มีใครเป็นลูกหลานเสด็จปู่พญานาคาธิบดีศรีสุทโธนาคราชบ้างครับ

พอจะรู้อดีตของตัวเองมาบ้างและก็เชื่อเต็มร้อย ของบางอย่างเป็นความรู้เฉพาะตนเจ้าค่ะ ไม่สามารถอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้เหมือนกัน หากใครศึกษาก็จะได้รับรู้เองข้อนี้เป็นจิงนะเจ้าคะ อยากทราบว่าใครมีสัมผัสที่6 เหมือนต้าบ้างเจ้าคะ ถ้ามีใครมีรบกวนช่วยเล่าให้ฟังบ้างได้ไม๊เจ้าคะ ว่าเคยพบเจอประสบการณ์ใดมาบ้าง แล้วหากมีใครท่านใดสนใจเรื่องราวประสบการณ์ของต้าๆก็ยินดีจะเล่าให้ฟังเช่นกันเจ้าค่ะ ถือเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันไง

 

เล่าสิครับคุณต้า จะได้เป็นธรรมทานแก่คนทั่วไป

 

ใช่ครับรอฟังครับ

 

รอฟังด้วยคนครับผม

 

รู้ไหมที่เ็็ห็นนะเปรตอสูรกายทั้งนั้น

 

คืออะไรหรือครับ ช่วยอธิบายให้กระจ่างหน่อยครับ ถ้ามั่นใจว่าเราบริสทธิ์ใจ ต้องกล้าพูด กล้าเปิดเผยครับ จะได้เป็นประโยชน์แก่คนทั่วไปด้วย อันจะนำประโยชน์มาสู่ตัวคุณเอง

 

มีความนัยอะไรพิเศษมั้ยครับ อยากชี้แจงแถลงไข เชิญได้ครับผม

 

ที่เ็ห็นนะเปรตอสูรกายทั้งนั้น

 

รู้ได้อย่างไรครับผม บอกผมมั่งซิ อย่าทวนคำเก่าแบบหุ่นยนต์ซิครับ

 

เห็นที่ไหนครับ

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 14 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 10 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>สิงหนวัติ, ae_di_yae, อนุรักษ์คนมีครู, raiderman


ยังรอคำตอบอยู่นะครับ
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ถูกครับคุณต้า เรื่องแบบนี้ คนที่สัมผัสได้ ส่วนมากของเก่าก็มีกันบ้าง
มันอธิบายให้คนที่ไม่เห็นเข้าใจยากนะครับ ผมก็เคย เป็นกับคนที่บ้านอะ
เค้าไม่รู้ ไม่เห็น ไปพูดไรกับเขามากก็ไม่ได้
หลังๆ ปล่อยวาง อุเบกขา สบายใจ ถ้ามีไรร้ายแรง ค่อยเรียบๆเคียงๆ
บอกกับคนที่บ้านเอา ดีที่สุด

 

อืม..ขอเล่าประเดิมแล้วกันนะคะ
คือว่าช่วงนี้เกิดอุบัติเหตุทางการเงิน หมดทางแล้ว ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ตกกลางคืนก็เลยสวดขันธปริตรแล้วอธิษฐานเลยว่า

"หากตัวลูกนี้เคยมีบุพกรรมเกี่ยวข้องกับพญานาคไม่ว่าท่านใด
ขณะนี้ลูกได้ประสบความยากลำบากถึงที่สุดแล้ว หากท่านพญานาคทั้งหลาย
ไม่ว่าจะเคยเกี่ยวข้องอย่างไรในอดีตชาติก็ตาม ขอให้ท่านจงช่วยโปรดเมตตาสงเคราะห์ลูกด้วยเถิด"
พอสวดเสร็จแปลกใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมเสียงของเราถึงทุ้มและดังขนาดนี้ ขนลุกวืบๆอีกต่างหาก

