รวมจิตอย่างไรจึงเหมาะกับผู้ปฏิบัติที่กำลังจิตแตก?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สันโดษ, 25 เมษายน 2009.

  1. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [​IMG]



    สันโดษมีปัญหาตอนนี้ คือ กลัวจิตตนเอง หรือ กำลังเกิดภาวะจิตวิปลาส อยู่ คือ ร่างกายมัวเเต่พะวงเรื่องของจิตตนเอง จนไม่สามารถที่จะทำอะไรได้

    มีความกลัว เหนื่อย ระเเวง และมีความคิดอยากตายเพียงอย่างเดียว ภาวะที่ว่า น่ากลัวกว่าภาวะอื่นๆที่เกิดกับตัวเอง เมื่อวานจึงไปหา หมอที่ รพ. สมเด็จเจ้าพระยา

    วิธีเเก้ก็คือ การทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้ จิตสงบ เเละวิธีที่ดีที่สุด คือ การนอนหลับ สำหรับตนเองตอนนี้ วิธีนี้คือ วิธีที่ดีที่สุด

    รองลงมาก็ คือ การฟังเพลง ให้จิตที่ว่างมี ความคิด เป็นเพลง เเละวันนี้ก็ กำลังเปิดเพลงฟังเพลงให้ดังๆอยู่ค่ะ

    เเละพยายามผ่านมันไปให้ได้ ทีละนิด เเละ หวังว่า จิตจะเป็นปกติในไม่ช้า เพราะตอนนี้มันทำยากมากเลยคะ



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2009
  2. tirajung

    tirajung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +118
    เป็นกำลังใจให้ค่ะ
     
  3. Starpegasus

    Starpegasus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +826
    ลองคุยกับคนที่จิตนิ่งๆ (คนที่ไม่ค่อยส่งจิตออกนอก) เช่น ฆราวาสนักปฎิบัติดูมั้ย ให้เค้าแนะนำอีกทางหนึ่งน่าจะดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2009
  4. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ก็พยายามอยู่ในที่ๆ มีคนจิตนิ่งๆอยู่ เช่น เว็บพลังจิตนะคะ

    รู้สึกว่า เวลาอยู่กับ คนที่จิตไม่สงบเราก็ไม่สบายใจไปด้วย จิตวิตก เพราะว่า ข้างในเราว่าง

    ขอบคุณนะคะ จะพยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ เมื่อเช้าก็ออกกำลังกาย ตอนนี้ก็นั่งดูเว็บไซด์ไปเรื่อยๆ
     
  5. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870




    นักจิตวิทยาพบว่า การทำสวนเป็นงานอดิเรกที่จะช่วยให้คนเราหลุดออกจากเรื่องที่หมกมุ่นครุ่นคิด สร้างคุณค่าให้กับตัวเอง โดยจะได้ความรู้สึกที่ดีเป็นรางวัลกลับมาหางานอดิเรก ...

    หลังจากอกสั่นขวัญหายไปในเหตุการณ์ สงกรานต์ เลือด ที่ผ่านมา ประกอบกับข่าวเศรษฐกิจชะลอตัวต่อ เนื่อง คงต้องยอมรับกันว่าตอนนี้สุขภาพจิตของหลายคนอาจอยู่ในสภาพไม่ค่อยปกตินัก

    ความกลัดกลุ้มใจ จิตตก เหงาเศร้า รู้หรือเปล่าว่าเรื่องเหล่านี้แก้ได้ด้วยมือและใจของเราเอง อย่าปล่อยให้ สถานการณ์ลากจูงให้ดิ่งลงเหวมากไปกว่านี้

    ลองมาดูกันว่าเราจะเริ่มต้นทำอะไรกันได้บ้าง เพื่อออกไปจากความเศร้าและข่าวร้ายเหล่านั้น

    แรกสุด ลองหันมาจับจอบจับเสียม ทำสวนกันดีกว่า นักจิตวิทยาคลินิก ดร.เดวิด ฮาร์เปอร์ จากมหาวิทยาลัยอีสท์ลอนดอน บอกกับเว็บไซต์บีบีซี

    ว่าการทำสวนเป็นงานอดิเรกที่จะช่วยให้คนเราหลุดออกจากเรื่องที่หมกมุ่นครุ่นคิดอยู่ แล้วหันไปโฟกัสกับเรื่องการปลูกต้นไม้ที่ต้องการการเอาใจใส่ ดูแลแทน

    และธรรมชาตินอกบ้านก็จะเป็นประโยชน์กับตัวเราด้วย

    หรือว่าจะ ออกกำลังกาย กันดี ไม่ว่าจะว่ายน้ำ เล่นแบดมินตัน ออกแรงเดินปีนเขา ได้ทั้งนั้น เพราะการออกกำลังเป็นประโยชน์ต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ

