รับตอบข้อสงสัยในการเจริญพระกรรมฐาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Xorce, 26 พฤศจิกายน 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    สวัสดีค่ะ คุณ Xorce

    แว๊ดมารบกวนอีกแล้วค่ะ คือว่า

    แว๊ดเคยเข้าสมาธิได้ครั้งหนึ่ง มันได้หลายชั่วโมงมาก แต่ว่ารู้สึกว่านั่งไปได้แค่ 5-10 นาที จากนั้นเวลาก็ลดลงมา และก็นั่งไม่ได้อีก เพราะไม่นิ่งหรือเปล่าค่ะ

    และแม้ไม่ได้นั่งสมาธิ จะได้ยินเสียงวิ้ง ๆ เหมือนตอนกลางคืนสงัดมาก ๆ กับเห็นเป็นฝนตก สีทอง ๆ อยู่ตลอดเลยค่ะ

    แต่แว๊ดสงสัยและงง ตรงที่เข้าสมาธิไม่ได้หลาย ๆ ชั่วโมงอย่างเมื่อก่อนน่ะค่ะ

    รบกวนด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
     
  2. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ thipphayawan ครับ


    ดิฉันนั่งสมาธิได้สักระยะหนึ่งแล้วโดยอาศัยอ่าน และหาความรู้จาก website และในหนังสือเอง แต่มีข้อสงสัยค่ะว่าเป็นเรื่องธรรมดาหรือไม่สำหรับผู้ที่นั่งสมาธิแล้วจะเห็นนิมิตรต่างๆ เช่น แสง องค์พระ เพราะสำหรับดิฉันแล้วจะไม่มีอะไรเลยนอกจากความสงบ และมาระยะหลังนี้ยิ่งสงบก็ยิ่งดิ่งลึกลงไป ลมหายใจแผ่วลงและหยุดหายใจเป็นบางครั้ง และเกิดความรู้สึกที่เป็นสุขอย่างบอกไม่ถูก จึงขอความกระจ่างค่ะว่าที่ดิฉันปฏิบัติอยู่ถูกต้องแล้วหรือไม่
    ขอบคุณค่ะ

    การเห็นนิมิตนั้น จะไม่เกิดขึ้นกับทุกๆคนเสมอไปนะครับ
    ถ้ากำหนดลมหายใจ หรือพุทโธ เฉยๆ ก็อาจจะไม่เกิดนิมิตครับ
    แต่ถ้าฝึกกสิณ หรือนึกถึงภาพพระพุทธรูป แบบนี้จะเกิดนิมิตแน่นอนครับ

    อารมณ์ใจของคุณ มีความเบา เย็น สบาย สงบ อยู่เป็นปกติ
    ขออนุโมทนาด้วยครับ ปฏิบัติได้ถูกแล้วครับ ถ้ามีความสุขล่ะก็ถูกแน่นอนครับ

    แนะนำเพิ่มว่าหลังจากที่สงบแล้ว ให้เราอธิษฐานปักหมุด อธิษฐานนวสี ซ้ำลงไป
    เพื่อที่เราจะได้สามารถเข้าสู่อารมณ์นั้น ได้คล่องขึ้นอีกนะครับ

    และหลังจากที่เรารู้สึกมีความสุขแล้ว
    ให้เราทำความรู้สึก ว่าเรากำลังแผ่ความสุขนี้ ออกไปยังผู้อื่น แผ่ออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณ แผ่ออกไปเรื่อยๆ
    แล้วความสุขของเราจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นอีกครับ

    ขอให้ปฏิบัติด้วยอารมณ์ที่มีความสุขแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2009
  3. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ แว๊ด ครับ

    การเข้าสมาธิของคุณนั้น เมื่อก่อนจะทำด้วยความเพลิดเพลิน คือใจจะรู้สึกเพลิน สบายๆ เวลาเข้าสมาธิ จึงเข้าได้นาน
    แต่ว่าต่อมา มีอารมณ์ ที่ไปคิดเรื่องระยะเวลาในการทำสมาธิมากขึ้น ก็เลยเกิดความฟุ้งซ่าน หรือว่าสงสัย
    ซึ่งทำให้จิตถอนออกมาจากสมาธิ

    และต่อมาก็มีความอยากที่จะเข้าสมาธิให้ได้นานๆเหมือนเดิม มันก็เลยกลายเป็นนิวรณ์ที่ขวางกั้นไม่ให้เข้าสมาธิครับ

    สรุปก็คือว่า ให้เราทำใจให้สบาย
    ทำความรู้สึกว่าเราไม่ต้องการจะทำสมาธิให้ได้นานๆ แต่เราต้องการจะทำใจให้สบาย
    ใจสบายเมื่อไหร่ เราพอใจแค่นั้น เน้นใจสบายเป็นสำคัญ อย่าเน้นเวลา
    แล้วสมาธิของเราก็จะกลับมาเองครับ เพราะพอใจไม่ไปภะวงกับระยะเวลา
    ใจก็จะสบาย พอใจสบาย สมาธิเราก็จะนานเองครับ

    ความอยากสงบมากเกินไปก็ทำให้เราไม่สงบได้เช่นกันครับ

    ส่วนเสียงวิ๊งๆ กับฝนสีทองนั้น เกิดจากการที่จิตยังเป็นสมาธิอยู่ แม้เราจะออกจากสมาธิมาแล้วครับ