พอรุ่งขึ้นมีพี่คนนึงโอนเงินมาให้จำนวนหนึ่งโดยที่ไม่ได้ขอ ทำให้รอดตายไปได้
...โปรดใช้วิจารณญาณในการฟัง เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ
หากท่านใดไม่เชื่อ ให้คิดเสียว่าฟังนิทานเรื่องหนึ่งก็ได้ ^^

 

ความเข้าใจในเรื่องเพชรพญานาค

โดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่าเพชรพญานาคมีอยู่จริงครับ แต่น่าเสียดายที่ว่าในปัจจุบันนี้มีของปลอมระบาดเยอะมาก เลยต้องอาศัยวิจารณญาณในการตรวจสอบด้วยตนเอง ยิ่งถ้าเป็นผู้มีสติหยั่งรู้ได้ก็ยิ่งชัดขึ้นว่าไหนจริงไหนปลอม ส่วนเพชรพญานาคที่ทราบมาก็มีทั้งที่เป็นของจริง (ในทัศนะของผู้เขียน) แบบที่สองก็เป็นหินสีเจียระไนจากธรรมชาติ และประเภทที่สามก็คือเพชรรัสเซีย หรือแก้วอัดนั่นแหละครับ (ตามข้อมูลที่ได้รู้ได้ฟังมา) วัตถุธาตุทุกชนิดมีพลังอยู่ในตัวครับ หากได้เพชรพญานาคมา ไม่ว่าจะจริงหรือปลอมก็ตามทีสามารถทำให้เรายึดวัตถุธาตุนั้นๆ เป็นอารมณ์กรรมฐาน เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเราได้ก็ถือเป็นกุศลครับ แต่แนะนำมาว่าให้ดูที่มาของวัตถุธาตุครับ บางที่กว่าจะได้มาต้องไปซื้อหามา ซึ่งจริงๆแล้ว ราคาแน่นอนว่ามันต้องต่างกันแน่นอน ยกตัวอย่างเช่น เพชรพญานาคแท้ๆ อาจจะราคาสูงถึงเป็นหมื่นๆบาท เพราะหายากมาก หรือบางคนอาจได้รับมาฟรีๆจากคนที่อนุเคราะห์หรือเสด็จมาเอง ส่วนเพชรพญานาคที่เป็นหินสีเจียระไนหรือที่เป็นแก้วอัด ก็จะราคาถูกกว่า เพราะซื้อหาได้ง่าย ดูตรงนี้ครับ เพื่อจะได้ไม่ให้ผู้ที่นำมาขาย ค้าเอากำไรเกินควร และอีกอย่างก็คือ จะได้สามารถแยกแยะของจริงของปลอมได้ เวลามีผู้อื่นถามเราจะได้ไม่ต้องปดมุสา พูดไปตามตรงว่าอะไรเป็นอะไร เพราะโดยแก่นแท้แล้วจะจริงหรือปลอมไม่สำคัญ สำคัญที่การปฏิบัติครับ หากเกิดผลดีก็ถือว่าใช้ได้ทั้งนั้น

