างขึ้นได้ ครับ.
    นับเป็นวัตถุมงคล อีกรุ่นหนึ่งที่หลวงปู่ทิม ท่านได้เมตตาปลุกเสกให้ในช่วงแรกๆ ในการสร้างวัตถุมงคลของท่าน

    [​IMG]

    พร้อมบัตรรับรองพระแท้ไม่ต้องเสี่ยงกับเงินแท้ของท่านครับ
    บูชาพระแท้เปี่ยมด้วยพุทธคุณสบายใจกับ พลังชาตรี 13

    [​IMG]

    เหรียญที่แนะนำครับ
    เป็นเหรียญที่หลวงปู่ทิม ท่านปลุกเสกให้กรณีพิเศษก่อนที่จะลงปลุกเสกในพิธีใหญ่ และเป็นเหรียญที่มีประวัติการสร้างที่หลวงปู่ทิมเมตตาปลุกเสกอย่างชัดเจนครับ (มีประสบการณ์ในพุทธคุณมากครับ)


    " ความเชื่อที่ผิดๆในเรื่องพระปิดตา "

    พระปิดตาเป็นพระเครื่องอีกรูปแบบหนึ่ง ที่คนนิยมกันมากในระยะหลัง เนื่องด้วยรูปแบบและกรรมวิธีการสร้าง

    พระปิดตา ในสมัยก่อนแรกๆจะไม่ค่อยมีคนสนใจเนื่องจาก มีความเชื่อกันมาก่อน เช่น มีพระปิดตาในบ้านแล้วคลอดลูกยากบ้าง มี พระปิดตา แล้วค้าขายของยาก ซึ่งเป็นความเข้าใจ ผิดๆ กันมาตลอดเลยครับจริงแล้วพระปิดตาเป็น พระเมตตามหาโชดครับ

    พระเครื่องประเภทหนึ่งที่นิยมกันมาก ด้วยพุทธลักษณะขององค์พระที่แตกต่างทั้งกรรมวิธีการส ร้าง รวมทั้งมีพุทธศิลปะ เป็นเอกลักษณ์แตกต่าง จากพระเครื่อง ประเภทอื่นๆ จนกลายเป็น ความโดดเด่น และได้รับความนิยม อย่างสูงยิ่ง ในหมู่พุทธศาสนิกชน โดยเฉพาะ วงการพระเครื่อง ซึ่งรู้จักกัน ในนาม "พระปิดตา" กับ "พระมหาอุต"

    พุทธลักษณะของพระปิดตา เป็นรูปองค์พระ ที่ค่อนข้างอวบอ้วน ยกพระหัตถ์ ขึ้นปิดพระพักตร์ บางสำนัก ก็จะทำเป็นรูปมือ เพิ่มอีก ๒ ข้าง เอื้อมไปปิดทวารด้านล่าง (วงการเรียก "โยงก้น") อีกด้วย

    ประวัติการสร้างพระปิดตาในประเทศไทยนั้น เริ่มต้นในยุคอยุธยาตอนปลาย

    การสร้างพระปิดตา เริ่มได้รับความนิยมแพร่หลายตั้งแต่ตอนต้นยุครัตนโกส ินทร์เรื่อยมา จากข้อมูลดังกล่าวอาจได้ข้อสรุปในเบื้องต้นว่า พระปิดตาทั้งหมดเป็นพระปิดตาคณาจารย์ ซึ่งหมายถึงพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณเป็นผู้จัดสร้าง ไม่ใช่เป็นพระกรุที่สร้างโดยเจ้าพระยามหากษัตริย์ และไม่มีการสร้างก่อนสมัยอยุธยาตอนปลาย

    ลักษณะเด่นของพระปิดตานั้นนับเป็นพระเครื่องที่แสดงถึง "นัย" หรือ "ปริศนาธรรม" แห่งงานพุทธศิลปะอย่างโดดเด่น ยากจะหาพระเครื่องประเภทใดเทียบเทียมได้

    ความหมายเบื้องต้นแห่งการปิดตาก็คือ การปิด "ทวาร" หรือทางเข้าทางออกแห่งอาสวะกิเลสทั้งหลาย

    ซึ่งเราชื่อกันว่าร่างกายของมนุษย์ (หรือสัตว์) มี "ทวาร" หมายถึง ประตูแห่งการเข้าออก ๙ ทาง ได้แก่ ตา ๒ จมูก ๒ หู ๒ ปาก ๑ รวมทั้ง ช่องทางขับถ่ายด้านหน้าและ ด้านหลังอีก ๒ รวมเป็น ทวารทั้ง ๙
    การปิดกั้นทวารทั้ง ๙ เป็น

    ปริศนาธรรม ที่กั้นกิเลสจากภายนอกไม่ให้เข้ามาสู่ ภายใน เพื่อจุดหมายแห่งการปฏิบัติกรรมฐาน ซึ่งโบราณาจารย์ที่สร้างพระปิดตา (หรือปิดทวาร) ในอดีตจะเป็นพระภิกษุที่ขึ้นชื่อลือเลื่องทางวิปัสสน าธุระทั้งสิ้น

    แต่การสร้างรูปจำลองในลักษณะนี้ ค่อนข้างยากต่อการออกแบบ ส่วนใหญ่จึงพบการแสดงความหมายให้เห็นเพียงการปิดพระพักตร์ ซึ่งรวมถึงการปิดปากเท่านั้น

    หากมองในแง่ความสำคัญทางการเมืองการปกครองจะพบว่า อำนาจของภิกษุสงฆ์ไม่ได้จำกัดอยู่ใน "พุทธจักร" อย่างเดียว หากแต่ยังก้าวไปถึง "อาณาจักร" อีกด้วย ตัวอย่างของบทบาทดังกล่าวจะเห็นได้ชัดในกรณี ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆัง ธนบุรี ที่สามารถเดินเข้าไปถาม เจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ถึงข่าวลือเรื่องการยึดอำนาจกลับจาก ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ และขอคำยืนยันว่าจะไม่เกิดเหตุดังกล่าว

    หรือแม้แต่การที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ จุดไต้ตอนกลางวันเข้าไปเตือนพระสติ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ล้วนแล้วแต่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของ "พุทธจักร" ที่มีต่อ "อาณาจักร" อย่างเด่นชัด
    เป็นที่น่าสังเกตว่า พระเกจิอาจารย์ที่สร้างพระปิดตาในระยะแรกๆ จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับราชสำนักไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
    ดังนั้น "พระปิดตา" อาจถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของการประกาศตนไม่ยุ่งเกี่ยวก ับ "อาณาจักร" เพื่อมิให้เกิดการถูกนำไปอ้างอิงหรือใช้เป็นเครื่อง "ชี้นำ" ในชะตาของบ้านเมือง

    - พระปิดตาทวารทั้ง ๙ อัน เป็นการปิดกั้นอาสวะกิเลสแห่งทวารเข้าออกทั้ง ๙ ของร่างกาย

    - พระปิดตามหาอุด อันเป็นการป้องกันสรรพภยันตรายทั้งหลายทั้งปวง
    ในกระบวนพระปิดตาของคณาจารย์แต่โบราณนั้น มีที่ขึ้นชื่อลือเลื่องหลายสำนักด้วยกัน วัสดุมวลสารที่นำมาประกอบเป็นองค์พระมีทั้งเนื้อชินต ะกั่ว เนื้อผงคลุกรัก เนื้อผงใบลาน เนื้อผงมวลสาร เนื้อสัมฤทธิ์ เนื้อเมฆพัด เนื้อเมฆสิทธิ์ เป็นต้น

    - พระปิดตามหาอุดหรือพระปิดทวารทั้ง 9 กันดูบ้าง ความเป็นจริงพระปิดตา ที่มีมือคู่เดียวยกขึ้นมาปิดที่ใบหน้า และพระปิดทวารทั้ง 9 นั้นก็หมายถึง

    พระภควัมปติหรือพระภควัมบดี เช่นเดียวกัน และพระมหาสังกัจจายน์ ก็คือพระอรหันต์องค์เดียวกันนั่นเองครับ

    ตามประวัติว่ากันว่าพระมหาสังกัจจายน์นั้นมีรูปร่างง ดงาม และได้รับคำชมจากพระบรมศาสดาว่า พระมหาสังกัจจายน์นั้นเป็นเอตทัคคะ และฉลาดล้ำเลิศในการอธิบายความแห่งคำที่ย่อได้อย่างพ ิสดาร ด้วยความฉลาดล้ำเลิศของพระมหาสังกัจจายน์นั่นเอง

    พระมหาสังกัจจายน์ ท่านเป็นผู้ที่มีผิวพรรณวรรณะงดงาม ตามพระบาลีว่า สุวณฺโณจวณฺณํ คือมีผิวเหลืองดังทองคำ เป็นที่เสน่ห์นิยม มิว่าท่านจะไปในสถานที่แห่งใด เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลายต่างก็พากันสรรเสริญว่า ท่านคือ พระบรมศาสดาเสด็จมาแล้ว

    เพราะเหตุที่ท่านมีรูปโฉมละม้ายเหมือนพระศาสดานั่นเอ ง ท่านจึงได้รับสมญานามอีกชื่อหนึ่งว่า “พระภควัมปติ” ซึ่งมีความหมายทำนองว่า ผู้มีความงามละม้ายเหมือน พระผู้มีพระภาคเจ้านั่นเอง

    เมื่อเหตุการณ์เป็นไปดังนี้ ท่านจึงมาคิดว่า การที่เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลายพากันสรรเสริญท่านดังน ี้ เป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง สุดท้ายท่านจึงกระทำด้วยอิทธิฤทธิ์ เนรมิตกายให้เตี้ยลงจึงดูท้องพลุ้ย ไม่เป็นที่น่าดู เทพยดาและมนุษย์จะได้ไม่เกิดความเข้าใจผิดอีกต่อไป

    ส่วนที่มีการทำ รูปเคารพเป็นรูปปิดทวารทั้ง 9 นั้น ก็คือมือคู่หนึ่งปิดหน้า คือปิดตา 2 ข้างปิดจมูก 2 ปิดปาก 1 และมีมืออีกคู่หนึ่งมาปิดที่หู 2 ข้าง ส่วนอีกมือคู่หนึ่งนั้นปิดที่ทวารทั้ง 2 รวมเป็นปิดทวารทั้งเก้า คือเป็นอุปเท่ห์หมายถึง ตอนที่พระภควัมปติท่านกำลังเข้านิโรธสมบัติ ทวารทั้งเก้าก็จะปิดสนิท ไม่ยินดียินร้ายกับกิเลสทั้งหลาย หมายถึงดับสนิท อาสวะกิเลสต่างๆ ไม่อาจที่จะเข้ามาแผ้วพานได้เลย

    จากมูลเหตุนี้เอง คณาจารย์ต่างๆ ท่านจึงสร้างรูปเคารพ เป็นรูปพระปิดตา (คือมีมือคู่เดียวมาปิดที่หน้า) บ้างเป็นรูปพระปิดทวารทั้งเก้าบ้าง และโดยส่วนใหญ่ถ้าเป็นพระปิดตาก็จะปลุกเสกให้เด่นไปท างเมตตามหานิยม โชคลาภโภคทรัพย์

    แต่ถ้าเป็นพระปิดทวารทั้ง 9 ก็จะปลุกเสกให้เด่นไปทางอยู่ยงคงกระพันชาตรีและแคล้ว คลาด พระปิดทวารทั้งเก้านั้นในสมัยโบราณ ถ้าบ้านไหนมีคนจะคลอดลูก ถึงกับต้องนำพระปิดทวารทั้งเก้าออกไปนอกบ้านเสียก่อน เชื่อกันว่าจะไม่สามารถคลอดลูกได้ก็มี ซึ่งเป็นความเชื่อกันในสมัยโบราณ

    ปริศนาธรรม ของพระปิดตา นั้นพุทธคุณเด่นในเรื่องของเมตตามหานิยมเป็นหลักครับ<!-- google_ad_section_end -->


    พระไม่ดีไม่แท้ไม่นำมาลงให้ศึกษากันผิดๆครับ

    บูชาพระไม่ต้องเสี่ยงพร้อมใบเซอร์ พลังชาตรี 13

    รับประกันพระแท้ไม่มีกำหนด องค์ใหนเก็ บวกให้ 2000 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2012
  11. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    ปิดตาน้ำท่วม มรดกหลวงปู่ทิมที่น่าบูชา

    พระที่หลวงปู่ทิมตั้งใจสุดๆ ตามที่ทางคุณเพียรวิทย์เล่าให้ฟัง หลวงปูทิมท่านเอา ผงพรายออกมาจากคำภีร์ ที่ท่านนำแผนผงพรายสอดไว้ไม่แน่ใจว่าเป็นส่วนกระโหลกที่ยังไม่ได้ตำหรือเปล่า หลวงปู่ทิมที่ทำการพี มานิดแล้วใส่ลงใน ตะกั่ว มาดูครับเรื่องเมตตาและพรายคุ้มครองสุดยอดครับ พระองค์ที่แจกครับว่า พระชุดนี้หลวงปู่เป็นผู้สร้างเอง นั่งควบคุมการเทเอง และแถมยังเป็นผู้ดำริคิดสร้างเอง วัตถุมงคลชุดนี้คือ “พระปิดตาและรูปเหมือนเจริญพรรุ่นน้ำท่วม”

    กรรมวิธีการสร้างและสลับซับซ้อนอย่างไร ทำไมจึงเรียกว่า “รุ่นน้ำท่วม” ก็ขอให้ท่านลองติดตามดูนะครับ

    ย้อนหลังไปในปี พ.ศ.๒๕๑๗ ประมาณเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ได้เกิดน้ำป่าไหลทะลักลงมาท่วมอย่างฉับพลันแถว อ.บ้านค่าย อ.แกลง และทีอื่นๆ อีกมาก วัดละหารไร่ ตอนนั้นน้ำท่วมสูงถึงประมาณ ๑ คืบจะถึงพื้นกุฏิของวัด