    แต่หลักการจริงๆ ก็คือว่า เราควรจะต้องให้จิตของเราทรงอยู่ในสมาธิตลอดเวลา ทรงอยู่ในสมาธิได้ตลอดทั้งวัน
    แม้ว่าเราจะทำงานอะไรอยู่ก็ตาม ก็ควรที่จะประคองจิตให้อยู่ในสมาธิตลอดเวลา
    จะพุทโธ ก็ดี หรือว่าจับลมหายใจก็ดี หรือว่าทรงภาพพระก็ดี หรือว่าอารมณ์ชุ่มเย็นจากเมตตาก็ดี
    ควรที่จะทรงให้ได้สม่ำเสมอตลอดเวลาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2009
  4. thipphayawan

    thipphayawan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +31
    ขอบคุณมากค่ะ
     
  5. nanhor

    nanhor Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +51
    ผมขอเป็นสมาชิกด้วยคนนะครับ
    1.เรียนถามว่าอาการปีติต้องเกิดทุกๆครั้งก่อนเข้าฌานหรือไม่ครับ แล้วอาการปีติต้องเกิดไปทีละลำดับหรือไม่และถ้าอยากให้เกิดอาการปีติครบควรทำอย่างไร
    2.เรียนถามเรื่องการจับลม3ฐาน มันคือการจับอาการกระทบของลมใช้ไหม
    ถ้าใช้ผมสามาราถรู้ได้โดยเปรียบเทียบเวลาหายใจเเรงลมมันกระทบจมูกใช่ไหม
    ถ้าใช้ผมไม่สามารถจับลมกระทบอก กับศูนเหนือสะดือได้ทำอย่างไรเพราะยังไม่รู้เลยลมมันไม่มีความรู้สึกกระทบเเต่อย่างไร
    ขอบคุณมากครับ
     
  6. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ nanhor ครับ

    แหะๆ ไม่มีการสมัครสมาชิกนะครับ
    เพียงแต่ว่าคุณ thippayawan พึ่งจะสร้างล็อกอินใหม่ครับ

    1.เรียนถามว่าอาการปีติต้องเกิดทุกๆครั้งก่อนเข้าฌานหรือไม่ครับ แล้วอาการปีติต้องเกิดไปทีละลำดับหรือไม่และถ้าอยากให้เกิดอาการปีติครบควรทำอย่างไร

    อาการปีตินั้น ไม่จำเป็นจะต้องเกิดทุกครั้งก่อนเข้าฌาณครับ
    บางคนอาจจะบรรลุธรรมได้โดยไม่เคยเจอปีติเลยก็ได้ครับ
    อย่างสมัยพุทธกาล ฟังธรรมกันจบเดียว ก็บรรลุธรรมเลยครับ

    บางคนก็อาจจะเจอกับปีติครบทุกตัว
    ส่วนมากผู้ที่เจอปีติครบ จะเป็นพุทธภูมิครับ
    เนื่องจากปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า จึงต้องผ่านปีติครบ จะได้สามารถสอนผู้อื่นได้

    อาการปีติไม่เกิดไปตามลำดับครับ จะเกิดยังไงก็ได้ ไม่มีกฏเกณฑ์ครับ
    ส่วนถ้าอยากให้เกิดปีตินั้น
    ถ้าตามแบบของวัดพลับ วัดของสมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน

    ท่านให้ตั้งจิตขอบารมีพระพุทธเจ้าเมตตาสงเคราะห์ให้เกิดปีติตัวนี้ๆ
    เสร็จแล้วให้ภาวนาพุทโธๆๆ ไปเรื่อยๆ
    ซักพักปีติตัวที่เราต้องการจะเกิดครับ

    หรือถ้าใครได้มโนมยิทธิแล้ว ก็ตั้งจิตขอจากพระพุทธเจ้า แล้วปีติตัวที่เราตั้งจิตขอจะเกิดขึ้นเองครับ

    เรื่องลมหายใจนั้น ถ้าหากว่าอารมณ์ใของเรา มันมีความหนักมากไป ก็จะไม่สามารถสัมผัสลมที่อก และท้องได้

    วิธีการก็คือให้เราไปทำขั้นตอนที่ หายใจเข้าลึก กักลมหายใจเอาไว้ ภาวนา พุทโธ ธัมโม สังโฆๆๆๆ ซ้ำไปซ้ำมา ประมาณ10วินาทีจึงหายใจออก ทำซ้ำ10ครั้ง
    จากนั้นค่อยจับลมหายใจใหม่ ก็จะสามารถ จับลมหายใจสามฐานได้ครับ

    ลมสามฐานนี้จะรู้สึกว่าลมหายใจของเรา กระทบบริเวณปลายจมูกของเราเบาๆ เวลาหายใจเข้า เบาๆนะครับ ไม่แรง
    ลมหายใจไหลต่อมายังอกของเรา
    จากนั้นลมหายใจก็ไหลต่อลงมาจนถึงท้อง
    จากท้องลมหายใจก็ไหลย้อน มาที่อก และออกมาทางจมูก

    ความรู้สึกที่กระทบนั้น จะรู้สึกเบาๆ ถ้าเกิดว่าอารมณ์ของเราหนักเกินไปก็จะไม่รู้สึก
    เพราะอาการที่กระทบมีความเบา จิตจะต้องมีความเบาตาม จึงจะสามารถสัมผัสได้