ส่วนเรื่องเพชรพญานาคที่มีผู้นำมาบอกบุญในหลายๆแห่งนะครับ ไม่ว่าจะเป็นพระสงฆ์ วัด สำนักสงฆ์หรืออื่นๆ ผมเข้าใจว่าเป็นกุศโลบายในการหาเงินมานำมาทำนุบำรุงพระศาสนา ซึ่งเป็นกรรมดี เป็นกุศล แต่ผมแค่แสดงอาการเป็นห่วงว่า ในบางครั้ง กุศโลบาย บางอย่างอาจไม่เหมาะสม เพราะอาจเกิดผลเสียตามมาภายหลังได้ เช่น การทำให้คนหลงในวัตถุธาตุมากเกินไปจนละทิ้งการปฏิบัติ การพยายามสะสมวัตถุธาตุจนเกินความจำเป็นหรือเกินความสามารถ ต้องสูญเสียเงินทองไปโดยใช่ที่ (ประเด็นนี้สำหรับคนมีเงิน ไม่เป็นห่วงครับ บริโภคเท่าไหร่แล้วแต่คุณ เพราะคุณมีอำนาจในการซื้อสูง ส่วนคนที่อยู่ในฐานะปลาณกลางลงไปนี่ซิครับ ลำบากต้องหาเลี้ยงชีพตนเอง) การที่เสียความรู้สึกหากพบความจริงในประเด็นบางอย่างหรืออาจเป็นการเข้าใจผิด รู้สึกไม่พอใจคนที่ท้วงติงเรื่องเกี่ยวกับวัตถุธาตุ การทำให้คนที่ไม่เชื่อในเพชรพญานาคเกิดความลังเลสังสัย หรือเสื่อมศรัทธาไป ด้วยเหตุที่พิสูจน์ได้ว่าเพชรพญานาคที่ตนมั่นใจว่าเป็นของจริง กลับเป็นของปลอมและอีกหลายๆประเด็น แนะนำว่า เปิดใจให้กว้าง เปิดรับข้อมูลในทุกมิติอย่างไร้อคติ ให้ใช้สติปัญญาพิจารณา เหตุและปัจจัยให้ดี สำหรับคนที่มีเพชรพญานาคอยู่ในมือแล้วก็สักการะบูชาตามความถนัด อาจใช่เป็นตัวยึดอารมณ์กรรมฐาน (เน้นปฏิบัติให้มาก -- ที่พูดแบบนี้ ไม่ใช่ว่าสักแต่พูดบอกคนอื่นนะครับ ตัวผมเองปฏิบัติอยู่ เลยแนะนำให้ทำกันให้มากๆ โดยที่ถูกต้องตามหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนา หรือถ้าจะให้ดี การเรียนพระกรรมฐานที่ถูกทางก็ควรหาอาจารย์ที่ตนคิดว่าเหมาะสมกับจริต เหมาะกาลเทศะ คือเวลาสถานที่ เพื่อจะได้ปฏิบัติอย่างถูกวิธี เหมาะแก่ภูมิธรรมของตน การปฏิบัติจะได้ถูกทาง ก้าวหน้า และเกิดประโยชน์ดีกว่าจะทำไปอย่างเดาๆ ฟังมา หรือคิดเองทำเอง ข้อผิดพลาดย่อมเกิดขึ้นได้ครับ เราต้องหาภูมิคุ้มกันไว้ก่อน นั่นคือพระอาจารย์ของเราไงครับ)

ในส่วนของการแสดงความคิดเห็นนะครับ ผมเคารพในทุกความคิดเห็นที่ทักท้วง ติติง สนับสนุน หรือถามมา สิ่งที่ผมรู้ผมก็พูดได้ สิ่งที่ไม่รู้ก็ไม่พูดครับเป็นบาป ทั้งนี้สิ่งที่หลายทั้งมวลที่กระทำไป ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะอย่างครบถ้วนครับ เป็นกรรม(การกระทำของผม) ผู้ใดประกอบกรรม ไม่ว่าดีหรือชั่ว กรรมดีชั่วนั้นจะสนองเขาเอง ไม่ต้องเป็นห่วงประเด็นนี้ แล้วอีกอย่าง ผมมั่นใจว่าคนเราหากคิดพูดทำสิ่งใดที่บริสุทธิ์ครบถ้วนด้วยอาการที่มีสติรองรับแล้ว ทำแล้วทำให้จิตใจผ่องใส โดยไม่ทำให้ผู้อื่นที่ปฏิบัติดี ปฏิชอบ ปฏิบัติตรงไม่เดือดร้อนแล้ว ก็สามารถทำได้ครับ เพราะทุกสิ่งมีเหตุผล มีเหตุมีปัจจัย การที่จะคิดพูดทำก็ให้มีเหตุปัจจัย คือมีเหตุผลกำกับอยู่ตลอด การอภิปราย โต้แย้ง ถกเถียง แสดงความเห็นก็จะยุติธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย เพราะต่างฝ่ายต่างมีเหตุผล ผู้อื่นที่เฝ้ามองอยู่จะเป็นผู้พิจารณาเองตามความสามารถของแต่ละคนที่จะพึงรับรู้ได้ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงคือการใช้อารมณ์ หรือไปคิดแทนคนอื่นในการโพสตอบกระทู้ เราต้องดูความคิดเราเองครับ ไม่มีใครจะมารู้ดีไปกว่าตัวเรา เวลาอ่านกระทู้ของคนอื่นก็อ่านอย่างมีสติพิจารณาอยู่ตลอดเวลา มีข้อท้วงติง โต้แย้ง หรือเพิ่มเติมครงไหน ก็ตอบกลับด้วยเหตุด้วยผล (อย่าทึกทักอย่างไม่มีเหตุผล)


