รับตอบข้อสงสัยในการเจริญพระกรรมฐาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Xorce, 26 พฤศจิกายน 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ผู้หญิงธรรมดา

    ผู้หญิงธรรมดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +535
    ยังอ่านไม่หมด จะยังไม่ถามหล่ะ ไว้นอกจากที่เขาถามค่อยถาม
    อนุโมทนา ด้วยนะค่ะ ทุกคำถาม
    เป็นกระทู้ที่ดีมากก
     
  2. choosake

    choosake เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    482
    ค่าพลัง:
    +647
    จะถาม หลาย ครั้งแต่ แต่ลืม

    มีอาการ กระตุ๊ก
    คือนั่ง ขัดสมาธิ ด้วย มโนมยิทธิ ไปเรื่อย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
    สักพัก จะมี อาการ กระตุ๊ก เด้งไปข้างหลัง เล็กน้อย
    อารมณ์ ประมาณ เหมือน นั่งหลับ แล้ววูป แต่ มันไม่ได้วูป

    มีสติ มีสมาธิ และไม่ได้เป็นบ่อย ๆ นาน ๆ ๆ ๆ ๆ จะโพล่มา สักที่แต่เป็นทุกวัน
    อยากทราบว่า "มันคืออาการ ถีบ ของ ณาญ เวลา เราไปฝึก แบบเต็มกำลังหรือเปล่าครับ"

    ขอบคุณ (ถ้าใช่คำผิด หรือไม่สุภาพ ขออภัยด้วยครับ)
     
  3. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    เป็นอาการตกจากฌาณครับ

    มันจะกระตุกๆ ถ้าคนภายนอกมองจะคล้ายเห็นว่าเราสัปหงกอยู่
    จริงๆ มันเหมือนจิตเรา ตกจากสมาธิชั้นที่สูงกว่าลงมาอย่างรวดเร็ว ก้เลยมีอาการดังกล่าวครับ

    ไม่ใช่อาการของเต็มกำลังครับ
    ส่วนอาการเต็มกำลังเองก็จะรู้สึกได้หลายแบบ
    บางคนจะรู้สึกว่าตัวเราเริ่มแยกจากกาย ลอยขึ้นนิดๆ
    หรืออาจจะรู้สึกจะว่าจะพยายามดีดออกจากร่าง

    ส่วนวิธีที่ผมใช้คืออธิษฐานจิตขอบารมีพระให้ท่านเมตตาสงเคราะห์ดึงจิดเราออกมา
    แล้วก็นอนทำสมาธิไปเลย แล้วให้ทำจิตให้มีความสุขมากที่สุด ด้วยเมตตา หรือด้วยอะไรก็ตามที่เราทำได้
    ถ้าเราหลับไปด้วยความสุขอย่างเต็มที่ จังหวะที่จะตัดหลับ จิตมันจะดีดออกมาเองครับ

    ลองเอาไปใช้ดูก็ได้ครับ ครั้งแรกๆที่ออกถ้านอนจะออกง่ายกว่า
    แต่ไม่เสมอไปกับทุกคนครับ

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ
     
  4. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    คืออยู่ในอารมณ์ณานไม่รู้สึกอะไรแล้ว นั่งไปเรือ่ยๆ มันก็เหมือนกับ ว่า จะหมุนก็ไม่เชิง จะตัวค่อยเล็กลงเหมือนถูกดูดยังไงไม่รู้ ง่ะ แต่เมื่อคืนไม่ไหวนอนก่อน อิอิ นั่งนานไป พยายาม นิมิต รูปพระ ประกายเพรชแล้วนะคับ ป๋าx แต่ ว่า บางทีมันก็ไม่ได้นึกได้แป๊ปเดียว ต้อง ใช้อารมณ์ ว่างเปล่าแทน และพอจะนึกพระพุทธเจ้าได้แต่ได้แค่แป๊ปเดียวก็เผลอ นึกเรื่องอื่นอีก แต่ถ้าหากอารมณ์ว่างเปล่าล่ะก็ผมสามารถคงอารมณ์ได้ทั้งคืนเลย
     