    เวลานั้น ผม พระ เณร และช่างที่ก่อสร้างศาลาการเปรียญได้ช่วยกันเก็บของในวัดอย่างจ้าละหวั่น น้ำได้ท่วมรุนแรงและไหลเชี่ยวกรากมาก หลวงปู่ได้เดินออกมาและดูกระแสน้ำตรงหน้าต่างและเอ่ยกับผมว่า “ตั้งแต่นี่เกิดก็เห็นน้ำท่วมมากอย่างนี้เป็นครั้งที่สอง” ตัวผมติดอยู่ในวัดอยู่หลายอาทิตย์จนหัวใจหงุดหงิด ใจหนึ่งก็อยากจะลุยน้ำออกจากวัดเพื่อกลับบ้าน อีกใจหนึ่งก็เป็นห่วงหลวงปู่ น้ำได้ท่วมอยู่นานไม่มีทีท่าจะลดลง
    และอยู่ๆ คืนวันหนึ่งขณะที่ผมกำลังนวดให้ท่าน ท่านก็ปรารภกับผมว่าอยากจะทำพระสักรุ่นหนึ่งเพื่อเป็นที่ระลึกตอนน้ำท่วม ผมได้ยินเช่นนั้นจึงพูดสนับสนุนทันที เพราะทราบอยู่ในใจว่าหลวงปู่เป็นผู้ที่สร้างของยาก เมื่ออท่านเอ่ยเช่นนี้แสดงว่าพวกเราจะได้ของดีจากท่านไว้ติดตัวอย่างแน่นอน ท่านใช้ผมไปตามหลวงลุงรอด ซึ่งมีห้องอยู่ตรงข้ามห้องของหลวงปู่ เมื่อมาถึงหลวงปู่ได้ถามหลวงลุงรอดว่า ตะกั่วที่นี่ให้เก็บไว้ ให้เอาออกมาให้หมดจะทำพระไว้แจก เมื่อท่านพูดเสร็จหลวงปู่ก็ลุกไปที่ห้องท่านและเรียกผมเข้าไปด้วย หลวงปู่ใช้ให้ผมมุดเข้าไปใต้เตียงนอนตรงบริเวณหัวเตียงด้านล่างจะมีถังใบหนึ่งภายในมี ตะกั่วเป็นก้อนๆ บรรจุอยู่เต็มไปหมด ท่านให้ผมลากออกมาผมสังเกตว่า นอกจาก ตะกั่วแล้วยังมีตะกรุดเก่าๆ ที่เป็นเนื้อชินตะกั่วและตะกั่วอวนเป็นเม็ดๆ อยู่ในนั้นอีกด้วย ผมยังหยิบเก็บไว้ดูเป็นที่ระลึกดอกหนึ่งและเม็ดตะกั่วอีก ๕-๖ เม็ด สำหรับแผ่นตะกั่วที่อยู่ในห้องหลวงลุงนั้น เป็นแผ่นตะกั่วยาวๆ นิ่มอ่อน หลวงปู่ได้ใช้ให้ผมตีตะกั่วแผ่ออกเป็นแผ่น เมื่อตีจนได้ที่แล้วท่าน ก็ใช้เหล็กจารอักขระลงไปทีละแผ่น หลังจากนั้นท่านก็ให้ผมพับแผ่นตะกั่วและใช้ฆ้อนตีกลับไปกลับมาและแผ่ออกมาใหม่ และจึงใช้เหล็กจารอักขระลงไปอีก และก็ทุบกลับไปกลับมาอีก ทำเช่นนี้ตั้งหลายครั้งจนผมสงสัยจึงถามหลวงปู่ว่า หลวงปู่ ทำไมต้องทำแบบนี้ ไม่เห็นสนุกเลย ท่านตอบว่า คนโบราณเรียกว่า ลงถมต้องลงให้ครบ ๙ ครั้งถ้าได้ ๑๐๘ ครั้งยิ่งดีใหญ่ พวกเราพอได้ยินเช่นนั้นจึงได้ช่วยหลวงปู่ทำเพื่อหวังขอของดีจากหลวงปู่ในครั้งนี้
    กว่าจะลงถมเสร็จก็ใช้เวลากว่า ๓ วัน เมื่อหลวงปู่เห็นว่าดีแล้วท่านก็รวบรวมแผ่นตะกั่วทั้งหมดรวมทั้งตะกั่วเถื่อนที่อยู่ในห้องของท่าน ผมสังเกตว่าตะกั่วทุกก้อนที่อยู่ในห้องของท่านจะมีจารอักขระทุกก้อน แสดงว่าท่านได้เตรียมการมานานแล้ว แต่ยังหาโอกาสและฤกษ์ดีไม่ได้ จากนั้นท่านจึงนำตะกั่วทั้งหมดทำพิธีปลุกเสกในห้องของท่าน ๗ วัน จนถึงวันเสาร์ หลวงปู่ก็เรียกผม เณรฉ่ำ เณรลาว และช่างมงคล หลวงลุงรอด ให้มาหาและบอกว่า วันนี้ฤกษ์ดี
    เทวดารักษา จะได้ลงมือทำพระกันเสียที เมื่อท่านพูดเสร็จท่านหยิบ ขันสำริด ที่ก้นขันได้จารอักขระเต็มไปหมด ต่อจากนั้นจึงให้หลวงลุงเอาพิมพ์พระเครื่องต่างๆ มาให้ท่านดู ท่านได้เลือกดูสักพักจึงหยิบเอาพิมพ์ปิดตาและพิมพ์รูปเหมือนเจริญพร ที่ทางคุณชินพร สุขสถิตย์ ได้ถวายคืนให้วัดนำมาพิจารณาต่อ ต่อจากนั้นหลวงปู่ก็หยิบเหล็กจารจารลงไปที่พิมพ์ปิดตาและพิมพ์เจริญพร พนมมืออธิษฐานจิต ซึ่งพวกเราก็ได้แต่ดูการกระทำของท่านอยู่เงียบๆ หลังจากนั้น
    จึงตั้งไปเพื่อที่จะหลอมตะกั่ว

    แต่ก่อนที่จะทำพิธีหลอมตะกั่วนี้ หลวงปู่ได้ลุกขึ้นไปหยิบคัมภีร์ใบลานเก่าค่อยๆ เปิดทีละแผ่น หยิบวัสดุชิ้นสีขาวออกมาชิ้นหนึ่ง ซึ่งพวกเราที่อยู่ในพิธีนี้รู้ทันทีว่า “วัสดุสีขาวที่หลวงปู่หยิบออกมาคือหัวกะโหลกเด็กที่หลวงปู่นำมาทำผงพรายกุมาร ทุกครั้งที่จะมีการสร้างพระผง ท่านยกมือบริกรรมคาถาอยู่ชั่วครู่ใหญ่ จึงค่อยๆ บิหัวกะโหลกพรายกุมาร แล้วจึงใช้ค้อนทุบลงไปในแผ่นตะกั่ว เณรฉ่ำเห็นเช่นนั้นจึงถามหลวงปู่ว่า หลวงปู่ทุบหัวกะโหลกหรือ? ท่านก็เงื้อค้อนตีเณรบอกว่า กำลังตีตะกั่วอยู่ไม่เห็นหรือไง? จากนั้นท่านจึงค่อยๆ บรรจงเอาแผ่นตะกั่วชิ้นนี้วางลงไปในขันสำริดและติดไฟสุมอ่อนๆ จนแผ่นตะกั่วละลายลงไปทีละน้อย

    ในการเทครั้งนี้ เนื่องจากทุกคนยังไม่มีประสบการณ์ในด้านนี้เท่าไหร่นัก จึงเทออกมาสวยบ้างไม่สวยบ้าง หล่อติดบ้าง ไม่ติดบ้าง เนื่องจากทนไอพิษจากตะกั่วไม่ไหว หลวงปู่จึงให้ทุกคนที่อยู่ในพิธีใช้ผ้าปิดปาก ปิดจมูก เหลือไว้แต่ตาคอยดูเพื่อป้องกันไอตะกั่วระเหยออกมาอย่างรุนแรง

    แต่นั่นแหละครับ ถึงแม้จะป้องกันแค่ไหนเณรฉ่ำเข้าไปนั่งเทได้สักพักหนึ่งยังต้องออกจากพิธีเพราะทนความร้อนและพิษไอตะกั่วไม่ไหว หลวงปู่เห็นเช่นนั้นจึงให้ทุกคนค่อยๆ ถอยห่างออกไป ท่านค่อยๆ ใช้ช้อนคนตะกั่วในขันสัมริดและหยิบพิมพ์ปิดตาและพิมพ์รูปเหมือนเจริญพร ซึ่งช่างมงคลได้ใช้คีมคีบไว้กันไม่ให้ร้อนมือพอเทใส่เบ้าเสร็จท่านจึงรีบนำมาแช่น้ำมนต์ที่ท่านวางใส่ขันเตรียมไว้ข้างๆ

    พระชุดนี้เนื่องจากมีแม่พิมพ์ตัวเดียวจึงทำให้เทช้ามาก หลวงปู่กลัวว่าจะเสียฤกษ์จึงให้ช่างมงคลและหลวงลุงรอดทำการถอดพิมพ์ออกมาหลายอันเพื่อที่จะได้ช่วยกันเทให้เสร็จโดยเร็ว กว่าพวกเราจะช่วยหลวงปู่ทำพระชุดนี้เสร็จก็ใช้เวลาเกือบ ๑ เดือน เนื่องจากตะกั่วที่หลอมในครั้งนี้บางอันละลายเร็ว แต่ถ้าเป็นตะกั่วเถื่อนจะละลายช้ามาก เพราะมีขี้ตะกั่วลอยอยู่ที่ผิวเต็มไปหมดจึงลำบากมากในการเทเมื่อเทเสร็จแล้วได้พระประมาณ ๑ บาตร หลวงปู่จึงใช้ในผม เณรฉ่ำ เณรลาว ให้จารหลังปิดตาด้วยคาถาว่า
    “อิ สวา สุ” จารได้ประมาณไม่ถึงร้อยองค์ทุกคนก็เลิกจารเนื่องจากเหล็กจารนั้นติดตะกั่วเวลาจารต้องลงแรงมาก หลวงลุงรอดจึงเดินเข้าไปในห้องหลวงปู่หยิบโค้ดต่างๆ ที่คุณชินพร สุขสถิตย์ ทำถวายวัดเพื่อนำมาตอกปลัดขิกของวัดให้หลวงปู่พิจารณาดูว่าจะใช้ได้หรือไม่ เมื่อท่านดูแล้วท่านก็หยิบโค้ดตัว “เฑาะ” และโค้ด “มะอะอุ” ออกมา บอกให้เอาโค้ดตัว “เฑาะ” นี้ตอกหลังพระปิดตา โค้ด “มะอะอุ” ตอกหลังรูปเหมือนเจริญพร

    ในการเทพระชุดนี้หลวงลุงรอดได้เอาแม่พิมพ์หัวโตออกมาเทด้วย เทได้ ๕ องค์ปรากฏว่าแม่พิมพ์หัวโตที่เป็นหินมีดโกนทนความร้อนไม่ไหวถึงกับแตกหักเป็น ๒ เสี่ยงทันที และวันที่หลอมพระชุดนี้ก็ได้มีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น ถ้าไม่กล่าวถึงก็อาจขาดรสชาติในการอ่านไปบ้าง

    วันแรกที่ทำพิธีเทพระชุดนี้ ท้องฟ้าที่สว่างไสวกลับมือครึ้มลมกระโชกแรงจนทุกคนกลัวกุฏิหลวงปู่และหอฉันหลังเก่าจะพังจมลงไปในน้ำ เมฆฝนคลุมไปทั่วราวกับว่าฝนจะตกหนัก ท่ามกลางความวิตกกังวลของทุกคนที่อยู่ในวัด ถ้าฝนตกลงมาเที่ยวนี้น้ำป่าจะไหลทะลักท่วมวัดพัดกุฏิพังเป็นแน่

    ทุกคนไม่อยากคิดเช่นนั้นโดยเฉพาะผมหวาดผวาอย่างหนักเนื่องจากว่ายน้ำไม่เป็น คิดในใจว่าเราคงเอาชีวิตมาทิ้งที่วัดหลวงปู่แล้วหรือนี่

    หลวงปู่เห็นเรามีความกังวลเช่นนี้ท่านก็เอ่ยว่า ไม่ต้องกลัวๆ เขารับรู้แล้วว่าวันนี้เราจะทำอะไรกัน เมื่อทำการหลอมพระเสร็จเฉพาะวันนั้น ท้องฟ้าที่มืดครึ้มกลับสว่างไสวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลวงปู่ได้หยิบพระชุดนี้ขึ้นมาดูทีละองค์และท่าน
    สายสิญจน์ที่ล้อมรอบวัตถุมงคลในห้องไว้ในมือท่าน ท่านจะนั่งปลุกเสกและลงของในลักษณะนี้ไม่ว่าจะเป็นวันออกพรรษาหรือเข้าพรรษา ท่านทำทุกคนจนถึง ๖ โมงเช้าจึงจะลืมตาขึ้นมา หลังจากนั้นท่านจะกราบลงที่หมอน ๓ ครั้งและก็ลุกออกไปนอกห้องเดินดูอะไรต่ออะไรไปเรื่อยๆ จนถึง ๘ โมงเช้าจึงจะถึงเวลาฉันเช้า ปกติหลวงปู่จะฉันเช้าเพียงมื้อเดียว อาหารที่ฉันจะเป็นอาหารที่ปราศจากเนื้อ จะมีผักถั่วฝักยาวเป็นพื้น ซึ่งท่านจะฉันเช่นนี้เป็นประจำจนชั่วชีวิตของท่าน

    พระชุดนี้หลวงปู่ปลุกเสกอยู่ทุกคืนเป็นเวลานาน จนพระเครื่องที่มีอยู่ในบาตรเต้นระรัวกระทบกันเสมือนคั่วข้างตอกแตก มีบางองค์กระเด็นออกมานอกบาตรก็มี ผมเห็นเช่นนั้นจึงได้ขอหลวงปู่เก็บไว้ส่วนตัวจำนวนหนึ่งซึ่งท่านก็มอบให้ หลวงปู่ได้ทำการแจกพระชุดนี้ให้แก่บรรดาผู้ที่นับถือท่านนำไปใช้และที่ไปกราบท่านที่วัด ท่านจะพูดเสมอว่า
    เก็บไว้ให้ดีของนี่รักษาตัวได้ และยังทำยากอีกด้วย พระปิดตาและรูปเหมือนเจริญพร ใครมาหาท่านท่านจะใช้ผมไปหยิบในบาตรและนำมาใส่พานเล็กๆ วางไว้หน้าท่าน ท่านจะแจกไปเรื่อยๆ จนใครๆ เรียกพระชุดนี้ว่า รุ่น “แจกทาน”
    ซึ่งก็ไม่ผิดกติกาเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดจะเรียกรุ่นนี้ว่า “รุ่นน้ำท่วม”

    พระปิดตาและรูปเหมือนเจริญพรนี้สร้างขึ้นด้วยเจตนารมณ์อันดีของหลวงปู่เพื่อสงเคราะห์ญาติโยมที่ยากจน ถ้าท่านเจอและดูเป็นก็ให้เก็บไว้ใช้เถิด ผมมั่นใจว่าพระชุดนี้ต้องยอดเยี่ยมไร้เทียมทานจริงๆ มิฉะนั้นผมคงไม่เลือกแขวนและใช้ติดตัวอยู่จนทุกวันนี้หรอกครับ ไม่ใช่ว่าผมไม่มีพระเครื่องชุดอื่นของหลวงปู่ทิมนะครับ ตอนนี้ยังเหลืออยู่หลายองค์ทีเดียวแต่ที่ผมเลือกรุ่นนี้เพราะผมได้ยินหลวงปู่กล่าวว่า “พระรุ่นนี้นี่สร้างขึ้นมายาก หาฤกษ์มานาน ใครใช้จะรู้เอง แต่นี่รับรองใครมีไม่รู้จักอด มีเงินมีทองเหมือนกับน้ำที่ไหลไปที่ใดจะทำให้บ้านเรือนที่นั่นเกิดความสมบูรณ์”

    พระปิดตาและรูปเหมือนเจริญพรของหลวงปู่นี้ จัดเป็นพระชุดหนึ่งที่ท่านทำกับมือ เวลาเช่าหา ขอให้สังเกตุโค้ดที่ตอกหลังองค์พระเป็นสำคัญ ถ้าท่านจำโค้ดแม่นท่านอาจเช่าหากันในราคาไม่แพงก็ได้ เพราะเวลานี้คนที่ดูพระชุดนี้เป็นยังมีอยู่ไม่กี่คน บางคนก็ไม่เคยเห็นหน้าหลวงปู่เลยกลับตั้งเป็นผู้รู้เสียเองว่าพระนี้จะต้องมีลักษณะอย่างนี้เช่นนี้ ด้านหลังจะต้องมีรอยวนๆ อันนี้ไม่ใช่หลักสำคัญในการดูพระให้เป็นหรอกครับ เหตุที่ด้านหลังเป็นวนๆ นั้นเนื่องจากตะกั่วที่เทเป็นตะกั่วเนื้ออ่อน ถ้าเป็นตะกั่วเถื่อนหรือเป็นตะกั่วที่เป็นเนื้อชินด้านหลังจะไม่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากส่วนผสมของเนื้อตะกั่วหลายชนิดมารวมกันจึงมีความแข็งเป็นพิเศษ บางองค์จะมีสีดำ บางองค์จะมีพรายปรอทอยู่ไปทั่ว ก็แล้วแต่ส่วนผสมที่แต่ละคนเติมลงไป

    หลวงปู่ทองฤทธิ์ พระผู้เฒ่าเรืองอาคม อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าฉันทนิมิต จ. กาฬสินธุ์ ซึ่งผมและคุณชินพรได้ขึ้นไปกราบท่านที่วัด พอท่านเห็นรูปเหมือนเจริญพรรุ่นน้ำท่วมที่ผมคล้องอยู่ถึงกับขอดู พอดูเสร็จท่านก็หยิบพระขึ้นมาจบทำปากหมุบหมิบเหมือนท่านจะทำความเคารพหลวงปู่ทิมต่อหน้าผมและคุณชินพรที่มองท่านอย่างฉงนและทึ่งอยู่ในใจ ผมจึงถามท่านพระองค์นี้ดีอย่างไรครับ ? ท่านตอบว่า “องค์นี้ดีแล้วทุกอย่าง คุ้มได้ทุกอย่าง เจ้าของลงและเสกดีแล้ว”

