รับตอบข้อสงสัยในการเจริญพระกรรมฐาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Xorce, 26 พฤศจิกายน 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Sognando

    Sognando Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +41
    สวัสดีคุณxorce ครับผมก็เริ่มนั่งสมาธิมาซักพักหนึ่งแล้วนะครับแรกๆก็สงบดีอยู่หรอกครับ
    แต่หลังๆนี้รู้สึกอึดอัดเวลานั่งสมาธิครับเพราะว่าผมเริ่มแผ่เมตตาในใจครับ
    ตอนที่ผมแผ่ส่งให้พ่อของผมที่เสียท่านไปแล้วก็เจ้ากรรมนายเวรครับ
    แล้วผมได้ยินเสียง " แต๊บ ๆ ๆ วันแรกหลายครั้งเลยครับแล้วก็น้อยลงมาเรื่อยๆ
    ต่อเลยครับหลังจากผมนั่งสมาธิเสร็จเพราะผมต้องสะดุ้งกับเสียง"แต๊ปที่ดังมากๆ "
    พอเริ่มกวดน้ำ(บทกวดน้ำแม่ชีใหญ่)ผมก็ได้ยินเสียงเหมือนโทรศัพท์สั่นที่ใกล้ๆแก้วน้ำ
    ซึ่งตอนนั้นเป็นท่อนที่ผมส่งกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรจบพอดี
    แต่โทรศัพท์มือถึอของผมไม่ได้อยู่ตรงนั้นซะด้วย
    พอแผ่เมตตาจบ จากนั้นผมก็นอนไม่หลับเลยครับผมเลยเปิดดูรายการวู้ดดี้ย้อนหลัง
    ระหว่างดูผมรู้สึกเหมือนคนมาลูบหัวแม่โป้งของผมแต่ผมก็คิดว่าเป็นพ่อของผมครับ
    เลยไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ พอจบรายการผมก็คิดในใจว่าขอให้เจ้ากรรมนายเวรกลับไป
    เพราะว่าผมอึดอัดมากๆ พอพูดจบเท่านั้นแหละครับผมได้ยินเสียงคนคุยกัน
    แบบกระซิบเบาๆเร็วมากๆผมฟังไม่รู้เรื่อง ที่ปลายเตียงของผม
    ไม่ไหวแล้วครับผมรีบไปนอนกับแม่และน้องสาวเลยครับพอไปถึง
    แม่กับน้องก็นอนไม่หลับกันทั้งคู่ทั้งที่มันดึกมากๆแล้ว
    ระหว่างนอนก็รู้สึกที่หัวแม่โป้งหนึ่งครั้งครับ
    พอมาอิกวันพวกเขาบอกว่าพอผมมานอนกับเขาปุ๊ปพวกเขาก็นอนหลับทันที

    ล่าสุดราวๆอาทิตย์ที่แล้วผมเริ่มสวดบท
    พระคาถามหากรุณาธารณีสูตร(แบบภาษาสันสกฤต)
    พอสวดเสร็จผมก็จะนั่งสมาธิพอหลับตาซักพักผมรู้สึกอึดอัดมากๆเลยๆไปเปิดประตู
    เพราะนึกว่าอากาศถ่ายเทไม่สดวกแล้วกลับมานั่งใหม่ผมได้ยินเสียงคล้ายๆของยานอวากาศ
    เบาๆตรงเพดาน ผมไม่รู้ว่าเป็นเสียงอะไรเลยออกไปดูข้างนอกห้องแต่เสียงมันมีเฉพาะในห้องของผมครับพอนั่งไปเสียงมันก็ไม่หายไปจนผมแผ่เมตตา
    จนถึงผมแผ่เมตตาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์จากที่ผมก็เริ่มหายใจแร็งแล้วผมก็หมดแร็งไปต้องถอนจากสมาธิ ตอนนั้นผมรู้สึกไม่มีแร็งเลยครับ และเสียงนั้นก็หมดไป
    วันรุ่งขึ้นผมก็เกิดเรื่องแย่ๆทำกรอบรูปตกแตก คอมเสีย
    ประมาณสามวันแร็งผมจึงจะกลับมาเหมือนเดิม แล้วผมก็ไม่แผ่เมตตาในใจให้ใครแล้วครับนับตั้งแต่วันนั้น
    เนื่องนี้ผมจึงอยากขอคำปรึกษาคุณxorceในเรื่องที่กล่าวมานี้
    เพราะผมไม่รู้จะปรึกษาใครจริงๆ ที่จะได้คำปรึกษาที่กระจ่างแจ้ง
    ว่าเสียงที่เกิดขึ้นเป็นเสียงที่เกิดจากอะไร แล้วอาการที่หมดแรงของผมเกิดขึ้นเพราะอะไร
    และผมควรแก้ไขตรงไหนบ้างครับ ผมยินดีรับทราบความคิดเห็นทุกประการครับ
    เพราะว่าระยะหลังๆนี้เสียงนั้นเกิดบ่อยมากๆ
    จนทำให้ผมตกใจและทำให้สมาธิของผมอึดอัดมากๆเลยครับไม่สุขใจเหมือนเมื่อก่อนเลย
    ขอบคุณxorceที่ทำกระทู้ที่ดีๆเช่นนี้ขึ้นมาครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  2. nataphat

    nataphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +246
    ที่ฝึกครึ่งกำลังที่วัดนี้อยู่ตรงไหนหรอครับ
     
  3. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ฝึกครึ่งกำลัง อยู่ที่ศาลาร้อยเมตรครับ
     
  4. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ chart2k ครับ

    ทำยังไงให้นั่งแล้วถูกจริตกับตัวเองครับ จิตยังมีความฟุ้งอยู่

    <!-- google_ad_section_end -->ให้ค่อยๆลองฝึกตามที่ผมได้แนะนำเอาไว้ก่อนนะครับ
    โดยเริ่มจากการจับลมหายใจสบาย จนลมหายใจหยุดนิ่ง เบาสบาย จิตหยุดคิด ใจนิ่ง สงบ ให้ได้ก่อนครับ
    พอได้แล้ว ค่อยทำขั้นแผ่เมตตา และอื่นๆต่อไปครับ

    ขอให้สามารถทรงลมสบาย จับลมหายใจจนลมหายใจหยุดไป หายไป
    จนใจมีความเบาสบายนิ่งสงบ ได้ตลอดไปทุกครั้ง ทุกเวลา ทุกสถานที่ ที่ต้องการตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ
     
  5. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ sfhanksn ครับ

    ทำไมอาการของปิติที่เกิดขึ้นในขณะนั่งสมาธิแต่ละครั้งไม่เหมือนกัน บางครั้งผมก็รู้สึกว่าขนลุก บางครั้งก็เหมือนมีแสงแว่บไปแว่บมา บางครั้งก็ตัวโยก บางครั้งก็เหมือนข้างในตัวมันโคลงเคลง เป็นเพราะอะไรหรอครับ

    ปีติมี5ประการครับ และอาจจะเกิดอันไหนก่อนอันไหนหลัง หรือไม่เกิดเลยก็ได้
    ขึ้นอยู่กับบุคคล และแต่ละครั้งในการทำสมาธิครับ

    แล้วก็บางครั้งเวลาผมนั่งสมาธิ ผมจะรู้สึกเหมือนว่าจากทีแรกที่ตัวผมนั่งทิศตรงไปข้างหน้าโต๊ะหมู่บูชา แต่สักพักจะรู้สึกเหมือนว่าทิศทางที่นั่งมันเปลี่ยนไป แต่พอลืมตาขึ้นมาดูทิศทางการนั่งก็ยังเหมือนเดิม เป็นเพราะอะไรหรอครับ

    เป็นปีติเหมือนกันครับ จัดอยู่ในปีติตัวที่ทำให้ตัวหมุน โยกโคลง

    วิธีจัดการกับปีตินะครับ
    ให้เราทำใจสบายๆ และภาวนาต่อไปตามที่เราทำมาก่อนหน้า
    เช่นพุทโธ ก็ พุทโธต่อไป จับลมหายใจก็จับลมหายใจต่อไป
    พอเราไม่สนใจ ไม่นานปีติก็จะหายไป
    คำภาวนาก็จะหายไป
    ลมหายใจก็จะช้าลงเบาลง จนกระทั่งหายไป
    จนจิตใจเหลือแต่ความเบา สบาย นิ่ง จิตหยุดคิดปราศจากความคิด<!-- google_ad_section_end -->
    ได้พักผ่อนจากการคิด สัมผัสความสุขจากความสงบภายในจิตใจ
    พอจิตของเรานิ่งแล้ว
    ให้ประคองความนิ่งนี้เอาไว้ตราบนานที่เราต้องการ
    และตั้งจิตอธิษฐานว่า
    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถเข้าถึงซึ่งอารมณ์สบาย จิตที่มีความเบาสงบนี้ ได้ทุกครั้ง ทุกเวลา ทุกสถานที่ ที่ข้าพเจ้าต้องการ ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ
    อธิษฐานย้ำเอาไว้สามครั้ง

    ขอให้สามารถเข้าถึงซึ่งความสงบ เบาสบาย หยุด นิ่งจากความคิด ได้ทุกครั้ง ทุกเวลา ทุกสถานที่ ที่ข้าพเจ้าต้องการตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ
     
  6. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึง น้องบู ครับ

    สวัสดีครับ ผมเป็นสมาชิกใหม่ สนใจในส่วนของมโมมยิทธิครับ

    จากความรู้ที่มีมาบ้าง ทราบว่าจะต้องได้ ฌาน 4 ก่อนใช่หรือไม่ครับ ถึงจะทำ มโนมยิทธิได้

    ไม่ต้องฌาณ4ครับ มโนครึ่งกำลัง ใช้แค่อุปจารสมาธิครับ
    ถ้ามโนเต็มกำลังต้องฌาณ4ครับ
    แต่ถ้าใครได้ฌาณ4 กสิณ หรืออรูป4 มาก่อน แล้วมาฝึกมโนครึ่งกำลังจะชัดเจนมากกว่าคนที่ใช้กำลังของอุปจารสมาธิมาก
    ใช้คำว่าอลังการสุดๆ ก็ว่าได้ครับ

    เคยได้ยินมาอีกว่า เมื่อได้ ฌาน 4 คือมี เอกกคัตตรมณ์ + อุเบกขาแล้ว ถ้าฌานนั้นแนบแน่นจนเป็น อัปปนาสมาธิ ให้ถอยลงมาจนเหลือเพียงอุปจารสมาธิ แล้วจึงทำ มโมยิทธิได้