  5. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    งั้นจับอารมณ์ว่างเลยครับ
    เอาตามที่ถนัดละกันครับ
    แต่ว่านึกถึงภาพพระบ้างก็ดีครับ

    เหมือนกับว่านึกถึงพระก่อน จะได้เป็นการอาราธนาบารมีท่านให้คุ้มครองเรา
    แล้วเราก็เข้าสมาธิตามที่ถนัดเลยครับ
    เน้นว่าใจสบาย ใจสบายแบบไหนก็เอาแบบนั้นเลยครับ
     
  6. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    มาขั้นตอนที่ถึงแล้วแต่ยังไปไม่ถูก เนื่องด้วย มันถึง-*- จุดๆนึง ที่บอกว่า พิจารณากายในกาย ที่ผมอ่านมา มันจะออกตรงไหนทำยังไง ก็ยัง งงๆ อยู่ว่า ให้เรา นิมิต คิดว่า มีเราอีกคนเหรอครับ หรือว่า ให้นึกตัวเราโปร่งๆ แล้วให้ทำอารมณ์ยังไงล่ะเนี๊ยะ
    ว่างเปล่า จับภาพพระ หรือ จินตนาการ เราอีกคน หรือ ให้ตัวเราโปร่ง ๆ -.- ง่ะ ยัง คาใจไม่ไปไหนสักที ถึงตรงนี้ง่ะ(แต่รู้สึกได้เลยว่าพลังจิตมันแข็งขึ้น แน่นขึ้น เข้าออกได้ไวขึ้นแระครับ) หรือให้ทรงอารมณ์ว่างเปล่าตามเดิมอ่ะไปเรื่อยๆอ่ะ ป๋า x ชักเง็งซะแระ -*-
     
  7. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    พิจารณากายในกาย
    เป็นคำที่ง่ายๆ
    แต่วิธีพิจารณามีร้อยแปดพันวิธี ตามแต่ความฉลาดของเราจะคิดออก
    เอาเป็นวิธีที่หลวงพ่อสอนก็แล้วกันครับ

    นึกถึงภาพตัวเรา นึกเอาเลยครับ
    แล้วก็ไล่ดูตั้งแต่หัวจรดเท้า ดูอวัยวะข้างใน
    ตั้งแต่สมอง ไล่ลงมาหัวใจ ไล่ดูมันทุกส่วน
    แล้วพิจารณา ว่าร่างกาย เราเนี่ย มันสะอาดหรือสกปรก
    ถ้ามันสกปรก ร่างกายเราจะไปต้องการมันทำไม ร่างกายคนอื่นจะอยากได้ไปทำไม
    พิจารณาไปเรื่อยๆ จนจิตวางเฉยในร่างกายได้ ถ้าวางถึงที่สุดก็เป็นพระอรหันต์
    ลองหาไฟล์ของหลวงพ่อฤาษีแล้วทำตามท่านสิครับ
    จริงๆหลวงพ่อสอนทุกอย่าง ลองหามาฟังดูครับ

    ผมแนะนำเรื่องนี้ไม่ได้ธุลีของหลวงพ่อฤาษีหรอกครับ


    ลองทำตามที่หลวงพ่อท่านสอนดูก็แล้วกันนะครับ
    จะต้องได้รับความสุขใจ ไม่มากก้น้อยแน่นอนครับ
     
  8. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    ขอบคุณครับป๋าx
     
  9. oze

    oze Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +94
    เวลานั่งสมาธิจำเป็นใหมที่ต้องอธิฐานที่เราเคยปักหมุดไว้ว่าให้เราเข้าได้ทุกที่ทุกครั้งที่

    ข้าพเจ้าต้องการ แต่ถ้าไม่อธิฐานจะเข้าได้เหมือนเดิมใหมครับ

    ขอบคุณครับ
     
  10. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,507
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,015
    เห็นดีด้วยกับพี่ Xorce ครับ ขอให้เจริญยิ่งๆขึ้นไปครับจาร
     
