ร่วมทำบุญบูชา ชุดเก่าตะกรุดดอกครูนามธรรมบุญหนุนส่งวาสนานำพา(เอื้อบุญ) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. manote

    manote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2006
    โพสต์:
    916
    ค่าพลัง:
    +5,997
    ร่วมเล่นเกมส์ครับ
    ‘ชเวมอดอว์’ เจดีย์จมูกร้อน พระมหาเจดีย์ศักดิสิทธิ์แห่งกรุงหงสาฯ

    [​IMG]
    [​IMG]
    พระเจดีย์องค์สำคัญในประวัติศาสตร์มอญและพม่า ซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่า 1,200 ปี สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยมอญเรืองอำนาจและเป็นสัญลักษณ์ ยืนยันความเจริญรุ่งเรืองของกรุงหงสาวดี นั่นก็คือพระเจดีย์ ‘ชเวมอดอว์’ ซึ่งมีความหมายว่า ‘มหาเจดีย์พระเจ้าทองคำ’ หรือคนไทยรู้จักกันในนาม ‘พระธาตุมุเตา’ คำว่า ‘มุเตา’ เป็นภาษามอญ แปลว่า ‘จมูกร้อน’ เพราะเจดีย์มีขนาดสูงถึง 114 เมตร ทำให้ผู้ที่ไปสักการะต้องแหงนหน้าจนคอตั้งบ่า ถึงจะมองเห็นยอดเจดีย์ เป็นเหตุให้แสงแดดที่แรงกล้าแผดเผาจมูกจนแสบร้อน

    พระธาตุมุเตาเป็นมหาสถูปบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า ที่สำคัญที่สุดของชาวมอญ ในสมัยพระเจ้าราชาธิราชกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของมอญ ได้มีการประกอบพิธีกรรมสำคัญของราชอาณาจักรที่พระธาตุมุเตาแห่งนี้ และเริ่มพระราชประเพณีถวายทองหนักเท่าพระองค์เพื่อหุ้มองค์พระธาตุด้วย

    ความศักดิ์สิทธิ์ของพระธาตุมุเตาเป็นที่เลื่องลือ และก่อให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาแก่ชนชาวมอญและพม่า ในตำนานกล่าวไว้ว่า พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของตองอู สมัยเป็นเพียงเจ้าชายวัย 14 พรรษา กล้าที่จะนำทัพบุกเข้าไปเมืองมอญ เพื่อทรง ทำพิธีเจาะพระกรรณตามราชประเพณี ที่พระธาตุมุเตาแห่งนี้ ซึ่งกว่าศัตรูจะส่งทหารมาปิดล้อมได้หมด ก็ใกล้เสร็จพิธี และพระองค์ก็ทรง นำทหารฝ่าวงล้อมกลับตองอูโดยปลอดภัย ต่อมาเมื่อพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์ และเข้ายึดครองหงสาวดีได้แล้ว ทรงย้ายราชธานีจาก ตองอู มาที่หงสาวดี และถวายมงกุฎทรงยอดพระมหาธาตุแก่พระธาตุมุเตาด้วย
    Image.jpg
    พระเจ้าบุเรงนอง กษัตริย์พม่าองค์ต่อมา ก็ทรงมีพระราชศรัทธาในองค์พระธาตุอย่างท่วมท้น ถึงกับทรงแกะอัญมณีเม็ดใหญ่จากพระมงกุฎถวายเพื่อเป็นพุทธบูชา พร้อมทั้งทรงให้ก่อกำแพงเมืองขยายไปโอบล้อมพระมหาเจดีย์ แถมพระองค์ยังทรงมีมุมโปรดในพระราชวัง ที่สามารถมองเห็นองค์พระมหาธาตุอย่างชัดเจนอีกด้วย ในหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของพม่าระบุว่า ก่อนพระองค์จะออก ทำศึกจะทรงนมัสการพระธาตุมุเตาก่อนทุกครั้ง
    Image.jpg
    ใช่เพียงแต่ชนชาติมอญ พม่า เท่านั้นที่นับถือพระธาตุองค์นี้อย่าง แรงกล้า แม้แต่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชของไทยเอง เมื่อคราวเสด็จไปเป็นตัวประกันที่เมืองหงสาฯก็เสด็จมาสักการะพระธาตุอยู่เสมอ และในครั้งที่ยกทัพไปปราบหงสาวดี ก็ทรงโปรดให้ตั้งพลับพลาที่ประทับใกล้องค์พระมหาธาตุ เพื่อจะเสด็จไปสักการบูชาพระมหาธาตุได้โดยสะดวก

    แม้พระมหาธาตุมุเตาจะได้รับการบูรณะจากกษัตริย์มอญและพม่าหลายพระองค์ แต่ศิลปะแบบมอญและพม่าที่องค์เจดีย์แห่งนี้ก็ผสมผสานกันได้อย่างลงตัวและสวยงาม

    และแล้วความร้าวรานใจของพุทธศาสนิกชนชาวมอญ พม่า ก็เกิดขึ้น เมื่อเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งยิ่งใหญ่ ในวันที่ 5 พฤษ-ภาคม พ.ศ.2473 ส่งผลให้พระธาตุมุเตาหักพังลงมา และได้รับการบูรณะปฎิสังขรณ์จนแล้วเสร็จใน พ.ศ.2497 และทางวัดได้นำชิ้นส่วน ของพระธาตุองค์เดิมมาตั้งไว้ บริเวณลานทางทิศเหนือของพระธาตุองค์ใหม่ จนกลายเป็นจุดอธิษฐานศักดิ์สิทธิ์ ที่เชื่อกันว่าหากใครมากราบไหว้บริเวณนี้จะช่วยให้ชีวิตมีความมั่นคงถาวร

    ปัจจุบัน พระมหาเจดีย์ชเวดอว์มอว์ ถือเป็น 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพม่า และเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในพม่าด้วย ทุกวันนี้ผู้คนทั้งชาวพม่าและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนาต่าง พากันหลั่งไหลไปยังเมืองหงสาวดี หรือ ‘พะโค’ ในปัจจุบันกันอย่างไม่ขาดสาย เพื่อกราบไหว้พระมหาเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์แห่งกรุงหงสาฯองค์ นี้ และสำหรับปีนี้ งานเทศกาลไหว้พระธาตุมุเตาจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 มี.ค.-6 เม.ย.50

    กล่าวกันว่า ใครมาเยือนหงสาฯ หากไม่มาสักการะพระธาตุมุเตา เสมือนหนึ่งยังมิถึงเมืองหงสาวดี อดีตราชธานีอันยิ่งใหญ่ของมอญ และพม่า
    Image.jpg
    Image.jpg
     
  2. Vanshine

    Vanshine สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +3
    ร่วมกิจกรรมเล่นเกมส์ แจกตะกรุดโทนนะโมตาบอดตำรับวัดพระปรางค์