ขอทุกท่านเจริญในธรรม ปฏิบัติบูชาเพื่อมุ่งสู่ความเป็นผู้ดำรงอยู่ด้วยอริยมรรคครับ
ข้อความนี้เป็นทัศนะของผมเอง หากมีข้อผิดพลาด หรือทำให้ใครไม่พอใจอย่างไร ต้องขออภัย และขออโหสิกรรมต่อกันไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย

 

เกี่ยวกับเรื่องแก้วมณีรัตนะ (เพ็ชรพยานาค) ตามที่ได้รู้ได้เห็นได้เข้าใจนะครับคือสมัยที่ยังไม่มีเพราะยังไม่ถึงวาระครับ
1.เพราะเหล่าผูรักษาแก้วมณีรัตนะอยากจะมีส่วนในการทำนุบำรุงพระศาสนาครับจากที่เคยปิดก็เปิดออกมาให้เหล่าลูกหลานหรือผู้มีกรรมสัมพันได้นำมาทำประโยชน์เพื่อพระศาสนา และมีบางส่วนที่เคยเป็นผู้เฝ้ารักษาแล้วได้มาเกิดในวาระปัจจุบันเพื่อทำตามสิ่งที่ท่านๆเหล่านั้นอธิฐานเอาไว้สมบัติเหล่านั้น หรือแก้วมณีรัตนะและอื่นๆก็มาตามวาระที่ต้องได้ใช้จะเห็นว่าบางคนได้มาก็ต้องแจกออกไปให้ถึงแก่แต่ละคนที่มีบุญสัมพันกับแก้วมณีรัตนะนั้นๆๆ
2.การที่เป็นห่วงมีเหล่าลูกหลานจึงอธิฐานขอให้แก้วมณีรัตนะมาช่วยคุ้มครองลูกหลานในยุคกึ่งพุทธกาลนี้หลายๆท่านคงพอจะทราบเรื่องภัยพิบัติบ้างนะครับ ก็เลยเป็นเหตุเป็นปัจจัยนะครับ
3.ผู้ที่รักษาท่านอยากโมทนาบุญกับผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในท่านเหล่านั้นก็จะนำหรือชักนำให้ได้พบกับที่เก็บของเหล่านั้นเพื่อให้ท่านได้ใช้ทำนุบำรุงพระสาสนสตามแต่ท่านเห็นสมควร

 

และในทางตรงข้ามครับมีทั้งคนดีและคนไม่ดีได้นำวัตถุที่คล้ายๆๆมาให้ท่านสาธุชนทั้งหลายได้เห็นกันในปัจจุบันนี้หละครับ
ทุกอย่างมันเป็นเรื่องปัจจัตตังนะครับรู้เห้นได้เฉพาะบุคคลแล้วแต่ละคนจะเห็นไปในแง่มุมใดก็ขอให้มีสติพิจารณากันตามกำลังบารมีครับ

 