  11. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    มีเรือ่งเล่าให้ฟังเมื่อวานผมนั่งฟัง เสียงประสบการและสอน มโนมยิทธิ เค้าก็เล่าเรื่องราวให้เราจิตนาการไปด้วย ตอนแรกๆผมก็รู้สึกเหมือนเดิมแต่ผมก็คิดและจิตนาการตามโดยที่ไม่ต้องคิดว่าเรายังมีตัวตนให้คิดว่าตอนนั้นเราเป็นเทวดา มั้ง แล้วก็ขึ้นไป สวรรค์
    พอฟังจบผมสวดมนต์แล้วก็นั่งกรรมฐาน ปรากฏว่า นั่งไปได้สักพัก ในกรรมฐานนั้นผมก็ จินตนาการตอนที่ไปด้วย จาก การที่ผมรู้สึก หายใจแคบลงที่รูจมูกกลับกลายเป็นหายใจสบายๆโล่ง ตัวรู้สึกโปร่งๆสบายๆมากๆ ไม่เคยรู้สึกสบายอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย ผมก็คงอาการนี้ไว้ แบบ สบายมากๆ ตัวเบา ด้วย แล้วก็ตึงแปร๊บๆที่หน้าผากรู้สึกที่หน้าผากเหมือนมีก้อนอะไร สักอย่างที่ตอนแรกมันแค่จุดเล็กตอนนี้มัน โตพอๆกับกำปั้นผมเลย เหมือนกับมันเคลื่อนได้ แต่โล่งโปร่งสบายมากๆ แต่ก็ยังมีไอความร้อนปนวนไหลเวียนอยู่ผมก็ไม่สนใจสนใจแต่อาการโล่งโปร่งนี้ รู้สึกดีกว่าเก่าเยอะเลยครับ แปลกมาก ^^หายใจรู้ได้เลยว่า ละเอียดแต่หายใจคล่อง เหมือนกับผมไร้การหายใจไม่อึดอัด

    ผมว่าแบบนี้น่าจะปรับเข้ามาทางที่ถูกแล้วใช่ไหมครับ ตอนแรกรู้สึกหนักๆตอนนี้โล่งๆโปร่งสบายมากๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 กุมภาพันธ์ 2009
  12. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ oze ครับ

    เวลานั่งสมาธิจำเป็นใหมที่ต้องอธิฐานที่เราเคยปักหมุดไว้ว่าให้เราเข้าได้ทุกที่ทุกครั้งที่

    ข้าพเจ้าต้องการ แต่ถ้าไม่อธิฐานจะเข้าได้เหมือนเดิมใหมครับ

    ขอบคุณครับ

    เข้าได้แต่ว่าไม่คล่องเท่าเราอธิษฐานครับ
    และหากว่าถ้าเรายังเกิดต่อไป
    ถ้าเราไม่ได้อธิษฐาน พอมาถึงชาติใหม่ เราก็จะขาดความคล่องในการเข้าหรือลืมวิธีในการเข้าสมาธิครับ
    อย่างบางคนที่รู้สึกว่าตัวเองอาจจะทำสมาธิได้ไม่ดีนัก ก็อาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อเคยทำได้ในชาติก่อนแล้ว ลืมที่จะอธิษฐานปักหมุดเอาไว้
    พอมาเกิดใหม่จึงลืมวิธีครับ

    และการอธิษฐานปักหมุดนั้น
    เป็นหลักสูตรบังคับของพุทธภูมิ
    คือผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิจะต้องอธิษฐานปักหมุดในกรรมฐานที่ตนทำได้ ไล่ไปจนกว่าจะครบทั้ง40กอง
    ยังไม่นับรวมถึงวิชชาอื่นๆ ในพระพุทธศาสนา ทั้งธรรมกาย วิปัสสนาญาณ มโนมยิทธิ อภิญญา ญาณต่างๆ ตลอดจนถึงอารมณ์พระนิพพาน
    ซึ่งพุทธะภูมิเมื่อทำได้แล้ว ควรจะต้องอธิษฐานปักหมุดให้หมดครับ