    เจดีย์ช้างค้ำ วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร

    วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร

    RTEmagicC_b389e318df.jpg.jpg
    อยู่ตรงข้ามพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน เดิมชื่อ วัดหลวงกลางเวียง เจ้าผู้ครองนครน่าน พญาภูเข่ง เป็นผู้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.1949 พระวิหารหลวงวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร เป็นวิหารขนาดใหญ่รูปทรงสร้างตามสถาปัตยกรรมทางภาคเหนือ ลักษณะภายในโอ่โถงด้านหน้ามีสิงห์คู่ยืนตรงเชิงบันใดด้านละตัว มีทางเข้า 3 ทาง ประตูกลางทำเป็นประตูใหญ่ และประตูเล็กอยู่ด้านซ้ายและด้านขวามีทางขึ้นเป็นประตูเล็ก ๆ ตรงข้ามพระประธานด้านทิศตะวันออกและตะวันตกอีก 2 ข้าง ทำหลังคาซ้อนกัน 2 ชั้น มุขลดด้านหน้าและด้านหลัง หน้าบันตีด้วยแผ่นกระดานเรียงต่อกัน แล้วประดับที่ขอบเสา ด้านหน้าทุกต้นตามลักษณะสถาปัตยกรรมล้านนาไทยภายในพระวิหารกว้างขวาง มีเสาปูนกลมขนาดใหญ่ ขนาด 2 คนโอบรอบ จำหลักลวดลายปูนปั้นนูนสูงไว้ เหนือจากระดับพื้นพระวิหาร 1.50 เมตร เป็นลวดลายกนอกระย้าย้อยเหมือนลวดลายที่เสาในวิหารวัดภูมินทร์

    RTEmagicC_80ca3933e5.jpg.jpg
    พระประธานในพระวิหารหลวง

    RTEmagicC_204e885b4d.jpg.jpg
    ภายในวัดประดิษฐาน เจดีย์ช้างค้ำ ซึ่งเป็นศิลปสมัยสุโขทัย อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 20 รอบเจดีย์มีรูปปั้นช้างปูนปั้น เพียงครึ่งตัวประดับอยู่โดยรอบ นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปทองคำปางลีลา คือ พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี ซึ่งเป็นทองคำ 65 % สูง 145 เซ็นติเมตร ยอดพระโมฬีทำเสริมเมื่อ พ.ศ. 2442 หนัก 69 บาท เจ้างั่วฬารผาสุม เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 14 แห่งราชวงค์ภูคา เป็นผู้สร้างเมื่อวันพุธ เดือน 6 เหนือ พ.ศ. 1969 เป็นศิลปะสุโขทัย ประดิษฐานอยู่ที่หอพระไตรปิฎกใหญ่ที่สุดในประเทศ

    RTEmagicC_af97fb93eb.jpg.jpg
    พระธาตุเจดีย์ช้างค้ำวรวิหาร เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุไว้ภายใน นับเป็น ปูชนียสถานสำคัญ เป็นเจดีย์ที่ได้รับอิทธิพลทางด้านศิลปะสุโขทัย จากเจดีย์ทรงลังกา คือเจดีย์วัดช้างล้อมนั่นเอง พระธาตุเจดีย์สร้างด้วยอิฐถือปูนมีสัณฐานเป็นรูปสี่เหลื่ยมจัตุรัสซ้อนกัน 3 ชั้น กว้างด้านละ 9 วา ฐานจากชั้นแรกสูงถึงชั้นสองมีรูปช้างค้ำอยู่ในลักษณะเหมือนฐานรองรับไว้ด้านละ 6 เชือก รวมทั้งหมด 24 เชือก ช้างแต่ละตัวโผล่ส่วนหัวลอยออกมาครึ่งตัวขาหน้าทั้งคู่ยื่นพ้นออกมาจากเหลี่ยมฐาน เหนือขึ้นไปเป็นฐานปัทม์ (ฐานบัว) ซ้อนกัน 3 ชั้น และเป็นองค์ระฆังแบบลังกา ต่อจากองค์ระฆังทำเป็นฐานเขียงรองรับมาลัยลูกแก้วลดหลั่นกันไป เป็นส่วนยอด ปัจจุบันพระธาตุเจดีย์ช้างค้ำได้รับการบูรณะซ่อมแซม และหุ้นด้วยแผ่นทองเหลืองทั้งองค์ มีความสวยงามมาก

    RTEmagicC_c6e4d8027c.jpg.jpg
    ช้างค้ำรอบพระเจดีย์ฯ

    RTEmagicC_be8fd37bcf.jpg.jpg
    บรรยายด้วยภาพ



    ขอขอบพระคุณข้อมูลของสรรพากรพื้นที่น่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2017
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,530
    เนื่องจากมีหลายคนฝากมาถึงผม ว่าเกมส์ครั้งนี้ยาก เล่นไม่สะดวก สมาร์ทโฟนมันก้อปข้อความรูปภาพเยอะๆไม่ได้ ไม่มีคอม ไม่มีโน๊ตบุค ก็จะจำไว้ว่ามีกรณีแบบนี้เอาไว้ปรับปรุงกันในโอกาสต่อไป สำหรับคนที่สะดวกก็เล่นเกมส์กันต่อได้เลยนะครับ วันนี้มืดๆตอนปิดเกมส์ผมจะมาแจ้งอีกที ;)
     
  4. ไปในภพภูมิ

    ไปในภพภูมิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +433
    [GALLERY=][/GALLERY]พระมหาธาตุเจดีย์ชเวซีโกน (Shwezigon Pagoda) เมืองพุกาม

    [​IMG]

    หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า เจดีย์ชเวซีโกน, เจดีย์ชเวสิกอง เป็นเจดีย์ใหญ่ สวยงาม ศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศพม่า เป็นที่เคารพนับถือของทั้งชาวพม่าและชาวไทย ตั้งอยู่ที่เมืองพุกาม โดยชื่อ “ชเวซีโกน” มีหมายความว่า “เจดีย์ทองแห่งชัยชนะ” สร้างโดย พระเจ้าอโนรธามังช่อ แต่แล้วเสร็จในรัชกาลพระเจ้าจานสิตาแห่งอาณาจักรพุกาม ราว 960 ปีก่อน

    ภายในเจดีย์เชื่อว่าบรรจุพระเขี้ยวแก้วและพระสารีริกธาตุ โดยอัญเชิญมาจากลังกา บนหลังช้างเผือก พระเจ้าอโนรธามังช่อได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้าช้างเผือกคุกเข่าลงที่ใด จะสร้างเจดีย์ไว้ที่นั่น