นี่แถวๆ ท่าเสด็จมีเจดีย์ที่ถล่มลงมาหน่ะ เขากู้และอัญเชิญบางส่วนไว้ที่เจดีย์ใหม่ แต่ไม่แน่ใจว่าเขามาหรือเปล่า ใครรู้ใครมีข้อมูลบอกบ้างจิ.......เคยไปที่วัดโพธิ์ชัย ก็มีวัสดุบางอย่างให้ดูเหมือนกันพอเข้าประตูโบสถ์อยู่ด้านขวานิ.......และก็ใครสมาธิดี ช่วยดูให้หน่อยว่ากลางแม่น้ำที่เจดีย์ถล่มอยู่มีอะไรหรือเปล่า ......... เราก็ไม่รู้ อยากให้ผู้รู้ช่วยไขความกระจ่างให้หน่อย ..................... แต่เท่าที่ทราบความคือ บริเวณนั้นบางครั้งก็เกิดเป็นวังน้ำนิดๆ บางทีเรือก็ล่มบ้าง แต่รายละเอียดลึกๆๆ ไม่รู้ ช่วยไขความกระจ่างให้ด้วยครับ จากผู้รู้น้อย แต่อยากรู้ไว้เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้สอบถามต่อไปครับ สาธุ

 

เห็นด้วย กับคุณวรุณบุตร อย่างยิ่งค่ะ
อนุโมทนาค่ะ

 

