พวกชอบให้ทานหวังผลมาดูทางนี้

งงอะไรนิวรณ์ มันก็แค่ท่านสอนใหทำทานเท่านั้นเอง มีอะไรสงสัย พวกบ้าคิดมาก

 

อย่า งง นะ

นำสุขมาให้เนี่ยะ เห็นกันอยู่แล้ว เต็มตา เต็มใจ ไม่มีใคร เขา โง่
ปฏิเสธเรื่องนี้

ทานย่อมนำไปเกิดเป็นเทวดา แน่นอน

แต่ การทำทานอย่างถูกวิธี ทำให้ พ้นการกลับมาเกิด มีอยู่ พระพุทธองค์
ตรัสสอนออกมา จำแนกออกมา สดับเป็นไหม รับไหวไหม หรือ จะเอา
มือระยางล่างขึ้นมารับ

การพ้นการกลับมาเกิด เป็น สุข หรือเปล่า มีสัมมาทิฏฐิพอหรือเปล่า
เล็งเห็นได้หรือเปล่า หรือ ไปควัก มิจฉาทิฏฐิ มาเสียแล้ว

 

ไอบ้า นั้นแหล่ะความสุขที่สุด โง่อย่างนี่นี่เอง

 

กั๊กๆ

ตกลง อ่านข้อความที่ผม โพส แล้ว เข้าใจว่า ผมปฏิเสธ การทำทาน เหรอ

อ่านให้ดีๆ นะ

โดยเฉพาะคำสอนของพระพุทธองค์ ไม่ได้ มีส่วนไหน บอกเลยนะว่า

ให้ไม่ประกอบทาน

ทาน หนะต้องประกอบ แต่ วางจิตอย่างไร ตอนทำทาน อันนี้
ต้องว่ากันด้วย นัยยะปฏิบัติเข้ามา จึงเข้าใจว่า

ทำทานแบบนี้ ได้จริงๆ

แต่ คนโง่ แปรงซบ พอฟังแล้ว อ่านไม่ดี ใคร่ครวญไม่ได้
ฟังแล้วเป็น ปฏิเสธการทำทาน

โอยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

 

jittinon น่ะไม่งงหรอก แต่ผู้ร้อนตัวมันงงแทนน่ะซี้ เลยอดรนทดไม่ได้ ที่เห็นคำว่า การสั่งสมบุญ

คำว่า บุญ มีหลายประเภท ในบุญกิริยาวัตถุ10
และควรรู้จักหากสดับใน "ปุญญาภิสันทสูตร" บ้างนะ
ห้วงบุญห้วงกุศล ๘ ประการในพระอริยสาวก มีบอกไว้

จะได้หายงง

 

นาย ACKlo..แอค..จอมเสี้ยมนี่ เขาเข้าใจ..แต่ชอบ กัด..คนอื่นอยู่เรื่อย ลับปาก มั๊ง อิอิ

 

ยิ่งกว่าลูกถีบหลวงพ่อชาอีก 55555++++สับสนๆ

 

ก็ไม่เห็นจะมีอะไร พระสูตรนี้ เน้นที่ ทำบุญกับ พวกที่ ทำเจโตสมาธิ ได้
เป็น นัยยะสำคัญ

หาก เครื่องบริขาน ที่ถวายไปเป็น สังฆทาน แก่ บุคคลที่ ปรารภความเพียร
มีการประกอบ " เจโตสมาธิ " สำเร็จ ก็จะ ได้บุญมหาศาล

จึงไม่ใช่เรื่อง การสะสม แต่อย่างใด

เป็นเรื่อง จำแนก ปฏิคาหก ......

และเป็นการ ย้ำว่า ไม่ใช่เรื่อง สะสม !!!

ขอเพียง แต่ ยาเพียงเม็ดเดียว อาหารเพียงเม็ดเดียว จีวร เสนาสนะ ที่ถวายไป
แล้ว บังเอิญว่า ท่านนำไป ประกอบเพียร บำเพ็ญ สมณะธรรม แค่นี้ ก็ได้พลาสิสงค์
มหาศาล ชนิด ทำให้ คลองเต็มได้ ไม่มีวันหมด !!

แต่ ..............

ได้บุญ มหาศาล ไปแล้ว แต่ ทะลึ่ง ทำอะไร ที่ไม่เป็นไปเพื่อการ เคารพ พระพุทธ
พระธรรม พระสงฆ์ บิดเบือนคำสอน ย่ำยี พุทธบุตร ..........