    การอธิษฐานนั้น ให้อธิษฐานย้ำไปสามครั้ง เพื่อความมั่นคงครับ
    และก็ใช้เวลาไม่ถึง 20วินาที ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ไม่ควรจะละเลยครับ
    การอธิษฐานปักหมุด นี้ก็เหมือนกับการเขียนแผนที่
    ถ้าเราเขียนแผนที่ได้ละเอียดมากเท่าไหร่ เราก็จะสามารถกลับไปสู่จุดเดิมที่เราเคยเข้าถึงได้ง่ายมากเท่านั้นครับ

    กรรมฐานโบราณ ตามหลักของสมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เถื่อนนั้น
    ท่านจะให้เริ่มฝึกไล่จากปีติ ทั้ง 5 ซึ่งเป็นของง่ายสุด
    ให้ฝึกจนได้ปีติก่อน จากนั้นให้เข้าออก สลับ ปีติทั้ง5จนชิน
    ถึงขนาดว่ากินอยู่ พูดอยู่ ทำงานอยู่ ก็สามารถจะเข้าปีติได้ในทันที
    จากนั้นจึงเลื่อนอารมณ์ให้สูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นฌาณ4 อรูปฌาณ4
    แล้วให้เข้าออกให้คล่อง ทำได้ทุกที่ ทุกอิริยาบถ ทรงได้ทุกฌาณ จะเข้าฌาณไหนแค่นึกเท่านั้น
    แล้วก็ทรงประคองฌาณเอาไว้24ช.ม.
    จะทำงาน กินข้าว พูดคุย จิตก็เป็นฌาณตลอดเวลา

    จากนั้นจึงค่อยเข้าขั้นวิปัสสนาญาณ ไล่ตามลำดับไปตั้งแต่ญาณที่1 ถึงญาณสุดท้าย แล้วก็ทวนหน้าทวนหลัง เข้าสลับไปสลับมาจนคล่อง
    กิเลสก็จะถูกถอนออกอย่างง่ายดาย

    ดังนั้นครูบาอาจารย์สมัยก่อน ท่านจะมีความคล่องตัวในกรรมฐานสูงมาก
    และบรรลุธรรมกันง่าย เพราะว่าไล่ลำดับไป

    ดังนั้นถ้าเรายึดปฏิปทาเดียวกัน คือฝึกไล่ลำดับไปเริ่มจากง่ายสู่ยาก
    ทำสมถะ คือตัวสงบ ไล่ไปทีละขั้น ปักหมุดไปแต่ละขั้น จนถึงฌาณ4
    แล้วค่อยฝึกวิปัสสนา ไล่ไปทีละขั้น ตัดสังโยชน์ไปทีละตัว
    การปฏิบัติจะมีความง่าย และก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วครับ

    แต่ถ้าเราจะกระโดด ทีเดียว ถึงพระอรหันต์เลย มันเป้นของยากครับ
    อุปมาเหมือนเรา เรียนคณิตศาสตร์จบชั้นประถม แต่ต้องทำโจทย์ระดับปริญญาเอก
    ย่อมมีน้อยคนนักที่จะทำได้ครับ

    การปักหมุดจึงมีความสำคัญ เพราะทำให้เรามีความคล่องตัวในอารมณ์สมาธิ และทำให้สมาธิมั่นคงไม่เสื่อมได้ง่ายครับ

    <!-- / message -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2009
  13. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ makoto12ครับ

    มาถูกแล้วครับ
    ลองเอาจิตตามคำสอนไปเรื่อยๆ สิครับ
    แล้วอารมณ์จะละเอียดยิ่งขึ้นเรื่อยๆครับ
    อารมณ์นั้นจะยิ่งโล่งโปร่งเบาสบายขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงพระนิพพานครับ
    ถ้าถึงอารมณ์พระนิพพานแล้ว ก็จะโล่งโปร่งเบาสบาย สว่าง สงบ ชุ่มเย็นถึงที่สุดครับ