    ตรงนี้ผมเข้าใจถูกไหมครับ

    ถูกครับ

    แล้วถ้าผมถอนมาจนถึงอุปจารสมาธิแล้ว ควรทำในจิตอย่างไรให้ถอดกายทิพย์ออกไปได้ครับ ตรงนี้ผมไม่เข้าใจเลยครับ


    <!-- google_ad_section_end -->การออกด้วยตัวเองเป็นเรื่องยากครับ ทางที่ดีควรจะหาเวลาไปฝึกที่ซอยสายลม
    เพราะว่าต้องมีอาจารย์คอยบอกอารมณ์
    ผมจะแนะนำอารมณ์ให้เท่าที่ทำได้ก็แล้วกันครับ
    -ขั้นแรกให้เราภาวนา นะมะพะธะ ซักระยะหนึ่งไม่ต้องนานมาก เพราะออกมาจากฌาณ4 สมาธิสูงอยู่แล้ว
    -จากนั้นนึกถึงบารมีสมเด็จองค์ปฐม พระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบัน หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    -เสร็จแล้วให้เรานึกถึงภาพของพระพุทธรูปที่เราเคารพมาหนึ่งองค์
    นึกเปลี่ยนภาพของพระองค์ให้เป็นเพชรใส ประกายระยิบระยับ เห้นภาพพระท่านแย้มยิ้มอย่างถึงที่สุด
    ให้ใจของเรารู้สึกสบาย ตามภาพพระที่เราได้เห็น
    -เสร็จแล้วให้เราพิจารณา เพื่อตัดร่างกาย
    โดยให้พิจารณาว่า
    1.ณ ขณะนี้ เรากำลังฝึกสมาธิด้วยความตั้งใจ เราเป็นผู้มีศีล5บริสุทธิ์ ศีล5ของเราในตนนี้ เป็นศีลที่เกิดจากสมาธิ เกิดจากเมตตา คือ เรามีความรัก ความเมตตา มีความเคารพในพระพุทธเจ้า มีจิตใจที่อ่อนโยน จนทำร้ายใตร เบียดเบียนใครไม่ลง จิตใจมีแต่ความเบาสบาย
    เรามีศีล5 อันบริสุทธิ์จากจิตใจโดยไม่ต้องคอยฝืนคอยบังคับอย่างแท้จริง
    2.ที่เรากำลังฝึกอยู่นี้ ก็เพราะเรามีความเคารพนอบน้อมต่อพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆเจ้าอย่างถึงที่สุด
    เรามีความศรัทธา มั่นใจในสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงสอน
    และเราเชื่อมั่นว่าด้วยบารมีของพระพุทธเจ้า เราสามารถที่จะเข้าซึ่งพระนิพพานได้อย่างแท้จริง
    3.ร่างกายของเรานี้มีความตายเป็นของเที่ยง มีชีวิตเป็นของไม่เที่ยง
    เราสามารถจะตายได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา
    ถ้าเราตายขึ้นมาตอนนี้ อบายภูมิเราไม่ไป มนุษย์เราไม่มาเกิดอีก เทวดาเราก็ไม่เป็น พรหมก็ไม่เป็น
    ถ้าตายเมื่อไหร่เราจะไปพระนิพพานเท่านั้น
    การเกิดเป็นทุกข์ พิจารณาความทุกข์ตั้งแต่เราเกิดมา อย่างถี่ถ้วน
    จนเรามั่นใจว่าเราจะไปพระนิพพานเพียงจุดเดียวเท่านั้นที่อื่นไม่ยอมไปทั้งหมด

    จากนั้นให้เราตั้งจิตว่า
    ขอบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเมตตาสงเคราะห์ ยกจิตยกอาทิสมานกายของข้าพเจ้าขึ้นสู่ยังสภาวะแห่งพระนิพพานด้วยเทอญ

    เสร็จแล้วซักพักเราจะรู้สึกว่าภาพพระเปลี่ยนไป เป็นอีกภาพนึงซึ่งเป็นสภาวะของพระองค์บนพระนิพพาน
    แล้วก็ขอบารมีพระท่านอีกเรื่อยๆ
    ขอให้เห็นภาพวิมานของพระพุทธเจ้าบนพระนิพพานด้วยเทอญ
    แล้วก็ขอเข้าไปในวิมาน
    ขอให้เห็นสภาวะของตัวเราเองบนพระนิพพาน
    ขอดูวิมานของเรา เข้าไปในวิมานของเรา
    ขอเข้าไปนั่งในวิมานของเรา
    เสร็จแล้วให้ตั้งจิตว่า
    ขอบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเมตตาสงเคราะห์ ให้ข้าพเจ้าได้สัมผัสกับอารมณ์พระนิพพาน ว่าเมื่อข้าพเจ้าได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานแล้ว จะมีความสุข ความเบาสบาย ชุ่มเย็นใจเพียงไรด้วยเทอญ

    เสร็จแล้วทำใจสบายๆ ซักพักอารมณ์พระนพพานจะค่อยๆปรากฏขึ้นกลางดวงจิต กลางอกของเรา
    จะรู้สึกมีความสุขสุดๆ ลองสัมผัสเองครับ
    และให้เราแผ่อารมณ์พระนิพพาน เป็นรัศมีเพชรส่องสว่างจากพระนิพพานไปยังทุกมิติทุกภพภูมิ ส่องสว่างเป็นแสงเพชร ไปยังทุกๆทิศทาง ไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณ
    ปรารถนาให้ทุกๆดวงจิตได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานแบบที่เรากำลังสัมผัสอยู่นี้
    ยิ่งแผ่อารมณืพระนิพพานออกไปมากเท่าไหร่
    ดวงจิตของเราก็จะยิ่งชุ่มเย็นเบาสบายยิ่งๆขึ้นไปเท่านั้นครับ

    เสร็จแล้วให้เราตั้งจิตว่า
    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถเข้าถึงซึ่งสภาวะแห่งพระนิพพานที่แท้จริง และอารมณ์พระนิพพานนี้
    ได้ทุกครั้ง ทุกเวลา ทุกสถานที่ ที่ข้าพเจ้าต้องการ ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ
    อธิษฐานย้ำไว้สามครั้ง

    จากนั้นให้ใช้กายทิพย์ของเราข้างบน ก้มลงกราบพระ เพื่อลาท่านครับ

    ส่วนเวลาจะถอนออกจากสมาธิ
    ให้เราค่อยๆหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ 3ครั้ง
    ภาวนา พุท โธ ธัม โม สัง โฆ
    แล้วให้ถอนจิตออก พร้อมๆกับให้ดวงจิตของเราเบ่งบานดังดอกไม้ พร้อมๆกับลืมตาขึ้นครับ
    แล้วค่อยๆถอนจิตออกจากสมาธิครับ ใจของเราจะเย็นเบาสบาย จากอารมณ์พระนิพพานทั้งวันครับ

    เสร็จแล้วให้เราประคองใจของเราเอาไว้ต่อหน้าพระองค์บนพระนิพพานให้ได้ตลอดเวลา 24ชั่วโมง
    ลืมตา หลับตา ทำให้ได้ทั้งหมด
    แล้วเราตายเมื่อไหร่ จะไปอยู่ข้างบนทันทีครับ

    ขอให้สามารถเข้าถึงซึ่งมโนมยิทธิได้อย่างง่ายดาย และมีพระนิพพานเป็นที่สุดในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเทอญ
     
  7. น้องบู

    น้องบู สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +12
    สวัสดีครับ คุณ Xorce


    เหตุที่ผมจะมาถึงมโนมยิทธินี้ ต้องการให้จิตแจ้งในญาณชนิดนี้เท่านั้นเองครับ


    ผมเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับ ญาณเหล่านี้มาบ้างครับ ซึ่งยอมรับว่าการที่จิตเข้าไปประจักษ์ในประสบการณ์เหล่านี้มันชัดเจนมากจริง ๆ และตนเองมีสติอยู่ เพียงแต่


    ผมคิดไว้ว่า สิ่งที่ประจักษ์ชัดแจ้งขนาดนี้ ก็อาจจะหลอกเราได้ครับ ผมจึงคิดว่า ถ้าผมฝึกมโมยิทธิได้จริง

    ผมคงจะท่องเที่ยวไปในสถานที่ ๆ ตนเองคุ้นเคย คือบนโลกใบนี้ อาจจะเป็นบ้านเพื่อน บ้านญาติ


    ครั้นเมื่อผมออกจากสมาธิแล้ว ผมย่อมสามารถตรวจสอบจากเพื่อนจาก ญาติได้

    เช่น ผมเห็นว่าเขาพูดอะไรกัน ทำอะไรกัน ใส่เสื้อสีอะไร ทำอะไรอยู่ที่ไหนบ้างในตอนนี้ ผมอาจจะโทรเข้าไปถามเขาเพื่อตรวจสอบได้ทันที

    อย่างนี้จะทำให้ผลการปฏิบัติน่าเชื่อถือ และมั่นใจว่าจิตไม่ได้หลอกเรา เป็นญาณรู้แจ้งจริง ๆ


    สำหรับแดนนิพพานนั้น เคยได้ฟังจากหลวงพ่อท่านพูดไว้เหมือนกันครับ แต่ผมยังไม่เชื่อ โดยส่วนตัวลึก ๆ เชื่อว่าดินแดนนั้นมีอยู่จริง ๆครับ แต่อาจจะไม่ใช่นิพพานก็เป็นได้ครับ

    ดังนั้น จุดประสงค์ที่ผมจะเรียนรู้ในญาณตรงนี้ เป็นไปเพื่อพิสูจน์ให้เห็นเป็นประจักษ์ โดยมีพยานและหลักฐานเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจิตไม่ได้หลอกตนเอง ซึ่งถ้าทำได้แล้ว มั่นใจแล้ว ผมก็คงจะขยายผลต่อไป ไม่ว่าจะไป นรก สวรรค์ หรือพรหม ส่วนดินแดนที่หลวงพ่อกล่าวนั้นผมก็จะลองไปดูครับ แล้วค่อยตัดสินใจอีกทีว่า ใช่นิพพานแน่หรือ ?
     