บุญมากแค่ไหน ก็ชื่อว่า เป็น คนที่ ขุดตัวเอง คือ ทำให้ ทั้งหมดนั้น สูญสิ้นอันตรธานไป

 

ปุญญาภิสันทสูตรที่ ๒
[๕๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ห้วงบุญห้วงกุศล ๔ ประการนี้ นำความสุขมาให้ ให้
อารมณ์อันเลิศ มีสุขเป็นวิบาก เป็นไปเพื่อเกิดในสวรรค์ ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล
เพื่อสุขอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ห้วงบุญห้วงกุศล ๔ ประการเป็นไฉน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่น
ไหวในพระพุทธเจ้าว่า แม้เพราะเหตุนี้พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น เป็นพระอรหันต์ ตรัส
รู้เองโดยชอบ ทรงสมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึก
บุรุษที่ควรฝึกชั้นเยี่ยม เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้ตื่นแล้ว เป็นผู้มี
โชคห้วงบุญห้วงกุศลประการที่ ๑ นี้ นำความสุขมาให้ ให้อารมณ์อันเลิศ มีสุขเป็นวิบาก
เป็นไปเพื่อเกิดในสวรรค์ ย่อมเป็นไปเพื่อ ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุขอันน่าปรารถนา น่าใคร่
น่าพอใจ

อีกประการหนึ่ง อริยสาวกเป็นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระธรรมว่า
พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว อันผู้บรรลุพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียก
ให้มาดู ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชน พึงรู้ได้เฉพาะตน ห้วงบุญห้วงกุศลประการที่ ๒ นี้
นำความสุขมาให้ ให้อารมณ์อันเลิศ มีสุขเป็น วิบาก เป็นไปเพื่อเกิดในสวรรค์ย่อมเป็นไป
เพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุข อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ

อีกประการหนึ่ง อริยสาวก เป็นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวใน
พระสงฆ์ว่า พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้ปฏิบัติดี เป็นผู้ปฏิบัติตรง เป็นผู้ปฏิบัติ
เป็นธรรม เป็นผู้ปฏิบัติชอบ คือ คู่แห่งบุรุษ ๔ บุรุษบุคคล ๘ นี้คือพระสงฆ์สาวกของพระผู้มี
พระภาค เป็นผู้ควรของคำนับ เป็นผู้ควรของต้อนรับเป็นผู้ควรของทำบุญ เป็นผู้ควรทำ
อัญชลี เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ห้วงบุญห้วงกุศลประการที่ ๓ นี้ นำความ
สุขมาให้ ให้ อารมณ์อันเลิศมีสุขเป็นวิบาก เป็นไปเพื่อเกิดในสวรรค์ ย่อมเป็นไปเพื่อ
ประโยชน์เกื้อกูลเพื่อสุข อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ

อีกประการหนึ่ง อริยสาวกเป็นผู้ประกอบด้วยศีล อันพระอริยะใคร่แล้ว ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่
ด่าง ไม่พร้อยเป็นไทย อันวิญญูชนสรรเสริญ อันตัณหาและทิฐิไม่ถูกต้อง เป็นไปเพื่อสมาธิ
ห้วงบุญห้วงกุศลประการที่ ๔ นี้ นำสุขมาให้ ให้อารมณ์อันเลิศ มีสุขเป็นวิบากเป็นไปเพื่อ
เกิดในสวรรค์ ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุข อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ห้วงบุญห้วงกุศล ๔ ประการนี้แล นำความสุขมาให้ ให้
อารมณ์อันเลิศ มีสุขเป็นวิบาก เป็นไปเพื่อเกิดในสวรรค์ ย่อมเป็นไปเพื่อ
ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุข อันน่าปรารถนา น่าใคร่น่าพอใจ ฯ

ผู้ใดมีศรัทธาตั้งมั่นไม่หวั่นไหวในพระตถาคต มีศีลดีงาม
อันพระอริยะเจ้าใคร่แล้ว สรรเสริญแล้ว มีความเลื่อมใส
ใน พระสงฆ์ และมีความเห็นตรง บัณฑิตทั้งหลายกล่าวผู้
นั้นว่า เป็นคนไม่ขัดสน ชีวิตของผู้นั้นไม่เปล่า เพราะฉะนั้น
ผู้มี ปัญญา เมื่อระลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ควร ประกอบศรัทธา ศีล ความเลื่อมใส และความเห็น
ธรรมไว้ เนืองๆ เถิด ฯ

 

คนละพระสูตรกันแล้ว นิวรณ์ ในสูตรนี้ คือ มหาทาน คือ ศีล 5 ประการ
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=23&A=5079&Z=5126

 

อ้าว ท่าน คร้าบ

กระทู้นี้ มันเรื่อง ทาน การถวายทาน ถวายจตุปัจจัยไทยธรรม

ผู้หมวดหนวดจิ๋ม เล่น แหวกไปโน้น ไป ศีล5 ไปโน้น ใครจะไป
ทราบหละท่าน ว่า ท่านเล่นแหกหัวข้อกระทู้

