เรื่องเด่น รวมหลวงพ่อตอบปัญหา/จากคำบอกเล่า

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย Wannachai001, 21 กรกฎาคม 2012.

  1. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    ผีพุ่มพวง

    หลวงพ่อท่านพระราชพรหมยานไปจันทบุรี พักที่บ้านคุณสมบูรณ์ เวสารัชชานนท์เกือบทุกปี ถ้าท่านไม่ติดธุระที่อื่นหรือป่วยมากๆ ปีนี้ท่านไปวันจันทร์ที่ 15 พวกเราพี่น้อยกานดา พี่ชอ คุณแดง คุณปิ่นอนงค์ คุณนิภา ข้าพเจ้า เสริมทรัพย์ ติ๊ก จี๊ ไทร มณี วิชัย ไปก่อน 1 วันเพื่อจัดเตรียมที่พัก อาหาร ช่วยเจ้าของบ้านเช่นเคยทำมาทุกครั้ง รถ 2 คันเต็มพอดี ก่อนเดินทางหลายคนเพิ่งหายป่วยไม่ค่อยแข็งแรง เพราะปีนี้อากาศร้อนจัด ความดันโลหิตไม่ตีหน้ามืดง่ายๆ เพราะว่าโดนร้อนเส้นเลือดขยายตัวทำให้ความดันเลือดขึ้นไปเลี้ยงสมองไม่พอ จึงทำให้หน้ามืดหรือ งงๆ เวียนๆ ถ้านอนเลือดฉีดขึ้นเลี้ยงสมองได้ไม่เป็นไร พูดแบบชาวบ้านฟังง่ายๆ พวกเข้าวัดใจเย็นมักจะมีความดันโลหิตต่ำมากกว่าความดันสูง พบกันเลยรู้ว่าพุ่มพวง ดวงจันทร์ ดารานักร้องลูกทุ่งตายแล้ว ไปกราบพระพุทธชินราชก่อนตายด้วย ข้าพเจ้าไม่ได้ดูว่าตอนนั้นอยู่ไหน นึกว่ากราบพระก่อนตายคงได้ขึ้นสวรรค์ได้แล้ว จึงไม่สนใจ อาชีพเขาทำใหคนมีความสุขด้วยท่าเต้นเสียงเพลง ไม่ได้เลี้ยงชีวิตด้วยเอาชีวิตผู้อื่น เช่นเลี้ยงหมู ไก่ ปลา กุ้ง ฯลฯ ขาย

    คืนแรกที่บ้านคุณสมบูรณ์ คุณนิภา คงสุข ซึ่งนอนห้องเดียวกับข้าพเจ้า พี่น้อยกานดา พี่ชอ ฝันว่าไปที่โบสถ์พระพุทธชินราช พิษณุโลก เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งก้มหน้าซบกับแขนตัวเองร้องไห้ คุณภาถามว่าใคร ตอบว่าพุ่มพวงเอง ตื่นเช้าเล่าความฝันให้ฟัง ข้าพเจ้ากำหนดจิตดูบ้าง เพราะสงสัยว่าทำไมยังร้องไห้อยู่ตรงนั้น ได้คำตอบว่ายังตายไม่หมดอายุ เรียกว่าเป็นสัมพเวสี ตอนกราบพระนั้นกำลังทุกข์หนัก เรียกว่ากลุ้มใจตรงกว่า ทุกข์มันทุกข์ทั้งนั้น ถ้ายังมีขันธ์ 5 และป่วยด้วย พุ่มพวงกลุ้มใจมากเห็นพระเอาเป็นที่พึ่งความคับแค้นใจมันก็พุ่งขึ้นมา สิ่งที่นึกได้ขณะนั้นก็ขอแต่ให้พระช่วยหลุดพ้นจากความทุกข์คับแค้นใจเรียกว่าร้องให้ในใจ ตายแล้วจึงยังร้องไห้อยู่ตรงนั้น ข้าพเจ้ากับคุณนิภาเลยบอกจะทำสังฆทานให้ หลวงพ่อท่านไปถึงคืนแรกรับแขกและมีสอนกรรมฐานแบบมโนมยิทธิ ข้าพเข้าถวายสังฆทานเจาะจงให้พุ่มพวง 1 ชุดเลยมีพระพุทธรูป ผ้าไตร ของอื่นๆ อีกพอสมควร


    เคยเกี่ยวเนื่องกันถึงจะรับโมทนาบุญได้

    ถ้าคนตาย ตายแบบไม่หมดอายุหรือลำบาก ต้องเจาะจงทำบุญให้โดยเฉพาะคนเดียว อย่าบอกให้หลายๆคนที่เราคิดให้ จะไม่ได้รับหรือได้น้อย เพราะกำลังน้อยสู้คนอื่นทีมีกำลังมากกว่าแย่งเอาไปหมด

    หลายผีเคยฟ้องข้าพเจ้าว่า ญาติทำบุญให้ไม่เจาะจงเฉพาะเขา เขายังลำบากอยู่ ถามญาติจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ การโมทนาบุญหรือช่วยกันได้จะต้องเคยสืบเนื่องกันมาก่อนในอดีตชาติหรือปัจจุบันชาติหรือสายเดียวกัน ไม่เช่นนั้นช่วยกันไม่ได้ อย่างเปรตญาติพระเจ้าพิมพิสาร มาร้องขอส่วนบุญ พระพุทธองค์บอกพระเจ้าพิมพิสารทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้จึงจะได้รับ แม้แต่พระพุทธเจ้ายังช่วยไม่ได้(คำพูดหลวงพ่อท่านเอง)

    ทีนี้พุ่มพวงทำไมพวกเราถึงให้ได้ เอาแค่ชาตินี้ร้องเพลงให้เราฟังชอบใจเป็นบุญแล้ว เมื่อพุ่มพวงป่วยที่โรงพยาบาลศิริราช หลวงพ่อท่านป่วยอยู่ห้องใกล้ๆ ห้องพุ่มพวง ห่างกัน 2 ห้อง ข้าพเจ้าไปกราบเยี่ยมหลวงพ่อท่าน ยังเห็นห้องและญาติพุ่มพวง นึกสงสารคิดว่าถ้าบุญเรามีเพียงใด เจ้ากรรมนายเวรของเขาพอจะเอาไปได้เอาไปเลย วันที่หลวงพ่อท่านจะกลับพุ่มพวงได้ออกจากห้องไปกราบและรับพรหลวงพ่อท่านด้วย

    เมื่อพวกเราเจอกันอีกหลายๆคนก็คุยถึงผีพุ่มพวง และหลายคนได้ทำบุญให้พุ่มพวงด้วย ผีพุ่มพวงจึงมีฤทธิ์มีกำลังสามารถไปไหนๆ ได้คล่องตัวหลอกคนก็ได้ หนังสือพิมพ์ลงข่าวทุกวัน ข่าวใหญ่ตัวโตด้วย ขณะที่เขียนนี้เป็นวันที่ 26 มิถุนายน 2535 ยังมีข่าวว่า " เก็บศพพุ่มพวงแฟนเพลงนับแสนร่วมไว้อาลัย ชวนเป็นประธานสวดมนต์ทุกเสาร์ แพทย์ยันติดเชื้อฉับพลัน ส่วนมรดกยังตกลงกันไม่ได้ "

    ข้าพเจ้ากลับถึงบ้านปากเกร็ดแล้ว มีเพื่อนลูกอุ๋ยไปที่บ้านคุยถึงพุ่มพวงอีก ข้าพเจ้าว่ามีฤทธิ์แล้วทีนี้หลอกเก่งใครนึกถึงไปหาได้ คืนนั้นอุ๋ยลูกสาวข้าพเจ้าก่อนนอนสวดมนต์ว่าคาถาชินบัญชรหลายจบ แล้วแผ่ส่วนบุญให้พุ่มพวง คืนนั้นเองรู้สึกเหมือนครึ่งฝันครึ่งผีอำ เห็นพุ่มพวงเข้าไปหาบอกว่าคนนี้ไม่ค่อยสบาย แล้วเอามือลูบที่หน้าอุ๋ย 3 ที คล้ายๆช่วยรักษาให้ อุ๋ยไม่สบายจริงๆกำลังกินยา หมอรักษาอยู่ อุ๋ยบอกว่าไม่รู้สึกกลัวเลย ทีนี้หายกลัวผีพุ่มพวงแล้ว



    (จากหนังสือบันทึกของชาโดว์ เล่ม 5 หน้า 18)



    http://palungjit.org/threads/นานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยาน.538477/page-125
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2015
  2. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    [​IMG]

    ยันต์ค้าขาย (ธงเหลือง) ทำจากจีวรห่มหลวงพ่อ 4 พระองค์ แจกในงานผูกพัทธสีมา 24 เมษายน 2520 เข้าพิธีปลุกเสกพร้อมกับเหรียญที่ระลึกผูกพัทธสีมา เหรียญในหลวง ร.9 เหรียญสุปฏิปันโน
     
  3. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    เรื่องถูกผีหลอก

    (เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2538 ท่านพระครูปลัดอนันต์ พทฺธญาโณ ได้เดินทางไปจังหวัดจันทบุรี เนื่องในงานบรรจุกระดูกคุณสมบูรณ์ เวสารัชชานนท์ ซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ ในการไปครั้งนี้ได้มีประสบการณ์ของชีวิต ท่านนำมาเล่าสู่กันฟังดังต่อไปนี้)

    ไปจันทบุรีมาก็ผีหลอก เดี๊ยวเล่าเรื่องผีหลอกให้ฟังหน่อย หลอกจริงๆ

    "เป็นยังไงหรือครับ"

    หลอก โอ้โฮ ความจริงหลอกที่วัดน่ะ ไม่กลัว รู้จักกัน แต่ที่นอกวัดนี่กลัว ขนลุกจ้าไปจ้ามา จะเล่าให้ฟัง

    ไปก็ไม่ได้ไปที่บ้านคุณสมบูรณ์นี่ งานบ้านคุณสมบูรณ์มีจริง แต่ว่าเราไปพักที่บ้านหนึ่ง บ้านนี้เขาจะมีคลองล้อมรอบบ้าน เขาเรียกว่าห้วยน่ะ ก็ปลูกกระท่อมไว้ในสวน สวนเงาะ สวนทุเรียน ปลูกกระท่อมพระไว้ห่างๆกัน พระธุดงค์อย่างนี้น่ะ ทีนี้ไปก็เอากลดไปด้วย ไปถึงก็ไปเลือกที่มันลับตาคน ที่มันเงียบๆ หน่อย อยู่ท้ายคลอง เจ้าของเขาก็พาไปส่ง บอกหลวงพี่ ต้นกล้วย 3-4 ต้นนี่น่ะเป็นร้อยปีแล้ว หมายความว่าคงจะเป็นหน่อเป็นต้นๆ ก็อยู่ตรงนี้ เป็นร้อยปีแล้วนี่คือกล้วยตานี