  8. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    คือ ปรกติธรรมดาก็อยู่ในสมาธิแต่ ในอดีตชาติ เคยอยู่จุดกึ่งกลางของทางช้างเผือก ภาพนั้นได้ติดตรึกหัวจิตหัวใจ เพราะเริ่มจะระลึกได้ แล้วมันก็คล้ายกับว่า เราอยู่ ณ ที่นั้นจริงๆ ตั้งหลายต่อหลายครั้ง สวยมากๆคับ และ ก็ที่เดิม กี่ครั้งๆก็ ที่เดิมคับ รูปพระที่เรากำหนดก็เห็นแต่ราวกับว่า แยกไปอีกจอนึง เหมือนโทรทัศมีสองเครื่อง เครื่องหนึ่ง ฉายรูปพระเป็นเพรช อีกเครื่องหนึ่ง เห็น เราเป็นเหมือนกับดวงดาวดวงนึง อยู่กลางทางช้างเผือก ไม่ทราบเหมือนกันว่ามันเป็ฯอย่างนี้ได้ไง ก็ไม่ได้ใส่ใจแต่ ทำไปสักพัก ภาพก็เริ่มชัดขึ้นอีก คับ ~~;
    ขอบคุณคับ
     
  9. Ukie

    Ukie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +594
    เริ่มต้นนี่ ฝึกอย่างไรค่ะ

    ----------------------------------------------------------------------

    ตามที่ผู้รู้แนะนำในเวปนี้เลยหรือเปล่าค่ะ เพิ่งปฏิบัติค่ะ อนุโมทนาค่ะ
     
  10. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ suthipongnuy ครับ

    สวัสดีครับ ขอรับคำปรึกษาด้วยคนครับ

    หลังจากได้ไปบวชทดแทนพระคุณบิดามารดาเมื่อพรรษาที่ผ่านมา3เดือน

    สาธุ อนุโมทนาในบุญกุศลด้วยครับ

    ก็ได้รู้อะไรมากมายครับ หลังจากลาสิกขาออกมาทำงานต่อ ก็ได้ปฏิบัติธรรมต่อเนื่องเรื่อยมา แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ครับ ทุกวันนี้ที่ได้ปฏิบัติบ่อยๆคือ จับลมหายใจเข้าออก จะทำทุกครั้งที่นึกได้ครับ
    อ้อ...ก่อนหน้าที่จะดูลมหายใจ ผมใช้บริกรรม พุทโธ หรือไม่ก็สวดอิติปิโสฯ แต่รู้สึกว่าไม่สะดวกเวลาทำงานครับ เพราะมันต้องคิดต้องทำงานไปด้วย เลยใช้วิธีดูลมแทน
    ถึงแม้จะผ่านการบวชมาแล้ว แต่ก็ยังมีข้อสงสัยอีกหลายอย่างครับ แม้ว่าครูบาอาจารย์จะอธิบายให้เข้าใจแล้วทุกครั้งที่กราบเรียนถาม แต่ก็อย่างว่าละครับ ความสงสัยจะหมดไปเมื่อตัวเราก็รู้ได้เห็นได้ปฏิบัติแล้วเท่านั้น จบการแนะนำตัวไปแล้วขอถามเลยละกันครับ

    1. ช่วงที่บวช ตอนเคลิ้มๆใกล้จะหลับ มักจะได้ยินเสียงสวดมนต์บ่อยๆครับ ถามครูบาอาจารย์แล้วท่านบอกว่าจิตมันว่าง

    ถูกแล้วครับ พอจิตสบายๆ ว่างๆ ไม่มีความคิด เลยได้ยินเสียงทิพย์ครับ

    2. ช่วงที่บวช ตอนเดินจงกรม ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ แต่ได้กลิ่นแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้นเองครับ ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า เทวดาเค้ามาอนุโมทนาด้วย

    ถูกแล้วครับ ถ้าเทวดามาร่วมโมทนาในบุญมักจะได้กลิ่นหอม อ่อนๆ ของดอกไม้ป่าครับ

    3. ช่วงที่บวช นั่งสมาธิบริกรรมพุทโธ มีช่วงนึงที่รู้สึกว่าหลับไป แล้วก็รู้สึกตัวใหม่ ก็บริกรรมต่อ แล้วก็เหมือนว่าหลับไปอีก จนตัวเองคิดว่าง่วงก็เลยนอน ครูบาอาจารย์ท่านว่า จิตเข้าสู่สมาธิ แต่ตัวเราไม่รู้ เลยคิดว่าหลับไป

    ถูกแล้วครับ จิตเข้าเป็นฌาณละเอียดครับ จะคล้ายๆกับหลับไป และตื่นขึ้นมา
    แต่ยังอยู่ในสมาธิ และตื่นโดยที่ยังหลับตาอยู่

    4. หลังลาสิกขาออกมาแล้ว ไม่ค่อยได้นั่งสมาธิครับ ใช้วิธีก่อนนอนจะบริกรรมหรือใช้วิธีดูลมครับ บางวันก็ไม่หลับเหมือนมันจะตื่นๆอยู่ตลอด

    จะรู้สึกเหมือนกับจิต มีสติ ตื่นอยู่เสมอ
    จิตผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
    ผู้รู้ว่าสมาธิ เมตตา ธรรมะเป็นปัจจัยให้เกิดความสุข
    ผู้ตื่นขึ้นสู่สมาธิ สู่เมตตา สู่ธรรมะของพระพุทธเจ้า
    ผู้เบิกบาน แช่มชื่นดั่งดอกไม้ เมื่อได้เข้าสมาธิ ได้แผ่เมตตา ได้ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้า

    ตอนหลับจะรู้สึกว่า หลับไปจริง แต่เรายังตื่นอยู่ ยังมีสติระลึกได้อยู่

    5. เวลาทำงาน ก่อนที่จะใช้วิธีดูลม ผมบริกรรมพุทโธ รู้สึกตึงๆที่หว่างคิ้วครับ ถ้าไม่สนใจมันก็จะหายไป แต่ถ้าเอาสติจดจ่อดูตรงที่มันปวด สักพัก มันก็รู้สึกโล่งๆในหัวครับ

    ถ้าตึงที่ระหว่างคิ้วแปลว่า อารมณ์หนักไปครับ
    วิธีแก้คือ ให้หายใจเข้าลึกๆ แรงๆ และกักลมหายใจเอาไว้ซัก10วินาที ทำซัก3-4ครั้ง
    แล้วจับลมหายใจเหมือนเดิม จะหายปวดครับ
    ไม่ควรเอาจิตไปจับตรงที่ปวดครับ ให้เอาจิตจับไว้กับลมหายใจ หรือพุทโธก็ได้ครับ

    6. เวลาสวดมนต์ไหว้พระเสร็จก็จะแผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศล ช่วงนี้จะรู้สึกขนลุก หรือเย็นวาปไปทั้งตัวครับ เป็นมาตั้งแต่ตอนบวช ทุกวันนี้ก็เป็นครับ

    สาธุครับ ลองนำขั้นแผ่เมตตาที่ผมลงเอาไว้ไปทำเพิ่มดูครับ น่าจะตรงกับจริต
    บางครั้งเวลาที่เราแผ่เมตตา ถ้าทำได้ดี จะได้กลิ่นของเทวดาด้วยครับ
    ยิ่งเรารู้สึกเย็น เบาสบาย อิ่มใจ มีความสุข มีรอยยิ้มในจิตใจมากเท่าไหร่
    อานิสงค์จากการแผ่เมตตาจะยิ่งมากเท่านั้นครับ

    7. ตอนนั่ง/นอน ดูลม มันจะมีช่วงนึงที่คำบริกรรมหายไป แล้วรู้สึกว่างๆ โล่งๆ หมดความคิด เคยถามครูบาอาจารย์ท่านว่าให้ดูตรงนี้ไปเรื่อยๆ แต่ผมลองแล้ว มันเกิดคำถามขึ้นมาตลอด สักพักมันก็หลุดจากจุดนี้ไปครับ อยากถามว่าจะให้มันทรงตัวอยู่นานๆต้องทำยังไงครับ

    ท่านให้ดูจิตของเราให้นิ่งอยู่กับอารมณ์นี้ สัมผัสอารมณ์นิ่ง หยุด
    ความสุขที่เกิดขึ้นจากการปราศจากความคิด จากการพักผ่อนจากความคิด
    ยิ่งรู้สึกมีความสุข ความสบายใจ จากอารมณ์นี้ได้มากเท่าไหร่
    จะยิ่งประคองได้นานเท่านั้นครับ
    และต้องอธิษฐานปักหมุดเอาไว้ด้วยครับ
    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถเข้าถึงซึ่งสภาวะที่จิตหยุด นิ่ง เบา สบาย ลอยนิ่งนี้ ได้ทุกครั้ง ทุกเวลา ทุกสถานที่ ที่ข้าพเจ้าต้องการตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ
    อธิษฐานย้ำเอาไว้สามครั้ง
    แล้วเราจะเข้าออกได้คล่องขึ้นครับ
    ลองลืมตาอยู่ ก็หยุดจิต ของเราให้นิ่งให้ได้ตลอดเวลา แล้วลองหยุดเอาไว้ทั้งวันดูครับ

    8. การเดินวิปัสสนา ครูบาอาจารย์ท่านแนะว่า ให้เข้าฌาน4ก่อนแล้วให้จิตเค้าอิ่มพอเค้าอิ่มก็จะถอยออกมาเอง ช่วงนี้เราค่อยเดินวิปัสสนา เพราะจะทำให้จิตเค้ายอมรับในอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แต่เนื่องจากผมยังไม่เคยถึงขั้นนั้น ถ้าสมาธิผมถึงแค่อุปจาร ผมจะเดินวิปัสสนาได้มั๊ยครับ

    คุณได้ฌาณ4ละเอียดแล้วครับ
    1.ตอนที่หยุดคิด โล่งๆ ว่างๆ นั่นก็ฌาณ4
    2.ตอนที่วูบไป คล้ายกับหลับ
    เข้าสองอารมณ์นี้ให้คล่อง เข้าไปจนกระทั่งจิต หยุด นิ่ง มีความสุข โปร่งโล่งที่สุด
    เสร็จแล้วแผ่เมตตาจากสมาธิ แผ่คลื่นแห่งความสุข ความชุ่มเย็น ไปยังทุกๆดวงจิต
    เป็นรัศมีเพชร ส่องสว่างกระจายไปกระทบยังดวงจิตของผู้ใด ก็ขอให้เขามีแต่ความสุขยิ่งๆขึ้นไป
    ลองอ่านเวอชั่นละเอียดจากที่ผมลงเอาไว้ครับ
    เสร็จแล้วค่อยพิจารณาวิปัสสนาญาณครับ

    จิตอิ่มก็คือ มีความสุข ความเอิบอิ่ม อิ่มในความสบาย ความสุขจากสมาธิ

    9. บางครั้งก่อนนอนจะคิดเรื่องทั่วๆไปเรื่อยเปื่อย อยู่ดีๆจิตก็เข้าสู่สมาธิเอง ถ้าเราคิดใคร่ครวญในทางธรรม อย่างเช่นมรณสติ อสุภะ กายคตานุสติ ธาตุ4 ขันธ์5 ถ้าจิตเข้าสู่ความสงบ ก็จะเป็นแบบนี้ใช่มั๊ยครับ