    อนุโมทนาครับ ทำดีต่อไปนะครับ
     
  14. sarantip

    sarantip Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2008
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +88
    ขอรบกวนถามนะค่ะ
    นั่งไปได้ประมาณ 30 นาที จิตเริ่มละเอียดจนคำภาวนาหายไป
    บางครั้งก็นิ่งไม่ได้คิดอะไร เนิบๆ และก็ตามดูที่กายรู้สึกว่าร่างกายตัวเองหนักๆ
    แน่นๆ อยากจะถามว่าหลังจากนี้จะต้องฝึกอย่างไงต่อไปค่ะ

    และขอถามอีกข้อค่ะ
    เวลานั่งไปได้ซัก 1 ชั่วโมงก็จะมีอาการปวดขาตอนแรกจะปวดแบบรวมๆ
    แต่ก็พยายามนั่งต่อไปอีกจนเป็น 1.30 ชั่วโมง จากอาการที่ปวดรวมๆมัน
    กลายเป็นปวดเฉพาะจุดๆเดียวแล้วเลื่อนไปจุดอื่นแต่ก็เคยภาวนาค่ะว่าปวดหนอ
    จนเคยมีครั้งนึงเกิดสงสัยในอาการปวดว่าเราภาวนาถูกมั้ยทำไมมันยังปวดอยู่
    แล้วก็เกิดมีจิตนึงบอกว่า กายไม่มีในเรา เราไม่มีในกาย หลังจากนั้นก็เลยภาวนา
    ว่ากายไม่มีในเรา เราไม่มีในกาย อาการปวดก็หายไปแป๊ปนึง แต่ก็กลับมาอีก
    เวลานั่งสมาธิไปประมาณ 1 ชม.อาการก็จะปวด ทำให้เลิกนั่งทุกที เพราะทนไม่ไหวค่ะ
    แต่ก็จะปลอบใจตัวเองทุกครั้งว่าไม่เป็นไรพรุ่งนี้เอาใหม่

    อยากทราบว่ามีวิธิไหนที่เราจะผ่านด่านนี้สักทีค่ะและเราต้องเพิ่มสติตัวไหนค่ะ
     
  15. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    นั่งไม่ไหวก็นอนทำสมาธิสิครับ แล้วไม่ต้องไปยึดติดกับอาการปวด ไม่ต้องเพ่งเดี๋ยวมันก็หายไปเอง วิธีนอนสมาธิก็คล้ายกับนั้งครับ

    แนะนำสวดมนต์ก่อนนั่งสมาธิทำให้สงบง่ายขึ้น และนั่งจนเราปวดทนไม่ไหวก็นอนทำสมาธิแล้วก็ภาวะนาเหมือนเดิมครับ ^^; ผมก็ทำอยู่
     
  16. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณsarantip<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1896493", true); </SCRIPT> ครับ

    ขอรบกวนถามนะค่ะ
    นั่งไปได้ประมาณ 30 นาที จิตเริ่มละเอียดจนคำภาวนาหายไป
    บางครั้งก็นิ่งไม่ได้คิดอะไร เนิบๆ และก็ตามดูที่กายรู้สึกว่าร่างกายตัวเองหนักๆ
    แน่นๆ อยากจะถามว่าหลังจากนี้จะต้องฝึกอย่างไงต่อไปค่ะ

    อย่าให้หนักครับ เพราะถ้าหนักแปลว่า เรายังเครียดเกินไปครับ เกร็งเกินไปครับ
    ให้ทำไปแบบสบายๆครับ
    ถ้ารู้สึกว่าตัวเราขมวดคิ้ว แปลว่าเราเครียดไปแล้วครับ
    ให้ผ่อนอารมณ์ให้สบายทันทีครับ


