รับตอบข้อสงสัยในการเจริญพระกรรมฐาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Xorce, 26 พฤศจิกายน 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. kuro122

    kuro122 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +410
    Chut says:งั้นผมจะขอลองเล่าวิธีที่ผมใช้ก็แล้วกันนะครับ
    Chut says:ผมตั้งกำลัใจประมาณว่าผมจะนำเวลาที่ใช้ในการศึกษาเนี่ย
    Chut says:ไปใช้ในการทำงานเพื่อศาสนา เพื่อสาธารณประโยชน์
    Chut says:และจะนำความรู้ที่ได้รับ มาทำประโยชน์ต้อสาธารณชน
    Chut says:ดังนั้นขอให้คุณพระศรีรัตนตรัย พรหม เทพเทวดา พระโพธิสัตว์สัมมาทิฏฐิ
    Chut says:ได้โปรดเมตตาสงเคราะห์ให้ผมสามารถศึกษาและเรียนจบได้อย่างดีด้วยเทอญ
    Chut says:เหมือนว่า
    Chut says:เราคิดจะเอาความรุมาช่วยคน
    Chut says:แล้วขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือ
    Chut says:บางครั้งมันจะรู้คำตอบเอง หรือเรียนเข้าใจง่ายกว่าปกติ

    *****************************************************************************************




    เหมือนกันเลยค่ะ พออย่างนี้ ไปได้เร็วมาก :)
     
  2. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    ขอบคุณค่ะ

    มันสั่นอย่างนี้หลายรอบนะคะ โดยเฉพาะ ลองฝึก นะมะ พะธะ ไม่กี่วัน จะเป็นน่ะค่ะ

    เรื่องร่างกายนั้น ไม่สนตั้งนานแล้วคะ บางทีพอสั่นมาอีกแล้ว จะเตรียมตัวออกค่ะ เหมือนอยากมากไป มันเลยไม่ออก พยายามลุก มันลุกไม่ขึ้น หนืด ๆ เหมือนโดนทากาว ไม่ยอมออกค่ะ เหนื่อยเลย แต่เคยยกมือขึ้นมาดู แต่มองไม่เห็นนะคะ

    พออย่างนี้ เลยนอน จะเป็นไงก็เป็นไป สรุป ไม่รู้ตัว คงหลับต่อ หรือฝันไม่ทราบค่ะ ไม่สนใจ จะเป็นบ่อยพอสมควรค่ะ เมื่อก่อนไม่มีเสียง จะแค่สั่น ๆ แล้วจิตตื่นก่อนกายตื่น คือจะมองเห็นรอบห้อง แต่ตอนนั้นครั้งแรกไม่ทราบว่าเป็นอะไร ได้ยินเสียงสวดมนต์ (ข้ามรายละเอียดไปนะคะ) ตอนหลังมารู้สึกหนังตาหนัก คิดว่าตายแล้วหรอ ก็เลยสวดมนต์ เตรียมตัวตายนะคะ พนมมือด้วย แต่พอตื่นขึ้นมานอนในท่าเดิม ไม่ได้พนมมือหรืออะไร ประสบการณ์ครั้งแรกเลยค่ะ
     
  3. ศุภกร_ไชยนา

    ศุภกร_ไชยนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    627
    ค่าพลัง:
    +1,122
    ผมฝึก พุท-โธ มาได้ซักระยะหนึ่ง คับ แล้วก็คือเคยมีครั้งหนึ่งที่รู้สึกเป็นสมาธิมาก พอออกจากสมาธิจะรู้สึกว่า ทำไมร่างกายเรานี้มันใหญ่ๆ ยังไงก็ไม่รู้ แต่ที่สำคัญคือรู้สึกนิ่งมาก

    ต่อจากนั้นมาผมไม่เคยเป็นแบบนั้นอีกเลย ใจมันวอกแวก คิดนู้น คิดนี้ ฟุ้งซ่าน มันคงทิ้งความอยากไม่ได้ ผมเป็นคนอยากรู้ อยากเห็นคับ แต่รู้ว่าติดกับมันพอรู้พอเห็นก็กลัวจะทิ้งมันไม่ได้ แต่จิตจิงๆมันก็อยากอยู่ ผมจะทิ้งความอยากนี้เช่นไร