    สำหรับคนที่ชอบกิน ลองหันมาเข้าครัว ทำกับข้าวกินเอง เพราะว่าการทำกับข้าวกินเองจะทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า มีความเป็นอิสระขึ้น

    การมีสัตว์เลี้ยงก็มีส่วนช่วยปลอบประโลม คนเราได้ ลองเลี้ยงสุนัขหรือแมวไว้ลูบเนื้อลูบตัวเล่นสักตัวสองตัว ดร.เดวิด ฮาร์เปอร์

    บอกถึงประโยชน์ของสัตว์เลี้ยงว่าพวกมันจะช่วยให้คนรู้สึกว่าโลกนี้ยังมีสิ่งอื่นนอกจากตัวเอง ที่จะให้ความรักความเมตตา

    อันเป็นความปรารถนาพื้นฐานของมนุษย์ที่อยากจะเป็นผู้ให้ และเมื่อได้ทำเช่นนั้นแล้วเราก็จะได้ความรู้สึกที่ดีเป็นรางวัลกลับมาหางานอดิเรก

    ที่สามารถทำได้ตลอดชีวิต สำหรับคนโตๆ แล้ว อาจจะลองนึกดูว่าเคยชอบงานอดิเรกอะไรตอนเด็ก ลองเลือกทำดู ความสนุกสนานจะได้กลับมาสู่ชีวิตอีกครั้ง

    สำหรับคนที่มีเวลาเหลืออยู่บ้าง การเป็น อาสาสมัคร ก็เป็นเรื่องที่มีประโยชน์ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น ที่ สำคัญทำให้ตัวเองรู้สึกมีคุณค่า

    ไม่จ่อมจมอยู่กับความรู้สึกซึมเศร้าและข่าวร้ายที่รุมเร้าตลอดเวลา.


    -cool day-


    ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2009
  6. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    แก้วิปลาส”...



    พระอาจารย์เทสก์ เทสรังสีได้นิพนธ์หนังสือเล่มเล็กเรื่อง โมกขุบายวิธี มีความตอนว่าด้วย “แก้วิปลาส” อย่างน่าพิจารณายิ่ง

    “อาจารย์ผู้สอนก็ดี ลูกศิษย์ผู้เจริญภาวนาก็ดี เมื่อเข้าใจวิถีจิตที่เข้าเป็นฌาณแล้ว จงระวังอุปกิเลส ๑๐

    จะเกิดขึ้น ถ้าจิตเข้าถึงฌาณแล้วอุปกิเลสไม่ทั้งหมดก็อย่างใดอย่างหนึ่งจะต้องเกิดขึ้น

    สำหรับนิสัยของคนบางคน แต่บางคนไม่มีเลย”

    พร้อมกันนี้ พระอาจารย์เทสก์ได้เสนอแนะวิธีให้อย่างละเอียด ดังต่อไปนี้…เมื่ออุปกิเลสเกิดขึ้นแล้วพึงทำความรู้เท่าทัน

    นี่อุปกิเลสเป็นอุปสรรคแก่วิปัสสนาปัญญาและอุปกิเลสนี้เกิดจากฌาณหาใช่อริยมรรคไม่

    ถึงแม้วิปัสสนาญาณ ๙ เบื้องต้นก็เช่นเดียวกัน อย่าได้น้อมจิตส่งไปตามด้วยเข้าใจว่าเป็นของจริงแท้

    พึงเข้าใจว่านั่นเป็นแต่เพียงภาพอันเกิดจากมโนสังขาร คือจิตปรุงแต่งขึ้นด้วยอำนาจของสังขารเท่านั้น

    พึงหยิบยกเอาพระไตรลักษณญาณขึ้นมาตัดสินว่า อุปกิลสทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะฌาณ

    ฌาณก็เป็นโลกียะ อุปกิเลสก็เป็นโลกียะ โลกียะ ทั้งหลายเป็นของไม่เที่ยง สิ่งที่ไม่เที่ยงแท้ถาวรนั้นแหละเป็นทุกข์

    เพราะทนต่อความเที่ยงแท้ถาวรไม่ได้แล้วก็แตกสลายดับไปตามสภาพของมันเอง

    ซึ่งไม่มีใครจะมีอำนาจห้ามปรามไม่ให้มันเป็นเช่นนั้นได้ ซึ่งเรียกว่า อนัตตา

    เมื่อยกเอาพระไตรลักษณญาณขึ้นมาตัดสิน ถ้าจิตเกิดปัญญาน้อมลงเห็นไตรลักษณะแล้ว

    จิตก็จะถอนออกจากอุปาทานที่เข้าไปยึดอุปกิเลสนั้น แล้วจะเกิดปัญญญาณเดินตามทางอริยมรรคได้เป็นอย่างดี

    เมื่อรู้เท่าทันแลเห็นโทษอย่างนั้น....