    สมัยที่ หลวงปู่สด วัดโพธิ์แตงใต้ จ. อยุธยา ยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้อนุญาตให้ผมไปหา “ลูกแก้ว” นำมาให้ท่านอธิษฐานจิตเป็น “แก้วสารพัดนึก” ซึ่งท่านได้เมตตาอธิษฐานจิตให้ ๑ พรรษา และผมได้นำรูปเหมือนเจริญพรรุ่นน้ำท่วมให้ท่านดู พอท่านดูจบท่านตอบว่า “พระองค์นี้ดีมาก มีอานุภาพสูง ป้องกันสรรพสิ่งในโลกนี้ได้ ยิ่งอยู่กับคนที่มีศีลมีธรรมพระองค์นี้จะปรากฏความศักดิ์สิทธิ์ให้เห็นเร็ว เนื่องจากผู้ทำได้อัญเชิญเทวดาให้มารับรู้ด้วย” ซึ่งผมเองก็ไม่ทราบความหมายของประโยคหลัง แต่คิดว่าตอนหลวงปู่ทำพิธีคงจะอัญเชิญครูบาอาจารย์ เทวาอารักษ์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้มารับรู้เป็นแน่แท้ ผมเคยถามหลวงปู่ว่า คาถาเชิญครูนั้นหลวงปู่เชิญและสวดใช้บทไหน ท่านตอบว่า ถ้าอยากรู้ ๒ ทุ่มมาหานี่ นี่จะสอนให้ และคืนนั้นผมก็ได้คาถาอัญเชิญครูจากท่านจริงๆ ซึ่งจะขอกล่าวถึงให้ท่านผู้อ่านที่สนใจจดจำไว้เผื่อมีโอกาสจะได้นำออกมาใช้บ้าง

    คาถาเชิญครูของหลวงปู่ทิม ก่อนอื่นให้ตั้ง นะโม ๓ จบ และสวด หัวใจห้องพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ทำจิตใจให้หยุดนิ่ง นิ่งหยุดทั้งนอกและใน เมื่อใจเป็นสมาธิแล้วจึงสวดพระคาถาอัญเชิญครูดังนี้

    นะโม นมัสการ จะไหว้ครูบาอาจารย์ อันมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและสมเด็จพระพุทธองค์ที่มีนามว่า พระกุกกุสันโธ พระโกนาคะมะโน พระกัสสะโปพุทโธ พระศรีศากยะมุนีโคดม พระอริยะเมตไตย ตลอดจน อะ อา อิ อี เอ โอ ขอเดชพระบารมีคุณพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ จงมาช่วยปราบภูตผีปีศาจ ผีพราย ผีเปรต อสุรกายและมายาที่กระทำให้เกิดโรคโรคาโพยภัยอันตราย อาวุธทั้งหลายจงคลาดแคล้ว สรรพอันร้ายกาจ ทั้งอุบาทว์และจังไร ทั้งคุณไสย ทั้งคุณผี คุณคน หุ่นพยนต์ อาถรรพ์ต่างๆ ที่ฝังไว้อยู่กลางทาง ขอเดชพระสัพพัญญูจงมาช่วยทำลาย ให้พ่ายแพ้
    ด้วยอาคม จะอาราธนาคุณพระธรรมเจ้าทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ให้สว่างไสวดังประทีปแก้วชัชวาล สอนมวลให้พ้นทุกข์ ขอเดชคุณพระพุทธเจ้าทั้งหลายบันดาลให้หายจากสรรพสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายในสากลโลก จะอาราธนาพระสงฆ์ที่ทรงศีลอันบริสุทธิ์มาเป็นพยาน ตักเอาน้ำในสระโบกขรณีมารค จะขอชำระล้างสิ่งสารพัดชั่วร้ายทั้งชาตินี้และชาติก่อน จะขออารธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สวดพระพุทธมนต์ให้พระเกตุมารักษา สารพัดเคราะห์ สารพัดโศก เสนียดจังไร ให้ขับออกไปนอกเสมา สัพเพเทวายักขาภูติ สัพเพชะนามะหายะโส สรรพสิ่งทั้งหลายที่เลวร้ายจงพ่ายไปด้วยนะโมพุทธายะ

    ต่อจากนั้นจึงสวดคาถาเบิกแผ่นดิน เบิกสรรพทั้งหลาย ซึ่งมีใจความว่า

    “โอมเบิก มหาเบิก โอมเลิก มหาเลิก จะเบิกธรณีสารแลทวารสลัก จะเบิกสิ่งที่ขวางหน้า จะเบิกแม่พระธรณีท้าวอินทร์พรหม จะเบิกคาถามหานิทราประกอบด้วยเตโช วาโยย้อนภูตพราย หมู่ปีศาจอันมีฤทธิ์ จะเบิกเทวดาอันอยู่ชั้นฟ้า จะเบิกพระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุธ พระพฤหัสบดี พระศุกร์ พระเสาร์ พระราหู พระเกตุ จะเบิกเพชรฉลูกรรจ์ ๗ ชั้น จะเบิกแหวนลูกกัลป์ถันพิรอดและรางทางลงด้วยพระปถมังอันศักดิ์สิทธิ์เป็นประเจียด ตะกรุดพุทธจักร เลขยันต์เป็นกำแพง ๗ ชั้นกันมนตรา โอมสวาหะ สวาหาย พุทธังประสิทธิ์ ธัมมังประสิทธิ์ สังฆังประสิทธิ์”

    เมื่อทำการเบิกแล้วจึงเสกด้วยคาถาอีกบทหนึ่งว่า

    “พุทธังเทวดารักษา ธัมมังเทวดารักษา สังฆังเทวดารักษา จะห้ามไฟ ไฟก็ดับ จะห้ามดิน ดินก็แยกเป็นน้ำ จะห้ามปืน ปืนก็ยิงไม่ออกและไหลออกจากปากกระบอกเสมือนเถ้าธุลี พุทโธป้องกัน ธัมโมล้อม สังโฆกัน โธอุด ธังอัดกันสารพัดศัตราวุธ วินาศสันติ ปถมังวิเนยะ พุทธังคุ้ม ธัมมังคุ้ม สังฆังคุ้ม อิติปิโสภควา อะระหังสัมมา พุทธังอยู่ตัวข้า ธัมมังเมตตาอย่าได้ขาด สังฆังคุ้มครองปวงสรรพสิ่งทั้งหลาย พุทธัง อัปมาโน อัปมาโนป้องกัน สารพัดศัตรู อาวุธเสนียดจังไร วินาศสันติ พุทธังอาราธนานัง ธัมมังอาราธนานัง สังฆังอาราธนานัง พระพุทธะอยู่หน้า พระธัมมะอยู่หลัง พระสังฆะคุ้มครอง หังขะรัง คงกระพันธานัง อธิษฐายาจามิ”

    จากนั้นท่านจึงนั่งสมาธิส่งกระแสจิตปลุกเสกตามกรรมวิธีของท่านที่ได้ร่ำเรียนมาจากครูบาอาจารย์ ซึ่งหลวงปู่กล่าวว่า ทุกครั้งที่ทำการจะต้องกล่าวคาถาเชิญครูดังกล่าวเช่นนี้เป็นประจำ จึงจะดีและศักดิ์สิทธิ์ ผมแค่เห็นคาถาที่ท่านบอกมาให้ก็ท้อใจเสียเสียแล้ว หรือท่านผู้อ่านจะทดลองทำดูถ้าดีอย่างไรก็ช่วยบอกให้ผมทราบด้วยก็แล้วกัน

    พระชุดน้ำท่วมนี้หลวงปู่ได้ทำการแจกจ่ายให้แก่ท่านผู้ที่นับถือท่านอยู่เสมอ แม้วันที่ท่านเจ้าคุณวัดป่าประดู่ ไปนิมนต์หลวงปู่ที่วัดเพื่อให้มาเกียรติในงานวันเกิดของท่านที่วัดป่าประดู่ จ. ระยอง เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๗ หลวงปู่ยังใช้ให้ผมนำพระชุดนี้ใส่ในย่ามนำมาแจกให้แก่บรรดาศิษยานุศิษย์ที่มาแสดงมุทิตาจิตกับท่านเจ้าคุณที่วัด วันนั้นต่างแย่งกันชุลมุนวุ่นวายไปหมด พระเครื่องที่เตรียมไปไม่พอแจก และก็เป็นที่หวงแหนแก่ผู้ที่ได้รับไปในตอนนั้นเป็นอย่างยิ่ง

    หลวงปู่เคยกล่าวให้ฟังว่า ตะกั่วเถื่อนที่นี่ได้มาเป็นของดีที่เกิดเองตามธรรมชาติ เมื่อมานำทำเป็นองค์พระให้ถูกต้องตามตำราที่นี่เรียนมา จะมีอำนาจความศักดิ์สิทธิ์สูงมากเพราะตะกั่วมีกระแสการดูดซับและรับพลังจิตจากผู้เสกเข้าไปได้ง่ายและรวดเร็วมาก ซึ่งก็ตรงกับ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กทม. ได้พูดไว้เมื่อคราวที่ผมและรองศาสตรจารย์ ดร.ชวลิต นิตยะ อาจารย์สถาปัตย์จุฬาฯ ได้ไปกราบหลวงปู่โต๊ะที่วัดเพื่อขอเมตตาให้ท่านทำเบี้ยแก้ใว้ใช้ติดตัว
    ซึ่งหลวงปู่ได้สาธิตวิธีทำและบอกว่าให้หาตะกั่วมาปิดปากหอยเบี้ย เนื่องจากตะกั่วนี้มีคุณพิเศษในตัวเองสามารถรับกระแสจิตและพลังอณูที่อยู่ในโลกนี้ได้เร็วกว่าวัตถุชนิดอื่น ยิ่งเป็นตะกั่วเถื่อนยิ่งดีใหญ่ แม้กระทั่ง หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา ท่านก็เคยกล่าวให้ผมฟังเช่นกัน

    พระปิดตาและรูปเหมือนเจริญพรรุ่นน้ำท่วมนี้สร้างขึ้นด้วยความตั้งใจของหลวงปู่เอง เพื่อฝากความเป็นอมตะของพระรุ่นนี้ให้เป็นที่ประจักษ์แก่ผู้ใช้ ผมเคยนำแจก อาจารย์สุเทพ วินิชชากร อาจารย์ริ้วหว้าวิทยาคม จ.อ่างทอง ปรากฏมีประสบการณ์เกิดขึ้นกับอาจารย์สุเทพเป็นอันมาก รถกระบะของท่านได้ปะทะกับรถคันอื่น ตนเองไม่เป็นอันตรายที่คอมีพระปิดตารุ่นน้ำท่วมเพียงองค์เดียว คุณสุเทพได้นำพระชุดนี้เลี่ยมแขวนให้ลูกชาย ลูกชายถูกหมากัดไม่เข้าอีก

    เมื่อครั้งที่ หลวงปู่หล้า ตาทิพย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าตึง จ.เชียงใหม่ ยังมีชีวิตอยู่ ท่านเคยเห็นรูปเหมือนน้ำท่วมที่ผมแขวนอยู่และขอดูและพูดว่า “พระองค์นี้มีดีเหลือล้นสามารถบนขออะไรก็ได้ ถ้าได้แล้วให้ปิดทองที่องค์พระไว้จะเป็นมงคลยิ่งสำหรับผู้ที่ใช้ติดตัว”

    ผมเคยประสบอุบัติรถพลิกคว่ำที่ จ.อยุธยา เมื่อวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๓๕ รถเสียหลักปะทะกับรถอีกคันหนึ่งที่จอดอยู่ข้างทางกระเด็นตีลังกาพลิกคว่ำอยู่กลางทุ่งนา ปรากฏผมไม่เป็นอะไรเลยทุกคนในรถต่างแขวนพระปิดตารุ่นน้ำท่วมเพียงองค์เดียวกันทุกคน ส่วนผมแขวนรูปเหมือนเจริญพรและพระปิดตาน้ำท่วมอยู่อย่างละองค์ และเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๓๙ รถก็ไปพลิกคว่ำที่ จ.กาฬสินธุ์อีก ในวันนั้น ผมห้อยคอรูปเหมือนเจริญพรเนื้อชินตะกั่วรุ่นน้ำท่วมเพียงองค์เดียว อย่างงี้ไม่เรียกว่าของดีแล้วจะเรียกว่าอะไร ของจริงก็เป็นของจริงวันยังค่ำ หรือท่านว่าไม่จริง

    คุณชูชาติ รัตนเสถียร บ้านอยู่ ต.นาตาขวัญ จ.ระยอง เคยไปหาหลวงปู่ที่วัดหลายครั้ง ได้รับพระปิดตาและรูปเหมือนเจริญพรรุ่นน้ำท่วมจากหลวงปู่มาหลายองค์และก็แจกจ่ายพี่น้องของตนเองจนเกือบหมด เหลือที่คอบูชาไว้ ๒ องค์ ปรากฏว่าขับรถไปส่งเหล้าของบริษัท สุราทิพย์ จำกัด ออกต่างจังหวัดหลายครั้งหลายคราวก็ปลอดภัยทุกครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งตนเองเกิดหลับในวิ่งไปปะทะกับรถบรรทุกคันอื่นตนเองไม่ได้รับบาดเจ็บแต่คนอื่นบาดเจ็บสาหัส แถมยังมีลาภลอยอยู่เสมอจนพนักงานที่ทำงานอยู่ด้วยกันถามว่า มีอะไรดี คุณชูชาติตอบว่า มีพระปิดตาและรูปเหมือนเจริญพรรุ่นน้ำท่วมที่หลวงปู่ให้มา อาราธนาติดตัวและอธิษฐานขอลาภจากท่านเป็นประจำ ไปไหนก็สบาย มีคนมาขอเช่าต่อคุณชูชาติก็ไม่ให้แถมยังพูดว่า เงินทองพอหาได้แต่พระให้ไปแล้วไม่รู้จะไปหาที่ไหน เก็บไว้ใช้รักษาตัวดีกว่า


    ของดีมีน้อยถ้าท่านพอที่จะหาได้หาเก็บไว้ครับแนะนำ
     
  12. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    ปิดตาฝังพลอย หลังยันต์ห้า ฝังพลอยเสกเนื้อผงพรายกุมาร

    จัดสร้าง 9,000องค์ ในปี 17 พร้อมๆกับปิดตาหลังยันต์น้ำเต้าโดยคุณชินพร หลวงปู่ถึงกับร้องทักว่า " ยันต์นี้เป็นของพระอรหันต์ รูปหนึ่ง "

    ข้อมูลมวลสาร

    พระปิดตา หลังฝังพลอยหลังยันต์ห้าเนื้อผงพรายกุมาร ในปี พ.ศ.๒๕๑๗ โดยทางคณะผู้สร้างนำโดย คุณชินพร สุขสถิตย์ และ คุณประชา ตรีพาสัย ได้ไปว่าจ้าง ท่านอาจารย์ทองเจือ วัดปากน้ำภาษีเจริญ ผสมเนื้อพระ และ กดพิมพ์พระให้ โดยมีส่วนผสมของ ผงพลายกุมาร, ผงอิทธิเจ, ผงปัททะมัง และ ผงตรีนิสิงเห ของท่านหลวงปู่ทิม เป็นส่วนผสมหลักๆ ที่ทางคณะผู้สร้างได้รับมอบมาจากหลวงปู่ทิม ท่าน และ ได้มอบให้ ท่านอาจารย์ทองเจือ กดพิมพ์พระให้ โดยมีเนื้อพระ หลายสีด้วยกัน ทั้ง สีขาว ดำ และ น้ำตาล มีทั้งแบบ ด้านหลังฝังพลอยเสก โรยตะไบพระกริ่งชินบัญชร และ ไม่มี ก็มี ครับ

    ตำนานผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

    เมื่อกลางปี 2515 คณะกรรมการวัดละหารไร่ มีนายสาย แก้วสว่าง ไวยาวัจกร ประชุมกันเรื่องการสร้างพระเครื่องวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสมนาคุณแด่ชาวบ้านและสาธุชนทั่วไป ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินร่วมทำบุญกับวัดละหารไร่ ต่อไปในวันข้างหน้าโดยเฉพาะงานผูกพัทธสีมาพระอุโบสถ วัดละหารไร่ ในการนี้หลวงปู่ทิมได้กล่าวว่า หากได้ผงพรายกุมารมหาภูติผสมใส่ลงไปด้วย พระเครื่องที่สร้างขึ้นนี้จะมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นเพราะมีอานุภาพแห่งพรายกุมารมหาภูติแฝงอยู่คอยช่วยเหลือเอื้ออำนวยพร เมื่อหลวงปู่ทิมมีความต้องการจะทำผงพรายกุมารมหาภูติ เพื่อนำมาเป็นมวลสารที่สำคัญยิ่งในการสร้างปลุกเสกพระเครื่องครั้งนี้นั้น ในบรรดาลูกศิษย์ยุคแรกของหลวงปู่ทิมอิสริโกทั้งหมดไม่มีใครกล้าเสนอตัวอาสากระทำการ เพราะต่างคนต่างก็เกรงกลัวความอาถรรพ์ของผีตายทั้งกลม ซึ่งโบราณกล่าวไว้ว่ามีความดุร้ายและหวงลูกมาก ถึงขั้นตามเอาชีวิตกันเลยทีเดียว มีแต่เพียง “หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ “ ผู้เดียวที่มีวิชาคาถาอาคมและสมาธิกล้าแข็งเพียงพอ กล้าขอเสนอตัวรับอาสาสนองพระคุณหลวงปู่ทิม จะไปนำ ” กะโหลกพรายกุมาร “ วัตถุอาถรรพ์สำคัญยิ่ง จากหญิงตายทั้งกลม (หญิงชาวบ้านท้องแก่ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุสยดสยอง ทางญาติได้นำศพมาฝังไว้ที่ป่าช้าวัดละหารใหญ่ ปัจจุบันเป็นบริเวณที่ชาวบ้านทำไร่สับปะรด ) มาเพื่อให้ท่านสร้างปลุกเสกเป็น ”ผงพรายกุมารมหาภูติ “ ซึ่งหมอกุหลาบ จ้อยเจริญ ต้องพบกับอิทธิฤทธิ์ของอาจารย์พรายนายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร แต่ด้วยมูลเหตุแห่งวัตถุประสงค์เพื่อการสร้างบุญกุศลในพระพุทธศาสนา บารมีของหลวงปู่ทิม และคาถาอาคมที่หลวงปู่ทิมได้ประสิทธิให้นั้น ทำให้นายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร ได้ยินยอมและเต็มใจ เกิดความปิติในกุศลผลบุญที่ตนเองจะได้รับ หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ จึงกระทำการครั้งนี้ได้สำเร็จเรียบร้อยทุกประการ “ วิญญาณของาจารย์นายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร มีอยู่จริงเห็นตัวตนเป็นเงาใสๆ ลางๆ เหมือนกับภาพที่สะท้อนบนพื้น ในปัจจุบันวิญญาณเหล่านี้ก็ยังอยู่คุ้มครองที่วัดละหารไร่ “ หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ กล่าวย้ำ การสร้างผงพรายกุมารมหาภูตินั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เมื่อได้กระโหลกพรายกุมารมาแล้ว หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ ใส่ห่อผ้าเก็บไว้หลังพระประธานในพระอุโบสถหลังเก่า เป็นระยะเวลาประมาณสามถึงสี่เดือน จนกระโหลกพรายกุมารแห้งสนิทหมดกลิ่นดีแล้ว จึงนำมาโขลกตำให้ละเอียดแล้วผสมกับผงวิเศษสำคัญต่างๆ ที่หลวงปู่ทิมมอบให้มาจนครบทั้งหมดผสมน้ำแช่เกสรบัวทั้งห้า ปั้นเป็นแท่งขนาดใหญ่ แล้วตากแดดไว้จนแห้งสนิท เมื่อได้ฤกษ์งาม ยามดีวันดี ตามที่หลวงปู่ทิมได้กำหนดไว้ จึงจะนำแท่งผงปั้นนี้มาเขียนอักขระพระยันต์ต่างๆ บนกระดานชนวน กระทำในพระอุโบสถหลังเก่า ท่ามกลางการเจริญพระพุทธมนต์ของพระสงฆ์ ๙ รูป โดยหลวงปู่ทิมอิสริโก เป็นประธานสงฆ์ เขียนอักขระพระยันต์ต่างๆ ลงบนกระดานชนวนแล้วลบผงก่อนเป็นปฐมฤกษ์ แล้วจึงมอบให้หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ เป็นผู้ลงอักขระพระยันต์และลบผงต่อไป การปลุกเสกผงพรายกุมารมหาภูตินี้ หลวงปู่ทิมท่านได้ปลุกเสกพรายกุมารทั้งหลายให้เป็นกึ่งเทพกึ่งภูติเป็นมหาภูติขวาและซ้าย(พระพรายคู่ เป็นรูปเทวดานั่งคู่กัน แทนรูปมหาภูติซ้าย-ขวา) วิญญาณพรายกุมารไม่ใช่มีอยู่ตนเดียว แต่มีมากมายประมาณมิได้ หลวงปู่ทิมได้อธิฐานให้วิญญาณพรายกุมารทุกตนที่ผ่านไปมาในบริเวณพิธี หากจะช่วยกันบำรุงพระพุทธศาสนา ก็ให้มาสถิตย์อยู่รวมกันในผงพรายกุมารมหาภูติที่ท่านปลุกเสกนี้ ให้มีอิทธิฤทธิ์คอยช่วยเหลือคุ้มครองอำนวยพรให้ผู้ศรัทธาบูชาอยู่ระยะเวลาหนึ่ง หลังจากเสร็จพิธีเรียบร้อยแล้วได้ผงพรายกุมารมหาภูติบริสุทธิ์สีขาวหม่นอมเทาประมาณ 1 ถาดใหญ่ ครับท่าน<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤษภาคม 2012
  13. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    พระกริ่งชินบัญชรมหาปราบ พ.ศ.2546

    ร่วมสร้างและปลุกเสกโดยคณะศิษย์ บรรพชิต และ คฤหัสถ์ ของหลวงพ่อทิม อิสริโก

    ชนวนศักดิ์สิทธิ์ประกอบไปด้วย ชนวนพระกริ่งชินบัญชรรุ่นแรก ชนวนพระกริ่งชินบัญชรมหาโสฬส ชนวนพระกริ่งชินบัญชรพญากาลนาค
    ตะกรุดสำคัยของหลวงปู่ทิม แผ่นยันต์จากหลวงปู่ธรรมรังษี หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร หลวงพ่อสาคร มนุญโญ และที่สำคัญคือตะกรุดมหาปราบ
    ที่หลวงปู่ทิมลงให้ โดยถวายให้กับหลวงพ่อสาครใส่ลงในเบ้าหลอม พระอาทิตย์ทรงกลดและสายฝนโปรยเบาบางประมาณ 5 นาที


    พิธีเททองเริ่ม 13.19 น.บัณฑิตอ่านโองการเชิญครูบาอาจารย์ เทพยดาทุกชั้นฟ้า จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พระสงฆ์ 9 รูปสวดชยันโต พราหม์ลั่นฆ้อง
    พระเทพคุณาธาร จุดเทียนชัย พระคณาจารย์นั่งปรก 4 ทิศ หลวงปู่ธรรมรังษี, หลวงพ่อสาคร , หลวงพ่อฟู , หลวงพ่อแจ่ม วดเขาสำเภาทอง จากนั้น
    ช่างสมรเริ่มเททอง อากาศซึ่งร้อนอบอ้าวกลับเย็นสบาย ท้องฟ้ามืดครึ้มไปด้วยเมฆฝน แต่ในพิธีกลับไม่มีฝนเลย เกือบ 4 ชม.หลังจากเทพระเสร็จ
    ฝนเริ่มตกลงมาปรอยๆ นับเป็นเรื่องอัศจรรย์เพราะรอบๆวัดฝนตก น้ำท่วมอย่างหนัก


    พระรุ่นนี้ทุกองค์จะอุดผงทั้งหมด ซึ่งประกอบไปด้วย ผงพรายกุมาร , ผงมหาปราบ , ผงกรามช้างน้ำ , ผงจินดามณี , ผงอิติปิโส 108 , น้ำมันลูกประคำ , ทับทิมเสก , สีผึ้งมหานิยม , น้ำมนต์ปี 16 , จีวรหลวงปู่ทิม

    สิ่งสำคัญสุดคือ เกศาหลวงปู่ทิม มีบรรจุอยู่ทุกองค์
    พระกริ่งชินบัญชรมหาปราบ พ.ศ.2546
    ก้นอุด
    ผงพรายกุมาร , ผงมหาปราบ , ผงกรามช้างน้ำ , ผงจินดามณี , ผงอิติปิโส 108 , น้ำมันลูกประคำ , ทับทิมเสก , สีผึ้งมหานิยม , น้ำมนต์ปี 16 , จีวรหลวงปู่ทิม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2020
  14. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    รายการที่ ๑๔.

    5 พุทธศตวรรษ หลวงปู่ทิมเสก ตอก 2 โค้ด พิมพ์นิยม มีเข็ม
    พระเครื่องชุด 25 พุทธศตวรรษ พิมพ์มีเข็ม หลวงปู่ทิมปลุกเสก กับ วัดป่าประดู่ (พระอารามหลวง ประจำเมืองระยอง)

    นั้น มาจากในคราวที่จัดพิธี ฉลองพุทธ 25 พุทธศตวรรษ ทางราชการได้จัดให้ วัดป่าประดู่ เป็นหนึ่งในสถานที่จัดพิธีเฉลิมฉลองดังกล่าว จึงเป็นเหตุให้ทางวัดได้รับ พระเครื่องชุด 25 พุทธศตวรรษ จำนวนหนึ่งมาจากทางหน่วยงาน ราชการ และ ท่านหลวงพ่อหล่ำ จึงได้นำพระครื่องทั้งหมดที่ได้รับมอบมาทำการบรรจุกรุ ในปีต่อมา ดังที่ได้กล่าวไว้เบื้องต้น. เหตุผลของการแตกกรุ อันเนื่องมาจากเมื่อปี (พ.ศ.2547) ทางวัดป่าประดู่ จะทำการย้าย พระอุโบสถ หลังเดิมที่ดูคับแคบ ไปยัง พระอุโบสถ หลังใหม่ เลยทำการเปิดกรุดังกล่าว จึงได้พบพระเครื่องชุด พระพุทธ 25 ศตวรรษ ที่ได้บรรจุกรุไว้

    ในสมัย ท่านหลวงพ่อหล่ำ และ ทางวัดได้ทำ สัญลักษณ์เป็นโค๊ต ตอกไว้บนเหรียญทุกเหรียญครับ. นอกจากนั้น
    พระชุดนี้ยังผ่านพิธีปลุกเสกพระเครื่อง และ วัตถุมงคลของวัดป่าประดู่ หลายต่อหลายครั้งด้วยกันเช่น ในคราวพิธีพุทธาภิเษกรูปเหมือน หลวงพ่อแอ่ว วัดป่าประดู่ และ วัตถุมงคลรุ่นแรกของท่านเมื่อปี พ.ศ.2507 โดยมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังมาร่วมปลุกเสกมากมาย อาทิเช่น

    1. หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
    2. หลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง
    3. หลวงพ่อหอม วัดซากหมากฯ
    4. หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
    5. หลวงปู่นาค วัดระฆังฯ
    6. หลวงปู่เฮี้ยง วัดป่าฯ เป็นต้น และ ถือเป็นสุดยอดพิธีของเมืองระยอง

    พิธีหนึ่งที่ต้องบันทึกไว้ตลอดไป เพราะว่าเป็นพิธีที่ทำให้ สาธุชนทั่วไปรู้ถึง กิตติคุณ ความเก่ง และ ขลัง ของ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ดังนั้น พระดี พิธีสุดยอดของ กึ่งพุทธกาล ผนวกกับ สุดยอดพิธีเมืองระยอง บรรจุกรุมามากกว่า 40 ปี ควรค่าในการสะสมเป็นอย่างยิ่งครับ พระทุกองค์
    ทางวัดป่าประดู่ได้ทำการตอกโค๊ต ( วป ) ไว้ทุกองค์ครับ ถ้าเป็นเนื้อดินจะปั๊มยันต์หมึกสีน้ำเงินครับ


    พิธีที่สุดยอดของ กึ่งพุทธกาล ประสบการณ์มากมายที่ท่านรู้จัก

    สุดยอดพิธีเกจิอาจารย์ เมืองระยอง ที่เข้มขลังไปด้วยพุทธคุณ

    สองพิธีผนวกกัน คือที่สุดของสุดยอด 25 พุทธศตวรรษ ในยุดนี้ครับ


    [​IMG]


    แนะนำครับ ของดีสุดยอดมหาประสบการณ์ในศตวรรษนี้ บวกกับพุทธคุณที่หลวงปู่ทิมปลุกเสกบรรจุพุทธคุณอีกครั้ง และยังได้หลวงพ่อทาบเสกด้วย นับว่าสุดยอดที่สุดแล้วครับ


    พระไม่ดีไม่แท้ไม่นำมาลงให้ศึกษากันผิดๆครับ

    บูชาพระไม่ต้องเสี่ยงพร้อมใบเซอร์ พลังชาตรี 13

    รับประกันพระแท้ไม่มีกำหนด องค์ใหนเก็ บวกให้ 2000 บาท
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  15. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    หนุมานทรงเครื่องตนสวยๆครับ

    หนุมาน เนื้อตะกั่ว ลป.แก้ว วัดละหารไร่ ที่สุด...ของหนุมาน ในแบบฉบับเดียวกับเนื้อนวะสร้างในยุค ลป.ทิม ปลุกเสกโดย ลป.แก้ว วัดละหารไร่ (นวะราคาเกือบแสนแล้ว) กำลังหายากน่าเก็บหนุมานเนื้อนวะทะลุ 7-8 หมื่นไปแล้ว ถึงเวลาของ เนื้อตะกั่ว ขยับกันบ้างแล้วครับ
    หนุมาน ลป.แก้ว วัดละหารไร่ ประสบการณ์ เยอะเหลือเกิน ตอนนี้ แทบไม่เหลือให้เห็นกันแล้วในสนาม บางกระแสเชื่อว่า ต้องมีบางส่วนที่ทัน ลป.ทิม ปลุกเสก ก่อนที่ ลป.ทิม จะเข้าโรงพยาบาล แต่ ด้วยความที่ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ได้จึงตีเป็น ลป.แก้วปลุกเสกทั้งหมด
    แต่ ถึงจะป็น ลป.แก้ว ปลุกเสกก็เช้มขลังไม่แพ้กัน เพราะ ลป.ทิม เองก็เคยพูดว่า ลป.แก้ว ท่านก็เก่งไม่แพ้ทันเลย เพียงแต่ท่านสมถะ ไม่แสดงตน เรื่องความเก่งฉกาจในอาคมของท่าน ปรากฎในการปลุกเสกพระกริ่งเก้าแก้ว ซึ่งมีการถ่ายติดคล้ายเปลวไฟออกมาจากจมูกของท่าน และ นี่คืออีกหนึ่งชุดที่น่าบูชา เป็นอย่างมาก


    หนุมานเนื้อตะกั่วผู้สร้างตั้งใจทำถวายให้หลวงปู่ทิม ปลุกเสก เช่นเดียวกับหนุมานเนื้อนวโลหะ เนื้อเงิน เมื่อปี 2518 ราคาค่านิยมไปเกือบแสนแล้วครับตอนนี้ แต่หนุมานเนื้อตะกั่ว ชุดสุดท้ายโรงงานทำส่งให้ไม่ทันหลวงปู่ิทิมเสกเพราะท่านมรณะภาพไปก่อน เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2518
    ดังนั้นผู้สร้างจึงนำไปถวายหลวงปู่แก้ว วัดละหารไร่ ปลุกเสกแทน ซึ่งก็มีพุทธคุณไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ใช้แทนหนุมานหลวงปู่ทิมได้สบาย ประหยัดเงินได้เยอะ สำหรับพระของหลวงปู่แก้ว แทบทุกรุ่นขยับราคาขึ้นไปเรื่อยๆอย่างมั่นคง เพราะคนที่หาหลวงปู่ทิมไม่ได้ ก็จะมาเก็บหลวงปู่แก้ว เพราะได้ประจักถึงประสบการณ์ต่างๆที่คนในบ้านค่ายประสบมาครับ
    ประวัติตวามเป็นมาของหนุมานและอุปเท่ห์ในการบูชา
    หนุมานเป็นบุตรของพระพาย กับ นาวสวาหะ หนุมานนั้นมีกำเนิดมาจากเทพ มีอาวุธของพระอิศวรได้แก่ จักร สังข์ คฑา ตรีศูล เป็นอาวุธ หนุมานมีเขี้ยวแก้ว กุณฑลขนเพชร สามารถแผลงฤทธิ์แปลงกายขยายร่างให้ใหญ่โตยืดหางได้ยาวหายตัวได้อยู่ยงคงกระพันชาตรี
    หนุมานยังได้ชื่อว่า เป็นอมตะ คือไม่มีวันตาย โดนอาวุธตายพอลมพัดถูกร่างก็ฟื้นตื่นขึ้นทันที ด้วยอำนาจของพระพายนั้นเอง
    หนุมานทำอะไรก็จะประสบความสำเร็จรบกับใครก็ชนะมีเสน่ห์เมตตามหานิยมอยู่ในตัว อาวุธประจำกายคือ ตรีเพชร (สามง่าม)
    บุคลิกของหนุมานเปรียบเสมือนตัวแทนของชายหนุ่มทั่วๆไป คือ รูปงามนิสัยเจ้าชู้ และที่สำคัญยิ่งมีภรรยามาก เช่นนางสุพรรณมัจฉาทั้งคู่มีลูกด้วยกันคือ มัจฉานุซึ่งเป็นลูกผสมระหว่างลิงกับปลาตามโบราณอาจารย์ที่ มีความรู้ความเชี่ยวชาญ มักจะสร้างเครื่องรางของขลังเป็นรูปหนุมานซึ่งถือว่าเป็น ทั้งศาสตร์และศิลป์ เจ้าตำรับอภิหารเครื่องรางปลุกเสกให้มีอิทธิฤทธิ์ในด้าน คงกระพันชาตรี/เสริมดวงแก้อาถรรพณ์ต่างๆ ที่เข้ามาขัดขวางที่ทำให้การค้าไม่รุ่งไม่ดี มีราบรื่น การงานสะดุดมีแต่ปัญหาอาภัพเรื่องโชคลาภทำมาหากินไม่ คล่องติดๆ ขัดๆ เสี่ยงโชคเสี่ยงลาภไม่ขึ้น แก้ไขดวงอาภัพหนุนดวงค้ำดวงชะตา เสริมวาสนาให้เด่นทำการงานให้เจริญก้าวหน้าบังเกิดความสำเร็จในชีวิต ป้องกันเสนียดจัญไรคุณไสยมนต์ดำ ลมเพลมพัดขจัดได้หมดสิ้นครับ
    มีประสบการณ์เพื่อนๆชาวพลังจิตที่บูชาไปครับ ท่านเล่าให้ฟังว่า ท่านมีอาชีพรับซื้อผลไม้ แต่ก่อนเข้าสวนผลไม้นี้ทีไรเดินไปใหนก็ต้องระวัง "หมา" หมาดุมากๆทั้งฝุง ท่านเจ้าของสวนผลไม้เลี้ยงไว้ดูแลผลไม้ครับ พอได้บูชา "หนุมานหลวงปู่แก้ว" ไปแล้วก็ลองอารธนาดูว่าอย่าให้หมามาไกล้ ผลปรากฎว่าที่หมาเคยดุดุพอเดินไปใหนหมาฝุงนั้นที่เคยดุและกัดต่างแตกฮื "แตกกระจาย" วิ่งหนีไปหมดครับ