    เราก็รับปากเขาแล้วว่าจะอยู่ตรงนี้ จะถอนกลดก็ไม่ใช่ที่ ก็ต้องมีศักดิ์ศรี เอ๊ะ ผีวันนี้มันจะหลอกกูหรือเปล่าวะนี่ (หัวเราะ) ทีนี้ก็ตอนเย็นเข้าไปอาบน้ำเสร็จก็เข้าไปสวดมนต์เสียก่อน เดี๊ยวดึกมันจะขี้เกียจสวด สวดมนต์สวดอะไรให้พงให้พร เมตตัญจะ สัพพโล ก็สวดกันหมดแล้วใช่ไหม ว่าไม่ได้ทำอะไรนะ มาแค่อาศัยภาวนาแค่นั้นเอง ถ้าจะมีความดีบ้างก็ขอให้โมทนา ขออาศัยหลับนอนแค่ 2-3 คืน สวดเสร็จสัก 2 ทุ่มก็ไปคุยกับเจ้าของบ้าน สามทุ่มครึ่งก็กลับมานอน พอเปิดประตูก็เข้ากลด รูดซิป แล้วก็สวดมนต์นิดหน่อยก็นอนเลย นอนไปสัก 15 นาทีได้ พวกมาทุบข้างฝาเลย ปังๆๆ พอมาทุบปังๆๆ เราก็เฮ้ย ใครวะ ทีนี้ตื่นมาเลย พอใครวะ มันยังทุบปังๆๆ อีก เฮ้ยใครวะ เงียบ พอเงียบเราก็นึกแล้ว ผีล่อกูแล้ววันนี้ (หัวเราะ)

    คือธรรมดาปรกติเจ้าของบ้านเขาจะไม่มาทุบเจ้าอาวาสนี่ ใครมาทุบข้างฝาเรียกล่ะ พระไปด้วยกันเขาก็ไม่มีใครมาทุบข้างฝาเรียกหรอก เขาต้องเรียกเฉยๆ นี่ทุบข้างฝานี่ ตื่นแล้วมันยังทุบอีก แหม พอนึกว่า โอผีล่อกูเข้าแล้วนี่หว่านี่ ขนลุกจ้า ลุกขึ้นไปขึ้นมา เฮ้ย นี่มันกลัวผีนี่หว่านี่ เราก็รูดซิปออกไปเดินดู เขามีไฟเหมือนกัน ใครๆไม่มี ขนก็ลุกกลับไปกลับมา เอ๊ะ ผีหลอกกูจริงๆ นี่หว่านี่

    เราก็สำรวจตัวเราว่าเราทำผิดอะไร ทำผิดอะไรวะนี่ ผีถึงหลอก มันขนลุกแล้ว มันดึกแล้วนี่ ก็เงียบน่ะ มันอยู่ในป่า จะเรียกใคร จะไปหาใครก็น่าเกลียด ใช่ไหม พระก็ปักอยู่ห่างๆกัน

    ผลสุดท้ายก็แข็งใจเข้ามุ้งนอน เอ๊ กูทำอะไรว๊ะ อ๋อ ประตูนี่เขามีฝาแผงน่ะ มันไม่ได้ใส่กลอน เราไม่ปิดประตู เราเข้านอนเลย เปิดประตูปั๊บก็เข้ามุ้งนอน อ้อ ตามพระวินัยเขาเรียกเป็นอาบัติ ผิดพระวินัยอยู่ข้อหนึ่ง นอนไม่ปิดประตู

    สมัยพระพุทธเจ้าพระนอนไม่ปิดประตู ผู้หญิงขึ้นหา เอ้าจริงๆนะ ไม่ใช่เรื่องตลก มันมีผู้หญิงขึ้นหานี่เกิดอาบัติกันขึ้นมา นี่เรานอนมันไม่มีใครขึ้นหา เขาทุบประตูอยู่ข้างนอก ไอ้เราก็อ๋อ นี่เราผิดเองนี่หว่านี่ เรานอนไม่ปิดประตู นี่เป็นความผิดของเราเอง เราก็นึกขอบคุณท่านนะ ที่เตือนเราน่ะ ผีนี่รู้วินัยมากกว่าเราอีก เรารู้เหมือนกันแต่ลืม เรียกว่าผีช่วย

    ทีนี้พระอาจารย์ไปเยอะนี่ พระอาจารย์ไปเยอะที่นี่ อาจารย์พลตรีศรีพันธ์ ก็ไป อาจารย์น้อย กานดา ก็ไป พวกอาจารย์ใหญ่ทั้งนั้น ไอ้จิตรลาดานี่ไป โอ้โฮ พวกเซียน พวกอาจารย์ทั้งนั้นนี่ จอมยุทธทั้งนั้น ก็ดูกันสิ

    "หลวงพี่สีเขียวป๋อเลย" เราบอกสีเขียวอะไร ใบไม้หรืออะไร " ไม่ใช่ สไบสีตองอ่อนนี่" อ้อบอกไม่มีอะไรหรอกไม่ได้ทำอะไร แต่เราก็หวาดเหมือนกัน ไม่ใช่พูดให้มันตลกนะ ขนมันลุก แสดงว่ามันกลัวแล้วละ

    คืนหลังสวดมนต์ใหญ่เลย คืนแรกก็สวดแล้ว ภาวนาเรื่อย กลัวผีหลอกอีกเที่ยวหนึ่งที่จริงผีนี่ก็ช่วยได้ เพราะความกลัว สังเกตดูไม่ต้องใคร ทุกคนน่ะถ้ากลัวปั๊บมันจะภาวนา เราเคยฝึกกันบ้างนี่นะ ภาวนากันผี พระเขาถึงบอกว่า ถ้าเราปักกลด ไปไหนก็ตามเถอะ ถ้ามันชินที่ให้ย้าย อย่าไปอยู่จนชินที่เดี๋ยวมันไม่กลัว ไม่กลัวแล้วการภาวนามันจะน้อย ถ้าไปกลัวๆ สักหน่อยสังเกตดูเหอะ ที่วัดเคยสวดบทเดียวนะ พอไปบทนี้ดี บทนู้นดี ต้องสวดมาก เอ้ามันจริงๆนะ มันต้องสวด

    เมตตัญฯ นี่ไม่ได้ขับผีหรอกแต่ว่าเป็นการขออยู่ สมัยพุทธกาลที่หลวงพ่อสอนว่า ผีก็หลอกสมัยพุทธกาลเหมือนกันนี่ เทวดา รุกขเทวดาที่รักษาต้นไม้อยู่ เขาเห็นพระอยู่ข้างล่าง เขาอยู่ข้างบน เขาก็กลัวว่า เอ๊ะ จะมาอยู่นานเกินไป การอยู่ของเราจะไม่สะดวก คือเกรงใจพระสงฆ์ จะทำยังไงถึงจะไปไวๆ ก็มาทำหลอกนู่นบ้างหลอกนี่บ้าง อะไรบ้างอย่างนี้ พระก็ปักกลดแล้วถอนไม่ได้นี่ จำเป็นจะต้องอยู่ พออยู่หนักเข้าผีมันก็หลอกอยู่นั่นแหละ หลอกกันจนชินหรือไงก็ไม่รู้

    ตอนหลังๆ ออกพรรษามากราบพระพุทธเจ้า "เป็นยังไงสบายดีไหมไปธุดงค์"

    ไม่สบายพระพุทธเจ้าข้า ผีหลอกตลอดพรรษา

    "เธอไม่ได้เอาอาวุธไปเหรอ"

    ไม่ได้พกปืนไป ไม่ได้เอาอาวุธไปเหรอ อาวุธคืออะไร เมตตัญจะ สัพพโล สวดบทนี้

    ถ้าสวดบทที่สัตว์อะไรต่ออะไรไม่กัด ไม่ปองร้ายก็ วิรูปปักเขฯ

    วิรูปักเขหิ เม เมตตัง เมตตัง นี่สมัยก่อนหลวงพ่อบอก ไปสวดยังไงไม่รู้ พระเขาสวดมนต์เย็น สวดมันคงจะเฮี้ยนจัดหรือไงไม่รู้ วิรูปักเขหิ เม เมตตัง เมตตังๆๆ นี่ลงอย่างนี้นะ ท่านบอกว่าผีเต้นอยู่บนยอดไม้น่ะ เต้นเหยาะๆๆ อยู่ ท่านเล่าให้ฟังนะ เต้นไปตามจังหวะ จังหวะไม่เหมือนเขา

    นี่เกิดปักกลดธุดงค์รุ่นที่แล้วนี่ สวดไม่ได้ โพยไม่ได้เอาไป เอ๊ะ กูว่ากูใส่ย่ามมาแล้วโพยไม่เห็นมาเลย (หัวเราะ) ก็สวดไม่ได้ มดตะนอยลองคาถาเข้ามาในกลด มดตะนอยมันมีเยอะในป่าเรา ไอ้มดตะนอยพอถูกตัวจะต่อย อยู่เฉยๆไม่ต่อย ถ้าถูกตัวต่อยเลย ต่อยแป๊กเราก็เออ มันคงไปไหนแล้ว ถูกอีกแป๊ปอีก ทีนี้ตาสว่างเลย มึงต่อยกูเหรอไอ้นี่ ไฟฉายต้องหาตัวให้ได้ พอจับได้ต้องเอาผ้าจับมัน ไม่งั้นมันต่อยทั้งคืน เราไม่ได้หลับหรอก วันหลังพกโพยมาอย่างดี ใส่ย่ามกลัวจะลืม (หัวเราะ) รูดซิบให้แน่น ฉะนั้นบท สองบทนี่ ไปหัดสวดกัน ถ้าจะธุดงค์นะ


    (จากคอลัมภ์ "จากคำบอกเล่า" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 173 เดือนสิงหาคม 2538 หน้า 91-93)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2020
  4. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    เรื่อง ตั้งศาล

    " เรื่องที่ว่าไปจันทบุรี เขาว่าตั้งศาลอะไร อยากจะฟังครับ "