    แต่ว่าถ้าจับลมหายใจสามฐานไม่ได้จริงๆ ก็ลองดูว่าสามารถจะจับลมหายใจตลอดสายได้ไหม
    ถ้าจับลมหายใจตลอดสายได้ ลมสามฐานจับไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ
    เพราะลมสามฐานเป็นแค่ทางผ่าน ถ้าเราทำตัวต่อมาได้ ตรงทางผ่านไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ

    บางคนรวมถึงตัวผมเองด้วย ตอนที่ฝึกใหม่ๆ ตั้งใจหายใจแรงๆ จะได้รู้สึกสามฐาน แต่ก็ไม่รู้สึก
    เพราะว่าลมหายใจจะต้องเบา จึงจะสามารถรู้สึกได้ ยิ่งลมหายใจแรงจะยิ่งไม่รู้สึก

    แต่อารมณ์ที่เราต้องการไม่ใช่ความรู้สึกว่าเรารู้ลมหายใจ
    อารมณ์ที่เราต้องการคือความสบาย ดังนั้นเราจะต้องทำใจของเราให้สบาย
    เพราะหากใจไม่สบาย มีความอึดอัดแล้ว จะรู้ลมกี่ฐานก็ไม่เกิดประโยชน์ครับ
    สำคัญที่สุดคือใจต้องสบายครับ
     
  7. Killme

    Killme สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอถามผู้มีความรู้หน่อยครับ
    ผมนั้งสมาธิแล้วมีอาการ
    1 เวลานั้งจนนิ่งแล้ว (ไม่ได้คิดอะไรแล้ว) มันจะรู้สึก หน่วงที่ กลางผาก หรือไม่ก็ รู้สึกว่ามีกระแสไฟฟ้า มาแล่น แปล็บๆ ที่กลางกระหม่อม ( ตอนนี้ออกจากสมาธิ แต่บางที ก็ยังรู้สึกว่ามีกระแสไฟ กลางกระหม่อมอยู่ ครับ )

    2 เวลา นั้ง บางครั้งมันจะง่วงมาก เหมือนวูบ หลับไป และไม่ได้หายใจ (ก่อนวูบหลับ ยังจับลมหายใจได้ แต่เบามาก ) และหลังจากนั้นจะสะดุ้ง กลับมา แต่พอหายง่วง จะนั้งได้นิ่งกว่าเดิมครับ

    ถามครับ ว่าควรแก้อย่างไรบ้าง ครับ ขอ ขอบคุณ ล่วงหน้าครับ
     
  8. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ Killme ครับ

    1 เวลานั้งจนนิ่งแล้ว (ไม่ได้คิดอะไรแล้ว) มันจะรู้สึก หน่วงที่ กลางผาก หรือไม่ก็ รู้สึกว่ามีกระแสไฟฟ้า มาแล่น แปล็บๆ ที่กลางกระหม่อม ( ตอนนี้ออกจากสมาธิ แต่บางที ก็ยังรู้สึกว่ามีกระแสไฟ กลางกระหม่อมอยู่ ครับ )

    อาการที่หน่วงนี้เกิดจากการที่อารมณ์หนักไปนะครับ
    ต้องทำใจให้สบายกว่านี้ครับ
    จะสังเกตุได้ว่าถ้าอารมณ์หนักเมื่อไหร่ อาการที่เกิดขึ้นคือจะแน่นๆ มึนๆ หรือหน่วงๆที่หน้าผาก
    อันนี้เกิดจากอารมณ์หนักแน่นอนนะครับ

    แล้วต่อมาเราก็มาดูว่าอารมณ์ของเราหนักเพราะอะไร เราก็ต้องแก้ให้ตรงจุดครับ
    ถ้าเราอยากสงบมากไป ก็ต้องผ่อนอารมณ์ลง หรือถ้าเราทำสมาธิเครียดเกินไป ก็ต้องทำใจให้สบายครับ

    2 เวลา นั้ง บางครั้งมันจะง่วงมาก เหมือนวูบ หลับไป และไม่ได้หายใจ (ก่อนวูบหลับ ยังจับลมหายใจได้ แต่เบามาก ) และหลังจากนั้นจะสะดุ้ง กลับมา แต่พอหายง่วง จะนั้งได้นิ่งกว่าเดิมครับ

    อันนี้เป็นอาการตกภวังค์ครับ
    เกิดจากการีท่ร่างกายเหนื่อยล้า หรือว่าจิตของเรามีความง่วง หรือมีอารมณ์หนักก็จะทำให้ตกภวังค์ง่ายเช่นกันครับ
    ความง่วงนี้เป็นนิวรณ์ ถ้าไม่ง่วงก็ย่อมมีสมาธิดีแน่นอนครับ

    แต่อารมณ์ยังหนักไปแน่นอนครับ ยังมีอาการที่พยายามกดหรือว่าข่มให้สงบอยู่
    ซึ่งจริงๆ จะต้องให้ใจสบาย มีความสุข จนสงบไปเองครับ

    วิธีแก้ ก็คือ
    วิธีการก็คือให้เราไปทำขั้นตอนที่ หายใจเข้าลึกๆ กักลมหายใจเอาไว้ ภาวนา พุทโธ ธัมโม สังโฆๆๆๆ ซ้ำไปซ้ำมา ประมาณ10วินาทีจึงหายใจออก ทำซ้ำ10ครั้ง