    พระแท้ราคาแท้ไว้ใจได้ในเรื่องพุทธคุณ

    เล่นแบบมีข้อยุติสรุปแท้ พลังชาตรี 13
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2020
  16. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    ๑๑๑ ปริศนาพระขุนแผนผงพรายกุมารที่ถูกปิดบังมานาน ๑๑๑

    เห็นขุนแผนปลอมๆมากเกินยกลิ้งมาให้ศึกษาของแท้กันครับ ว่าที่ปลอมๆเฉียบขนาดใหน !!!

    ขอบพระคุณ เว็ปอิทธิญาโณ กดลิ้งศึกษากันครับ

    หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่, อิทธิญาโณ


    เดี๋ยวนี้มีพระขุนแผนปลอม (บลีอกจุก) ออกมาเล่นซื้อขายในตลาดราคา 4.5/5.5 หมื่นกันครับ "ระวัง"<!-- google_ad_section_end -->
     
  17. allalla

    allalla สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +12
    ขอทราบ กริ่งทั้งสองรายการทาง PM ขอบคุณครับ
     
  18. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    วัตถุมงคลยอดนิยม หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ร่มโพธิ เล่มที่ 66 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2538
    โดย อาจารย์เพียรวิทย์ จารุสถิติ


    ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่โทรศัพท์ไปยังบ้านผู้เขียนพร้อมกับให้กำลังใจ บางคนถึงกับลงทุนจะไปหาผู้เขียนถึงที่บ้านด้วยตนเอง
    อย่าไปเลยครับ...ไม่ใช่ว่าจะถือตัวหรืออวดดีอะไร เพราะไปถ้าพูดคุยถึงเรื่องประวัติของหลวงปู่ก็ยินดีจะเล่าให้ฟัง แต่ถ้าไปเพื่อขอเช่าวัตถุมงคล...บอกจริงๆ นะครับว่าเวลานี้ไม่มีเลย จะมีก็แต่เฉพาะที่ใช้อยู่กับตัวเท่านั้น 8 ปีที่ผจญภัยและไปเปิดร้านจำหน่ายอยู่ที่กรุงเทพฯ ให้เช่าและแจกฟรีไปเสียส่วนมาก

    เพื่อนๆ ที่ผู้เขียนแนะนำให้เก็บหลวงปู่ทิมไว้ เดี๋ยวนี้หรือครับ...รวยกันไปหมดแล้ว บางคนก็ไปหาผู้เขียนที่บ้าน ผลหรือครับ...ไม่เคยเจอกันเลย เพราะดวงของผู้เขียนอยู่ติดที่ไม่ได้ ต้องระเหเร่รอนไปเรื่อยๆ หลังจากที่หลวงปู่ทิมเสียเสียแล้ว ก็เคยไปอยู่ที่หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ โคราช ยังจำคำพูดทีท่านพูดไว้กับผู้เขียนว่า “มาอยู่กับไหม สัก 3 ปี รับรองรวยไม่รู้เรื่อง” ถ้าเชื่อท่านป่านนี้ได้นั่งเบนซ์รุ่นใหม่ไปนานแล้ว

    วัตถุมงคลของหลวงปู่ทิม ที่ท่านได้อธิษฐานจิตไว้ทุกรุ่น ใครมีไว้เชื่อได้เลยครับว่า ชาตินี้ท่านไม่ตกอับแน่นอน ยิ่งถ้าจิตผู้ใช้บริสุทธิ์ สร้างแต่กรรมดี ท่านยิ่งชอบใหญ่ และท่านจะยิ่งช่วยเหลือยามที่เราเจอภาวะเดือดร้อน ยิ่งตอนนี้เป็นยุคไฮเทค หรือยุคโลกาภิวัตน์ ใครๆ มักจะไม่เชื่อถือทางไสยศาสตร์ แต่อย่าลืมนะว่า บรรพบุรุษของเราสมัยก่อน ปกป้องบ้านเมืองจนเราได้อยู่จนทุกวันนี้..ก็เพราะความเชื่อในด้านไสยศาสตร์เป็นพื้น

    ดังเช่น หลวงพ่อวัดฉลอง ภูเก็ต ท่านปลุกเสกผ้าประเจียดเพื่อให้คุ้มครองชาวบ้าน ไม่ให้เป็นอันตรายจากโจรอั้งยี่หรือโจรแยกดินแดน หรือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ก่อนออกศึกท่านจะต้องคาดเครื่องรางและของขลังและอาราธนาวัตถุมงคลติดตัวอยู่เสมอ..จนทำให้เมืองไทยพ้นวิกฤติการณ์..ได้เป็นเอกราชจนพวกเรามี่แผ่นดินไทยอาศัยอยู่อย่างสบายๆ ก็เพราะพระบารมีขององค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 และองค์พระสยามเทวาธิราช องค์พระพรหม องค์พระเถระคณาจารย์ที่ได้ล่วงลับ...ท่านสถิตอยู่ที่พื้นที่ไทยจึงทำให้ประเทศไทยรอดพ้นจากากรถูกต่างประเทศรุกราน..ไม่เหมือนประเทศเพื่อนบ้านรอบๆ ตัวเราที่ตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ หรือของประเทศมหาอำนาจหมด

    ผู้เขียนคิดว่าดวงวิญญาณของพระปฐมกษัตริย์หรือดวงวิญญาณของคณาจารย์ผู้ล่วงลับไปแล้ว ท่านคงจะแผ่รังสีบารมีธรรมคอยปกป้องคุ้มครองลูกหลานทุกคนที่อยู่ในเมืองไทย อย่าลืมนะครับว่า เมืองไทยเรานี้มีการปลุกเสกพระเครื่องอยู่บ่อย และในปีหนึ่งปีหนึ่งมีเป็นร้อยครั้ง เมื่อทำพิธีก็ต้องอัญเชิญเทวดา..อ่านโองการอัญเชิญเทพพรหม พระอินทร์...ท่านเหล่านี้สถิตย์อยู่บนสวรรค์ เมื่อเราทำพิธีเชิญท่าน ท่านก็ต้องมา เหมือนกับโลกมนุษย์ ถ้าเรามีการ์ดไปเชิญ คนที่ถูกเชิญก็ต้องมา ถ้าไม่มาก็ฝากคนอื่นไป

    แต่ในโลกของเทวดา ผู้เขียนเคยฟังหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และหลวงปู่บุดดา กล่าวไว้ว่า เทวดา เทพพรหม..ในสรวงสวรรค์ ท่านคอยปกป้องลูกหลานในไทยอยู่เสมอ พอเราอ่านโองการชุมนุมครูท่านก็สะดุ้งทุกที เพราะไม่เคยมีเวลาเป็นของตัวเองเหมือนกับโลกมนุษย์..เดี๋ยวคนนี้เรียก..เดี๋ยวคนนั้นเรียก..ท่านจะปฏิบัติธรรมเพื่อตนเองก็ไม่ค่อยว่าง ต้องคอยช่วยผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา

    ผู้เขียนอารัมภบทมานานแล้ว จะขอวกไปที่เรื่องราวของหลวงปู่ทิมเสียที วัตถุมงคลของหลวงปู่ทิมเวลานี้ ถ้าใครอยากได้ เวลานี้ต้องเช่าซื้อราคาแพงมากเหลือเกิน ในความรู้สึกของผู้เขียนที่เคยอยู่และรับใช้หลวงปู่ทิมมาเป็นเวลา 9 ปีทีเดียว ท่านมักจะบอกและพูดอยู่เสมอว่า “อะไรก็ได้ ถ้านับถือนี่ นี่จะช่วยเอง” ฉะนั้นจะเป็นของของท่านไม่ว่ารุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ ถ้าผู้สร้างสร้างด้วยจิตบริสุทธิ์ก็ใช้ได้ผลเช่นกัน แต่นั่นแหละครับ..บางคนก็บอกว่า ถ้าจะให้ดี ถ้าได้ผ่านมือท่าน ยิ่งดีใหญ่

    ท่านผู้อ่าน..หรือผู้ที่นับถือหลวงปู่ทิมในยุคก่อน ถ้าเคยไปวัดละหารไร่ ตอนที่หลวงปู่มีชีวิตอยู่ หลวงปู่มักจะแจก “รูปกระดาษที่มียันต์ล้อมรอบ (กระดาษสารพัดกัน)” ให้แก่ผู้ที่ไปกราบท่านและบอกว่าให้นำไปติดรถหรือติดบ้าน

    รูปกระดาษนี้ทางคุณชินพร สุขสถิตย์ ได้ย่อมาจากรูปถ่ายสีชมพูแผ่นใหญ่ จุดประสงค์ผู้สร้างต้องการให้ผู้รับนำรูปกระดาษนี้นำไปติดรถหรือพกใส่กระเป๋าไว้เพื่อป้องกันตัว เพราะยันต์ที่หลวงปู่ทิมลงในกระดาษนี้เป็นยันต์สุดยอดในด้านป้องกันตัวและแคล้วคลาด..แถมยังเป็นเมตตามหานิยม พูดง่ายๆ ว่าครอบจักรวาลทีเดียว

    เวลาผู้เขียนนวดท่านในตอนกลางคืน ท่านหยิบรูปกระดาษนี้และพูดว่า “เพียรเชื่อไหม รูปนี้มีพุทธคุณเทียบเท่าตะกรุด 1 ดอกทีเดียว” (หลวงปู่มักเรียกผู้เขียนสั้นๆ ว่าเพียร)

    สำหรับชื่อที่หลวงปู่ทิมจะเรียกลูกศิษย์ของท่านแต่ละคนนั้น ผู้เขียนจะขอบอกให้ท่านผู้อ่านได้เข้าใจ เพราะการเขียนในครั้งนี้เขียนทำคำบอกเล่าที่หลวงปู่มีชีวิต และพวกเราในยุคนี้มีชื่อทันสมัย ท่านก็เรียกชื่อยาก..ท่านจึงเรียกตามความเข้าใจของท่าน เช่น

    คุณชินพร สุขสถิตย์ หลวงปู่จะเรียกว่า “พร”
    คุณประชา ตรีพาสัย หลวงปู่จะเรียกว่า “คนขายยา” (บ้านคุณประชาเป็นร้านขายยา)
    คุณอารมณ์ ทับสุวรรณ หลวงปู่จะเรียกว่า “คนพระมาก” (คุณอารมณ์ชอบใส่พระไว้ที่คอมากๆ)
    คุณวิรัช ชำนาญณรงค์ หลวงปู่จะเรียกกว่า “จอมโวกวาก” (คุณวิรัชเวลาพูดมักจะเสียงดัง)
    คุณสุขุม แสงชูวงศ์ หลวงปู่จะเรียกว่า “คนทดน้ำ” (ทำงานเป็นหัวหน้าอยู่ที่กรมชลประทาน)
    คุณมงคล นาคแพน หลวงปู่จะเรียกว่า “ช่างทำโบสถ์” (ช่างรับเหมาทำโบสถ์)

    ซึ่งแต่ละบุคคลก็มีบทบาทและหน้าที่ไปตามความสามารถของตนเอง ถ้าผู้เขียนกล่าวถึงใครก็ขอให้ท่านผู้อ่านทราบด้วยว่าเป็นใครนะครับ
    จะกล่าวถึงความศักดิ์สิทธิ์ของรูปถ่ายกระดาษ ที่เราๆ มักจะเรียกกันว่า “รูปนะกัน” (หรือกระดาษสารพัดกัน) ตามที่ อาจารย์ดุษฎี ศิริโวหาร ได้บันทึกไว้ว่า

    เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2518 มีโจรพวกหนึ่ง 4 คน ได้เกิดดวลปืนกลมือกับตำรวจ สภ.อ.บ้านค่าย ฝ่ายโจรมีเอ็ม 16 ประจำตัว ฝ่ายตำรวจมีเพียงปืนนาโต้และคาบินเอ็ม 1 ผลปรากฏว่าฝ่ายโจรตาย 3 คนและหลบหนีไปได้ 1 คน (ภายหลังตำรวจจับได้) ฝ่ายตำรวจไม่มีใครเสียชีวิตเลยจะมีก็บาดเจ็บที่ไหล่เล็กน้อย 1 คน เนื่องจากคนร้ายยิงด้วยเอ็ม 16 กระสุนโดนโครงรถ เศษตัวถังหลุดกระเด็นไปโดนหัวไหล่บาดเจ็บเล็กน้อย

    หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเสนอข่าวพาดหัวจนดังมากในยุคนั้น สถานที่เกิดเหตุอยู่ไม่ไกลจากบ้านคุณดุษฎีเท่าไหร่นัก ดังนั้นคุณดุษฎีจึงต้องเข้าหาข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด โดยขอพบ พ.ต.ต.นูล โสมทัต ผบ.สภ.อ.บ้านค่าย (เดี๋ยวนี้ท่านเป็น พ.ต.อ.ชื่อดังมากในกรณีเพชรซาอุ) ท่านก็ได้กรุณาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า

    ขณะที่ตำรวจตำบลหนองกรับได้ทำการตรวจรถยนต์อยู่ที่ด่านหัวชวด เวลาประมาณ 22.30 น. ได้มีรถยนต์มาสด้าปิ๊คอัพสีเหลืองวิ่งผ่านด่านไป โดยไม่ยอมให้ตรวจ ตำรวจประจำด่านจึงได้ขอยืมรถยนต์อีซูซุไล่กวด พอจะทันกันห่างประมาณ 20 เมตร คนร้ายได้ยิงด้วยเอ็ม 16 รัวไปที่รถยนต์ของตำรวจหนองกรับประมาณ 20 นัด กระสุนไปโดนรถยนต์และกระจกหน้าแตกและทะลุไปโดนกระจกหลังแตก

    แต่เป็นที่มหัศจรรย์มาก กระสุนปืนไม่ถูกตำรวจที่นั่งในรถเลย มีอยู่นัดหนึ่งเท่านั้นที่โดนตัวถังรถ เหล็กฉีกกระเด็นไปโดนหัวไหล่ของ พลตำรวจบรรยง คุ้มหอม ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จากนั้นคนร้ายก็ได้หลบหนีไป