    และขอถามอีกข้อค่ะ
    เวลานั่งไปได้ซัก 1 ชั่วโมงก็จะมีอาการปวดขาตอนแรกจะปวดแบบรวมๆ
    แต่ก็พยายามนั่งต่อไปอีกจนเป็น 1.30 ชั่วโมง จากอาการที่ปวดรวมๆมัน
    กลายเป็นปวดเฉพาะจุดๆเดียวแล้วเลื่อนไปจุดอื่นแต่ก็เคยภาวนาค่ะว่าปวดหนอ
    จนเคยมีครั้งนึงเกิดสงสัยในอาการปวดว่าเราภาวนาถูกมั้ยทำไมมันยังปวดอยู่
    แล้วก็เกิดมีจิตนึงบอกว่า กายไม่มีในเรา เราไม่มีในกาย หลังจากนั้นก็เลยภาวนา
    ว่ากายไม่มีในเรา เราไม่มีในกาย อาการปวดก็หายไปแป๊ปนึง แต่ก็กลับมาอีก
    เวลานั่งสมาธิไปประมาณ 1 ชม.อาการก็จะปวด ทำให้เลิกนั่งทุกที เพราะทนไม่ไหวค่ะ
    แต่ก็จะปลอบใจตัวเองทุกครั้งว่าไม่เป็นไรพรุ่งนี้เอาใหม่

    อยากทราบว่ามีวิธิไหนที่เราจะผ่านด่านนี้สักทีค่ะและเราต้องเพิ่มสติตัวไหนค่ะ

    ถ้าเราปวดไม่ต้องทน ให้ขยับขาทันทีครับ
    เพราะเราฝึกกันที่จิตไม่ได้ฝึกกันที่กายครับ

    คนมักจะเข้าใจว่า เวลาปวดขา ให้ทนไปเรื่อยๆ คิดว่ามันเป็นด่านที่จะต้องผ่าน
    ซึ่งจริงๆไม่จำเป็น และไม่ใช่ด่านวัดสมาธิของเราแม้แต่ประการใดเลยครับ
    ให้เราขยับทันที เพราะยิ่งเราปวด สมาธิเราจะยิ่งพังครับ

    เอ คุณน่าจะเคยได้รับหนังสือวิชชาของกลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติไปแล้วนะครับ
    ลองเปิดอ่านแล้วทำตามนั้นเลยก็แล้วกันครับ
    ในนั้นอธิบายวิธีทำจนถึงลมหายใจหายไป อย่างง่ายๆเอาไว้แล้วครับ

    สำคัญว่า เวลานั่งสมาธิ ให้เราตั้งกำลังใจว่า เราต้องการจะทำให้ใจสบาย
    อย่าตั้งกำลังใจว่าเราต้องการจะให้สงบนะครับ
    บางครั้งเราจะบีบคั้นตัวเองมากไป
    ถ้าเราคิดว่าจะทำแค่เพื่อให้ใจสบาย
    ใจสบายแค่ไหนพอแค่นั้น แบบนี้จะมีความสุขครับ จะไม่บีบคั้นตัวเอง

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  17. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    หลังจากเมื่อวานคงเป็นนิมิตแต่ก็รู้สึกดีทั้งวันง่วงนิดๆเพราะนั่งดึกคงสมาธินานไป -*-ครับวันนี้แจ่มใส่ โล่งโปร่ง สบาย
    แต่ในช่วงเวลาทำงานมาหลายวันนี้ก็คงสมาธิเอา ไว้แต่สังเกตุได้ว่าจะเจ็บจี๊ดๆแปล๊บๆ ตรงหัวใจ ไม่รุ้ว่าจะเกี่ยวกับ การฝึกนี้รึเปล่าคับ ท่าน ผมว่าน่าจะใช้เพราะมันเป็นมาพร้อมกับเริ่ม ปฏิบัติ มโนฯ เลย
    แต่เวลานั่งปฏิบัติ เข้ากรรมฐานจะไม่รู้สึกอะไรเลย
    ตัวมันจะโล่งๆโปร่งๆใหญ่ๆยังไงไม่รู้ -*-
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 กุมภาพันธ์ 2009
  18. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    เอาให้โล่งโปร่งดีแล้วครับ