    ความอัศจรรย์ ๙ ประการของพระมหาธาตุชเวซีโกน

    1. ยอดพระเจดีย์ไม่มีการใช้เหล็กเสริม
    2. กระดาษห่อแผ่นทองคำเปลวที่นำไปปิดส่วนยอดพระเจดีย์ จะไม่ปลิวพ้นฐานสี่เหลี่ยมของพระเจดีย์
    3. เงาพระเจดีย์จะไม่ล้ำออกนอกฐานสี่เหลี่ยมของพระเจดีย์ (ถ้าเงาล้ำออกไป ถือว่าเป็นลางร้าย)
    4. ภายในเขตองค์พระเจดีย์ สามารถรองรับผู้แสวงบุญได้ไม่จำกัดจำนวน (ไม่เคยเต็ม)
    5. มีการให้ทานด้วยข้าวสุกร้อน ๆ ทุกเช้า (ไม่ว่าเราจะตื่นเช้าสักเพียงใด จะพบข้าวสุกในบาตรอยู่ก่อนหน้าเราเสมอ)
    6. เมื่อตีกลองใบใหญ่จากด้านหนึ่งของพระเจดีย์ จะไม่สามารถได้ยินเสียงกลองจากด้านตรงข้าม
    7. แม้พระเจดีย์จะตั้งอยู่บนพื่นราบ แต่เมื่อมองจากภายนอก จะเกิดภาพลวงตาคล้ายพระเจดีย์ตั้งอยู่บนที่สูง
    8. ไม่ว่าฝนจะตกหนักเพียงใด จะไม่มีน้ำฝนขังอยู่ในอาณาเขตขององค์พระเจดีย์
    9. มีต้นพิกุล ซึ่งจะออกดอกตลอดทั้งปี (ปรกติจะออกปีละครั้ง)
     
  5. Osue

    Osue เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +199
    ร่วมกิจกรรมเล่นเกมส์ แจกตะกรุดโทนนะโมตาบอดตำรับวัดพระปรางค์

    มหาเจดีย์บรมพุทโธ

    borobudur-aerial-view.jpg
    บุโรพุทโธ ( Borobudur ) บุโรพุทโธ หรือ บูโรบูดูร์ หรือ ที่ชาวชวาเขียนว่าบาราบูดูร์ (Barabudur) เป็นภาษาสันสกฤต โดยคำว่า Bara มาจากคำว่า Biara มีความหมายถึงวิหาร (Vihara) หรือวัด ส่วนคำว่า Budur มีความหมายว่า ภูเขาสูงเมื่อรวมกันจึงหมายถึง วิหารที่สร้างขึ้นบนภูเขาสูง

    บุโรพุทโธคือสถาปัตยกรรมที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของศาสนาพุทธลัทธิมหานยานที่มีชื่อเสียงมากกว่าเป็นพุทธศาสนาที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของโลก กษัตริย์แห่งราชวงศ์ไศเลนทราแห่งชวาเป็นผู้กำหนดให้ก่อสร้างขึ้น ด้วยแรงศรัทธาที่มีต่อพระพุทธเจ้า บุโรพุทโธจึงเป็นศูนย์รวมใจชาวพุทธในชวารวมทั้งชาวเอเชียในซีกโลกตะวันออก และนับเป็นสถาปัตยกรรมที่เชิดหน้าชูตาอินโดนีเซียมากที่สุดมาทุกยุคทุกสมัย

    บุโรพุทโธตั้งอยู่ในชวาภาคกลาง ห่างจากเมืองย็อกยาหรือย็อกยาการ์ตาไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 40 กิโลเมตรเศษ เป็นสิ่งก่อสร้างที่ทำด้วยหินแอนดีไซต์ (Andesite) ซึ่งเป็นหินภูเขาไฟขนาดใหญ่มหึมา บุโรพุทโธตั้งอยู่บนเนินดินธรรมชาติที่อยู่สูงกว่าระดับพื้นดินประมาณ 15 เมตร รูปทรงภายนอกเป็นรูปทรงดอกบัวอันเป็นสัญลักษณ์ชองพุทธศาสนา ดอกบัวขนาดมหึมานี้ลอยอยู่ในบึงใหญ่ ตามหลักฐานในประวัติศาสตร์ โบราณสถานแห่งนี้และบริเวณรอบๆ เป็นที่ลุ่มและถูกล้อมรอบด้วยน้ำที่ท่วมมาจากแม่น้ำโปรโก (Progo River) ทำให้เจดีย์โบราณบุโรพุทโธเป็นเสมือนดอกบัวลอยอยู่ในน้ำ

    ลักษณะทางสถาปัตยกรรม ของบุโรพุทโธแสดงออกถึงความเป็นอัจฉริยะสูงสุดทางศิลปะสมัยไศเลนทรา ที่ต่างไปจากโบราณสถานทุกแห่งในชวา ประวัติการก่อสร้างมีอยู่ว่า ในปี ค.ศ. 732 กษัตริย์ชวาราชวงศ์สัญชัย (Sanjaya) ซึ่งนับถือศาสนาพราหมณ์ (ฮินดู) ที่มาจากอินเดียในยุคนั้น ราชวงศ์ไศเลนทรานับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน จึงก่อสร้างโบสถ์ วิหาร และเจดีย์ไว้หลายแห่ง ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือเจดีย์บุโรพุทโธซึ่งกษัตริย์วิษณุแห่งราชวงศ์ไศเลนทราทรงเริ่มสร้างขึ่นในปี ค.ศ. 775 จนกระทั่งมาเสร็จสมบูรณ์ในสมัยของกษัตริย์อินทราเมื่อปี ค.ศ. 847 ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 70 ปีเศษ

    ความมหัศจรรย์ของบุโรพุทโธเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ด้วยรูปแบบและรายละเอียดของศิลปะจากความคิดของช่างในสมัยนั้นโดยสร้างตามแบบศิลปะฮินดู-ชวา หรือ ศิลปะชวาภาคกลาง ที่ผสมผสานศิลปะระหว่างอินเดียกับอินโดนีเซียเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน สร้างขึ้นก่อนปราสาทนครวัดของกัมพูชาประมาณ 300 ปี ทำเลที่ตั้งเป็นเนินเขากว้างใหญ่ จำลองมาจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งแม่น้ำคงคาและแม่น้ำยมุนาไหลมาบรรจบกันเช่นที่ประเทศอินเดีย ต้นกำเนิดแห่งศาสนาพุทธบริเวณที่มีแม่น้ำ 2 สายไหลผ่าน นั่นก็คือแม่น้ำโปรโกและแม่น้ำอีโล