    เนื่องจากคนร้ายมีอาวุธร้ายแรง พ.ต.ต.นุล จึงวิทยุรายงานไปที่ พ.ต.ต.วิทยา สุทธิการนฤนัย ผกก. ทราบ และนำกำลังออกสกัดทุกจุดที่คิดว่าคนร้ายจะหนีไป จากนั้น พ.ต.ต. นุล โสมทัต จึงได้เตรียมอาวุธปืนเท่าที่ สภ.อ.บ้านค่ายจะมีคือ ปืนกลมือนาโต้และคาไบด์ นำกำลังตำรวจออกติดตามในคืนนั้นเอง ได้พบกับพวกโจรที่บ้านชะวึก จึงเกิดการดวลปืนกลมือกันขึ้นท่างกลางเดือนหงาย ภายในรถยนต์ปิ๊คอัพสีฟ้ายี่ห้อโตโยต้า ประจำ สภ.อ.บ้านค่าย ซึ่งมี พ.ต.ต.นูล และนายสิบตำรวจ 2 นายขับรถสวนกับคนร้าย

    ฝ่ายคนร้ายได้สาดกระสุนอย่างบ้าคลั่ง ฝ่ายตำรวจก็ตอบโต้อย่างไม่ลดละ..เสียงดังสนั่นหวั่นไหว..นับว่าเป็นศึกดวลปืนกลมืออย่างแท้จริง ผลปรากฏว่าคนร้ายตาย 3 คนบาดเจ็บและโดนจับได้ 1 คน

    จากเหตุการณ์นี้ทำให้คุณดุษฎี ศิริโวหาร อยากทราบว่าพวกคนร้ายมีพระอะไรห้อยคอบ้างและฝ่ายตำรวจใช้พระอะไร ผลลัพท์หรือครับ..ฝ่ายโจรไม่มีพระเครื่องใดๆ ทั้งสิ้น..แต่ฝ่ายตำรวจโดยเฉพาะ พ.ต.ต.นุล โสมทัต มีพระเครื่องหลวงปู่ทิมอยู่หลายองค์ที่เดียว ส่วนตำรวจที่ไปด้วยก็มีตะกรุดโทนของหลวงปู่อยู่ทุกคน

    มีข้อสังเกตอยู่ที่ว่า รถยนต์โตโยต้าสีฟ้าประจำอยู่ที่ สภ.อ.บ้านค่าย ซึ่งเป็นคันที่ผู้กองนูลนั่งและวิ่งสวนกับรถคนร้ายนั้น กระสุนของฝ่ายโจรไม่ได้โดนรถคันนี้เลย ทั้งที่คืนนั้นเป็นคืนเดือนหงายสว่างมากทีเดียว และปืนที่คนร้ายใช้ยิงก็เป็นปืนสงครามคือเอ็ม16 ที่มีความแม่นยำสูงมาก กระสุน .223 ที่มีอัตราการยิงเร็ว 600 นัดต่อนาทีและความเร็วเป็นสองเท่าของเสียง คือ 1,005 เมตรต่อวินาที การที่กระสุนไม่ถูกตำรวจและรถยนต์เลย ถ้าไม่เรียกว่าปาฏิหาริย์ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร และในรถยนต์ของผู้กองนูล มีกระดาษยันต์สารพัดกันติดอยู่แผ่นเดียว

     
  19. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    รายการที่ ๒๑.


    สำหรับท่านที่มีห้องพระห้องทำงานส่วนตัวเพิ่มบารมีพุทธคุณล้นเหลือ

    รูปภ่ายสีหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ แท้ๆขนาด 10 x7 ปี 2518

    พิธีปลุกเสกเดียวกับผ้ายันต์/กระดาษสาระพัดกัน ที่ท่านรู้จักเป็นอย่างดี
    ส่วนรูปสีขนาดใหญ่รูปนี้นั้นทำน้อยมากจึงไม่ค่อยมีใครรู้จักพูดถึงครับ ด้านหลัง หลวงปู่จะเป็นผู้ลงยันต์มหาจินดามณี
    พุทธคุณรูปภาพนี้หลวงปู่ท่านกล่าวไว้ว่า "เทียบเท่ากับตะกรุด ๑ ดอก"
    กล่าวกันว่าบ้านใดที่ใดได้มีรูปภาพนี้ไว้บูชา บ้านนั้นที่นั้นจะพบแต่ความเจริญรุ่งเรืองมากด้วยทรัพย์มีด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ไม่มีที่สิ้นสุดครับ

    ขนาดภาพพร้อมกรอบรูป 12x9.5 นิ้ว

    [​IMG]

    เครื่องรางถ้าไม่ดูง่ายหรือแท้ตาเปล่าแล้วจะไม่มีการออกบัตรรับรองครับ
    ภาพใบนี้แท้ดูง่ายหายากมากๆมาตรฐานเล่นหาพร้อมบัตรรูปแท้ครับท่าน

    [​IMG]

    ภาพตัดขยายเฉพาะรูปหลวงปู่ครับ

    [​IMG]


    ภาพนี้ถ้าดูแล้วว่าใช่แน่ๆว่าต้องเป็นสมบัติของท่าน สอบถามมาเถอะครับ

    พระไม่ดีไม่แท้ไม่นำมาลงให้ศึกษากันผิดๆครับ

    บูชาพระไม่ต้องเสี่ยงพร้อมใบเซอร์ พลังชาตรี 13

    รับประกันพระแท้ไม่มีกำหนด องค์ใหนเก็ บวกให้ 2000 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2013
  20. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    ปิดตาน้ำท่วม มรดกหลวงปู่ทิมที่น่าบูชา

    พระที่หลวงปู่ทิมตั้งใจสุดๆ ตามที่ทางคุณเพียรวิทย์เล่าให้ฟัง หลวงปูทิมท่านเอา ผงพรายออกมาจากคำภีร์ ที่ท่านนำแผนผงพรายสอดไว้ไม่แน่ใจว่าเป็นส่วนกระโหลกที่ยังไม่ได้ตำหรือเปล่า หลวงปู่ทิมที่ทำการพี มานิดแล้วใส่ลงใน ตะกั่ว มาดูครับเรื่องเมตตาและพรายคุ้มครองสุดยอดครับ พระองค์ที่แจกครับว่า พระชุดนี้หลวงปู่เป็นผู้สร้างเอง นั่งควบคุมการเทเอง และแถมยังเป็นผู้ดำริคิดสร้างเอง วัตถุมงคลชุดนี้คือ “พระปิดตาและรูปเหมือนเจริญพรรุ่นน้ำท่วม”
    กรรมวิธีการสร้างและสลับซับซ้อนอย่างไร ทำไมจึงเรียกว่า “รุ่นน้ำท่วม” ก็ขอให้ท่านลองติดตามดูนะครับ

    ย้อนหลังไปในปี พ.ศ.๒๕๑๗ ประมาณเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ได้เกิดน้ำป่าไหลทะลักลงมาท่วมอย่างฉับพลันแถว อ.บ้านค่าย อ.แกลง และทีอื่นๆ อีกมาก วัดละหารไร่ ตอนนั้นน้ำท่วมสูงถึงประมาณ ๑ คืบจะถึงพื้นกุฏิของวัด

    เวลานั้น ผม พระ เณร และช่างที่ก่อสร้างศาลาการเปรียญได้ช่วยกันเก็บของในวัดอย่างจ้าละหวั่น น้ำได้ท่วมรุนแรงและไหลเชี่ยวกรากมาก หลวงปู่ได้เดินออกมาและดูกระแสน้ำตรงหน้าต่างและเอ่ยกับผมว่า “ตั้งแต่นี่เกิดก็เห็นน้ำท่วมมากอย่างนี้เป็นครั้งที่สอง” ตัวผมติดอยู่ในวัดอยู่หลายอาทิตย์จนหัวใจหงุดหงิด ใจหนึ่งก็อยากจะลุยน้ำออกจากวัดเพื่อกลับบ้าน อีกใจหนึ่งก็เป็นห่วงหลวงปู่ น้ำได้ท่วมอยู่นานไม่มีทีท่าจะลดลง
    และอยู่ๆ คืนวันหนึ่งขณะที่ผมกำลังนวดให้ท่าน ท่านก็ปรารภกับผมว่าอยากจะทำพระสักรุ่นหนึ่งเพื่อเป็นที่ระลึกตอนน้ำท่วม ผมได้ยินเช่นนั้นจึงพูดสนับสนุนทันที เพราะทราบอยู่ในใจว่าหลวงปู่เป็นผู้ที่สร้างของยาก เมื่ออท่านเอ่ยเช่นนี้แสดงว่าพวกเราจะได้ของดีจากท่านไว้ติดตัวอย่างแน่นอน ท่านใช้ผมไปตามหลวงลุงรอด ซึ่งมีห้องอยู่ตรงข้ามห้องของหลวงปู่ เมื่อมาถึงหลวงปู่ได้ถามหลวงลุงรอดว่า ตะกั่วที่นี่ให้เก็บไว้ ให้เอาออกมาให้หมดจะทำพระไว้แจก เมื่อท่านพูดเสร็จหลวงปู่ก็ลุกไปที่ห้องท่านและเรียกผมเข้าไปด้วย หลวงปู่ใช้ให้ผมมุดเข้าไปใต้เตียงนอนตรงบริเวณหัวเตียงด้านล่างจะมีถังใบหนึ่งภายในมี ตะกั่วเป็นก้อนๆ บรรจุอยู่เต็มไปหมด ท่านให้ผมลากออกมาผมสังเกตว่า นอกจาก ตะกั่วแล้วยังมีตะกรุดเก่าๆ ที่เป็นเนื้อชินตะกั่วและตะกั่วอวนเป็นเม็ดๆ อยู่ในนั้นอีกด้วย ผมยังหยิบเก็บไว้ดูเป็นที่ระลึกดอกหนึ่งและเม็ดตะกั่วอีก ๕-๖ เม็ด สำหรับแผ่นตะกั่วที่อยู่ในห้องหลวงลุงนั้น เป็นแผ่นตะกั่วยาวๆ นิ่มอ่อน หลวงปู่ได้ใช้ให้ผมตีตะกั่วแผ่ออกเป็นแผ่น เมื่อตีจนได้ที่แล้วท่าน ก็ใช้เหล็กจารอักขระลงไปทีละแผ่น หลังจากนั้นท่านก็ให้ผมพับแผ่นตะกั่วและใช้ฆ้อนตีกลับไปกลับมาและแผ่ออกมาใหม่ และจึงใช้เหล็กจารอักขระลงไปอีก และก็ทุบกลับไปกลับมาอีก ทำเช่นนี้ตั้งหลายครั้งจนผมสงสัยจึงถามหลวงปู่ว่า หลวงปู่ ทำไมต้องทำแบบนี้ ไม่เห็นสนุกเลย ท่านตอบว่า คนโบราณเรียกว่า ลงถมต้องลงให้ครบ ๙ ครั้งถ้าได้ ๑๐๘ ครั้งยิ่งดีใหญ่ พวกเราพอได้ยินเช่นนั้นจึงได้ช่วยหลวงปู่ทำเพื่อหวังขอของดีจากหลวงปู่ในครั้งนี้

    กว่าจะลงถมเสร็จก็ใช้เวลากว่า ๓ วัน เมื่อหลวงปู่เห็นว่าดีแล้วท่านก็รวบรวมแผ่นตะกั่วทั้งหมดรวมทั้งตะกั่วเถื่อนที่อยู่ในห้องของท่าน ผมสังเกตว่าตะกั่วทุกก้อนที่อยู่ในห้องของท่านจะมีจารอักขระทุกก้อน แสดงว่าท่านได้เตรียมการมานานแล้ว แต่ยังหาโอกาสและฤกษ์ดีไม่ได้ จากนั้นท่านจึงนำตะกั่วทั้งหมดทำพิธีปลุกเสกในห้องของท่าน ๗ วัน จนถึงวันเสาร์ หลวงปู่ก็เรียกผม เณรฉ่ำ เณรลาว และช่างมงคล หลวงลุงรอด ให้มาหาและบอกว่า วันนี้ฤกษ์ดี
    เทวดารักษา จะได้ลงมือทำพระกันเสียที เมื่อท่านพูดเสร็จท่านหยิบ ขันสำริด ที่ก้นขันได้จารอักขระเต็มไปหมด ต่อจากนั้นจึงให้หลวงลุงเอาพิมพ์พระเครื่องต่างๆ มาให้ท่านดู ท่านได้เลือกดูสักพักจึงหยิบเอาพิมพ์ปิดตาและพิมพ์รูปเหมือนเจริญพร ที่ทางคุณชินพร สุขสถิตย์ ได้ถวายคืนให้วัดนำมาพิจารณาต่อ ต่อจากนั้นหลวงปู่ก็หยิบเหล็กจารจารลงไปที่พิมพ์ปิดตาและพิมพ์เจริญพร พนมมืออธิษฐานจิต ซึ่งพวกเราก็ได้แต่ดูการกระทำของท่านอยู่เงียบๆ หลังจากนั้น
    จึงตั้งไปเพื่อที่จะหลอมตะกั่ว


    แต่ก่อนที่จะทำพิธีหลอมตะกั่วนี้ หลวงปู่ได้ลุกขึ้นไปหยิบคัมภีร์ใบลานเก่าค่อยๆ เปิดทีละแผ่น หยิบวัสดุชิ้นสีขาวออกมาชิ้นหนึ่ง ซึ่งพวกเราที่อยู่ในพิธีนี้รู้ทันทีว่า “วัสดุสีขาวที่หลวงปู่หยิบออกมาคือหัวกะโหลกเด็กที่หลวงปู่นำมาทำผงพรายกุมาร ทุกครั้งที่จะมีการสร้างพระผง ท่านยกมือบริกรรมคาถาอยู่ชั่วครู่ใหญ่ จึงค่อยๆ บิหัวกะโหลกพรายกุมาร แล้วจึงใช้ค้อนทุบลงไปในแผ่นตะกั่ว เณรฉ่ำเห็นเช่นนั้นจึงถามหลวงปู่ว่า หลวงปู่ทุบหัวกะโหลกหรือ? ท่านก็เงื้อค้อนตีเณรบอกว่า กำลังตีตะกั่วอยู่ไม่เห็นหรือไง? จากนั้นท่านจึงค่อยๆ บรรจงเอาแผ่นตะกั่วชิ้นนี้วางลงไปในขันสำริดและติดไฟสุมอ่อนๆ จนแผ่นตะกั่วละลายลงไปทีละน้อย

    ในการเทครั้งนี้ เนื่องจากทุกคนยังไม่มีประสบการณ์ในด้านนี้เท่าไหร่นัก จึงเทออกมาสวยบ้างไม่สวยบ้าง หล่อติดบ้าง ไม่ติดบ้าง เนื่องจากทนไอพิษจากตะกั่วไม่ไหว หลวงปู่จึงให้ทุกคนที่อยู่ในพิธีใช้ผ้าปิดปาก ปิดจมูก เหลือไว้แต่ตาคอยดูเพื่อป้องกันไอตะกั่วระเหยออกมาอย่างรุนแรง

    แต่นั่นแหละครับ ถึงแม้จะป้องกันแค่ไหนเณรฉ่ำเข้าไปนั่งเทได้สักพักหนึ่งยังต้องออกจากพิธีเพราะทนความร้อนและพิษไอตะกั่วไม่ไหว หลวงปู่เห็นเช่นนั้นจึงให้ทุกคนค่อยๆ ถอยห่างออกไป ท่านค่อยๆ ใช้ช้อนคนตะกั่วในขันสัมริดและหยิบพิมพ์ปิดตาและพิมพ์รูปเหมือนเจริญพร ซึ่งช่างมงคลได้ใช้คีมคีบไว้กันไม่ให้ร้อนมือพอเทใส่เบ้าเสร็จท่านจึงรีบนำมาแช่น้ำมนต์ที่ท่านวางใส่ขันเตรียมไว้ข้างๆ

    พระชุดนี้เนื่องจากมีแม่พิมพ์ตัวเดียวจึงทำให้เทช้ามาก หลวงปู่กลัวว่าจะเสียฤกษ์จึงให้ช่างมงคลและหลวงลุงรอดทำการถอดพิมพ์ออกมาหลายอันเพื่อที่จะได้ช่วยกันเทให้เสร็จโดยเร็ว กว่าพวกเราจะช่วยหลวงปู่ทำพระชุดนี้เสร็จก็ใช้เวลาเกือบ ๑ เดือน เนื่องจากตะกั่วที่หลอมในครั้งนี้บางอันละลายเร็ว แต่ถ้าเป็นตะกั่วเถื่อนจะละลายช้ามาก เพราะมีขี้ตะกั่วลอยอยู่ที่ผิวเต็มไปหมดจึงลำบากมากในการเทเมื่อเทเสร็จแล้วได้พระประมาณ ๑ บาตร หลวงปู่จึงใช้ในผม เณรฉ่ำ เณรลาว ให้จารหลังปิดตาด้วยคาถาว่า
    “อิ สวา สุ” จารได้ประมาณไม่ถึงร้อยองค์ทุกคนก็เลิกจารเนื่องจากเหล็กจารนั้นติดตะกั่วเวลาจารต้องลงแรงมาก หลวงลุงรอดจึงเดินเข้าไปในห้องหลวงปู่หยิบโค้ดต่างๆ ที่คุณชินพร สุขสถิตย์ ทำถวายวัดเพื่อนำมาตอกปลัดขิกของวัดให้หลวงปู่พิจารณาดูว่าจะใช้ได้หรือไม่ เมื่อท่านดูแล้วท่านก็หยิบโค้ดตัว “เฑาะ” และโค้ด “มะอะอุ” ออกมา บอกให้เอาโค้ดตัว “เฑาะ” นี้ตอกหลังพระปิดตา โค้ด “มะอะอุ” ตอกหลังรูปเหมือนเจริญพร