    ที่นี่น่ะใครไปก็ว่าแรง เจ้าของบ้านที่เขาอยู่นี่ เขาว่าเป็นที่วัดเก่า โบสถ์วัดเก่า อะไรอย่างนี้ ใครไปดูก็ว่า โอ้โฮ ที่แรงมากอะไรต่ออะไร เราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอยู่แล้ว ทีนี้ก็ให้เจ้าของเตรียมตัวมาปีหนึ่ง อาจารย์โน้นก็ว่าอย่างโน้น อาจารย์นี้ก็ว่าอย่างนี้ เขายังไม่เคลียร์ เขาก็มาปรึกษาเรา เราก็บอกเออๆๆ ถ้าไปวันนี้แกก็ตั้งศาลได้ แต่เราไม่เป็นเรื่องเป็นราวอะไรหรอก

    ที่นี้เขามาขอจด ที่ตั้งศาลเป็นยังไง ทำยังไง บอกเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ตะวันออกมันขึ้นตรงไหนแกชี้ให้ดูซิ เขาก็ชี้ให้ดู เราก็บอกตั้งแต่นี่ไปนี่ 90 องศานี่ ระหว่างนี้ตั้งได้หมด หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ซ้ายมือก็หันไปทางทิศเหนือใช่ไหม เขาก็ทำพิธีตั้ง ไปหาพระบรรจงนั่นเจ้าพิธี เจ้าพิธีเรื่องตั้งศาล เราไม่ได้ติดตาม หลวงพ่อพูดอะไรเราไม่ได้ตามนี่ พระนี่มันมีไม่เหมือนกัน องค์นี้สนใจเรื่องวัตถุมงคล องค์นี้สนใจเรื่องพิธีกรรม เขาจะถาม เขาจะจำของเขา เราไม่สนใจอะไรเลย มันไม่จำ ทีนี้ก็เรื่องตั้งศาลก็บอก เอ้า ไปหาพระบรรจงนะ พระบรรจงก็ไปด้วย เข้าไปคุยกัน ก็ให้จด เขาก็ทำกันไป

    ทีนี้ก็เกิดจะตั้งศาลขึ้นมา เราก็บอก เออ พี่แดง มาบ้านคนนี้นะ เขาไม่เชิญแต่ฉันเชิญมา บอกอยากให้พี่แดงมาจัง แต่ไม่รู้ เกรงใจพี่แดง เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่นี่ ก็บอกฝากเขาไป เชิญโยมน้อยด้วย พวกผู้ใหญ่ไป พวกบริวารก็มากันหมดสิ ลูกศิษย์หลวงพ่อก็มา

    เช้าตั้งศาล พอตั้งศาลปุ๊บ พระบรรจงเขาก็ให้เอาพระพุทธรูปองค์ปฐมให้ไปไว้ในศาล พวกคณาจารย์เราก็ เอ กูไม่เคยเห็นสักทีวะนี่ มันจะอุตตริอะไรวะมาตั้งศาลมีพระพุทธรูปอยู่ในศาลนี่ วิจารณ์กันละสิทีนี้ โอ้โฮ พอเราวิจารณ์ปุ๊บ เจ้าของบ้านเขาก็ต้อง เอ๊ะ จะเอาพิธีกรรมไหนกันแน่ เขาก็ชักใจคอไม่ดีใช่ไหม เราก็บอก จงๆ มานี่ มาคุยกับพวกคณาจารย์เสียเลย มาอธิบายให้เขาฟังเสียก่อน พระบรรจงเขาก็อธิบาย เขาบอกว่าตั้งศาลนี่ ถ้าที่ไหนแรง ถ้าคนภายในทำไม่ดี ไม่เคารพสถานที่นี่มันจะทำให้วิบัติ เขาก็ว่าอย่างนั้น แต่ถ้าเอาพระพุทธรูปไปไว้ในศาลเสียแล้วนี่ เทวดาหรือพรหมก็ต้องเกรงใจ ก็ต้องไหว้ ไปไหนก็ปกปักรักษา ทีนี้ก็อธิบายความกันไป คณาจารย์ก็บอกผมไม่เคยเห็นหลวงพ่อทำสักทีนะ บอกพระพุทธรูปมาไว้ในนั้นนะ อากาศเทวดาก็ดี ภุมมเทวดาก็ดี รุกขเทวดาก็ดี ก็ต้องเคารพ ต้องไหว้ต้องรักษา เป็นพระพุทธเจ้านี่ จะเกเรก็ไม่ได้ เพราะพระพุทธเจ้าอยู่ในพื้นที่นี้ พูดก็พูดกันไป พอพูดไม่ทันขาดคำเลย ฝนปรอยเม็ดลงมาเป็นละอองมา บอก จง โม้เบาๆหน่อย พอแล้วพอ บวงสรวงได้แล้ว (หัวเราะ) พระบรรจงก็จะโม้ต่อไปอีก ผมทำมาแล้วนะที่เชียงใหม่นี่ กู้เขามาสองล้านแปดล้านนี่ ภายในสองสามเดือนหมดเลยหนี้ เราบอกหมดอะไร หมดตัวหรือหมดหนี้ (หัวเราะ) บอกหมดเลย หมดหนี้เลย

    พอไปบวงสรวงพระอาจารย์ก็ดูละสิ อาจารย์ใหญ่ทั้งนั้นนี่ อาจารย์น้อย อาจารย์แดง อาจารย์จิตลดา คนนู้นก็ว่าพระมา พรหมมา เทวดามา เท่านั้นเท่านี้ เจ้าของบ้านก็ชื่นใจหน่อย เลยรอดตัวไป จบกัน เรื่องจะเป็นยังไงก็เรื่องข้างหน้าใช่ไหม เจ้าของบ้านเขาไหว้หรือเปล่า ก็เป็นเรื่องของเขา

    เรื่องตั้งศาลต้องเอาอาจารย์ใดอาจารย์หนึ่ง เพราะมันมีหลายครูนี่ ทีนี้ก็ไปโคราช ไอ้บ้านนี้จะถวายเงินหลวงพ่อตั้งแต่นานนมมาแล้ว ไม่ได้ถวายสักที บ้านแตกสาแหรกขาด อย่าไปเอาลงหนังสือนะเดี๊ยวเขาจะอ่านเจอเข้า ไอ้ผัวก็ไปมีเมียน้อย เงินก็มี ลูกก็ไปอยู่คนละที่คนละทาง ทีนี้เราไปฉันเพลที่โคราช ก็แวะเข้าไปดู ศาลพระภูมิอยู่ทิศตะวันตกจริงๆ จำไว้ถ้าบ้านใครศาลพระภูมิอยู่ทิศตะวันนตก หลวงพ่อบอกไม่เกิน 2 ปี 2 ปีแรกจะให้ผลดี หลังจาก 2 ปีแล้วจะฉิบหายตายโหง ทิศตะวันตกนะ

    ทีนี้เราก็ เอ เขาก็ตั้งทิศตะวันตกจริงๆ ตรงเลย อาจารย์ไหนมาตั้งก็ไม่รู้ พระบรรจงเขาก็บอกว่า โยม พรุ่งนี้ฉันมาละก็ เอาผ้าขาวใส่พานนะ เชิญพระภูมินี่ เชิญพระภูมิท่านออก เราก็บอก จง เชิญพระภูมิท่านออกนี่จะเอาท่านไปไว้ที่ไหน แล้วจะเอาเทวดาไปไวที่ไหนล่ะ ก็ตอบ ไม่ได้ไปไว้ที่ไหน (หัวเราะ) เชิญใส่พานแล้วจะไปไว้ที่ไหน เราก็ต้องรีบขึ้นรถ เดี๊ยวจะไปขัดคอพวกเดียวกันวงแตก ใส่พานแล้วไม่รู้จะไปไว้ที่ไหนดี เทวดา แบกไปได้เหรอ

    ไอ้เรื่องพวกนี้โยมเขาจะมาถามอะไรล่ะ ใครเขาจะมาซัก เราต้องซักพวกเราก่อน ก็ปล่อยให้เขาคุยไป จะไปไว้ไหนก็ช่างเขา เราก็ขึ้นรถ รุ่งขึ้นไปเขาสวดถอนกันใหญ่ เขาไม่เอาเราเข้าไป เพราะเดี๊ยววงแตก (หัวเราะ) สวดถอนกันเพียบไปหมด บอกเออๆ ไปทำกันเถอะ เราไม่ต้องไป สวดถอนย้ายของเก่า เราก็ไม่ค่อยรู้พิธีกรรม เราก็ซักอยู่นั่นแหละ เขาไปตั้งกันเรียบร้อยแล้ว เป็นยังไงก็ไม่รู้

    " แต่ว่าที่แน่ๆ คือตะวันตกนี่ห้ามเด็ดขาดนะครับ "

    เฉพาะบ้าน แต่ว่าวัดนี่ต้องทิศตะวันตก


    คุ้มขุนไกร


    ก็ศาลที่วัดเสร็จก็ยังไม่ได้สร้างสักที ไม่ได้เชิญ ก็จะต้องทำสักครังหนึ่ง ไม่รู้จะเอาวันไหน ผลัดวันประกันพรุ่งอยู่เรื่อย ท่านให้เขียนว่า คุ้มขุนไกร ที่ศาลนี่ ที่ศาลหลังวัด ที่บ้านช่าง บ้านลุงชิด ให้เขียนว่า คุ้มขุนไกร เราก็อยากทำหนังสือที่เป็นตัวไทยน่ะ ที่เป็นตัวโบราณที่มันไทยๆ

    ท่านสั่งตั้งแต่สมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ จะให้ช่างเขาทำ ก็ไม่ได้ทำสักที สร้างบ้านเสร็จหมดแล้ว พ่นสีหมดแล้ว




    (จากคำบอกเล่า ธัมมวิโมกข์ สิงหาคม 2538)




    ประสบการณ์อันน่าพิศวงของเหรียญพระชัยหลังช้าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2015
  5. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    ปล่อยผีเป็นอิสระ


    สามีภรรยาชาวไต้หวันคู่หนึ่งมาทำมาหากินที่เมืองไทย สามีนอกใจภรรยามีความทุกข์มาก ลูกน้องพาไปสำนักหนึ่งให้สะเดาะเคราะห์ให้ เขาช่วยแก้แล้วให้เอารูปใบหนึ่งติดตัวไว้ตลอดจะช่วยได้ ต่อมามีทุกข์อีกแก้ทุกข์ได้บ้าง สุขบ้างทุกข์บ้างจนหมดเงินไปมากมาย