    บุโรพุทโธมีลักษณะเด่นทางสถาปัตยกรรมคือ เป็นสถูปตั้งอยู่บนพีระมิดทรงขั้นบันได มีความสูงกว่า 42 เมตรจากฐานชั้นล่าง บุโรพุทโธมีทั้งหมด 10 ชั้น ซึ่งแต่ละชั้นจะมีภาพสลักนูนต่ำแสดงคติธรรมทางพุทธศาสนาด้วยทัศนคติเกี่ยวกับจักรวาลตามพุทธศาสนาและการเข้าสู่นิพพาน 6 ชั้นนับจากฐานเป็นลักษณะสี่เหลี่ยมแบบย่อมุม คล้ายพีระมิดขั้นบันไดชั้นที่ 7 เป็นฐานวงกลมขนาดใหญ่ ขึ้นไปอีก 3 ชั้น ประดับเจดีย์ทรงระฆังโปร่งฉลุลายเป็นรูปสี่แหลี่ยมข้าวหลามตัด ครอบองค์พระพุทธรูปองค์เล็กข้างใน ส่วนนี้ มีความเชื่อกันว่าหากยื่นมือไปจนถึงและสัมผัสพระพุทธรูปภายในได้พร้อมอธิษฐานแล้วจะสมหวังและโชคดี เจดีย์เหล่านี้มีจำนวน 72 องค์ เรียงเป็นแนวล้อมรอบสถูปของชั้นที่ 10 ซึ่งมีลักษณะเป็นฐานวงกลมใหญ่ของเจดีย์องค์ประธานสูง 150 ฟุต เดิมเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปอยู่ข้างใน แต่ปัจจุบันว่างเปล่า
    บุโรพุทโธเปรียบเสมือนศูนย์กลางของจักรวาล แบ่งได้เป็น 3 ชั้น คือ ส่วนฐานของเจดีย์เป็นขั้นบันไดใหญ่ 4 ขั้น โดยรอบเป็นรูปสี่เหลี่ยมกำแพงรอบฐานมีภาพสลักนูนต่ำราว 160 ภาพอยู่ในส่วนกามาฐานหรือขั้นที่มนุษย์ยังผูกพันอย่างใกล้ชิดกับความสุขทางโลกและถูกครอบงำด้วยกิเลสตัณหา ส่วนที่ 2 คือส่วนบนของฐานที่มีขั้นบันไดรูปกลม ฐาน 6 ขั้นที่มีรูปสลักนูนต่ำเกือบ 1,400 ภาพ ที่แสดงพุทธประวัติ ถือเป็นขั้นรูปธาตุ หรือ ขั้นที่มนุษย์หลุดพ้นจากกิเลส ทางโลกมาได้บางส่วน และส่วนที่ 3 คือส่วนของฐานกลมที่มีเจดีย์เล็กๆ 3 ชั้นล้อมรอบสถูปองค์ใหญ่ที่สุด หมายถึงจักรวาล คือ ขั้นอธูปธาตุ ที่มนุษย์ไม่ผูกพันกับทางโลกอีกต่อไป ในชั้นอธูปธาตุนี้สร้างเป็นฐานระเบียงวงกลม 3 ชั้นมีเจดีย์ทรงระฆังโปร่งฉลุลายเป็นช่องสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดเรียงรายโดยรอบ ชั้นบนสุดเป็นฐานวงกลมใหญ่ของเจดีย์องค์ประธาน ตั้งอยู่กึ่งกลางของสถูป ด้วยลักษณะของเขาพระสุเมรุมาตามปรัชญาทางศาสนาที่ว่าพื้นฐานเจดีย์คือ โลกมนุษย์ที่ยังเต็มไปด้วยกิเลสตัณหา ส่วนยอดสูงสุดคือ ชั้นสรวงสวรรค์หรือนิพพานในคติความเชื่อของศานาพุทธ


    บุโรพุทโธถูกทิ้งร้างเป็นป่ารกมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 และประสบกับภัยธรรมชาติคือแผ่นดินไหว จนจมอยู่ใต้เถ้าถ่านของภูเขาไฟซึ่งระเบิดอย่างต่อเนื่อง กระทั่งศตวรรษที่ 20 ยังเกิดน้ำท่วมซ้ำจากเหตุการณ์ฝนตกต่อเนื่องจนจมอยู่ในน้ำลึกถึง 3 เมตร เป็นเหตุให้ดินภูเขาไฟที่ครอบสถูปบุโรพุทโธอยู่ชื้นแฉะจนทรุดตัว ทำให้โบราณสถานแห่งนี้ทรุดตัวตามไปด้วย กระทั้งสแตมฟอร์ด แรฟเฟิลส์ ผู้ถูกส่งมาประจำการเป็นผู้สำเร็จราชการของอังกฤษเพื่อปกครองอาณานิคมชวาในช่วงนั้น ได้เห็นความสำคัญของบุโรพุทโธจึงเริ่มบูรณะขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1855 และสามารถเริ่มเปิดให้ผู้คนทั่วโลกเข้ามาเยี่ยมชม ต่อมาอินโดนีเซียได้ขอความช่วยเหลือจากองค์การยูเนสโกในการบูรณะอย่างละเอียดอีกหลายครั้ง เพื่อที่จะแก้ปัญหาโครงสร้างที่เป็นโพรงเพราะภูเขาดินภายในทรุดถล่มจากสาเหตุอุทกภัย การบูรณะแล้วเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1983 ด้วยงบประมาณ 25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
    ในบริเวณบุโรพุทโธมีพิพิธภัณฑ์เก็บข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การก่อสร้างและความเป็นมาเมื่อองค์การยูเนสโกของสหประชาชาติเข้าไปช่วยบำรุงรักษาบุโรพุทโธไว้เพื่อไม่ให้ล่มสลายไปกับกาลเวลา รวมทั้งภัยที่เกิดจากน้ำท่วมขังเนื่องจากการก่อสร้างบุโรพุทโธเดิมไม่มีการวางระบบระบายน้ำที่ดีพอ ทำให้พุทธสถานแห่งนี้ทรุดลงเรื่อยๆ ยูเนสโก้เข้าไปจัดการทำช่องทางระบายน้ำและเสริมฐานเจดีย์ให้แข็งแรงมั่นคงขึ้นนอกจากพิพิธภัณฑ์นี้แล้ว ยังมีรถไฟเล็กบริการพาชมบริเวณรอบๆ บุโรพุทโธทุกๆ 10 นาที ค่ารถไฟคนละ 1,000 รูเปียห์ คงเป็นการดีหากมีโอกาสไปเยือนพุทธศาสนาสถานแห่งนี้ในวันวิสาชบูชา เพราะจะมีพระสงฆ์และนักแสวงบุญทั่วสารทิศมาแสวงบุญโดยการเดินทักษิณาวัตรตั้งแต่ประตูใหญ่ด้านทิศตะวันออกซึ่งกว่าจะถึงยอดก็รวมระยะทางทั้งสิ้นราว 5 กิโลเมตรนับเป็นภาพที่งดงามจับตามากสำหรับศาสนิกชนชาวไทย

    บรมพุทโธได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัย สามัญครั้งที่ 15 ภายใต้ชื่อ "กลุ่มวัดบรมพุทโธ" เมื่อปี พ.ศ. 2534 ที่
    เมืองคาร์เทจ ประเทศตูนิเซีย ด้วยข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณา ดังนี้
    - เป็นตัวแทนในการแสดงผลงานชิ้นเอกที่จัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันชาญฉลาด ของมนุษย์
    - เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลยิ่ง ผลักดันให้เกิดการพัฒนาสืบต่อมาในด้านการออกแบบทางสถาปัตยกรรม อนุสรณ์สถาน ประติมากรรม สวน และภูมิทัศน์ ตลอดจนการพัฒนาศิลปกรรมที่เกี่ยวข้อง หรือการพัฒนาการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ซึ่งได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง หรือบนพื้นที่ใดๆ ของโลกซึ่งทรงไว้ซึ่งวัฒนธรรม