    ในการเทพระชุดนี้หลวงลุงรอดได้เอาแม่พิมพ์หัวโตออกมาเทด้วย เทได้ ๕ องค์ปรากฏว่าแม่พิมพ์หัวโตที่เป็นหินมีดโกนทนความร้อนไม่ไหวถึงกับแตกหักเป็น ๒ เสี่ยงทันที และวันที่หลอมพระชุดนี้ก็ได้มีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น ถ้าไม่กล่าวถึงก็อาจขาดรสชาติในการอ่านไปบ้าง

    วันแรกที่ทำพิธีเทพระชุดนี้ ท้องฟ้าที่สว่างไสวกลับมือครึ้มลมกระโชกแรงจนทุกคนกลัวกุฏิหลวงปู่และหอฉันหลังเก่าจะพังจมลงไปในน้ำ เมฆฝนคลุมไปทั่วราวกับว่าฝนจะตกหนัก ท่ามกลางความวิตกกังวลของทุกคนที่อยู่ในวัด ถ้าฝนตกลงมาเที่ยวนี้น้ำป่าจะไหลทะลักท่วมวัดพัดกุฏิพังเป็นแน่

    ทุกคนไม่อยากคิดเช่นนั้นโดยเฉพาะผมหวาดผวาอย่างหนักเนื่องจากว่ายน้ำไม่เป็น คิดในใจว่าเราคงเอาชีวิตมาทิ้งที่วัดหลวงปู่แล้วหรือนี่

    หลวงปู่เห็นเรามีความกังวลเช่นนี้ท่านก็เอ่ยว่า ไม่ต้องกลัวๆ เขารับรู้แล้วว่าวันนี้เราจะทำอะไรกัน เมื่อทำการหลอมพระเสร็จเฉพาะวันนั้น ท้องฟ้าที่มืดครึ้มกลับสว่างไสวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลวงปู่ได้หยิบพระชุดนี้ขึ้นมาดูทีละองค์และท่าน

    สายสิญจน์ที่ล้อมรอบวัตถุมงคลในห้องไว้ในมือท่าน ท่านจะนั่งปลุกเสกและลงของในลักษณะนี้ไม่ว่าจะเป็นวันออกพรรษาหรือเข้าพรรษา ท่านทำทุกคนจนถึง ๖ โมงเช้าจึงจะลืมตาขึ้นมา หลังจากนั้นท่านจะกราบลงที่หมอน ๓ ครั้งและก็ลุกออกไปนอกห้องเดินดูอะไรต่ออะไรไปเรื่อยๆ จนถึง ๘ โมงเช้าจึงจะถึงเวลาฉันเช้า ปกติหลวงปู่จะฉันเช้าเพียงมื้อเดียว อาหารที่ฉันจะเป็นอาหารที่ปราศจากเนื้อ จะมีผักถั่วฝักยาวเป็นพื้น ซึ่งท่านจะฉันเช่นนี้เป็นประจำจนชั่วชีวิตของท่าน

    พระชุดนี้หลวงปู่ปลุกเสกอยู่ทุกคืนเป็นเวลานาน จนพระเครื่องที่มีอยู่ในบาตรเต้นระรัวกระทบกันเสมือนคั่วข้างตอกแตก มีบางองค์กระเด็นออกมานอกบาตรก็มี ผมเห็นเช่นนั้นจึงได้ขอหลวงปู่เก็บไว้ส่วนตัวจำนวนหนึ่งซึ่งท่านก็มอบให้ หลวงปู่ได้ทำการแจกพระชุดนี้ให้แก่บรรดาผู้ที่นับถือท่านนำไปใช้และที่ไปกราบท่านที่วัด ท่านจะพูดเสมอว่า

    เก็บไว้ให้ดีของนี่รักษาตัวได้ และยังทำยากอีกด้วย พระปิดตาและรูปเหมือนเจริญพร ใครมาหาท่านท่านจะใช้ผมไปหยิบในบาตรและนำมาใส่พานเล็กๆ วางไว้หน้าท่าน ท่านจะแจกไปเรื่อยๆ จนใครๆ เรียกพระชุดนี้ว่า รุ่น “แจกทาน”
    ซึ่งก็ไม่ผิดกติกาเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดจะเรียกรุ่นนี้ว่า “รุ่นน้ำท่วม”


    พระปิดตาและรูปเหมือนเจริญพรนี้สร้างขึ้นด้วยเจตนารมณ์อันดีของหลวงปู่เพื่อสงเคราะห์ญาติโยมที่ยากจน ถ้าท่านเจอและดูเป็นก็ให้เก็บไว้ใช้เถิด ผมมั่นใจว่าพระชุดนี้ต้องยอดเยี่ยมไร้เทียมทานจริงๆ มิฉะนั้นผมคงไม่เลือกแขวนและใช้ติดตัวอยู่จนทุกวันนี้หรอกครับ ไม่ใช่ว่าผมไม่มีพระเครื่องชุดอื่นของหลวงปู่ทิมนะครับ ตอนนี้ยังเหลืออยู่หลายองค์ทีเดียวแต่ที่ผมเลือกรุ่นนี้เพราะผมได้ยินหลวงปู่กล่าวว่า “พระรุ่นนี้นี่สร้างขึ้นมายาก หาฤกษ์มานาน ใครใช้จะรู้เอง แต่นี่รับรองใครมีไม่รู้จักอด มีเงินมีทองเหมือนกับน้ำที่ไหลไปที่ใดจะทำให้บ้านเรือนที่นั่นเกิดความสมบูรณ์”

    พระปิดตาและรูปเหมือนเจริญพรของหลวงปู่นี้ จัดเป็นพระชุดหนึ่งที่ท่านทำกับมือ เวลาเช่าหา ขอให้สังเกตุโค้ดที่ตอกหลังองค์พระเป็นสำคัญ ถ้าท่านจำโค้ดแม่นท่านอาจเช่าหากันในราคาไม่แพงก็ได้ เพราะเวลานี้คนที่ดูพระชุดนี้เป็นยังมีอยู่ไม่กี่คน บางคนก็ไม่เคยเห็นหน้าหลวงปู่เลยกลับตั้งเป็นผู้รู้เสียเองว่าพระนี้จะต้องมีลักษณะอย่างนี้เช่นนี้ ด้านหลังจะต้องมีรอยวนๆ อันนี้ไม่ใช่หลักสำคัญในการดูพระให้เป็นหรอกครับ เหตุที่ด้านหลังเป็นวนๆ นั้นเนื่องจากตะกั่วที่เทเป็นตะกั่วเนื้ออ่อน ถ้าเป็นตะกั่วเถื่อนหรือเป็นตะกั่วที่เป็นเนื้อชินด้านหลังจะไม่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากส่วนผสมของเนื้อตะกั่วหลายชนิดมารวมกันจึงมีความแข็งเป็นพิเศษ บางองค์จะมีสีดำ บางองค์จะมีพรายปรอทอยู่ไปทั่ว ก็แล้วแต่ส่วนผสมที่แต่ละคนเติมลงไป

    หลวงปู่ทองฤทธิ์ พระผู้เฒ่าเรืองอาคม อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าฉันทนิมิต จ. กาฬสินธุ์ ซึ่งผมและคุณชินพรได้ขึ้นไปกราบท่านที่วัด พอท่านเห็นรูปเหมือนเจริญพรรุ่นน้ำท่วมที่ผมคล้องอยู่ถึงกับขอดู พอดูเสร็จท่านก็หยิบพระขึ้นมาจบทำปากหมุบหมิบเหมือนท่านจะทำความเคารพหลวงปู่ทิมต่อหน้าผมและคุณชินพรที่มองท่านอย่างฉงนและทึ่งอยู่ในใจ ผมจึงถามท่านพระองค์นี้ดีอย่างไรครับ ? ท่านตอบว่า “องค์นี้ดีแล้วทุกอย่าง คุ้มได้ทุกอย่าง เจ้าของลงและเสกดีแล้ว”

    สมัยที่ หลวงปู่สด วัดโพธิ์แตงใต้ จ. อยุธยา ยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้อนุญาตให้ผมไปหา “ลูกแก้ว” นำมาให้ท่านอธิษฐานจิตเป็น “แก้วสารพัดนึก” ซึ่งท่านได้เมตตาอธิษฐานจิตให้ ๑ พรรษา และผมได้นำรูปเหมือนเจริญพรรุ่นน้ำท่วมให้ท่านดู พอท่านดูจบท่านตอบว่า “พระองค์นี้ดีมาก มีอานุภาพสูง ป้องกันสรรพสิ่งในโลกนี้ได้ ยิ่งอยู่กับคนที่มีศีลมีธรรมพระองค์นี้จะปรากฏความศักดิ์สิทธิ์ให้เห็นเร็ว เนื่องจากผู้ทำได้อัญเชิญเทวดาให้มารับรู้ด้วย” ซึ่งผมเองก็ไม่ทราบความหมายของประโยคหลัง แต่คิดว่าตอนหลวงปู่ทำพิธีคงจะอัญเชิญครูบาอาจารย์ เทวาอารักษ์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้มารับรู้เป็นแน่แท้ ผมเคยถามหลวงปู่ว่า คาถาเชิญครูนั้นหลวงปู่เชิญและสวดใช้บทไหน ท่านตอบว่า ถ้าอยากรู้ ๒ ทุ่มมาหานี่ นี่จะสอนให้ และคืนนั้นผมก็ได้คาถาอัญเชิญครูจากท่านจริงๆ ซึ่งจะขอกล่าวถึงให้ท่านผู้อ่านที่สนใจจดจำไว้เผื่อมีโอกาสจะได้นำออกมาใช้บ้าง

    คาถาเชิญครูของหลวงปู่ทิม ก่อนอื่นให้ตั้ง นะโม ๓ จบ และสวด หัวใจห้องพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ทำจิตใจให้หยุดนิ่ง นิ่งหยุดทั้งนอกและใน เมื่อใจเป็นสมาธิแล้วจึงสวดพระคาถาอัญเชิญครูดังนี้

    นะโม นมัสการ จะไหว้ครูบาอาจารย์ อันมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและสมเด็จพระพุทธองค์ที่มีนามว่า พระกุกกุสันโธ พระโกนาคะมะโน พระกัสสะโปพุทโธ พระศรีศากยะมุนีโคดม พระอริยะเมตไตย ตลอดจน อะ อา อิ อี เอ โอ ขอเดชพระบารมีคุณพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ จงมาช่วยปราบภูตผีปีศาจ ผีพราย ผีเปรต อสุรกายและมายาที่กระทำให้เกิดโรคโรคาโพยภัยอันตราย อาวุธทั้งหลายจงคลาดแคล้ว สรรพอันร้ายกาจ ทั้งอุบาทว์และจังไร ทั้งคุณไสย ทั้งคุณผี คุณคน หุ่นพยนต์ อาถรรพ์ต่างๆ ที่ฝังไว้อยู่กลางทาง ขอเดชพระสัพพัญญูจงมาช่วยทำลาย ให้พ่ายแพ้
    ด้วยอาคม จะอาราธนาคุณพระธรรมเจ้าทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ให้สว่างไสวดังประทีปแก้วชัชวาล สอนมวลให้พ้นทุกข์ ขอเดชคุณพระพุทธเจ้าทั้งหลายบันดาลให้หายจากสรรพสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายในสากลโลก จะอาราธนาพระสงฆ์ที่ทรงศีลอันบริสุทธิ์มาเป็นพยาน ตักเอาน้ำในสระโบกขรณีมารค จะขอชำระล้างสิ่งสารพัดชั่วร้ายทั้งชาตินี้และชาติก่อน จะขออารธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สวดพระพุทธมนต์ให้พระเกตุมารักษา สารพัดเคราะห์ สารพัดโศก เสนียดจังไร ให้ขับออกไปนอกเสมา สัพเพเทวายักขาภูติ สัพเพชะนามะหายะโส สรรพสิ่งทั้งหลายที่เลวร้ายจงพ่ายไปด้วยนะโมพุทธายะ


    ต่อจากนั้นจึงสวดคาถาเบิกแผ่นดิน เบิกสรรพทั้งหลาย ซึ่งมีใจความว่า

    “โอมเบิก มหาเบิก โอมเลิก มหาเลิก จะเบิกธรณีสารแลทวารสลัก จะเบิกสิ่งที่ขวางหน้า จะเบิกแม่พระธรณีท้าวอินทร์พรหม จะเบิกคาถามหานิทราประกอบด้วยเตโช วาโยย้อนภูตพราย หมู่ปีศาจอันมีฤทธิ์ จะเบิกเทวดาอันอยู่ชั้นฟ้า จะเบิกพระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุธ พระพฤหัสบดี พระศุกร์ พระเสาร์ พระราหู พระเกตุ จะเบิกเพชรฉลูกรรจ์ ๗ ชั้น จะเบิกแหวนลูกกัลป์ถันพิรอดและรางทางลงด้วยพระปถมังอันศักดิ์สิทธิ์เป็นประเจียด ตะกรุดพุทธจักร เลขยันต์เป็นกำแพง ๗ ชั้นกันมนตรา โอมสวาหะ สวาหาย พุทธังประสิทธิ์ ธัมมังประสิทธิ์ สังฆังประสิทธิ์”

    เมื่อทำการเบิกแล้วจึงเสกด้วยคาถาอีกบทหนึ่งว่า

    “พุทธังเทวดารักษา ธัมมังเทวดารักษา สังฆังเทวดารักษา จะห้ามไฟ ไฟก็ดับ จะห้ามดิน ดินก็แยกเป็นน้ำ จะห้ามปืน ปืนก็ยิงไม่ออกและไหลออกจากปากกระบอกเสมือนเถ้าธุลี พุทโธป้องกัน ธัมโมล้อม สังโฆกัน โธอุด ธังอัดกันสารพัดศัตราวุธ วินาศสันติ ปถมังวิเนยะ พุทธังคุ้ม ธัมมังคุ้ม สังฆังคุ้ม อิติปิโสภควา อะระหังสัมมา พุทธังอยู่ตัวข้า ธัมมังเมตตาอย่าได้ขาด สังฆังคุ้มครองปวงสรรพสิ่งทั้งหลาย พุทธัง อัปมาโน อัปมาโนป้องกัน สารพัดศัตรู อาวุธเสนียดจังไร วินาศสันติ พุทธังอาราธนานัง ธัมมังอาราธนานัง สังฆังอาราธนานัง พระพุทธะอยู่หน้า พระธัมมะอยู่หลัง พระสังฆะคุ้มครอง หังขะรัง คงกระพันธานัง อธิษฐายาจามิ”

    จากนั้นท่านจึงนั่งสมาธิส่งกระแสจิตปลุกเสกตามกรรมวิธีของท่านที่ได้ร่ำเรียนมาจากครูบาอาจารย์ ซึ่งหลวงปู่กล่าวว่า ทุกครั้งที่ทำการจะต้องกล่าวคาถาเชิญครูดังกล่าวเช่นนี้เป็นประจำ จึงจะดีและศักดิ์สิทธิ์ ผมแค่เห็นคาถาที่ท่านบอกมาให้ก็ท้อใจเสียเสียแล้ว หรือท่านผู้อ่านจะทดลองทำดูถ้าดีอย่างไรก็ช่วยบอกให้ผมทราบด้วยก็แล้วกัน

    พระชุดน้ำท่วมนี้หลวงปู่ได้ทำการแจกจ่ายให้แก่ท่านผู้ที่นับถือท่านอยู่เสมอ แม้วันที่ท่านเจ้าคุณวัดป่าประดู่ ไปนิมนต์หลวงปู่ที่วัดเพื่อให้มาเกียรติในงานวันเกิดของท่านที่วัดป่าประดู่ จ. ระยอง เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๗ หลวงปู่ยังใช้ให้ผมนำพระชุดนี้ใส่ในย่ามนำมาแจกให้แก่บรรดาศิษยานุศิษย์ที่มาแสดงมุทิตาจิตกับท่านเจ้าคุณที่วัด วันนั้นต่างแย่งกันชุลมุนวุ่นวายไปหมด พระเครื่องที่เตรียมไปไม่พอแจก และก็เป็นที่หวงแหนแก่ผู้ที่ได้รับไปในตอนนั้นเป็นอย่างยิ่ง