    จงคอยระวังจิต อย่าให้จิตน้อมเข้าสู่ความสุขเอกัคคตารวมเป็นหนึ่งได้

    และอย่ายึดอารมณ์ใด ๆ อันเป็นความสุขภายในของใจ


    แล้วจงเปลี่ยนอิริยาบถ ๔ ให้เสมอ อย่ารวมอินทรีย์อันเป็นเหตุจะให้จิตรวม แต่ให้มีการงานทำ

    เพื่อให้มันลืมอารมณ์ความสุขสงบเสีย แต่ถ้าจิตรวมลงไปจนเกิดวิปลาสขึ้นมาแล้ว

    จิตเข้าไปยึดถือจนแน่นแฟ้นจนสำคัญตัวว่าเป็นผู้วิเศษไปต่าง ๆ นานา

    มีทิฐิดื้อรั้นไม่ยอมฟังเสียงใคร ๆ ทั้งหมด

    เมื่อเข้าถึงขั้นนี้แล้วก็ยากที่จะแก้ตัวเองได้ ถึงแม้อาจารย์หากไม่ชำนาญรู้จักปมด้อยของศิษย์

    หรือเคยผ่านเช่นนี้มาก่อนแล้วก็ยากที่จะแก้เขาได้

    ฉะนั้น จึงควรใช้วิธีสุดท้ายคือ ใช้วิธีขู่ขนาบให้กลัว หรือให้เกิดความโกรธอย่างสุดขีดจนตั้งตัวไม่ติดยิ่งดี

    แต่ให้ระวังอย่าให้หนีได้ ถ้าหนีไปแล้วจะไม่มีหนทางแก้ไขเลย เมื่อหายจากวิปลาสแล้วจึงทำให้เข้าใจกันใหม่

    วิธีสุดท้ายนี้โดยมากมักใช้กับผู้ที่ติดในภาพนิมิตได้ผลดีเลิศ

    ผู้ที่หลงติดในภาพนิมิตมีหัวรุนแรงกว่าความเห็นวิปลาส

    ฉะนั้น วิธีแก้จึงไม่ค่อยผิดแผกกันนัก



    [​IMG]

    หลวงปู่เทสก์ เทสฺรํสี
    วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย

    ที่มา : เรื่องหลวงปู่เทสก์ โดย นามกาย

    หมายเหตุ - พระราชวรมุนี(ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ให้นิยามความหมายของ “วิปลาส” ไว้ในหน้า ๒๗๖ หนังสือ พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ว่า

    “กิริยาที่ถือโดยอาการวิปริตผิดจากความเป็นจริงความเห็นหรือเข้าใจคลาดเคลื่อนจากสภาพที่เป็นจริง”

    และในพุทธธรรม ฉบับปรับปรุงและขยายความ(๒๕๒๙) ว่า...


    คือความรู้คลาดเคลื่อน ความรู้ที่ผันแปรผิดพลาดจากความเป็นจริง หมายถึงความรู้คลาดเคลื่อนขั้นพื้นฐานที่นำไปสู่ความเข้าใจผิด

    หลงผิด การลวงตัวเอง วางใจวางท่าทีประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง ต่อโลก ต่อชีวิตต่อสิ่งทั้งหลายทั้งปวง และเป็นเครื่องกีดกั้นขัดขวางบังตาไม่ให้มองเห็นสัจจะภาวะ


    ---------
    ขอขอบคุณที่มาของข้อมูล:เครือข่ายธรรมะศรัทธา
    http://www.igetweb.com/www/dhammasat...o=3&art=217073<!-- google_ad_section_end -->
     
  7. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    จงคอยระวังจิต อย่าให้จิตน้อมเข้าสู่ความสุขเอกัคคตารวมเป็นหนึ่งได้

    และอย่ายึดอารมณ์ใด ๆ อันเป็นความสุขภายในของใจ

    แล้วจงเปลี่ยนอิริยาบถ ๔ ให้เสมอ อย่ารวมอินทรีย์อันเป็นเหตุจะให้จิตรวม แต่ให้มีการงานทำ


    เเสดงว่า "เราต้องหาอะไรทำไปเรื่อยๆ อย่าอยู่ที่ไหนนานๆ อย่าให้จิตเป็นสมาธิอยู่ข้างในไปหาอะไรอย่างอื่นที่ไม่ซ้ำซาก"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2009
  8. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ให้มันลืมอารมณ์ความสุขสงบเสีย แต่ถ้าจิตรวมลงไปจนเกิดวิปลาสขึ้นมาแล้ว

    จิตเข้าไปยึดถือจนแน่นแฟ้นจนสำคัญตัวว่าเป็นผู้วิเศษไปต่าง ๆ นานา

    มีทิฐิดื้อรั้นไม่ยอมฟังเสียงใคร ๆ ทั้งหมด


    ถ้าอย่างนั้นหมายความว่า "อย่าอยู่คนเดียวเวลาที่จิตเเตกให้อยู่ที่มีเสียงดังๆ คนอยู่เยอะๆให้วุ่นวายภายนอก"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2009
  9. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    วิธีสุดท้ายคือ ใช้วิธีขู่ขนาบให้กลัว หรือให้เกิดความโกรธอย่างสุดขีดจนตั้งตัวไม่ติดยิ่งดี