ตั้งแต่ครั้งพุทธกาล พญานาคทั้งหลายส่วนใหญ่ล้วนเลื่อมใสพระพุทธศาสนา ขอเน้นว่าส่วนใหญ่...... ดั้งนั้นจึงเห็นว่า วัดวาอารามทั้งหลายจึงมักมีนาคเป็นสัญลักษณ์คู่กับนาค นาคา นาคี ทั้งหลายเสมอมา แม้งานอันใดเกิดประโยชน์แต่พระศาสนา พงศ์นาคทั้งหลายต่างช่วยเหลือ นับเป็นนิมิตที่ดีตั้งแต่ครั้งพุทธกาล.........แม้จะมีนาคมิจฉาทิฐิบ้าง แต่ไม่นานก็หันมาช่วยเหลือ ดังตอนที่พระโมคคัลลาทรงปราบนาคที่กำลังพ่นไฟพิษเมื่อครั้งพุทธกาล และในสมัยเมื่อร้อยกว่าปี (เอ๋ หรือไม่ถึง)เมื่อครั้งสานุศิษย์ของหลวงปู่มั่น ขอเรียกว่าพระอาจารย์มั่นและกัน และก็มีหลวงพ่อท่านนึงท่านสงสัยว่าน้ำในป่าแห่งหนึ่งทำไมไม่มีสัตว์มากินทั้งที่ใสสะอาด แต่กลับไม่มีร่องรอย ของสัตว์เข้ามากิน จึงกำหนดจิตเพื่อดูว่าเป็นเหตุใดจึงพบว่าน้ำในสระนั้นมีนาคมาพ่นพิษอยู่............หากกินเข้าไปอาจป่วยหรือตาย จึงไปแจ้งพระอาจารย์มั่น.......ซึ่งท่านก็กำหนดจิต แล้วก็เห็นว่าเป็นตามนั้น ท่านจึงสั่งให้คณะที่ไปร่วมฝึกธุดงค์อย่าไปดื่มน้ำ (ฉันน้ำ) ในสระนั้น และคืนนั้นเองท่านก็กำหนดจิต ไปปราบนาคมิจฉาทิฐิ นาคนั้นก็ทำให้น้ำใสสะอาดดีดังเดิม .....ซึ่งทำให้ได้ความรู้ว่าแม้แต่พระอรหันต์ท่านก็ทรงกล่าวถึงพญานาคทั้งหลาย ซึ่งนาคทั้งหลายก็ล้วนมีทั้งสัมมาทิฐิ และมิจฉาทิฐิ แต่โดนสันดานเดิมนั้นพอสอนได้ และสามารถที่จะพร้อมช่วยเหลือพระพุทธศาสนา............... ซึ่งเป็นประจักษ์มากับพระอรหันต์หลายๆ รูป ไม่ใช่ว่าผมไปประสบมาเองน่ะ ...........ตัวผมเองน่ะ โง่ดักดาน ไม่ค่อยรู้อะไรกับเขาหรอก.. เห็นว่าทางนี้มีควันอะไรจึงเดินมาดูนะครับ..... ก็อนุโมทนาบุญกับท่านทั้งหลายที่ตั้งใจปฏิบัติธรรม และช่วยเหลือพระพุทธศาสนาทุกๆ เรื่อง......เห็นดีเห็นงามกับการให้ความรู้ในแง่มุมต่างๆ เกิดประโยชน์ ..........ซึ่งทำให้เกิดเป็นพหูสูตในเบื้องหน้า ....หัวใจมีอะไรน่ะ สุ จิ ปุ ลิ...... ช่วงนี้ก็อยู่ในช่วง สุ ฟัง จิ คิด ปุ ถาม แต่อย่าพึ่ง ลิ เลย เราต้องกระจ่างๆๆ ก่อนค่อย ลิ กัน......... ลิ นี้คือลิขิต หรือเปล่า แปลว่าเขียน จารมันลงไป ทางภาษาท่านว่าเป็นหลักฐานเอกสารแล้ว..........นี่ เป็นซะดังนี้ ดังนั้น การใช้ สุ จิ ปุ ลิ ต้องใช้ สติสัมปะชัญญะ ......... สติ เป็นตัวรู้ สัมปะชัญญะ นี่เกิดจากปัญญา ปัญญาอันนี้ต้องใช้ สติเป็นตัวตั้ง ปัญญามิใช่สักแต่อ่านแต่ดู จะต้องตรึกตรอง ใช้ปัญญาทางโลกและทางธรรมให้ดี........มิฉะนั้น เราจะเป็นเหมือนพวกพราห์ณ ในครั้งพุทธกาลที่เถียงกันว่า เรื่องใดคือมงคล โอ้ นานมากๆๆๆๆ จนพระพุทธเจ้าท่านได้รับการไหว้วานจากท่านเศรษฐี และเหล่าทวยเทพพรหมเทวดา ว่ามงคลคืออะไร.... เอ๋ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าจริงหรือเท็จ..........ก็ต้องอ่านก่อน ศึกษาก่อน ศึกษาให้มากๆๆ เอากันให้ตายไปข้าง เอาคำถามมาถามครูบาอาจารย์ อันนี้แนะน้ำว่าทางธรรมต้อง ถามพระอริยเจ้า.........