    - เป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้างอันเป็นตัวแทนของการพัฒนา ทางด้านวัฒนธรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
     
  6. naiburit

    naiburit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    740
    ค่าพลัง:
    +578
    พระธาตุศรีสองรัก
    เป็นโบราณสถานที่สำคัญของจังหวัดเลย และถือเป็นสัญลักษณ์และตราประจำจังหวัด ตั้งอยู่ที่อำเภอด่านซ้าย ริมฝั่งแม่น้ำหมัน หรือห่างจากตัวจังหวัด 83 กิโลเมตร อยู่ในบริเวณวัดพระธาตุศรีสองรัก เป็นวัดที่ไม่มีพระภิกษุพำนักอยู่

    p-srisongrak3.jpg

    มีรูปทรงลักษณะศิลปกรรมแบบล้านช้าง องค์พระธาตุสูง 19.19 เมตร ฐานกว้างด้านละ 10.89 เมตร ฐานเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ย่อมุมไม้สิบสอง องค์ระฆังทรง บัวเหลี่ยม คล้ายพระธาตุพนม พระธาตุหลวง (เวียงจันทน์) พระธาตุศรีโคตรบอง (แขวงคำม่วน) และอีกมากมายแถบลุ่มน้ำโขง

    พระธาตุศรีสองรัก สร้างขึ้นถวายเป็นอุเทสิกเจดีย์ (หมายถึงเจดีย์สร้างขึ้นโดยเจตนาอุทิศให้พระศาสนา โดยไม่กำหนดว่าต้องเก็บรักษาสิ่งใด) สร้างขึ้นสมัยกรุงศรีอยุธยา พ.ศ. 2103 เสร็จในปี พ.ศ.2106 พระธาตุศรีสองรักสร้างขึ้นเพื่อเป็นสักขีพยานในการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และร่วมกันต่อสู่กับพม่า ระหว่างกรุงศรีอยุธยา (สมัยพระมหาจักรพรรดิ) และกรุงศรีสัตนาคนหุต (เวียงจันทน์) สมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ตามตำนานกล่าวว่าพระธาตุศรีสองรัก ได้สร้างขึ้น ณ ที่กึ่งกลางระหว่างลำน้ำโขงกับแม่น้ำน่าน บนโคกไม้ติดกัน

    p-srisongrak2.jpg

    นอกจากนี้ภายในวัดยังมีพระพุทธรูปปางนาคปรกศิลปะธิเบตด้วย ทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ชาวด่านซ้ายหรือ ลูกผึ้งลูกเทียน จะร่วมกันจัดงานสมโภชพระธาตุศรีสองรักขึ้นโดยจะนำต้นผึ้ง (ประดิษฐ์จากโครงไม้ไผ่เป็นทรงหอปราสาทขนาดกว้าง 2 ฟุต สูง 2 ฟุตเศษ กรุรอบด้วยลวดลายงานแทงหยวกจากนั้นประดับด้วย ดอกผึ้ง ซึ่งทำจากแผ่นเทียนกลมๆ บางๆ ตากแดดแล้วจับเป็นกลีบ

    p-srisongrak4.jpg

    ต้นผึ้ง ดอกผึ้งที่ประดิษฐ์ขึ้น นำมาถวายพระธาตุศรีสองรัก

    ตรงกลางติดดอกบานไม่รู้โรย หรือขมิ้นหั่นเล็ก ๆ ต่างเกสรดอกไม้สีสดใส) เทียนเวียนหัว (เทียนแท่งที่ฟั่นยาวพอคาดได้รอบศีรษะ) มาถวายองค์พระธาตุถือเป็นประเพณีอันศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคมจะมีการจัดงานนมัสการพระธาตุศรีสองรักขึ้นทุกปี

    ภายในพระธาตุศรีสองรัก ปูพื้นด้วยกระเบื้อง ห้ามใส่รองเท้าขึ้นด้านบน

    ประวัติและความเป็นมา สมเด็จพระศรีนรินทราบรมราชชนนี ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงสักการะพระธาตุศรีสองรัก ต.ด่านซ้าย อ.ด่ายซ้าย จ.เลย ณ วันอังคารที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2514 เวลา 15.30


    การเดินทาง จากตัวเมืองไปตามทางหลวงหมายเลข 203 เส้นเลย-ภูเรือ แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 2013 อีก 15 กิโลเมตร ถึงอำเภอด่านซ้ายจากนั้นแยกขวาเข้าเส้นทาง 2113 อีก 1 กิโลเมตร

    ข้อปฏิบัติเกี่ยวกับองค์พระธาตุศรีสองรัก คือ ไม่ควรนำสิ่งของหรือดอกไม้สีแดงขึ้นบูชา ไม่ควรแต่งกายด้วยชุดสีแดงขึ้นไปนมัสการ เพราะองค์พระธาตุสร้างขึ้นเพื่อสัจจะและไมตรี สีแดงเป็นสัญลักษณ์ของเลือดและความรุนแรง ไม่ควรกางร่ม สวมหมวกและสวมรองเท้าขึ้นไปบนพระธาตุ ไม่ควรนำเด็กต่ำกว่า 3 ปีขึ้นไปนมัสการ (หมายเหตุ : ก่อนท่านจะทำหรือประกอบพิธีใด ๆ ที่เกี่ยวกับองค์พระธาตุขอให้ปรึกษาเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าองค์พระธาตุก่อน)

    การเข้าชม

    เวลาทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 – 18.00 น.
    ช่วงเวลาเที่ยว : ตลอดทั้งปี

    ที่ตั้ง – ติดต่อพระธาตุศรีสองรัก

    ที่อยู่ :
    บ้านหัวนายูง ตำบลด่านซ้าย อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย


    ที่มา http://www.emagtravel.com/archive/pratat-srisongrak.html
     
  7. PALA 5

    PALA 5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    293
    ค่าพลัง:
    +822
    อนุสรณ์สถานบูรพาจารย์เจดีย์ วัดป่าสาละวัน

    2010_11_05_130157_ygfl6uj5.jpg
    DSC05198.jpg

    ตั้งอยู่ภายในวัดป่าสาละวัน อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เป็นเจดีย์แห่งพระกัมมัฏฐาน ยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และอัฐิธาตุบูรพาจารย์ของหลวงพ่อพุธ ฐานิโย
    ภายในมีรูปแหมือน หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงพ่อพุธ ฐานิโย หลวงปู่เสาร์ กนตสีโล หลวงปู่สิงห์ ขนตยาคโม และพระอาจารย์พร พระอริยสงฆ์ของประเทศ
    เป็นอนุสรณ์สถานที่สร้างถวายครูบาอาจารย์ เป็นถาวรวัตถุทางพุทธศาสนาที่จะทำให้ระลึกถึง หลวงพ่อพุธ ฐานิโย พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทางวิปัสสนากิมมัฏฐาน
    เป็นปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์ และเป็นสิริมงคลของเมืองนครราชสีมาอีกแห่งหนึ่ง