    แล้วหากฝึกอภิญญา อ่านหนักสือ เขาบอกว่า หากไม่มีความอยากมีอภิญญา มันก็จะมาเอง แต่ที่ส่งสัยคือ ผมเคยฝึกกสินไฟนะคับ เพ่งได้ซักพัก ฝึกไปเพราะอยาก มี ทิพจักขุญาณ ก็เลยฝึก มันวางความอยากมีไม่ได้ก็เลยเลิกมา พุท-โธ ไม่รู้ว่าผมต้องทำยังไง ที่อยากเห็นไม่ได้เพราะอยากมีฤทธิ์นะคับ ใจจิงๆอยากรู้อยากเห็น วิญญาณ เทวนา เจ้าที่เจ้าทาง เพื่อจะได้ระลึกอยู่เสมอว่าตายไปแล้วไม่ดับสูญ คับ

    แล้วการภาวนา นะ มะ ภะ ธะ นี้หากภาวนาไม่ใช่ มโนมยิทธิ ภาวนาไปเรื่อยๆ แล้วจะรู้จะเห็นไหมคับ

    ก่อนหน้านี้ผมก็สนใจการฝึก มโนมยิทธิ นะคับ ผมอยู่เชียงใหม่ ก็แสวงหาสถานที่ฝึก ก็โทรไปถาม เบอร์ที่มีในเน็ตเค้าก็เปลี่ยนกันหมด มีที่ข้างวัดสันติธรรม โทรไปก็บอกให้ผมเข้าเว็ป พระนิพพาน ก่อน จึงเกิดความสงสัยว่าทำไมเวลาจะฝึก มโนมยิทธิ จะต้องเข้าเว็ปนี้ก่อนก็เข้าไปก็เป็นเวปธรรมมะทั่วไป แล้วเวลาฝึก ก็ไม่แน่นอน ให้ผมไปติดต่อตอนกลางวันซึ่งก็ติดเรียน จิงๆฟังเสียงคนรับโทรศัพ เค้าปัดนู้นปัดนี้ดูเหมือนไม่อยากให้ฝึก ก็เลยล้มเลิกความตั้งใจไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2008
  4. เด็กโชว์พาว

    เด็กโชว์พาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,081
    ค่าพลัง:
    +470
    อนุโมทนาให้เจ้าของกระทู้ด้วยนะครับที่นำเอาความรู้ของตัวเองมาเล่าสู่กันฟังครับ
     
  5. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณแว๊ด
    ถ้าแบบนั้นเป็นอาการทีอยากมากไป คืออยากมากไปมันก็เลยไม่ออก
    เสร็จแล้วพอเราทำใจสบายๆช่างมันเถอะ
    นอนหลับไป ปรากฏว่ามันเริ่มหลุดหรือออกมาเอง
    ก็เหมือนกับที่พระอานนท์ท่านเดินจงกรม7วัน อย่างจริงจังก็ไม่บรรลุ พอล้มตัวลงจะนอนก็บรรลุเป็นพระอรหันต์
    ถ้าเรารู้สึกตัวอีกทีว่าเราออกมาแล้วให้อธิษฐานกำกับด้วยครับว่าขอให้ออกมาได้ทุกครั้งที่ต้องการ
    ทีนี้ที่คุณแว๊ดติดจริงๆเนี่ย
    คืออยากมากไป ดังนั้นก็ต้องทำใจให้สบายๆครับ
    คุณเคยนอนพักนานๆแบบรู้สึกว่าโอย สบายใจเหลือเกินไหม
    จับอารมณ์ที่สบายแบบนั้นแหละครับ แล้วน่าจะได้ผลดีขึ้น

    เวลาที่เราอยากได้อะไรแล้วไม่ได้เนี่ย
    เพราะว่าถ้าเราอยากได้แล้วได้ขึ้นมา เท่ากับว่าพระท่านสนับสนุนให้คนมีความอยากมากขึ้น
    แต่ว่าพระพุทธองค์ไม่ทรงประสงค์เช่นนั้น พระองค์ทรงต้องการให้เราละกิเลส
    และมองเห็นว่าสิ่งต่างๆที่ได้รับเป็นเพียงผลพลอยได้จากการทำใจให้สบาย
    ไม่ดิ้นรน หรืออยากได้จนเกินไปเท่านั้นเอง
    ดังนั้นทำใจสบายๆนะครับ เดี้ยวก็ได้เอง แนะนำให้ไปฝึกมโนเต็มกำลังที่วัดท่าซุงนะครับ วันที่13-14ธันวาคมนี้ จองรถได้ครับไปที่ลิงค์นี้
    ใครสนใจก็เชิญได้ครับยังมีที่ว่าง http://palungjit.org/showthread.php?t=160628
     