    ที่จี๊ดๆที่หัวใจ ไม่ต้องไปสนใจครับ เดี้ยวก็หายไปเองครับ
     
  19. Bon chance

    Bon chance Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2008
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +25
    สวัสดีค่ะ อยากทราบว่าตอนนี้กรรมฐานของดิฉันถึงขั้นไหนแล้วน่ะค่ะ ดิฉันได้ฝึกสมาธิด้วยตนเอง โดยอาศัยฟังเทศคำสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และปรึกษาเพื่อนๆจากเวปพลังจิตบ้างเท่านั้น ไม่ได้มีครูอาจารย์ใดสอนให้ ตอนนี้เลยไม่แน่ใจว่าตัวเองปฏิบัติถึงขั้นไหนแล้วน่ะค่ะ

    ดิฉันได้ปฏิบัติมา 10 เดือนได้ แรกๆจะนั่งทำสมาธิค่ะบางครั้งเคยนั่งได้ถึง 3-4 ชม คือนั่งเพลินไปหน่อยไม่ได้ตั้งเวลาไว้น่ะค่ะ พอฝึกได้สักพักก็มีอาการปิติทั้ง 5เกิดขึ้น โดยเฉพาะอาการตัวโยกจะเหมือนทำท่าทางเป็นเทพองค์นั้นองค์นี้บ้างไปต่างๆนานา เคยเป็นร่างทรง 2-3 ครั้ง (ก่อนหน้านี้เคยไปรับขันธ์มาน่ะค่ะ แต่ตอนนี้เอาไปทิ้งแม่น้ำไปแล้วค่ะ ) แต่ตอนนี้เลิกเด็ดขาดค่ะ รู้แล้วว่านั้นไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการที่แท้จริง

    มีอยู่ช่วงหนึ่งนั่งทำสมาธิอยู่ดีๆ ร่างกายก็จะเอนลงนอน(นอนหงายไปด้านหลังน่ะค่ะ) เคยพยายามฝืนก็จะหลุดออกสมาธิ เลยปล่อยให้นอนก็นอน แต่พอได้นอนทำสมาธิกับเป็นว่าทำสมาธิได้นิ่งกว่า จิตดิ่ง ไม่ได้ยินเสียงรอบข้างเลย จนกระทั้งเหมือนไม่ได้หายใจ ตอนนี้เลยทำสมาธิโดยท่านอนไปเลยค่ะ

    ตอนนี้กำลังฝึกทำกสินไฟ โดยการมองเปลวไฟจากเทียนน่ะค่ะ กสินจะทำตอนกลางวัน(เวลาว่างๆจากงาน) กลางคืนจะนอนทำสมาธิค่ะ มีอยู่คืนหนึ่งกำลังนอนอยู่เหมือนจะหลับแต่จิตยังตื่นอยู่ เพราะยังได้ยินเสียงโทรทัศน์ที่สามีกำลังดูน่ะค่ะ ได้เห็นภาพวัดมีสีทองทั้งวัด เกิดอาการปิติมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก จากสีทองกลายเป็นสีขาว เป็นสีใส จนสุดท้ายก็หายไป เลยลืมตาขึ้น เห็นสามีมานอนอยู่ข้างๆแล้ว ก็ยังแปลกใจอยู่น่ะค่ะว่านี้เราฝันไปหรือเราเห็นจริงจากจิต
    ห่างจากวันนั้นไม่กี่วัน ขณะนอนทำสมาธิก็เห็นเป็นรูปพระพุทธรูปในใจคิดว่าเป็นพระแก้วมรกต เพราะเห็นองค์ท่านเป็นสีเขียวสวยงามมากท่านลอยเข้ามาใกล้ขึ้นทุกทีทุกที จนเห็นเหมือนว่าอยู่แค่ปลายจมูกเลยค่ะ ตกใจเลยลืมตาขึ้นมา(อีกแหละ มาคิดทีหลังไม่น่าลืมตาเลยเรา) แต่ไม่ได้รู้สึกว่ากลัวอะไรนะ เพียงตกใจเฉยๆ
    ซึ่งตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ทั้งสองขึ้นเวลาทำสมาธิ จะเจ็บตรงกลางหน้าผากระหว่างคิ้วตอนเวลาที่เราได้สมาธินิ่งจริงๆน่ะค่ะ