ถึงอย่างไร

ก็ไม่ได้ ตรัสว่าเป็นเรื่องสะสม อยู่ดี

ตรัสว่า " เป็นเหตุปัจจัย " ให้ได้ " อัตภาพต่างๆ ที่เป็นกุศล " อย่างไร

พระพุทธองค์ย่อม ตรัสถึงเหตุ และ การดับไปของเหตุเหล่านั้น ใช่หรือเปล่าหละ

 

ดูตรง เป็นเหตุเป็นปัจจัย
อันนี้น่า ฟังครับ
ผมมองว่า มันอยู่ที่ขณะนั้นๆน่ะครับ
บางทีจะทำบุญมันก็แอบคิดถึงผลบุญนั้นๆ
บางที่แค่อยากทำก็เป็นกุศลแล้ว
บางทีทำแล้ว อิ่มบุญแล้ว ทุกข์มาทีหลังก็มี
มันมีเหตุมีปัจจัยอยู่ ทั้งนั้น
ให้มองก็ตรงขณะนั้นๆในการประกอบมากกว่า
สติมี สัมปชัญญะมี ก็ก่อปัญญาได้
คิดเมื่อไหร่ เป็นเรื่อง

 

มองตรงนี้ครับพี่แอค ผมเชื่อในการประกอบบุญ ผลบุญ และการสั่งสมบุญนำสุขมาให้ ทีนี้มันจะมีความเห็นปรากฏในส่วนของการสะสม ที่จำต้องทำความเข้าใจด้วย
เพราะอาจนำเกิดได้ ทั้งกุศล อกุศล อาจจะค่อนข้างละเอียดในการอธิบาย
ส่วนความเห็นมันไวรับส่วนผลได้อย่างเดียว

 

การสั่งสมบาป นำทุกข์มาให้

 

กิเลสเท่ามหาสมุทร ความเพียรเท่าฝ่ามือ

หลวงปู่มั่น พระอาจารย์ใหญ่
เทศน์สอนหลวงปู่ขาว ต่อไปว่า

“ผม แม้ในสมัยเป็นคนทำเล่นๆ ลวงๆ
ตัวเองก็ไม่เห็นด้วยกับคำพูดดูถูกศาสนา
และดูถูกตัวเองดังที่ท่านว่ามานั้น

ถ้าท่านยังเห็นว่า ตัวยังพอมีสารคุณอยู่บ้าง
ท่านลองทำตามแบบ ที่พระพุทธเจ้า
ทรงสอนไว้โดยถูกต้องดูซิ
อย่าทำตามแบบที่กิเลสพาฉุดลากไป
ทุกวี่ทุกวันทุกเวลา
แม้ขณะกำลังเข้าใจว่า ตนกำลังทำความเพียรอยู่

มรรค ผล นิพพาน
ที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ เป็นสมบัติกลาง
จะเป็นสมบัติอันพึงใจท่านในวันหนึ่งแน่นอน
โดยไม่มีคำว่ายากลำบากและสำเร็จได้ช้า
มาเป็นอุปสรรคได้เลย

ขนาดที่พวกเราทำความเพียรแบบกระดูก
จะหลุดออกจากกัน
เพราะความขี้เกียจอ่อนแออยู่เวลานี้
ผมเข้าใจว่าเหมือนคนที่แสนโง่
และแสนขี้เกียจ เอาสิ่งอันเล็กๆ น้อยๆ
เท่านิ้วมือไปเจาะภูเขาทั้งลูก
แต่หวังให้ภูเขานั้นทะลุในวันเวลาเดียว
ซึ่งเป็นที่น่าหัวเราะของท่านผู้ฉลาด
ปราดเปรื่องด้วยปัญญา
และมีความเพียรกล้าเป็นไหนๆ พวกเราลองคิดดู

เทียบกับประโยคแห่งความเพียร
ของท่านผู้เป็นศากยบุตรพุทธ
สาวกในครั้งพุทธกาลท่านแล้ว
น่าสมเพชเวทนา เหลือประมาณ

เราหวังพระนิพพาน ด้วยความเพียรเท่าฝ่ามือ
ลองคิดดู กิเลสเท่ามหาสมุทร
แต่ความเพียร เท่าฝ่ามือ
มันห่างไกลกันขนาดไหน

คนสมัยนี้ เพียงใช้ฝ่ามือแตะมหาสมุทร
ทำความเพียรเพียงเล็กน้อย
แต่หมายมั่นปั้นมือว่าจะข้ามโลกสงสาร
เมื่อไม่ได้ตามใจหวังก็หา

เรื่องตำหนิศาสนาและกาลสถานที่
ตลอดคนสมัยนั้นสมัยนี้ไม่ละอาย...”