    ถ้าเกิดรู้สึกว่าตัวเองอารมณ์หนักไปนะครับ ให้กลับมาทำขั้นตอนนี้เลยนะครับ
    เสร็จแล้วเราก็จับลมหายใจเหมือนเดิม ปล่อยลมหายใจสบายๆ
    หน้าที่ของเรามีเพียงตามดูรู้ลมหายใจเท่านั้น
    ดูลมหายใจไปเรื่อยๆ คราวนี้ลมหายใจของเราจะค่อยๆ สั้นลงๆ จนหยุดหายใจไปเองครับ
    ลองไปทำดุนะครับ แม้จะลืมตาอยู่ก้สามารถจับลมหายใจจนลมหายใจหยุดไปได้
    หรือแม้เพียงอ่านข้อความนี้แล้วทำตาม ลมหายใจของเราก็สามารถสั้นลงๆ จนหยุดได้ครับ
    ไม่จำเป็นจะต้องรอเวลาไปนั่ง แต่ให้ลืมตาแล้วทำขณะอ่านข้อความนี้เลยครับ
     
  9. Killme

    Killme สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอบคุณมากครับ ที่บอกวิธีแก้ให้ ครับจะลองไปทำดูครับ

    และขอถามอีกอย่าง
    ตอนนี้อาการที่เป้น ครับ คือออก จากสมาธิแล้ว (ชีวิต ปรกติ)
    แต่พอเวลา ทำสมาธิจะทำอะไรซักอย่าง อาการที่ เหมือนว่ามีกระแสไฟ ในกลาง กระหม่อม มันก็ยังเป้นตลอดเวลาครับ

    ขอทราบ วิธีแก้ด้วยครับ ขอบคุณ ครับ
     
  10. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ killme ครับ

    อาการของกระแสไฟนี้ เกิดจากการที่อารมณ์หนักค้างมาจากสมาธิ

    วิธีแก้ก็คือจะต้องทำใจให้สบาย ถ้าจะให้เร็วที่สุด
    ก็คือ ให้เรานึกถึงความสุข ความรัก ความเมตตา ความปรารถนาดี ที่เรามีต่อผู้อื่น
    ให้ค่อยๆหลั่งไหลเข้ามารวมกันที่จิตใจของเรา จนกระทั่งจิตใจของเรานี้มีแต่ความสุข ความชุ่มเย็น ความเบาโล่งสบาย ความปรารถนาดีต่อผู้อื่น
    แล้วให้เราทำความรู้สึกว่า เราแผ่ความสุข ความชุ่มเย็น ความอิ่มเอิบกายอิ่มเอิบใจนี้
    แผ่ออกไปยังผู้อื่น แผ่ออกไปเรื่อยๆยังทั่วทั้งจักรวาล แผ่ออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณ ความรักความเมตตา ความปรารถนาดีที่เรามีต่อผู้อื่น มีอย่างไม่มีที่สิ้นุสดไม่มีประมาณ
    แผ่ออกไปเรื่อยๆ
    แล้วจิตใจของเราก็จะมีความสุข อาการที่ว่านี้ก็จะหายไปเองครับ

    ลองทำในขั้นนี้ดูนะครับ ลองไปอ่านในหน้าก่อนๆด้วยครับ ผมจะเขียนไว้ละเอียดกว่านี้ครับ
     
  11. choosake

    choosake เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    482
    ค่าพลัง:
    +647
    ถึงคุณ Xorce ยังไมได้หายไปไหน ยังตาม อ่าน อยู่
    แต่ว่า ไม่มีอะไรจะถามแล้ว มาเป็นกำลังใจ ให้เฉย ๆ จ้า
     
  12. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    สวัสดีค่ะ

    วันนี้มาเล่าอาการให้ทราบค่ะ อารมณ์ก็ยังหนักอยู่ค่ะ แต่ก็พยายามผ่อน ๆ อยู่ มันไม่ง่ายเลยสำหรับคนที่ต้องทำงานและรับรู้อารมณ์ของผู้อื่นและสภาพแวดล้อมในที่ทำงานมาทั้งวัน เพราะตัวดิฉันยังไม่ค่อยคล่องเรื่องสมาธิบางครั้งก็เลยต้องปล่อยอารมณ์ไปตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นไป พอกลับมาทำสมาธิที่บ้านตอนเย็น อารมณ์หนัก ๆ ที่สะสมไว้มันก็เลยมาแสดงตอนทำสมาธิ

    ถึงแม้ว่าอารมณ์จะยังหนักอยู่แต่ก็อยากทำสมาธิและมีความสุขที่ได้ทำ วันไหนอารมณ์แจ่มใสสมาธิก็เจริญดี วันไหนอารมณ์เจอแต่เรื่องหนัก ๆ มาทั้งวันก็ล้าไปบ้าง สมาธิก็ทำได้น้อย แต่ไม่เป็นไร ได้ยังดีกว่าไม่ได้ อิ_อิ

    แต่พักนี้จิตมันอยากหลบในตลอดเวลาเลยค่ะ ไม่ใช่ง่วงนอนนะคะ เราก็ฝืนไว้ แหม จะไปหาที่สงบนั่งสมาธิในที่ทำงานนั้นเป็นเรื่องยากค่ะ แม้ว่าจะพยายามภาวนาพุท-โธ หรือจับลมหายใจไว้เกือบตลอดเวลา จิตมันก็ยังไม่ค่อยอยากตื่นเลยค่ะ