    เมื่อต้นเดือน กรกฏาคม 2537 ภรรยาชื่อเพ็ญจะไปฝึกมโนมยิทธิที่บ้านสายลมโดยคุณบุษบาพาไปพบข้าพเจ้าก่อน จึงบอกให้ไปนั่งคอยชั้นบนแล้วจะไปสอนให้พร้อมกับคนอื่นๆ ปรากฏว่าเธอทนอยู่ไม่ได้ปวดเมื่อยไปหมด ซ้ำหูได้ยินเสียงไล่ ออกไปมึงออกไปนะ ออกไปๆ จนต้องกลับบ้านก่อนจะถึงเวลาสมาทานพระกรรมฐาน ผีไล่

    อีกประมาณ 10 กว่าวันโทรปรับทุกข์และเล่าเรื่องให้ฟัง ข้าพเจ้ารู้เห็นขณะพูดโทรศัพท์ว่าที่ตัวเขามีผีตายโหงผู้ชายบังคับหรือคุมตัวเขาอยู่ เขาจึงบอกว่ามีรูปใบหนึ่งคนทรงให้เอาติดตัวไว้ บอกว่าจะช่วยหรือแก้ทุกข์ได้ ข้าพเข้าจึงบอกให้ทำสังฆทานให้ผีเจ้าของรูปพันบาท ให้สร้างปราสาททองคำพันบาท แล้วฉีกรูปนั้นทิ้งหรือเผาไฟไปเลย เธอบอกไม่กล้าทำจึงบอกให้ไปทำที่วัดท่าซุง ตอนเข้าพรรษาอีกไม่กี่วันนี้ แล้วเอารูปให้ข้าพเจ้าๆจะจัดการให้

    วันทำบุญเข้าพรรษา คุณเพ็ญไปกับแม่และหลานซึ่งมาจากไต้หวัน จัดการทำบุญเจาะจงให้ผีเจ้าของรูปโดยเฉพาะตามที่บอกไว้ ข้าพเจ้ารับรูปมาจัดการ ดูแล้วมันเห็นเป็นกระโหลกคนตากลวงโบ๋ ถ้าดูปรกติจะเป็นรูปอะไรบอกไม่ถูกหน้าคนก็ไม่ใช่ ข้างหลังมีตัวหนังสือ 2-3 ตัว เป็นหนังสือขอม ข้าพเจ้ารับมาด้วยใจมั่นคงทำอะไรเราไม่ได้เราทำดีให้เขาพ้นจากสภาพผีลำบาก ถูกบังคับให้ทำชั่วบ้างดีบ้าง แล้วแต่หมอผีจะสั่ง พวกผีลำบาก สัมภเวสี ผีตายโหง ผู้ที่มีฤทธิ์สามารถเลี้ยงแล้วบังคับได้ ถ้าได้รับส่วนบุญมาพอมีฤทธิ์ก็จะหลุดพ้นจากอำนาจหมอผีได้ (เคยเขียนไว้ในบันทึกชาโดว์ เล่ม 1 เรื่องพบหมอผีเขมร) เมื่อผีเจ้าของรูปได้รับส่วนบุญที่คุณเพ็ญทำให้ ก็โมทนาบุญได้ แล้วข้าพเจ้าให้บุญของข้าพเจ้าที่ทำมาแล้วทั้งหมดอีกด้วย จึงเป็นเทวดาพ้นอำนาจมืดนั้น ข้าพเจ้ารับรูปมาแล้วไปเลี้ยงพระเพลที่หอฉันริมน้ำ ซึ่งมีต้นโพธิ์ใหญ่และศาลพระภูมิเล็กๆอยู่ติดหอฉันทางที่ลงไปแพเลี่ยงปลา เอารูปนั้นไปฝากไว้กับต้นโพธิ์ จะฉีกทิ้งเขาอัดพลาสติกแข็ง จะเผาก็จะประเจิดประเจ้อมากไป บอกให้ผีลำบากซึ่งกลายเป็นเทวดามีฤทธิ์แล้วให้ช่วยคุ้มครองคุณเพ็ญผู้มีพระคุณด้วย ถ้าไม่เกินวิสัยที่จะช่วยได้

    เมื่อท่านพระครูปลัดอนันต์ไปฉันเพล ข้าพเจ้าไปเอารูปให้ท่านดูเพราะท่านทราบเรื่อง ได้บอกท่านที่เขาค้อแล้ว ท่านว่า อ๊ะ ! จะเอาผีมาใส่หรือไง ท่านดูแล้วเอาไปไว้ที่เก่ายังไว้ในผ้าที่ห่มต้นโพธิ์จะได้ไม่มีใครเห็น ข้าพเจ้าถวายเพลแล้วกราบลาท่านพระครูเจ้าอาวาส บอกท่านว่าท่านเป็นประกันให้โยมแล้วนะท่าน รีบลุกไปเลย เป็นอันว่าปลอดภัยหมดเรื่อง ขึ้นชื่อว่าผีใครจะไม่กลัว จริงไหมท่าน

    วันนั้นคุณเพ็ญให้หลานชายอายุประมาณ 5-6 ขวบ มาไหว้ข้าพเจ้าๆ ลูบหัวเด็กแผ่เมตตาแล้วว่าคาถามงกุฏพระพุทธเจ้า คือ อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนา พุทธะตังโสอิ อิโสตัง พุทธะปิติอิ ขอให้เป็นเด็กดี หลวงพ่อท่านเคยบอกข้าพเจ้า 20 ปีกว่าแล้วว่า ถ้าเป่าหัวใครให้ว่าคาถาบทนี้ นึกขอให้เขาดีแบบไหนก็จะเป็นแบบนั้น

    ข้าพเจ้าทำมาเรื่อย เป่าหัวหมา หัวแมว หัวเด็ก ผู้ใหญ่ ถ้ามีโอกาสจะว่าบทนี้ วันนั้นเมื่อลูบหัวเด็กไต้หวันจิตรู้ว่าเด็กคนนั้นเคยเป็นลูกคุณเพ็ญในชาติปัจจุบันนี้ด้วยซึ่งตายเมื่ออายุขวบกว่าๆ ชาตินี้เกิดเป็นลูกน้องสาว ถามว่านิสัยเหมือนชาติก่อนไหม ? ตอบไม่ได้เพราะตายอายุน้อยมาก จึงบอกนิสัยปัจจุบันนี้ให้ว่าชอบทำอะไร ชอบกินอะไรมาก คุณเพ็ญส่งภาษาไต้หวันถามไปแล้วก็แปลเป็นไทยให้ข้าพเจ้า บอกว่าถูกทุกอย่าง แม่เก่าพ่อเก่าเมื่อพบเด็กคนนั้นจะนึกรักเป็นพิเศษกว่าเด็กคนอื่น และพ่อชาติก่อนจะมองเด็กทำท่าแปลกๆ

    เป็นการยืนยันได้เลยว่าคนหรือสัตว์มักจะติดที่อยู่ ตายแล้วก็มักจะเกิดใกล้ๆที่เดิมเป็นญาติเกี่ยวพันกันไม่ห่าง เหมือนพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่าน เกิดช่วยประเทศไทยมาแล้วหลายชาตอย่างที่พวกเราทราบๆกัน และพวกเราก็เกิดเป็นคนไทยมานับชาติไม่ถ้วนเหมือนกัน ชาติสุดท้ายนี้แล้วก็จงทำดีเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์บ้างตามโอกาสอำนวยให้ เช่น เราปลูกป่าต้นไม้ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องจากจะครองราชย์ครบ 50 ปี ในปี 2539 พวกเราก็ได้ไปทำแล้วเป็นต้น


    สวัสดี

    ชาโดว์

    30 กรกฏาคม 2537


    (จากบันทึกของชาโดว์ เล่ม 5 หน้า 81)





    ประสบการณ์อันน่าพิศวงของเหรียญพระชัยหลังช้าง



    [​IMG]


    ป้าอัญเชิญ มณีจักร หรือป้าชาโดว์ ผู้เขียนหนังสือบันทึกของชาโดว์นั่นเองครับ



    http://palungjit.org/threads/นานาเรื่องราวต่อองค์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน.310631/page-16
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2015
  6. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    [​IMG]
     
  7. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 เมษายน 2014
  8. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    ทัวร์ยุโรป 4 ประเทศ ปี 2538

    วันที่ 1
    เชือก 7 สี

    วันที่ 16 มิถุนายน 2538 นัดพบกันที่ Airport ดอนเมือง 4 ทุ่ม เครื่องออก 00.20 น. โดยสารการบินไทย ทีแรกเป็นสายการบินของ SAS พอดีเขาประท้วงจึงเปลี่ยนเป็นการบินไทย คนเต็มทุกที่นั่งทุกสายการบิน โดยเฉพาะยุโรปเพราะเป็นฤดูการท่องเที่ยว ก่อนเครื่องบินจะขึ้นก็ได้กราบพระในใจ

    ขอบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตั้งแต่องค์ปฐมจนถึงองค์ปัจจุบัน พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ที่เคยรู้จัก ท่านปู่ที่เป็นใหญ่ที่สุดในพรหม ท่านปู่พระอินทร์ ท้าวมหาราชทั้ง 4 พญายมราช ก็ไปแบบมโนมยิทธิครึ่งกำลังถึงข้างบน ฉะนั้นเห็นองค์ไหนหรือเคยกราบท่านเคยขอให้ท่านช่วยจึงมีมาก ที่สำคัญลูกกำลังบินสูงกว่าพื้นดิน สูงกว่าวัด กว่าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่อยู่บนดิน ลูกขอขมาพระรัตนตรัย ขออย่าเป็นโทษ ขอให้เป็นคุณท่านช่วยลูกด้วยเถิด ขอให้เครื่องบินบินสบายๆ ไม่มีอันตราย ไม่โดนพายุ

    ให้เขาเรียกรัดเข็มขัดจะได้หลับตลอดทาง ครั้งนี้มีเชือก 7 สีที่พุทธาภิเษกเสาร์ 5 รุ่นแรก(หลวงพ่อท่านสิ้นแล้ว) พระครูปลัดอนันต์เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันทำขึ้น

    คุณแดงพลตรีศรีพันธ์ วิชชุพันธ์ ตาทิพย์ หลวงพ่อท่านให้เป็นคนตั้งศาลพระภูมิหรือดูหมอดู แบบติดต่อวิญญาณ ทำพิธีต่างๆ แทนท่าน ได้จับดูบอกว่าแรงมาก กันภูตผีปีศาจ กันลมพายุ กันไฟ ฯลฯ ถ้าไฟกำลังไหม้จะเข้าไป ให้ขอ จะช่วยได้