แสดงกระทู้ - กิเลสเท่ามหาสมุทรความเพียรเท่าฝ่ามือ (หลวงปู่ขาว อนาลโย) • ลานธรรมจักร

 

ก็นั่นนะซี่

คนโง่มันก็ คิดว่าเป็นเรื่อง " สะสม " อยู่นั่น

ไอ้เรื่อง สะสม เนี่ยะ มันก็คือ " ความเพียรเพียงเล็กน้อย "
แต่หวังให้ผลนั้น หล่อเลี้ยงตัวมันถึงชาติหน้า ไม่เคยตรงต่อ
พระนิพพาน

มันจะเอา "การสะสมทาน" ไปคัดง้าง "กิเลส" ที่มีอยู่ก่อน
ไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ไปเกิดชาติใหม่ คิดว่าจะไม่มีกิเลส
มาท่วมทับเพิ่มขึ้นเหรอ

ทาน หนะให้ทำ แต่ ต้องวางจิตให้เป็น

ทำทานทิ้งเหว

ทำทานเทลงใน ห้วงแห่งบุญไปเสีย แล้วอย่าทะลึ่ง วาดฝัน ว่า
จะเอาสิ่งนี้ไปคัดง้างกิเลส ประจบพระ คิดเหรอว่า จะรอด !!

ทิ้งไปซะ ไม่ต้องไปคิดจะสะสม หรอก

มั่นใจในรัตนไตรเข้ามาตรงๆเลย เห็นลงไปเลย แค่ เงาะผลเดียว
แค่ เงินหนึ่งบาท แค่ ข้าวสุกเมล็ดเดียว เท่านั้น ก็ได้เป็น พระเจ้า
จักรพรรดิ์ได้แล้ว หัด ศรัทธาใน รัตนไตรเข้ามาตามความเป็นจริง
เสียบ้าง !!

แล้วเลิกห่วง ไปเลยว่า จะตกอับ !!!

ปลิโพธิเสีย แล้วไป ภาวนา ตรงต่อนิพพาน ไปเลย

กรณีเป็น โพธิสัตว์ เดี๋ยวธรรมมันเตือนเอง มันไม่เสีย ฮา อะไรหรอก

 

จะหาเรื่องด่า ว่างั้นเหอะ หลอกด่าผู้อื่นไปวันๆ สมกับคนบางคน เขาว่า เก้อยากจริงๆ

โรคจิตหรือป่าวว่ะ หาว่าประจบพระบ้างล่ะ บิดเบือนคำสอน ย่ำยี พุทธบุตร บ้างล่ะ
อะไรของเมิง ปรักปรำให้ร้ายป้ายสีผู้อื่นเป็นอาจิณ

หัดดูเองบ้าง ตนเองดีแค่ไหน ว่าคนนั้น คนนี้โง่ มันคงคิดว่ามันฉลาดตายล่ะ ไม่ได้ดูตนเองเล้ยย

สะสมไปนะบาป วาจาทุจริต บุญไม่รู้จักสั่งสม

เมิงคิดมากหรือป่าว การกับสั่งสมบุญนำสุขมาให้ เนี่ยะ รู้จักภาวนาซะบ้าง

รึมีนิวรณ์กับการสั่งสมบุญ เห้อๆ ตลกชิบ เป็นวักเวร

 

นิวรณ์ในตัวเมิงเองแก้ให้ได้ก่อน เรื่องการวางจิตการทำทาน ตรงนี้รู้ตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว

ทุกวันนี้เวลาทำทาน จิตมันทรงอุเบกขา

เห็นว่า คุณยังข้ามสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ เราจึงได้โพสอ้างอิงข้อความไปกับ jittinon ในโพส#20

แล้วดูสิ มันจะมีทีท่ายังไง สุดท้าย ก็เป็นวักเป็นเวร อีหรอบเดิม

คงเห็นบุญเกิดจากทำทาน อย่างเดียวล่ะมั้ง คนไม่ภาวนา

เพราะมัวแต่จมไปกับถิรสัญญา มันก็ติดกับ นิวรณ์ ในตัวมันเองซิคร้าบบ

ไอจ่าศิษย์ ยกตรงนั้นตรงนี้มาอ้าง เอาดีเข้าตัวได้ตลอด ภูมิกรรมสูงจิงจิ๊ง

 

นิวรณ์มีพระรัตนตรัย เคยตักบาตรพระสงฆ์บ้างป่าว พวกที่บอกมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตักบาตรกันบ้างเน้อ