    ถูกแล้วครับ จิตจะรวมเอง จะรู้สึกคล้ายสติสัมปชัญญะรวม แล้วจะรู้สึกว่ามีสติมากขึ้น
    นั่นแหละครับ เวลาที่ควรพิจารณาครับ
    พอจิตเริ่มฟุ้งก็กลับมาทำจิตให้สงบ ให้สบาย ให้อิ่ม อีกครั้งนึง

    สรุปว่า
    เดินจิตตามนี้ครับ
    1.พุทโธ หรือ จับลมหายใจ จนจิต หยุด โล่ง ว่าง จากความคิด
    2.แผ่เมตตา ดึงบุญดึงกุศลให้เต็มที่ แล้วแผ่ให้เป็นรัศมีเพชรไปยังัท้งจักรวาล
    นึกภาพว่าเป็นเพชรแล้วกระจายจากดวงจิตที่อกของเราครับ
    3.พอจิตอิ่มในเมตตาแล้ว
    ให้พิจารณา เพื่อตัดสังโยชน์3 ในอารมณ์ต่อไปนี้ โดยใช้ธรรมะข้อใดก็ได้ครับ
    -ศีล5บริสุทธิ์ อันเกิดจากความเมตตา มีความรักความเมตตามาก
    จนทำร้ายใครไม่ลง เบียดเบียนใครไม่ลง มีศีล5อัตโนมัติโดยไม่ต้องฝืนใจ
    เรากลับต้องฝืนใจในการที่จะผิดศีล5
    -มีความเคารพ นอบน้อมต่อพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆเจ้าอย่างถึงที่สุด
    น้อมกราบพระด้วยความอ่อนโยน นุ่มนวลอย่างถึงที่สุด
    -ถ้าตายตอนนี้ เราจะไม่เกิดเป็นมนุษย์ เทวดา พรหม จะไปพระนิพพานเท่านั้น
    จับธรรมะข้อใดก็ได้ครับ ธาตุ4 ขันธ์5 อาการ32 ให้เข้าถึงอารมณ์3ข้อข้างบนให้ได้ครับ

    พระอาจารย์ที่คุณไปฝึกด้วยท่านสุดยอดครับ ท่านตอบละเอียดลึกซึ้งมากครับ
    ต้องหมั่นระลึกถึงท่านบ่อยๆ
    ท่านชื่อพระอาจารย์อะไรครับ หากมีโอกาสทางกลุ่มผมอาจจะนำพระบรมสารีริกธาตุไปถวายครับ

    ขอให้เข้าถึงซึ่งความดีในพระพุทธศาสนา อันมีพระนิพพานเป็นที่สุด ได้โดยฉับพลันทันใด ได้ในชาติปัจจุบัน กันทุกๆดวงจิตด้วยเทอญ
     
  11. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ ukie ครับ

    ถึงแม้บางข้อจะยังไม่กระจ่างเพราะด้วยปัญญาอันน้อยนิด
    แต่จะไม่ละความพยายาม

    วัน ๆ อยากจะนั่งสมาธิอย่างเดียวค่ะ ถึงแม้จะรักษาสมาธิ
    ได้ไม่มากเท่าไหร่ ไม่เกิน 5 นาที นั่งครั้งนึงก้อ ตกประมาณ 1-2 ชั่วโมง
    เป็นอย่างน้อย

    มีเมื่อเช้า ตื่นมาก้อนั่งเลย 7โมงครึ่งถึง 9 โมงเช้า ไม่อยากไปไหน
    แต่ก้อสมาธิไม่ดีเท่าไหร่นะคะ แต่พอนั่ง นั่ง นั่ง นั่ง เริ่มเคลิ้มจะหลับ
    เคลิ้มปุ๊บ จิตดีดปั๊บ จิตตื่นเลย สว่าง(ไม่มากพอประมาณ) ว่างเปล่า
    ไร้ความคิด ไม่รู้จะไปไหนต่อ ไปไม่เป็น เลยกลับมาขั้นเริ่มต้นใหม่

    อารมณ์นี้แหละครับที่ต้องการ ให้เราประคองใจให้
    หยุด ปราศจากความคิด โล่งสบายเอาไว้ ให้ได้ตลอดเวลาครับ
    ลองฝึกทำทั้งวันสิครับ ไม่ต้องจำกัดตัวเองเอาไว้เฉพาะเวลาที่นั่ง
    ว่างๆในแต่ละวันก็ จับลมหายใจ ภาวนาพุทโธ หรือหยุดจิตให้นิ่งก็ได้ครับ
    ทำอยู่ทั้งวันเรื่อยๆครับ นึกได้เมื่อไหร่ก็ทำ ลืมตา หลับตา ทำงาน กินข้าว ดูทีวี ทำได้หมดครับ
    แค่นึกพุทโธ จับลมหายใจ หรือหยุดจิตให้นิ่ง แล้วแต่โอกาสครับ

    สงสัยต้องกำหนดควบคู่กับลมหายใจเข้า-ออก ตามที่แนะนำมา

    แต่ถ้าเรา ภาวนาตามลมหายใจเข้า-ออก ดูจิตไปเรื่อย ๆ สบาย ๆ
    จะเข้าถึงได้เหมือนกันไหมรึเปล่าค่ะ

    ได้ครับ ได้หมดแหละครับ อารมณ์เดียวกัน
    วิธีเข้าถึงมีพื้นฐาน40วิธี เรียกว่ากรรมฐาน40
    พุทโธ หรือจับลมหายใจ เป็นเพียง 1 ใน40 วิธีครับ

    ทำไมรู้สึกว่าไม่ถนัดเลย กับการกำหนดลมหายใจอ่ะค่ะ ทำไม
    กำหนดที่หว่างติ้มได้ไหมค่ะ หรือต้องที่ท้อง

    กำหนดเป็นลมตลอดสายครับ
    ให้รู้สึกถึงลมหายใจที่พริ้วผ่านเข้ามาในร่างกายของเรา ตั้งแต่จมูก ผ่านลำคอ ผ่านอก ลงมาจนถึงท้อง
    จากท้องก็พร้อวไหวตลอดสาย กลับออกมาทางจมูก เอาจิตตามลมไปเรื่อยๆ
    ลมหายใจมีความเย็น เบา สบาย เหมือนกับกำลังอยู่ท่ามกลางธรรมชาติบนภูเขาที่เงียบสงบ
    มีลมเย็นๆพัดผ่าน ฃ่วยให้ใจเราสบาย ผ่อนคลาย
    ได้พักจากความคิด ใจอยู่กับความสบาย ลื่นไหล นุ่มนวล พริ้วไหวของลมหายใจ
    ยิ่งใจสบายมาก ลมพริ้วไหวต่อเนื่องมากเท่าไหร่
    ลมหายใจจะยิ่งช้าลงๆ เบาลงๆ จนกระทั่งหยุดไป ไม่หายใจ
    จิตจะนิ่ง เบาสบาย หยุด โล่ง โปร่ง มีความเย็น สบายมาก
    ลองทำขั้นนี้ให้ได้ก่อนนะครับ

    ลืมตาทำ หลับตาทำก็ได้ครับ เดินไปมาก็ทำได้ครับ
    ทำอยู่เรื่อยๆ ตลอดเวลาได้จะยิ่งดีครับ

    ผมแนะนำนะครับว่า ทุกๆคนที่ฝึกสมาธิใหม่ ควรจะหาที่นั่ง หรือที่นอนให้สบาย
    จะนั่งเก้าอี้ พิงผนัง หรือนั่งบนโซฟานุ่มๆ เอนหลังสบายๆก็ได้ครับ
    ยิ่งสบายมาก จิตยิ่งสงบเป็นสมาธิได้ง่ายครับ
    พอได้สมาธิแล้ว จะไปฝึกนั่งแบบไหนก็ได้ครับ
    แต่ก่อนที่จะได้สมาธิ ให้นั่งให้สบายก่อนครับ

    ขอให้เข้าถึงซึ่งลมสบาย การจับลมหายใจ จนจิตเกิดความเบาสบาย หยุดนิ่ง พักผ่อนจากความคิดได้
    ทุกครั้ง ทุกเวลา ทุกสถานที่ ที่ข้าพเจ้าต้องการ ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ
     
  12. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ krisada in ครับ

    สวัสดีครับพี่ๆ
    คือผมอยากจะปรึกษาเรื่องการทำสมาธิครับ
    ผมไม่เคยมีพื้นฐานมาก่อน
    แต่สนใจที่จะฝึกสมาธิครับ
    ไม่ทราบว่าต้องเริ่มจากการฝึกอะไร
    แล้วพอจะมีบทความอันไหนที่เหมาะกับผู้เริ่มต้นบ้างครับ
    คิดอยู่นานว่าจะถามดีหรือป่าวคือ
    รู้สึกเกรงใจยังไงก็ไม่รู้
    เพราะอ่านข้อความของแต่ละท่านก็ฝึกกันมาแล้วทั้งนั้น
    กลัวจะรบกวนพี่ๆครับ
    ผมอายุ21ปี รู้สึกว่าช่วงหลังชีวิตจะเซไปมากเลยอยากหาทางดึงตัวเองกลับมาครับ รบกวนพี่ๆแนะนำด้วยนะครับ

    ปล.ขออภัยถ้าผมทำอะไรไม่เหมาะสมเพราะนี้ก็ครั้งแรกเลยครับที่ผมเข้ามาศึกษาที่นี้เลยไม่ค่อยรู้พิธีการต่างๆ

    ขอบพระคุณครับ

    <!-- google_ad_section_end -->ควรจะเริ่มจากการจับลมหายใจก่อนครับ
    จริงๆ ข้อความที่ผมนำมาลงทั้งหมด ได้รับการถ่ายทอดจากธรรมะของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    ซึ่งหลวงพ่อท่านต้องการให้ธรรมะเป็นเรื่องที่เข้าใจง่าย เข้าถึงได้ง่าย
    ข้อความทั้งหมด ผมคิดว่าแม้จะเป็นผู้ไม่เคยฝึกมาก่อน แต่แค่เพียงอ่านและทำตามไปเรื่อยๆ ก็น่าจะสามารถทำได้โดยไม่ยากนัก