หาที่เป็นปฎิสัมภิทาญานแท้ๆ ได้ยิ่งดี ..........ให้ท่านช่วยแนะนำ...เสียดายหลวงพ่อฤาษีท่านก็เสียไปแล้ว หลวงพ่อที่เกาะสีชังท่านก็พึ่งเสีย หลวงตามหาบัวท่านเราก็เข้าถึงยาก.........เอาเป็นว่า หากันเอาเอง เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว นั่งทำสมาธิน่ะจ๊ะ ทำสมาธิ ขึ้นไปเรื่อย ๆ จากขณิกะ เข้าสู่อุปจาระ เข้าณาน ไล่ไปเลย ไปตั้งแต่ 1 เรียงไปถึงสี่ ไล่ลงมาจากสี่มาถึงหนึ่ง (อย่าพึ่งไปติดอารมณ์สบาย) ไล่จาก 1 ไปถึงสี่อีกครั้ง จนกระทั่งจิตสงัดจนตัวปัญญาเกิด ไม่เอาตามตำราน่ะ เพราะจริง ๆ การใช่มโนยิทธิ นี่สมัยก่อนท่านใช้ ณาน 4 เต็มกำลัง มันถึงจะเฝือน้อย แต่หลวงพ่อท่านสงสาร เห็นฝึกกันมาต้องนานนับหัวได้ จึงให้ใช้แบบเด็กเล่นกันเอาอุปจาระก็พอ แต่ถ้าจะหาความรู้กันจริงๆ ให้ใช้ ญาณ (แม้ไอ้คำว่า ณาน ยาน ญาน มันพิมพ์ยากจังหนอ เอาเป็นว่าผิดก็ขออภัยน่ะจ๊ะ) แล้วกำหนดวาระจิต ต่อไป ตามตัวปัญญาน่ะ เอาให้มันกระจ่างและฝากมาบอกคนอื่นด้วยน่ะ...................... อย่าเล่นเลยไป อรูป ญาณ น่ะ มันจะว่างจนไม่รู้อะไรเลย มันว่างแบบไม่มีรูป เอาไว้เข้าคนเดียวไม่เอาความรู้ ใครไปเจอหลวงปู่ หลวงพ่อ และพระอาจารย์และได้คำถามอย่างไรก็ ฝาก Say Hello หลวงปู่ หลวงพ่อด้วยน่ะ ว่า ศิษย์ดื้อ ๆๆ โง่ๆๆ ดักดาน ฝากมากราบขอขมาและขอโทษ ที่อ่านต้องเยอะแล้วยังไม่มีอะไรดีขึ้นเลย วันๆ ก็ยังโง่วนเวียนอยู่ในวัฎฎะ พอเมตตาเข้า ก็กลายเป็นทุกข์ ทุกที ก็ฝากขอขมาด้วย โดยส่วนตัว ยังโง่ ปฏิบัติไม่ได้อะไรเลย..........วันๆ ก็ได้แต่มองหน้าพระพุทธ ได้แต่นึกถึงความดีของพระบรมโลกเชษฎอันหาประมาณไม่ได้ ... ที่ได้ส่งสั่งสอนพระธรรมให้เหล่าเวไนยสัตว์ ทั้งที่ก็มีสัตว์โง่เขลา สอนเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง โง่หาที่ประมาณไม่ได้ ท่านก็ยังเมตตาสอน เพราะท่านเห็นว่า บัวนั้นยังมีสี่เหล่า ตามที่ พรหมท่านหนึ่งท่านทรงขอให้โปรดสอนเหล่าเวไนยสัตว์ อือ.........ซึ้งจังเลยเวลานึกถึงพระพุทธองค์ ..........วันๆ ได้แค่นี้ ปัญญาไม่ค่อยมี.....น้อยใจในความโง่ของตัวเอง.........เมื่อก่อนเคย โง่ เดี๋ยวนี้ก็ยังยิ่งโง่ ดีที่พระพุทธท่านเมตตา ไม่งั้นนู่น ได้ไปเที่ยวโลกันต์นานแล้ว สงสัยเลยพระศรีอารย์แน่ เป็น หลังอานแทน ก็ฝากสอบถามหลายๆ เรื่องด้วยหล่ะกัน ครับ......................... ได้ปัญญามากๆๆ ที่ได้ฟังเยอะ ๆ อ่านเยอะๆ .....แต่ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้นเลยครับ ความอยาก กิเลศ มันสุมเป็นเขาพระสุเมรุ ลูกใหญ่ ไม่รู้เพราะความโง่นี้ จะต้องไปเกิดอีกกี่อสงไขยกันหนอเรา.......... เฮ้อ อ้าวข้ามทุ่งไปซะไกล ขอโทษๆๆๆๆ เอาเป็นว่า ใครมีความรู้ก็ช่วยเล่าสู่กันฟังด้วยครับ .....จะได้เก็บเป็นวิทยาทานไว้ช่วยเหลือผู้คนต่อไป

จาก ไส้เดือนดินน้อยๆ ตัวหนึ่งจ๊ะ

 

ยินดีครับ