    ข้าพเจ้าผูกทั้งข้อมือ พวกเราลูกศิษย์หลวงพ่อท่านมีผูกกันทุกคน มีแบบคล้องคอด้วย ข้าพเจ้าก็คล้องไปด้วย ได้ผล 100 % ขนาดฝนตกถ้าเห็นว่าจะเป็นภัยกับสุขภาพ ขอลมพัดไปที่อื่นยังได้เลย

    เมื่อเครื่องบินขึ้นฟ้าเรียบร้อยแล้ว เขาเอาอาหารมาให้ก็กินทุกครั้งที่เขาเอาให้กิน ศีล 8 ถือไม่ได้เพราะต่างแดน ไม่สะดวก กินของน้ำๆ ก็ฉี่บ่อยอีก แล้วไม่รู้เวลาอะไรเพราะถึงถิ่นไหนเขาก็เปลี่ยนเป็นเวลาท้องถิ่น หมุนนาฬิกาอยู่เรื่อย เอาอะไรให้กินต้องกิน ของที่อยู่บ้านไม่กินคือ กุ้ง ไก่ เนื้อ ไข่ เพราะกลัวเป็นพิษกับร่างกาย แก่แล้ว

    หลวงปู่ชามาเคยบอกว่า อาหารเรปฏิกูลสัญญา ให้พิจารณาว่าอาหารอะไรที่กินเข้าไปแล้วจะเป็นพิษเป็นโรคภัยไข้เจ็บ อย่ากิน เรื่องสกปรกนั้นหลวงพ่อท่านสอนอยู่แล้ว ส่วนมากรู้แล้ว เมื่อข้าพเจ้าถามท่านเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่เคยไปพักรักษาตัวที่บ้านข้าพเจ้าหลายครั้ง วัดท่านอยู่วังสะพุง จังหวัดเลย เพื่อนหลวงปู่หลุย หลวงปู่ชอบ ฯลฯ ท่านบอกแบบนี้จึงต้องจำ และทำตามถ้าไม่ลืม หลวงพ่อบอกว่าท่านเป็นพระอรหันต์แล้วด้วย เมื่อไปต่างแดนไม่มีให้เลือกต้องกิน

    ขณะกินว่าคาถา "เจจะตัง" กันพิษ คาถานี้หลวงพ่อท่านบอกข้าพเจ้าเมื่อขณะที่ท่านกำลังฉันอาหาร ให้ว่า "เจจะตัง" เช่นยาพิษหรือมีพิษจะสลายตัว

    ข้าพเจ้าจำได้ท่านยังพูดเล่นๆว่า เจ๊จะกิน และท่านรู้ว่าข้าพเจ้าชอบพิจารณาอาหาเรปฏิกูลสัญญาขณะกินเสมอ ถ้าไม่ลืม โดยเฉพาะกินหลายๆคน คนนั้นว่างั้นว่างี้ วิจารณ์รสอาหาร อร่อยไม่อร่อย ทำอย่างไรลืมทุกที ดีว่าอยู่บ้านกินข้าวคนเดียว

    เมื่อเป็นศิษย์หลวงพ่อท่านใหม่ๆ ท่านกำลังจะฉันอาหารที่บ้านข้าพเจ้า ข้าพเจ้านั่งอยู่ใกล้ ท่านพูดว่า "พิจารณาอาหารก่อน เดี๋ยว อ้าย(ข้าพเจ้า) จะว่า" ยิ่งทำให้ข้าพเจ้าต้องระวังมากขึ้นและไม่ลืมเลย



    (จากหนังสือบันทึกของชาโดว์ เล่ม 5 หน้า 103)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2020
  9. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    พี่ๆน้องมีกันบ้างหรือยังครับเชือก 7 สีของวัดท่าซุง รุ่นแรกคงหมดไปแล้ว แต่รุ่นที่ยังมีจำหน่ายอยู่ที่บ้านสายลมและที่วัดท่าซุงอานุภาพไม่น่าเป็น รองไปจากรุ่นแรกอย่างแน่นอน

    เป็นของดีราคาย่อมเยาว์อีกอย่างหนึ่งของวัดครับ

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2015
  10. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    ลูกขโมยเงินวิระทะโยกลัวบาป


    ผู้ถาม : ลูกชายของดิฉัน อายุ 14 ปี ชอบมาขโมยเงินวิระทะโยไปเสมอๆ ลูกกลัวว่าจะเป็นบาปเป็นกรรม หลวงพ่อมีคำแนะนำอย่างไรเพื่อจะชำระหนี้ที่ทำไปแล้วบ้างคะ ?

    หลวงพ่อ : ความจริงก็คงไม่เป็นไรละมั้ง ขโมยแล้วก็แล้วกันไป เพราะถือว่าเงินจำนวนนี้ยังไม่เป็นของสงฆ์โดยตรง ก็ไม่ใช่ของแม่โดยตรงแล้ว เป็นของให้ระหว่าง เหมือนเรื่อง กากะเปรต

    กากะเปรตก็แบบนี้แหละ ข้าวสุกเขาจะนำไปถวายไปทำบุญที่วัด จับอยู่บนหลังคาศาลาบินไปโฉบไปกิน 3 คำ ตายจากความเป็นกาไปเป็นเปรต หัวเป็นกา ไฟไหม้ทั้งตัว ถูกหอกแทง ลอยไปในอากาศ ตามบาลีบอกว่า ของนั้นจะถือเป็นของสงฆ์ก็ไม่ใช่ เพราะของนั้นยังไม่ได้ประเคน จะถือว่าเป็นของชาวบ้านผู้ให้ก็ไม่ได้ เพราะขาดแล้ว ตั้งใจแล้ว ของระหว่างกลางเจ้าของกับของสงฆ์ จึงเกิดแค่เป็นเปรตไงล่ะ ไม่งั้นก็ลงอเวจีไป


    (หลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ สิงหาคม 2538)
     
  11. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  12. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    ถวายข้าวพระพุทธ


    ผู้ถาม : ดิฉันถวายข้าวพระพุทธทุกวัน อย่างนี้ได้อานิสงส์ไหมคะ ?

    หลวงพ่อ : ได้โยม ถวายข้าวพระพุทธ ควรจะเลือกกับดีๆ นะโยม เพราะว่าท่านฉันไม่หมด

    คือการถวายข้าวพระพุทธ นี่เป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน นะ นึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ คือมีความห่วงอยู่ใช่ไหม ว่าเวลานี้จะต้องถวายข้าวพระพุทธ อย่างนี้แหละเป็น พุทธานุสสติกรรมฐาน โยมเจริญกรรมฐานแบบไม่รู้ตัวนะ

    ผู้ถาม : ดิฉันทำมา 20 กว่าปีแล้วค่ะ

    หลวงพ่อ : ดีโยม ทีหลังถวายมากๆ นะ ถวายเป็นหมูหันก็ได้นะ ลูกศิษย์จะได้สบาย


    (จากหลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ มกราคม 2540)


    เอาเงินพ่อแม่ทำบุญ


    ผู้ถาม : ผมเป็นนักเรียนอยู่ คุณพ่อคุณแม่ได้ส่งเงินมาให้ใช้เป็นประจำ ผมก็เลยแบ่งเอามาทำบุญกับหลวงพ่อเสียบ้าง ผมอยากจะเรียนถามหลวงพ่อว่า พ่อและแม่ จะมีอานิสงส์หรือไม่ขอรับ ?

    หลวงพ่อ : ได้แน่นอน เพราะลูกเป็นคนดี คือว่าการทำบุญ ทำกุศล เป็นความดีของลูก เรื่องเงินเรื่องทองพ่อแม่นำมาให้ หากว่าท่านรู้ว่าลูกของท่านเป็นคนดี จิตใจสบาย อันนี้โมทนาไปในตัว ได้แน่ๆ


    (จากหลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ กุมภาพันธ์ 2537)
     
  13. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    อานิสงส์ของการทำบุญ


    โยมผู้หญิงคนหนึ่งได้ทราบว่า พระที่โยมใส่บาตรทุกวันนั้น ไม่ได้มุ่งมาบวชเพื่อตัดกิเลส แต่บวชมาเพื่อกวดวิชาเข้า ม.ศ. 5 โยมจึงบอกกับพระองค์นั้นว่า "พรุ่งนี้ไม่ต้องมาบิณฑบาตอีกนะคะ" โยมพูดไปแล้วก็ไม่สบายใจ เมื่อมีโอกาศได้มาพบหลวงพ่อ จึงเรียนถามว่า "พูดอย่างนี้จะบาปไหมคะ...?"

    หลวงพ่อได้เมตตาตอบว่า


    หลวงพ่อ : ไม่บาปหรอกโยม เพราะเราไม่ได้เอาของเขาใช้ นี่เป็นของของเรา เรามีสิทธิ์ คำว่าบาป แปลว่า ชั่ว ของของเรา เราไม่ให้เขา ไม่ถือว่าชั่ว

    ผู้ถาม : คนจนอยากทำบุญ แต่ไม่มีเงินจะทำ อย่างนี้ควรจะทำด้วยอะไรคะ ?

    หลวงพ่อ : เอ...อย่างนี้ต้องแก้ผ้าทำนะ

    ผู้ถาม : (หัวเราะ)

    หลวงพ่อ : อย่าง มหาทุคคตะ แกผ้าทำจนต้องนุ่งใบไม้ และมีตัวอย่างอีกคนหนึ่ง คือ ท่าน มัฏฐกุณฑลีเทพบุตร ท่านเป็นลูกของพราหมณ์ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ พ่อแม่ไม่เคารพพระในพระพุทธศาสนา และท่านก็ไม่มีโอกาสจะใส่บาตร ไม่มีโอกาสจะรักษาศีล ไม่มีโอกาสจะได้ฟังเทศน์ แย่เลย....

    เวลาตายปรากฏว่า พ่อก็ไม่เป็นที่พึ่ง แม่ก็ไม่เป็นที่พึ่ง ทรัพย์สมบัติก็ไม่เป็นที่พึ่ง เขาลือกันว่าพระพุทธเจ้านั้นใจดี เป็นที่พึ่งของคนทุกคน ท่านก็นึกถึงพระพุทธเจ้า พอตายแล้วก็ไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก

    นี่เป็นอันว่า คนที่ทำบุญ ไม่ต้องลงทุนด้วยทรัยพ์สิน แต่ว่าใช้จิตภาวนาหรือพิจารณาถึงความดีส่วนใดส่วนหนึ่ง มันก็เป็นบุญ

    เราทำแบบนี้ อย่าทำบ่อยนะ พระไม่ค่อยชอบ

    ผู้ถาม : ถ้าหากว่าทำบุญแบบนี้ ตายแล้วเป็นเทวดา ไม่จนแย่หรือคะ ?