    อันดับแรกให้เริ่มจากการจับลมหายใจก่อนเลยครับ


    อาณาปานสติ ลมสบายffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    งั้นจะเริ่มจากการจับลมหายใจก่อนก็แล้วกันนะครับ<O:p></O:p>
    ตอนนี้ให้เราลองรู้สึกถึงลมหายใจ <O:p></O:p>
    ที่กระทบบริเวณปลายจมูกของเรา เบาๆ เวลาหายใจเข้า<O:p></O:p>
    กระทบบริเวณปลายจมูกของเราเบาๆ เวลาหายใจออก<O:p></O:p>
    ลองดูซัก10ครั้ง ครับ<O:p></O:p>
    จะรู้สึกถึงลมเบาๆ ที่จมูก สัมผัสถึงอาการกระทบ ความนุ่มนวล ชุ่มเย็น พริ้วไหวของลมหายใจ ไปเรื่อยๆด้วยใจสบายๆ<O:p></O:p>
    ยิ่งสัมผัสกับความชุ่มเย็นของลมหายใจมาก ใจยิ่งเบา ยิ่งสบาย ยิ่งชุ่มเย็น<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    เสร็จแล้วเราจะมาต่อกันครับ<O:p></O:p>
    คราวนี้เราจะเพิ่มเป็นสามจุดครับ<O:p></O:p>
    คือให้เรารูสึกถึงลมหายใจที่กระทบจมูกไหลมายังอก และไหลลงไปที่ท้อง<O:p></O:p>
    เวลาหายใจออก ก็จากท้อง มาอก มาจมูกเราจะรูสึกว่าลมหายใจกระทบที่จมูก อก ท้อง ท้อง อก จมูก<O:p></O:p>
    เราจะสามารถสัมผัสได้ ถึงความต่อเนื่องของสติในการรับรู้ลมหายใจทีกระทบเบาๆ ที่จมูก อก ท้อง<O:p></O:p>
    สัมผัสความเนียนนุ่ม ชุ่มเย็น พริ้วไหวของลมหายใจ<O:p></O:p>
    ยิ่งสัมผัสลมหายใจมาก ใจของเรายิ่งเบา ยิ่งสบาย ยิ่งอิ่มเอิบอิ่มเอม เติมเต็มมากเท่านั้น<O:p></O:p>
    ลองดูซัก10ครั้งครับ จมูก อก ท้อง ท้อง อก จมูก<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    คราวนี้จะไปขั้นต่อไปครับให้เราจินตนาการ <O:p></O:p>
    ทำความรู้สึกว่าลมหายใจของเราเป็นแสงสีขาวๆเป็นเส้นสีขาวๆที่ไหลเข้ามาตั้งแต่จมูกตลอดทางจนถึงท้องจากท้องก็ไหลตลอดทางออกมาจนถึงจมูก<O:p></O:p>
    เราจะรู้สึกถึงความลื่นไหลต่อเนื่องของลมหายใจ<O:p></O:p>
    ลองดูซัก10ครั้งครับ<O:p></O:p>
    จะรู้สึกถึงความนุ่มเนียน ไหลลื่นของลมหายใจ<O:p></O:p>
    ไหลจากจมูก มาถึงท้อง จากท้องก็ไหลออกมาจนถึงจมูก<O:p></O:p>
    ลมหายใจพริ้วผ่าน พริ้วไหลอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งสาย<O:p></O:p>
    ยิ่งสัมผัสกับความชุ่มเย็น อิ่มเอิบ ของลมหายใจมากเท่าไหร่<O:p></O:p>
    ใจของเรายิ่งรู้สึกสบายมากขึ้นเท่านั้น พริ้วไหล ลื่นไหล เนียนนุ่ม ชุ่มเย็น<O:p></O:p>
    จนของเรารู้สึกเบา สบาย ได้พักผ่อนจากความคิด มีแต่ความเบาโล่ง ชุ่มเย็น<O:p></O:p>
    แล้วประคองความสุขจากความสงบนี้ เอาไว้ซักระยะหนึ่ง ประคองสุข ความอิ่มใจนี้เอาไว้<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    คราวนี้เราจะไปขั้นต่อไปครับ<O:p></O:p>
    มีชื่อว่า การกักลมและล้างลมหยาบ<O:p></O:p>
    ก็คือให้เราหายใจเข้าลึกๆ แรงๆกลั้นลมหายใจเอาไว้<O:p></O:p>
    จากนั้น ภาวนาพุทโธ ธัมโม สังโฆๆๆ ซ้ำไปซ้ำมาประมาณ10วินาที<O:p></O:p>
    จากนั้นจึงหายใจออก<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p></O:p>
    ให้เราทำซ้ำ 10ครั้งนะครับ<O:p></O:p>
    เวลาหายใจเข้าให้สัมผัสถึงความเย็น เบาสบาย โล่ง ของลมหายใจที่ไหลเข้ามาจนเต็มปอดด้วยครับ<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    พอครบ10ครั้ง<O:p></O:p>
    คราวนี้ให้เราจับลมหายใจไร้ฐาน ลมตลอดสายองเราให้เป็นเส้นสีขาวๆ<O:p></O:p>
    ที่ไหลตั้งแต่จมูก จนถึงท้อง พริ้วผ่านทั้งร่างกายเหมือนเดิม<O:p></O:p>
    แต่คราวนี้เราจะรู้สึกว่าลมหายใจของเราค่อยๆช้าลงๆค่อยเบาลงๆค่อยๆช้าลงเรื่อยๆเบาลงเรื่อยๆ<O:p></O:p>
    ใจของเรายิ่งเบาสบาย ยิ่งชุ่มเย้น ยิ่งอิ่มเอิบมากขึ้นเรื่อยๆ<O:p></O:p>
    จนเรารู้สึกว่าลมหายใจของเราหายไปรู้สึกว่าลมหายใจของเราหยุดไป<O:p></O:p>
    คล้ายเราไม่หายใจแล้วให้เราประคองลมหายใจของเราให้นิ่ง<O:p></O:p>
    ให้จิต หยุดนิ่ง หยุดคิด ประคองความสุข จากความสงบ ความนิ่งปราศจาก
    ความคิดอาการหยุดแบบนี้เอาไว้ซักระยะหนึ่ง<O:p></O:p>
    ประคองความสุข ความเบาสบาย ความนิ่งนี้ไว้<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    พอลมหายใจของเรากลับมา<O:p></O:p>
    ก็ให้จับลมหายใจของเราตามเดิม<O:p></O:p>
    แล้วให้เราตั้งจิตอธิษฐานว่า<O:p></O:p>
    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถเข้าถึงซึ่งลมหายใจสบาย จนลมหายใจหยุดไปได้นี้ ได้ทุกครั้ง ทุกเวลา ทุกสถานที่ ที่ข้าพเจ้าต้องการ ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    อธิษฐานสามครั้ง<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    แล้วประคองความสุข เบาสบายจากความสงบนี้ เอาไว้ตราบนานเท่านาน<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    เสร็จแล้วให้หันมาทำขั้นแผ่เมตตาต่อไปครับ<O:p></O:p>
    ใจของเราจะยิ่งเบาสบาย ชุ่มเย็น อิ่มเอิบอิ่มเอม></O:p>

    ลองทำตามดูนะครับ

    ขอให้สามารถเข้าถึงซึ่งความสุขสงบ สบาย ชุ่มเย็น อันบังเกิดจากสมาธิ ได้อย่างง่ายดาย ได้โดยฉับพลันทันใดด้วยเทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2010
  13. suthipongnuy

    suthipongnuy ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +1,428
    ขอกราบขอบพระคุณท่าน Xorce สำหรับคำตอบครับ ท่านตอบคำถามได้ตรงใจผมมากครับ เหมือนนั่งอยู่ในใจผมยังไงยังงั้นเลย

    ส่วนเรื่องชื่อของพระอาจารย์ ผมต้องขออภัยอย่างสูงครับที่ไม่สามารถเอ่ยนามท่านได้ เพราะท่านบอกว่าไม่อยากให้ใครรู้จักครับ แต่ท่านก็เปรยๆว่าถ้าท่านหมดงานที่จะทำแล้วท่านอาจจะออกมาสงเคราะห์โลกก็ได้ครับ

    ขอบคุณอีกครั้งสำหรับคำตอบครับ ที่ช่วยให้ผมมีกำลังในการปฏิบัติธรรมมากขึ้น
     
  14. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    ครับ ผมปฏิบัติตามคำสอนของหลวงพ่อฤษีลิงดำคับ และก็คำชี้แนะคำสอน ของ รุ่นพีุ่รุ่นน้องในการปฏิบัติตามหลักที่ถูกต้องในการปฏิบัติคนเดียวฝึกคนเดียวที่บ้านคับ
     
  15. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ รักในหลวงครับ

    ผมมีปัญหาครับ
    ที่บอกว่าให้นึกดวงกสิณเป็นเพชรระยิระยับเเวววาวผ่องใสอ่า
    ใช้จิตนึกหรือต้องเห็นด้วยดวงตา
    ถ้าใช้จิตคิด
    ทำไมผมถึงนึกได้อย่างรวดเร็ว
    ผมลองนึกถึงน้ำเเล้วเปลียนน้ำเป็นลูกบอลเเก้วเเล้วทำให้มันเป็นเพชรแวววาวระยิบระยับ
    ย่อให้เล็กขยายให้ใหญ่ได้ตามใจนึกเเต่ไม่ชัดเจนเท่าไหร่แบบนี้เรียกนิมิตหรือสิ่งที่จิตปรงแต่งขึ้นมาอ่าครับ
    ป.ล.ไม่เคยเพ่งกสิณน้ำแบบจริงๆจัง ไม่ได้เพ่งน้ำด้วยเเค่ใช้จินตนาการนึกภาพน้ำขึ้นมา

    ใช้จิตนึก ไม่ต้องเห็นด้วยตาถูกแล้วครับ

    ลองทำแบบเดียวกันให้ครบกสิณทุกกองนะครับ
    ทำให้เห็นเป็นเพชรระยิบระยับ ให้หมดทุกกองครับ
    กองไหนทำไม่ได้ สามารถสอบถามได้ครับ

    กสินที่สำคัญที่สุด
    คือกสิณภาพพระ ทรงภาพพระให้เป็นเพชร
    เห็นภาพพระท่านแย้มยิ้ม พอเห็นภาพพระยิ้มใจเราก็สบาย ยิ้มตามภาพพระท่าน
    ถ้าใจยิ้มตามพระที่นึกเห็น ได้ทั้งวัน ก็ถือว่าเราทรงฌาณในพุทธานุสติกรรมฐาน ในกสิณได้ตลอดทั้งวันครับ
    ถ้าใจเรายิ้มได้ตลอดไป ทำยังไงก็ทำให้รอยยิ้มหายไปจากใจไม่ได้
    อันนี้เป็นอารมณ์ของพระอริยเจ้าแล้วครับ