    หลวงปู่เคยกล่าวให้ฟังว่า ตะกั่วเถื่อนที่นี่ได้มาเป็นของดีที่เกิดเองตามธรรมชาติ เมื่อมานำทำเป็นองค์พระให้ถูกต้องตามตำราที่นี่เรียนมา จะมีอำนาจความศักดิ์สิทธิ์สูงมากเพราะตะกั่วมีกระแสการดูดซับและรับพลังจิตจากผู้เสกเข้าไปได้ง่ายและรวดเร็วมาก ซึ่งก็ตรงกับ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กทม. ได้พูดไว้เมื่อคราวที่ผมและรองศาสตรจารย์ ดร.ชวลิต นิตยะ อาจารย์สถาปัตย์จุฬาฯ ได้ไปกราบหลวงปู่โต๊ะที่วัดเพื่อขอเมตตาให้ท่านทำเบี้ยแก้ใว้ใช้ติดตัว
    ซึ่งหลวงปู่ได้สาธิตวิธีทำและบอกว่าให้หาตะกั่วมาปิดปากหอยเบี้ย เนื่องจากตะกั่วนี้มีคุณพิเศษในตัวเองสามารถรับกระแสจิตและพลังอณูที่อยู่ในโลกนี้ได้เร็วกว่าวัตถุชนิดอื่น ยิ่งเป็นตะกั่วเถื่อนยิ่งดีใหญ่ แม้กระทั่ง หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา ท่านก็เคยกล่าวให้ผมฟังเช่นกัน


    พระปิดตาและรูปเหมือนเจริญพรรุ่นน้ำท่วมนี้สร้างขึ้นด้วยความตั้งใจของหลวงปู่เอง เพื่อฝากความเป็นอมตะของพระรุ่นนี้ให้เป็นที่ประจักษ์แก่ผู้ใช้ ผมเคยนำแจก อาจารย์สุเทพ วินิชชากร อาจารย์ริ้วหว้าวิทยาคม จ.อ่างทอง ปรากฏมีประสบการณ์เกิดขึ้นกับอาจารย์สุเทพเป็นอันมาก รถกระบะของท่านได้ปะทะกับรถคันอื่น ตนเองไม่เป็นอันตรายที่คอมีพระปิดตารุ่นน้ำท่วมเพียงองค์เดียว คุณสุเทพได้นำพระชุดนี้เลี่ยมแขวนให้ลูกชาย ลูกชายถูกหมากัดไม่เข้าอีก

    เมื่อครั้งที่ หลวงปู่หล้า ตาทิพย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าตึง จ.เชียงใหม่ ยังมีชีวิตอยู่ ท่านเคยเห็นรูปเหมือนน้ำท่วมที่ผมแขวนอยู่และขอดูและพูดว่า “พระองค์นี้มีดีเหลือล้นสามารถบนขออะไรก็ได้ ถ้าได้แล้วให้ปิดทองที่องค์พระไว้จะเป็นมงคลยิ่งสำหรับผู้ที่ใช้ติดตัว”

    ผมเคยประสบอุบัติรถพลิกคว่ำที่ จ.อยุธยา เมื่อวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๓๕ รถเสียหลักปะทะกับรถอีกคันหนึ่งที่จอดอยู่ข้างทางกระเด็นตีลังกาพลิกคว่ำอยู่กลางทุ่งนา ปรากฏผมไม่เป็นอะไรเลยทุกคนในรถต่างแขวนพระปิดตารุ่นน้ำท่วมเพียงองค์เดียวกันทุกคน ส่วนผมแขวนรูปเหมือนเจริญพรและพระปิดตาน้ำท่วมอยู่อย่างละองค์ และเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๓๙ รถก็ไปพลิกคว่ำที่ จ.กาฬสินธุ์อีก ในวันนั้น ผมห้อยคอรูปเหมือนเจริญพรเนื้อชินตะกั่วรุ่นน้ำท่วมเพียงองค์เดียว อย่างงี้ไม่เรียกว่าของดีแล้วจะเรียกว่าอะไร ของจริงก็เป็นของจริงวันยังค่ำ หรือท่านว่าไม่จริง

    คุณชูชาติ รัตนเสถียร บ้านอยู่ ต.นาตาขวัญ จ.ระยอง เคยไปหาหลวงปู่ที่วัดหลายครั้ง ได้รับพระปิดตาและรูปเหมือนเจริญพรรุ่นน้ำท่วมจากหลวงปู่มาหลายองค์และก็แจกจ่ายพี่น้องของตนเองจนเกือบหมด เหลือที่คอบูชาไว้ ๒ องค์ ปรากฏว่าขับรถไปส่งเหล้าของบริษัท สุราทิพย์ จำกัด ออกต่างจังหวัดหลายครั้งหลายคราวก็ปลอดภัยทุกครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งตนเองเกิดหลับในวิ่งไปปะทะกับรถบรรทุกคันอื่นตนเองไม่ได้รับบาดเจ็บแต่คนอื่นบาดเจ็บสาหัส แถมยังมีลาภลอยอยู่เสมอจนพนักงานที่ทำงานอยู่ด้วยกันถามว่า มีอะไรดี คุณชูชาติตอบว่า มีพระปิดตาและรูปเหมือนเจริญพรรุ่นน้ำท่วมที่หลวงปู่ให้มา อาราธนาติดตัวและอธิษฐานขอลาภจากท่านเป็นประจำ ไปไหนก็สบาย มีคนมาขอเช่าต่อคุณชูชาติก็ไม่ให้แถมยังพูดว่า เงินทองพอหาได้แต่พระให้ไปแล้วไม่รู้จะไปหาที่ไหน เก็บไว้ใช้รักษาตัวดีกว่า

    พระปิดตา ในสมัยก่อนแรกๆจะไม่ค่อยมีคนสนใจเนื่องจาก มีความเชื่อกันมาก่อน เช่น มีพระปิดตาในบ้านแล้วคลอดลูกยากบ้าง มี พระปิดตา แล้วค้าขายของยาก ซึ่งเป็นความเข้าใจ ผิดๆ กันมาตลอดเลยครับจริงแล้วพระปิดตาเป็น พระเมตตามหาโชดครับ

    พระเครื่องประเภทหนึ่งที่นิยมกันมาก ด้วยพุทธลักษณะขององค์พระที่แตกต่างทั้งกรรมวิธีการส ร้าง รวมทั้งมีพุทธศิลปะ เป็นเอกลักษณ์แตกต่าง จากพระเครื่อง ประเภทอื่นๆ จนกลายเป็น ความโดดเด่น และได้รับความนิยม อย่างสูงยิ่ง ในหมู่พุทธศาสนิกชน โดยเฉพาะ วงการพระเครื่อง ซึ่งรู้จักกัน ในนาม "พระปิดตา" กับ "พระมหาอุต"


    พุทธลักษณะของพระปิดตา เป็นรูปองค์พระ ที่ค่อนข้างอวบอ้วน ยกพระหัตถ์ ขึ้นปิดพระพักตร์ บางสำนัก ก็จะทำเป็นรูปมือ เพิ่มอีก ๒ ข้าง เอื้อมไปปิดทวารด้านล่าง (วงการเรียก "โยงก้น") อีกด้วย


    ประวัติการสร้างพระปิดตาในประเทศไทยนั้น เริ่มต้นในยุคอยุธยาตอนปลาย


    การสร้างพระปิดตา เริ่มได้รับความนิยมแพร่หลายตั้งแต่ตอนต้นยุครัตนโกส ินทร์เรื่อยมา จากข้อมูลดังกล่าวอาจได้ข้อสรุปในเบื้องต้นว่า พระปิดตาทั้งหมดเป็นพระปิดตาคณาจารย์ ซึ่งหมายถึงพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณเป็นผู้จัดสร้าง ไม่ใช่เป็นพระกรุที่สร้างโดยเจ้าพระยามหากษัตริย์ และไม่มีการสร้างก่อนสมัยอยุธยาตอนปลาย


    ลักษณะเด่นของพระปิดตานั้นนับเป็นพระเครื่องที่แสดงถึง "นัย" หรือ "ปริศนาธรรม" แห่งงานพุทธศิลปะอย่างโดดเด่น ยากจะหาพระเครื่องประเภทใดเทียบเทียมได้


    ความหมายเบื้องต้นแห่งการปิดตาก็คือ การปิด "ทวาร" หรือทางเข้าทางออกแห่งอาสวะกิเลสทั้งหลาย


    ซึ่งเราชื่อกันว่าร่างกายของมนุษย์ (หรือสัตว์) มี "ทวาร" หมายถึง ประตูแห่งการเข้าออก ๙ ทาง ได้แก่ ตา ๒ จมูก ๒ หู ๒ ปาก ๑ รวมทั้ง ช่องทางขับถ่ายด้านหน้าและ ด้านหลังอีก ๒ รวมเป็น ทวารทั้ง ๙

    การปิดกั้นทวารทั้ง ๙ เป็น

    ปริศนาธรรม ที่กั้นกิเลสจากภายนอกไม่ให้เข้ามาสู่ ภายใน เพื่อจุดหมายแห่งการปฏิบัติกรรมฐาน ซึ่งโบราณาจารย์ที่สร้างพระปิดตา (หรือปิดทวาร) ในอดีตจะเป็นพระภิกษุที่ขึ้นชื่อลือเลื่องทางวิปัสสน าธุระทั้งสิ้น


    แต่การสร้างรูปจำลองในลักษณะนี้ ค่อนข้างยากต่อการออกแบบ ส่วนใหญ่จึงพบการแสดงความหมายให้เห็นเพียงการปิดพระพักตร์ ซึ่งรวมถึงการปิดปากเท่านั้น


    หากมองในแง่ความสำคัญทางการเมืองการปกครองจะพบว่า อำนาจของภิกษุสงฆ์ไม่ได้จำกัดอยู่ใน "พุทธจักร" อย่างเดียว หากแต่ยังก้าวไปถึง "อาณาจักร" อีกด้วย ตัวอย่างของบทบาทดังกล่าวจะเห็นได้ชัดในกรณี ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆัง ธนบุรี ที่สามารถเดินเข้าไปถาม เจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ถึงข่าวลือเรื่องการยึดอำนาจกลับจาก ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ และขอคำยืนยันว่าจะไม่เกิดเหตุดังกล่าว


    หรือแม้แต่การที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ จุดไต้ตอนกลางวันเข้าไปเตือนพระสติ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ล้วนแล้วแต่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของ "พุทธจักร" ที่มีต่อ "อาณาจักร" อย่างเด่นชัด

    เป็นที่น่าสังเกตว่า พระเกจิอาจารย์ที่สร้างพระปิดตาในระยะแรกๆ จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับราชสำนักไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
    ดังนั้น "พระปิดตา" อาจถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของการประกาศตนไม่ยุ่งเกี่ยวก ับ "อาณาจักร" เพื่อมิให้เกิดการถูกนำไปอ้างอิงหรือใช้เป็นเครื่อง "ชี้นำ" ในชะตาของบ้านเมือง

    - พระปิดตาทวารทั้ง ๙ อัน เป็นการปิดกั้นอาสวะกิเลสแห่งทวารเข้าออกทั้ง ๙ ของร่างกาย


    - พระปิดตามหาอุด อันเป็นการป้องกันสรรพภยันตรายทั้งหลายทั้งปวง

    ในกระบวนพระปิดตาของคณาจารย์แต่โบราณนั้น มีที่ขึ้นชื่อลือเลื่องหลายสำนักด้วยกัน วัสดุมวลสารที่นำมาประกอบเป็นองค์พระมีทั้งเนื้อชินต ะกั่ว เนื้อผงคลุกรัก เนื้อผงใบลาน เนื้อผงมวลสาร เนื้อสัมฤทธิ์ เนื้อเมฆพัด เนื้อเมฆสิทธิ์ เป็นต้น

    - พระปิดตามหาอุดหรือพระปิดทวารทั้ง 9 กันดูบ้าง ความเป็นจริงพระปิดตา ที่มีมือคู่เดียวยกขึ้นมาปิดที่ใบหน้า และพระปิดทวารทั้ง 9 นั้นก็หมายถึง


    พระภควัมปติหรือพระภควัมบดี เช่นเดียวกัน และพระมหาสังกัจจายน์ ก็คือพระอรหันต์องค์เดียวกันนั่นเองครับ


    ตามประวัติว่ากันว่าพระมหาสังกัจจายน์นั้นมีรูปร่างง ดงาม และได้รับคำชมจากพระบรมศาสดาว่า พระมหาสังกัจจายน์นั้นเป็นเอตทัคคะ และฉลาดล้ำเลิศในการอธิบายความแห่งคำที่ย่อได้อย่างพ ิสดาร ด้วยความฉลาดล้ำเลิศของพระมหาสังกัจจายน์นั่นเอง


    พระมหาสังกัจจายน์ ท่านเป็นผู้ที่มีผิวพรรณวรรณะงดงาม ตามพระบาลีว่า สุวณฺโณจวณฺณํ คือมีผิวเหลืองดังทองคำ เป็นที่เสน่ห์นิยม มิว่าท่านจะไปในสถานที่แห่งใด เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลายต่างก็พากันสรรเสริญว่า ท่านคือ พระบรมศาสดาเสด็จมาแล้ว


    เพราะเหตุที่ท่านมีรูปโฉมละม้ายเหมือนพระศาสดานั่นเอ ง ท่านจึงได้รับสมญานามอีกชื่อหนึ่งว่า “พระภควัมปติ” ซึ่งมีความหมายทำนองว่า ผู้มีความงามละม้ายเหมือน พระผู้มีพระภาคเจ้านั่นเอง


    เมื่อเหตุการณ์เป็นไปดังนี้ ท่านจึงมาคิดว่า การที่เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลายพากันสรรเสริญท่านดังน ี้ เป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง สุดท้ายท่านจึงกระทำด้วยอิทธิฤทธิ์ เนรมิตกายให้เตี้ยลงจึงดูท้องพลุ้ย ไม่เป็นที่น่าดู เทพยดาและมนุษย์จะได้ไม่เกิดความเข้าใจผิดอีกต่อไป


    ส่วนที่มีการทำ รูปเคารพเป็นรูปปิดทวารทั้ง 9 นั้น ก็คือมือคู่หนึ่งปิดหน้า คือปิดตา 2 ข้างปิดจมูก 2 ปิดปาก 1 และมีมืออีกคู่หนึ่งมาปิดที่หู 2 ข้าง ส่วนอีกมือคู่หนึ่งนั้นปิดที่ทวารทั้ง 2 รวมเป็นปิดทวารทั้งเก้า คือเป็นอุปเท่ห์หมายถึง ตอนที่พระภควัมปติท่านกำลังเข้านิโรธสมบัติ ทวารทั้งเก้าก็จะปิดสนิท ไม่ยินดียินร้ายกับกิเลสทั้งหลาย หมายถึงดับสนิท อาสวะกิเลสต่างๆ ไม่อาจที่จะเข้ามาแผ้วพานได้เลย


    จากมูลเหตุนี้เอง คณาจารย์ต่างๆ ท่านจึงสร้างรูปเคารพ เป็นรูปพระปิดตา (คือมีมือคู่เดียวมาปิดที่หน้า) บ้างเป็นรูปพระปิดทวารทั้งเก้าบ้าง และโดยส่วนใหญ่ถ้าเป็นพระปิดตาก็จะปลุกเสกให้เด่นไปท างเมตตามหานิยม โชคลาภโภคทรัพย์


    แต่ถ้าเป็นพระปิดทวารทั้ง 9 ก็จะปลุกเสกให้เด่นไปทางอยู่ยงคงกระพันชาตรีและแคล้ว คลาด พระปิดทวารทั้งเก้านั้นในสมัยโบราณ ถ้าบ้านไหนมีคนจะคลอดลูก ถึงกับต้องนำพระปิดทวารทั้งเก้าออกไปนอกบ้านเสียก่อน เชื่อกันว่าจะไม่สามารถคลอดลูกได้ก็มี ซึ่งเป็นความเชื่อกันในสมัยโบราณ


    ปริศนาธรรม ของพระปิดตา นั้นพุทธคุณเด่นในเรื่องของเมตตามหานิยมเป็นหลักครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2020

แชร์หน้านี้

Loading...