    หลวงพ่อ : ก็บอกแล้วอย่าทำบ่อยนัก พระไม่ค่อยชอบ ไม่จนหรอก ดูตัวอย่าง ท่านมัฏฐกุณฑลีเทพบุตร ท่านนึกถึงพระพุทธเจ้าหน่อยเดียว ตายแล้วไปเกิดเป็นเทวดา มีวิมานทองคำ มีเครื่องประดับสวย แจ๋ว แต่พระไม่ชอบเทศน์ แต่ว่าทำได้นะโยม มีอานิสงส์ใหญ่นะ

    ผู้ถาม : อย่างที่เห็นเขาทำบุญ แล้วยกมือ อนุโมทนา สาธุ อย่างนี้จะได้ไหมคะ ?

    หลวงพ่อ : ยกมือดีใจ หรือยกมือแช่งเขาล่ะ ?

    ผู้ถาม : สาธุ ดีใจค่ะ

    หลวงพ่อ : โมทนา แปลว่า ยินดีด้วยนะ ไม่สาธุนึกว่า ไอ้บ้าทำบุญเสือกมาอวดกูด้วย

    ผู้ถาม : หลวงพ่อคะ การทำบุญทุกอย่าง แต่ไม่ได้ปราถนาอะไรเลย จะได้ไหมคะ ?

    หลวงพ่อ : ได้โยม ทำไมจะไม่ได้ คือถ้าไม่ตั้งมโนปณิธานปราถนา บุญมันก็ต้องเป็นบุญ แต่ว่าอานิสงส์เบื้องปลายมันไม่เหมือนกัน

    ผู้ถาม : เป็นไงคะ ?
    หลวงพ่อ : การปราถนาจัดเป็นอธิษฐานบารมีนะ ตั้งใจว่าการทำบุญอย่างนี้เพื่อผลอะไร อย่างที่ไม่ปราถนาพุทธภูมิ ไม่ปราถนาเป็นพระพุทธเจ้า ไม่ปราถนาเป็นพระอัครสาวก แต่ปราถนาเพื่อการหมดกิเลส ก็ชื่อว่า ยังปราถนา อยู่

    ผู้ถาม : ถ้าหากว่า ทำเฉยๆ เล่าคะ ?

    หลวงพ่อ : ถ้าหากว่าทำเฉยๆ ไม่ปราถนาอะไรเลย ตัวอย่างก็มีท่าน อาฬวีเศรษฐี จะฟังนิทานไหม ฉันจะเล่าให้ฟัง

    ผู้ถาม : ฟังค่ะ

    หลวงพ่อ : จะให้เท่าไรล่ะ ?

    ผู้ถาม : (หัวเราะ)

    หลวงพ่อ : คือว่า ท่านอาฬวีเศรษฐี พ่อท่านเป็นมหาเศรษฐี พอพ่อท่านตายลง ท่านก็เป็นเศรษฐีแทน เศรษฐีสมัยนั้นพระราชาต้องแต่งตั้ง แล้วต่อมา พวกขี้เมา ก็ชวนกินเหล้าเมายา ในที่สุดทรัพย์สินก็หมดไป จนกระทั่งกลายเป็นขอทาน

    วันหนึ่ง พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์เสด็จไปที่เมือง อาฬวี เห็นอาฬวีเศรษฐีนั่งขอทานอยู่ข้างฝาเรือนชาวบ้าน พระพุทธเจ้าก็ทรงแย้มพระโอษฐ์

    พระพุทธเจ้าตามปรกติจะไม่แย้มพระโอษฐ์ ถ้ายิ้มแล้วต้องมีเรื่อง

    พระอานนท์จึงทูลถามว่า "พระองค์ยิ้มด้วยเรื่องอะไร พระพุทธเจ้าข้า ?"

    พระพุทธเจ้าถามว่า "อานนท์ เธอเห็นอาฬวีเศรษฐีไหม ?"

    พระอานนท์มองไปมองมาไม่เห็น เห็นแต่ขอทาน พระพุทธเจ้าก็บอกว่า " ขอทานนั่นแหละ คือ อาฬวีเศรษฐี "

    แล้วพระองค์ก็ตรัสว่า "ถ้าอาฬวีเศรษฐี สมัยเมื่อเป็นเศรษฐี ถ้าฟังเทศน์ของเราเพียงจบเดียว จะได้บรรลุพระอนาคามี เมื่อเงินน้อยลงมาเป็นอนุเศรษฐี ถ้าฟังเทศน์จากเราเพียงจบเดียว จะได้เป็นพระสกิทาคามี เมื่อมีฐานะเป็นคหบดี ถ้าฟังเทศน์จากเราเพียงจบเดียว จะได้เป็นพระโสดาบัน

    แต่ว่านี่อาฬวีเศรษฐี เป็นขอทานเสียแล้ว เราเทศน์จึงไม่มีผล"

    ตอนนี้ พระอานนท์ทูลถามว่า "ตามธรรมดาคนจะบรรลุมรรคผล องค์สมเด็จพระทศพลเคยตรัสว่า จะตายก่อนก็ยังไม่ได้ ต้องบรรลุมรรคผลก่อนนี่ พระพุทธเจ้าข้า ?"

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า "นั่นเขามีอธิษฐานบารมี"

    เป็นอันว่าอาฬวีเศรษฐี ไม่มีอธิษฐานบารมี ใช่ไหม..โยม ?

    ผู้ถาม : ใช่ค่ะ

    หลวงพ่อ : คนจะได้ดี เลยไม่ได้ดี ต่อไปอธิษฐานเสียนะ

    ผู้ถาม : ค่ะ ต่อไปจะอธิษฐานเสมอค่ะ


    (จากหลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ มกราคม 2540)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2019
  14. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    จิต 2 จิต

    ผู้ถาม : หลวงพ่อเจ้าขา หนูรู้สึกว่ากายมันแยกกับจิต และจิตมันมี 2 จิต คือจิตหนึ่งทำกรรมฐานขาดความสงบ แต่อีกจิตหนึ่งมีแต่ความโกรธมีแต่ความอาฆาต มันมักจะสลับซับซ้อนอยู่อย่างนี้เสมอๆ แก้อย่างไรก็ไม่หาย ทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จ ขอหลวงพ่อช่วยแก้จิต 2 จิตนี้ด้วยเถิดเจ้าค่ะ ?

    หลวงพ่อ : เอาอย่างนี้ซิ อย่างทองแดงกับทองคำลักษณะมันไม่เหมือนกันใช่ไหม ถ้าใส่คนและแขน คุณค่าก็ไม่เสมอกัน เอามาหลอมติดกันเสียเป็นนาค นี่จิต 2 จิตเข้าตา เข้าเบ้า เข้าเมรุ หลอมเสียให้เป็นจิตเดียวกัน (หัวเราะ) ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ปล่อยมันซิ ต่อไปนานๆ ก็หายไปเอง จิตหนึ่งชอบเจริญกรรมฐาน แสดงว่าจิตดีมาก อีกจิตหนึ่งกิเลส มันยังมีอยู่ก็ดึงหน้าดึงหลัง ถ้ามันแข็งมาก็แพ้ ก็เป็นแบบนี้เหมือนกันทุกคน พระอรหันต์ทุกองค์ก็เป็นแบบนี้

    ผู้ถาม : หลวงพ่อเคยเป็นไหมครับ 2 จิต อย่างนี้

    หลวงพ่อ : โอ้ย......ฉันเป็นหลายร้อยจิต

    ผู้ถาม : โอ้โฮ...อย่างนี้ก็เรียกว่าเป็นปรมาจารย์จิตซิครับ

    หลวงพ่อ : ไม่ใช่ เป็นก้นจานจิต อย่างอภิธรรม จิตเขามีกี่ดวงล่ะ

    ผู้ถาม : 89 หรือ 121 ครับ

    หลวงพ่อ : นั่นเห็มไหมล่ะ เรามีแค่ 2 ดวง มันน้อยไป แสดงว่าดีมากนี่ ยังรู้ว่าจิตนี่เป็นกุศล เดิมทีเดียวมันไม่มีกุศล มีแต่อกุศลดึงไป ถือว่าขึ้นมามากแล้ว ไม่ช้าก็ชนะ



    จิตกับวิญญาณ


    ผู้ถาม : คำว่าจิตกับวิญญาณต่างกันอย่างไรเจ้าคะ เพราะได้ไปอ่านหนังสือเขาว่าเป็นความต่อเนื่องของชาติภพ คนเราสำคัญว่าร่างกายมีความต่อเนื่อง แต่จริงๆแล้วมีการตายแล้วเกิดตลอดเวลา อ่านแล้วไม่เข้าใจ ขอหลวงพ่อโปรดสงเคราะห์ด้วยเถิดเจ้าคะ ?

    หลวงพ่อ : ฉันก็ไม่เข้าใจ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน จิตกับวิญญาณต่างกันอย่างนี้นะ จิตเขาใช้ตัว จ. วิญญาณใช้ตัว ว. ขึ้นหน้า (หัวเราะ)

    ความจริงหนังสือที่เขียน เขียนเคล้ากัน บางทีเอาเรื่องของจิตไปเขียนกับวิญญาณ ความจริงจิตกับวิญญาณควรจะแยกกันออก

    จิตมีสภาพคิด

    วิญาณคือความรู้สึก สมัยนี้เขาเรียกว่า ประสาท

    ไอ้ตัววิญญาณมันตายไปพร้อมกับร่างกายที่ตาย จิตไม่ตายไปด้วย

    จิตไปสู่ภพต่างๆ ตามบุญบาปของเรา ถ้าบาปเกาะจิต จิตก็ไปนรกก่อน สู่อบายภูมิก่อน ถ้าบุญเกาะจิต จิตก็ไปสวรรค์ ไปพรหม ไปนิพพาน ต่างกันตรงนี้นะ นอกจากนั้นฉันไม่รู้เรื่องหรอก

    เรื่องความต่อเนื่องของชาติภพ อย่าไปคิดมันเลย คิดให้มันยุ่งเปล่าๆ เอาว่าตายจริงๆ ก็แล้วกัน หมดเรื่องหมดราว ถ้ายิ่งคิดไปตามนั้นอารมณ์ยิ่งหมุน ฉันเคยคิดตามนั้นแหละ หมุนทุกคราว มาจับเอาตัวจริงๆดีกว่า แค่ร่างกายนี่มันพังแน่ ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง เอาง่ายๆดีกว่า ขึ้นชื่อว่าการเกิดแล้วมันต้องตาย ถ้าเกิดทีไรก็มีความทุกข์ อย่างนี้เราไม่ต้องการเกิดอีก ต้องการจุดเดียวคือนิพพาน เขาทำอย่างไรไปนิพพานก็ทำวิธีนั้น

    นิพพานเขาทำแบบไหน แบบต้นๆ ของนิพพานคือ

    1. มีความรู้สึกว่าชีวิตนี้จะต้องตาย อย่าไปนึกว่ามันไม่ตาย

    2. ไม่สงสัยในคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์

    3. ทรงศีล 5 ให้บริสุทธิ์สำหรับฆราวาส

    นี่เป็นการขึ้นต้นพระนิพพาน เข้ากระแสพระนิพพานเลย แค่ 3 ข้อนะ ปฏิบัติง่ายๆ ไม่ยาก ยากไหม ?