  6. ศุภกร_ไชยนา

    ศุภกร_ไชยนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    627
    ค่าพลัง:
    +1,122
    ก่อนอื่นต้องขอโทษนะคับที่อ้างอิงจากกระทู้ ไปฝึก ที่วัดท่าซุง แต่ขอถามว่า
    มโนยิทธิฝึกทางโทรศัพย์หรือเอ็ม ก็ได้เหรอคับ หากได้ผมควรทำอย่างไรเพื่อให้สามารถปฏิบัติได้
     
  7. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณศุภกร_ไชยนา<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1699908", true); </SCRIPT>
    ตอนที่จิตเป็นสมาธิแล้วตัวใหญ่ๆ อันนั้นเป็นปีตินะครับ
    ที่จริงอาการของปีติ เรายังไม่ควรไปสนใจครับคือให้เราเน้นทำใจให้สบายเดี้ยวก็สงบเองครับ
    คุณจะมีปัญหาตรงที่อยากสงบเกินไป อยากเห็นหรืออยากได้มากเกินไป
    ก็คล้ายๆกับผมตอนเริ่มใหม่ๆแหละครับ
    ต่อมามีอาจารย์มาสอนผมว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นผลพลอยได้จากอารมณ์สบาย
    คือทำใจให้สบาย แล้วทุกอย่างจะมาเองครับ
    ถ้าอยากสงบมากไปใจก็ไม่สบาย
    ดังนั้นเราเน้นให้ใจสบายเดี้ยวมันจะสงบไปเองครับ

    เนื่องจากคุณสนใจด้านอภิญญา
    ดังนั้นจะต้องฝึกไล่ระดับขึ้นไปก่อนครับ
    ไม่ใช่เราจะเอาทีเดียวได้เลย แบบนั้นมันจะก้าวกระโดดเกินไปครับ
    ทีนี้เราก็มาไล่ลำดับกันก่อน
    อภิญญานั้นก่อนอื่น
    1.จะต้องได้ฌาณ4
    2.ได้กสิณเป็นฌาณ4 ให้ได้1กอง
    3.ฝึกทิพยจักษุ
    4.ฝึกมโนมยิทธิ
    5.ฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลัง
    6.ไล่กสิณเป็นฌาณ4ให้ครบ10กอง
    7.ถึงจะจับอภิญญาได้

    ดังนั้นถ้าเราจะกระโดดไปจับข้อที่7เลย มันยากเกินไปครับ แต่ก็มีคนทำได้ ไม่ใช่ว่าไม่มี

    สรุปแล้วขั้นแรกเราต้องเอาให้ได้ฌาณ4ก่อน หรือถ้าฝึกมโนได้ก็ยิ่งดี
    คราวนี้เราก็มาฝึกฌาณ4กันก่อน ไม่ยากนะครับ ลองอ่านแล้วทำตามเลยก็แล้วกัน
    ฌาณ4นั้น จะต้องมีอารมณ์ที่จับลมหายใจสบายๆจนลมหายใจค่อยๆช้าลงและหยุดนิ่ง
    ผมจะขออธิบายการทำฌาณ4 จากกสิณก่อนก็แล้วกัน
    อย่างกสิณไฟ คนส่วนมากนั้นมีความเข้าใจว่า จะต้องเอาไฟมาตั้งเอาไว้
    แล้วก็เพ่งไปที่ไฟเรื่อยๆ ห้ามมองที่อื่น
    ผมขออธิบายณที่นี้ว่า อันนั้นยังไม่ถูกนะครับ
    เนื่องจากคำว่าเพ่งนั้นในสมัยโบราณมีความหมายว่า การนึกถึงภาพ การจินตนาการภาพ หรือการจับภาพ
    ว่าง่ายๆก็คือวิธีการฝึกกสิณไฟจริงๆแล้ว
    ให้เรานึกถึงภาพไฟ ก็เท่านั้นเองครับ
    แต่ว่าเราจะต้องนึกถึงภาพไฟเอาไว้ตลอดทั้งวัน
    คือให้เรารู้สึกว่าเราจินตนาการถึงภาพไฟเอาไว้ตลอดเวลา เท่านี้เองครับ
    ถ้าทำได้ระดับนี้อย่างน้อยจิตก็เป็นฌาณขั้นใดขั้นหนึ่งแล้วครับ
    เสร็จแล้วให้เราจินตนาการว่าภาพไฟนี้ค่อยๆเปลี่ยนเป็นไฟสีขาว
    เห็นว่าไฟจากสีแดงนั้น กลายเป็นไฟเนื้อสีขาว
    และจากไฟเนื้อสีขาวให้ค่อยๆเปลี่ยนเป็นไฟเนื้อแก้ว
    คือเห็นภาพเนื้อแก้วเป็นรูปเปลวไฟ
    จากนั้นให้เราจินตนาการต่อว่าภาพไฟนั้นเปลี่ยนจากเนื้อแก้วเป็นเนื้อเพชร
    เปล่งประกายระยิบระยับแพรวพราวไปหมด
    แล้วให้เราประคองภาพไฟเนื้อเพชรนี่เอาไว้ให้ได้ตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเดิน ยืน นั่ง นอน
    ประคองเอาไว้ได้ตลอด
    แบบนี้แหละครับ ที่พระหลายๆองค์ ท่านเรียกว่าทรงฌาณทั้งวัน
    คือนึกถึงภาพไฟที่เป็นเนื้อเพชรเอาไว้ทั้งวัน
    พอไฟเป็นเนื้อเพชรเปล่งประกายระยิบระยับแล้ว นี่ก็เป็นฌาณ4แล้วครับ ง่ายไหมครับ