    มาฝึกสมาธิกันง่ายๆ โดยการฝึกให้ใจยิ้มได้ตลอดเวลา 24ชั่วโมงครับ
    กสิณทุกกอง ต้องให้ใจยิ้ม กายยิ้ม เวลาที่เรานึกภาพกสิณด้วยครับ
    ให้มีความปีติ ความอิ่มใจ หล่อเลี้ยงการทรงกสิณของเราอยู่เสมอ
    หากทรงภาพกสิณได้ แต่ใจยังไม่ยิ้ม แปลว่าเรายังเข้าไม่ถึงที่สุดของกสินครับ

    ขอให้สามารถเข้าถึงซึ่งความอิ่มใจ ความปีติ ชุ่มชื่น ชุ่มเย็นใจ จากการทรงภาพกสิณนี้ ได้ทุกครั้งทุกเวลา ทุกสถานที่ ที่ข้าพเจ้าต้องการตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ<!-- google_ad_section_end -->
     
  16. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ Sognando ครับ

    สวัสดีคุณxorce ครับผมก็เริ่มนั่งสมาธิมาซักพักหนึ่งแล้วนะครับแรกๆก็สงบดีอยู่หรอกครับ
    แต่หลังๆนี้รู้สึกอึดอัดเวลานั่งสมาธิครับเพราะว่าผมเริ่มแผ่เมตตาในใจครับ
    ตอนที่ผมแผ่ส่งให้พ่อของผมที่เสียท่านไปแล้วก็เจ้ากรรมนายเวรครับ
    แล้วผมได้ยินเสียง " แต๊บ ๆ ๆ วันแรกหลายครั้งเลยครับแล้วก็น้อยลงมาเรื่อยๆ
    ต่อเลยครับหลังจากผมนั่งสมาธิเสร็จเพราะผมต้องสะดุ้งกับเสียง"แต๊ปที่ดังมากๆ "
    พอเริ่มกวดน้ำ(บทกวดน้ำแม่ชีใหญ่)ผมก็ได้ยินเสียงเหมือนโทรศัพท์สั่นที่ใกล้ๆแก้วน้ำ
    ซึ่งตอนนั้นเป็นท่อนที่ผมส่งกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรจบพอดี
    แต่โทรศัพท์มือถึอของผมไม่ได้อยู่ตรงนั้นซะด้วย
    พอแผ่เมตตาจบ จากนั้นผมก็นอนไม่หลับเลยครับผมเลยเปิดดูรายการวู้ดดี้ย้อนหลัง
    ระหว่างดูผมรู้สึกเหมือนคนมาลูบหัวแม่โป้งของผมแต่ผมก็คิดว่าเป็นพ่อของผมครับ
    เลยไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ พอจบรายการผมก็คิดในใจว่าขอให้เจ้ากรรมนายเวรกลับไป
    เพราะว่าผมอึดอัดมากๆ พอพูดจบเท่านั้นแหละครับผมได้ยินเสียงคนคุยกัน
    แบบกระซิบเบาๆเร็วมากๆผมฟังไม่รู้เรื่อง ที่ปลายเตียงของผม
    ไม่ไหวแล้วครับผมรีบไปนอนกับแม่และน้องสาวเลยครับพอไปถึง
    แม่กับน้องก็นอนไม่หลับกันทั้งคู่ทั้งที่มันดึกมากๆแล้ว
    ระหว่างนอนก็รู้สึกที่หัวแม่โป้งหนึ่งครั้งครับ
    พอมาอิกวันพวกเขาบอกว่าพอผมมานอนกับเขาปุ๊ปพวกเขาก็นอนหลับทันที

    ล่าสุดราวๆอาทิตย์ที่แล้วผมเริ่มสวดบท
    พระคาถามหากรุณาธารณีสูตร(แบบภาษาสันสกฤต)
    พอสวดเสร็จผมก็จะนั่งสมาธิพอหลับตาซักพักผมรู้สึกอึดอัดมากๆเลยๆไปเปิดประตู
    เพราะนึกว่าอากาศถ่ายเทไม่สดวกแล้วกลับมานั่งใหม่ผมได้ยินเสียงคล้ายๆของยานอวากาศ
    เบาๆตรงเพดาน ผมไม่รู้ว่าเป็นเสียงอะไรเลยออกไปดูข้างนอกห้องแต่เสียงมันมีเฉพาะในห้องของผมครับพอนั่งไปเสียงมันก็ไม่หายไปจนผมแผ่เมตตา
    จนถึงผมแผ่เมตตาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์จากที่ผมก็เริ่มหายใจแร็งแล้วผมก็หมดแร็งไปต้องถอนจากสมาธิ ตอนนั้นผมรู้สึกไม่มีแร็งเลยครับ และเสียงนั้นก็หมดไป
    วันรุ่งขึ้นผมก็เกิดเรื่องแย่ๆทำกรอบรูปตกแตก คอมเสีย
    ประมาณสามวันแร็งผมจึงจะกลับมาเหมือนเดิม แล้วผมก็ไม่แผ่เมตตาในใจให้ใครแล้วครับนับตั้งแต่วันนั้น
    เนื่องนี้ผมจึงอยากขอคำปรึกษาคุณxorceในเรื่องที่กล่าวมานี้
    เพราะผมไม่รู้จะปรึกษาใครจริงๆ ที่จะได้คำปรึกษาที่กระจ่างแจ้ง
    ว่าเสียงที่เกิดขึ้นเป็นเสียงที่เกิดจากอะไร แล้วอาการที่หมดแรงของผมเกิดขึ้นเพราะอะไร
    และผมควรแก้ไขตรงไหนบ้างครับ ผมยินดีรับทราบความคิดเห็นทุกประการครับ
    เพราะว่าระยะหลังๆนี้เสียงนั้นเกิดบ่อยมากๆ
    จนทำให้ผมตกใจและทำให้สมาธิของผมอึดอัดมากๆเลยครับไม่สุขใจเหมือนเมื่อก่อนเลย
    ขอบคุณxorceที่ทำกระทู้ที่ดีๆเช่นนี้ขึ้นมาครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->


    เสียงเหล่านี้ เกิดจากเจ้ากรรมนายเวร ที่เข้ามาขัดขวางเราครับ ซึ่งคุณก็พอรู้อยู่แล้วว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวร
    ส่วนที่รู้สึกอึดอัด หายใจติดขัด เกิดจาก
    1.มีเจ้ากรรมนายเวรมาขัดขวางครับ จะไม่ให้เราทำสมาธิได้
    2.ลองเปลี่ยนที่ทำสมาธิดูครับ กับลองฝึกทำสมาธิให้ได้ตลอดเวลา ลืมตาหลับตา
    เช่น จับลมหายใจ พุทโธ เอาไว้ทั้งวัน หรือเวลาไหนที่ว่าง หรือนึกออก ทำไปสบายๆครับ
    3.เราโดนแรงกดดันที่มองไม่เห็น จนจิตมีอารมณ์หนัก ความเครียด ความเกร็งโดยที่เราไม่รู้ตัว
    พอทำสมาธิจึงอารมณ์หนักและทำให้เหนื่อยครับ

    วิธีแก้นะครับ เรื่องของเจ้ากรรมนายเวร
    -ก่อนจะทำสมาธิ ให้สวดบทอัญเชิญเทวดา ขอบารมีพระพุทธเจ้า ทุกๆท่านบนพระนิพพานให้เสด็จมาคุ้มครองเราก่อน
    -ให้เรานึกภาพว่า มีพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ มีเทวดา ประทับอยู่เต็มห้องด้วยครับ
    -แล้วก็ถ้าเป็นไปได้ชินบัญชร อีกจบนึงครับ เวลาสวดชินบัญชรต้องนึกภาพว่ามี
    พระอรหันต์เสด็จมาประทับบนส่วนต่างๆของร่างกายด้วยครับ
    -พอสวดเสร็จ คราวนี้ค่อยแผ่เมตตา แผ่เมตตาตามที่ผมลงเอาไว้ก็ได้ครับ
    ให้ใจแย้มยิ้ม กายแย้มยิ้มเวลาที่เราแผ่เมตตา เป็นคลื่นความเย็น กระจายจากอก จากจิตของเราไปยังทุกๆคน ทุกๆทิศทาง ไปไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณ
    -เสร็จแล้วค่อยทำสมาธิครับ คราวนี้สบายแล้วครับ
    อย่าลืมสวมพระ และอาราธานาพระ โดยการนึกภาพพระ มาครอบเหนือร่างของเราด้วยครับ
    -เวลาแผ่เมตตาก็ต้องขอบารมีพระพุทธเจ้า ขอบารมีจากพระองค์ช่วยสงเคราะห์ในการแผ่เมตตาของเราด้วยครับ
    อย่าใช้กำลังของตัวเอง

    ประเด็นที่โดนกวนส่วนนึง ผมรู้สึกว่า คุณไม่ค่อยขอบารมีพระครับ อาจจะไม่ได้นึกถึงพระบ่อย หรือเข้มข้นมาก
    ต้องทำเพิ่มในเรื่องความนอบน้อมต่อพระรัตนตรัย ความเคารพที่มีต่อพระรัตนตรัย
    ต้องรู้สึกว่าพระพุทธเจ้าเป็นพระบิดาของเรา
    เวลากราบพระต้องกราบด้วยความนอบน้อมอย่างถึงที่สุด
    1.กราบด้วยความรู้สึกที่ว่า หากพระพุทธเจ้าอยู่ต่อหน้าเราจริงๆ เราจะกราบพระองค์อย่างไร
    2.กราบด้วยความรู้สึกว่าเราเป็นลูกของพระพุทธเจ้า
    ถ้ายังไม่รู้สึกว่าเป็นลูกของพระพุทธเจ้า ไตรสรณคมเรายังไม่ผ่าน ยังไม่เต็มครับ
    ถ้ายังไม่รู้สึกว่าเป็นลูกของพระพุทธเจ้า จะเป็นพระโสดาบันไม่ได้
    สำคัญมากนะครับ คนส่วนมากฝึกกันมาหลายปี แต่ยังไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกของพระพุทธเจ้าจริงๆ
    ก็เลยไม่บรรลุธรรม เป็นอารมณ์ที่ใช้วัดสังโยชน์ด้วยครับ