    วันนี้ที่ต้องมาโพสเพราะว่าสงสัยอาการบางอย่างที่เกิดขึ้นในขณะทำสมาธิค่ะ คือนั่งทำสมาธิจับลมหายใจไปสักพักมีอาการหัวก้มต่ำเหมือนคนหลับทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่จิตมันตื่นอยู่ตลอดเวลา รู้แต่ว่ามันดิ่งลงไปวูบ ๆ ๆ สบายดีค่ะ แต่มันปวดคอค่ะเหมือนคนไม่มีกระดูกเลย แต่เส้นหลังคอมันตึงเพราะก้มหัวต่ำ ก็เลยนึกให้ทรงกายขึ้นนั่งพึงขอบเก้าอี้ก็ทำได้ สบายเลย

    นั่งไปสักพักเกิดอาการล้าอยากนอนสมาธิก็เลยเลื่อนกายขึ้นไปนอนบนเก้าอี้ จับลมหายใจอยู่ตลอดเวลา เพราะตอนนั้นไม่อยากภาวนาอะไรแล้ว ลมหายใจแผ่วลงจนเกือบหยุดแต่ไม่หยุดสักที อธิษฐานขอบารมีของพระพุทธเจ้าช่วยสงเคราะห์ให้เข้าถึงฌาณ 4 ลมหายใจเหมือนจะหยุดไปแล้วก็กลับมาใหม่เป็นช่วง ๆ แต่มันแปลกที่บางช่วงมีอาการวืด เป็นอยู่สองครั้งและมีเสียงดังครืดจนแก้วหูลั่น

    มีอยู่ช่วงหนึ่งเห็นเป็นเหมือนวงแสงหรือวงเส้นอะไรก็ไม่รู้วิ้ง ๆ ๆ ๆ อยู่แป๊บเดียวก็หายไป

    ขอรบกวนคุณ xorce ช่วยวิเคราะห์และแนะนำด้วยค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
     
  13. thipphayawan

    thipphayawan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +31
    รบกวนสอบถามค่ะ

    เมื่อคืนขณะที่นั่งสมาธิแล้วจิตสงบแล้วสักพักรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟวิ่งวนอยู่ในตัว และดันมาถึงท้ายทอยค่ะ หลังจากนั้นร่างกายก็สั่นสะเทือน ตกใจก็เลยลืมตาค่ะ อยากทราบว่าอาการแบบนี้คืออะไรคะ และถ้าเกิดอาการแบบนี้อีกควรทำอย่างไร

    ขอบคุณค่ะ
     
  14. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ natthapatpun ครับ


    สวัสดีค่ะ

    วันนี้มาเล่าอาการให้ทราบค่ะ อารมณ์ก็ยังหนักอยู่ค่ะ แต่ก็พยายามผ่อน ๆ อยู่ มันไม่ง่ายเลยสำหรับคนที่ต้องทำงานและรับรู้อารมณ์ของผู้อื่นและสภาพแวดล้อมในที่ทำงานมาทั้งวัน เพราะตัวดิฉันยังไม่ค่อยคล่องเรื่องสมาธิบางครั้งก็เลยต้องปล่อยอารมณ์ไปตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นไป พอกลับมาทำสมาธิที่บ้านตอนเย็น อารมณ์หนัก ๆ ที่สะสมไว้มันก็เลยมาแสดงตอนทำสมาธิ

    ถึงแม้ว่าอารมณ์จะยังหนักอยู่แต่ก็อยากทำสมาธิและมีความสุขที่ได้ทำ วันไหนอารมณ์แจ่มใสสมาธิก็เจริญดี วันไหนอารมณ์เจอแต่เรื่องหนัก ๆ มาทั้งวันก็ล้าไปบ้าง สมาธิก็ทำได้น้อย แต่ไม่เป็นไร ได้ยังดีกว่าไม่ได้ อิ_อิ

    แต่พักนี้จิตมันอยากหลบในตลอดเวลาเลยค่ะ ไม่ใช่ง่วงนอนนะคะ เราก็ฝืนไว้ แหม จะไปหาที่สงบนั่งสมาธิในที่ทำงานนั้นเป็นเรื่องยากค่ะ แม้ว่าจะพยายามภาวนาพุท-โธ หรือจับลมหายใจไว้เกือบตลอดเวลา จิตมันก็ยังไม่ค่อยอยากตื่นเลยค่ะ

    วันนี้ที่ต้องมาโพสเพราะว่าสงสัยอาการบางอย่างที่เกิดขึ้นในขณะทำสมาธิค่ะ คือนั่งทำสมาธิจับลมหายใจไปสักพักมีอาการหัวก้มต่ำเหมือนคนหลับทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่จิตมันตื่นอยู่ตลอดเวลา รู้แต่ว่ามันดิ่งลงไปวูบ ๆ ๆ สบายดีค่ะ แต่มันปวดคอค่ะเหมือนคนไม่มีกระดูกเลย แต่เส้นหลังคอมันตึงเพราะก้มหัวต่ำ ก็เลยนึกให้ทรงกายขึ้นนั่งพึงขอบเก้าอี้ก็ทำได้ สบายเลย