    ทีนี้เราก็มาไล่ทำกับอีก9กองให้ครบ
    ภาพน้ำเป็นเพชร ภาพคลื่นลมเป็นเพชร ภาพก้อนเดินเป็นเพชร
    ภาพสีแดงเปลี่ยนเป็นเพชร ภาพสีเหลืองเปลี่ยนเป็นเพชร ภาพเขียวเปลี่ยนเป็นเพชร
    ภาพสีขาวเปลี่ยนเป็นเพชร ภาพอากาศว่างๆเปลี่ยนเป็นเพชร ภาพแสงสว่างเปลี่ยนเป็นเพชร
    เท่านี้เราก็ไล่กสิณครบ10กองแล้ว

    ส่วนกสิณที่ผมแนะนำและทรงเองเอาไว้เสมอคือภาพพระพุทธรูป
    คือให้เห็นภาพพระพุทธรูปเป็นเพชรเอาไว้อยู่เสมอ เดินไปเดินมาภาพพระพุทธรูปเป็นเพชรก็ยังอยู่
    แล้วให้เราทรงภาพพระพุทธรูปเป็นเพชรเอาไว้จนเป็นนิสัย
    ถ้าทำได้แบบนี้ อภิญญาอยู่ไม่ไกลแน่ครับ

    ถ้าใครทำมาจนถึงตรงนี้แล้ว หรือมีข้อสงสัยก็เชิญสอบถามได้เลยนะครับ
    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2008
  8. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณศุภกร_ไชยนา<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1700187", true); </SCRIPT>
    ฝึกทางเอ็มหรือโทรศัพท์ได้ครับ
    แต่ว่ามันจะไม่เป็นทางการเท่าไปฝึกที่วัด
    ส่วนความแจ่มใสก็อาจจะน้อยกว่า
    เพราะว่าที่วัดจะมีกำลังของพระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงกว่า
    เดี้ยวนี้เขาก็มีการฝึกกันทางนี้ครับ
    ลองแอดเมล์ผมดูก็ได้ครับ ถ้าหากสนใจ
     
  9. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    เคยนอน ตอนกลางคืน แล้วจับพองยุบปกติ จากนั้นเห็นแสงจ้า ทั้ง ๆ ที่ปิดไฟแล้ว แล้วก็หลับตาแล้ว จากนั้นก็ไม่รู้สึกตัว แต่แป๊บเดียวก็เป็นนะคะ ไม่ต้องบริกรรมนาน

    กับครั้งหนึ่ง หลับตาเหมือนเดิม จากนั้นเห็นยิบ ๆ เต็มไปหมดค่ะ เหมือนทีวี ที่มันซ่า ๆ อย่างนั้นน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าคืออะไรค่ะ