    ขอให้ทุกๆคนมีจิตใจที่นอบน้อมเคารพต่อพระรัตนตรัย รู้สึกจริงๆว่า
    พระพุทธเจ้าเป็นพระบิดาของเรา เราเป็นลูกที่นอบน้อมต่อพระองค์
    หากทำจิตได้แบบนี้ จะไม่มีอุปสรรค ไม่มีภยันอันตรายใดเข้ามาทำร้ายเราได้ครับ
    ข้อนี้สำคัญที่สุดเลยครับ ถ้าทำได้เป็นพระอริยเจ้าได้ ไปพระนิพพานได้ครับ

    ขอให้ทุกๆคนเข้าถึงซึ่งไตรสรณคมอย่างแท้จริง มีพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆเจ้า
    เป็นสรณเป็นที่พึ่งสูงสุดแก่ดวงจิตของเราได้ตลอดไป ทุกสถานที่ ทุกเวลา ทุกขณะจิตตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ
     
  17. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ น้องบู ครับ

    เหตุที่ผมจะมาถึงมโนมยิทธินี้ ต้องการให้จิตแจ้งในญาณชนิดนี้เท่านั้นเองครับ

    ผมเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับ ญาณเหล่านี้มาบ้างครับ ซึ่งยอมรับว่าการที่จิตเข้าไปประจักษ์ในประสบการณ์เหล่านี้มันชัดเจนมากจริง ๆ และตนเองมีสติอยู่ เพียงแต่


    ผมคิดไว้ว่า สิ่งที่ประจักษ์ชัดแจ้งขนาดนี้ ก็อาจจะหลอกเราได้ครับ ผมจึงคิดว่า ถ้าผมฝึกมโมยิทธิได้จริง

    ผมคงจะท่องเที่ยวไปในสถานที่ ๆ ตนเองคุ้นเคย คือบนโลกใบนี้ อาจจะเป็นบ้านเพื่อน บ้านญาติ


    ครั้นเมื่อผมออกจากสมาธิแล้ว ผมย่อมสามารถตรวจสอบจากเพื่อนจาก ญาติได้

    เช่น ผมเห็นว่าเขาพูดอะไรกัน ทำอะไรกัน ใส่เสื้อสีอะไร ทำอะไรอยู่ที่ไหนบ้างในตอนนี้ ผมอาจจะโทรเข้าไปถามเขาเพื่อตรวจสอบได้ทันที

    อย่างนี้จะทำให้ผลการปฏิบัติน่าเชื่อถือ และมั่นใจว่าจิตไม่ได้หลอกเรา เป็นญาณรู้แจ้งจริง ๆ


    สำหรับแดนนิพพานนั้น เคยได้ฟังจากหลวงพ่อท่านพูดไว้เหมือนกันครับ แต่ผมยังไม่เชื่อ โดยส่วนตัวลึก ๆ เชื่อว่าดินแดนนั้นมีอยู่จริง ๆครับ แต่อาจจะไม่ใช่นิพพานก็เป็นได้ครับ

    ดังนั้น จุดประสงค์ที่ผมจะเรียนรู้ในญาณตรงนี้ เป็นไปเพื่อพิสูจน์ให้เห็นเป็นประจักษ์ โดยมีพยานและหลักฐานเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจิตไม่ได้หลอกตนเอง ซึ่งถ้าทำได้แล้ว มั่นใจแล้ว ผมก็คงจะขยายผลต่อไป ไม่ว่าจะไป นรก สวรรค์ หรือพรหม ส่วนดินแดนที่หลวงพ่อกล่าวนั้นผมก็จะลองไปดูครับ แล้วค่อยตัดสินใจอีกทีว่า ใช่นิพพานแน่หรือ ?

    ควรจะไปฝึกที่ซอยสายลม ไม่ก็วัดท่าซุงครับ

    เพราะฝึกเองยากมากครับ วางอารมณ์ใจให้ถูกยาก
    และไม่มีอาจารย์คอยนำจิต คอยขอบารมีพระ คอยแผ่เมตตาให้เราด้วยครับ

    ถ้าจะฝึกเองได้ ส่วนมากเป็นผู้ที่ศรัทธาในหลวงพ่อ ในพระพุทธเจ้า ในพระนิพพานเกินร้อยเปอเซ็นต์ไปแล้วครับ
    พอศรัทธาเกินร้อย ทำจิตนิดเดียวก็เห้นพระนิพพานแล้วครับ
    แต่ถ้าใจยังเชื่อไม่ถึงร้อย จะฝึกเองค่อนข้างยากมากครับ

    ในหมื่นคน ผมจะเจอคนที่ได้เองซัก สิบคนครับ
    ยากขนาดนั้นครับ ซึ่งแต่ละคนก็เป็นผู้ที่ได้ไตรสรณคมแล้วค่อนข้างจะมั่นคง
    อารมณ์เกินไปแล้ว ค่อยย้อนมาฝึกครับ ถึงจะฝึกเองแล้วได้

    ถ้าอย่างไรในครั้งแรก ควรจะไปฝึกกับอาจารย์ก่อนครับ
    พอได้แล้ว ค่อยมาทำเพิ่ม ทำเองให้ละเอียดที่บ้านครับ

    แต่จะลองทำเองที่บ้านไปพลางๆก่อนก็ได้ครับ
    จะต้องเคารพพระพุทธเจ้า หลวงพ่อ ให้ถึงที่สุด ขอบารมีพระให้เมตตาสงเคราะห์เราเต็มที่ครับ
    ตั้งใจว่าตายเมื่อไหร่จะไปพระนิพพาน ให้แน่วแน่เด็ดขาดครับ

    ขอให้เข้าถึงซึ่งมโนมยิทธิได้โดยง่าย ได้โดยฉับพลันทันใด ได้ด้วยพระบารมีของพระพุทธองค์ด้วยเทอญ
     
  18. wuttichai0329

    wuttichai0329 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,015
    ค่าพลัง:
    +741
  19. Dhamma T-PO

    Dhamma T-PO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +184
    อนุโมทนากับ คุณ Xorce ด้วยครับ
    กระทู้นี้มีประโยชน์มากเลยครับ :cool:

    ขอคำปรึกษาจากคุณ Xorce ด้วยนะครับ

    คือ ผมมาสนใจการฝึกสมาธิ เมื่อประมาณ 2-3 เดือนที่แล้ว เกิดจากการได้อ่านหนังสือ
    ไอ สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น และก็เล่มอื่นๆ อีกค่อนข้างหลายเล่ม ทำให้ผมเกิดศรัทธา ในองค์ สัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างมาก บวกกับการฟังซีดีธรรมมะ ของพี่ที่ผมรู้จัก ที่มาวานผมช่วยไรท์ซีดีให้ ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าเป็นเรื่องน่าเบื่อ แต่พอได้มาลองฟังดู เรื่องราวต่างๆ ก็คล้ายกับ
    ในหนังสือ เรื่องราวที่ทั้งผู้เขียนและผู้บรรยาย ได้เจริญภาวนา ได้ประสบพบเจอ ทั้งๆที่เป็นคนละ
    คนกันแต่กับคล้ายกัน จึงเกิดการสงสัยว่าเป็นจริงหรือไม่ จึงอยากลองพิสูจน์ดู เพราะผมไม่เชื่อใน
    เรื่องราวของปาฏิหารย์ต่างๆ เรื่องราวที่เกินจากความจิง ผมคิดว่ามันอาจเป็นแค่กุสโลบาย ให้คน
    หันมาเชื่อ และหันมาทำความดี อย่างเช่นเรื่องของสวรรค์และนรก มันคงเป็นเรื่องปกติที่ผมเกิดมา
    ในยุคที่เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้า เกิดจะเชื่ออะไรที่เป็น นามธรรมจับต้องไม่ได้ จึงทำให้ผมอยาก
    ทดลองดู


    พระพุทธองค์ ทรงตรัสว่า วิปัสสนากรรมฐาน และสมถกรรมฐาน นี้เป็น สายเอก เพื่อจะไปแห่งมรรคผลนิพพาน จึงทำให้ผมน้อมใจอยากเข้ามาลองปฏิบัติ


    จนมื่อเดือนที่แล้วได้มีโอกาสเข้าไปปฏิบัติธรรมได้ 2 วัน ที่วัดภัททันตะอาภาสราม หลังขึ้นครูกรรมฐานเสร็จพระอาจารย์ บอกให้กำหนดยุบหนอ-พองหนอสังเกตุอาการที่หน้าท้อง ในตอนนั้น นั่งกำหนดไปไม่ค่อยเเห็นอาการพอง-ยุบ และก็รู้สึกไม่ค่อยสงบ ไปครั้งนั้นคิดว่าคงไม่ได้อะไร



    แต่ไม่เป็นอย่างนั้น พอผมขับรถกลับบ้าน เสียงที่เกิดขึ้นภายในรถกับดังอย่างมาก ขับรถไปก็กลับรู้สึกว่าถนนไม่เรียบเหมือนกลับตอนมา ทุกๆการสั่นสะเทือนรับรู้ชัดเจนขึ้นอาจเป็นว่าเพราะเรามีสติมากขึ้นก็ได้

    ถามคุณ Xorce ผมเข้าใจถูกหรือเปล่าครับ



    หลังจากนั้นก็มีกำลังใจทำต่อไป แต่ว่าการดู พอง-ยุบ ของหน้าท้องไม่ค่อยชัดนัก ก็เลยลองไปหาศึกษาเพิ่มพบว่าสามารถ ฝึกสมถะกรรมฐานก่อนให้จิตนิ่งแล้วจึงค่อย เจริญวิปัสสนาได้ ก็เลยเริ่ม
    ลองกำหนดแบบอานาปาณสติ กำหนดลมหายใจ พุท-โธ รู้สึกว่าตัวเองทำสมาธิง่ายขึ้น


    วันที่สองที่ทำก็เป็นปกตินั่งด้วยท่าขัดสมาธิ ก็รู้สึกว่ามีสมาธิมากขึ้น แต่พอวันที่สาม ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ ไม่ได้ตั้งใจนึกได้แล้วลองกำหนด พุท-โธ คราวนี้รู้สึกว่าลมหายใจที่มากระทบที่ขอบจมูกเบามากเลยครับ นั่งไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่ามือหายไป ลมหายใจเบามาก รู้สึกว่าตัวหายไปด้วย พอออกจากสมาธิก็รู้สึกดีใจมาก คิดว่าสมาธิเราน่าจะก้าวหน้า

    ถามคุณ Xorce สามารถนั่งบนเก้าอี้แล้วเจริญภาวนาได้หรือเปล่าครับ
    มีข้อเสียหรือไม่ครับ