    นั่งไปสักพักเกิดอาการล้าอยากนอนสมาธิก็เลยเลื่อนกายขึ้นไปนอนบนเก้าอี้ จับลมหายใจอยู่ตลอดเวลา เพราะตอนนั้นไม่อยากภาวนาอะไรแล้ว ลมหายใจแผ่วลงจนเกือบหยุดแต่ไม่หยุดสักที อธิษฐานขอบารมีของพระพุทธเจ้าช่วยสงเคราะห์ให้เข้าถึงฌาณ 4 ลมหายใจเหมือนจะหยุดไปแล้วก็กลับมาใหม่เป็นช่วง ๆ แต่มันแปลกที่บางช่วงมีอาการวืด เป็นอยู่สองครั้งและมีเสียงดังครืดจนแก้วหูลั่น

    มีอยู่ช่วงหนึ่งเห็นเป็นเหมือนวงแสงหรือวงเส้นอะไรก็ไม่รู้วิ้ง ๆ ๆ ๆ อยู่แป๊บเดียวก็หายไป

    ขอรบกวนคุณ xorce ช่วยวิเคราะห์และแนะนำด้วยค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

    ถ้านั่งไม่สบาย ก็นอนทำสมาธิก็ได้ครับ เน้นว่าให้กายสบาย ใจสบายเป็นสำคัญนะครับ
    การทำสมาธิจะต้องทำด้วยอารมณ์ที่สบายครับ
    ในตอนนี้ คุณยังหาอารมณ์ที่สบาย ไม่เจอครับ
    ดังนั้นการทำสมาธิ จะยังคงมีอารมณ์หนักอยู่
    ซึ่งสำหรับตัวผมเองนั้น หากรู้ว่าตัวเองอารมณ์หนักเมื่อไหร่
    ผมจะเลิกทำสมาธิทันทีเลยครับ

    เพราะว่าจะมีแต่ผลเสีย เนื่องจากยิ่งอารมณ์หนักเป็นระยะเวลานานแค่ไหน
    การที่จะทำให้อารมณ์กลับมาเบา สบายได้ ก็จะต้องใช้ระยะเวลานานเท่ากันครับ
    คือยิ่งเราเข้าสมาธิด้วยอารมณ์หนักมากเท่าไหร่
    เราก็จะยิ่งเข้าสมาธิด้วยอารมณ์เบา สบาย ได้ยากขึ้นเท่านั้น

    ดังนั้นเราจะต้องรู้จักการผ่อนหนักผ่อนเบา
    คือถ้ารู้ว่าวันไหน อารมณ์ของเราหนักแล้ว เลิกเลยครับ วันนั้นอย่าทำสมาธิเลยครับ
    ให้เราไปดูทีวี ฟังเพลง ทำอะไรก็ได้ครับ ให้ใจเราสบายก่อน

    ส่วนถ้าวันไหนอารมณ์เราเบาแล้ว ให้เราทำสมาธิวันนั้นครับ
    จากนั้นเมื่อเรารู้จักอารมณ์ที่เบาแล้ว
    เราก็จะสามารถทำให้จิตใจของเรามีความเบาอยู่ได้ตลอด24ชม.

    คือฝึกให้รู้เบาก่อน จากนั้นจึงค่อยทรงสมาธิที่เบาเอาไว้ตลอดเวลา
    ถ้าเรายังไม่รู้จักความเบา เราก็ไม่อาจจะทรงความเบาเอาไว้ได้
    ดังนั้นจึงต้องยอมถอยหนึ่งก้าว เพื่อก้าวต่อไปที่ดีกว่า
    โดยการหาอารมณ์ที่เบาสบายให้เจอเสียก่อน

    เมื่อเราพบ และสามารถจะทรงอารมณ์ใจที่เบา เอาไว้ได้แล้ว
    การรับอารมณ์ที่เกิดจากการทำงาน จนเรารู้สึกหนักนั้น จะไม่เกิดขึ้นกับเราอีก
    เราจะมีอารมณ์ใจที่เบาตลอดเวลา

    ดังนั้นหากเรายังหาอารมณ์ที่เบานี้ไม่เจอ ผมก็ขอแนะนำให้
    ทำสมาธิเมื่อใจของเราสบายเท่านั้นครับ

    การทำสมาธิเมื่อใจสบายนั้นจะได้ประสิทธิผลดีกว่า การทำสมาธิทั้งตอนอารมณ์หนัก ทั้งตอนอารมณ์เบา
    เพราะมันจะขึ้นลงๆ หาอารมณ์ใจที่เบาสบายจริงๆ มีความสุขจริงๆ ไม่เจอซักที

    บางครั้งการที่เราอยากจะปฏิบัติมากเกินไปก็เป็นโทษ เช่นเดียวกันครับ
    เราจะต้องปฏิบัติแต่พอดีๆ ทำใจให้สบายเป็นสำคัญครับ

    ดังนั้นขอให้ลองผ่อนอารมณ์ลงนิดนึง และทำใจให้สบายเป็นสำคัญนะครับ
    ถ้าอารมณ์หนักเมื่อไหร่ อย่าทำสมาธินะครับ ให้ทำสมาธิเฉพาะตอนที่อารมณ์เบาเท่านั้นครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 เมษายน 2009
  15. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ thippayawan ครับ

    เมื่อคืนขณะที่นั่งสมาธิแล้วจิตสงบแล้วสักพักรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟวิ่งวนอยู่ในตัว และดันมาถึงท้ายทอยค่ะ หลังจากนั้นร่างกายก็สั่นสะเทือน ตกใจก็เลยลืมตาค่ะ อยากทราบว่าอาการแบบนี้คืออะไรคะ และถ้าเกิดอาการแบบนี้อีกควรทำอย่างไร