    เผอิญอยู่ไกลน่ะค่ะ อยากจะไปฝึกที่บ้านสายลมเหมือนกันค่ะ แต่ไม่สะดวกเลย

    ขอบคุณค่ะ
     
  10. ศุภกร_ไชยนา

    ศุภกร_ไชยนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    627
    ค่าพลัง:
    +1,122
    อนุโมทนา ยินดีในคำตอบมากคับ ผมคงอยากจะสงบ อยากไม่ให้มีอาการฟุ้งซ่าน จิตคงจะเกิดความอยากเกินไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2008
  11. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณแว๊ด
    ผมคิดว่าคุณคงจะเคยเจริญกรรมฐานมาหลายแบบใช่ไหมครับ
    แบบว่าเคยไปฝึกมาหลายๆที่ แต่ว่ายังไม่เจออันที่เราถูกใจจริงๆ
    ประมาณนี้ไหมครับ
    เพราะฉะนั้นผมจะถือโอกาสนี้อธิบายอารมณ์สมาธิคร่าวๆว่า แต่ละวิธีนั้นต่างกันอย่างไร และมีวิธีไล่อารมณ์อย่างไร ไม่ว่าเราจะจับคำภาวนาต่างๆ ไม่ว่าจะพุทโธ ยุบหนอพองหนอ หรือนะ มะ พะ ธะ
    ซึ่งผมคิดว่าคุณน่าจะลองทำมาหมดแล้ว แต่ว่ายังไม่ค่อยเข้าใจในอารมณ์
    ลองอ่านดูครับเผื่อว่าเราอาจจะผ่านมาหลายจุดแล้ว

    1.เราจับคำภาวนาไปซักพัก มันจะเกิดอาการปีติบ้าง แสงสว่างบ้าง หรืออาจจะข้ามไปขั้น2เลยก็ได้
    2.พอเราภาวนาต่อเรื่อยๆโดยไม่สนใจแสง หรือปีติ เราจะเริ่มขี้เกียจภาวนา หรือรู้สึกไม่อยากภาวนา ถ้ารู้สึกแบบนี้ให้เราเลิกภาวนา แล้วจับแค่ลมหายใจอย่างเดียว
    จะจับที่ท้องหรือจุดไหนก็ได้
    3.พอจับลมหายใจซักพักจะรู้สึกว่าจิตเริ่มเป็นสมาธิ แล้วลมหายใจจะเริ่มหายไปช้าๆ
    4.ลมหายใจค่อยๆช้าลง จนเรารู้สึกเหมือนกับว่าจะหยุดหายใจ
    ต้องปล่อยให้หยุดหายใจนะครับ
    5.พอเราหยุดหายใจแล้วหรือไม่รู้สึกว่าเราหายใจแล้วคล้ายกับลมหายใจนิ่ง
    คราวนี้จิตเราจะนิ่ง สงบ จะไม่มีอาการวอกแวก แล้วสงบอยู่อย่างนั้นจนกว่าจิตจะถอนออกมา