    แต่ให้ระวังอย่าให้หนีได้ ถ้าหนีไปแล้วจะไม่มีหนทางแก้ไขเลย เมื่อหายจากวิปลาสแล้วจึงทำให้เข้าใจกันใหม่

    วิธีสุดท้ายนี้โดยมากมักใช้กับผู้ที่ติดในภาพนิมิตได้ผลดีเลิศ ผู้ที่หลงติดในภาพนิมิตมีหัวรุนแรงกว่าความเห็นวิปลาส

    ฉะนั้น วิธีแก้จึงไม่ค่อยผิดแผกกันนัก


    "ให้คิดเรื่องของคนอื่นที่ทำให้วิตก เเทน วิตกเรื่องของจิตตนเอง ช่วยได้"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2009
  10. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    คือความรู้คลาดเคลื่อน ความรู้ที่ผันแปรผิดพลาดจากความเป็นจริง หมายถึงความรู้คลาดเคลื่อนขั้นพื้นฐานที่นำไปสู่ความเข้าใจผิด

    หลงผิด การลวงตัวเอง วางใจวางท่าทีประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง ต่อโลก ต่อชีวิตต่อสิ่งทั้งหลายทั้งปวง และเป็นเครื่องกีดกั้นขัดขวางบังตาไม่ให้มองเห็นสัจจะภาวะ


    "ให้เข้าใจโลกอย่างที่เป็น ไม่ใช่เข้าใจอย่างที่จิตบอก เป็นอย่างไร คือ เช่นนั้น"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2009
  11. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    วิธีแก้จิตวิปลาส

    ปุจฉา-วิสัชนาธรรม โดย หลวงปู่หลวง กตปุญโญ

    ศิษย์ : หนูไปกราบหลวงตาแตงอ่อนอยู่ดีๆท่านก็พูดเรื่องจิตวิปลาสค่ะหนูยังไม่ได้เล่าอะไรเลยค่ะหนูตกใจเลยค่ะแสดงว่าหลวงปู่ท่านรู้

    หลวงปู่ : รู้ก่ะ

    ศิษย์ : แล้วหนูหายหรือยังคะหลวงปู่ตอนนี้หนูนั่งภาวนาได้ไหมคะ

    หลวงปู่ : ได้

    ศิษย์ : ได้เหรอคะกลัวว่ามันจะกลับมาอีกน่ะค่ะหลวงปู่

    หลวงปู่ : ภาวนาเผาเจ้าของเลยนั่งภาวนาเผาเจ้าของเลย

    ศิษย์ : นั่งเผาเจ้าของนั่งอย่างไรคะหลวงปู่

    หลวงปู่ : นั่งกำหนดตายก็เผาเลยก่อกองไฟเผาเลย

    ศิษย์ : คือให้กำหนดว่าไฟเผาเหรอคะ

    หลวงปู่ : กำหนดตายก่อนตายแล้วก็กำหนดก่อกองไฟเผาเป็นขี้เถ้าไปเลยให้หมดเลย

    ศิษย์ : อ๋อมีพี่คนนึ่งเขาไปนั่งภาวนาที่ภูทอกแล้วเขาเห็นตัวเองไฟลุกท่วมเลยเผาตัวเอง

    หลวงปู่ : อืมภาวนาเผาเจ้าของเผากิเลสนั่นแหละมันมีตนมีตัวก็ติดอยู่นั่นแหละเผามันเลย

    ศิษย์ : หลวงปู่น่ะเมตตาพวกหนูมากหนูทราบหลวงปู่เมตตาอยากให้พวกหนูมีปัญญาพ้นทุกข์หนูรู้ทุกอย่างค่ะแต่หนูโง่หนูไปไม่ได้

    หลวงปู่ : ท่านเปรียบอย่างนี้ท่านเปรียบเหมือนว่าเราเปรียบเหมือนป่าป่าหนามด้วยป่าหนามน่ะต้องฟันฟันป่านั่นลงไปแล้วก็ยังไปไม่ได้เอาไฟเผาไปได้สบาย

    ศิษย์ : อ๋อคือมันติดอยู่ในรูปร่างกายอยู่ใช่ไหมคะ

    หลวงปู่ : นั่นแหละติดร้อยเปอร์เซ็นต์นั่นแหละ

    ศิษย์ : แล้วถ้าเราไปนั่งกำหนดไปนั่งคิดอย่างนี้มันได้หรือคะหลวงปู่หรือว่ามันจะเกิดจะเห็นเองหรือคะนั่งแล้วมันเห็นตัวเองเผาหรือว่าต้องไปนั่งกำหนดคะ