    DSC02578.jpg

    [​IMG]

    DSC02582.jpg
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ก็ปิดกิจกรรมนะครับ

    สำหรับทุกท่านที่ร่วมเล่นเกมส์กันรอบนี้ก็ใช้กติกาเดิม โอนค่าส่ง100 บาท ตามบัญชีค่าจัดส่งหน้าแรก เสร็จแล้วpm แจ้งที่อยู่ไว้เลย กำหนดโอนภายในวันจันทร์นะครับ ผมจะได้จัดส่งให้เสร็จในวันอังคารต่อไป
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,530
    อรุณสวัสดฺ์ครับ

    พอดีเมื่อคืนก็มีโทรแจ้งเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องเหรียญหล่อมหากลับวัฏฏะหรือองค์พระสยมที่ช่วยผู้บูชาให้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุแบบปาฏิหาริย์ ฟังแล้วก็ชื่นใจแทนอย่างน้อยก็ไม่มีอะไรเสียหายร้ายแรง

    วันนี้สำหรับคนที่ร่วมกิจกรรมก็โอนไว้แล้ว Pm แจ้งกันมาให้ครบนะครับแล้วพรุ่งนี้จะส่งของให้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2017
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,530
    วันนี้ติดตามเรื่องพูดคุยกันนะ ห้ามพลาด;)
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,530
    แจ้งการส่ง EMS
    พี่วันชัย ET 5618 7859 0 TH

    พี่นวรัตน์ ET 5618 7860 9 TH

    พี่สุรวุฒิ ET 5618 7861 2 TH

    พี่บุญชนะ ET 5618 7862 6 TH

    พี่การัณยภาส ET 5618 7863 0 TH
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,530
    เมื่อตะเคียน ...จะตกน้ำมัน
    ก็เป็นเรื่องที่ถามกันเข้ามาเยอะเกี่ยวกับเครื่องมงคลที่พ่ออาจารย์ท่านสร้างจากไม้ตะเคียน ซึ่งเราบอกไปแต่แรกแล้วว่ายากที่จะได้ เพราะวิธีที่ท่านได้ไม้มานั้นไม่ธรรมดา ไม่ใช่ไปเลื่อยไปตัดเอาตะเคียนที่ไหนก็ได้ ใครที่ติดตามอ่านตอนก่อนๆจะรู้ว่ายากอย่างไร

    ไหนๆก็พูดถึงเรื่องนางตะเคียนแล้ววันนี้ก็จะยกเหตุการณ์ต่างๆมาเล่าหน่อย พูดตรงๆว่าผมก็ชอบนะอยากได้หลายๆแบบ แต่ว่าเอาตรงๆเลยท่านก็ทำให้เพียงองค์เดียวเท่านั้นแถมเฉพาะเจาะจงต้องเป็นองค์พระ
    คเณศเสียอีกตามโฉลกของผม

    ก็เป็นเรื่องน่าแปลกหลายๆอย่างเอามาเล่าสู่กันฟังแบบประสบการณ์ตรงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง องค์แม่ตะเคียนนี้ผมก็เชื่อนะว่าเฮี้ยนจริงๆแสดงฤทธิ์ได้จริง เกริ่นก่อนว่าพ่ออาจารย์ท่านบอกไว้ว่าไม่ตะเคียนที่ท่านพลีมาแกะองค์พระ
    คเณศให้ผมนี้
    เป็นตะเคียนใต้น้ำ จมลึกอยู่ในแม่น้ำท่าจีนซึ่งท่านไปพลีมา(แม่น้ำท่าจีนท่านลงไปเอาได้อย่างไร)แค่นี้ก็สะดุ้งแล้ว

    ผมยังจำได้ตอนนำมาบูชา เพราะองค์พระที่ท่านแกะนั้นเนื้อไม้แห้งอย่างมาก แห้งชนิดที่ว่าเรียกว่าแห้งผากเลยก็ว่าได้เพราะท่านไม่ได้ฉีดแลคเกอร์พ่นอะไรทับเหมือนเวลาท่านแกะไม้ช่อฟ้า ท่านให้มาแบบแห้งๆเลย พร้อมกับสำทับย้ำเดี๋ยวนั้นว่า เขาจะตกน้ำมัน


    พอได้มาเรายังคิดปรามาสไว้ ว่าไม้แห้งชนิดที่ว่าไม่มีน้ำแบบนี้จะเอาอะไรมาตกน้ำมันได้ แต่ยอมรับว่าองค์พระที่พ่ออาจารย์ท่านแกะนั้นดูแล้วเรารัก พระ
    คเณศองค์นี้น่ารักจิ้มลิ้มมาก เราก็เลยเอามาบูชาติดเตียงทีเดียว เวลามองท่านรู้สึกสงบและอารมณ์ดี

    ในช่วงที่บูชาอยู่นั้นก็เจอแต่สิ่งดีๆเรื่องลาภลอยและอะไรหลายๆอย่าง บางอย่างเอาได้บางอย่างเอาไม่ได้ก็หลายครั้ง แต่มันก็คือลาภที่เราปฏิเสธไม่ได้ ซึ่งเรื่องไม่จบเพียงเท่านั้นความเฮี้ยนของแม่ตะเคียนนี้ไม่ได้แสดงออกเพียงปรากฏการณ์ทางนามธรรมเฉยๆอย่างเดียว แต่เค้าแสดงออกทางรูปธรรมด้วย

    เริ่มจากองค์พระเริ่มฉ่ำๆขึ้นและก็ฉ่ำขึ้น ฉ่ำขึ้นมากเรื่อยๆจนในวันโกนวันพระจะตกน้ำมัน แบบจับแล้วมีน้ำมันบางๆติดมือเลย จากเนื้อไม้ที่แห้งผากสีน้ำตาลอ่อนๆกลับมาเป็นเข้มดำและตกน้ำมันไวเหลือเชื่อสมกับคำพ่ออาจาารย์ท่านซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าท่านรู้ล่วงหน้าได้อย่างไร

    หากความเฮี้ยนหรืออาถรรพ์จะจำกัดอยู่เฉพาะการตกน้ำมันและปรากฏการณ์ทางโชคลาภอันน่าแปลกประหลาดหลายๆครั้ง หลายๆสิ่งที่เราพูดบอกกับองค์เทพพระ
    คเณศและนางตะเคียนนั้นมักจะสำเร็จไวดังปากเหมือนมีคนจัดการบริการแบบรวดเร็วให้เรา ยิ่งบางทีเพื่อนพาผู้หญิงมาเจอกลายเป็นเค้าติดเราชอบเราง่ายๆ หรืออะไรหลายๆอย่างที่แปลกๆแสดงออกมาจนน่าประหลาดใจ แต่ทุกครั้งถ้ามีผู้หญิงมาเกี่ยวข้องแล้วได้ดีทุกครั้งบางทีก็เล่าลึกหรือพูดหมดไม่สะดวก ซึ่งแน่นอนว่าหากมีเฉพาะเรื่องเหล่านี้ ชีวิตย่อมเป็นปกติสุข