    มีอยู่วันหนึ่งทำสมาธิที่ร้าน เกิดอธิฐานว่าอยากเห็นว่าท่านเจ้าที่ที่ร้านนี้เป็นท่านใดจะได้บูชาท่านถูก (ตอนนี้อยู่ฝรั่งเศสค่ะ เลยไม่แน่ใจว่าเจ้าที่เขาจะเหมือนที่ไทยเราไหมหนอ เลยลองถามดูน่ะค่ะ) สักพักก็เห็นเป็นภาพว่าเหมือนเรากำลังแอบดูผ่านช่ีองเล็กๆกลมๆ สอดตาเขาไปดูน่ะค่ะ เห็นเป็นงูสีดำสนิดเลยค่ะ พอเราถอนหายใจภาพนั้นก็หายไปค่ะ

    ขณะทำสมาธิบางครั้งจะภาวนา พุท โธ บางครั้งนะมะพะถะ บางครั้งก็จะสวดคาถาเงินล้าน 108 จบค่ะ
    จากที่เล่ามา(ยาวไปหน่อย) พอจะบอกได้ไหมค่ะว่าดิฉันปฏฺิบัติถึงขั้นไหนแล้วหรอค่ะ ถึงฌาน หรือแค่อุปจารสมาธิ อยู่ค่ะ
     
  20. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ Bon chance ครับ

    จิตของคนธรรมดา จัดเป็นขั้นไม่ได้หรอกครับ ยังมีอาการขึ้นๆลงๆ
    บางครั้งก็เป็นอุปจารสมาธิ บางครั้งก็สงบดีเป็นฌาณ จนถึงฌาณ4ลมหายใจหาย แล้วแต่เวลาไม่เหมือนกัน บางวันดี บางวันไม่ดี
    ตอนนี้ คุณยังไม่สามารถประคองอารมณ์ใจ ให้เป็นฌาณขั้นที่ต้องการได้ตลอดเวลา 24ช.ม.
    แต่ที่พอจะประคองได้ ก็เห็นจะเป็นอุปจารสมาธิครับ อันนี้ดูจะคล่องที่สุด
    ส่วนฌาณก็เข้าถึงเป็นบางเวลา หรือประคองได้ในบางวัน

    ในเรื่องของนิมิตที่เห็นนั้น ถ้าเห็นพระแบบนี้เป็นเรื่องดีครับ
    กสิณนั้นให้เราลองเปลี่ยนมาเป็นกสิณภาพพระพุทธรูปดูครับ
    นึกถึงภาพที่พระที่เห็นตอนทำสมาธิน่ะครับ เอาไว้ตลอดเวลาที่นึกได้ครับ

    ลองทำสมาธิทั้งวันดูสิครับ
    ไม่ใช่ให้นั่งนิ่งทั้งวันนะครับ แต่ให้ใช้ชีวิตตามปกติ
    แต่ภาวนาพุทโธ นะมะพะธะ ประคองจิตให้เป็นสมาธิเอาไว้ตลอดเวลาครับ

    จริงๆ จิตตอนนี้ถ้าฝึกมโนมยิทธิ ก็จะทำได้เลยครับ
    แต่เสียดายว่าคุณไม่ได้อยู่ในประเทศไทย เลยหาทางฝึกยากหน่อย
    ลองเปิดคำสอนของหลวงพ่อที่เกี่ยวกับมโนมยิทธิดู แล้วก็ลองใช้จิตทำตามดูสิครับ

    ตั้งใจทำดีแล้ว ก็ขอให้ทำดีต่อไปนะครับ
    ขอให้เจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไปครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...