    หลวงปู่ : กำหนดเผานึกเอาเลยแหละ

    ศิษย์ : นึกเอาเลยหรือคะ

    หลวงปู่ : วิปัสสนึกนั่นแหละ

    ศิษย์ : แล้วมันจะสงบหรือคะหลวงปู่

    หลวงปู่ : สงบไม่สงบก็ช่างเผามันเลยมันสงบอยู่ในตัวนั่นแหละปัญญาอยู่ในตัวสมาธิอยู่ในตัวนั่นแหละมันก็เผาเท่านั้นแล้วท่านอาจารย์มั่นท่านเคยขึ้นเทศน์เผามันเลยบ่ให้มีตัวรู้มันมีอำนาจน่ะท่านเปรียบเหมือนว่าเราเปรียบเหมือนป่าป่าหนามน่ะหนามทำอย่างไรจึงจะไปได้มันต้องฟันฟันลงฟันลงฟันลงก็ยังเดินไม่ได้ติดหนามปักอีกไฟเผาล่ะบัดนี้เผาลงโอ๊ยไปได้สบายล่ะบัดนี้

    ศิษย์ : คือถ้าเราเผาแล้วเราก็ไม่ยึดติดในร่างกายมันก็ไม่มีความยึดติดอะไรแล้วใช่ไหมคะ

    หลวงปู่ : โอ๊ยไม่ติดแล้วเมื่อไม่มีกายมันก็ไม่มีเป็นอะไรแล้ว

    ศิษย์ : มันก็ไม่ยึดเขายึดเราใช่ไหนคะหลวงปู่

    หลวงปู่ : โอ๊ยไม่มีหรอกสุดท้ายอันเดียวกันนั่นแหละเพศหญิงเพศชายไม่มีแล้วหายหมด

    ศิษย์ : ความผูกพันนี่มันตัดได้เหรอค่ะหลวงปู่

    หลวงปู่ : ได้ทำไมจะไม่ได้ไม่ได้ก็ไม่เข้านิพพานพระพุทธเจ้าเข้านิพพานไม่ได้เฉพาะพระพุทธเจ้าอย่างเดียวก็สองล้านห้าแสนแปดหมื่นสี่พันห้าร้อยเก้าสิบแล้วสาวกก็ไม่รู้กี่พันล้านถ้าเพิ่นบ่ตัดได้จะเข้านิพพานได้เหรอต้องตัดตลอดเผาเท่านั้นแล้วกำหนดมรณะสติกำหนดตายเลยตายแล้วกำหนดหาฟืนมากองขึ้นยกศพเจ้าของเผาเลยเผาเป็นขี้เถ้าแล้วก็หมดล่ะเมื่อเผาเป็นขี้เถ้าแล้วก็ที่เขาสมมติว่านางหยังๆบ่มีนางแล้วมันเป็นขี้เถ้าเข้าแล้วไม่มีล่ะมันไม่มีที่ยึดที่ไหนล่ะ

    ศิษย์ : ไม่มีตัวตนเลยใช่ไหมคะหลวงปู่

    หลวงปู่ : อืมไม่มีตัวตนแล้วหมดล่ะมีตัวตนมันถึงได้ทุกข์ภาวนาเผามันก็เหมือนเชื้อโรคน่ะถ้ามันยังมีตนมีตัวก็ติดอยู่นั่นแหล่ะลองเผามันเป็นขี้เถ้าสิเชื้อโรคก็ไม่มีแล้วสิ่งใดเหมือนกันท่านว่าบ่เคยภาวนาเผาเจ้าของเสียทีเหรอหา... ยังบ่เคยภาวนาเผาเจ้าของเหรอ

    ศิษย์ : ยังไม่เคยค่ะ

    หลวงปู่ : โอ๊ยยังไม่เคยมันก็ทุกข์อยู่นั่นแหละ

    ศิษย์ : ทำไม่เป็นค่ะก็หลวงปู่เพิ่งบอกเนี่ยค่ะ

    หลวงปู่ : (หัวเราะ)

    ศิษย์ : มันยากน่ะค่ะหลวงปู่มันรู้ว่าถ้าเกิดทำได้มันก็จะไม่ทุกข์อย่างนี้น่ะค่ะแต่ว่ามันเหมือนไม่ยอมไปน่ะค่ะ

    หลวงปู่ : ถ้ามันเผาแล้วมันก็จะไปล่ะจ้างให้มันอยู่มันก็ไม่อยู่ล่ะเช่นยกตัวอย่างเช่นว่าถ้าบ้านของเราใครมาเผาน่ะเราจะอยู่ไหม

    ศิษย์ : ไม่อยู่ค่ะ

    หลวงปู่ : นั่นเปรียบเหมือนกันนั้นแหละมันมีบ้านมีเรือนมันยังอาศัยอยู่เผามันเป็นขี้เถ้ามันก็ไม่อยู่แล้วเปิดหนีแล้วจ้างให้มันอยู่มันก็ไม่อยู่ล่ะใช้วิปัสสนึกแหละหลวงปู่มั่นท่านก็สอน