    (หลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ กุมภาพันธ์ 2537)





    http://palungjit.org/threads/นานาเรื่องราวต่อองค์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน.310631/page-153
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2019
  15. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    [​IMG]


    พระชัยหลังช้างเนื้อทอง เงิน นาค


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2016
  16. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    ล๊อกเก็ตหัวใจ.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2019
  17. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    ประเทศ Scotland แม่มดมีจริง



    อาหารเช้าออกเดินทางไปประเทศสก๊อตแลนด์ ดินแดนแห่งภูเขาสวย ชมทิวทัศน์พาไปเมือง Edinburgh เมืองหลวงของสก๊อตแลนด์ เขาก็พาไปที่ต่างๆ ของเขาหลายแห่งดูๆไปก็คล้ายๆ กัน ถึงที่พักค่ำแล้ว เอาของเข้าห้องแล้วปีเตอร์พาเดินไปทานอาหารไกล คุยกันระหว่างทางบอกว่าเมืองนั้นมีปราสาทแม่มด มีบ้านผีสิงเก่าแก่หลายพันปี ให้คนเข้าไปชมได้ด้วย เป็นที่น่าดูแห่งหนึ่ง ฟังแล้วตกใจกลัวผี เฮ้ย ! ผีมีจริงนะ จะพาไปถึงถิ่นเชียวหรือ พอว่าค่ำแล้วเขาปิดเข้าไม่ได้ โล่งอกจริงๆ นึกในใจถ้าพาเข้าไปเราไม่เข้าดีกว่า

    ทานอาหารเสร็จเขาพาเดินเฉียดปราสาทแม่มดกับบ้านผีสิง พุทโธๆ เข้าไว้กันผี จงเอาบุญทั้งหมดไปเลยนะท่าน ไม่เห็นผี กลัวไม่กล้าดู เก่งจริงซะเมื่อไร ถึงห้องพักแคบๆจัดของที่ใช้คืนนั้นกับวันรุ่งแล้วนอน นอนสวดมนต์ไหว้พระแผ่สวนบุญไปเรื่อยๆ พอนึกได้ว่าปราสาทแม่มดมีจริงหรือไม่เท่านั้นโผล่มาเลย เสียงฝืเท้าแบบคนเดินรอบเตียงข้าพเจ้า แต่ไม่ถึงหัวนะ เอี๊ยดๆๆ แบบพื้นบ้านไม้กระดานเก่าๆ ที่ไม่แเข็งแรง เวลาคนเดินจะดังแบบนั้นเข้าจังหวะที่เท้าเดินพอดี เดินนานเรื่อยๆ น้องอ๋อยนอนเตียงใกล้กันก็ได้ยินว่าเสียงเดินใต้เตียงข๊าพเจ้าๆบอกว่า ดังเองนะ ไมใช่เตียงดังขยับตัวแรงๆ บนเตียงก็ไม่มีเสียง กลัวอ๋อยจะกลัวเลยบอกว่าสงสัยห้องอื่นเขาเดินกระดานลั่นมาถึงห้องเรา แต่ตอนนั้นรู้แล้วว่าเป็นผีแม่มดเห็นเป็นผู้หญิง

    ถามผีว่า แม่มดมีจริงไหม ? มีจริง พวกไหนล่ะ ? พวกที่ได้อภิญญาหรือฤทธิ์ พวกฌานโลกีย์ มีฤทธิ์เหาะเหิรเดินอากาศ เสกของได้ ที่เขาวาดจมูกแหลมๆ ไม่ถึงขนาดนั้น คนธรรมดาแต่ถ้าจะแปลงกายให้เป็นแบบไหนก็ได้ มีหลายคน ถามไปว่าศาสนาพุทธเพิ่งมีได้ 2,500 ปีเอง ปราสาทของท่านอายุมากกว่านะ แม่มดบอกว่าพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์สอนหรือมีความรู้เหมือนกันหมด ฉะนั้นฤทธิ์หรืออภิญญาฌานโลกีย์ คุณไสย์มีตลอด ยิ่งคนโบราณมีฤทธิ์มากกว่าเดี๋ยวนี้อีก


    อ้อ...งั้นหินที่ขนาดใหญ่ๆ ที่เรียงเป็นวงกลมและซ้อนกันโดยที่ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรก็เป็นพวกมีฤทธิ์ หรือผีเทวดาเจ้าที่เจ้าทางอนุญาติให้ทำใช่ไหม ? (เมื่อเขียนถึงหมาหอนทันทีเลย) ตอบว่า ใช่



    [​IMG]


    ท่านมีฤทธิ์ทำไมท่านไม่ไปนิพพานล่ะ ตอบว่ามัวติดฤทธิ์ ข้าพเจ้าเคยมีฤทธิ์ไหม ผีบอกว่ามี ไม่เอาแล้วถึงมีฉันขอเลิกไม่เอาแล้วไปนิพพานดีกว่า พวกท่านเป็นเทวดานางฟ้าไม่อยู่ในนรก ท่านทำต่อไปนิพพานได้นะ จงโมทนาบุญที่ข้าพเจ้ามีแล้วทั้งหมดเพื่อนิพพานชาตินี้ ท่านจงเอาไปด้วยเลย คืนนี้หรือคืนไหนๆ ขอให้ข้าพเจ้าหลับสบายๆ หลับสนิทดีเลยนะ ขอท่านคุ้มครองหรือเป็นยามช่วยข้าพเจ้าด้วย ข้าพเจ้ากลัวเหมือนกันนะ ผีน่ะ อย่าหลอกให้ก็แล้วกัน แล้วก็หลับจะเป็นเพราะง่วงมากถึงหลับได้หรือไม่กลัวผีก็ไม่รู้นะ บอกไม่ถูก เดิมว่าจะนอนที่นั่น 2 คืน เปลี่ยนเป็นคืนเดียวจะได้เอาวันไปเที่ยวในกรุงลอนดอน จึงไม่รู้ว่าถ้านอนอีกคืนท่านแม่มดจะมาคุยอีกหรือไม่



    ขอเห็นสัตว์ประหลาด


    วันที่ 25 กันยายน 2540 เป็นวันที่ 8 ของการเดินทาง ตื่นเช้าไหว้พระสวดมนต์ให้อ๋อยเข้าห้องน้ำก่อน อ๋อยอยู่เชียงใหม่อาบน้ำได้ทุกวัน เช้าก็อาบ ข้าพเจ้าอาบไม่ทุกวันมันหนาวเหงื่อไม่มีทางออกเลย ยิ่งเช้าไม่เคยเลยกลัวเป็นหวัด อ๋อยเขาชินกับอากาศเย็น ข้าพเจ้าชอบเย็นชอบหนาวกว่าร้อน มีนา เมษาถึงได้หาเรื่องเที่ยวเมืองหนาวทุกปี

    ทานข้าวแล้วออกรถ 9 โมงชมเมืองและสถานที่น่าสนใจของเมือง Edinburgh ดูร้านค้าเข้าร้านขายเสื้อผ้า ไหนๆ ไปถึงที่แล้ว เคยได้ยินผ้าตราสก๊อตมาตั้งแต่เด็ก ไปถึงที่เลยต้องซื้อไว้เป็นที่ระลึก ซื้อกระโปรงฝากหลานเนตรกับหลานเตย เมื่อเอา 60 คูณต้องยั้งมือ เห็นว่าเมืองร้อนบ้านเราใช้ไม่เหมาะเลยไม่เสียเงินมากนัก ของเก่ามีอยู่แล้วซื้อที่อื่น

    รถแล่นไปตอนเหนือของสก๊อตแลนด์ชม Sterling Castle ระหว่างทางทิวทัศน์เป็นภูเขางดงาม ระหว่างทางที่ไปเป็นเทือกเขา Inverness ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสก๊อตแลนด์ คืนนี้จะได้นอนที่ๆมีสัตว์ประหลาดที่ไม่มีใครรู้จริงของทะเลสาบ Loch Ness ซึ่งเมื่อ 13-14 ปีก่อน สัตว์ประหลาดดังมีคนพบเห็นแต่ไม่แน่ใจ มีคนถามหลวงพ่อท่านๆบอกว่ามีจริงๆ ระหว่างที่ท่านพูด ข๊าพเจ้าก็ขอเห็นภาพด้วย พอจำได้บ้างนิดหน่อย

    จุดสนใจที่ไปครั้งนี้ก็สัตว์ประหลาดในทะเลสาบล๊อคเนสนั่นแหละ นั่งรถไปใจนึกทำมโนมยิทธิ สาธุ ! ขอเจ้าป่าเจ้าเขาเจ้าทะเลเจ้ามหาสมุทร ขอให้เห็นสัตว์ประหลาดชัดเจนถ่ายรูปได้ด้วย จะถวายสังฆทานหรือทำบุญถวาย 2,000 บาท เห็นเทวดาองค์หนึ่งลอยอยู่ตรงหน้าท่านยกมือห้าม ข้าพเจ้าเข้าใจผิดคิดว่า 2,000 บาทไม่พอต้อง 5,000 บาทเลยตกลงห้าพันก็ห้าพันเจ้าค่ะ ต้องเห็นถ่ายรูปชัดๆ ด้วยเจ้าค่ะ ถึงบ้านพักค่ำแล้วเหม็นบุหรี่อีกแล้ว ยังโง่ไม่รู้อีกว่าผีมาหา นอนนึกไหว้พระสวดมนต์เต็มที่ พรุ่งนี้จะได้เห็นสัตว์ประหลาด เมื่อทำสมาธิเต็มที่แล้วจึงรู้ว่าพรุ่งนี้ไม่ได้เห็น หลวงพ่อท่านยืนยันด้วย อย่างนั้นลูกขอฝันเห็นคืนนี้ก็ได้เจ้าค่ะ หลับไปฝันว่าเตรียมตัวไปดูสัตว์ประหลาดแบบตื่นเต้นดีใจ พอสว่างลืมรายละเอียดนึกไม่ออกว่าฝันอะไร จำได้แต่ว่าไปดูสัตว์ประหลาดเท่านั้น คืนนั้นนอนที่ Inverness