    ทีนี้ที่คนส่วนมากติดเนี่ย เกิดจาก
    1.พอภาวนาไปเรื่อยๆ คำภาวนาจะหาย เราไม่ยอมปล่อยให้หาย ก็เลยจับต่อไป
    ทำให้จิตไม่ผ่านจุดนี้ซักที ต้องปล่อยให้คำภาวนาหายไปนะครับ
    2.พอเหลือแต่ลมหายใจทีนี้ลมหายใจจะหาย แต่ว่าเราไปดึงลมหายใจเอาไว้ ไม่ยอมปล่อยให้มันหยุด อันนี้ก็ไม่ผ่าน
    3.เกิดปีติ5 หรือเห็นแสง แล้วอยากเห็นมากเกินไป ทำให้แสงทำให้ปีติหายไป
    แล้วครั้งต่อมาที่นั่งสมาธิก็อยากเห็นแสง หรือให้เกิดปีติอีก
    ที่นั่งไม่ได้อีกเลยก็มี เพราะพออยากแล้วก็เลยไม่ได้เลย
    พอทำไม่ได้หลายๆครั้ง เกิดเครียด แล้วเลิกนั่งสมาธิไปก็มี
    4.ทำจิตเครียดเกินไป หรืออยากมากเกินไป
    ประมาณว่าจะเอาให้เป็นให้ตายกันให้ได้ ถ้าไม่ได้ให้มันตายไป
    ถ้าเคยอ่านเจอที่พระอาจารย์ต่างๆ ท่านทำแบบนี้แล้วบรรลุทำ
    อันนั้นน่ะ มันเป็นอารมณ์แค่ชั่วขณะเดียวคือคิดว่าตายเป็นตาย คิดประมาณ1วินาที
    หลังจากที่คิดเสร็จท่านก็ทำใจสบายๆ ไม่ได้ไปคาดคั้น
    จริงๆอารมณ์สมาธินั้นจะต้องเป็นอารมณ์ที่เบาสบาย ลอยนิ่งๆ เย็น อิ่มเอิบใจ สบายๆ
    แต่คนส่วนมากว่าจะต้อง เพ่ง หนัก เกร็ง เครียด แน่น กดทับ
    จริงๆอันนั้นไม่ใช่สมาธิที่ถูกต้อง แต่เป็นการทรมานตัวเอง
    เนื่องจากภาพลักษณ์เกี่ยวกับสมาธิที่ต้องวางตัวเคร่งขรึม เป็นที่แพร่หลาย ทำให้คนเข้าใจผิดกันเยอะ
    จริงๆแล้ว อารมณ์สบายใจ คืออารมณ์สมาธิ อารมณ์ที่เรารู้สึกว่า สบายจัง แบบนี้ถึงจะเป็นสมาธิ
    ดังนั้นจะต้องทำใจให้สบายไว้เสมอ
    คิดว่านั่งสมาธิเพื่อทำใจให้สบาย แล้วผลที่ได้รับมันจะดีกว่าเดิมเยอะครับ
    5.เวลาที่เราฝึกสมาธิได้แล้ว เราลืมอธิษฐานจิตว่าขอให้เราสามารถเข้าอารมณ์นี้ได้ทุกครั้งที่ต้องการ ลืมอธิฐานนวสีหรือความคล่องตัว
    ทำให้เวลาเข้าสมาธิเราจะต้องมาไล่ตั้งแต่ 1-2-3-4 ทุกครั้ง
    แต่ถ้าเราปักหมุดในจิต แล้วจดจำอารมณ์ เมื่อวานเราฝึกได้ถึง3 วันนี้เราก็เริ่มจาก3เลย
    แล้วมันจะได้เร็วกว่าที่จะต้องมาไล่1-2-3-4ทุกวัน
    กว่าจะถึงจุดเดิมที่เราเคยได้ หมดเวลาแล้วก็มี
    ดังนั้นเวลาฝึกสมาธิเสร็จพอถึงจุดที่คิดว่าเราไม่เคยสงบแบบนี้มาก่อน ให้เราอธิษฐานว่าขอให้กลับเข้าสู่สภาวะนี้ได้ทุกครั้ง ทุกเวลา ทุกสถานที่ ที่เราต้องการ
    6.แล้วก็การทรงอารมณ์เอาไว้สม่ำเสมอ
    คือว่าคนเรามักจะคิดว่าต้องนั่งหลับตาจึงจะฝึกสมาธิได้ ทำให้จำกัดเวลาในการฝึกสมาธิเหลือแค่1-2ชั่วโมงต่อวัน
    จริงๆแล้วเราจะต้องทรงสมาธิเอาไว้ทั้งวัน และเป็นสิ่งที่พระอาจารย์ทุกๆท่านทำ
    เช่นให้เราพุทโธ สบายๆ ไว้ทั้งวัน หรือจับลมหายใจสบายๆเอาไว้ทั้งวัน
    หรือนึกถึงภาพพระ ภาพกสิณเอาไว้ทั้งวัน
    ดังนั้นเท่ากับว่าเราสามารถทรงสมาธิเอาไว้ได้24ชั่วโมง เราฝึกมากกว่าปกติถึง12เท่า
    ตอนตื่นก็พุทโธตลอด พอจะหลับก็พุทโธไปเรื่อยๆจนหลับ พอตื่นขึ้นมาก็พุทโธต่อ
    ที่ผมทำก็คือจับลมหายใจสบายๆ เอาไว้ทั้งวัน พอจะนอนก็จับลมหายใจจนหลับ พอตื่นขึ้นมาก็จับต่อ
    ตอนแรกๆก็ยากหน่อยครับ แต่พอทำจนชินแล้วมันก็ไม่ยากครับ