    ศิษย์ : ใช้วิปัสสนึกเหรอค่ะ

    หลวงปู่ :เออวิปัสสนามันจะเกิดน่ะ

    ศิษย์ : เดี๋ยวหนูจะลองทำดูน่ะคะ

    หลวงปู่ : เออวิปัสสนึกไม่มีวิปัสสนาก็ไม่มีแล้ว

    ศิษย์ : ค่ะแล้วตอนที่ทำนี่จะต้องให้จิตสงบก่อนใช่ไหมคะหลวงปู่

    หลวงปู่ : กำหนดตายเลยจิตสงบไม่สงบกำหนดตายเลยสงบก็ช่างไม่สงบก็ช่างถ้ามันถึงตายก็สงบเองนั่นแหละเพราะมันไม่ตายมันก็ดิ้นอยู่นั่นแหละที่มันดิ้นก็เพราะมันไม่ตายเหมือนคนดิ้นไปดิ้นมาเดี๋ยวก็ไปหาหลวงปู่นั่นหลวงปู่นี่หาอาจารย์นั่นอาจารย์นี่อยู่นั่นแหละ

    ศิษย์ : หาที่พึ่งค่ะหลวงปู่

    หลวงปู่ : นั่นน่ะก้า

    ศิษย์ : หาวิธีปฏิบัติเหนื่อยนะคะหลวงปู่ท่านก็เมตตาอบรมคะ

    หลวงปู่ : ครูบาอาจารย์ท่านดีทั้งนั้นแหละเมตตาสงสารลูกศิษย์ลูกหาศรัทธาญาติโยมทุกคนนั่นแหละไม่ว่าอาจารย์ไหนล่ะก็ทำตามรอยพระพุทธเจ้าน่ะ

    หลวงปู่หลวง กตปุญโญ
    <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2009
  12. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ปฏิบัติธรรมแล้ว จิตวิปลาส วิปริต ติดนิมิตร จิตลามก .....

    การปฏิบัติธรรมหากปฏิบัติให้ถูกก็จะไม่มีทาง วิปลาสได้ นอกเสียจากปฏิบัติผิด

    ปฏิบัติผิดคือ ปฏิบัติเพื่อเพิ่มกิเลสให้กับตัวเอง เช่น นั่งสมาธิเพื่อต้องการเห็นนิมิตต่างๆ เพราะเข้าใจว่าเห็นนิมิตแล้วจะวิเศษไปจากผู้อื่นที่นั่งแล้วไม่เห็นหรือ

    ปฏิบัติธรรมแล้วกิเลสมากขึ้นเนื่องจากปฏิบัติผิดทางเช่นทำบุญเพื่ออยากได้บุญมากๆ ก็ให้ทานมากๆจนเกือบหมดเนื้อหมดตัว

    หรือถือศีลแบบผิดๆ คิดว่าเป็นศีลของตัวเองจึงเกิดความยึดมั่น หรือเรียนรู้วิธีปฏิบัติมาผิดๆ

    การปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องจริงๆคือปฏิบัติเพื่อละกิเลส ละความยึดมั่นถือมั่นว่าตัวเราของเราให้หมด



    จะทำอย่างไรให้จิต สละ หรือทิ้ง สัญญาเดิมได้...มีวิธีใดบ้างถามผุ้รู้ ?

    สัญญาคือการจำ จำสิ่งต่างๆได้ ก่อนจะจำได้ ต้องมีวิญญาณเป็นตัวช่วย

    เช่นเกิดวิญญาณทางหู คือเกิดความรู้ทางหู และมีการเรียนรู้ว่าสิ่งที่ได้ยินคืออะไรจึงจดจำไว้ คือสัญญา

    เช่นเห็นสีแดง ก็เรียนรู้ว่าสีนี้คือสีแดง จากการบอกเล่าของผู้อื่นมาก่อน จึงเรียนรู้ว่าสีนี้คือสีแดง

    การละคือ ต้อง รู้ว่าสัญญานั้นก็คือสิ่งปรุงแต่งขึ้นมาจากการพูด การพูดคือวจีสังขารที่ปรุงแต่งออกมาจึงเป็นคำพูด

    เช่น ช้าง หากคนไม่รู้จักช้างมาก่อน ก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เห็นนี้มีชื่อว่าช้าง ต่อเมื่อมีคนบอกจึงเกิดการเรียนรู้ หรือการจดจำว่าสัตว์นี้คือช้าง

    พอเห็นอีกครั้งก็จำได้ว่าคือช้าง ซึ่งความเป็นจริง คือสัตว์ตัวใหญ่ๆ เป็นสิ่งสมมุติขึ้นมา ใช้เรียกสัตว์ชนิดนี้ว่าช้าง