    ทะเลสาบ Loch Ness


    [​IMG]


    วันที่ 27 กันยา 2540 เป็นวันที่ 10 ของการเดินทาง ตื่นนอนด้วยใจห่อเหี่ยวรู้ว่าไม่เห็นสัตว์ประหลาดแน่นอนเพราะคืนนี้ฝันแล้ว สายๆเขาพานั่งเรือ 2 ชั้นไม่ใหญ่นักเพื่อออกไปทะเลสาบที่เคยเห็นสัตว์ประหลาด นั่งชั้นบนอากาศหนาวเย็นลมพัดแรงตลอดเวลาจากตัวเมืองนั่งเรือออกไปไกลพอสมควร เป็นแม่น้ำเล็กๆ ก่อนถึงจะออกไปถึงทะเลสสาบล๊อกเนส ดูน้ำแล้วมันขุ่นดำๆ หินที่โผล่เหนือน้ำระหว่างทางก็เป็นหินดำทั้งนั้น

    เตรียมกล้องถ่ายรูปไว้ไม่เห็นสัตว์เห็นที่อาศัยก็ยังดี ระหว่างนั่งเรือออกไปก็นึกขอดูสัตว์ประหลาดแบบมโนมยิทธิ แล้วถามบ้างคุยกับเจ้าทะเลสาบว่าอยู่บนน้ำยังหนาวเย็นขนาดนั้น ยิ่งใต้ทะเลสาบลึกมากๆ ไม่หนาวกว่านี้หรือ สิ่งที่มีชีวิตจะอยู่ได้อย่างไร คล้ายๆจะโดนว่าอ้ายเซ่อ ใต้ทะเลยังมีภูเขาไฟฉะนั้นกระแสน้ำอุ่นต้องมี ที่นั่นเคยมีภูเขาไฟระเบิดมาแล้วเมื่อพันปีผ่านมา หินถึงได้สีดำ มองไปไกลๆ น้ำหรือคลื่นเล็กๆ เห็นน้ำดำๆ แบบนั้นเอง ถึงสัตว์ขึ้นมาก็มองเห็นไม่ถนัด ดำๆไม่รู้ว่าคลื่นหรือสัตว์ อย่างนั้นขอเห็นแบบมโมนมยิทธิดีๆ หน่อยเจ้าค่ะ ก็เห็นดี พระท่านบอกว่าถ้าให้เห็นจริงๆ ถ่ายรูปยืนยันเป็นหลักฐานได้จะเดือดร้อนเขา คนจะต้องลงไปค้นคว้าหาเขาๆจะอยู่ไม่มีความสุข เชื้อโรคจากคนจะทำให้เขาตาย ถ้าตายเป็นว่าสูญพันธ์

    นั่งเรือแล้วลงเรือไปดูพิพิธภัณฑ์สัตว์ประหลาด มีฉายหนัง 3 มิติและอธิบายเสร็จ มีเครื่องลงดูใต้น้ำคือนักสำรวจเขาอยู่ในนั้นเป็นรูปวงกลมใหญ่ขนาดโอบ 2 วากว่าๆ มีที่นั่งมีกระจกเป็นบางแห่ง หนาแบบหน้าต่างกระจกกับเหล็กหนา ใช้เชือกหย่อนลงไป ข้างฝาอาคารก็มีรูปสัตว์ประหลาดหลายแบบ ดูๆแล้วไม่เหมือนที่เราเห็นสักรูป บางอันมีตัวเหมือนหัวไม่เหมือน มีโหนก 2 โหนกที่หลัง เราเห็น 3 โหนก เขาทำตุ๊กตาด้วยสันนิษฐานเอาว่าคงจะเป็นแบบนั้น ขายเยอะแยะ ไม่เหมือนเลยไม่ซื้อมา เมื่อดูหนังที่เขาฉายบรรยายให้ดู เมื่อจบแล้วมีเครื่องหมายคำถาม 3 อันใหญ่ในวงกลม 3 อัน สรุปว่าที่ดูหรือบรรยายมานั้นไม่รู้จริงสักอย่าง



    (1/2)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2015
  18. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    สัตว์ประหลาดที่ข้าพเจ้าเห็น


    ไม่ขอยืนยันว่าถูกต้อง 100 % นะท่านคิดว่าแปลกน่าดูถ้ามีจริง ข้าพเจ้าวาดรูปไว้เหมือนกันเวลาเขียนถึงจะได้จำได้

    พวกที่หนึ่งตัวใหญ่ยาวมาก บนหลังมีโหนก 3 โหนก โหนกใหญ่ที่สุดเท่าควายตัวใหญ่ หนังสีดำๆเหมือนหนังช้าง คอยาวหัวไม่ใหญ่ หน้าคล้ายจิ้งจก จมูกใหญ่เหมือนควาย ตามองเห็นในที่มืด ไม่กล้าสู้แสงจึงต้องอยู่ใต้น้ำดำๆ ขามีตีนแบบตีนเป็ด 4 ขา หายใจทางหู หางเหมือนจระเข้แต่มีครีบตั้ง 2 ครีบ ปลายหางฟาดหางแรงมาก เคลื่อนที่ได้ 4 ไมล์ต่อชั่วโมง อยู่ตามถ้ำลึกประมาณ 8,000 ฟุต สีผิวเข้ากับพื้นที่จึงมองหายากไม่เห็น มีถ้ำให้อยู่ด้วย ชอบขึ้นบนน้ำเมื่อเวลามีพายุและฝนตกหนัก มีประมาณ 100 ตัวอยู่คู่กับโลกมานาน ถ้าไม่มีคนไปทำลายหรือเกิดโรคไม่มีวันสูญพันธ์ อาหารกินปลาคล้ายปลาช่อนรูปร่างเหมือนเสาตัวยาวประมาณ 2 เมตร กิน 2-3 ตัวก็อิ่ม เทียบเท่าปลาทูตัวใหญ่ 300 ตัว 2-3 วันถึงจะกินครั่งหนึ่ง อาหารอีกอย่างเป็นพืชเหมือนหน่อไม้ปอกเปลือก ส่ายไปมาตามกระแสน้ำ มีสุสานของเขาถัดจากที่เขาอยู่ไปประมาณ 10 ไมล์ เป็นหุบเขา เมื่อตายตัวอื่นก็ไปกิน ถ้าไม่ตายก็ไม่ทำร้ายกัน อายุประมาณ 200 ปี วิธีฆ่าเหยื่อพ่นพิษจากต่อม 2 ข้างแรงๆ ถ้าถูกคนจะปวดแสบปวดร้อนถึงกระดูก ผิวหนังเป็นสีเขียวด้วย


    พวกที่สองตัวคล้ายกบแต่หลังเป็นกระดองเหมือนเต่า ตัวใหญ่ที่สุดอกกว้างประมาณ 2 เมตรยาว 4 เมตร ออกลูกเป็นตัวมีจำนวน 100 กว่าตัว ไม่ทำร้ายกับสัตว์พวกแรก หากินโดยใช้ตามีพิษมองแล้วเหยื่อหมดแรงไปไหนไม่ได้ ใกล้ๆ กันนั้นมีฝูงปลาอีกฝูงหนึ่งเหมือนปลากะโห้ที่ตัดหัว หลวงพ่อท่านบอกให้


    ดีว่านั่งเรือไปนานจึงได้ดูได้นาน คุยเองเออเองแบบนั้น จริงหรือไม่จริงก็ขออุทิศส่วนบุญกุศลที่ข้าพเจ้าทำมาแล้วทั้งหมดในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี มีกับข้าพเจ้าเพียงใดขอให้ท่านจงได้เหมือนกัน ทั้งเจ้าเขาเจ้าทะเลสัตว์ในน้ำบนดิน จงหาทางหลุดพ้นการเกิดได้เร็วๆ ด้วยเถิด สงสารจริงๆ นะท่าน ตอนกลับไม่ต้องนั่งเรือย้อนกลับที่เก่า รถไปคอยรับที่พิพิธภัณฑ์แล้ว ไปทานอาหารกลางวันแล้วชมธรรมชาติบ้านเมืองและความเป็นอยู่ของชาวสก๊อตแลนด์ทางเหนือ ค่ำหาอาหารทานแล้วเข้าที่พัก พักที่ Inverness

    วิวเกือบทั่วโลกที่ข้าพเจ้าไปเที่ยวมารู้สึกว่าแถวสแกนฯ พระอาทิตย์เที่ยงคืนสวยที่สุด จากนั้นก็แถวนิวซีแลนด์ อัฟริกาใต้ก็สวยมากเหมือนกันคือเกาะแมวน้ำ แมวน้ำสัตว์ที่สงบเสงี่ยมเจียมตัวเดินอกแทบติดดิน กับชายหาดนกเพนกวินที่อกผายไหล่ผึ่งตั้งตรงเดิน 2 ขา ตรงข้ามกับแมวน้ำเลย ไม่อยู่ในสายกลางคือมากไปกับน้อยไปไม่พอดี เมื่อไรจะพ้นเกิดสักทีลูกเอ้ย !





    (จากหนังสือบันทึกชาโดว์ เล่ม 6 หน้า 209 - 212 )


    [​IMG]

    ภาพถ่ายสัตว์ประหลาดในทะเลสาบ Loch Ness ด้วยเครื่องโซน่าร์



    (2/2)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2015
  19. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    [​IMG]


    Stonehenge ในประเทศสก๊อต

    [​IMG]
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2015
  20. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,804
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    [​IMG]


    สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนิน ณ วัดสามพระยา...
    ขณะถวายสักการะแด่หลวงปู่วัดสามพระยา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2016

แชร์หน้านี้

Loading...