    หลังจากนั้นวันต่อมาลองนั่งอีก แต่คราวนี้กับไม่สงบ และรู้สึกปวด และก็มึนหัวมาก พยายามทำให้สงบแต่ก็ไม่สงบ กลับไม่สงบเหมือนเมื่อวาน เริ่มเกิดอาการท้อ


    หลังจากนั้นผมก็นั่งมาเรื่อย และก็ปวดหัวทุกครั้ง ซักพัก ผมจึงคิดว่าทำไมจึงปวดและมึนหัวทุกครั้งที่ออกจากสมาธิ ผมก็ลองเอาจิตไปสังเกตุที่บริเวณคิ้ว รู้เลยว่ามันเกร็งมาก จากนั้นก็เลยเข้าใจเลยครับ ว่าถ้าหากอยากให้มันสงบมันจะไม่สงบ ต้องปล่อยใจให้เป็นกลาง ไม่ต้องอยากให้มันเป็นเหมือนวันนั้น


    ต่อจากนั้นผมก็ค่อยๆ คลายความรู้สึก มันก็คลาย แล้วผมก็ ภาวนาต่อ ก็รู้สึกตึงอีก ผมก็เอาจิตไปสังเกตุอีกมันก็คลาย ทำอยู่อย่างนี้อยู่ตลอด จนมันไม่เกร็ง เหนื่อยเหมือนกันครับ

    จากวันนั้นผมก็เริ่มทำสมาธิใหม่ คราวนี้สมาธิมันเริ่มเหมือนเดิม คิดว่าน่าจะสงบ ลมหายใจเบาขึ้นจนแทบไม่มีลมหายใจ แล้วที่แปลกก็ตรงที่คำว่า พุท-โธ เริ่มเบาเรื่อยๆ ตอนนั้นรู้สึกว่ามันเบาเหลือเกิน ออกจากสมาธิ รู้สึกว่า ไม่ง่วงนอนเลย แต่ปกติเป็นคนชอบง่วงน่ะครับ

    มีอยู่วันหนึ่งวันนั้นก็ไม่ได้กะจะนั่งสมาธินะครับกำลังหยิบหนังสือมาอ่าน จากล็อคเกอร์ ก็เห็นได้เห็นเส้นสั้นๆ เป็นสีๆ อยู่เต็มไปหมด คล้ายๆมองภาพผ่านคอม ผมจึงมองมาทางซ้าย ก็ยังเห็นอยู่ หันไปมาตรงๆ ก็เห็น แต่ผมจึงพยายามจะจ้องมองดูว่ามันเป็นอะไร มันกลับหายไป อาจเป็นภาพลวงตาก็ได้ แต่ก็สงสัย หลังจากนั้นก็เลยนั่งสมาธิ แต่คราวนี้กลับไม่เห็นอะไร แล้วแถมยังไม่สงบอีก คงเ้ป็นเพราะใจผมคงจะอยากเห็นและอยากรู้ว่าสิ่งที่ผมได้เห็นคืออะไร บางครั้งผมก็คิดว่าการทำสมาธินั้นง่ายๆ แต่บางทีก็แสนยาก ไม่ว่าจะพยายาม
    แค่ไหนก็ไม่สงบ เกิดอาการท้อบ้างครับ

    ถามคุณ Xorce ที่เห็นนี่คืออะไรครับ






    แต่แล้วผมก็มานั่งวิเคราะห์ว่าทำไมไม่สงบ อาจจะเป็นเพราะความอยากเห็นภาพนั้นอีก เหมือนกับตอนแรกที่อยาก อยากให้สมาธิสงบ จึงเริ่มมาตัดความอยาก หลังจากนั้นได้ลองปฏิบัติดูก็พบว่ายังไม่สงบ
    แต่อาจเป็นเพราะผมอาจจะแค่ตัดความอยากออกไปจากสมองเพียงอย่างเดียวแต่ในจิตอาจจะมีความอยากอยู่ ผมจึงรู้ทันทีเลยครับว่ามันช่างละเอียดอ่อนจัง จึงทิ้งจากการนั่งไป 2-3 วัน ลืมเรื่องนั้นไปเลย


    คราวนี้ลองกลับมานั่งดูคราวนี้สงบเหมือนกับครั้งแรกๆ ลมหายใจเเบาลงเรื่อยๆ จนเหมือนไม่ได้หายใจเลยครับ ( ลืมบอกไปครับผมไม่ได้นั่งขัดสมาธิพอดีนั่งบนเก้าอี้น่ะครับ ) แต่พอนั่งไปได้ซักพัก เหมือนลืมภาวนาไป เลยกลับมาภาวนาต่อ พอภาวนาต่อได้ซักพัก คราวนี้ ตัวผมเริ่มสั่นครับ สั่นเหมือนว่าหนาวสั่นมันไม่ยอมหยุด ผมสั่นอยู่ได้ซักพัก ผมก็กำหนดรู้หนอ แต่มันก็ไม่หาย คราวนี้ผมเปลี่ยนใหม่ไม่สนใจกับอาการสั่น หันกลับมาภาวนา พุท-โธ ต่อ ซักพักอาการสั่นก็หายไป คราวนี้สมาธิกลับมาเหมือนตอนเพิ่งเริ่มนั่ง คือได้ยินเสียงรอบๆ ชัด จึงไม่แน่ใจ อาจจะสมาธิหลุดหรือเปล่าก็ไม่รู้ เลยนั่งอีกพักก็เลยเลิกไป อยากรู้เหมือนกันครับว่า อาการสั่นมันคือ อะไร แล้วต่อไปต้องทำยังไง


    แต่หลังจากนั้นผมก็ลงไปหาความรู้ในอินเตอร์เน็ตครับ อ่านดูที่อาการ ของ ปิติ เทียบดู แต่ก็ไม่แน่ใจ เพราะไม่มีอาการสั่น เห็นมีแต่อาการ ตัวโยก หรือเห็นเป็นแสง ไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่าครับ

    ถามคุณ Xorce อาการสั่นเป็นอาการของปิติใช่หรือเปล่าครับ ผมลองเปิดดูในเว็บเค้าบอกว่าเป็นอาการที่ยึดอยู่กับร่างกายมากเกินไปครับ








    ต่อมาผมก็ทำสมาธิอยู่เรื่อยรู้สึกว่า ลมหายใจมันเบามาก ขนาดตอนออกจากสมาธิ มันก็ยังเบาครับ ตอนใช้ชีวิตประจำวันก็รู้สึกว่าเบาอยู่ตอนเวลาเลยครับ แต่ข้อดีของมันก็คือ ผมเข้าสมาธิได้เร็วกว่าเดิม ( ปกติต้องประมาณครึ่งชั่งโมง กว่าจะรู้สึกว่าลมหายใจเบา แล้วก็ตัวเหมือนหายไปแต่ตอนนี้รู้สึกว่าไม่น่าถึง ) แต่มันเป็นอุปสรรค เพราะว่าช่วงหลังมานี้ตั้งแต่เริ่มทำสมาธิจับลมหายใจไม่ได้เลยครับ (ผมกำหนดจากลมที่มากระทบกับขอบจมูกครับ) บางครั้งเพิ่งเริ่มหลับตาได้พักเดียวเริ่มลืมคำภาวนาซะแล้ว


    ถามคุณ Xorce ผมควรใช้อะไรกำหนดต่อไปดีครับ






    ตอนนี้นั่งสมาธิกับไม่ค่อยสงบ บางทีก็มีภาพคนต่างๆ ที่ผมไม่เคยเห็น อยู่ๆก็ผุดขึ้นมาอยู่เรื่อยๆ ทั้งที่ผมก็ไม่ได้คิด จากนั้นก็ตั้งใจจดจ่อลมหายใจและคำภาวนาอีกครั้ง ซักพักรู้สึกแปล๊บ เหมือนโดนไฟซ็อต คราวนี้เหมือนสมาธิหลุดออกมา เสียงรอบข้างดังปกติ แต่รู้สึกว่าไม่ค่อยสนใจ กลับมาภาวนาต่อทำได้ง่ายครับ ไม่ต้องตั้งใจมากเหมือนตอนแรก แต่นั่งได้ซักพักก็ออกจากสมาธิ

    ถามคุณ Xorce ภาพที่เห็นเกิดขึ้นจากอะไรครับ , แล้วความรู้สึกแปล๊บแล้วเหมือนสมาธิหลุดนี่เป็นอะไร และต้องทำอย่างไรต่อครับ




    ขอบคุณ
    คุณ Xorce มากครับ


     
  20. suthipongnuy

    suthipongnuy ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +1,428
    สวัสดีครับ ผมมีเรื่องที่จะรบกวนปรึกษาคุณ Xorce ครับ

    1. การปฏิบัติกรรมฐาน40 แตกต่างหรือเหมือนกันอย่างไรกับแบบ สติปัฏฐาน4 ครับ
    2. ที่ผมปฏิบัติอยู่เป็นแบบสายพระป่าใช่หรือปล่าวครับ ถ้าต้องการฝึกแบบหลวงพ่อฤาษีลิงดำต้องทำแบบไหนครับถึงจะไม่ต้องเริ่มต้นใหม่
    3. มีความสงสัยเรื่อง ฌาน4 ในส่วนของลมหายใจที่อึดอัดเหมือนใจจะขาด ตอนแรกก็ว่าจะเรียนถาม แต่มีอะไรมาดลใจก็ไม่รู้ครับ เลยคลิกเข้าไปที่หน้า20ของกระทู้นี้ ก็ได้รับคำตอบที่ใกล้เคียงแล้วครับ
    4. เมื่อเราทรงอารมณ์ในฌานได้ เราควรพิจารณาวิปัสสนาเลย หรือว่าต้องให้อารมณ์หลุดจากฌานมาสู่อุปจารก่อนครับ
    5. ตอนนั่งสมาธิ เมื่อจิตแวบออกไปคิดเรื่องต่างๆเช่นนึกถึงคนๆหนึ่ง ก็คล้ายๆกับว่ามีภาพปรากฏขึ้น แต่เกิดแค่แว๊บเดียวนะครับ เหมือนเปิดทีวีแล้วปิดทัีนที คือคล้ายๆกับการกระพริบ
    6. เมื่อเราทรงอารมณ์ฌานได้ ความสุขจะเกิดขึ้น แต่ทำไมผมยังรู้สึกหดหู่ ไม่สดชื่นเลยครับ (ผมเคยป่วยเป็นโรคเครียดมาก่อน) ทำให้ผมไม่แน่ใจว่าผมทรงอารมณ์ถูกต้องหรือปล่าว

    ขอรบกวนเพียงเท่านี้ก่อนครับ ขอบคุณครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...