    ก่อนอื่นนะครับ
    ขอบอกนะครับว่าอาการที่มีลักษณะคล้ายๆแบบนี้นั้น มีอยู่หลายอาการ
    บางอาการเกิดจากการที่อารมณ์หนักเกินไป
    แต่ในกรณีนี้ เกิดจากการที่จิตจะออกจากร่างครับ

    ถ้าเกิดอาการอย่างนี้อีกครั้ง
    ก็ให้ทำใจสบายๆ และอย่าตกใจครับ
    ให้เราขอบารมีพระพุทธเจ้า แล้วก็ทำสมาธิต่อไปเรื่อยๆ
    จิตของเราจะดีดตัวออกมาจากร่างได้เองครับ ถ้าเกิดว่าเราไม่กลัวนะครับ
    แต่ถ้าตกใจ จิตจะถอนจากสมาธิครับ

    ลองนำไปปฏิบัติดูนะครับ
     
  16. Ga_t

    Ga_t เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +867
    ขอถามคุณ Xorce นิดหนึ่งครับ
    คือตอนนี้ผมนั่งสมาธิแล้วรู้สึกว่าพอถึงจุดหนึ่งลมหายใจมันจะแผ่วมากๆเหมือนหายใจเข้าไปนิดเดียวยังรู้สึกตัวอยู่
    แต่ว่ามันจะเห็นภาพมันเหมือนกับใจเราคิดแต่ก็เหมือนไม่ใช่เป็นภาพคนบ้างสัตว์บ้างยังไงไม่รู้บอกไม่ถูกมันจะไหลมาเรื่อยๆส่วนใหญ่ผมจะไม่ค่อยสนใจแต่บางทีผมก็หยุดดูหน้าคนเป็นบางครั้งเพราะเกิดความสงสัยว่านี่เรากำลังคิดอยู่หรือเป่ลาเพราะว่าถ้าเราคิดอย่างภาพคน
    ที่เห็นน่าจะเป็นคนที่เราเคยเห็นหรือคนที่เรารู้จักแต่นี่ไม่ใช่ อาการมันจะเหมือนกับตอนเราใกล้จะหลับมันจะเห็นภาพไหลมาพอเราไม่สนใจเราก็จะหลับเลย
    ทีนี้ผมสงสัยว่าเมื่อก่อนผมนั่งแบบจับลมหายใจภาวนา พุท โธ พอถึงจุดหนึ่งมันก็นิ่งแล้ว
    ลมหายใจแผ่วลงแล้วมันแบบเฉยๆแบบยังไงดีผมบอกไม่ถูก เหมือนไม่สนใจอะไรเลยตามที่ผมตั้งกระทู้ถามคุณ Xorce ที่ผ่านมา ซึ่งคุณ Xorce บอกให้ผมแผ่เมตตา ผมก็ลองทำูดู
    ความรู้สึกในสมาธิผมเห็นเหมือนกับวงแหวนสีขาวนวลกระจายออกผมอธิบายไม่ค่อยถูกคล้ายๆกับเราเอาหินโยนน้ำ แผ่ออกไปพอออกจากสมาธิรู้สึกเป็นสุขเหมือนตัวมันเบาๆแปลกจริงๆ
    ทีนี้มาตอนหลังนี้ผมนั่งจับภาพพระไปด้วยไม่ทราบว่าจะเกี่ยวกับการเกิดอาการเห็นภาพดังที่กล่าวไหม แต่ผมก็แผ่เมตตาทุกครั้งก่อนออกจากสมาธิก็จะเห็นเหมือนวงแหวนสีขาวนวลกระจายออกทุกครั้ง
     
  17. thipphayawan

    thipphayawan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +31
    ขอบคุณมากค่ะ จะนำไปปฏิบัติค่ะ
     
  18. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ Ga_T ครับ

    คือตอนนี้ผมนั่งสมาธิแล้วรู้สึกว่าพอถึงจุดหนึ่งลมหายใจมันจะแผ่วมากๆเหมือนหายใจเข้าไปนิดเดียวยังรู้สึกตัวอยู่
    แต่ว่ามันจะเห็นภาพมันเหมือนกับใจเราคิดแต่ก็เหมือนไม่ใช่เป็นภาพคนบ้างสัตว์บ้างยังไงไม่รู้บอกไม่ถูกมันจะไหลมาเรื่อยๆส่วนใหญ่ผมจะไม่ค่อยสนใจแต่บางทีผมก็หยุดดูหน้าคนเป็นบางครั้งเพราะเกิดความสงสัยว่านี่เรากำลังคิดอยู่หรือเป่ลาเพราะว่าถ้าเราคิดอย่างภาพคน
    ที่เห็นน่าจะเป็นคนที่เราเคยเห็นหรือคนที่เรารู้จักแต่นี่ไม่ใช่ อาการมันจะเหมือนกับตอนเราใกล้จะหลับมันจะเห็นภาพไหลมาพอเราไม่สนใจเราก็จะหลับเลย
    ทีนี้ผมสงสัยว่าเมื่อก่อนผมนั่งแบบจับลมหายใจภาวนา พุท โธ พอถึงจุดหนึ่งมันก็นิ่งแล้ว
    ลมหายใจแผ่วลงแล้วมันแบบเฉยๆแบบยังไงดีผมบอกไม่ถูก เหมือนไม่สนใจอะไรเลยตามที่ผมตั้งกระทู้ถามคุณ Xorce ที่ผ่านมา ซึ่งคุณ Xorce บอกให้ผมแผ่เมตตา ผมก็ลองทำูดู
    ความรู้สึกในสมาธิผมเห็นเหมือนกับวงแหวนสีขาวนวลกระจายออกผมอธิบายไม่ค่อยถูกคล้ายๆกับเราเอาหินโยนน้ำ แผ่ออกไปพอออกจากสมาธิรู้สึกเป็นสุขเหมือนตัวมันเบาๆแปลกจริงๆ
    ทีนี้มาตอนหลังนี้ผมนั่งจับภาพพระไปด้วยไม่ทราบว่าจะเกี่ยวกับการเกิดอาการเห็นภาพดังที่กล่าวไหม แต่ผมก็แผ่เมตตาทุกครั้งก่อนออกจากสมาธิก็จะเห็นเหมือนวงแหวนสีขาวนวลกระจายออกทุกครั้ง