    ให้สติกำหนดรู้ไปที่ สิ่งไม่เที่ยงในวจีสังขาร คือสิ่งไม่เที่ยงที่ถูกปรุงแต่งขึ้นมา เป็นทุกข์ไม่น่ายึดมั่นมาเป็นของเรา

    พิจารณาจนเห็นสิ่งที่เรียกว่าไม่เที่ยงในสัญญา คือพิจารณาไปที่สิ่งปรุงแต่งนั้นไม่เที่ยง คือสังขาร ชนิดหนึ่ง

    ไม่มีตัวตนให้ยึดมั่น เพราะช้างที่จำได้คือสัญญา ที่สมมุติขึ้นมาเพื่อใช้เรียกชื่อเท่านั้นเอง

    ในเรื่องสัญญา ในรูปเหมือนกัน หากเห็นรูปเกิดวิญญาณทางรูป แล้วจดจำไว้เรียกว่าเกิดสัญญาในรูป ต้องพิจารณาจนเห็นความไม่เที่ยงในรูปที่เกิดจากการจำได้

    ว่าไม่เที่ยงรูปในสัญญานั้นย่อมเสื่อสลายไปได้ ไม่คงทน ไม่เที่ยง ไม่น่ายึดมั่นถือมั่นมาเป็นตัวเป็นตนในการจดจำ เพราะสิ่งที่จดจำนั้นก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน

    พิจารณาจนเกิดความรู้ หรือเกิดปัญญา เมื่อเกิดปัญญาก็ใช้ปัญญาในการละสิ่งที่เรียกว่าสัญญาได้ ไม่ยึดไม่ถือมั่นในสัญญาอีก

    เมื่อไม่ถือมั่น ก็ไม่คิดคำนึงถึงรูปนั้นอีก หรือหากคิดก็คิดน้อยลงจนไม่คิดถึงอีกเลย <!--MsgFile=7-->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2009
  13. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ปฎิบัติอะไรก็ได้ นั่งสมาธิ ดูจิต วิปัสสนา สมาธิหมุน เจริญสติแบบเคลื่อนไหว แต่จากผลของการอ่านจิตในจิต

    ผิดทาง
    อะไรก็ตามที่ปฏิบัติแล้ว โลภมากขึ้น ราคะมากขึ้น โทสะมากขึ้น โมหะมากขึ้น ถือตัวถือตนมากขึ้น

    ปรารถนาลาภ ยศ สรรเสริญ สุข อันไม่เที่ยง มากขึ้น มีตัวกู ของกู ขยายตัวขึ้น เห็นความสำคัญ

    ของตนเองมากขึ้น เรียกร้องกับผู้อื่นเพื่อตนเองมากขึ้น

    ถูกทาง
    ละวางความโลภมาก ลดมาเป็นโลภน้อย ให้ทาน เสียสละกับผู้่อื่นมาก มีโทสะมาก ก็ลดลง มีเมตตากับผู้อื่น

    มีตัวกูของกูมาก ก็ลดลง ใครด่าก็ไม่รู้สึกเจ็บ แต่ถ้าเตะก็ยังเจ็บอยู่

    รู้สึกถึงความสำคัญของตนเองน้อยลง ๆ เห็นแก่ผู้อื่นมากขึ้น ละวางแนวคิดทิฐฐิีต่าง ๆ

    หันมาดับไฟที่ร้อนเร่าอยู่บนหัว รู้ตัวชัดเจนเห็นปัจจุบันขึ้นเรื่อย ๆ <!--MsgFile=16-->
     
  14. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    "พี่ถามหน่อย ที่กวางคิดไม่ดีนั้น ตั้งใจคิดหรือเปล่า?"

    "เปล่าค่ะ มันผุดขึ้นมาเอง และยิ่งกังวลก็เหมือนยิ่งคิดบ่อยขึ้นทุกที"

    "งั้นถามอีกคำ ใจจริงกวางอยากกราบหรือคิดกับพระดีๆมากกว่าใช่ไหม?"

    "ค่ะ"

    "นี่ แหละจิตของเรา ส่วนที่ควบคุมไม่ได้คือการแสดงตัวของอนัตตา มันไม่ใช่ตัวเรา
    ส่วนที่ควบคุมได้คืออุปาทานว่าเป็นเรา เราทำได้แค่กับส่วนที่เป็นเรา
    อย่างตอนนี้กวางลองทำตามที่พี่บอกนะ เอ้า! ยกมือไหว้พระ ไหว้สวยๆเลยนะ"

    ใจนุชปฏิบัติตาม ก้มหน้าพนมมือจดหน้าผากด้วยกิริยานอบน้อมยิ่ง

    "คราวนี้ตั้งจิตอธิษฐานว่านี่คือใจจริงของหนู
    เห็นเข้ามาให้ตรงตามจริงว่าใจของเราเป็นอย่างไร มีความสบายใช่ไหม?"