    มี6ข้อนี้แหละครับที่คนส่วนมากจะติด

    ดังนั้นเวลาเราฝึกจริงๆแล้วถ้าจะฝึกสมาธิ ก็ตั้งเป้าไว้จุดเดียวครับ
    คือใจสบาย ใจสบายเมื่อไหร่พอเมื่อนั้น พอใจสบายแล้ว ประคองใจให้สบายเอาไว้ทั้งวัน
    ถ้าวันทั้งวันใจเราสบายได้ จิตเราก็เป็นสมาธิทั้งวัน
    ดังนั้นถ้ามีแสงบ้าง อาการแปลกๆบ้าง เวลาเราทำสมาธิก็ไม่ต้องสนใจนะครับ
    จับอารมณ์สบายไว้อย่างดียวก็พอแล้วครับ พอใจสบายแล้ว ได้ทุกอย่างครับ
    ขอให้ทุกๆคนลองหาอารมณ์สบายของเราให้เจอครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2008
  12. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    ไม่เคยฝึกแบบอื่นเลยคะ ฝึกแต่พองยุบ ขนาดบริกรรมนะมะ พะธะ ยังจับที่ท้องตอนมันพอง ยุบ เลยค่ะ จับลมหายใจไม่เป็นน่ะค่ะ พอจะจับซักพักมันก็ไปที่ท้องอีก แต่เคยลองจับลมหายใจเหมือนกันค่ะ ตอนอ่านหนังสือจะทราบว่า ลมหายใจลงไปกระทบคอ หน้าอก ลิ้นปี่ แต่หายใจออกจับไม่ได้ค่ะ

    เคยแต่รู้สึกว่าลิ้นปี่มันหมุนได้ เป็นโพลงบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะจับพองยุบนะคะ จับนะมะ พะธะได้ไม่นาน ก็เปลี่ยนมาเป็นพองยุบเองน่ะค่ะ แต่จะถึงฌาณไหนไม่ทราบค่ะ
     
  13. ศุภกร_ไชยนา

    ศุภกร_ไชยนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    627
    ค่าพลัง:
    +1,122
    การปฏิบัติทุกกรรมฐานต้อง วางอุเบกขา ก่อน เพิ่งได้คำนี้จากท่านพี่สหายธรรมมา รวมกับคำแนะนำของท่านเจ้าของกระทู้ ผมเพิ่งเข้าใจวันนี้เอง สิ่งที่คุณแว๊ดเป็นผมก็เป็นเหมือนกันคับ ต้องถามใจตัวเองก่อนว่า ภาวนา นะมะ พะธะ เพื่ออะไร ผมทิ้งพุท โธ ไปลองบริกรรม นะมะ พะธะ ก็เพราะอยารู้อยากเห็นนี้และคับ แต่พอเผลอจิตจะจับพุท โธ ทันที แต่ตอนนี้ผม จะ วางอุเบกขา แล้วคับ ไม่ยินดียินร้ายต่อสิ่งที่ปรากฏ และสิ่งที่คาดหวัง หวังไปก็ทำให้เป็นทุกข์คับ ไม่หวังก็ไม่ทุก ทำงานเสดปิดคอมปฏิบัติต่อ หากมีข้อสงสัยจะสอบถามอีกนะคับ

    ขออนุโมทนากับท่านเจ้าของกระทู้มากนะคับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2008
  14. Sawiiika

    Sawiiika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +1,557
    ขอโมทนากับทุก ๆ ท่านค่ะ ^^'


     
  15. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    จับแบบที่เราถนัดครับ
    ถ้าเราถนัดท้องก็เอาที่ท้องครับ
    อย่าไปฝืน เราคล่องเราสบายแบบไหนเอาแบบนั้นครับ
    เพราะจริงๆ เราจับพุทโธ พองยุบ ใช้เป็นมโนมยิทธิได้หมดนะครับ
    พระอาจารย์หนุนที่สำนักสงฆ์พุทธโมกข์ จ.สกลนคร
    ท่านให้จับพุทโธ แล้ว ก็ทำเป็นมโนมยิทธิเต็มกำลัง
    สรุปก็คือใช้ได้ทุกอย่างครับ
    แม้แต่อภิญญา ถ้ามีอาจารย์ที่ทำได้มาแนะนำ จับพุทโธก็ทำเป็นอภิญญาได้ครับ
    เลือกที่เราสบายที่สุดดีกว่าครับ อย่าฝืนเลย
     