    แต่ความเฮี้ยนของแม่นางตะเคียนนั้น เขาไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ เพราะเขาจัดเต็มให้ผมทุกรูปแบบ เรียกว่าเป็นนางตะเคียนที่ขี้เล่นน่าดู ทั้งกลิ่นหอมแบบไทยโบราณ ลอยมาเตะจมูก หมาหอนก็มีเป็นพักๆ นั่งอยู่ในห้องซึ่งเป็นห้องปิดลมก็พัดวูบไปวูบมา หลังๆเค้าอยากให้รู้ว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียวนะ เค้าก็จัดเต็มให้เลย ทั้งๆที่เรานั่งอยู่คนเดียวในห้องกลางวันแสกๆและเป็นเช่นนี้หลายวันติดกัน ทั้งมีเสียงเตียงโยกในเวลาที่เรานั่งบนเก้าอี้ มีเสียงเดินย่ำอยู่บนเตียงตุบ ตุบ ตุบ ในขณะที่เรานั่งมองบนเก้าอี้ ลูกบิดประตูห้องเปิดปิดเองได้จนบางทีเค้าก็เปิดแล้วลืมปิดเราต้องเดินไปปิดก็หลายครั้ง เรียกว่าเจอจนหายประหลาดใจ เจอชนิดที่ว่านั่งมองอยู่นี่แหละเค้าก็ทำให้เราเห็นทั้งเสียงเตียงบ้าง เดินผ่านเราไปๆมาๆเป็นลมวูบๆบ้าง ย่ำเตียงเราจนเดียงเป็นรอยยุบลงไปดังตุบๆๆหลายรอยเหมือนคนเดินบ้าง ที่สำคัญเลยเวลาใครมานอนห้อง ไม่มีนอนได้ซักคน เค้าบอกว่าทั้งเตียงสั่นทั้งๆที่ตื่นมาก็เห็นเราหลับสนิท เขาว่าสั่นไม่ธรรมดาสั่นเป็นจังหวะเป็นช่วงๆพอจะหลับก็สั่นใหม่ แล้วก็อีกสารพัดเรื่องซึ่งเอาตรงๆผมก็จำไม่ค่อยจะได้ครบแล้วเพราะเจอจนเป็นปกติไปแล้ว

    ตรงนี้เอาจริงๆเลยหลายๆคนอาจจะหลอน แต่กับคนที่บูชานางตะเคียน บูชาเสด็จพี่ไปไม่เฉพาะผมนะ ที่ถามกับคนอื่นๆด้วยซึ่งมีโอกาศได้บูชาไปทุกคนตอบคล้ายกันว่าไม่กลัว มีแต่ความรู้สึกอบอุ่นเสียด้วยซ้ำ ถึงขนาดบางคนพูดว่าก็ในเมื่ออยู่ด้วยกันแล้วถ้าไม่ออกมาให้เห็นเลยจะเรียกว่าอยู่กันได้อย่างไร ยิ่งตัวผมนี่ไม่มีความรู้สึกกลัวเลย ปกติผมก็กลัวนะผีถ้ามาแรงๆแบบสัมผัสแรงอาฆาตความพยาบาทได้เป็นใครมันก็ต้องกลัวทั้งนั้น แต่นี้มาแบบแกล้ง มาหยอก มาเล่น กลัวเราจะเหงา เหมือนเป็นการทักทายว่าตอนนี้เรามีเพื่อนร่วมห้องนะ จะทำอะไรก็ต้องเกรงใจเค้าบ้าง ซึ่งเอาตรงๆแล้วเค้าแสดงออกแบบจัดเต็มทุกอย่าง ยกเว้นอย่างนึงของผมคือไม่เคยปรากฏตัวให้เราได้เห็นเลย จนเราตัดพ้ออยู่หลายครั้ง ว่าถ้าจะทำขนาดนี้ก็ออกมานั่งคุยกันดีกว่า หรือมาเข้าฝันให้เห็นหน้าตากันบ้าง

    ผมคิดว่าที่ผมไม่รู้สึกกลัวนั้นเพราะเราเป็นคน ซึ่งทุกคนมีความรู้สึก เอาง่ายๆเลยเวลามีคนคิดร้ายกับเรา หมามันมองจะกัดเรา เรายังรู้เลย เรามีสัญชาติญาณรู้ว่าอะไรมาร้ายมาดี และจากความรู้สึกที่สัมผัสได้แต่แรกทั้งพลังและทุกสิ่งทุกอย่างที่เค้าเปล่งออกมา มีแต่ความปรารถนาดีความอบอุ่นสัมผัสได้ถึงแรงและพลังงานศักดิ์สิทธิ์ล้วนๆไม่มีแรงอาฆาตอะไรผสมเลย ตรงนี้จึงไม่ทำให้เรากลัว

    เมื่อได้เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้พ่ออาจารย์ท่านฟังท่านว่า เห็นรึยัง นางตะเคียนเค้าอยากสร้างบารมี แต่เอาจริงๆแล้วตะเคียนต้นนี้ไม่ได้มีเฉพาะนางตะเคียนสิงอยู่หรอกนะ หากแต่มีชีปะขาวอยู่ด้วย เรียกว่ามีสององค์เลยที่ทำหน้าที่เทพารักษ์อยู่ในต้นเดียว เราก็ถึงบางอ้อว่าทำไมถึงเฮี้ยนขนาดนั้น แต่นี่แหละของแรงๆ เฮี้ยนมาเถอะ ถ้าจะเฮี้ยนแล้วปรารถนาดีช่วยเรา เกื้อกูลเรา แสดงออกให้เราเห็น ถ้าเฮี้ยนอย่างนี้เฮี้ยนมาเลยจะเฮี้ยนกว่านี้เราก็เต็มใจจะรับ

    อันนี้ก็เอามาเล่าให้ฟังกัน ว่าเออจิตวิญญาณเทพารักษ์ที่ท่านติดมากับไม้เหล่านี้เขามีอยู่จริงๆ ยิ่งพ่ออาจารย์ท่านคัดสรรค์เลือกเฟ้นแสวงหาและพลีมาด้วยแล้ว มั่นใจได้เลยว่าดีเกินร้อยแน่นอน เสียดายว่าไม่เคยถ่ายรูปไว้ว่าก่อนจะตกน้ำมันนั้นสีเป็นอย่างไร แต่พอจะบอกได้ว่าแห้งกว่าองค์แม่ตะเคียนองค์บูชาของพ่ออาจารย์ที่เคยถ่ายรูปให้ชมกันก็แล้วกัน


    ขอบารมีแม่นางตะเคียนให้โชคลาภกับทุกท่านนะครับ ขอให้สำเร็จ สำเร็จ รวย รวย สมปรารถนากันทุกคน