    อาการที่ภาพไหลมานี้ อย่าได้ไปสนใจมันครับ
    เดี้ยวมันก็จะหายไปเองครับ เมื่อจิตของเรานิ่งกว่านี้
    และถ้าเราสามารถนึกภาพพระพุทธรูปให้เป็นเพชรได้ ภาพอื่นๆก็จะไม่ไหลเข้ามาครับ

    เวลาแผ่เมตตาแล้วเห็นเป็นคล้ายวงน้ำกระจายออกนี้ ถูกแล้วนะครับ
    คราวนี้ให้เรานึกภาพต่อนะครับ ว่าวงน้ำนี้ แผ่กระจายออกจากตัวเรา ขยายออกไปจนคลุมทั้งบ้านของเรา ขยายออกไปจนคลุมยังท้องถิ่นที่เราอยู่ ขยายออกไปยังทั้งจังหวัด
    ขยายไปปกคลุมยังทั้งประเทศไทย ประเทศไทยเรืองแสงสว่างเป็นสีทอง
    ขยายออกไปปกคลุมทั้งโลก โลกใบนี้เป็นสีทอง จากโลกใบนี้ เราก็นึกภาพต่อว่า วงน้ำนี้แผ่ขยายออกไปยังทั้งจักรวาล
    แผ่ออกไปยังทุกๆทิศทาง แผ่ออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณ แผ่ออกไปเรื่อยๆ
    แล้วความสุข เบาสบาย ชุ่มเย็น จะยิ่งมากขึ้น ตามความกว้างที่เราสามารถแผ่ไปได้นะครับ
    ยิ่งแผ่ไปได้กว้างเท่าไหร่ จะยิ่งเย็นมากขึ้นเท่านั้นครับ
    ทั้งหมดนี้ให้นึกภาพ และทำความรู้สึกเอานะครับ

    และคราวนี้อย่าลืมอธิษฐานว่า
    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถเข้าถึงซึ่งเมตตาอัปปมาณฌาณ คือความรักความเมตตาอันไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณนี้ ได้ทุกครั้ง ทุกเวลา ทุกสถานที่ ที่ข้าพเจ้าต้องการตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ
    อธิษฐานย้ำไปสามครั้งหลังจากแผ่เมตตาเสร็จแล้วนะครับ

    แล้วเราจะสามารถทรงอารมณ์เมตตานี้ได้คล่องมากขึ้นครับ

    ลองนำไปปฏิบัติดูนะครับ<!-- / message -->
     
  19. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    อยากจะบอกว่า ผมนึกภาพพระ ในจิตได้แล้ว บุญมีแต่กรรมยังบังอยู่ กว่าจะทำได้ ก็ผ่านมาสักพัก ตอนนี้ผมทำได้แล้วแต่ยังเป็น เงาสีดำ ครับ ทั้งหลับตาทั้ง ตื่น ความรู้สึกมัน เหมือนกับ เรานึกแต่ มันก็จะใสๆ รู้สึกดีมากๆเลยครับ ถึงจะนึกได้จิตนาการออก แต่ก็ยัง มีกิเลสอยู่ช่วงนี้ผมทำได้แต่กิเลสมันก็เพิ่มมากขึ้นด้วยไม่รู้เป็นเพราะอะไร ^^; แต่ก็จะพยายามฝึกไม่ละโดยเด็ดขาดครับ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ ที่ กว่าผมจะเข้าใจก็กินเวลาไปเกือบเดือน
    ขออนุโมทนา กับคุณชัดนะครับ เด่ว ถ้าหากทำได้แล้ว จะ แอบไปหา อิอิ
    อนุโมทนาสาธุ สาธุ
     
  20. thipphayawan

    thipphayawan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +31
    รบกวนสอบถามค่ะ

    ดิฉันมีข้อสงสัยว่าในบ่อยครั้งขณะที่ทำสมาธิอยู่ มันจะมีมโนภาพในอดีตของตนเองแว่บเข้ามา ซึ่งแต่ละครั้งจะไม่เหมือนกัน และในบางครั้งเมื่อสวดมนต์น้ำตาจะไหลออกมาเอง สิ่งเหล่านี้เกิดจากอะไรหรือคะ

    ขอบคุณค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2009
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...