  16. choosake

    choosake เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    482
    ค่าพลัง:
    +647
    มารายงานความ คืบหน้าครับ
    ยังไม่ออก ครับ T_T
    แต่หลังจาก ไปศึกษาธรรมเพิ่มเติม ตอนนี้กำลังใจดีขึ้นมากๆ ครับ
    ความกลัว ไม่มีแล้ว เพราะว่า พอเข้าสู้อาการ ที่เคยถามไปข้างตน
    ก็ทรงอยู่อย่างนั้น ไปเรื่อย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ จน ถอยมา แล้วก็ กลับเข้าไปอาการเดิมอีก
    แต่ ยังไง ก็ไม่ออก
    ครับ รบกวนด้วยว่า ผมผิดพลาดตรงไหนประการ ใด
    ขอบคุณครับ

    ออ ไม่มีความรู้สึกอยากออก ครับ
    แค่ตั้ง จิตไว้ว่า ถ้าหลุดไป ก็พบ พระพุทธเจ้า ครับ
     
  17. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    ได้ยินเสียงกลางกระโหลกค่ะ เสียงผู้หญิงร้องเพลงไทยโบราณ

    ก่อน ๆจะได้ยินแค่ปลายหู งุ้งงิ้ง แต่วันนั้นได้ยินเสียงชัดเจนอยู่ในหัวน่ะค่ะ

    อันนี้เป็นฌาณไหนคะ
     
  18. choosake

    choosake เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    482
    ค่าพลัง:
    +647
    ลืม อีกนิด ครับ
    ผลพลอย ได้ ทำให้ มโนมยินธิ แจ่มใส ครับ
    เช่น ไปไหว พระธาตุ ที่ จัดแสดง ก็ รู้สึกและเห็นด้วยวาระจิต ของพระพุทธเจ้าทรงประทับ
    พระนิพาน ในงานครับ และ อีกหลายองค์(แต่ไม่ทราบว่าคือใคร แฮะ ๆ)
     
  19. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณchoosake<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1706962", true); </SCRIPT>
    วางอารมณ์ถูกแล้วครับ
    ก็ตั้องหมั่นเข้าอารมณ์นั้นครับ มันต้องใช้เวลาหน่อยครับ
    แต่ใกล้แล้วครับ
    ตอนนี้เราเหมือนอยู่ตรงทางออก เหลือแค่เดินออกครับ
    ตอนนี้คุณไม่กลัวแล้วครับ
    แต่ยังตัดอารมณ์เกาะร่างกายไม่หมด
    ต้องลองไปจับวิปัสสนาเพิ่มครับ
    ต้องตัดอารมณ์ที่คิดว่าร่างกายเป็นตัวเราออกให้หมด แล้วมันจะหลุดเองครับ
    ใกล้แล้วครับ ทำใจสบายๆครับ
    พอจิตแยกจากร่างกาย ติดในร่างกายน้อยลง
    ก็ทำให้มโนแบบครึ่งกำลังแจ่มใสขึ้นด้วยครับ

    ขอให้แจ่มใสยิ่งๆขึ้นไปครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2008
  20. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณแว๊ด<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1706972", true); </SCRIPT>
    ก็เป็นฌาณค่อนข้างละเอียดแล้วครับ
    ตอนที่ได้ยินเสียงนี่ รู้สึกว่าร่างกายเบาๆหรือเปล่าครับ
    มันจะค่อนข้างสงัดจากเสียงภายนอก แล้วจะรู้สึกว่ามันสว่างๆ
    เหมือนร่างกายเบาๆ ลอยๆนิดๆ
    แบบนี้เป็นฌาณลึกครับ

    ต้องจดจำอารมณ์ให้ได้ครับ
    แล้วให้หมั่นเข้าๆออกๆซ้ำๆ จนชินครับ
    แต่มันยังไปต่อได้อีกครับ อารมณ์ยังไม่สุดครับ
    ยังมีอารมณ์ที่สูงกว่านี้ครับ
    แต่ได้ยินเสียงก็เป็นนิมิตที่ดีครับ
    แล้วก็ต้องอธิษฐานให้เข้าสู่อารมณ์เดิม ได้ทุกครั้งที่ต้องการด้วยครับ จะได้ไม่ลืมอารมณ์
    อารมณ์ยังละเอียดขึ้นไปได้อีกครับ

    ขอให้เจริญในธรรมนะครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...