    หล่อนลดมือลง และหันมาตอบเขายิ้มๆ

    "ค่ะ"


    ส่วนหนึ่งในหนังสือ ๗ เดือนบรรลุธรรม
    http://dungtrin.com/7months/last.html



    <!--MsgFile=18-->
     
  15. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    เมื่อจิต วิปลาสให้หาที่ยึดเหนี่ยวทางจิต

    จะเป็น พระพุทธเจ้า หรือ พระเจ้า ก็ได้ หรือ ศาสดาของศาสนาตนก็ได้

    ขอให้ จิตเรามีที่ยึดเหนี่ยว จะทำให้จิตสงบลงได้เร็วขึ้น
     
  16. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    เมื่อคืนนอนเยอะ เช้านี้ เลยมาสอนตัวเอง เเต่เช้า (good)
     
  17. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ---------- ตั้งสติ หยุด พัก ปฏิบัติธรรมแล้ว จิตวิปลาส
    ******** ไม่ปฏิบัติธรรม จิตวิปลาสอยู่แล้ว คือ
    - เห็นของไม่งามว่างาม
    - เห็นของไม่เที่ยงว่าเที่ยง
    - เห็นของเป็นทุกข์ว่าสุข
    - เห็นของสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนว่าเป็นตัวตน

    -- ปฏิบัติธรรม เบื้องต้นแล้วจิตก็ไม่หายวิปลาสไปง่าย จนกว่าจะตั้งสติ เห็นความเกิดดับของกายและจิต(วิปัสสนา) จนบรรลุธรรม


    วิปริต ติดนิมิตร จิตลามก .....มีวิธีแก้อย่างไรครับ เชิญนักปฏิบัติให้ความรู้ด้วย ไม่ระบุใคร

    --------------- ทั่วไปก็มีจิต โลภ โกรธ หลงอยู่แล้ว

    เมื่อจิตสงบ มันเพียงแสดงออกมา เหมือนเวลาเคลิ้มจะหลับแล้วฝัน รู้แล้ว เห็นแล้ว ปล่อยวางไป ไม่มีอะไร เป็นภาพเหมือนความฝัน ปล่อยไป แล้วจะสงบเอง <!--MsgFile=19-->
     
  18. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    เร้องนี้เป็นปกติที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เคยรับทราบว่ามา เคยเกิดกรณีแบบนี้ได้
    เคยมีเพื่อน เธอนั่งสมาธิ แล้วเกิดจิตลามก กับพระ พระพุทธรูปบ้าง เกิดจิตที่อัตโนมัติในการด่า ลามก จาบจ้วง

    ก่อนที่จะรับทราบหนทางแก้ปัญหา ต้องทราบภูมิหลังของผู้ฝึกด้วย
    ทางที่ดีน่าจะพาไปหาครูบาอาจารย์ให้ท่านช่วยแก้ให้
     
  19. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ปัญหาตั้งต้นในการฝึกสมาธินั้น อาจจะมาได้หลากหลาย อาทิ
    - ก่อนที่จะเริ่มต้น ฝึกธรรมะ ผู้ปฏิบัติ น่าจะมีความเข้าใจว่า ธรรมะคืออะไร ศีล คืออะไร สติคืออะไร เป็นการวางรากฐานทางกายและจิต

    - การฝึกสมาธิ สำหรับบางคน จะมีมายาทางจิต และผลกระทบมากกว่าคนอื่นหลายเท่า

    บางคนเกิดนิมิต ที่รุนแรงเสมือนจริงมาก และจิตไม่สามารถแยกแยะว่า จมลงในสมาธิและนิมิตหรือเปล่า เพราะผู้ฝึกเองเข้าใจว่าตนเองอยู่เหนือนิมิต ซึ่งในเหตุการณ์นี้ไม่จริง

    หาก ยังไม่เคยเจริญสติแล้วแยกสติออกจากการเพ่งหรือจมในสมาธิได้ หนทางที่ดีในตอนนี้คือการวางท่าทีสำหรับผู้ฝึกว่า

    "ขอให้การฝึกสมาธิ ปฏิบัติธรรม เพื่อนำไปสู่การรูแจ้ง" (กลับไปนั่งสมาธิใหม่แล้วอธิษฐานจิตตามนี้)
     
  20. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    และหากเกิดอะไรขึ้นระหว่างการฝึก ขอให้ถือว่า
    - เป็นประสบการณ์ที่ดี ที่เรามีโอกาสรับรู้ได้มากกว่าคนอื่น
    - ขอให้ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะดีหรือเลว
    - ขอให้ถือว่าเป็นพรของครูบาอาจารย์ที่ต้องการสอนให้เราจิตมั่นคง ผ่านให้ดี สอนให้เรามีเมมตา
    - และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะต้องไม่ทำร้ายผู้อื่น หรือปฏิบัติเพื่อให้ผู้อื่นและเราได้บรรลุธรรม

     

แชร์หน้านี้

Loading...