    SAM_5367.jpg SAM_5368.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2017
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,530
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    วันนี้ก็จะจัดส่งตะกรุดนะโมตาบอดที่ร่วมกิจกรรมให้นะ ;)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 สิงหาคม 2017
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,530
    แจ้งการส่ง EMS
    พี่วันชัย ET 5618 8082 3 TH

    พี่กฤษฏ์กุญช์ ET 5618 8083 7 TH

    พี่ฉลองชัย ET 5618 8084 5 TH

    พี่วิชัย ET 5618 8085 4 TH

    พี่ฐิตกาญจน์ ET 5618 8086 8 TH

    พี่อนุสรณ์ ET 5618 8087 1 TH

    พี่ธเนศพล ET 5618 8088 5 TH

    พี่ธีรนนท์ ET 5618 8089 9 TH

    พี่พรหมพงษ์ ET 5618 8090 8 TH

    พี่สุรวุฒิ ET 5618 8091 1 TH

    พี่สายเมธี ET 5618 8092 5 TH

    พี่ประเสริญ ET 5618 8093 9 TH

    พี่วิทวัส ET 5618 8094 2 TH

    พี่นฐมน ET 5618 8095 6 TH

    พี่วีระชาติ ET 5618 8096 0 TH

    พี่ศิระ ET 5618 8097 3 TH

    พี่ธีรพจน์ ET 5618 8098 7 TH

    พี่เกษมธิดา ET 5618 8099 5 TH

    พี่ปริญญารัตน์ ET 5618 8100 7 TH

    * ตะกรุดที่พ่ออาจารย์ท่านให้ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ค่อนข้างจะดอกใหญ่กว่าที่เคยแจกๆไปนะครับ ใช้บูชาคาดเอวได้ ห้อยคอก็ได้
     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ก็มีฝากสอบถามกันมาหลายอย่างเกี่ยวกับแม่ตะเคียน จะค่อยๆนำมาทยอยตอบกันนะครับ ติดตามๆ;)
     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,530
    พรุ่งนี้ติดตามเรื่องพูดคุยกันนะครับรอบเช้า
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,530
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    ตั้งแต่ลงรูปแม่ตะเคียนลงไป ก็มีหลายๆท่านถามเข้ามาถึงเครื่องมงคลที่พ่ออาจารย์ท่านทำว่ามีมั๊ยแบบเป็นตะเคียนอาถรรพ์แกะ หรือแม้กระทั่งชมว่าแม่ตะเคียนนี่สวยจัง บางคนก็บอกว่าพออ่านกระทู้แล้วเค้าไปเข้าฝัน บางคนก็บอกว่ามีผู้หญิงใส่สไบมาขออยู่ด้วย แต่หนักหน่อยคือเซฟรูปองค์แม่ตะเคียนเอาไว้เพ่งเอาไปปริ๊นมาอธิษฐานขอพระเลย เขาว่าพออธิษฐานนี่กลิ่นนี่มาเลยเป็นกลิ่นหอมเย็นๆแบบโบราณ เมื่อวานเขาว่าขายของดีมาก ยอดขายทั้งปีไม่ว่าวันไหนๆก็สู้วันที่ได้ขอพรแม่ตะเคียนไม่ได้ ก็ว่ากันเฉพาะรูปภาพยังขนาดนี้ นี่แหละหากมีศรัทธาอย่างจริงใจแล้ว อะไรก็เกิดขึ้นได้ไม่ใช่เรื่องยากเลย

    สำหรับหลายคนที่รอแม่ตะเคียนอันนี้ก็ไม่น่าจะผิดหวัง เพราะสอบถามท่านแล้ว แต่ขอเตือนว่าให้ติดตามดีๆ เนื่องจากว่าถ้าออกมาคงจะมีคนพลาดกันเยอะแน่ๆ ยิ่งแม่ตะเคียนของพ่ออาจารย์ท่านนั้นเป็นวิชาน้ำมันด้วย อย่างที่รู้กันว่าวิชาน้ำมันของท่านนั้นทำยากและท่านไม่ค่อยทำ ท่านว่าน้ำมันนี้ให้เอามาเจิมตัวเองเป็นสิริมงคลยิ่งนัก จะพลิกกลับชีวิตส่งผลทางเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์อย่างดีเลิศ แม้นำไปป้ายอย่างอื่น จะป้ายสิ่งใด ป้ายให้เป็นอย่างไรก็ย่อมเป็นอย่างนั้น ด้วยบารมีของแม่ตะเคียน ใช้ไปเรื่อยๆอย่าให้หมดเหลือเชื้อเอาไว้นิดหน่อยหาน้ำมันจันทร์มาเติมแล้วอธิษฐานขอบารมีแม่ตะเคียนเสกน้ำมัน ท่านว่ามีฤทธิ์เท่าเดิม ใช้หมดก็เติมใหม่ไม่เสื่อมฤทธิ์ หากรู้จักเติมจะใช้ให้เป็นกัปเป็นกัลป์ก็ได้

    ใครที่ชอบสายน้ำมัน ซึ่งไม่เป็นอันตรายและสามารถนำมาใช้งานได้จริง ก็ต้องติดตามนะครับ เพราะมีไม่บ่อยจริงๆที่พ่ออาจารย์ท่านจะออกน้ำมัน และน้ำมันที่นำมาเจิมมาใช้มาดีดมาป้ายได้ด้วย ถือว่าเป็นครั้งแรกก็ว่าได้
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,530
    ต่อเรื่องแม่ตะเคียนก่อน

    เห็นมีสายโทรเข้ามาตอนสิบโมงเราก็กดโทรกลับไป เป็นผู้หญิงบอกว่าชอบสิ่งศักดิ์สิทธิ์แนวนี้เพราะท่านให้โชคง่าย เมื่อคืนก็นั่งจ้องแต่รูปแม่ตะเคียนของพ่ออาจารย์ท่านที่เราลงไว้ พี่เขาว่าเค้าฝันเห็นแม่ตะเคียนเดินออกจากเทวรูปไม้แกะที่เค้าจ้อง เป็นหญิงสาวสวยแต่พอเดินเข้ามาถึงเค้าก็กลายเป็นหญิงชราไป สีผิวของเขาเหมือนกับสีเนื้อไม้เลยออกทองบางๆ

    พี่เค้าว่าแม่ตะเคียนใจดีมาก มาให้เลขเขาสองตัวแล้วก็บอกว่าพอถูกให้ตักบาตรด้วย ก็โทรมาเล่าให้เราฟัง เราจะขอหวยเค้าต่อก็ไม่ยอมบอก เค้าว่าบอกไม่ได้ ก็คเป็นโชคของใครของมันนะครับ แต่แม่ตะเคียนของพ่ออาจารย์ท่านเฮี้ยนแน่นอน

    * อย่างที่ผมบอกแต่แรกว่าเป็นภาพที่สมควรจดจำ จำให้แม่นให้ขึ้นตา จะได้ขอพรท่านได้สะดวก
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,530
    จะฝากคำถามอะไรก็ PM กันไว้เลยนะ
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,111
    ค่าพลัง:
    +16,530
    พรุ่งนี้ติดตามกันนะครับ ห้ามพลาดๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...